11 พฤษภาคม 2567, 22:08:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 37 38 [39] 40 41 ... 44   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: สัพเพเหระ กับ RCU 15  (อ่าน 303417 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #950 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2554, 22:38:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2554, 19:19:23

โอ! เวนิสตะวันออก
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2554, 20:41:42
อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2554, 19:19:23

โอ! เวนิสตะวันออก

ยามนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าเวนิสตะวันตกมากมายนัก....
เมือง COLMAR FRANCE อยู่ติดชายแดน GERMANY
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #951 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:32:43 »

    ขำๆ เรื่องแยกแยะจระเข้ กับ เหี้ย (แยกแยะได้ซะที!)


    ช่วงนี้ข่าว จระเข้หลุดหลายตัว เรามีวิธีแยกแยะ ระหว่าง
" จระเข้ กับ เหี้ย " มาฝาก เด๋วจะสับสน

    1. จระเข้จะโผล่ขึ้นมาเฉพาะส่วนที่เป็นจมูก เพื่อหายใจที่ผิวน้ำ   ส่วนเหี้ย จะยืมจมูกคนอื่นหายใจ แถมเอาดีเข้าตัว
    2. จระเข้ จะกินใต้น้ำ     ส่วนเหี้ยจะกินใต้โต๊ะ
    3. จระเข้จะนิ่ง ดุดัน     ส่วนเหี้ย จะปลิ้นปล้อน ชอบหาเรื่องคนอื่น
    4. จระเข้ ไม่มีลิ้น     ส่วนเหี้ย มีลิ้นไว้เลียหัวหน้าฝูง
    5. จระเข้ นานๆแดกที     ส่วนเหี้ย แดกทุกวัน แดกกันเป็นฝูง แดกแม้แต่ ของบริจาค
    6. จระเข้ กลัวความผิดเห็นคนแล้วรีบหนี  ส่วนเหี้ย หน้าด้าน ทำผิดแล้วยังเสนอหน้า
    7. จระเข้ มองไม่เห็นสี       ส่วนเหี้ย ชอบแบ่งสี
    8. จระเข้ อยู่บริเวณน้ำนิ่งๆที่รกๆ         ส่วนเหี้ย อยู่ใกล้ๆ " นคร................นายก "

    หวังว่าพี่น้องคงจะแยกแยะระหว่าง " จระเข้กับเหี้ย " ได้ถูกต้องนะ

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #952 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:46:34 »

 งง งง งง งง งง งง เค้าว่าช่วงนี้ประชากรจระเข้เยอะแยะไปหมด ...
ปุจฉา... ประชากรจระเข้ กะ 'ตัวเหมือน' ของมัน ใครมีมากกว่ากัน
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #953 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 21:02:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2554, 20:46:34
งง งง งง งง งง งง เค้าว่าช่วงนี้ประชากรจระเข้เยอะแยะไปหมด ...
ปุจฉา... ประชากรจระเข้ กะ 'ตัวเหมือน' ของมัน ใครมีมากกว่ากัน
ขอเดานะครับ...ตัวเหมือน มากกว่าคับ.....ติ๊กๆๆๆๆ...ลุ้น
รอน้องแหลมมาตอบอีกคน...
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #954 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 21:05:07 »


มีโรคบ้าๆอีก 1โรคที่ยังไม่ได้นำเสนอ

น้ำท่วมป(ล)อด ( คลิก ไฟล์ ข้างล่างนี้ เพื่อดูภาพประกอบ)
 http://mblog.manager.co.th/uploads/2449/images/flood-02.jpg
เป็นอาการเกิดจากความดัน(ทุรัง)โลหิตสูงเกินปกติ ทำให้มักจะแสดงอารมณ์แบบสุดโต่ง ตัดสินใจผิดพลาด แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง (ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ) ยามใดมั่นอกมั่นใจก็ออกมาแสดงท่าทีขึงขัง โชว์พาวฯ เต็มที่ ประกาศกร้าว แต่พอผลออกมาแป้กก็ทำลอยหน้าลอยตา เหมือนไม่ได้ทำอะไรไว้ วันดีคืนดีก็ทำหน้าตาตื่นออกมาตะโกนโหวกเหวกให้ชาวบ้านขวัญผวา แต่จริงๆ ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเด็กเลี้ยงแกะในนิทาน หลังๆ ชาวบ้านรู้ทัน เลยไม่ให้ค่าอะไรต่อไปอีก ผู้ที่รู้สึกว่าเกิดอาการนี้ขึ้นกับตัวเอง ควรจะอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ต้องเสนอหน้าออกมาให้ความเห็นอะไรอีกแล้ว เพราะมันไร้ค่า พูดไปก็เหมือนไม่พูดเพราะไม่มีใครสนใจฟังแล้ว ถ้ายังขืนทู่ซี้ต่อไป จะเกิดอาการเสียเซลฟ์จนพูดไม่ออก กลายเป็นโรคน้ำท่วมปากไปในที่สุด
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #955 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 21:35:17 »

ที่เห็นๆมันท่วมถึง 'เอว' 'คอ' หรือมิดหัว
แต่นี่ท่วมป (ล)อด ก็แสดงว่าท่วมนานมั๊กๆ
จนเข้าสู่อวัยวะภายในได้ มิน่า ...
อาการจึงเป็นอย่างที่พี่ตะวันบอก อย่างงี้นี่เอง!
 เหนื่อย เหนื่อย
 
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #956 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 23:52:37 »


สงสารพี่ปอดอ่ะ...
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #957 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 11:18:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2554, 21:02:17
อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2554, 20:46:34
งง งง งง งง งง งง เค้าว่าช่วงนี้ประชากรจระเข้เยอะแยะไปหมด ...
ปุจฉา... ประชากรจระเข้ กะ 'ตัวเหมือน' ของมัน ใครมีมากกว่ากัน
ขอเดานะครับ...ตัวเหมือน มากกว่าคับ.....ติ๊กๆๆๆๆ...ลุ้น
รอน้องแหลมมาตอบอีกคน...

ขอตอบแบบใช้ความรู้สึก ไม่อ้างอิงข้อมูลนะครับ.. พี่ตะวัน,พี่ทราย

ผมว่า... ตัวเหมือนมีมากกว่า

ได้ยินคนเรียก เหี้..ย บ่อยกว่ามากกว่า จรเข้ เยอะเลยครับ...

      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #958 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 12:42:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2554, 11:18:43
อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2554, 21:02:17
อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2554, 20:46:34
งง งง งง งง งง งง เค้าว่าช่วงนี้ประชากรจระเข้เยอะแยะไปหมด ...
ปุจฉา... ประชากรจระเข้ กะ 'ตัวเหมือน' ของมัน ใครมีมากกว่ากัน
ขอเดานะครับ...ตัวเหมือน มากกว่าคับ.....ติ๊กๆๆๆๆ...ลุ้น
รอน้องแหลมมาตอบอีกคน...
ขอตอบแบบใช้ความรู้สึก ไม่อ้างอิงข้อมูลนะครับ.. พี่ตะวัน,พี่ทราย
ผมว่า... ตัวเหมือนมีมากกว่า
ได้ยินคนเรียก เหี้..ย บ่อยกว่ามากกว่า จรเข้ เยอะเลยครับ...


ตอบจากความรู้สึก แต่ก็สมเหตุสมผลน่ะน้องแหลม
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #959 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2554, 10:56:28 »

ขอให้เพื่อนๆ ลองอ่านดูเล่นๆ ขำขัน

เราลองมาเปรียบเทียบกับระดับน้ำที่ท่วมกับการกระโดดยางกันดีกว่า

30-50 ซม. = อี เข่า

50-80 ซม. = อี เอว

80-100 ซม. = อี อก

100ซม.= อี ห่า อพยพเร็ว

200 ซม.ขึ้นไป = อี หอกไหนบอก"เอาอยู่"
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #960 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 21:43:56 »


เอ... อี... ไอ... โอ... ยู
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #961 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:16:14 »

ตอนนี้ไกล้วันพ่อ เลยหาเรื่องดีๆเกี่ยวกับพ่อแม่ มาให้อ่านกัน

บทความนี้อ่านจบแล้วจะเห็น"คุณค่าของพ่อแม่"มากครับ

    มีบทความดีๆมาให้อ่านก่อนนอนครับ อ่านให้จบรับรองได้ข้อคิดหลายอย่างเลย
    "ต้นแอปเปิ้ลกับเด็กน้อย"

    นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา
    เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า
    "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
    "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ
    "ฉันไม่มีเงินจะให้ ........เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ
    เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุขหลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย ต้นไม้ดูเศร้า..........วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก
    "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
    "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม"
    "ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ ........เอาไปสร้างบ้าน"
    ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า........ วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก
    "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
    "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม"
    "ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข" ต้นไม้ตอบ
    ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลยหลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก
    "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ........ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีก
    แล้ว"
    "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ
    "ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย"
    "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว"
    "รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้ ................... มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน .......หลับให้สบาย........."
    เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม.......และน้ำตาไหล............นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่... เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้ายแต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร?
    ........ แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ ....... เด็กน้อย ......................Huh?
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #962 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2554, 10:57:16 »

มีโครงการดีๆ มาบอกเล่า เพื่อนๆ

www.youtube.com/watch?v=my6vXUdixtA

กล้า...ดี" หรือในอีกชืื่อหนึ่ง คือ "โครงการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ประสบอุทกภัยอย่างยั่งยืน" เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ด้วยการน้อมนำหลักการทรงงาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และ "ระเบิดจากข้างใน" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการ "ช่วยเขาให้เขาช่วยตัวเขาเอง" ไปบรรเทาและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในปีพ.ศ.2554 ซึ่งนับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของประเทศไทย

"กล้า...ดี" สื่อถึงกล้าพันธุ์ดี 9 ต้น หรือชุด "พร้อมปลูก" ที่มูลนิธิฯ มอบให้ผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย พริกขี้หนู มะเขือเปราะ มะเขือยาว และกะเพราหรือโหระพา นอกจากชุด "พร้อมปลูก" มูลนิธิฯ ยังสนับสนุนชุด "พร้อมกิน" ได้แก่ พริกแห้ง กระเทียม และเกลือ รวมถึง "พร้อมเพาะ" หรือเมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาว ฟักทอง ผักบุ้ง กวางตุ้ง และชะอมหรือกล้วยน้ำว้า รวมเรียกว่าชุด "3 พร้อม" เพื่อช่วยลดรายจ่ายด้านการบริโภคของผู้ประสบอุทกภัย

นอกจากการลดรายจ่าย มูลนิธิฯ ยังสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชระยะสั้นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของ­ผู้ประสบอุทกภัยด้วย

"กล้า...ดี" คือต้นกล้าที่ดี แข็งแรง เติบโตได้ ไม่ใช่ต้นไม้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงคนด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากการบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว มูลนิธิฯ ยังหวังที่จะส่งเสริมให้ผู้ประสบอุทกภัยโดยเฉพาะเกษตรกร สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเกิดการรวมกลุ่มเพื่อเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและมีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิต­ของตนเองในอนาคต

หากคุณสนใจเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สามารถติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน ตลอดจนช่องทางที่คุณสามารถมีส่วนร่วมได้จาก www.facebook.com/kladee2011 หรือ www.maefahluang.org/kladee











      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #963 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2554, 12:58:02 »



โฆษณาน่ารัก‏

 http://www.youtube.com/watch?v=R55e-uHQna0&feature=share
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #964 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2554, 13:33:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2554, 10:56:28
ขอให้เพื่อนๆ ลองอ่านดูเล่นๆ ขำขัน

เราลองมาเปรียบเทียบกับระดับน้ำที่ท่วมกับการกระโดดยางกันดีกว่า

30-50 ซม. = อี เข่า

50-80 ซม. = อี เอว

80-100 ซม. = อี อก

100ซม.= อี ห่า อพยพเร็ว

200 ซม.ขึ้นไป = อี หอกไหนบอก"เอาอยู่"
นั่นสินะ
 จากคนถูกหลอกด้วย อีกคนจ้า
จะเรียกร้องการถูกหลอกอย่างไรดีนะ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #965 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2554, 13:34:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 16 ธันวาคม 2554, 10:57:16
มีโครงการดีๆ มาบอกเล่า เพื่อนๆ

www.youtube.com/watch?v=my6vXUdixtA

กล้า...ดี" หรือในอีกชืื่อหนึ่ง คือ "โครงการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ประสบอุทกภัยอย่างยั่งยืน" เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ด้วยการน้อมนำหลักการทรงงาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และ "ระเบิดจากข้างใน" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการ "ช่วยเขาให้เขาช่วยตัวเขาเอง" ไปบรรเทาและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในปีพ.ศ.2554 ซึ่งนับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของประเทศไทย

"กล้า...ดี" สื่อถึงกล้าพันธุ์ดี 9 ต้น หรือชุด "พร้อมปลูก" ที่มูลนิธิฯ มอบให้ผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย พริกขี้หนู มะเขือเปราะ มะเขือยาว และกะเพราหรือโหระพา นอกจากชุด "พร้อมปลูก" มูลนิธิฯ ยังสนับสนุนชุด "พร้อมกิน" ได้แก่ พริกแห้ง กระเทียม และเกลือ รวมถึง "พร้อมเพาะ" หรือเมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาว ฟักทอง ผักบุ้ง กวางตุ้ง และชะอมหรือกล้วยน้ำว้า รวมเรียกว่าชุด "3 พร้อม" เพื่อช่วยลดรายจ่ายด้านการบริโภคของผู้ประสบอุทกภัย

นอกจากการลดรายจ่าย มูลนิธิฯ ยังสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชระยะสั้นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของ­ผู้ประสบอุทกภัยด้วย

"กล้า...ดี" คือต้นกล้าที่ดี แข็งแรง เติบโตได้ ไม่ใช่ต้นไม้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงคนด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากการบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว มูลนิธิฯ ยังหวังที่จะส่งเสริมให้ผู้ประสบอุทกภัยโดยเฉพาะเกษตรกร สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเกิดการรวมกลุ่มเพื่อเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและมีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิต­ของตนเองในอนาคต

หากคุณสนใจเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สามารถติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน ตลอดจนช่องทางที่คุณสามารถมีส่วนร่วมได้จาก www.facebook.com/kladee2011 หรือ www.maefahluang.org/kladee












มีโครงการดีๆ มาเล่าให้ฟัง
 เผื่อเพื่อนๆ ได้ร่วมโครงการบ้าง อย่างนี้ ดีนะ  ตะวัน
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #966 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2554, 22:22:31 »

 รักนะMerry Christmas and may God's grace be with พี่ๆ2515ทุกท่าน
Make merry not just on this wonderful holiday but all through the year
....

      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #967 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2554, 09:59:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 25 ธันวาคม 2554, 22:22:31
รักนะMerry Christmas and may God's grace be with พี่ๆ2515ทุกท่าน
Make merry not just on this wonderful holiday but all through the year
....


ขอบคุณมากครับคุณน้อง ขอให้มีความสุขมากๆสุขภาพแข็งแรง มั่งมีศรีสุข นะครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #968 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2554, 10:06:35 »

กิ่วแม่ปาน ป่าเมฆในม่านหมอก

โดย : ชุติมา ซุ้นเจริญ



   

  “อรุณรุ่งประกาศชัยเหนือเทือกเขาทะมึน ลำแสงสาดส่องไล้ทุ่งโล่ง ณ เบื้องล่าง”บางบรรทัดของเสกสรร ประเสริฐกุล
 คือคำบรรยายภาพที่ฉันมองเห็นเวลานี้


 หลังผ่านการเดินเท้ากว่าหนึ่งชั่วโมงในผืนป่าที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ปลายเทือกหิมาลัยที่ได้รับการกล่าวขาน ผ่านความเงียบของป่าทึบ ความสดชื่นของธารน้ำ ความเบิกบานของทุ่งหญ้า...


 ที่แห่งนี้คือ จุดชมทิวทัศน์อันงดงามไร้ที่ติ ภาพของทิวเขาซ่อนตัวอยู่หลังเมฆหมอก ก่อนจะค่อยๆ เผยตัวรับไออุ่นจากแสงตะวัน เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ระหว่างทางเดินศึกษาธรรมชาติ  ‘กิ่วแม่ปาน’ ที่บรรยายอย่างไรก็ไม่เท่ากับการมาเห็นด้วยตาตัวเอง


-1-


 ใครบางคนว่าไว้ “ยิ่งสูง...ยิ่งหนาว” แต่ไม่ใช่ความหนาวเย็นหรอกที่ส่งเทียบเชิญให้เดินทางมาถึงที่นี่...อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กลางเดือนธันวาคม ที่อุณหภูมิใกล้รุ่งลดลงจนแตะ 0 องศา


 เป็นเพราะความคิดถึงต่างหากที่เตือนให้กลับมายังป่าเมฆแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อย้อนรอยเส้นทางกิ่วแม่ปานที่เคยตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ คราวนี้ฉันเลือกสัมผัสบรรยากาศอันแปลกต่างของอรุณรุ่งดูบ้าง


 ที่เก่า...เวลาใหม่ เราได้ไกด์กิตติมศักดิ์ กุล ปัญญาวงศ์ ผู้จัดการมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ผู้ช่ำชองและเชี่ยวชาญทั้งเส้นทางและการเล่าเรื่อง


 เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้มีความยาว 2.78 กิโลเมตร อยู่ก่อนถึงจุดสูงสุดแดนสยาม หรือยอดดอยอินทนนท์ ด้านหน้าทางเข้าเป็นลานจอดรถและจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ในช่วงหน้าหนาวจะเห็นกองทัพนักท่องเที่ยวมารอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด แต่ส่วนมากไม่ได้มีความจำนงที่จะออกแรง ทางนี้จึงยังเก็บความรื่นรมย์ไว้ให้กับคนที่อยากชื่นชมธรรมชาติได้พอสมควร


 หลังปลดเปลื้องสัมภาระรกรุงรัง ให้เหลือเพียงข้าวของสำคัญและน้ำดื่มขวดเล็กๆ การเดินทางก็เริ่มต้นพร้อมคำอธิบายถึงความสำคัญของการชมนกชมไม้


“กิ่วแม่ปานเป็นเส้นทางที่มีความหลากหลายและนับว่าดีที่สุดในเมืองไทย เพราะจะทำให้เข้าใจว่าดอยอินทนนท์มีความสำคัญอย่างไร เข้าใจเรื่องต้นน้ำลำธาร เข้าใจความสำคัญของป่าที่อยู่ตรงนี้ และเป็นที่มาของการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งมูลนิธิฯได้สำรวจร่วมกับนักวิชาการเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง nature tail กำหนดว่าจุดไหนที่เป็นลักษณะเด่นของเส้นทางนี้ เพื่อให้คนได้หยุดและดู มีทั้งหมด 21 จุดตั้งแต่ต้นจนจบ”


 แม้ทางเดินจะไม่ได้ยุ่งยากวกวน แต่ทางอุทยานฯ ก็กำหนดให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเป็นคนนำทาง โดยติดต่อได้ที่อาคารหน้าทางเข้า ซึ่งมีบอร์ดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับป่าต้นน้ำและการเตรียมตัวในการใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ



 กายพร้อม ใจพร้อม ข้อมูลพร้อม...เราเริ่มออกเดินกันตั้งแต่เช้าตรู่ คนที่เคยมาแล้วเร่งฝีเท้านำหน้าไปก่อน ส่วนคนที่มาใหม่เดินตามหลังห่างๆ เพราะมัวแต่แวะถ่ายภาพมุมนั้นมุมนี้ ก่อนจะมาพร้อมกันที่ป้ายสื่อความหมาย 'เฟินยุคโบราณ' ที่บรรยายถึงความพิเศษของเฟินที่อยู่บนโลกมานานถึง 230 ล้านปี


 “แสงแดดรำไรกลางสายหมอก เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของเฟินใบบางที่สุด ...ช่วงแล้งอากาศแห้งจะพักตัวชั่วคราว ใบเหี่ยว แต่ไม่ตาย พร้อมฟื้นคืนความเขียวอีกครั้งเมื่อได้ละอองหมอก”


 ป้ายเหล่านี้ถูกวางไว้เป็นระยะ คอยเล่าเรื่องอันน่ามหัศจรรย์ของระบบนิเวศน์ เช่น ป่าต้นน้ำกำเนิดสายธาร พรรณพืชไม้ป่าเมฆ ป่าซ่อมป่า เถาวัลย์...


 ยิ่งลึกเข้าไป ก็ยิ่งเห็นภาพของการอิงอาศัยระหว่างไม้ใหญ่ที่ยืดตัวสูงรับแสงแดด กับไม้เล็กๆ ที่อยู่ด้านล่าง โดยเฉพาะพรมสีเขียวที่ห่อหุ้มลำต้นไว้อย่างมิดชิดอย่าง มอส เฟิน จนได้รับสมญาว่า “ต้นไม้ใส่เสื้อ”


 ความน่าทึ่งของป่าเมฆคือการเอาตัวรอดจากสภาพอากาศที่หนาว ชื้น และลมแรง เป็นบทเรียนเล็กๆ จากธรรมชาติที่ต้องพินิจพิจารณา เช่นเดียวกับย่างก้าวที่ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไป ที่ต้องระมัดระวังทุกลมหายใจ


 แม้จะเป็นทางเดินที่ไม่ได้ยากลำบาก แต่ด้วยระดับความสูงจากน้ำทะเล 2,200 เมตร อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น ดังนั้นจึงมีคำเตือนสำหรับคนเป็นโรคความดันสูงและโรคหัวใจ


 ทว่า กับคนปกติแล้ว ข้อจำกัดนี้แก้ไขได้ง่ายๆ เพียงเดินให้ช้าลง และเก็บรายละเอียดระหว่างทางให้มากขึ้น

-2-


 ในฤดูหนาว แม้สีของใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่ดอกไม้บางชนิดก็เริ่มผลิบานอวดสีสัน ทั้งกล้วยไม้ป่าที่ต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อชื่นชม ดอกไม้ประดับดินที่เพียงค้อมศีรษะก็จะมองเห็น


 ก้มๆ เงยๆ เหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกที เสียง “โอ้...ว้าว” ของฝรั่งหนุ่มสาวที่เดินล่วงหน้ามาก่อน ก็เรียกร้องให้เร่งฝีเท้าไปพบกับภาพที่หลายคนไม่คาดว่าจะได้เห็นบนความสูงระดับนี้


 ทุ่งหญ้า โล่ง กว้าง เปลี่ยนอารมณ์เคร่งขรึมของป่าชื้นมาสู่ความสดใสมีชีวิตชีวาในเสี้ยวนาทีนั้น เป็นเซอร์ไพรส์ที่หากไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงต้องร้อง “โอ้ มายก็อด” หลายๆ ครั้งเหมือนกัน


 พี่กุล ให้คำจำกัดความธรรมชาติที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าว่า ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์


 “ทุ่งหญ้าอัลไพน์ในเมืองนอกจะไม่มีไม้พุ่มเลย แต่ที่บ้านเรามีไม้พุ่มเป็นหย่อมๆ เลยเรียก เซมิอัลไพน์ เมื่อก่อนเชื่อกันว่าทุ่งโล่งนี้เกิดจากการทำไร่ฝิ่น แต่เมื่อถามชาวบ้านพวกเขาบอกว่าตรงนี้ไม่เคยมีประวัติการทำไร่ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เพราะด้านหน้าเป็นหุบ โดนลมตลอด ตรงนี้ร้อนจัด หนาวจัด  ลมแรง ก็เลยเกิดลักษณะพิเศษอย่างที่เห็น”


 จากจุดนี้ ทางเดินทอดยาวไปตามไหล่เขา เสื้อผ้าสีฉูดฉาดของนักท่องเที่ยวเหมือนคาราวานที่เคลื่อนไปช้าๆ เป็นอีกครั้งที่ไม่มีเสียงใดตั้งคำถามถึงจุดสิ้นสุด


 ไม่นานเราก็มาหยุดตรงจุดชมทิวทัศน์ในมุมมอง 360 องศา มีระเบียงไม้ยื่นออกไปเพื่อชื่นชมความงามเบื้องหน้าได้อย่างเต็มตา แผนที่ถูกวางในระนาบเดียวกันบอกชื่อของภูเขาและโตรกผาที่มองเห็น


 เมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก ฉันตกหลุมรักท้องฟ้าสีฟ้าจัดของยามบ่ายที่โอบกอดขุนเขาและทุ่งกว้าง ครั้งนี้แม้ดวงอาทิตย์จะไม่อาจพ้นจากการอำพรางของเมฆหมอก แต่ในความพร่าเลือนนั้น บางคนเปรียบเปรยว่า...นี่คือสวรรค์บนดินที่ไม่ต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้า


 ถ้าเป็นไปได้ ใครต่อใครคงอยากให้โลกหมุนช้าลง หรือไม่ก็เก็บหมอกไปเป็นของฝาก แต่ในความเป็นจริง เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล และยังมีอะไรให้ชื่นชมอีกมาก


 ที่ไม่ควรละสายตาคือ ผาแง่มน้อย แท่งหินแกรนิตคู่ที่ตั้งตระหง่านผ่านร้อนหนาวมาหลายร้อยล้านปี หลักฐานทางธรณีวิทยาที่ธรรมชาติได้เก็บรักษาไว้อย่างดี จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกิ่วแม่ปาน


 “ผาแง่ม เป็นร่องรอยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก เมื่อผิวโลกยกตัวขึ้นเป็นภูสูง และมีปรากฏการณ์ตรงข้ามอีกครั้งเป็นการผุพัง กัดกร่อน ผลคือ หินแง่มน้อยมีเนื้อหินแข็งกว่า มีรอยแตกน้อยกว่าจึงคงทนและอยู่มาถึงทุกวันนี้”


 ทุกคนนิ่งฟัง เหมือนไว้อาลัยให้กับผาดึกดำบรรพ์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปบนทางเดินที่วางตัวตามแนวไหล่เขา อาจน่าหวาดเสียวสำหรับคนกลัวความสูง แต่ถูกใจคนที่ชอบ(ถูก)ถ่ายรูปเป็นที่สุด พี่กุล รีบบอกกฎ กติกา มารยาท ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป


 “ตลอดสองข้างทางที่เดิน บางทีอาจจะดูเป็นต้นไม้ธรรมดา ต้นหญ้าธรรมดาๆ จริงๆ แล้วต้นไม้ทุกชนิดข้างทางเป็นต้นไม้เฉพาะถิ่นที่มีที่นี่เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราออกนอกเส้นทาง ไปถ่ายรูป เราก็อาจจะไปเหยียบย่ำพืชเฉพาะถิ่นที่เป็นพืชหายาก”


 ไม่เพียงพืชเฉพาะถิ่น แต่กิ่วแม่ปานยังมีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่าง กวางผา (ม้าเทวดา) นกพันธุ์หายากอย่าง นกกินปลีหางยาวเขียว ซึ่งหากต้องการเห็นตัวเป็นๆ ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ไม่ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย
 “นั่น! กุหลาบพันปี”  ใครบางคนแทบจะตะโกนออกมา หากไม่ได้ฟังคำเตือนก่อน


 คนที่เหลือมองไปตามทิศทางของปลายนิ้ว ดอกสีแดงเข้มบนต้นที่สูงจากพื้นดิน 2-3 เมตร เพียงดอกเดียวเท่านั้นก็เพียงพอให้สมหวัง


 แม้จะไม่ได้สวยสะพรั่งแบบกุหลาบบัลแกเรีย แต่ราชินีแห่งอินทนนท์ก็ขึ้นชื่อเรื่องการปรับตัว เพราะไม่เพียงต้องยืนต้นในสภาพหนาวเย็น ลมแรง บางปียังมีไฟป่ามาทดสอบความแข็งแกร่งอีกด้วย
 
-3-


 หากประเมินจากระยะเวลา ดูเหมือนเราจะเลยครึ่งทางมาแล้ว แดดเริ่มแรงจนต้องถอดเสื้อคลุมตัวหนาออกมาผูกไว้กับเอว


 “ป่าที่นี่ ฤดูไหนสวยที่สุด” เสียงสนทนาเริ่มต้นอีกครั้ง


 “ถ้าในความรู้สึกของตัวเอง ช่วงสวยที่สุดคือหน้าฝนที่อุทยานปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ช่วงนั้นป่าจะเขียว แต่ถ้าสวยในสายตานักท่องเที่ยว คือช่วงหมดฝนใหม่ๆ เริ่มเข้าหน้าหนาว จะมีทั้งความเขียว มีดอกไม้ ส่วนหน้าหนาวก็จะได้ในเรื่องของอากาศ ฟ้าเปิด สวย แล้วก็มีกุหลาบพันปี ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์” พี่กุล ตอบตามประสาคนที่เดินมาแล้วทุกฤดูกาล ทุกสภาพอากาศ


 ระหว่างการสนทนา ฉันเห็นหนุ่มม้งและปกาเกอะญอทำหน้าที่มัคคุเทศก์อย่างคล่องแคล่ว ไถ่ถามจึงได้ความว่าอุทยานต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในดูแลป่า เลยอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่จะมาเดินเส้นทางกิ่วแม่ปาน ต้องมีคนนำทาง วิธีนี้นอกจากจะควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวออกนอกลู่นอกทางไปทำลายธรรมชาติ ยังช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วย


 "ก่อนจะเปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวเข้าชม มัคคุเทศก์พวกนี้จะมาช่วยกันเคลียร์เส้นทาง เอาไม้ล้มและสิ่งกีดขวางที่อาจเป็นอันตรายออกไป"


 สำหรับคนในเมือง เรื่องแบบนี้อาจยกให้เป็น 'จิตอาสา' แต่กับคนที่นี่ มันคือความรู้สึกผูกพันและรับผิดชอบกับผืนป่าแห่งนี้


 ในที่สุดทางลัดเลาะสันเขาก็พาเราเข้าสู่ป่าร่มรื่นอีกครั้ง เหมือนเป็นบทส่งท้าย ป้ายสื่อความหมายบอกเล่าความแตกต่างของ "ป่าสองรุ่น" ที่ไม่ควรแค่พบแล้วเลยผ่าน


 "ป่าเก่าแก่สมบูรณ์จะพบไม้หลากชนิด ชั้นอายุและความสูงใหญ่ไม่เท่ากัน อยู่ปะปนคละกัน มีกล้วยไม้ มอส เฟิน และเถาวัลย์เกาะเกี่ยว ..ป่า (รุ่นใหม่) แห่งนี้ จะมีต้นไม้ไม่กี่ชนิด ขนาดและความสูงเกือบเท่ากัน เป็นรหัสบอกว่าในอดีตเคยโค่นล้มจากพายุ แล้วมีต้นไม้รุ่นใหม่เกิดขึ้นพร้อมกัน"


 ดูเหมือนธรรมชาติจะกำหนดวัฏจักรแห่งชีวิตไว้แล้ว เมื่อชีวิตหนึ่งดับอีกชีวิตก็ถือกำเนิด หากมนุษย์ไม่เข้าไปแทรกแซง วงจรนี้ก็จะรักษาความสมดุลในตัวของมันเอง


 แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เพื่อให้เส้นทางนี้เป็นห้องเรียนธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอยู่เสมอ สิ่งที่ท่องเที่ยวไม่ควรละเลยจึงเป็นการเตรียมความพร้อมและศึกษากฎระเบียบ เพื่อให้การเดินไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง คือการ "เรียนรู้" ไม่ใช่ "ทำลาย" และที่ต้องใส่ดอกจันกำกับไว้ก็คือ ต้องเปิดใจรับรู้ทุกย่างก้าว เปิดตามองสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เงี่ยหูฟังเสียงป่าท่ามกลางความเงียบสงัด


 เพื่อจะมาถึงบทสรุปสุดท้ายในป้ายสื่อความหมายที่ 21 “...สรรพสิ่งนี้แม้มนุษย์ไม่อาจสร้าง แต่ร่วมกันรักษาได้”


 ..........


 รอยทางของนักเดินเท้า ณ กิ่วแม่ปาน สิ้นสุดลงแล้ว แต่ภาพทิวเขาในม่านหมอกวันนั้นยังเตือนให้คิดถึงประโยคหนึ่งในหนังสือ “บุตรธิดาแห่งดวงดาว” ของเสกสรร ประเสริฐกุล


 “อรุณรุ่งประกาศชัยเหนือเทือกเขาทะมึน ลำแสงสาดส่องไล้ทุ่งโล่ง ณ เบื้องล่าง แผ่วเพลงเอกภพเยือนเยี่ยมไม้ทุกใบผ่านสายลม” 


 “เธอจะไม่ได้เห็นภาพนี้ หากมิได้อยู่ตรงนั้น เวลานั้น”

……………….

การเดินทาง


 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง สันป่าตอง และแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ จากกรุงเทพฯ สามารถเลือกใช้บริการรถทัวร์ รถไฟ และเครื่องบินมาที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือถ้าขับรถมาเอง เมื่อถึงเชียงใหม่แล้วแนะนำเส้นทางถนนสายเชียงใหม่-ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ผ่านอำเภอ หางดงและอำเภอสันป่าตอง ไปยังอำเภอจอมทอง ก่อนถึงอำเภอจอมทองประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามถนนสายจอมทอง- อินทนนท์ (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009) จะเริ่มเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่กิโลเมตรที่ 8 (น้ำตกแม่กลาง) และตัดขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์เป็นระยะทางทั้งหมด 49.8 กม.


 สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดินประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #969 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2554, 15:41:22 »

หนาวอย่างนี้
เหมาะกับการเที่ยว ป่า และขึ้นเหนือ เนาะ
 เดิน3  ก.ม. สบายไหวค่ะ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #970 เมื่อ: 07 มกราคม 2555, 21:38:40 »



ไปล่องเรือ ชม ใบไม้แดงกัน ดีมั๊ย...?? เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #971 เมื่อ: 07 มกราคม 2555, 22:27:13 »

มา ครับ แต่ไม่เอาสี ล่องเรือ ชมใบไม้ เฉย ๆ     .......ได้ มะ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #972 เมื่อ: 07 มกราคม 2555, 23:40:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 22:27:13
มา ครับ แต่ไม่เอาสี ล่องเรือ ชมใบไม้ เฉย ๆ     .......ได้ มะ
ใบไม้เฉยๆ..ไม่รู้จักอ่ะ..เพื่อน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #973 เมื่อ: 07 มกราคม 2555, 23:50:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 23:40:44
อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 22:27:13
มา ครับ แต่ไม่เอาสี ล่องเรือ ชมใบไม้ เฉย ๆ     .......ได้ มะ
ใบไม้เฉยๆ..ไม่รู้จักอ่ะ..เพื่อน
อ้าว........ ลมไม่พัด มันก็เฉยไง..... ใบมั่นคง คือ ใบไม่แกว่ง gek gek เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #974 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 00:13:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 23:50:37
อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 23:40:44
อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 07 มกราคม 2555, 22:27:13
มา ครับ แต่ไม่เอาสี ล่องเรือ ชมใบไม้ เฉย ๆ     .......ได้ มะ
ใบไม้เฉยๆ..ไม่รู้จักอ่ะ..เพื่อน
อ้าว........ ลมไม่พัด มันก็เฉยไง..... ใบมั่นคง คือ ใบไม่แกว่ง gek gek เหอๆๆ

 เหอๆๆ  เหอๆๆ  เหอๆๆ

รู้จักแต่...ใบขับขี่ & จ่าเฉย อ่ะครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 37 38 [39] 40 41 ... 44   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><