15 พฤษภาคม 2567, 09:01:41
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: นำร่อง 'อุเทน-ปทุมวัน'โมเดลสางปัญหานักเรียน-นักเลง  (อ่าน 9473 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 20 มกราคม 2554, 11:41:48 »


                                โดยเวบเดลินิวส์ วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2554
                    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=560&contentID=116274

                        นำร่อง 'อุเทน-ปทุมวัน'โมเดลสางปัญหานักเรียน-นักเลง

         ปัญหานักเรียนนักศึกษาต่างสถาบัน ยกพวกห้ำหั่นทำร้ายกันที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทย ยิ่งนานวันปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเริ่มมีการนำทั้งอาวุธปืน บางครั้งก็เป็นระเบิดพกมาใช้ในการก่อเหตุ ในช่วงหลัง ๆ หลายครั้งก็ทำให้ประชาชนทั่วไปถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นเสียชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน ปัจจุบันปัญหานี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นทางสถาบัน ตำรวจ รวมไปถึงผู้ปกครองต้องร่วมมือกันเร่งหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

         อย่างไรก็ดีทางทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ มีโอกาสได้ติดต่อสัมภาษณ์แนวคิดการแก้ปัญหาเรื่องนี้จาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. เจ้าของฉายา “เดอะกิ๊ก” โดยมี นายแซม คาโร่ (Film maker documentaries) จากสำนักข่าว CAPA Presse TV ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์และสารคดีข่าวอาชญา   กรรม ประเทศฝรั่งเศส ได้ให้ความสนใจในเรื่องการแก้ปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาทในเมืองไทย เดินทางมาร่วมเกาะติดทำข่าว   ด้วยเช่นกัน

        พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งมีองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคงานสืบสวนสอบสวนระดับสากลเป็นอย่างดี ได้มองเห็นปัญหานี้จึงได้คิดนำทฤษฎีการแก้ไขปัญหานักเรียนตีกันจากต่างประเทศมาปรับใช้ในประเทศไทยเพื่อต้องการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการและยั่งยืน

        เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นทำให้รับรู้ว่าปัญหาบางส่วนเกิดจากภาวะร่างกาย, อารมณ์, ความคิดการตัดสินใจ เพราะว่าอยู่ในวัยนี้กำลังจะก้าวข้ามจากวัยรุ่นไปสู่ผู้ใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาการแก้ปัญหาบางครั้งผิดทำให้ปัญหายิ่งเพิ่มมากขึ้น แถมยังไปสร้างความกดดันในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

        ดังนั้นการแก้ปัญหาบางครั้งจะใช้วิธีการจัดการแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ ต้องใช้วิธีการใช้เด็กเป็น “ศูนย์กลาง” ในการแก้ปัญหา โดยใช้

        ทฤษฎีหลักงานตำรวจพัฒนาและแก้ปัญหาที่พลิกผันไปตามแนวทางของชุมชน (C.O.P.P.S.) มาปรับใช้เป็นโครงสร้างการทำงานเพื่อใช้ในการ แก้ไขปัญหานักเรียนตีกัน  

        ชื่อว่า “อุเทน-ปทุมวันโมเดล”

        

        สาเหตุที่เลือก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตอุเทนถวาย และ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ขึ้นมาเป็นโครงการนำร่องนั้นก็เนื่องจาก

1.ทั้งสอง แห่งเป็นสถาบันวิชาชีพชั้นนำและมีชื่อเสียงของประเทศไทย ทำให้ประชาชนมักจะจับตาดูอยู่เสมอเวลาเกิดเหตุไม่ดีไม่งามขึ้นมา

2.นอกจากนี้สถานที่ตั้งก็อยู่ใกล้กับสำนักงานกองบัญชาการสอบสวนกลางจึงเป็นการง่ายในการที่จะเดินทางไปดูแลตรวจเยี่ยมอย่างใกล้ชิด จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. คัดเลือกตำรวจกองปราบปราม ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป. จำนวน 4 นาย ไปดูแล ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ

        โดยตำรวจที่ประจำอยู่ที่ ม.เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย 2 นาย คือ ด.ต.ปราโมทย์ ทัศนีย์ไตรเทพ และ ด.ต.พรต เบิกแสง ส่วนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน คือ ด.ต.ส่งศักดิ์ พรหมกามินทร์ และ ด.ต.ส่องแสง ทีปิเนตร

        ที่สมัครใจและมีใจที่จะแก้ปัญหาในครั้งนี้อย่างจริงจัง ส่งไปอบรมทฤษฎีในการทำงาน เพื่อเข้าไปประสานงานแก้ปัญหาโดยตรงกับนักศึกษาและอาจารย์ของสถาบัน   ทั้งสองแห่ง รวมถึงเข้าไปสร้างความคุ้นเคยพูดคุยกับนักศึกษาทั้งในรูปแบบของงานมวลชนสัมพันธ์ โดยใช้การปรากฏตัวให้นักศึกษาเห็นในสถานที่เดิมและเวลาเดิมเป็นประจำทุกวันบริเวณที่ด้านหน้าของสถาบัน จนถึงกิริยาท่าทางและการตอบสนองของตำรวจ ที่ต้องสดงออกถึงความเป็นมิตรอย่างจริงใจและเป็นกันเองฉันพี่น้อง เพื่อทำให้นักศึกษาเกิดความศรัทธาและไว้วางใจ สามารถแลกเปลี่ยน   ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ให้คำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ ทั้งในและนอกเวลาเรียน รวมถึงจัดรถวิทยุกองปราบฯไปจอดสร้างความอุ่นใจในความปลอดภัยเมื่อเวลาตำรวจอยู่ด้วย

        “โครงการนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี มีการประเมินผลทุก 1 เดือน ผมได้ใช้เงินส่วนตัวเป็นงบประมาณในการจัดทำโครงการ ถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย แต่ในทางกลับกันรู้สึกมีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระ แทนความห่วงใยของพ่อแม่ และครอบครัวเด็ก ๆ ในการที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนให้เกิดความสบายใจ ที่สำคัญเป็นการช่วยปรับทัศนคติของสังคมที่มองเด็ก ๆ กลุ่มนี้ให้ดีขึ้นด้วย หลังจากที่โครงการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นมาประมาณ 2 เดือนเศษ ตั้งแต่ปลายปี 2553 เท่าที่ประเมินผลก็ได้ผลตอบรับอย่างดี สามารถลดการเผชิญหน้ารวมถึงการทะเลาะวิวาท แต่ทั้งนี้โครงการ “อุเทน-ปทุมวันโมเดล” จะสำเร็จลงไปได้ ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนถึงจะสัมฤทธิผล” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวอย่างมั่นใจ

                 ศาสนะ ศิริลาภ : รายงาน

                      gek gek gek

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

         นำความพยายามหารูปแบบแก้ปัญหานักเรียนยกพวกตีกัน
                เพื่อไว้ใช้แก้ปัญหาเรื่องเดียวกันนี้  ทั้งประเทศ


                     win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><