06 พฤษภาคม 2567, 17:01:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2] 3 4 ... 16  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อคิดคนดัง  (อ่าน 105582 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
****


Normal Man
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978

« ตอบ #25 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 19:27:15 »

อ้างจาก: "akenui"
ไม่รู้สิ คิดว่าไม่มีนะ มั่นใจ 95%



สองคนคุยอะไรกันครับ บอกหน่อยซิ



คนอยากรู้อยากเห็น
บันทึกการเข้า
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #26 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 19:53:44 »

ใช่ งง...
อินโด มุง อยากรู้บ้าง
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #27 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 20:06:14 »

อ้างจาก: "wirat"
เมื่อนักการเงิน ร่ำสุราก็เอ่ยคำว่า

"ให้มีเงินพอซื้อเบียร์กินได้ ก็อย่าเป็นหนี้เพื่อซื้อแชมเปญ"


start with the money in your pocket??not a credit by the bank??
let me drink beer and think about that!!
p.nn
บันทึกการเข้า


yai
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,489

« ตอบ #28 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 22:11:36 »

อ้างจาก: "yai"
อ้างจาก: "wirat"
พี่หนิงเคยถาม มาแล้วคุณใหญ่ตอบ ป้อมเสริม


การใช้สื่อของวิกรมนั้น ผมไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญ นั่นคือหนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกของเขา หนังสือเล่มนั้นคือ “ผมจะเป็นคนดี”

ครั้งแรกที่ผมได้สัมภาษณ์วิกรมเมื่อประมาณกลางปี 2547 นั้น ผมไม่ได้เคยพบเขามาก่อน ความรู้เกี่ยวกับตัวเขาค่อนข้างน้อย ตอนนั้นเขายังไม่โด่งดังเป็นพลุแตกเฉกเช่นทุกวันนี้

เขาเพิ่งสึกไม่นาน หลังจากบวชอยู่กี่เดือนผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน

ก่อนวันที่สัมภาษณ์ ผมได้อ่านหนังสืออัตชีวประวัติฉบับแรกของเขาที่ชื่อ “ผมจะเป็นคนดี”

หนังสือเล่มนี้เป็น autobiography ที่แปลกที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา เพราะเปิดฉากมาก็เป็นบทที่ว่าด้ายเขาบึ่งรถกลับบ้านที่เมืองกาญจน์เพื่อเปิดศึกกับพ่อ ถึงขนาดเอาเป็นเอาตายทีเดียว

เรื่องราวแบบนี้ ฝรั่งเรียกว่า “โครงกระดูกในตู้” หมายความว่าเป็นเรื่องลับในครอบครัวที่เก็บเอาไว้ไม่เล่าให้ฟัง

ผมใช้คำว่า “เล่า” หมายถึงการพูดโดยผ่านปากให้บุคคลที่ 3 ฟัง ซึ่งขนาดเล่าก็ไม่ทำกันแล้ว อย่าว่าจะเขียนให้คนทั้งประเทศอ่าน

หนังสือเล่มนี้เกือบครึ่งเล่ม เขียนถึงความขัดแย้งและปมในใจที่เขามีต่อพ่อ ซึ่งผมคิดว่าน้อยคนจะกล้าเขียนออกมาแบบถึงกึ๋นขนาดนี้ เพราะในสังคมไทยจะถือกัน ทำให้ผมแปลกใจมากๆ เพราะวิกรม ในสายตาของผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เอามากๆ ข่าวไม่ดีของเขาไม่ค่อยหลุดออกมา แล้วทำไม จู่ๆถึงได้เขียนหนังสือออกมาได้ เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้หลายคนเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนพีอาร์ทั้งหลายที่เอาคงร้องเสียงหลง

“ผมจะเป็นคนดี” สร้างปรากฏการณ์การเขียนประวัติชีวิตตนเอง ที่เอาความจริงมาตีแผ่ ไม่ใช่เขียนเอง เออเอง มีแต่ความดีทุกกระเบียดนิ้ว เพราะมนุษย์ทุกผู้นาม ไม่ดีใครดีหมดและชั่วหมดอยู่แล้ว

“ผมจะเป็นคนดี” ได้ Branding วิกรมว่าเขาเป็นผู้ประกอบการที่กล้าพูดความจริง เพราะขนาดเรื่องที่คนทั่วๆไปไม่กล้าพูดถึงมากที่สุด เขายังนำมาเปิดฉากหนังสือหน้าแรกของเขานั้น ทำให้ผู้อ่านต้องคิดว่าเขาเป็นคนเปิดเผย มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ คนที่เคยคุยกับเขา “นอกรอบ” จะรู้ดีว่าเขาเป็นคน “ตรงมาก”

ประวัติชีวิตเล่มแรกของเขาเรียบเรียงโดย ประภัสสร เสวิกุล นักเขียนรางวัลซีไรท์ ซึ่งคุ้นเคยกับชีวิตเจ้าสัวไทยเป็นอย่างดี เพราะเขาคือผู้เขียนนิยายเรื่อง “ลอดลายมังกร” ซึ่งว่ากันว่าเป็นการนำเอาชีวิตของนายห้างเทียมกับนายห้างชินมาผสมกัน

ดังนั้นต้องถือว่าวิกรมพิถีพิถันและเลือกถูกคน

“ผมจะเป็นคนดี” เล่มแรกทำเป็นพ็อกเก็ตบุ้กส์ขนาดมาตรฐาน ขาย 200 กว่าบาท ขายดีมาก วิกรมกันไว้แจกหลายพันเล่ม แจกให้คนหนุ่มๆที่ผิดพลาดในชีวิตจนต้องติดคุกติดตะราง

“ผมอยากจะสร้างลายแทงชีวิตให้กับคนที่กำลังเดินอยู่ พวกหนุ่มๆ ทั้งหลาย อยากให้เซฟเวลา ในการที่พวกเขาต้องเดินให้มันเซฟ ลดต้นทุนชีวิต เมื่อลดต้นทุนชีวิตได้ สังคมก็จะเข้มแข็ง เพราะว่าไม่ไปเสียโดยใช่เหตุ

อันที่สอง ผมอยากให้ความผิดพลาดของเขาน้อย เพราะการที่เขาผิดพลาดยิ่งน้อย ปัญหาของสังคมก็ยิ่งต่ำ อันนั้นคือประเด็นที่ผมนั้นตอนเด็กๆ เราอยากจะได้ในสิ่งที่เรากำลังจะให้ เพราะตอนนั้นเราไม่มี ตอนที่ไม่มีเราโหยหา เราต้องการ เรารู้คุณค่าของมัน แต่เมื่อเรามี เราต้องมาผลิต เราต้องมาถ่ายทอด เราต้องมาส่งต่อ เพราะเราถือว่านี่คือหน้าที่”

“ผมจะเป็นคนดี” ฉบับสมบูรณ์ยังไม่พิมพ์ แต่ทยอยตีพิมพ์ตามหนังสือพิมพ์และนิตยสารบางเล่ม

วิกรมวางแผนจะออกหนังสือปีละ 3 เล่ม ตอนนี้ออกได้ 4-5 เล่มได้แล้ว

เล่มสุดท้ายของเขาวางพล็อตเอาไว้แล้ว

“ ผมก็ตั้งชื่อเรื่องไว้แล้ว “เมื่อวันนั้นมาถึง” ผมจะเขียนต่อเมื่อผมนั่งอยู่บนเตียงแล้ว ผมจะหยิบปากกาเขียน ปากกาเล่มนั้นจะเขียนหมึกหยดสุดท้ายจะไปหยดจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย

ผมอยากจะบอกคนในโลกนี้ที่ยังหายใจอยู่ให้รู้ว่านี่คือวันของมัน และก่อนที่จะไปถึงวันของมันในช่วงนั้น ตาแก่คนหนึ่งจะเจออะไร มีความนึกคิดอะไรที่กำลังจะเดินไปข้างหน้า ผมรู้สึกอะไรตอนนั้น ผมมองเห็นอะไรตอนนั้น และคิดอะไรตอนนั้น
และอยากจะบอกอะไรตอนนั้น ผมจะบอกออกมาเป็นหนังสือเล่มนั้นให้หมดเลย เล่มสุดท้าย”

คัดลอกจาก FM 96.5
หาอ่านเพิ่มได้ใน http://thaicoon.wordpress.com/

ป้อม


ไม่ใช่วะ ผมถึงงง ตอนที่เป้เขียนว่าผมจะเป็นคนดีหรือเปล่า
นึกว่าแซว
เล่มที่ผมอ่านมันเล่มละ 100 บาท
แต่จำชื่อไม่ได้ชัด ประมาณว่า ชีวิตวัยเยาว์ อะไรประมาณนั้น
ประภัสสร   เสวิกุล ช่วยเรียบเรียงให้
แล้วมีใครมาเขียนคำนำให้อีกคน
เดี๋ยวกลับไปอ่านแล้วมาโพสต์ใหม่


มาแก้ข่าว หนังสือชื่อ ผมจะเป็นคนดี ถูกแล้ว
เล่มละ 100 บาทถ้วน
ประภัสสร   เสวิกุล ช่วยเรียบเรียงและเขียนคำนำให้
บันทึกการเข้า
yai
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,489

« ตอบ #29 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 22:18:24 »

อ้างจาก: "wirat"
ถ้าพี่มั่วไม่ผิดน๊ะ

ประสิทธิผล เป็น Out come เน้นผลสำเร็จ
ประสิทธิภาพ เป็น Efficiency เน้นที่แต่ละกระบวนการ

ตอนนี้ พี่ อยู่ฝ่าย ขาย เลยห่างไปมาก น้องรอ พรุ่งนี้ พี่ใหญ่ ยัง อยู่โรงงาน จะบอกเขามาบอก


น่าจะใกล้เคียงมากแล้ว
ขอเสริมนิดนึง เท่าที่อยู่ในหัว คือ ประสิทธิภาพต้องคิดที่ค่าหนึ่งของเวลา หรือ ค่าหนึ่งของresource ด้วย คือ outcome ที่ดี บางทีมันใช้เวลานาน หรือ resource มาก มันก็จะวัดอะไรมากไม่ได้

พี่ ๆ คนอื่นมีอะไรเพิ่มเติมได้นะครับ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 23:06:31 »

อ้างจาก: "yai"
อ้างจาก: "wirat"
ถ้าพี่มั่วไม่ผิดน๊ะ

ประสิทธิผล เป็น Out come เน้นผลสำเร็จ
ประสิทธิภาพ เป็น Efficiency เน้นที่แต่ละกระบวนการ

ตอนนี้ พี่ อยู่ฝ่าย ขาย เลยห่างไปมาก น้องรอ พรุ่งนี้ พี่ใหญ่ ยัง อยู่โรงงาน จะบอกเขามาบอก


น่าจะใกล้เคียงมากแล้ว
ขอเสริมนิดนึง เท่าที่อยู่ในหัว คือ ประสิทธิภาพต้องคิดที่ค่าหนึ่งของเวลา หรือ ค่าหนึ่งของresource ด้วย คือ outcome ที่ดี บางทีมันใช้เวลานาน หรือ resource มาก มันก็จะวัดอะไรมากไม่ได้

พี่ ๆ คนอื่นมีอะไรเพิ่มเติมได้นะครับ



น้องลองไปดูหนังสือ
Organizations Behavior structure &process อะไรนี้แหละค่ะ
ของ Gibson et al. (มีคนแต่ง 3 คนค่ะ) ที่หอกลางมี

จะอธิบาย สีแดง ได้ดีมาก

แล้วถ้าเป็นสีฟ้า ให้เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มทุน ที่ลงทุนไปค่ะ

ขึ้นอยู่กับว่าจะมองในมิติไหน นะคะ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #31 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 23:08:13 »

พอดีระลึกได้นะค่ะ อิ อิ

แล้วพี่ ๆ ท่านอื่นละคะ

เอาหน่อยช่วยเพิ่มยอด POST ค่ะ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 23:10:26 »

เอ้าขอเสริมอีกนิดนะคะน้องรัก

พี่ขอเรียนถามคืนว่า

น้องแค่อยากทราบเล็ก ๆ

หรือว่ากำลังทำรายงานหรือ thesis อยู่คะ

..จาก พี่หมี ถ้ามีโอกาสจะซ่อกแซกเสมอ (ขอยืมสำนวนนะคะพรรคพวก อิ อิ)
บันทึกการเข้า
akenui
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 3,092

« ตอบ #33 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 07:07:27 »

น้องนุ้ย สงสัยนิดสส์ ครับพี่ๆ แล้วประสิทธิผลที่ดี ก็ ต้องมาจากประสิทธ์ภาพที่ดีใช่เปล่าครับ ทำไมใช้คำว่าประสิทธิผลคำเดียวไปเลยหล่ะ   :lol:  


ไปหอ้งน้ำ จัดการะระส่วนตัวก่อน เด๋ว 8 โมง จลงมาเอาคำตอบนะ ท่านกูรู(กูรู้) ทั้งหลาย
//เสือนุ้ย//
บันทึกการเข้า

สุดจะทน ก็ต้องทน
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #34 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 07:20:28 »

อ้างจาก: "akenui"
น้องนุ้ย สงสัยนิดสส์ ครับพี่ๆ แล้วประสิทธิผลที่ดี ก็ ต้องมาจากประสิทธ์ภาพที่ดีใช่เปล่าครับ ทำไมใช้คำว่าประสิทธิผลคำเดียวไปเลยหล่ะ   :lol:  


ไปหอ้งน้ำ จัดการะระส่วนตัวก่อน เด๋ว 8 โมง จลงมาเอาคำตอบนะ ท่านกูรู(กูรู้) ทั้งหลาย
//เสือนุ้ย//


เถ้าแก่  


ทั้งไทยมุง อินโดมุง  เขาสงสัยว่าเราคุย...อา ราย ย ย ย  กัน

อิ อิ   ฟามลับเน๊อะ  :wink:  :wink:  :wink:
บันทึกการเข้า
akenui
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 3,092

« ตอบ #35 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 08:07:54 »

อืม เรารู้กันแค่สองคนพอเนาะ รับรองผมจะเหยียบไว้ที่นี่ :lol:  :lol:
หมี ได้นอนบ้างเปล่าเนี่ย ระวังตาโหล รอยตีนการถามหานะ
บันทึกการเข้า

สุดจะทน ก็ต้องทน
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 08:11:34 »

อ้างจาก: "akenui"
อืม เรารู้กันแค่สองคนพอเนาะ รับรองผมจะเหยียบไว้ที่นี่ :lol:  :lol:
หมี ได้นอนบ้างเปล่าเนี่ย ระวังตาโหล รอยตีนการถามหานะ


ทำไม่ถึงถามคำนี้ล่ะฮิ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #37 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 08:13:18 »

อ้างจาก: "akenui"
อืม เรารู้กันแค่สองคนพอเนาะ รับรองผมจะเหยียบไว้ที่นี่ :lol:  :lol:
หมี ได้นอนบ้างเปล่าเนี่ย ระวังตาโหล รอยตีนการถามหานะ


ส่วนรอยตีนกาน่ะ  มันแอบอยู่

ยังไงก้อมองไม่เห็น 555

จาก ป้าหมี แอ๊บเด็ก :wink:
ของจริงจ้า
บันทึกการเข้า
akenui
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 3,092

« ตอบ #38 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 08:32:04 »

อ้างจาก: "BU_MEE"
อ้างจาก: "akenui"
อืม เรารู้กันแค่สองคนพอเนาะ รับรองผมจะเหยียบไว้ที่นี่ :lol:  :lol:
หมี ได้นอนบ้างเปล่าเนี่ย ระวังตาโหล รอยตีนการถามหานะ


ทำไม่ถึงถามคำนี้ล่ะฮิ

ก็เห็นเวลา มันตอนตี 4 อะ
บันทึกการเข้า

สุดจะทน ก็ต้องทน
Tritti_83
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,481

เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 10:38:44 »

ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบของพี่ๆทุกคน
ตอบพี่นุ้ยก่อนนะครับ...คือผมกำลังเรียนโทอยู่ครับแล้วไม่เคลียร์ในความหมายของคำ 2 คำนี้ครับ
ถ้าผมยกตัวอย่างว่ามีรถยนตร์ 2 คันคือรถbmwกับรถกระบะ  สามารถทำความเร็วได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ bmw มีอัตราเร่ง 0-140  เท่ากับ 1 นาที ส่วนรถกระบะมีอัตรเร่ง 0-140 เท่ากับ 2 นาที ผมอยากทราบว่าประสิทธิภาพกับประสิทธิผลของรถทั้ง 2 คันนี้เป็นอย่างไรครับ..
(เครียดไปมั๊ยครับเนี่ย) :oops:
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #40 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:25:13 »

สวัสดีตอนเกือบเที่ยงนะคะ  น้องตรีที่รัก

ถามไรยากจังฮู้

ป้าหมีจะขออนุญาตระลึกนิดนึงนะคะ เผื่อสมองจะได้แล่นบ้าง

เอาแบบง่าย ๆ เน๊อะ

EFFECTIVENESS ประสิทธิผล


    ในหนังสือแนะนำให้น้องไปดูเขียนได้ดีมากค่ะ  ประสิทธิผลมีหลายระดับ หลายแบบ

ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ขององค์กรหรือของสินค้าหรือของกระบวนการนั้น ๆ  

และหนังสือเล่มนี้ยังมองไปถึง

     -ประสิทธิผลระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน และระดับองค์กรอีกด้วย

     - ระดับบุคคลอาจเป็น  ความพึงพอใจของลูกค้าต่อการให้บริการของพนง แต่ละคน ก้นับว่าเป็นประสิทธิผลได้

     - ระดับองค์กร  ก็อาจจะมองที่บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่

ลองไปอ่านดูนะคะ

ถ้าต้องการความหมาย  ป้าหมีจะสรุปเท่าที่ความรู้ของป้าจะระลึกได้นะคะ


EFFECTIVENESS ประสิทธิผล  หมายถึง ผลผลิต หรือผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้

ย้ำนะคะ จะได้ไม่งง ง ง ...เหมือนที่ป้าเคย งง มาก่อน ประสิทธิผลเน้นที่การบรรลุเป้าหมาย ว่าทำได้ตรงกับที่ต้องการหรือไม่ค่ะ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #41 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:40:35 »

EFFICIENCY ประสิทธิภาพ

อย่างที่พี่ใหญ่ กับพี่ WIRAT แจ้งให้น้องตรีทราบนั่นแหละค่ะ

.........ป้าหมีระลึกให้เพิ่มละกัน  น้องจะได้ไม่งง  เอาแบบภาษาบ้าน บ้านของป้านะคะ

EFFICIENCY ประสิทธิภาพ  

.......จะมองในแง่ของการเปรียบเทียบระหว่าง ผลผลิตที่ได้รับกับทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต (ดูความคุ้มค่า คุ้มทุน) โดยทรัพยกรนี้อาจเป็น เงิน คน สิงของ หรือเวลาที่ใช้ก็ได้

เชิงเศรษฐศาสตร์  ถ้าเป็นประสิทธิภาพการผลิต  

ก็หมายถึง  ผลผลิต  ที่ได้รับ นั้นมีการใช้หรือการลงทุน หรือใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด

เมือเปรียบเทียบกับBenchmak หรือองค์กรอื่น  

หรือภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

 ซึ่งอาจจะมอง ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ได้ค่ะ

อิ อิ เง็ง..บ่อ
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #42 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:45:49 »

อ้างจาก: "Tritti_83"
ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบของพี่ๆทุกคน
ตอบพี่นุ้ยก่อนนะครับ...คือผมกำลังเรียนโทอยู่ครับแล้วไม่เคลียร์ในความหมายของคำ 2 คำนี้ครับ
ถ้าผมยกตัวอย่างว่ามีรถยนตร์ 2 คันคือรถbmwกับรถกระบะ  สามารถทำความเร็วได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ bmw มีอัตราเร่ง 0-140  เท่ากับ 1 นาที ส่วนรถกระบะมีอัตรเร่ง 0-140 เท่ากับ 2 นาที ผมอยากทราบว่าประสิทธิภาพกับประสิทธิผลของรถทั้ง 2 คันนี้เป็นอย่างไรครับ..
(เครียดไปมั๊ยครับเนี่ย) :oops:


ต่อนะคะ  จาก CASE ที่น้องตรีให้มานั้น เป็นดังนี้

1. รถยนตร์ 2 คันคือ  รถ bmw  กับ  รถกระบะ  

.........สามารถทำความเร็วได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. แต่ bmw มีอัตราเร่ง 0-140  เท่ากับ 1 นาที

3. ส่วนรถกระบะมีอัตรเร่ง 0-140 เท่ากับ 2 นาที

ผมอยากทราบว่าประสิทธิภาพกับประสิทธิผลของรถทั้ง 2 คันนี้เป็นอย่างไร



น้องตรีลองเปรียบเทียบดูที่ป้าหมีคนงาม ม ม ม  เล่าแบบบ้าน ๆ ให้ทราบ

แล้วตอบป้าหมีได้ไหมคะ  แทนที่จะให้คนแก่ตอบ  อิ อิ
:wink:  :wink:
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #43 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:46:12 »

แก่เลี้ยว ว ว ได้แค่นี้แหละ
บันทึกการเข้า
akenui
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 3,092

« ตอบ #44 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:48:11 »

อ้างจาก: "BU_MEE"
อ้างจาก: "Tritti_83"
ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบของพี่ๆทุกคน
ตอบพี่นุ้ยก่อนนะครับ...คือผมกำลังเรียนโทอยู่ครับแล้วไม่เคลียร์ในความหมายของคำ 2 คำนี้ครับ
ถ้าผมยกตัวอย่างว่ามีรถยนตร์ 2 คันคือรถbmwกับรถกระบะ  สามารถทำความเร็วได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ bmw มีอัตราเร่ง 0-140  เท่ากับ 1 นาที ส่วนรถกระบะมีอัตรเร่ง 0-140 เท่ากับ 2 นาที ผมอยากทราบว่าประสิทธิภาพกับประสิทธิผลของรถทั้ง 2 คันนี้เป็นอย่างไรครับ..
(เครียดไปมั๊ยครับเนี่ย) :oops:


ต่อนะคะ  จาก CASE ที่น้องตรีให้มานั้น เป็นดังนี้

1. รถยนตร์ 2 คันคือ  รถ bmw  กับ  รถกระบะ  

.........สามารถทำความเร็วได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. แต่ bmw มีอัตราเร่ง 0-140  เท่ากับ 1 นาที

3. ส่วนรถกระบะมีอัตรเร่ง 0-140 เท่ากับ 2 นาที

ผมอยากทราบว่าประสิทธิภาพกับประสิทธิผลของรถทั้ง 2 คันนี้เป็นอย่างไร



น้องตรีลองเปรียบเทียบดูที่ป้าหมีคนงาม ม ม ม  เล่าแบบบ้าน ๆ ให้ทราบ

แล้วตอบป้าหมีได้ไหมคะ  แทนที่จะให้คนแก่ตอบ  อิ อิ
:wink:  :wink:

เอาน่า  ยังไงก็ ขับรถให้ทันเวลานัดแล้วกันเนาะ
บันทึกการเข้า

สุดจะทน ก็ต้องทน
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #45 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:50:23 »

น้องเขามาเฝ้าดูคำตอบน่ะ

ก้อเลยลองระลึกดู
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #46 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:51:44 »

หรือลองเล่นเกม ในห้อง 2532 ดีไหม เถ้าแก่

เอาคำถามน้องตรีเรื่องรถน่ะ

แล้วมาโหวต ว่าใครตอบได้ แบบ โจ๋สุด สุด
บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #47 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:52:58 »

เป็นการเพิ่มยอด  POST อีกทางนึงไงล่ะ อิ อิ

จาก ป้าหมี  แอ๊บเด็กสุดเลี้ยว ว ว   :wink:  :wink:
บันทึกการเข้า
akenui
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 3,092

« ตอบ #48 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:52:59 »

เล่นยังไง ไหนลองบอก กติกา ให้หนอ่ย
บันทึกการเข้า

สุดจะทน ก็ต้องทน
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: 18 มกราคม 2551, 11:53:54 »

ก้อเอาง่าย ๆ ตอบแบบโจ๋ ถูกใจใครดี

เอาเป็น คุณณํฐ ไหมล่ะ นักเศรษฐศาสตร์
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2] 3 4 ... 16  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><