12 พฤษภาคม 2567, 10:33:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 870586 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2150 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 15:22:51 »

ตอนบ่ายมีความร้อนในพระองค์ปรอท 100 เศษ 4 แต่เป็นเวลาทรงสร่าง เพราะมีพระเสโท ตามพระองค์บ้าง มีพระบังคนเบาเป็นครั้งที่ 2 ประมาณ 1 ช้อนกาแฟเหมือนคราวก่อน ในเรื่องพระบังคนเบาน้อยเป็นครั้งที่ 2 นี้ เจ้านายออกจะสงสัย ทรงถามหมอๆ ก็ให้การว่า เป็นเพราะไม่ได้เสวยอะไร เสวยแต่พระสุธารสชั่ว 2-3 ช้อนเท่านั้น ก็ซึมซาบไปตามพระองค์เสียหมด เพราะฉะนั้น พระบังคนเบาจึงน้อยไปไม่เป็นไร เมื่อเสวยพระกระยาหาร และพระสุธารสได้มากแล้ว พระบังคนเบาก็คงจะมีเป็นปรกติ แต่พระอาการเซื่องซึมบรรทมหลับ ยังมีอยู่เสมอ
  ตอนเย็นเมื่อเจ้านายและหมอ ขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าได้ยินรับสั่ง กับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ ว่า "การรักษาเดี๋ยวนี้เป็นอย่างใหม่เสียแล้ว" แล้วก็ไม่ตรัสสั่งอะไรอีก เมื่อเจ้านายและหมอ กลับลงมาคราวนี้ พากันรู้สึกพระอาการมาก ไม่ใช่ทางพระธาตุพิการอย่างเดียว เป็นทางพระวักกะ (คิดนี) เครื่องกรองพระบังคนเบาเสียด้วย มีพระบังคนเบาอีกเป็นครั้งที่ 3 ประมาณ 1 ช้อนกาแฟ ตอนนี้หมอและเจ้านาย แน่ใจทีเดียวว่าเป็น พระวักกะพิการ หมอได้รีบประชุมกัน ประกอบพระโอสถบำรุงพระบังคนเบา และเร่งให้มี พระบังคนเบาโดยเร็ว และในที่สุดใช้เครื่องสวนพระบังคนเบา แต่ไม่ได้ผล เพราะไม่มีพระบังคนเบาเลย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2151 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 15:37:01 »

ตอนค่ำสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอ ขึ้นไปเฝ้าตรวจ พระอาการ ข้าพเจ้าก็ขึ้นไปด้วยเช่นเคย เห็นพระพักตร์แต่ห่างๆ เข้าไปใกล้พระแท่นไม่ได้ เพราะข้างในอยู่เต็มไปหมด ได้ยินเสียงหายพระทัยดัง และยาวๆ มาก บรรทมหลับอยู่ ถ้าจะถวาย พระโอสถ พระอาหาร หรือพระสุธารส ก็ต้องปลุกพระบรรทม หมอกลับลงมาได้ความว่า การหายพระทัย และพระชีพจรยังดีอยู่ ความร้อนในพระองค์ลดลงแล้ว เห็นจะไม่เป็นไร หมอประชุมกัน ตั้งพระโอสถแก้พระบังคนเบาอีก ประมาณ 1 ทุ่มเศษ มีพระบังคนเบาเป็นครั้งที่ 4 ประมาณ 1 ช้อนเกลือ และเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
               ค่ำวันนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย มาฟังพระอาการเต็มไปทั้งพระที่นั่ง เจ้านายก็ยังเชื่อกันว่าพระบังคนเบา คงจะมีออกมามากแน่ ตั้งแต่ยามหนึ่งแล้ว มีพระบังคนหนัก 3 ครั้ง เป็นน้ำสีดำๆ หมอฝรั่ง หมอไทย ตรวจดูก็ว่าดีขึ้น คงจะมีพระบังคนเบาปนอยู่ด้วย วันนี้เสวยน้ำซุบไก่เป็นพักๆ ละ 3 ช้อนบ้าง 4 ช้อนบ้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ ชงน้ำโสมส่งขึ้นไปไว้ถวาย ให้ทรงจิบเพื่อบำรุง พระกำลัง หมอฝรั่ง หมอไทย ไม่คัดค้านอะไร คืนนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการ กลับดึกกว่าคืนก่อนๆวันเสาร์ ที่ 22 ตุลาคม เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอฝรั่ง 3 คน ขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าก็ขึ้นไปด้วยตามเคย เมื่อกลับลงมาเห็นกิริยา ท่าทางของหมอ และเจ้านายไม่สู้ดี ได้ความว่า พระอาการหนักมาก พระบังคนเบาที่คาดว่าจะมีก็ไม่มี พิษของพระบังคนเบาซึม ไปตามเส้นพระโลหิตทั่วพระองค์ จึงทำให้เป็นพิษเซื่องซึมบรรทมหลับ อยู่เสมอ หมอตั้งพระโอสถถวาย เร่งให้มีพระบังคนเบาแรงขึ้นทุกที
               พวกหมอฝรั่งประชุมกัน เขียนรายงานพระอาการยื่นต่อเจ้านาย เสนาบดีว่าพระอาการมาก เหลือกำลังของหมอ ที่จะถวายการรักษาแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพิษณุโลกประชานาถ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาแต่เช้า ได้ทอดพระเนตรรายงาน พระอาการที่หมอทำไว้ ทรงปรึกษาหารือเห็นพร้อมกันว่า ควรให้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ มาเฝ้าตรวจพระอาการดูด้วย ข้าพเจ้าจึงให้ นายฉันหุ้มแพร (ทิตย์ ณ สงขลา) รีบเอารถยนต์ไปรับมาทันที พระองค์เจ้าสายฯ ขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว น้ำพระเนตรไหลแต่ไม่ตรัสว่าอะไร พระองค์เจ้าสายฯ กลับลงมายืนยันว่า พระอาการยังไม่เป็นไร เชื่อว่าที่บรรทมหลับเซื่องซึม
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2152 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 15:54:57 »

อยู่นั้น เป็นด้วยฤทธิ์ พระโอสถต่างๆ พอฤทธิ์พระโอสถหมดแล้ว ก็คงจะทรงสบายขึ้น เพราะพระชีพจรก็ยังเต้นเป็นปรกติดี พระองค์เจ้าสายฯ กลับไปนำพระโอสถมาตั้งถวาย แก้ทางพระศอแห้ง ขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ตรัสทักว่า "หมอมาหรือ" ได้เท่านั้นแล้วก็ไม่ได้รับสั่งอะไรอีกต่อไป
               พระอาการตั้งแต่เช้าไปจนเย็น ไม่มีพระบังคนหนัก และเบาเลย พระหฤทัยอ่อนลงมาก ยังบรรทมหลับเซื่องซึมอยู่เสมอ เวลาย่ำค่ำสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอฝรั่งขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปด้วย และเห็นหายพระทัยดังยาวๆ และหายพระทัยทางพระโอษฐ์ พ่นแรงๆ จนเห็นพระมัสสุไหวได้แต่ไกล สังเกตดูพระเนตร ไม่จับใครเสียแล้ว ลืมพระเนตรคว้างอยู่อย่างนั้นเอง แต่พระกรรณยังได้ยิน สมเด็จพระบรมราชินีนาถ กราบทูลว่าเสวยน้ำ ยังทรงพยักพระพักตร์รับได้ และกราบทูลว่าพระโอสถแก้พระศอแห้ง ของพระองค์เจ้าสายฯ ก็ยังรับสั่งว่า "ฮือ" แล้วยกพระหัตถ์ขวาและซ้าย ที่สั่นขึ้นเช็ดน้ำพระเนตร คล้ายทรงพระกันแสง พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ซับเช็ดพระเนตรด้วยผ้าซับพระพักตร์ ชุบน้ำถวาย หมอฉีดพระโอสถถวาย ช่วยบำรุงพระหฤทัยให้แรงขึ้นตั้งแต่เวลานี้ต่อไป หมอฝรั่งนั่งประจำคอยจับพระชีพจร ตรวจพระอาการผลัดเปลี่ยนกัน ประจำอยู่ที่พระองค์ การหายพระทัยค่อยเบาลงๆ ทุกที พระอาการกระวน กระวายอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่มีเลย คงบรรทมหลับอยู่เสมอ เจ้านายจะขึ้นไปเฝ้าอีกครั้ง ก็พอหมอรีบลงมาทูลว่า เสด็จสวรรคตเสียแล้วด้วยพระอาการสงบ เมื่อเวลา 2 ยาม 45 นาที
               สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ และ พระเจ้าน้องยาเธอ พร้อมกันเสด็จขึ้นไปเฝ้ากราบถวายบังคม ด้วยความเศร้าโศกอาลัย ทรงกรรณแสง คร่ำครวญสอึกสอื้นทั่วกัน ข้าพเจ้าก็อยู่ที่นั้นด้วย กราบถวายบังคมมีความเศร้าโศก อาลัยแสนสาหัส ร่ำร้องไห้มิได้หยุดหย่อนเลย
               ในที่พระบรรทม และตามเฉลียงเต็มไปด้วยฝ่ายใน และฝ่ายหน้า ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ระงม เซ็งแซ่และทุ่มทอดกายทั่วไป ประดุจต้นไม้ใหญ่ที่ถูกลมพายุใหญ่ พัดต้นและกิ่งก้านหักล้มราบไป ฉันใด บรรดาฝ่ายใน และฝ่ายหน้าทั้งหมด ล้มกลิ้งเป็นลมไปตามกันฉันนั้น ด้วยความเศร้าโศกาอาดูร เป็นอย่างล้นเหลือ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2153 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 16:07:26 »

ข้าพเจ้าต้องวิ่งลงไปตามหมอ ขึ้นไปแก้ท่านที่ประชวรพระวาโยกันเป็นการใหญ่ และต้องเชิญเสด็จสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขึ้นพระเก้าอี้หามกลับไปส่ง ที่พระตำหนักสวนสี่ฤดู เพราะประชวรพระวาโย และทรงชักกระตุกด้วย เจ้านายพระองค์อื่น และเจ้าจอมมารดา ที่เป็นลม ก็มีผู้ช่วยพากันไปส่งตำหนักที่อยู่กันเรื่อยๆไป ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ซึ่งประชวรพระวาโย บรรทมอยู่ที่เก้าอี้ปลายพระแท่นนั้น ก็ต้องใช้เก้าอี้หามเชิญเสด็จ ไปยังพระตำหนักของพระองค์ท่าน
               เวลานั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภานุพันธุวงศ์วรเดช ทูลเชิญเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ให้เสด็จกลับลงไปชั้นล่าง ประทับห้องแป๊ะเต๋ง พร้อมด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาผู้ใหญ่ องคมนตรี และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งทรงกรรณแสง และร้องไห้กัน เสียงระงมเซ็งแซ่ทั่วไป ทั้งพระที่นั่ง

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภานุพันธุวงศ์วรเดช ทรงคุกพระชงฆ์ ลงกราบถวายบังคมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ อัญเชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน สืบสนองพระองค์สมเด็จพระชนกาธิราช ต่อไป พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ก็กราบถวายบังคมทั่วกัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเรียกประชุมพร้อมกันในเวลานั้น เพื่อหารือที่จะจัดการสรงน้ำพระบรมศพ และเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในวันพรุ่งนี้ และออกประกาศข่าวการสวรรคต และอื่นๆ
               ในระหว่างที่ประชุมกันอยู่นี้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิ์ฯ และข้าพเจ้า พร้อมกับ เจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี (เพิ่ม ไกรฤกษ์) เจ้าหมื่นเสมอใจราช (อ้น นรพัลลภ) ขึ้นไปกราบถวายบังคม แล้วได้ฉลองพระเดชพระคุณ ช่วยกันเชิญพระองค์เลื่อนขึ้นไปหนุนพระเขนย จัดตกแต่งพระเขนย และผ้าลาดพระที่ ทั้งจัดแต่งพระองค์ให้เรียบร้อย แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิ์ฯ กับข้าพเจ้าถวายพระภูษา คลุมพระบรรทมคนละข้าง พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ประทับเป็นประธานอยู่ด้วย ครั้นจัดเรียบร้อย ปิดพระวิสูตรแล้วกราบถวายบังคมลากลับ ลงไปข้างล่าง พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เพิ่งเสร็จการประชุม และกลับไปเมื่อจวนสว่าง ในคืนนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ประทับแรมอยู่ที่ห้องพระบรรทมขาว พระที่นั่งอัมพรสถาน มีตำรวจหลวง และทหารมหาดเล็ก ล้อมวงรักษาการ ตามราชประเพณีตลอดคืน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2154 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 16:37:35 »

วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม เวลาเช้า ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปเฝ้า กราบถวายบังคมพระบรมศพ อีกครั้งหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี เจ้าหมื่นเสมอใจราช และหลวงศักดิ์นายเวร (ม.ร.ว. ลภ อรุณวงศ์) พร้อมกันเชิญพระบรมศพจากพระแท่นที่พระบรรทม ไปประทับพระแท่นสำหรับสรง แล้วรื้อพระแท่นที่พระบรรทมออก สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ประทับเป็นประธาน ในการถวายน้ำสรงพระบรมศพ เป็นส่วนฝ่ายใน ครั้นแล้ว จึงเชิญพระบรมศพ ขึ้นพระแท่นที่จัดไว้ใหม่สำหรับพระเกียรติยศ เพื่อถวายน้ำสรงพระบรมศพ เป็นพระราชพิธีตอนบ่าย
               ในเวลานี้ ข้าพเจ้าได้กราบถวายบังคมที่พระบาทยุคล ถวายน้ำหอมสรงพระบาท และซับพระบาทด้วยผ้าเช็ดหน้า ไว้เป็นที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นที่สักการบูชา ได้พิศดูพระพักตร์ในเวลานี้ เหมือนกำลังบรรทมหลับ พระพักตร์ยิ้มน้อยๆ ดูสง่างามเหลือเกิน กระทำให้ตื้นตันใจ ต้องร้องไห้ด้วยความอาลัยเศร้าทวียิ่งขึ้น มิใคร่จะจากพระบาทยุคลไปได้เลย ได้ทำหน้าที่ไปพลาง ร้องไห้คร่ำครวญไปพลาง จนแล้วเสร็จ กราบถวายบังคมลากลับลงไปข้างล่าง

หมายเหตุ มีต่อด้วยการเคลื่อนพระบรมศพสู่พระบรมหาราชวัง-บันทึกของมจ.พูนพิศมัย ดิศกุล
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2155 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 16:48:33 »

ประวัติผู้บันทึกนี้อย่างย่อ



พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภท่านมีชื่อว่า นพ ไกรฤกษ์เป็นบุตรชายของพระมงคลฯกับท่านขรัวยายไข่ ท่านดำรงยศครั้งแรกในสมัยพระจุลจอมเกล้าเป็นมหาดเล็กประจำห้องพระบรรทม และท่านนี่แหละคือผู้จดบันทึกเหตุการณ์ในห้องพระบรรทมก่อนจะเสด็จสวรรคต และท่านยังดำรงศเป็น อธิบดีกรมชาวที่ (กรมนี้มีหน้าที่ดูแลรักษาพระราชฐาน ถ้าเรียกเป็นภาษาธรรมดาก็น่าจะเป็นกรมอาคารสถานที่) ท่านเป็นทายาศซึ่งสืบสกุลมาจากพระยาไกรโกษา (ฤกษ์)

และบันทึกนำมาบางส่วนจากหนังสือนี้



หมายเหตุ มีต่อเรื่องบ้านของท่าน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2156 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 17:26:33 »

ตื่นแล้ว..คู่แข่งเขามาที่นี่นานแล้ว

"เซ็นทรัล" ซุ่มเก็บที่ดินแปลงงาม พื้นที่ 60 ไร่ บนถนนบายพาส โคราช-ขอนแก่น ผุดศูนย์การค้า รองรับรถไฟความเร็วสูง-เศรษฐกิจเติบโต ด้านเจ้าถิ่น "เดอะมอลล์ โคราช" เตรียมต่อสัญญาเช่าใหม่ พร้อมเช่าพื้นที่บริเวณโดยรอบศูนย์ทำที่จอดรถ

ในงานเสวนาหัวข้อ "ศูนย์กลางการค้า การลงทุน ภาคอีสาน" ในงานโรดโชว์สร้างอนาคตไทย 2020 ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา นายจักริน เชิดชาย ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ที่ผ่านมาโคราชได้รับความสนใจจากกลุ่มทุนส่วนกลางจำนวนมาก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคอีสาน ประกอบกับรัฐบาลมีโครงการยกระดับระบบคมนาคม ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง หนึ่งในนั้นคือกลุ่มเซ็นทรัล ยักษ์ใหญ่ผู้ประกอบการศูนย์การค้าของไทย

"มีสิ่งที่น่ากังวลคือระบบสาธารณูปโภคที่จะขาดแคลนได้ หากมีการย้ายถิ่นฐานและการลงทุนเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก ตอนนี้ห้างเซ็นทรัลก็จะมาสร้าง และแสนสิริกำลังเปิดขายคอนโดฯ"

ขณะที่แหล่งข่าวในเทศบาลนครนครราชสีมาระบุว่า จุดที่เซ็นทรัลให้ความสนใจคือ ที่ดินบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เส้นทางเลี่ยงเมืองโคราชมุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัลรอความชัดเจนของแนวก่อสร้างมอเตอร์เวย์ วังน้อย-นครราชสีมา ซึ่งน่าจะมีจุดเริ่มต้นบริเวณใกล้ ๆ กัน

แหล่งข่าวระดับสูงในวงการนักพัฒนาที่ดินกล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้เตรียมแผนที่จะขยายการลงทุนที่โคราช โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ปิดดีลซื้อที่ดินแปลงใหญ่ 60 ไร่ บนถนนบายพาสข้างปั๊มน้ำมัน ปตท. ฝั่งขาออกเมืองไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น แสดงความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ไฮสปีดเทรนของภาครัฐว่า การลงทุนดังกล่าวไม่เพียงจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในแง่ของเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่จะกระจายเข้ามาในตลาดและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่อง เกิดเป็นชุมชนและเมืองขยายตามเส้นทางของการลงทุน เพื่อรองรับและเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางรถไฟและรถยนต์

นอกจากนี้การลงทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจและการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ได้มีการศึกษาและสำรวจเส้นทางการลงทุนตามแนวขยายของการลงทุนครั้งใหญ่ของภาครัฐในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

สอดคล้องกับ นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่กล่าวถึงการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลว่า ได้มองการเติบโตตลาดต่างจังหวัดตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว โดยประเมินจากสังคมเมืองของจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เติบโตขึ้น ปัจจุบันมีศูนย์การค้าต่างจังหวัด 11 แห่ง และสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 13 แห่ง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2157 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 17:39:39 »

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม งานนิทรรศการและเสวนา "สร้างอนาคตไทย 2020" ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าโอท็อปขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ ตามร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จัดโดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม โดยการจัดงานวันแรกมีข้าราชการ ประชาชน นักศึกษาและนักเรียนเข้าร่วมชมงานกว่า 40,000 คน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 30,000 คนต่อวัน ทำให้บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า เครือข่ายรถไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัย แต่ที่ดินในกรุงเทพฯ มีราคาสูง การขยายรถไฟฟ้าออกมาเป็นการเชื่อมโยงคนรอบนอกสู่กรุงเทพฯมากขึ้น อนาคตหากขยายรถไฟความเร็วสูงมาถึง จ.อุบลราชธานี จะเกิดความเปลี่ยนแปลง จะเกิดผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก ถ้าดูกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน เมื่อเกิดรถไฟฟ้าเกิดแนวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติมโตขึ้นใน 5 ปีที่ผ่านมากว่า 5-10%
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2158 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 19:58:26 »

ที่ค่ายจักรพงษ์ ปราจีนบุรี  ต้องไป....  ตอนเด็กฟังรายการวิทยุจากสถานี"เสียงจากค่ายจักรพงษ์"









ตึกสีเหลืองสไตล์ยุโรป โดดเด่นสง่างามภายในอาณาบริเวณของมณฑลทหารบกที่ 12 ค่ายทหารแห่งแรกของประเทศไทย ผู้ทรงก่อตั้งคือ จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ พระองค์ท่านเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 40 ในจำนวน 97 องค์ของรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านไปเรียนนักเรียนนายร้อยที่รัสเซียและเรียนต่อวิชาเสนาทหารที่ประเทศเดียวกัน จากนั้นได้นำความรู้มาปรับปรุงข้าราชการทหารไทย ตึกหลังนี้เริ่มสร้างเมื่อปี 2461 สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ เสด็จมาทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2462 ในปี 2536 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นตึกอนุรักษ์ และเริ่มทำเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2159 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2556, 23:44:47 »

บ้านของพระยาบุรุษรัตนราชพัลลพ










 บริเวณที่ตั้งสำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบก เดิมคือ บ้านพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) ผู้รับราชการสนองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ถึง ๓ แผ่นดิน ท่านได้ถวายตัวเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก ใน รัชกาลที่ ๕ ด้วยความอุตสาหะและจงรักภักดีจนได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นผู้ตามเสด็จอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ท่านได้ทุ่มเทให้กับการรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จนแทบไม่ได้กลับบ้าน ซึ่งอยู่ไกลออกไป
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานที่ดินบริเวณปลายถนนราชวิถีให้ท่านได้ปลูกสร้างบ้านพักอาศัย เพื่อสะดวกในการเดินทางไปรับราชการ และยังพระราชทานเงินถึง ๓๐๐ ชั่ง เพื่อใช้ในการปลูกสร้างบ้าน หลังใหญ่จึงได้สร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก โดยอาศัยช่างก่อสร้างชาวต่างประเทศ ชุดเดียวกับที่สร้างพระที่นั่งอนันตสมาคมใช้เวลาก่อสร้างประมาณ ๖ ปี โดยท่านเป็นผู้วางแบบแปลนเองทั้งหมดหลังคาทรงปั้นหยา อวดพื้นหลังคา ด้วยกระเบื้องว่าว เจาะตกแต่งช่องหน้าต่างเล็ก ๆ บนหลังคา
      วันประวัติศาสตร์ของบ้านหลังนี้คือวันที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ ด้วยเป็นวันทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โดยเป็นวันที่ รัชกาลที่ ๕ และ รัชกาลที่ ๖ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเสด็จพระราชดำเนินเหยียบบ้านหลังนี้ทุกห้อง เพื่อเป็นสิริมงคล ทรงเสวยพระ กระยาหารโดยพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ เป็นผู้ถวายพระกระยาหารด้วยตนเอง
      กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๑
นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ เป็นต้นมา  สำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบกคือผู้รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้ได้พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาคุณค่าและความงดงามของสถานที่นี้ไว้ แต่ก็ยากเกินกว่าที่จะดำเนินการได้โดยลำพัง จากวันนั้นถึงปัจจุบันกว่า ๙๘ ปี อาคารที่โดดเด่นและสะดุดตาหลังใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่อย่างสงบรอการบูรณะให้คงสภาพเดิม เพื่อเป็นทรัพย์ของแผ่นดินที่ทรงคุณค่าตลอดไป
      จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ เป็นต้นมาได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารอนุรักษ์มาโดยลำดับ เพื่อให้คงไว้ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2160 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2556, 00:14:57 »

จากบันทึกของมจ.พูนพิศมัย ดิศกุล

เมื่อ ๑๐๐ ปีก่อนนั้น  เหตุการณ์วันสวรรคต รัชกาลที่ ๕ ครั้งนั้นมีความเล่าจากความจำของมจ.พูนพิสมัย ดิศกุล ไว้ตอนหนึ่งว่า

"กำหนดสรงน้ำพระบรมศพที่พระนั่งอัมพรสถานในที่พระบรรทม แล้วเชิญพระบรมศพลงพระโกศทองเชิญเสด็จขึ้นพระยานุมาศ เคลื่อนกระบวนจากพระราชวังดุสิตไปสู่พระมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง เวลาค่ำ ๗.๐๐ น. เศษ

เสด็จพ่อทรงสั่งราชการพลาง ทรงพระกรรณแสงพลางอยู่ที่วังตอนเช้าวันอาทิตย์ พวกพี่น้องของข้าพเจ้าเขาก็พากันกลับเข้าวังหมดแทบทุกคน ข้าพเจ้ายังมีไข้เข้าไปช่วยในวังไม่ได้ พอเสด็จพ่อทรงเครื่องเต็มยศใหญ่เข้าไปสวนดุสิตแล้ว ข้าพเจ้าก็ไปคอยเฝ้าพระบรมศพที่ริมถนนราชดำเนินแถวโรงเรียนนายร้อนทหารบก พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่จะยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียว ทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่รู้รส อาการมืดครึ้มมีหมอกขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดือนทั่วไปผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละคือ "หมอกธุมเกตุ" (หมอกธุมเกตุนี้ ตามตำราโบราณว่า เป็นหมอกที่มีสีประดุจควันไฟดอกไม้เพลิง จะเห็นได้ตั้งแต่เช้าไปจนเที่ยง หรือตั้งแต่เที่ยงไปจนบ่ายหนึ่งบ่างสองโมง ถือว่าเป็นหมอกที่ร้ายนัก นัยว่าเกิดเพราะเพระเกตุสำแดงเหตุให้ปรากฏ ...ผู้เรียบเรียง) ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้น

ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงปี่ในกระบวนเสียงเย็นใสจับใจมาแต่ไกลๆ แล้วได้ยินเสียงกลองรับเป็นจังหวะใกล้เข้ามาในความมืดเงียบสงัด ที่มืดเพราะต้องตัดสายไฟฟ้าบางตอนให้กระบวนผ่านไปได้ และที่เงียบก็เพราะไม่มีใครพูดจากันว่ากระไร ข้าพเจ้าเคยได้ยินเสียงปี่เสียงกลองมาแล้ว เคยได้เห็นแห่พระศพเจ้านายมาแล้วหลายองค์ แต่คราวนี้ตกใจสะดุ้งทั้งตัว เมื่อเห็นพระมหาเศวตฉัตรกั้นมาบนพระบรมโกศสีขาวกับสีทองเป็นสง่า ทำให้รู้ทันทีว่า พระบรมศพ แล้วร้องไห้ออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว เหลียวไปดูทางอื่น เห็นแต่แสงไฟจากเทียนที่จุดถวายสักการะอยู่ข้างถนนแวมๆ ไปตลอด ในแสงเทียนนั้นมีแต่หน้าเศร้าๆ หรือบิดหน้าอยู่เราหมอบลงกราบกับพื้นปฐพี พอเงยหน้าก็เห็นทหารยืนถือปืนเอาปลายลงดิน ก้มหน้าลงบนปืนอยู่ข้างหน้าเราเป็นระยะไปตลอด ๒ ข้างถนนนั้น น้ำตาของเขากำลังหยดลงแปะๆ อยู่บนหลังมือของเขาเอง ทหารซึ่งอยู่ในยูนิฟอร์มอันแสดงว่ากล้าหาญ ยังร้องไห้เพราะเสียดายประมุขอันล้ำเลิศของเขา"

กระบวนเกียรติยศอัญเชิญพระบรมโกศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากพระที่นั่งอัมพรสถาน อัญเชิญเสด็จกลับสู่ พระบรมมหาราชวัง โดยผ่านถนนราชดำเนินไปอย่างช้าช้านั้น แตรวงทำเพลงพญาโศกนำขบวนพระบรมศพ ราษฎรทั้งสองข้างถนนที่มารอเฝ้ากราบพระบรมศพอยู่แน่นขนัด แสงเทียนในมือส่องสว่างเป็นแถวยาวเหยียด เมื่อพระโกศทรงพระบรมศพผ่านมาถึงตอนใด เสียงร้องไห้กระซิกสะอื้นไห้อยู่นั้น ก็พลันเปลี่ยนเป็นเสียงโฮอย่างสุดเสียง เป็นเช่นนี้ไปตลอดทาง แม้แต่ทหารที่ยืนนิ่งระวังเหตุอยู่สองข้างถนนก็อดไม่ได้ที่ร้องไห้ และเมื่อขบวนพระบรมศพผ่านมา เหล่าทหารได้ถวายความเคารพ น้ำตาก็หลั่งไหลอาบแก้ม ทั้งๆ ที่พยายามอดกลั้นมิให้เสียงสะอื้นออกมาจากปาก

เมื่อพระโกศพระบรมศพ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบน พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทันทีนั้นได้เกิดพายุอื้ออึง ฝนตกอย่างหนัก สายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ แปลบปลาบอย่างน่ากลัว ราวกับว่าฟ้าจะพิโรธและโศกเศร้าที่กรุงสยามต้องสูญเสียพระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนทั้งแผ่นดิน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2161 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2556, 00:39:38 »


"พระองค์เจ้าหญิงผ่องประไพ" พระราชธิดาผู้อาภัพที่สุดในบรรดา พระราชธิดาและพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เหตุใด ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ไม่ทรงโปรดพระราชธิดาองค์นี้ ถึงแม้จะเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกในพระองค์ก็ตาม


 
พระองค์เจ้าหญิงผ่องประไพ พระราชธิดาพระองค์แรกในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ พระราชธิดาผู้อาภัพที่สุดในพระบรมวงศานุวงศ์
 
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าผ่องประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2410 มีพระชนม์ยืนยาวมาจนถึงรัชกาลที่ 8 สิ้นพระชนม์เมื่อ 11 มีนาคม 2485 พระชันษา 75 ปี ภายในพระบรมมหาราชวัง
 
ต้นเหตุของการที่พระองค์ทรงเป็นพระธิดาที่อาภัพนั้น นับได้เมื่อครั้งที่พระเจ้าอยู่หัว ร.5 มีพระชนมายุประมาณ 15-16 พรรรษา ขณะนั้นพระองค์ท่านดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้า ทรงมีพระพี่เลี้ยงคือคุณแข ซึ่งแก่กว่า ร.๕ ถึง 3 ปี หรือบางแห่งก็ว่าร่วม 10 ปีเลย ต่อมาคุณแขได้เป็นนางห้าม และได้ประสูติพระราชธิดา ซึ่งนับว่าเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกของรัชกาลที่ ๕
 
ครั้งนี้กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่๔) ทรงกริ้วคุณแขอย่างมาก เพราะคุณแขทำให้เจ้าฟ้าชายประพฤติเกินวัยอันควร แต่พระเจ้าอยู่หัว ร.4 มิได้ทรงลงทัณฑ์ใดๆ ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ หม่อมราชวงศ์แขจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าจอมมารดาแข ส่วนพระธิดาก็ได้ขึ้นตามเช่นกัน ในพ.ศ.2410 ที่พระองค์เจ้าผ่อง ประสูตินั้น พระเจ้าอยู่หัว ร.5 ทรงได้เจ้าจอมมารดาอีกคนคือเจ้าจอมมารดาแพ
 
เป็นที่รู้กันอยู่ในพระบรมมหาราชวังว่าพระองค์เจ้าหญิงผ่อง มิได้เป็นที่สนิทเสน่หาของรัชกาลที่ ๕ มากนัก เพราะพระองค์เจ้าผ่อง ทรงดื้อดึง ไม่ฉลาดนัก อีกทั้งมีพระโฉมไม่งามนัก พระบิดาจึงมิค่อยโปรด คราวหนึ่ง พระองค์เจ้าผ่องมีพระชนมายุ 6 พรรษา รัชกาลที่ ๕ ทรงลาผนวช ในวันที่เสด็จออกผนวชนั้นฝ่ายหน้าและฝ่ายในก็ต่างพากันมาหมอบคลาน ตามธรรมเนียมวัง แต่รัชกาลที่ ๕ ทรงรับสั่งให้ยืนได้ "เนื่องจากพระองค์จะทดลองการยกเลิกการหมอบคลานภายในพระราชวังก่อน"
 
ดังนั้นบรรดาฝ่ายต่างๆ ที่ทรงพระเยาว์ และเจ้านายท่านต่างๆ ก็ปฏิบัติตาม หากทว่า"พระองค์เจ้าผ่องพระองค์เดียวที่มิยอมยืนขึ้นยังคงหมอบกราบอยู่" รัชกาลที่ ๕ ทรงกริ้วนัก ถึงกับเสด็จไปดึงพระเมาลี (จุกผม) ให้พระราชธิดายืนให้ได้ แต่พระองค์เจ้าผ่องก็มิทรงยืน เหตุนี้พระบิดาจึงไม่โปรด พระองค์เจ้าผ่องมากนัก "ถึงแม้จะเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกก็ตาม"
 
เมื่อรัชกาลที่ ๕ ทรงเสด็จไปที่ใด บรรดาพระมเหสี พระราชโอรสและพระราชธิดาต่างๆ ในพระองค์ก็ไดรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต เสด็จตามพระองค์ท่านได้ "แต่มีเพียงพระองค์เจ้าผ่องเพียงพระองค์เดียวที่มิเคยได้ตามเสด็จพระราชบิดาไป ณ สถานที่ไหนเลย" แม้คราวสร้างพระราชวังดุสิต บรรดาเจ้าจอมมารดา เจ้าฟ้า พระราชโอรส และพระราชธิดานั้น ต่างก้ได้รับพระราชทานตำหนักใหญ่น้อยอยู่ในพระราชวังดุสิตนั้น "แต่พระองค์เจ้าผ่องนั้นมิได้ตามเสด็จไปพระราชวังดุสิต" ก็ยังคงประทับอยู่ในพระราชฐานชั้นใน ของพระบรมมหาราชวัง ตราบกระทั่ง เปลี่ยนแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ สวรรคต "พระองค์ก็มิได้ทรงออกจากพระบรมมหาราชวังเลย ก็คงประทับอยู่ที่นันตราบกระทั่งสิ้นพระชนม์ "
 
พระองค์เจ้าผ่องก็ทรงประทับในพระบรมมหาราชวังจนสิ้นพระชนม์ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2485 สิริพระชนมายุ 75 พรรษา ภายในพระบรมมหาราชวัง

"มีเรื่องกล่าวกันว่าพระองค์มิเคยได้ย่างก้าวออกจากพระบรมมหาราชวังตลอดกระทั่งวันประสูติจนถึงวันสิ้นพระชนม์เลย ตลอดระยะเวลา ๕ แผ่นดิน (ร.๔ - ร.๘)"
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2162 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2556, 09:28:17 »

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมใจจัดงาน "ปิยมหาราชานุสรณ์ ๒๕๕๖" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5



สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องในวันปิยมหาราช ได้พร้อมใจกันจัดงาน "ปิยมหาราชานุสรณ์ ๒๕๕๖" โดยภายในวันแถลงข่าวมีนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันในรั้วจามจุรี ที่ประสบความสำเร็จในหลายแวดวงเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง และในส่วนของรายการพิเศษ จะได้จัดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เวลา 14.30 - 16.00 น.

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะกรรมการบริหารทุนจุฬาสงเคราะห์ และทุนอาหารกลางวัน และที่ปรึกษาสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานนี้ว่า ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเพื่อหารายได้สมทบทุนจุฬาสงเคราะห์และทุนอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่มอบให้นิสิตระดับปริญญาตรีที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตลอดจนเป็นไปตามเจตนารมณ์การก่อตั้งสมาคมฯ ที่นอกจากเพื่อส่งเสริมความสามัคคีแล้ว ยังส่งเสริมให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันด้วย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2163 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2556, 15:30:37 »

ท่วมแล้ว

10.55 น. น้ำมูลทะลักท่วมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ขณะที่ ถนนมิตรภาพ โคราช ระดับน้ำลดลงแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำเช้าวันที่ 21 ตุลาคม ว่าปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูล อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่มีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะลักเข้าท่วมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และบริเวณโดยรอบกว่า 40 เซนติเมตร และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำถุงพลาสติกมาห่อวัตถุโบราณ พร้อมทั้งขนเก็บขึ้นในที่สูง

หมายเหตุ  อาคารเปิดโล่งข้างนอกยังมีอีกเยอะ ส่วนใหญ่เป็นทับหลัง คราวก่อนที่ไปยังมีคราบน้ำที่ท่วมปี 2554  ปีนี้  2556 ท่วมอีกแล้ว







      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2164 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 01:51:42 »

พี่เริง,
สักปลายสัปดาห์คะ
ค่อยตามสภาพอากาศกันอีกที
พี่จัดกระเป๋ารึยังคะ??
      บันทึกการเข้า


Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #2165 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 07:58:04 »

ขอบคุณ ครับ น้องเริง
         บทความ ได้ความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มขึ้นเยอะ  ครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2166 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 08:06:09 »

ครับผม..พี่ปิ๊ด

มีมาเรื่อยๆ ฮ่า ฮ่า
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2167 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 08:09:15 »

หนิง

ดูๆแล้วว่าจะเตรียมอะไรไปบ้าง

มีโจ๊กและอาหารกระป๋องไปด้วยนะ กลัวไม่อร่อย

ตารางเรียนและกิจกรรมจะเป็นไปตามนี้
   



ส่วนวันอาทิตย์ 3 ครั้งจะไปเมืองอื่นสามเมือง มีอะไรบ้าง จำได้ว่ามีเมือง Bath ด้วย และเป็นเมืองเก่าของโรมัน



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2168 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 08:41:49 »

ต้อนรับ แหลม จากรัสเซีย ครับที่เข้ามาชม
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #2169 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 08:44:00 »


สวัสดียามเช้าครับ.. พี่เริง..พี่ปี๊ด..พี่เหยง และพี่น้องทุกท่าน

ที่มอสโคว์ตอนนี้ยังไม่หกโมงเช้าเลย
อุณหภูมิ -3 องศาC ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2170 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 10:40:28 »

แหลม

-3 องศา ยังพอทนน่ะ
เที่ยวให้สนุก

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2171 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 10:47:34 »

เริง

สั่งซื้อหนังสือของมติชน ได้มาแล้ว 2 เล่มในวันนี้


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2172 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 10:48:08 »

วันนี้จะไปนครปฐม และอยู่เพื่อร่วมงานจุฬาฯ ที่นครปฐมในวันพรุ่งนี้
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #2173 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 12:18:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 22 ตุลาคม 2556, 10:40:28
แหลม

-3 องศา ยังพอทนน่ะ
เที่ยวให้สนุก




ขอบคุณครับ.. พี่เหยง
ช่วง 4 วันแรก เป็นช่วงทำงาน
คงได้เที่ยว 4 วันหลังน่ะครับ

เสื้อกันหนาวที่เตรียมไปรับมือได้ถึง-5 องศาน่ะครับ..
ตอนนี้ยังไหวครับ..
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2174 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2556, 12:54:22 »

เล่มนี้ก็ดีนะครับ พี่เหยง

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><