18 พฤษภาคม 2567, 04:18:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: แค่คุณทำดีก็อาจเป็นเหตุให้คนบางคนเกลียดได้ แต่อย่าท้อถอยกับการทำดี  (อ่าน 9856 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2552, 11:51:05 »


ในโลกอันน่าสับสนนี้ แค่คุณทำดี 
ก็เป็นเหตุให้คนบางคนเกลียดได้แล้ว 

 
และในทางกลับกัน  ถ้าคุณทำเลว 
ก็อาจเป็นเหตุให้คนบางคนชื่นชอบได้ 
 
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? 
เพราะแรงจูงใจของคนเรา 
ไม่ได้ขับดันจากความอยากดีหรืออยากเลว 
แต่ขับดันมาจากการได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ 
 
ความดีของคุณอาจทำให้ใครบางคนเสียหาย 
ขณะที่ความชั่วของคุณอาจทำให้ใครบางคนได้ดี 
ความชอบใจหรือไม่ชอบใจเขาตัดสินกันที่ตรงนี้ 
เสียหายหรือได้ดี 
 
ดังตฤณ 
มิถุนายน ๕๒

สมัครสมาชิกนิตยสาร รับอีเมล์ทุกวันพฤหัสบดี ได้ที่

http://dungtrin.com/mail

แรงจูงใจของคนเรา  ไม่ได้ขับดันจากความอยากดีหรืออยากเลว 
แต่ขับดันมาจากการได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ 

จะเปลี่ยนแรงขับดันข้างต้นได้ ถ้าทุกคน ยึดมั่นใน



พระราชดำรัส  สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก

องค์พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทยและองค์พระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย


“ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นเพียงแค่หมอเท่านั้น แต่ฉันต้องการให้พวกเธอมีใจเป็นมนุษย์ด้วย”

“..ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง

ลาภ ทรัพย์ เกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”

ดูเพิ่มเติมได้ที่

http://blog.spko.moph.go.th/osm/?page_id=286

 gek gek gek

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Ai_Ling
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2552, 16:56:03 »

สวัสดีค่ะ

พอดีตอนนี้อยากได้หนังสือ ของ ดังตฤณ ชื่อ มหาสติปัฏฐานสูตร (ปกสีม่วง) ไม่ทราบว่าจะหาได้จากที่ไหนได้บ้าง
อยากจะนำไปถวายสังฆทานให้พระที่ต่างจังหวัดนะค่ะ
สอบถามไปทางสำนักพิมพ์, Se-Ed book, และ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ปรากฎว่าไม่มี stock เหลือเลย สักเล่ม
รบกวนท่านใดที่ทราบกรุณาแจ้งกลับด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2552, 12:16:19 »


   

พิธีมอบใบเกียรติคุณ"คนดีศรีสังคม"

 win win win

รองนายกฯ ยันการทำความดี ไม่น่าอาย

สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบใบเกียรติคุณ “คนดีศรีสังคม” และมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่ได้รับรางวัล “คนดีศรีสังคม” โดยมีนายนที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้อำนวยการสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ พร้อมด้วย ผู้ตรวจราชการ ผู้บริหาร ประชาชน มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

สปน. มอบรางวัล “คนดีศรีสังคม” จำนวน 19 ราย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ตลอดจนปลุกจิตสำนึก และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนได้มีแบบอย่างที่ดี และเสียสละมุ่งกระทำดีต่อกัน

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมากมายทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะทุกคนอายที่จะทำความดี หรือมุ่งแต่จะทำความดีเพื่อให้ตนเองมีชื่อเสียงหรือได้รับการยอมรับและยกย่องในสังคม แต่ผู้ที่ได้รับรางวัล “คนดีศรีสังคม” จำนวน 19 รายในวันนี้ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า การทำความดีนั้นไม่น่าอายและสามารถทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความตั้งใจและเจตนาที่จะทำความดี เพราะจิตใจที่คิดจะทำดีจะเป็นแรงผลักดันให้ร่างกายนั้นทำความดีตามจิตใจหรือเจตนาที่ดี ซึ่ง

ตนอยากจะเป็นกำลังใจให้กับอีกหลายๆ คนที่คิดดีและต้องการกระทำความดีว่า ความดีที่เราทำนั้นแม้ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นแต่เราก็รับรู้และสัมผัสได้ด้วยหัวใจของผู้กระทำดี

อ่านเนื้อข่าวทั้งหมดได้ที่

http://www.thairath.co.th/content/edu/25410 

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2552, 13:07:20 »





ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีเสียงกล่าวกันว่า 

ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม 

ความประพฤติที่เป็นความทุจริตหลายอย่าง มีท่าที 

ที่จะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับ 

และสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดา 


สภาพการณ์เช่นนี้ ทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป 

เป็นปัญหาใหญ่ ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด 

จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฝืนคลื่นที่กล่าวนั้น 

ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจ ไม่กระทำสิ่งใดๆ 

ที่เรารู้คิดด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม 

เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่าง 

ที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ 

เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่า 

เป็นความดี เป็นความถูกต้องและเป็นธรรม 

ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ 

ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป 

และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีได้เป็นลำดับ 


พระบรมราโชวาท

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

http://board.dserver.org/e/easydharma/


บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2552, 13:22:18 »

แวะมาซึบซับธรรมะจากรุ่นพี่คับ และขออนุญาตสมัครสมาชิกรับเอกสารนะคับ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 10:55:17 »


ประธานาธิบดี คิม จอง อิล ของเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ

แสดงความเสียใจ ต่อการถึงแก่อสัญกรรม ของอดีตประธานาธิบดี คิม แด จุง ของเกาหลีใต้



ประธานาธิบดี คิม แด จุง ของเกาหลีใต้

สำนักข่าวยอนฮัพ ของเกาหลีใต้ รายงานวันนี้ (19 ส.ค.) โดยอ้างการเปิดเผย จาก

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการของเกาหลีเหนือ ระบุว่า

ประธานาธิบดีคิม จอง อิล ของเกาหลีเหนือ ได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ

ต่อการถึงแก่อสัญกรรม ของอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง ของเกาหลีใต้

โดยสาส์นดังกล่าว ระบุว่า ประธานาธิบดีคิม จอง อิล ขอแสดงความเสียใจ

อย่างสุดซึ้ง ต่อนางริ ฮี โฮ ภริยาของนายคิม แด จุง และสมาชิกในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม แม้การสูญเสียครั้งนี้ ได้นำมาซึ่งความเศร้าใจ

 แต่ความพยายามของนายคิม แด จุง ในการสร้างความปรองดอง และ

การตระหนักถึงการรวมชาติ จะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน      ​




ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ

ต่อครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง และชาวเกาหลีใต้ พร้อมกับแสดง

ความชื่นชม ในการเป็นผู้สนับสนุนประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน อย่างดีเยี่ยม

โดยอดีตประธานาธิบดีคิมได้เสี่ยงชีวิต เพื่อความก้าวหน้าทางการเมือง ซึ่งมี

ความสำคัญยิ่งต่อการสร้างเสถียรภาพ ของพลวัตแห่งประชาธิปไตย ในเกาหลีใต้

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

อ่านข่าวได้ที่ น.ส.พ.ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/oversea/27309

คิมแดจุงถึงแก่อสัญกรรม

น.ส.พ.โพสต์ ทูเดย์ วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552 12:50

อดีตประธานาธิบดี เกาหลีใต้ "คิม แด จุง" ถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า นายคิม แด จุง อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้

ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา 1.43 น.ตามเวลากรุงโซลในวันนี้

ด้วยวัย 85 ปี

อดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลตั้งแต่เมื่อ

วันจันทร์ที่ 14 ก.ค.หลังจากมีไข้และอาการของโรคไข้หวัด ในเบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่าเป็น

ปอดบวม แต่ต่อมาแพทย์ได้สั่งย้ายอดีตประธานาธิบดีคิมไปยังห้องไอซียู และ

ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต เพราะ

สัญญาณชีพจรทุกอย่างยังคงเป็นปกติในเวลานั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.อาการของอดีตประธานาธิบดีคิมกลับทรุดหนัก

เนื่องจากเกิดการติดเชื้อที่ปอดและเกิดภาวะน้ำท่วมปอดจนแพทย์ต้องใช้

เครื่องช่วยหายใจ กระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในวันนี้ (18 ส.ค.)

อดีตประธานาธิบดี คิม แด จุง ดำรงตำแหน่งผู้นำของเกาหลีใต้ในช่วงปี 2541-2546



ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปีพ.ศ.2543 ในฐานะที่ท่านทุ่มเท

ความพยายามในการส่งเสริมสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีและจับมือคืนดีกับ

เกาหลีเหนือ ด้วยการจัดประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างผู้นำ

เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในปีพ.ศ.2543


นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดีคิมยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในฐานะผู้ที่พยายาม

ประสานความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสองฝ่าย

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552, 06:42:36 »


        

เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

         ยกผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐเป็นบุคคลแห่งปี ด้านผลประชุมเฟดยังเดินหน้าคงอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อ เมื่อวานนี้ นิตยสารไทม์ ขึ้นหน้าปกให้ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้ไปครอง ในฐานะเป็นผู้ที่นำเศรษฐกิจสหรัฐออกจากเงามืดทางเศรษฐกิจครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ หากปราศจากเบน เบอร์แนนคี สถานการณ์จะต้องย่ำแย่มากกว่านี้ ไทม์ ระบุ ทั้งนี้ เบอร์แนนคี ในวัย 56 ปี เป็นอดีตศาสตราจารย์ของมหา วิทยาลัยชื่อดังอย่างพรินซ์ตัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องวิกฤตการถดถอยทางเศรษฐกิจโลกเมื่อช่วงปี 1930 ขณะเดียวกันทางด้านเฟดได้ออกแถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของสหรัฐ หลังการประชุมเป็นเวลาร่วม 2 วัน ระบุว่าเฟดจะยังคงมาตรการในการลดอัตราดอกเบี้ย

http://news.nipa.co.th/news.action?newsid=181928

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

นำข่าวยกย่องคนดี มาให้เป็นเป้าหมายสำหรับพวกเรา

ร่วมสร้างความดีไว้ให้ลูกหลานกัน

Imagine - John Lennon +เนื้อเพลง


http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=anotherside&month=26-12-2008&group=9&gblog=30

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 14 มีนาคม 2553, 18:10:58 »


          ประเทศร้องไห้จ่าเพียรเกษียณแล้ว
น.ส.พ.โพสต์ทู่เดย์ วันอาทิตย์ ที่ 14 มีนาคม 2553 เวลา 10:35 น.
 
โดย...อภิวัจ สุปรีชาวุฒิพงศ์

         “กูไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกปีเดียวกูก็เกษียณแล้ว แต่กูทำไปเพื่อตำรวจ ทหาร อส. ใน 3 จังหวัด คนทำความดีควรได้รับการดูแลตอบแทนบ้าง”

                                

         คำพูดของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา “นาย” ที่ ร.ต.ท.ธาม ลอยสะเทื้อน รองสารวัตรป้องกัน|และปราบปราม (รอง สวป.) สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ยอมรับนับถืออย่างสุดใจ ยังก้องอยู่ในความทรงจำของหมวดหนุ่ม

         เป็นคำพูดเพื่อบอกให้ลูกน้องได้เข้าใจต่อการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ว่า

         ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้มาร่วม 40 ปี และต้องการย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อความสบายใจของครอบครัว ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตราชการ

         ไม่กี่วันก่อนเดินทางไปร้องเรียนที่กรุงเทพฯ พ.ต.อ.สมเพียร ถูกลอบวางระเบิด ขณะนั่งรถยนต์ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โชคดีที่เขาไม่ได้รับอันตราย หลังยื่นหนังสือร้องเรียนครั้งนั้น พ.ต.อ.สมเพียร เปิดใจให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า

                  

         “ผมอยากกลับบ้านให้ลูกและภรรยาสบายใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตราชการ
แม้จะให้ยศพลตำรวจเอก ผมก็ไม่อยากได้ ถ้าหากกลับบ้านแบบมีธงชาติคลุม”


         ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ น้ำตาของคนไทยรินหลั่ง กับภาพธงไตรรงค์ที่คลุมอยู่เหนือร่างวีรบุรุษ...

         4 ปีแล้วที่หมวดธาม จากลพบุรีบ้านเกิด มาปฏิบัติหน้าที่ยัง อ.บันนังสตา เกือบปลายสุดด้ามขวาน ดินแดนซึ่งความรุนแรงได้คุกคามชีวิตอันสงบสุขของผู้คน เป็นช่วงเวลา 4 ปีที่หมวดหนุ่มได้สัมผัสกับมือปราบแห่งชายแดนใต้

         “ผมมารับตำแหน่งเมื่อปี 2548 ตอนนั้นแกยังเป็นรองผู้กำกับป้องกันปราบปราม (รอง ผกก.ป.) ผมเห็นแกครั้งแรกไม่ได้รู้สึกศรัทธาแกเลย เพราะรูปร่างหน้าตาแกไม่สมาร์ตเลย ดูยังไงก็ไม่เชื่อว่าแกเป็นนักรบ ปกติแกจะนุ่งกางเกงวอร์ม สวมเสื้อยืด เย็นวันหนึ่งผมกำลังเล่นกีฬา แกก็เดินมาหาในชุดเดิม แต่สะพายปืนมาด้วย บอกว่าเฮ้ยไปทำงานกัน พอไปถึงจุดหมาย คนร้ายเปิดฉากยิงใส่ก่อน แกวิ่งนำหน้า เสื้อเกราะก็ไม่ได้ใส่ ยิงปะทะกันอย่างหนักฝ่ายคนร้ายตายไป 5 แต่พวกเราปลอดภัย”

         ในฐานะลูกน้องใกล้ชิด ไม่ต่างจากมือขวา หมวดธามเล่าถึงเรื่องราวของนายผู้ล่วงลับว่า พ.ต.อ.|สมเพียร ทุ่มเททำงานโดยไม่หวังผลตอบแทน หวังอย่างเดียวคือทำลายเครือข่ายขบวนการก่อความไม่สงบให้ได้ ให้บันนังสตาเป็นแบบอย่างของการทำงานเพื่อรักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

         “แกเป็นต้นแบบของตำรวจ ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง อยู่ในพื้นที่มานานตั้งแต่เป็นตำรวจชั้นประทวน ชาวบ้านเรียกแกว่า ‘จ่าเพียร’ คนเฒ่าคนแก่มุสลิมแถวบันนังสตารักแกหมด พอรู้ว่าแกเป็นผู้กำกับ ก็มาหา แกเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจชายแดนใต้ คือเป็น|นักสู้ ถึงลูกถึงคน จึงจะได้ใจคน ดึกๆ แกก็ไปเยี่ยมลูกน้องตามฐาน ไปเยี่ยมชาวบ้าน ผมว่าผู้ก่อการคิดผิด การตายของผู้กำกับสมเพียร ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นใจแก จะทำให้มวลชนที่ยังไม่เข้าข้างฝ่ายไหน จะหันมาให้ความร่วมมือกับฝ่ายรัฐมากขึ้น ในงานรดน้ำศพมีชาวบ้านมุสลิมจากบันนังสตาไปร่วมงานเยอะมาก”

         แม้จะเป็นลูกน้องใกล้ชิด เป็นมือขวาที่ร่วมงานมากว่า 4 ปี แต่ไม่มีสักครั้งที่ผู้กำกับกระดูกเหล็กจะเอ่ยปากสอนงานให้ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา

         “แกไม่เคยสอนงาน แต่แกปฏิบัติให้เห็น ทำให้ดู ผมร่วมจับกุมเข้าปะทะกับแกมาแล้ว 9 ครั้ง ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 25 คน ทุกครั้งแกนำเองเลย พันตำรวจเอกวิ่งนำหน้า แกบอกว่า อยากให้ดูว่าลูกปืนมันก็วิ่งเข้าหาพันตำรวจเอกไม่ใช่แต่นายสิบเท่านั้น เข้าป่าไปดักซุ่มคนร้ายแกก็แบกเป้เอง กินข้าวปลาเค็ม นอนตากฝนกับลูกน้อง ทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชาฝากเงินให้เป็นรางวัลแกไม่เคยเปิดซองดู แต่เรียกชุดทำงานเข้ามาแล้วยื่นซองให้ บอกให้ไปแบ่งกัน”

        การพูดคุยนิ่งไปชั่วครู่ หมวดหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า

       “สำหรับผมแกเป็นยิ่งกว่าวีรบุรุษ”

        ความเป็นวีรบุรุษของจ่าเพียร มิใช่จากการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่มาจากเรื่องราว|วีรกรรมการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มาร่วม 40 ปี นับแต่จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธร จ.ยะลา เมื่อ พ.ศ. 2513 ก็บรรจุเข้ารับราชการที่ อ.บันนังสตา ในยุคที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเข้มแข็งถึงขีดสุด ผ่านการสู้รบปะทะกับกลุ่มโจร|ก่อการร้าย โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายามานับ 100 ครั้ง บาดเจ็บถึง 8 ครั้ง ที่หนักสุดคือในช่วงปี 2519 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้ายจนเกือบพิการ

         วีรกรรมของจ่าเพียรส่งผลให้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร และได้เข้าร่วมพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2525 ขณะมียศเพียงจ่าสิบตำรวจ เป็นจ่าตำรวจคนแรกและคนเดียวที่ได้ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้

         ระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี สำหรับชีวิตผู้คน โดยเฉพาะการมีชีวิตอยู่อย่างทุ่มเทเสียสละ นับว่าเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง

         ไม่เพียงแต่งานราชการที่ทุ่มเทปฏิบัติเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชน วันนี้ “จ่าเพียร” เกษียณแล้วจากภาระทั้งปวง เหลือไว้แต่เรื่องราวความกล้าหาญ เสียสละ ยึดมั่นต่อหน้าที่ เสมือนตำนานที่จะอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดไป

         “หลับตาเถอะนะ ขอให้เธอหลับฝันดี คืนนี้ไม่ต้องห่วง ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน
ฝากดาวบนฟ้า ร้องเพลงนี้ให้เธอฟัง หากฉันไม่ได้กลับ อย่างน้อยให้เธอหลับสบายก็พอแล้ว...”


http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1/16189/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%93%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7

         sorry sorry sorry

         สดุดีตำรวจกล้า “พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา” (ชมคลิปวิดีโอ)      

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   13 มีนาคม 2553 22:42 น.

                                

                                        พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

       จากเหตุการณ์ลอบสังหารของผู้ก่อความไม่สงบ ด้วยการระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณกลุ่มบ้านทับช้าง ม.2 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา (วานนี้ 12 มี.ค.) ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตจำนวน 4 นาย โดยนายตำรวจผู้เสียชีวิตในหน้าที่ คือ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา
      
       ASTVผู้จัดการ และทีมงานทุกคน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติมิตรของ พ.ต.อ.สมเพียร และขอสดุดีต่อความกล้าหาญ การทำงานอย่างเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชน อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยตลอด 40 ปี ของท่าน ... ด้วยรักและอาลัยยิ่ง

คลิกเข้าชมคลิปวิดีโอ ได้ที่......      
      
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000035692
  
                     ความฝันอันสูงสุด
      
       ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
       คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
      
       ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
       ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
       ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
       ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
      
       จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
       จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
       จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
       จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
      
       ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
       ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
       ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
       ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
      
       นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
       หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
       ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
       ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
      
       โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
       เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
       คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
       ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย

       นำมาจาก......      
      
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000035692

             win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><