08 พฤษภาคม 2567, 23:38:33
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 21  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องสนุก ( จะเป็นประเด็นปลีกย่อย..เกร็ดเล็กๆน้อยๆ..ถากถาง..ขำขัน.)  (อ่าน 216186 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #275 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 14:59:12 »


      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #276 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 15:44:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Intania๑๖ เมื่อ 13 กรกฎาคม 2554, 14:59:12

เห็นแล้ว ฝันร้าย อุบาทว์ ลูกกะตาจิ๊งจิง....มารร้ายจากอเวจี
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #277 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 15:46:57 »

คนจนยิ่งมาก..."ทักษิณ"ยิ่งชอบ !
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 "ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ควรจะต้อง "รีแบรนด์" ภาพลักษณ์ของพรรคใหม่
 เพื่อทำให้คนอีสานและคนเหนือ รู้สึกได้ว่าคือพรรคที่เข้าถึงคนจนได้


  ซึ่งอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามทำในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง แต่ถือว่าช้าเกินไป"

 เห็นด้วยอย่างมากกับประโยคนี้ผ่านมุมมอง "ดร.วิเลิศ ภูริวัชร" อาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"คนจนยิ่งมากเท่าไหร่...โอกาสของพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ย่อมมากเท่านั้น..
.เพราะเข้าใจในความรู้สึกและความ "ด้อย" ของพวกเขาได้มากกว่า ประชาธิปัตย์"
 ประชาธิปัตย์หากยังไม่ "รีแบรนด์" หรือสร้าง "ซับแบรนด์" ขึ้นมาใหม่ ก็มีโอกาสที่จะแพ้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
หรือพรรคที่ผุดขึ้นมาใหม่ได้ทุกการเลือกตั้ง!
 เลือกตั้งกี่ครั้ง..ก็แพ้!


 ประชาธิปัตย์ "คิดเอง" ว่าจะให้นโยบาย "ที่ดี" อะไรบ้างกับประชาชน แต่มักลืมถามตัวเองว่า "ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอะไร"...ประชาภิวัฒน์ เป็นความพยายามกำหนดนโยบายจากพื้นฐานความต้องการประชาชน แต่การตลาดก็ยังไม่ "โดน" ใจผู้บริโภคมากนัก เหตุเพราะมีองค์ประกอบอื่นเข้าเกี่ยวข้องด้วย

 ประชานิยม เหมือนกันแต่มีความต่างกัน...ที่มาร์เก็ตแชร์และความยอมรับในแบรนด์ รวมถึงขึ้นอยู่กับว่า ใครเข้าสู่ตลาดก่อนกัน...แน่นอน แบรด์ประชานิยม "ทักษิณ ชินวัตร" ลุยตลาดก่อนและครองมาร์เก็ตแชร์ มายาวนาน

 เพราะที่ คนอีสาน-เหนือตั้งนายกรัฐมนตรีเสมอมา...ตรงนี้ถูกต้องเหตุเพราะฐานเสียง ส.ส.เขตของสองภาคนี้ ก็เกิน 50% ของ 375 ที่นั่งไปแล้ว (อีสานมี ส.ส.เขตได้ถึง 126 คน ภาคเหนือมี ส.ส.ได้ถึง 67 คน  2 ภาคมี ส.ส.193 คน)

 พรรคเพื่อไทย จึงมีส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์ หลายเท่า และผู้บริโภคก็มีความจงรักภักดีกับแบรนด์ "ทักษิณ ชินวัตร" เหนียวแน่น!

 ที่ต้องย้ำกันแบบนี้เพราะ "คนจน" ..ความเหลื่อมล้ำของรายได้ในประเทศไทยยังดำรงอยู่อีกยาวนาน

 สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยข้อมูลรายได้ประชาชาติต่อหัวในปี 2552 ของคนไทย พบว่า รายได้ระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงกว่าคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มากถึง "7 เท่า"

โดยรายได้เฉลี่ยของคนทั้งประเทศอยู่ที่ 135,145 บาทต่อหัว ขณะที่คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรายได้เฉลี่ยสูงถึง 392,885 บาทต่อหัว รองลงมาได้แก่ภาคตะวันออกมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 309,985 บาทต่อหัว ขณะที่ภาคกลางมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 228,016 บาทต่อหัว คนภาคใต้มีรายได้เฉลี่ย 106,048 บาทต่อหัว

 ส่วนคนในอีก 3 ภาค คือกลุ่มที่มีรายได้เฉลี่ยรายได้ไม่ถึง 1 แสนบาทต่อหัว ได้แก่ ภาคตะวันตก มีรายได้เฉลี่ย 93,616 ต่อหัว ภาคเหนือรายได้เฉลี่ย 70,105 ต่อหัว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือกลุ่มคนที่ยากจนที่สุด มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 45,766 ต่อหัว

 ยิ่งเมื่อพิจารณาจากดัชนีความเหลื่อมล้ำ (Gini index) ที่ธนาคารโลกรายงานออกมา โดยวัดจากคนที่รวยสุด 20% บน กับคนจนสุด 20% ล่าง พบว่าของไทยอยู่ที่ 53.6 ถือว่ารายได้คนสองกลุ่ม ยังห่างกันมาก...ดัชนี Gini ดีกว่ากัมพูชาเล็กน้อยเท่านั้นเอง

 ความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น ...และคนจน ยังเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ระบอบประชาธิปไตยที่ให้สิทธิทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน...ย่อมเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองหันมาเอาใจ "คนจน" กันทั่วหน้า ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ทุกพรรคแย่งกัน "รักพวกเขา"

 ขึ้นอยู่กับว่านโยบายของใครจะ "โดนใจ" มากกว่ากัน...แบรนด์ประชานิยมของใครแกร่งกว่า

 หากประเมิน ณ นาทีนี้ ยี่ห้อ "นายห้างดูไบ" ยังผูกขาดตลาดสูงมาก ความยากจนยิ่งมากเท่าไหร่
ความต้องการสินค้ายี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ยังเป็นที่ต้องการสูงขึ้นเท่านั้น

  นอกเสียจาก พรรคประชาธิปัตย์ จะรีแบรนด์เสียใหม่ เมื่อนั้นอาจจะเห็นตลาดที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น...แต่ไม่รู้เมื่อไหร่!



      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #278 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2554, 05:08:41 »




สัญญาประชาคม" ที่พรรคเพื่อไทย โดยยิ่งลักษณ์
ประกาศไว้ที่เวทีราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อ ๑ ก.ค.๕๔ ดังนี้

 ๑.สร้างเขื่อนกั้นทะเลสมุทรสาคร-สมุทรปราการ
 ๒.ปรับปรุง ๒๕ ลุ่มน้ำ-ดึงน้ำจากพม่า-ลาว-กัมพูชา
 ๓.สร้างรถไฟฟ้า ๑๐ สาย ใน กทม.เก็บ ๒๐ บาท
 ๔.ทำรถไฟรางคู่เชื่อมชานเมือง
 ๕.ทำแลนด์บริดจ์ภาคใต้
 ๖.ขจัดยาเสพติดใน ๑๒ เดือน/ขจัดความยากจนใน ๔ ปี
 ๗.พักหนี้ครัวเรือนที่ต่ำกว่า ๕ แสนบาท อย่างน้อย ๓ ปี
 ๘.๓๐ บาทรักษาทุกโรคได้จริง
 ๙.งบฯ องค์กรท้องถิ่น ๒๕ เปอร์เซ็นต์
 ๑๐.จำนำข้าวเปลือก ๑๕,๐๐๐ บาท
 ๑๑.แจกเครดิตการ์ดให้เกษตรกร
 ๑๒.ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ ๒๐% ในปี ๒๕๕๖
 ๑๓.ตั้งกองทุนตั้งตัวให้นักศึกษา ๑,๐๐๐ ล้านบาท
 ๑๔.ตั้งกองทุนร่วมทุนทุกจังหวัด
 ๑๕.คืนภาษี-เพิ่มค่าลดหย่อนให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรก
 ๑๖.คืนภาษีให้ผู้ซื้อรถคันแรก
 ๑๗.ยกเลิกกองทุนน้ำมัน
 ๑๘.แจกแท็บเลต พีซี ให้เด็กนักเรียน
 ๑๙.ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท ภายใน ๙๐ วัน
 ๒๐.จบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น ๑๕,๐๐๐ บาท
 ๒๑.ทำสนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบิน
 ๒๒.ฟรีอินเทอร์เน็ตในที่สาธารณะ
 ๒๓.จัดตั้งกองทุนทรัพย์สินของชาติ
 ๒๔.ชายแดนใต้ ๓ จว.เป็นเขตปกครองพิเศษ
๒๕.จัดศูนย์ฝึกในอาชีวศึกษาทุกแห่ง


      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #279 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2554, 10:29:44 »

“ทักษิณ” คิด “มติชน” ทำ
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2554 06:34 น.
 
 
  ในยุคที่ระบอบทักษิณกำลังฟื้นคืนชีพ ผู้คนจำนวนไม่ร้อยกำลังอยู่ในอาการปริวิตกว่าจะใช้ชีวิตต่อไปในประเทศไทยอย่างไรให้มีความสุขกับสภาพบ้านเมืองที่กำลังเปราะบางอย่างยิ่ง
       
       เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์การเมืองไทยช่วงใด จะดูอลเวงเท่ากับบรรยากาศการเมืองพ.ศ. 2554 ที่เสื้อแดงล้มเจ้าครองเมืองมาก่อน
       
       ดูได้จากผู้ชนะกลับสวมคราบชนะแล้วยังอันธพาล ทั้งๆ ที่สำนวนไทยมีแต่ “แพ้แล้วพาล” หรือ “ขี้แพ้ชวนตี” แต่นี่พรรคเพื่อไทยชนะแล้วกลับยังไม่สามารถละทิ้งสันดานดิบ ถ่อย เถื่อน ที่ติดตัวเป็นปานดำออกไปได้
       
       สภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะจึงชัดเจนว่า วิธีคิดของทักษิณที่ให้เพื่อไทยและน้องสาวอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยทำก็คือ “ผู้ชนะคือผู้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น”, “ผู้ชนะสามารถทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งทำผิดกฎหมาย” ฯลฯ
       
       การกดดัน กกต. ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและโจกแดงเปิดหน้าชกกันอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่มีความเคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง และระบบการถ่วงดุลอำนาจที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ให้กับองค์กรอิสระต่างๆ ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อรักษาบ้านเมือง กลับถูกบิดเบือนโดยใช้แรงกดดันจากกฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย
       
       บ้านเมืองไม่พังคราวนี้แล้วจะเจ๊งคราวไหน พรรคเพื่อไทยจึงควรเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพังไทยน่าจะเหมาะสมกว่า
       
       ที่น่าเศร้ามากไปกว่านั้น คือ สื่อมวลชนโดยรวมกลับยอมปล่อยให้พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันธพาลข่มขู่องค์กรอิสระ ย่ำยีคนไทยอย่างย่ามใจ ถือเป็นยุคที่ประชาชนเสื่อมถอยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
       
       นักการเมืองจำนวนหนึ่งขายตัวแลกผลประโยชน์ ข้าราชการพึ่งพาไม่ได้ แถมสื่อมวลชนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่ทำหน้าที่ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในยามที่ชาติกำลังประสบวิกฤติด้านความมั่นคงที่อาจเรียกได้ว่าวิกฤตที่สุดในโลกเสียอีก
       
       ยุคทักษิณครองเมืองเกิดปรากฎกรณ์แทรกซึม แทรกซื้อ และ แทรกแซง สื่อมวลชนอย่างเป็นระบบ มาถึงยุคที่ทักษิณหมดอำนาจแต่มีแก้วสามประการเป็นของตัวเอง คือ พรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ นั้นแท้จริงแล้วทักษิณ ยังมีไพ่อีกใบในมือที่ใช้มาตลอดต่อเนื่องนับตั้งแต่ตกจากบัลลังก์อำนาจ คือ
       
      สื่อมวลชนหลัก
       
      ซึ่งพูดกันให้ชัดเจนตรงไปตรงมาก็คือ มติชน และ ข่าวสด ที่ผู้บริหารก็เพิ่งออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นสื่อแดง เปิดพื้นที่ให้คนเหล่านี้ได้เสนอหน้าต่อสาธารณขนแบบเอียงกะเท่เร่ไม่ตั้งมั่นอยู่บนข้อเท็จจริงในฐานะสื่อมวลชนที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
       

       จึงไม่น่าแปลกใจที่คอลัมน์นิสต์ดีๆ หลายคนที่เขียนบทความวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาจะถูกถอดออกจากการเขียนคอลัมน์ประจำ ทั้งที่เป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าและสร้างชื่อเสียงให้กับหนังสือพิมพ์มติชนมาอย่างยาวนาน เช่น
       
      กรณีของ ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ซึ่งเป็นคนข่าวที่ทำงานด้านสื่อสารมวลชนมายาวนานและมีชื่อเสียงในด้านการเจาะข่าวจนทำให้ได้กล่องรับรางวัลกันไปหลายครั้ง
       
       แต่วันนี้ “ประสงค์” ก็หลุดกระเด็นไปอย่างไร้ค่า เพราะความเป็นอิสระทางความคิดไปขัดแย้งกับทิศทางของหนังสือพิมพ์ที่วางตัวเป็นหัวแดงชี้นำบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าเพื่อประโยชน์ของประชาชน

       
       แม้ว่า วันนี้คนทำงานข่าวในเครือนี้จะอิ่มหนำสำราญเต็มที่ เพราะหลังเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งไม่กี่วัน ทั้งข่าวสดและมติชนก็ประกาศเป็นการภายในให้นักข่าวได้รับทราบข่าวดีเกี่ยวกับการปรับเงินเดือนให้ถ้วนทั่วทุกคนเท่าเทียมกันรายละ 5 พันบาท ทำได้ทันที
       
       “ทักษิณคิด มติชนทำ” ไม่ต้องรอเหมือนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตามนโยบายพรรคเพื่อไทย
       
       แต่ฟ้าแถวประชาชื่นตกทั่วถึง ทุกคนยิ้มรับเงินเดือนเพิ่ม 5 พันบาทแบบหวานคอแร้ง
อย่างนี้จะไม่ให้ผู้คนเขาตั้งคำถามได้อย่างไรว่า แนวทางการนำเสนอข่าวที่เบี่ยงเบนไปเข้าข้างทักษิณ เพื่อไทยและคนเสื้อแดงเกิดจาก “อุดมการณ์” ที่จะยึดถือหลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ หรือเกิดจาก “อุดมกิน” กันแน่?
       
       เป็นเรื่องที่ มติชน และข่าวสด ต้องให้คำตอบกับประชาชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์มติชนที่ได้รับการโอบอุ้มอย่างอบอุ่นจากประชาชนให้พ้นเงื้อมมือทักษิณในยุคที่เสี่ยใหญ่แกรมมี่สยายปีกจะเข้ามาครอบงำ
       
       มาวันนี้ค่ายมติชนกลับสยบยอมต่อการเมือง ละทิ้งประชาชนที่เคยยืนหยัดต่อสู้เพื่อมติชนแล้วหรือ
       
       แน่นอน คนทำงานข่าวในสนามพึงพอใจกับเม็ดเงินที่ได้เพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่ลืมหน้าที่ในวิชาชีพของตัวเอง หรือว่าวันนี้สำหรับคนทำงานข่าวที่มติชน และข่าวสด จะถือว่าอาชีพนักข่าวก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ ทำงานให้ได้เงิน ไม่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นฐานันดร 4 หรือ จรรยาบรรณที่พึงมีในวิชาชีพของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
       
       เป็นโจทย์ที่ฝากให้คนทำงานข่าวในเครือนี้ได้ไตร่ตรองและใคร่ครวญดูว่าเงิน 5 พันบาทที่กำลังจะได้เพิ่มขึ้น พรากเอาจิตวิญญาณจากวิชาชีพสื่อมวลชนไปด้วยหรือเปล่า หรือว่าพวกคุณเต็มใจที่จะเสียมันไปแลกกับเงิน 5 พันบาทที่กำลังจะได้รับกลับมา
       
      ลองถามตัวเองดูว่า “นกที่อ้วนเกินไปจนบินไม่ได้ จะไม่มีทางได้ลิ้มรสความสุขจากการกระพือปีกโบยบิน จะยังถือเป็นนกได้อีกหรือไม่?”

 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #280 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2554, 16:10:45 »

“พิเชษฐ” ฉะ “มาร์ค” ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ จับมือ “เทพเทือก” พา ปชป.ลงเหว!"
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2554 13:31 น.
 
 
 
บทสัมภาษณ์ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด 25 ก.ค.2554
 
  กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์-ส.ส.กระบี่รุ่นลายคราม แนะจับตาเลขาธิการพรรคเข้ามาถูกตามข้อบังคับพรรคหรือไม่ หลังผู้ท้าชิงถอนตัว สะพัดล็อกตัวไว้แล้ว อ้างเสนอ “คุณหญิงกัลยา” เป็นเลขาฯ พรรคคนใน-คนนอกบอกเหมาะสม ชี้ถ้ามีโอกาสดีต้องหวัง กก.บห.ใหม่ มาด้วยใจและความสามารถ ตำหนิ “อภิสิทธิ์” ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ มีแต่กลุ่มเด็กๆ เฝ้ารอเป็นวอลเปเปอร์ไปวันๆ เทพเทือกคล้อยตาม แม้ผู้ใหญ่แนะกระบวนการเป็นฉุนกลับ เชื่อโพลล์ฝรั่ง 200 เสียงพาแพ้ยับเยิน แนะต้องทำอย่าง “นายหัวชวน” ระดมทุกรุ่น-ทุกวัยทำงาน ไม่แคร์ถูกกำจัดบอกถ้าใจนักเลงพอไม่ควรเคืองกัน
       
       หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันจันทร์ที่ 25 ก.ค. 2554 ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.เขต 3 จ.กระบี่ และกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในหัวข้อ “′พิเชษฐ′เปิด′ขยะใต้พรม′ปชป. ผู้ใหญ่ในพรรคถูกบอนไซ อยู่บ้านเลขที่ 67 ไม่มีบทบาท” ซึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีผลทำให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ประชาธิปัตย์ต้องพ้นสภาพทั้งหมด
       
       นายพิเชษฐกล่าวว่า ตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์คงจะกลับมา แต่สำหรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนยันหลายครั้งชัดเจนว่าไม่รับตำแหน่งใดๆ จึงมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกเลขาธิการพรรคคนใหม่ ปกติเป็นอำนาจของหัวหน้าพรรคเสนอต่อที่ประชุมใหญ่วิสามัญเลือกให้เหลือคนเดียว แต่ที่ผ่านมามีความไม่สบายใจ เพราะผู้ที่ถูกเสนอชื่อ 3 คน จะมี 2 คนที่ถอนตัว เหมือนล็อกไว้แล้ว ที่ถูกต้องหัวหน้าพรรคต้องเสนอเข้ามาอีกให้เป็น 3 คน ให้ที่ประชุมเลือก แต่ที่ผ่านมาบางครั้งเมื่อผู้ที่ถูกเสนอชื่อ 2 คนถอนตัวเหลือคนเดียว ถือว่าไม่มีการแข่งขันก็ไม่ต้องเลือก
       
       “ผมคิดว่ามันน่าจะขัดกับข้อบังคับพรรค และถ้าไปจดทะเบียนเลขาธิการพรรคกับนายทะเบียนพรรคการเมืองน่าจะถือว่าไม่ชอบ เพราะว่าข้อบังคับคือให้ที่ประชุมเลือก แต่กรณีที่ว่าที่ประชุมไม่มีโอกาสได้เลือก คนที่เหมาะสมเป็นเลขาฯ ได้ในพรรคมีเยอะ แล้วแต่ความเห็นของใคร แต่ความเห็นของผมจะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเผื่อหัวหน้าพรรคจะพิจารณาคือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ” นายพิเชษฐกล่าว
       
       นายพิเชษฐกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องเลขาธิการพรรคคนใหม่ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับนายสุเทพ โดยมองว่าเมื่อนายสุเทพไม่รับตำแหน่งแน่นอนแล้ว คนใหม่มีใครบ้าง ตนไม่ได้ว่าคนอื่นไม่เหมาะสม แต่เห็นว่าคุณหญิงกัลยาเป็นคนหนึ่งที่สามารถเป็นได้ ถึงได้ออกชื่อไป แต่ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โต ทั้งคนในพรรคและคนนอกฮือฮากันมาก และดีใจที่ได้มีการเอ่ยชื่อคุณหญิงกัลยาโดยเห็นว่าเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้า กก.บห.พรรคชุดใหม่ยังเลือกวิธีเดิม ก็คงมีคนไม่ยอม ถ้าถอนตัว 2 คน หัวหน้าก็ต้องเสนอชื่อมา 2 คน ให้ที่ประชุมมีโอกาสเลือก ข้อสำคัญ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองจับตาดูว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่เข้ามาถูกต้องตามข้อบังคับพรรคหรือไม่
       
       • ฉะอภิสิทธิ์ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ เหน็บมีแต่ “วอลเปเปอร์” เสนอหน้า

       
       กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรค แบ่งเป็นกลุ่มก๊ก โดยกล่าวว่าการรวมกลุ่มมีเป็นธรรมดา เพราะมี ส.ส.ต่างวัยกันเยอะ เวลาทำอะไรก็มักจะจับกลุ่มฝ่ายผู้สูงอายุ ฝ่ายคนหนุ่ม ส่วนที่แบ่งเป็นกลุ่มของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มของนายสุเทพ ตนไม่ทราบว่าคนอื่นคิดอย่างนั้น แต่ที่ผ่านมาบทบาทในพรรคส่วนหนึ่งคือคนที่นำเสนอตัวเอง ออกสื่อเยอะ อีกส่วนหนึ่งคือตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจาก กก.บห.กระจุกตัวกันอยู่ในคนแค่กลุ่มหนึ่ง เมื่อพ้นจากหน้าที่หนึ่งก็จะเอาไปสู่อีกตำแหน่งหนึ่ง รวมถึงมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นรัฐมนตรี พ้นจากรัฐมนตรีก็มาสู่อีกตำแหน่งหนึ่ง ไปเป็นเลขาธิการนายกฯ พ้นจากเลขาธิการนายกฯ ก็มาอีกตำแหน่งหนึ่ง หมุนเวียนกันอย่างนี้
       
       เมื่อถามว่า กก.บห.ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนรุ่นเก่า นายพิเชษฐมองว่าทุกตำแหน่งหมุน เวียนกันอยู่ในกลุ่มนี้ ในสมัยรัฐบาลชวน 2 ภาพในห้อง ครม.ข้างซ้ายเป็นใคร ข้างขวาเป็นใคร รู้สึกว่าผู้ใหญ่ในพรรคหายไป 20 คน แต่ละคนเคยเป็นหลักทั้งนั้น หลังจากนั้นคนใหม่ที่เข้ามาก็ออกไปหลายคน คนเก่าอย่าง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ทำไมต้องลาออกจากพรรค นายรักษ์ ตันติสุนทร ก็ลาออก ทั้งที่คนเหล่านี้ถ้ายังเป็นหลัก และอยู่วันนี้มาช่วยกันเป็นองค์ประกอบของพรรคยุคนี้จะเห็นความยิ่งใหญ่ แต่หากปล่อยไว้ก็น่าเป็นห่วง
       
       “สมัยที่นายชวนเป็นหัวหน้าพรรค ท่านสามารถระดมคนทุกรุ่น ทุกวัย ช่วยงานทุกด้าน ทั้งคนนอก คนใน แต่ขณะนี้รู้สึกคนน้อย คนที่ยังอยู่ในพรรคที่เป็นผู้ใหญ่แล้วถ้าไม่มอบหมายหน้าที่ ไม่เรียกใช้ก็ไม่มีใครอยากไปเสนอหน้า ก็จะมีคนรุ่นหนึ่งวิ่งกันอยู่ทั่วไป พอมีวิกฤต ช่วงตอน เม.ย. พ.ค. มีโทรศัพท์เข้ามาเอะอะว่าทำไมผู้ใหญ่ในพรรคหายหัวไปไหนหมด ปล่อยให้นายกฯ รับหน้าที่ ถ้าท่านนายกฯ เอ่ยปากสักนิดว่าคุณหญิงครับผมจะไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ไปเป็นเพื่อนผมนะ หรือผมจะไปกระทรวงการคลัง พี่พิเชษฐช่วยไปเป็นเพื่อนผม หรือจะไปมหาดไทย ท่านบัญญัติ (บรรทัดฐาน) ช่วยไปเป็นเพื่อนสักคน ไปกระทรวงสาธารณสุข ก็ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์
       
       ถ้านายกฯ ถูกขนาบด้วยคนเหล่านี้ ความเป็นผู้ใหญ่ของท่านจะเกิดขึ้นทันที แต่ท่านนายกฯ ไม่เคยเรียกหา ไม่เคยใช้ใครเลย มีแต่กลุ่มเด็กๆ ที่วันๆ ก็เฝ้าแต่สืบเสาะว่าวันนี้นายกฯ จะไปไหน มีโปรแกรมตรงไหนก็วิ่งไปล้อมหน้าล้อมหลัง ก็ไปออกสื่อ ทำให้คนที่คาดหวังกับพรรคตำหนิผู้ใหญ่ว่าทำไมทุกคนโดดเดี่ยวท่านนายกฯ ผู้ใหญ่บางคนในพรรคพูดว่า ไม่ได้โดดเดี่ยวท่านนายกฯ ท่านนายกฯ โดดเดี่ยวตัวท่านเอง พวกเราเข้าไม่ถึง” นายพิเชษฐกล่าว
       
       • บ้าโพลฝรั่ง 200 เสียงทำแพ้ยับ สุเทพฉุนผลักมิตรเป็นศัตรู-บัตรเสียเพียบ

       
       เมื่อถามว่าที่กล่าวเช่นนี้เหมือนกับนายอภิสิทธิ์ไม่ให้ความสำคัญกับพรรค นายพิเชษฐกล่าวว่า ตนไม่อยากใช้คำว่า ไม่ให้ความสำคัญ เป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เด็กๆ ในพรรคก็อยากไปทำเนียบฯ แต่ผู้ใหญ่ที่เคยอยู่ทำเนียบฯ มาแล้วถ้าไม่มีธุระอะไร เขาก็ไม่อยากเข้าไป นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งใครต่อใครเยอะแยะ คณะต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียว เช่น ยุทธศาสตร์ ทำไมเชื่ออย่างนั้น และนายสุเทพก็เชื่อด้วยความมั่นใจ เช่น เราว่าไทยรักไทยแล้วเราก็เหมือนไทยรักไทย เป็นฝ่ายค้านโจมตีคัดค้านนโยบายประชานิยม แต่หลายเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ก็มีเหมือนกัน
       
       “การอ่านเกมการเมืองต้องมีประสบการณ์จริงๆ คนใหม่ๆ จะเก่งมาจากที่ไหนเขาขาดประสบการณ์ ผู้ใหญ่จะรู้ว่าเมื่อนั้น ปีนั้น มีเหตุการณ์อย่างนั้นแล้วเป็นอย่างนี้ เราเคยแก้อย่างนั้นแล้วไม่ได้ เพราะอะไร ความรอบรู้ในความเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ต้องมี เช่น เอารูปนายกฯ ดำนา ไปส่งให้ ส.ส.ภาคใต้แจกประชาชน วันแรกที่ไปแจกโดนด่ากลับมาเลย ภาคใต้ที่ไหนเขาทำนากัน เขาอยากเห็นนายกฯ ยืนกับต้นปาล์ม หรือยืนกับต้นยางพารา
       
       คาดการณ์ที่ไม่ถูก เช่น 3 เดือนที่แล้วเห็นชัดเจนว่าถ้าเป็นไปตามยุทธศาสตร์เช่นนี้ พรรคแพ้ยับเยิน ใครต่อใครก็เห็น โพลทุกโพลก็รู้ แต่ไปมั่นใจว่าฝรั่งทำโพลแม่นยำ เราจะได้ส.ส.เกิน 200 เสียง ฝรั่งจะมารู้การเมืองไทย รู้จักคนไทย ดีกว่าคนไทยได้อย่างไร หนังสือพิมพ์ไปถามคนในพรรคคาดหมาย แพ้ไม่น้อยกว่า 50-60 เสียง บัญชีรายชื่อจะมีพรรคที่ได้ 1 คน 2 คน หลายพรรค แต่ประชาธิปัตย์น่าจะได้ไม่ถึง 45 เสียง” นายพิเชษฐกล่าว
       
       กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า มิตรของเราเป็นศัตรูไปเยอะแยะ ศัตรูของเรายิ่งคั่งแค้น แรงพยาบาทถาโถมมาเยอะ คนที่เคยยืนตรงกลางก็มักจะไม่สะใจกับเราเยอะ มันต้องปรับกระบวนการหลายเรื่อง ปรากฏว่านายสุเทพไม่พอใจว่าใครพูดอย่างนั้น 3 เดือนต่อมาตลอดเวลาหาเสียง เราอยู่ในภาคประชาชนแม้กระทั่งภาคใต้พรรคก็แพ้ เพราะมีคนโหวตโนเยอะ ตอนหลังโหวตโนลดน้อยลงไม่ใช่เพราะคนเปลี่ยนใจ แต่ไม่พอใจที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ด่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากไปโหวตเสริมก็ใช้วิธีทำบัตรเสีย ทำให้ภาคใต้บัตรเสียเยอะ บัตรเสียหลายบัตรเขียนระบายอารมณ์ลงในบัตรด้วย
       
       • กังขาคาดการณ์ผิดตลอดใครจะมั่นใจ-แฉแก้รัฐธรรมนูญชวนเหน็บ “คงไม่รับปากคอร์รัปชัน

       
       เมื่อถามว่าการที่นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภาเร็วเกินไปทำให้พ่ายแพ้ยับเยินหรือไม่ นายพิเษฐตอบว่ามีส่วน ซึ่งไม่ทราบว่ามีคนทักท้วงหรือไม่ แต่สงสัยว่าทำไมถึงต้องให้วันนี้เป็นเงื่อนตาย เมื่อนายอภิสิทธิ์กำหนดวันนี้ สิ่งที่จะต้องทำให้จบก่อนวันนี้ ก็ไม่มีเวลาแล้วก็ต้องรีบเร่ง เช่น การผ่านงบประมาณใน ครม. เพราะมันไม่มีเวลา ไม่ใช่มีเจตนาที่จะทำอะไรไม่ถูกต้อง แต่ก็กลายเป็นจุดอ่อนทั้งที่ไม่ควรจะเป็น อะไรที่มันผิดพลาดไปก็บอกว่าคาดไม่ถึงตลอด การที่เราเป็นผู้นำประเทศแล้วคาดการณ์ผิดๆ ตลอด ใครเขาจะมั่นใจ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนกางเกงแบบนายชวนดีกว่า เพราะกางเกงท่านไม่มีเข็มขัด มีแค่หู ถ้าใช้เข็มขัดก็หาว่าเข็มขัดสั้นเพราะคาดไม่ถึง
       
       เมื่อถามว่าผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ที่เอาแต่เฉพาะกลุ่มไปทำงาน นายพิเชษฐกล่าวว่า บางคนอยากแสดงความคิดเห็นแต่รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ เห็นอยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนั้นพรรคประชาธิปัตย์เคยพูดไว้จะไม่มีการแก้ไข แต่อยู่ๆ กระโดดไปแก้ ก็มีคำตอบว่า พรรคประชาธิปัตย์ไปรับปากกับพรรคร่วมรัฐบาลจนนายชวนต้องพูดว่า หวังว่าคงไม่ไปรับปากถึงกับว่าให้คอร์รัปชั่นกันได้ สุดท้ายพิจารณาเรื่องนี้กันที่จ.กระบี่ มีผู้อภิปรายไม่เห็นด้วย 31 คน เห็นด้วยเพียงคนเดียวก็ยังพยายามจะโหวต คนอีกจำนวนหนึ่งเขาเตรียมทำอะไรไว้ จนนายชวนต้องตัดสินใจโยนมาที่กรุงเทพฯ
       
       เมื่อมาโหวตกันในพรรคเสียงออกมาไม่เห็นด้วย 82 เห็นด้วย 48 ก็มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มีการล็อบบี้ มีการคาดโทษเกิดขึ้น สุดท้ายพลิกผันได้เพราะคนที่เขียนว่าเห็นด้วย เมื่อผ่านการตรวจแล้วก็เติมคำว่าไม่ลงไปข้างหน้า โดยเจ้าตัวเป็นคนเติมลงไปเอง และอ้างว่าเป็นมติพรรค ซึ่งถ้าเด็กๆ ในพรรคอาจจะสนุก แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรคหลักการไม่เป็นอย่างนี้ บรรพบุรุษเราก็ไม่เป็นอย่างนี้ ถือว่ามีข้อบกพร่องในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ สิ่งที่ตนพูดเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ คนจำนวนมากในพรรครู้สึกอย่างนี้ บางฝ่ายอาจคิดว่าตนใกล้ชิดท่านชวน จะถ่ายทอดไปยังนายชวน แต่ส่วนตัวนายชวนไม่เคยพูดอะไรถึงใคร เพราะไม่ชอบให้ใครมาเที่ยวตำหนินินทาใคร จึงไม่เคยพูดในเรื่องเหล่านี้
       
       • ชี้ถ้ามีโอกาสดีต้องหวัง กก.บห.ใหม่มาด้วยใจและความสามารถ
       
       เมื่อถามถึงการบอนไซผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ นายพิเชษฐอธิบายว่า มีบทความในหนังสือพิมพ์ว่า 111 คน 109 คน และบอนไซ 40 ในพรรคประชาธิปัตย์ มีคำอธิบายว่าประชาธิปัตย์ได้เปรียบที่สุดแล้วในขณะนั้น เพราะไม่ถูกยุบ เป็นโอกาสที่พรรคต้องเข้มแข็งเพราะมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค แต่เหมือนให้ความเป็นธรรมกับพรรคอื่น เมื่อคนของเขาถูกพักเราก็ต้องเอาผู้ใหญ่มาพักบ้าง จึงมีคนรู้สึกว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคถูกบอนไซ อยู่ที่บ้านเลขที่ 67 ไม่มีโอกาสออกมาแสดงบทบาท
       
       หลายคนที่ได้อ่านบทความทุกคนก็รู้สึกโดนใจ เช่น ที่ผ่านมานายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมว.แรงงาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถูกปรับออกจากการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งทั้งคู่อายุประมาณ 70 ปี เรามองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไม บางคนก็ไปสรุปว่าเพราะเขาแก่ ทั้งที่เขายังสามารถทำงานได้ ยิ่งมีผู้บริหารบางคนมาบอกว่าคนเหล่านี้เป็นยาหมดอายุ หมดสภาพแล้ว เขาพูดทำนองนี้นายชวนก็เงียบไป
       
       เมื่อถามว่าคาดหวังกับกรรมการบริหารชุดใหม่แค่ไหน นายพิเชษฐกล่าวว่า ต้องหวัง ถ้าเราคิดว่าพรรคเราจะมีโอกาสดีก็ต้องหวัง ที่มาต้องดี คนที่มาต้องมาด้วยใจที่อยากจะทำงาน มุ่งมั่นและมีความสามารถ ตนอยากให้มีคนอย่างนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ เยอะๆ ที่ไม่ยอมอะไรที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่คนอื่นเงียบกริบกันหมด นอกจากนี้ ตนไม่อยากให้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพรรค เหมือนนายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.13 สมัย อยากลง ส.ส.นครศรีธรรมราช แต่พรรคให้ขึ้นบัญชีรายชื่อลำดับ 48 เขาจะรู้สึกอย่างไร กลืนเลือดหรือไม่
       
       “ทำไมพรรคต้องสูญเสียคนเก่าคนแก่อย่างนายสัมพันธ์ และหลายคนที่ตกไป หลายคนเป็นคนใหม่ๆ ทำไมอยู่ลำดับที่ 10 กว่า 20 กว่า ก็ไม่มีคำตอบ คิดว่าอย่างไรน่าจะให้อยู่ลำดับที่ 30 ก็ยังดี คุณสัมพันธ์จึงรู้สึกว่าเหมือนถูกกำจัดออกไป บางคนเริ่มรู้สึกว่าถ้าเราไม่ตามใจ เราแข็ง เราพูดมาก วันหนึ่งจะถูกกำจัดแบบเดียวกัน แต่ผมไม่แคร์เพราะไม่กี่วันก็อายุ 70 ปีแล้ว มาถึงบั้นปลายทางการเมืองแล้ว” นายพิเชษฐกล่าว
       
       เมื่อถามว่าการออกมาพูดถึงเรื่องภายในพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าใจนักเลงเราพูดสิ่งที่เราควรแก้ไข ถ้าใจนักเลงพอไม่ควรจะเคืองกัน แต่ถ้ามาเคืองกันเมื่อมีใครพูดความจริง ถือว่าไม่นักเลงพอ แล้วคนที่ไม่นักเลงพอก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันหรอก เพราะเขาไม่ใช่นักเลง

 
 
 
 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #281 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2554, 14:32:36 »

พี่จ๋า…ช่วยปูด้วย
25 กรกฎาคม 2554 Posttoday.com
 เหนื่อยครับ…น้องปูจ๋าของพี่ชายทักษิณ ยิ่งเขยิบใกล้เก้าอี้ไทยคู่ฟ้ามากเท่าไหร่  สายตรงถึงนครดูไบก็ถี่มากขึ้น

โดย...อสนีบาต

ผ่านพ้นไปอีกด่าน สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  สาวใหญ่มหัศจรรย์จากพรรคเพื่อไทย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับรองการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อสมใจบ้านซอยโยธินพัฒนา  และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไปกว่านี้ อย่างช้าน่าจะประมาณปลายเดือนสิงหาคม จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และเข้าสู่ขั้นตอนเสนอขื่อ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย สร้างเกียรติประวัติประดับวงศ์ตระกูลชินวัตรให้โลกหล้าได้แซ่ซ้อง “ พี่จ๋า… เราทำได้แล้ว”


ระหว่างนี้ แม้จะยังไม่ได้เลือกนายกฯ ยังไม่ได้ตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ  แต่เมียงมองผู้นำโคลนนิ่ง  พยายามแสดงลีลาให้เห็นถึงความขมักเขม้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทีมงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเพื่อยกร่างนโยบายรัฐบาล การแสดงถึงภาวะผู้นำสั่งแกนนำเผาเมืองให้หุบปากหยุดกดดันกกต.ได้แล้วเพราะตอนนี้เธอจะแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เป็นการส่งเสียงไปถึงคุณป้าเข้าป่า คุณหมอพูดจาไม่รู้เรื่อง เข้าใจกันบ้างมั๊ย ช่วงกำลังสุขสมของเหล่าเสนาอำมาตย์ไม่ใช่เวลาที่ไพร่จะมาขัดจังหวะสร้างราคาจัดม็อบเติมเงินเหมือนแต่ก่อน 

ความขยันขันแข็งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ถูกส่งผ่านออกมาเป็นภาพทางหน้าสื่อ เป็นที่ชื่นสะดือต่อผู้พบเห็นบดบังการเคลื่อนไหวของพวกเกิดมาเพื่อชุมนุมให้เป็นข่าวระดับรอง  เวลานี้แกนนำบ้าดีเดือดคนไหนคิดจะโชว์พาวต้องถอยไปเพราะเจ๊(ปู) ไม่ชอบ  ประโยคสายฟ้าฟาดของเธอที่บอกให้เสือแดงหยุดกดดันกกต. ทำให้ใครพบใครเห็นก็พูดกันปากต่อปาก นี่แหละหญิงแกร่งของพวกเรา ท่าทางมุ่งมั่นเพื่อชาติเสียเหลือเกิน 

ส่วนแกนนำเผาเมืองและว่าที่ส.ส.ที่ยังโดนแขวนครั้นเมื่อได้ยินสำเนียงเสียงหัวหน้าสาวก็ได้แต่สะอึกไปตามกัน ต้องออกมากัดฟันประกาศ เออ… เจ๊พูดได้ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย

ทว่าท่าทีที่โชว์ออกมาภายนอกช่างดูดีมั่กมั่ก แต่อย่างว่า มีขาวต้องมีดำ  มีความดีงามต้องมีความทราม

มีเบื้องหน้าต้องมีเบื้องหลังและเป็นเบื้องหลังที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนซะด้วย

เพราะถึงแม้เธอจะออกอาการทุ่มเทในช่วงประชุมทีมงานด้วยการเรียกสื่อมวลชนเข้ามาบันทึกภาพช็อตสวยๆออกไปตีแผ่สาธารณะ  แต่ครั้นปิดประตูดังปั๊ง สภาพภายในห้องประชุมดูจะเป็นไปด้วยความดุเดือดกับการถกเถียงนโยบายนั้นนโยบายนี้ที่เคยประกาศหาเสียงกันไว้  ด้วยการกดไมค์สอบถาม

ถึงวันนี้มาไล่เรียงกันดูหน่อยนะคณะทีมงาน ทำได้หรือไม่ได้ ที่แน่ๆหนึ่งเสียงจากทีมงายยุทธศาสตร์ ปลอดประสพ สุรัสวดี สารภาพผ่านสื่อไปแล้วกับนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วไทย อาจเป็นลักษณะทยอยขึ้น ขึ้นเฉพาะบางจังหวัดเท่านั้น หรือบอกกันตรงๆ นโยบายที่ประกาศไว้เป็นแค่กลยุทธ์หาเสียงนะพี่น้อง ใครจะทำได้

ตอกย้ำอีกดอกเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ผ่านข่าวหน้าหนึ่งโพสต์ทูเดย์ ด้วยการยอมรับว่าบรรดานโยบายหาเสียง เมื่อมานับนิ้วกดเครื่องคิดเลขต้องใช้งบประมาณมากโขต่อการปั้นฝันนโยบายให้เป็นจริง ทางออกตอนนี้ต้องไล่รื้องบประมาณที่ครม.มาร์คทำไว้เกือบทั้งหมด ทั้งงบผูกพันต้องรื้อทิ้งใหม่ โครงการประชานิยมยุคมาร์คอาจต้องพับเพื่อดูดเงินส่วนนั้นมาใช้กับนโยบายขายฝันของรัฐบาลชุดนี้

ล้วนเป็น สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันจึงส่งผ่านทางสีหน้าท่านผู้นำคนใหม่หลังออกจากห้องประชุมเหมือนซ่อนความกังวลไว้มากทีเดียว

เอาหล่ะ! ถึงแม้จะแต่งเติมด้วยแป้งโบ๊ะหน้าราคาแพง เซ็ทซอยทรงผมให้เปรี้ยวจี๊ด หรือคัดสรรชุดแต่งกายให้ดูเป็นเวิอคกิ้งวูเม้นส์  ซึ่งสามารถหลอกล่อสื่อสารมวลชนทั้งประเภทสั่งได้และพร้อมอยากให้สั่งสร้างข่าวเชิงสีสันต์สนุกสนาน   แต่สีสันก็ไม่ใช่สาระหลักของประเทศ จึงไม่อาจนำมาเป็นตัวช่วยในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเผชิญสารพัดปัญหาได้

ระยะก่อนได้อำนาจต่างแข่งขันหาเสียงชิงชัยกันอย่างน่าตื่นเต้นแต่มาถึงระยะได้อำนาจและกำลังใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง มันเริ่มระทึกใจกว่าเป็นไหนๆ 

การหาทางออกต่อการแก้ไขสถานการณ์ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะด้วยคำพูด    “ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่มากนักเพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งนายกฯเป็นทางการ…”   “ห้วงเวลานี้เราต้องอดทนก่อนนะคะ”  “ถึงอย่างไรขอยืนยันจะไม่ทำให้พ่อแม่พี่น้องผิดหวังแน่นอนคะ”   ทุกถ้อยคำพูดที่เผยอริมฝีปากถ่ายทอดออกมาอย่างน่าเห็นใจ โดยเฉพาะแฟนคลับผู้มีจิตใจอ่อนไหวก็อยากจะสงสารว่าที่นายกฯหญิงคนแรกเสียเหลือเกิน

**************************

ภาพที่สื่อสารต่อสาธารณะ ณ ขณะนี้    มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยกำลังทำงานเหมือนเป็นรัฐบาลเข้าไปครึ่งตัวแล้ว  ผ่านการจับจ้องจากสื่อมวลชนให้น้ำหนักตรวจสอบนโยบายที่เคยประกาศหาเสียงเอาไว้  อีกทั้งมุมมองความเห็นจากภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ที่ดาหน้าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายชนิดรายวัน  จะทำได้สัมฤทธิผลหรือเป็นแค่ดีแต่สวย 


หรือแม้แต่ทิศทางสร้างความปรองดองของคนในชาติ ภายใต้การนำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยที่เทคะแนนสนับสนุนและหยามเหยียด  ใคร่อยากรู้เหลือเกินจะคงลีลาส่งสายตาสุดเซ็กซี่ให้หลงไหลไปกับคำพูดมาแก้ไขไม่แก้แค้น หรือจะหยิกแก้มตัวเองก่อนเรียกสติ บี้ไล่ถามต้องตอบมาให้ชัดมีจุดยืนอย่างไรกันแน่   ล้วนเป็นภาวะว่าที่นายกฯฉุยฉายรวมถึงบรรดาองครักษ์พิทักษ์นาง ต้องเปิดประตูหัวใจ พร้อมยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นว่าการตรวจสอบเริ่มขึ้นเร็วกว่ากำหนด

การที่ต้องเผชิญคำถามสื่อมวลชนระยะหลังมานี้เริ่มดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะ   ครั้นจะกลับไปยึดรูปแบบตอบตามสคริ๊ป อธิบายหนึ่งสองสามสี่ให้สังคมเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ ดูจะออกรสชาดฝืดๆยังไงชอบกล  ไม่แปลกที่เริ่มเห็นเทคนิคบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบคำถามสื่อมวลชนในยามถูกต้อนใกล้จนมุมแบบในใจคงบอกตัวเองว่าดิฉันไปไม่ถูกแล้วค่ะ เริ่มให้เห็นกันบ้างแล้ว         

เพราะความไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง  ต้องยืนอยู่ท่ามกลางการจับจ้องตรวจสอบจากสังคมนักการเมืองด้วยกันเอง  สื่อมวลชน  ภาคประชาชน และ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ด้วยแล้วมันจึงไม่ง่ายเหมือนเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนที่มุ่งสร้างผลกำไรให้กับองค์กรอย่างแน่นอน

เหนื่อยครับ…น้องปูจ๋าของพี่ชายทักษิณ ยิ่งใกล้เขยิบบั้นท้ายเข้าไปนั่งเก้าอี้ไทยคู่ฟ้ามากเท่าไหร่  สายตรงจากซอยโยธินพัฒนา3ถึงนครดูไบก็ถี่มากขึ้นเท่านั้น

ในเมื่อตัวจริงไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่เซ็นใบมอบอำนาจให้คุณน้องโคลนนิ่งต้องสัมผัสของจริง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศตามนโยบายที่ให้สัญญาประชาชนกันเอาไว้แล้ว  ยังต้องจัดวางตำแหน่งสมนาคุณ  ท่านเสือ สิงห์ กระทิง แรด ภายในพรรค ให้มีความลงตัวที่สุด แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะการจัดสรรตำแหน่งย่อมมีทั้งผู้เริงร่าและเสียใจเก็บมีดซ่อนหลังรอวันทิ่มแทงถ้ามีโอกาส

ขณะเดียวกันยังจะต้องทำตัวให้เป็นประหนึ่งนางงามมิตรภาพ กระชับสัมพันธ์บรรดากองกำลังมวลชนที่อุตส่าห์หนุนนำขึ้นเป็นใหญ่ แต่วันเวลาพลิกเปลี่ยนนับวันเริ่มมองหน้ามองตากันในลักษณะไม่ไว้วางใจ กันซะแล้ว

บอกแล้ว ยังไม่ทันบริหารประเทศเจอขนาดนี้ ถึงวันครองอำนาจเต็มตัวจะหนักหนาขนาดไหน  ถามว่าจะทำยังไงกันดี  มองซ้ายมองขวาดูว้าเหว่เสียจริง  ก็เหลือแต่ต่อสายปรับทุกข์กันไปว่า  “พี่จ๋าช่วยปูด้วย”

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #282 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2554, 16:35:15 »


ว๊า.... เรื่องนี้ พี่ตะวัน เคยบอกน้องปูเรื่องนี้ เเล้วนี่นา เมื่อหลายวันก่อน นู้น น้องปูจำได้

 เอาเรื่องใหม่ๆมั่งดิ น้องปูจะได้ปรับปรุงตัว ให้ถูกใจพี่ตะวัน

ช่วงนี้น้องปูนอนไม่ค่อยหลับ ตาก็ช้ำ ใต้ตาปูด หน้าก็ซีด ไม่ได้ให้ stylist ตามติดตัว

กลุ้มใจเหมือนกันเพราะข่าวว่าพี่แอ๊ะคอยดู การเเต่งตัวของน้องปู ชุด working woman ทุกวัน

ข่าวว่าพี่เเอ๊ะ เอาเเบบเสื้อไปcopy หลายเเบบแล้ว เเต่ copy เท่าไรก็ไม่เหมือนหรอกค่ะ

เพราะของปูเเบรนด์ ดังๆ ทั้งนั้น เข็มขัดก็ HERMES  ผ้าพันคอก็ paul smith พี่แอ๊ะใช้เเต่โอทอป ยโส

ที่สำคัญหุ่นพี่เเอ๊ะก็อ้วนเตี้ย เเล้วจะสู้หุ่นปูได้หรือ ปูเดินเก่งนะ

ใส่รองเท้าสวยๆก็นเดินได้ เห็นพี่เเอ๊ะใส่เเต่รองเท้าผ้าใบไปเล่นกีฬา ไม่สวยเยยยยยยยยยยย 55555




อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 01 สิงหาคม 2554, 14:32:36
พี่จ๋า…ช่วยปูด้วย
25 กรกฎาคม 2554 Posttoday.com
 เหนื่อยครับ…น้องปูจ๋าของพี่ชายทักษิณ ยิ่งเขยิบใกล้เก้าอี้ไทยคู่ฟ้ามากเท่าไหร่  สายตรงถึงนครดูไบก็ถี่มากขึ้น

โดย...อสนีบาต

ผ่านพ้นไปอีกด่าน สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  สาวใหญ่มหัศจรรย์จากพรรคเพื่อไทย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับรองการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อสมใจบ้านซอยโยธินพัฒนา  และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไปกว่านี้ อย่างช้าน่าจะประมาณปลายเดือนสิงหาคม จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และเข้าสู่ขั้นตอนเสนอขื่อ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย สร้างเกียรติประวัติประดับวงศ์ตระกูลชินวัตรให้โลกหล้าได้แซ่ซ้อง “ พี่จ๋า… เราทำได้แล้ว”


ระหว่างนี้ แม้จะยังไม่ได้เลือกนายกฯ ยังไม่ได้ตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ  แต่เมียงมองผู้นำโคลนนิ่ง  พยายามแสดงลีลาให้เห็นถึงความขมักเขม้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทีมงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเพื่อยกร่างนโยบายรัฐบาล การแสดงถึงภาวะผู้นำสั่งแกนนำเผาเมืองให้หุบปากหยุดกดดันกกต.ได้แล้วเพราะตอนนี้เธอจะแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เป็นการส่งเสียงไปถึงคุณป้าเข้าป่า คุณหมอพูดจาไม่รู้เรื่อง เข้าใจกันบ้างมั๊ย ช่วงกำลังสุขสมของเหล่าเสนาอำมาตย์ไม่ใช่เวลาที่ไพร่จะมาขัดจังหวะสร้างราคาจัดม็อบเติมเงินเหมือนแต่ก่อน 

ความขยันขันแข็งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ถูกส่งผ่านออกมาเป็นภาพทางหน้าสื่อ เป็นที่ชื่นสะดือต่อผู้พบเห็นบดบังการเคลื่อนไหวของพวกเกิดมาเพื่อชุมนุมให้เป็นข่าวระดับรอง  เวลานี้แกนนำบ้าดีเดือดคนไหนคิดจะโชว์พาวต้องถอยไปเพราะเจ๊(ปู) ไม่ชอบ  ประโยคสายฟ้าฟาดของเธอที่บอกให้เสือแดงหยุดกดดันกกต. ทำให้ใครพบใครเห็นก็พูดกันปากต่อปาก นี่แหละหญิงแกร่งของพวกเรา ท่าทางมุ่งมั่นเพื่อชาติเสียเหลือเกิน 

ส่วนแกนนำเผาเมืองและว่าที่ส.ส.ที่ยังโดนแขวนครั้นเมื่อได้ยินสำเนียงเสียงหัวหน้าสาวก็ได้แต่สะอึกไปตามกัน ต้องออกมากัดฟันประกาศ เออ… เจ๊พูดได้ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย

ทว่าท่าทีที่โชว์ออกมาภายนอกช่างดูดีมั่กมั่ก แต่อย่างว่า มีขาวต้องมีดำ  มีความดีงามต้องมีความทราม

มีเบื้องหน้าต้องมีเบื้องหลังและเป็นเบื้องหลังที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนซะด้วย

เพราะถึงแม้เธอจะออกอาการทุ่มเทในช่วงประชุมทีมงานด้วยการเรียกสื่อมวลชนเข้ามาบันทึกภาพช็อตสวยๆออกไปตีแผ่สาธารณะ  แต่ครั้นปิดประตูดังปั๊ง สภาพภายในห้องประชุมดูจะเป็นไปด้วยความดุเดือดกับการถกเถียงนโยบายนั้นนโยบายนี้ที่เคยประกาศหาเสียงกันไว้  ด้วยการกดไมค์สอบถาม

ถึงวันนี้มาไล่เรียงกันดูหน่อยนะคณะทีมงาน ทำได้หรือไม่ได้ ที่แน่ๆหนึ่งเสียงจากทีมงายยุทธศาสตร์ ปลอดประสพ สุรัสวดี สารภาพผ่านสื่อไปแล้วกับนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วไทย อาจเป็นลักษณะทยอยขึ้น ขึ้นเฉพาะบางจังหวัดเท่านั้น หรือบอกกันตรงๆ นโยบายที่ประกาศไว้เป็นแค่กลยุทธ์หาเสียงนะพี่น้อง ใครจะทำได้

ตอกย้ำอีกดอกเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ผ่านข่าวหน้าหนึ่งโพสต์ทูเดย์ ด้วยการยอมรับว่าบรรดานโยบายหาเสียง เมื่อมานับนิ้วกดเครื่องคิดเลขต้องใช้งบประมาณมากโขต่อการปั้นฝันนโยบายให้เป็นจริง ทางออกตอนนี้ต้องไล่รื้องบประมาณที่ครม.มาร์คทำไว้เกือบทั้งหมด ทั้งงบผูกพันต้องรื้อทิ้งใหม่ โครงการประชานิยมยุคมาร์คอาจต้องพับเพื่อดูดเงินส่วนนั้นมาใช้กับนโยบายขายฝันของรัฐบาลชุดนี้

ล้วนเป็น สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันจึงส่งผ่านทางสีหน้าท่านผู้นำคนใหม่หลังออกจากห้องประชุมเหมือนซ่อนความกังวลไว้มากทีเดียว

เอาหล่ะ! ถึงแม้จะแต่งเติมด้วยแป้งโบ๊ะหน้าราคาแพง เซ็ทซอยทรงผมให้เปรี้ยวจี๊ด หรือคัดสรรชุดแต่งกายให้ดูเป็นเวิอคกิ้งวูเม้นส์  ซึ่งสามารถหลอกล่อสื่อสารมวลชนทั้งประเภทสั่งได้และพร้อมอยากให้สั่งสร้างข่าวเชิงสีสันต์สนุกสนาน   แต่สีสันก็ไม่ใช่สาระหลักของประเทศ จึงไม่อาจนำมาเป็นตัวช่วยในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเผชิญสารพัดปัญหาได้

ระยะก่อนได้อำนาจต่างแข่งขันหาเสียงชิงชัยกันอย่างน่าตื่นเต้นแต่มาถึงระยะได้อำนาจและกำลังใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง มันเริ่มระทึกใจกว่าเป็นไหนๆ 

การหาทางออกต่อการแก้ไขสถานการณ์ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะด้วยคำพูด    “ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่มากนักเพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งนายกฯเป็นทางการ…”   “ห้วงเวลานี้เราต้องอดทนก่อนนะคะ”  “ถึงอย่างไรขอยืนยันจะไม่ทำให้พ่อแม่พี่น้องผิดหวังแน่นอนคะ”   ทุกถ้อยคำพูดที่เผยอริมฝีปากถ่ายทอดออกมาอย่างน่าเห็นใจ โดยเฉพาะแฟนคลับผู้มีจิตใจอ่อนไหวก็อยากจะสงสารว่าที่นายกฯหญิงคนแรกเสียเหลือเกิน

**************************

ภาพที่สื่อสารต่อสาธารณะ ณ ขณะนี้    มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยกำลังทำงานเหมือนเป็นรัฐบาลเข้าไปครึ่งตัวแล้ว  ผ่านการจับจ้องจากสื่อมวลชนให้น้ำหนักตรวจสอบนโยบายที่เคยประกาศหาเสียงเอาไว้  อีกทั้งมุมมองความเห็นจากภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ที่ดาหน้าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายชนิดรายวัน  จะทำได้สัมฤทธิผลหรือเป็นแค่ดีแต่สวย 


หรือแม้แต่ทิศทางสร้างความปรองดองของคนในชาติ ภายใต้การนำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยที่เทคะแนนสนับสนุนและหยามเหยียด  ใคร่อยากรู้เหลือเกินจะคงลีลาส่งสายตาสุดเซ็กซี่ให้หลงไหลไปกับคำพูดมาแก้ไขไม่แก้แค้น หรือจะหยิกแก้มตัวเองก่อนเรียกสติ บี้ไล่ถามต้องตอบมาให้ชัดมีจุดยืนอย่างไรกันแน่   ล้วนเป็นภาวะว่าที่นายกฯฉุยฉายรวมถึงบรรดาองครักษ์พิทักษ์นาง ต้องเปิดประตูหัวใจ พร้อมยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นว่าการตรวจสอบเริ่มขึ้นเร็วกว่ากำหนด

การที่ต้องเผชิญคำถามสื่อมวลชนระยะหลังมานี้เริ่มดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะ   ครั้นจะกลับไปยึดรูปแบบตอบตามสคริ๊ป อธิบายหนึ่งสองสามสี่ให้สังคมเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ ดูจะออกรสชาดฝืดๆยังไงชอบกล  ไม่แปลกที่เริ่มเห็นเทคนิคบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบคำถามสื่อมวลชนในยามถูกต้อนใกล้จนมุมแบบในใจคงบอกตัวเองว่าดิฉันไปไม่ถูกแล้วค่ะ เริ่มให้เห็นกันบ้างแล้ว         

เพราะความไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง  ต้องยืนอยู่ท่ามกลางการจับจ้องตรวจสอบจากสังคมนักการเมืองด้วยกันเอง  สื่อมวลชน  ภาคประชาชน และ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ด้วยแล้วมันจึงไม่ง่ายเหมือนเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนที่มุ่งสร้างผลกำไรให้กับองค์กรอย่างแน่นอน

เหนื่อยครับ…น้องปูจ๋าของพี่ชายทักษิณ ยิ่งใกล้เขยิบบั้นท้ายเข้าไปนั่งเก้าอี้ไทยคู่ฟ้ามากเท่าไหร่  สายตรงจากซอยโยธินพัฒนา3ถึงนครดูไบก็ถี่มากขึ้นเท่านั้น

ในเมื่อตัวจริงไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่เซ็นใบมอบอำนาจให้คุณน้องโคลนนิ่งต้องสัมผัสของจริง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศตามนโยบายที่ให้สัญญาประชาชนกันเอาไว้แล้ว  ยังต้องจัดวางตำแหน่งสมนาคุณ  ท่านเสือ สิงห์ กระทิง แรด ภายในพรรค ให้มีความลงตัวที่สุด แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะการจัดสรรตำแหน่งย่อมมีทั้งผู้เริงร่าและเสียใจเก็บมีดซ่อนหลังรอวันทิ่มแทงถ้ามีโอกาส

ขณะเดียวกันยังจะต้องทำตัวให้เป็นประหนึ่งนางงามมิตรภาพ กระชับสัมพันธ์บรรดากองกำลังมวลชนที่อุตส่าห์หนุนนำขึ้นเป็นใหญ่ แต่วันเวลาพลิกเปลี่ยนนับวันเริ่มมองหน้ามองตากันในลักษณะไม่ไว้วางใจ กันซะแล้ว

บอกแล้ว ยังไม่ทันบริหารประเทศเจอขนาดนี้ ถึงวันครองอำนาจเต็มตัวจะหนักหนาขนาดไหน  ถามว่าจะทำยังไงกันดี  มองซ้ายมองขวาดูว้าเหว่เสียจริง  ก็เหลือแต่ต่อสายปรับทุกข์กันไปว่า  “พี่จ๋าช่วยปูด้วย”


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #283 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 06:33:02 »

แหม๋ พี่ตะวันก็  ว่าน้องปูยาวๆ จังเลย วิจารณ์น้องปูที่ละท่อนก็ได้ น้องปูจะอ่านได้ไม่เบื่อ ยาวไปน้องปูอ่านไม่ไหว

เมื่อวานพี่ตะวันได้ดูข่าวน้องปูเปิดประชุมสภาไหมคะ ปูเปลียนทรงผมใหม่เเล้วนะ ไม่เซ็กซี่เหมือนเดิม พี่ตะวันต้องชอบ new

look ของน้องปูนะ อุตส่าห์ทำทุกอย่างให้พี่ตะวันชอบเเล้ว ยังไม่รักปูอีก เเล้วจะให้ปูทำอะไรต่อคะ

พี่เเอ๊ะเขาเริ่มจะรักปูเเล้วนะ เขาจะได้พบกับปูเร็วๆนี้ค่ะ พี่เเอ๊ะคงจะมารายงานให้พี่ตะวันทราบ พี่ตะวันจะได้รักปูขึ้นมาบ้าง

ปูใส่ชุดราชการ สวยไหมคะ เด่วปูก็จะได้สายสะพาย แล้วก็ได้เป็นคุณหญิง พี่ตะวันอย่าอิจฉาปูอีกล่ะ

ผู้ชายเป็นนายก เขาไม่ให้เป็นคุณชาย เเต่พี่ตะวันให้ตำเเหน่งคุณชายกับพี่มาร์คเเล้วนี่

อ๋อ... ปูมีเรื่องสำคัญจะบอกนะ พี่ตะวันคงรูจัก คุณประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นะเขาเป็นักเขียนจบนิเทศจุฬา ไม่ทราบว่ารุ่นเดียว

กับพี่ตะวันหรือเปล่า มติชน และ ประชาติธุรกิจ เขาจัดการเรียบร้อยโรงเรียน พี่ทั๊กกี้เเล้ว มิไย ที่พี่แอ๊ะจะขอร้อง ว่าเขาเป็นคนดี

มากๆ เเต่ปูว่าไม่ไหวค่ะ ต้องเชือดคอไก่ให้ลิงดูซะบ้าง

ให้ออกซะเลย  อยากเขียนข่าววิจารณ์ ครอบครัวปูดีนัก

พี่ตะวันก็เหอะ ด่าปูเบาะๆก็ได้ เด่วปูปิดเวบหอจุฬาซะหรอก  ปูสงสารพี่แอ๊ะเด่วพี่แอ๊ะต้องมาลอบบี้ปูอีก

เรื่องเล็กๆปูไม่อยากทำ ปูอยากทำเรื่องใหญ่ๆค่ะ นโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนมากเหลือเกิน จนปูจำไม่ได้เเล้ว

คอยเตือนปูด้วยนะ พี่ตะวันคนดีที่หนึ่งเลยค่ะ  รักพี่ตะวันจนอกจะเเตกตายอยู่เเล้ว บาย บาย วันนี้ลาก่อนะคะพี่ตะวันขา
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #284 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 19:11:26 »

พี่ตะวันขา

ปู เขียน post หาพี่ตะวัน ทำไม่ตอบปูละคะ คิดถึงค่ะ อย่าให้ปูรอเก้อนะคะ

พี่แอ๊ะก็คิดถึงพี่ตะวันค่
]
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #285 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 19:13:11 »


วันนี้ปูเข้ามาดูทั้งวันเลย ไม่เป็นอันทำงานเพราะอยากทราบความเห็นของพี่ตะวันเกี่ยวกับปูบ้าง เเนะนำปูบ้างนะคะ  เป็นประโยชน์มากค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #286 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 20:54:10 »

 พี่ตะวันหายไปไหน ไม่มาคุยกับปูเยยยยยยยยยยย

พี่แอ๊ะเขาจะเข้านอนเเล้ว เเล้วเขาจะไปกรุงเทพพรุ่งนี้

หากพี่ตะวันงอนปูไม่คุยกับปู ปูก็เหงาดิ

เห็นพี่แอ๊ะส่งข่าวว่า บ้านพี่แอ๊ะที่กรุงเทพ ใช้เนตยาก พี่แอ๊ะคงหายไปหลายวัน

พี่เเอ๊ะเเกเเก่ซื่อบื้อ ใช้เนตไม่ค่อยเป็นหากไม่เข้าเครื่องคอมของพี่แอ๊ะเอง

หากพี่ตะวันไม่ยอมคุยกับปู พี่เเอ๊ะก็ไม่ว่าง ปูเหงาเเย่เลยค่ะ

ว่าปูก็ได้นะ ปูไม่ถือหรอก จะได้ไปปรับปรุงตัวเองให้รับใช้พี่น้องประชาชนได้

ประโยคนี้ปูจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ รับใช้พี่น้องประชาชนน่ะค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #287 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 20:58:05 »

เอ.. ปูเห็นพี่อ้อย 14 อยู่ไวๆ คุยกับปูบ้างดิ เราคนเหนือเหมือนกันนะ อาจจะรักปูบ้าง

อู้คำเมืองเหมือนกั๋น

พี่ตะวันเขาเป็นคนใต้เลยไม่ชอบปูก็ได้
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
Soponเท่านั้น
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,405

« ตอบ #288 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 21:35:28 »

คั่นเวลาระหว่างรอเพื่อนตะวัน อดีตRoommateขอตอบแทนก่อนครับพี่แอ๊ะ

Medical Professionals

A doctor from Israel says:
 "In Israel the medicine is so advanced that we cut off a man's testicles; we put them into another man, and in 6 weeks he is looking for work."

The German doctor comments:
"That's nothing, in Germany we take part of the brain out of a person; we put it into another person's head, and in 4 weeks he is looking for work."

A Russian doctor says:
"That's nothing either.  In Russia we take out half of the heart from a person; we put it into another person's chest, and in 2 weeks he is looking for work."

The Thai doctor answers immediately:
"That's nothing my colleagues, you are way behind us....in Thailand , we grabbed a person with no brains, no heart, and no boob....we made her Prime Minster of Thailand and now.......
the whole bloody country is looking for work  !!!!!!"

 55555555

หมอไทยนี่เก่งจริงๆ
ผมปล่าวแซวพี่หมอหาญที่เคารพนะครับ  sorry
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #289 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 22:43:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 02 สิงหาคม 2554, 19:11:26
พี่ตะวันขา

ปู เขียน post หาพี่ตะวัน ทำไม่ตอบปูละคะ คิดถึงค่ะ อย่าให้ปูรอเก้อนะคะ

พี่แอ๊ะก็คิดถึงพี่ตะวันค่
]
วันนี้ไม่ว่างทั้งวันครับ พา ผบทบ.ไปหาหมอ หลายหมอ นี่เพิ่งกลับมาครับ
แล้วจะมาตอบอย่างยืดยาว พรุ่งนี้ครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #290 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 10:05:50 »


555. ช่ายเเล้ว ๆๆๆๆ น้องโสภณ คอยดูกันอีกนิดนะคะ ใจเย็นๆค่ะ เดี๋ยวรายชื่อก็ออกมา กำลังปรึกษากันอยู่ค่ะ

 รอๆๆก็เเล้วกัน ทีมงานกำลังทำงานกันอยู่ เพื่อปากท้องของพี่น้องประชาชน ตอนนี้บอกอะไรไม่ได้ กำลังทำงานกันค่ะ ใจเย็นๆค่ะ


อ้างถึง
ข้อความของ Soponเท่านั้น เมื่อ 02 สิงหาคม 2554, 21:35:28
คั่นเวลาระหว่างรอเพื่อนตะวัน อดีตRoommateขอตอบแทนก่อนครับพี่แอ๊ะ

Medical Professionals

A doctor from Israel says:
 "In Israel the medicine is so advanced that we cut off a man's testicles; we put them into another man, and in 6 weeks he is looking for work."

The German doctor comments:
"That's nothing, in Germany we take part of the brain out of a person; we put it into another person's head, and in 4 weeks he is looking for work."

A Russian doctor says:
"That's nothing either.  In Russia we take out half of the heart from a person; we put it into another person's chest, and in 2 weeks he is looking for work."

The Thai doctor answers immediately:
"That's nothing my colleagues, you are way behind us....in Thailand , we grabbed a person with no brains, no heart, and no boob....we made her Prime Minster of Thailand and now.......
the whole bloody country is looking for work  !!!!!!"

 55555555

หมอไทยนี่เก่งจริงๆ
ผมปล่าวแซวพี่หมอหาญที่เคารพนะครับ  sorry
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #291 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 10:08:44 »

 โอ... พี่ตะวันน่ารักจัง ดูแลภรรยาดีมาก

สามีปู ปูก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเลย

 สามีเขาก็ไม่ค่อยดูเเลปู   ทำไงดีคะพี่ตะวัน


อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 02 สิงหาคม 2554, 22:43:36
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 02 สิงหาคม 2554, 19:11:26
พี่ตะวันขา

ปู เขียน post หาพี่ตะวัน ทำไม่ตอบปูละคะ คิดถึงค่ะ อย่าให้ปูรอเก้อนะคะ

พี่แอ๊ะก็คิดถึงพี่ตะวันค่
]
วันนี้ไม่ว่างทั้งวันครับ พา ผบทบ.ไปหาหมอ หลายหมอ นี่เพิ่งกลับมาครับ
แล้วจะมาตอบอย่างยืดยาว พรุ่งนี้ครับ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #292 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 12:58:45 »

ตอนนี้ขอเปลี่ยนชื่อ ผู้ร้าย จากปู เป็น ยิ่งยี้ นะครับ เพราะย้งยี้ เป็นนางเอก
ตัวร้ายก็ต้องเป็น ยิ่งยี้...เหมาะสมแล้วคร้าบ....
เฮ้อ..สบายใจ ยิ่งเราชอบกินปูอยู่ พูดถึงปูแดงบ่อยๆ พาบเลิกกินปูไปเลย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #293 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 13:32:23 »

ในฐานะที่พี่แอ๊ะ เป็นสะใภ้ ข้าวเหนียวอีสาน
ขอเสนอบทความนี้ มาแทรกเรื่อง ยิ่งยี้

ข้าวเหนียวอีสาน ในกำมือทักษิณ
03 สิงหาคม 2554 posttofay online
 การตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

มีแต่โครงแค่บางตำแหน่ง แต่ยังสลับได้ในนาทีสุดท้าย

ผ่านมา 30 วัน แกนนำพรรคระดับเต็งจ๋าตั้งแต่ออกสตาร์ต พอทิ้งโค้งสุดท้ายหลายคนเริ่มแผ่วปลาย ไม่ว่า โอฬาร ไชยประวัติ สุชาติธาดาธำรงเวช ที่เริ่มหลุดนอกวงโคจร “ครม.ปูจ๋า 1”

และก็เป็นไปตามที่ ทักษิณ ชินวัตร บอก ครม.ใหม่ จะหน้าตาดี จะมีคนนอก 4-5 ตำแหน่ง


เป็นที่มาของรายชื่ออย่าง วิชิต สุรพงษ์ชัย นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าที่ รมว.พาณิชย์ วิกรม คุ้มไพโรจน์ ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ

การได้คนนอกที่เป็น เทคโนแครต ตรงสายงาน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เป็นแรงส่งให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินหน้านโยบายประชานิยมที่หาเสียง ว่าไม่มีผลกระทบต่อปัญหาเงินเฟ้อ

แต่การดึงคนนอกก็สร้างปัญหาในพรรค เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีที่จะแบ่งให้แกนนำ และลูกพรรค ก็เหลือน้อยลง

แค่ปัจจุบันก็หน้าเขียว แย่งกันฝุ่นตลบ ถ้าถูกกันไปอีก 5 เก้าอี้ ก็ต้องมีผู้เสียสละเพิ่มอีก

 


โควตารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 28-30 จาก 35 เก้าอี้ โดย 5 เก้าอี้ต้องแบ่งให้พรรคร่วม ซึ่งวันนี้ยังเกลี่ยกระทรวงไม่เสร็จ

ในพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะอัดอั้นอยากเป็นรัฐมนตรีกันสูง

แกนนำตัวเอ้ที่ต้องได้ คือ ทีมยุทธศาสตร์ที่ประชุมร่างนโยบายรัฐบาลร่วม 20 คน

ยังมี สส.อาวุโส แกนนำระดับจังหวัด ที่ยกทีมเข้าสภา หลังต่อคิวมานานตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย

ปัญหาใหญ่ในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี จาก “คนแน่น-แกนนำคับ” ยังมีประเด็นโควตาภาคต่างๆ ที่ต้องกระจายทั่วถึง
 โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่ลูกพรรคกดดันว่า ต้องมีเก้าอี้มากกว่าทุกภาค

เพราะเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรค และมี สส.ทะลักเข้ามาถึง 104 ที่นั่ง

มีการอ้างว่า ถ้าภาคอีสานไม่ทะลุเป้าขนาดนี้ เพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล

ภาคอีสานจึงควรได้รัฐมนตรี มากกว่าทุกภาค เพราะต้องทำให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยตอบแทนคนอีสานที่ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นล่าง
 และเพื่อกระจายความรับผิดชอบในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

ถ้าเปรียบว่า พรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดภาคใต้ พรรคเพื่อไทยก็ต้องยึดภาคอีสานให้ได้
ถ้าชนะในภาคอีสานถล่มทลายอย่างนี้ทุกครั้ง ก็ผูกขาดเป็นรัฐบาล 99.99%

เพราะภาคอีสานมี สส.มากกว่าทุกภาค คือ 126 ที่นั่ง

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องดูแล สส.อีสาน ร้องขออะไรอย่าขัดขืน แกนนำบางรายได้ทีกดดันว่า ถ้าอีสานได้รัฐมนตรีน้อย

พรรคกระเพื่อม!

โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ที่ได้ยกทีม เช่น อุดรธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด “หนองคายบึงกาฬ” สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ เลย
ต้องจัดเก้าอี้รัฐมนตรีให้ถ้วนทั่ว

บางรายทนไม่ไหว วิ่งไปหาทักษิณที่ “ดูไบ–บรูไน”

ข้ออ้างที่ว่าพรรคต้องทำอีสานให้เข้มแข็ง เหมือนการปั้นข้าวเหนียว

แต่ถ้าเข้มแข็งแบบจัดเต็มถึง 10 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยคงปวดหัวและทำให้การจัด ครม.รอบนี้ไม่หลากหลาย

ยุทธศาสตร์ทักษิณ จึงตอนเก้าอี้ให้เหลือน้อยที่สุด ในโควตาภาคต่างๆ เพื่อเปิดทางให้กับก๊วนคนนอกที่เป็นสายตรงทักษิณ

จากโควตา 10 เก้าอี้ของภาคอีสาน ทักษิณตัดเหลือ 8
และเมื่อ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ เจริญ จรรย์โกมล ได้รับเลือกเป็นประธานสภาและรองประธานสภา โควตารัฐมนตรีจึงลดเหลือ 6

ทักษิณไม่สนคำขู่ของ “แหล่งข่าว” ภาคอีสานตามหน้าสื่อ ว่าอาจลามไปถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรค โดยเฉพาะการนำ กทม.มาเปรียบที่ได้เพียง 10 ที่นั่ง แต่กลับได้ถึง 2 ที่นั่ง คือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อุดมเดช รัตนเสถียร ที่คาดการณ์จะเป็น รมว.สาธารณสุข และ1 รมช.

ยังไม่นับ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีทางอ้อม คือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่คาดว่าจะนั่งรองนายกฯ หรือไม่ก็ รมว.มหาดไทย

ถ้าเทียบกับภาคอีสาน เดิมคิดอัตราส่วน10 : 1 คือ 10 เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ถ้าหดเหลือ 8 ที่นั่ง ก็จะเป็น 13 : 1 ขณะที่ กทม.ได้เปรียบกว่าที่ 5 : 1

ขุนพลภาคอีสานไม่สามารถกดดันทักษิณได้ เพราะขนาดแกนนำเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง ยังไม่กล้าหือกับทักษิณ

สถานภาพระหว่างลูกพรรคกับทักษิณเป็นเสมือนผู้มีพระคุณ ดังนายจ้างกับลูกจ้าง
 สะท้อนชัดจากคำเรียกทักษิณว่า “นายใหญ่” บ้างก็ถึงขั้น “เจ้านาย”

สำหรับแกนนำภาคอีสาน ที่ชนะยกจังหวัด ก็ไม่ใช่มาจากความสามารถของตัว สส.
 เอาเข้าจริงเป็นเพราะ “กระแสทักษิณ” กับ “กระแสเสื้อแดง” ผนึกเป็นสึนามิถล่มคู่แข่งราบคาบ

ขณะที่ สส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ มีความพยายามรวมพลังปั้นข้าวเหนียวหลายรอบ
ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ตั้งกันตามมุ้ง ตามกลุ่ม เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี
จนที่สุดก็ถูกทักษิณสลายและได้มาเพราะกระแสเสื้อแดง

ดังนั้นอย่าว่าแต่ภาคไหนจะมากดดัน ต่อรองทักษิณ คนที่พูดไม่เข้าหู ก็จะถูกขึ้น บัญชีดำของทักษิณโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้ดีในเก้าอี้รัฐมนตรี

เพราะพรรคเพื่อไทย ยังเป็นสถาบันของทักษิณนั่นแล ...


ยายยิ่งยี้จะมีน้ำยาอะไร..สุดท้ายคือ หุ่นเชิด ที่คอยแต่งตัวสวยๆมาจีบปากจีบคอว่า อะฮั้นตั้งเอง ครม.ชุดนี้...จริงๆนะ เชื่อเถอะ

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #294 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 14:02:25 »

มาconfirm เรื่องยิ่งยี้ เป็นหุ่นเชิด

'ทักษิณ'เล็งเศรษฐีอันดับ 10'อิสระ'เสียบรมว.พาณิชย์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"ทักษิณ"รื้อโผครม.รายวันเปิดทางเศรษฐีอันดับ 10'อิสระ ว่องกุศลกิจ'ตัวแทนกลุ่ม'บ้านปู-มิตรผล'นั่งรมว.พาณิชย์ ลด"กิตติรัตน์"เหลือแค่รมช.

 แหล่งข่าวระดับสูงพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการจัดโผ ครม. "ยิ่งลักษณ์ 1" ว่า ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปรับรื้อโผ ครม.ที่เคยกำหนดตัวบุคคลเอาไว้แล้วอีกระลอก โดยเฉพาะรายชื่อคนนอกที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก เวลานี้ ผู้ที่พิจารณารายชื่อตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ มีเพียง 3 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์


 "ขณะนี้รายชื่อทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนนอกที่เป็นข่าว อาจมีการขยับทั้งหมดใหม่ เนื่องจากผู้ที่ถูกทาบทามไว้บางคนเปลี่ยนใจเพราะมีหลายเงื่อนไขที่ตกลงกันไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะให้แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อเป็นการตอบแทนด้วย ฉะนั้น เรื่องนี้ อาจมีผลต่อรายชื่อคนนอกที่มีการทาบทามและยังไม่เปิดเผย อาจจะถอนตัวได้" แหล่งข่าว กล่าว และคาดหมายแนวโน้มว่า ครม.ที่เป็นคนนอกอาจจะมีสัดส่วนน้อยลง แล้วหันมาใช้คนในพรรคมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยมีตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน 
 
 แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่คนในพรรคไม่สามารถต่อรองตำแหน่งใดๆ ขณะนี้ ทำให้แคนดิเดทรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจหลายคนในพรรคไม่พอใจ โดยเฉพาะนายโอฬาร ไชยประวัติ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ซึ่งทุกคนต้องการความชัดเจนเรื่องตำแหน่งก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหากหลังโหวตนายกฯ แล้วจะไม่สามารถต่อรองได้อีก


จับตา "อิสระ" กลุ่มบ้านปูนั่ง "พาณิชย์"
 มีรายงานว่า ในส่วนของเก้าอี้รัฐมนตรีคนนอก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มนักธุรกิจต่างๆ เข้ามาต่อรอง โดยเฉพาะล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของผู้บริหาร "กลุ่มบ้านปู" ที่ประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อส่งตัวแทนเข้ามาเป็นนั่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ด้วย โดยมีชื่อ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการและผู้บริหารบริษัท น้ำตาลมิตรผล ซึ่งเป็นถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.บ้านปู จ่อนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ โดยขยับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงมาเป็น รมช.พาณิชย์



 ปัจจุบน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ซึ่งสถานะปัจจุบันประธานกรรมการและผู้บริหารบริษัท น้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ทั้งนี้ฟอร์บเคยจัดให้เขาติดมหาเศรษฐีไทยลำดับที่ 10 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

พรรคร่วมทำใจได้เก้าอี้เหลือเลือก
 ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้นัดหมายหารือเรื่องตำแหน่งใน ครม.และยังไม่รู้ว่า ข้อเสนอที่ยื่นไปว่าประสงค์จะดูแลกระทรวงเดิมจะได้หรือไม่ ซึ่งก็อยากให้มีการพูดคุยกันก่อน แม้จะรู้ว่า คงยากที่จะต่อรองเพราะตอนนี้เสียงของพรรคมีน้อยมาก อาจจะต้องรอกระทรวงที่เหลือเลือกจากพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ
 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทั้งนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ได้พยายามหาข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อต้องการรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจให้โควตาตามที่ขอไปหรือไม่

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #295 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2554, 23:01:59 »

ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ “ของดี” ที่ขรรชัย บุนปาน ไม่ต้องการให้ “มีอยู่” 
 
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ จัดว่าเป็นนักข่าวประเภท “ของจริง” ทั้งฝีมือ ความสามารถ และความซื่อตรงต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ในยุคที่ “ข่าวแจก”ครอบงำสื่อ และเป็นของแปลก ในยุคที่สังคมหลงใหลไปกับโฆษณาชวนเชื่อว่า สื่อมีอุดมการณ์ นักข่าวมีจรรยาบรรณ ผลงานด้านข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือ“ข่าวเจาะ” ของเขาทำให้สังคมได้มองเห็นพลังในด้านบวก ที่เป็นคุณแก่บ้านเมืองของสื่อ โดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งถึงวันนี้ยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลในการชี้นำความคิด และกำหนด “วาระ” ของสังคมมากกว่าสื่อชนิดอื่นๆ
       

       เดือนกันยายน 2543 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ที่ประสงค์เป็นบรรณาธิการบริหาร เปิดโปงขุดคุ้ยการซุกหุ้นไว้กับคนใช้ และคนขับรถ ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ( นามสกุลในขณะนั้น) อย่างกัดไม่ปล่อย ซึ่งต่อมา ในวันที่ 28 ธันวาคมปีเดียวกัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติว่า นช. ทักษิณ แจ้งทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นเท็จเมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต้องถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองนาน 5 ปี
       
       ข่าว “คนใช้ซุกหุ้นหมื่นล้าน พิศดารแจ้งเท็จ ป.ป.ช.” โดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจนี้ ได้รับรางวัลอิศรา ประเภทข่าวยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเสมือนรางวัล “พูลิตเซอร์” ของสหรัฐฯ ประจำปี 2543 และเป็นกรณีศึกษาหนึ่งของการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนของวงการสื่อไทย ประสงค์ได้รับการยกย่อง ได้รับเชิญไปพูดในที่ต่างๆ นิตสารไทมส์ จัดอันดับให้เขาเป็นหนึ่งใน “ดาวเด่นของเอเชีย” ประจำปี 2001
       
       พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งในวันที่ 6 มกราคม 2544 อย่างถล่มทลาย นช.ทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีชนักติดหลังคือคดีซุกหุ้นที่รอการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญ แต่กระแสทักษิณฟีเวอร์ ที่เห็น นช.ทักษิณ คืออัศวินผู้มาโปรดในขณะนั้น ทำให้สื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ เต็มใจ ปิดปากตัวเอง ไม่กล้าตรวจสอบพฤติกรรมซุกหุ้นของ นช.ทักษิณ กระทั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายหนึ่งยังพูดว่าคนไทย 14 ล้านคน เลือก นช.ทักษิณเป็นนายกฯ ถ้าตัดสินให้ผิด ศาลรัฐธรรมนูญโดนเผาแน่ ยังผลให้ในวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นช.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 295 และเป็นที่มาของประโยคอันลือลั่นว่า“บกพร่องโดยสุจริต”
       
       นช.ทักษิณจำชื่อประสงค์ได้อย่างแม่นยำ ถึงกับครั้งหนึ่งเคยนำไปพูดผ่านรายการนายกฯ ทักษิณพบประชาชนด้วย
       
       สิบปีผ่านไป พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายอีกครั้งหนึ่ง นช.ทักษิณกลับมามีอำนาจผ่านร่างทรงของน้องสาว กระแสนารีขี่ม้าขาว ทำให้สื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ เต็มใจเอามือปิดปากปิดหูตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แต่ประสงค์ไม่ยอมทำเช่นนั้น จึงถูก “มติชน” ต้นสังกัดที่เขาฝากฝีฝากไข้มานานถึง 28 ปี ยื่นมือมาอุดปากแทน
       
       ประสงค์ถูกแช่แข็งมาพักใหญ่แล้ว นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน “มติชน” เมื่อกลางปีที่แล้ว แต่ยังมีพื้นที่สำหรับคอลัมน์ ณ ริมคลองประปา ในมติชนรายวันฉบับวันเสาร์อยู่ จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เขาเขียนเรื่อง “คำถามที่ยิ่งลักษณ์(ยัง)ไม่กล้าตอบ” ที่ถามน้องสาว นช.ทักษิณถึงกรณีให้การเท็จในคดีซุกหุ้นภาค 2 ของพี่ชาย ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรองตำแหน่งทางการเมือง ระบุไว้ในคำพิพากษาว่า คำให้การของยิ่งลักษณ์นั้น “ฟังไม่ขึ้น” และกรณีการปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นของ เอสซี แอสเสท ซึ่งยิ่งลักษณ์เคยเป็นซีอีโออยู่
       
       บทความนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ที่“มติชน”ตัดสินใจปิดปากประสงค์เป็นการถาวร ด้วยการถอดคอลัมน์ ณ ริมคลองประปาออก อีกไม่กี่วันต่อมา “ฝ่ายบริหาร”ของมติชน ก็ “เลิกจ้าง” หรือที่จริงแล้วคือการให้ออกโดยไม่มีความผิดนั่นเอง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย และการให้ผลตอบแทนที่เป็นที่พอใจของประสงค์
       
       “ฝ่ายบริหาร” ของมติชน ก็คือ ขรรค์ชัย บุนปาน และฐากูร บุนปาน หลานชายซึ่งไม่ชอบหน้าประสงค์นั่นเอง ขรรค์ชัยถือหุ้นมติชนมากที่สุด 34% รองลงมาคือ บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย หรือแกรมมี่ ถือหุ้นประมาณ 22 % ขรรค์ชัยเป็นประธานกรรมการ ฐากูร เป็นกรรมการผู้จัดการ ลูกสาวของขรรค์ชัยดูแลการจัดซื้อจัดจ้าง ลูกชายดูแลเว็บไซต์ ความเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ทำให้ความเป็นเจ้าของและอำนาจการบริหารของขรรค์ชัยลดน้อยลงไปแต่อย่างใดเลย ประชาชนเป็นเจ้าของมติชนก็เฉพาะฉบับที่ควักเงิน 10 บาท ซื้อเท่านั้น แต่เจ้าของมติชนตัวจริงคือ ตระกูล บุญปาน
       
       ถ้าขรรค์ชัย ไม่เห็นด้วยกับการให้ประสงค์ออก ก็ไม่มีใครหน้าไหนที่จะให้ประสงค์ออกได้ การที่ประสงค์ต้องออกก็หมายความว่าขรรค์ชัยเห็นด้วย การที่มติชน ยอมจ่ายให้ประสงค์มากกว่าสิทธิตามกฎหมายและระเบียบบริษัท ก็แสดงว่าราคาที่ต้องจ่ายให้ประสงค์ออกคุ้มกับประโยชน์ที่มติชนจะได้
       
       เหตุใด ขรรค์ชัย ซึ่งขึ้นธรรมาสน์โดยไม่ล้างเท้าเป็นนิจ เทศนาสอนผู้คนให้ลดละกิเลส สั่งสอนให้เพื่อนร่วมงานทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์อย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เห็นแก่รางวัลหรืออามิสสินจ้างเป็นประจำ จึงไม่เห็นคุณค่าของประสงค์
       
       คำตอบก็คือ สิบปีที่ผ่านมาประสงค์ไม่เคยเปลี่ยน แต่ขรรค์ชัย และมติชนเปลี่ยนไปแล้วไม่รู้กี่รอบ การที่ประสงค์ไม่เคยเปลี่ยนในขณะที่เจ้านายและองค์กรของเขาเปลี่ยนไป ทำให้เขาซึ่งครั้งหนึ่งคือ “ทรัพย์สิน” ที่มีคุณค่าของมติชนกลายเป็น “ภาระ” หรือ “ความเสี่ยง” ขององค์กรที่ต้องกำจัดทิ้งไปโดยเร็ว
       
       การมีประสงค์อยูในมติชนต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด จะกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของมติชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่ระบบชินวัตร หวนกลับมามีอำนาจ เพราะมติชนนั้นพึ่งพารายได้มากขึ้นๆ จากงบประมาณของกระทรวง รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ ในรูปของการจัดอีเวนท์ งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่แฝงมาในรูปข่าว แลกกับการสรรเสริญเยินยอเจ้ากระทรวง และการปิดปากตัวเอง งดเว้นการตรวจสอบการปฏิบัติงานที่ไม่ชอบมาพากล
       
       ในฐานะแก้วดวงที่ 4 ของระบอบชินวัตร ที่ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มติชนย่อมอยู่ในฐานะที่จะได้รับการปูนบำเหน็จอย่างงดงาม จากรัฐบาลโคลนนิ่ง แต่การมีประสงค์อยู่ในองค์กรเป็นความอิหลักอิเหลื่อของฝ่ายบริหารมติชนอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ประสงค์จะถูกห้ามเขียนไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขาไปเปิดเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อ prasong.com เพื่อเป็นเวทีการตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเรื่องการซุกหุ้นของ นช.ทักษิณ การให้การเท็จของยิ่งลักษณ์ การวิพากษ์นโยบายอุ้มฆ่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นช.ทักษิณอยู่ในเว็บไซต์นี้ด้วย วีธีเดียวที่มติชนจะทำได้คือลบชื่อประสงค์ออกจากมติชนเสีย
       
      กำไรสุทธิปีละ 130 ล้านบาทของมติชน อาจจะมากพอสำหรับการเลี้ยงดูพนักงานในองค์กร แต่คงไม่มากพอสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างขรรค์ชัย คำพูดของ มจ.สิทธิพร กฤดากร ที่ขรรค์ชัยชอบอ้างอิงถึงเสมอว่า “เงินทองนั้น เป็นเรื่องมายา ข้าวปลานั้นสิของจริง” จึงไม่เป็นจริงเท่ากับ “อุดมการณ์นั้นเป็นของมายา โฆษณานั้นสิของจริง”
       

       กรณีมติชนให้ประสงค์ออกนั้น หากเกิดขึ้นกับบริษัทในกิจการอื่นๆ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องความเห็นที่ต่างกันในองค์กรที่นายจ้างต้องเป็นฝ่ายถูก และลูกจ้างต้องเป็นฝ่ายไป แต่ธุรกิจสื่อนั้นชอบสร้างภาพ หลอกให้สังคมเข้าใจผิดว่าสื่อมีอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณ รู้จักแยกแยะระหว่างผลประโยชน์กับการทำหน้าที่สื่อ สื่อมักจะโยนความผิดไปให้รัฐเสมอว่าเป็นตัวการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อ แท้จริงแล้วอำนาจที่คุกคามเสรีภาพของสื่อคืออำนาจทุน คนที่สามารถควบคุมสื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเองได้คือเจ้าของสื่อ
       
       มีแต่พวกที่ทำสื่อด้วยกันเองเท่านั้น ที่ไม่เชื่อในเรื่องการอ้างอิงอุดมการณ์จอมปลอมเหล่านี้ เพราะกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องแต่ก็ยังหลอกให้คนอื่นเชื่อ

       
       กรณีมติชนเลิกจ้างนักข่าวที่นับว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งในประเทศนี้ จึงเป็นสัญญาณที่ปลุกนักวิชาการ เอ็นจีโอด้านสื่อและประชาชนทั่วไปให้ตื่นจากการถูกมอมเมาให้หลงใหลศรัทธาในการทำหน้าที่ของสื่อ และหันกลับมามองความจริงได้แล้วว่า สื่อก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ คือ ผลประโยชน์อยู่เหนือหลักการ
       
       คลองบางหลวงทวงถามถึงความหลัง
       ว่าลูกยังดีซื่อหรือไฉน
       หรือชีวิตผิดแดนไกลแสนไกล
       ความชั่วในหัวใจก็ไหวตาม
       ฯลฯ
       
       (ขรรค์ชัย บุนปาน แต่งกลอนนี้ไว้ ในโอกาสทอดกฐิน วัดนวลนรดิศ พ.ศ. 2528 )


 
 
 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #296 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2554, 22:03:49 »

“คำถามที่ยิ่งลักษณ์ยังไม่กล้าตอบ”
ข่าวหน้า 1 ไทยโพสต์ 31 ก.ค.54
 
        “คำถามที่ยิ่งลักษณ์ยังไม่กล้าตอบ” เป็นชื่อบทความในคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์มติชนของ “ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์”   ที่พอนำลงพิมพ์แล้ว ตัวคนเขียนก็ถูกผู้บริหารสั่งแขวนปากกาทันที แล้วไม่กี่วันก็ตามมาด้วยซองขาว คือแม้จะไม่มีความผิดอะไร แต่ก็ให้ออกไปให้พ้นหน้าพ้นตา พร้อมเงินฟาดหัวในซองจำนวนหนึ่งนั่นเอง   
        คุณประสงค์ เป็นนักข่าวอาวุโสของมติชนมากว่า 30 ปี เป็นที่ยอมรับในวงการจนเป็นถึงนายกฯ สมาคมนักข่าวมาแล้ว ผลงานดังมีหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขุดคุ้ยคดีซุกหุ้น 1 ของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เขาเป็นผู้ขุดค้นเปิดโปงขึ้นมาเป็นคนแรก
        คุณประสงค์ไปเขียนคอลัมน์ถามคุณยิ่งลักษณ์เรื่องอะไร แถมย้ำเสียด้วยว่าเธอยังไม่กล้าตอบ และมันสำคัญอะไรนักหนาถึงขนาดพอถามไปแล้วกลับได้คำตอบเป็นซองขาวจากมติชนอย่างนี้  ทั้งหมดนี้ผมก็ขอให้คำตอบในทำนองปุจฉา–วิสัชนา ไปโดยลำดับ กล่าวคือ

 
        ถาม ในบทความดังกล่าว คุณประสงค์ไปถามคุณปูเรื่องอะไร ?
        ตอบ ก็เป็นเรื่องซุกหุ้น 2 เรื่องเดียวกันกับที่ผมและคุณหมอตุลย์ไปกล่าวโทษคุณปูต่อดีเอสไอ ว่าเธอร่วมมือกับพี่ชายให้ข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นเท็จทั้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ต่อ คตส. และต่อศาลฎีกาในคดียึดทรัพย์คุณทักษิณ 
        พฤติการณ์ซุกหุ้นในคดีนี้ทั้งหมด มีส่วนที่คุณปูได้รู้เห็นและลงมือร่วมด้วย คุณประสงค์ไปหยิบพฤติการณ์ส่วนนี้มาถามว่า ถ้าจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ เธอก็ต้องมีหน้าที่ชี้แจงให้กระจ่างก่อนจึงจะไว้วางใจให้เป็นนายกฯ ได้
 
        ถาม มันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลหรือครับ
        ตอบ คือเมื่อคุณทักษิณตัดสินใจตั้งพรรคไทยรักไทยนั้น เขาถือหุ้นชินคอร์ปอันเป็นธุรกิจสัมปทานกว่า 50% และก็มีกฎหมาย ป.ป.ช.ห้ามไว้ว่ารัฐมนตรีจะถือหุ้นธุรกิจสัมปทานไม่ได้ ก็ปรากฏการเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นในปี 2543 มาเป็นชื่อบุตรและพี่น้องจนหมด โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขาย 
        จากนั้นในรัฐบาลทักษิณ 1 และ 2 ก็มีการออกมาตรการของรัฐเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบกว่า 5 มาตรการ ทำให้รัฐเสียหายกว่าแสนล้านบาท ทั้งหมดนี้ คตส.ก็ตรวจสอบจนเชื่อว่าหุ้นทั้งหมดยังเป็นของนายกฯ ทักษิณอยู่ ผลประโยชน์ที่ได้จากรัฐโดยมิชอบจึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิสมควร จึงได้นำคดีขึ้นสู่ศาลให้สั่งยึดเงินค่าหุ้นทั้งหมดเป็นของแผ่นดิน ในที่สุดศาลท่านก็พิพากษาให้ยึดเป็นจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท 
        พฤติการณ์ซุกหุ้นตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปี 2551 ที่ศาลท่านตัดสินนี้ ก็มีส่วนที่เป็นการกระทำของคุณปู ที่คุณประสงค์ขุดขึ้นมาถาม จะอยู่เฉพาะในประเด็นการรับและใช้เงินปันผล 97 ล้านบาท

 
        ถาม เงินปันผลอะไรครับ
        ตอบ คือคุณทักษิณและคุณปูอ้างอิงว่าคุณปูได้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจากคุณทักษิณไปแล้ว 20 ล้านหุ้น แต่ คตส.ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง พยานหลักฐานที่ต้องใช้สู้กันตรงนี้นั้นมีหลายส่วน ส่วนหนึ่งจะอยู่ที่ว่า เงินปันผล 97 ล้านของหุ้น 20 ล้านหุ้นนี้ตกแก่คุณปูจริงหรือไม่ ซึ่งคุณปูก็ยืนยันต่อศาลว่าตนเองได้เอาเงิน 97 ล้านนี้ไปใช้ด้วยตนเอง คือแบ่งเอาไปใช้หนี้ค่าหุ้นให้พี่ชายที่ค้างไว้ 20 ล้านบาท ที่เหลือก็เอาไปใช้ทำสระน้ำ ปรับปรุงบริเวณบ้าน ซื้อเครื่องประดับ เงินตราต่างประเทศกว่า 68 ล้านจนหมด แต่ คตส.ก็ไม่เชื่อ เพราะขุดคุ้ยจนได้หลักฐานว่าคุณปูและผู้มีชื่อซื้อหุ้นอื่นๆ ไม่ได้มีโอกาสใช้เงินปันผลเลย เพราะต้องส่งให้คุณทักษิณหรือคุณหญิงจนหมด
         ถาม มีหลักฐานอะไร
        ตอบ คือมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ก่อนว่า ผู้ถือหุ้นชินชินวัตรทั้งหมด ประสงค์ให้บริษัทชินคอร์ปไปรับเช็คเงินปันผลแทนตน   จากนั้นเมื่อคนของบริษัทเดินทางไปรับมาแล้ว เช็คเหล่านี้จะถูกนำไปมอบให้คนคนหนึ่งที่จะเริ่มจัดการให้เงินตามเช็คแต่ละใบเข้าไปปรากฏในบัญชีเงินฝากของบุตรและพี่น้องที่ถูกใช้ชื่อถือหุ้นแทนก่อน    จากนั้นเงินเหล่านี้ก็จะทยอยออกจากบัญชีไปสู่เงื้อมมือของคุณหญิง
อย่างเงินปันผลในชื่อของบุตรชายกว่า 1,460 ล้านบาทนี้ ก็โอนตรงจากบัญชีบุตรไปเข้าบัญชีคุณหญิงทุกใบจนท่วมค่าหุ้นที่อ้างว่าซื้อขายกันเลย
        แต่ในส่วนของคุณปูนี้ ไม่มีการโอนตรงเข้าบัญชีคุณหญิงให้ตรวจพบได้ แต่กลับมีคนของเลขาฯ คุณหญิง ถือเช็คที่มีลายมือคุณปูเป็นคนสั่งจ่าย ถอนเป็นเงินสดออกจากธนาคารถึง 42 ครั้งจนหมด   มันชัดเจนว่าเงินทั้งหมดมันหาได้วิ่งตรงไปจ่ายให้ผู้รับเหมา หรือผู้ขายเครื่องประดับ หรือผู้ค้าเงินตราต่างประเทศ อย่างเช่นที่คุณปู กล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ ตัวการถอนเงินสดเองก็มีพฤติการณ์ปกปิดชัดเจนมาก
 
        ถาม ปกปิดอย่างไร ใส่วิกใส่แว่นตาดำไปเบิกเงินแบบในหนังยังงั้นหรือ
        ตอบ คือตามกฎหมายปราบปรามการฟอกเงินนั้น  ถ้ามีการถอนเงินสดเกิน 2 ล้านบาท ธนาคารมีหน้าที่ต้องรายงานเสมอ แต่การเบิกเงินปันผล 5 งวด แต่ละงวดมีจำนวนสิบกว่าล้านนั้น ถ้าคุณปูเอาไปใช้โดยสุจริตจริงก็ควรจะเบิกทีเดียวทั้งก้อน แต่ก็กลับแตกเป็นเช็คใบละไม่เกิน 2 ล้าน เอาไปเบิกวันละ 1 ใบ วันต่อมาก็เอาคนหน้าใหม่ๆ ไปเบิกอีก 1 ใบ ทำเช่นนี้จนหมด คตส.รวมยอดเบิกสดอย่างนี้ได้ถึง 42 ครั้ง ใน 5 งวดด้วยกัน
        ทั้งหมดนี้มันชัดเจนว่าต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของกฎหมาย ทำธุรกรรมการเงินแบบเดียวกับขบวนการค้ายาบ้าเลย   พอคุณประสงค์เอาความไม่ชอบมาพากลนี้ไปเขียนถามคุณปูว่าทำไมไม่กล้าตอบ มันก็เลยเป็นเรื่อง
 
        ถาม คุณประสงค์เขาถามว่าอย่างไร
        ตอบ เขาก็ขอคำอธิบายว่า ถ้าเป็นความจริงว่าคุณเอาเงินปันผลไปซื้อสินค้าหรือบริการรวมราคากว่า 68 ล้านบาท แล้วทำไมต้องจ่ายเป็นเงินสดด้วย บริษัทอะไรไม่รับเช็ค แต่ขอรับเป็นเงินสดนับสิบๆ ล้านบาท นอกจากนี้ถ้าจำต้องเบิกเงินสดจริงๆ ทำไมต้องแตกเป็นเช็คใบละ 2 ล้านบาท ทยอยเบิกไม่ซ้ำวันไม่ซ้ำคนด้วย ทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อไม่ได้ค้ายาบ้า
 
        ถาม ถามได้ก็ถามไป คุณปูทำเฉยเสียก็ได้ บอกซ้ำไปเลยก็ได้ว่าให้รอผลคดีของดีเอสไอที่อาจารย์แก้วกับคุณหมอตุลย์ไปกล่าวโทษไว้ก็ได้
        ตอบ จะมีใครมีคำขอมายังมติชนหรือไม่ หรือมติชนเขาเซ็นเซอร์ตัวเอง ก็ไม่มีใครทราบความจริงได้ แต่สิ่งที่คุณประสงค์เขียนถามไปว่ากล้าตอบหรือไม่นั้น มันกระเทือนมากอยู่นะคุณนะ   คุณจะยอมให้คนตลบตะแลงกล้าโกหกกลางศาล กล้าให้ความเท็จต่อคนเล่นหุ้นทั้งตลาดหลักทรัพย์ เบิกเงินถอนเงินลดเลี้ยวเลี่ยงกฎหมายราวกับพวกค้ายาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเชียวหรือ ถ้าไม่ยอม คุณปูก็มีหน้าที่ต้องอธิบายให้กระจ่างให้ได้    การที่คุณประสงค์ทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ด้วยคำถามที่หาคำตอบแทบไม่ได้อย่างนี้ มันจึงแรงมาก 
 
        ถาม วันที่นายกฯ ปูแถลงนโยบายในสภา จะโดนฝ่ายค้านถามแบบคุณประสงค์ถามได้ไหม?
        ตอบ ถ้าถามจริงก็ยุ่งแน่นอนเลย แต่เฉพาะหน้านี้เราน่าจะถามมติชนกันก่อนว่ามีเหตุผลอะไรในการให้ซองขาวกับนักข่าวที่ทำหน้าที่ตรวจสอบผู้มีอำนาจ
 
        ถาม ทำไมเขาต้องตอบเราด้วย
        ตอบ ถ้ายังเห็นตัวเองเป็นสื่อมวลชน เป็น “มติชน” จริง ก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ว่ามิได้ลิดรอนสิทธิรับรู้ของมวลชน แต่ถ้าเห็นตนเองเป็นแค่คนขายของขายกระดาษเปื้อนข่าวก็ไม่ต้องตอบ แล้วได้โปรดเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย ก็จะสมควรยิ่ง
 
                                                                      แก้วสรร  อติโพธิ

 
                ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
แกะรอยเงินสดๆ 68 ล้าน“ยิ่งลักษณ์”(ล่องหน) อยู่ ณ หนใด?
วันเสาร์ที่ 16 กรกฏาคม 2011 เวลา 22:23 น. เขียนโดย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ หมวด isranews,
 
 เคยเขียนเรื่อง “คำถามที่”ยิ่งลักษณ์”ยังไม่(กล้าตอบ?) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนึ่งในคำถามดังกล่าวคือ เงินสดๆ 68 ล้านบาทที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ว่าที่)นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกอ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของเงินปันผลจากการถือครองหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น จำนวน 20 ล้านหุ้นนั้นถูกนำไปใช้ทำอะไรที่ไหน และอย่างไร
คำถามดังกล่าว มิได้เกิดขึ้นลอยๆแต่สืบเนื่องมาจากคดียึด ทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน46,373ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น “นอมินี”หรือผู้ถือหุ้น บมจ. ชินคอร์ป  จำนวน 20 ล้านหุ้น แทน พ.ต.ท.ทักษิณซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณโอนหุ้นดังกล่าวให้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2543
ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเงินปันผลจากหุ้นชินคอร์ป ตั้งแต่ปี 2547-2548 รวม 6 งวด เป็นเงินรวม 97.49 ล้านบาทโดยงวดที่ 1-3 จ่ายคืน พ.ต.ท.ทักษิณอ้างเป็นเงินค่าหุ้น 20 ล้านบาท
และเงินปันผลที่เหลืออีก 2.5 ล้านบาท จ่ายเช็คให้ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรอ้างว่าเป็นการคืนเงินที่ฝากซื้อนาฬิกาจากต่างประเทศ(คลิกดู “ยิ่งลักษณ์”กับคดียึดทรัพย์”ทักษิณ”)
แต่งวดที่ 3-6 ปี 2547-2548 เป็นเงิน 70.1 ล้านบาทซึ่ง บมจ.ชินคอร์ปจ่ายเป็นเช็ค 44 ฉบับนั้น น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ นำเช็คเพียง 2ฉบับเป็นเงินจำนวน 2.1ล้านบาทเข้าบัญชีตนเอง
ส่วนที่เหลือ 68 ล้านบาท ใช้เช็คเงินสด 42 ฉบับ ถอนเงินออกจากบัญชีตนเองจำนวน 41 ครั้งต่อเนื่องกันเกือบทุกวันในแต่ละงวดเกือบทันทีที่ได้รับเงินปันผล ครั้งละ 1 ล้าน 1.5 ล้าน และ 2 ล้านบาท ฯลฯ จนเกือบหมดทุกครั้ง ตามรายละเอียดดังนี้
เงินปันผลงวดที่ 3 ได้รับจำนวน 16.2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 10 ครั้ง รวม 14.2 ล้านบาท ได้แก่
1.ถอนวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 26 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 1 มิถุนายน 2547 จำนวน 1.5 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 3 มิถุนายน 2547 จำนวน 0.3 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 7 มิถุนายน 2547 จำนวน 0.9 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 4 ได้รับจำนวน 16.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กันยายน2547 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 9 ครั้ง รวม 15.36 ล้านบาทได้แก่
1.ถอนวันที่ 16 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 17 2กันยายน 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 17 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 20 กันยายน 2547 จำนวน 1.6 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 21 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 22 กันยายน 2547 จำนวน 1.7 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 23 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 24 กันยายน2547 จำนวน 2 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 27 กันยายน  2547 จำนวน 0.56 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 5 ได้รับจำนวน 19.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2548 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 11ครั้ง รวม 17.94 ล้านบาท ได้แก่
1.ถอนวันที่ 18 เมษายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 20 เมษายน 2548 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 21 เมษายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 22 เมษายน 2548 จำนวน 1.4 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 25 เมษายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 26 เมษายน 2548 จำนวน 1.6 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 27เมษายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 28 เมษายน 2548 จำนวน 1 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 29 เมษายน 2548 จำนวน 1.44 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 3 พฤษภาคม  2548 จำนวน 2 ล้านบาท
11.ถอนวันที่ 6พฤษภาคม  2548 จำนวน 2 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 6 ได้รับจำนวน 22.5 ล้านบาท  เมื่อวันที่ 7 กันยายน2548 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 9 ครั้ง รวม 19  ล้านบาทได้แก่
1.ถอนวันที่ 13กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 14กันยายน 2548 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 15 กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 16 กันยายน 2548 จำนวน 1.4 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 19 กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 20กันยายน 2548 จำนวน 1.6 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 21 กันยายน 2548จำนวน 1.5 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 22 กันยายน2548 จำนวน 2 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 23 กันยายน  2548 จำนวน 2 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 26 กันยายน  2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
11.ถอนวันที่ 27 กันยายน  2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
เพื่อพิสูจน์ว่า ตนเองมิได้เป็น “นอมินี”ของ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส. ยิ่งลักษณ์อ้างต่อศาลฎีกาฯ ว่า  นำเงินไปตกแต่งบ้านทำสวน ทำสนามฟุตบอลและสระว่ายน้ำประมาณ 20 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 6  ล้านบาท ซื้อทองคำแท่ง 13 ล้านบาท ซื้อเครื่องเพชรและเครื่องประดับ 11ล้านบาทซื้อเงินตราต่างประเทศประมาณ 10 ล้านบาทและสำรองไว้ที่บ้าน  8 ล้านบาท มิได้นำส่งคืน พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีหลักฐานใดที่เกี่ยวกับการใช้เงินสดมากถึง 68 ล้านบาท มาแสดง ศาลฎีกาฯ สรุปว่า ข้ออ้างจึงรับฟังไม่ได้
นอกจากจากพฤติกรรมการถอนเงินสดๆนับล้านติดต่อกันเกือบทุกวันข้างต้นแล้ว ปรากฏว่า ผู้ที่ไปถอนเงินสดดังกล่าวจากธนาคารเป็นทีมงานเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมานทั้งสิ้น
อาจมีผู้โต้แย้งว่า เมื่อเป็นเงินปันผลของน.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว เจ้าของเงินจะถอนไปทำอะไรและอย่างไรก็ย่อมเป็นสิทธิที่จะทำได้ ซึ่งคงไม่มีใครเถียง
แต่คำถามคือ ในฐานะนักธุรกิจที่ทำธุรกิจอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา และเป็นผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  พฤติกรรมการเบิกถอนเงินสดๆในลักษณะดังกล่าว น่าสงสัยหรือไม่
และการเบิกถอนเงินสดในลักษณะดังกล่าวสอดคล้องกับข้ออ้างของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในการใช้เงินซ่อมบ้าน ซื้อเครื่องประดับ ซื้อทองคำแท่ง และซื้อเงินตราต่างประเทศที่ต้องหอบเงินสดๆไปซื้อหรือ?
การกระทำดังกล่าว อาจทำให้ถูกสงสัยว่า กระทำเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือไม่


 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #297 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2554, 13:41:45 »




ยัยปู ตายน้ำตื้น อาจจะเป็นนายกฯได้แค่ 2-3 วัน
ยังจะไม่ทันได้สั่งงาน เร่งนโยบายประชาควาย 25 ข้อ มีอันเดี้ยงจากตำแหน่งก่อนใคร

เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก
เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ตายน้ำตื้น
เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุงานสั้นที่สุด
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยได้สั่งงาน
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยไปสัมผัสมือกับผู้นำต่างชาติ
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าถูกอุ้มมา มากที่สุด
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยรับราชการและไม่มีผลงานอะไรในภาคเอกชน
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยได้เครื่องราชฯ แต่มีเครื่องราชฯมาประดับไว้ที่หน้าอก

มาตรา ๑๔๖
ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือ สมาชิกสภาเทศบาล หรือ ไม่มีสิทธิใช้ ยศ ตำแหน่ง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือ สิ่งที่หมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทำการเช่นนั้น เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าศาลสั่งจำคุกแม้ยังไม่ถึงที่สุดก็จบเห่ หลุดจากตำแหน่งทันที

กรณีนี้น่าจะไม่ใช่ความผิดลหุโทษซึ่งเป็นข้อยกเว้น ไม่ต้องสิ้นสภาพ สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ความผิดลหุโทษ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหมวดหนึ่งซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ มีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในวันงานรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม สมาชิกรัฐสภาต่างแต่งเครื่องแบบปกติขาวเต็มยศ มาเฝ้าฯรับเสด็จ หนึ่งในนั้นมีท่านนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นกัน จากการพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลประวัติของท่านนายกหญิงผู้นี้ เท่าที่ทราบยังไม่ได้เคยรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลใดๆเลย ( เท่าที่ทราบนะครับ ถ้าใครมีข้อมูลก็ขอแชร์ด้วยละกัน ) แต่ในวันนั้นท่านนายกหญิงคนนี้ได้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 2 ชิ้น 2 ตระกูลบนหน้าอกด้านซ้าย คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก ( สีแดง ) และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย ( สีน้ำเงิน ) ซึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้ง 2 ตระกูลนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานให้แด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดีให้ประเทศชาติ เท่านั้น

สำหรับพ่อค้าคหบดีส่วนมากจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน

ที่มา: http://www.oknation.net/blog/canthai/2011/08/06/entry-2



      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #298 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2554, 17:07:07 »

หวัดดีพี่แอ๊ะ เห็นผลุบๆโผล่
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #299 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2554, 17:11:47 »

พี่ตะวันคะ

 วันนี้ปูพูดได้ดีเป็นพิเศษเเล้วค่ะ เรื่องการจัดโผครม ว่า ลงตัว เเปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

เเละก็จะไม่ได้ลงรายละเอียด ลึกไปถึงตำแหน่งข้าราชการประจำ หากคนใดทำงานได้ก็ให้ทำงานไป

อะไรทำนองนั้นเเหล่ะค่ะพี่ตะวัน ให้ปูฝึกบ่อยๆ ปูก็น่าจะพูดได้นะ

วันนี้พี่เเอ๊ะไม่ไปไหนเลย  พี่เเอ๊ะ เฝ้าปู ดูปูรับสนองพระบรมราชโองการ ทายซิคะ ว่าปูจะทำผมทรงไหนให้ดูดี

แต่ปู้ก็ไม่ชอบ ที่ประชาชนคนเสื้อเเดง มา จัดมอบ กันหน้าพรรคเพื่อไทยมากเกินไป

เหมือนกับบังคับ และควบคุมกลไก ของ ประเทศชาติ อะไรอย่างนั้น

เมื่อไร มวลชนนี้จะกลับไปทำไร่ทำนาซะที นะ พี่ตะวัน
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
  หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 21  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><