02 พฤษภาคม 2567, 06:17:34
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 17  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของเขา จะเล่าให้ฟัง  (อ่าน 264733 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #100 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2554, 12:54:52 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=mTK4TcE_0gA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=mTK4TcE_0gA</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=SpkStD8XB3M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=SpkStD8XB3M</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=st_oS_fPZcw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=st_oS_fPZcw</a>
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #101 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2554, 14:09:42 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ik_axv4hlHU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ik_axv4hlHU</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5_IUAgf929Q" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=5_IUAgf929Q</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=IY8kfu2r26A" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=IY8kfu2r26A</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=6Ap5-j4AszU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=6Ap5-j4AszU</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=0TrU99fySp4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=0TrU99fySp4</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=_X4Y6DXVJxY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=_X4Y6DXVJxY</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=QBiwWjiOghU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=QBiwWjiOghU</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sUGYGThirP8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=sUGYGThirP8</a>
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #102 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2554, 17:25:17 »


มาฟังด้วย... จะว่าอะไรรึเปล่า? น้องป๋า
      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #103 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2554, 21:56:10 »

ป๋าอย่านอนดึกมากนักนะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #104 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2554, 17:01:50 »


ยากครับ....
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #105 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2554, 21:06:27 »

ดร.วรภัทร จบวิทยา เคมีเทคนิค รุ่นเดียวกับอาว์ไม ต้องนั้นน่าจะทันเห็นกัน เนื่องจากหุ่นไล่เลี่ยกัน
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #106 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2554, 02:32:27 »

ชัยชนะของ จาดุร อภิชาตบุตร ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้กลับไปนั่งตำแหน่งเดิม คืนสิทธิปย.ทั้งสิ้น

วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 
   

 ก่อนหน้านี้ นายจาดุร อภิชาตบุตร   ได้ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีที่ 1  ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 2 ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ 3 คณะรัฐมนตรีที่ 4    ตั้งแต่ปี 2552 ในข้อหา เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อศาลปกครอง   โดยฟ้องว่า การโยกย้ายตนเองจากตำแหน่ง รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(นักบริหาร 10)  โอนไปเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจการ10) สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
   
   
ล่าสุด วันที่ 25 กรกฎาคม ศาลปกครองสูงสุด ได้อ่านคำพิพากษา    การโอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยตามมติของผู้ถูก ฟ้องคดีที่ 4 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 มิได้เป็นการใช้อำนาจ โดยถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนด ประกอบกับการพิจารณาตกลงยินยอมการโอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทยมิได้เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย  ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กันยายน 2551 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ที่ให้ผู้ฟ้องคดีจากตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ10) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 มีมติอนุมัติการโอนเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีที่ 4 มีมติอนุมัติการโอนเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยบางส่วน

 
 แต่ประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุด  พิพากษาแก้    เป็นให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กันยายน 2551 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ที่ให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 มีมติอนุมัติการโอนเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551
 
 
ทั้งนี้ โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ประกาศฉบับดังกล่าวมีผลบังคับ โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง(Cool แห่งราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ว่าให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ร่วมกันดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน ของกฏหมายเพื่อให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2551 และให้คืนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผู้ฟ้องคดีพึงมีพึงได้ตามตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพากษา

 ตุลาการศาลปกครองสุงสุด เจ้าของสำนวนคือ นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ,นายวิษณุ วรัญญู  ,นายนพดล เฮงเจริญ ,นายมนูญ ปุญญกริยากร และนายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #107 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2554, 16:49:01 »

เมื่อ "ยิ่งลักษณ์" แพ้คดี 100 ล้าน วันที่ "ทักษิณ" กราบบังคมทูล "คุณหญิงอ้อ" ในบทกุนซือ "ชินวัตร"


วิษณุ เครืองาม


วันที่นักการเมืองไม่มีอำนาจ ปากกับใจของเขาจะตรงกัน

"วิษณุ เครืองาม" วันพ้นดงการเมือง ปากกา-ใจ ถูกถ่ายทอดเป็นตัวอักษร เห็นภาพ เห็นฉาก และเห็นตัวละคร

เขาเล่าประสบการณ์-ความเกี่ยวพันในการให้บริการทางเนติครั้งสุดท้าย หลังครองเก้าอี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมา 9 ปี

เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนักเรียนทุนรุ่นเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกันรู้เรื่อง และในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอให้ "วิษณุ" ลาออกจากความเป็นข้าราชการประจำ เหตุเกิดหลังปี 2545 ยุคที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พ้นพงหนามคดี "ซุกหุ้น"

เขาเล่าว่า "วันหนึ่งมีคดีระหว่างองค์การโทรศัพท์กับบริษัทของคุณทักษิณ ซึ่งคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นซีอีโอ พิพาทกันเป็นเงินนับร้อยล้าน เรื่องต้องส่งให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา ทางองค์การตั้ง คุณชัยเกษม นิติสิริ เป็นอนุญาโตตุลาการ บริษัทตั้งอัยการเก่าอีกคนหนึ่ง ทั้งสองคนเลือกผมมาเป็นประธานอนุญาโตฯ แต่ละคนตัดสินใจให้แต่ละฝ่ายชนะ ผมกลายเป็นคนที่ต้องชี้ขาด โดยเห็นด้วยกับฝ่ายองค์การ ให้องค์การชนะสองต่อหนึ่ง"

"...เมื่ออีกหลายปีต่อมา คุณทักษิณมาเป็นนายกฯ มีลูกน้องคุณทักษิณมา ชี้หน้าผมเหมือนกันว่า คนนี้แหละที่ตัดสินให้เราแพ้องค์การโทรศัพท์"

"...วันหนึ่ง คุณทักษิณเรียกผมไปประชุมที่ห้องทำงานนายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ตอนนั้นมีประเด็นว่า ถ้าเรื่องของกระทรวงหนึ่งกำลังอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการแพ้ รัฐบาลจะทำอย่างไร...คุณทักษิณบอกคนในห้องนั้นว่า เลขาฯวิษณุเคยชี้ขาดให้ผมแพ้ต้องจ่ายเงินหรือขาดกำไรไปหลายสิบล้าน แต่เขาทำถูกแล้ว...คุณทักษิณจะพูดจริงหรือพูดเล่น จะชมหรือประชดก็ตาม แต่ผมรู้สึกดีกับคุณทักษิณขึ้นเยอะ"

ในยุคที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล "วิษณุ" เล่าว่า เขาและครอบครัวได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณอีกหลายครั้ง ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แต่คนที่ทำให้เขาประทับใจและมีอิทธิพลทางความคิดในการเปลี่ยนอาชีพจากข้าราชการมาเป็นนักการเมือง กลับเป็น "คุณหญิงพจมาน"

เขาเล่าว่า ระหว่างที่มีการซักซ้อมกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล "วิษณุและครอบครัว" ได้รับโอกาสไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหลายครั้ง

"คนที่น่าประทับใจคนหนึ่งคือ คุณหญิงพจมาน ผมได้เห็นการวางตัวที่ดี ไม่พูดเรื่องการเมืองเลย แต่โอภาปราศรัยกับแขกอย่างอ่อนโยน เป็นกันเอง แสดงความเอาใจใส่ในสารทุกข์สุกดิบ เมื่อรู้ว่าภริยาของผมป่วยเป็น โรคไต ต้องเข้ารับการผ่าตัด ก็กุลีกุจอปวารณาตัวว่า จะฝากฝังหมอที่โรงพยาบาลของท่านให้..."

"วิษณุ" มีคอนเน็กชั่นกับคนในตระกูล "ดามาพงศ์" อีกคนที่เป็น "ตัวช่วย" พ.ต.ท.ทักษิณ คือ "พี่ชาย" ของคุณหญิงพจมานที่ชื่อ "บรรณพจน์"

"...คุณชัชวาล อภิบาลศรี และเพื่อนเรียน วปอ.รุ่นเดียวกับผมอีกคนที่ชื่อคุณบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นญาติกับคุณหญิงพจมาน ชวนผมไปรับประทานอาหาร การสนทนาแกล้มอาหารมื้อนั้นเป็นเรื่องสัพเพเหระ หนักเข้าก็เป็นเรื่องการบ้านการเมือง ผมก็ได้ปรารภจุดแข็งจุดอ่อนของนายกฯทักษิณให้คุณบรรณพจน์ฟัง และวิตกว่าคุณทักษิณหลังคดีซุกหุ้นมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น ฟังคนน้อยลง"

"...ไหนจะมีเงิน ไหนจะมีสติปัญญา ไหนจะมีพวกพ้องเสียงเชียร์มาก ไหนจะมีเสียงในสภาท่วมท้น ไหนจะหมดชนักปักหลัง คนอย่างนี้ผมเห็นมามากแล้วว่าจะคึกคะนองดุจอินทรชิตที่ได้ฤทธิ์จากพระเป็นเจ้าจนบิดเบือนกายินเหมือนองค์อมรินทร์ทรงคชเอราวัณได้"

"วิษณุ" แนะนำ "ทักษิณ" ผ่าน "บรรณพจน์" พี่ชาย "คุณหญิงพจมาน" ยาวเหยียด

ทั้งเรื่องเกรงว่าเมืองไทยจะเป็นรัฐตำรวจ

ทั้งเรื่องรัฐบาลขาดมือกฎหมาย ต้องใช้บริการคณะกรรมการกฤษฎีกา

พร้อมเสนอชื่อที่ปรึกษากฎหมายราว 10 คน

"บรรณพจน์" ไม่เป็นอันรับประทานอาหาร เพราะต้องจดชื่อและประเด็นที่ "วิษณุแนะ" ลงในกระดาษ

สามวันต่อมา "วิษณุ" ถูกคุณหญิงพจมานเชิญไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มีวาระ "กระดาษ-คำแนะนำ-ชื่อที่ปรึกษา" ที่ "บรรณพจน์" จดมานำเสนอ

"คุณหญิงให้ผมวิจารณ์รัฐบาลให้ฟัง ว่าใครเป็นอย่างไร นายกฯเป็นอย่างไร ปัญหาในการทำงานมีอะไรบ้าง ที่ว่าไม่ค่อยฟังใครเช่นเรื่องอะไร ถ้าไม่ฟังแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คณะที่ปรึกษาที่ผมเสนอนั้น ไว้ใจได้ไหม"

จากนั้นผ่านไป 1 เดือน "วิษณุ" เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่วังไกลวังวล หัวหิน พร้อมกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เพื่อถวายรายงานการปฏิรูปราชการ

"ตอนหนึ่งรับสั่งถามอย่างเป็นห่วงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ของทำเล่น ใครจะดูแล นายกฯกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า รับสั่งถามว่า แล้วที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน การพัฒนาแหล่งน้ำ ที่ดิน ที่ทำกินซึ่งยืดเยื้อมานานซึ่งทรงเป็นห่วงมาก เป็นภารกิจหลักของรัฐบาล ใครจะดูแล นายกฯกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า"

"รับสั่งถามถึงกี่เรื่อง นายกฯก็กราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า สุดท้ายรับสั่งว่าเรื่องศาสนาก็เป็นเรื่องใหญ่ ละเอียดอ่อน เวลานี้มีปัญหาใคร จะดูแล นายกฯก็กราบบังคมทูลว่าข้าพระพุทธเจ้า"

แต่พอกลับจากเข้าเฝ้าฯ ยังไม่ทัน พ้นประตูวังไกลกังวล "พ.ต.ท.ทักษิณ" พูดกับ "วิษณุ" ว่า

"นี่เป็นเรื่องบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการ เมือง ที่กราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าน่ะ ผมว่าผมทำไม่ไหวหรอก"

จากนั้นก็ชักชวนให้ "วิษณุ" และบุคคลระดับ "อัครมหาเศรษฐี" เมืองไทยช่วยทำ

"วิษณุ" ถูกชวนเข้าร่วมวงนักธุรกิจชั้นนำที่บางกอกคลับ ถนนสาทร ณ ที่นั้น คนที่รวมตัวรออยู่ก่อนแล้วมีทรัพย์สินรวมกันใกล้ ๆ ยอดงบประมาณประเทศไทย ทั้งคุณชาตรี โสภณพนิช คุณธนินท์ เจียรวนนท์ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี คุณบุญสิทธิ์ โชควัฒนา และคุณสถาพร กวิตานนท์

"พ.ต.ท.ทักษิณ" บอกกับกลุ่มเจ้าสัวว่า "ชวนวิษณุมาช่วยจำข้อเสนอของพวกท่าน"

จากนั้นไม่กี่วัน "วิษณุ" ก็ถูกเชิญจาก "ทักษิณ" ให้เข้าร่วมวงคณะรัฐมนตรี

ภายใต้เงื่อนไขของ "คุณหญิง" ที่ทั้ง "วิษณุและ พ.ต.ท.ทักษิณ" ไม่อาจปฏิเสธ

หมายเหตุ : ข้อมูลจากหนังสือ โลกนี้คือละคร โดยสำนักพิมพ์มติชน
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #108 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2554, 16:51:57 »

"ซี-ฉัตรปวีณ์" หญิงเก่งที่ถูกเสนอชื่อเป็น "รมว.กระทรวงวิทย์" ในฝัน !!

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14:00:11 น.



เมื่อช่วงเลือกตั้ง เว็บไซต์เด็กดีดอทคอมได้ยกให้คนดังในแวดวงต่างๆ เป็น "รัฐมนตรีในฝัน" ของวัยรุ่น โดยหนึ่งในนั้น คือ ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ พิธีกรรายการไอทีหลายรายการได้รับเลือก "นั่งเก้าอี้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

อะไรที่ทำให้ สาวสวยคนนี้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น "รัฐมนตรีกระทรวงวิทย์" ในฝัน เราไปหาคำตอบมาแล้ว

ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ อายุ 26 ปี พกพารูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดสายตา ไม่ใช่แค่สวย!! มานั่งคุยกับเรา

"การจะเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจผู้ชมได้นั้นต้องอาศัยความสามารถล้วนๆ" ประโยคแรกของสาวที่ได้รับฉายาว่า "เจ้าหญิงแห่งวงการไอที" และสาวที่คว้ารางวัล "ผู้หญิงที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี" จากเวทีเอ็มไทย ท็อป ทอล์ค-อะเบาท์ 2011 บอกกับเรา

หลายคนคงคุ้นหน้าค่าตา "ซี" มาบ้างแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ เธอเคยเป็นทั้งผู้ประกาศข่าวช่อง 11 พิธีกรรายการวัยรุ่น เล่นมิวสิกวิดีโอ แสดงภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังเคยประกวดนางงามมาแล้ว 2 เวที ทั้งนางสาวไทยและมิสไทยแลนด์เวิลด์

"ซีเป็นคนที่ใช้เวลาคุ้มมากในแต่ละวัน วันไหนชิลจะรู้สึกอึดอัด เพื่อนเคยบอกว่า ถ้าคุณไม่เที่ยวกลางคืน ชีวิตจะขาดหายบางอย่าง ผิดกับซีที่รู้สึกว่า ถ้าไม่ทำงานต่างหากชีวิตจะขาดบางอย่างไป ซีเป็นคนรุ่นใหม่ที่จริงจังกับตัวเอง คิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตมีคุณค่าทั้งตัวเองและคนอื่น ซีว่า คนรุ่นใหม่คือคนที่ค้นพบตัวเอง หาในสิ่งที่รักเจอ และสามารถทำให้ได้ดีที่สุด"

นั่นคือความหมายของคนรุ่นใหม่ที่พิธีกรไอทีสาวนึกถึง แต่สำหรับเธอ นิยามตัวเองว่า เป็นคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้าง "ซน" แต่ในความซุกซนก็แฝงไปด้วยความดูดี ฉลาด และมีแนวทางเป็นของตัวเอง ชอบงานด้านข่าวและอยากใช้ให้เป็นประโยชน์

"เป็นคนที่ทำอะไรไม่หยุด ทำทุกอย่างที่คิดว่าเป็นการเรียนรู้ของชีวิต แต่ก็มีขอบเขตว่าจะไม่ทำสิ่งที่เสื่อมเสียภาพลักษณ์ไอดอล เพราะเราทำงานบนเว็บไซต์ มีเด็กหลายวัยที่เข้ามาดู เช่น เด็ก 6 ขวบกับคุณพ่อ ที่ดูคลิปของเรา แล้ว อยู่ๆ จะให้เราเปลี่ยนเป็นลุคเซ็กซี่มันก็ไม่ได้"

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชอบด้านนี้ "ฉัตรปวีณ์" เล่าถึงวัยเด็กว่า เธอสนิทกับพี่ชายและเห็นของไฮเทคที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก ตอนที่เข้าวงการและสนใจด้านนี้จริงๆ คือเมื่อเป็นพิธีกรรายการในช่องเกม "จี สแควร์" เป็นงานแรกที่เริ่มเปิดโลกทรรศน์ด้านไอที โดยทำงานในตำแหน่ง "นักข่าวสายไอที" รายงานข่าวเจาะลึกในประเด็นต่างๆ และวิเคราะห์ให้เข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของเทคโนโลยี ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยใช้วิธีการนำเสนอให้คนดูเข้าใจง่ายๆ

"ตอนอ่านข่าวขายไตแลกไอแพด ซีคิดว่าเรื่องอย่างนี้ต้องไม่เกิดกับคนไทย ซีกลัวมาก และคนไทยชอบอยู่ในกระแส การรายงานข่าวทุกชิ้นของซี จะเป็นการรายงานข่าวที่ดึงให้คนอยู่เหนือกระแส เพราะถ้าอยู่ใต้กระแส มันจะทำให้อยากซื้อ

"ซีจึงใช้เทคนิคการพูดให้เห็นถึงข้อดีข้อเสีย และผลกระทบต่างๆ เพื่อให้ผู้ชมคิดวิเคราะห์ มากกว่าพูดในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ ดูอย่างประเทศที่อยู่เหนือกระแสอย่างอเมริกา เมื่อใช้เสร็จ เขาแกะออกมาดูว่าข้างในประกอบด้วยอะไร โชว์ให้เห็นภายในว่าใส่อะไรไว้ เขาข้ามความอยากได้มาถึงการอยากเป็นผู้ผลิต น่าจะเริ่มสร้างความรู้สึกแบบนั้นให้คนไทย"

นอกจากเป็นคนรุ่นใหม่ที่ "คิดดี" แล้ว เธอยังใช้ชีวิตต่างจากคนรุ่นใหม่ทั่วไป เพราะชีวิตของสาวคนนี้ นอกจาก "งาน" แล้ว ก็แทบจะไม่ทำอย่างอื่นเลย

"ที่ผ่านมาชีวิตมันรัดมากจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เราได้ทำอะไรเยอะมาก แต่ความละเอียดอ่อนในชีวิตมันน้อย" ซีบอก ก่อนขยายความว่า นี่ถือว่าน้อยแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ทำงานเยอะมาก ทั้งเป็นผู้ประกาศข่าว พิธีกร เล่นมิวสิกวิดีโอ แสดงภาพยนตร์ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้อง "ตัดงาน" บางอย่างออกจากชีวิต และเลือกทำเฉพาะด้านไอที สายงานที่รักอย่างเดียว เพราะโหมงานหนักจนทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย

"เพื่อนเคยบอกว่า คนเรามีลูกบอลแก้วในชีวิตไม่กี่ลูก คือ ครอบครัว เพื่อน ญาติ ความสัมพันธ์เหล่านี้ตกแล้วแตกถ้าคุณไม่รักษาเอาไว้ ซีมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทมากตอนที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาเสียชีวิตในช่วงที่งานเราติดพันเยอะมาก ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต 2 อาทิตย์ เขาส่งข้อความมา แล้วซีก็แค่ส่งข้อความกลับไป ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก วันที่เขาเสียชีวิตเพื่อนโทรศัพท์มาบอกตอนเช้าขณะทำงานผู้ประกาศข่าว ซีร้องไห้แล้วอ่านข่าวต่อไม่ได้เลย เราก็ได้คิดว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ให้เวลากับเขา เริ่มคิดถึงสิ่งที่เสียไปแล้วไม่กลับมา จึงหันกลับมาให้ความสำคัญกับคนรอบข้างและสุขภาพมากขึ้น"

ถึงตรงนี้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสาวคนนี้ถึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" ในฝัน

"รู้สึกดีใจค่ะ เคยมีคนถามว่า อยากเล่นการเมืองไหม ก็บอกไปว่า ขอคิดก่อน ตอนนี้อยากทำอะไรที่สนุกมากกว่า" เธอเล่ายิ้มๆ ก่อนตบท้ายว่า

"ไม่ขอเป็นรัฐมนตรี แค่ขอเป็น รัฐมนซี ในใจผู้ชม ก็พอ"

เชื่อว่า เธอคงอยู่ในใจใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบไอที ที่วันนี้อาจหลงรักเธอมากขึ้น



(มติชนรายวัน ฉบับ 30ก.ค.2554 หน้า25)
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #109 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2554, 19:14:16 »

ครม. เห็นชอบตั้ง "จาดูร” นั่ง รองปลัดสำนักนายกฯตามเดิม รอกกต.เห็นชอบอีกครั้ง

วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:55:11 น.
   

นายอำพล กิตติอำพล เลขาธิการ ครม. แถลงข่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบวาระเร่งด่วนตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งขณะนั้นได้ย้าย นายจาดูร อภิชาติบุตร ให้พ้นจากตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นตำแหน่งผู้ตรวจราชการ  ซึ่งตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ได้สั่งให้นายจาดูร กลับสู่ตำแหน่งเดิมภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบตามคำสั่งศาลประมาณวันที่  30 สิงหาคม อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามข้อกฎหมายของการสั่ง บังคับคดีของศาลปกครองสูงสุด นอกจากนี้ทางคณะกรรมการ ก.พ. ได้ประชุมเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีมติให้เสนอตำแหน่งเฉพาะตัวของนายจาดูร ตามมาตรา 71 ตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขึ้นมาอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยวันนี้ ครม. ให้ความเห็นชอบตามที่ คณะกรรมการ ก.พ. เสนอ

นายอำพล กล่าวต่ออีกว่า สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวมหาดไทยได้เห็นชอบในการแต่งตั้งนายจาดูร กลับมาเป็นรองปลัดปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามตำแหน่งที่ ครม. ให้ความเห็นชอบด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแต่งตั้งดังกล่าว ครม.ได้อยู่ระหว่างการทำหน้าที่รักษาการ จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เช่นเดียวกับกรณีนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง โดยคำสั่งและมติ ครม. ทั้งหมดจะถูกต่องไปยัง กกต. ต่อไป

Notice: Undefined index: subcatid in /mnt/public_html/news_detail.php on line 194
   
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #110 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 22:56:25 »

 สุขสันต์วันเกิดป๋าทูย้อนหลังนะคะ...ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ...
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #111 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554, 23:09:29 »

-ขอบใจหลายเด้อค่า
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #112 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 02:27:40 »

   วันที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7552 ข่าวสดรายวัน


สาวิทย์ แก้วหวาน ศาลให้รฟท.ไล่ออก

ข่าวทะลุคน


ศาล แรงงานกลาง มีคำสั่งอนุญาตให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เลิกจ้าง นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย กับพวกรวม 7 คน

กรณีเป็นหัวโจกอ้างเหตุรถไฟตกรางที่สถานีเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2552 นำพนักงานสไตรก์หยุดเดินรถไฟเส้นทางภาคใต้

อ้างเพื่อให้ปรับปรุงหัวรถจักร จนกว่าจะสมบูรณ์และพร้อมใช้งาน

หยุดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

แต่ทำให้ผู้ใช้บริการเดือดร้อน คนนับหมื่นตกค้าง และถูกทิ้งอยู่กลางทาง ไปไม่ถึงจุดหมาย

ศาลตัดสินให้ไล่ออก พร้อมสั่งให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย รฟท. 15 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

เกิดปี 2504 อายุ 50 ปี

จบวิศวกรรมรถไฟ จากวิทยาลัยเทคนิคพัทลุง

ลูกหม้อการรถไฟฯ เริ่มงานตั้งแต่ปี 2525 เข้าสหภาพแรงงานในปี 2531 ร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวเรื่อยมา

เป็นประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สรส.รฟท.) และเลขานุการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)

เข้าร่วมการชุมนุมกับม็อบเสื้อเหลืองปี 2549 รับหน้าที่โฆษกและวิทยากรของพันธมิตรฯ

ปี 2551 เป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2

มี บทบาทสำคัญขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นัดรัฐวิสาหกิจ 43 แห่งทั่วประเทศขู่หยุดงานประท้วงรัฐบาล อ้างใช้ความรุนแรงสลายม็อบเมื่อ 7 ต.ค. 2551

สุดท้ายถูกศาลแรงงานตัดสินให้ไล่ออก เหตุทำชาวบ้านเดือดร้อน

แถมต้องชดใช้ค่าความเสียหายให้รฟท.รวม 15 ล้านบาท

หน้า 6


   














   
      
Copyright © by Matichon Public Co.,Ltd
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #113 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2554, 22:55:18 »

คำชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องหูกระป๋อง
    จากการที่มีผู้สอบถามและนำหูกระป๋องและฝาเครื่องดื่มบำรุงร่างกายมามอบให้ แก่ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย เพื่อทำชิ้นส่วนของขาเทียมจำนวนมาก ทางชมรมฯ ขอขอบคุณและชื่นชมในความเอื้ออาทรของทุกท่านเป็นอย่างยิ่งและใคร่ขอชี้แจง ข้อเท็จจริงในการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาผลิตขาเทียมให้ทุกท่านได้ทราบดังต่อไป นี้
1.หูกระป๋องหรือฝาเครื่องดื่มเป็นโลหะประเภทอลูมิเนียม ดังนั้นอลูมิเนียมทุกชนิด เช่น กระทะ ขัน กะละมัง ที่เป็นอลูมิเนียมสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด
2.การรณรงค์นำของเหลือใช้มาทำประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรบริโภคเพื่อหวังจะนำหูกระป๋องมาเพื่อทำขาเทียมช่วยเหลือผู้พิการเพราะหูกระป๋อง 4,200 อัน มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม มีมูลค่าเป็นเศษอลูมิเนียมเพียง 50 บาท จะหลอมได้ชิ้นส่วนเพียง 5 ชิ้น ในขณะที่เราต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มอย่างน้อยถึง 42,000 บาท
3.เหตุใดถึงเลือกเฉพาะหูกระป๋องหรือหูเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ถ้าต้องการอลูมิเนียมเพื่อทำขาเทียมจริง ๆ ก็ควรจะรับบริจาค หม้อ ขัน กระทะ เครื่องต่าง ๆ ที่มีส่วนของอลูมิเนียม จะได้ประมาณมากมาย (ถ้าท่านมีศรัทธาอยากจะช่วยเหลือผู้พิการส่งเงินบริจาคไปยังที่อยู่ของหน่วยงานที่ขอบริจาคจะดีกว่าที่จะรวบรวมหูกระป๋อง เพราะนอกจากไม่คุ้มค่าแล้วยังเสียความรู้สึกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้แก่นักฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ให้แก่ตน)
4.เศษอลูมิเนียมทุกชนิดต้องนำมาหลอมที่อุณหภูมิ 800 C เพื่อจะแปรรูปเป็นอลูมิเนียมแท่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหลอมอลูมิเนียมแท่งและค่าจัดส่งมากกว่าค่าวัตถุดิบ ถ้าหน่วยงานใดที่ต้องการชิ้นส่วนขาเทียม ทางชมรมฯ ยินดีจะผลิตให้พอกับความต้องการและไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
5.ความสามารถในการประกอบขาเทียมจากเศษอลูมิเนียม100 กิโลกรัม เมื่อนำมาทำชิ้นส่วนของขาเทียมจะได้ชิ้นส่วนถึง 500 อัน ผู้ประกอบขาเทียมต้องใช้เวลาประกอบหลายปี ดังนั้นการรณรงค์เพื่อเก็บหูกระป๋องกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศจึงเป็นเรื่องการสร้างภาพของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และควรจะให้ประชาชนได้รู้ความจริง
6.การดื่มน้ำกระป๋อง เป็นการสิ้นเปลือง เพราะแผ่นโลหะที่นำมาทำกระป๋องต้องนำเข้า และต้องจ่ายค่ากระป๋องเพิ่มจากน้ำขวดปรกติถึง3 บาท
7.การสร้างศรัทธาและจิตสำนึกเพื่อช่วยเหลือคนพิการเป็นสิ่งที่ดี แต่การโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายและนำสถาบันเบื้องสูงมาอ้างเช่นนี้ทำให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก เรื่องอย่างนี้…ผู้คุ้มครองผู้บริโภคน่าจะดูแลให้ทั่วถึง

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ…ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

http://www.thailegs.com/project01.htm
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #114 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 05:18:34 »

เผยชายมีเซ็กซ์ทางทวารเสี่ยงมะเร็ง

วันจันทร์ ที่ 08 สิงหาคม 2554 เวลา 18:15 น
 
เนื้อหาข่าว

วิจัย พบกลุ่มชายรักชายติดเชื้อเอชไอวี 30% ส่วนชายจริงหญิงแท้ติด 10% ชี้ชายมีเซ็กซ์ทางทวารหนักและแถมเป็นฝ่ายรับมีโอกาสติดเชื้อเป็นมะเร็งทวาร


ที่โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน แอนด์ ทาวเวอร์ วันนี้(8ส.ค.)  พญ.นิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ แพทย์จากศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวในการสัมมนาวิชาการการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและ ผู้ป่วยเอดส์ระดับประเทศครั้งที่ 3 ว่า  จากการทำวิจัยในกลุ่มชายรักชายที่มาใช้บริการตรวจหาเอชไอวีประมาณ 3,000-4,000 คน พบว่า 30% หรือ 1 ใน 3 ติดเชื้อเอชไอวี ในขณะที่ชายจริงหญิงแท้ที่มาใช้บริการศูนย์วิจัยโรคเอดส์พบติดเชื้อเอชไอวี ประมาณ 10%

พญ.นิตยา กล่าวต่อว่า ทางศูนย์วิจัยโรคเอดส์พยายามหาวิธีการให้กลุ่มชายรักชายมาตรวจหาเชื้อเอชไอ วีมากขึ้น จึงได้เพิ่มการบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า เอนอล แป๊บ สเมียร์  “ Anal Pap Smear ) ค่าบริการครั้งละ 200 บาท โดยป้ายเข้าไปในรูทวารคล้าย ๆกับการตรวจมะเร็งปากมดลูกซึ่งใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นเอคนมาใช้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนักทางศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ก็จะขอร้องให้คนไข้ตรวจเอชไอวีด้วย  อย่างไรก็ตามจากกาตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนักในกลุ่มชายรักชายจำนวน 246 คน พบว่า 10-15% พบระยะก่อนเป็นมะเร็งปากทวารหนักซึ่งอาจเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งในอนาคต โดยชายรักชายกลุ่มนี้ไม่มีอาการอะไรเลย  ทั้งนี้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนักจึงเป็นการหาเซลล์ผิดปกติในช่องทวา นหนักที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเอชพีวี และช่วยในการรักษาผู้ป่วยเพื่อไม่ให้พัฒนากลายเป็นมะเร็ง

แพทย์จากศูนย์วิจัยโรคเอดส์   กล่าวอีกว่า ในคนทั่วไปมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากทวารหนัก 1 คนใน 1 แสนคน  แต่ถ้าเป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากทวาร หนักมากว่าชายปกติถึง 40 เท่า เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมีโอกาสได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีที่ เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก  และความเสี่ยงจะเพิ่มเป็น   80 เท่าหากติดเชื้อเอชไอวีด้วย

พญ.นิตยา กล่าวด้วยว่า กลุ่มที่เสี่ยงเป็นมะเร็งปากทวารหนักคือ ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยเฉพาะฝ่ายรับทางทวารหนัก  การติดเชื้อเอชพีวี  การติดเชื้อเอชไอวี จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือ ซีดีโฟร์ต่ำ  การสูบบุหรี่ ดังนั้นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายทางทวารหนักควรได้รับการตรวจมะเร็งปากทวาร หนักเช่นเดียวกับผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูก ทั้งผู้ที่เคยมีอาการหูดหงอนไก่ที่ทวารหนักหรือไม่ก็ตาม ถ้าผลการตรวจไม่พบความผิดปกติควรตรวจซ้ำทุกปี ส่วนผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีควรได้รับการตรวจคัดกรองทุกก 6 เดือนในปีแรก ถ้าไม่พบความผิดปกติควรตรวจซ้ำทุกปี.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=155965
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #115 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 05:47:44 »

เปิดกรุรายชื่อทำเนียบ 51 นายกรัฐมนตรีหญิงทั่วโลก ที่มี 2 ผู้นำดังถูกลอบสังหาร!!

วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:07:16 น.


Sirimavo Bandairnaike อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของศรีลังกา


Indira Gandhi อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงอินเดีย ผู้ถูกลอบสังหาร แต่ยังทรงอิทธิพลมาถึงปัจจุบัน


Golda Meir หญิงเหล็กแห่งอินสราเอล อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงที่มีอายุมากที่สุดขณะดำรงตำแหน่ง


Maigaret Thatcher อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง เพียงคนเดียวของอังกฤษ


Elisabeth Domitien อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศสาธารณรัฐอัฟริกากลาง


Benazir Bhutto อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ซึ่งถูกกลุ่มก่อการร้ายลอบสังหารโดยการยิงและระเบิดพลีชีพ


Sheikh Hasina Wajed อดีตนายกรัฐมนตรีบังคลาเทศ ผู้ครองตำแหน่งถึง 2 สมัย


Chang Sang อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง แห่ง เกาหลีใต้


Jenny Shipley อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศนิวซีแลนด์


Lusa Dias Diogo อดีตนายกรัฐมตรีหญิง ของประเทศโมซัมบิก


Jhanna Sihurdardmttir อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศไอซ์แลนด์


Yuliya Tymoshenko อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งยูเครน ที่ว่ากันว่า สวยที่สุดในโลก


Han Myung Sook อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของเกาหลีใต้


Zinada Greceanil อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศมอลโตวา


Micahle Perre-Louis อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศเฮติ


Angela Merkel นายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเยอรมนี


Julia Gillard นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศออสเตรเลีย


ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ถูกจับตามาโดยตลอด สำหรับก้าวอันยิ่งใหญ่ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.ระบบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทย ที่กำลังจะขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ในระยะเวลาไม่กี่อึดใจนี้   กับการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในพ.ศ. 2554  


ด้วยเหตุนี้   วิลเลียม ลี อดัมส์  คอลัมน์นิสต์จาก นิตยสารไทม์  จึงเขียนบทความ  เรื่อง 12 ผู้นำหญิงโลก  โดยยกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  เป็น 1  ผู้นำหญิงในจำนวนดังกล่าวด้วย  ท่ามกลางข้อกังขาว่า เธอ เป็นน้องสาวตัวตายตัวแทนของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย  ผู้ที่ยังไม่หมดเขี้ยวเล็บทางการเมืองคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง  และไม่ได้มีประสบการณ์ทางการเมืองอะไรมาก่อนเลย นอกจากเคยบริหารธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ และโทรคมนาคม ภายใต้บริษัทของพี่ชาย  เท่านั้น


 กระทั่ง พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล บุญที่มีบารมีพี่ชายชื่อทักษิณ หนุนหลัง ถึงส่งผลดุนอำนาจให้"ยิ่งลักษณ์" กลายเป็นนายกรัฐมนตรี(โดยปริยาย)

บนโลกใบนี้ ซึ่งหลากหลายไปด้วยระบบการปกครอง และมักยกย่องให้เพศชายเป็นใหญ่ทางการบริหารบ้านเมืองแต่ละแคว้น แต่ละดินแดน มาเป็นเวลาเนิ่นนานนั้น  แต่ทว่า ก็มีผู้หญิงที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้นำประเทศมาแล้วถึง 51 คนด้วยกัน ใครเป็นใครบ้าง มาดูกัน

   เริ่มที่   Sirimavo Bandairnaike  (สิริมาโว บันดาราไนยาเก)  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของศรีลังกา และยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของโลกอีกด้วย ซึ่งเธอผู้นี้ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนชาวศรีลังกาอย่างถล่มทลายในปี พ.ศ 2503  และกำรงตำแหน่งนายกฯ ถึง 3 สมัยด้วยกัน  สืบทายาททางการเมืองมาจากสามีของเธอซึ่งก่อนหน้านั้นก็เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกลอบฆ่าตาย   ก่อนจะเกษียณจากการเมืองด้วยวัยถึง 84 ปี เพื่อเปิดทางให้ลูกสาวตัวเอง คือประธานาธิบดีจันทริกา กุมาระตุงคะ เลือกนายกรัฐมนตรีมาทำหน้าที่แทน  ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในปี 2543 ระหว่างเดินทางกลับไปบ้านเกิดไปเมืองกัมพาหะ ไม่ไกลจากกรุงโคลัมโบ เมืองหลวง

** นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของโลก เธอคือ  Indira Gandhi (อินทิรา คานธี)  แห่งประเทศอินเดีย  ที่ก็ดำรงตำแหน่งผู้นำเมืองโรตี  เป็นเวลา 3 วาระติดต่อกัน ตั้งแต่พ.ศ.2509-2527   ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ช็อคโลก เมื่อเธอถูกลอบสังหารกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมโดยฝีมือองครักษ์สองคนใช้อาวุธ ปืนกระหน่ำยิงกว่า 30 นัด บริเวณสวนในทำเนียบนายกรัฐมนตรี  เมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2527   จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวซิกข์ อย่างไรก็ตาม  อินทิรา คานธี ยังเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งได้รับการเชิดชูจากชาวอินเดียมาจนถึงปัจจุบัน

   อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของโลก คือ  Golda Meir  ( โกลดา แมร์)   จากอิสราเอล โดยเธอได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ เมื่อตอนอายุ 70 ปีแล้ว เมื่อ 7 มีนาคม พ.ศ.2512    และเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ.2521 โดยเธอได้ชื่อว่าเป็นสตรีเหล็ก และได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำสำคัญของอิสราเอลเช่นกัน


4.  Elisabeth Domitien   อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศสาธารณรัฐอัฟริกากลาง

5.MaigaretThatcher   อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือว่า เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงเพียงคนเดียวของเมืองผู้ดีนี้ นับแต่ประวัติศาสตร์การเมืองของอังกฤษที่จากนั้นต่อมาก็เป็นผู้ชายหมด

6.Maria de Lourdes Pintasilgo  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศโปรตุเกส

7.Mary Eugenia Charles  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศโดมินิกัน

8. Gro Harlem Brundtiand   อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศนอร์เวย์  ที่ดำรงตำแหน่งมาได้ถึง 3 สมัย  

9.Milka Planinc อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศยูโกสโลวาเกีย

**10.Benazir Bhutto  (เบนาซีร์ บุตโต) อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศปากีสถาน ซึ่งเธอถูกลอบสังหารด้วยการถูกยิงก่อนที่จะมีระเบิดพลีชีพ เมื่อ  27 ธันวาคม พ.ศ. 2550  ระหว่างกำลังหาเสียงในเมืองราวัลปินดี  ซึ่งเวลานั้น รัฐบาลปากีสถาน กล่าวหาอัลกออิดะห์ว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้

11.Kazimeira Prunskiene อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศลิธัวเนีย

12.Khaleda Zia อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศบังคลาเทศ

13.Edith Cresson  ของประเทศฝรั่งเศส

14.Hanna Suchocka ของประเทศโปแลนด์

15.Kim Campbell ของประเทศแคนาดา

16.Tansu Liller ของประเทศตุรกี

17.Sylvie Kinigi  ของประเทศบุรุนตี

18. Agathe Uwilingiyimana  ของประเทศรวันดา

19.Chandrika Kumaratunga  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศศรีลังกา  นับเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2  นับจากที่ศรีลังกา ได้นางสิริมาโว เป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทสและของโลก

20.Reneta Indzhova  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศบัลกาเรีย

21.Claudette Werieigh อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศเฮติ

22. Sheikh Hasina Wajed  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศบังคลาเทศ  ที่ดำรงตำแหน่งมาได้ถึง 2 สมัย

23. Janet Jagan ของประเทศกิยานา

24.Jenny  Shipley อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศนิวซีแลนด์

25.Irena Degutiene  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง 2 สมัยของประเทศลิธัวเนีย

26.Nyam-Osoriyn Tuyaa อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศมองโกเลีย

27.Helen Elizabeth Clark  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศนิวซีแลนด์

28. Mame Madior Boye  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซเนกัล

29. Chang Sang  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเกาหลีใต้

30. Maria das Nives Ceita Baptista de Sousa อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซาตูเมและปรินซิบี

31.  Annele Tuulikke   อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศฟินแลนด์

32. Beatriz Merino Lucero อดีตนายกรัฐมนตรี ของประเทศเปรู  

33. Lusa Dias Diogo  อดีตนายกรัฐมตรีหญิง ของประเทศโมซัมบิก

34. Radmila Sekerinska อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง 2 สมัย ของประเทศมาเซโดเนีย

35.Yuliya Tymoshenko อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศยูเครน ผู้มีเอกลักษณ์ทรงผมเจ้าหญิงที่ถักผมคาดบนศีรษะคล้ายมงกุฎ จนว่ากันว่าเป็นนักการเมืองหญิงที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้

36. Maria do Carmo Silveira  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซาตูเมและปรนซิบี

37.Portia Simpson-Miller อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศจาไมก้า

38.Han Myung Sook  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศเกาหลีใต้

39.Zinada Greceanil อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศมอลโตวา

40.Micahle Perre-Louis  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศเฮติ

41.Jhanna Sihurdardmttir อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศไอซ์แลนด์

42. Jadranka Kosor อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงประเทศโครเอเชีย

43. Cocile Manorohanta อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศมาดากัสการ์

44.Roza Otunbayeva  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเตอกีร์สถาน

45. Mari Kivinienmi อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศฟินแลนด์

46 . Angela Merkel  นายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเยอรมนี

47.Kamla Persad-Bissessar นายกรัฐมนตรีของประเทศตรินิแดด และโตเบโก

48.Julia  Gillard  นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศออสเตรเลีย

49. Iveta Radicov  นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศสโลวาเกีย

50.Rosario Fetnandez Figueroa นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศเปรู ซึ่งเธอเพิ่งได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ที่ผ่านมา

51.Ciss Mariam Kaodama Sidib นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศมาลี เพิ่งได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา

และคนที่ 52 ของโลก กำลังจะเป็นชื่อของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และคนแรกของภูมิภาคอาเซียน...!!!

 

 

Notice: Undefined index: subcatid in /mnt/public_html/news_detail.php on line 194
   

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312784117&grpid=01&catid=01
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #116 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 06:00:56 »

เว็บไซต์ thaigov.go.th เปลี่ยนยุค ขึ้นข่าวนำ"ยิ่งลักษณ์"นายกฯคนที่ 28 ทันที

วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:01:37 น.
   

เว็บไซต์ สำนักนายรัฐมนตรี www. thaigov.go.th  ได้เปลี่ยนจากข่าวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นข่าวนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว พร้อมลงประวัตินายกฯใหม่ละเอียดยิบ

 

 

ข่าวแรกที่ปรากฏเป็นข่าวนำใช้หัวข่าวว่า...

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

 

หลังจากนั้น ได้ขึ้นข่าวถัดมาในหัวข่าวว่า นายกยิ่งลักษณ์ปวารณาตน ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจอย่างเต็มที่

 

ขณะที่ข่าวของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ค่อยๆ หายไป


เว๊บสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานข่าวอย่างละเอียดว่า 


วันนี้ (8 สิงหาคม 2554) เวลา 18.39 น. นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อมรฉัตร (คู่สมรส) เด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร (บุตรชาย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาล และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รออยู่ ณ บริเวณห้องพิธี ชั้น 7 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้เวลา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอ่านพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ดังนี้

 

พระบรมราชโองการ

ประกาศ
แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
----------------------

(พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร.

   

 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า

   

โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแล้ว คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ต้องพ้นจากตำแหน่ง และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา ผู้แทนราษฎร
   

     จึงทรงพระราชดำริว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

     อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน

     ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

     ประกาศ ณ วันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2554
เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
  นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
   ประธานสภาผู้แทนราษฎร

   
จากนั้น   เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถวายคำนับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว แล้วอัญเชิญพระบรมราชโองการไปวางที่โต๊ะหมู่บูชา ถวายคำนับ กลับไปยืนประจำที่ นายกรัฐมนตรีถวายคำนับ แล้วเดินออกไปยืนตรงกลางหน้าโต๊ะหมู่บูชา ถวายคำนับพระบรมฉายาลักษณ์ฯ เปิดกรวยกระทงดอกไม้แล้วกราบราบ ลุกขึ้นยืนถวายคำนับ เสร็จพิธีรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี


ประวัตินางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28

วัน/เดือน/ปี เกิด : 21 มิถุนายน 2510
การศึกษา : 2533 Master of Public Admin Kentucky State University , U.S.A.
2531 ปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

ประวัติการทำงาน

มีนาคม 2549 : ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทยและได้รับการจัด อันดับจากคณะกรรมการบรรษัทภิบาล ของตลาดหลักทรัพย์ ให้อยู่ในกลุ่ม"ดีเลิศ" ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภาพลักษณ์และสินค้า

ประสบความสำเร็จในการ Re-Branding จากภาพลักษณ์บริษัทเทเลคอม เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน รวมทั้งปรับรูปแบบสินค้าและบริการของบริษัทให้ตรงต่อ ความต้องการของลูกค้าซึ่งสามารถทำให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 30% อย่างต่อเนื่องทุกปี ประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมให้พนักงานมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยม และนำค่านิยมสู่การปฏิบัติงานทุกจุดบริการ การบริหารจัดการ

ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจ เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เปิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อบริษัท

ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับการเติบโตของ ธุรกิจ เช่น ระบบ SC System (กระบวนการก่อสร้างและต้นทุนการก่อสร้าง) กระบวนการ CRM และกระบวนการบริการ

ประสบการณอื่นๆ : มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารทรัพย์สิน และธุรกิจกอล์ฟ

2545 : ประธานกรรมการ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
2544 : กรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-สายงานการวางแผนธุรกิจโทรคมนาคมไร้สาย บริษัท แอ็ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
2542 : กรรมการผู้อำนวยการ - สายงานปฏิบัติการ สินค้าและบริการ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
2540 : Vice President - Shinawatra Directories Production บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด
2538 : General Manager - Shinawatra Directories Production
2537 : บริษัท เรนโบว์ มีเดียส์ จำกัด ผู้จัดการทั่วไป
2536 : บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด Production Director

การฝึกอบรมและสัมมนา

2554 : Capital Market Academy (วตท.) รุ่นที่ 12
2550 : New Culture on Brand
2549 : Executive Committee Program
- Director Accreditation Program
- Finance for Non - Finance Director
- Director Certification Program
2548 : Mastery Development Program
: Executive Shared Learning Forum
2547 : Leadership Through TQM
2546 : Continuous Process Quality Improvement for Executive
2545 : Program for Management Development Harvard Business School ( USA ) : Executive Coaching Program
2544 : The 4 Roles of Leadership
 : Balanced Scorecard for Executive Program
: Broadening the Manager′s skill
2542 : Problem Solving & Decision Making
2540 : Financial Management for Executive Program
2539 : The Managerial Grid
2538 : Financial Management Program   : Mini MBA ( Chulalongkorn University )
2537 : Leadership Personality in Global Business
2536 : Effective Presentation Skill
2535 : Objective Setting Workshop
2534 : Advanced Marketing

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312804921&grpid=01&catid=01&subcatid=0100

 
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #117 เมื่อ: 11 สิงหาคม 2554, 22:15:15 »

แต่งตั้งประธานศาลฎีกา และรองประธาน ศาลฎีกา 5 ท่าน

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 18:45:17 น.

 
๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔   ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่  ประกาศ แต่งตั้งประธานศาลฎีกา

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมได้ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้ง นายมนตรี ยอดปัญญา ข้าราชการตุลาการ ตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา แล้ว
 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ ศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายมนตรี ยอดปัญญา ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานศาลฎีกา
 
   ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นต้นไป  ประกาศ ณ วันที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน
   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี
   
  วันเดียวกัน ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตุลาการ  ให้ดำรงตำแหน่ง รองประธาน ศาลฎีกา จำนวน ๕ ราย ดังนี้

๑. นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา ดำรงตำแหน่ง รองประธานศาลฎีกา

๒. นายมานัส เหลืองประเสริฐประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกาดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา

๓. นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา ดำรงตำแหน่ง รองประธานศาลฎีกา

๔. นายสมศักดิ์ จันทรา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ดำรงตำแหน่ง รองประธานศาลฎีกา

๕. นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ดำรงตำแหน่ง รองประธานศาลฎีกา

Notice: Undefined index: subcatid in /mnt/public_html/news_detail.php on line 194
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
surasak12345678
Full Member
**


ขยัน อดทน สามัคคี
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 326

« ตอบ #118 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2554, 09:50:35 »

      บันทึกการเข้า

2524-2209
Mai25
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525

« ตอบ #119 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2554, 10:15:20 »

ติดตามป๋าทูค่ะ

      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #120 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2554, 21:48:34 »

ตกลงป๋าหา Super RMA ได้ป่าว?
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #121 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2554, 16:24:14 »

เสธ.ทบ.ตอบโจทย์ ทำไม! ทหารต้องสลายม็อบ

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12:48:22 น.
 
หมายเหตุ - พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างนำคณะนายทหารเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านความมั่นคงกับคณะผู้บริหารในเครือมติชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม

เราคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะทำให้ความแตกแยกที่มีขยับเข้ามาใกล้ขึ้น เราคาดหวังแบบนั้น เพื่อให้คนไทยเป็นสยามเมืองยิ้มเหมือนเดิม ตรงนี้สำคัญ ผมเข้าใจบทบาทของสื่อดีว่าต้องทำหน้าที่อย่างไร แต่คนไทยใช้ความรู้สึกมากกว่าข้อเท็จจริง ดังนั้นการมาวันนี้เพื่อเปิดหน้าให้เข้าใจความรู้สึกของเรา

ปัญหาการควบคุมม็อบ ต้องมองว่าก่อนหน้านี้ยังไม่มี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีความพยายามจะใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯอีกครั้ง โดยจะเข้าไปสลายคนเสื้อเหลืองในทำเนียบรัฐบาล แต่ทำไม่ได้ ถ้าทำบาดเจ็บแน่ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เกษียณอายุราชการพอดี ซึ่งท่านสมัครมีสิทธิลงโทษได้เลย แต่ว่าคำสั่งการของนายกฯก็ห้วนๆ ไปนิดหนึ่ง ให้ ผบ.ทบ.รับผิดชอบไปเลย แต่เมื่อถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ พ.ร.บ.มั่นคงฯก็มี แต่ท่านไม่ได้ใช้เรา แต่ให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาดูแล และสั่งการต่อตำรวจเป็นส่วนใหญ่ มาถึงสมัยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านหยิบเรามาใช้ตามอำนาจของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ทำให้เราต้องเข้าไป ท่านสมัคร หรือท่านสมชายก็มีสิทธิแต่ไม่ใช้เองครับ

ท่านนายกฯอภิสิทธิ์มีสิทธิที่จะใช้ได้ทั้งทหาร ตำรวจ ซึ่งเท่าที่เห็นก็ใช้ตำรวจก่อน แต่เมื่อกำลังไม่พอ เพราะตำรวจเราไม่ได้ออกแบบเพื่อมารับสถานการณ์ขนาดนี้ ไม่ไหวแน่ ทั้งประเทศไทยมีกองร้อยควบคุมฝูงชนแค่ 2 กองร้อย มีคนอยู่ 300 คน ที่เหลือคือ ตำรวจตามโรงพักที่เกณฑ์มา ดังนั้น ทำให้ต้องเอาทหารเข้ามา ซึ่งนำ พ.ร.บ.มั่นคงฯเอาทหารออกไปใช้การประชุมที่ จ.ภูเก็ต และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พอใช้ทหารมาเรื่อยๆ จนคล่อง เพราะทหารมีโครงสร้างผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นธรรมดาที่ผู้บริหารมองว่าใช้ใครทำงานได้

แต่เราระวังตัวมาก เรารู้ว่าคนที่เรากลัวที่สุดคือ ประชาชน ไม่เคยกลัวโจร ไม่เคยกลัวศัตรูที่ไหนเลย ยกกองทัพมาไม่เคยกลัว แต่กลัวประชาชนที่สุด และตำรวจไทยถูกออกแบบให้จับโจร ผู้ร้าย ไม่ได้ถูกออกแบบเจอสถานการณ์อย่างที่เขาเจอ เลยเป็นภาพที่เราเข้าไปร่วมกับรัฐบาลด้วยกฎหมายจริงๆ ถ้าไม่มีกฎหมายตัวนี้เขาก็ไม่มีสิทธิ

@ แนวคิดตั้งทบวงความมั่นคงเป็นอย่างไร

ในการประชุม กอ.รมน. ที่มีนายกฯในฐานะ ผอ.รมน.เป็นประธาน ซึ่งเรามองเห็นว่าความมั่นคงภายในปัจจุบันมีความรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้ง กอ.รมน.ถูกระแวงว่าเป็นทหารบก แต่จริงแล้วในโครงสร้าง กอ.รมน.ออกแบบโครงสร้างมาเพื่อพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภัยความมั่นคงที่เรามองเห็นขณะนี้ คือ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว การก่อการร้ายสากลข้ามชาติ การบุกรุกทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพระราชดำริ ดังนั้น 6 เรื่องที่เราเลือกมาทหารทำส่วนใหญ่ โดยที่ยาเสพติดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหัวหน้าใหญ่ ส่วนแรงงานต่างด้าวให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าใหญ่ การก่อการร้ายอาชญากรรมข้ามชาติให้ผู้การสันติบาลเป็นหัวหน้า แต่ในทางปฏิบัติท่านไม่มาเลย เราจึงเล่นเองตลอด ภาพจึงกลายเป็นกองทัพบก คนก็มาระแวง กอ.รมน.เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นรอง ผอ.รมน. มี เสธ.ทบ.เป็นเลขาฯ กอ.รมน.

พล.อ.ประยุทธ์ก็มาคุยกับผมว่า ทำไงเมื่อมีการระแวงกัน แต่วันนี้ภัยความมั่นคงมีมากขึ้น หากเป็นทบวงแบบเมืองนอกจะเป็นอย่างไร เขาจะได้มาดูแลกันเต็มๆ แต่ทั้งหมดเป็นแนวคิดจุดเริ่มเล็กๆ ใช้เวลา 5-10 ปีก็ยังไม่เกิดขึ้น อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะไปเร็วขนาดนั้น แต่ กอ.รมน.ถูกระแวงทั้งประชาชน ฝ่ายการเมือง ข้าราชการด้วยกันเอง ว่าจะเข้าไปทุบหม้อข้าวเขา

กฎหมายเขียนไว้ว่า กอ.รมน.มีหน้าที่บูรณาการ เวลาของบประมาณเขาจะอ้างว่าเราไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ คุณเป็นผู้บูรณาการ เอาไปแค่ 600 ล้านบาทพอ ดูแลทั้งประเทศ ผมมี 600 ล้านบาทที่จะดูภัยความมั่นคงทั้ง 77 จังหวัด ทั้งนี้ ที่เราได้งบประมาณในปีนี้ 6,000 กว่าล้านบาท แต่เป็นงบประมาณภาคใต้ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยเลี้ยง 4,000 ล้านบาท ดังนั้น ตัวเลข 30,000 กว่าล้านบาท ที่เหลือเป็นของกระทรวง ทบวง กรมอื่นที่ลงใต้ แต่คนพูดว่า กอ.รมน.เอาไป 30,000 ล้านบาทนั้นคงไม่ตรง

@ ชุดเฉพาะกิจ 315 (ฉก.315) ปราบปรามยาเสพติดจะทำต่อหรือไม่

ลองไปถามประชาชนดู ซึ่งเรื่อง ฉก.315 รัฐบาลที่แล้วมีนโยบายทำเรื่องนี้กับ ป.ป.ส. โดยไปคุยกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ซึ่งท่านมีตำรวจไม่พอ เพราะเอาตำรวจออกมาทำหน้ารักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาล ผมจึงบอกว่าหากจะเอาทหารไปอย่าให้ทหารเป็นหัวหน้า เพราะใกล้เลือกตั้งไม่เช่นนั้นจะระแวงกันตายเลย ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นหัวหน้า ฉก.315 ทั้งหมด ทหารเป็นลูกทีมเท่านั้น ขนาดกลัวอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่วายโดน โดยที่แผนงานของ ฉก.315 ก็มีการระดมในช่วงนั้น แต่จะเป็นแทคติกของรัฐบาลที่จะระดมก่อนเลือกตั้งก็เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หากพูดกันตรงๆ

@ หลังการเลือกตั้งกองทัพวิเคราะห์ 2 สีจะจบลงหรือไม่

ผมยังไม่วิเคราะห์เรื่องนี้เลย (หัวเราะ) ที่ปวดหัวและเบาใจลงคือ เรื่องกัมพูชา เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่เขาดีกัน ซึ่งน่าจะเบาลงทำให้ทหารจะมีเวลาดูแลเรื่องภาคใต้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก้าวหน้า 5 ยุทธศาสตร์ แต่เหลือยุทธศาสตร์เดียวที่เราเหนื่อย คือการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน เขาก็รู้เพราะเขาแพ้ในยุทธศาสตร์ทั้งหมด เขาจึงเหลือยุทธศาสตร์เดียวคือ สร้างความหวาดกลัว ไม่มีทางเลือกอื่น เผอิญเรื่องนี้เป็นอิมแพค (มีผลกระทบ) ข่าวที่ออกไปไม่ครอบคลุม แต่ก็เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ด้วยที่ไม่ให้ข่าวเขาเอง

@ เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลทิศทางนโยบายของผู้ปฏิบัติในการแก้ปัญหาภาคใต้จะมีผลกระทบหรือไม่

ผมคิดว่า สิ่งที่รัฐบาลพูดในเขตปกครองพิเศษภาคใต้ เรื่องนี้เราต้องคุยกับรัฐบาลในรายละเอียดอีกที เพราะเรามีข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่เป็นอย่างไร ถ้าเกิดแบ่งออกไปจะเกิดอะไรขึ้น มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และรัฐบาลนี้ที่ประกาศนโยบายนี้ออกมาก็ยังไม่มีรายละเอียดในพื้นที่จะลงลึกขนาดไหน เราจะชี้ให้รัฐบาลเห็นว่าความเสี่ยงท่านจะรับได้แค่ไหน ถ้าท่านรับได้ก็เป็นนโยบาย เราคงไม่มีทางเลือกอื่น

@ ความเสี่ยงที่ว่ามีแค่ไหน


ความเสี่ยงของผมจะอย่างหนึ่ง แต่ถ้าถามนักธุรกิจ นักการเมือง หรือประชาชนเขาจะมองความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่ง ผมจะมองในมิติของผม เหมือนกับคนไทยขอใช้คำว่าถ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นั้นแปลว่าหลายๆ ภาคส่วนไม่ได้ตระหนักข้อมูลภัยพวกนี้ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีความสำคัญมาก แต่ถ้าไม่มองถึงภัยความมั่นคง คิดถึงแต่เด็กที่จะมาศึกษาอย่างเดียวคงไม่ครบด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดคิดแต่จะให้เป็นที่ท่องเที่ยวแต่ลืมมองเรื่องความมั่นคง ถ้าจังหวัดท่านไม่มีความเรียบร้อยสิ่งที่ท่านคิดคงไปไม่ถึงจุด

สิ่งที่เรามอง เราจะรู้ว่าอะไรก้าวหน้าไม่ก้าวหน้า กราบเรียนต่อหน้าพระก็ได้ เราไม่นั่งเทียนมองว่าก้าวหน้า 6 ยุทธศาสตร์ที่เราทำมีความก้าวหน้าจริง แต่ถามว่าสำเร็จหรือไม่ ผมไม่กล้าใช้คำนั้น แต่ต้องใช้เวลา แน่นอนถ้าให้เขาปกครองตนเองเขาจะหยุดยิงแน่ หรือถอนทหารก็หยุดยิง แต่เมื่อหยุดยิงคงไม่มีใครไปอยู่กับเขา

กอ.รมน.โดยกองทัพบก มองว่าทหารที่มาจาก กทม. อีสาน เหนือ ที่ลงไปใต้ไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น เดือนตุลาคมนี้จะปรับเปลี่ยนกำลังทหารได้ 4 กองพัน โดยนำทหารหลักขึ้นมา โดยให้ทหารพรานดูพื้นที่แทน ค่อยๆ ทยอยๆ ไป

7 ปีที่ผ่านมา การทำความเข้าใจใน 2 ปีแรกตั้งแต่ปล้นปืนค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส ข้าราชการทุกส่วนเข้าไปหมู่บ้านไม่ได้เลยหากเขาไม่ให้เข้า แปลว่าเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจเขา และเขาก็ไม่เข้าใจเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเราเลยใช้เวลา 2-3 ปีแรก ช่วงพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ. เราสร้างความเข้าใจ จากนั้นสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. เราเริ่มเข้าถึง แต่เขามีความรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คุ้มครองเขาไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ จึงขยายฐานปฏิบัติการ 7-8 ร้อยฐานเกาะตามหมู่บ้านเพื่อคุ้มครองและเข้าถึง เมื่อเวลา 3 ปีผ่านไปเราคิดว่าทำสำเร็จ รถทหารผ่านเด็กก็เริ่มโบกมือให้ เมื่อมาถึงรอยต่อระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลก็เอางบฯไทยเข้มแข็งลงเพื่อพัฒนา ดังนั้น หากย้อนไปดู "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" จริงๆ (ยกมือไหว้) ยุทธศาสตร์พัฒนาเป๊ะ

เราจะหยุดความรุนแรงได้เมื่อไร ผมคงตอบไม่ได้จริงๆ แต่จุดศูนย์ดุลหัวใจของเราคือ ประชาชน ทหารใช้คำนี้ และมุ่งไปที่ประชาชนในพื้นที่กว่า 2 ล้านคน ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงลดลงเรื่อยๆ


Notice: Undefined index: subcatid in /mnt/public_html/news_detail.php on line 194
   
 
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #122 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2554, 16:45:29 »

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7565 ข่าวสดรายวัน


หมดยุค'พีซี'

หมุนก่อนโลก
ศักดิ์สกุล paulnacho@gmail.com


ทุกวันนี้ ถ้าเราเดินเข้าไปในห้องอาหารมหาวิทยาลัย หรือโรงอาหารสำนักงานของหน่วยงานใหญ่ๆ

สิ่งที่ต้องพบเห็นแน่นอนคือ การใช้งานคอมพิวเตอร์ 'แท็บเล็ต'

ตอนนี้แท็บเล็ต ก้าวเข้าสู่ชีวิตชาวเมืองผู้นิยมบริโภคข่าวสารข้อมูลอย่างแท้จริง

หลายคนมองว่า การใช้แท็บเล็ตก็คือการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องที่สองรองจากโน้ตบุ๊ก กล่าวคือ วางโน้ตบุ๊กไว้ที่บ้านแล้วพกพาแท็บ เล็ตแทน

แล้ว 'พีซี' หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบที่เรารู้จักหายไปไหน?

ทั้งที่สมัยก่อน คนส่วนใหญ่เลือกมีพีซีไว้ที่บ้านแล้วพกโน้ตบุ๊กติดตัวไป ไหนมาไหน

หรือยุคสุดท้ายของ 'พีซี' ใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ

ในเรื่องนี้ แม้แต่ ดร.มาร์ก ดีน วิศวกรผู้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น 'ไอบีเอ็ม 5150' (IBM 5150) กล่าวว่า อายุขัยของพีซีสั้นกว่าที่ตนคิดไว้ และไม่อยากจะยอมรับว่า ผลงานของตนกำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด

"ตอนที่ผมสร้างเจ้าเครื่อง 5150 ขึ้นมา ผมไม่นึกเลยว่าจะ ต้องอยู่เป็นพยานการตกต่ำของมันด้วย" ดร.ดีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวบีบีซี เมื่อ 11 ส.ค.

สำหรับเครื่องไอบีเอ็ม 5150 นั้นเป็นเครื่องในตำนานอันโด่งดัง เป็นต้นตำรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

นั่นคือ มอนิเตอร์ + คีย์บอร์ด + คอมพิวเตอร์ยูนิต (ยังไม่มีเมาส์ด้วยซ้ำ)

ดร.ดีน กล่าวว่า ชีวิตประจำวันของตนเองติดใจใช้แท็บเล็ตเป็นประจำ (ไม่ได้ระบุยี่ห้อไว้) และเห็นศักยภาพของสิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี ดร.ดีน ได้แสดงแนวคิดน่าสนใจว่า นวัตกรรมใดที่อยู่รับใช้สังคมได้อย่างยาวนานนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเทคโนโลยีการประดิษฐ์เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ 'พื้นที่' ทางสังคมของนวัตกรรมนั้นๆ กับมนุษย์ อันเป็นที่ที่มนุษย์กับความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ได้สร้างปฏิสัมพันธ์กันอย่างเต็มที่

โดยมีตัวสิ่งประดิษฐ์เป็นสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกเท่านั้น

สรุปว่า สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวของมนุษย์ หรือผู้ใช้งานนั่นเอง

ที่จะสร้างคุณประโยชน์สูงสุดได้จากตัวอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ

หน้า 28
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #123 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2554, 16:58:16 »

   วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7565 ข่าวสดรายวัน


ชดใช้แทนรัฐบาลที่แล้ว

ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน


หลังการแต่งตั้งครม.โดยไม่มีแกนนำเสื้อแดงเข้าไปร่วมอยู่ด้วย อันนำมาสู่ข้อสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและนปช. มาในวันนี้ มีความคืบหน้าบางประการที่ส่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์เริ่มเดินหน้าช่วยเหลือเยียวยาผู้รับเคราะห์จากเหตุ 91 ศพแล้ว

การเยียวยาเช่นนี้แหละ เป็นเรื่องสำคัญเหนือกว่าการมอบเก้าอี้รัฐมนตรีให้แกนนำเสื้อแดงเสียอีก

เชื่อว่าฝ่ายแกนนำเสื้อแดงเองก็เช่นกัน จะต้องปลาบปลื้มชื่นใจ ยิ่งกว่าการไปนั่งทำงานในทำเนียบในกระทรวงอย่างแน่นอน

ข่าวบอกว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ได้หารือกับนายกฯหญิงเรียบร้อยแล้ว

โดยรัฐบาลจะจัดงบประมาณช่วยเหลือครอบ ครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 91 ศพ

รายละ 10 ล้านบาท

ช่วยทั้งประชาชนและทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับการเยียวยาด้วยจำนวนเงินที่ลดหลั่นกันไป

ถ้าทุกอย่างเป็นไปเช่นนี้จริง จะนับเป็นรัฐบาลแรก

ที่ให้ความสำคัญกับชีวิตประชาชนผู้สูญเสียในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงทางการเมือง!

ไม่ว่ารัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอ้างว่า มีชุดดำเข้ามายิง มีผู้ก่อการร้ายในม็อบเช่นไร

แต่ต้องยอมรับว่า การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้น เป็นการเรียกร้องตามสิทธิประชาธิปไตย!!

ส่วนที่อ้างว่าชุมนุมไม่สงบ มีอาวุธ

อย่าพูดเลื่อนลอเย หาหลักฐานมาให้ได้

แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ซึ่งปรากฏจากเอกสารศอฉ.ที่เล็ดลอดออกมา จะอ้างเหตุอะไรก็ตามเถอะ แต่ชัดเจนว่าสั่งการให้ทหารใช้อาวุธได้จริง

ข้อเท็จจริงจากหลักฐานขณะนี้จึงกล่าวได้ว่า รัฐบาลได้สั่งให้ทหารใช้อาวุธจริงในเหตุ การณ์นี้!

ดังนั้น ใครจะเป็นผู้ลงมือยิงอย่างไร เดี๋ยวไปพิสูจน์กันในศาลได้

แต่รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ว่า ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้นต่อผู้ชุมนุม จนมีคนล้มตายเกือบร้อย ขณะที่รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมกำหนดมาตรการทั้งหมด

ความรับผิดชอบทางการเมืองจึงหนีไม่พ้น

ดังนั้นรัฐบาลชุดต่อมา ย่อมมีสิทธิ์จะใช้งบประมาณ มาเพื่อเยียวยาชีวิตประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองได้

ชดใช้ให้กับประชาชนทดแทนความผิดพลาดของรัฐบาลชุดที่แล้ว!

หน้า 2
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #124 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2554, 17:00:53 »

   วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7565 ข่าวสดรายวัน


ฝีมือสามทหารเสือ

ทิ้งหมัดเข้ามุม
จ่าบ้าน



โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ทั้งสองตำแหน่งนี้ รวมกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่ควบคุมดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง จึงเป็นสามทหารเสือที่ต้องเข้มข้นกับปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เต็มที่

อย่าลืมว่า เมื่อครั้งเกิดเหตุ การณ์ "ปล้นปืน" ในค่ายทหาร ปี 2547 พรรคไทยรักไทยต้นสายของพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

เหตุการณ์ที่เกิดความไม่สงบขึ้นในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้มีบันทึกไว้ในหนังสือ "โลกนี้คือละคร" วิษณุ เครืองาม เป็นผู้เขียน ตอนหนึ่งในกรณีกรือเซะและตากใบว่า เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว จึงมีการตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อประสานงานและอำนวยการแก้ปัญหาอย่างครบวงจร

"แต่แปลกที่รุนแรงขึ้นในสมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ความเข้าใจของรัฐบาลโดยเฉพาะท่านนายกฯเอง ในตอนแรกคิดว่าเป็นความรุนแรงระดับอาชญากรรมประจำวัน เช่น ฆ่าล้างแค้นกัน ทะเลาะวิวาทกัน ปล้นทรัพย์ หรือมิฉะนั้นก็ฆ่าปิดปากในระหว่างผู้ลักลอบค้าของหนีภาษีหรือยาเสพติด ความเข้าใจนี้อาจเนื่องมาจากการไม่ให้น้ำหนักแก่ปัญหาเพราะเดิมไปคิดว่า "มันก็แค่โจรกระจอก" หนักเข้าก็มีรายงานเข้ามาว่า สถานการณ์ถูกกระพือเกินกว่าที่จะเป็นจริง เพราะการเมืองฝ่ายอื่นนำมาขยายความต่อ..." (ความจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดหาอ่านต่อ)

นับแต่วันนั้นถึงวันนี้ สถาน การณ์ในสามจังหวัดภาคใต้ไม่เพียงแต่เกิดความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเท่านั้น ยังลุกลามไปถึงประชาชนทั่วไปบาดเจ็บล้มตายจากผู้ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทางการเรียกว่าผู้ก่อความไม่สงบ

การแถลงนโยบายแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับสามทหารเสือจะต้องจับมือมัดแบบ "ข้าวต้มมัด" แล้วสุมหัวกันทำงานแก้ไขปัญหาและคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยถึงยังไม่ยุติปัญหา แต่ควรทั้งจับกุมผู้ก่อเหตุพร้อมไปกับการหาทางเจรจากับกลุ่มตัวจริงเสียงจริง

ให้ได้ความว่าต้องการ "อะไร" ที่แน่นอน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรแล้วไล่ฆ่าคนเป็นว่าเล่น

วันนี้ผู้คนในสามจังหวัดนั้น เขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่ญาติพี่น้องเพื่อนสนิทถูกฆ่าไม่เว้นแต่ละวัน

หน้า 6
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 17  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><