12 พฤษภาคม 2567, 00:38:23
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การบังคับให้พนักงานต้องเซ็นต์ใบยินยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ได้ ของบริษัทโตโยต้า  (อ่าน 5983 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 06 ตุลาคม 2553, 22:18:01 »


              

         โรงงานโตโยต้า ที่เขตพนมสารคาม มาทำสัญญาให้พนักงานและครอบครัวมาตรวจรักษาที่ ร.พ.พนมฯ ไม่ต้องเสียค่าบริการเอง บริษัทจะจ่ายเป็นสวัสดิการให้ มีข้อแม้ ข้อหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือ

         พนักงานโตโยต้า ทุกคนต้องเซ็นต์ใบยินยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด เมื่อแพทย์สงสัยว่าอุบัติเหตุจะเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งการทำสัญญานี้พนักงานต้องยอมปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฏหมายหัามดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ เพื่อให้สิทธิรักษาฟรีจาก บริษัท และ ได้งานทำ

                        

         ผมได้แนวคิดว่า การทำใบขับขี่ กรมการขนส่งทางบก ที่มีหน้าที่ออกใบอนุญาตให้ขับขี่ ควรบังคับใ้ห้ผู้จะมีใบอนุญาตต้องเซ็นต์ใบยินยอมให้ ร.พ.ตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดได้ ถ้าสงสัยเมาแล้วขับ ถ้าตรวจพบเกิน 50 มก.% ถือว่าเมาแล้วขับต้องได้รับโทษทางกฏหมาย ด้วย หลังจากให้การรักษาจนรอดปลอดภัยแล้ว

         ประโยชน์ของการให้แพทย์ตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดในรายเกิดอุบัติเหตุการจราจร มีดังนี้

1.ช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยอาการทางสมองที่ตรวจพบ เช่น พบแอลกอฮอล์ในเลือดสูง อาการทางสมองที่พบอาจเกิดจากพิษของแอลกอฮอล์ ถ้าไม่พบแอลกอฮอล์ มีอาการทางสมอง แพทย์จะได้มั่นใจว่าเป็นอาการที่เกิดจากการบาดเจ็บที่สมองจริง  

2.ทำให้คนขับไม่กล้าดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าจะขับรถ เป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุยานพาหนะ ตามแนวทางเวชศาสตร์ป้องกันที่ดีกว่าเวชศาสตร์รักษา ตามที่สถิติพบว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่มีสาเหตุเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับ

3.ทำให้ผู้ขับขี่ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ปลอดภัยจากการมีผู้มึนเมาขับรถร่วมเส้นทางด้วย

         พวกเราที่สามารถเสนอแนวคิดนี้ให้กรมการขนส่งทางบกมี กฏให้ผู้ขอใบอนุญาตขับขี่ต้องเซ็นต์ใบยินยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดได้จึงจะได้ใบอนุญาตขับขี่ เพื่อแสดงว่าปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฏหมายไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับ จึงจะได้สิทธิ์มีใบอนุญาต ผลจะทำให้ผู้มีใบอนุญาตขับขี่มีจิตกลัว จะถูกตรวจแอลกอฮอล์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เข้ารักษาตัวใน ร.พ.ทำให้ไม่กล้าดื่มก่อนขับ ทำให้อุบัติเหตุทางยวดยานพาหนะลดลงได้

                        gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 21:15:39 »

พี่หมอสำเริง,
ขอหนิงค้นแป๊บนะคะ!
แต่ลงไปถามแฟนหนิงปากเปล่า
heบอกว่าถ้าบุคคลผู้นั้นเป็นต้นเหตุ
ต้นกรณีของอุบัติเหตุ-ต้องสงสัยในคดี
ที่พบว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องโดยตรง...ตำรวจมีสิทธิ์ขอตรวจ
ระดับอัลกอฮอล์ในกระแสเลือดได้
เพราะเวลาต้องขึ้นศาล...ผลการวัด Promille
จากเครื่องวัดของตำรวจอย่างเดียวใช้ไม่ได้คะ

หนิงขอclickหาข้อมูลแป๊บคะ


nn.27
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 21:22:24 »

ขอแสดงความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และสมควรตราเป็นกฎหมายว่า หากเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานตามกฎหมายสงสัย สมควรมีการตรวจแอลกอฮอลในเลือดได้
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 22:15:45 »

ในความเป็นจริงนะคะ..
เค้าดื่มกันแล้วขับรถกลับบ้าน
ไม่โดนตรวจจับ-ไม่เกิดอุบัติเหตุ
แล้วไป....

แต่หากเจอกรณีดังกล่าว
กฏหมายเล่นแรงมากคะพี่ที่โน่น
พวกผู้ชายเค้ากลัวกัน...มักให้เมียขับ!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 22:45:07 »

พี่หมอ,
เจอะแล้วค่ะ!
เรื่อง Promilleหนิงเคยค้นมาลงคร่าวๆ
ใน GFG IIIแน่ๆ..

แต่เรื่องที่พี่ถามคือ "Blutalkoholkonzentration-BAK"


ทำได้:
-ทั้งวัดตรวจจากในเลือด(blood alcohol concentration,
-ทั้งจากการประมาณของเครื่องตรวจลมหายใจ-breath
 alcohol content BACที่ใช้กับผู้ใช้ถนนโดยตรง จำนวนมาก
-ทั้งการหาค่าใกล้เคียงจากสูตรต่างๆ

การตรวจวัดจากเลือด...สามารถ"บังคับ"ตรวจได้
หากต้องตรวจสภาพศพหาปริมาณอัลกอฮอล์ให้
ใช้วิธีเจาะจากเส้นเลือดใหญตรงต้นขา


quelle: http://de.wikipedia.org/wiki/Blutalkoholkonzentration
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #5 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 23:09:50 »

การตรวจวัด BAK- Blutalkoholkonzentration
เค้าว่ามีหลายวิธีด้วยกัน:
- ADH  alcohol dehydrogenase
-gaschromatografische

ทั้งสองวิธีไม่ไช่ในรูปของการตรวจเลือดตรงๆ
แต่ในรูปเซรุ่ม..นำไปแยกส่วนประกอบ centrifugation

ตั้งปี1990-sเป็นต้นมานิยมใช้วิธี AAK-Atemalkoholkonzentration
หรือ breath alcohol contentจากตำรวจมากกว่า

***ทางด้านกฏหมาย***ที่เยอรมันต้องหาค่าจากทั้งสองวิธี
ควบคู่กัน (ADH + gaschromatografische)ค่าทั้ง 4 ที่วัดได้
ไม่ให้เบี่ยงเกิน 10%ของค่าเฉลี่ย

***ความหมายที่แท้ของการตรวจ BAK***
มีผลต่อทางด้านกฏหมายเมื่อบุคคลนั้น
กระทำผิด:วิธีคำนวนอัลกอฮอล์ในเลือด
หลังเกิดเหตุทันทีทันใด,การตรวจหาอัลกอฮอล์ในเลือด
แบบย้อนหลังว่าตอนเกิดเหตุมีปริมาณเท่าไหร่
...แตกต่างกัน


quelle: s.o
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2553, 23:26:01 »

ในเยอรมันนี
***ห้ามขับรถเมื่อไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์(roadworthy)

***ศาลสูงของรัฐ กำหนดค่า Promille
-ไม่ให้เกิน 1.5 Promille เมื่อปี 1953 ว่า unfit to drive!
-พอปี 1966 ลดลงเหลือ 1.3 Promille
-ปี 1990 ลดลงเหลือ 1.1 Promille
-ปี 1973 เหลือ 0.8 Promille
-ตั้งแต่ปี 1998เป็นต้นมา...เหลือ 0.5 Promille


-สำหรับพวกเพิ่งมีใบขับขี่ (อายุ 18)ก็แยกซับซ้อนไปอีก
ว่าตั้งแต่ปี 2007เป็นต้นมา...Alkoholverbot!! 0.0...absolut.
-ยังไม่ครบ 21 ก็แยกไปอีก

..
..



เฮ้อ พี่หมอ
มึนไปหมดคะ
แม้ไม่ได้ดื่มสักหยด!

quelle: s.o
      บันทึกการเข้า


  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><