Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องสุขภาพและความงาม => ข้อความที่เริ่มโดย: Samrotri2517 ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554, 18:43:49



หัวข้อ: ความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพเมืองไทย แก้ได้ด้วยรวม 3 กองทุนเป็นกองทุนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554, 18:43:49

     ความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพเมืองไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   12 กุมภาพันธ์ 2554 15:24 น.

http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019093 (http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019093)

       (http://www.cmadong.com/imgup/pics/6485681.jpg)

       เมื่อไม่นานมานี้มีกระแสของการวิพากษ์วิจารย์ระบบประกันสังคมอย่างมากมาก กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของ

       ความแตกต่างระหว่าง "ระบบประกันสังคม" และ "ระบบรักษาฟรี" โดยจากการศึกษาเปรียบเทียบทั้ง 2 ระบบ ของ นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข

       พบความแตกต่างที่เป็นความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพ ระบบประกันสุขภาพในประเทศไทยนั้นมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างมาก นอกจากจะมีหน่วยงานบบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเดียวกัน ค่าใช้จ่ายรายหัว สิทธิประโยชน์ ก็ยังแตกต่างกันอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงปัญหาการจัดสรรทรัพยากรของประเทศ ที่กลายเป็นความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยได้แจกแจงไว้ในรายละเอียดต่อไปนี้

       ด้านค่าใช้จ่ายต่อหัว และสิทธิประโยชน์

       จากการศึกษาในปี 2554 พบว่าสิทธิประกันสังคมมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่ปีเป็นจำนวนเงิน 2,105 บาท ภายใต้การจ่ายเงินของ ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล ขณะที่สิทธิรักษาฟรี มี 2,546.48 บาทโดยมีรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้เรื่องของการรักษาผู้ป่วยในนั้นยังพบว่า สิทธิประกันสังคมจะต้องจ่ายแบบเหมาจ่าย ส่วนสิทธิรักษาฟรีนั้น จ่ายให้ตามกลุ่มโรค (DRG)ส่วนผู้ประกันตนที่เป็นป่วยนอกก็ต้องจ่ายตามจริง ที่ตนต้องรักษา ขณะที่สิทธิรักษาฟรี รัฐบาลจะจ่ายให้ตามอัตราค่าเหมาจ่ายรายหัว ร่วมกับโครงการพิเศษอื่นๆ
      
       ด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้อง

       จากการศึกษารายละเอียดพบว่า กฏหมายประกันสังคมมีความล้าหลังอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกันสังคมเกิดขึ้นในปี 2533 กว่า 20 ปีมาแล้ว ช่วงนั้นประเทศไทยยังไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ประกันสังคมถือว่าเป็นนวตกรรมที่ก้าวหน้าของสังคม โดยมีหลักคิดในการสร้างความมั่นคงของสังคม แต่ในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ ปี 2545 ที่ขยายหลักประกันสุขภาพสำหรับคนไทยทุกคน โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียม ไม่เพียงเท่านั้นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2550 มาตรา 51 ระบุว่า บุคคล ย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุข ที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ สังคมไทยจะต้อง ยกเครื่อง พ.ร.บ.ประกันสังคมปี 2533 ใหม่
      
       ด้านภาระงบประมาณของรัฐบาล

       ในปี 2553 ภาระงบประมาณสำหรับค่ารักษาพยาบาลของระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบหลัก รัฐบาลใช้เงินสำหรับสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัว 4.9 ล้านคน จำนวน 62,195 ล้านบาท ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจำนวน 47.7 ล้านคน จำนวน 120,846 ล้านบาท ขณะที่ให้กับระบบประกันสังคมเพียง 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด (22,471.68 ล้านบาท) จำนวน 7,490.62 ล้านบาท เท่านั้น
      
       จากผลการศึกษาครั้งนี้มีผลทำให้ภาคประชาชนบางกลุ่มลุกขึ้นมารวมตัวกันก่อตั้งชุมรมพิทักสิทธิ์ผู้ประกันตน ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์และเดินหน้าเพื่อเคลื่อนไหวทางภาคสังคม นำไปสู่การเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปรงระบบประกันสุขภาพของไทยให้มีความเสมอภาคกันมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป

                 emo28:win: emo28:win: emo28:win:

))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))

         (http://www.cmadong.com/imgup/pics/1419432.jpg)

         ความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพเมืองไทยแก้ได้ด้วยการรวมกองทุนเป็นกองทุนเดียว
เป็น กองทุนสุขภาพแห่งชาติ โดยใช้การเชื่อม ร.พ.เป็นเครือข่ายสาธารณสุข : VPN

         (http://www.cmadong.com/imgup/pics/3774283.jpg)

กับ Skype ทำให้สามารถเชื่อมโยงต่างสถานบริการสาธารณสุข ติดต่อกันทางภาพและเสียงได้
จะลดการดูแลที่แตกต่าง แพทย์แต่ละ ร.พ.เข้าดู ร.พ.อื่น เพื่อให้การดูแลต่อเนื่องและเรียนรู้เพิ่ม
ช่วย สำนักงานประกันสุขภาพ สปสช. เข้าตรวจสอบข้อมูล ในการสุ่มตรวจสอบข้อมูลการเบิกได้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,10326.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,10326.0.html)

                 emo26:D emo26:D emo26:D