16 พฤษภาคม 2567, 23:46:50
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 33 34 [35] 36 37 ... 64   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่อง ซิกเซ้นต์ และผีๆ  (อ่าน 418438 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #850 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:36:37 »








      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #851 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:37:02 »








      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #852 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:37:31 »








      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #853 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:37:54 »










      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #854 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:38:15 »


ผีเปรต


       ผีเปรตในตำนานผีไทยกล่าวไว้ว่า มีอยู่ 12 ตระกูลใหญ่ๆ ใครอยากจะทราบรายละเอียดต้องไปดูในคัมภีร์ว่าด้วยเรื่องเปรตโดยเฉพาะ นิรยกถา อันเป็นคัมภีร์ว่าด้วยเรื่องเปรตโดยเฉพาะ หรือดูจากจารึกที่ศาลาการเปรียญ ณ วัดพระเชตุพนฯ และหาอ่านได้จากประชุมศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ เล่ม.1 ซึ่งจะขอคัดลอกและถ่ายทอดมาโดยย่อ ดังนี้

        หิมวนตปปเทเส วิชาติเปโต นาม เปตวิสโย................................

        กาลครั้งหนึ่งยังมี ประเทศแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์ ชื่อว่าวิชาตประเทศ ตั้งอยู่เบื้องบนแห่งนรกขึ้นมา อันเป็นที่อยู่แห่งเปรตทั้งหลายมีมหิทธกาเปรตเป็นอธิบดีแก่เปรตทั้งปวง และตระกูลเปรตนั้นมีอยู่ 12 ตระกูล คือ
     1. วันตาสาเปรตตระกูล
     2. กูณปขาทเปรตตระกูล
     3. คูถขาทเปรตตระกูล
     4. อัคคิชาลมุขเปรตตระกูล
     5. สุจิมุขเปรตตระกูล
     6. ตัณหาชิตาเปรตตระกูล
     7. นิชฌามกเปรตตระกูล
     8. สัตตังคาเปรตตระกูล
     9. ปัพพตังคาเปรตตระกูล
    10. อัชครังคาเปรตตระกูล
    11. เวมานิกเปรตตระกูล
    12. มหิทธิกาเปรตตระกูล

นอกจากเปรต 12 ตระกูลนี้ ยังมีเปรตอีก 19 จำพวก ได้แก่
     1. สุจิโลมา คือ เปรตผู้มีขนเป็นเข็ม
     2. ขุรโลมา คือ เปรตผู้มีขนเป็นกรด
     3. เอกปาทา คือ เปรตผู้มีเท้าข้างเดียว
     4. อเนกปาทา คือ เปรตผู้เท้ามาก
     5. เอกหตถา คือเปรตผู้มีมือข้างเดียว
     6. อเนกหตถา คือ เปรตผู้มีมือมาก
     7. เอกเจตตา คือ เปรตผู้มีจักษุข้างเดียว
     8. อเนกเนตตา คือ เปรตผู้มีจักษุมาก
     9. ได้แก่ เปรตจำพวกที่กินมลทินครรภ์เป็นอาหาร
    10. ได้แก่ เปรตจำพวกขนหยักเยื่อทูลศีรษะไว้เป็นนิตย์
    11. ได้แก่ เปรตจำพวกกายยาว 25 เส้น นอนกลิ้งอยู่ดุจแผ่นศิลา
    12. ได้แก่ เปรตจำพวกตัวจมอยู่บนภูเขาเพียง สะเอว ไฟไหม้อยู่
    13. ได้แก่ เปรตพวกไถนาอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน
    14. ได้แก่ เปรตจำพวกมีกายสูง มีกลิ่นตัวเหม็นยิ่งนัก
    15. ได้แก่ เปรตจำพวกมีพืชเป็นเหล็กเป็นเปลวเพลิงรัดศีรษะอยู่
    16. ได้แก่ เปรตจำพวกมีร่างกายผอม และเปลือยกายอยู่ตลอดเวลา
    17. ได้แก่ เปรตจำพวกรูปชั่วตัวผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ศีรษะกลั้วไปด้วยฝุ่น
    18. ได้แก่เปรตจำพวกดำดุจตอไฟไหม้ และ
    19. ได้แก่ เปรตจำพวกสูงเท่าลำตาล มีแต่หนังหุ้มกระดูก

เปรตไม่สมประกอบ 4 ชนิด
    1. ได้แก่ เปรตชนิดที่มีรูปร่างไม่สมประกอบ ร่างกายซูบผอมอดโซ
    2. ได้แก่ เปรตชนิดที่มีรูปร่างพิการ เช่น กายเป็นอย่างร่างของมนุษย์ แต่ศีรษะเป็นอย่างสัตว์ดิรัจฉาน เช่น ตัวเป็นคนหัวเป็นนกกาบ้าง...เป็นสุกรบ้าง...เป็นสุนัขบ้าง
    3. ได้แก่ เปรตชนิดที่มีรูปร่างพิกล เสวยกรรมกรณ์ (รับกรรม รับอาญา) อยู่ตามลำพังด้วยอำนาจบาปกรรมที่ได้กระทำเอาไว้สมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์
    4. ได้แก่ เปรตชนิดที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์ปกติ แม้เป็นผู้เสวยก็มีวิมานอยู่ แต่ในราตรีต้องออกจากวิมานไปเสวยกรรมจนกว่าจะรุ่งเช้า เรียกว่าวิมานนิกเปรต
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #855 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:38:42 »

       
        เปรตเป็นผีจำพวกหนึ่ง ซึ่งเคยทำบาปสร้างกรรมเอาไว้สมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ครั้น ตายลงแล้วก็ต้องมารับผลกรรมตามที่ได้สร้างไว้ทำให้ต้องมีความเป็นอยู่อย่างอดอยาก ผอมโซ ชอบส่งเสียงร้องหรือปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นเพื่อขอส่วนบุญให้ช่วยทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้บ้างเพราะอดอยากหิวโหยซะเหลือเกิน

        โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า เปรตเป็นผีชนิดหนึ่งที่มีลำตัวสูง บ้างว่าสูงเท่าลำตาล สูงเท่าต้นตาลหรือยอดตาล บ้างว่าสูงเท่าเสาชิงช้าวัดสุทัศน์ บ้างว่าสูงเท่ายอดธง หากเป็นสมัยนี้คงต้องเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันใหม่ว่า สูงกว่าตึกห้าชั้น หรือสูงเท่ากับคอนโดมิเนียมริมน้ำอะไรทำนองนี้ สรุปใจความก็คือ เปรตเป็นผีที่มีรูปร่างสูงมาก จนมีคำพูดติดปากล้อใครที่ตัวโย่งๆว่า ....สูงยังกับเปรต แต่เนื่องจากกรรมหรือการกระทำในทางที่ชั่วร้ายมีแตกต่างกันไป เมื่อตายแล้วจึงได้เกิดเป็นเปรตชนิดต่างๆกัน เช่น คนที่ชอบดุด่าตบดีพ่อแม่ผู้มีพระคุณ จะต้องไปเกิดเป็นเปรตจำพวกที่มีปากเท่ารูเข็ม มือโตเท่าใบพายหรือใบตาล อดอยากและหิวโหยอยู่เป็นนิตย์ ลองคิดดูว่าหากใครเกิดมามีปากเท่ารูเข็ม เวลาจะกินข้าวต้องเอายัดเข้าปากไปทีละเมล็ดมันจะทรมานขนาดไหน เป็นคำขู่หรือเตือนสติของคนโบราณ ให้ลูกหลานมีความกตัญญู ให้การเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ชราและไม่ทำร้ายทั้งร่างกายจิตใจใครขืนเป็นอย่างที่ว่ารวมทั้งพวกเกกมะเหรกเกเร ชาวบ้านก็จะพากันด่าประณามว่า...ไอ้เปรต คนที่ชอบฆ่าเป็ดฆ่าไก่ ตีไก่ เชือดหมู เชือดวัว อยู่เป็นอาจิณ เวลาตายไปแล้วอาจต้องไปเกิดเป็นเปรตประเภท ตัวเป็นคนหัวเป็นไก่ หรือหัวเป็นหมู ตามแต่ผลกรรม ใครทำกรรมเอาไว้อย่างไรก็จะได้ผลกรรมอันนั้นตอบสนอง ฉะนั้นเปรตอาจมีอยู่หลายชนิดหลายจำพวก ใครอยากเห็นก็ลองดูรูปปั้นเปรตชนิดต่างๆ ได้ที่วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี

        เปรตมีที่อยู่อาศัยแตกต่างกันไปตามประเภทและเผ่าพันธ์รวมทั้งคติความเชื่อที่บอกต่อหรือสืบทอดกันมา บางตำราว่าอาศัยอยู่ตามวัดคอยปรากฏตัวหลอกหลอนหรือแสดงร่างให้เห็นเพื่อขอส่วนบุญ บ้างว่าอยู่ตามท้องทุ่งตามทางเปลี่ยวใครไปเที่ยวดึกๆ กลับบ้านคนเดียวเดินผ่านศาลาวัด หรือตามทางแยก อาจเจอเปรตเดินตามหลังมาส่งถึงบ้าน หรือเดินเป็นเพื่อนมาตลอดทาง ซึ่งหากเจอเปรตก็ไม่ต้องตกอกตกใจอะไร วิ่งลูกเดียว หรือหากว่ามีเปรตและผีชนิดใดก็ตามขวางหน้าเราอยู่ โบราณว่าอย่าวิ่งหันหลังกลับ เพราะจะโดนมันดักหน้า ให้วิ่งไปข้างหน้าหรือวิ่งฝ่าไปเลย แต่ถ้าจะให้ดีกลางค่ำกลางคืน นอนอยู่บ้านสบายที่สุด...

        เปรตกินอะไรเป็นอาหารคงไม่ต้องบอก เพราะไม่รู้เหมือนกันนอกจากมีความเชื่อกันว่า เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว พวกเปรตก็จะมารับส่วนบุญจากลูกหลานได้กินอิ่มหมีพีมันไปมื้อหนึ่งคราวหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็อดอยากหิวโหย นอกจากพวกอาหารคาวหวานแล้ว บางทีลูกหลานจะถวายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อให้ผีญาติๆของตนไม่ต้องโป๊หรือเปลือยกายล่อนจ้อน หากไม่มีญาติหรือ ลูกหลานคอยทำอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเปรตเหล่านี้จะหิวโหย ร้องโหยหวล เสียงร้องของเปรตไม่มีใครยืนยันได้ว่าไพเราะเพราะพริ้งขนาดไหน นอกจากในบางตำราบอกไว้ว่า มันส่งเสียงร้องดังกรี๊ดๆ เป็นเสียงหวิวหวีดฟังแล้วชวนวังเวง ว่ากันว่าที่เสียงมันดังกรี๊ดๆ ก็เพราะเกิดจากแรงดันของลมจากท้องผ่านช่องปากที่เล็กเท่ารูเข็ม เลยกลายเป็นเสียงอย่างที่บอกแบบนี้ ถ้าใครทำบุญหากจะอุทิศก็ขอให้กล่าวหรือออกนาม พวกผีไม่มีญาติ หรือบรรดาผีๆ ทั้งหลายรวมทั้งคุณผีเปรตด้วย เพื่อที่จะได้ไม่หิวโหยร่างกายผอมโซจนน่าสงสาร
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #856 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 15:50:40 »

    ในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผน หลังจากที่ถูกพระพันวษาสั่งประหารชีวิต นางวันทองได้กลายเป็นผีเปรตที่ไม่มีหัวหรือเปรตหัวขาด วันหนึ่งนางทราบข่าวว่าพระไวยวรนาถลูกชาย กำลังจะไปรบกับผู้เป็นพ่อคือขุนแผน เปรตนางวันทองกลัวพ่อกับลูกจะต้องฆ่ากันเอง พลอยเป็นบาปกรรมติดตัวกันไปเปล่าๆ ก็เลยออกมาห้ามทัพ โดยแปลงกายเป็นสาวงาม นั่งเล่นอยู่บนชิงช้า เพราะรู้ว่าพระไวยฯ นั้นชีกอเหมือนพ่อนั่นแหละพระไวยฯ ไม่ทราบความนัย จีบสาวงามที่ได้พบ แม้เธอจะบอกว่าเป็นแม่ หรือนางวันทอง พระไวยฯ ก็ไม่ยอมเชื่อจนนางต้องแปลงเพศกลับเป็นเปรตอย่างเดิมเพื่อให้เห็นแจ้งประจักษ์ ว่ากันว่า เปรตนอกจากจะมีรูปร่างผอมโซจนเห็นโครงกระดูกทุก ซี่และมีความสูงชนิดผีฝรั่งอายแล้ว มันยังสามารถแลบลิ้นได้ยาวเท่ากับความสูงของตัวเองอีกด้วย

        เปรตน่าจะเหมือนผีธรรมดาสามัญทั่วไปคือ กลัวพระ กลัวเครื่องรางของขลัง ลองเจอเข้าเป็นเผ่นกระเจิง เพราะผีกับพระไม่ถูกกัน เหมือนงูกับเชือกกล้วยยังไงยังงั้น แต่สำหรับผีเปรตมีท่านผู้รู้แนะนำว่า หากใครเจอระหว่างทางหรือเจอที่ไหนก็แล้วแต่ ให้รีบบอกว่า...ไปที่ชอบๆ...หรือไปผุดไปเกิดซะเถอะ แล้วจะอุทิศส่วนกุศลไปให้ เท่านี้ผีเปรต ก็จะเลิกตอแย หายตัวแว๊บ..ไปเลย แล้วก็อย่าลืมทำตามสัญญา เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเจออีกเป็นรอบที่สอง เพราะคุณผีเปรตเขามาทวงส่วนกุศลนั่นแหละ

        ผีเปรต หรือชาวอีสานเรียกว่า ผีเผด เกิดหรือถือกำเนิดขึ้นตามผลกรรมที่เคยได้กระทำเอาไว้ สมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ตำราโบราณกล่าวว่า เวลาที่เปรตตัวเดิมจะพ้นจากกรรมได้ไปผุดไปเกิด จะมีเปรตตัวใหม่ มารับตำแหน่งแทนดังมีเค้ามาจากนิทานพระมาลัยเรื่องหนึ่ง ดังนี้

        ยังมีมานพหนึ่งคนหนึ่งชื่อว่า มิตตวินทุ อยากจะไปเที่ยวทะเลกับพ่อค้าสำเภาจึงเคี่ยวเข็ญเอาเงินทองจากมารดาซึ่งเป็นแม่ม่ายใจบุญ ด้วยความเป็นห่วงลูกชายมารดาก็ขัดขวาง มิตตวินทุปกติเป็นคนเกกมะเหรกเกเรอยู่แล้ว จึงโกรธจนลืมตัวถีบแม่จนล้มแล้วหนีไปเที่ยวทะเลจนได้ แต่ผลกรรมตามทันทำให้เรือแตก มิตตวินทุว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่เกาะแห่งหนึ่งอันเป็นที่อยู่ของพวกเปรต แต่ชายหนุ่มกลับมองเห็นกงจักรที่หมุนคว้างผ่าศีรษะของพวกเปรตเหล่านั้นเป็นดอกบัวซึ่งประดิษฐ์เป็นมาลาสวมใส่ไว้อย่างสวยงาม..เห็นเลือดที่ไหลย้อยมาตามตัวเป็นสังวาลสายสร้อย เห็นพวกเปรตที่กำลังร้องครวญครางยกมือยกไม้ชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดเป็นการร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุข มิตตวินทุจึงเอ่ยปากขอพวกเปรตรู้ ว่ามีผู้มารับกรรมหรือรับช่วงต่อ แสดงว่าพวกตนได้พ้นจากกรรมที่เคยกระทำเอาไว้แล้วก็ดีใจ รีบยกให้อย่างไม่ลังเล จึงเป็นที่มาของคำพังเพยไทยที่ว่า "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"

        ในพจนานุกรมฉบับต่างๆ กล่าวถึงเปรตพอรวมความได้ว่าเป็นสัตว์พวกหนึ่ง เกิดในอบายภูมิ แปลว่า แดนแห่งความทุกข์เป็นผีเลวจำพวกหนึ่ง มีหลายชนิด รูปร่างสูงโย่งยังกับลำตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซเพราะอดอยาก ปากเท่ารูเข็ม..... สงสัยจะหมายถึงเข็มเย็บผ้ามากกว่าเข็มเย็บกระสอบ มีมือโตเท่าใบตาล กินเลือดและหนองเป็นอาหาร ร้องเสียงดังกรี๊ดๆ ไม่ใช่กรี๊ดกร๊าด ส่วนในหนังสือไตรภูมิพระร่วง พรรณนาเกี่ยวกับเปรตเอาไว้ว่า บางจำพวกอยู่ในมหาสมุทร บนยอดเขา ตามไหล่เขา แต่บางจำพวกก็อยู่ในปราสาท มีช้างม้าเป็นข้าทาส บางจ ำพวกเวลาข้างแรม เป็นเปรต เวลาข้างขึ้นเป็นเทวดา ฯลฯ อันนี้แล้วแต่บุญกรรมที่ได้กระทำเอาไว้

        ทางภาคใต้ มีผีอยู่ชนิดหนึ่ง เรียกว่า 'ผีหลังกลวง" เป็นผีที่มีรูปร่างลักษณะอย่างคน แต่ข้างหลังเป็นรูกลวงสามารถมองเห็นเครื่องในประเภทตับไตใส้พุงได้หมด มีหนอนยั๊วเยี๊ย เวลาใครก่อไฟผิงอยู่กลางแจ้ง ผีหลังกลวงจะทำทีเข้ามาขออาศัยด้วย แล้วหลอกหลอนโดยการแสดงให้เห็นอวัยวะภายในจากหลังที่กลวง บางทีมันแกล้งวานเด็กๆเกาหลังให้ แล้วหลอกให้เห็นอวัยวะภายในหรือหลังที่กลวงซึ่งมีกิ๊งกือเต็มไปหมดผีพวกนี้ไม่ทำร้ายใคร แต่จะหลอกหลอนให้ตกใจกลัวเท่านั้น
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #857 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 14:43:14 »

กลัวตกใจจะกะผีหลอกนี่แหละแหลมเอ้ย
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #858 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 20:40:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 01 กันยายน 2552, 14:43:14
กลัวตกใจจะกะผีหลอกนี่แหละแหลมเอ้ย

จะให้ตีความยังไง.......งง งง งง...........ครูตุ๋ย
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #859 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 20:58:13 »

กลัวตกใจตอนผีหลอก
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #860 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 21:47:20 »

เข้าใจแระ.......
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #861 เมื่อ: 02 กันยายน 2552, 18:31:02 »



คือ .. เรื่องมันเกิดมาไม่นานนี้เองล่ะครับ ..เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นผมทำรายงานเลยกลับดึก ผมทำรายงานกับเพื่อนอีกอีก 2 คน ตอนนั้นผมท้องเสียจึงไปเข้าห้องน้ำ โรงเรียนผมห้องน้ำตอนมืดๆดึกๆมันก็ดูหลอนๆ ..

ผมรีบเข้าห้องน้ำเต็มที่ตอนผมเข้าห้องน้ำผมก็ไม่เห็นคนเข้ามาหรอก อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องไห้ ฟังดูขนหัวลุก ตอนนั้น .. ผมก็ยิ่งกลัวๆไปใหญ่เพราะว่า ตอนผมเข้ามาก็ยังไม่มีคนเข้ามาเลยพอผมทำธุระเสร็จผมจึงล้างมือ

พอ ผมออกมาผมเห็น ประตูห้องน้ำห้องข้างๆผมประตูปิดอยู่ ทั้งที่ตอนที่ผมอยู่ในห้องน้ำประตูยังปิดและยังไม่มีใครเข้ามา และไม่มีลมพัดมาเลย ผมกลัวมากจึงรีบล้างมือเสร็จแล้ววิ่งหนีไปทำรายงานให้เสร็จแล้วผมจึงกลับ บ้าน

พอวันต่อมาผมก็เล่าเรื่องนี้ให้พวกเพื่อนๆฟัง พอพวกเพื่อนๆฟังก็หน้าซีดแล้วบอกผมว่าเคยมีนักเรียนชายรุ่นพี่คนหนึ่ง โดนคนรักทิ้งเลยกรีดข้อมือตัวเองตายในห้องน้ำชายถัดจากที่ผมเข้าเมื่อคืนนี้ ต่อจากเหตุการณ์นี้ผมก็ไปทำบุญให้เค้า และ ไม่เข้าห้องน้ำชายที่โรงเรียนตอนดึกๆอีกเลย ..
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #862 เมื่อ: 02 กันยายน 2552, 19:29:06 »

นายทู  ถ้าผมปวดฉี่ ปวดขี้ขึ้นมาจะทำไงหล่ะ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #863 เมื่อ: 03 กันยายน 2552, 17:49:39 »

เรื่องราวของเสือสมิง เป็นที่เชื่อถือของคนเอเชียทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในชมพูทวีปหรือในประเทศอินเดียที่เคยมีเสือมากที่สุดในโลก เสือพันธุ์เบงกอลได้ชื่อว่าดุร้ายที่สุด และเฉลียวฉลาดมากที่สุดเช่นกัน

รองลงมาก็เมืองไทยกับมลายู หรือมาเลเซียในปัจจุบัน แต่เดี๋ยวนี้บ้านเมืองขยายเข้าไปในป่ามากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะถูกมนุษย์ตามล่าเอามากินมาขายกันเป็นว่าเล่นตั้งแต่สมัยก่อน เดี๋ยวนี้แทบจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว อยากดูเสือตัวจริงเสียงจริงก็ต้องไปดูที่สวนสัตว์

สาเหตุที่เสือถูกมนุษย์ล้างผลาญย่อยยับ ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าป่า" ก็ตามที เพราะเสือนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งตัวนั่นเอง

ไม่ว่าอวัยวะส่วนไหนก็ขายได้หมด!

ตั้งแต่เนื้อที่กินได้ หนังเสือที่มีพ่อค้ารับซื้อไม่อั้น หัวเสือนิยมนำไปประดับข้างฝาในห้องรับแขก ดูแล้วน่ากลัวไม่หยอกสมฉายาเจ้าป่าที่สู้มนุษย์เจ้าเล่ห์ไม่ไหว เพราะใช้ปืนช่วยเป็นเครื่องทุ่นแรง...อย่างน้อยก็เท่กว่าหัวกระทิงหรือหัวกวางเยอะเลย

เขี้ยวเสือใช้ห้อยคอเป็นเครื่องราง ยิ่งเป็น "เขี้ยวตัน" แล้วยิ่งเชื่อว่าขลังนัก ใครมีติดตัวจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน ฟันไม่เข้ายิงไม่ออกไปโน่นแน่ะ

ไม่ยักคิดหรอกแฮะ ว่าเจ้าของเขี้ยวน่ะโดนปืนซัดตูมๆ เข้าให้จนนอนตายแหงแก๋...ขนาดเขี้ยวเต็มปากนะเนี่ย!

เลือดเสือ เล็บเสือ แม้แต่ขนเสือก็เอาไปผสมเครื่องยา ซินแสจีนนิยมกันนัก เชื่อว่าแก้ปวดเมื่อย ช้ำใน กระดูกกับตัวเดียวอันเดียวเสือดองเหล้า ก็เชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยเฉพาะเพิ่มพลังทางเซ็กซ์ได้มหาศาล...ชายชราแต่หัวใจหนุ่มก็เลยควักกระเป๋าเป็นมันทันใด

เครื่องในเสือก็กินได้ โดยเฉพาะหัวใจเสือนั้นเชื่อว่าใครได้กินแล้วจะทำให้ใจคอกล้าหาญ ฮึกเหิมเหลือเชื่อ จนมีสำนวนว่า "กินดีหมี-หัวใจเสือมาจึงไม่รู้จักกลัวตาย"

เสือก็เลยใกล้จะหมดป่าด้วยประการฉะนี้แล!

แล้วเสือสมิงนี่เป็นเสืออะไร? มาจากไหนกันแน่? ทำไมถึงเรียกขานกันว่า "เสือสมิง" ?

เสือลายพาดกลอน หรือที่เราเรียกว่าเสือโคร่งนั่นแหละครับ ไม่ว่าในอินเดีย มลายู หรือเมืองไทย ยังไม่เคยเจอะเจอใครเห็นเสือสมิงที่เป็นเสือดาว เสือดำ เสือกินปลา หรือเสือไฟ แม้แต่รายเดียว

ไม่มีสาเหตุแน่ชัดว่า ทำไมถึงมีแต่เสือลายพาดกลอนชนิดเดียวเท่านั้น นอกจากสันนิษฐานกันเองว่า สมัยก่อนเสือชนิดนี้มีมากกว่าเสือชนิดอื่นๆ ก็เลยกินคนมากกว่าเป็นธรรมดา

แล้วเกี่ยวอะไรกับเรื่องเสือกินคน?

และ...นี่แหละคือคำตอบว่าเสือสมิงมาจากไหน?

เชื่อกันว่าธรรมดาสัตว์ป่ามีวิสัยไม่ชอบยุ่งเกี่ยว หรือเข้าใกล้มนุษย์อยู่แล้ว อาจจะเป็นสัญชาตญาณของพวกมันที่ทำให้รู้ว่า บรรดาส่ำสัตว์ทั้งปวงน่ะ สัตว์มนุษย์อันตรายที่สุด ทั้งดุร้ายและเจ้าเล่ห์แสนกลที่สุด

หลบได้เป็นหลบ หนีได้เป็นหนี!

ส่งเสียงขู่คำรามเพราะสยดสยองเต็มที ก็หาว่ามันดุร้ายซะไม่มี! ยกเว้นแต่จะจวนตัว หนีไม่ทัน ถึงจะหันมาสู้แบบหมาจนตรอก หรือไม่ก็ลงมือเล่นงานคนที่ว่าจะเป็นอันตรายกับมันเสียก่อน

ปัญหาสำคัญของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแหล่ ย่อมหนีไม่พ้นจากเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว

น้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ เสือกินสัตว์อื่นเป็นอาหารก็ต้องซมซานเข้าไปใกล้บ้านคน ด้วยความหิวโหยจนแสบท้อง เกิดมีคนชะตาขาดเดินมาเดี่ยวๆ เข้าทางมันพอดี การตัดสินใจกระโจนเข้ากัดคอหอยจนขาดใจตาย ก่อนจะขย้ำเหยื่อกินอย่างหิวโหยจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดอะไรนัก

เชื่อกันว่าเนื้อมนุษย์โอชะอย่างไม่มีอะไรเปรียบปาน!

ตั้งแต่ล่าเหยื่อ กินสัตว์ต่างๆ มามากมาย ก็ไม่เห็นว่าจะมีสัตว์ชนิดไหนจะมีเนื้อเอร็ดอร่อย นุ่มปากนุ่มลิ้นเหมือนเนื้อมนุษย์ ก็เลยติดอกติดใจตั้งแต่นั้น

เคยกินแล้วก็อยากกินอีกไม่รู้จักเบื่อหน่าย...จนกลายเป็น "เสือสมิง" ไม่รู้ตัว!



เรื่องเล่าจาก ใบหนาด ข่าวสด


      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #864 เมื่อ: 04 กันยายน 2552, 18:44:44 »

เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #865 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 15:17:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 04 กันยายน 2552, 18:44:44
เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน

เฮ้ยย...โอ้ย โย้ย โหย....
ยังไง ครูน้องตุ๋ย... "หลงกินไปบ้างเหมือนกันเนี่ย"...
กินยังไงตอนไหน


 บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #866 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 15:24:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 05 กันยายน 2552, 15:17:56
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 04 กันยายน 2552, 18:44:44
เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน

เฮ้ยย...โอ้ย โย้ย โหย....
ยังไง ครูน้องตุ๋ย... "หลงกินไปบ้างเหมือนกันเนี่ย"...
กินยังไงตอนไหน


 บรึ๋ยยย

ตอนที่กัดลิ้นตัวเองไงพี่............
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #867 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 20:05:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 05 กันยายน 2552, 15:17:56
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 04 กันยายน 2552, 18:44:44
เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน

เฮ้ยย...โอ้ย โย้ย โหย....
ยังไง ครูน้องตุ๋ย... "หลงกินไปบ้างเหมือนกันเนี่ย"...
กินยังไงตอนไหน


 บรึ๋ยยย
กินเลือดคนอื่น  พี่หนุนก้คงแอบกินบ้างหล่ะ  เหอๆๆๆ  ตอนไหนไม่บอก
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #868 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 21:25:31 »

อยากกินลาบเลือด!
      บันทึกการเข้า


หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #869 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 22:09:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 05 กันยายน 2552, 15:24:05
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 05 กันยายน 2552, 15:17:56
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 04 กันยายน 2552, 18:44:44
เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน

เฮ้ยย...โอ้ย โย้ย โหย....
ยังไง ครูน้องตุ๋ย... "หลงกินไปบ้างเหมือนกันเนี่ย"...
กินยังไงตอนไหน


 บรึ๋ยยย

ตอนที่กัดลิ้นตัวเองไงพี่............

เอ้อ.....ใช่เป็นไปได้
แล้วไมไม่คาย หรือบ้วนทื้งอ่ะ เสี่ยแหลม
กินเข้าไปทำไม อะจึ๊ยยย


 บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #870 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 22:16:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 05 กันยายน 2552, 20:05:31
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 05 กันยายน 2552, 15:17:56
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 04 กันยายน 2552, 18:44:44
เลือดคนนี่คาวมากนะ  เคยหลงกินไปบ้างเหมือนกัน

เฮ้ยย...โอ้ย โย้ย โหย....
ยังไง ครูน้องตุ๋ย... "หลงกินไปบ้างเหมือนกันเนี่ย"...
กินยังไงตอนไหน


 บรึ๋ยยย
กินเลือดคนอื่น  พี่หนุนก้คงแอบกินบ้างหล่ะ  เหอๆๆๆ  ตอนไหนไม่บอก

 งง งง

พี่หนุนว่าพี่หนุนไม่เคยว่ะ เท่าที่จำได้นะน้องครูตุ๋ย
เลือดคนอื่นเนี่ย นอกจากของตัวเองเวลากัดลิ้น หรือริมฝีปากอ่ะ
ส่วนตอน..จูจุ๊บ...จุ๊กกรู๊...นี่ก็ไม่น่าจะรุนแรงจนเลือดตกยางออก
เหอ เหอ เหอ


 เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #871 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 19:24:33 »

เหอๆๆๆๆ  ไม่ได้กินก้แล้วไป
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #872 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 23:17:54 »


ฉันไปค้างกับเพื่อนที่หอพักของเธอเพื่อเตรียมตัวสอบ เมื่อภาคปลายที่เพิ่งผ่านมา เราดูหนังสือและทำรายงาน กลุ่มด้วยกัน

หอ พักที่ว่านี้อยู่ย่านรามคำแหงค่ะ เป็นหอใหม่ ราคาแพงแต่สะอาดสะอ้าน ความปลอดภัยก็ดูใช้ได้ เขาใช้ระบบคีย์การ์ดตลอด มันทำให้ฉันนึกถึงคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่มีผู้ร้ายใส่เสื้อเบอร์ 10 คอยเตร่อยู่แถวหน้าประตูหอ พอมีคนมาเสียบกุญแจเปิดประตูมันก็ตามเข้าไปหน้าตาเฉย...และไปฆ่าผู้หญิงคน หนึ่งตายคามือ!

ฉันถามปอน เพื่อนที่เช่าหอว่าอยู่คนเดียวไม่กลัวอะไร เหรอ มันถามกลับว่าจะให้กลัวอะไรล่ะ? ถึงยังไงก็ต้องอยู่ เพราะบ้านอยู่ต่างจังหวัดโน่น

ถ้าเป็นฉันล่ะก็นะ กลัวทั้งผีทั้งขโมยเลยล่ะ ยิ่งได้เห็นข่าวฆ่ากันตายแบบนี้ฉันยิ่งเสียขวัญ อย่างแรกเราอยู่คนเดียว เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าปลอดภัยดีแล้ว อย่างที่สอง ห้องที่เราอยู่นี่เคยมีคนตายมาก่อนรึเปล่าเราก็ไม่รู้

หอพักที่ข้าง บ้านฉันเคยมีเจ้าพนักงานธนาคารถูกฆ่าหมกศพไว้บนเตียง แล้วขึ้นอืดส่งกลิ่นคลุ้ง คนอื่นถึงได้รู้ว่ามีฆาตกรรมและพบศพ ส่วนห้องนั้นปิดทิ้งไว้ไม่กี่เดือนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเช่าต่อ และเธอก็อยู่มาจนบัดนี้โดยไม่รู้เลยว่าห้องที่เธออยู่ เตียงที่เธอนอนเคยมีศพสยองนอนอยู่ตั้งสามวันสามคืน!

ห้อง ของปอนนี่ก็ เถอะ ฉันไม่เคยไว้ใจเลย จำได้แต่ว่ามาวันแรกๆ ฉันได้กลิ่นอับๆ ยังไงพิกล บรรยากาศก็อึดอัด นี่ถ้าไม่ต้องมาทำรายงานฉันจะไม่มาเลยละ...อยู่บ้านดีกว่า

คุณ เคยไหม เวลาไปที่ไหนสักแห่งแล้วที่นั้นมันมีอะไรเฮี้ยนๆ คุณจะรู้สึกถึงมันได้ ฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ...รู้สึกตลอดเวลาว่าในห้องไม่ได้มีแต่ฉันกับปอนสองคนเท่านั้น แต่ยังมีใครอยู่ด้วย...

ผู้หญิง!? ใช่...ผู้หญิงสาว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรานี่แหละ!

"ปอน...แกอยู่แกไม่เคยเห็นอะไรเรอะ?" ฉันอดรนทนไม่ไหว เพราะขนลุกซู่ๆ อยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีเหตุผล

" แกจะทักขึ้นมาทำไม?" ปอนย้อนถามอย่างกึ่งขันกึ่งรำคาญ "ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคน ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก ว่าแต่ถ้าคิดว่านอนที่นี่ไม่ได้ก็กลับบ้านไปเลยนะ"

แน่ะ...นังปอนมันไล่ฉัน แต่ฉันไม่กลับหรอก...คืนนั้นเรานอนกันตีหนึ่ง ปอนหลับก่อน ส่วนฉันอาบน้ำแล้วเดินกลับมาขึ้นเตียง

มอง ไปรอบๆ ห้องที่ไม่กว้างขวางนัก มันดูวังเวงยังไงบอกไม่ถูก ด้านในสุดเป็นประตูกระจกที่เปิดออกไปยังระเบียงแคบๆ ฉันนึกสยองว่าเดี๋ยวมองไปๆ จะเห็นใครมายืนทะมึนอยู่ตรงนั้น ฉันเลยเดินไปรูดม่านปิด

โอ! แย่จัง...ยิ่งแย่ใหญ่เลยค่ะ พอปิดม่านมันหดหู่เหมือนกำลังอยู่ในงานศพ นังปอนก็นอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันมองมันแล้วก็อิจฉา นึกสงสัยว่ามันอยู่ในห้องนี้ได้ไงคนเดียวมาตั้งนานสองนาน? เอ...รึว่าฉันคิดบ้าไปเอง! เฮ้อ...จะมาป่วนให้เพื่อนกลัวผีซะแล้วสิเรา...ไม่เอาน่า! มันอยู่ของมันดีๆ จะให้มันร้อนที่ไปได้

คิดปลงแล้วก็ปีนขึ้นเตียง ซุกหมอน ดึงผ้าแพรเพลาะขึ้นมาถึงใต้คาง ไม่ได้ดับไฟหัวเตียงหรอก เปิดไว้อย่างนั้นแหละ

ฉัน นอนไม่หลับ ตามองไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ตรงปลายเตียง ที่จริงมันอยู่ห่างจากปลายเท้าของฉันนิดเดียวเอง ฉันหดเท้าขึ้นมาอย่างเสียวไส้ขณะจ้องมองที่ตู้ใบนั้น...

เอ...จะว่าไปแล้วมันเหมือนอะไรนะ...อะไรที่น่ากลัว? อึ๋ย...โลงศพ!!

จริงๆ นะคะคุณ ความหนาความกว้างของมันช่างใกล้เคียงกับโลงจริงๆ ด้วย

พอ คิดถึงตรงนี้ประตูก็เปิดแอ้ดดด...ออกมาซะงั้น ฉันหดเท้าเข้ามาอีก นอนตัวงอ อยากหลับตา แต่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในตู้...อยู่หลังประตูที่เปิดแง้มออกได้เอง

ฉันเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดดำ!

คุณ พระช่วย! ฉันไม่ได้ตาฝาดนะ ฉันเห็นจริงๆ เธอยืนหน้าคว่ำ ตาคว่ำ ทำท่าจะออกมาหาฉัน...แล้วภาพสยองก็หายไปเหมือนประสาทหลอน...ฉันเขย่าตัวปอน ให้ตื่น มันงัวเงียลุกขึ้นถามว่าอะไร? ฉันพูดไม่ออก ได้แต่ชี้ไปที่ตู้

"ฮือ...มันเปิดได้เองอย่างนี้ทุกคืนแหละ" ปอนบอกเสียงง่วงๆ พลางขดตัวหลับต่อ "ถ้ากลัวก็ไปปิดสิ แต่มันจะเปิดเองอีกนะ"

มันไม่กลัวแต่ฉันกลัวแทนตาย! ไม่เอาแล้ว พรุ่งนี้กลับบ้านดีกว่า ไม่อยู่แล้ว ปอนอยู่คนเดียวได้ก็ช่างมันเถอะ...มันเก่ง!!

 

เรื่องเล่าจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #873 เมื่อ: 09 กันยายน 2552, 19:41:54 »

ฉันไม่เคยอ่านเรื่องที่นายทูโพสต์เรื่องผีสักครั้งบอกตรงๆ กลัวผี
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #874 เมื่อ: 11 กันยายน 2552, 21:04:00 »

วันนี้วันศุกร์เอากระปุกมาใส่กระเป๋า  เงียบ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
  หน้า: 1 ... 33 34 [35] 36 37 ... 64   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><