14 พฤษภาคม 2567, 11:19:17
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องน่ารู้ สำหรับพี่น้องชาวไทย  (อ่าน 5359 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:08:31 »

เอแบคโพลล์ ระบุปชช.เทใจยกให้ "มาร์ค" นั่งนายกฯอีก 
 

 เอแบคโพลล์ เปิดผลสำรวจความเห็นปชช.ทั่วประเทศ กว่า 5 พันราย ถึงความนิยมต่อพรรคการเมืองกับคนที่อยู่ตรงกลาง ร้อยละ 29 ระบุจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีก ทั้งยังเทใจให้ "นายกฯมาร์ค" กว่าร้อยละ 35.8 ส่วนร้อยละ 87.5 รู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองหลังไม่จบเสียที
       
       วันนี้(6 ม.ค.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องสถานการณ์การเลือกข้างความนิยมของประชาชนกับความในใจของคนที่ขออยู่ตรงกลาง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้ที่พักอาศัยอยู่ใน 28 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 5,470 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2553 พบว่า หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประชาชนร้อยละ 29.5 ตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนภาคเหนือ ร้อยละ 35.8 เลือกพรรคการเมืองอื่นๆ ขณะที่ ร้อยละ 36.9 ยังไม่ตัดสินใจเลือกข้าง
       
       นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า ประชาชนร้อยละ 28.6 นิยมชมชอบและสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะที่ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 87.5 รู้สึกเบื่อหน่ายปัญหาการเมือง โดยไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะจบเสียที


 
 
 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:11:02 »

เขมรไม่พอใจ "กูเกิ้ลเอิร์ธ" ขีดเส้นเขตแดนไทยตามสันปันน้ำ
 

 
แผนที่ทำขึ้นใหม่จากแผนที่กูเกิ้ลเอิร์ธ แสดงแนวเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทพระวิหาร ที่ขีดเส้นแบ่งโดยเท็คโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม โดยยึดแนวสันปันน้ำ แผนที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็จัดทำโดยยึดหลักสันปันน้ำก็ออกมาไม่ต่างกัน กัมพูชาไม่พอใจเนื่องจากยึดถือแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำไว้ตั้งแต่กว่า 100 ปีก่อน โดยไม่ได้เป็นไปตามหลักสากล ไม่ได้ยึดแนวสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนธรรมชาติตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่แผนที่ฝรั่งเศสที่กัมพูชายึดถือนั้น ทำให้ดินแดนกัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตสันปันน้ำของไทย กลายเป็นกรณีพิพาทจนถึงทุกวันนี้
 
 
 
       
พนมเปญ (รอยเตอร์)-- รัฐบาลกัมพูชาได้โจมตีกูเกิ้ล (Google) ในสิ่งที่เรียกว่า แผนที่เขตแดนพิพาทระหว่างกัมพูชากับไทย ซึ่งได้ "สร้างความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง" ทั้งกล่าวหาผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเตร์เน็ต หรือ "เสิร์ชเอ็นจิ้น" (Search Engine) ใหญ่ที่สุดในโลกว่า "ไม่รับผิดชอบอย่างเป็นมืออาชีพ"
       
       กัมพูชาซึ่งพันตูทางการทูตกับประเทศไทยเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดน กล่าวว่าแผนที่ของกูเกิ้ลเอิร์ธ (Google Earth map) นั้น "ไม่สอดคล้องกับความจริงกับความเป็นจริง" และ เรียกร้องให้นำแผนที่ออกไปจากอินเทอร์เน็ตในทันที เนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับจากสากล
       
       รัฐบาลกัมพูชาได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกูเกิ้ล (ในวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.2552) เพียง 1 วันก่อนที่นายกรัฐมนตรีฝีปากกล้าฮุนเซนจะไปเยือนแนวชายแดนติดกับไทยเป็นครั้งแรก อันเป็นความเคลื่อนไหวที่เชื่อว่าจะทำให้ความตึงเครียดกับศัตรูทางประวัติศาสตร์สูงขึ้นไปอีก
       
       "ดังนั้นเราจึงเรียกร้องให้ท่านได้ถอนแผนที่ที่ผิดและไม่ได้รับการยอมรับจากสากลที่ได้เผยแพร่ออกไป และเปลี่ยนใหม่" นายสวาย สิทธา (Svay Sitha) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับรอยเตอร์
       
       ไทยกับกัมพูชาต่างส่งทหารเข้าไปเสริมกำลังอย่างแน่นหนาในพื้นที่ตามแนวชายแดน ที่เคยเกิดการปะทะกันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา.

 
 
 

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #2 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:18:07 »

ประเมินคดียึดทรัพย์ทักษิณ รัฐเสียหาย6.5-9.6หมื่นล้านโดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




 ประเมินผลประโยชน์ส่วนเกินกรณียึดทรัพย์ทักษิณ คาดรัฐเสียหาย 6.5-9.6 หมื่นล้านบาท และตระกูลชินวัตรได้ประโยชน์ 1.4-2.2หมื่นล้าน

น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ประเมิน "ผลประโชยน์ส่วนเกิน"ในคดี"ร่ำรวยผิดปกติ"ก่อนศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ โดยประเมินว่ากรณีการออกพรก.สรรพสามิตโทรคมนาคม ซึ่งคาดว่ารัฐจะเสียหาย 65,909-96,576 ล้านบาท และตระกูลชินวัตรได้ผลประโยชน์ส่วนเกิน 14,603-22,436 ล้านบาท

ดูรายละเอียดการประเมินได้ที่นี่ หรือที่ Onopen

ทั้งนี้แยก เป็นสองกรณี โดยกรณีแรก หากศาลพิพากษาว่าการออกพรก.ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมและมติครม.ไม่ชอบด้วยกฏหมายทั้งคู่หรือชอบด้วยกฏมายทั้งคู่ ความสูญหายต่อรัฐทั้งหมด คิดตามมูลค่าปัจจุบัน เท่ากับ 65,090 ล้านบาท และผลประโยชน์ส่วนเกินที่ตระกูลชินวัตรได้รับ 14,603 ล้านบาท

ส่วนอีกกรณี หากศาลพิพากษาว่าการออกพรก.ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ชอบด้วยกฏหมาย แต่มติครม.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความเสียหายต่อรัฐทั้งหมดเท่ากับ 96,576 ล้านบาท และผลประโยชน์ที่ตระกูลชินวัตรได้รับ 22,436 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินระบุว่าเป็นเพียงการประมิน"ค่าขั้นต่ำ"เท่านั้น
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #3 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:22:57 »

กองทัพเถื่อนโดย : แกะรอยการเมือง

 

ภาพทักษิณยืนยิ้มเผล่ ขนาบข้างด้วย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พร้อมอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ สุพร อัตถาวงษ์ ณ นครดูไบ


มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในเว็บคนเสื้อแดง

สอดประสานกับข่าวการแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของ "กองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย" (กปช.)

ช่างเป็นข่าวน่าสะพรึงกลัวแล้ว! แต่อีกด้านหนึ่ง มันน่าจะเป็นละครซิทคอมแบบว่า..ฮาทุก 5 นาที!

แต่ก็เป็นไปตามคาด "จิ๋ว จุ๋มจิ๋ม" (ฉายาใหม่ของผู้ชายวัยทองรอบสอง) ออกมาปฏิเสธข่าว ไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่ "พัลลภ" พูด

ไม่ว่าข่าวกองทัพประชาชนจะเป็นจริงหรือไม่? สิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้คือ "กระแสแดงทักษิณ"

นับวันยิ่งฝังลึกอยู่ในเขต "ชนบทสีแดง" ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งผู้คนได้รับข่าวสารและชุดความคิด "สองมาตรฐาน" จากสื่อคนเสื้อแดงตลอด 24 ชั่วโมง

ไม่ว่าจะเป็น "วิทยุชุมชนสีแดง" ที่กระจายตัวอยู่เกือบทุกอำเภอ และทีวีดาวเทียม "พีเพิลแชนแนล"

"ทีวีจอแดง" ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม 2 ดวงคือ ไทยคม และ NSS6 เป็นดุจขีปนาวุธทำลายล้างข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายรัฐบาล

เทรนด์ที่มาแรงในพื้นที่อีสานอีกอย่างหนึ่งคือ การได้สวมเครื่องแบบ "นักรบดำ"

ในทางการข่าวที่มีการติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดตั้ง "กองกำลังเสื้อแดง" มีอยู่ 2 ส่วนคือ

1.ปลุกผีนักรบดำ มีนายทหารยศ "พลเอก" รายหนึ่ง เป็น ตท.6 รุ่นเดียวกับ "บิ๊กบัง" แต่ดันไปใกล้ชิด "จิ๋ว จุ๋มจิ๋ม" ได้ออกสำรวจ "ทหารพราน" ปลดประจำการในอีสานว่า มีใครบ้าง? อยู่ที่ไหน?

อดีตนักรบดำเหล่านี้ พื้นเพเป็นชาวนา เมื่อถอดเครื่องแบบก็กลับไปทำไร่ทำนาตามหมู่บ้าน และมีความชื่นชอบ "อดีตนายกฯ ทักษิณ" เหมือนชาวบ้านทั่วไป จึงไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมขบวนการโค่นอำมาตย์

เหนืออื่นใด อดีตทหารพรานเหล่านี้ ทราบดีว่า ผู้ก่อตั้งทหารพรานคือ "จิ๋ว จุ๋มจิ๋ม" และเป็น "บิดานักรบดำ"

พลันที่มีคนเอ่ยอ้างว่า นี่คือภารกิจ "พ่อจิ๋ว" และเป็นยุทธการพาทักษิณกลับบ้าน จึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วม โดยไม่มีใครยืนยันได้ว่า พ่อจิ๋วเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่?

2.ปลุกเสกนักรบดำ เจ้าพิธีกรรมคือ "เสธ.แดง" โดยการปลุกเสกได้เริ่มทำที่อุดรธานี หนองบัวลำภู ก่อนจะเดินสายมาปั้นนักรบดำแถวชายแดนอุบลราชธานี

"นักรบดำ" ของ เสธ.แดง ล้วนเป็นคนหนุ่มที่รักทักษิณ เมื่อเจอการปลุกเร้า ก็เกิดความฮึกเหิม โดย เสธ.แดง ฝึกทักษะการต่อสู้ในเบื้องต้น ก่อนจะมอบชุดดำให้คนละชุด

สาเหตุที่ เสธ.แดง เข้าไปเคลื่อนไหวในชนบทได้อย่างเสรี เพราะมีเพื่อน ตท.11 "พล.อ.ส.เสือ" ที่มีบ้านไร่อยู่ในอุบลฯ และกว้างขวางในหมู่ "ทหารพัฒนา" สั่งการให้ลูกน้องในพื้นที่คอยอำนวยความสะดวก

ว่ากันว่า รูปการจัดตั้งกองกำลังประกอบด้วย "กองทหารหลัก" มีนักรบดำทั้งใหม่และเก่า อยู่ภายใต้การบัญชาการของ "เสนาธิการพัลลภ" และ "ผบ.แดง รัชดา"

"หน่วยรบพิเศษ" อยู่ในการบัญชาการของ "กี้ร์ อมฮอลล์" หรือ "เช เกวาร่าเมืองไทย" (ฉายาที่ เสธ.แดง บรรจงมอบให้) ร่วมกับ "แรมโบ้ โคราช"

หากทุกอย่างเป็นไปตามการข่าวของคนในพื้นที่ ก็ไม่ควรเยาะหยันความฝันครั้งสุดท้ายของทหารชรา

สงครามประชาชน..คงได้เกิดขึ้นในเดือนแห่งความรักอย่างแน่นอน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 21:13:24 »

ช้าๆหน่อยคะ
อ่านไม่ทัน..
ยิ่งสติแตกอยู่
พี่ก็
      บันทึกการเข้า


Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #5 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 23:35:55 »

An army of stags led by a lion would be better than an army of lions led by a stag.

ชาวหอในสมัยนั้น ที่ชอบดูรายการ "มวยเอกในรอบสัปดาห์" ทีวีขาวดำ ตั้งอยู่ใกล้โรงอาหาร ตอนนี้ มีมวยเอก 2 คู่ น่าดูครับ  ลองไปเปิดดู

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017109
      บันทึกการเข้า

Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2553, 09:52:54 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันจันทร์ 26 ก.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/954510-%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%8A.%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%953g%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99csr1.html



กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติให้ใบอนุญาต3Gทำแผนความรับผิดชอบต่อสังคมหรือCSR



พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
ในฐานะ ประธานคณะกรรมการเพื่อการอนุญาตประกอบกิจการ (ไลเซ่นส์) 3G เปิดเผยว่า

กทช. เน้นกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคในหลายประการที่สำคัญ ในร่างหลักเกณฑ์ 3G
ซึ่งตนมีความพอใจในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ทั้งหมดก็ตาม ซึ่งหากผู้ได้รับใบอนุญาตทำผิด หรือ
ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมีโทษสูงสุดคือการเพิกถอนใบอนุญาต

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ ผู้รับใบอนุญาต ต้องจัดทำ

แผนความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)

ซึ่งต้องครอบคลุมถึงเรื่องการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ สุขภาพของผู้ใช้บริการ และ
จัดทำแผนความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยผู้รับใบอนุญาต
จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด ในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ และ
เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ
การคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการสื่อสารถึงกัน
ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ในอนาคต


  รักนะ รักนะ รักนะ

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2553, 20:08:12 »


ขอขอบคุณเวบประชาชาติธุรกิจ วันจันทร์ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02inv01020853&sectionid=0203&day=2010-08-02



เปิดตัวน้ำมันสูตรใหม่"Shell fuelsave"เติม1ถังประหยัด1ลิตรหวังกระตุ้นยอดจำหน่าย

น้ำมันสูตรใหม่มีสารเพิ่มประสิทธิภาพ(additive)หากเติมเต็มถังช่วยประหยัดน้ำมันได้ 1 ลิตร
ด้วยประสิทธิภาพที่ดูแลเครื่องยนต์ให้สะอาด ทดสอบบนสนามแข่งมาแล้วจำหน่ายในราคาปกติ

ดีเดย์จำหน่าย 5 ส.ค.นี้

 gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2553, 22:20:59 »


ขอขอบคุณเวบแนวหน้าวันอังคาร 3 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.naewna.com/news.asp?ID=221987

ปฏิรูปสื่อรัฐจุดเริ่มสู่การปรองดอง (บทบรรณาธิการ)

นับเป็นความคิดที่ดีเปิดใจกว้างสร้างสรรค์และแสดงความจริงใจ
ของฝ่ายรัฐบาลที่พยายามจุดประกายสร้างความปรองดองในชาติ



นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กำกับดูแลสื่อมีนโยบายยกเครื่องผังรายการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)ช่อง11

ให้เปิดกว้างมากขึ้นเพื่อลบภาพพจน์ความเป็นกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของรัฐแห่งนี้

จะเปิดพื้นที่ให้ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับนายกรัฐมนตรี มีโอกาสที่จะแสดง
ความคิดเห็นไปยังประชาชนผ่านสื่อของรัฐแห่งนี้ ได้เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี

กำหนดให้มีรายการ"เวทีวิป"ทุกวันเสาร์โดยเปิดโอกาสให้ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)
พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน มาร่วมสนทนาในรายการเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับบทบาท
กิจกรรมของสภาผู้แทนราษฎรในเชิงสร้างสรรค์อันจะเป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้เกิดวิกฤติความแตกแยกในชาติอย่างรุนแรง
ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยจนลุกลามกลายเป็นชนวนนำไปสู่โศกนาฏกรรมการจลาจลเผา
บ้านทำลายเมืองครั้งร้ายแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนและวิกฤติความแตกแยกก็ยังดำรงอยู่

อย่างไรก็ตาม การริเริ่มปฏิรูปสื่อของรัฐโดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ NBT ครั้งนี้ น่าจะเป็นนิมิตหมาย
ที่ดีซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาไปสู่ความปรองดอง และไม่เพียงปฏิรูปสื่อแต่รัฐบาลควรจะ
ขยายผลไปสู่หน่วยงานอื่นๆ ทั้งหมดของรัฐ และรณรงค์สนับสนุนให้ชุมชนทั่วประเทศเสริมสร้าง
กิจกรรมร่วมกันเพื่อเชื่อมความสามัคคีสร้างความปรองดองของคนต่างสีต่างพวกในท้องถิ่นอัน
จะเป็นการละลายพฤติกรรมที่แตกแยกในอดีต



ขณะเดียวกันสิ่งที่จะต้องรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชน ก็คือ ความเห็นที่แตกต่างเป็น
เรื่องปกติตามวิถีแห่งประชาธิปไตย แต่ต้องไม่นำไปสู่ความแตกแยกและใช้ความรุนแรง
ในการ
ตัดสินปัญหา ทั้งนี้ให้ย้อนระลึกภาพความพินาศย่อยยับของประเทศในช่วงที่ผ่านมาเป็นบทเรียน
เตือนสติว่าชาติบ้านเมืองบอบช้ำและเสียโอกาสมามากพอแล้ว น่าจะต้องเดินไปข้างหน้าเสียที

 gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 13:06:16 »


         เพลง / Title : สยามเมืองยิ้ม

         

ศิลปิน / Artist : พุ่มพวง ดวงจันทร์
อัลบั้ม / Album :
Lyrics / เนื้อเพลง สยามเมืองยิ้ม
         http://www.youtube.com/watch?v=R1Zhtdx3xWw&feature=related

         

         จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย
มิเป็นทาสใคร แหละมีน้ำใจล้นปริ่ม
ทั่วโลกกล่าวขาน ขนานนาม ให้ว่าสยามเมืองยิ้ม
เราควรกระหยิ่มถึงความดีงาม


         คนเย็นใจซื่อได้ชื่อว่าไทย
ร้อนมาจากไหน ชาติไทยไม่เคยหวงห้าม
ข้ามเขตข้ามโขงถิ่นน้ำขุ่น มาพึ่งใบบุญเมืองสยาม
เรายิ้มรับตามที่ท่านต้องการ

        เลื่องชื่อลือนาม สยามมีแต่น้ำใจ
ขอเตือนท่านผู้อาศัย อย่าทำอะไรให้ไทยร้าวราน
คนไทยใจซื่อ เขาถือแต่โบราณกาล
แค่เพียงข้าวสุกหนึ่งจาน ใครลืมของท่านนั้น เนรคุณ


        คนไทยรักชาติแหละศาสนา
เทิดองค์เจ้าฟ้า ผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ
ถ้าท่านเคารพสิทธิ์ของไทย ท่านอยู่ต่อได้อีกนานทุน
สยามใจบุญ ยังยิ้มเสมอ

        win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 06 กันยายน 2553, 08:02:52 »


                ขอขอบคุณเ้วบคมชัดลึก วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2553         http://www.komchadluek.net/detail/20100906/72189/%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%9A.%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8.html

                      

                สคบ.ลบภาพ"เสือกระดาษ"ทำงานเชิงรุก-สร้างเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ

         สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เป็นหน่วยงานที่คุ้มครอง ดูแลสิทธิที่พึงมีของผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ โดยเฉพาะสิทธิ 5 ประการ อันได้แก่

1.สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้อง และเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการ

2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ

3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ

4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา และ

5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย


         นายจิรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ สคบ.อยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นเหมือนการจัดทำแผนแม่บทการทำงานในเชิงรุกของ สคบ. ที่เป็นรูปธรรมก็ว่าได้

        โดยจะเป็นแผนระยะ 3 ปี ระหว่างปี 2554-2556 มีทั้งการปรับกลยุทธ์ขององค์กรใหม่ให้การทำงานเป็นแบบบูรณาการมากขึ้น คือ
จากเดิมที่ต่างคนต่างทำ ก็จะนำงานต่างๆ เช่น การประกวดภาพยนตร์โฆษณาดีเด่น การจัดทำโครงการบ้านติดดาว การจัดทำฉลากสินค้า มารวมกันเพื่อจัดงานให้ใหญ่ขึ้น และจะมีการกำหนดประเด็นหลักว่าในแต่ละปีจะรณรงค์ในเรื่องใด

         เนื่องจากงานของ สคบ.ค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะด้านการคุ้มครองสิทธิ 5 ข้อของผู้บริโภค ทำให้หลายคนมองเห็นไม่ชัดเจนว่าภารกิจของ สคบ.จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร

         ดังนั้นจึงควรกำหนดประเด็นหลักในแต่ละปี เช่นว่าปีนี้เราจะรณรงค์ในเรื่องการรู้สิทธิผู้บริโภค หรือรณรงค์เรื่องการรู้ช่องทางการร้องเรียนของผู้บริโภคเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นต้น

        แผนเบื้องต้นที่ออกมาแล้ว คือ เราจะส่งเสริมให้ประชาชนรู้ในสิทธิ 5 ข้อของผู้บริโภคก่อนเลย ถือเป็นงานชิ้นแรกที่ผู้บริโภคควรที่จะรู้สิทธิของตนเอง จากนั้นหลายๆ อย่างก็จะขยายตามมา

         เพราะเมื่อเรารู้ในสิทธิที่เรามีแล้ว ก็จะรู้ต่อไปอีกว่าการซื้อสินค้านั้นจะต้องมีฉลาก ฉลากสินค้าก็จะต้องครบถ้วนสมบูรณ์ สัญญาต้องเป็นไปตามที่ สคบ.กำหนด และต่อไปผู้บริโภคก็จะรู้ถึงช่องทางการร้องเรียน ซึ่งจะผนวกกันเข้าไปเอง

         จากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาว่าประชาชนรู้สิทธิของตนเองแค่ไหน ก็พบว่า
ยังไม่สูงมากนักหรือคิดเป็นสัดส่วนคนที่ยังไม่รับรู้สิทธิมีถึง 90% แต่ก็เป็นตัวเลขเพียงภาคส่วนเดียวเท่านั้น

        ในปีนี้เราจะทำการสำรวจภาคอื่นๆ ที่เหลือ โดยจะเจาะไปแต่ละจังหวัดดูว่าประชาชนในจังหวัดใดที่รู้ยังรับสิทธิของตนเองจำนวนน้อย ก็จะเข้าไปแก้ไขให้ตรงจุด

        ส่วนการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ผ่านมา นายจิรชัย กล่าวว่า
เป็นครั้งแรกที่มีการเชิญทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกร่วมกับ สคบ.

       โดยจะนำข้อแนะนำต่างๆ ไปปรับปรุงการทำงานภายในให้เป็นแบบบูรณาการมากขึ้น และจะวิวัฒนาการการประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น โซเชียล มีเดีย จากเดิมที่เน้นเจาะเฉพาะแมสมีเดีย และเจาะลึกไปยังคอลัมน์ การเข้าถึงดารา นักแสดง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้ด้านสิทธิผู้บริโภคแก่ประชาชนอีกทางหนึ่ง

        นอกจากนี้ยังพบว่าในภาคธุรกิจส่วนใหญ่และภาคประชาชนต้องการเข้ามาทำงานร่วมกับ สคบ.แต่ที่ผ่านมายังไม่มีช่องทางนัก แต่นับจากนี้ไป สคบ.จะเปิดกว้างยินดีรับสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มที่

             สร้างเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ

        นายจิรชัย กล่าวว่า สคบ.ยังมีแนวทางการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคอื่นๆ ด้วย โดยเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้เชิญหน่วยงานของรัฐซึ่งทำหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภครวม 18 หน่วยงาน มาหารือถึงความร่วมมือในการให้หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้ รับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้บริโภค เพื่อส่งต่อมายัง สคบ. เช่น

        หากผู้บริโภคซื้ออาหาร ใช้ยา ใช้เครื่องสำอาง แล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเอาเปรียบ ต้องการชดเชยความเสียหาย หากไปร้องที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทาง อย.ก็จะรับเรื่องไว้เพื่อส่งเรื่องมายัง สคบ.ต่อไป

         "สคบ.เคยลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น หรือ เอ็มโอยู กับ 18 หน่วยงานมาตั้งแต่ปี 2550 แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ขับเคลื่อนอย่างจริงจังนัก ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความสะดวก หรือบางครั้งต้องเสียเวลาเดินทางไกล หรือไปร้องเรียนผิดที่

        แต่จากนี้ไป สคบ.จะทำงานในเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้แนวคิดที่ว่าถูกละเมิดสิทธิผู้บริโภคที่ไหน ร้องเรียนได้ที่นั่น จึงเชิญทั้ง 18 หน่วยงานมาขอความร่วมมืออีกครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค" นายจิรชัย กล่าว

         นอกจากนี้ยังได้ขยายไปยังชุมชนต่างๆ มากขึ้น โดยปัจจุบันมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งตั้งเป็นสำนักงานอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ก็จะขยายไปยังที่ว่าการอำเภอ เทศบาล รวมถึงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ด้วย

        ทำให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดหากมีปัญหาถูกละเมิดสิทธิผู้บริโภคก็สามารถเข้าไปร้องเรียนได้ทันที รวมทั้งมีความร่วมมือกับทางร้านสะดวกซื้อ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยจะมีซองจดหมายใส่คำร้อง จ่าหน้าซองติดแสตมป์ถึง สคบ.เรียบร้อย ซึ่งหากผู้บริโภคสะดวกร้องเรียนที่ร้านสะดวกซื้อก็สามารถทำได้เช่นกัน

         อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมให้ผู้บริโภครู้ช่องทางร้องเรียนมากขึ้นนั้น น่าจะทำให้ปริมาณการร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นตัวเลขร้องเรียนแต่ละปีจะมีมากขึ้นหรือน้อยลง ไม่ได้เป็นคำตอบว่าผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิมากน้อยแค่ไหน โดยในแต่ละปีนั้นมีผู้บริโภคร้องเรียนเข้ามายัง สคบ.เป็นจำนวนเกือบหมื่นราย ซึ่งเป็นการร้องเรียนแบบเป็นเรื่องเป็นราว ไม่นับจำนวนผู้ที่สอบถามเข้ามาอีกที่มีมากกว่า 4,000 รายต่อเดือน

         ดังนั้นการทำงานในเชิงรุกของ สคบ.จึงต้องเร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้สิทธิของตัวเอง
หากถูกละเมิดสิทธิก็ต้องร้องเรียน และ

        สุดท้ายคือการรู้ช่องทางการร้องเรียน คือ 3 องค์ประกอบที่จะทำให้ผู้บริโภคมีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้งพยายามสร้างเครือข่ายอื่นๆ เช่น

        ขณะนี้ สคบ.ได้ปูพรมไปในโรงเรียนต่างๆ ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดให้มีการเรียนการสอนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคตั้งแต่ระดับมัธยม 1-6 อีกทั้งให้จัดตั้งชมรมคุ้มครองผู้บริโภคในโรงเรียน ซึ่งขณะนี้มีถึง 500 โรงเรียนแล้ว

         ทั้งนี้ชมรมจะมีหน้าที่ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากทั้งเพื่อนนักเรียนด้วยกัน อาจารย์ ผู้ปกครอง และประชาชนผู้บริโภคที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เพื่อส่งเรื่องต่อมายัง สคบ. และยังมีหน้าที่ในการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจ ดูว่ามีรายใดหลอกลวงประชาชนหรือไม่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์เกินจริงหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อถูกต้องหรือไม่ และดูว่ามีลักษณะของการระดมคนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หน้าที่สุดท้ายคือการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

         นายจิรชัย กล่าวว่า จากนี้ไป สคบ.จะขยายเครือข่ายไปยังศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เครือข่ายของ สคบ.ลงไปสู่ชุมชนในทุกตำบลทั่วประเทศที่มีกว่า 7,409 ตำบล เพราะศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนมีเป้าหมายว่าจะจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนในครบทุกตำบลทั่วประเทศ

              ทำงานเชิงรุกลบภาพเสือกระดาษ

         ส่วนกรณีที่มีการให้ฉายาแก่ สคบ.ว่าเป็นเหมือน “เสือกระดาษ” นั้น นายจิรชัย กล่าวว่า การที่บอกว่า สคบ.เป็นเสือกระดาษนั้นก็เพราะมีความรู้สึกว่าอยากเห็น สคบ.ได้มีการลงโทษ จับกุมทันที หรือต้องตอบสนองด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องบอกว่า การบังคับใช้กฎหมายของ สคบ.นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเราจะให้โอกาสแก่ผู้ประกอบการในการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน เช่น การโฆษณาไม่ถูกต้อง หรือมีความบกพร่องในเรื่องของฉลากสินค้า แต่กรณีที่เราจะบังคับใช้กฎหมายโดยตรงเลย ก็จะเป็นกรณีที่ผู้ประกอบการที่เจตนากระทำความผิด หลอกลวง เอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งเราก็จะบังคับใช้กฎหมายทันทีเช่นกัน

         อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของ สคบ.นั้นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องบางเรื่องที่ถามว่าทำไมเราไม่จัดการ นั่นเป็นเพราะบางอย่างเป็นเรื่องเฉพาะที่จะต้องส่งต่อไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรง เช่น การไปรักษาพยาบาลแล้วไม่พึงพอใจในการรักษาพยาบาลของแพทย์ เรื่องนี้เราต้องส่งต่อไปให้กระทรวงสาธารณสุข หรือแพทยสภา เพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งการไปรักษาพยาบาลนั้นเมื่อร้องเรียนว่าได้รับความเสียหายก็จะมีขั้นตอนด้วยคือต้องให้แพทย์มาชี้แจงก่อน เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณา

         “การมาร้องเรียนที่ สคบ.บางอย่างเราสามารถทำได้ทันที และบางอย่างทำทันทีไม่ได้ อีกทั้ง สคบ.ได้มีการทำงานในเชิงรุกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นคำว่า เสือกระดาษ จึงไม่ควรนำมาใช้กับ สคบ.อีกต่อไป จากนี้ไป สคบ.ขอให้เป็นเพื่อนบ้านเป็นคนในบ้านของท่าน หากซื้อสินค้าแล้วมีปัญหาขอให้นึกถึงเรา และเราจะถือว่าท่านเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย คือ หนึ่งคนที่ร้องเรียนมาจะทำให้อีกหลายร้อยหลายพันคนได้รับการคุ้มครองด้วย ดังนั้นทุกคนต้องรู้สิทธิ รู้ช่องทาง และที่สำคัญต้องร้องเรียนด้วย” นายจิรชัย กล่าวทิ้งท้าย

                 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 07 กันยายน 2553, 18:19:34 »


Foward Mail: รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แจ้งว่า วันที่ 30 ส.ค.นี้

                                

         บช.น.จะนำเครื่องออกใบสั่งออนไลน์แบบมือถือ e-ticket ให้ตำรวจจราจรใช้ลงพื้นที่กวดขันวินัยจราจร แทนการออกใบสั่งกระดาษในปัจจุบัน จะเริ่มนำร่องใน 9 สถานี ได้แก่

         สน. วัดพระยาไกร, สน.ลุมพินี, สน.ทองหล่อ, สน.ท่าเรือ, สน.ทุ่งมหาเมฆ, สน.บางโพงพาง, สน.พระโขนง, สน.บางนา,สน.คลองตัน และงาน 5 (ตรวจพิเศษ) กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) รวม 10 เครื่อง ขนาดพกพาได้

         มีตัวรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ใช้สำหรับรับส่งข้อมูลออนไลน์ และพิมพ์ใบสั่งได้ในตัว ใบสั่งที่ออกมากว้างประมาณ 3 นิ้ว ส่วนความยาวแล้วแต่ข้อมูล มีตราครุฑกำกับเป็นเอกสารราชการ พร้อมบาร์โค้ดกำกับ

         เมื่อใช้เครื่องป้อนข้อมูลชื่อผู้ขับขี่และทะเบียนรถจะรู้ได้ทันทีว่า ผู้กระทำความผิดเคยมีคดีอื่น ๆ หรือหมายจับก่อนหน้านี้หรือไม่ รถคันดังกล่าวเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่เป็นรถที่สวมทะเบียนมาหรือไม่ ใช้เวลาเพียง 30 วินาที

         จ่ายค่าปรับได้ทุก สน.ไม่ต้องเดินทางไปจ่ายยัง สน.ที่ออกใบสั่ง และไม่ต้องยึดใบขับขี่

         ทั้งนี้ เดิม บช.น.มีแนวคิดใช้เครื่องออกใบสั่งออนไลน์มานานแล้ว แต่ติดขัดงบประมาณเช่าเครื่องมือ จึงทำหนังสือเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสนับสนุนเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อน 10 เครื่อง พร้อมปรับปรุงแก้ไขระเบียบข้อบังคับเรื่องใบสั่งแบบใหม่ จะประเมินผลการใช้งานโครงการนำร่องก่อนขยายโครงการกับทุกท้องที่ โดยจะเปิดตัวพร้อมสาธิตการใช้งานเครื่อง ก่อนวันที่ 27 ส.ค.นี้ ที่บก.จร.

                             win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

         นำข่าวที่จะใช้เทคโนโลยี่มากำกับการจราจร ให้ผู้ขับขี่เคารพกฏจราจร มิฉะนั้นจะโดน
ใบสั่งออนไลน์  แล้วยังบอกด้วยว่า ผู้กระทำความผิดเคยมีคดีอื่น ๆ หรือ หมายจับก่อนหน้านี้
หรือไม่ รถคันดังกล่าวเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่เป็นรถที่สวมทะเบียนมาหรือไม่

         ใช้เวลาเพียง 30 วินาที ผู้ที่ปฏิบัติตัวตามกฏจราจรแล้วจะไม่มีปัญหา จะมีปัญหากับ
ผู้ชอบทำผิดกฏจราจร ที่ทำให้จราจรติดขัดต้องเลิกทำผิดกฏมาปฏิบัติตามกฏจราจรเท่านั้น


         เป็นการนำแนวทาง สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ที่ไว้ขัับเคลื่อนสิ่งยาก ๆมาใช้นั่นเอง

                        เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><