16 พฤษภาคม 2567, 03:35:35
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 [ทั้งหมด]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "เชิญชวน ชาวจุฬา ทุกคณะ ร่วมแสดงความคิดเห็นช่วยสร้างสังคมที่ดีได้อย่างไร"  (อ่าน 33717 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 02 มิถุนายน 2552, 07:55:29 »



 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

วงจรอุบาทว์  " จน โง่ เจ็บ "

คำขวัญของ จุฬา  " ลูก จุฬาฯ รักประชาชน "

"เกียรติภูมิจุฬาฯ คือ เกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน"

เราชาวจุฬาฯ ทุกคณะ จะใช้ความรู้ทีเรียนมาช่วยคนที่เรารักได้อย่างไร

ช่วยเสนอความเห็นกันครับ  

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ผมอยู่ คณะแพทย์ศาสตร์ มีความเห็นอยากจะช่วย เรื่อง

เจ็บ




พณฯ ท่านวิทยา แก้วภราดัย ร.ม.ต.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ด้วยการเสนอแก้ด้วย การสาธารณสุขมูลฐาน ตาม Ottawa Charter

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3397.0.html

มีตัวชี้วัดความสำเร็จของสาธารณสุขมูลฐาน 4 ตัวชี้วัด

ตัวชี้วัด ตัวที่ 3 และ 4 เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญใน เรื่อง การเจ็บป่วย

ตัวที่ 3 การเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้สะดวก ใกล้บ้าน

ตัวที่ 4 เรื่อง สถานบริการสาธารณสุข ที่ให้บริการ ต้องมีคุณภาพ

ทั้ง 2 ตัวชี้วัดสามารถทำได้ โดยใช้วิธีการ จัดระบบสุขภาพให้มี


แพทย์ทั่วไป(แพทย์ประจำครอบครัว) ให้ทำงานประจำ 2 ที่ ได้แก่

1.ที่ "ศูนย์แพทย์ชุมชน"(สถานีอนามัยเดิม) หรือ

ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพ ระดับตำบล ในอนาคต


ดูคนไข้นอก ร.พ. ใกล้บ้านประจำตำบล  

2.ที่ ร.พ.อำเภอ ดูคนไข้ในพื้นที่รับผิดชอบ ที่ป่วยไม่มาก นอน

รักษาที่ ร.พ.อำเภอนั้นได้


แพทย์ทั่วไป(แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว)นี้ เรียนเพียง 6 ปี

ผ่านการสอบจากแพทยสภาได้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม แล้ว

มีความสามารถดูแลคนไข้ได้เกือบทั้งหมด มีส่วนน้อย

เท่านั้นที่ต้องมา ร.พ.อำเภอ หรือ พบ แพทย์เฉพาะทาง

ซึ่งแต่ละอำเภอ มีแพทย์เฉพาะทางอยู่เพียงคนเดียว ซึ่ง

คนไข้ที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทางมีจำนวนน้อย  

ไม่สามารถตั้งแผนกให้แยกตรวจเฉพาะได้ ต้องช่วยตรวจ

คนไข้ทุกคนที่มา ด้วย

จึงเครียดทั้งแพทย์ ความสามารถไม่เท่ากัน ต้องทำงานที่ไม่ถนัดด้วย

จึงลาออกปีละ 800-900 คนต่อปี ตามเวบ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=12-2006&date=15&group=9&gblog=1

และ คนไข้ จะต้องเครียดในการรอ แพทย์เฉพาะทาง ตรวจรักษาก่อน

จึงจะได้ใบส่งตัว ต่อ ไป ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ได้ เมื่อได้ไปก็มัก

มาช้าไป ทำให้เกิดความพิการ และ เสียชีวิตที่ฟ้องร้องแพทย์กันให้เห็น

จึงอยากเสนอให้จัดแพทย์ให้เหมาะสมด้วยการ จัดให้

แพทย์ทั่วไป เป็น แพทย์ประจำครอบครัว ที่ ร.พ.อำเภอ

ซึ่งมีแพทย์จบใหม่ปีละ ประมาณ 1,500 คน

มาแทนแพทย์เฉพาะทาง ที่มีคนเดียว ควรไปอยู่ในแผนกเฉพาะที่เรียน

ที่ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ ทำให้ได้แพทย์เฉพาะทางเพิ่ม

ขึ้นทันที ที่ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ เพื่อ เป็นการ  

ปิ๊งๆ

Put Right Man To The Right Job

 ดูเพิ่มเติม ที่กระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3201.msg216054.html#new

"ยกบริการปฐมภูมิใน ร.พ.ไปให้บริการใกล้บ้าน ที่ศูนย์แพทย์ชุมชน(สถานีอนามัยเดิม)

หรือ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพประจำตำบลในอนาคต เพื่อเป็นด่านแรก"

ที่กระทู้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samrotri

แล้ว คณะอื่น ๆ จะช่วยคนรักได้อย่างไรบ้าง ครับ

 gek gek gek

ขอเสนอวิธีช่วยคนรักง่าย ๆ โดยช่วยขับเคลื่อน

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี

ในด้านใดด้านหนึ่ง หรือ ทุกด้าน ในสามเหลี่ยม

ให้เกิดการแก้ไข

วงจรอุบาทว์ จน โง่ เจ็บ

 win win win

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ดูรายละเอียดเพิ่ม ที่

"การแก้ปัญหาสังคมที่ยากๆด้วยแนวทางสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=01-2007&date=14&group=14&gblog=8

ประเทศอังกฤษ และ ฟินแลนด์ ใช้การสาธารณสุขมูลฐาน

ประสบความสำเร็จ ทำให้ประชาชนสุขภาพดี

โดยเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศที่ไม่ใช้

ที่เวบบ์

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=11-2006&date=16&group=1&gblog=4

 

 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23 »




นำข่าว ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง

"โง่"

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 เน้นคนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ

สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 4 มิ.ย.

-ก.ศึกษาฯ เตรียมปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ใช้เวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 52-61

เน้นให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ใน 3 เรื่องหลัก คือ

เน้นการสร้างคุณภาพ

เน้นให้คนไทยมีโอกาสทางการศึกษา และ

ให้ทุกภาคส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาการศึกษาครั้งที่ 2/2552 โดยเรื่องที่พิจารณา คือ

เรื่องทศวรรษที่ 2 ของการปฏิรูปการศึกษา ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ว่า

หลังจากการประชุมได้ข้อสรุปในการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 ซึ่งแผนปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 นี้

จะเริ่มใช้ในปี 2552 จนถึงปี 2561 รวมเวลา 10 ปี

เบื้องต้นจะมีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการ เพื่อดูแลด้านนโยบายเป็นเวลา 3 ปี

โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่จะทำให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ หมายถึง

คนไทยทุกคนจะได้เรียนรู้จากการศึกษาทั้งในและนอกระบบ ในทุกระดับการศึกษา

ตั้งแต่ ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา ไปจนถึงระดับอุดมศึกษา

นอกจากจะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพในทุกระดับชั้นแล้ว จะต้องครอบคลุมเรื่องที่เกี่ยวกับ

การศึกษาในมิติต่าง ๆ อย่างครบวงจร

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดจะมุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลัก เพื่อนำไปสู่ภาคการปฏิบัติ ได้แก่

เรื่องที่ 1.เน้นเรื่องคุณภาพ ซึ่งจะเน้นใน 3 ด้าน คือ

1) เน้นเพิ่มคุณภาพครูผู้สอน

2) เน้นสร้างแหล่งเรียนรู้ คือ คุณภาพสถานศึกษา สำหรับการศึกษาในระบบ และ

สร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ อาทิ ห้องสมุด อุทยานประวัติศาสตร์ต่าง ๆ

รวมไปถึงพลักดันการส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ก็ถือว่าเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ และ

3) เพิ่มคุณภาพการบริหารจัดการ คือ มุ่งเน้นการกระจายอำนาจ โดยใช้หลักธรรมาภิบาล

เรื่องที่ 2. การให้โอกาส หมายถึง การเปิดโอกาสให้คนไทยทุกประเภท อาทิ

ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ หรือคนชายขอบ ได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และ

เรื่องที่ 3. การมีส่วนร่วม คือ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2

เช่น องค์กรภาคเอกชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันต่าง ๆ อาทิ ครอบครัว หรือศาสนา

เข้าร่วมในครั้งนี้ และเพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 เดินหน้าไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ทางกระทรวงฯ จะได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใน 2 ระดับ คือ

1.คณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและตนเองเป็นรองประธาน และ

2.คณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการ โดยจะมีตนเองนั่งเป็นประธาน

นอกจากนี้ จะมีการตั้งกลไกอื่น ๆ ตามความจำเป็นเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษารอบ 2

เป็นไปตามเป้าหมาย อาทิ การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา สถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ หรือ

จัดตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป.


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2552, 19:26:03 »

พี่หมอสำเริง,
เรื่องจนล่ะคะ.
ยากนะคะเรื่องนี้


nn.27
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2552, 20:18:43 »

เยี่ยมคะพี่.
ต้องอย่างงี้สิ
ถึงจะจริง...


nn.27
      บันทึกการเข้า


Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2552, 07:47:55 »


เพื่อฟังข้อมูลเรื่อง



"เจ็บ"

ทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่

1. ฝ่ายผู้ใช้บริการ และ

2. ฝ่าย ผู้ให้บริการ

จึง นำ เฉพาะประเด็น เรื่อง เจ็บ ในกระทู้

"เชิญชวน ชาวจุฬา ทุกคณะ ร่วมแสดงความคิดเห็นช่วยคนที่เรารักได้อย่างไร"

ที่โพสท์ในเวบซีมะโด่ง กระทู้ นี้

ไปโพสท์ในเวบเพื่อฟังความคิดเห็นของผู้ให้บริการ ที่เวบ

"ไทยคลินิกดอทคอม"

เชิญชวนพวกเราเข้าไป อ่าน หรือ ถ้าอยากร่วมแสดงความคิดเห็น

สามารถสมัครสมาชิก และ โพสท์ได้ที่เวบข้างล่าง


http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1244359806

 gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2552, 17:36:05 »


อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23


นำข่าว ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง

"โง่"

สพฐ.เตรียมอบรม ผอ.รร.ทั่วประเทศ พัฒนา รร.ให้เข้มแข็ง



คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

.-สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 19 ก.ค.-

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)

เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

จะจัดประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)

ทั้ง 185 เขตทั่วประเทศ ในวันที่ 23-24 ก.ค. นี้

เพื่อประชุมทำความเข้าใจและขอให้ช่วยติดตามผลการนำร่อง

การใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2550

ไปใช้ว่ามีปัญหาหรือไม่ และ สพท.ควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนอะไรบ้าง

เพื่อที่การทำงานจะได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสิ้นสุดการประชุม ผอ.สพท.แล้ว

สพฐ.จะจัดอบรมผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 32,000 คนทั่วประเทศ

ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในนโยบาย

เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของ



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

และ สพฐ. คำนึงว่าปัจจัยหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

จะต้องพัฒนาผู้บริหารด้วย โดย

ในรุ่นแรกจะคัดเลือกผู้บริหารโรงเรียนเก่ง ดี

เข้าร่วมอบรมก่อน จำนวน 4,000 คน

เพื่อเป็นแกนกลางในการช่วยเหลือผู้บริหารในโรงเรียนขนาดกลาง

และขนาดเล็ก เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้และเป็นส่วนหนึ่งที่

จะช่วยให้โรงเรียนมีความเข้มแข็งมากขึ้น


ที่มา : สำนักข่าวไทย   

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ



      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:44:04 »


น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ ที่ 25 กรกฎาคม 2552

แนะดึง3จีหนุนเรียนทางไกลโดย : พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์



ภาพประกอบข่าว

 กทช. จัดงานสัมมนา "3 จี"

ตอบโจทย์การศึกษาทางไกลและ

การศึกษาแบบเคลื่อนที่ผ่านระบบโมบายสำหรับการศึกษาทางไกล

เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 3 จี

กับการศึกษาทางไกลได้ และมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

เพราะมีการใช้อุปกรณ์สื่อสารผสมผสานกัน เช่น

โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระบบ

ไร้สายด้วยความเร็วสูง

ทั้งนี้ ได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 3 จี

มาร่วมแสดงความคิดเห็น และนำเสนอความคืบหน้า

โครงการศึกษาทางไกลของสถาบันการศึกษาที่ร่วมมือกับ กทช.

เช่น โครงการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ

โครงการมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ขณะที่ นายประสิทธิ์ชัย วีระยุทธวิไล

รองประธานกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สามารถเทลคอม

กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ด้านการศึกษา

ทางไกลและด้านอีเลิร์นนิ่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดจะเป็น

ในลักษณะความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีจากบริษัท และ

ระบบสื่อสารไร้สายของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ

เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเรียนทางไกลสามารถทำให้

เกิดขึ้นอย่างจริงจังได้ ไม่ใช่ทางเลือกเท่านั้น

"โดยเฉพาะการเรียนผ่านระบบโมบาย แอพพลิเคชั่น

ไม่ใช่แค่การเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ แต่ต้องสามารถออกไปนอก

สถานที่ได้และเชื่อมต่อระบบ รวมถึงมีแอพพลิเคชั่นที่เอื้อประโยชน์

ตรงนี้โครงข่ายไร้สายความเร็วสูง 3 จี มีความจำเป็นมาก

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการใช้งาน ทำให้เป็นอุปสรรคในการให้บริการอยู่บ้าง"


นายประสิทธิชัยกล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20090725/63160/กทช.แนะดึง3จีหนุนเรียนทางไกล.html

 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 11 สิงหาคม 2552, 07:53:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 19:50:17
เรื่อง " จน "จะแก้ได้ถ้าใช้  "ปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง"

เรื่องจน พบข่าวเกี่ยวกับ

จากสปก.4-01ถึง"งบชุมชน" "จุดสลบ"รัฐบาลปชป.?!



มีพี่สมพงษ์ จิตระดับ รุ่นพี่ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ 16 มาวิพากย์วิจารณ์ด้วย

นำมาใ้ห้พวกเราได้อ่านกัน ที่

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEV4TURnMU1nPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBd09TMHdPQzB4TVE9PQ==

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2552, 07:31:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23
ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง "โง่"
ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 เน้นคนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ
จะเริ่มใช้ในปี 2552 จนถึงปี 2561 รวมเวลา 10 ปีจะมุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลัก
เพื่อนำไปสู่ภาคการปฏิบัติ ได้แก่
เรื่องที่ 1.เน้นเรื่องคุณภาพ 
เรื่องที่ 2. การให้โอกาส หมายถึง การเปิดโอกาสให้คนไทยทุกประเภท
 ได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และ
เรื่องที่ 3. การมีส่วนร่วม คือ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ
ปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2

เรื่องที่ 3. การมีส่วนร่วม คือ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ

ปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 นี้
ผมขอร่วมเสนอ การมีส่วนร่วม คือ โดยการใช้

ระบบอินเตอร์เนตให้มีการสื่อสารให้ความรู้ พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เหมือน ที่

ท่านนายกอภิสิทธิ์ ได้เปิดเวบไซด์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายก

ทุกคนใช้ เพื่อให้ประชาชนที่จะให้ข้อมูล หรือ ติดต่อท่านนายกรัฐมนตรีได้

พวกเราชาวซีมะโด่ง ที่ต้องการ เชิญที่ เวบไซด์


http://www.pm.go.th/

ผมขอร่วมเสนอการมี เวบไซด์องค์กรต่าง ๆ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน



เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ ร.พ.พนมสารคาม ที่ผมทำงานอยู่มีเวบ

http://www.cco.moph.go.th/p/page/page1.htm

หอพักนิสิตจุฬาฯ ของพวกเราที่ผมใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้กันที่เวบ

http://www.cmadong.com/board/index.php

ขอให้พวกเราชาวซีมะโด่งมาร่วมให้ความรู้แลกเปลี่ยนกัน เพื่อร่วมแก้ "โง่" ในวงจรอุบาทว์

จน โง่ เจ็บ

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2552, 13:44:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 11 สิงหาคม 2552, 07:53:19

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 19:50:17
เรื่อง " จน "จะแก้ได้ถ้าใช้  "ปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง"

เรื่องจน พบข่าวเกี่ยวกับ

จากสปก.4-01ถึง"งบชุมชน" "จุดสลบ"รัฐบาลปชป.?!



มีพี่สมพงษ์ จิตระดับ รุ่นพี่ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ 16 มาวิพากย์วิจารณ์ด้วย

นำมาใ้ห้พวกเราได้อ่านกัน ที่

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEV4TURnMU1nPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBd09TMHdPQzB4TVE9PQ==

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ








สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการจากจุฬาฯ

พบ 10 ปัจจัย ที่ช่วยให้หลุดพ้นจากความยากจน และ

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พร้อมกับให้ความสำคัญกับโรงเรียน ในการสร้าง

เด็กให้เป็นคนดี


รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง "สุขภาวะของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย"

โดยสำรวจเชิงคุณภาพ 50 ครอบครัวที่มีรายได้น้อย

โดยมีเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาทต่อเดือน

ในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พบปัจจัย 10 ประการ

ที่ทำให้ครอบครัวยากจนสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้

และอยู่อย่างมีความสุข คือ

1. ไม่ยอมรับความคิดเดิมๆที่สังคมยัดเยียดให้ เช่น ความคิดที่ว่าเป็นคนจนการศึกษาต่ำ

อาชีพไม่แน่นอน เจ็บ ป่วยบ่อย หรือ "โง่ จน เจ็บ"

2. มีคำสอนของพ่อแม่เป็นแนวทาง เช่น อดทน ขยัน ตั้งใจเรียน และเป็นคนดี

3. ขยันทำมาหากิน

4. มีการบริหารจัดการด้านเวลาดี โดยใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างคุ้มค่า และ

อบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีมีคุณธรรม

5. มีการสื่อสารเชิงบวก เช่น ทำความเข้าใจกับลูกเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน

ร่วมกันวางแผนใช้จ่ายเงินในครอบครัว มีการปลอบใจและแก้ไขปัญหาร่วมกัน

อาจารย์คณะครุศาสตร์กล่าวต่อว่า

6. มีกลวิธีในการสร้างความคิดดีและตอกย้ำการคิดดีทำดีให้กับลูก เช่น

การให้ลูกช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน

7. ปลูกฝังให้ลูกๆเป็นคนดี ไม่โกหกตั้งแต่เล็ก หรือไม่เกินประถมศึกษา

ไม่รอจนถึงมัธยม ซึ่งจะปลูกฝังได้ยากกว่า

8. พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เช่น เป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น

9. ครอบครัวยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยปฏิบัติจริง เช่น ไม่ดื่มเหล้า

ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นหวย มีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด

จนถึงเศษสตางค์ ปลูกผัก เลี้ยงปลา เพื่อลดรายจ่ายด้านอาหาร และ

10. เก็บเงินไว้เพื่อการศึกษาของบุตรหลานให้ได้เรียนสูงที่สุด ซึ่งพบว่า

เมื่อลูกเรียนจบระดับสูงก็จะดึงพ่อแม่ให้หลุดพ้นจากความยากจนได้ด้วย

"โรงเรียนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเด็กให้เป็นคนดี เช่น

ยกย่องเด็กที่ทำความดี เรียนดี หรือการที่ครูตบบ่าให้กำลังใจเมื่อเด็กทำสิ่งที่ถูกต้อง

จะทำให้เด็กมีกำลังใจที่จะทำความดี ขยัน ตั้งใจเรียน และไม่หลุดจากระบบการศึกษา

" รศ.ดร. สมพงษ์กล่าวและว่า จากการสำรวจพบว่า ครอบครัวยากจน 10%

ที่ยึดหลักการดังกล่าว สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี

ให้กับครอบครัวอื่นๆ หากทำได้ก็จะหลุดพ้นจากความโง่ จน เจ็บ ได้.

............................................................................................

สุดยอดครับ พี่สมพงษ์ รุ่นพี่ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ รหัส 16 ของผม

http://www.thairath.co.th/content/edu/25988

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2552, 09:02:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 13 สิงหาคม 2552, 07:31:46
อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23
ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง "โง่"
ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 เน้นคนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ
จะเริ่มใช้ในปี 2552 จนถึงปี 2561 รวมเวลา 10 ปีจะมุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลัก
เพื่อนำไปสู่ภาคการปฏิบัติ ได้แก่
เรื่องที่ 1.เน้นเรื่องคุณภาพ 
เรื่องที่ 2. การให้โอกาส หมายถึง การเปิดโอกาสให้คนไทยทุกประเภท
 ได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และ
เรื่องที่ 3. การมีส่วนร่วม คือ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ
ปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2
เรื่องที่ 3. การมีส่วนร่วม คือ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ

ปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 นี้
ผมขอร่วมเสนอ การมีส่วนร่วม คือ โดยการใช้

ระบบอินเตอร์เนตให้มีการสื่อสารให้ความรู้ พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เหมือน ที่

ท่านนายกอภิสิทธิ์ ได้เปิดเวบไซด์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายก

ทุกคนใช้ เพื่อให้ประชาชนที่จะให้ข้อมูล หรือ ติดต่อท่านนายกรัฐมนตรีได้

พวกเราชาวซีมะโด่ง ที่ต้องการ เชิญที่ เวบไซด์


http://www.pm.go.th/

ผมขอร่วมเสนอการมี เวบไซด์องค์กรต่าง ๆ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน



เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ ร.พ.พนมสารคาม ที่ผมทำงานอยู่มีเวบ

http://www.cco.moph.go.th/p/page/page1.htm

หอพักนิสิตจุฬาฯ ของพวกเราที่ผมใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้กันที่เวบ

http://www.cmadong.com/board/index.php

ขอให้พวกเราชาวซีมะโด่งมาร่วมให้ความรู้แลกเปลี่ยนกัน เพื่อร่วมแก้ "โง่" ในวงจรอุบาทว์

จน โง่ เจ็บ

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

การศึกษาคือรากแก้วของสังคม



โดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์
   
อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต

http://www.rsunews.net/Thammathippatai/EducationIsTaprootsInSociety.htm

 gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2552, 19:27:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23
ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง "โง่"

  “จุรินทร์” เดินเครื่องทีวีติวเตอร์ ประเดิมผ่านช่อง 11 กันยายนนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   16 สิงหาคม 2552 17:13 น.



  “จุรินทร์” เดินหน้าทำทีวีติวเตอร์ ระดมติวเตอร์ทั่วประเทศออกอากาศสรุปบทเรียนจาก ETV
ชี้ให้โอกาสเด็กต่างจังหวัด ประเดิมช่อง 11 ฤกษ์ดีกันยายนนี้
       
        นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยในการประชุม
ผู้บริหารสถานศึกษาทุกสังกัดกว่า 500 คน ที่ จ.กระบี่ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า
ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้วางแผนการบริหารจัดการ e-Learning
โดยการจัดทำช่อง Tutor Channel และการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม
ซึ่ง Tutor Channel จะเป็นการช่วยสรุปบทเรียน หนังสือเรียน รายวิชาที่เรียนให้เด็กทั่วประเทศ
เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยเปิดโอกาสให้เด็กต่างจังหวัด หรือ
เด็กที่ไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์กลางสถานศึกษาชั้นนำ ได้มีโอกาสเรียนกับครูที่มีชื่อเสียงหรือ
ครูเก่งระดับสากล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งกำหนดจะจัดเป็นรายการติวให้เด็ก
ผ่านโทรทัศน์ฟรีทีวี ทางสถานีวิทยุโทรทัศแห่งประเทศไทย(สทท.) หรือ ช่อง 11
จากตอนนี้ที่ออกอากาศผ่านเฉพาะช่องสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา(ETV)
เนื่องจาก ETV ยังมีข้อจำกัดที่ต้องดูผ่านดาวเทียมเท่านั้น
       
       “การติวผ่านช่อง 11 จะเป็นการสรุปบทเรียนจาก ETV วิชาละ 2-4 ชั่วโมง
เพื่อให้เหมาะสมกับเวลาที่จะออกอากาศ ขณะนี้ ศธ.ได้ระดมติวเตอร์ทั่วประเทศในรายวิชาต่างๆ
มาพร้อมหมดแล้ว คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้จะเริ่มต้นออกอากาศได้”นายจุรินทร์กล่าว
       
       รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการดำเนินการตามโครงการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาผ่านระบบสารสนเทศ โดยจัดระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมจาก
โรงเรียนวังไกลกังวลนั้น จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ

โดยระยะที่ 1 สำหรับโรงเรียนที่มีจานดาวเทียมอยู่แล้ว 4,000 โรง ซึ่งจะเริ่มได้ทันทีในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 หรือเดือนพฤศจิกายนปีนี้

ส่วนระยะที่ 2 อีก 5,000 โรงนั้น จะเริ่มในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมปีหน้า

โดยมีเป้าหมายไปยังโรงเรียน 3 ประเภท คือ

กลุ่มโรงเรียนขนาดเล็ก กลุ่มโรงเรียนขยายโอกาส และกลุ่มโรงเรียนมัธยมขนาดเล็ก รวมทั้งสิ้น 9,064 โรงเรียนทั่วประเทศ และ

ถัดจากนี้ไป ศธ.จะเตรียมการจัดทำคู่มือประกอบการเรียนการสอน มีการอบรมพัฒนาครูที่เกี่ยวข้อง

และวางแผนการบริหารจัดการอื่นๆ เช่น การสำรวจเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนจานดาวเทียมที่ชำรุดต่อไป
       
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #12 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2552, 19:32:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 19:50:17
เรื่อง " จน "จะแก้ได้ถ้าใช้"ปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง"จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87


นายมีชัย วีระไวทยะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 gek gek gek

ในฐานะประธานคณะ อนุกรรมการฝ่ายวิชาการและเครือข่ายองค์ความรู้

โครงการชุมชนพอเพียง ให้สัมภาษณ์ มติชน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม

เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานโครงการชุมชนพอเพียง

ของสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.)ขณะนี้ว่า

ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนเข้าใจสิทธิของตนเอง ขอย้ำว่าต้อง

เข้าใจแบบจริงจัง โดยเฉพาะรูปแบบของโครงการ ว่าเป็นอย่างไร

หลักการเป็นอย่างไร ชุมชนต้องคิดต้องตัดสินใจเอง การใช้เงิน

จะต้องเกิดประโยชน์สูงสุด ใครจะมาชี้นำไม่ได้ ต้องเร่งปรับปรุง

ระบบการสื่อสารให้ ดีขึ้น


"ปัญหาเรื่องความเข้าใจของชุมชนขณะนี้มีน้อยมาก ขนาดชุมชนใน กทม.

ที่อยู่ใกล้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ยังไม่ค่อยรู้อะไรหรือไม่เชื่อไปถาม ดูได้

เพราะฉะนั้นในส่วนของต่างจังหวัดไม่ต้องพูดถึง ด้วยเหตุนี้ก็เลยเป็นช่องว่าง

ทำให้คนที่คิดไม่ดีเข้ามาหาผลประโยชน์ได้ สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องตระหนัก ก็คือ

รูปแบบการดำเนินงานว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่าไปยัดเงิน

ใส่มือเขาอย่างเดียว" นายมีชัยกล่าว

ดูข่าวเต็มได้ที่

http://news.sanook.com/มีชัยปธ.อนุกก.ฯชุมชนพอเพียงขู่ลาออก-จี้รบ.รื้อโครงการชี้เดินผิดท-815756.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #13 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 07:22:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 07:35:23
ร.ม.ต.ศึกษาธิการ พณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แก้วงจรอุบาทว์ เรื่อง "โง่"



จุรินทร์ เซ็นให้เรียนฟรีถึงป.ตรีแก่คนพิการ เรียนฟรีทั้งรัฐและเอกชน


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาคนพิการว่า

ที่ประชุมมีมติให้คนพิการเรียนฟรีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับปริญญาตรี

ไม่ว่าคนพิการจะเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ

หรือมหาวิทยาลัยเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น

ค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัยเรียกเก็บ เป็นต้น

ดูข่าวทั้งหมดได้ที่

http://news.sanook.com/คนพิการเฮเรียนฟรีถึงป.ตรี-816340.html

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

จุรินทร์ สั่งมหาวิทยาลัยปรับมาตรฐานผลิตบัณฑิตมีคุณสมบัติครบ 5 ข้อ ใน 3 ปี

ที่มา : สำนักข่าวไทย   

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. - "จุรินทร์" สั่งมหาวิทยาลัยปรับมาตรฐานในการผลิตบัณฑิต

ให้มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นเลิศทางวิชาการ นำความรู้ปฏิบัติได้จริง

มีทักษะทางสังคม และใช้เทคโนโลยีทันสมัย ภายใน 3 ปี

เผยผลประเมินสาขาวิชาของ สมศ. พบมี 50 สาขายังไม่ได้มาตรฐาน ต้องเร่งปรับ

และเปิดโอกาสให้คนพิการเรียนฟรีถึงระดับมหาวิทยาลัย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการประจำปี 2552 ของที่ประชุม

ประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) เรื่อง

"คุณภาพอุดมศึกษาไทย พอใจหรือยัง?"

พร้อมกล่าวยอมรับคุณภาพอุดมศึกษาของไทยยังมีเรื่องอีกมากที่จะต้อง

ปรับปรุง เพื่อให้ไปถึงอุดมศึกษาในอุดมคติที่อยากเห็น

โดยขณะนี้ได้ลงนามออกประกาศกรอบมาตรฐานคุณวุฒิสถาบันอุดมศึกษาปี 2552

โดยทุกมหาวิทยาลัยจะต้องได้ มาตรฐานในการผลิตบัณฑิตออกมาให้มีคุณสมบัติ 5 ข้อ คือ

1. มีคุณธรรมจริยธรรม

2. มีความเป็นเลิศทางวิชาการ

3. มีทักษะทางวิชาการนำความรู้ไปปฏิบัติใช้ได้จริง

4. มีทักษะทางสังคม และ

5. ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้

ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยจะต้องปรับการสอนให้ได้ตามมาตรฐาน 5 ข้อนี้ภายใน 3 ปี

ส่วนสาขาวิชาใหม่ ๆ ต้องปรับให้ได้มาตรฐานทันทีก่อนเปิดสาขาใหม่

อ่านข่าวทั้งหมดที่เวบ

http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=278811&ch=gn2

 gek gek gek


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #14 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 21:51:51 »


นักการเมืองที่มีจริยธรรมจะมาเป็นนักการเมืองได้

องค์กรประชาชนต้องสอยนักโกงเมือง

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

มือปราบคอร์รัปชั่นโสมขาว แนะไทยตั้งองค์กรประชาชนสอยนักโกงเมือง



     ปั๊ก วัน ซุน มือปราบทุจริตเกาหลีใต้แนะไทยตั้งองค์กรภาคประชาชน

ตรวจสอบนักโกงกินเมืองยกระดับจริยธรรมนักการเมือง แก้วิกฤติประเทศระยะยาว

โชว์ผลงานแฉบัญชีดำนักการเมืองเกาหลีใต้ 99% ไม่ได้รับเลือกตั้ง

ย้ำ ปชช.โสมขาวรับผู้นำเก่งแต่ฉ้อโกงไม่ได้

ด้าน สสส. ไทยขานรับ พล.ต.อ. ประทิน เป็นประธาน พีเอสพีดี เมืองไทย

     เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แผนงานวิจัยและพัฒนาฐานข้อมูล

เพื่อการตรวจสอบทางสังคม ภายใต้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต และ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


จัดปาฐกถาเรื่อง

"จับทุจริต 2 ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ติดคุก

: ประสบการณ์จริงขององค์กรตรวจสอบภาคประชาชน"


ณ ห้อง 2201 มหาวิทยาลัยรังสิต ศูนย์ศึกษาวิภาวดี 

อาคารทีเอสทีทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 9

โดยมี นาย ปั๊ก วัน ซุน (Park Won Soon) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Beautiful Foundation และ

องค์กรตรวจสอบภาคประชาชนในประเทศเกาหลีใต้ชื่อ

People Solidarity for Participatory Democracy (PSPD)

ซึ่งเป็นแกนนำขบวนการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นภาคประชาชนในประเทศเกาหลีใต้

เป็นผู้กล่าวปาฐกถา โดยมีผู้สนใจเข้ารับฟังมากมายทั้งภาคประชาชน และองค์กรต่างๆ
 
ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ผมจึงขอเชิญชวนพวกเรา ร่วมติดตาม และ 

สนับสนุนองค์กร PSPD นี้ ให้เกิดขึ้นในประเทศของเรา 

เป็น Auditorในวงจรคุณภาพ เพื่อสอย นักโกงเมือง ออก 

เพื่อให้ประเทศเรามีนักการเมืองที่มีคุณภาพทั้งสิ้น

ตามแนวคิด วงจรคุณภาพ จะต้องมี

การวางแผน (Plan) การดำเนินตามแผน (Do)

การประเมินผล หรือ การ Audit (Check)

และ การแก้ไข (Act) หมุนไปตลอด ทำให้

เกิดผลงานที่่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นไปตลอด


อ่านข่้าวทั้งหมดได้ที่

http://www.rsunews.net/News/CorruptionBusterOfSouthKorea.htm

 เตือน เตือน เตือน


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #15 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2552, 19:44:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 19:50:17
เรื่อง " จน "
จะแก้ได้ถ้าใช้"ปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง"





ดร.โจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

ยกย่องเศรษฐกิจพอเพียงแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือ ความยากจนของประชาชนได้ยั่งยืน


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ดร.โจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

กล่าวว่า

ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ความล้มเหลวของระบบการเงินของประเทศยักษ์ใหญ่

และความไม่สมดุลของภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ที่กำหนดนโยบายการเงินระหว่างประเทศ

เป็นกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งกำหนด นโยบายที่เป็นประโยชน์แต่กับตัวเอง ทำให้ภาคประชาชน และ

ทั้งสังคม ต้องรับความเสี่ยง ความล้มเหลวทั้งหมด นวัตกรรมการเงินที่เกิดขึ้นกลายเป็น

เครื่องมือทำลายล้างดูดเงินจากประชาชนที่ฐานราก ซึ่งสร้างรายได้แต่ทำลายให้อ่อนแอ

เมื่อรากฐานอ่อนแอ ทั้งระบบเศรษฐกิจก็พัง

“นับจากนี้ เศรษฐกิจต้องมีวิสัยทัศน์กว้างขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันล้วนเป็นผลมาจากอดีต

เกิดจากการโกงกินประชาชน สังคมวัตถุนิยม ทุกคนเห็นว่าอากาศ น้ำ เป็นของฟรี

ซึ่งไม่ดีต่อโลก ต่อจากนี้โลกไม่สามารถรับมือกับลัทธิการบริโภคแบบบ้าคลั่งได้อีกต่อไป

จำต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิตใหม่อยู่แบบพอเพีองเหมือนประเทศไทย

จะใช้อัตรามวลรวมของเศรษฐกิจหรือจีดีพี มาวัดความสำเร็จอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีตัวชี้วัดอื่น

เช่น ความกินดีอยู่ดี สภาพสังคม รวมถึงต้องปลดปล่อยตัวเองจากสหรัฐฯและยุโรป

แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะทำให้ทุกประเทศเติบโตอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน”

ดร.โจเซฟ กล่าว


อ่านข่าวทั้งหมดที่

http://www.komchadluek.net/detail/20090821/25282/โนเบลชมไทยอยู่พอเพียงแก้วิกฤติศก.ได้.html

 gek gek gek

 

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #16 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 07:51:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 21:51:51

นักการเมืองที่มีจริยธรรมจะมาเป็นนักการเมืองได้

องค์กรประชาชนต้องสอยนักโกงเมือง

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

มือปราบคอร์รัปชั่นโสมขาว แนะไทยตั้งองค์กรประชาชนสอยนักโกงเมือง



     ปั๊ก วัน ซุน มือปราบทุจริตเกาหลีใต้แนะไทยตั้งองค์กรภาคประชาชน

ตรวจสอบนักโกงกินเมืองยกระดับจริยธรรมนักการเมือง แก้วิกฤติประเทศระยะยาว

โชว์ผลงานแฉบัญชีดำนักการเมืองเกาหลีใต้ 99% ไม่ได้รับเลือกตั้ง

อ่านข่้าวทั้งหมดได้ที่

http://www.rsunews.net/News/CorruptionBusterOfSouthKorea.htm



"วิจัยปปช.เผย มีทุจริต3พันคดี ทำไม่ทัน พวกเราชาวจุฬาฯน่ารับมาทำคดีให้"

เป็นงานที่น่ารับมาช่วยทำ เพื่อปราบคอรัปชั่นให้กับประเทศด้วย และ

มีสินบนนำจับจาก ปปช.เป็นอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพหนึ่่ง

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ


วันที่ 28 สิงหาคม 2552 20:44

วิจัยปปช.เผยขรก.ระดับสูง-ส.ส.-ส.ว.-รมต.ร่วมทุจริต3พันคดี

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.

องค์กรอิสระ-นักวิชาการชี้บรรษัทข้ามชาติร่วมวงทุจริตนโยบายรัฐ

"วิชา"หวั่นชาติล่มจม เหตุส.ส.-ส.ว.-รมต.ร่วมทุจริตร่วม 3,000คดี

อัดโครงการชุมชนพอเพียงเข้าข่ายทุจริตนโยบาย

พบธุรกิจจ่ายสินบน1.2แสนล้านบาท/ปี

ที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา

สถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้จัดสัมมนาวิชาการประจำปี และ

มีการอภิปรายเรื่อง

“ทุจริตคอร์รัปชั่นหมดไปสังคมไทยได้อะไรคืนมา”

โดย

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. และนางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์

รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย


นายวิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า

ปัจจุบันมีคดีคอร์รัปชั่นค้างพิจารณาของ ป.ป.ช. 3,657 คดี แยกเป็นคดี

ทุจริตทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 371 คดี

ผู้ทำผิดเป็นลูกจ้างของรัฐ กระทำการทุจริตและประเภทการทุจริต

การจัดทำบริการสาธารณะ 34 คดี

ผู้ทำผิดเป็นข้าราชการและลูกจ้างของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน

ส่วนทุจริตการก่อสร้างสถานที่ราชการ 26 คดี

ผู้ทุจริตส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และลูกจ้างของรัฐ

ขณะที่ การทุจริตการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 293 คดี

พบข้าราชการและลูกจ้างของรัฐทำผิดมากที่สุด 256 คดี

โดยมีข้าราชการระดับสูง และ ส.ส. ส.ว. และ รัฐมนตรี

เข้าไปเกี่ยวข้องถึง 14 คดี

สำหรับการทุจริตผิดกฎหมาย มาตรา 157 เรื่อง

การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

พบข้าราชการระดับสูงถึง 2,933 คดี

ข้าราชการระดับสูง ส.ส. และส.ว. รัฐมนตรี ร่วมกระทำการทุจริต 76 คดี

โดยมีข้าราชการและลูกจ้างของรัฐร่วมทำผิด 2,481 คดี

พนักงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน 363 คดี

เจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบ 3 คดี

นอกจากนี้ ปปช. ยังพบอีกว่า ยังมีการทำทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่ง

ทางการเมืองระดับท้องถิ่น 2,632 คดี โดยแยกเป็น

การทุจริต 2,054

คดีทุจริตและร่ำรวยผิดปกติ 36 คดี

ฮั้วและทุจริต 542 คดี

ขณะที่การทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในเขต กทม.

พบว่ามีการทุจริต 132 คดี แยกเป็นทุจริต 106 คดี

ทุจริตและร่ำรวยผิดปกติ 2 คดี ฮั้วและทุจริต 24 คดี

การทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นในเขตเมืองพัทยา

พบการทุจริต 4 คดี เช่นเดียวกับการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ในท้องถิ่น อบต.มีมากกว่า 1,000 คดี

ซึ่งจะเห็นได้มีปริมาณเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ปัจจุบันมีบัญชีที่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบ 48,035 ราย

แต่ตรวจสอบเสร็จได้เพียงเกือบ 6,000 ราย และ

ค้างการตรวจสอบแยกเป็น ส.ส. ส.ว.และรมต.จำนวน 8,511 ราย และ

นักการเมืองท้องถิ่น 37,074 ราย

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาการทุจริต ป.ป.ช.ตรวจสอบพบมากที่สุดขณะนี้ คือ

การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย และผลประโยชน์ทับซ้อนโดยออกกฎหมายมารองรับ

ในลักษณะถูกกฎหมาย แต่ขัดผลประโยชน์สาธารณะ โดยใช้ความได้เปรียบและ

เงื่อนไขทางการเมืองเอาเปรียบประชาชน คิดโครงการเพื่อโกงอย่างเดียว

"นักการเมืองบางคนทำธุรกิจกับตัวเอง โดยการตั้งบริษัทและเสนอโครงการ

เพื่อทำสัญญากับตัวเอง โดยเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกับเครือญาติและจัดสรร

ทรัพยากรของรัฐ นำโครงการลงในเขตเลือกตั้งของตัวเอง

ใช้อำนาจแทรกแซงรัฐวิสาหกิจ จัดซื้อจัดจ้าง และมีการทำทุจริตเป็นฤดูกาลกับ

ภาคการเกษตร เช่น

ทุจริตเรื่องข้าว ลำไย มันสำปะหลัง หาเรื่องโกงได้ทุกโครงการ

ถือเป็นเรื่องอันตรายทำให้ชาติล่มจมได้

ที่ผ่านมาป.ป.ช.ยอมรับว่าการพิจารณาคดีบางเรื่องล่าช้าไปบ้างเพราะ

ติดขัดเจ้าหน้าที่ ซึ่งกำลังแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างพนักงานไต่สวนขึ้นมา

ทำงานตามกฎหมายใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา” นายวิชา กล่าว

ด้าน นางเสาวนีย์ กล่าวว่า

หลังจากได้รับทุนจากป.ป.ช.ทำวิจัยเรื่องสถานการณ์การทุจริตในประเทศไทย

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

จากการสุ่มตัวอย่างจากนักธุรกิจที่มองปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย

โดยเปรียบเทียบกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากับปัจจุบัน

ส่วนใหญ่เห็นการทุจริตยังมีปริมาณเท่าเดิม ไม่แตกต่างกันนัก

นักธุรกิจถือเอาการทุจริตเป็นต้นทุนการประกอบธุรกิจ จำเป็นต้อง

จ่ายให้กับหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ โดย

องค์กรหน่วยงานของรัฐ 5 ลำดับก่อการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด คือ

องค์กรตำรวจ นักการเมือง กรมศุลกากร องค์กรท้องถิ่น อบต. อบจ.

สาธารณสุข กรมทางหลวง อย่างโยธาและผังเมือง

โดยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 1-2 % ของรายรับจากธุรกิจ เพื่อต้องการ

ได้รับใบอนุญาตในการติดต่อเสียภาษี ความสะดวกสบายในการอนุมัติโครงการ

ผลการวิจัยยังระบุอีกว่า นักธุรกิจได้เปรียบเทียบปัญหาการทุจริต

ในช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร, ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ในช่วงรัฐบาลทักษิณ มีการอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจมาก

แต่ก็พบการทุจริตมากเป็นอันดับ 1

นอกจากนี้ ยังมีการปั้นโครงการเพื่อฮั้วประมูล ทำสัญญานิติกรรม

มีการล็อคสเปคโครงการการตัดถนนผ่านที่ดินของพวกพ้องเครือญาติ

การสร้างมูลโครงการอันเป็นเท็จ การแก้แบบเพื่อเลี่ยงภาษี และ

การเลือกตรวจสอบโครงการบางประเภทเพื่อรับมอบงาน

"เทรนใหม่การทุจริตที่จะพบเพิ่มขึ้นในอนาคต คือ

การปั้นโครงการ การทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง การใช้ข้อมูลภายใน

โดยอ้างความจำเป็นเร่งด่วน เป็นโครงการประชานิยม

นอกจากนี้นักธุรกิจส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจ่ายเงินใต้โต๊ะเป็นเรื่องปกติ

เพื่ออำนวยความสะดวก โดยไม่ต้องระบุตัวเลข

หากดูจากประวัติศาสตร์การเปลี่ยนรัฐบาลจะพบว่า

การทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นทุกรัฐบาล และถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการทำรัฐประหาร

หากประเมินตัวเลขรัฐสูญเสียจากการทุจริตรูปแบบต่างๆ พบว่า

มีมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่าง 30,000 - 1.2 แสนล้านบาทต่อปี"

นักวิจัย ป.ป.ช.ยังกล่าวอีกว่า การจ่ายเงินสินบนในความเป็นจริงแล้วพบว่า

ยิ่งจ่ายมากยิ่งทำให้โครงการล่าช้า เพื่อจะเอาเงินต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และ

ที่สำคัญทำให้สังคมเกิดการสูญเสียได้รับผลกระทบจากโครงการสาธารณะที่

ไม่มีประสิทธิภาพ

องค์กรอิสระ-นักวิชาการชี้บรรษัทข้ามชาติร่วมวงทุจริตนโยบายรัฐ

อีกตอนหนึ่ง นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

อภิปรายว่า การทุจริตที่สังคมไทยเผชิญอยู่ขณะนี้คือการทุจริตเชิงนโยบาย หรือ

ผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการคอร์รัปชั่นที่บางครั้งถูกกฎหมาย แต่ผิดหลัก

ประโยชน์ของสาธารณะ หลักจริยธรรม ใช้เงื่อนไขทางการเมืองเอื้อประโยชน์แก่

กลุ่มบุคคล เช่น กรณีเครื่องกดน้ำที่ยัดเยียดให้ชุมชน ไปบังคับให้ชาวบ้านเซ็นรับ

เป็นการโกงทางนโยบาย บางเครื่องยังเอากุญแจล็อคไว้ เปิดใช้ไม่ได้ นี่คือ

การคอร์รัปชั่นที่ผิดกฎหมายและจริยธรรมในระยะเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ป.ป.ช.พร้อมสอบโครงการชุมชนพอเพียง ขณะนี้มีคนร้องเรียนป.ป.ช.แล้ว และ

ยังพบว่า นักการเมืองเริ่มล้วงลูกข้าราชการไปจนถึงระดับ ซี 3 - 4 แล้ว

ไม่ได้ล้วงเฉพาะหัวเหมือนในอดีต ซึ่งป.ป.ช.กำลังออกกฎหมายใหม่ว่า

หากข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือกับการทุจริต และนำข้อมูลการทุจริตมาให้

จะไม่สามารถโยกย้ายข้าราชการคนดังกล่าวออกจากตำแหน่งได้

และจะถูกกันไว้เป็นพยาน หากสามารถปราบการทุจริตได้สำเร็จ   

ข้าราชการก็จะได้รับรางวัลเป็นการปูนบำเหน็จด้วย 

นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า

อยากเรียกร้องให้ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียง เพราะ

มีการนำเงินจำนวนมากลงไป แต่ไม่มีการตรวจสอบ เพราะ

ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ก็ได้ประโยชน์ทุกคน ทั้งคณะกรรมการและชาวบ้าน

นโยบายและกฎหมายก็ทำถูกต้อง การบริหารจัดการลงตัวหมด แต่มีผู้เสียประโยชน์คือ

ประเทศชาติที่ถูกล้างผลาญ ดังนั้นป.ป.ช.ควรเข้าไปเป็นหัวขบวนตรวจสอบ

ตัวแทน"สภาพัฒน์"ระบุต่างชาติโดดร่วมวงคอร์รัปชั่นนโยบาย

นายอุทิศ ขาวเธียร รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

กล่าวว่า ในอนาคตการทุจริตเชิงนโยบายจะขยายตัว นอกจากจะเป็นความร่วมมือของ

นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจแล้ว ยังมีกลุ่มธุรกิจข้ามชาติมาร่วมเป็นผู้เล่นด้วย

เนื่องจากมีผลประโยชน์ต้องกัน

โดยการทุจริตเชิงนโยบายในอนาคตจะเป็นโครงการใหญ่ขึ้น

ไม่มีโครงการกระจอกอีกแล้ว เพราะเสียเวลา ไม่คุ้มค่า

หากเป็นโครงการขนาดเล็กก็จะรวมเป็นแพ็คเกจ เพื่อให้ได้งบมากขึ้น

โดยอ้างความจำเป็นเฉพาะหน้า และการแก้ปัญหาให้คนยากจน

จะจูงใจชาวบ้านด้วยผลประโยชน์ส่วนเสี้ยว การทุจริตในอนาคตจะเป็นแบบไฮบริด

เป็นพันธุ์ผสมและมีการดื้อยา หากไม่เตรียมตัวตั้งแต่ต้น ป.ป.ช.ก็จะกลายเป็นตัวตลก

นำมาจากกรุงเทพธุรกิจ ที่

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/policy/20090828/73091/วิจัยปปช.เผยขรก.ระดับสูง-ส.ส.-ส.ว.-รมต.ร่วมทุจริต3พันคดี.html

Tags : วิชา มหาคุณ • คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

เตือน เตือน เตือน

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #17 เมื่อ: 02 กันยายน 2552, 07:47:45 »

พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550 ได้บัญญัติให้มี

คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขึ้นทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร

เรียกโดยย่อว่า ก.ธ.จ.




ก.ธ.จ. จึงเป็นองค์กรตรวจสอบภาคประชาชน โดยมี

ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ.2552

กำหนดให้ ก.ธ.จ. ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

ซึ่งมีเขตอำนาจในจังหวัดเป็นประธานและผู้แทนภาคประชาสังคม

ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนในจังหวัดเป็นกรรมการ

นอกจากนั้นกำหนดให้ ก.ธ.จ.มีอำนาจหน้าที่

สอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด

ให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

กรณีพบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ หรือข้อบังคับ หรือมีกรณีทุจริต

ตลอดจนเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติและการส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และ

หลักธรรมาภิบาล


ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 โดยในระเบียบกำหนด

ให้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง ก.ธ.จ.ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งได้สิ้นสุดระยะเวลา

ที่กำหนดไปแล้วเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2552

ผลปรากฏว่า อำเภอและจังหวัดต่างๆ ได้ดำเนินการสรรหา ก.ธ.จ. เสร็จเรียบร้อยแล้ว

อยู่ระหว่างแจ้งให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับรองรายชื่อ ก.ธ.จ.ไปตามลำดับ

ข้อมูลจนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ลงนามรับรองรายชื่อ ก.ธ.จ.

แล้วจำนวน 64 จังหวัด จากจำนวนทั้งสิ้น 75 จังหวัด สำหรับจังหวัดที่เหลือ 11 จังหวัด

อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ ซึ่งประชาชนสามารถดูรายชื่อ ก.ธ.จ.ที่รับรองแล้วได้ที่

www.opm.go.th

"ซี.12"

ดูข่าวทั้งหมดที่

http://www.thairath.co.th/content/pol/30191

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

ผมมองว่าเป็นการให้มีการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอกองค์กร

ถ้าทำดี อยู่แล้ว ก็ไม่มีผลอะไรต้องกังวล แต่มีประโยชน์ที่ทำให้ผู้ที่จะทำทุจริต

จะได้ปรามไว้ว่ามีหน่วยงานคอยตรวจสอบจะได้ไม่กล้าทำ

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #18 เมื่อ: 04 กันยายน 2552, 18:08:32 »



'กรณ์'เปิดตัวเว็บไซต์ไทยเข้มแข็ง

เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 04 กันยายน 2552



วันนี้(4 ก.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า

กระทรวงการคลังได้เปิดแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 แล ะเว็บไซต์

http://www.tkk2555.com/online/

อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะเดินหน้าได้ด้วยความโปร่งใส

 เนื่องจากได้พัฒนาเว็บไซต์ www.tkk2555.com ควบคู่กัน เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน

เข้ามาตรวจสอบได้ว่า เงินที่เขานำมาซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งได้ใช้ประโยชน์จริง และ

ในท้องถิ่นที่เขาอยู่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ 

ขณะเดียวกันหากพบเห็นสัญญาณการทุจริตเกิดขึ้นก็สามารถแจ้งให้ทราบได้

ผ่านทางเว็บไซต์เพื่อส่งต่อไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจสอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการเพิ่มเติมอีก

วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินเดิม 1.06 ล้านล้านบาท

โดยคาดว่าจะนำเสนอต่อ ครม.ได้ในอีก 1-2 สัปดาห์นี้ โดยจะเน้น

โครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดเช่น

บ้านมั่นคง และโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรกร

นำมาจาก

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=310&contentID=18388

...............

การมีเวบไซด์ไทยเข้มแข็งนี้ จะทำให้มีช่องทาง

ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ช่วยตรวจสอบเมื่อพบเหตุชวนสงสัย

สามารถแจ้งได้ทางอินเตอร์เนต เป็นการ

ปรามให้คนที่จะคอรัปชั่นต้องพึงสังวรณ์ ไม่ควรกระทำ

ถ้าทำแล้วอาจโดนแจ้งทางเนต กลัวโดนลงโทษ นั่นเอง


 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #19 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 15:38:04 »

 
รมว.ศธ.เปิด“ติวเตอร์ชาแนล”เป็นทางการ ถ่ายทอดสดการสอนของอาจารย์กวดวิชาออกฟรีทีวี

และเคเบิลทีวีทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กมีโอกาสเติมความรู้

เริ่มจากการติวเข้ม GAT-PAT ทุกวันเสาร์ 10.00-12.00 น.


 
(5ก.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน

เปิดโครงการติวเข้มเติมเต็มความรู้ หรือ ติวเตอร์ชาแนล เพื่ออนาคตชาติ เพื่อโอกาสทุกคน

ที่หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆเข้าร่วมกว่า 1,500 คน

พร้อมกล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะทำให้นักเรียนทั่วประเทศมีโอกาสได้รับการเรียนการสอน

แบบเดียวกับโรงเรียนกวดวิชา ออกอากาศการสอนผ่าน

สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะหรือฟรีทีวี ที่รับชมได้ทั่วไป

โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณเพิ่ม

 โดยในระยะแรกจะติวเข้มการสอบการทดสอบความถนัดทั่วไป และ

การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและ

วิชาการ (GAT-PAT) จะออกอากาศ 5 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง

ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-12.00 น.

เริ่มครั้งแรก ในวันนี้ (5ก.ย.) เป็นการสอนเสริมความรู้ GAT ฉบับที่ 1 โดย อ.ปิง เจริญศิริวัฒน์

จากสถาบันกวดวิชา“ดาวองซ์” และ

อีก 4 ครั้ง ในวันเสาร์ที่ 12, 19, 26 กันยายน และ 3 ตุลาคม โดยยังมี

วิชา GAT ฉบับที่ 2 (ภาษาอังกฤษ)โดย อ.อริสรา ธนาปกิจ หรือ ครูพี่แนน

วิชา PAT1 (คณิตศาสตร์) โดย รศ.สมัย เหล่าวานิชย์ และ

วิชา PAT2 (วิทยาศาสตร์) โดย อ.อุไรวรรณ ศิวะกุล (ครูอุ๊)
 
 นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากการออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT แล้ว

ยังถ่ายทอดผ่าน True Vision ช่อง 96 เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ

สถานีวิทยุอาชีวศึกษา (R-Radio)

โดยสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนการสอนได้ทาง

www.ETVTHAI.tv      และ  www.CETED.org

ส่วนระยะต่อไปจะออกอากาศครั้งละ 1ชั่วโมง

เน้นการเตรียมสอบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติชั้นพื้นฐาน (โอเน็ต)

ในเดือนพฤศจิกายน 2552- มกราคม 2553

จากนั้นจะเป็นการติวเสริมความรู้ตลอดปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553-มกราคม 2554

รวมทั้งออกเดินสายสอนให้นักเรียนในชนบทห่างไกล ในโครงการ “ติวเตอร์ออนทัวร์” ด้วย
 
 นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการนี้ต่อยอดจากโครงการเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ เรียกว่าเป็นการ

“ติวฟรีอย่างมีคุณภาพ”

เน้นยกระดับคุณภาพการศึกษาให้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมถึงผู้ที่เรียนอยู่นอกระบบ

เพื่อเติมเต็มความรู้ให้กับตนเอง และเน้นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการเรียน

ในรูปแบบหลากหลายยิ่งขึ้นนอกเหนือจากในห้องเรียน โดยเฉพาะเด็กในชนบทห่างไกล หรือ

เด็กในเมืองที่ไม่สามารถดูแลตัวเองทางการศึกษา

ทั้งนี้ บุคลากรที่จะมาสอนนอกจากอาจารย์กวดวิชาชื่อดังแล้วยังมีครูเก่งจากโรงเรียนต่าง ๆ

มาสอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
 
 ด้านอาจารย์ปิง เจริญศิริวัฒน์ สอนวิชาGAT ฉบับที่ 1 กล่าวว่า เป็นความตั้งใจที่จะสอน

นักเรียนพื้นที่ห่างไกล ซึ่งหลายเขียนจดหมายมาบอกว่าอยากเรียน

ทั้งนี้การสอนผ่านฟรีทีวีจะใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการและวัยรุ่นที่สุด

ทั้งนี้ ยืนยันว่านักเรียนไม่ว่าต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ มีความสามารถไม่แตกต่างกัน

หากหมั่นฝึกฝนก็จะประสบความสำเร็จได้

http://www.komchadluek.net/detail/20090905/27295/เปิดติวเตอร์ชาแนลเข้มGATPATถ่ายสดฟรีทีวี.html

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #20 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 15:59:17 »




นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า

โครงการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในตำบลครั้งนี้ ใช้เวลาดำเนินการ 4 ปี

ระหว่างปีงบประมาณ 2552-2555 รุ่นแรกมีเป้าหมายจำนวน 4,500 แห่ง

ใช้งบรวมทั้งหมดเกือบ 50,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

งบจากกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สปสช. และ

สสส. 30,877 ล้านบาทเศษ และ

งบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล พ.ศ.2553-2555 อีกจำนวน 14,973 ล้านบาท

โดยจะปรับปรุงอาคารสถานที่ เครื่องมือแพทย์ และ

รถพยาบาลเพื่อใช้ส่งต่อผู้ป่วยเกือบ 1,000 คัน



ทางด้าน นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะมี 3 ขนาด ตามจำนวนประชากรที่รับผิดชอบ ได้แก่

ขนาดเล็ก ดูแลประชากรไม่เกิน 3,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 5 คน

ขนาดกลาง ดูแลประชากรไม่เกิน 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 7 คน และ

ขนาดใหญ่ ดูแลประชากร มากกว่า 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 9-10 คน

ในการปรับปรุงด้านสถานที่ จะต่อเติมชั้นล่างของสถานีอนามัยให้เป็นห้องตรวจรักษา

จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการให้บริการ

มีเตียงนอนสังเกตอาการอย่างน้อย 3 เตียง มียา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆเช่นเดียวกับโรงพยาบาล

รวมทั้งติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตออนไลน์เชื่อมต่อกับโรงพยาบาลชุมชน

เพื่อให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยปรึกษาการรักษากับแพทย์โรงพยาบาลชุมชน

ที่ เป็นแม่ข่ายโดยตรง สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยว่า จะได้รับการรักษา

มาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล และหากเจ็บป่วยฉุกเฉิน

มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วยชีวิต และนำส่งโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย

หากเกินขีดความสามารถ มีระบบส่งตัวรักษาต่อในโรงพยาบาลแม่ข่ายทันที.


http://news.sanook.com/รัฐทุ่ม-5-หมื่นล้าน-ยก-สอ.เป็น-รพสต-822028.html

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #21 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 17:18:57 »

พี่หมอสำเริง,
หนิงอ่านลงมาเรื่อยๆ
ยังถึงแค่พี่หอ ครุ 16
เรื่องจน-เจ็บ-โง่
ปลื้มใจคะ ที่ได้อ่านอะไรดีๆ
ต่อค่ะพี่,พี่หมอ screenเรื่องได้ดี


nn.27
      บันทึกการเข้า


pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #22 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 21:43:31 »

น้องสำเริง17 และน้องหนุงหนิง27 คะ
พี่สมพงษ์ ไม่ได้อยู่รุ่น 2516 ค่ะ
น่าจะ 2515 หรือไม่ก็ 2514 นะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #23 เมื่อ: 06 กันยายน 2552, 22:07:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 11 สิงหาคม 2552, 07:53:19
อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 เมื่อ 05 มิถุนายน 2552, 19:50:17
เรื่อง " จน "จะแก้ได้ถ้าใช้  "ปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง"

เรื่องจน พบข่าวเกี่ยวกับ

จากสปก.4-01ถึง"งบชุมชน" "จุดสลบ"รัฐบาลปชป.?!



มีพี่สมพงษ์ จิตระดับ รุ่นพี่ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ 16 มาวิพากย์วิจารณ์ด้วย

นำมาใ้ห้พวกเราได้อ่านกัน ที่

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEV4TURnMU1nPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBd09TMHdPQzB4TVE9PQ==

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ




....ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ซีมะโด่ง ครุ 15   ส่วน ภาพกลาง ดร.จรัส สุวรรณมาลา ซีมะโด่ง รัฐ 16 ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #24 เมื่อ: 07 กันยายน 2552, 07:22:21 »




ภาพกลาง ดร.จรัส สุวรรณมาลา ซีมะโด่ง รัฐ 16 ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ซีมะโด่ง ครุ 15ค่ะ

มีนา

 อายจัง อายจัง อายจัง

ขอบคุณมากครับ

สำเริง 17

 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #25 เมื่อ: 07 กันยายน 2552, 21:06:06 »

พี่ๆทั้งในเวบ และนอกเวบ
ล้วน get informedกันดีจริงๆคะ
เฮ้อ,อยากเก่งเหมือนพี่ๆ
      บันทึกการเข้า


Soponเท่านั้น
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,405

« ตอบ #26 เมื่อ: 07 กันยายน 2552, 22:16:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 06 กันยายน 2552, 21:43:31
น้องสำเริง17 และน้องหนุงหนิง27 คะ
พี่สมพงษ์ ไม่ได้อยู่รุ่น 2516 ค่ะ
น่าจะ 2515 หรือไม่ก็ 2514 นะคะ

ดร.สมพงษ์ อยู่รุ่น15ครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #27 เมื่อ: 07 กันยายน 2552, 22:19:23 »

แก้กันได้เรื่อยๆ..
ไม่เบื่อ..
เหมือนแก้รัฐธรรมนูญแหง
อ้าว,พี่คนไหนจะเห็นเป็นไง...ว่ามา!
หนูจาจิบกาแฟ...รอ
      บันทึกการเข้า


Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #28 เมื่อ: 10 กันยายน 2552, 07:35:57 »




โ๋ครงการ ต้นกล้าอาชีพ สามารถฝึกอบรมผู้ว่างงานได้กว่า 300,000 คน มากกว่า

เป้าหมายที่กำหนดไว้ 240,000 คน จากผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ 530,000 คน

โดยใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้าน.

นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ

โครงการต้นกล้าอาชีพ เปิดเผยว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี

ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการต้นกล้าอาชีพ ในวันที่ 10 ก.ย. นี้

เพื่อสรุปผลการดำเนินงานในระยะแรกในช่วง 6 เดือน และ

กำหนดแนวทางการทำงานในระยะที่ 2 ในปีงบประมาณ 2553 ให้สอดคล้องกับ

สถานการณ์ต่อไป ล่าสุดผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ

โดยสามารถฝึกอบรมผู้ว่างงานได้กว่า 300,000 คน มากกว่าเป้าหมาย

ที่กำหนดไว้ 240,000 คน จากผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ 530,000 คน

โดยใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท

ยืนยันว่าโครงการต้นกล้าอาชีพได้ทำให้

ผู้ว่างงานมีงานทำและเป็นเจ้าของกิจการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ราย

และทำให้แรงงานมีงานทำไม่ต่ำกว่า 140,000-150,000 คน


ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการต้นกล้าอาชีพประสบผลสำเร็จเพราะ

ทำให้การว่างงานลดลง ได้สร้างประโยชน์ในเชิงสังคม จนนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน 

และจากการสำรวจความต้องการของผู้ว่างงาน

ส่วนใหญ่ยังต้องการให้มีโครงการต้นกล้าฯ อยู่ต่อไป

แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ส่งผลให้แนวโน้มคนว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 500,000 คน จากที่คาดการณ์ไว้ 1 ล้านคน เพราะ

ผู้เข้าร่วมโครงการต้นกล้าอาชีพยังต้องการเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง เพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ

ในงบประมาณปี 53 รัฐบาลได้จัดสรรเงินงบให้โครงการต้นกล้าฯ 7,000 ล้านบาท

วางเป้าหมายฝึกอบรมแรงงาน 260,000 คน ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นอยู่กับ

คณะกรรมการบริหารโครงการ เพราะปัญหาของโครงการ

 มีเพียงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าเท่านั้น

นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/eco/32063

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #29 เมื่อ: 10 กันยายน 2552, 12:25:18 »


น.ส.พ.เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 10 กันยายน 2552 เวลา 0:00 น
   
กระทรวงวิทยาศาสตร์จับมือ อบจ. โคราช และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ทำต้นแบบโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กสำหรับชุมชน

ใช้วัสดุเหลือทิ้งเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร



     
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า

กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.)

ในโครงการหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยีเฉลิมพระเกียรติ

“ต้นแบบโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กสำหรับชุมชน”

เพื่อพัฒนาพลังงานทดแทนในระดับชุมชน

ส่งเสริมการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร และ

ปลูกไม้โตเร็วให้เป็นวัตถุดิบผลิตไฟฟ้า

เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผลิตผลทางการเกษตรในหมู่บ้าน

โดยจะสนับสนุนให้พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน

เน้นให้ชุมชนเป็นเจ้าของและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชุมชนอย่างยั่งยืน

รวมถึงส่งเสริมให้การพัฒนาเครื่องมือเครื่องจักรด้านพลังงานทดแทน เช่น

เครื่องจักรผลิตพลังงานจากชีวมวล การผลิตไฟฟ้าด้วยระบบแก๊สซิฟิเคชั่น



ระบบแก๊สซิฟิเคชั่น
   
ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราช สีมา จะสนับสนุนงบประมาณเพื่อ

การก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ เพื่อทำเป็นต้นแบบ และ

เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานทดแทนของจังหวัด

ส่วนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จะเป็นผู้ศึกษาข้อมูลทั่วไป รวมถึง

ก่อสร้างและเดินระบบโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 100 กิโลวัตต์.

นำมาจาก

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=316&contentID=19289

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #30 เมื่อ: 11 กันยายน 2552, 08:59:10 »


สั่งอุ้มราคาพืชผลก่อนปีใหม่

รัฐบาลดันประกันราคาพืชผลรับมือเขตการค้าเสรีอาเซียน

ป้องกันข้าว มัน ข้าวโพด เพื่อนบ้าน 0% ทะลักทุบราคาภายใน


 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสส. ลงพื้นที่

ไปเร่งรัดผลักดันโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล

ให้ทันการเปิดเขตการค้าเสรีสินค้าเกษตรในกลุ่มประเทศอาเซียน

ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2553 นี้

เพื่อป้องกันสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่ตรวจสอบยาก

ซึ่งจะทะลักเข้ามาบิดเบือนราคาตลาดภายใน และ

หากยังใช้ระบบเดิม คือ การรับจำนำ จะทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายประกันรายได้ให้กับเกษตรกร

แต่กระบวนการที่สำคัญที่สุด คือ

การขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการเพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลคำนวณผลผลิต

และการจัดสรรพื้นที่การผลิต ที่นำไปสู่การกำหนดมาตรการบริหารจัดการกำหนดราคา

และการระบายสินค้าออกสู่ตลาด

ซึ่งฐานข้อมูลนี้จะเป็นฐานข้อมูลในการสนับสนุนการผลักดันไทยเป็น

ศูนย์กลางการผลิตอาหารโลก หรือพืชพลังงานทดแทน เป็นต้น

“เมื่อรัฐบาลมีข้อมูลผลผลิตรายจังหวัด จะสามารถนำไปกำหนดมาตรการแทรกแซง

และการกำหนดราคา โดยจะเป็นการเปรียบเทียบกับราคาอ้างอิง

หรือการปล่อยสินค้าเกษตรที่อยู่ในมือรัฐบาล

เพื่อให้ราคาในตลาดเกิดความเคลื่อนไหว เป็นต้น” นายกฯ กล่าว

“นโยบายนี้ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์ 3.7 ล้านครัวเรือนที่ปลูกข้าว

และ อีก 4 แสนครัวเรือนที่ปลูกมันสำปะหลัง และ อีก 3.7 แสนครัวเรือนที่ปลูกข้าวโพด

รวมทั้งหมด 4.47 ล้านครัวเรือน

ในขณะที่นโยบายรับจำนำแบบเดิมมีเพียงเกษตรกร 8.8 แสนครัวเรือนเท่านั้น

ที่ได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการธนาคาร

เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า

ธ.ก.ส ได้จัดเตรียมวงเงินจากงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง

สำหรับจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาของพืชผลทางการเกษตร

ทั้ง 3 ประเภท ไว้ประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท

Post Today

http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=18310&ch=227

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #31 เมื่อ: 19 กันยายน 2552, 07:39:58 »


                               

            สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ : UNDP

          มองเป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับ

ปัญหาและสถานการณ์ต่างๆ ได้ในขอบเขตที่กว้างขวาง

                 

          ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และ

โฆษกกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าววันนี้ (18 ก.ย.) ว่า

         สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP)

ได้ถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องแนวพระราชดำริ

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยที่ UNDP มองว่า

         เป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนา ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาและ

สถานการณ์ต่างๆ ได้ในขอบเขตที่กว้างขวาง

         ม.ล. ปนัดดา กล่าวว่า ความชื่นชมของประชาคมโลกมองว่า ตั้งแต่ที่

พระองค์ท่านเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินับเป็นเวลา 63 ปี ล่วงมาแล้ว

ซึ่งนับตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแสดงให้

ผู้คนพลเมืองได้ประจักษ์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่

ไม่เหมือนพระมหากษัตริย์อื่นๆ อาทิ ทรงปลูกข้าว เพาะพันธุ์ปลา และ

เลี้ยงวัวในบริเวณพระราชวัง โปรดการเสด็จฯ บุกน้ำลุยโคลนเพื่อสำรวจ

พื้นที่การก่อสร้างโครงการชลประทาน ทรงเป็นผู้นำในการคิดค้นเทคนิค

ในการบำบัดน้ำเสียโดยใช้กังหันลมและ การทำฝนเทียม กับอีก

ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียน และ

บำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรในทุกๆ พื้นที่ทั่วประเทศ

         “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถชี้ให้แลเห็นแนวทางการดำรงอยู่และ

การปฏิบัติตนของประชาชนในทุกๆ ระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน

จนถึงระดับรัฐ กล่าวคือ

         การพัฒนาและการบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะ

การพัฒนาเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์

ที่สำคัญที่สุดตามที่ UNDP ตั้งข้อศึกษาไว้ก็คือ

         การปลูกฝังจิตสำนึกพอเพียง จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนค่านิยมและ

ความคิดของคน เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาสังคม โดยคนทุกๆ คนต้องมุ่งมั่นหาวิชา

ความรู้ มีคุณธรรม และ ความซื่อสัตย์ และดำเนินชีวิตด้วยความนอบน้อม พากเพียร

มีสติปัญญา และ ความรอบคอบ


         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของผู้นำ

ที่ไม่เหมือนใครในโลก และทรงเป็นแรงบันดาลใจในแบบที่

ประชาคมโลกปัจจุบันต้องเรียนรู้ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าว

จาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2552  

http://www.thairath.co.th/content/edu/33975

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #32 เมื่อ: 20 กันยายน 2552, 18:40:51 »


คมชัดลึก : วันอาทิตย์ ที่ 20 กันยายน 2552

“ต้องการให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องให้มากที่สุด เพื่อจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง

โดยไม่มีการครอบงำหรือเห็นแก่อามิสสินจ้าง

ทำให้นักการเมืองไม่สามารถหลอกประชาชนได้อีก

การเมืองและการเลือกตั้งจะสะอาดขึ้น”


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
 
 เป็นเหตุผลที่คณะอนุกรรมการส่งเสริมการพึ่งตนเองและเศรษฐกิจชุมชน

ภายใต้คณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแห่งชาติ

ซึ่งรับผิดชอบการมีส่วนร่วมและเศรษฐกิจชุมชน โดยเฉพาะด้านสุขภาพภาคประชาชน



คัดเลือกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาจัดรายการวิทยุชุมชนและ

นักข่าวอาสา เผยแพร่ข้อมูลป้องกันดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัวให้กับชาวบ้าน

 ดร.เมธี จันท์จารุภรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการ กล่าวว่า

ข่าวสารที่เผยแพร่จะเน้นใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่

นโยบายรัฐ นโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ

โครงการด้านสุขภาพ

ข่าวสารที่ผู้จัดรายการวิทยุชมชนสื่อถึงประชาชน จะเป็นข้อเท็จจริงและ

ปราศจากการครอบงำ ประชาชนได้ประโยชน์ที่แท้จริง

ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กันยายน 2552

 โดยคัดเลือก 50 คนในจังหวัดที่มี อสม.เป็นผู้ดำเนินงานใน

วิทยุชุมชน 17 จังหวัด 256 อำเภอ 2,600 ตำบล

มาอบรมการเป็นนักข่าวอาสาและนักจัดรายการวิทยุ

เพื่อให้ต่อยอดองค์ความรู้ไปยัง อสม. 2.7 แสนคน ต่อไป

เป็นการขยายฐานความรู้ความเข้าใจออกไปเป็นวงกว้างขึ้น

ส่วนแกนนำในระดับตำบลจะใช้ระบบส่งข้อความสั้นหรือ

เอสเอ็มเอสเข้าโทรศัพท์มือถือ

ดูข่าวทั้งหมดได้ที่

http://www.komchadluek.net/detail/20090920/29151/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E2%80%9C%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1.%E2%80%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87.html

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #33 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 07:34:39 »




นายมีชัย วีระไวทยะ

ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน


เปิดเผยว่า วันที่ 10 ม.ค.53 จะเปิดทำ

ประชาคมโครงการชุมชนพอเพียงพร้อมกันทั่วประเทศกว่า 80,000 ชุมชน

เพื่อให้ ชาวบ้าน และนักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น


แต่ช่วงนี้จะให้ความรู้กับเด็กในระดับมัธยมศึกษามากขึ้น ส่วนโครงการเดิม

ที่เคยเสนอขอมา แต่ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณให้นั้น จะระงับไว้ก่อน แล้วเริ่มต้นใหม่

โดยเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมีสิทธิ์เสนอของบประมาณ

ไปใช้สำหรับทำโครงการชุมชนพอเพียงได้ด้วย

สำหรับโครงการที่จะเสนอขอใช้งบชุมชนพอเพียงนั้น จะต้องคิดใหม่ทำใหม่

เน้นช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส คนจน เด็ก สตรี และคนพิการ

โดยต้องเข้ากับหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในอนาคต

ให้มีชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ใช่คิดแต่ซื้อเครื่องจักร

ซึ่งไม่ช่วยให้คนด้อยโอกาสได้ประโยชน์เลย เช่น

โครงการเกษตรอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ให้นักเรียนรู้จักปลูกผัก

เลี้ยงสัตว์มาทำอาหาร หรือการฝึกอบรมทำอาชีพต่างๆ เป็นต้น

สำหรับงบประมาณโครงการชุมชนพอเพียงในปี 53 มีวงเงิน 18,000 ล้านบาท

"ที่ผ่านมา ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรับทราบโครงการชุมชนพอเพียงน้อยมาก

ทำให้คนอื่นสวมรอยทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างโดยที่ชาวบ้านไม่ทราบ เช่น

โครงการจัดซื้อตู้น้ำดื่มพลังงานงานแสงอาทิตย์ หากเสนอขอมาอีก

จะไม่อนุมัติงบให้แล้ว เพราะคนจนมีน้ำดื่มอยู่แล้ว

ต่อไปต้องปลุกระดมให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมมากขึ้น

"ถ้าส่องแสงให้กรงไก่สว่าง หมาป่าคงไม่กล้าเข้ามา".

นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันอังคารที่ 10 พ.ย.2552

http://www.thairath.co.th/content/eco/45692

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #34 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2552, 06:50:06 »




ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ อาจารย์ ผาสุก พงษ์ไพจิตร


ชี้มาตรการคลัง-ปชต.ถูกทิศแก้ปัญหาสังคมไทยได้

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน 2552

ย้ำมั่งคั่งกระจุกตัว,ระบบรวมศูนย์-คณาธิปไตย คือ

เหตุเลื่อมล้ำขัดแย้ง ชี้สร้างมิติการคลัง,ปชต.ที่ถูกทิศทาง สร้างสังคมแฟร์ได้


ระบุตัวชี้วัดความมั่งคั่งปี 49 กลุ่มรวยสุด20% มีทรัพย์สินรวม 69%ของทั้งประเทศ

จนสุด20% ทรัพย์รวมกันแค่1%

สถิติธปท. มิ.ย.52 ร้อยละ42 เงินฝาก7หมื่นบัญชีๆ ละกว่า10ล้านบาท

ถ้ามีคนละ 2บัญชีจะเท่ากับ42%ของประเทศ หรือ แค่ 35,000คน

ตัวชี้วัดถือหุ้นปี2538-2542 ครอบครัวถือหุ้นสูงสุด 11ตระกูล เช่น

มาลีนนท์ ชินวัตร ดำรงชัยธรรม จิราธิวัฒน์

ดัชนี้ที่ดินถือครองมากสุด 50อันดับ เฉลี่ย10% ของแต่ละจังหวัด

ไม่มีที่ดินเลย20% มีน้อยกว่า10 ไร่42%ของประชากร   

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก

นางผาสุก พงษ์ไพจิตร ศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปาฐกถาเรื่อง

“สู่สังคมที่ยอมรับกันว่าแฟร์(Fair)”

โดยกล่าวถึงการที่คนในสังคมต้องปรึกษาหารือเพื่อหาความเห็นพ้องต้องกัน

เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สังคมที่ยอมรับกันว่าแฟร์

ไม่จำเป็นต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด แต่ต้องเท่าเทียมกันในเรื่องโอกาส

ความมั่นคงในชีวิต การมีส่วนร่วมทางการเมือง และ

ลูกหลานจะมีอนาคตที่แจ่มใสพอๆ กัน


ปัจจัยสำคัญที่ต้องมี คือ ระบบรัฐบาลตอบสนองข้อเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ

ได้อย่างสมดุล กลไกสำคัญที่เป็นเครื่องมือ คือ

นโยบายการคลัง การเก็บภาษีและจัดสรรเงินภาษีเพื่อทำนุบำรุงเศรษฐกิจ และ

ประชาธิปไตย หากรัฐบาลไม่สามารถบรรลุเป้าดังกล่าวได้

สังคมนั้นๆ ก็จะไปสู่ ความไม่เท่าเทียมกัน ที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น จนกลายเป็น

สังคมที่มีความขัดแย้งระหว่าง ความมั่งมีมหาศาลและคนชั้นกลางฝ่ายหนึ่ง กับ

คนจนส่วนใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่รอวันปะทุ

ซึ่งขณะนี้ปัญหาทางการเมืองไทยก็มีต้นตอจากความเหลื่อมล้ำนั่นเอง 

นางผาสุก กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจสูง

หากดูตัวชี้วัดเรื่องความมั่งคั่ง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)

แสดงข้อมูลปี 2549 เกี่ยวกับทรัพย์สินของครอบครัวไทยกลุ่มต่างๆ พบว่า

ครอบครัวกลุ่มรวยที่สุด ร้อยละ 20 มีทรัพย์สินรวมกันคิดเป็นร้อยละ 69 ของทั้งประเทศ

ขณะที่ครอบครัวจนสุด ร้อยละ 20 มีทรัพย์สินรวมกัน แค่ร้อยละ 1

แสดงถึงความมั่งคั่งกระจุกตัว


ถ้าดูจากเงินออมในธนาคาร สถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทยเดือนมิถุนายน 52 พบว่า

ร้อยละ 42 ของเงินฝากมาจากประมาณ 7 หมื่นบัญชีมีเงินมากกว่า 10 ล้านบาทต่อบัญชี

คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของจำนวนบัญชีทั้งหมดในประเทศ

ซึ่งปกติคนๆ หนึ่งมีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี

สมมติว่าโดยเฉลี่ยมีคนละ 2 บัญชี ก็เท่ากับ ร้อยละ 42 ของประเทศ

มีคนเพียง 35,000 คน เป็นเจ้าของ แสดงถึงนัยการกระจุกตัวของรายได้ที่สูงมาก

ขณะที่ตัวชี้วัดเรื่องการถือหุ้น การสำรวจในปี 2538-2542

กลุ่มครอบครัวที่ถือหุ้นสูงสุดของประเทศ 11 ตระกูล

ผลัดกันเป็นเจ้าของหุ้นมีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก เช่น

มาลีนนท์  ชินวัตร ดำรงชัยธรรม จิราธิวัฒน์ เป็นต้น

ส่วนดัชนี้เรื่องที่ดิน ข้อมูลของกรมที่ดินพบว่า

การถือครองที่ดินมากที่สุด 50 อันดับแรก มีที่ดินโดยเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 10

ของที่ดินในแต่ละจังหวัด หรือ

กลุ่มที่ไม่มีที่ดินเลย มีประมาณร้อยละ 20 หากรวมกลุ่มที่มีที่ดินน้อยกว่า 10 ไร่

ก็จะสูงถึงร้อยละ 42

จากสถิติทั้งหมด แสดงถึงความมังคั่งในสังคมสูงอยู่ในมือคนจำนวนน้อยมาก

คงจะไม่ถึงร้อยละ 10 ของประเทศ และ คนกลุ่มเหล่านี้ ลูกหลานก็มักจะมาแต่งงานกัน

หรือหากจะดูรายได้ครัวเรือนเป็นรายภาค พ.ศ.2550 กทม.อยู่ที่ 187.6

ขณะที่ภาคอีสาน 69.6
       

ส่วนเหตุสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงนั้น

เนื่องมาจากระบบราชการรวมศูนย์ การเมืองคณาธิปไตย ทหารพาณิชย์

ประชาธิปไตยแต่ในนาม กองทัพทำรัฐประหารล้มรัฐธรรมนูญ

นับว่าเป็นการขัดขวางสู่ความเป็นประชาธิปไตยในทางหนึ่ง

จากการศึกษา ความเหลื่อมล้ำในช่วงแรก

พบการออมกระจุกตัวในคนกลุ่มน้อยที่สามารถลงทุนหารายได้ ได้มากกว่าคนอื่นๆ

แม้ต่อมาจะมีพ.ร.บ.ประกันสังคม ก็มีผลเพียงร้อยละ 14 ของคนทั้งประเทศ

คนจำนวนน้อยสามารถกุมอำนาจไว้ได้

แต่ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว มักไม่ประสบปัญหาดังกล่าวมาก

เนื่องจากมีการใช้ระบบภาษีอัตราก้าวหน้าและ เงินโอน

รวมถึงมีสหภาพแรงงานต่อรองกับนายจ้าง โดยเฉพาะญี่ปุ่น

จะมีปัญหาการเหลื่อมล้ำในสังคมน้อยมาก

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นปฏิรูปการเมืองยอมให้พรรคการเมือง และ

กลุ่มผลประโยชน์หลากหลายสีสรรพ์มีส่วนร่วมในระบอบรัฐสภาประชาธิปไตย

การปฏิรูปที่ดิน การล้มเลิกชนชั้นอภิสิทธิ์ และ มีการสนับสนุนให้สหภาพแรงงาน

มีการต่อรองกับนายจ้าง มีการนำภาษีมรดกมาใช้     

นางผาสุก กล่าวต่อว่า ขณะที่ปัญหาระบบภาษีของไทย มีลักษณะพึ่งภาษีทางอ้อมมาก

ภาษีทางตรงมีคนเสียน้อย ไม่ให้ความสำคัญกับความเหลื่อมล้ำ และ

ระบบภาษีเป็นภาระกับคนจนมากกว่าคนรวย

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องมีระบบภาษียอมรับกันว่าแฟร์ คือ ไม่ได้หมายความว่า

ต้องเก็บภาษีจากคนรวยเพื่อเอาไปให้คนจนสถานเดียว

แต่คนรวยกว่าน่าจะจ่ายได้มากกว่า คือ จ่ายตามฐานะ

"ระบบภาษีที่ดี จะต้องไม่ส่งผลเสียต่อแรงจูงใจอย่างมากมาย จนทำให้มีการขนถ่าย

เงินทุน หรือย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นที่เก็บภาษีต่ำกว่า

หลักการน่าจะเป็นว่า ทุกคนต้องเสียภาษี อาจจะจ่ายตามฐานะ

นอกจากนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์มากจากการใช้จ่ายภาครัฐ ก็น่าจะยอมจ่ายภาษี

เป็นสัดส่วนต่อรายได้สูงกว่าคนที่ได้รับประโยชน์น้อยกว่า

นอกจากนี้ ระบบภาษีควรจะรวมถึงมาตรการที่บังคับให้ผู้ที่มีความมั่งคั่งล้นเกิน

ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์เพื่อช่วยสร้างผลผลิตและจ้างงาน

ไม่ใช่เก็บเอาไว้เพื่อเก็งกำไรหรือเป็นเสือนอนกิน


ทั้งนี้ มาตรการการคลังต้องพิจารณาทั้งระบบภาษีในทางตรงและทางอ้อม และ

การใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งภาระภาษีของไทยมีความไม่แฟร์เกิดขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบกับต่างชาติ ซึ่ง

ถ้าอัตราภาษีทางอ้อมสูง เท่ากับว่าภาษีเป็นภาระต่อคนจนมากกว่าคนรวย

ของไทยลี่ยนที่ร้อยละ 60 แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วเฉลี่ยที่ร้อยละ 50" 

นางผาสุก กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาษีทางตรงแม้ไทยจะมีอัตราภาษีก้าวหน้า

ในปัจจุบันคือร้อยละ 37 แต่มีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียงร้อยละ 4

เพราะรัฐบาลมีการลดหย่อยภาษีมาโดยตลอด ซึ่งต้องมีการทบทวนนโยบายดังกล่าว

อีกทั้งมีการหลีกเลี่ยงภาษีกันมาก กระทรวงการคลังต้องมีการปฏิรูประบบภาษี

ทั้งนี้ ภาษีทางตรงอื่นๆ ที่ต่างประเทศใช้เพื่อเป็นมาตรการลดความเหลื่อมล้ำ

แต่ของไทยยังไม่มีหรือยังไม่พัฒนาคือ

ภาษีทรัพย์สิน ภีมรดก ภาษีเก็บจากรายได้การขายหุ้น ภาษีรายได้จากดอกเบี้ย

ทำให้ภาพรวมระบบภาษีของไทยพึ่งภาษีทางอ้อมมากกว่าทางตรง

จึงส่งผลให้เรามีระบบภาษีไร้ประสิทธิภาพ เป็นภาระแก่คนจน

ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วที่จะได้รับเงินจากภาษีทางตรงเป็นหลัก

นางผาสุก กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐ

ปัจจัยหลักที่ดำนหนดการแบ่งสรร คือ อำนาจ ซึ่งก็มีการปรับตัวตามกาลสมัย และ

ระบอบการปกครองและสถานการณ์

แต่รายจ่ายภาครัฐของไทย คิดเป็นสัดส่วนของจีดีพีแล้ว

ยังต่ำมากคือเพียง ร้อยละ 18 ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่ร้อยละ 36 และ

รายจ่ายยังเน้นไปที่เงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

งานศึกษาพบว่า การใช้จ่ายของรัฐบาล สามารถทำให้การกระจายรายได้

มีความเท่าเทียมกันเพิ่มขึ้นได้ โดยพบว่า

การใช้จ่ายเพื่อการศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด ตามมาด้วยเพื่อการรักษาพยาบาล และ

การใช้จ่ายเพื่อภาคเกษตร ยังมีงานวิจัยอีกว่า การใช้จ่ายของภาครัฐมีปัญหา คือ

การให้เงินอุดหนุนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าประปา ค่าไฟ ค่าขนส่งแบบที่เป็นอยู่

แต่ให้หันไปอุดหนุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา และสุขภาพ

ซึ่งที่รัฐบาลปัจจุบันทำ นับว่าเดินมาถูกทางแม้จะยังไม่เพียงพอ   

ทั้งนี้ ที่รัฐบาลควรทำคือ ต้องมีโครงการและบริการสาธารณะ

ที่ประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์พอๆ กันให้มากกว่านี้ และ

ควรจะเป็นสินค้าและบริการซึ่งจะส่งผลลดความเหลื่อมล้ำ

โดยเฉพาะเกี่ยวกับสุขภาพและการศึกษา เพื่อการนี้รัฐบาลจะต้องหารายได้ภาษีเพิ่มขึ้น

จึงต้องเต้าเป้าที่จะเก็บภาษีคิดเป็นสัดส่วนของจีดีพี เพิ่มขึ้นในอนาคต

ให้ได้มากกว่าร้อยละ 17 หมายรวมถึงการเพิ่มจำนวนคนที่ต้องเสียภาษีเงินได้

ปรับปรุงภาษีรายได้จากดอกเบี้ยที่ยังต่ำ

การปฏิรุประบบภาษีและการจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ โดยให้การลดความเหลื่อมล้ำ

เป็นเป้าหมาย และต้องหลีกเลี่ยงระบบภีที่จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ คือ

การหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีทางอ้อม แต่หันไปเพิ่มชนิดของภาษีทางตรงใหม่ๆ

ไทย มีการศึกษาว่า หากไทยสามารถเพิ่มรายได้จากภาษีทางตรงเพียงร้อยละ 10

จะทำให้อัตรคนยากจนลดลงร้อยละ 3

นอกจากนี้ ต้องคิดถึงภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน รวมถึง

การพยายามเลิกเงินอุดหนุนประเภทต่างๆที่ให้ประโยชน์กับคนรวยมากกว่าคนจน     

นายผาสุก กล่าวต่อว่า ในส่วนระบบการเมือง ที่ต้องดำเนินนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ

หรือ political will แต่ที่ผ่านมายังไม่เกิดแต่มันมีโอกาสเกิดได้มากสุดในระบอบ

ประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและรับรองสิทธิเสรีภาพของพลเมือง

อย่างไรก็ดี ก็มักจะมีความพยายามโต้แย้ง เช่น

ระบอบประชาธิปไตยไม่เหมาะกับสังคมไทย เพราะคนไทยมีการศึกษาต่ำ


เพื่อเป็นข้ออ้างให้ยอมรับ ความเหลื่อมล้ำแบบเดิมๆ และการปกครองแบบคณาธิปไตย

บางครั้งก็อ้างว่า ประชิปไตย คือ ม็อบเป็นใหญ่ แต่ก็มีทางแก้คือ

ต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากเป็นภัยกับเสียงส่วนน้อย และ

คุ้มครองเสียงส่วนน้อยอย่างพอเพียง


นอกจากนี้ ยังมีข้ออ้างอีกว่า ประชิปไตยเปิดช่องให้นักการเมืองซื้อเสียง

ซึ่งประชาธิปไตยทำให้นักการเมืองคอรัปชั่นเป็นไปโดยง่าย แต่ก็แก้ได้โดย

ให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาธิปไตย สามารถจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง

โดยเสียต้นทุนน้อยที่สุด สามารถควบคุมกับการคอรัปชั่นของการเมืองได้ โดย

การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพสื่อ การพัฒนาระบบตรวจสอบ

การพัฒนากรอบกฎหมายแต่ก็ต้องยอมรับว่า

ประชาธิปไตยไม่สามารถสร้างได้ชั่วข้ามคืน

ดังนั้น จึงต้องทำไปเรียนไป ลองผิดลองถูก ซึ่งความต่อเนื่องของระบบมีความสำคัญ 

"ฉะนั้นต้องช่วยกันป้องกันการรัฐประหารอย่างเต็มกำลัง

สรุปแล้ว มิติมาตรการการคลังและประชาธิปไตย ที่ถูกทิศถูกทาง

จะทำให้เกิดสังคมที่ทุกคนยอมรับว่าแฟร์ มีระบอบรัฐสภา มีรัฐธรรมนูญ

ที่ประกันสิทธิเสรีภาพและกำหนดกฎเกณฑ์เกมการเมือง ก็จะนำไปสู่การบรรลุเป้าคือ

สังคมที่สันติสุข"
ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว

นำมาจาก

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/policy/20091106/85190/%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%95.%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #35 เมื่อ: 08 มกราคม 2553, 07:12:56 »


                

         นิตยสาร เดอะ แบงค์เกอร์ ของอังกฤษ ที่อยู่ในเครือของ ไฟแนนเชี่ยล ไทม์ส ได้ยกย่องให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย เป็นรัฐมนตรีคลังโลก และเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี 2010

         อันเนื่องมาผลงานอันโดดเด่นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งความกล้าในการตัดสินใจ และใช้นโยบายที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างได้ผลและทำให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังปูพื้นฐานไปสู่การเติบโตในอนาคตอีกด้วย
 
            อ้างถึง      The Banker

http://www.thebanker.com/news/fullstory.php/aid/7013/Finance_Minister_of_the_Year_2010_-_Global_and_Asia-Pacific.html   

นำมาจากกระทู้ห้องปรัชญาและการเมือง เวบซีมะโด่งของพวกเรา

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4591.0.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ      
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 09 มกราคม 2553, 08:31:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 รุ่น 57 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2552, 06:50:06



ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ อาจารย์ ผาสุก พงษ์ไพจิตร



ชี้มาตรการคลัง-ปชต.ถูกทิศแก้ปัญหาสังคมไทยได้

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน 2552

ย้ำมั่งคั่งกระจุกตัว,ระบบรวมศูนย์-คณาธิปไตย คือ

เหตุเลื่อมล้ำขัดแย้ง ชี้สร้างมิติการคลัง,ปชต.ที่ถูกทิศทาง สร้างสังคมแฟร์ได้


ระบุตัวชี้วัดความมั่งคั่งปี 49 กลุ่มรวยสุด20% มีทรัพย์สินรวม 69%ของทั้งประเทศ

จนสุด20% ทรัพย์รวมกันแค่1%

สถิติธปท. มิ.ย.52 ร้อยละ42 เงินฝาก7หมื่นบัญชีๆ ละกว่า10ล้านบาท

ถ้ามีคนละ 2บัญชีจะเท่ากับ42%ของประเทศ หรือ แค่ 35,000คน

ตัวชี้วัดถือหุ้นปี2538-2542 ครอบครัวถือหุ้นสูงสุด 11ตระกูล เช่น

มาลีนนท์ ชินวัตร ดำรงชัยธรรม จิราธิวัฒน์

ดัชนี้ที่ดินถือครองมากสุด 50อันดับ เฉลี่ย10% ของแต่ละจังหวัด

ไม่มีที่ดินเลย20% มีน้อยกว่า10 ไร่42%ของประชากร   

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก

นางผาสุก พงษ์ไพจิตร ศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปาฐกถาเรื่อง

“สู่สังคมที่ยอมรับกันว่าแฟร์(Fair)”

โดยกล่าวถึงการที่คนในสังคมต้องปรึกษาหารือเพื่อหาความเห็นพ้องต้องกัน

เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สังคมที่ยอมรับกันว่าแฟร์

ไม่จำเป็นต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด แต่ต้องเท่าเทียมกันในเรื่องโอกาส

ความมั่นคงในชีวิต การมีส่วนร่วมทางการเมือง และ

ลูกหลานจะมีอนาคตที่แจ่มใสพอๆ กัน


ปัจจัยสำคัญที่ต้องมี คือ ระบบรัฐบาลตอบสนองข้อเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ

ได้อย่างสมดุล กลไกสำคัญที่เป็นเครื่องมือ คือ

นโยบายการคลัง การเก็บภาษีและจัดสรรเงินภาษีเพื่อทำนุบำรุงเศรษฐกิจ และ

ประชาธิปไตย หากรัฐบาลไม่สามารถบรรลุเป้าดังกล่าวได้

สังคมนั้นๆ ก็จะไปสู่ ความไม่เท่าเทียมกัน ที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น จนกลายเป็น

สังคมที่มีความขัดแย้งระหว่าง ความมั่งมีมหาศาลและคนชั้นกลางฝ่ายหนึ่ง กับ

คนจนส่วนใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่รอวันปะทุ

ซึ่งขณะนี้ปัญหาทางการเมืองไทยก็มีต้นตอจากความเหลื่อมล้ำนั่นเอง 

นางผาสุก กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจสูง

หากดูตัวชี้วัดเรื่องความมั่งคั่ง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)

แสดงข้อมูลปี 2549 เกี่ยวกับทรัพย์สินของครอบครัวไทยกลุ่มต่างๆ พบว่า

ครอบครัวกลุ่มรวยที่สุด ร้อยละ 20 มีทรัพย์สินรวมกันคิดเป็นร้อยละ 69 ของทั้งประเทศ

ขณะที่ครอบครัวจนสุด ร้อยละ 20 มีทรัพย์สินรวมกัน แค่ร้อยละ 1

แสดงถึงความมั่งคั่งกระจุกตัว


ถ้าดูจากเงินออมในธนาคาร สถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทยเดือนมิถุนายน 52 พบว่า

ร้อยละ 42 ของเงินฝากมาจากประมาณ 7 หมื่นบัญชีมีเงินมากกว่า 10 ล้านบาทต่อบัญชี

คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของจำนวนบัญชีทั้งหมดในประเทศ

ซึ่งปกติคนๆ หนึ่งมีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี

สมมติว่าโดยเฉลี่ยมีคนละ 2 บัญชี ก็เท่ากับ ร้อยละ 42 ของประเทศ

มีคนเพียง 35,000 คน เป็นเจ้าของ แสดงถึงนัยการกระจุกตัวของรายได้ที่สูงมาก

ขณะที่ตัวชี้วัดเรื่องการถือหุ้น การสำรวจในปี 2538-2542

กลุ่มครอบครัวที่ถือหุ้นสูงสุดของประเทศ 11 ตระกูล

ผลัดกันเป็นเจ้าของหุ้นมีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก เช่น

มาลีนนท์  ชินวัตร ดำรงชัยธรรม จิราธิวัฒน์ เป็นต้น

ส่วนดัชนี้เรื่องที่ดิน ข้อมูลของกรมที่ดินพบว่า

การถือครองที่ดินมากที่สุด 50 อันดับแรก มีที่ดินโดยเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 10

ของที่ดินในแต่ละจังหวัด หรือ

กลุ่มที่ไม่มีที่ดินเลย มีประมาณร้อยละ 20 หากรวมกลุ่มที่มีที่ดินน้อยกว่า 10 ไร่

ก็จะสูงถึงร้อยละ 42

จากสถิติทั้งหมด แสดงถึงความมังคั่งในสังคมสูงอยู่ในมือคนจำนวนน้อยมาก

คงจะไม่ถึงร้อยละ 10 ของประเทศ และ คนกลุ่มเหล่านี้ ลูกหลานก็มักจะมาแต่งงานกัน

หรือหากจะดูรายได้ครัวเรือนเป็นรายภาค พ.ศ.2550 กทม.อยู่ที่ 187.6

ขณะที่ภาคอีสาน 69.6
       

ส่วนเหตุสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงนั้น

เนื่องมาจากระบบราชการรวมศูนย์ การเมืองคณาธิปไตย ทหารพาณิชย์

ประชาธิปไตยแต่ในนาม กองทัพทำรัฐประหารล้มรัฐธรรมนูญ

นับว่าเป็นการขัดขวางสู่ความเป็นประชาธิปไตยในทางหนึ่ง

จากการศึกษา ความเหลื่อมล้ำในช่วงแรก

พบการออมกระจุกตัวในคนกลุ่มน้อยที่สามารถลงทุนหารายได้ ได้มากกว่าคนอื่นๆ

แม้ต่อมาจะมีพ.ร.บ.ประกันสังคม ก็มีผลเพียงร้อยละ 14 ของคนทั้งประเทศ

คนจำนวนน้อยสามารถกุมอำนาจไว้ได้

แต่ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว มักไม่ประสบปัญหาดังกล่าวมาก

เนื่องจากมีการใช้ระบบภาษีอัตราก้าวหน้าและ เงินโอน

รวมถึงมีสหภาพแรงงานต่อรองกับนายจ้าง โดยเฉพาะญี่ปุ่น

จะมีปัญหาการเหลื่อมล้ำในสังคมน้อยมาก

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นปฏิรูปการเมืองยอมให้พรรคการเมือง และ

กลุ่มผลประโยชน์หลากหลายสีสรรพ์มีส่วนร่วมในระบอบรัฐสภาประชาธิปไตย

การปฏิรูปที่ดิน การล้มเลิกชนชั้นอภิสิทธิ์ และ มีการสนับสนุนให้สหภาพแรงงาน

มีการต่อรองกับนายจ้าง มีการนำภาษีมรดกมาใช้     

นางผาสุก กล่าวต่อว่า ขณะที่ปัญหาระบบภาษีของไทย มีลักษณะพึ่งภาษีทางอ้อมมาก

ภาษีทางตรงมีคนเสียน้อย ไม่ให้ความสำคัญกับความเหลื่อมล้ำ และ

ระบบภาษีเป็นภาระกับคนจนมากกว่าคนรวย

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องมีระบบภาษียอมรับกันว่าแฟร์ คือ ไม่ได้หมายความว่า

ต้องเก็บภาษีจากคนรวยเพื่อเอาไปให้คนจนสถานเดียว

แต่คนรวยกว่าน่าจะจ่ายได้มากกว่า คือ จ่ายตามฐานะ

"ระบบภาษีที่ดี จะต้องไม่ส่งผลเสียต่อแรงจูงใจอย่างมากมาย จนทำให้มีการขนถ่าย

เงินทุน หรือย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นที่เก็บภาษีต่ำกว่า

หลักการน่าจะเป็นว่า ทุกคนต้องเสียภาษี อาจจะจ่ายตามฐานะ

นอกจากนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์มากจากการใช้จ่ายภาครัฐ ก็น่าจะยอมจ่ายภาษี

เป็นสัดส่วนต่อรายได้สูงกว่าคนที่ได้รับประโยชน์น้อยกว่า

นอกจากนี้ ระบบภาษีควรจะรวมถึงมาตรการที่บังคับให้ผู้ที่มีความมั่งคั่งล้นเกิน

ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์เพื่อช่วยสร้างผลผลิตและจ้างงาน

ไม่ใช่เก็บเอาไว้เพื่อเก็งกำไรหรือเป็นเสือนอนกิน


ทั้งนี้ มาตรการการคลังต้องพิจารณาทั้งระบบภาษีในทางตรงและทางอ้อม และ

การใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งภาระภาษีของไทยมีความไม่แฟร์เกิดขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบกับต่างชาติ ซึ่ง

ถ้าอัตราภาษีทางอ้อมสูง เท่ากับว่าภาษีเป็นภาระต่อคนจนมากกว่าคนรวย

ของไทยลี่ยนที่ร้อยละ 60 แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วเฉลี่ยที่ร้อยละ 50" 

นางผาสุก กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาษีทางตรงแม้ไทยจะมีอัตราภาษีก้าวหน้า

ในปัจจุบันคือร้อยละ 37 แต่มีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียงร้อยละ 4

เพราะรัฐบาลมีการลดหย่อยภาษีมาโดยตลอด ซึ่งต้องมีการทบทวนนโยบายดังกล่าว

อีกทั้งมีการหลีกเลี่ยงภาษีกันมาก กระทรวงการคลังต้องมีการปฏิรูประบบภาษี

ทั้งนี้ ภาษีทางตรงอื่นๆ ที่ต่างประเทศใช้เพื่อเป็นมาตรการลดความเหลื่อมล้ำ

แต่ของไทยยังไม่มีหรือยังไม่พัฒนาคือ

ภาษีทรัพย์สิน ภีมรดก ภาษีเก็บจากรายได้การขายหุ้น ภาษีรายได้จากดอกเบี้ย

ทำให้ภาพรวมระบบภาษีของไทยพึ่งภาษีทางอ้อมมากกว่าทางตรง

จึงส่งผลให้เรามีระบบภาษีไร้ประสิทธิภาพ เป็นภาระแก่คนจน

ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วที่จะได้รับเงินจากภาษีทางตรงเป็นหลัก

นางผาสุก กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐ

ปัจจัยหลักที่ดำนหนดการแบ่งสรร คือ อำนาจ ซึ่งก็มีการปรับตัวตามกาลสมัย และ

ระบอบการปกครองและสถานการณ์

แต่รายจ่ายภาครัฐของไทย คิดเป็นสัดส่วนของจีดีพีแล้ว

ยังต่ำมากคือเพียง ร้อยละ 18 ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่ร้อยละ 36 และ

รายจ่ายยังเน้นไปที่เงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

งานศึกษาพบว่า การใช้จ่ายของรัฐบาล สามารถทำให้การกระจายรายได้

มีความเท่าเทียมกันเพิ่มขึ้นได้ โดยพบว่า

การใช้จ่ายเพื่อการศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด ตามมาด้วยเพื่อการรักษาพยาบาล และ

การใช้จ่ายเพื่อภาคเกษตร ยังมีงานวิจัยอีกว่า การใช้จ่ายของภาครัฐมีปัญหา คือ

การให้เงินอุดหนุนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าประปา ค่าไฟ ค่าขนส่งแบบที่เป็นอยู่

แต่ให้หันไปอุดหนุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา และสุขภาพ

ซึ่งที่รัฐบาลปัจจุบันทำ นับว่าเดินมาถูกทางแม้จะยังไม่เพียงพอ   

ทั้งนี้ ที่รัฐบาลควรทำคือ ต้องมีโครงการและบริการสาธารณะ

ที่ประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์พอๆ กันให้มากกว่านี้ และ

ควรจะเป็นสินค้าและบริการซึ่งจะส่งผลลดความเหลื่อมล้ำ

โดยเฉพาะเกี่ยวกับสุขภาพและการศึกษา เพื่อการนี้รัฐบาลจะต้องหารายได้ภาษีเพิ่มขึ้น

จึงต้องเต้าเป้าที่จะเก็บภาษีคิดเป็นสัดส่วนของจีดีพี เพิ่มขึ้นในอนาคต

ให้ได้มากกว่าร้อยละ 17 หมายรวมถึงการเพิ่มจำนวนคนที่ต้องเสียภาษีเงินได้

ปรับปรุงภาษีรายได้จากดอกเบี้ยที่ยังต่ำ

การปฏิรุประบบภาษีและการจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ โดยให้การลดความเหลื่อมล้ำ

เป็นเป้าหมาย และต้องหลีกเลี่ยงระบบภีที่จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ คือ

การหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีทางอ้อม แต่หันไปเพิ่มชนิดของภาษีทางตรงใหม่ๆ

ไทย มีการศึกษาว่า หากไทยสามารถเพิ่มรายได้จากภาษีทางตรงเพียงร้อยละ 10

จะทำให้อัตรคนยากจนลดลงร้อยละ 3

นอกจากนี้ ต้องคิดถึงภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน รวมถึง

การพยายามเลิกเงินอุดหนุนประเภทต่างๆที่ให้ประโยชน์กับคนรวยมากกว่าคนจน     

นายผาสุก กล่าวต่อว่า ในส่วนระบบการเมือง ที่ต้องดำเนินนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ

หรือ political will แต่ที่ผ่านมายังไม่เกิดแต่มันมีโอกาสเกิดได้มากสุดในระบอบ

ประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและรับรองสิทธิเสรีภาพของพลเมือง

อย่างไรก็ดี ก็มักจะมีความพยายามโต้แย้ง เช่น

ระบอบประชาธิปไตยไม่เหมาะกับสังคมไทย เพราะคนไทยมีการศึกษาต่ำ


เพื่อเป็นข้ออ้างให้ยอมรับ ความเหลื่อมล้ำแบบเดิมๆ และการปกครองแบบคณาธิปไตย

บางครั้งก็อ้างว่า ประชิปไตย คือ ม็อบเป็นใหญ่ แต่ก็มีทางแก้คือ

ต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากเป็นภัยกับเสียงส่วนน้อย และ

คุ้มครองเสียงส่วนน้อยอย่างพอเพียง


นอกจากนี้ ยังมีข้ออ้างอีกว่า ประชิปไตยเปิดช่องให้นักการเมืองซื้อเสียง

ซึ่งประชาธิปไตยทำให้นักการเมืองคอรัปชั่นเป็นไปโดยง่าย แต่ก็แก้ได้โดย

ให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาธิปไตย สามารถจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง

โดยเสียต้นทุนน้อยที่สุด สามารถควบคุมกับการคอรัปชั่นของการเมืองได้ โดย

การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพสื่อ การพัฒนาระบบตรวจสอบ

การพัฒนากรอบกฎหมายแต่ก็ต้องยอมรับว่า

ประชาธิปไตยไม่สามารถสร้างได้ชั่วข้ามคืน

ดังนั้น จึงต้องทำไปเรียนไป ลองผิดลองถูก ซึ่งความต่อเนื่องของระบบมีความสำคัญ 

"ฉะนั้นต้องช่วยกันป้องกันการรัฐประหารอย่างเต็มกำลัง

สรุปแล้ว มิติมาตรการการคลังและประชาธิปไตย ที่ถูกทิศถูกทาง

จะทำให้เกิดสังคมที่ทุกคนยอมรับว่าแฟร์ มีระบอบรัฐสภา มีรัฐธรรมนูญ

ที่ประกันสิทธิเสรีภาพและกำหนดกฎเกณฑ์เกมการเมือง ก็จะนำไปสู่การบรรลุเป้าคือ

สังคมที่สันติสุข"
ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว

นำมาจาก

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/policy/20091106/85190/%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%95.%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


ขอบพระคุณพี่หมอสำเริงมากครับ ที่ทำให้ผมได้อ่านบทความดีๆเช่นนี้

เป็นมุมมองของปัญหาที่รอบด้าน
เข้าถึง แก่น ของปัญหาของสังคมไทย

มีบางประเด็น ในบทความนี้ ที่่ผมเห็นแตกต่างในการจัดการ สำหรับสังคมไทย
แล้วผมจะมาแลกเปลียนแต่ละความแตกต่างอีกที

...............................

ไม่จำเป็นต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด แต่ต้องเท่าเทียมกันในเรื่องโอกาส

ความมั่นคงในชีวิต การมีส่วนร่วมทางการเมือง และ

ลูกหลานจะมีอนาคตที่แจ่มใสพอๆ กัน


ข้อความที่ยกมา จากบทความข้างต้นนี้

เป็นหัวใจหลัก ที่อยากเห็นพรรคการเมืองที่ดีและมีความสามารถ

จึง เกิดแนวคิดพัฒนามาเป็น (ร่าง) พรรคไทยทันทุน

และข้อความที่ยกมานี้
โดนใจผมในการตกผลึก เป็นคำสั้นๆในการ เสนอนโยบายต่อประชาชน
ภายใต้กรอบแนวนโยบายพรรคซึ่งๆได้เสนอไว้แล้วในห้องปรัชญาและการเมือง

เพราะปัญหาของสังคมไทยวันนี้
ก็คือ

"โอกาส"

เราปิดโอกาสใส่หน้าคนไทยทุกคน ในทุกระดับ

คนรวย แม้จะมีโอกาสมากมาย แต่ก็ถูกปิด ต่อการพัฒนาตนอย่างถูกต้อง ต่อโอกาสต่อโลก
คนชั้นกลาง ถูกบั่นทอนโอกาสลงเรื่อยๆ และกำลังกลายเป็นคนจน(ด้วยการแบกหนี้)
คนจน ขาดโอกาสในทุกๆเรื่อง ทั้งที่มีความสามารถ

ประเทศไทย ต้องเริ่มที่ CHANCE
                  
  แล้ว CHANGE จะเกิดตามมา

      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #37 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 10:36:31 »


คมชัดลึก วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553

         สพฐ.ประกาศสัดส่วนรับนักเรียน ม.1 ประจำปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนดีเด่นดังทั่วประเทศ จำนวน 365 โรง ระบุ ส่วนใหญ่สอบร้อยละ50 ที่เหลือรับเด็กในพื้นที่บริการ

         ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า

         สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นาน (สพฐ.) ได้ประกาศสัดส่วนรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง จำนวน 365 โรง ดังนี้

         กทม. เขต 1 ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.เบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.วัดราชบพิธ จับสลากในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สตรีวิทยา สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.โยธินบูรณะ สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.เทพศิรินทร์ สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สายปัญญา สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สตรีวัดมหาพฤฒารามฯ สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.วัดสุทธิวราราม สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สตรีศรีสุริโยทัย สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.นนทรีวิทยา สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สามเสนวิทยาลัย สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50, ร.ร.สุรศักดิ์มนตรี สอบรับในพื้นที่บริการ ร้อยละ 50 สอบคัดเลือกนักเรียนทั่วไป ร้อยละ 50

ดู ร.ร.เพิ่มเติม ได้อีกที่ http://www.komchadluek.net/detail/20100202/46836/สพฐ.เผยสัดส่วนรับม.1ร.ร.ดีเด่นดัง365โรง.html

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         เป็นความพยายาม ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะพัฒนาให้ทุก ร.ร.ได้พัฒนาให้มีคุณภาพ ตามเกณฑ์ มาตรฐาน ที่ทุก ร.ร.จะต้องพัฒนา จนได้ใบรับรอง ร.ร.คุณภาพ

          เนื้อหาข่าวการรับเด็กคัดเลือก น้อยลง รับเด็กในพื้นที่ เพิ่มขึ้น เป็นความพยายามให้เด็กคละกันไป แทนที่ ร.ร.ดัง ๆ จะสอบคัดเด็กเก่งไปเรียน ขอนำกระทู้ ที่ ชาวหอฯ ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ที่ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ สมศ.มาลงเพิ่ม

          รักนะ รักนะ รักนะ

       

             ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ 19 ได้รับ ตำแหน่ง

 ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน)  สมศ.

         ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ ที่จะทำให้สถานศึกษาทุกแห่ง ต้องมีคุณภาพตามระบบมาตรฐาน ด้วยการ พัฒนา และ รับรองคุณภาพสถานการศึกษา เพื่อให้ป้ายรับรองคุณภาพ เหมือน ที่ สถานพยาบาลทุกแห่ง ต้องพัฒนา และ ได้ป้ายรับรอง เป็น สถานพยาบาลคุณภาพ จาก สถาบันรับรองสถานพยาบาล : สรพ. ให้ผู้ใช้บริการได้มั่นใจเมื่อมารับบริการ 

         http://www.ha.or.th/m_06_02.asp
     
         ขอนำความรู้ เรื่อง สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์กรมหาชน) จากวิกิพิเดียร์ มาให้พวกเรารู้ว่า สถานศึกษาทุกๆแห่งจะต้องมี ป้ายรับรอง เหมือน ร.พ.ทุกแห่งต้องมีป้ายรับรอง เป็น ร.พ.คุณภาพ จึงจะเปิดให้บริการได้  รักนะ ที่
                                   http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2

นำมาจากกระทู้  http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4678.0.html

          หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

        

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #38 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 18:02:26 »

เยอะจังคะพี่หมอ.
หมดกาแฟไป 3 ถ้วยยักษ์แร้ะคะ
ยังอ่าน(เอาเรื่อง!)ไม่จบที.
      บันทึกการเข้า


YOTSAWIN
Hero Cmadong Member
***


หอพักรักของข้า...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU27
คณะ: ศิลปกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,159

เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 18:17:13 »

ทานกาแฟมากขนาดนั้นเลยเหรอ
เอานมอุ่นๆสิเพื่อน
      บันทึกการเข้า
YOTSAWIN
Hero Cmadong Member
***


หอพักรักของข้า...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU27
คณะ: ศิลปกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,159

เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 18:18:26 »

เมื่อสักครู่ตามอ่านมาเรื่อยๆ จนตาลาย
ได้อะไรๆมากมาย ขอบคุณพี่หมอสำเริงนะครับ
      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #41 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 19:56:01 »

สวัสดีครับ

เรื่องของเรื่องมันอาจจะหยุดอยู่แค่ คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด
ถ้าผู้นำที่บริหารประเทศมาจากนักคิดในเชิงสร้างสรรค์ก็คงจะดี
ไม่ใช่ว่าเป็นนักคิดที่เอาแต่จะชนะคะคาน คิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้มามีอำนาจโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ขนาดยอมทุบบ้านตัวเอง แล้วกลับมาอาสาสร้างบ้านแปงเมือง
ใครเขาจะให้ความเชื่อถือ
ที่ไม่ตอกใส่หน้าเป้งๆก้ด้วยมารยาททางการฑูตเท่านั้น


 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #42 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 07:10:54 »


ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์ ฯ เผย บุคลากรทางการแพทย์ มีน้อย ไม่เพียงพอกับผู้มาใช้บริการที่มากขึ้นกว่าเดิม แถมหมอ-พยาบาลเสี่ยงถูกฟ้อง จี้ยกเครื่องทั้งระบบ แยก สธ.จาก ก.พ. ...

                

         พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์ และ รพ.ทั่วไป เปิดเผยว่า ปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรอื่นๆในโรงพยาบาลมีน้อย แต่ประชาชนที่ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลมีมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้มีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล เพราะไปรับบริการฟรีเหมือนไปงานบริจาคทาน เนื่องจากประชาชน 47 ล้านคน ไม่มีภาระในการร่วมรับผิดชอบการดูแลรักษาสุขภาพตนเองเลย ทำให้ ประชาชนไปใช้บริการมากถึงปีละประมาณ 200 ล้านครั้ง ในขณะที่มีแพทย์ทำงานตรวจรักษาผู้ป่วยไม่ถึงหมื่นคน

         เพราะจำนวนแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขที่มีประมาณ หมื่นคนนั้น ไปทำหน้าที่บริหาร ตรวจราชการ ในกรมกองต่างๆหมด

         พญ.เชิดชูกล่าวอีกว่า ในการไปใช้บริการแต่ละครั้งประชาชน ต้องเสียเวลารอนาน แพทย์เองก็ต้องรีบเร่งทำงาน พยาบาลต้องดูแลผู้ป่วยคราวละหลายๆคน เกิดความเสี่ยงอันตรายในการรับบริการด้านสุขภาพ สิ่งที่ปรากฏคือ

         คดีฟ้องร้องที่เกิดขึ้นมากมาย ขณะที่ รพ.รัฐ เกือบทุกแห่งประสบปัญหาความขาดแคลน ทั้งนี้ ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาโดยเฉพาะการพัฒนาระบบการบริการด้านสุขภาพ สธ.ต้องให้มีเงินเพียงพอที่จะทำนุบำรุงอาคารสถานที่ เทคโนโลยี และเวชภัณฑ์ ควรมีการกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่บุคลากรทุกระดับและสาขาวิชาชีพ

         โดย สธ.ต้องออกจากการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เนื่องจากในปัจจุบันเงินเดือนและค่าตอบแทนบุลากรของ สธ.ไม่สามารถกำหนดได้อย่างเหมาะสม ทำให้ต้องไปออกระเบียบค่าตอบแทนบุคลากร อาศัยเงินของโรงพยาบาลมาจ่าย จนเกิดเป็นการพิจารณาอย่างไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม และโรงพยาบาลบางแห่งไม่มีเงินจ่าย ส่วนการจัดสรรบุคลากรต้องคำนึงถึงภาระงาน ดูจากสถิติผู้มาใช้บริการ ไม่ใช่ตามระบบ GIS รพ.ทั่วไปควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาพื้นฐาน ขณะที่ รพ.ศูนย์การแพทย์ ควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาทั่วไปและสาขาต่อยอดเพิ่มขึ้น เช่น แพทย์อายุรกรรมโรคเลือด โรคหัวใจ ศัลยกรรมประสาท เป็นต้น เพื่อผลัดเปลี่ยนอยู่เวรให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

         ที่มาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 3 ม.ค.2553

http://www.thairath.co.th/content/edu/62701

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

  ))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))

         "แพทย์ไทยใกล้วิกฤต งานหนัก เงินน้อย"

         ผมในฐานะแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ร.พ.อำเภอ และ แพทย์ประจำ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลเขาหินซ้อน ทำหน้าที่เป็นแพทย์ด่านแรกที่ดูแลประชาชนในพื้นที่นั้น เป็นแพทย์ประจำครอบครัว ขอเสนอว่านอกจาก จี้ยกเครื่องทั้งระบบแยก สธ.จาก ก.พ. ขอเสนอวิธี แ้ก้อีก 4 วิธี คือ

1.ใช้คนให้ตรงกับงาน Put Right Man to The Right Job เพราะ มีการใช้คนไม่ตรงกับงาน เช่น นำแพทย์ที่มีความรู้งานรักษาพยาล ไปทำหน้าที่บริหาร แทนที่จะใช้ผู้ที่จบด้านบริหารมาทำแทน ตามที่ อาจารย์ พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ให้ข่าวว่า

เพราะจำนวนแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขที่มีประมาณ หมื่นคนนั้น ไปทำหน้าที่บริหาร ตรวจราชการ ในกรมกองต่างๆหมด

                                                        และ

         การนำแพทย์เฉพาะทางที่ควรอยู่ใน ร.พ.ขนาดใหญ่ นำเครืองมือเฉพาะทางราคาแพง ที่ควรใช้ร่วมกันในกลุ่มแพทย์เฉพาะทาง จัดผิดมาอยู่ ร.พ.อำเภอ ซึ่งควรเป็นสถานพยาบาลด่านแรก ไม่ควรมี ควรมีแต่ แพทย์ทั่วไป หรือ ปัจจุบันเรียกเป็น แพทย์ประจำครอบครัว ดูแล 2 สถานพยาบาล คือ ร.พ.อำเภอ และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล

2.จัดบริการสาธารณสุข เป็นรูปเครือข่ายช่วยเหลือกัน มี 3 ระดับ

ด่านแรก อยู่ใกล้ชิดประชาชน ให้บริการ 2 ร.พ.คือ

1.ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล และ

2.ร.พ.อำเภอ

ใช้แพทย์ทั่วไป เรียนจบแพทย์ 6 ปี สอบขึ้นทะเบียนกับแพทยสภา มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมดูแลรับผิดชอบทั้ง 2 ร.พ.

ด่านสอง คือ ร.พ.จังหวัด รับส่งต่อ จากด่านแรก เป็นแพทย์เฉพาะทางแผนกต่าง ๆ ที่ควรมารวมกันอยู่ในแผนกเป็นทีมแพทย์ช่วยกันดูแลรักษา

ด่านสาม คือ ร.พ.ศูนย์ หรือ ร.พ.ใน ร.ร.แพทย์ รับส่งต่อจากด่านสอง เป็นแพทย์เฉพาะทางระดับสูงกว่า ด่านสอง รักษาเฉพาะทางพิเศษ ที่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง มารวมรักษาร่วมกัน เพราะ โรคดังกล่าวพบน้อยควรมารวมกันรักษาที่เดียวกัน เพื่อประหยัดแพทย์ และ ประหยัดเครื่องมือ ราคาแพงนั้นๆ

3.ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน

3.1 ด้านข้อมูลผู้ป่วย ออนไลน์ ทางอินเตอร์เนต เพื่อให้ทุกสถานพยาบาลที่เข้ารักษาได้ดูข้อมูลปัจจุบัน เหมือนธนาคาร ออนไลน์ ที่ทำธุรกรรม ได้ทุกแห่ง เมื่อเปิดข้อมูลจะได้ประเมินการรักษา และ ให้การดูแลต่อได้ทันที ไม่ต้องใช้ยาสิ้นเปลือง ถ้าได้ยาแล้วไม่ต้องให้เพิ่ม ใช้รหัสผ่าน และ ลายนิ้วมือผู้ป่วยเป็นรหัส เพื่อรักษาความลับของผู้ป่วยได้

3.2 ด้านการส่งข้อมูลการรักษาเบิกจ่าย สปสช.ตามจริง ส่งข้อมูลให้ตรวจสอบทางอินเตอร์เนต แล้วส่งเงินให้ทางการโอนเงินเข้าบัญชีทางเนต แทนที่จะให้ค่ารักษาเหมาจ่ายรายหัว แล้วประชาชนนั้นต้องมารักษาได้เฉพาะ ร.พ.ที่ได้รับเงินไว้

         ปรับใหม่ให้เป็น ร.พ.ที่ให้การรักษา ส่งข้อมูลเบิกจ่าย ตามที่รักษาจริงให้ กับ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ : สปสช.ตรวจสอบข้อมูล และ จ่ายค่ารักษา ตามราคามาตรฐาน ตาม กลุ่มอาการ หรือ Diagnostic Relating Group : DRG สะดวกทั้งคนไข้ ที่รักษาได้ทุกที่ไม่บังคับรักษาเฉพาะที่ ทำให้แต่ละ ร.พ.ต้องพัฒนาบริการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อประชาชนประทับใจ และ มารับบริการประจำ


3.3 ด้านมาตรฐานการรักษา สามารถกำหนดให้รักษาตามแนวทางที่แพทย์ทุกคน ใน ร.พ. ที่รวมกัน เป็น องค์กรแพทย์ ร่วมกันพิจารณาจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางเดียวกันเป็น ร.พ.คุณภาพ และ นำมาใส่ไว้ในหน่วยความจำ

          เมื่อจะรักษาโรคนั้น แพทย์จะสามารถเรียกออกมาใช้ได้ทันที เป็นชุดการรักษา ที่ร่วมกันพิจารณา และ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เชน แพ้ยา อายุ น้ำหนักตัว ฯลฯ

3.4 การรักษาทางไกลโดยแพทย์ ประชาชน ไม่ต้องเดินทาง มาตรวจใน ร.พ.ที่แพทย์ทำงานอยู่ ใช้การรักษา Telemedicine  เป็นการประหยัดแพทย์ใช้แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว คนเดียวทำงานที่ ร.พ.อำเภอ เพื่อดูแลคนไข้ในพื้นที่รับผิดชอบที่ป่วย แต่ไม่ต้องพบแพทย์เฉพาะทาง มานอนรักษาใน ร.พ.อำเภอ และ สามารถไปดูแล ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ทางเทเลเมดดิซิน ไม่ต้องใช้แพทย์ 2 คน เป็นแพทย์คนเดียวกันดูแล

4.การใช้สาธารณสุขมูลฐาน ได้แก่ การทำกิจกรรมสาธารณสุข 4 ข้อ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และ เมื่อหายป่วย  กลับมามีสุขภาพปกติ  คือ

การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลเมื่อเริ่มป่วย และ การฟื้นฟูสุขภาพ

         ตามข้อสรุปจาการประชุมที่ประเทศคานาดา เรียกว่า Ottawa Charter มีตัวชี้วัดความสำเร็จของสาธารณสุขมูลฐาน 4 ตัวชี้วัด  คือ

4.1 การทำให้ประชาชนทุกคนมีสิ่งจำเป็นพื้นฐาน(จปฐ.)โดยถ้วนหน้า แก้ วงจรอุบาทว์ ของประเทศกำลังพัฒนา คือ จน โง่ เจ็บ

4.2 ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดีด้วย ได้แก่ การอาสาสมัครมาช่วยงานสาธารณสุข และ การปฏิบัติตัวตามสุขบัญญัติ 10 ประการของกรมอนามัย เพื่อร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยบ่อย

         http://www.tungsong.com/Healthlife/Healthlife.htm

การอาสาสมัครเข้ามาช่วยงานสาธารณสุข เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เพื่อทำหน้าที่

"แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี"

แก้ข่าวร้าย เมื่อมีข่าวร้าย เช่น ไข้เลือดออกระบาด ก็เข้าร่วมแก้ ไข้เลือดออกระบาด ด้วยการให้ความรู้ประชาชนเรื่องไข้เลือดออก เกี่ยวกับ การปัองกัน การรักษาโดยเข้าพบแพทย์เมื่อมีอาการ เป็นต้น

กระจายข่าวดี เช่น เมื่อมีหน่วยแพทย์เข้ามาตรวจสุขภาพประชาชนฟรี ก็ร่วมมือ บอกประชาชน และ ร่วมอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ เป็นต้น

ชี้บริการ เช่น เมื่อจะไป ร.พ.ควรปฏิบัติตามระเบียบที่่ ร.พ.กำหนด เพื่อความเป็นระเบียบสะดวกต่อการรับบริการ

ประสานงานสาธารณสุข เช่น เมื่อจะมีการหยดวัคซีนโปลิโอ ตามการรณรงค์ปราบโรคโปลิโอ ให้หมดไป ก็ร่วมมือช่วยเหลือ

บำบัดทุกข์ประชาชน เช่น ให้การรักษาเบื้องต้น ยาสามัญประจำบ้าน เยี่ยมดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น ให้พาเข้าตรวจ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน

ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี เช่น ปฏิบัติตัวตามสุขบัญญัติ 10 ประการ ของ กรมอนามัย ให้เห็นและ ชักชวนให้ทำตาม เพื่อสุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยบ่อย

4.3 การเข้าถึงบริการสุขภาพได้ถ้วนหน้า โครงการไทยเข้มแข็ง ใช้งบ 5 หมื่นล้าน ยกสถานีอนามัย ที่สร้างไว้ทุกตำบลแล้ว ให้เป็น ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล มีแพทย์ประจำครอบครัว พร้อมทีมสุขภาพ ของ ร.พ.อำเภอนั้น รับผิดชอบ

4.4 สถานพยาบาลที่ให้บริการเป็นสถานบริการที่มีคุณภาพ ด้วยการใช้ระบบคุณภาพ มาใช้พัฒนา และ ให้การรับรองคุณภาพ มีองค์กรอิสระทำหน้าที่นี้ คือ

สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) http://www.ha.or.th/index2008.asp

         ให้ดำเนินงานสถานพยาบาลตามเอกสาร คุณภาพที่จัดทำขึ้นเองร่วมกับ สรพ.จนให้การรับรองเป็นเอกสารคุณภาพได้ เพื่อไว้ใช้ตรวจสอบ ว่ายังคงคุณภาพตามเอกสารทุกประการ ซึ่งสามารถปรับปรุงเอกสารให้ทันสมัยได้ตลอดเมื่อจะพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้น ทำเรื่องเปลี่ยนกับ สรพ.ได้

หมายเหตุ  

         คอมพิวเตอร์ แต่ละสถานพยาบาล (ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล รพสต. ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพอำเภ รพสอ. ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพจังหวัด รพสจ. และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพศูนย์ รพสศ.)จะทำงาน ร่วมกับระบบอินเตอร์เนต โดยอาศัย เครือข่ายเชื่อมต่อระหว่างสถานบริการสาธารณสุขไว้เป็นเครือข่าย ด้วยกัน เพื่อให้แพทย์ ล็อคอินเข้าไปในเครื่อง คอมพิวเตอร์ ที่ต้องการไปได้ เมื่อมีคนไข้นั่งรอการรักษาโดยแพทย์อยู่ กับพยาบาลเวชปฏิบัติ พร้อม พยาบาลเวชปฏิบัติ ที่ รพสต.เมื่อแพทย์ ล็อคอินเข้ามา ก็สามารถให้การรักษาได้เสมือน มีแพทย์นั่งอยู่ที่ รพสต.นั้น  

         กาีรจัดระบบเครือข่ายให้มีสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ ด่านแรกใกล้บ้าน ใช้แพทย์ประจำครอบครัว ชื่อเดิม คือ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป เรียนแพทย์จบ 6 ปีผ่านการเรียนมาทุกแผนกจากคณะแพทย์ศาสตร์ ได้ปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต มาแล้ว และ ต้องผ่านการสอบขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์ที่สามารถ ทำการรักษาพยาบาลได้ จากแพทยสภา แล้ว

         แพทย์ประจำครอบครัวนี้ มีจุดประสงค์ เพื่อ สามารถทำงานได้ทั้ง 2 สถานที่ คือ ร.พ.อำเภอ และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล คือ สถานีอนามัยเดิม ที่ได้รับงบ ไทยเข้มแข็ง 5 หมื่นล้าน ในแผน 2552-2555 สามารถมาแทนแพทย์เฉพาะทางที่เดิมจัดให้มาอยู่ด่านแรก 4 สาขา สูติฯ ศัลย์ อายุรกรรม และ กุมารเวชกรรม สาขา ละ 1 คน ได้ ทำให้ ร.พ.จังหวัด ร.พ.ศูนย์ ร.พ.เฉพาะทาง ได้ แพทย์เฉพาะทาง เพิ่มขึ้นทันที่ แลกกับแพทย์จบใหม่ สามารถรักษาได้เกือบทุกโรค ได้ไม่น้อยกว่า 90%

         เมื่อเกินความสามารถซึ่งมีอยู่น้อย ไม่ถึง 10% จึงส่งต่อไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ มาอยู่แผนกเฉพาะทางที่เรียนมา

         ทำให้แพทย์ ใน ร.พ.อำเภอ ที่เครียดกันทุกคน จาก แพทย์เฉพาะทาง มีคนไข้น้อย ไม่สามารถตั้งแผนก ตรวจเฉพาะสาขาที่เรียนมาได้ ต้องตรวจคนไข้ทุกคนที่มา ร.พ. ทำงานไม่ตรงสาขา

         คนไข้ก็เครียด เมื่้อเกินความสามารถของแพทย์ท่านหนึ่ง แต่จะต้องผ่านการรักษากับ แพทย์เฉพาะทาง 4 สาขา ที่มีใน ร.พ.อำเภอดูก่อน ถ้าไม่สามารถรักษาต่อได้จึีงได้รับการส่งต่อ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ ทำให้เข้าพบทีมแพทย์เฉพาะทาง ช้าจนเกิดความพิการ หรือ เสียชีวิต ฟ้องร้องให้เห็นกันอยู่เนือง ๆ

            รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #43 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2553, 11:01:13 »


                 นักวิชาการเสนอยกเลิกระบบผู้ว่าราชการจังหวัด
    ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันศุกร์ 8 ต.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา  
     http://news.sanook.com/971966-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94.html

                    

ศ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร นักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

         นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เสนอแนวทางปฎิรูปประเทศโดยให้ยกเลิกระบบผู้ว่าราชการจังหวัดและให้ถ่ายโอนข้าราชการ 20 กระทรวงไปทำงานให้ท้องถิ่น

         ในการเสวนาเรื่อง "ปฏิรูประเทศไทย ผักชี" ศ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร นักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอให้ปฎิรูปประเทศด้วยการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริงโดยถ่ายโอนข้าราชการจาก 20 กระทรวงไปทำงานให้ท้องถิ่น และยกเลิกระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาค หรือ ระบบผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะผู้ว่าฯเป็นเพียงตัวแทนของพรรคการเมือง และรัฐบาลส่วนกลางที่เข้ามาทำหน้าที่กำกับให้ประชาชนปฎิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมและมีสิทธิตรวจสอบการทำงานขณะเดียวกันการทำงานก็ทับซ้อนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

         นักวิชาการจากคณะเศรษฐศาสตร์ ยังบอกอีกว่า ถ้าประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการตัวเองพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมในกรุงเทพมหานคร

         นอกจากนี้ในวงเสวนายังเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างภาครัฐกับประชาชนใหม่ เช่น การเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

                        win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

         นอกจากนี้ในวงเสวนายังเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างภาครัฐกับประชาชนใหม่ เช่น การเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

         ที่วงเสวนา เสนอเปิดพื้นที่ให้ประชาชน ได้แสดงความคิดเห็น.......ข้างต้น ผมว่า ต้องยกเลิกการใช้ตัวแทนประชาชน ในการใช้อำนาจอธิปไตย แต่ให้ประชาชน ใช้อำนาจทางตรง เองผ่านทาง ระบบ      เทคโนโลยี่สารสนเทศ ใช้

                                      ประชาธิปไตยทางตรง

                                

                                                รักเธอประเทศไทย
                              http://www.youtube.com/watch?v=L-rB9boDcDQ&feature=related

        ถ้าเปรียบเทียบประเทศไทยเป็น สิ่งมีชีวิต ๆ หนึ่ง จะต้องมีระบบประสาทที่รับความรู้สึกจากส่วนต่าง ๆ เพื่อส่งมาให้สมองสั่งการตอบสนองต่อความรู้สึกที่ได้รับ

        ระบบสารสนเทศ จะเชื่อมคนทั้งประเทศ ที่เปรียบได้กับเซลล์ ๆ หนึ่งของร่างกาย ซึ่งมีระบบประสาทที่เชื่อมเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย กับไขสันหลัง และ สมอง ซึ่งเปรียบเป็น รัฐบาล ที่รับหน้าที่ เข้ามาสั่งการตอบสนองต่อ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศ

       เมื่อประเทศกำลังมีระบบสารสนเทศ 3.9 G - 4 G แล้วจะเหมือนว่า ร่างกายที่เคยเป็นอัมพาต เซลล์แต่ละเซลล์ไม่สามารถสั่งการบอกระบบประสาทได้เอง ต้องอาศัยเครื่องช่วยสำหรับคนอัมพาต หรือ ประเทศระบอบประชาธิปไตย ต้องอาศัยตัวแทน (สส.)เข้าไปออกกฏหมาย เข้าไปตั้งรัฐบาล ประชาชนอยากได้อะไรบอกด้วยตนเองไม่ได้ต้องอาศัย สส.บอกให้

       แต่ในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หรือ สส.เมื่อได้อำนาจไปใช้แล้ว มักกลายเป็นนำไปใช้เพื่อประโยชน์ ตนเอง และ พรรคพวก ทำให้การเมืองกลายเป็น ตัวถ่วงความเจริญของประเทศ

                  

        ดังนั้น ควรถึงยุคประชาธิปไตยทางตรง แก้รัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนใช้สิทธิทางการเมืองเองทางระบบสารสนเทศ มีกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศ รับผิดชอบ ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม มีองค์กรอิสระ ที่ควรได้เงินอุดหนุน เป็นที่รับเรื่องร้องเรียน หรือ ตรวจสอบรัฐบาล ซึ่ง มีรัฐบาล หลายๆ ทีม ซึ่งแต่ละทีม จะจัดทีมรัฐมนตรีขึ้นเพื่อเสนอตัวให้ประชาชนเลือก

        ไม่ใช่รัฐบาลผสมจากหลายๆ พรรคมาร่วมเป็นรัฐบาล ที่ทำให้เป็นตัวถ่วงในการบริหารประเทศ เนื่องจากไม่เป็นเอกเทศในการบริหาร เหมือนที่เป็นอยู่

        สภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเมื่อยกเลิกตัวแทนแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นสภาการเมืองแห่งชาติ

        ใช้ทำกิจกรรมทางการเมือง ระหว่างรัฐบาล และ องค์กรอิสระ ที่จะเข้าฟังและร่วมอภิปราย มีประชาชนฟังทั้งประเทศ และ โหวตเสียงเองทางเทคโนโลยี่สารสนเทศ

            ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

        ควรยกเลิกประชาธิปไตยที่ใช้ตัวแทน ที่มาใช้ อำนาจแทนประชาชน เป็นประชาชนใช้อำนาจทางตรงเอง ทางระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศ จะทำให้ประเทศหลุดจากวงจรแย่งชิงอำนาจเพื่อพรรค กลายมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ

         ที่มีหลักการของระบอบ ที่ว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบ

การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน        

                

        เป็นการคิดนอกกรอบ เปรียบเป็นความรู้ เป็นด้านที่ 1 ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี เสนอเป็นวิธีแก้ปัญหายาก ๆ เหมือนเขยื้อนภูเขา ที่ต้องรอพวกเราเข้ามารับความรู้

        เพื่อรวมกันเป็นด้านที่ 2 ตามความรู้ ที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เสนอขึ้นข้างต้น  แล้วมาร่วมกันผลักดันให้เกิด

        ด้านที่ 3 ด้านกฏหมาย แก้รัฐธรรมนูญ ให้การใช้สิทธิของประชาชน เป็นทางตรง แทน ผ่านตัวแทน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สส.ที่เป็นปัญหาวิกฤตทางการเมือง แย่งชิงอำนาจกันเพื่อส่วนตน และ พรรค ลืมหน้าที่ ที่ต้องทำเพื่อประชาชน

       การคิดนอกกรอบ คือ การคิดริเริ่มสิ่งใหม่ที่สร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นคิดใหม่ไม่เหมือนเดิม คิดแตกต่างจากเดิม

เป้าหมายการคิดนอกกรอบ คือการแก้ปัญหาด้านต่างๆของคนและองค์กร

       เทคนิคการคิดนอกกรอบ

1.Subtract (ลด)

2.Sum (เพิ่ม)

3.Start (เริ่ม)

4.Stop (หยุด)

        

                  คิดและทำนอกกรอบ

-ไม่เปลี่ยนเป้าหมายที่ท้าทายแต่เปลี่ยนวิธีการ
-ถ้าทำแบบเดิมแล้วไม่บรรลุเป้าหมาย ให้ทำแตกต่างจากเดิม
-เรียนรู้ด้วยการลงมือทำด้วยตนเอง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น

         การคิด นอกกรอบ ขออย่า เพียงแต่คิด แต่ไม่ลงมือทำ

         ประชาิธิปไตย เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน
การใช้ระบบตัวแทนประชาชน ที่ระบบทุนนิยมสามานย์สามารถซื้อตัวแทน ซื้อทุกอย่าง
ที่ขวางหน้าเพื่อตนเอง และ พรรคพวกได้ ที่มีให้เห็นเป็นปัญหาการเมืองที่ถ่วงความเจริญ
ของประเทศไทย ที่มีประชาธิปไตย มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2475

         ในสมัยเริ่มแรกประชาธิปไตย ต้องใช้ตัวแทน สส.เพราะ ยังไม่มีเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์
แต่ปัจจุบันเป็นยุคคอมพิวเตอร์ 3 ถึง 4 G แล้วสามารถเชื่อมโยงกัน สะดวกรวดเร็ว จึงควรถึง

         ยุคประชาธิปไตย ทางตรง ไม่ต้องอาศัย
       สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สส.อีกต่อไป


         มีรัฐบาลอิสระ ที่เสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ใน

                            สภาผู้แทนราษฏร
                        ที่เปลี่ยนเป็น
                  สภาการเมืองแห่งชาติ


         ประชาชน อาศัย องค์กรอิสระ เช่น สมาคมนักข่าวสื่อสารมวลชน สมาคมอื่น ๆ ทำหน้าที่
ตรวจสอบการทำงานของอำนาจอธิปไตย ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม มีประสิทธิภาพทำเพื่อส่วนรวมแทน

         ร่วมกับ การปรับปรุงการปกครองของประเทศจาก การปกครอง
ส่วนภูมิภาค ที่มีส่วนกลาง มาปกครอง เป็น การปกครองส่วนท้องถิ่น


         การปกครองส่วนท้องถิ่น มี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ เทศบาลมีนายกเทศมนตรี
ที่เสนอตัวมาให้ประชาชนเลือก ทางตรง หลาย ๆ ทีม ให้ประชาชนเลือก เป็นทีม เพื่อทำงานเป็น
เอกภาพ มีองค์กรในชุมชน รวมทั้งประชาชนร่วมตรวจสอบ การทำงาน จะได้เป็น

         ประชาธิปไตยเต็มใบ หลุดออกจากการปกครองส่วนภูมิภาค มาเป็น การปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นไปตามที่ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ มุ่งหวัง และ เสนอขึ้นข้างต้น

         จะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับวิกฤติประชาธิปไตยและสังคม
                            กระทู้ประชาธิปไตยทางตรง ที่                                  http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6139.0.html


                                   gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #44 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 11:44:42 »


               ขอขอบคุณเวบแนวหน้า วิจารณ์โลกวันอาทิตย์ ที่ 10 ตุลาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
                          http://www.naewna.com/news.asp?ID=231532

                             ฤาโนเบลสันติภาพจะทำพิษ
                          เมื่อจีนเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง


                      

          เป็นไปตามความคาดหมายของบรรดาผู้สันทัดกรณีทั้งหลาย เมื่อ หลิว เสี่ยวโป นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ผู้ต่อต้านรัฐบาลจีน ซึ่งกำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้รับ รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพประจำปี 2553 สำหรับการต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างสงบไม่ใช้ความรุนแรง ตลอดเวลาอันยาวนานในประเทศจีน ตลอดจนเรียกร้องการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยในประเทศหลังม่านไม่ไผ่ที่มีพรรคคอมมิวนิสต์อันแข็งแกร่งกุมอำนาจแต่เพียงพรรคเดียว

          และก็เป็นไปตามความคาดหมายอีกเช่นกัน ที่ทางการจีนจะออกมาแสดงความโกรธเกรี้ยวไม่พอใจอย่างยิ่ง จนถึงกับขู่ว่าอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับนอร์เวย์ หลังจากที่จีนเคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่า คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลสันติภาพ ไม่ควรมอบรางวัลดังกล่าว ให้กับนายหลิว ซึ่งเป็นเหมือนอาชญากร และศัตรูทางการเมืองตัวฉกาจของจีน

                              gek gek gek

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

          ระบอบการปกครอง ของแต่ละประเทศ เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันยุค ใครเปลี่ยนก่อนย่อมได้เปรียบ

         ในยุคเทคโนโลยี่สารสนเทศ ที่ทำให้เชื่อมโยงคนทั้งประเทศไว้ด้วยกันได้แล้ว
ควรถึง ยุคประชาธิปไตยทางตรง ที่ประชาชนใช้สิทธิเอง สามารถติดตามข่าวสารการเมือง
ทาง สารสนเทศที่หลากหลาย และ เลือกทางเลือกเองไม่ต้องอาศัยตัวแทน ที่ช้าจากจะต้องรอ
ตกลงผลประโยชน์ของแต่ละพรรค ให้ได้ลงตัวก่อน  จึงจะตัดสินใจได้ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ของโลกที่รวดเร็ว ทำให้ระบบการเมืองผ่านพรรคการเมือง เป็นตัวถ่วงการพัฒนาประเทศ
 

         ทำให้ประเทศที่ควรจะได้เป็นผู้นำ กลับกลายเป็น ช้ากว่ากลุ่มอาเซียนให้เห็นอยู่

         ซีมะโด่ง คนไหน หรือ ใครหนอ จะได้รับเกียรติ เป็นผู้นำ การเปลี่ยนแปลงเพื่อ ให้
สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาครบ3ด้าน หรือ จะเป็น..พี่โด่ง(พรชัย16)  win นำทีมให้เกิด
                            
ประชาธิปไตยทางตรง มาใช้ในประเทศไทย เป็นคนแรก

           http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6139.0.html

                                   gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: 1 2 [ทั้งหมด]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><