23 พฤษภาคม 2567, 03:56:10
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 489 490 [491] 492 493 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3277079 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12250 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 12:59:23 »



สภาวะ "อรูปฌาน"

พี่สิงห์  ต้องขอโทษ ที่เคยเล่าให้ฟังว่า สภาวะ "อนัตตา" นั้นมีอยู่ คือสภาวะที่เรายังมีสติ-สัมปชัญญะ แต่รู้สึกว่าไม่มีตัวเราอยู่เลย มีเพียงจิตเท่านั้นที่ยังระลึกอยู่

สภาวะนี้เอง พี่สิงห์ ไม่มีครู-อาจารย์ คอยชี้แนะ หรือให้ถาม มีแต่พระไตรปิฎก เป็นที่พึ่ง ก็จึงใช้คำว่าสภาวะ "อนัตตา" คือมันไม่มีตัวตน มีแต่จิต

แต่จริง ๆ แล้วพระพุทธองค์ ท่านมีชื่อเรียกของท่าน เมื่อก่อนพี่สิงห์ ก็ไม่เข้าใจ พยายามเข้าใจก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร คือ "อรูปฌาน" ที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎก

วันนี้ขณะเดินตีกอล์ฟ ก็มีสติระลึกได้ว่า สภาวะที่พี่สิงห์ เรียก "อนัตตา" ที่ค้นพบจากการภาวนา ที่โบสถ์หน้าหลวงพ่อหิน วัดพระนอน ขณะรอนาคอยู่นั้น แท้จริงมันคือ สภาวะ ที่เรีึยกว่า"อรูปฌาน" ต่างหาก

เป็นอันว่า พี่สิงห์ เข้าใจสภาวะอรูปฌาน ที่พระพุทธองค์ ให้ทำสมาธิให้เกิด "ฌาน" และ "อรูปฌาน" แล้ว

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12251 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 14:11:45 »



คณกโมคคัลลานสูตร

การปฏิบัติธรรมดำเนินไปตามลำดับ

มีพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อคณกโมคคัลลานะ วันหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ขณะประทับอยู่ที่มิคารมาตุปราสาทในวัดบุพพาราม ณ กรุงสาวัตถี เรื่องที่เขายกขึ้นทูลถามในวันนั้น ว่าด้วยขั้นตอนการปฏิบัติธรรม
โดยอยากรู้ว่า ทรงสอนภิกษุทั้งหลายอย่างไร เพราะเขาเห็นว่าไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะต้องมีขั้นตอนปฏิบัติตามลำดับ เช่น มิคารมาตุปราสาทก็ต้องมีขั้นตอนตามลำดับในการสร้าง นักรบมีขั้นตอนตามลำดับในการฝึดใช้อาวุธ พวกเขาเองซึ่งเป็นนักคิดเลข เมื่อสอนลูกศิษย์ก็ต้องเริ่มจากให้นับหนึ่ง-สอง-สาม... จนถึงร้อย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12252 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 14:19:09 »



พระพุทธองค์ ตรัสตอบในเรื่องนี้ ดังนี้

ทรงจัดลำดับการปฏิบัติธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายเช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับคนฝึกม้า ซึ่งเมื่อได้ม้าอาชาไนยลักษณะดีมาแล้ว ก็จะต้องเริ่มต้นการฝึกตั้งแต่ให้ม้าอยู่ในบังเหียน ต่อไปก็ให้ม้าทำอะไรต่อมิอะไรยิ่ง ๆ ขึ้นไปตามลำดับ

สำหรับการปฏิบัติธรรมของภิกษุ เมื่อทรงเห็นว่าเป็นบุคคลที่สามารถจะปฏิบัติตามได้(ปุริสทมฺมํ)  ก็จะทรงให้ขั้นตอนการปฏิบัติธรรมไปตามลำดับ คือ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12253 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 16:49:13 »



๑. ให้มีศีล  สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร(ไม่ละเมิดสิกขาบทที่ทรงบัญญัติห้ามไว้) เพียบพร้อมด้วยอาจาระ (กิริยาทารยาท, ความประพฤติ) และโคจร (การอยู่, การฉัน , การไปการมา) ให้เห็นภัยในความผิดแม้ในเรื่องเล็กน้อย ตั้งใจฝึกฝนตนตามสิกขาบท

๒. ให้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย (อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร) เช่น เมื่อตาเห็นรูปก็ให้ระวังอย่าให้บาปอกุศลครอบงำจิตได้ คือไม่ให้เกิดความรักความชังในรูปที่เห็น เป็นต้น

๓. ให้รู้จักประมาณในการฉัน คือพิจารณาให้ดีในการฉัน ไม่ฉันเพื่อเล่นเพื่อมัวเมา...  แต่ฉันพอให้ชีวิตดำรงอยู่ได้  พอไม่ให้ลำบาก  พอให้เอื้อต่อการประพฤติพรหมจรรย์...
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12254 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 17:03:08 »



๔. ให้ตื่นตัวอยู่เสมอ (ชาคริยํ อนุยุตฺ-ไม่เห็นแก่หลับนอน , ไม่ซึมเซาเฉื่อยชา) ทำจิตให้บริสุทธิ์จากกิเลสขวางกั้น (อาวรณียธรรม) โดยการเดินจงกรมและนั่งในตอนกลางวัน-ในปฐมยามตอนกลางคืน (หมายถึงยามที่หนึ่งใน ๓ ยาม) เมื่อนอนก็นอนแบบสีหไสยา วางเท้าตะแคงซ้อนกัน (ปาเทน ปาทํ อจฺจาธาย) กำหนดสติก่อนนอนในมัชฌิมยามว่าจะลุกขึ้น ทำใจให้บริสุทธิ์จากกิเลสขวางกั้นโดยการเดินจงกรมและนั่งตลอดปัจฉิมยาม

๕. ให้มีสติสัมปชัญญะ คือทำความรู้สึกตัวในเวลาก้าวและถอย ในเวลาแลดูและเหลียวดู ในเวลางอแขนและเหยียดแขน ในเวลาทรงสังฆาฏิ บาตรและจีวร ในเวลาฉัน ดื่ม เคี้ยวและลิ้มรส ในเวลาถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ในเวลาเดิน ยืน นั่ง นอนหลับ (สุตฺเต) ตื่น พูดและนิ่ง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12255 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 17:16:31 »



๖. ให้อยู่ในเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่กลางแจ้ง (อพฺโภกาสํ) และลอมฟาง (ปลาลปุญฺชํ) ครั้นกลับจากบิณฑบาตฉันเสร็จแล้ว ก็นั่งขัดสมาธิตั้งกายตรง จ่อสติไว้ตรงหน้า (ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา-หมายถึง เอาสติมุ่งต่อกรรมฐาน เช่น กำหนดอยู่ที่ลมหายใจ เป็นต้น) ละวางทั้งความชอบและความชัง (อภิชฌา-พยาบาท) ความง่วงซึม ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความลังเลสงสัย (คือละนิวรณ์ทั้ง ๕)

๗. เมื่อจิตปราศจากนิวรณ์ทั้ง ๕ แล้ว ก็สงัด (โปร่งโล่ง) จากกาม จากอกุศลธรรม แล้าเข้าญาณตามลำดับตั้งแต่ ปฐมญาณ จนถึง จตุตถญาณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12256 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 18:21:21 »



ถึงตอนนี้ พระพุทธองค์ตรัสแก่พราหมณ์ว่า

"พราหมณ์!  สำหรับภิกษุที่ยังเป็นเสขะ ยังไม่บรรลุอรหัตตมรรค ยังปรารถนาที่ปลอดพ้นจากโยคะ (กิเลส) อันยิ่งยวดอยู่นั้น เรามีคำพร่ำสอนปานฉะนี้  ส่วนสำหรับภิกษุผู้้เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่จะต้องทำเสร็จสิ้นแล้ว ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้วตามลำดับ สิ้นสัญโญชน์ในภพ (ไม่มีการเกิดอีก) แล้ว  หลุดพ้นเด็ดขาดแล้ว เพราะรู้โดยชอบนั้น  ธรรมเหล่านั้นย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่สบายในชีวิตปัจจุบันและเพื่อสติสัมปชัญญะ"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12257 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 18:46:43 »



มีพระสาวกส่วนน้อยที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

เมื่อได้ฟังพระดำรัสดังนี้แล้ว  พราหมณ์คณกโมคคัลลานะก็ทูลขึ้นว่า  สาวกของพระองค์ซึ่งทรงสั่งสอนอยู่อย่างนี้ ได้บรรลุนิพพานทุกรูปหรือ   หรือว่าบางพวกก็ไม่บรรลุ ?

เมื่อพระพุทธองค์ตรัสตอบว่า มีเพียงส่วนน้อยที่ได้บรรลุนิพพาน (เป็นพระอรหันต์) พราหมณ์จึงทูลถามว่า  อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เป็นอย่างนั้น  ในเมื่อนิพพานก็มีอยู่  ทางที่บรรลุนิพพานก็มีอยู่  ท่านพระโคดมผู้ชี้ชวนก็มีอยู่ ?

พระพุทธองค์ทรงตอบเรื่องนี้ด้วยการย้อนถามพราหมณ์  โดยเปรียบกับการเดินทางจากกรุงสาวัตถีไปยังกรุงราชคฤห์ซึ่งเขามีความชำนาญอยู่แล้วว่า  ถ้ามีคนมาหาและขอให้ช่วยบอกทางที่จะไปยังกรุงราชคฤห์  ท่านก็จะต้องแนะนำเส้นทางว่า  เดินทางไปสักระยะหนึ่งก็จะเห็นหมู่บ้านชื่อโน้น  ไปอีกระยะหนึ่งก็จะเห็นสวนอันน่ารื่นรมย์ของกรุงราชคฤห์  แต่ปรากฏว่าเขาคนนั้นจับผิดทาง  ไพล่เดินไปทางตรงกันข้าม  เขาก็ไปไม่ถึงกรุงราชคฤห์ตามคำบอก  อีกคนหนึ่ง  มาขอให้ชี้บอกทางอย่างเดียวกันและเขาก็เดินไปตามทางที่ชี้บอกอย่างถูกต้อง  ในที่สุดคนหลังนี้ก็ไปถึงกรุงราชคฤห์ด้วยดี

พราหมณ์ทูลว่า  เรื่องนี้ข้าพระองค์ก็ช่วยไม่ได้  เพราะข้าพระองค์เป็นแต่เพียงผู้ชี้บอกทาง

พระพุทธองค์ ตรัสว่า

"พราหมณ์!  ฉันใดก็ฉันนั้น  ในเมื่อนิพพานก็มีอยู่  ทางไปนิพพานก็มีอยู่  เราผู้ชี้ชวนก็มีอยู่  แต่สาวกของเราซึ่งเราสั่งสอนอยู่อย้างนี้  มีเพียงส่วนน้อยที่ได้บรรลุนิพพานอันเป็นความสำเร็จสูงสุด   บางพวกก็ไม่บรรลุ   พราหมณ์!   เรื่องนี้   เราจะทำอย่างไรได้   ตถาคตเป็นแต่ผู้ชี้บอกทาง (มคฺคกฺขายี  ตถาคโต)"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12258 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 18:58:35 »



พราหมณ์คณกโมคคัลลานะฟังพระดำรัสเรื่องนี้ด้วยความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง  เขากราบทูลยกย่องพระพุทธองค์ว่า  ทรงอยู่แต่กับบุคคลผู้ออกบวชด้วยศรัทธา  ไม่โอ้อวด  ไม่มายาเจ้าเล่ห์...  (ล้วนแต่เป็นบุคคลผู้มุ่งปฏิบัติธรรม และประพฤติตามคำสั่งสอน)

"ข้าแต่ท่านโคดม  ประหนึ่งว่า  ในบรรดาไม้รากหอม  เขายกให้กฤษณาเป็นเลิศ  ในบรรดาไม้แก่นหอม  เขายกให้จันทน์แดงเป็นเลิศ   ในบรรดาไม้ดอกหอม  เขายกให้มะลิ (วสฺสิกํ) เป็นเลิศ  พระโอวาทของท่านโคดมก็เหมือนกัน  บัณฑิตย่อมกล่าวได้ว่า เป็นเลิศกว่าบรรดาธรรมของพวกครูแพะที่ว่าเยี่ยม (ปรมชฺชธมฺเมสุ-หมายถึง คำสอนของครูทั้ง ๖ มีนิครนถ์  นาฏบุตร  เป็นต้น) ..."

แล้วพราหมณ์ ก็ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ  ประกาศตนเป็นอุบาสก  ตั้งแต่วันนั้น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12259 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 19:13:11 »



พี่สิงห์  ยกพระสูตรนี้ มาสอนตัวเอง  ว่า "พระนิพพาน" มีจริง ข้อปฏิบัติิให้ถึงพระนิพพาน มีจริง ขอเพียง มีีความวิริยะ อย่าไปหลงทาง อย่าหยุุดกลางทาง จนกว่าจะหมดลมหายใจ  

ตามที่พระพุทธองค์ บอกแก่พราหมณ์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12260 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 21:36:30 »









บัดนี้้โอษฐ์ !

นางสีดา(ตาล) นักแสดงชั้นดี ต้องออกจากเกมส์ ด้วยคะแนนโวตน้อยสุด ประจำสัปดาห์ ที่ ๑๑ น่าเสียดายโอกาศการเรียนรู้

ได้พิจารณาจิตของเราไปด้วย ว่าจะหวั่นไหวไหม ? เพราะช่วยไม่ทัน

ได้บทเรียนในการนำไปสอนลูกน้องมากมาย จาก
The Commedian Thailand Season 2

ทฤษฎีคนสร้างได้  ตลกสอนกันได้ อยู่ที่เราจะทำหรือไม่
พระะพุทธองค์สอนว่า มนุษย์สามารถฝึกได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12261 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 05:16:42 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้พี่สิงห์  ต้องไปสิงห์บุรี ไปรดน้ำดำหัวท่านคุณครู ที่โรงเรียนอินทร์บุรี  สังสรรค์พบปะเพื่อนร่วมรุ่น ม.ศ.๓ รับประทานอาหารเพล

 อย่าลืม! คุณสมบัติของอุบาสก อุบาสิกา
- มีศรัทธทา เชื่อในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
- มีจาคะ คือบริจาคทานตามกาล และสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่สมควรได้รับ
- มีศีล อย่างน้อยศีล ๕ เพื่อรักษากาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติสุข
- มีสูต ใฝ่ศึกษาในธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
- มีวิริยะ ในการทำกุศลธรรมให้เกิดขึ้น
- มีสติ ระลึกอยู่ที่กาย-ใจ เสมอ
- ใช้ปัญญา ในการดำรงชีวิต อย่าหลงในความคิด

ขอฝากให้ทุกท่านได้พิจารณาอยู่เนือง ๆ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12262 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 07:01:51 »







อาหารใส่บาตรพระเช้าวันนี้

ธรรมของพระพุทธองค์นั้น
- ปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็พบ "พระนิพพาน" ได้
- ปฏิบัติธรรมเจริญสติหาธรรม ได้ด้วยตนเอง ก็พบ "พระนิพพาน" ได้

ตัวอย่าง คุณสมบัติของอุบาสก  อุบาสิกา  ที่พี่สิงห์ ยกมานั้น เมื่อท่านปฏิบัติธรรมไประยะหนึ่ง หรือ เมื่อท่านเห็นความคิด เห็นรูป-นาม และเห็นความเป็นไตรลักษณ์ ธรรมเหล่านั้น ท่านจะพบด้วยตัวท่านเองทั้งสิ้น และธรรมอื่น ๆ อีก ท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง เพราะมันเป็น "ปัจจัตตัง"  ผู้รู้ รู้ได้เฉพาะตน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12263 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 20:26:15 »



คุณครูเจตพงษ์  จันทวงศ์
คุณครูสืบเนื่อง  จันทวงศ์
คุณครูมานิตย์   ปัตตาแวว



      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12264 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 20:48:06 »



พี่สิงห์ที่เคารพ
เรื่องนี้ช่างช่วยให้มีมานะพยายามต่อไปค่ะ
ขอบพระคุณที่นำมาเล่าใหเฟัง
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 เมษายน 2557, 05:40:35
โสนาภิกษุณี  ผู้เป็นเลิศทางมีวิริยะ

นางโสนา มีสามี และมีลูกสิบคน
สามีของนางหนีไปบวช ปล่อยให้นางเลี้ยงลูกสิบคน นางก็เลี้ยงลูกทั้งสิบจนโต และหาครอบครัวให้ และได้แบ่งสมบัติให้ลูก ๆ ทั้งสิบคนนั้น

นางได้ ไปอาศัยอยู่กับลูกทั้งสิบโดยหมุนเวียนกันไป
การไปอยู่กับลูกแต่ละคนก็ได้รับการรังเกียจ นินทา จากลูกเขย ลูกสะไภ้ และลูกของตนเอง หาว่านางลำเอียงในการแบ่งสมบัติ ทำไมไม่ไปอยู่กับลูกคนนั้น ทำไมต้องมาอยู่กับตน นางได้แต่อดทน ไม่โต้แย้งใด ๆ ต่อลูก

นางสะเทือนใจมาก ที่ลูกๆ ไม่ให้อยู่อาศัย นางมีอายุมาก ตาไม่ดี เดินก็ลำบาก

เรื่องของนางโสนา เป็นที่มาของคำโบราณว่า อย่ารีบแบ่งสมบัติให้ลูก ๆ เพราะเมื่อไม่มีสมบัติแล้ว ลูก ๆ จะไม่ดูแล ให้เอาเรื่องของนางโสนา เป็นตัวอย่าง

เมื่อนางไม่มีที่อยู่ จึงตัดสอนใจออกบวชในสำนักภิกษุณี เนื่องจากนางมีอายุมาก ไม่สามารถจดจำพระวินัยได้ ไม่สามารถเรียนได้ นางจึงถูกเหล่าภิกษุณี นินทา ว่ากล่าวอยู่ตลอดเวลา แต่นางก็สู้อดทนอดกลั้นไม่โต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้นได้แต่บำเพ็ญความเพียร

เมื่อเรียนไม่ได้ นางใช้วิธีปฏิบัติเจริญสติ ด้วยการเดินจงกรม เกาะต้นไม้เดิน รอบต้นไม้เพราะเดินไม่ไหว และมองไม่ค่อยเห็น นางอดทนยิ่ง

อยู่มาวันหนึ่ง เหล่าภิกษุณีต้องไปฟังธรรม นางโสนาภิกษุณี ไม่ได้ไปเพราะไปไม่ไหว เหล่าภิกษุณีจึงให้เฝ้ากุฏิ และให้เตรียมต้มน้ำเอาไว้ใช้ นางก็เอาฟืน หม้อต้มน้ำมาตั้ง แต่ลืมจุดไฟ เพราะความแก่

นางก็ไปเดินจงกรมใต้ต้นไม้พิจารณาร่างกายของนาง มีความแปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเลย ขณะที่นางพิจารณาอยู่นั้น พระพุทธองค์ทรงตรวจสรรพสัตว์ดู รู้ว่าวันนี้นางโสนาภิกษุณีจะได้ตรัสรู้ธรรม จึงเสด็จมาหาทรงสอนธรรมให้ จนนางบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และได้วิชา ๔

เมื่อเหล่านางภิกษุณีกลับมา เห็นว่านางยังไม่ได้ต้มน้ำ ก็ต่อว่านางเป็นการใหญ่ นางกลัวว่าภิกษุณีจะบาป ที่ว่ากล่าวพระอรหันต์ที่บริสุทธิ์ นางจึงเข้าเตโชธาตุไฟเพ่งไปที่หม้อน้ำ แล้วบอกให้เหล่่าภิกษุณีไปตักน้ำร้อนมาใช้

เหล่าภิกษุณี ก็ไปตักน้ำร้อนจากหม้อ น้ำก็ร้อน ตักเท่าใดน้ำก็ไม่หมด เหล่านางภิกษุณี จึงรู้ว่านางโสนา สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว จึงได้ไปกราบขอขมาที่ล่วงเกินนาง

พระพุทธองค์ ยกย่องนางให้เป็นเลิศในทางมีวิริยะอดทน เพราะนางบวชเมื่อแก่ เดินไม่ไหว มองไม่ค่อยเห็น แต่เพราะความพยายามอดทนอดกลั้น มีวิริยะ ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ และพระพุทธองค์ได้กล่าวคาถาว่า "อตฺตาหิ อตฺตโณนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

ภายหลงที่นางได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้หนึ่งวัน รุ่งขึ้นพระอรหันต์โสนาภิกษุณี ก็ปรินิพพาน

เอวังด้วยประการฉะนี้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12265 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 05:13:35 »





คคุณครูประชิิต และคุณครูสายทอง



รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านแม่ลาปลาเผา
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12266 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 10:52:40 »

สวัสดีครับพี่สิงห์


หายไป 2 วันด้วยอาการไอยังไม่ดีขึ้น
ต้องไปหาอีก 1 หมอ
หลังจากเอาซองยามาตรวจดู พบว่าให้ยาแบบรักษาเด็กคือ ครึ่งโดส
ส่งผลให้อาการไอแหบ เพราะหลอดลมอักเสบ ไม่ทุเลาสักที
พอรับยาเต็มโดส เพียงมื้อเดียว อาการแทบจะหยุดลง หายในสะดวก หลับสบายแล้วครับ

อาการไอหอบ ที่จนเกิดหลอดลมอักเสบ ต้องใช้ยาประเภทโคดีอิน ไม่น้อยกว่า 20 มิลิกรัม/ครั้ง (หมอให้เพียง 10 มก.)
อาการจึงแค่ทุเลา แต่ยังไอไม่หาย
ใช้ยานี้อาจจะง่วง การตอบสนองกับการขับรถยนต์ ใช้เครื่องจักร ลดลง จึงต้องระวัง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12267 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 10:58:32 »

แถมอีก 1 ปัญหาที่ไม่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นครับ ?? ~ !!!!
คือการบวชสามเณรน้อยในช่วงฤดูร้อน
และช่วงนี้เป็นการบวชถวายพระเทพฯ ในโอกาสวันที่ 2 เมษายน
ซึ่งจะทะยอยบวชกันไปตามวัน-ตามวัด ที่จดแจ้งและบอกบุญ
พบว่าบางโรงเรียน ขาดเด็กที่จะบวชเณร หรือจำนวนเด็กไม่ครบตามที่บอกบุญไป
มีการไปสึกเณรน้อยจากโครงการหนึ่ง แล้วนำไปบวชในอีกโครงการหนึ่งครับ
ผู้ปกครองไม่รู้ พบว่าอยู่ดีๆ ลูกของตัวเองที่บวชเณร ไปอยู่อีกวัดหนึ่งแบบไม่มีการแจ้งให้ทราบ
มารู้ตอนหลังก็เมื่อบอกว่าสึกแล้ว เมื่อวานนี้, วันนี้มาบวชในอีกโครงการหนึ่ง ?? !!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12268 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 11:21:16 »

 

พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 8 เมษายน 2557
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ความกดอากาศต่ำจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนไปประเทศลาวแล้ว ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง และมีอากาศร้อนขึ้นโดยทั่วไป แต่ในบางพื้นที่ใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนยังคงต้องระวังอันตรายจากลักษณะอากาศดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง 

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ
ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมี
ลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร
อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ

อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ
ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 10
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12269 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 18:27:56 »



สวัสดีครับ คุณเหยง

เสียใจด้วยที่คุณหมอจ่ายยาให้ผิดแบบนั้น
คุณหมอหวังดี เพื่อไม่ให้ง่วง หรือคุณหมอ ลืมนึกว่าคุณเหยง เป็นเด็กเพราะขาดสติในการสั่งยา ไม่ทราบได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นบ่อย ๆ ไม่ดีแน่ ๆ ใครจะรับรองว่า ถ้าวินิจฉัยโรคผิดล่ะ จะเป็นอย่างไร ขนาดคุณเหยงเป็นเภสัชกรแท้ ๆ ยังพลาดได้

เรื่องบวชเณร พี่สิงห์  ไม่รู้เรื่อง และไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้ามันกระทำเพื่อเอาหน้า แต่ประเมินผิดและทำแบบนั้น มันมีเจตนาที่ไม่ดี กุศลมันไม่เกิดขึ้น อย่าทำดีกว่า  ไม่ดีเลย จริง ๆ

แต่มนุษย์ มันก็เป็นอย่างนี้ละ ลงอยู่ในจิตตนเอง ไม่รู้ว่าสมควรหรือไม่

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12270 เมื่อ: 08 เมษายน 2557, 18:44:45 »
















สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เมื่อคืน พี่สิงห์ นอนที่โรงแรมขวัญเรือน โคราช
เช้าได้ไปเดินออกกำลังกายที่สวนสมเด็จของกองทัพภาคที่ ๒ และไปทำงานที่ บ.ย่าโมคอนกรีตอัดแรง และกลับไปที่สระบุรีโรงงาน PSTC

ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านแล้วครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #12271 เมื่อ: 09 เมษายน 2557, 10:04:34 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์

วันนี้ยังไม่ได้อ่าน ธรรมะ ดีๆของพี่สิงห์ เลยครับ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12272 เมื่อ: 09 เมษายน 2557, 20:56:57 »




เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป

ถ้าท่านสามารถแยกสติ และความคิดออกจากกันได้
เมื่อท่านมีสติ ท่านจะเห็นความคิด
ท่านจะเห็นว่า เมื่อท่านคิด  ท่านไม่หลงอยู่ในคิด ความคิดนั้นก็ดับไปทันทีเพราะท่านรู้สึกตัว

คนเรานั้น ถ้าไม่มีสติ คือไม่รู้สึกตัวที่กาย ใจ ท่านจะหลงอยู่ในความคิด ท่านจะไม่เห็นความคิด ท่านจะกระทำตามที่ท่านคิด

แต่เมื่อใด ท่านรู้สึกตัว ความคิดก็จะดับทันที
หรือเมื่อท่านคิด  ถ้าท่านรู้ตัว มันจะหยุดคิดทันที

ความคิดมันเป็นเช่นนั้น คือ คิด พอรู้สึกตัว ความคิดก็หายไป

เรามาสร้างความรู้สึกตัว เพื่อแยกตนเองออกจากความคิด คือมีสตินั่นเอง แต่สติที่ได้นั้นเป็นเพียงสติในการดำรงชีวิตที่สงบสุข ไม่หลงอยู่ในความคิด แต่ถ้าเรามีศีลประกอบ จะพบสุขยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ถ้าท่านทำสตินั้นให้เป็นสมาธิ บรรลุญาณที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ได้ท่านจะเกิดวิปัสนาปัญญารู้ได้เอง(สัมผัส)

ทุกวันนี้ ที่เราทุกข์เพราะพอเราคิดเราก็หลงไปในความคิด ความคิดมันเต็มไปด้วย ความอยาก ตระหนี่ ริษยา มันนำทุกข์มาให้

เมื่อท่านคิด มันก็ทุกข์แล้ว เพราะท่านหลงอยู่ในคิด ความคิดมันไม่ดับเพราะท่านไม่รู้สึกตัว

ความคิดมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่  ดับไป  ถ้าท่านรู้สึกตัว

นอกจากนี้ความคิดมันเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของมัน ด้วยเหตุ-ปัจจัย และมันก็ดับไปเป็นธรรมดาของมัน ขอเพียงทท่านรู้สึกตัวหรือมีสติ เพราะมันย่อมดับไปของมันเองด้วยเหตุ-ปัจจัย ของมันอย่างนั่น ตลอดเวลา ธรรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น ขอเพียงท่านมีสติ มันก็ดับไปของมันเอง

ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และดับไปเป็นธรรมดาเช่นกัน ถ้าท่านมีสติ และอุเบกขาเพียงพอ ท่สนจะไม่คิดตาม เพราะ ท่าน เห็นความจริงในธรรมนี้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12273 เมื่อ: 10 เมษายน 2557, 10:34:03 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้าวันนี้ไปออกกำลังกายตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ President

และบ่าย ๆ ต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ไป Nok Air boarding 16:00 น.

สภาวะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือ สภาวะที่เราสามารถแยกรูป-นาม ได้ เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์ ๕ นั่นเอง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12274 เมื่อ: 10 เมษายน 2557, 14:35:25 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นนกแอร์ไปนครศรีธรรมราช
ที่สนามบินดอนเมือง ผู้คนมากมาย เครื่องบินเต็ม ราคาแพงกว่าปกติ มันเป็นเรื่องธรรมดา ในเทศกาลสงกรานต์ อย่างนี้ ทุกคนต้องการกลับบ้าน ไปท่องเที่ยว เพราะหยุดยาว

พี่สิงห์ ก็ถือโอกาสไปทำงาน พักผ่อน ที่โรงแรมทวินโลตัส หรือบ้านหลังที่สอง มาร่วมยี่สิบปีแล้ว

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ พี่สิงห์ ไปทำบุญ วันที่ ๑๓ เมษายน  ไปตอนเช้ามืด  รถคงไม่มาก

ที่นครศรีธรรมราช  จะหาเวลาไปสงน้ำพระพุทธสิหิงค์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 489 490 [491] 492 493 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><