21 พฤษภาคม 2567, 05:47:21
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 637 638 [639] 640 641 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3271669 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15950 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2559, 08:20:36 »


วัดใหญ่ชัยมงคล  อยุธยา ค่ำวันอาสาฬหะบูชา

สวัสดี ทุกท่านครับ

เกิด  แก่  เจ็บ  และตาย มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก(มนุษย์)

ดังนั้น เราต้องอยู่แบบไม่ประมาท ตามที่พระพุทธองค์ ทรงสอน ดำเนินชีวิตตาม มรรคมีองค์ ๘ ประกอบไปด้วย
- สัมมาทิฐิ
- สัมมาสังกัปปะ
- สัมมาวาจา
- สัมมากัมมันตะ
- สัมมาอาชีโว
- สัมมาวายามะ
- สัมมาสติ
- สัมมาสมาธิ

ทุกสิ่ง ล้วนเกิดจากเหตุ-ปัจจัย และดับไปเมื่อเหตุ-ปัจจัย ไม่มี

อย่าหลงไปกับความคิด เพราะคิดมีแต่ทุกข์

คนชอบร่ำไรรำพัน คร่ำครวญ เสียดายไปกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และวิตกกังวล ไปกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

จงมีสติ หรือรู้สึกตัวให้เป็นปัจจุบัน อยู่กับการยืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนไหวร่างกาย และลมหายใจ

เมื่อใดเห็นก็รู้ว่าเห็น ได้ยินก็รู้ว่าได้ยิน คิดก็รู้ว่าคิด  ทราบก็รู้ว่าทราบ เพียงเท่านี้เองครับ วันหนึ่ง คืนหนึ่ง

วันนี้ พี่สิงห์ เดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15951 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2559, 17:41:54 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์  อยู่นครศรีธรรมราช มาติดตามการสร้างโรงงาน ผลิต Hollow core slabs ที่โรงงานอำเภอพระพรหม

สร้างมาเกือบสองปีแล้ว  ยังไม่เสร็จเลย ที่ผ่านมาต้องใช้อุเบกขา เป็นอย่างมาก  แต่ไม่ใช่แบบอุเบกขาควาย

คาดว่าอย่างเร็ว อีกสองเดือน ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15952 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2559, 17:44:56 »



ส่วนที่ยังไม่เสร็จ คือแพล้นผสมคอนกรีต  ระบบน้ำ  ระบบไฟฟ้า  และลานสต๊อค

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15953 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2559, 18:46:03 »



ชีวิตชนบท !
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15954 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2559, 05:45:36 »



ทางสายเอก

อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ
เมื่อใดที่ท่านเกิดท้อแท้ ในทางวิริยะ มานะ ก็ต้องกลับมายึดทางสายเอก ใช้ทั้งศรัทธาพละ ศรัทธาอินทรีย์ มาเตือนตนเอง กระตุ้นตนเอง ไม่งอนแงน ต้องมีจิตใจไม่หวั่นไหว

ทางสายเอกประกอบด้วย
- ศรัทธา
- อยู่ในศีล
- อยู่ด้วยปัจจัย ๔ ที่พอเพียงต่อการดำรงชีพ
- วิริยะ มานะอุตสาหะ
- มีสติ
- ทำสติให้เป็นสมาธิ ฌาณที่ ๑ ๒ ๓ ๔
- ดำรงสติให้อยู่ใน ฌาณ ที่ ๔ เป็นเอกคตาจิต
- ปัญญา เห็นความเกิดดับในจิต เป็นไตรลักษณ์

ทางสายเอกนี้เท่านั้น ที่จะยุติการเกิดได้ เมื่อไม่มีเกิด ก็ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย และในชาตินี้เราจะพบกับความสงบตามอัตภาพได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15955 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2559, 19:49:53 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

คิดถึงท้องทุ่งนา

หน้านี้หน้าทำนาปี  ชาวนาก็หว่านข้าว ดำข้าว บำรุงรักษาต้นข้าว ต้องคอยสูบน้ำ ผันน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงต้นข้าว ต้องใส่ปุย และยากำจัดแมลงกินใบข้าว รวมทั้งปูนา ด้วย

ปัจจุบัน ชาวนานิยมปลูกข้าวอายุ ไม่เกิน ๓ เดือนก็เกี่นวข้าวได้แล้ส และเดี๋ยวนี้ชาวนาเริ่ทรวมกลุ่ม ทำเป็นนาแปลงใหญ่ ตามนโยบาลของรัฐบาล  จะได้มีทิศทางการตลาด การช่วยเหลือจากรัฐบาลได้

แถวบ้านพี่สิงห์  ญาติ และชาวบ้านในรอบลำแม่ลา การ้อง ดอนแฝก หางบาง ได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งองค์กร ทำเป็นนาแปลงใหญ่ ปลูกข้าวหอมมะลิ  บรรจุถุง

เมื่อก่อนข้าวหอมมะลิปลูกได้ดีเฉพาะทุ่งกุลาร้องให้ สุรินทร์ ศรีษะเกษ  แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ลำแม่ลา การ้อง ของสิงห์บุรี แหล่งปลาฉ้อนอร่อย ก็ปลูกข้าวหอมมะลิ ได้ดีมากอีกแห่งหนึ่งครับ

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15956 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2559, 14:55:35 »



ค้นหาจิตตนเอง!

จิตคนนั้นจะไหลไปตามสิ่งที่มาผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัญญา ที่เคยจำเอาไว้ และกรรมเก่าที่ติดมาในอดีตภพ

แต่ถ้าเราเจริญสติ  จนสามารถแยกจิต ออกเป็นความรู้สึกตัว หรือสติ และความคิดออกจากกันได้ เราก็สามารถจะตามจิตตนเองพบ

แต่โดยทั่วไปนั้น จิตปุถุชนม์คนธรรมดา จะไหลไปกับผัสสะที่ประสพ และคิด ไหลไปเหมือนกระแสน้ำ และควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ มีแต่นำทุกข์มาให้

ดังนั้น เมื่อท่สนเกิดมาเป็นมนุษย์ ในชาตินี้ ควรกาจิตตนเองให้พบ อย่าปล่อยให้เวลาหมดไป โดยความประมาท เลย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15957 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2559, 16:22:41 »



ขอใช้พื้นที่ตรงนี้นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ครับ
ผมอยากให้ทุกท่านที่เป็นแฟนเพจ ช่วยกัน share นะครับ จะได้ให้คนไทยได้รับความรู้ที่ถูกต้อง

1. เบาหวานเป็นโรคที่ไม่หายขาด แต่รักษาได้ ควบคุมได้เหมือนคนปกติ การที่น้ำตาลลดจนปกติ ไม่ได้หมายความว่าโรคนั้นหายขาด และตอนนี้ยังไม่มียาหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ทำให้เบาหวานหายขาดได้... ถ้ามีหมอจะรีบใช้ทันที

2. ยาเบาหวานที่มีในปัจจุบัน กว่าจะออกมาขายได้ เค้าทำการศึกษาอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย แม้ขายแล้วก็ยังติดตามผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ตัวไหนไม่ดี ไม่ปลอดภัยเค้าก็ไม่ขาย  

3. อย่าเชื่อว่ายาหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เห็ดหลินจือ สมุนไพร การล้างพิษ กาแฟ น้ำผลไม้หมัก น้ำคลอโรฟิลล์หรืออื่นๆ อีกมากมาย สามารถทำให้เบาหวานหายขาด ทำให้หยุดกินยาหรือหยุดฉีดยาได้  เพราะเท่าที่ทราบไม่มีตัวไหนเลยที่มีการศึกษาที่ชัดเจน และไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้... ถ้ามีจริงๆ หมอให้การรักษาไปแล้ว หมอก็อยากให้คนไข้หายเหมือนกัน

4. ยาเบาหวานปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้ไตวาย ถ้าไตไม่ดีเป็นจากเบาหวานเองที่คุมไม่ดีแล้วส่งผลต่อไตหรืออาจมีเหตุอื่นๆ ซึ่งหมอจะต้องหาสาเหตุและแก้ไข ยาที่ให้ส่วนใหญ่หมอจะต้องพิจารณาแล้วว่าให้ได้หรือไม่ ให้ไม่ได้ก็ไม่ให้ ให้แล้วเสี่ยงก็ไม่ให้... หมอทุกคนระวังอย่างที่สุดอยู่แล้ว

5. ยาต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร น้ำผลไม้ สารพัดเห็ด หรืออื่นๆ บอกตรงๆ ว่ามีคนไข้จำนวนมากกินเข้าไปแล้วไตวาย บางคนตับอักเสบ ตับวายก็มี แพ้ก็เยอะ... จะเสี่ยงหรือ ??

6. ถ้าจำเป็นต้องฉีดยา ก็ฉีดเถอะ หมอส่วนใหญ่ทราบข้อบ่งชี้อยู่แล้วว่าจะให้เมื่อไหร่ พวกเราถูกสอนมา ไม่มีหมอคนไหนอยากให้คนไข้เจ็บ อยากให้คนไข้ลำบาก และพอเห็นว่าต้องฉีด ก็อย่าไปลองของใหม่ ยิ่งทำให้แย่ลงได้

7. อยากให้อย. ดูแลอย่างจริงจังสักที กับการใช้ social media ขายของที่เป็นอันตราย เพราะมันเป็นอาชญกรรมรูปแบบใหม่ ทำร้ายคนไข้ บางคนเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วันหลังได้ ผมเสนอให้มีศูนย์รับรายงานถึงเพจต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม บางโฆษณามีเบอร์โทรขายของให้ไว้ ก็น่าจะดำเนินการได้ไม่ยากถ้าจะดำเนินการกันจริงๆ

ผมต้องขอโทษถ้าเขียนแรงและตรงเกินไปนะครับ แต่ผมมีเจตนาดี ไม่อยากให้คนที่เป็นโรคอยู่แล้วเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง  แถมเสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วยครับ..

ช่วยกันนะครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15958 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2559, 19:17:50 »



น้ำมาปลาก็กินมด
พอน้ำลดมดกินปลา

ที่วัดป่าสุคะโต
ในฤดูแล้งที่ผ่านมา
น้ำแห้ง แทบจะหมด
ไปจากสระที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ภายในวัด

ขณะนี้เมื่อย่างเข้าหน้าฝน
มีฝนตกลงมาและน้ำเริ่มไหล
ซึมเข้าไปในสระที่ทางวัดทำไว้
เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดทั้งปี

กลางคืนได้ยินเสียงปลามาหากินอาหาร

ก็อดจะนึกถึงน้ำที่ไหลเข้ามาในสระ
เช่นเดียวกับสติของคนเรา

ถ้าเมื่อใดสติมีน้อยหรือแห้งไปจากสระน้ำแล้ว
อกุศลธรรมเปรียบเช่นเดียวกับมด
ก็จะมาไล่กัดกินปลาจนสิ้น

แต่เมื่อใดที่เรามีสติเพิ่มเติมเข้ามาและมากเพียงพอ
ก็จะเป็นกำลังให้แก่ปลาในสระได้เข้ามา
กินมด
เช่นเดียวกับกุศลธรรมที่เจริญเติบโตจนสามารถที่จะจัดการกับ
อกุศลธรรมทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย
https://archive.org/details/Visalo2016
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15959 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2559, 19:22:22 »



  ลายมือสุดท้าย

เช้าตรู่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๔ นาฬิกา หลวงพ่อกดออดเรียกพระที่จำวัดอยู่กับหลวงพ่อ ท่านส่งสัญญานว่าจะขอพลิกตัว ขณะนั้นเป็นช่วงที่ท่อหายใจถูกก้อนเนื้อดันออกมาจนเกือบหลุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ดูแลเคยมีประสบการณ์มาแล้ว จึงให้การช่วยเหลือได้ทันที แม้ว่าจะหายใจได้ลำบากแต่หลวงพ่อก็ไม่ได้แสดงอาการทรมานให้เห็น

หลังจากได้รับยาประมาณ ๒๐ นาที ก็ยังไม่สามารถดันท่อหายใจกลับเข้าที่เดิมได้ หลวงพ่อให้สัญญาณว่าจะเข้าห้องน้ำ พอเปิดทาง หลวงพ่อก็ลุกขึ้นนั่งแล้วพยุงตัวเดินเข้าห้องน้ำเอง เมื่อท่านขับถ่ายเสร็จ ก่อนจะออกมาก็ล้างมือ ล้างเท้า ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็กลับมาที่เดิม นอนตะแคงด้านขวาแบบสีหไสยาสน์

การหายใจของหลวงพ่อติดขัดมากขึ้น ท่านให้สัญญาณขอกระดาษกับดินสอ พอเขียนเสร็จก็ยื่นให้พระผู้ดูแล และยกมือไหว้พระที่ดูแลท่าน แล้วก็นอนลืมตาสบายๆ เป็นปกติ

หลังจากนั้นประมาณ ๑ นาที เสียงลมหายใจของหลวงพ่อก็ดังขึ้นๆ เหมือนกับท่านหายใจได้ยากขึ้น แล้วเสียงหายใจก็หยุด คอก็พับลง น้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะก็ไหลเล็กน้อย สัญญาณชีพดับลง เมื่อเวลาประมาณ ๔.๕๐ น.

ลายมือสุดท้ายที่หลวงพ่อเขียนไว้คือ "พวกเรา ขอให้หลวงพ่อตาย"

จากหนังสือ   
"คืนสู่ธรรมชาติ วิถีสู่การตายอย่างสงบ
 บทเรียนจากการดูแลหลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15960 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2559, 20:34:00 »



12 เหตุผล

ที่ทำให้ชาวพุทธหลายคน

ไม่สามารถเข้าถึง

ผลแห่งการปฏิบัติภาวนา

1. ถ้าไม่หายสงสัยจะไม่ทำ หมายความว่า เป็นคนที่ต้องเห็นถึงจะยอมทำ ต้องรู้ให้ได้ว่านรกมีจริง สวรรค์มีจริง ชาตินี้ชาติหน้ามีจริง ถ้าไม่เห็นด้วยตาตนเองจะไม่ยอมทำอะไรเลย ซึ่งถ้าคิดเช่นนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรจริงๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พิสูจน์ไม่ได้ พิสูจน์ได้แน่นอนแต่ต้องใช้เวลา ต้องพัฒนาจิตไปได้ระดับหนึ่งจึงสามารถรู้เห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะขอเห็นก่อนโดยไม่ลงมือปฏิบัติ คนพวกนี้จึงได้แต่โต้แย้งในสิ่งที่ตนเองสงสัย ทำให้สูญเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ

2. เห็นประโยชน์และมีความศรัทธา แต่มีข้ออ้างมากมายเพราะความเกียจคร้าน คนเหล่านี้จะชอบทำบุญมากกว่าการภาวนา เพราะทำได้ง่ายกว่า ซึ่งก็ไม่ผิด แต่การทำบุญ ทำทาน ก็ไม่ใช่ตัวที่จะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ ถือว่าเป็นกลุ่มที่เข้ากระแสความดีแล้ว แต่ยังไปไม่ถึงตัวแก่นของพระพุทธศาสนา

3. พูดมากเกินไป หมายความว่า เมื่อหาความรู้ได้แล้ว แทนที่จะลงมือปฏิบัติ กลับนำความรู้มาโต้เถียง วิเคราะห์ เที่ยวจับผิดสำนักนั้น สำนักนี้ โดยที่ไม่ได้ลงมือพัฒนาจิตใจของตน ผลที่ตามมาก็คือ จิตใจจะยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะอัตตาตัวตนพอกพูน คิดว่าตนเองดีกว่าผู้อื่นเพราะรู้หลักธรรมมาก

4. ติดความดีมากเกินไป หมายความว่า มุ่งมั่นในการทำสาธารณะประโยชน์มากเกินไป ช่วยเหลือผู้อื่นจนไม่มีเวลาช่วยเหลือตนเอง เมื่อช่วยเหลือผู้อื่นไปนานๆ มักจะมีความทุกข์ตามมาในภายหลัง เพราะเก็บเรื่องความทุกข์ของผู้อื่นมาคิดจนวุ่นวายปวดหัวไปหมด สุดท้ายก็เกิดความท้อแท้ เพราะไม่เข้าใจว่า โลกคือสิ่งที่เราไปควบคุมไม่ได้

5. มุ่งอยู่กับความผิดของผู้อื่น หมายความว่า ใช้เวลาจับผิดคนทั้งโลก จนไม่มีเวลาจับผิดตนเอง วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นมากเกินไป คิดจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนสังคม แต่ไม่เคยเปลี่ยนตนเอง เพ่งโทษความผิดพลาดของผู้อื่น จนจิตใจตนเองขุ่นมัว ไม่มีความเบิกบานพอที่จะปฏิบัติธรรมได้เลย

6. ยึดติดกับรูปแบบ อัตลักษณ์ หมายความว่า มีความเข้าใจผิด ชอบคิดว่าการปฏิบัติธรรมจะต้องทำในวัด นุ่งขาวห่มขาว ต้องมีกฏระเบียบที่แตกต่างไปจากการใช้ชีวิตธรรมดา คนกลุ่มนี้จะติดวัดเป็นพิเศษ ชอบหาเวลาเข้าวัดไปปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ได้ไปวัด จะรู้สึกว่า ปฏิบัติธรรมไม่ได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นว่า ไปติดสังคมในวัด ไปหาเพื่อนคุยในวัด ซึ่งกลายเป็นกับดักอีกรูปแบบหนึ่ง

7. ทำๆเลิกๆ หมายความว่า เมื่อฟังธรรมก็เกิดความเข้าใจ เห็นคุณค่า และลงมือปฏิบัติ หากแต่เป็นพวกขี้เบื่อ มีความเพียรน้อย ทำหนึ่งเดือน หยุดสองเดือน ในการปฏิบัตินั้น ถ้าปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ผู้ปฏิบัติก็จะได้รับผลแห่งการปฏิบัติเองอย่างไม่ต้องสงสัย หลายคนปฏิบัติไปไม่ถึงจุดแห่งมรรคผล แต่กลับล้มเลิกกลางคัน ทำให้ขาดประสบการณ์ทางจิต เมื่อเลิกไป แล้วกลับมาทำใหม่ ก็เท่ากับเริ่มต้นกันใหม่ไม่จบสิ้น ที่สุดแล้วก็เกิดความท้อแท้ คิดว่าตนเองเป็นผู้ไร้วาสนาไม่อาจบรรลุธรรมได้ คนพวกนี้ก็มีไม่น้อยเลย

8. ปฏิบัติผิดวิธี หมายความว่า เป็นกลุ่มที่โชคร้าย เพราะคิดดี และต้องการทำดี แต่ไปเจออาจารย์ไม่ดี เจออรหันต์ปลอม เจอสิบแปดมงกุฏ จึงทำให้การปฏิบัติผิดทิศผิดทางไปหมด คล้ายๆกับองคุลีมาลที่ถูกอาจารย์หลอก ในข้อนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการคบหากัลยาณมิตร หาความรู้ที่ถูกต้อง ต้องหัดใช้หลักกาลามสูตร เช่นนี้ก็จะแก้ไขได้

9. ให้เวลากับทางโลกมากเกินไป หมายความว่า ไม่รู้จักการแบ่งเวลา ไม่รู้จักสร้างสมดุลย์ให้ชีวิต คนพวกนี้จะใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายไปเรื่อยๆ ต้องสุข ต้องทุกข์ไปเรื่อยๆ อาจอยู่ห่างไกลการพัฒนาจิตใจไปเรื่อยๆ จนมีจุดเปลี่ยนของชีวิต เกิดความทุกข์ครั้งใหญ่จนทำให้เขาต้องกลับมาสร้างสมดุลย์ชีวิตอีกครั้ง เป็นผลให้เสียเวลาปฏิบัติทางจิตไปมาก บางคนมาปฏิบัติในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ดี เนื่องจากสังขารไม่อำนวย นั่งไปปวดไป ทำได้ไม่เท่าไหร่ ก็ลมจับ ล้มพับไปก็มี เป็นการเสียโอกาสเพราะความชราภาพโดยแท้

10. คนจมทุกข์ หมายความว่า เป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง วันๆ เอาแต่ทุกข์ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง จนเป็นคนเสพติดความเศร้า ความเหงาโดยไม่รู้ตัว นานวันเข้าก็เริ่มเป็นความเคยชินของชีวิต คนเหล่านี้จะชอบฟังธรรมะที่ปลอบประโลม ชอบให้คนอื่นปลอบ แต่ไม่ชอบช่วยตนเอง นิยมการใช้ธรรมะชั้นต้นเพื่อบำบัดทุกข์ แต่ในขั้นตอนของการปฏิบัติภาวนาจะไม่ชอบ ไม่มีกำลังใจพอที่จะเปลี่ยนตนเองได้เลย

11. คนที่มีความสุข โลกสวยงาม คิดบวกตลอดเวลา หมายความว่า เป็นพวกที่ทำอะไรก็สำเร็จไปเสียหมด มีวิธีมองโลกให้สดใสไปทุกอย่าง ถ้าความจริงไม่ดี ก็มองให้มันดีเสีย จึงไม่ค่อยได้เจอความทุกข์ เมื่อไม่ค่อยได้พบความทุกข์ จึงไม่รู้จะปฏิบัติธรรมไปทำไม เชื่อว่าตนเองจัดการทุกอย่างได้ บุคคลพวกนี้ จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง เพราะเป็นไปได้ว่า ชั่วชีวิตเขาอาจไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรมเพื่อลดทอนภพชาติได้เลย เป็นกลุ่มที่น่าสงสาร เพราะต้องเวียนว่ายตายเกิดไปอีกนาน

12. ฉลาดเกินไป หมายความว่า เป็นคนที่ตกเป็นทาสของความคิด ยึดติดอยู่กับการค้นหมายชีวิตเชิงปรัชญา คิดเอาเองว่า ความคิดจะทำให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้ คนพวกนี้จะถือความคิดเป็นใหญ่ ยึดติดอยู่กับการวิเคราะห์โดยไม่รู้ว่า มีภาวะบางอย่างที่เกินขีดความสามารถของสมองไปแล้ว คนกลุ่มนี้จะฉลาดทางโลก แต่กลายเป็นคนโง่ในทางธรรม

การเวียนว่ายตายเกิดไม่ใช่ของสนุก พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่คือทุกข์แห่งการเวี่ยนว่ายตายเกิด เพราะการเวี่ยนว่ายตายเกิดนั้นเป็นที่มาแห่งทุกข์ทั้งมวล เป็นการยากมากที่ใครสักคนจะเกิดมาเป็นมนุษย์ ยิ่งยากเข้าไปอีกที่จะได้พบกับศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อเรามีคุณสมบัติครบบริบูรณ์เช่นนี้ ขอจงทำลายความโง่เขลาทั้ง 12 ประการนี้เสีย และเร่งความเพียรของตนเอง พัฒนาจิตตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนำสันติสุขมาสู่เรา เข้าสู่นิพพานตลอดอนันตกาล

บทความของ

คุณ พศิน อินทรวงค์ ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15961 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 06:35:00 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้ วันออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ 
ขอเรียนเชิญทุกท่าน ไปทำหน้าที่ของท่าน ตามที่ท่านเห็นสมควร
ประเทศไทยอยู่ในกำมือขอท่าน  ท่านจงใช้ให้ก่อประโยชน์ เถิด

วันนี้ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน
อาหารเช้า เป็นธัญพืช รับประทานกีบประตัวเล็ก ๆ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15962 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 06:41:09 »



เป็นทั้งโชคและบุญกุศลอย่างยิ่ง
ที่ข้าพเจ้ามีโอกาสพบพานครูบาอาจารย์
ที่ประเสริฐหลายท่านแต่

ไม่มีท่านใดที่ข้าพเจ้าได้อยู่ใกล้ชิด
อย่างยาวนานเท่าหลวงพ่อคำเขียนสุวัณโณ
หลังจากอุปสมบทได้ไม่นานข้าพเจ้า
ก็ได้มาอยู่ในความดูแลของท่านโดยตลอด
แม้นว่าในช่วงที่พักข้าพระเจ้า
อยู่ในร่มเงาแห่งเมตตาธรรมของท่าน
ก็ยังปกแผ่ไปถึงชีวิตและคำสอนของท่าน
มีอิทธิพลต่อเส้นทางชีวิตของข้าพเจ้า
มิใช่น้อยหากมิได้มาเป็นศิษย์ของท่าน
ก็น่าสงสัยว่าข้าพเจ้าจะยังมีความยินดี
ในเพศบรรพชิตจนถึงทุกวันนี้หรือไม่

พระอาจารย์ไพศาลวิสาโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15963 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 06:53:11 »



มหาภูตธาตุ ทั้ง ๔ !

ทุกท่านจงมองรอบ ๆ ตัวของท่าน จะพบว่าโลกใบนี้ประกอบไปด้วย มหาภูติธาตุ ทั้ง ๔ สิ้น

มหาภูตธาตุทั้ง ๔ นั้นประกอบไปด้วย
- ธาตุดิน  คือส่วนที่เป็นของแข็ง
- ธาตุน้ำ คือส่วนที่เป็นของเหลว
- ธาตุลม คือส่วนที่เป็นอากาศ หรือที่ว่าง
- ธาตุไฟ คือส่วนที่เป็นความร้อน หรืออุตุ หรือไออุ่น

แต่สำหรับมนุษย์นั้น นอกจากประกอบไปด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ แล้ว ยังมีวิญญาณธาตุ หรือการรู้แจ้งทางอารมณ์ อีกธาตุหนึ่ง ประกอบเข้าไปด้วย

จะเห็นว่า วิญญาณธาตุ เป็นเพียงธาตุ เท่านั้น ไม่มีตัวตน เป็นเพียงความรู้สึกในอารมณ์ หรือความคิด หรือว่าโดยรวมก็คือจิต  ไม่มีตัวตนใด ๆ เลย และก็บังคับบัญชา มันก็ไม่ได้ อารมณ์รู้แจ้ง หรือวิญญาณธาตุ มันจะเกิดตามเหตุ-ปัจจัย และดับเมื่อเหตุ-ปัจจัยไม่มี เป็นอนิจจัง  ทุกขัง และอนัตตา

เมื่อท่านภาวนา ถึงจุด ๆ หนึ่ง ท่านจะทราบได้เองว่าบนโลกใบนี้ประกอบไปด้วย มหาธาตุทั้งสี่ ในสิ่งที่ไม่มีชีวิต และประกอบไปด้วย มหาธาตุทั้ง ๕ ในสิ่งที่ทีชีวิต

มันเป็นเพียงธาตุ  จริง ๆ ไม่สมควรที่เราจะไปยึดถือว่า เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราไปเป็นนั่น  นั้นเป็นของของเรา

แต่เพราะความเคยชินมาแต่ต้น และแยกรูป-นาม ไม่ออก จึงคิดว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั้นเป็นของของเรา ไปเสียสิ้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15964 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 08:19:39 »


หวังว่า การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ จะเป็นเสียงบริสุทธิ์ ที่ออกมาจากความคิดเห็นของตนเอง ไม่มีผู้ใดชี้นำ บริสุทธิ์ ดังเด็กหญิงในรูป ที่ลงแรงไปหาหน่อไม้มาขาย ถึงจะเป็นเงินน้อยนิด แต่ก็บริสุทธิ์ ตามสัมมาอาชีโว

สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์  ได้ไปทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ในการไปเป็นพยานเปิดหีบ การลงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ

พี่สิงห์ ไปถึงหน่วยเลือกตั้งเวลา 07:30 น.
ตรวจสอบรายชื่อว่ามีชื่อ หรือไม่ พบรายชื่อ อยู่ที่อันดับ 563
มาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่  ยืนรอเวลา

เจ้าหน้าที่ ได้ชี้แจงให้ทราบว่า เนื่องจากเป็นคนแรก ที่มาลงประชามติ จึงขอให้ช่วยเป็นพยานในการเปิดหีบ ปกติใช้ ๒ ท่าน และที่หน่วยนี้ มีคนมารอลงประชามติ ก่อน 08:00 น. จำนวนมากกว่าสิบท่าน

เวลา 08:00 น. เจ้าหน้าที่ประกาศ ให้สามารถลงประชามติได้ จึงได้เซ็นชื่อ แสดงตนมาลงประชามติ  เซ็นชื่อเป็นพยานเปิดหีบ ล๊อคกุญแจหีบ  ประทับรอยหัวแม่มือในเอกสาร รับเอกสาร ลงประชามติ
เดินเข้าช่องลับ ลงประชามติ พับบัตร
หย่อนบัตรลงในกล่องรับ

เสร็จสิ้นหน้าที่ของพลเมืองประเทศไทย ท่านหนึ่ง ในวันนี้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15965 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:07:26 »



แม่บัวลอง บ้านทุ่งคำหลวง ต.ท่ามะไฟหวาน
ถวายความรู้สาธิตขั้นตอน
การเลี้ยงไหม...พันธุ์พื้นบ้าน
และวิธีสาวไหม...อย่างละเอียดลออ
พร้อมกับนำชมผลงานผ้าไหมทีทอไว้
ที่ตั้งใจทอเก็บไว้เป็นมูลมังให้ลูกหลาน
โดยจะใช้เวลาในช่วงที่มีกำลังวังชาอยู่นี้
สร้างสรรค์งานเป็นงานอดิเรกไปเรื่อยๆ
......
ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของคนอีสานแท้ๆ
ที่จะไม่ปล่อยเวลาว่างทิ้งไปเปล่าๆ
แต่จะหางานอดิเรกทำให้เกิดประโยชน์
ในช่วงว่างจากการทำไร่ทำนา
....
ช่วงนี้จะสาวไหมเก็บไว้
เพื่อใช้ทอในช่วงหน้าหนาว
หลังฤดูเก็บเกี่ยว
....
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครมาสืบทอด
ภูมิปัญญาเหล่านี้อย่างจริงจัง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15966 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:09:09 »



ปลูกต้นหม่อน เพื่อเอาใบไปเลี้ยงหนอนไหม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15967 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:11:02 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15968 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:11:40 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15969 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:12:31 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15970 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:13:17 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15971 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:14:02 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15972 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:14:50 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15973 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:15:50 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15974 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2559, 21:16:22 »

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 637 638 [639] 640 641 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><