05 พฤษภาคม 2567, 16:19:58
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 31  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีต้อนรับพี่ๆ รุ่น 2510 ครับ  (อ่าน 285996 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #625 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 09:00:52 »

สถานการณ์ ลงไว้ใน ShoutBox ครับ
      บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #626 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 10:55:33 »

 emo25:(((เขาว่า  กรุงเทพจะแตกวันนี้แล้วหรือ  ไม่น่าเลย ที่ประมาทจน...วันนี้เกิดขึ้นได้  มันน่าจะ เอาตระกูลอุบาทว์นี้มาแล่เนื้อเอาเกลือทาให้หมดสิ้น.. ขึ้นเลย
      บันทึกการเข้า
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #627 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 10:58:14 »

 

             

                     http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000069038




             อ่านข่าวนี้แล้วต้องทำใจว่านักการเมืองไทยคิดได้เพียงเท่านี้ คิดแต่เพียงเอาตัวรอดแทงกั๊กอย่างเดียว
      บันทึกการเข้า
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #628 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:07:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 19 พฤษภาคม 2553, 10:55:33
emo25:(((เขาว่า  กรุงเทพจะแตกวันนี้แล้วหรือ  ไม่น่าเลย ที่ประมาทจน...วันนี้เกิดขึ้นได้  มันน่าจะ เอาตระกูลอุบาทว์นี้มาแล่เนื้อเอาเกลือทาให้หมดสิ้น.. ขึ้นเลย


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=NXLuXrgrUDo" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=NXLuXrgrUDo</a>
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #629 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:15:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 19 พฤษภาคม 2553, 10:55:33
emo25:(((เขาว่า  กรุงเทพจะแตกวันนี้แล้วหรือ  ไม่น่าเลย ที่ประมาทจน...วันนี้เกิดขึ้นได้  มันน่าจะ เอาตระกูลอุบาทว์นี้มาแล่เนื้อเอาเกลือทาให้หมดสิ้น.. ขึ้นเลย

ขอร่วมส่งเกลือไปสมทบค่ะ .. กลัวว่าจะแสบไม่พอ
     sorry
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #630 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:31:06 »

บทความ "คนปลายซอย" ของ คุณเปลว สีเงิน

กบฏที่กำลังเป็น "ปลาปากแห" ให้ทหาร
เปลว สีเงิน 19 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      กรุงเทพฯ ประกาศเป็นสัปดาห์ "หยุดงาน-กวาดกบฏ" ตั้งแต่จันทร์ที่ ๑๗ พ.ค.-อาทิตย์ที่  ๒๓ พ.ค.๕๓ ถ้าถามว่า "แน่นะ...จันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ชีพจรเมืองจะเดินปกติ?" ผมก็ว่า ถึงวันนั้น "น่าจะปกติ" แต่ถ้ายัง...แสดงว่าต้องมี "ปาฏิหาริย์เหนือวิกฤติ" เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องไปสนใจเรื่องปาฏิหาริย์ ที่ควรสนใจคือ จากจันทร์หน้าเป็นต้นไป เราจะไม่เห็น "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" อีก แต่จะเห็น "การทหารและการเมือง" นำบ้านเมืองออกจากฝันร้ายด้วย "โครงสร้างใหม่ๆ" ร่วมกันในระบบรัฐสภา และนั่นคืออะไร...ผมก็ไม่ทราบ เพียงแต่ "ภาวะเหนือความเข้าใจ" บางอย่าง...กระซิบบอก!?

      เมื่อพฤษภาคม ๒๕๓๕ คือเมื่อ ๑๘ ปีที่แล้ว เราเกิด "พฤษภาทมิฬ" และวันนี้ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตัวเลขเดียวกัน แต่กลับกันจาก ๓๕ มาเป็น ๕๓ เราเกิด "พฤษภา-มหานรก" ถ้ามองในมุมรหัสดาว ก็ไม่น่าแปลกใจตามวงรอบดาวเสาร์ ซึ่งคุยกันไปแล้วว่า เสาร์รอบนี้เป็น "เสาร์รอบเช็กบิล" ใครทำดี ชีวิตอยู่ในศีล-ในธรรม ก็ถึงคราวชีวิตนำสุขมาสู่อันไม่เคยประสบเช่นนี้มาก่อน แต่ถ้าใครทำชั่ว ชีวิตเกลือกกลั้วอยู่กับความเลวร้าย ก็ถึงคราววิบัติ ฉิบหาย-ตายจาก พรัดพราก ราพณาสูร วงจรชีวิตจะมีแต่โศกาอาดูร สิ่งที่เพิ่มพูนคือทุกข์ถมทุกข์! ขณะนี้ รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ เขาก็คือตัวแทน "ดาวเสาร์" มาทำหน้าที่เช็กบิล "มนุษย์บุญ-มนุษย์บาป" ไม่มีความหมายอะไรที่พวกกบฏแผ่นดิน ปากก็ตะโกนว่า "รัฐบาล-ทหารฆ่าประชาชน"

      แต่มือพวกมัน...ฆ่าทหาร-เผาเมือง พยายามล้มสถาบัน เปลี่ยนระบอบ กระทำทารุณ โหดร้าย ป่าเถื่อน กับพี่น้องประชาชนร่วมชาติอันไม่เคยปรากฏว่ามนุษย์เมืองไหนจะทำกับบ้านเมืองตัวเองอย่างที่ "กบฏทักษิณ" กำลังทำ! รัฐบาล-ทหาร ไม่ได้ฆ่าประชาชน.....แต่ฆ่าผู้ก่อการร้ายที่ทำลายเมือง เป็นการพิทักษ์ชาติ-ประชาชน! ฝ่ายกบฏก่อการร้ายจะยอมเจรจา หรือไม่ยอมก็ตาม เมื่อมาถึงจุดนี้ คือจุดที่ "ไม่มีใครแพ้-ชนะ" เพราะแพ้ด้วยกันทั้งประเทศอยู่แล้ว รัฐบาล-ทหาร จะอ่อนข้อ-รามือเปิดโอกาสให้สัตว์ป่าเลียแผลไม่ได้  เพราะเห็นมาตลอดแล้วว่า "สัจจะไม่มีในหมู่โจร" เจรจากับโจรก็เจรจาไป แต่ฝ่ายรัฐต้องเป็นฝ่าย "หยัดอยู่-ชูกฎหมาย" ไม่ใช่ให้โจรมาต่อรองนอกกรอบกฎหมาย ซึ่งจะทำให้อีกหลายกลุ่ม-หลายพวกในขบวนการยกเป็นเงื่อนไขมาต่อรองบ้างในโอกาสต่อไป และนั่นก็จะทำให้คำว่า "๒ มาตรฐาน" ถูกโจรไร้ยางอายเวียนนำมาใช้ยามไม่ได้อย่างใจอีก!

      ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.มาทำหน้าที่ตัวกลางในการเจรจาหาทางสงบศึกระหว่างกบฏกับรัฐบาล ไหนๆ ก็ทำดี เป็นสัญลักษณ์แห่งประสานสามัคคีอยู่แล้ว แต่ทำไมแม่ปูต้องแยก-แตกสามัคคีเป็นกลุ่ม ๖๔ ส.ว.บ้าง กลุ่ม ๔๐ ส.ว.บ้าง ไปทำหน้าที่ตัวกลาง กลุ่มใคร-กลุ่มมัน เห็นแล้ว วุฒิภาวะแห่งวุฒิฯ จะมีตำหนิไปหน่อยนะครับ!

      ในการปราบกบฏที่มีกองกำลังก่อการร้ายเป็นหน่วยรบนั้น ก็ชัดแล้วว่า "หัวหน้าผู้ก่อการร้าย" อยู่นอกประเทศ ขณะนี้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งพ่อ-แม่-ลูก ช็อปปิ้งกันเพลินที่ฝรั่งเศส แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากจะบอก ที่อยากจะบอกคือ ยุทธการปราบกบฏครั้งนี้ ต้องใช้ระบบ "สื่อสารสังคม" ให้มาก! โจรอยู่เรือนพุธ โจรก็ปากเก่ง แต่พุธถึงอาทิตย์ถึงพฤหัสฯ สู้ปากรัฐบาลไม่ได้ เพราะเป็นปาก "สีผึ้งเสก" ฉะนั้น พูดอะไร สังคมจะให้น้ำหนักในการเชื่อถือมากกว่า เพราะฉะนั้น การจะให้ชนะศึกทั้งในสนาม  และทั้งในสนามสังคมโลก ศอฉ.จะต้องเป็นมิตรกับสื่อ และใช้การสื่อสาร "ออกข่าว-ออกจอ" เป็นประจำ ดาวพุธของหัวหน้าโจรก่อการร้ายเสีย แต่ดาวพุธในดวงเมืองขณะนี้ รัฐบาล-ทหารกำลังดีวัน-ดีคืน  และผมเชื่อว่า เสร็จศึกสนามแล้ว ต่อไปฝ่ายกบฏจะเปิดศึกทางมวลชนผ่านระบบสื่อ ฟ้องโน่น-ฟ้องนี่ ทั้งใน-นอกประเทศ โดยบิดเบือนทั้งเอกสาร ทั้งภาพ ให้ปรากฏว่า "รัฐบาล-ทหาร ฆ่าประชาชน"

      พยานบุคคลที่เป็น "คนกลาง" สำหรับใช้อ้างอิงว่า "ใครพูดตรง-ใครพูดบิด" ได้ดีที่สุดคือ สื่อมวลชนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น นักข่าว-ช่างภาพ-ช่างกล้อง ที่ติดตามอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ใกล้ชิดตลอด และนั่น ฝ่าย ศอฉ.ซึ่งปฏิบัติการเปิดเผยท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชน น่าจะรวบรวมรายชื่อ สังกัด สถานที่ติดต่อ ของสื่อมวลชนนั้นไว้ทั้งหมดในฐานะ "สื่อร่วมศึก" เพราะสื่อมวลชน "คนกลาง" นี่แหละ เมื่อถึงคราวชี้ขาด สามารถบอกได้จากเหตุการณ์ที่ "เห็นด้วยตา" ตัวเองว่า อะไรใช่...อะไรไม่ใช่! ผมสังเกตว่าพวกกบฏเขารู้ และฉลาดในการยืมมือสื่อสร้างความชอบธรรม ฉะนั้น บางอ่านอาจสงสัยว่าตอนกลางวันโล่งๆ ทำไมกองกำลังกบฏทักษิณจึงเผยตัวให้เห็นตอนยิงหนังสติ๊กบ้าง ตอนเข็นยางมาเผาบ้าง ตอนจุดพลุ-จุดตะไลบ้าง ที่ว่าอาวุธร้ายแรงก็แค่ทำระเบิดขวดให้นักข่าว-ช่างภาพบันทึกเป็นภาพไปเผยแพร่ ไม่เห็นมี "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" มือระเบิดเอ็ม ๗๙ มือเอ็ม ๑๖ มือดักสังหาร มือแม่นปืน อย่างที่พูดกันแต่อย่างใด? นี่ไง...ที่ผมว่ายุทธศาสตร์ทางสื่อที่พวกกบฏใช้ พวกกบฏจงใจแอคชั่น "ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ" มีเพียงหนังสติ๊กเป็นพื้นสู้กับฝ่ายทหารปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้าจอโทรทัศน์ ตามบรรทัดข่าวที่นักข่าวรายงานออกไป เพื่อสนับสนุนการปลิ้นปล้อนบนเวทีของแกนนำที่ว่า ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ-ไม่มีใครตาย, แต่ทหารมีปืน-ประชาชนตาย!

      แต่พอมืดค่ำ มันดับไฟหมด เอาล่ะตานี้ มือระเบิด มือซุ่มยิง มือปืน เรียกว่าสารพัดอาวุธสงคราม โจรก่อการร้ายฝ่ายกบฏมันขนออกมาเป็น "มือฆ่ามุมตึก" ทั้งยิงใส่ ทั้งปาระเบิด ทั้งเผา เรียกว่าฆ่าไม่เลือกหน้า พวกทหาร หรือพวกชาวบ้าน "ขอให้ตาย" ถือว่าสะใจกูแล้ว นั่นคือ ผู้บาดเจ็บและตาย ส่วนหนึ่งมาจาก "มือฆ่ามุมตึก" อันยากที่ช่างภาพ-ช่างกล้องจะจับภาพมาให้เห็นชัดๆ เหมือน "ยิงหนังสติ๊ก" ตอนกลางวันได้ แต่ในข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ นักข่าวในภาคสนาม รับรู้ได้ด้วยตา ด้วยวิญญาณนักข่าวถึง "มือฆ่า" ที่อยู่ข้างหลังของมือหนังสติ๊ก! สมมุติว่ารัฐบาล-ทหารกระหายเลือด จงใจฆ่าคนเผาบ้าน-ทำลายเมืองจริงๆ แล้ว ๗ วัน มีคนตาย  ๓๖ คน บาดเจ็บกว่า ๒๐๐ คน ต้องไล่ออกทั้งกองทัพ เพราะแสดงว่าฝีมือและสมรรถภาพห่วยมาก แต่ในข้อเท็จจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ที่ตาย-เจ็บแค่นั้น เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะแสดงชัดว่า ทหาร-หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ-ล้มตายจนถึงที่สุดแล้ว! มิคสัญญีเมืองขนาดนี้     รัฐบาล-ทหาร ถนอมชีวิตคนเผาเมืองได้มากกว่าที่คาดว่าน่าจะสูญเสีย เราควรจะมองมุมนี้มากกว่าไปเพ่งเล็งในมุมลบ ถ้าจะเพ่งเล็ง ต้องไปดูเหตุการณ์ที่ตากใบ และที่กรือเซะ  ทักษิณสั่งฆ่าทีเดียวร่วมร้อยศพ นั่นเป็นตัวเลขสูญเสียที่ประชาชนเห็นว่า...ไม่มีเหตุผลที่ต้องสูญเสียเลย! หรืออย่างสงกรานต์ที นั่งนับศพกันได้ปีละ ๓๐๐-๔๐๐ ศพ ภายใน ๗ วัน ปีแล้ว-ปีเล่า "ตายนับร้อยทุกปี" แล้วตัวเลขมากมายขนาดนี้มีใครนำความสูญเสียรายปีมาเป็นต้นทุนแก้โจทย์บ้าง? ฉะนั้น ตัวเลขไม่ใช่คำตอบของคำว่า..ใช่-ไม่ใช่ แต่ตัวเลขนั้นต้องดูว่า "สะท้อนถึงเหตุผล" เช่นใด!?

      ผมก็อนุโมทนาที่วุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งเป็น "ตัวตั้ง-ตัวตี" ประสานสงบศึก ความจริง แค่แกนนำสั่งสลายการชุมนุมทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปเกี่ยงงอนให้ทหารเขาหยุดยิง หรือถอนกลับที่ตั้งเพราะปกติทหารเขาก็ไม่ยิงใครอยู่แล้ว ผิดกับพวกกบฏที่บ้าคลั่ง ดิบ-เถื่อน-โหด ทำร้ายประเทศ  ทำลายชีวิตสังคมประชาชาติทั้งเมือง เผายาง-ปิดถนน-ค้นรถ-ค้นโรงพยาบาล-ฆ่ากระทั่งคนกาชาด-ปล้นสะดมร้านค้า-ทุบตู้เอทีเอ็ม ฯลฯ นี่มันพฤติกรรมโจรก่อการร้าย "ปล้นบ้าน-เผาเมือง-ฆ่าประชาชน" มีโทษตาย-โทษตลอดชีวิตเกือบทั้งนั้น แล้วยังจะมีหน้าไปต่อรองให้รัฐบาล-ทหารเขา "หยุดทำหน้าที่" พิทักษ์บ้าน-ปกปักประชาชนอีกหรือ? "สะพานข้ามเหวนรก" ที่ ส.ว.ทอดให้นั้น เป็นทางสุดท้ายแล้ว ถ้าบรรดา "กบฏฮาร์ดคอร์" ทั้งหลายยังไม่ยึดไว้เป็น "ทางหนีตาย" ผมเกรงว่าจะตายเอาจริงๆ เพราะจะเห็นว่า "รัฐบาล-ทหาร" ถอดเกียร์ถอยหลังทิ้งไปแล้ว พวกคุณมัน "โจรไม่มีสัจจะ" พูดจาเชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้น ครั้งนี้กบฏต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ กบฏ-เสียมวลชน.....แล้วมีหรือ "รัฐบาล-ทหาร" จะอ่อนข้อ "จากได้" ให้กลายเป็นเสีย!


http://www.thaipost.net/news/190510/22355
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #631 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:31:53 »



บิน ลาเดน สู้เพื่ออุดมการณ์ สู้กับโลกตะวันตก เขาไม่ได้ทำร้ายประเทศตนเอง
ชาวมุสลิมทั่วโลก จึงยอมรับเขา ในฐานะ "วีรบุรุษ"

ต่างกับไอ้แม้ว อย่างสิ้นเชิง ที่โกงกินชาติไม่พอ ยังทำร้ายทำลาย ประเทศที่ให้กำเนิดตนเอง
ลูกเมีย ญาติพี่น้อง สมุนของมัน จะอยู่ในประเทศไทยต่อไป ได้อย่างไร?
ไอ้มนุษย์ชิงสุนัขเกิด



      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #632 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:45:21 »





ดับทุกข์ ให้ดับต้นตอแห่งทุกข์
      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #633 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2553, 14:46:12 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=bFDkolqBlEY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=bFDkolqBlEY</a>

อริสมันต์ จะไปถล่มจุดหนึ่งก็คือ โรงพยาบาลศิริราช

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=3hNCH7UVeYU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=3hNCH7UVeYU</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ELNZFcYbYsM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ELNZFcYbYsM</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Won9qKaOras" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Won9qKaOras</a>
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #634 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 10:16:33 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน เสนอแนวทางตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" แทนการ "ยุบสภา" ซึ่งมองไม่เห็นทางออก

เมื่อประเทศไทยก้าวสู่แสง "ตะวันใหม่"
เปลว สีเงิน 21 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     สวัสดีครับ...ยังไม่หายไปไหน ทั้งกายและใจยังอยู่กับท่าน เพียงแต่วานนี้ (๑๙ พ.ค.๕๓) ไทยโพสต์ต้องตกอยู่ในภาวะคับขัน สำนักงานอยู่ในวงล้อมทะเลเพลิงและห่ากระสุน ไม่สามารถพิมพ์จำหน่ายได้ จึงว่างเว้นการทำหน้าที่ "สื่อระหว่างศึก" ไป ๑ วัน ซึ่งต้องขอบคุณทุกท่าน โดยเฉพาะ "สมาชิกไทยโพสต์" ที่สอบถามมาด้วยความห่วงใย และไม่ขึ้งโกรธที่ไม่มีหนังสือพิมพ์ไปส่งให้ตามปกติ ทั้งที่จ่ายเงินค่าสมาชิกล่วงหน้าให้แล้ว...ทั้งปี! และขอเรียนให้ทราบด้วยว่า ระหว่างนี้ จากที่เคย "เช้าตรู่" ก็มีไทยโพสต์เสียบอยู่หน้าประตูบ้านท่าน แต่การอยู่ในภาวะเคอร์ฟิว ๑ และการใช้มอเตอร์ไซค์วิ่งกลางดึกเพื่อส่งหนังสือ ๑ เป็นการเสี่ยงอันตรายสำหรับ "ม้าด่วนไทยโพสต์" ที่ไม่น่าเสี่ยง ฉะนั้น จึงขอเรียนให้ทราบว่า ท่านสมาชิกจะได้รับหนังสือสายหน่อย เพราะ "ม้าด่วนไทยโพสต์" จะออกนำไทยโพสต์ไปส่งท่านได้ก็ต่อเมื่อ ๖ โมงเช้าไปแล้ว ส่วนท่านที่หาซื้อตามแผง-ตามร้านค้าทั่วไป บางพื้นที่ บางจังหวัด อาจไมได้รับไทยโพสต์  เนื่องจาก บางจุด-บางเอเย่นต์ อยู่ในพื้นที่ไม่สามารถนำหนังสือพิมพ์ไปส่งให้ได้กลางดึก!  ผมจะไม่นำทุกข์-นำปัญหาส่วนตัวมาทับถมท่าน เพราะทราบดีว่า "พี่น้องไทยทุกคน" เวลานี้ ทุกข์และว้าวุ่นเหมือนกัน ต้องเผชิญภาวะเลวร้ายสุดๆ ของบ้านเมืองเหมือนกัน อกจะแตก-ใจปิ่มแหลกเป็นผงในชะตากรรมชาติเหมือนกัน นั่นคือ เวลานี้ ไม่มีทุกข์ใคร-ปัญหาใคร "สำคัญกว่า-หนักกว่า" ทุกข์ของใคร-ปัญหาของใครทั้งสิ้น  เพราะนี่คือ "ทุกข์แผ่นดิน-ปัญหาแผ่นดิน" ของพวกเรา "ร่วมชาติ" ทุกคน

    พี่น้องทั้งหลาย...อย่าเอาแต่บ่น อย่าเอาแต่โทษคนอื่น อย่าเอาแต่เรียกร้อง อย่าพล่ามพิร่ำคร่ำครวญอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ทุกคน-ทุกท่าน จง "ตั้งสติ" ให้มั่น แล้วเชิดหน้าให้พ้นซากทุกข์ที่ท่วมทับแผ่นดิน และใช้ปัญหาวันนี้เป็นเชื้อเพลิงปลุกพลัง "พี่น้องไทย" ไหล่ชนไหล่ กุมมือกันให้มั่นไว้ สะบัดขาก้าวข้ามซากปรักหักพังบนความแตกแยกวันนี้ไป แสวงหาสู่จุดรวมรักสามัคคีใจ พุ่งสู่ "เป้าหมายใหม่" ที่รอพวกเรา "พี่น้องไทยทุกคน" อยู่ข้างหน้าแล้ว ไม่มีดอกไม้งามดอกไหนบานสะพรั่งได้ โดยไม่มี ซากพืช-ซากสัตว์-ซากวัตถุ รองรับเป็นฐาน และเป็นอาหารเลี้ยงราก! นั่นคือ....พวกเราต้องใช้ "ความเจ็บปวดร่วมกัน" ของคนไทย "เป็นเดิมพัน" ต่อสู้ ฝ่าฟันปัญหา-อุปสรรค "๑๙ พฤษภา ๕๓" ก้าวไปสู่ "ชัยชนะร่วมกัน" ของประเทศชาติให้ได้
    ตราบใดที่โลกใบนี้ยังมีแสงสุรีย์ส่อง ตราบใดที่โลกใบนี้ยังไม่แตกสลาย และตราบใดที่เรายังดำรง ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์เอาไว้ เรา "เริ่มต้นใหม่" สู่จุดแห่งชัยได้เสมอ! รัฐบาล-โดยนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านใช้ "ฐานะผู้นำ" ในภาวะต้องนำด้วยอำนาจได้ถูกต้อง-ครบถ้วนดีแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ ไหวหวั่นกับเสียงที่อาจทำให้ทดท้อในสิ่งที่ทำ เพราะทั้งหลาย-ทั้งปวงนั้น  ท่านตัดสินใจบนการบ่มเพาะ "ความชอบธรรม" ในการกระทำให้ประจักษ์ต่อสายตาและความเข้าใจชาวโลกแต่ละขั้นตอน "ครบถ้วน" แล้วว่า ไม่ว่ารัฐบาลไทย หรือรัฐบาลไหนในโลก ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์นี้ คือสถานการณ์ที่คณะก่อการร้าย "กบฏแผ่นดิน" ก่อการหวังยึด-เปลี่ยนระบอบประเทศแล้ว จะหดหัว "กลัวหงอ" ยกประเทศให้โจร โดยไม่ทำหน้าที่ "ผู้นำที่ดี" เพื่อชาติและประชาชน มือผู้นำ" เปื้อนเลือดผู้ก่อการร้าย" มือนั้นคือ-หัตถาป้องภพ!
    ถึงจะมีคนด่า-คนตำหนิ แต่โปรดทราบเถออะว่า การตัดสินใจของท่านถึงแล้วซึ่ง "ภาวะผู้นำ" การทำหน้าที่ของผู้นำไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้เป็นรางวัลเสมอไป เพียงตอบจิตสำนึกในความเป็นคนของตัวเองได้ นั่นเป็นรางวัลที่ "ผู้นำยิ่งใหญ่" ทั้งในอดีตและปัจจุบันสุขใจแล้ว สุขในฐานะเป็นผู้นำที่.....ไม่ปล่อยให้ "เลือดประชาชน" ต้องสาดกระเซ็นด้วยมืออสูรร้าย "อันมีเป้าหมาย" ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ!!! หลายคนบอกว่า "ปฏิบัติการกวาดล้างกบฏ" ครั้งนี้คือปฏิบัติการ "ทหารปฏิวัติซ่อนรูป" เหมือนเข็มกลัดซ่อนปลาย ภาพของเข็มกลัดไม่มีคม แต่การทำงานแท้จริงของเข็มกลัดคือ "คมที่ซ่อนปลาย" อยู่ในที่กลัด เราหยามเย้ย ก่นว่า ด่าตำหนิกองทัพมานาน โดยเฉพาะกับ "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ในฐานะผบ.ทบ.แล้ววันนี้หน้าที่กำลังปราบกบฏ เป็นหน้าที่ที่ "พลเอกอนุพงษ์" แสดงประสิทธิภาพกองทัพให้เป็นที่พึ่ง-ที่หวังของประชาชนได้ดังประจักษ์ การใช้อำนาจทำหน้าที่โดยไม่แสดงหน้า (เอาหน้า) ขี่ทับอำนาจรัฐบาลเช่นนี้ พลเอกอนุพงษ์ และทุกท่านในกองทัพบก ทัพอากาศ ทัพเรือ โดยเฉพาะกำลังในภาคสนามทุกท่าน ขอได้รับความขอบคุณจากประชาชน และภารกิจนี้...ประชาชนขอจำด้วยซึ้งใจ

    ปฏิบัติการราชประสงค์จบ แต่ภารกิจขจัด "โจรก่อการร้าย" ที่แตกตัวขยายลงใต้ดินหลายจังหวัดเพื่อแยกแผ่นดิน โดยเฉพาะอีสาน-เหนือ และรอบๆ กรุงเทพมหานคร...ยังไม่จบ! ไม่ใช่การให้เกียรติโจร แต่ผมขอบอกว่า "อำนาจค้ำหลังหลังโจร" กล้าแข็งยิ่งนัก แฝงตัวอยู่ในหน่วยราชการ ในรัฐบาล ในกองทัพ ในตำรวจ ในรัฐสภา ในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน ในวัด ในซ่อง ในบ่อน อาจไม่เว้นกระทั่งในสถาบันสื่อ เป็นเรื่องที่ทั้งรัฐบาลและกองทัพทราบดีอยู่แล้ว ประเด็นก็คือ ปฏิบัติการทหารครั้งนี้ ขับเคลื่อนด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เมื่อปฏิบัติการจบ แต่ภารกิจขจัดภัยแผ่นดินยังต้องเดินหน้าต่อไป แล้วจะทำยังไง จะปล่อยให้รัฐบาลภายใต้ "ระบบรัฐสภา" อันมีสมาชิกบางส่วนเป็นแนวร่วมกบฏใช้ "อำนาจปกติ" ขับเคลื่อนแก้ไข ก็เท่ากับปล่อยให้ "ทั้งโจรนอก-ทั้งโจรใน" "แยกกันตี-ร่วมกันล้มประเทศ" ไปสู่เป้าหมายเท่านั้นเอง!?
    ณ ขณะนี้ ใครจะ "รัฐประหาร" คือยึดอำนาจรัฐบาล ในระบบรัฐสภา ไม่เป็นผลดีด้วยประการทั้งปวง และจะเสียแนวร่วมในสังคมโลก ทั้งที่เรา-คนไทยส่วนใหญ่เวลานี้ต่างรู้ดีว่า "อำนาจปกติ" ใช้แก้ไข-ควบคุมปัญหาไม่ได้แล้ว ไม่ต้องอะไรมาก นับจากวันนี้ไป นายกฯ ก็ดี รัฐมนตรีก็ดี จะไปปฏิบัติหน้าที่ "นอกทำเนียบฯ" ที่ไหน อันตรายทั้งนั้น!


     นายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงจิตใจเข้มแข็งเกินคาดหมาย แต่เมื่อจบบทแรกของภารกิจนี้ ผมคิดว่า "ควรให้ท่านพัก" พักในที่นี้ ไม่ใช่ลาพัก แต่หมายถึงถ้าท่านปรารถนาจะลาออกเป็นการแสดงความรับผิดชอบก็ดี  เป็นการหยั่งความรู้สึกตอบสนองต่อบทบาทนายกฯ ที่ทำไปจากประชาชนก็ดี เป็นสิ่งที่ท่านคิดถูก!
     แต่การลาออก แล้วให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกตัวนายกฯ ใหม่นั้น นอกจากเยิ่นเย้อด้วยปัญหาจากตัณหานักการเมืองแล้ว ด้วยระบบรัฐสภาที่ถูกใช้เป็น "ตรายางให้โจร" เวลานี้ ผมมองว่านอกจากไม่สามารถพึ่งพาให้เป็นที่แก้ปัญหาแล้ว ยังจะเป็นรังโจรอาศัยเงินชาวบ้านเลี้ยง "สร้างปัญหา" ให้บ้านเมืองหนักขึ้น ผมคิดว่า ด้วยปัญหาวิกฤติบ้านเมืองเฉพาะหน้า ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายวุฒิ และพรรคการเมืองที่มี ส.ส.อยู่ในสภา น่าจะมีการพบปะหารือด้วยหัวข้อเร่งด่วนเฉพาะ
     ควรจะ "พักใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา" ดีไหม? เพื่อเปิดช่องตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" และแปลงรัฐสภาเป็น "รัฐสภาแห่งชาติ" ให้อำนาจผสมระหว่าง อำนาจรัฐสภา+อำนาจนอกรัฐสภาทำหน้าที่ ๒ อย่างในปัญหาเฉพาะหน้า คือ
๑.ภารกิจขจัดโจรก่อการร้าย และภารกิจจัดระเบียบข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจใหม่
๒.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชนมีส่วนร่วม ก่อนให้มีการเลือกตั้งใหม่
     การยุบสภา "เลือกตั้งใหม่" จะปลายปี-ต้นปี ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น  ระบบรัฐสภากับระบบกองทัพ ควรหารือร่วมกันออกแบบเสื้อผ้า "ประชาธิปไตยไทย" เป็นสินค้าตัวอย่างให้ประชาชนทางปฏิบัติ นั่นคือ "รัฐบาลแห่งชาติ" นี้มีลักษณะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเหมือนเดิม แต่ประชาธิปไตยแท้ก็เหมือนทองคำแท้ นิ่ม-เหลว ทำประโยชน์เพื่อการใช้สอยยาก ในทางปฏิบัติทุกวันนี้ ทองคำที่ซื้อขายทั้งโลกจึงเป็นทองคำที่ใช้ทองเหลือง-ทองแดงผสม เพื่อ "ให้แข็ง-ทำประโยชน์ได้" ฉะนั้น ทองคำในตลาดจึงเป็นทองกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปทั้งนั้น!
    "รัฐบาลแห่งชาติ" ชั่วคราว จะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยซ่อนรูป การพักใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ "ตัวเลือกนายกฯ" มีทั้งคนในและคนนอก และคนกองทัพมีโอกาสเข้าร่วมบริหารในฐานะรัฐบาลได้เต็มตัว เช่นเดียวกับทุกพรรคที่มี ส.ส.ในสภา ส่วน ส.ส.และ ส.ว.คงสภาพไว้ แต่เพิ่มแต่งตั้ง "ฝ่ายชำนาญการ" และ "ฝ่ายปราชญ์ชาวบ้าน" แต่ละท้องถิ่นจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วมออกแบบตัวอย่าง "ประชาธิปไตยไทย" แทนประชาธิปไตยลอกรอยตีนฝรั่งดังทุกวันนี้!

     นี่แหละ "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" จริงๆ คือให้ทุกคนระบบรัฐสภาวันนี้ หารือนอกรอบจนลงตัวกัน แล้วประชุมรัฐสภาลงมติ "พักใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา" เพื่อไปสู่การมี "รัฐบาล-รัฐสภา" แห่งชาติชั่วคราว การเมืองไทยระบอบประชาธิปไตยวันนี้ต้องมีตัว "อำนาจคั่นกลาง" ระหว่าง รัฐบาล-รัฐสภา-ประชาชน ไม่เช่นนั้น การแก้ปัญหาพี่น้องไทยแตกใจซึ่งกันและกัน "มันยากแก้" ต้องเอาทหารและปราชญ์ชาวบ้านท้องถิ่นมาเป็น "ตัวร่วม-ตัวหลอม" ในรัฐบาลชาติ
     ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ประเทศไทยต้อง "ออกแบบประชาธิปไตย" ใช้เอง.


http://www.thaipost.net/news/210510/22374
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #635 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 10:24:43 »

คอลัมม์ "ท่านขุนน้อย" เขียน ถึงเวลา...ก้าวข้ามทักษิณ

ถึงเวลา...ก้าวข้ามทักษิณ
ท่านขุนน้อย 21 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     คงแทบไม่ต้องเสียเวลาบรรยาย...ว่าความพังพินาศ ฉิบหาย ที่เกิดขึ้นกับชาติ บ้านเมือง มันหนักหนาสาหัสไปถึงขั้นไหน ไม่เพียงแค่ตึกราม อาคาร ทรัพย์สิน ของเอกชน และทางการเท่านั้น เลือดเนื้อชีวิตของผู้คน ตลอดไปจนความรู้สึกนึกคิด ของใครต่อใคร ที่ต่างต้องตกอยู่ในอาการหวั่นผวากับภาวะไร้ระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ ตกเป็นเหยื่อ เป็นตัวประกันของอำนาจมืด ผู้ซึ่งพยายามแสดงออกถึงความเกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ชนิดไม่เหลือความเป็นมนุษย์มนาติดตัวเอาเลยแม้แต่น้อย...
           ---------------------------------------------
     อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...คงต้องถือว่าเป็น "รายจ่าย" ชนิดหนึ่ง ซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่ามันจะ "คุ้มค่า" หรือไม่? เพียงใด? แต่สังคมทั้งสังคม...หนีไม่พ้นที่จะต้องสูญเสียรายจ่ายก้อนนี้ เพื่อแลกมากับบางสิ่ง บางอย่าง อันอาจทำให้เราทั้งหลาย มีโอกาสผลักดันสังคมให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีสติ มีวุฒิภาวะ เพิ่มขึ้นมาบ้าง ไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตามที หรืออย่างน้อยที่สุด...มันอาจนำเอาไปใช้ในการขจัด "อวิชชา" ที่ปกคลุม ครอบทับ ความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีสถานะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ปัญญาชน สื่อมวลชน ตลอดไปจนถึงราษฎรธรรมดาสามัญ ฯลฯ ผู้ซึ่งสูญเสียขีดความสามารถ แม้แต่กระทั่งการแยกแยะความถูก-ความผิด ความดี-ความชั่ว ออกจากกันและกันมานานเต็มที...
           ----------------------------------------------
     ความมั่วๆ มึนซ์ซ์ ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรคือผลประโยชน์ส่วนรวม อะไรคือผลประโยชน์ส่วนตัว อะไรคือกงจักร อะไรคือดอกบัว ฯลฯ ที่ทำให้สังคมไทยต้องแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย มานานนับเป็นปีๆ มาบัดนี้...โดยโฉมหน้าของเหตุการณ์ โดยข้อเท็จจริงของสถานการณ์ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด และคำอธิบายต่างๆ ด้วยตัวของมันเอง ให้เห็นกันแล้วอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง ชนิดไม่ว่าใครก็ใคร ต่อให้มี "สีข้าง" แข็งแรงระดับคอนกรีตเสริมใยเหล็กก็เถอะ โอกาสที่จะใช้สีข้างเถลือกไถล ตะบิด ตะแบง นำเอาเหตุผล ข้ออ้าง ข้อมูล ทฤษฎีต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนอารมณ์ความรู้สึก อันมี "ตัวกู-ของกู" เป็นศูนย์กลาง...น่าจะเป็นไปได้ยากซ์ซ์ซ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
        ---------------------------------------------------
     เพราะไม่ว่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข หรือระบอบประชาธิปไตยในลักษณะไหนๆ ก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากไม่มีคุณธรรม ศีลธรรม เป็นองค์ประกอบพื้นฐานแล้วละก็ มันก็จะกลายเป็นประชาธิป...ตาย หรืออนาธิปไตย อย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละ ความอำมหิต โหดร้าย การระบายออกซึ่งสัญชาตญาณดิบ เพียงเพื่อตอบสนองความสะใจ ความเกลียด โกรธ อาฆาต พยาบาทของตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้อื่น ถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม พร้อมที่จะนำเอาชาติทั้งชาติไปใช้เป็นเครื่องเซ่นสรวงบูชาบุคคลเพียงคนเดียว ทั้งที่บุคคลผู้นั้น...มันสุดจะชั่วว์ว์ว์แสนชั่วว์ว์ว์...ชั่วเกินกว่าจินตนาการใดๆ จะคาดได้ แต่ก็ด้วยการนำเอาเหตุผล ข้ออ้าง แบบมั่วๆ มึนซ์ซ์ๆ เบลอๆ มากล่อมเกลาภายในความรู้สึกของฝ่ายเดียวกันเอง เบื้องหลังฉากเหตุการณ์ อันทำให้ประเทศไทยทั้งประเทศต้องแหลกยับเยิน พังพินาศ ฉิบหาย ในคราวนี้...ย่อมมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า เพราะคำว่า "ทักษิณ" เพียงคำเดียวเท่านั้น...ไม่ใช่คำว่าประชาธิปไตย ความเสมอภาค เสรีภาพ อันสูงส่งใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
               -------------------------------------
     แต่จะไปโทษ "ทักษิณ" เพียงคนเดียว...ก็คงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก เพราะตราบใดที่ไม่มี "อวิชชา" เป็นพื้นฐานรองรับอารมณ์ความรู้สึกของราษฎร นักการเมือง ข้าราชการ สื่อมวลชน ตลอดไปจนปัญญาชน นักวิชาการ ฯลฯ แล้ว คนคนเดียวมันคงไม่ถึงกับมีฤทธิ์ มีเดช มากมายถึงขั้นนี้ คำว่า "ทักษิณ" ในที่นี้...มันจึงมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ออกไปในแนวเดียวกับคำว่า "ความเห็นแก่ตัว" นั่นแหละ...ท่ามกลางความเห็นแก่ตัวซึ่งเกาะกุมอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของนักการเมือง ผู้กระเหี้ยนกระหือรืออยู่กับการช่วงชิง แย่งยื้ออำนาจทางการเมือง โดยไม่สนใจต่อระบบ ระบอบ ใดๆ ทั้งสิ้น ข้าราชการที่เคยชินอยู่กับการเอาตัวรอด เลือกข้าง เลือกฝ่าย โดยไม่ได้คำนึงถึง "การทำหน้าที่" ตามความรับผิดชอบของตัวเอง นักวิชาการ ปัญญาชน ที่พยายามปั่นตัวเองเพื่อให้มีบทบาท มีที่ยืนอยู่ในสถานะใด สถานะหนึ่ง หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน ที่พร้อมทรยศต่อวิชาชีพ จรรยาบรรณ ของตัวเองมานานแล้ว ตลอดไปจนราษฎรผู้เสพติดอยู่กับการบริโภค จนไม่คำนึงถึงวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้นี่เองที่มันถูกนำมาผสมกลมกลืนกันจนกลายเป็นความฉิบหายทั้งมวลของบ้านเมืองไปจนได้...
             -----------------------------------------
     "รายจ่าย" เพื่อที่จะให้ก้าวข้ามพ้นไปจากคำว่า "ทักษิณ" มันจึงกลายเป็นรายจ่ายก้อนโต มากมาย มหาศาลจนสุดแสนที่จะประมาณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ "ยุทธศาสตร์" ของฝ่ายทักษิณ มันไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งไปสู่การนำมาซึ่งความสุข ความสงบ ของบ้านเมืองใดๆ แม้แต่น้อย แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งไปสู่การสร้างพลังในการกดดัน ต่อรอง โดยมี "ผลประโยชน์ของคนคนเดียว" เป็นจุดมุ่งหมายปลายทางจุดสุดท้าย การสร้างความพังพินาศให้กับบ้านเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การเผาทำลายอาคาร บ้านเรือน ฆ่าฟัน ล้างผลาญ ชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้าม หรือกระทั่งฝ่ายเดียวกันเอง เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว มันจึงปรากฏให้เห็นโดยชัดเจนในระดับแทบไม่น่าเชื่อว่า อะไรมันจะเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้...
        ----------------------------------------------------
     ก็เอาเถอะ...ในเมื่อเรามิอาจที่จะหลีกเลี่ยงรายจ่ายก้อนนี้ไปได้ หรือจำเป็นที่จะต้องจ่ายกันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า บรรดาความเสียหาย และความสูญเสียต่างๆ ซึ่งเราทั้งหลายเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องแบกรับกันต่อไปโดยถ้วนหน้า จะสามารถนำมาใช้เป็น "บทเรียน" เป็นเครื่องมือในการขจัด "อวิชชา" และ "ความเห็นแก่ตัว" ที่แทรกซึมอยู่ในทุกซอก ทุกอณู ทุกแวดวงของสังคมลงไปได้บ้าง แม้แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ภายใต้การเดินหน้าฟื้นฟู บูรณะ สิ่งต่างๆ เพื่อนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาสู่บ้านเมืองนั้น...มันคงไม่ใช่เป็นเพียงแค่การหาทางฟื้นฟู บูรณะตึกรามอาคาร การฟื้นตัวเลขเศรษฐกิจ การหาทางสมานฉันท์กันแบบเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ เท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดย่อมหนีไม่พ้นไปจากการฟื้นฟู บูรณะ ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในสังคม หรือการหาทางทำให้ผู้คนลด "ความเห็นแก่ตัว" ลงไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง มันถึงจะทำให้เราทั้งหลายสามารถก้าวข้ามพ้นสถานี "ทักษิณ" ไปได้จริงๆ...
             ------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก "ท่านพุทธทาสภิกขุ" (อีกครั้ง)..."ประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องเป็นไปเพื่อลดหรือป้องกันความเห็นแก่ตัว เพราะถ้าเห็นแก่ตัว...ก็มีแต่ประชาธิป-ตายเท่านั้น ความไม่เห็นแก่ตัวจึงเป็นรากฐานของประชาธิปไตยที่แท้ แม้จะเป็นไปได้ยากสำหรับปุถุชนสมัยนี้ที่หันไปบูชาวัตถุกันเป็นหลัก..
[/b][/color]."
          -----------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/210510/22376
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #636 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 10:45:19 »

ฟังสื่อต่างชาติวิเคราะห์การเมืองไทย ไม่ทราบไปอ่านบทความของ"คุณเปลว สีเงิน" มาก่อนหรือเปล่า ??

วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:06:24 น.  มติชนออนไลน์
รอยเตอร์สวิเคราะห์ 5 แนวทางทิศทางไทยหลังเหตุปั่นป่วนกลางกรุงเทพฯ


สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า กรุงเทพฯ ได้กลับเข้าสู่สภาวะสงบสุขแล้ว หลังจากการใช้ปฏิบัติการทางทหารเข้าสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงที่ใจกลางกรุงเทพฯ ยุติการเผชิญหน้านาน 9 สัปดาห์ระหว่างผู้ประท้วงกับรัฐบาล ทำให้เกิดการจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในไทยต่อไปไว้รวม 5 แนวทางดังนี้
 

1. การต่อต้านสงบลง ตกลงกันได้เรื่องแผนการเลือกตั้ง
2. มีสงครามกองโจรรุนแรงมากขึ้นในต่างจังหวัด
3. อภิสิทธิ์ถูกปลด ตั้งรัฐบาลรักษาการณ์
4. อภิสิทธิ์ถูกปลด ตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ
5. รัฐบาลไม่อาจควบคุมความสงบ และกองทัพก่อรัฐประหาร
 


ทั้งนี้ รอยเตอร์ส สรุปเองเช่นกันว่า แนวทางสุดท้ายนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง จะไม่เกิดผลดีต่อการเงินของประเทศไทย และอาจส่งผลต่อตลาดการเงินชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274411203&grpid=03&catid=
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #637 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 14:57:04 »


"จรัล"รับ"ม็อบแดง"รับเงิน"เจ๊หน่อย -แม้ว" จ้างการ์ด-ให้ นศ. ไม่สนถูกอายัดยังมีเงินบริจาครายวัน


เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 พ.ค. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.) มีคำสั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ของบุคคลและนิติบุคคล 106 รายว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และคิดว่าเป็นความต้องการของรัฐบาล ที่ต้องการจะตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุม แต่ไม่มีความวิตกกังวลอะไร และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการชุมนุม เพราะยังมีเงินบริจาคที่แต่ละวัน จากบุคคลทั่วไปที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ และการสนับสนุนเงินที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มากถึงหลักล้านบาท น่าจะแค่หลักหมื่นหรือแสนบาทเท่านั้นเอง
  

นายจรัลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของศอฉ. ดังกล่าวแม้จะมีอำนาจพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินรองรับ และเมื่อมีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้ว อำนาจเรื่องนี้ก็จะหมดไป  แต่ก็น่าจะเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ เป็นการละเมิดสิทธิบุคคลด้านทรัพย์สิน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีโอกาสหารือร่วมกับแกนนำ นปช. หลายคน ที่ถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน และเห็นร่วมกันที่จะนำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาศึกษาในรายละเอียด หากพบว่ามีช่องที่อุทธรณ์คำสั่งได้ก็จะดำเนินการทันที แต่หลายคนก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร บางคนยังมีการนำเรื่องนี้ ไปแซวกันหลายก็มี และแกนนำบางคน บัญชีก็ยังติดโอดี หรือตัวแดงก็มี  
  

“ผมยอมรับว่า การชุมนุมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ อดีตนักการเมือง อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  หรือแม้กระทั่งตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ ส่วนจะให้มากน้อยเท่าไรผมไม่ทราบรายละเอียด เพราะการชุมนุมมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง ขนาดตัวผมเอง ยังต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างการ์ดหนึ่งคน หรือให้การสนับสนุนนักศึกษาที่เข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งก็ไม่ได้เงินมากอะไร มีเงินเก็บจากการเป็นอาจารย์สอนหนังสือไม่กี่บาทเท่านั้น  ส่วนแกนนำทั่วประเทศ ก็ทราบแต่ละคนก็นำเงินส่วนตัวมาใช้จ่าย แต่ละคนก็หมดเงินไปมาก บางรายเกือบล้านบาทก็มี” นายจรัลกล่าว
  

นายจรัล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าจะมีอย่างช้าที่สุดไม่น่าจะเกินวันพรุ่งนี้ ส่วนการเจรจาที่เกิดขึ้น หากรัฐบาล ยอมรับข้อเสนอเรื่องการหยุดยิง และถอดกำลังออกไป ก็มีการเตรียมการไว้หลายเรื่องแล้ว และน่าจะเป็นทางออกสำหรับประเทศไทย ในการยุติความรุนแรง และนำประเทศไปสู่สันติ
 

“ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร แต่แกนนปช. กำลังพยายามที่จะเจรจาอยู่ ทั้งกับตัวแทนรัฐบาล หรือแม้กระทั่งคนในกองทัพเอง ซึ่งเรื่องของกองทัพ ก็เป็นภารกิจส่วนหนึ่งที่นายวีระ มุกสิกพงษ์ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งหากรัฐบาลสั่งหยุดยิงเมื่อไร แกนนำ ก็จะเรียกตัวผู้ชุมนุมต้องจุดที่มีการปะทะกลับมาร่วมตัวที่สี่แยกราชประสงค์ทันที ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลไม่กล้าที่จะใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม ก่อนหน้านี้ ก็มาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ อาทิ ทหารไม่ต้องการที่จะใช้กำลังมาสลายการชุมนุม ความเกรงกลัวเรื่องกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย และที่สำคัญบริเวณนี้เป็นย่านธุรกิจมีห้างร้านสำคัญจำนวนมาก หากมีการสลายอาจจะถูกเผาทำลายได้ รัฐบาลจึงไม่กล้าที่จะสูญเสีย และหันไปใช้วิธีการสไนเปอร์ ยิงประชาชน ซึ่งได้ผลดีมากกว่า เพราะทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนกลัว ไม่กล้าที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุมเหมือนเดิม

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274105067&grpid=00&catid=00

      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #638 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 16:24:28 »






นี่คือผลงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

แกนนำเสื้อแดง ที่โดนจับข้อหาก่อการร้าย เผาทำลายทรัพย์สิน 2.3 แสนล้านบาท

ไปเก็บตัวไว้เรือนพักรับรอง ติดชายทะเล ของค่ายนเรศวร  อ. ชะอำ จ. เพชรบุรี

มีญาติเข้าไปเยี่ยมได้   นี่มันอะไรกัน พวกนี้เป็นอาชญากร เป็นผู้ทำลายชาติ เป็นผู้ก่อการร้าย ร้ายย่ิ่งกว่า บิล ลาเดน

รัฐบาลนี้ ให้การดูแลแบบนี้หรือ???

ที ท่านจำลอง ศรีมเือง พี่ไชยวัฒน์ สินสุงวงศ์ เข้าคุกไปเลย


      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #639 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 22:28:16 »

ติดตามฝรั่งวิเคราะห์สถานการณ์ให้เราฟัง เลือกตั้งเมื่อไร ก็แพ้และโดยแก้แค้นเมื่อนั้น

วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:25:09 น.  มติชนออนไลน์
วิเคราะห์"มะกัน"ไม่กล้าหนุน"แม้ว" หวั่นเป็น"ฮูโก้ ชาเวซ2" ไทมส์ชี้เสื้อแดงมีโอกาสชนะเลือกตั้งปีหน้า


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญภารกิจอันละเอียดอ่อน ในขณะที่การเมืองไทยพยายามก้าวพ้นขอบเขตแห่งหายนะ โดยสหรัฐฯ พยายามที่จะกระตุ้นให้การเมืองไทยเกิดการประนีประนอมสมานฉันท์ต่อพันธมิตรที่ยาวนานประเทศนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องสูญเสียอิทธิพลต่อไทยชาติพันธมิตร


ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สหรัฐจะต้องปฎิบัติต่อวิกฤตการเมืองไทยด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะเลือกข้างและโดดเดี่ยวใครในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งกลุ่มทุนชั้นสูงและกลุ่มเสื้อแดง โดย "นายโจชัว เคอร์แลนตซ์ซิค" ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองไทยระบุว่า การมีนโยบายปฎิสัมพันธ์เฉพาะกับกลุ่มชนชั้นสูง จะเพิ่มกระแสต่อต้านสหรัฐฯ ในกลุ่มชนเสื้อแดง คล้ายๆ กับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับ "ประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเวซ ของเวเนซูเอล่า" และว่า นโยบายของสหรัฐฯจะต้องใคร่ครวญมากกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะในระยะยาว สหรัฐก็ไม่รู้ว่าใครจะผงาดขึ้นมาเป็นบริหารประเทศไทย


ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ และสนับสนุนนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของเขา อาจกลายสภาพเป็น "ผู้นำหัวกร้าว"อย่างผู้นำเวเนซูเอล่า ผู้นำไม้เบื่อไม้เมาของสหรัฐฯ ซึ่งนิยมแนวทางกลุ่มติดอาวุธ


นอกจากนี้ ความเป็นจริงอีกประการที่จะต้องวิตกมากก็คือ หากความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับไทยลดถอยลง อาจทำให้จีนผงาดเข้ามาเป็นพันธมิตรฯ หลักกับไทยเหนือสหรัฐฯ ได้


รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ ไทยได้เรียกตัว นายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ทูตสหรัฐฯ มาพูดคุยภายหลังเขาได้พบปะกับกลุ่มเสื้แดงระยะสั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไทยมองว่า สหรัฐฯ อาจให้การยอมรับทางกฎหมายต่อกลุ่มเสื้อแดง แต่จริงๆ แล้ว ผู้สันทัดกรณีชี้ว่า สหรัฐฯ พยายามญาติดีกับทุกฝ่าย โดยในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ ยังได้ต้อนรับการเยือนประเทศของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และมีการหารือในระดับกว้างขวางอีกด้วย


สื่อนอกชี้เสื้อแดงยังมีโอกาสชนะ รอเลือกตั้งปีหน้า


สำนักข่าวไทมส์ ออนไลน์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวิเคราะห์ด้วยหัวข้อว่า "อะไรต่อไปสำหรับกลุ่มเสื้อแดง" โดยระบุว่า โดยรวมแล้ว ภายหลังรัฐบาลสามารถสลายการชุมนุมในเขตราชประสงค์ได้ และแกนนำได้ถูกจับตัวไปแล้ว ทว่าปฎิบัติการดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ไขวิกฤตใด ๆ ต่อการเมืองไทย เว้นแต่ทำให้กลุ่มเสื้อแดงโกรธแค้นและไม่พอใจ

 
อย่างไรก็ตาม ไทมส์ ออนไลน์ ชี้ว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาก็คือ การชุมนุมใหญ่ในอนาคตที่จะขึ้นใหม่จะฉุดในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพแล้ว โดยรายงานที่ผ่านมายืนยันว่า การล่มพังของการประท้วงในกรุงเทพได้กระตุ้นให้พื้นที่ต่างจังหวัดหลายสิบจังหวัด เช่น เชียงใหม่,ขอนแก่น และอุดรธานี ไทมส์ รายงานด้วยว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจคาดคะเนได้ก็คือ อิทธิพลของกลุ่มคนชุดดำ ซึ่งหากกลุ่มยังคงเข้มแข็งพวกเขาก็สามารถเปิดฉากสงครามก่อการร้ายด้วยอาวุธปืนและจรวดได้

 
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงยังมีทางออกที่ง่ายกว่านั้น คือ การเลือกตั้ง เพราะเมืองไทยจะต้องมีการเลือกตั้งก่อนช่วงสิ้นปีหน้า ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเลย และผู้สมัครเสื้อแดงน่าจะคว้าที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา และนี่อาจเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้เพียงบางสิ่งบางอย่าง คือ การรอคอย


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274448391&grpid=00&catid=06
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #640 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 02:25:37 »


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=icVXacOMpcM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=icVXacOMpcM</a>

พฤติกรรม ของขบวนการก่อการร้าย
      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #641 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 04:12:48 »



ตำรวจปัดแกนนำอยู่สุขสบาย

ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , 21 พฤษภาคม 2553 เวลา 19:25 น.
โฆษก ศอฉ.  ยัน แกนนำ นปช. ถูกคุมตัว ไม่มีสิทธิ์ในการติดต่อภายนอก หรือ เล่นเฟซบุค 

พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. แถลงข่าวถึงกรณีการควบคุมแกนนำนปช. และมีข่าวว่าแกนนำนปช. อยู่กันอย่างสุขสบายเหมือนไปตากอากาศนั้น ขอเรียนว่าในวันแรกที่มีการควบคุมตัวไปที่ค่ายนเรศวร มีการควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่มีความผิดที่ไม่ออกจากการชุมนุมไปควบคุมตัวที่ค่ายนเรศวรด้วย 40 คน ซึ่งห้องควบคุมที่ค่ายนเรศวรมี 10 ห้อง มีแกนนำไปเพิ่มอีก 5 คน จึงต้องให้ทั้ง 5 คนอยู่รวมกัน แต่มีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีพนักงานสอบสวนและตนไปแจ้งข้อหา  ขณะที่ในวันนี้ มีการนำบุคคลที่มีความผิดไม่ออกจากที่ชุมนุม 40 คนมาฟ้องศาล จึงสามารถแยกควบคุมตัว

"ดังนั้นที่บอกว่าอยู่กันสุขสบายนั้นไม่สุขสบายหรอกเพราะผมไปแจ้งข้อหา และทุกคนก็มีความวิตกกังวล เช่น เจ๋ง ดอกจิก ผมไปแจ้งข้อหาหมิ่นสถาบัน ไม่มีใครอยู่สุขสบายหรอก หรือในจำนวนนั้นบางคนก็ถูกแจ้งข้อหาก่อการร้าย ดังนั้นทุกคนอยู่ในสภาพของคนที่ถูกควบคุม ไม่ได้สุขสบาย" พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

ก่อนหน้านี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมพวกที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี กินอยู่หลับนอนแบบสบายไม่เหมือนผู้ต้องหาคดีร้ายแรงว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ คงต้องถามตำรวจ

" เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วว่า ให้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการอนุญาตให้มีการเข้าเยี่ยมจากบุคคลภายนอกหรือไม่ หรือระหว่างที่ถูกควบคุมตัวจะอยู่ในสถานที่ใดนั้นถือเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการดำเนินการทุกอย่าง เพื่อเป็นผลประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


ที่มา: http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/29589/ตำรวจปัดแกนนำอยู่สุขสบาย
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #642 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 10:04:48 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม 2553

ปัญหาก่อการร้ายกับ "อำนาจปกติ"
เปลว สีเงิน22 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     ๓ วันผ่านไป หลังเหตุการณ์ "พฤษภา-เผากรุง" ฉากหน้าคล้ายว่าสงบ แต่ใต้ซากแห่งความสงบ เชื้อร้ายยังแผ่ซ่านรอวันปะทุ ผมอยากจะบอกว่า "ความจริงวันนี้" ของประเทศไทย เต็มไปด้วยคนบ้าประชาธิปไตย แต่ไม่รู้จักประชาธิปไตย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อปี ๒๔๗๕ ผู้ใหญ่ไปเห็นไฟฟ้าในตะวันตก ก็อยากให้ประเทศไทยใช้ไฟฟ้าบ้าง ทั้งที่รากฐานสังคมไทยสว่างด้วยแสงนำทางจากเปลวเทียนหน้าองค์พระปฏิมา แต่คนหัวนอกบอกว่าต้อง "ประชาธิปไตย-ตีนฝรั่ง" เท่านั้น จึงจะเป็นแสงสว่างนำทางให้ประชาชนคนไทย และเมื่อ "ดับไต้-ดับเทียน" เลียนประชาธิปไตยฝรั่ง หันหลังให้ธรรมาธิปไตย นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ ๗๘ ปีของการเลียนใช้ "ประชาธิปไตย-ไซส์ตีนฝรั่ง" ผลคือ คนป่าเอาประชาธิปไตยมาฆ่ากัน ฆ่ายังไม่หนำใจ ใช้ไฟ-คือประชาธิปไตยนั้น เผาบ้านเมืองทั่วทั้งประเทศ!
    ผมฟังนักข่าวต่างประเทศเขารายงานเหตุการณ์ในเมืองไทยกลับไปประเทศต้นสังกัดเขา และข่าวที่ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก เขาบอกว่าสาเหตุใหญ่มาจาก "ความเหลื่อมล้ำ" ทางสังคมไทย พูดง่ายๆ คือ ความรวยและโอกาส กระจุกอยู่เฉพาะบางพวก-บางคน แต่ความจนกระจายสู่ประชาชนอันเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ และเท่าที่ฟังผาดๆ คุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาฯ อาเซียน ท่านก็ไปพูดในสังคมอาเซียนแห่งหนึ่งวานนี้ ท่านก็บอกทำนองเดียวกันว่า "ความเหลื่อมล้ำ" ทางสังคมเป็นต้นเหตุ!
 ผมคงไม่เถียง เพราะก็มีส่วนอยู่บ้าง แต่ต้องเถียงว่า "นี่..ไม่ใช่ต้นเหตุ" ของการเกิดสงครามกลางเมือง หรือสงครามก่อการร้าย ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ แน่นอน!!!
     พูดถึง "ความเหลื่อมล้ำ" ในมุมที่เป็นจริงก็คือ...ทักษิณผูกขาดความร่ำรวยด้วย "ระบบสัมปทาน" แต่ผู้เดียว แถมยังพยายาม "ผูกขาดอำนาจรัฐ" ผนวกเข้ากับการผูกขาดทางธุรกิจ ควบคุมขบวนการ "โกงกินชาติ" ครบวงจร เพื่อสร้างความร่ำรวยผูกขาดให้ตัวเองและคณะเบ็ดเสร็จ นำไปสู่การขจัดความเหลื่อมล้ำคือ ผลประโยชน์-อำนาจ ที่หลงเหลืออยู่กับคนอื่นบ้าง ด้วยการ...พยายาม "รวบอำนาจ" แล้ว "ยึดประเทศ" ไปทั้งหมดเลย!
     อะไรที่ทักษิณอยากได้ แล้วไม่ได้ นี่จะเป็น "ความเหลื่อมล้ำ" เป็น ๒ มาตรฐานสำหรับทักษิณและคณะพรรค อะไรที่ผิดแล้วทักษิณอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ ติดสินบนไม่ได้ นี่ก็เป็นความเหลื่อมล้ำในทัศนะทักษิณและคณะพรรค!
     การปล่อยให้ทักษิณยึดครองประเทศ แล้วใช้เศษเงินแจกจ่ายบริวาร-ข้าราชการ-ประชาชน ในเครือข่ายของเขา และใครที่ไม่สวามิภักดิ์ ไม่ยอมเป็นพวก "กระทืบให้ตาย-เผาให้หมด" และ-ใครก็ได้ที่เป็นคนในเครือข่ายของเขา "ทำอะไรก็ได้" ตำรวจไม่จับ นี่แหละ...แบบนี้แหละ คือสังคมที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำตามที่ทักษิณและคณะพรรคต้องการ!?
     ต้นเหตุของ "สงครามก่อการร้าย" มันมาจาก "ความเหลื่อมล้ำ" ตรงนี้ และอย่างนี้ ไม่ใช่จับเปลือกๆแล้วกระเดือกๆ ไปพูดเป็นว่าเหตุมาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมในแง่ของความรวย-ความจน ในแง่ของไพร่-อำมาตย์เพ้อเจ้อ จะไปว่าฝรั่งมันไม่รู้ประสาก็ยกไว้ แต่สำหรับคนไทย ถ้ายังพลอยเข้าใจไปอย่างนั้นไม่เหนื่อย แต่น่าอนาถ!?
     ผมฟัง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และ "นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แถลงวานนี้ตามลำดับ ประเด็นหนึ่งที่ผมจับความได้ว่า ทาง ศอฉ.จะทยอยคืนงานให้กับตำรวจ ผมฟังแล้วเสียววาบ และคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ถ้ารู้ว่า ศอฉ.หรือพูดตรงๆ คือ "ทหาร" จะถอนกลับที่ตั้ง คืนภารกิจปราบกบฏทั้งหมดนี้ให้ตำรวจวัน-สองวันนี้ เผลอๆ ประสาทหลอน หรืออาจมีบางคน "ช็อก" ตายไปเลย!
     ผมเอง เพื่อเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม พยายามไม่เพ่งเล็งบทบาท-ท่าที-การทำงานของตำรวจ  เพราะอะไรที่อดทน-อดกลั้นได้เพื่อขจัดความแตกแยกให้มากที่สุดก็อยากจะทำ แต่ถ้า ศอฉ.และนายกฯบอกว่า จะเร่งคืนงานในหน้าที่ให้ตำรวจ และ กทม. ผมก็อยากจะบอกตามตรงว่า ชาวบ้าน "ไม่ไว้ใจตำรวจ" ครับ!? ตำรวจกับขบวนการเสื้อแดง หรือพูดให้ชัด รวมไปถึงบทบาทตำรวจกับขบวนการก่อการร้าย ๑๙  พฤษภานี้ มันกินใจประชาชนไปอีกนาน!
     ยิ่งในต่างจังหวัดด้วยแล้ว ความเหลื่อมล้ำสูงมาก คือขบวนการทักษิณ "ผูกขาด" อำนาจประชาชนไว้ฝ่ายเดียวชนิดไร้ขอบเขตกฎหมาย จะเผาสถานที่ราชการ โรงพัก ศาลากลาง หรือจะฆ่าใคร กระทั่งจะให้ใครเข้าจังหวัดได้-หรือไม่ได้ พวกข้านี่แหละ..ประกาศิตเสื้อแดง คือกฎหมาย! บอดี้-เสื้อแดง แค่เครื่องใน-เสื้อกากีบ้าง เสื้อเขียวบ้าง และที่มองข้ามกันไปทั้งที่เป็น "แกนใหญ่" ในการขับเคลื่อนแดงทั้งแผ่นดินคือ "ส.ส.ในพื้นที่" ผนึกบารมีคนการเมืองท้องถิ่น และเจ้าพ่อ-มาเฟียที่หากินเลาะตะเข็บกฎหมาย
     ตรงนี้แหละคือตัวการของเหตุการณ์ ๑๙ พฤษภา ไม่ใช่เรื่องเหลื่อมล้ำทางสังคมบ้าบออะไร เพราะคนไทยไม่เคยมีใครอดตาย มีแต่นักการเมืองเอาไปแจก-เอาไปบำเรอจน "ท้องแตกตาย" จนประเทศไทยกลายเป็นรัฐ "การเมืองเลี้ยง" ไปแล้ว! ขอย้ำ เรื่องความเหลื่อมล้ำซึ่งมีอยู่จริงใน "ชีวิตจริง" ตามธรรมชาติ ไม่ใช่ต้นตอของเหตุที่เกิด แต่ธรรมชาติของคนไทยระดับชาวบ้าน ชอบระบบ "ลูกพี่อุปถัมภ์" ยิ่งได้คนมีสี แถมมีเงินให้หนุนหลัง อย่าว่าแต่เผาเมืองเลย ให้คว่ำประเทศเอาสวรรค์จมดิน เอาด้านนรกขึ้นฟ้า มันก็ทำให้พูดไปก็ยาว แต่ก็เพราะ "ประชาธิปไตย" ที่ไม่ออกแบบตามไซส์ตีนคนไทย นั่นแหละบ่มเพาะมา!
     สมมุติเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารกลับที่ตั้ง คืนความเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายให้ตำรวจแต่เพียงผู้เดียวเหมือนเดิม แล้วคิดซิว่า เมื่อการชุมนุมจบ แต่การก่อการร้ายยังไม่จบ เพิ่งเริ่มขยายตัว แล้วจะปล่อยให้ตำรวจโดยลำพังปราบผู้ก่อการร้าย
 แบบนี้...ยกประเทศให้กบฏทักษิณครองไปเลยไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องฆ่า-ต้องเผากันอีก เพราะคน "ไม่เอาทักษิณ" เขารักสันติอยู่ในที่ตั้ง ไม่กล้าโผล่หัวออกมาแอะอะไรหรอก จริงมั้ย!?
     กรุงเทพฯ เคอร์ฟิวเข้าคืนที่ ๓ ผมจะบอกให้ ศอฉ.ทราบ เคอร์ฟิวแล้วสุจริตชนไม่ออกมา-ก็ใช่ แต่โจรมันออก มันขี่มอเตอร์ไซค์คุกคามไปทั่ว ศอฉ.จะแบ่งอำนาจ-แบ่งเวลาครองเมืองกับโจร ๓ ทุ่ม-๖ โมงเช้า "โจรครอง" ๖ โมงเช้า- ๒ ทุ่ม "รัฐบาลครอง" อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะการปล่อยท้องถนนโล่งว่าง ไม่มีทั้งทหารและตำรวจมาตรวจตรา หรือตั้งด่านตามจุดสำคัญๆ ยามค่ำคืน ชาวบ้านจะนอนหัวถึงหมอนได้อย่างไร ผมเองยังต้องนอน "กอดปืนใหญ่" เฝ้าโรงพิมพ์ กลัวจะทำลั่นใส่หว่างขาตัวเองจะตายไป! ดึกดื่นคืนค่ำในเขตเคอร์ฟิว คุณตำรวจไม่อยากพูดถึง ขอให้ ศอฉ.จัดหน่วยทหารนั่งรถขับตระเวนเป็น "สายตรวจ" ตระเวนไปตามถนนต่างๆ ให้ทั่วฝั่งพระนคร และฝั่งธนฯ หน่อยเถอะ ชาวบ้านได้ยินเสียงรถยนต์แทนเสียงมอเตอร์ไซค์จะได้หายใจทั่วท้องหน่อย บางทีตรงไหนชาวบ้านมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยเหลือเร่งด่วน จะได้พึ่งพาได้บ้าง
     อย่าเพิ่ง "ปล่อยเกาะ" ชาวบ้านเลยครับ ตอนนี้ถ้าไม่มีทหาร ชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เพราะฝ่ายอื่น พูดไปก็คล้าย "ฝากเนื้อไว้กับสุนัขหิว" ชาวบ้านก็ได้แต่สยิวกันไปเท่านั้น!
     ความจริงบ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ต้องพูด-ต้องแก้ไขเร่งด่วน แต่ขณะนี้ "เร่งด่วนที่สุด" คือรัฐบาล-ศอฉ.ควรสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนด้วยการปราบโจรก่อการร้าย และอยู่ในถนนให้ประชาชนเห็น ควบคู่ไปกับรัฐบาลฟื้นฟูเมือง ลบภาพบาดตา-สะเทือนใจที่กบฏทักษิณฝากทิ้งไว้เป็นบาดแผลในใจไปอีกนาน...เท่านาน
     ผมขอยืนยันว่า บาดแผลบ้านเมืองเวลานี้ จะให้ "การเมืองปกติ" อันมีขบวนการโจรก่อการร้าย "สวมเสื้อนอก" ลอยหน้าปะปนอยู่ในระบบด้วยเป็นฝ่ายรักษากันเอง บาดทะยักกินประเทศแน่นอน!
     ผมขอย้ำ ประชาธิปไตยที่ "คนไทยไม่ได้ออกแบบเอง" ที่ใช้กันมา ๗๘ ปี ไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ถึงเวลาที่คนไทยต้อง "ออกแบบประชาธิปไตย" ใช้กันเอง และคนไทยนั้นต้องไม่ใช่แค่คนรู้ตำรา คนร่างหนังสือเป็นกฎหมายเท่านั้น ส่วนหนึ่งต้องมาจากรัตตัญญูชน ปราชญ์ชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น และผู้คนแต่ลักษณะอาชีพ กระทั่งโสเภณีเขาก็คือคน ควรต้องให้มีส่วนร่วม
     ลองสังคมทิ้งศีลธรรม-ทิ้งศาสนา ไปยึดทุนและวัตถุเป็นสรณะ ฉิบหาย ไปไม่รอดแน่ และมันก็จะไปสรุปลงที่ "โกงแล้วเอามาแบ่งชาวบ้าน ไม่เป็นไร"!? ใช่...ไม่เป็นไร แต่มันจัญไรสถานเดียว!?
    ระบบรัฐสภาประชาธิปไตยลอกแบบฝรั่ง มันแค่รูปแบบและพิธีกรรม ฝรั่งเขาออกแบบตามลักษณะสังคมของเขา ฝรั่งเขากินอาหารทีละจาน ไม่เห็นว่าจน แต่คนไทยลองกินทีละจาน มีแต่คนว่าจน-เป็นคนข้าวแกง ดังนั้น คนไทยยังเข้าแถวไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ต้องยึดให้อยู่ในกรอบ "ศีลธรรมและศาสนา" ไว้ แล้วเราก็จะศิวิไลซ์เป็นเอกลักษณ์ไทย ที่ใครๆ ทั่วโลกอิจฉา ไม่เชื่อลอง!
    ตอนนี้เราจำเป็นต้องยึดรูปแบบระบบรัฐสภา ทั้งที่รู้ชัด-เห็นชัดแล้วว่าคนใน "การเมืองระบบสภา" นำประชาชนแตกสามัคคีขยำขยี้ประเทศชาติปี้ป่น แต่นั่นแหละเข้าทำนอง "ใช้พิษล้างพิษ" ต้องคิดวิธีใช้ระบบสภาเป็นเครื่องมือจัดรูปแบบแก้ไขปัญหาสังคมชาติ การเมืองนำการทหาร หรือการทหารนำการเมือง ไม่ใช่ทั้งนั้น วันนี้ "การทหาร-การเมือง" ต้องไปด้วยกัน ก่อนถึงขั้นปฏิรูปใหญ่ "ย้ายส่วนราชการ" ทั้งหมดออกไปสร้างเป็น "เมืองใหม่"
    ปล่อยให้กรุงเทพฯ เป็น "เมืองฟ้าอมร" ปลอดการเมือง สำหรับคนไทย และคนทั้งโลกนิรันดร์เถอะครับ.

 

http://www.thaipost.net/news/220510/22402
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #643 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 16:07:22 »

อ่านความรู้สึกของเขาหน่อยครับ พร้อมกับจับประเด็นด้วย ใครบุกเข้าไปไล่ยิงเสื้อแดงและมีอะไรเกิดขึ้นในวัดปทุมวนาราม จะได้ทราบว่า ทำไมเขายังหวาดกลัวและชิงชังทหารหนักหนา
แบบนี้ไม่จบแน่นอนครับ


วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:58:00 น.  มติชนออนไลน์
คลิ๊กรับชมวีดีโอข่าวนี้ =>   


"เสื้อแดง"ขอพูดบ้างจะเอาไป "ฆ่า-ประหาร"ก็เชิญ

โดย ชฎา ไอยคุปต์


(คลิกชมคลิปวิดีโอภาพและเสียงชาวบ้านได้ที่รูปกล้องเหนือพาดหัวข่าว)

 

ภายหลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านและยุติการชุมนุมแทนที่เดินทางกลับบ้าน ชาวบ้านกลับวิ่งหนีตายเข้าไปขอซุกตัวภายในวัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน กับโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาจากพื้นที่วัดตั้งแต่ตลอดเวลาช่วงบ่ายจนถึงเช้าของวันใหม่


ทั้งที่รัฐบาลประกาศเตรียมจัดรถคอยอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยแต่ก็ไม่มีใครยอมออกมาและเวลานั้นก็ไม่มีมีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นภายในพื้นที่การชุมนุม หลังจากที่มีการประกาศเคอร์ฟิวผู้สื่อข่าวถอนออกจากพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมุนุมเดินออกจากพื้นที่ชุมนุมกลับภูมิลำเนาแค่ประมาณ 400 คนเท่านั้น แล้วอีกหลายพันคนหายเงียบ เข้าไปซุกตัวอยู่ในวัด   


ตลอดคืนที่แสนจะยาวนานในความรู้สึกของชาวบ้านท่ามกลางความไม่สงบแสงเพลิงที่ลุกไหม้ตึกอาคารรอบพื้นที่ มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังตลอดทั้งคืนแต่ที่เลวยิ่งกว่า คือ การนอนร่วมกับศพเพื่อนร่วมรบ นี่คือคำบอกเล่าของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยังผวาไม่เลิก"


แทบจะไม่มีใครได้หลับได้นอนกระทั่งรุ่งสาง แสงอาทิตย์ส่องสว่างมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ชาวบ้านเริ่มทยอยเดินทางออกมาตามเสียงเรียกของมือปราบหูดำ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ใช้เครื่องขยายเสียงเรียกผู้ชุมนุมออกมาเพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ชาวบ้านยังคงมีอาการหวาดผวา เมื่อเดินออกมาเจอเจ้าหน้าที่ทหารยืนลาดตระเวนบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หดกลับเข้าไปใหม่และไม่ยอมออกมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตั้งแถวเป็นทางยาวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายได้ โดยที่ตำรวจจะยืนเป็นเกราะกำบังให้ ชาวบ้านจึงยอมเดินทางออกมาจากวัดเพื่อเดินทางกลับบ้าน


ใบหน้าที่มันเยิ้มเปื้อนฝ้า สีผิวที่กรำแดดปรากฏริ้วรอยความหมองคล้ำ เคลือบไปด้วยความอิดโรย ตาแดงกร่ำ เสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่น กลิ่นตัวที่หมักหมมขาดน้ำชำระล้างมานาน แต่ยังไม่เด็ดชัด สัมผัสได้เท่ากับ ความเครียด ความกังวล ที่แสดงออกมาทาง สีหน้า แววตา ไร้อารมณ์ความรู้สึก เหม่อลอย และหวาดกลัว แต่ซ่อนความมุ่งมั่นในแววตา


ชาวบ้านทยอยเดินทางลงจากรถเมล์มาต่อรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต หอบหิ้วเสื่อ หมอน พัดลม ข้าวของเครื่องใช้พะรุงพะรัง ขณะที่บางคนมีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวห่อหุ้มร่างกายไว้เท่านั้น นี่คือ ภาพของผู้ชมุนุมคนไทยที่ดูไม่ต่างจากพวกอพยพลี้ภัยจากสมรภูมิรบในชายแดน เข้าแถวลงทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยก่อนจะแวะไปรับเงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายละ 200 บาท เป็นการเยียวยาค่าเดินทางต่อรถกลับภูมิลำเนาหลังจากมีรถฟรีไปส่งถึงตัวจังหวัด ส่วนใหญ่เข้าไปรับเงินแต่บางคนก็ไม่ยอมรับและบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าคนเสื้อแดงไม่รับเงิน ส่วนบางคนก็ประชดด้วยการบอกว่ามาร่วม 2 เดือนได้เงินกลับบ้าน 200 บาท


พูดแล้วจะเอาออกจริงหรือ ? คำตอบที่ชาวบ้านถามกลับกับคนที่หิ้วกล้องพร้อมปากกาและกระดาษมาขอสัมภาษณ์  แต่สุดท้าย นางชวนพร ชัยมงคล  อายุ 55 ปี จ.เชียงใหม่ ก็ยอมเล่าถึงนาทีหนีตายเข้าไปอาศัยในวัดปทุมวนาราม ท่ามกลางวงล้อมของหมอกควันและเพลิงและกระสุนปืนที่ดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับผู้ชุมนุมหลายพันคนและอีก 6 ศพถูกยิงเสียชีวิตห่อด้วยเสื่อเรียงอยู่ในวัด  ว่า จะออกมาก็ออกไม่ได้เพราะว่าหลายคนที่ออกมาเพราะห่วงข้าวของเครื่องใช้ก็ถูกยิง มันไม่เหมือนประเทศไทย ที่มีการเอื้อเฟื้อกัน ทุกคนเสียใจมากไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เราเรียกร้องแค่ให้ยุบสภาเท่านั้นเองทำไมต้องมายิงเราด้วย (พร้อมกับสะอื้น)  ทุกวันนี้ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคนจนเลย คนจนไม่มีค่า ไม่มีราคา คนจนอย่างเราไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอให้มันถูกต้อง อะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ จึงขอให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตลอด จะเป็นใครก็ได้ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม   


"ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจเพราะว่าญาติพี่น้องร่วมรบถูกยิง ถูกลากศพไปต่อหน้าต่อตา ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาเจอแบบนี้ อยากให้บ้านเมืองได้ความยุติธรรมคืนมา มีความถูกต้อง มีกฎหมายเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แบ่งพรรคแบ่งพวก คนรวย คนจน มีค่าเท่าเทียมกัน ต้องให้สิทธิการเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกัน แต่ถ้าขี้หอมก็ยกให้อีกระดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องคิดว่าคุณคือมนุษย์เหมือนกัน


เราไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าทุกคนรู้ที่แกนนำต้องเลิกเพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุมไว้ วันนี้เราได้เพื่อนที่ไม่เข้าใจเราได้เข้าใจเรามากขึ้น แต่ที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะฟังข่าวด้านเดียว เห็นแต่เสื้อแดงไปทำทหาร แต่ทหารทำร้ายคนเสื้อแดงไม่มีออกทีวีเลย ไม่ว่าอะไรหรอกคนที่เป็นนายกฯขอแค่คืนความยุติธรรมให้กับสังคมเท่านั้น หากยังแบ่งแยกกันอยู่อย่างนี้มันจะแตกแยกกัน"  นางชวนพรกล่าว


สาวใหญ่เมืองเชียงใหม่ยังบอกอีกว่า ขณะที่พวกเราหนีเขาวัดแล้วไปนั่งไหว้พระอยู่คิดว่าถ้าจะมายิงกันตอนไหว้พระก็ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นมีแต่เด็ก ผู้หญิง เต็มไปหมด


"ถ้าต่อสู้ซึ่งหน้าเราต้านไหว แต่เขาเอาเปรียบเรา ไปซุ่มยิงจากข้างบน แบบนี้มันหมารอบกัด  ต้องลงมาแล้วสู้กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเราจับมัดจับมัดดีดหำได้สบาย แต่เราไม่ฆ่าเพราะคนไทยด้วยกัน แต่เขามาตั้งใจฆ่าเรา ถ้าใครที่รับฟังมาจากที่ไหนก็ให้รู้ว่าเราคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงต้องไปฆ่าเขา แค่จับเปลื้องผ้าก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว แต่นี้มาฆ่าเราต้องนึกบ้าง ทำได้อย่างไรกับคนไม่มีทางสู้


คำว่าผู้ก่อการร้าย รัฐบาลคิดได้ไง ชาวบ้านดีดี แม่ค้าขายกล้วยทอดเป็นผู้ก่อการร้ายได้ไง เราต้องการความยุติธรรมคืนไม่น่าจะเป็นแบบนี้แค่ยุบสภาเขาก็ทำกันทั้งโลก หากคิดว่าหาเสียงเก่งก็หาวิธีการไปสิ ไม่เห็นต้องมาฆ่าเราเลย" สาวใหญ่เสื้อแดงคนเดิมระบุ


นางชวนพรเล่าต่อว่า ภายในวัดแทบจะไม่มีที่ให้เดินเพราะมีคนเข้าไปหลับนอนกันเรียงเป็นแถว ลูกก็เป็นห่วงโทรบอกให้ออกมาจากวัดซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราออกไปไม่ได้ ถ้าออกมาตายแน่  ขนาดตอนเช้าที่ออกมาตำรวจต้องตั้งแถวเรียงกันเป็นแผงช่วยให้เราออกจากวัด เพราะข้างบนรางรถไฟยังมีทหารอีกเพียบ พร้อมกับชูภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลให้ดูรูปเจ้าหน้าที่ทหารยืนประจำการบนรางรถไฟ   


"วันนี้ไม่มีความยุติธรรมกับเราคนจนเลย คนจนอย่างเราใช่ว่าจะมาขออะไรมากมายขอแค่ให้ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ คุณได้เป็นนายกฯไปเราไม่ว่าให้มันถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจ เพราะว่าญาติพี่น้องที่ร่วมรบกันเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ช่วยเหลืออะไรกันไม่ได้เลย การกลับบ้านครั้งนี้ถือว่าเสร็จแล้ว เรามาแสดงอุดมการณ์ของเราที่ไม่ชอบความไม่ยุติธรรมไม่ใช่ว่าเข้าข้างกัน ผิดก็คือผิด" นางชวนพร กล่าว 


นายอนุชา ยะอนันต์ อายุ  45 ปี นปช.ลำพูน ชายร่างใหญ่หนวดเฟิ้มเล่านาทีชีวิตเป็นตายเท่ากันขณะที่เข้าไปหลบซ่อนในวัดปทุมวนาราม ว่า "อยู่ในวัดไล่ยิงคนเหมือนหมา ออกไปนอกวัดก็ไม่ได้ มีทหารอยู่บนรางรถไฟเห็นๆกันอยู่ จะไม่เห็นได้ไงไล่ยิงกันรอบวัดเลย ลึกๆในใจใครทำอะไรก็รับไปให้รู้กันเองไม่เป็นไร"


นปช.ลำพูนกล่าวอีกว่า มองดูรัฐบาลตอนนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลทั่วโลก ขนาดเขาทำผิดนิดเดียวก็เริ่มรู้ตัวต้องออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ประเทศเราไม่ใช่ประชาธิปไตย รัฐบาลถูกต่อต้านไปไหนไม่ได้ต้องมีทหารคอยคุ้มครองไปกันแต่ละครั้งขนตำรวจทหารไปล้อม 3-4 พันคน เข้าใจว่าความเกลียดชังคนเสื้อแดง ที่เกิดในใจหลายคน คิดว่าเกิดจากข้อมูลที่เขารับฟังข้างเดียว เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นศัตรู แต่ถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าความจริง คืออะไร เขาจะเสียใจมากยิ่งกว่าพวกเราเสียใจอีก รัฐบาลควรแสดงความจริงใจว่าส่วนใดที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงต้องเอามาพูดกัน


"ความจริงของเรื่องนี้ คือ รัฐบาลเอาทหารออกมาแล้วปิดกั้นไม่ให้พวกที่เข้าไปชุมนุมได้ชุมนุมกันอย่างสันติวิธี พวกเราไม่มีอาวุธมีแต่ไม้เหลาแหลมแต่ทหารอาวุธครบมือ วันหนึ่งถ้าเป็นญาติของเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร รัฐบาลไม่น่าทำขนาดนี้ ผมอายชาวโลก ชาวโลกรับรู้ข่าวหมด แต่ช่องทีวีของไทยยังปิดหูปิดตา มีข่าวทางอินเตอร์เน็ตที่รายงานข่าวเราบ้าง ประเทศไทยยังมัวแต่ปิดกั้นอยู่อย่างนี้เราไปไม่รอดแน่"นายอนุชากล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินไปขึ้นรถกลับลำพูน


ขณะที่ นางชฎาทาน ธันวาภักดี  ชาวจ.นนทบุรี อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย กำลังหอบหิ้วสัมภาระที่ขนกลับมาจากราชประสงค์เพื่อเดินทางกลับบ้าน กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยสนับสนุนการปฏิวัติว่ามันดีแต่พอเห็นการยึดทำเนียบจึงได้รู้ว่ามันไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเราเหมือนกบในกะลาเมื่อมีคนมาเตะกะลาให้เราต้องออกมาเราต้องวิ่งออกมาจนได้เห็นความไม่ยุติธรรม ฉะนั้นเรายอมตายเพื่อความถูกต้องดังนั้นเราต้องช่วยกัน


"เขาใจร้ายมาก ฆ่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนเราไม่ใช่คน ยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้ามีคนตาย 6 ศพ นอนอยู่ในวัดยังไม่ได้ฉีดยาให้ศพ น่า อนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงเรา นัดเดียวคาที่หมด เห็นคนเชียงรายมากัน 8 ตาย 5 กระสุนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา"  นางชฎาทานบอกเล่าสิ่งที่ได้พบเจอ


นปช.นนทบุรี กล่าวต่อว่า "ตอนนี้เราต้องหยุดก่อนแต่เราไม่ถอย เราไม่ได้ทำอะไรเขาเลยเขามายิงเราทำไมเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยขอความเป็นธรรมมายิงเราทำไม พอใจยิงก็ยิง ก่อนหน้านี้เราไม่เคยแตะต้องอะไรเลย แต่ตอนนั้นระเบิดลงหน้าเวทีคุณฆ่าเราแล้ว พวกเราก็ระงับอารมณ์ทุกคนไม่ได้แล้ว พวกเราก็พากันหนีตายเข้าไปในวัดบ้าง หลบอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าบ้าง เขาก็ยิงลงมาอย่างต่อเนื่องเก็บข้าวของกันแทบไม่ทัน เขายืนอยู่บนหัวเรา ตอนนั้นประมาณ 6 โมงเย็น พอเราออกมาตอนเช้ายังเห็นทหารยืนอยู่เต็มรางรถไฟฟ้า" 


"สิ่งที่พวกเราเจอยิ่งกว่าสงคราม เกิดมาไม่เคยเจอ ไม่คิดว่าประเทศเราจะเป็นขนาดนี้ ใจร้ายมากเขาเหยียบย่ำหัวใจเรามาก รอดตายมาทุกวันนี้เพราะตำรวจแท้ๆ และขอย้ำบอกกับพวกที่หาว่าเรามาแล้วได้เงินไม่จริงเลย มีแต่เสียเงินเองทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีใครเอามาให้เลย เราสู้กันตั้งแต่พันธมิตรยึดทำเนียบจนกระทั่งวันนี้ที่พวกเราถูกไล่ยิง"  นางชฎาทานกล่าว
 


ทางด้านนายชัยวัฒน์ แสงเดช เจริญชัย อายุ 47 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่กำลังรอขึ้นรถกลับภูมิลำเนาหลังจากที่ลาสิกขาบทเพื่อมาร่วมชุมนุมบอกว่า ตอนนั้นได้ดูข่าวเห็นแล้วทนไม่ไหวจึงสึกออกมาเพราะเห็นความไม่ถูกต้อง ขอเงินพี่ชาย 4 พันบาท เข้ากรุงเทพฯตั้งแต่หัวโล้นจนตอนนี้ผมขึ้นขนาดนี้แล้ว(ชี้ไปที่ผม) มาร่วมชุมนุมเกือบ 2 เดือนเงินที่นำมาก็หมดแล้ว แต่ข้างในคนเสื้อแดงรักกันมากแบ่งบันกันกิน พวกเขาไม่มีอาวุธมีแต่หนังสติ๊ก ไม้ไผ่ กับบั้งไฟที่จุดไล่เฮลิคอปเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงน่าสงสารมากช่วงที่ทหารบุกยิงทั้งแก๊สน้ำตา ยิงปืนใส่


"พวกผู้หญิงที่อยู่ในพื้นที่ทนเห็นคนถูกยิงไม่ได้ไปช่วยกันเอาน้ำยาล้างส้วมเทใส่ถุงแล้วเอาไปเฟวี้ยง(ขว้าง)ทหารเห็นแล้วน้ำตาไหล ถ้าใครเข้าไปสัมผัสข้างไหนแล้วจะรู้ เมื่อกี้เดินออกมาตามถนนหนทางชาวบ้านร้องห่มร้องไห้มาตลอดทาง ตำรวจดีมากเลยที่เข้าไปช่วยพวกเราไม่งั้นทหารไม่ปล่อยออกมาแน่ ถ้าออกมาโดนยิงหมด" นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำสิ่งที่ผู้ชุมนุมคนอื่นบอกไว้ในเรื่องเดียวกัน


"ตอนทหารยิงผมอยู่ตรงศาลาแดง วิ่งหลบกระสุนทั้งวัน ทั้งคืน ทหารใช้ปืนสไนเปอร์ยิง โดนหัว โดนลำตัว ต่างคนต่างวิ่ง หมอบไปด้วยวิ่งไปเลาะตามเต็นท์ วิ่งโล่งๆไม่ได้ ตอนนั้นผมวิ่งไม่ถึงวัด จึงเข้าไปหลบในโรงพยาบาลตำรวจแทน พวกเรานอนเกลื่อนกับพื้นเต็มไปหมด ออกไปไหนก็ไม่ได้ คนในวัดก็ออกไม่ได้ ออกมาก็ถูกยิง ตรงศาลาแดง ดุเดือดมาก ไปซุ่มอยู่บนตึกยิงลงมา " นายชัยวัฒน์กล่าวถึงนาทีหนีตาย


นายชัยวัฒน์ เล่าถึงการเดินทางมาร่วมชุมนุมว่า มาคนเดียวได้แต่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เห็นแล้วน้ำตาไหลออกมาเองแบบไม่รู้สึกตัว พวกมวลชนไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำไมต้องยิงเขาด้วย ผู้หญิง เด็ก ยิงหมด หากออกไปจากที่ชุมนุมเจอด่านทหารจะตรวจค้นมีอะไรแดงๆจะโดนหมดเลย เถื่อนมากเหมือนไม่ใช่ประเทศไทย มันจะไม่ใช่สยามเมืองยิ้มอีกต่อไปแล้ว


"คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนจะโหดขนาดนี้แม้แต่ตัวผมเอง" เสียงสะท้อนจากผู้ชุมนุมที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอ 
 

นางคำสอน  สมพงษ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย นั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน 3 คน รอเดินทางกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต บอกเล่าเหตุการณ์ในวันที่ราชประสงค์มืดมิดพร้อมกับท่าทางที่ตื่นกลัว ว่า ลูกระเบิดลงมา พากันวิ่งเข้าวัดปทุมวนาราม เจ้าอาวาสดีมากให้พวกเราพักพิง


"ขณะที่นางพยายามกำลังปั้มหัวใจช่วยคนเจ็บอยู่ก็ถูกยิงเสียชีวิต การ์ดก็ตาย โหดมาก พวกเราไม่ได้กินข้าวกินน้ำกันเลยตี 5 ตั้งแต่ทหารเริ่มปฎิบัติิการ พวกเขามากล่าวหาว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย เราไม่มีอะไรเลย มีแต่พัด แล้วมากล่าวหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีปืนจริงคิดว่าจะเหลือหรือไงก็ยิงออกไปสิ บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป สั่งฆ่าใครฆ่าให้หมดจับใครได้ก็ฆ่าให้หมด" ยายคำสอนกล่าว


"กลัวก็กลัวแต่สู้ ช่วยๆกัน ระเบิดโยนมาไม่ถูกพวกเราก็ถูกคนอื่น ลูกปืนยิงมาไม่ถูกเราก็ถูกคนอื่น การ์ดผู้ชายรับปืนรับระเบิดแทนผู้หญิงหมด แต่ผู้หญิงตายเยอะหนีไม่ทันทั้งคนแก่และเด็ก แล้วยังยิงฝรั่งที่มาทำข่าวอยู่กินกับพวกเรา แล้วยังจะมาหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายยิงอีก มันโหดร้ายแค่ไหนรัฐบาลนี้จะเอาเราไปประหารก็เชิญเพราะพูดความจริงเลย เพราะรัฐบาลทำได้ทุกอย่าง" ยายชาวหนองคายพูดอย่างไม่กลัวความผิดและภัยถึงตัว


"เราไม่ใช่คนมีความรู้แต่เป็นชาวนาเต็มตัวจะบอกว่า แม้แต่เด็กยังไม่ไว้ชีวิต คนแก่คลานไปร้องขอชีวิตยังโยนทิ้ง ไม่ตายก็โยนเข้ากองไฟ เอาศพไปทิ้งไม่ให้เห็นศพ" ยายคำสอนกล่าวย้ำอีกครั้งก่อนจะบอกว่าได้เข้าไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนารามหลวงปู่ก็เทศนาให้ฟังแก๊สน้ำตาก็ยิงเข้ามาในวัดใจสั่นไปด้วยนั่งพนมมือไปด้วย ไม่ตายก็เหมือนตาย เราผ่านสนามรบมาแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป


ขณะที่นายสุชาติ พรั่งพรหม นปช.จันทบุรี  กล่าวย้ำถึงภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน ว่า "เห็นทหารยิงประชาชนตอนนั้นพักอยู่ที่วัดปทุมวนารามเห็นศพอยู่ในวัด 6 ศพ บาดเจ็บอีกประมาณ 10 คน ยิงพยาบาล(อาสาสมัคร)ในวัดที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักหรอแล้วก็ยิงเลย  เป็นทหารแก่แล้วมีผมหงอก "


เสียงส่งท้ายของคนเสื้อแดงก่อนอำลาเมืองกรุง กลับบ้านพร้อมกับบาดแผลในใจ ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตบนเส้นทางการเรียกร้องประชาธิปไตยได้รับบทเรียนที่แสนล้ำค่าที่สุดในชีวิตของมวลชนคนธรรมดาที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาตกอยู่ในสมรภูมิรบท่ามกลางสงคราม "คนไทยฆ่ากันเอง" จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274454415&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #644 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 16:09:13 »



ภาพขวามือคือ  ผู้ต้องหา-ทาลิบันปลายแถว ที่เมกา จับตัวมาจากอัฟกานิสถาน นำไปคุมขังที่ฐานทัพเรือ Guantanamo บนเกาะเดียวกันกับประเทศคิวบา ใส่เสื้อสีส้ม ใส่กุญแจมือ กุญแจเท้า  ขอย้ำว่า เป็นผู้ต้องหาปลายแถว ไม่ใช่แกนนำที่ร้ายแรง

ภาพซ้ายมือคือ แกนนำสุดเลว อาชญากร ฆาตรกร ผู้ก่อการร้าย ผู้ก่อการขบถ ผู้ทำลายล้างประเทศไทย  3-4 วันที่ผ่านมา กรุงเทพฯและ ตจว. เสียหายจากเพลิงก่อการร้าย 2.3 แสนล้านบาท เป็นบุคคลที่กำลังต้องโทษขั้นประหารชีวิต (7 ชั่วโคตร)  ได้รับการปฎิบัติเยี่ยง "วีรบุรุษ"   ไปคุมขัง ที่บ้านพักรับรองตากอากาศ ที่ อ.ชะอำ จ. เพชรบุรี มีญาติพี่น้อง-เพื่อนฝูง มาเยี่ยมเยียนได้ ถ่ายรูปได้ มีมือถือให้โทร มีอินเตอร์เน็ทให้เล่น FB ได้

นี่คือผลงานของ สตช. ตำรวจมะเขือเทศ ตบหน้าและกระทืบความรู้สึกประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

ต้องยุบ สตช. สำนักงานตะกวดแห่งชาติ  โดยด่วน  แล้วโอนงานการสวบสวน การควบคุมตัว การส่งฟ้อง ให้กับ DSI และกองทัพฯ เพราะเหตุการณที่เกิดขึ้น ในสภาวะการประกาศภาวะฉุกเฉิน

สุดยอดจะหล่ะหลวมเลย ถ้าพวกผู้ต้องหาโทษขั้นประหารชีวิต จะหนี แค่ใส่วิก ทาหน้าทาปาก ใส่เสื้อสตรี นั่งรถออกไปกับญาติๆได้เลย

      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #645 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 16:18:30 »

ช่วยกันอ่านกระทู้ที่ผมโพสต์ข้างบนนั้นด้วยจิตใจที่เป็นธรรมครับ เกิดอะไรขึ้นในวัดปทุมวนาราม ตลอดวันที่ 19 และคืนนั้น

ศอฉ. บอกส่งทหารเข้าปิดทุกแยกที่เป็นหน้าด่านของ นปช. แต่รุกเข้าทางแยกศาลาแดงไปแยกสารสินเท่านั้น

แล้วมีใครไปบุกวัดปทุมวนาราม...ตามคำบอกเล่า

อย่าเอาแต่โพสต์ด้วยความสะใจ หรือแต่งภาพกันด้วยความสนุกครับ

ผมกลัวเขาฝังใจและพร้อมจะกลับมาด้วยความเครียดแค้น-ชิงชัง



อ่านเรื่องนี้ประกอบครับ พวกเราไม่เคยเห็นภาพนี้ครับ

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:48:28 น.  มติชนออนไลน์
แฉภาพชายแต่งตัวคล้ายทหารกลุ่มหนึ่ง ถืออาวุธปฏิบัติการอยู่ในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

 

เว็บไซต์แห่งหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต เปิดเผยภาพกลุ่มชายแต่งตัวคล้ายทหารถืออาวุธปืนยาวอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส บนพื้นที่การชุมนุมสวมหมวกสีดำ มีป้ายสีแดงติดด้านหลัง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274507337&grpid=01&catid=no
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #646 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 17:05:35 »

หงายไพ่เล่นในสภาแล้ว

มติเพื่อไทยยื่นซักฟอกมาร์คพ่วง4รมต.
ประเด็น:เกาะติดฝ่าวิกฤตกลียุคประเทศไทย , 22 พฤษภาคม 2553 เวลา 16:14 น.

เพื่อไทนมีมติยื่นอภิปราย "มาร์ค" พ่วง 4 รมต. 24พ.ค.นี้ บอกแน่จริงต้องรับญัตติ "เฉลิม" ชี้ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ประชาชนตายขนาดนี้โยนมือที่สามเผาเซ็นทรัลเวิล์ด

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมพรรคมีมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกับพวกอีก 4 คนประกอบ ด้วยนายกรณ์  จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต  ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ  นายชวรัตน์  ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย  และนายโสภณ  ซารัมย์ รมว.คมนาคม

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค.ประธานวิปฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา ช่วงบ่ายจะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เดิมที่เหตุที่เราไม่ยื่นคือ รัฐบาลเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะตรวจสอบ เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยชุดแรกที่มีวิญญาณยิ่งกว่าเผด็จการ นายอภิสิทธิ์ถือเป็นจอมพลอภิสิทธิ์ ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ถือเป็น พล.อ.ปณิธาน สมัยรัฐบาลสุจินดาใช้น้ำฉีดม็อบก็ถูกกล่าวหาเป็นเผด็จการ ดังนั้น ถ้าจะเรียกนายอภิสทธิ์ก็คือ จอมพลคนสุดท้อง ถัดจากจอมพลประภาส

"พรรคมีมติเอกฉันท์ให้อภิปราย ทั้งที่เราไม่อยากแตะต้องรัฐบาลนี้เพราะเลวทราม แต่เมื่อประชาชนตายเป็นจำนวนมากเฉลี่ย 100 คน บาดเจ็บ 2พันคนตรงนี้ไม่เคยมีรัฐบาลประชาธิปไตยที่ไหนทำอย่างนี้"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากผู้ชุมนุมกับนายอภิสิทธิ์เท่านั้น คุณสร้างเรื่องสร้างสถานการณ์จนเอาประเทศชาติ หน่วยงานภาครัฐ มาทะเลาะกับประชาชนแล้วมาบอกว่าการชุมนุมก่อให้เกิด  ขอเตือนสติเมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเปิดสมัยวิสามัญ ตอนนั้นพวกตนเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านจะขอยื่นญัตติ เราก็ยินดียินยอม บรรจุระเบียบวาระให้อภิปราย ตนก็ถูกอภิปราย ดังนั้น อย่าแกล้งโง่ เซ่อ อย่าดราม่ามาก กับญัตติอภิปราย อย่ามาพูดว่าครั้งที่แล้วไม่อภิปราย อย่ามาพูด ภ้านายอภิสิทธิ์ยังมีความเป็นคน เป็นมนุษย์ ความเป็นนักการเมืองคุณหมดแล้ว คุณต้องร้องขอประธานรัฐสภาให้บรรจุญัตติ  แน่จริงต้องรับญัตติ อย่ามาพูดนะว่าปิดสภาแล้ว วันนี้พวกคุณหมดเวลาแล้ว

"เผาเซ็นทรัลเวิล์ดเป็นการสร้างสถานการณ์ มือที่สาม ตอนเขาประกาศสลาย ระเบิดลง ตูมตูมตูม ถ้าเขาจะเผาจริงต้อง เผาโรงแรมคอนติเนลตันเพราะ ลูกเขยโรงแรม เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง หลุยวิดตองราคาแพง อยู่ติดที่ชุมนุมไม่มีใครทุบเลย  ส่วนมุขงมน้ำแล้วเจอเป็นปืน เป็นลิเกบทเก่า ตั้งแต่ปี 2516 เขาใช้มุขนี้กัน อย่างการขึ้นไปยิงบนอาคารสถานที่ ไม่มีทางที่ตาสีตาสาจะขึ้่นไปยิงได้ ถ้าอยากรู้ว่า ยิงแล้วหนีอย่างไร ผมจะบอกให้ในการอภิปราย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ พรรคจะเสนอให้ตนเป็นนายกฯแนบญัตติ


http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/29659/มติเพื่อไทยยื่นซักฟอกมาร์คพ่วง4รมต
      บันทึกการเข้า
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #647 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 19:46:30 »



     สวัสดีครับเหยง,วณิชย์

      ได้อ่านบทความที่นำมาลงเรื่องที่เป็ดเหลิมออกมาแสดงอาการแอ๊กอ๊าด  เห่าวิพากวิจารณ์รัฐบาลและเหตุการณ์ที่ได้

   เกิดขึ้น ทำให้นึกย้อนกลับไปช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่เป็ดเหลิมหดหัวหุบปากสนิทเงียบ เพราะพวก สส. พรรค

   เพื่อไทยส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนที่เป็ดเหลิมเสนอตัวขอเป็น candidate ตำแหน่งนายกฯ (หากม๊อบแดงสามารถโค่นรัฐบาล

   ลงได้) ทั้งนี้เพราะตัวเป็ดเหลิมไม่มีมุ้งและไม่ร่วมลงขันลงทุนลงแรงอะไรเลยมีแต่ฝีปากตีกินของฟรีลูกเดียว  สู้จิ๋วไม่ได้

   ที่ทุ่มทั้งแรงทั้งตัวทั้งเกียรติยศชื่อเสียง(ที่ตอนนี้ไม่เหลือและหลบหน้าไป เพราะกลัวถูกลากเข้ามาเกี่ยวกับเหตุการณ์)

   ยิ่งตอนเหตุการณ์ 10 เมษาเกิดขึ้น แล้วมีแนวโน้มที่อาจจะเกิดรัฐประหารเป็ดเหลิมก็รีบเผ่นหนีไปหลบที่สิงคโปร์ก่อน

   ใครเพื่อน ก่อนหน้าวันที่ 19 พค.ที่เหตุการณ์กำลังงวดเข้ามา สส.เพื่อไทยหลายคนยังกล้าหาญไปช่วยแกนนำเสื้อแดง

   ขึ้นบนเวทีที่ราชประสงค์  แต่เป็ดเหลิมนกรู้ save ตัวเองแทงกั๊กหดหัวปิดปากเงียบปล่อยให้พวกโง่เห่าหอนกันไป ตอน

   นี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปแม้ยังไม่นิ่ง ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีใครกล้าโผล่หัวออกมาเห่า ทักษิณจึงต้องหันกลับมาใช้บริการ

   เป็ดเหลิมให้เป็นหัวหอกในการทำลายชาติรอบที่ 3 อีกครั้ง เราจึงไม่ต้องแปลกใจที่ได้ยินเสียงเห่าออกมาจากบางบอน

   ให้คนไทยเราได้ยินดังกว่าใครในพรรคเพื่อไทย

   

 
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #648 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 02:50:14 »

      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #649 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 11:41:24 »

เผาศาลากลาง และเทศบาลอุดรธานี
















ขโมยอย่างง่ายดายมาจาก : http://forum.serithai.org/index.php?topic=2588.0
      บันทึกการเข้า

  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 31  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><