19 พฤษภาคม 2567, 13:16:25
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 94   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: .....ผล ดอก ใบ ลำต้น ราก.....  (อ่าน 980785 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #1350 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 09:27:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2554, 21:36:26
สวัสดียามค่ำครับ..... พี่ตี๋..พี่ตู่..พี่ปี๊ด..พี่ทราย..พี่หนุน..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน
เท่าที่ทราบ.... หญ้าอ่อน เป็นที่โปรดปรานของโคแก่ อ่ะครับ

โคแก่ ฟันหลอ ไม่มีฟันบดเคี้ยวหญ้าแก่ละมั๊ง ...
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #1351 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 09:54:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2554, 09:27:06
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2554, 21:36:26
สวัสดียามค่ำครับ..... พี่ตี๋..พี่ตู่..พี่ปี๊ด..พี่ทราย..พี่หนุน..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน
เท่าที่ทราบ.... หญ้าอ่อน เป็นที่โปรดปรานของโคแก่ อ่ะครับ

โคแก่ ฟันหลอ ไม่มีฟันบดเคี้ยวหญ้าแก่ละมั๊ง ...

สวัสดี ครับ พี่ๆ น้องๆ วันเสาร์ น้องตี้ กระทู้ ผล ดอก ใบ ลำต้น ราก มาเป็น ความรู้เรื่องหญ้าได้ ต้องยกให้พี่ทราย เพราะเป็น
 ผู้เปิดประเด็น ทำให้ได้ ความรู้มากมาย เกียวกับ" หญ้า " ดี ครับ พี่ปิ๊ด ตอนเด็กๆ ชอบเล่นระเบิด ไม่ใช่ปืน (ของชอบเด็ก  
 ผู้ชาย) เลย เห็น ชนวนไม่ได้ ชอบจุด วันนี้พี่ทราย ว่า"โคแก่ไม่มีฟัน" เผลอตอบไม่ดี เดี๋ยว จะเข้า" Rate  X" ต้องระวัง...5 5  
         น้องทราย เดี๋ยว นี้ ช้างเขาก็ใส่ฟันปลอมได้แล้ว สบาย มากไม่เป็นปัญหา นํ้าย่อย เข้มข้น หญ้าอ่อนๆ ไม่ ต้องเคี้ยว
         มาก กลืนเลยก็ได้  เหอๆๆ เหอๆๆ gek  ย่อยง่าย.......        
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #1352 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 14:08:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2554, 09:54:47
อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2554, 09:27:06
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2554, 21:36:26
สวัสดียามค่ำครับ..... พี่ตี๋..พี่ตู่..พี่ปี๊ด..พี่ทราย..พี่หนุน..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน
เท่าที่ทราบ.... หญ้าอ่อน เป็นที่โปรดปรานของโคแก่ อ่ะครับ
โคแก่ ฟันหลอ ไม่มีฟันบดเคี้ยวหญ้าแก่ละมั๊ง ...

สวัสดี ครับ พี่ๆ น้องๆ วันเสาร์ น้องตี้ กระทู้ ผล ดอก ใบ ลำต้น ราก มาเป็น ความรู้เรื่องหญ้าได้ ต้องยกให้พี่ทราย เพราะเป็น
 ผู้เปิดประเด็น ทำให้ได้ ความรู้มากมาย เกียวกับ" หญ้า " ดี ครับ พี่ปิ๊ด ตอนเด็กๆ ชอบเล่นระเบิด ไม่ใช่ปืน (ของชอบเด็ก  
 ผู้ชาย) เลย เห็น ชนวนไม่ได้ ชอบจุด วันนี้พี่ทราย ว่า"โคแก่ไม่มีฟัน" เผลอตอบไม่ดี เดี๋ยว จะเข้า" Rate  X" ต้องระวัง...5 5  
         น้องทราย เดี๋ยว นี้ ช้างเขาก็ใส่ฟันปลอมได้แล้ว สบาย มากไม่เป็นปัญหา นํ้าย่อย เข้มข้น หญ้าอ่อนๆ ไม่ ต้องเคี้ยว
         มาก กลืนเลยก็ได้  เหอๆๆ เหอๆๆ gek  ย่อยง่าย.......        
อืมมม... วัวแก่ก็น่าจะใส่ฟันปลอมได้น่ะคะพี่ปี๊ด
 งง งง งง งง งง งง
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1353 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 23:15:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2554, 23:36:25

.....เป็นผักพื้นบ้านครับ.....





วงศ์ : CAESALPINIACEAE

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia purpurea Linn.

ชื่อสามัญ : Orchid Tree, Purple Bauhinia.

ชื่อสามัญไทย : เสี้ยวดอกแดง , ชงโค

ชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ : กะเฮอ สะเปซี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน ) เสี้ยวหวาน (แม่ฮ่องสอน)


           
ผักเสี้ยวเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้น สูงประมาณ 7-12 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ รูปมนเกือบกลม
 แยกเป็น พู ปลายมนกลม กว้าง 8-16 ซม. ยาว 10-14 ซม. ขอบใบเรียบ
 ดอก ออกเป็นช่อออกด้านข้างหรือปลายกิ่ง 6-10 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูถึงม่วงเข้ม รูปรีกว้างตรงส่วนกลาง
 เมื่อบานวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 ซม. ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลักษณะของดอกคล้ายดอกกล้วยไม้ เกสร
 เกสรตัวผู้ จะเป็นเส้นงอนยาวยื่นออกมาตรงกลางดอก 3 อัน ส่วนเกสรตัวเมียจะอยู่ตรงกลางดอกอีก 1 เส้น
 รังไข่มีขน ฝัก คล้ายฝักถั่ว ยาว 20-25 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดรูปร่างกลมมีประมาณ 10 เมล็ด

ตำนาน ความเชื่อ และการนำไปใช้ในพิธีกรรมของชาวเหนือ

มีตำนานเล่าเรื่องเกี่ยวกับผักเสี้ยวว่า ในสมัยก่อนมรรคนายกวัดได้ไปเด็ดเอาหางใบผักเสี้ยวมา 3 เสี้ยว นำมาตำให้ละเอียด
 เอาน้ำที่นึ่งข้าวเทใส่ แล้วจึงนำมากรอกใส่ปากเด็กที่เป็นไข้ 2 ช้อน ทำให้เด็กหายจากอาการเป้นไข้
 ต่อมาคนมักนำไปนึ่งรับประทานกับน้ำพริก และตั้งชื่อผักชนิดนี้ว่า “ ผักเสี้ยว “ จวบจนถึงปัจจุบัน

การปลูกและขยายพันธุ์

ผักเสี้ยวเป็นพรรณไม้ที่ถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียจีนมักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ตามถนนสองข้างทาง
 เป็นไม้ที่ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ความร่มรื่นเป้นอย่างดี
 สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง
 ออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน

ประโยชน์ทางยาสรรพคุณทางสมุนไพร

ใบ รสเฝื่อน ใช้ต้ม กินรักษาอาการไอ ใบอ่อน ช่วยบำรุงร่างกาย

ดอก รสเฝื่อน ใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นเครื่องยารักษาไข้ ดับพิษไข้ หรือเป็นยาระบาย

ราก รสเฝื่อน ใช้ต้มกับน้ำ ดื่มเป็นยาขับลม หรือ ใช้โขลกผสมกับน้ำกินเป้นยารักษาอาการไข้ ยาระบาย

ดอกและแก่น แก้โรคบิด

ประสบการณ์พื้นบ้าน

หมอเมืองล้านนา ใช้เป็นยาสำหรับแม่กำเดือน (หญิงอยู่ไฟ) โดยเด็ดใบมา 3 เสี้ยว กินก็หาย
 บางรายใช้เป็นยาแก้ลมมะเฮ็งคุต โดยถากเอาเปลือก ขุดเอารากมาทุบแช่กับน้ำข้าวสารเจ้า นำมาลูบหัวและขมับ
 และดื่มน้ำก็หายขาดได้


ประโยชน์ทางอาหาร

ใบอ่อนของผักเสี้ยวใช้รับประทานเป็นผัก มีรสหวานมักพบมากหลังจากที่มีการผลัดใบในช่วงปลายฤดูหนาวและต้นฤดูแล้ง
 จะผลิใบอ่อนในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

น้ำพริกผักจิ้ม

ผักเสี้ยว เป็นที่ชาวเหนือนิยมรับประทาน ช่วงที่ต้นเสี้ยวแตกใบอ่อน มักพบจำหน่ายตามตลาดสดทั่วไป
 ชาวเหนือนิยมนำมาต้มจิ้มน้ำพริกต๋าแดง น้ำพริกต่อ น้ำพริกน้ำปู๋

อาหารอื่น ๆ

ชาวเหนือนำผักเสี้ยวไปแกง เช่น แกงเลียง แกงใส่ปลาแห้ง แกงใส่เนื้อ หรือนำไปแกงร่วมกับผักเจียงดา ผักหละ
 จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

คุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ

ผักเสี้ยว 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 47 กิโลแคลอรี่
 ประกอบด้วยโปรตีน 3.4กรัม ไขมัน 1.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม กาก 1.8 กรัม แคลเซียม 46 มิลลิกรัม
 ฟอสฟอรัส 31 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม วิตามิน A 1442 IU. วิตามิน B1 0.02 มิลลิกรัม
 วิตามิน B2 0.17 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม วิตามิน C 10 มิลลิกรัม

ประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ

ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ให้ร่มเงาได้ดี และมีกลิ่นหอมอีกด้วย


ขอขอบคุณ http://202.143.164.68/intranet/foodmedecine/vegetable%20saew.htm
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1354 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2554, 23:31:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2554, 14:16:27

   สวัสดี น้องตี๋...
  
          มาห้องนี้ ได้ความรู้มากมาย...ขยันค้นหามาให้อ่าน
          ขอบคุณมาก คราวหน้า หาสรรพคุณผักพื้นบ้านมาฝากด้วยนะ
          เผื่อเอาไว้อ้างอิง ข้อสำคัญทุกวันนี้ไม่อยากกินถั่ว แตงกวา กะหล่ำ แกล้มน้ำพริกเท่าไหร่
          สารเคมีอันตรายเยอะเกิน...


.....ได้มาเพียบเลยครับ พี่อ้อย 17  ๕๕๕๕๕ ค่อยๆหามาลงครับ.....



ดร.เกศณี ตระกูลทิวากร นักวิจัยสถาบันค้นคว้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิจัยออกมาแล้ว
    
ผักพื้นบ้านไทย มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งมากกว่าผักฝรั่งหลายเท่าตัว

ผักไทยๆมีอะไรบ้าง ดร.เกษณี แบ่งผักไทยไว้ 3 เกรด
      
     =ผักที่มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ หรือมีสารต้านมะเร็งต่ำ
       แต่ถึงจะต่ำแต่สรรพคุณไม่แพ้ผักผลไม้ฝรั่งที่คุยไว้ป้องกันมะเร็งได้
      
       มีตั้งแต่...ผักเผ็ด(ผักคราด), ผักแส้ว, ดอกแค, หางค่าง, ใบย่านาง, งิ้ว, ผักโขมเล็ก, กระบก, ดีปรี, บวบงู,
       ผักหวานป่า, ใบกระเพรา, ใบโหระพา, ดอกผักชีฝรั่ง, หัวปลี, ผักกูด, คูน, ยอดมะระจีน, จะค่าน, ผักแมะ,
       เผือกหอม, ยอดมะขาม, ยอดฟักทอง, ลูกเถาคัน, เห็ดมัน, เห็ดตับเต่า, เห็ดลม, ต้าง, มะข่วน, กำบิด,
       ลูกเนียงนก, ปูเลย,(ไพล), ลูกแฟบ, หัวแส้,
       เห็ดขอนขาว, เห็ดเผาะ, เห็ดแครง, เห็ดโคน, เห็ดปลวก
      
    =ผักเกรดมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระปานกลาง  
      มีสารต้านมะเร็งมากกว่าผักฝรั่ง 4 เท่า ผักพาย(ตาลปัตรฤาษี), ผักโขมใหญ่, ผักโขมไทย, ดอกโสน,
      ถั่วฝักยาว, ผักไผ่(ผักแผว), ผักมะลิดไม้(เพกา), หอมแย้, ผักขี้หูด, ยอดผักปลัง, ดอกผักปลัง, ผักเสี้ยว,
      ผักเกี๋ยงพา, ผักคาวทอง(พลูคาว), ผักเฮือด, ขนุนอ่อน, ผักเชียงดา, ดอกผักเชียงดา, ผักเสี้ยน, มะแขว่น,
      ผักอีหล่ำ(มะกล่ำตาช้าง), ผักขะแยง, ถั่วแปบ, สะแล,
      ผักเหมือด, ผักกระเผกขี้ขวง(สะเดาดิน), ผักติ้ว, ใบชะพลู, ใบบัวบก, ใบยอ,
      ผักบุ้งจีน, ผักชีฝรั่ง, ผักชีลาว, ยอดสะเดา(ดอก),
      ใบขี้เหล็ก, ดอกขี้เหล็ก, ใบแมงลัก, ยอดพริก, ใบชะอม, พริกไทยอ่อน,
      ผักชี, ตั้งโอ๋, ยอดเล็บครุฑ, บอน, ใบชะมวง,
      ลูกเหรียง, ถั่วพู, ฝักมะรุม, ใบยี่หร่า(กะเพราช้าง), ผักคะน้า, บวบ, ใบตำลึง, สะตอ, ส้มเม่า,
      ผักชีล้อม, ผักชีไร่(ผักแย้), ยักริ้น, ถั่วลาย, ยอดมะกอกไทย, ยอดเทียม, แตงโมอ่อน, ผักหนอก,
      ต้นกระชาย, ดอกกระเจียวแดง, ผักกระสัง, ขมิ้นชัน,
      กุยช่ายขาว, กุยช่าย, ดอกแคบ้าน, ผักหวานบ้าน, เล็บรอก, ดอกสัง,
      มะเขือตอแหล, มะเขือเปราะม่วง, ผักก้านดง, ผักแว่น,
     ใบปอ, ลูกมะแว้ง, ต้นข่าอ่อน, ดอกข่า, ใบสะเดาอ่อน, กี๋กุ๊ก, พ่อค้าตีเมีย
        
     =ผักเกรดสุดท้าย ชั้นดีเลิศ มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูง...
       ฝอยทอง, ผักหนาม, ผักแปม, ผักฮ้วน, ยอดมะม่วง, ผักกระถิน, ยอดกระถิน, ผักเม็ก,
       ยอดถั่วลันเตา, ผักบุ้งไทย,ผักกาดนกเขา, ยอดมะปริง, ตะไคร้, ยอดมันเทศ, ลูกเนียง,
       ยอดทำมัง, ยอดเหมียง(เหลียง), ยอดหมุย, ยอดมันปู, ขี้เสียด,
       ผักปู่ย่า(ช้าเลือด), ยอดมะปราง, ใบมะเม้า, บัวเผื่อน, ยอดมันแกวเขียว


 ดร.เกศณี แนะนำอย่ากินผักชนิดเดียวติดต่อเป็นเวลานาน ให้กินสลับเปลี่ยนกันหลายชนิดจะได้ผลกว่า

 ผักที่กล่าวมา เป็นผักกินป้องกันมะเร็ง ไม่ใช่เป็นมะเร็งแล้วถึงมากิน


ขอขอบคุณ     http://www.muklearn.com/view.php?article_id=2654



      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #1355 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 09:35:00 »


ขอบคุณพ่อเลี้ยงมากท่ี่เอาความรู้มาเผยแพร่ให่พวกเราได้อ่านกัน
เป็นประโยชน์จริงๆครับ ยิ่งพออายุมากขึ้น ก็ต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น
มีโอกาสจะได้หาพืชผักเหล่านี้มาดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดบ้าง  ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1356 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 09:05:56 »

สวัสดีค่ะ น้องตี๋
 ไม่ได้เข้ามานานมาก
 ขอไล่อ่านตามหลังก่อนค่ะ
 ต้นเฟิร์น ทีกำลังงามของพี่ ทั้ง เลดี้ ทั้งจอนหุ และ บรรดาก้านดำทั้งหลาย ที่กำลังสวยงามของพี่
เรียบทั้งหมด เสียดายมาก กำลังสวยเชียว ชื่นชมได้ไม่ถึงเดือน
กระถางเลดี้ ขนาดเป็นห่วง ก่อนออกจากบ้านยกไปวางบนโต๊ะแล้ว
 พอเข้าไปดุ หายไปทั้งโต๊ะ ทั้งกระถาง ทั้งหมด ขนาด กระถางหนักมาก ยกขึ้นไปก็ยังลำบาก
น้องน้ำ เอาไปหมด
 ที่เหลือ จมอยุ่ใต้น้ำ หมดแล้วค่ะ
 หากปลุกได้ใหม่ คงอีกหลายเดือน แล้วจะมาลงรุปใหม่ค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1357 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 09:32:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2554, 23:15:01
อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2554, 23:36:25

.....เป็นผักพื้นบ้านครับ.....





วงศ์ : CAESALPINIACEAE

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia purpurea Linn.

ชื่อสามัญ : Orchid Tree, Purple Bauhinia.

ชื่อสามัญไทย : เสี้ยวดอกแดง , ชงโค

ชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ : กะเฮอ สะเปซี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน ) เสี้ยวหวาน (แม่ฮ่องสอน)


           
ผักเสี้ยวเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้น สูงประมาณ 7-12 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ รูปมนเกือบกลม
 แยกเป็น พู ปลายมนกลม กว้าง 8-16 ซม. ยาว 10-14 ซม. ขอบใบเรียบ
 ดอก ออกเป็นช่อออกด้านข้างหรือปลายกิ่ง 6-10 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูถึงม่วงเข้ม รูปรีกว้างตรงส่วนกลาง
 เมื่อบานวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 ซม. ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลักษณะของดอกคล้ายดอกกล้วยไม้ เกสร
 เกสรตัวผู้ จะเป็นเส้นงอนยาวยื่นออกมาตรงกลางดอก 3 อัน ส่วนเกสรตัวเมียจะอยู่ตรงกลางดอกอีก 1 เส้น
 รังไข่มีขน ฝัก คล้ายฝักถั่ว ยาว 20-25 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดรูปร่างกลมมีประมาณ 10 เมล็ด

ตำนาน ความเชื่อ และการนำไปใช้ในพิธีกรรมของชาวเหนือ

มีตำนานเล่าเรื่องเกี่ยวกับผักเสี้ยวว่า ในสมัยก่อนมรรคนายกวัดได้ไปเด็ดเอาหางใบผักเสี้ยวมา 3 เสี้ยว นำมาตำให้ละเอียด
 เอาน้ำที่นึ่งข้าวเทใส่ แล้วจึงนำมากรอกใส่ปากเด็กที่เป็นไข้ 2 ช้อน ทำให้เด็กหายจากอาการเป้นไข้
 ต่อมาคนมักนำไปนึ่งรับประทานกับน้ำพริก และตั้งชื่อผักชนิดนี้ว่า “ ผักเสี้ยว “ จวบจนถึงปัจจุบัน

การปลูกและขยายพันธุ์

ผักเสี้ยวเป็นพรรณไม้ที่ถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียจีนมักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ตามถนนสองข้างทาง
 เป็นไม้ที่ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ความร่มรื่นเป้นอย่างดี
 สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง
 ออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน

ประโยชน์ทางยาสรรพคุณทางสมุนไพร

ใบ รสเฝื่อน ใช้ต้ม กินรักษาอาการไอ ใบอ่อน ช่วยบำรุงร่างกาย

ดอก รสเฝื่อน ใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นเครื่องยารักษาไข้ ดับพิษไข้ หรือเป็นยาระบาย

ราก รสเฝื่อน ใช้ต้มกับน้ำ ดื่มเป็นยาขับลม หรือ ใช้โขลกผสมกับน้ำกินเป้นยารักษาอาการไข้ ยาระบาย

ดอกและแก่น แก้โรคบิด

ประสบการณ์พื้นบ้าน

หมอเมืองล้านนา ใช้เป็นยาสำหรับแม่กำเดือน (หญิงอยู่ไฟ) โดยเด็ดใบมา 3 เสี้ยว กินก็หาย
 บางรายใช้เป็นยาแก้ลมมะเฮ็งคุต โดยถากเอาเปลือก ขุดเอารากมาทุบแช่กับน้ำข้าวสารเจ้า นำมาลูบหัวและขมับ
 และดื่มน้ำก็หายขาดได้


ประโยชน์ทางอาหาร

ใบอ่อนของผักเสี้ยวใช้รับประทานเป็นผัก มีรสหวานมักพบมากหลังจากที่มีการผลัดใบในช่วงปลายฤดูหนาวและต้นฤดูแล้ง
 จะผลิใบอ่อนในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

น้ำพริกผักจิ้ม

ผักเสี้ยว เป็นที่ชาวเหนือนิยมรับประทาน ช่วงที่ต้นเสี้ยวแตกใบอ่อน มักพบจำหน่ายตามตลาดสดทั่วไป
 ชาวเหนือนิยมนำมาต้มจิ้มน้ำพริกต๋าแดง น้ำพริกต่อ น้ำพริกน้ำปู๋

อาหารอื่น ๆ

ชาวเหนือนำผักเสี้ยวไปแกง เช่น แกงเลียง แกงใส่ปลาแห้ง แกงใส่เนื้อ หรือนำไปแกงร่วมกับผักเจียงดา ผักหละ
 จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

คุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ

ผักเสี้ยว 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 47 กิโลแคลอรี่
 ประกอบด้วยโปรตีน 3.4กรัม ไขมัน 1.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม กาก 1.8 กรัม แคลเซียม 46 มิลลิกรัม
 ฟอสฟอรัส 31 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม วิตามิน A 1442 IU. วิตามิน B1 0.02 มิลลิกรัม
 วิตามิน B2 0.17 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม วิตามิน C 10 มิลลิกรัม

ประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ

ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ให้ร่มเงาได้ดี และมีกลิ่นหอมอีกด้วย


ขอขอบคุณ http://202.143.164.68/intranet/foodmedecine/vegetable%20saew.htm

...ขอบคุณค่ะ...น้องตี๋(เสื้อล้านนาสวยจังเลย)...

...ที่นำเรื่องชงโคและพืชต่างๆที่มีประโชย์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระมาลงให้ชมค่ะ...

...ดอกชงโคพี่เดินผ่านแทบทุกวันค่ะ...เวลาไปออกกำลังกาย...

...ยังได้กลิ่นหอมมันด้วย...ทีแรกก็งงค่ะว่ากลิ่นหอมมาจากไหน...

...เลยลองดมดู...และเพิ่งจะรู้ว่านอกจากหอมแล้ว...ยังมีประโยชน์อีกด้วยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1358 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 20:14:59 »

เมื่อวานต้องขอขอบพระคุณพี่ตี๋มากที่ส่งปาล์มจั๋งด่างหายาก  มาให้จากลำปาง   ถึงหนองบัวลำภู  สวยมาก  จะประคบประหงม  ขยายพันธ์  เพราะชอบปาล์มจั๋งมาก  เพราะมีเสน่ห์แบบป่าเมืองร้อน  ครับ  ขอบคุณอีกครั้งครับพี่ตี๋
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1359 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 22:59:38 »

ตายหมด .. ต้นไม้ทุกต้น ต้นหญ้าทุกต้นที่บ้าน .. ตายหมดค่ะ      so sad
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1360 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 09:25:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2554, 22:59:38
ตายหมด .. ต้นไม้ทุกต้น ต้นหญ้าทุกต้นที่บ้าน .. ตายหมดค่ะ      so sad

.....น่าเสียดาย ต้นไม้ใบหญ้า ตายหมด  แต่หากมีบางส่วนพอเหลือ
     
     ฝาก วิธีดูแลต้นไม้ หลังน้ำลด ครับ.....


       
โดยธรรมชาติของต้นไม้ทุกชนิดจะมีรากคอยหาออกซิเจน และแร่ธาตุส่งไปเลี้ยงยังลำต้น
เมื่อน้ำท่วม รากก็จะหมดโอกาสดูดซึมออกซิเจนไปเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ
แต่ทั้งนี้ก็ยังพอมีต้นไม้บางชนิดที่มีรากแข็งแรงสามารถทนน้ำท่วมนาน ๆ หลายวันได้อยู่บ้าง เช่น ต้นมะขาม พุทรา เป็นต้น

 ส่วนความสามารถของต้นไม้ที่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วยกันดังนี้...

         1. ชนิดของต้นไม้ จำพวกไม้ผล ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม

             กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่อ่อนแออย่างมาก ต้นไม้ผลในกลุ่มจะตายภายในหลังน้ำท่วมขังเพียง 24 ชั่วโมง
                           ได้แก่ มะละกอ จำปาดะ

             กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่อ่อนแอ แต่สามารถทนอยู่ในน้ำท่วมขังได้ประมาณ  3-5 วัน
                           ได้แก่ กล้วย ส้มเขียวหวาน ทุเรียน มะม่วงกะล่อน มะนาว ขนุน

             กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ทนทานได้เล็กน้อย ซึ่งต้นไม้ในกลุ่มนี้อาจสามารถอยู่ได้ระหว่าง 7-15 วัน
                           ได้แก่ ชมพู่ พุทรา ละมุด มะขาม มะพร้าว

         2. สภาพของน้ำท่วมขัง ถ้าหากเป็นน้ำไหลผ่าน ต้นไม้ก็มีโอกาสรอดชีวิตได้สูงกว่า น้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน

         3. สภาพความสมบูรณ์ของต้นไม้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างดีต้นไม้จะมีอาหารสะสมอยู่มาก
             และถ้าหากประสบภาวะน้ำท่วมขัง ก็สามารถทนอยู่ได้นานกว่า ต้นไม้ที่ไม่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด

         4. อายุหรือขนาดของต้นไม้ผล ต้นไม้ที่มีอายุนานกว่า จะมีรากที่ใหญ่กว่า และสามารถทนน้ำท่วมได้มากกว่าต้นไม้เล็ก

 ส่วนวิธีดูแลบำบัดต้นไม้หลังน้ำลด มีดังนี้ ...

         1. หลังจากน้ำท่วมสภาพดินจะชุ่มน้ำมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรเดินย่ำรอบ ๆ ต้นไม้ หรือกดดินให้แน่น
             เพราะจะไปลดช่องว่างสำหรับอากาศในดินที่ใช้รากหายใจ

         2. รากต้นไม้ซึ่งกำลังอมกับน้ำมากนั้น เราจะช่วยให้น้ำระบายออกมาจากบริเวณรากได้
             โดยการขุดหลุมลึกสัก 50 เซนติเมตร ข้าง ๆ กับต้นไม้เพื่อให้น้ำซึมออกมาจากบริเวณราก
             แล้วหมั่นตักน้ำออกจากหลุม(ใช้ไดโว่ดูด)

         3. ถ้าต้นไม้ดูอ่อนปวกเปียก ทรงตัวไม่ดี อย่ากดดินให้แน่น ให้หาไม้มาค้ำยันไว้แทน

         4. งดให้ปุ๋ยโดยเด็ดขาด ให้รอจนกว่าต้นไม้เริ่มผลัดใบใหม่
             เพราะการผลัดใบนั่นคือ สัญญาณที่แสดงว่า ต้นไม้ต้นนั้นรอดตายแน่ ๆ 


ขอขอบคุณ  http://hilight.kapook.com/view/64052
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1361 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 09:32:10 »


ไม้ประดับทนน้ำท่วม


      
    พรรณไม้ที่ปลูกในบ้านทนน้ำท่วมหรือไม่
     การกล่าวว่า พรรณไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งทนน้ำท่วมหรือไม่ ทนได้มากเพียงไร หรือทนได้มากกว่าหรือน้อยกว่าชนิดอื่นๆ นั้น จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มีเกณฑ์เปรียบเทียบเดียวกัน อาทิเช่น ระดับน้ำท่วมสูง จำนวนวันที่น้ำท่วม เป็นน้ำหลากหรือไหลผ่านหรือน้ำนิ่งที่สะอาดหรือน้ำเน่าเสีย และพรรณไม้ที่นำมาเปรียบเทียบควรมีอายุ หรือความสูง หรือความแข็งแรงพอๆ กัน ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ดูจากบริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ว่าชนิดไหนตาย ชนิดไหนรอด แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่ดูเหมือนว่า มีความทนทานต่อน้ำท่วม น้ำท่วมนานเท่าไร สูงเท่าไร ก็ทนได้ มีใบเขียวชอุ่มแน่นทรงพุ่ม แต่พอน้ำลด ดินโคนต้นเริ่มแห้ง ใบก็เริ่มเหี่ยว ร่วง และตายในที่สุด
   
     โดยปกติในที่ราบลุ่มของภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์
ในภาคกลาง ได้แก่จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานีและกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อถึงฤดูฝนจะมีน้ำหลากจากภาคเหนือและท่วมขังอยู่เป็นเวลา 2-3 เดือน ประชาชนจึงปลูกบ้านที่มีเสาสูง 1.5-2.0 เมตร และยกพื้นบ้านให้สูงกว่าระดับน้ำ ส่วนพรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณนี้ก็ปรับตัวจนสามารถทนทานต่อน้ำท่วมได้ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำหลากในฤดูฝน เป็นน้ำที่ไหลมาจากภูเขาในภาคเหนือ เป็นน้ำสะอาดไม่เน่าเสีย ในน้ำยังมีออกซิเจนมากเพียงพอให้รากต้นไม้ได้แลกเปลี่ยนกาซและดูดน้ำขึ้นไปใช้ ในเวลาเดียวกัน น้ำหลากเหล่านี้ได้พัดพาเอาตะกอนดินที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์จากภูเขาลงมาด้วย สังเกตได้ว่าน้ำมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเหลืองนวลที่มีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ดังนั้นน้ำหลากจึงช่วยให้พืชพื้นเมืองตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาเจริญเติบโตได้ดี

    ทำไมพรรณไม้แต่ละชนิดจึงทนน้ำท่วมขังได้แตกต่างกัน
     ถ้าตอบแบบง่ายๆ และถูกต้องก็คือ เป็นธรรมชาติของพรรณไม้ หากขยายความก็คือ ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของพรรณไม้ เห็นได้จากถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์ (Habitat & distribution) พรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ริมแหล่งน้ำ ก็จะชอบน้ำและทนทานต่อน้ำท่วม หากกล่าวถึงเฉพาะพรรณไม้พุ่มหรือไม้ต้นที่มีเนื้อไม้แข็ง สามารถสังเกตได้จากลักษณะทางสัณฐานวิทยาของเปลือกลำต้นและเปลือกรากที่มีความแข็ง หรือหนาเหนียว และอาจพบช่องแลกเปลี่ยนกาซตามเปลือกที่เป็นรอยขีดนูนหรือเป็นตุ่มนูนสีขาวหรือเทา ดังเช่น ต้นมะกอกน้ำ มะดัน อโศกน้ำ ยางนา ละมุด มะกรูด ซึ่งมีความทนทานต่อน้ำท่วมได้ดี แต่ในขณะที่เปลือกลำต้นหรือเปลือกรากมีลักษณะค่อนข้างอ่อน หนาและค่อนข้างฉ่ำน้ำ เช่น จำปี จำปา มะกอก มะกอกฝรั่ง พญาสัตบรรณหรือตีนเป็ด ชมพูพรรณทิพย์ จะไม่ทนทานต่อน้ำท่วม
   
    ทำไมพรรณไม้ถึงตายเมื่อน้ำท่วม
     ตามธรรมชาติแล้วพรรณไม้ประดับทุกชนิดต้องการน้ำที่จะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง เพื่อสร้างอาหาร เพื่อการเจริญเติบโต แต่มีความต้องการในปริมาณที่เหมาะสมไม่เท่ากัน โดยดูดซับเข้ามาทางรากขนอ่อนที่อยู่ส่วนปลายของราก รากขนอ่อนนี้มีผนังบางๆ หากมีน้ำท่วม น้ำจะเข้าไปแทนที่ฟองอากาศที่มีอยู่ในดิน ทำให้รากแลกเปลี่ยนกาซไม่ได้ เซลล์จะตายหรือเน่าเสีย ทำให้รากใหญ่ดูดน้ำขึ้นไปใช้ไม่ได้ ใบก็จะขาดน้ำ ทำการสังเคราะห์แสงไม่ได้ ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เหี่ยวแห้งและร่วง ตายในเวลาต่อมา ซึ่งหลายคนสงสัยว่า ทำไมใบไม้ ขาดน้ำ ทั้งๆ ที่ต้นแช่น้ำอยู่
   
    พรรณไม้ประดับที่ทนน้ำท่วม
     พรรณไม้ที่ทนน้ำท่วมส่วนใหญ่ขึ้นอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง หรือขึ้นอยู่ริมแหล่งน้ำที่เป็นแม่น้ำ ลำธาร น้ำตก หนองบึง หรือพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นพรรณไม้พื้นเมืองดั้งเดิมของไทย อาทิเช่น พรรณไม้ในวงศ์ยาง (Family Dipterocarpaceae) ได้แก่ ยางนา ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน ตะเคียนทราย สยาขาว กระบาก จันทน์กะพ้อ พะยอม พรรณไม้ในวงศ์มะเกลือ (Family Ebenaceae) โดยเฉพาะในสกุลมะพลับ (Genus Diospyros) ได้แก่ มะพลับ ไม้ดำ ดำดง สั่งทำ ตะโกพนม ตะโกนา ตะโกสวน จันดำ จันอิน มะเกลือ พญารากดำ พรรณไม้ในวงศ์อื่นๆ ได้แก่ โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โกงกางหัวสุม โกงกางหูช้าง  กระโดน กระทุ่มน้ำ กระทุ่มนา กระเบา กรวยน้ำ กะพ้อแดง กะพ้อหนาม กาจะ การเวกน้ำ เกด กุ่มน้ำ ข่อย ขะเจาะน้ำ ขี้เหล็กบ้าน คัดเค้าเครือ คล้า คลุ้ม เคี่ยม แคนา ไคร้ย้อย จิกน้ำ จิกสวน ชมพู่น้ำ ชำมะเลียงบ้าน ตะแบกนา ตีนเป็ดน้ำ ตีนเป็ดทราย เตยทะเล เตยน้ำ เตยพรุ  เตยหอม เตยหนู เต่าร้าง ทองกวาว ไทร โพธิ์ นาวน้ำ นนทรี นมแมว ประดู่ป่า ประดู่บ้าน ไผ่สีสุก ไผ่เลี้ยง  ไผ่ป่า ฝรั่ง พิกุล พุดทุ่ง  พุดภูเก็ต พุดสี  พุทรา โพทะเล มะกรูด โมกลา มะพร้าว มะขาม มะขามเทศ  มะเดื่อกวาง มะตูม ยอบ้าน ละมุด ลำพู สะแก สะตือ เสม็ด สารภี หูกวาง หมากสง อินทนิล อโศกป่าพุ (พุเมืองกาญจนบุรี)

     นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้จากต่างประเทศอีกหลายชนิดที่นำเข้ามาปลูกกัน แล้วมีความทนทานต่อภาวะน้ำท่วมได้ อาทิเช่น อโศกอินเดีย ก้ามปู หูกระจง กระดังงาจีน

     สำหรับพรรณไม้ประดับบางชนิด มีความทนทานเป็นเลิศ ถึงแม้ว่าจะมีน้ำท่วมสูงมิดยอดเป็นเวลานาน (ทนได้ถึง 30 วัน) ได้แก่ ปาล์มแวกซ์ (Copernicia prunifera) ต้นตาลโตนด (Borassus flabellifer) จาก สาคู อโศกน้ำ มะกอกน้ำ มะดัน หลังจากน้ำลดลงแล้ว เจริญเติบโตต่อได้เลย

     อย่างไรก็ตาม การปลูกพรรณไม้ทนน้ำท่วมเหล่านี้ประดับบ้าน ก็ควรมีการตัดแต่งทรงพุ่มให้สวยงาม มีการกำจัดวัชพืช โรคและแมลง มีการพรวนโคนต้นให้สวยงาม พร้อมทั้งมีการใส่ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตเป็นช่วงๆ พรรณไม้เหล่านี้ก็จะเป็นไม้ประดับที่สวยงาม พร้อมที่จะสู้ทนน้ำท่วมให้เจ้าของบ้านอย่างท่านได้สบายใจ

ขอขอบคุณ http://www.biotec.or.th/brt/index.php/2009-06-23-04-00-07/412-2011-11-30-08-15-41
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1362 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 09:44:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2554, 20:14:59
เมื่อวานต้องขอขอบพระคุณพี่ตี๋มากที่ส่งปาล์มจั๋งด่างหายาก  มาให้จากลำปาง   ถึงหนองบัวลำภู  สวยมาก  จะประคบประหงม  ขยายพันธ์  เพราะชอบปาล์มจั๋งมาก  เพราะมีเสน่ห์แบบป่าเมืองร้อน  ครับ  ขอบคุณอีกครั้งครับพี่ตี๋

ตั้งใจไว้ครับ ตุ๋ย

.....จั๋งญี่ปุ่นด่าง.....




จั๋งญี่ปุ่น (อังกฤษ: lady palm หรือ Bamboo palm)
เป็นไม้พุ่มสูง 10-15 ฟุต ลำต้นมีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว มีการแตกหน่อ มองดูเป็นกอเหมือนกอไผ่
ลำต้นแข็งเหนียว คล้ายหวาย มีแผ่นใบหยาบ ๆ สีน้ำตาลเข้มคลุมบาง ๆ ใบเป็นใบประกอบ รูปฝ่ามือ มีใบย่อย 8-10 ใบ
สีเขียวเป็นมัน แผ่เป็นครึ่งวงกลม ก้านใบเรียบเป็นมัน ปลายใบทู่ ดอกช่อ ออกตามซอกใบบริเวณปลายยอด
แยกเป็นช่อดอกตัวผู้และช่อดอกตัวเมีย แยกคนละต้น
ผลขนาดเล็กกลม สีเขียวอ่อนอมเหลือง เมล็ดมี 1 เมล็ดใน 1 ผล
การขยายพันธุ์เพาะเมล็ด แยกหน่อ


ขอขอบคุณ  วิกิพีเดีย ครับ


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=iHitSkiIuc4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=iHitSkiIuc4</a>
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1363 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 12:23:53 »

ขอบคุณค่ะ พี่ตี่๋    รักนะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1364 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 15:34:28 »


สวัสดียามบ่ายครับ..... พี่ตี๋..พี่ตู่..พี่อร..พี่ปี๊ด..พี่ทราย..พี่หนุน..ครูตุ๋ย..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1365 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 15:37:56 »



อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 09:44:42
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2554, 20:14:59
เมื่อวานต้องขอขอบพระคุณพี่ตี๋มากที่ส่งปาล์มจั๋งด่างหายาก  มาให้จากลำปาง   ถึงหนองบัวลำภู  สวยมาก  จะประคบประหงม  ขยายพันธ์  เพราะชอบปาล์มจั๋งมาก  เพราะมีเสน่ห์แบบป่าเมืองร้อน  ครับ  ขอบคุณอีกครั้งครับพี่ตี๋

ตั้งใจไว้ครับ ตุ๋ย

.....จั๋งญี่ปุ่นด่าง.....




จั๋งญี่ปุ่น (อังกฤษ: lady palm หรือ Bamboo palm)
เป็นไม้พุ่มสูง 10-15 ฟุต ลำต้นมีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว มีการแตกหน่อ มองดูเป็นกอเหมือนกอไผ่
ลำต้นแข็งเหนียว คล้ายหวาย มีแผ่นใบหยาบ ๆ สีน้ำตาลเข้มคลุมบาง ๆ ใบเป็นใบประกอบ รูปฝ่ามือ มีใบย่อย 8-10 ใบ
สีเขียวเป็นมัน แผ่เป็นครึ่งวงกลม ก้านใบเรียบเป็นมัน ปลายใบทู่ ดอกช่อ ออกตามซอกใบบริเวณปลายยอด
แยกเป็นช่อดอกตัวผู้และช่อดอกตัวเมีย แยกคนละต้น
ผลขนาดเล็กกลม สีเขียวอ่อนอมเหลือง เมล็ดมี 1 เมล็ดใน 1 ผล
การขยายพันธุ์เพาะเมล็ด แยกหน่อ


ขอขอบคุณ  วิกิพีเดีย ครับ


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=iHitSkiIuc4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=iHitSkiIuc4</a>

จั๋งญี่ปุ่นด่าง... สวยมากครับ
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1366 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2554, 13:48:26 »


.....วิถีธรรมชาติ.....

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=wN78iQ0s4kg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=wN78iQ0s4kg</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=YySpykknHw8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=YySpykknHw8</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Vv76AY5fUQU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Vv76AY5fUQU</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=HueIR5TfeQ8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=HueIR5TfeQ8</a>


ผ้าใยบัว  ที่มา  http://www.gotoknow.org/blogs/posts/15509
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1367 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2554, 14:33:22 »


.....นาลอยน้ำ.....



พันธุ์และช่วงเวลาปลูกข้าว

พันธุ์ข้าวมี 2 ชนิด คือ

1.      ชนิดไม่ไวแสง  สามารถเพาะปลูกได้ทั้งนาปีและนาปรัง  มีอายุเก็บเกี่ยว 110 – 130 วัน
         ส่วนมากให้ผลผลิตต่อไร่ 100 ถัง เนื่องจากตอบสนองต่อปุ๋ยดี
         ตัวอย่าง เช่น พันธุ์สุพรรณบุรี1, สุพรรณบุรี2, ชัยนาท 1, กข. 23 ,เจ้าหอมคลองหลวง1 ,และเจ้าหอมสุพรรณบุรี

     ช่วงเวลาปลูกทำได้ตลอดปีขึ้นอยู่กับสภาพน้ำ แนะนำให้เขตชลประทานโดยวิธีการปักดำ   หรือหว่านข้าวตมอย่างไรก็ดี
     ไม่แนะนำให้ปลูกติดต่อกันตลอดปีเป็นเวลานาน ควรปลูกคั่นด้วยพืชหมุนเวียนบ้างในบางฤดู
     จะช่วยตัดวงจรศัตรูพืชและรักษาสภาพดินที่ใช้เพาะปลูกข้าว ให้คงความสมบูรณ์

2.      ชนิดไวแสง  ปลูกได้เฉพาะนาปี มีวันเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างแน่นอน ไม่ว่าจะปลูกเมื่อใด
         ส่วนมากให้ผลผลิตไม่สูงมากเพราะตอบสนองต่อปุ๋ยต่ำ ตัวอย่าง  เช่น  พันธุ์ข้าวดอกมะลิ 105 , กข.15 ,
         ขาวตาแห้ง 17 , เหลืองประทิว 123 , และปิ่นแก้ว 56

     ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมประมาณเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม  โดยนับวันเก็บเกี่ยวย้อนขึ้นมาให้ข้าวมีอายุ 92-120 วัน
     (ถ้าใช้วิธีหว่านอายุข้าวจะสั้นลง)  ทั้งนี้ให้พิจารณาประกอบกับสภาพน้ำ ในเขตนาน้ำฝนอาจใช้วิธีหว่านข้าวแห้ง หรือปักดำ

 

วิธีการปลูกข้าว

        การทำนาโดยทั่วไปมี 3 วิธี  คือ  นาหว่าน  นาหยอด และนาดำ
        ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่  เช่นที่สูง ที่ลุ่ม  ที่น้ำลึก  สภาพน้ำ
        เช่น  เขตน้ำฝน  เขตชลประทาน  
       สภาพสังคม  เช่น  มีแรงงานหรือไม่มีแรงงาน  
       สภาพเศรษฐกิจ   เช่น  มีเงินทุนมากหรือน้อย  มีรายละเอียด  คือ  

1.      นาหว่าน  ส่วนมากนิยม เนื่องจากขาดแคลนแรงงานสภาพน้ำจำกัด  ยากแก่การปักดำข้าว  
        หรือพื้นที่อยู่ในเขตน้ำฝนไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้  
        เป็นการปลูกข้าวโดยใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหว่านลงไปในนาที่เตรียมดินไว้แล้ว มี 2 วิธี คือ
       (1) หว่านข้าวแห้งหรือหว่านสำรวย   (2) หว่านข้าวตม หรือข้าวงอกหรือหว่านเพาะเลย

(1) การหว่านข้าวแห้ง   มักใช้วิธีนี้ในเขตนาน้ำฝนหรือในพื้นที่ที่ควบคุมน้ำไม่ได้  
    โดยเมล็ดพันธุ์ที่หว่านไม่ได้เพาะให้งอกเสียก่อน  เรียกอีกอย่าง คือ หว่านสำรวย
    เป็นการหว่านคอยฝนในสภาพดินแห้ง โดยหว่านหลังจากไถแปร  
    เมื่อฝนตกลงมาเมล็ดข้าวที่หว่านไว้จะได้งอก  บางกรณีเพื่อป้องกันการทำลายของศัตรูข้าว
    จะมีการคราดกลบเมล็ดหลังการหว่าน  ซึ่งอาจเรียกว่าหว่านคราดกลบ

        อีกกรณีหนึ่งเป็นการหว่านในสภาพดินเปียก คือ มีฝนตกเมื่อไถแปรแล้ว ก็หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวตามทันทีแล้วคราดกลบ  
     วิธีนี้เรียกว่า หว่านหลังขี้ไถ การหว่านข้าวแห้งจะใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ประมาณไร่ละ 10 – 15 กก.

(2)     การหว่านข้าวตม  หรือหว่านข้าวงอก  หรือหว่านเพาะเลย  
         เป็นการหว่านโดยการนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีการเพาะให้งอกกล่าว คือ
         แช่น้ำสะอาด  12 – 24 ชั่วโมง แล้วนำไปหุ้ม 30 – 48 ชม.  จนมีรากงอกยาวประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร  
         ที่เรียกว่า  ตุ่มตา  แล้วหว่านลงในพื้นที่นาที่เตรียมไว้อย่างดี  คือ  ไถดะ  ไถแปร  และทำเทือกจนราบเรียบ  
     วิธีนี้บางกรณีในเขตนาน้ำฝนควบคุมน้ำได้ยาก  จำเป็นต้องหว่านในเทือกที่มีน้ำขัง  
     แต่ในเขตชลประทาน ควรระบายน้ำให้เทือกนุ่มพอดี  สังเกตจากเมล็ดข้าวที่หว่านจะจมในเทือก
    ประมาณครึ่งหนึ่งของเมล็ดแนวนอนเมื่อข้าวงอกแล้วค่อยๆระบายน้ำเข้านา  แต่ไม่ให้ท่วมยอดต้นข้าว
    การหว่านน้ำตม ถ้าเตรียมดินดีวัชพืชน้อยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ไร่ละ  10-15 กก.
    แต่ถ้าเตรียมดินไม่ดี มีวัชพืชมากในอัตราเมล็ดพันธุ์ไร่ละ  15 – 20 กก.

2.      นาหยอด  นิยมในสภาพพื้นที่สูง  พื้นที่ไร่  หรือในสภาพนาที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
        ใช้เมล็ดข้าวแห้งที่ไม่ได้เพาะให้งอก  หยอดลงไปในหลุมที่เตรียมไว้โดยใช้จอบเสียม  หรือใช้ไม้กระทุ้ง  
        ตลอดจนใช้เครื่องหยอด หรืออีกวิธี โดยการโรยเป็นแถว  ในร่องที่ทำเตรียมไว้แล้วกลบดินฝังเมล็ดข้าว
        เมื่อฝนตกลงมาเมล็ดข้าวที่หยอดจะงอก ในสภาพไร่หรือที่สูง  อาจทำเป็นหลุมลึก 4-5 เซนติเมตร  
        หยอดเมล็ดข้าวหลุมละ 5-6 เมล็ด  
        ส่วนในที่ราบสูง  เช่น  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถทำร่องห่างกัน 25-30 เซนติเมตร  
        นาหยอดจะใช้เมล็ดพันธุ์ต่อไรประมาณ 8-10 กก.

3.      นาดำ  เป็นวิธีการปลูกข้าว โดยแบ่งการปลูกเป็น 2 ขั้นตอน คือ
        (1) ขั้นตอนการตกกล้า (2) ขั้นตอนการปักดำ  
        ปัจจุบันเกษตรกรนิยมปักดำน้อยลง เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน
        อย่างไรก็ดี การปักดำ เป็นวิธีการปลูกข้าวที่สามารถควบคุมวัชพืชได้ดีกว่านาหว่าน

ขอขอบคุณ    http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/health04/28/samunprithai/sec02p01.html
               
                http://www.rakbankerd.com/agriculture/page.php?id=862&s=tblrice


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=jWpvkrK_QPs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=jWpvkrK_QPs</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=LjyFPwDkGXw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=LjyFPwDkGXw</a>
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #1368 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2554, 16:43:36 »

 ปิ๊งๆ

ตามเข้ามาอ่าน
ผลการค้นคว้ามาให้ได้เรียนรู้กัน
ของ อ.วันชัย ครุฯ บริหารธุรกิจ ผู้ผันตัวเองมา...
เกี่ยวข้องกับงานด้านพืชผลการเกษตร อย่างเต็มตัวและหัวใจ
ขอบคุณครับ   พ่อเลี้ยง เพื่อนรัก


รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1369 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 18:14:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 08 ธันวาคม 2554, 16:43:36
ปิ๊งๆ

ตามเข้ามาอ่าน
ผลการค้นคว้ามาให้ได้เรียนรู้กัน
ของ อ.วันชัย ครุฯ บริหารธุรกิจ ผู้ผันตัวเองมา...
เกี่ยวข้องกับงานด้านพืชผลการเกษตร อย่างเต็มตัวและหัวใจ
ขอบคุณครับ   พ่อเลี้ยง เพื่อนรัก


รักนะ รักนะ


.....ขอบคุณครับ หามารู้พร้อมกันครับ๕๕๕๕๕

     ส่วนแปลงผักธรรมชาติต่อไปนี้ ตั้งใจเอาไว้ต้อนรับ เฮียหนุน เสียแหลม น้องยา พร้อมคณะพี่ๆน้องๆ เลยแหละ

     ยิ่งช่วงตุลาที่ผ่านมา เห็น น้องหยี แว่วว่าจะขึ้นมาเที่ยวลำปาง เตรียมพร้อมหลังน้ำลดเลยครับ๕๕๕๕๕.....










ฝากลิ้ง  ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย  กับ ช้างไทยรีสอร์ท ด้วยครับ เฮียหนุน



http://www.folktravel.com/archive/thaielephant-resv.html

http://seesod.com/albums/view/index/G5cMbPgSYh1259547658
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #1370 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 19:59:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 09 ธันวาคม 2554, 18:14:49
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 08 ธันวาคม 2554, 16:43:36
ปิ๊งๆ

ตามเข้ามาอ่าน
ผลการค้นคว้ามาให้ได้เรียนรู้กัน
ของ อ.วันชัย ครุฯ บริหารธุรกิจ ผู้ผันตัวเองมา...
เกี่ยวข้องกับงานด้านพืชผลการเกษตร อย่างเต็มตัวและหัวใจ
ขอบคุณครับ   พ่อเลี้ยง เพื่อนรัก


รักนะ รักนะ


.....ขอบคุณครับ หามารู้พร้อมกันครับ๕๕๕๕๕

     ส่วนแปลงผักธรรมชาติต่อไปนี้ ตั้งใจเอาไว้ต้อนรับ เฮียหนุน เสียแหลม น้องยา พร้อมคณะพี่ๆน้องๆ เลยแหละ

     ยิ่งช่วงตุลาที่ผ่านมา เห็น น้องหยี แว่วว่าจะขึ้นมาเที่ยวลำปาง เตรียมพร้อมหลังน้ำลดเลยครับ๕๕๕๕๕.....










ฝากลิ้ง  ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย  กับ ช้างไทยรีสอร์ท ด้วยครับ เฮียหนุน



http://www.folktravel.com/archive/thaielephant-resv.html

http://seesod.com/albums/view/index/G5cMbPgSYh1259547658


ขอบคุณมากพ่อเลี้ยง
แอบๆจองไว้เลย
เดี๋ยวจัดตารางเวลาได้แล้วจะขึ้นไปลุย
ไม่เกิน ๑ ไตรมาส เจอกันแน่ กร๊ากกก กร๊ากกก

เอ่ออออ.....ผักปลอดสาร...อลังการมากเพื่อน


 รักนะ เหอๆๆ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #1371 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 21:12:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 09 ธันวาคม 2554, 18:14:49
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 08 ธันวาคม 2554, 16:43:36
ปิ๊งๆ
ตามเข้ามาอ่าน
ผลการค้นคว้ามาให้ได้เรียนรู้กัน
ของ อ.วันชัย ครุฯ บริหารธุรกิจ ผู้ผันตัวเองมา...
เกี่ยวข้องกับงานด้านพืชผลการเกษตร อย่างเต็มตัวและหัวใจ
ขอบคุณครับ   พ่อเลี้ยง เพื่อนรัก

รักนะ รักนะ
.....ขอบคุณครับ หามารู้พร้อมกันครับ๕๕๕๕๕
     ส่วนแปลงผักธรรมชาติต่อไปนี้ ตั้งใจเอาไว้ต้อนรับ เฮียหนุน เสียแหลม น้องยา พร้อมคณะพี่ๆน้องๆ เลยแหละ
     ยิ่งช่วงตุลาที่ผ่านมา เห็น น้องหยี แว่วว่าจะขึ้นมาเที่ยวลำปาง เตรียมพร้อมหลังน้ำลดเลยครับ๕๕๕๕๕.....
ฝากลิ้ง  ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย  กับ ช้างไทยรีสอร์ท ด้วยครับ เฮียหนุน

http://www.folktravel.com/archive/thaielephant-resv.html
http://seesod.com/albums/view/index/G5cMbPgSYh1259547658
ปลูกปีละกี่รอบค่ะน้องตี๋
เห็นแล้ว คิดถึงต้มจับฉ่ายอ่ะค่ะ
พี่ทราย16
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1372 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 22:40:52 »


.....สวัสดีครับ พี่ทราย16 ปลูกหมุนเวียนไปเรื่อยๆครับ๕๕๕๕๕

     แปลงไหนหมดหรือมีเพลี้ยลงก็จัดการให้น้องปลากิน ปลูกใหม่แทนครับ พยายามว่าให้มีทั้งปีครับ

     จับฉ่าย เป็นภาษาจีนแต้จิ้ว หมายถึง ผักสิบอย่าง  ทำทุกอาทิตย์เลยครับรู้สึกว่าระบบขับถ่ายดีมากครับ

     เหตุที่ปลูกเอง เพราะหลังจากตรวจสุขภาพไม่ผ่านเรื่องยาฆ่าแมลง งงเลยครับ๕๕๕๕๕

     เอา ต้มจับฉ่าย มาฝากเลยครับ พี่ทราย .....



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gMRNBX-IOD0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gMRNBX-IOD0</a>
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #1373 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 13:36:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 09 ธันวาคม 2554, 22:40:52
.....สวัสดีครับ พี่ทราย16 ปลูกหมุนเวียนไปเรื่อยๆครับ๕๕๕๕๕
     แปลงไหนหมดหรือมีเพลี้ยลงก็จัดการให้น้องปลากิน ปลูกใหม่แทนครับ พยายามว่าให้มีทั้งปีครับ
     จับฉ่าย เป็นภาษาจีนแต้จิ้ว หมายถึง ผักสิบอย่าง  ทำทุกอาทิตย์เลยครับรู้สึกว่าระบบขับถ่ายดีมากครับ
     เหตุที่ปลูกเอง เพราะหลังจากตรวจสุขภาพไม่ผ่านเรื่องยาฆ่าแมลง งงเลยครับ๕๕๕๕๕
     เอา ต้มจับฉ่าย มาฝากเลยครับ พี่ทราย .....

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gMRNBX-IOD0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gMRNBX-IOD0</a>
ขอบคุณน้องตี๋ที่เอาต้มจับฉ่ายมาฝาก
ที่พี่ทำเองมีผักไม่ครบ 10 อย่างค่ะ
ต้องทำใหม่ล่ะ เอาให้ครบ 10 จะได้สอดคล้องกับต้นตำรับค่ะ
พี่ทราย
 หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1374 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2554, 00:59:30 »


สวัสดียามดึกครับ..... พี่ตี๋..พี่ทราย..พี่หนุน..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน

เห็นพี่ตี๋ออนไลน์ดึกๆประจำเลย..... รักษาสุขภาพด้วยนะครับพี่
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 94   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><