16 พฤษภาคม 2567, 06:12:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ยื่นข้อเสนอปฏิรูปสื่อ-จี้เร่งมี กสทช.  (อ่าน 3636 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 16 ธันวาคม 2553, 19:37:33 »


               ขอขอบคุณเวบเดลินิวส์ วันพฤหัสบดี 16 ธันวาคม 2553 ที่สนับสนุนเนื้อหาข่าว
               http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentID=110306

         จุฬาฯ ยื่นข้อเสนอปฏิรูปสื่อ จี้เร่งมี กสทช.สร้างความรู้เท่าทันสื่อ ตั้งองค์กรกลางรับเรื่องร้องเรียน ด้าน “มาร์ค” ยาหอมรับลูกทุกอย่าง แนะคณะกรรมการปฏิรูปทุกชุดที่ตั้ง ต้องมีผลงาน

                      

         วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ รศ.ดร.ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้เสนอผลงานการวิจัยเรื่อง การจัดแผนดำเนินการปฏิรูปสื่อ

        โดย กล่าวว่า จากการสำรวจในกลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ ผู้ผลิตสื่อ องค์กรวิชาชีพ องค์กรเอกชนที่เฝ้ากำกับดูแลสื่อ นักวิชาการและผู้บริโภคสื่อ ได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ อาทิ

1.ทุกกลุ่มคาดหวังเรื่องสิทธิและเสรีภาพในการทำงาน แต่ยังมีข้อจำกัดในการใช้พ.ร.บ. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งควรจำทำให้เข้าถึงข่าวสารง่ายกว่านี้

2.ขอให้มีการเร่งรัดผ่าน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อให้มีการเลือกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งการที่ผู้ประกอบการทั้งหลายต้องรอคอยเหนื่อยหน่ายในการคาดหมายว่าจะเจอปัญหาต่างๆอีกในอนาคต

3.ทุกกลุ่มคาดหวังให้ภาครัฐสร้างความรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศพัฒนาแล้วให้ความสำคัญมากในพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ จะต้องมีกองทุนการวิจัยการกระจายเสียง กิจการโทรคมนาคม เพื่อการสาธารณะ ซึ่งสามารถนำเงินตรงนี้มาใช้ได้

         รศ.ดร.ยุบล กล่าวต่อว่า ประเด็นอยู่ที่ประชาชนมีความกังวลมาก คือ

         เรื่องการถูกสื่อละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งเรามองว่าควรมีหน่วยงานกลาง เป็นหน่วยงานเดียวที่รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งมาจากการร่วมมือขององค์กรวิชาชีพสื่อหลายกลุ่ม และมีองค์กรภาคอื่นเข้ามาช่วย ทั้งนักวิชาการ นักสังคมสงเคราะห์ และนักกฎหมาย ที่สำคัญคือ ผู้ที่เป็นคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวต้องปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน

                    

         ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

         ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ประสงค์ที่จะแทรกแซงเสรีภาพสื่อ และไม่มีเจตนาเพิ่มอำนาจของตนเอง เพื่อกำกับสื่อ แต่เราได้รับเสียงสะท้อนปัญหาการทำงานของสื่อมาก็ต้องเร่งแก้ไข แต่ขอย้ำว่า ให้สื่อกำกับและดูแลกันเอง ซึ่งข้อเสนอแนะหลัก ๆ ของตนคือ

1.ยืนยันว่าในเรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.กสทช.นั้น ในขณะนี้จะเร่งรัดดำเนินการ เพื่อมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง 3 จี ซึ่งศาลปกครองตีความให้ กสทช.เป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้นจึงเร่งรัดให้เกิด กสทช. โดยเร็ว

2.กฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพสื่อได้ร่างเสร็จแล้ว แต่มีบางคนขอกลับไปทำประชาพิจารณ์ก่อน ดังนั้นจึงเตรียมผลักดันกฎหมายดังกล่าวนี้เข้าสู่วาระการประชุมสภาในสมัยที่จะถึงนี้

3.เรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ในฐานะที่เคยเป็นฝ่ายค้าน พบว่าการขอข้อมูลทำ พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ดำเนินการได้ยาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ดังนั้นอะไรที่เป็นกฎของสังคมกำหนด ไม่ควรเข้าถึงยาก และ

4.ในเรื่องการกำกับดูแลกันเอง เมื่อสื่อตรวจสอบรัฐบาล เป็นไปได้หรือไม่ว่าสื่อจะตกลงว่าจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบการควบคุมกันเอง ซึ่งไม่ใช่การแทรกแซงสื่อ แต่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งเรื่องเกี่ยวกับสภาพบังคับ กรณีสื่อถูกร้องเรียนว่ากระทำผิด เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะดำเนินการตามแรงกดดันของสังคมให้แสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องถึงการใช้กฎหมายโยงมาที่รัฐ

        นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการปฏิรูปปรองดองนั้น ตนย้ำว่าต้องเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนก่อนสิ้นปี ซึ่งถูกสบประมาทว่าไม่ได้ตั้งใจทำจริง หรือกว่าจะถึงสิ้นปีคนก็ลืมกันไปเอง ตนยืนยันว่าดูงานปฎิรูปทุกด้าน อะไรปฏิบัติได้ทันทีก็ดำเนินการเลย อะไรยังทำไม่ได้ก็ต้องมีแผนการปฏิบัติงานว่าทำเมื่อไหร่ ซึ่งกำลังรอผลจากคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เช่น ชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน ชุดของ นพ.ประเวศ วสี ชุดของนายคณิต ณ นคร ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดไม่สูญเปล่า

                          win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 25 มกราคม 2554, 21:22:45 »


“ปากพาซวย“ 2พิธีกรฉาว ตกงานแล้ว!
โดยเวบสนุกดอทคอม วันอังคาร ที่ 25 ม.ค. 54
http://news.sanook.com/997330-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2-2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7.html

เข้าตำราปลาหมอตายเพราะปากจริงๆ เมื่อสองพิธีกรทางสกายสปอร์ต ที่เพิ่งหลุดปาก
ดูถูก ไซอัน มาสซีย์ ผู้กำกับเส้นสาว ในเกม วูล์ฟส์ กับ ลิเวอร์พูล
โดนถอดออกจากรายการทางสกายสปอร์ตแล้ว



ริชาร์ด คีย์ส  และ แอนดี้ เกรย์ คอมเมนเตเตอร์ชื่อดัง ได้พูดดูถูกสาว



"ไซอัน มาสซีย์"



ผู้กำกับเส้นสาว ว่าทำหน้าที่ผิดพลาดในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่
ลิเวอร์พูล บุกไปไล่อัด วูล์ฟส์แฮมตัน วันเดอเรอร์ 3-0 เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งที่ในความเป็นจริง เธอได้ตัดสินถูกต้องทุกประการในจังหวะไม่ยกธงล้ำหน้า
ราอูล เมยราเรส หลุดเข้าไปเปิดให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทำประตูออกนำ 1-0

และจากภาพช้าในจังหวะดังกล่าวก็ชัดเจนว่า เธอได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้ว

โดยภายหลังจากเกิดเรื่องขึ้น พิธีกรคู่ดูโอ ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

ล่าสุดทาง "สกายสปอร์ต" ต้นสังกัดของทั้งคู่ได้สั่งพักงานทั้ง 2 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

“ปากพาซวย“ 2 พิธีกรฉาว ตกงานแล้ว ! - เป็นตัวอย่างจาก ตปท. ที่ไทยควรนำมาทำ้ด้วย

เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><