16 พฤษภาคม 2567, 04:14:51
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ไม้ต้นโตเร็วช่วยลดโลกร้อนปลูกขายเป็นคาร์บอนเครดิตได้"  (อ่าน 25322 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 17 ตุลาคม 2552, 18:50:45 »




พระเจ้าห้าพระองค์ ไม้ต้นโตเร็วช่วยลดโลกร้อน

รายงานโดย :เรื่อง / ภาพ ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม:

น.ส.พ.โพสต์ ทูเดย์ วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไม้ต้นที่มีชื่อเรียกรู้จักกันดีใน จ.แพร่ และลำปาง

แต่สำหรับชาวเชียงใหม่อาจเรียกกันว่า ยมหิน หรือ กางขี้มอด

นับเป็นไม้ต้นซึ่งมีชื่อเรียกกันหลากหลายและมีชื่อสามัญ ว่า Pink Cedar


ซึ่งนับว่าเหมาะสมไม่น้อย เพราะเนื้อไม้ของมันมีสีสวยงามมาก

ชื่อทางพฤกษศาสตร์ ของพระเจ้าห้าพระองค์ คือ Acrocarpus Fraxinifolius

เนื่องจากใบของมันมีรูปร่างคล้ายใบของต้นจันทน์ทอง (Fraxinus Floribunda)

ซึ่งปลูกกันเป็นป่าในพื้นที่ต้นน้ำที่ จ.เชียงใหม่ นั่นเอง

อย่างไรก็ตามพระเจ้าห้าพระองค์อยู่ในวงศ์ถั่ว (Leguminosae Caesalpinioideae)

ดังนั้นจึงมีบทบาทในการบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์


อย่างไรก็ตาม ไม้ต้นชนิดนี้แม้จะเป็นไม้ป่าพื้นเมืองของไทย

แต่ก็มีผู้รู้จักกันไม่มากนัก แต่หลายประเทศให้ความสำคัญมาก เพราะ

เติบโตได้รวดเร็ว ปลูกในระบบวนเกษตรได้ดี เนื้อไม้มีประโยชน์กว้างขวาง

ใช้ทำไม้บางประกอบทำไม้อัดชั้นใน ทำกระเบื้องมุงหลังคาบ้านได้ดี และ

ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในบ้าน และปลูกเป็นไม้ยืนต้น เพื่องานตกแต่ง

ภูมิทัศน์ก็ได้ เนื่องจากใบอ่อนมีสีสวยสด ดอกคล้ายดอกถั่วดูสวยงามแปลกตา


พระเจ้าห้าพระองค์มักขึ้นอยู่ตามป่าดิบแล้ง โดยมีแนวการกระจายพันธุ์มาจาก

อินเดีย พม่า ไทย และเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย

ต้นของมันมีขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 60 เมตร โดยมีความแปลกตรงของลำต้น

อาจสูงถึง 45 เมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 3 เมตรทีเดียว

นี่เป็นสถิติที่น่าตื่นใจมาก เพราะมันยังเติบโตรวดเร็ว โดยมีการเพิ่มความสูง

ระหว่างปี 1.5-3 เมตรทีเดียว

จากข้อมูลในแอฟริกาที่ประเทศแซมเบีย พบว่ามันมีความสูงโดยเฉลี่ย 10.7 เมตร

เมื่ออายุ 4 ปี และให้เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 9.5 เซนติเมตร

ในขณะที่ต้นที่เจริญดีที่สุดอาจสูงได้ถึง 15.2 เมตร และ

เส้นผ่าศูนย์กลาง 14 เซนติเมตร


ต้นพระเจ้าห้าพระองค์เป็นพืชที่ชอบดินที่มีผิวดินลึก ชั้นดินหนากว่า 1 เมตรขึ้นไป

จะเหมาะแก่การปลูกไม้ต้นชนิดนี้มาก ดินควรมีความเป็นกรดอ่อน

ดินร่วนปนดินเหนียวจะเหมาะสมต่อต้นพระเจ้าห้าพระองค์มาก

เป็นที่น่าสังเกตว่าป่าทางภาคเหนือซึ่งมีพืชชนิดนี้อยู่จะเป็นพื้นที่ภูเขา

ที่มีความสูงตั้งแต่ 150 เมตรขึ้นไป จนถึงระดับประมาณ 1,200 เมตร จากระดับ

น้ำทะเลปานกลาง นับว่ามันขึ้นได้กว้างขวางพอใช้

แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า

ไม้ต้นชนิดนี้ต้องการน้ำฝนมากพอใช้ คือ ประมาณ 1,500 มิลลิเมตร/ปี ขึ้นไป

ด้วยเหตุนี้ในเขตวิกฤตของโลก เช่น หลายประเทศในแอฟริกา ชาวบ้านจึงนำเอา

เมล็ดไม้ต้นชนิดนี้ไปปลูกเพื่อให้ร่มเงา ลดความร้อนแก่พืชอื่นที่ต้องการร่มเงา

และได้ผลดีมาก เพราะเติบโตได้เร็ว เหมาะที่จะช่วยลดวัชพืชและบำรุงดิน

อีกทั้งไม่แข่งขันกับพืชไร่หรือพืชเงินพืชทองอย่างอื่นๆ ด้วย

เทคนิคการปลูกและขยายพันธุ์



เมล็ดของไม้ต้นพระเจ้าห้าพระองค์นั้นมีจำหน่ายตามร้านขายพืชจำพวกพืชสมุนไพร

ในสวนจตุจักร อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ได้ดี ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่

ศูนย์เมล็ดพันธุ์ไม้ป่าอาเซียน-แคนาดา อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี

โดยใช้เมล็ดเพาะชำเป็นกล้าไม้แล้วย้ายปลูก โดยใช้ขุยมะพร้าวผสมดิน

เป็นวัสดุเพาะชำ และใช้ปุ๋ยละลายช้า (N:P:K 14:14:14) และ

เพาะชำเมล็ดในถุงพลาสติกดำขนาด 5x9 นิ้ว

จากข้อมูลของศูนย์เมล็ดพันธุ์ไม้ป่าแห่งนี้ กล่าวว่า

กล้าไม้อาจสูงเฉลี่ยได้ถึง 1 เมตร ภายในเวลา 3 เดือนเท่านั้น

เทคนิคการปฏิบัติก่อนการเพาะเมล็ดก็คือ ต้องเลือกเมล็ดจากแหล่งที่มันขึ้น

อยู่ในช่วงฤดูร้อน (เดือนเม.ย.-พ.ค.) ของทุกปี นำเมล็ดแก่จัดไปลวกด้วย

กรดกำมะถัน (HSO) นาน 30 นาที จากนั้นนำเมล็ดไปล้างในน้ำไหล และ

แช่น้ำต่ออีก 12 ชั่วโมง กรดจะกัดเปลือกนอกทำให้เมล็ดงอกได้

ภายในเวลา 3-4 วันเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่ได้ อาจใช้น้ำร้อน 80 องศาเซลเซียส

ลวกและแช่เมล็ดเอาไว้ 1 คืน ก็เพาะงอกได้ดีเช่นกัน

ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ปลูกแล้วคุ้มครองเราจากแสงแดดร้อนระอุ และ

ให้ประโยชน์อื่นๆ นานัปการ


นำมาจาก น.ส.พ.โพสต์ ทูเดย์ วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=72023

 gek gek gek


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552, 11:46:09 »




คาร์บอนเครดิต ธุรกิจลดโลกร้อน
July 30, 2008
โดย สุรศักดิ์ ธรรมโม Siam Intelligence Unit
ขอขอบคุณเวบไซด์ ข้างล่างที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.siamintelligence.com/carbon_credit_busines/

ปัจจุบัน ความกังวลในปัญหาภัยธรรมชาติได้เพิ่มระดับสูงขึ้นมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกเผชิญกับภัยพิบัติของธรรมชาติต่อเนื่องกันในช่วงเกือบหนึ่งเดือน
ที่ผ่านมา เช่น

พายุไซโคลนนาร์กิสถล่มประเทศพม่า และแผ่นดินไหวที่จีน ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต
รวมกันมากกว่าหนึ่งแสนคน จำเลยหลักรายหนึ่งของ ภัยพิบัติธรรมชาติครั้งนี้ คือ

“ปรากฏการณ์โลกร้อน” (Global Warming)

นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 เดือน ก่อนหน้านั้น ก็เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงไปทั่วทั้งโลก
โดยจำเลยหลักที่ถูกกล่าวโทษคือ

“ปรากฏการณ์ โลกร้อน” ในฐานะที่เป็นเหตุให้ลมฟ้าอากาศแปรปรวนและก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วม
ภัยแล้ง พายุรูปแบบต่างๆ และส่งผลต่อเนื่องมาให้ผลผลิตข้าวและ
ผลผลิตพืชผลการเกษตรอื่นๆแปรปรวนไปด้วย

ปรากฏการณ์โลกร้อนคืออะไร ในที่นี้ ผมอธิบายง่ายๆ โดยสรุปจาก wikipedia ภาคภาษาไทยว่า คือ

ปรากฏการณ์การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า


“จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20
(ประมาณตั้งแต่ พ.ศ. 2490) ค่อนข้างแน่ชัดว่า

เกิดจากการเพิ่มความเข้มของแก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของ
ปรากฏการณ์เรือนกระจก”

ดังนั้น จำเลยที่แท้จริงคือ กิจกรรมของมนุษย์นี่เอง โดยเฉพาะกิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรม

อันที่จริง ชุมชนโลกเริ่มตื่นตัวจากภาวะโลกร้อนดังกล่าวพอสมควรนับตั้งแต่ปี 2549
ที่อดีต รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย อัล กอร์ ได้เดินสาย

ปาฐกถาเรื่องปรากฏการณ์ดังกล่าวและออกภาพยนต์สารคดีเรื่อง

“An Inconvenient Truth”

ให้ชุมชนโลกตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจนกระทั่งนายอัล กอร์ และคณะกรรมการ IPCC ของ
สหประชาชาติได้รับรางวัลโนเบลร่วมกันในสาขาสันติภาพประจำปี 2550 จากการกระตุ้น
ให้ชุมชนโลกเห็นว่า

ปรากฏการณ์โลกร้อนเป็นปัญหาร่วมกันของชุมชนโลก ซึ่งส่งผลให้ชุมชนโลกมีความตื่นตัว
ดังเช่น

ในกรณีของประเทศไทย เราก็ได้เห็นโครงการของภาครัฐและเอกชนที่กระตุ้นให้มีการใช้ถุงผ้า
แทนถุงพลาสติก แต่นอกเหนือจากจิตสำนึกร่วมกันของชุมชนโลกในการลดภาวะโลกร้อนแล้ว

ยังมีกลไกธุรกิจที่อาศัยแรงจูงใจทางผลตอบแทนของมนุษย์และหน่วยธุรกิจมาช่วย
ลดภาวะโลกร้อนเช่นกัน

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่ากลไกดังกล่าวนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพเพราะสามารถหาจุดสมดุลของผลดีและผลเสียจากกิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรม

กลไกดังกล่าวมีชื่อว่า “คาร์บอนเครดิต”

คือ การซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย

ประเทศพัฒนาแล้วจะเป็นผู้ซื้อสิทธิ
ส่วนประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นผู้ขายสิทธิ


โดยคาร์บอนเครดิตเกิดขึ้นจากข้อตกลงพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol)
ซึ่งอยู่ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีภาคีทั้งหมด 191 ประเทศ และมีผลบังคับใช้
เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2548 โดยสาระสำคัญของพิธีสารเกียวโตคือ

ประเทศพัฒนาแล้ว หรือประเทศผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตที่เป็นภาคีพิธีสารเกียวโต จำนวน 41 ประเทศ
มีพันธกรณีในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซไนตรัสออกไซด์ เป็นต้น)
ระหว่างปี 2551-2555 ให้ได้ร้อยละ 5.2 จากปริมาณการปล่อยในปี 2533
ซึ่งหากไม่สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกตามปริมาณที่กำหนดจะต้องถูกปรับ
โดยค่าปรับในกรณีของประเทศในกลุ่มสหภาพ ยุโรประหว่างปี 2551-2555 สูงถึง 100 ยูโร
(ประมาณ 5,000 บาท) ต่อ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์

แต่ถ้าประเทศพัฒนาแล้วไม่ต้องการถูกปรับ

จะต้องซื้อสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากประเทศกำลังพัฒนา
ซึ่งในส่วนนี้จะขยายความในย่อหน้าถัดไปและ



ในแผนภาพที่ 2 ทั้งนี้ ภายใต้พิธีสารเกียวโต

ประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศผู้ขายคาร์บอนเครดิต ที่เป็นภาคีพิธีสารเกียวโต
จำนวน 150 ประเทศ เช่น

ประเทศไทยไม่มีพันธกรณีให้ลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกแต่สามารถช่วยประเทศพัฒนา
แล้วลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่าน
กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism หรือ CDM)


 
(ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ CDM ในแผนภาพที่ 1)

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ได้พบข่าวทางทีวีเชิญชวนประชาชนที่มีที่ว่างเปล่า หรือ ที่หัวไร่ปลายนา มาร่วมปลูกไม้ยืนต้น
เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ มาปรุงอาหาร และ ปล่อยก๊าซออกซิเจนให้บรรยากาศ จะเป็น
การลดโลกร้อน ขายเป็นคาร์บอนเครดิตได้ ภาครัฐจะเป็นคนกลาง รับซื้อ และ ขาย ให้
สำหรับประชาชน ที่จะเข้าร่วมโครงการ ติดต่อข้อมูลได้ที่ เกษตรตำบล หรือ เกษตรอำเภอได้


 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2553, 22:23:51 »

Greenroof .•°•.ღ































 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553, 19:29:12 »

PR Center
ขอขอบคุณเวบกรุงเทพธุรกิจ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/news/pr-center/detail-news.php?id=4878

กฟน.มอบจักรยานให้จุฬาเพื่อลดภาวะโลกร้อน



ศาสตราจารย์นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนากุล รับมอบรถจักรยาน จาก นายฐานิสต์ เจนถนอมม้า

นายฐานิสต์ เจนถนอมม้า ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานในงาน
มอบรถจักรยานจำนวน 100 คัน แก่ศาสตราจารย์นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนากุล
อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ตามโครงการรณรงค์ใช้รถจักรยานลดภาวะโลกร้อนของการไฟฟ้านครหลวง
เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรและนิสิตจุฬาฯ ได้ใช้จักรยานแทนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และลดปัญหาภาวะโลกร้อน


  รักนะ รักนะ รักนะ

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 12:44:45 »


วาฬหัวทุย ช่วยดับโลกร้อน ขจัดก๊าซไอเสียของ รถยนต์ 4 หมื่นคัน

นักชีววิทยาได้ยกย่องให้เหล่าวาฬหัวทุยในมหาสมุทรใต้เป็นพันธมิตรเอกในการต่อสู้กับโลกร้อน
เพราะพวกมันได้ช่วยขจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลงได้มาก เท่ากับที่รถยนต์ 40,000 คัน
รวมกันปล่อยออกมาทางท่อไอเสียในแต่ละปี

วารสาร "ราชสมาคมอังกฤษ" กล่าวเปิดเผยว่า

เดิมทีวาฬใหญ่พวกนี้โดนถูกประณามว่าเป็นตัวการใหญ่ ในการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ที่ทำให้อุณหภูมิโลกร้อนทางหายใจออก

นักชีววิทยาเมืองจิงโจ้ได้ศึกษาพบว่า วาฬหัวทุยในมหาสมุทรใต้ ราว 12,000 ตัว แต่ละตัวจะ
ถ่ายมูลออกมา หลังจากกินปลาและปลาหมึกเป็นอาหาร ซึ่งจะมีแร่เหล็กปนอยู่ด้วยมาก
ประมาณ 50 ตัน ในแต่ละปี

แร่เหล็กเหล่านี้เป็นอาหารอันวิเศษของพวกแพลงตอนพืช พืชเล็กๆ ที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ
เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์น้ำ โดยที่ตัวมันจะดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศไปใช้
เพื่อกระบวนการสังเคราะห์อาหารโดยพลังงานแสงอาทิตย์

รวมแล้ววาฬจะช่วยกันกำจัด คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นปริมาณมากถึงปีละ 400,000 ตัน
มากกว่าที่มันพ่นออกมาทางลมหายใจออกเกือบ 2 เท่า.

 
 ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/edu/91645
วันที่ 25 Jun 2010

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2553, 07:38:32 »


ขอขอบคุณเวบ cannot.info วันที่ 29 Jun 2010 - ที่มา : www.thairath.co.th
http://cannot.info/feed/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C/%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%20%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9

ปตท.ชวนปลูกต้นไม้ ลดโลกร้อนดูดสารพิษ
 

 
จากความสำเร็จของโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องใน
วโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 จำนวน 1 ล้านไร่ เมื่อปี 2537

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จึงสานต่องานสิ่งแวดล้อมอีกครั้งในโครงการ "1 ล้านกล้าถวายพ่อ"
โดย ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ซีอีโอ ปตท. กล่าวว่า

โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส
ทรงครองราชย์ปีที่ 50 จำนวน 1 ล้านไร่ เป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่ม ปตท. ดำเนินภารกิจในการ
สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่ออนาคตของชาติอย่างต่อเนื่อง

ในโอกาสที่ปี 2553 นี้เป็นปีมหามงคลของคนไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และในปี 2554 จะเป็นปีแห่งการเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา
กระทรวงพลังงานได้จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ

"ลดโลกร้อน ถวายพ่อ"

ขึ้น กลุ่ม ปตท.จึงตอบรับด้วยโครงการ "1 ล้านกล้า ถวายพ่อ" เพื่อสานต่อแนวพระราชดำริ และ
ต่อยอดจากโครงการปลูกป่าฯ 1 ล้านไร่



ประเสริฐ บุญสัมพันธ์

ซีอีโอ ปตท.ยังกล่าวต่อว่า กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ โดยเปิดโอกาสให้
ประชาชนชาวไทย หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 1 ล้านกล้า
เพื่อสร้างบันทึกหน้าใหม่แห่งการแสดงความสามัคคีและความจงรักภักดีของคนไทยทั้งประเทศ โดย

ปตท.จะจัดหากล้าไม้ 2 ลักษณะ ได้แก่

กล้าไม้ประจำถิ่น เพื่อมอบแก่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมกันปลูกเพื่อลดโลกร้อน และ

กล้าไม้ ดูดสารพิษ เพื่อให้ประชาชนในเขตเมือง (กทม. และปริมณฑล) สามารถปลูกในกระถางหรือ
ปลูกในพื้นที่ขนาดเล็ก เหมาะสมกับลักษณะของที่พักหรืออาคารสำนักงาน

พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนประชาชนร่วมถวายคำปณิธานในการลดโลกร้อนลงในใบไม้จำลอง หรือ
ผ่าน www.milliontreesforking.com เพื่อรวบรวมให้ครบ 1 ล้านรายชื่อ
นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ส่วนประชาชนที่มีปณิธานในการร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเทิดพระเกียรติ แต่ไม่มีพื้นที่

สามารถปลูกต้นไม้ออนไลน์ และ ปตท. จะนำต้นไม้เหล่านั้นไปปลูกในพื้นที่ที่กำหนดต่อไป
ร่วมปลูกออนไลน์ผ่านทาง เวบไซด์  ปิ๊งๆ www.milliontreesforking.com



ปวริศา เพ็ญชาติ

ด้านตัวแทน "โครงการ 1 ล้านกล้า ถวายพ่อ" อาทิ แหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ กล่าวว่า

ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ จะมีการแจกต้นกล้าดูดสารพิษให้กับชาวกรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะสามารถช่วยใน
เรื่องของสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นต้นไม้ที่ดูดสารพิษได้ดีเป็นพิเศษ มีอาทิ
เศรษฐีรับเงิน, เศรษฐีเรือนใน, เศรษฐีเรือนนอก, เขียวหมื่นปี, โกสน, เดหลี เป็นต้น
แหวนอยากรณรงค์ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ที่เราได้ทำลาย ให้กลับคืนมาค่ะ



ม.ล.สราลี กิติยากร

ส่วน ม.ล.สราลี กิติยากร กล่าวว่า อยากให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้น

ถ้าเพียงคนไทย 1 คน ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละ 1 ต้น จากโครงการแจกต้นกล้าจำนวน 1 ล้านกล้า
เท่ากับว่าเราได้ป่าผืนนึงเกิดเป็นต้นน้ำ ให้ทั้งความสดชื่นร่มรื่น และสร้างประโยชน์ขึ้นอีกมากมาย.

 
 รักนะ รักนะ รักนะ

 
 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><