ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1025 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 20:03:31 » |
|
วันอาทิตย์อยู่บ้านติดตามข่าวทางทีวีทั้งวันเลยครับ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1026 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 23:06:02 » |
|
พี่ทั้งเปิดทีวี, น.ส.พ. 2 ฉบับ มติชน-ไทยโพสต์, internet อ่าน online อีก 4-5 ฉบับ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1027 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 23:38:55 » |
|
ภูมิใจในตัวท่านนายกมากๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1028 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 20:16:57 » |
|
ไหวพริบทันกัน และคารมยังเหนือชั้นกว่า
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1029 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 21:05:28 » |
|
สรุปแล้วก้เป็นไปอย่างที่คิด ตกลงกันไม่รู้เรื่อง
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1030 เมื่อ: 31 มีนาคม 2553, 14:53:44 » |
|
เผยนาทีระทึก "นศ.ไทยในฟลอริด้า" ถูกปืนเรเซอร์จ่อหัว! ฐานไม่เข้าเรียนให้ครบตามเกณฑ์วีซ่า
รายงานโดย อรสา ศรีสุขเสริม ผู้สื่อข่าวพิเศษมติชน จากฟลอริดา สหรัฐฯ
จากกรณีที่สำนักงานสอบสวน ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ไอซีอี.) ประจำสำนักงานเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา (Immigration and Customs Enforcement: ICE) เข้าจับนักเรียนไทยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จำนวน 52 คน เป็นชาย 24 คน หญิง 28 คน ทั้งหมดถูกตั้งข้อหา กระทำผิดสถานะของวีซ่านักเรียนเอฟ วัน ( F-1) ซึ่งเรียกว่า วีซ่า ไวโอเลชั่น (Visa violation) ใน 3 กรณีแตกต่างกันไปแต่ละคน
กรณีที่ 1 นักเรียนไม่เข้าเรียนให้ครบ 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตามเงื่อนไขผู้ที่ถือวีซ่าเอฟ วัน ต้องเข้าเรียนเต็มเวลาสม่ำเสมอ กรณีที่ 2 ไม่อนุญาตให้นักเรียนทำงาน และกรณีที่ 3 นักเรียนอยู่ในประเทศเกินกว่าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้การอนุญาตไว้ เรียกว่า โอเวอร์สเตย์ (overstayed ) โดยทางการสหรัฐเรียกปฏิบัติการครั้งนี้ว่าเป็น “การทลายการฉ้อฉลของโรงเรียนและนักเรียนครั้งใหญ่ที่สุด”
การจับกุมครั้งนี้ นอกจากมีนักเรียนไทยแล้ว ยังมีนักเรียนต่างชาติอื่นๆ เช่น ญึ่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย ตุรกี โคลัมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน เตอร์กมินิสถาน คาร์กีซสถาน ฮอนดูรัส ซีเรีย เวเนซูเอลา และบราซิล อีกกว่า 50 คน ถูกจับกุมเช่นกัน ล้วนเป็นนักเรียนที่มีรายชื่อลงทะเบียนเรียนที่สถาบันสอนภาษาอังกฤษ ชื่อ "ฟลอริด้า แลงเควจ อินสทิทิวท์" (Florida Language Institute) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “โรงเรียนสีชมพู” เนื่องจากตัวอาคารทาสีชมพู และเก็บค่าเล่าเรียนถูกกว่าที่อื่น คิดราคา คอร์สละ 3 เดือน 1,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 32,000 บาท) ขณะนี้โรงเรียนดังกล่าวได้ถูกสั่งปิดกิจการและเจ้าของโรงเรียนถูกทางการสหรัฐดำเนินคดี ตั้งข้อหาไม่ปฏิบัติตามระเบียบของสถาบันการศึกษา ฉ้อโกงรัฐ เป็นจำนวนเงินกว่า 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้นักเรียนลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพ และยินยอมให้นักเรียนเซ็นชื่อเข้าเรียนโดยไม่ต้องเข้าเรียนจริงได้
ความคืบหน้าล่าสุด นักเรียนไทยทั้งหมดที่ถูกจับกุมได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่สถานกักกัน ชื่อ บราเวิร์ด ทรานซิชั่นแนล เซ็นเตอร์ (Broward Transitional Center) เมืองปอมปาโน่ บีช รัฐฟลอริดา ถึงปัจจุบันทั้งหมดยังไม่ได้รับการประกันตัวแต่อย่างใด และมีนักเรียนบางส่วนที่มีรายชื่อลงทะเบียนเรียนอยู่ในโรงเรียนดังกล่าว แต่ยังอยู่ในระหว่างติดตามเพื่อจับกุมตัวได้เดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 15 คน ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาและได้แจ้งความจำนงผ่านสถานทูต ด้วยเกรงว่าหากถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐตรวจพบอาจถูกจับไปควบคุมตัวเช่นเดียวกับนักเรียนที่โดนจับกุมก่อนหน้า และขณะนี้ยังมีผู้แจ้งความจำนงขอกลับประเทศไทยและขอคำแนะนำมายังสถานทูต เพื่อให้ข้อมูลในกรณีนี้โดยเฉพาะอยู่เป็นจำนวนมาก
นางภัทราวรรณ เวชศาสตร์ อัครราชทูตที่ปรึกษา ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ให้สัมภาษณ์ว่า สถานทูตไทยได้รับข้อมูลเรื่องการบุกจับนักเรียนจาก นางกัญญา มูลศิริ นายกสมาคมไทย-อเมริกันแห่งฟลอริด้าภาคใต้ จึงมายังเมืองไมอามี พร้อมคณะเจ้าหน้าสถานทูตไทย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือแก่นักเรียนไทย เนื่องจากการจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมโดยความร่วมมือระหว่างกองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐและกระทรวงความมั่นคงภายใน (Department of Homeland Security) ซึ่งได้ติดตามสืบสวนสอบสวนตามรายชื่อนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว
อัครราชทูตที่ปรึกษา กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือนักเรียนไทยที่ถูกจับกุมตัวว่า ขณะนี้ถูกตั้งข้อหาคนละ 2-3 ข้อหาแตกต่างกันไป และหลายคนได้ติดต่อทนายความเพื่อเป็นตัวแทนในการดำเนินการทางศาลแล้ว โดยสถานทูตได้เข้ามาให้ข้อมูลด้านการติดต่อและพิจารณาคัดเลือกทนายความ ซึ่งสถานทูตได้นำรายชื่อทนายความที่ว่าความให้ฟรีหรือคิดค่าบริการในราคาไม่แพงมาให้กับนักเรียน ขณะเดียวกันญาติและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียนบางคนก็ได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความไว้ให้กับนักเรียนแล้ว ซึ่งขณะนี้รอเพียงการขอประกันตัวและเข้าพบผู้พิพากษาเพื่อรับการพิจารณาคดีเป็นรายบุคคล คาดว่าคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
ขั้นแรกนี้นางภัทราวรรณ กล่าวว่า สถานทูตได้ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินการทางศาลกับนักเรียนไทยว่า มีสองทางเลือกที่นักเรียนจะพิจารณาตัดสินใจด้วยตัวเองว่า ทางเลือกหนึ่ง จะเซ็นเอกสารยอมรับผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งถ้ายินยอมเซ็นรับผิด ทนายความก็จะส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาอนุมัติและส่งตัวกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ แต่จะไม่สามารถกลับเข้ามาสหรัฐอีกเป็นเวลาสิบปี
อีกทางเลือก จะต่อสู้คดีหรือไม่ แบ่งเป็น 3 กรณี หนึ่ง หากนักเรียนมีเอกสารหลักฐานการเข้าเรียนตามเกณฑ์ที่วีซ่าเอฟ วันกำหนด ประกอบกับเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชุมชน เป็นผู้มีความประพฤติดี มีเอกสารรับรองจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียนมานำเสนอต่อศาล ก็จะได้รับการยกเลิกข้อกล่าวหา สอง หากต่อสู้คดีและมีความผิด สามารถแจ้งความจำนงขอกลับประเทศไทยโดยสมัครใจ ซึ่งนักเรียนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง กรณีนี้นักเรียนอาจไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาสหรัฐเป็นเวลา 3-10 ปี ขึ้นอยู่กับข้อกล่าวหาที่ได้รับ และสาม หากต่อสู้คดีและศาลตัดสินว่ามีความผิด จะถูกบังคับกลับ (Orderly Deportation) ซึ่งศาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ แต่จะไม่ได้รับอนุมัติวีซ่าให้กลับเข้ามาสหรัฐ เป็นเวลา 10 ปีเช่นกัน ทั้งนี้นักเรียนไทยยื่นความจำนงขอต่อสู้คดีเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเห็นว่า ยังพอมีหลักฐานนำเสนอเพื่อแก้กล่าวหา
นางภัทราวรรณ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้สถานทูตได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักเรียน และช่วยเหลือดูแลขอความร่วมมือกับทางการสหรัฐในเรื่องสถานที่กักกันให้อยู่ในสภาพดี พบว่า สถานกักกันมีสภาพสะอาดเรียบร้อย จัดแบ่งสถานที่พักแยกระหว่างหญิง-ชาย ที่พักหญิงแบ่งเป็นห้องละ 5 คน ชายห้องละ 6-8 คน แต่ละห้องมีโทรทัศน์ เครื่องเล่นซีดี ภายในบริเวณสถานกักกันมีสนามกีฬาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ อาทิ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฯลฯ มีห้องสวดมนต์สำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม มีอาหารให้บริการ 3 มื้อ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะได้รับ
"นอกจากนี้ ทางสถานฑูตยังได้เจรจาขอให้สถานกักกันจัดหาอาหารไทยเพื่อให้บริการแก่นักเรียนไทยในบางมื้อด้วย โดยมีนักเรียนไทยบางคนขออาสาสมัครเข้าไปเป็นพ่อครัว ปรุงอาหารไทยให้เพื่อนๆในสถานกักกันได้รับประทาน เพื่อเป็นการ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไม่ฟุ้งซ่าน" นางภัทราวรรณ กล่าว
อัครราชทูตที่ปรึกษา กล่าวด้วยว่า ในการประสานขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐครั้งนี้ ทางการไทยไม่สามารถแทรกแซงทางการเมืองได้ ตามสนธิสัญญาเวียนนา ว่าด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากมีญาติและผู้เกี่ยวข้องกับนักเรียนขอร้องให้สถานทูตเจรจาขอลดหย่อนผ่อนโทษให้กับนักเรียน ผู้กระทำความผิด แต่เนื่องจากข้อกล่าวหาที่นักเรียนไทยได้รับนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน สถานฑูตจึงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่สหรัฐ ตรวจสอบเอกสารของนักเรียนแต่ละคนอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การดำเนินการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยไม่ต้องการให้นักเรียนไทยต้องถูกกักตัวอยู่เป็นเวลานาน
สำหรับกฎระเบียบการเข้าเยี่ยมนักเรียนในสถานกักกันนั้น จากการสอบถามนางกัญญา มูลศิริ นายกสมาคมไทย-อเมริกันแห่งฟลอริด้าภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้จะเข้าเยี่ยมนักเรียนต้องโทรศัพท์ นัดหมายเวลาจากนักเรียน โดยโทรศัพท์ฝากข้อความ ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ไว้ที่เบอร์ของสถานกักกัน เมื่อนักเรียนได้รับข้อความขอนัดพบแล้วจะโทรกลับเพี่อยืนยันการเข้าพบอีกครั้ง ระเบียบการเข้าพบทำได้กลุ่มๆละ 2-3 คน ครั้งละ 45 นาที โดย วันเสาร์เปิดให้เข้าเยี่ยมนักเรียนหญิง ส่วนวันอาทิตย์ให้เข้าเยี่ยมนักเรียนชาย ห้ามนำสิ่งของเครื่องใช้เข้าไปให้ผู้ถูกกักกัน ทุกคนจะต้องสวมชุดสีเทาเหมือนกัน
นางกัญญา กล่าวต่อว่า สมาคมไทย-อเมริกันแห่งฟลอริด้าภาคใต้ ได้รวบรวมเงินเพื่อให้ผู้ถูกกักกันไว้ใช้ในเบื้องต้น จำนวนคนละ 20 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยใส่เงินไว้ในบัตรมันนี่ ออร์เดอร์ (Money Order) ซึ่งผู้ถูกกักกันสามารถกดเงินใช้ได้เฉพาะในวันพุธ ครั้งละ 50 ดอลล่าร์ต่อสัปดาห์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นร่วมให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วย อาทิ นางมาเรีย ดี.ซาลิโอล (Maria D.Sariol) กงสุลกิตติมศักดิ์ ,ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในฟลอริด้าภาคใต้ ฯลฯ รวมถึงความช่วยเหลือจากสมาคม Asian – American Federation of Florida ซึ่งมีสมาชิกกว่า 60 สมาคมย่อยๆ อาทิ สมาคมจากเวียดนาม จีน เกาหลี พม่า อินโดนีเซีย ได้พิจารณาเสนอให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย โดยเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านคำแนะนำปรึกษาแบบเป็นหมู่คณะ
ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศสหรัฐอเมริกา และสถานกงสุลไทย ได้มีหนังสือแจ้งเตือนใปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษาไทย เรื่อง ขอให้ระมัดระวังตรวจสอบสถานะการพำนักในสหรัฐฯ ระบุว่า ตามที่นักเรียนไทย 52 คนที่เคยลงทะเบียนเรียน หรือกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสอนภาษา Florida Language Institute มลรัฐฟลอริด้า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ควบคุมตัวในข้อหาเกี่ยวกับการเข้าเมือง คือ ไม่เข้าเรียนเต็มเวลาตามประเภทวีซ่านักเรียน เอฟ1 (F1) หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือพำนักอยู่ในสหรัฐฯเกินกำหนดเวลาที่อนุญาต และโรงเรียนดังกล่าวถูกปิดไปแล้วนั้น สถานกลสุลใหญ่ฯ ขอให้นักเรียนไทยระมัดระวังหมั่นตรวจสอบสถานะการพำนักในสหรัฐฯของตนเอง และปฏิบัติตามเงื่อนไขของสถานะวีซ่าอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องต่างๆ ตามคำเตือนและเงื่อนไขของทางการสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ถูกจับกุมคุมขัง หรือส่งตัวออกนอกประเทศ
นายรวมพล ไตรสารศีร อายุ 35 ปี อาชีพเชฟอาหารญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่ภรรยาถูกจับกุมตัวไปต่อหน้าต่อตาลูกชายวัยขวบเศษว่า ตนเตรียมตัวจะเดินทางไปแอตแลนต้า โดยขับรถไปที่ออแรนโดแล้วจะขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวนิวยอร์คต่อ ซึ่งมีแผนจะไปรับแม่ของภรรยาที่จะเดินทางมาจากประเทศไทยที่นั่น ในระหว่างเส้นทางตนได้จอดพัก ณ จุดพักรถเพื่อเข้าห้องน้ำ ขณะกำลังเดินมาที่รถมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินมาประกบ เมื่อมองไปที่รถก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองนายยืนประกบอยู่ข้างรถที่มีภรรยาและลูกชายนั่งอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามตนว่าเป็นใคร ชื่ออะไร มีบัตรอะไรมาแสดงตัวบ้าง พร้อมทั้งแจ้งว่ามาตามหาคนชื่อนี้ เอ่ยชื่อภรรยาแล้วถามตนว่า รู้จักหรือไม่ หลังจากนั้นภรรยาก็ถูกควบคุมตัวไปในรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพาตัวไปค้นหลักฐานการลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว ตนขับรถพาลูกตามรถตำรวจไปจนถึงบ้าน เจ้าหน้าที่ก็ให้ตนรอข้างนอกและให้ภรรยาพาเข้าไปรื้อเอกสารโดยไม่ยอมปลดกุญแจมือ แล้วในที่สุดภรรยาตนก็ถูกนำตัวไปยังสถานกักกันของ จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้ปล่อยตัวออกมา และยังไม่ให้ประกันตัวใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่จับตัวภรรยาผมไปเป็นรายแรกตั้งแต่วันที่26 กุมภาพันธ์แล้ว ตอนนี้ลูกผมก็ร้องหาแม่ทุกวันเลย
นายกฤษณ์พล ชัยสวัสดิ์ เพื่อนของผู้ที่ถูกจับกุมตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ ไอซ์ กล่าวว่า เพื่อนของตนถูกจับกุมตัวไปจากบ้านพร้อมกัน 4 คน โดยเจ้าหน้าที่บุกมาที่บ้านกว่าสิบคน เข้าดำเนินการจับกุมด้วยวิธีค่อนข้างรุนแรงคือเอาปืนที่มีเรเซอร์จ่อหัว จับใส่กุญแจมือ เมื่อตรวจหลักฐานแล้วพบว่าเป็นนักเรียนที่ลงทะเบียนในโรงเรียนนี้ก็จับตัวขึ้นรถไป โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาจะพาไปที่ไหน แต่เนื่องจากเพื่อนๆผมโดนจับเป็นกลุ่มก็ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะเมื่อผมไปเยี่ยมหลังจากที่รู้ว่าเขาเอาตัวไปไว้ที่ปอมปาโน บีช ก็เห็นว่าพวกเพื่อนๆกำลังใจดีมาก ที่น่าสงสารก็เห็นจะเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนหรือญาติเลย อาจจะเพิ่งมาจากเมืองไทยและเลือกเรียนที่โรงเรียนนี้ ยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่ เมื่อเข้าไปอยู่ในสถานกักกันเลยต้องโดนไปนอนห้องเดียวกับคนชาติอื่นๆ
นางสาวรัชฎาภรณ์ สมัครกิจ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเพื่อนซึ่งถูกจับกุม ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในสถานกักกันว่า เพื่อนของตนเลือกเรียนที่นี่เพราะปัจจัยหลักคือราคาถูก ซึ่งเพื่อนก็เข้าเรียนตลอด ขณะนี้ได้รับจดหมายตอบรับให้เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยหลายแห่งแล้ว เพราะสามารถสอบโทเฟล (TOEFL)ผ่านแล้ว แต่ก็ต้องมาถูกจับกุมตามรายชื่อที่เจ้าหน้าที่ได้มาจากโรงเรียน ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กนักเรียนกลายเป็นคนผิด เพราะความจริงแล้วโรงเรียนสามารถออกใบ ไอ ทเวนตี้(I-20)ให้เด็กนักเรียนได้ ซึ่งเท่ากับทางการได้ตรวจสอบมาตรฐานของโรงเรียนแล้ว
“ขณะนี้เพื่อนกำลังติดต่อทนาย ซึ่งทนายก็บอกว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่จะพ้นข้อกล่าวหา เพราะเพื่อนมีความตั้งใจที่จะเรียนจริง มีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ว่าพยายามเรียนและสอบเพื่อสมัครเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เรียนแต่ภาษาอยู่ 2-3 ปีแล้วยังไม่พัฒนาไปถึงไหน มัวทำอะไรอยู่ ตอนนี้เพื่อนรู้จากทนายแล้วว่ามีโอกาสรอด กำลังใจเขาก็ดีขึ้น แต่เขาก็ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะได้ออกจากสถานกักกัน เพราะทนายบอกว่า เจ้าหน้าที่มีสิทธิกักตัวไว้ได้ถึง 180 วัน”นางสาวรัชฏาภรณ์ กล่าว
นายเอ (นามสมมุติ) นักเรียนไทยผู้หนึ่งซึ่งลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนที่ถูกสั่งปิดดังกล่าว เป็นคนหนึ่งที่ทางการสหรัฐติดตามจับกุมอยู่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจบปริญญาตรีมาจากมหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง ลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนนี้มาแล้วสองรอบ รอบแรกเมื่อปี 2007 แล้วจึงเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากนั้นเดินทางกลับมาสหรัฐอีกครั้งเมื่อต้นปี 2010 จึงลงเรียนเป็นรอบที่สอง ซึ่งโรงเรียนก็ออกใบ ไอ- ทเวนตี้ (I-20)ให้ ตนก็ไม่เคยไปเรียน ไม่เคยไปเช็คชื่อ ได้แต่ไปสอบตอนกลางภาค และปลายภาค ข้อสอบก็ง่ายๆ ทั้งโรงเรียนตนเคยเห็นครูอยู่ 2-3 คน ที่ว่าโรงเรียนนี้มีนักเรียน 500-600 คน ตนคิดว่าไม่น่าจะถึงหรอก แต่ตนก็ไม่ทราบเพราะในหนึ่งเทอมตนไปโรงเรียนแค่สองครั้งเท่านั้น
“ผมคิดว่าเด็กนักเรียนไทยที่มาลงทะเบียนเรียนที่นี่ ก็เพื่อจะได้ทำงาน ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนอะไรจริงจัง เพราะส่วนใหญ่ก็ย้ายมาจากโรงเรียนอื่น พอรู้ว่าที่นี่ราคาไม่แพงและไม่เช็คชื่อก็แนะนำกันมาลงเรียนที่นี่จะได้มีเวลาทำงานหาเงินได้อย่างเต็มที่ เด็กที่ลงเรียนอย่างพวกผมก็พยายามจะทำให้ถูกกฎหมาย โดยแจ้งความประสงค์ในการเข้าประเทศว่าจะมาเรียน และโรงเรียนนี้ก็ทำให้พวกผมอยู่ได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งผมว่าไม่ยุติธรรมเพราะพวกผมพยายามจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายกลับถูกไล่จับ แต่พวกที่โดดเรือมากลับไม่ถูกจับ” นายเอกล่าว
เมื่อถามถึงการใช้ชีวิตหลังจากเกิดกรณีกวาดจับนักเรียนที่กระทำผิดสถานะของวีซ่า เอฟ-วัน นายเอ กล่าวว่า ตนก็คงไม่หนีไปไหน เพราะตอนนี้ย้ายบ้านจากที่เคยแจ้งไว้กับโรงเรียนแล้ว ตอนนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรมหลายสิบคน แต่ละคนก็พยายามหาทางออกเพื่อจะได้อยู่ต่อ ซึ่งก็ติดต่อทนายเพื่อขอคำปรึกษาไว้บ้างแล้วแต่ถ้าจะถูกจับกุมและส่งกลับประเทศก็ยินยอม แล้วคงจะค่อยๆ หาทางกลับเข้ามาใหม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1269941655&grpid=&catid=02
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1031 เมื่อ: 31 มีนาคม 2553, 20:45:12 » |
|
ธุรกิจนำต่างชาติเข้าประเทศ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1032 เมื่อ: 01 เมษายน 2553, 09:31:43 » |
|
หรือค้าทาส หรือค้ามนุษย์ไง !! ?? อเมริกาหรือที่ไหนๆ ก็เล่นเป็นทั้งนั้น
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1033 เมื่อ: 01 เมษายน 2553, 21:49:28 » |
|
โดยมีลูกคนรวยเป็นเหยื่อ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1034 เมื่อ: 02 เมษายน 2553, 10:27:58 » |
|
ขออนุญาตเตรียมตัวออกเดินทางไป "เช็งเม้ง" ที่จังหวัดนครปฐม ครับ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1035 เมื่อ: 02 เมษายน 2553, 21:31:45 » |
|
เดินทางปลอดภัยครับพี่เหยง
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1036 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 22:29:19 » |
|
กลับมาตั้งแต่วันที่ 4 แล้วครับ พอดีต้องเตรียมงานบวชให้หลานชายในวันที่ 5 เลยปล่อยห้องนี้ไป 4 วันเต็มทีเดียว
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #1037 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 22:43:00 » |
|
ป้อมก็ไปอีสเตอร์ที่เชียงรายมา ตื่นแต่เช้าไปร่วมพิธี ปีนี้พระเทศน์ไม่ค่อยสนุก ง่วงมาก
|
pom shi 2516
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1038 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 22:55:09 » |
|
พี่ป้อม, ข่าวว่าโจรขโมยช็อคโกแล็ตไข่อิสเตอร์ไปจากร้าน ทำให้เมื่อวานเมืองนั้นงดงานซ่อนไข่(chocolate)ให้เด็กๆหา. สงสารเด็กจัง!
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1039 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 23:02:45 » |
|
ซ่อนไข่ไดโนเสาร์หรอ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1040 เมื่อ: 07 เมษายน 2553, 09:07:20 » |
|
ประเทศไทย ในเดือนเมษายนของทุกปี ชาวจีน-เชงเม้ง เพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่วายชนน์ ชาวไทย-สงกรานต์ อาบน้ำกระดูกบรรพบุรุษ และอาบน้ำพระสงฆ์ คนแก่ ฝรั่งและคริสเตียน-อีสเตอร์ ฉลองวันที่พระเยซูฟื้นจากการถูกตรึงกางเขน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1041 เมื่อ: 16 เมษายน 2553, 18:04:48 » |
|
แต่ตอนนี้ ฝ่ายหนึ่งนั่งเงียบ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งตั้งเต๊นท์ด่าคนและปิดกั้นการจราจลอยู่กลางถนน
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1043 เมื่อ: 16 เมษายน 2553, 21:50:29 » |
|
ฝ่ายที่นิ่งเงียบก็กินเงินเดือนจากรัฐ, ฝ่ายที่ปิดถนนและด่าคนก็รับเงินค่าจ้างมา รวยทุกคน กรรมจึงตกเป็นของคนส่วนที่เหลือ ซึ่งไม่รู้จะเจออะไรต่อไปอีก
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1044 เมื่อ: 19 เมษายน 2553, 12:05:52 » |
|
ความคืบหน้าของนักศึกษาพยาบาล ว.นครราชสีมา และ ม.ราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี.....
นศ.พยาบาลเฮ!ได้ที่เรียนแน่นอน การศึกษา-สาธารณสุข 19 เมษายน 2553 - 00:00
นักศึกษาพยาบาล ว.นครราชสีมา เฮ! มีที่เรียนแน่นอนแล้ว เตรียมจับฉลากเข้าเรียนต่อในสถาบันต่างๆ ทันปีการศึกษา 53 นี้ แน่นอน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าแนวทางเยียวยานักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ของวิทยาลัยนครราชสีมา ชั้นปีที่ 2-4 จำนวน 135 คน ซึ่งได้รับผลกระทบจากกรณีที่วิทยาลัยเปิดรับนักศึกษาโดยที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรองจากสภาการพยาบาล ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ข้อสรุปในการเยียวยานักศึกษากลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยทางวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะรับนักศึกษาเข้าไปศึกษาในสถาบันสังกัดจำนวน 67 คน ส่วนที่เหลือ 68 คน จะไปอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ รศ.นพ.กำจรกล่าวอีกว่า ส่วนการจัดที่นั่งให้กับนักศึกษาดังกล่าวจะใช้วิธีการจับสลากเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ในการจัดที่นั่งให้นักศึกษาชั้นปี 4 ทาง สกอ.พยายามจัดให้ไปอยู่ด้วยกันทั้งหมดเพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน ส่วนชั้นปีอื่นๆ ก็ให้เกลี่ยกันไปตามความเหมาะสม และขอให้สถาบันต่างๆ หาทางช่วยเหลือนักศึกษาให้ไม่ต้องไปเริ่มต้นเรียนใหม่ทั้งหมด รศ.นพ.กำจรกล่าวต่อว่า สำหรับมหาวิทยาลัยที่จะรับนักศึกษามีดังนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นรับ 6 คน มหาวิทยาลัยมหาสารคามรับ 6 คน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒรับ 6 คน มหาวิทยาลัยบูรพารับ 6 คน มหาวิทยาลัยนเรศวรรับ 12 คน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับ 10 คน วิทยาลัยพยาบาลตำรวจรับ 10 คน และมหาวิทยาลัยสยามรับ 12 คน ส่วนวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีที่ให้ที่นั่งกับนักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันที่อยู่ทางภาคใต้ เพราะมีที่นั่งพอจะรับนักศึกษาได้ และเป็นสถาบันที่ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาล 4 มาถึงปีแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าการเรียนการสอนมีคุณภาพ และที่สำคัญผลผลิตที่ออกมาส่วนใหญ่จะสอบผ่านการขอใบประกอบวิชาชีพการพยาบาล "สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น ขณะนี้ สกอ.กำลังให้ทางนิติกรช่วยร่างหนังสือสัญญาระหว่างนักศึกษากับวิทยาลัยนครราชสีมาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการไปศึกษาต่อในสถาบันต่างๆ เพื่อเสนอต่อทางวิทยาลัยนครราชสีมาตามที่สถาบันรับปากไว้ว่าจะช่วยเหลือ และยังเป็นการป้องกันไม่ให้สถาบันเบี้ยวค่าใช้จ่ายนักศึกษาด้วย ทั้งนี้คาดว่านักศึกษาทั้งหมดจะเริ่มเรียนได้ทันปีการศึกษา 2553 นี้" รองเลขาธิการ กกอ.กล่าว ส่วนการเยียวยานักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชธานี ที่สถาบันรับเกินจำนวนที่สภาการพยาบาลกำหนดนั้น เท่าที่ทราบทางมหาวิทยาลัยจะไปหารือกับทางสภาการพยาบาล แต่ สกอ.ก็สำรองที่นั่งให้กับนักศึกษาที่ไม่ต้องการจะเรียนที่มหาวิทยาลัยเดิม โดยอาจจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ที่ สกอ.ได้เตรียมไว้ให้ขณะนี้มีแล้ว 400 กว่าที่นั่ง จาก มรภ.กว่า 10 แห่ง.
http://www.thaipost.net/news/190410/20984
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1045 เมื่อ: 24 เมษายน 2553, 12:47:29 » |
|
เตือนอุดมศึกษาหยุดหลอกประชาชน
สกอ.จี้ยกร่างประกาศกระทรวงคุ้มครองผู้บริโภค คุมเข้มเปิดหลักสูตร เยียวยาหาที่เรียนใหม่ให้นักศึกษา และหามาตรการป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ขึ้นอีก...
จากกรณีนักศึกษาร้องเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งเปิดรับนักศึกษาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพ แต่ไม่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากสภาวิชาชีพ โดยมีการร้องเรียนเกิดขึ้นหลายแห่ง ได้แก่ นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา, นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดกลุ่มนักศึกษาที่จบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล มหาวิทยาลัยปทุมธานี ก็พบปัญหาถูกนายจ้างเปลี่ยนตำแหน่งและลดเงินเดือน เพราะหลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรอง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ต้องเข้าไปเยียวยาหาที่เรียนใหม่ให้นักศึกษา และหามาตรการป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ขึ้นอีกนั้น
ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) รับทราบปัญหานี้ ตนวางแนวทางแก้ไขคือ มหาวิทยาลัยต้องหาสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารว่าอย่าเปิดหลักสูตรที่ไม่ผ่านการรับรองจากสภาวิชาชีพ และอย่าไปหลอกลวงประชาชน เพราะจะส่งผลกระทบให้นักศึกษาได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ จบแล้วเกิดปัญหาในการทำงาน สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ก็ได้เปิดเผยข้อมูลหลักสูตรต่างๆให้ผู้เรียนทราบ เพื่อจะได้เลือกเรียนหลักสูตรที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพ นักเรียนต้องสอบถามไปยังมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าเรียนโดยตรงว่า หลักสูตรวิชาชีพที่จะเรียนผ่านการรับรองจากสภาวิชาชีพแล้วหรือยัง โดยขอดูหลักฐานคือ จะต้องมีใบรับรองอย่างเป็นทางการก่อนสมัครเข้าเรียน กรณีการร้องเรียนที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาให้ กกอ.มีมติให้ยกร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องสิทธิของนิสิต-นักศึกษา เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคทางการอุดมศึกษา ส่วนมหาวิทยาลัยจะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงแก่นักเรียน ซึ่งกรณีหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลของมหาวิทยาลัยปทุมธานีนั้นค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นการโฆษณาเกินจริง เปิดสอนทั้งๆที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรองจากสภาการพยาบาล และหวังว่าจะได้รับการรับรองในปีถัดไป สุดท้ายก็ไม่ผ่านการรับรอง แบบนี้ถือว่าทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน ส่วนมหาวิทยาลับของรัฐก็จะต้องได้รับโทษทางวินัย.
http://www.thairath.co.th/content/edu/78696
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1046 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 13:33:03 » |
|
รีบจัดการก่อนจะมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียน
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1047 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 13:44:19 » |
|
เห็นลงข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ม.ปทุมธานี (อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้??) มีปัญหาเข้าข่ายหลอกลวงนักศึกษาเต็มๆ
ชี้ชัด ม.ปทุมฯ ลวงนักศึกษาโฆษณาเกินจริง การศึกษา-สาธารณสุข 24 เมษายน 2553 - 00:00
เลขาฯ กกอ.ปลุกจิตสำนึกมหาวิทยาลัยอย่าหลอกลวงประชาชน เตือน นศ.ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจก่อนเข้าเรียน โดยเฉพาะหากเป็นคณะที่องค์กรวิชาชีพต้องรับรอง ควรตรวจข้อมูลถึงแหล่ง ชี้ ม.ปทุมธานี โฆษณาเกินจริงหวังลวง นศ.เข้าเรียน ฯลฯ
อ่านข่าวเต็มฉบับได้ที่
http://www.thaipost.net/news/240410/21219
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1048 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 13:49:46 » |
|
ลองอ่านข่าวนี้.....
วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 11:13:47 น. มติชนออนไลน์
เผยผู้หญิงออกเดทเฉลี่ย 24 ครั้ง ก่อนพบ"ผู้ชายที่ใช่"
"เทเลกราฟ"รายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า UKdating.com เปิดเผยผลสำรวจกระทำต่อกลุ่มสำรวจจำนวนกว่า 2,100 คน ว่า ผู้หญิงอังกฤษจะออกเดทเฉลี่ย 24 ครั้ง ก่อนจะพบผู้ชายที่ใช่และเหมาะสมสำหรับพวกเธอ ขณะที่ 7 % ออกเดทถึง 41-60 ครั้ง
รายงานระบุว่า ในการออกเดทแต่ละครั้ง ประเมินผู้หญิงจะหมดเงินราว 85 ปอนด์ (หรือราว 4,250 บาท )ส่วนใหญ่หมดไปกับการทำผสม ชุดแต่งกาย ค่าเดินทาง และค่าอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ผลสำรวจพบว่า 1 ใน 3 จะถอนตัวเลิกเดททันที หากพบว่าพวกเธอออกเดทกับคนที่ไม่ใช่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1272168847&grpid=03&catid=
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1049 เมื่อ: 29 เมษายน 2553, 21:24:27 » |
|
ออกเดทครั้งแรก ตื่นเต้น เดินไม่ถูกเลยพี่เหยง โดนผู้หญิงแซวด้วย
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
|