Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องสุขภาพและความงาม => ข้อความที่เริ่มโดย: MahDee ที่ 02 พฤศจิกายน 2549, 14:34:42



หัวข้อ: รู้ทัน "เบาหวาน"
เริ่มหัวข้อโดย: MahDee ที่ 02 พฤศจิกายน 2549, 14:34:42
"เบาหวาน" โรคยอดฮิตในทุกครัวเรือน....

เบาหวานคืออะไร

เป็นชื่อของกลุ่มอาการจากความผิดปกติที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและถูกขับออกมาทางปัสสาวะเนื่องจากร่างกายขาดฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่ง คือ อินซูลินจากตับอ่อนที่ผลิตไม่พอใช้หรือผลิตแล้วใช้ไม่ได้ตามปกติ เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่นาน ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังในกรณีเรื้อรังจะไปทำให้หลอดเลือดเสื่อมเสียหายและทำลายอวัยวะส่วนปลายทาง เช่น ไต สมอง หัวใจ เป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ทำลายหลอดเลือดร่วมอยู่ด้วย

 น้ำตาล...ไปทำอะไรอยู่ในร่างกายของเรา

ปกติเมื่อคนเรารับประทานอาหารจำพวกข้าว แป้ง น้ำตาล เข้าไปในร่างกายเริ่มตั้งแต่ในปากจะมีการย่อยสลายอาหารกลุ่มนี้ออกเป็นหน่วยเล็กลงเรื่อย ๆ และเมื่อถึงลำไส้เล็กส่วนใหญ่ของหน่วยเล็ก ๆ เหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตเพื่อให้ร่างกายนำเข้าไปในเซลล์ของร่างกาย และเผาผลาญกลายเป็นพลังงานในร่างกายสามารถเคลื่อนไหว คิดและปฏิบัติกิจในชีวิตประจำวันได้โดยมีฮอร์โมนจากตับอ่อนที่เรียกว่า "อินซูลิน" เป็นสารช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์

ดังนั้นในกระแสเลือดของเราจะมีน้ำตาลอยู่เสมอแต่จะอยู่ในระดับที่พบดีสำหรับการนำไปใช้ที่เซลล์ของร่างกายคืออยู่ในช่วง 70-120 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เมื่อไรที่ระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรจะกรองน้ำตาลออกมาในปัสสาวะทำให้สามารถตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะได้
 
(http://variety.teenee.com/science/img3/5130.jpg)
 
อาการ...ของผู้ที่เป็นเบาหวาน

1. ปัสสาวะบ่อยและมาก ปัสสาวะกลางคืน

2. คอแห้ง กระหายน้ำ ดื่มน้ำบ่อย และมาก

3. หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด ผอมลง อ่อนเพลีย

4. เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่หายยาก

5. คันตามผิวหนังและบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์

6. ชาปลายมือปลายเท้าความรู้สึกทางเพศลดลง

7. ตามัว พร่า ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ

(http://variety.teenee.com/science/img3/5131.gif)
 
สาเหตุของเบาหวาน

ในชุมชนไทยมีโอกาสพบคนเป็นเบาหวานตั้งแต่ช่วงอายุ 13 ปีขึ้นไป โดยประมาณทั้งสิ้นถึงหนึ่งล้านเจ็ดแสนคน นอกจากนั้นยังพบว่าเมื่ออายุสูงขึ้นมีโอกาสเป็นเบาหวานได้ง่ายขึ้น ได้แก่ ประชากรระหว่าง 20-44 ปี จะพบประมาณร้อยละ 2-3 และอายะ 45-59 ปี ขึ้นไป อาจพบสูงถึงร้อยละ 10-12 สาเหตุของการเกิดโรคมีดังนี้

1. น้ำหนักเกิน ความอ้วน และขาดการเคลื่อนไหวออกกำลังกายที่เพียงพอ

2. กรรมพันธุ์ มักพบโรคนี้ในผู้ที่มีบิดา มารดา เป็นเบาหวาน ลูกมีโอกาสเป็นเบาหวาน 6-10 เท่าของคนที่พ่อแม่เป็นเบาหวาน

3. ความเครียดเรื้อรังทำให้อินซูลินทำงานนำน้ำตาลเข้าเนื้อเยื่อได้ไม่เต็มที่

4. อื่น ๆ เช่น จากเชื้อโรคหรือยาบางชนิด เกิดร่วมกับโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองหรือต่อมหมวกไต เป็นต้น

(http://variety.teenee.com/science/img3/5133.gif)
 
ผู้ใด...ควรจะสงสัยว่าตนเองเป็นหวาน

ผู้มีอาการของโรคเบาหวาน ผู้มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 40 ปี และผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อยในข้อใดหนึ่งต่อไปนี้

1. มี บิดา มารดา พี่ หรือน้อง คนใดคนหนึ่งเป็นโรคเบาหวาน

2. อ้วน โดยมีดรรชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 25

3. มีภาวะความดันโลหิตสูง

4. มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ไตรกลีเซอไรด์) มากกว่า 250 มก./ดล. เอช ดี แอล คลอเลสเตอรอล (HDL cholesterol) น้อยกว่า 35 มก./ดล.

5. มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือมีประวัติการคลอดบุตรที่น้ำหนักตัวแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม

6. มีประวัติหรือเคยมีประวัติน้ำตาลในเลือดสูงจากการตรวจเลือดโดยการงดอาหาร (Fasting Plasma Glucose) = 110-125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือตรวจวัดน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงหลังกินกลูโคส 75 กรัม ตรวจพบน้ำตาล = 140-199) มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

รู้ได้อย่างไร..ว่าเป็นเบาหวาน

ถ้าสงสัยว่ามีความเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง ให้ไปตรวจน้ำตาลในเลือดจากปลายนิ้วที่สถานบริการรักษาพยาบาลพื้นฐาน ก่อนไปตรวจจะต้องงดอาหารทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่าก่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ถ้าผลเลือดตรวจพบน้ำตาลมากกว่าหรือเท่ากับ 110 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ต้องสงสัยว่าเป็นเบาหวาน และสามารถรับประทานอาหารได้หลังการเจาะเลือด

แต่ถ้าสถานบริการใดไม่มีเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด ต้องตรวจน้ำตาลในปัสสาวะแทนให้ผู้รับบริการเตรียมตัวเก็บปัสสาวะ

ในการเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจทดสอบให้มีมาตรฐานที่ดีในการตรวจนั้น ควรปัสสาวะทิ้งหลังจากตื่นนอนตอนเช้าเสียก่อนแล้วจากนั้นดื่มน้ำตาม 1 แก้ว รับประทานอาหารเช้าแล้ว หลังอาหาร 2 ชั่วโมงจึงเก็บปัสสาวะส่งตรวจ และถ้ายังมีอาการน่าสงสัย แต่ตรวจไม่พบความผิดปกติจากการตรวจน้ำตาลในปัสสาวะให้ไปตรวจอีกครั้งจากสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลชุมชน เป็นต้น

เมื่อตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจคัดกรองข้างต้นแล้วสถานบริการพื้นฐานจะส่งตัวท่านไปวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานหรือไม่โดยแพทย์ ซึ่งจะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจากข้อพับแขนของท่านอีกโดยการเตรียมตัวเพื่อรับการตรวจเช่นเดียวกับการตรวจเลือดปลายนิ้วและจะวินิจฉัยว่าท่านเป็นเบาหวานเมื่อผลเลือดของท่านมากกว่า 126 มก./ดล.ขึ้นไปอย่างน้อย 2 ครั้ง

 
 

แหล่งข้อมูล: คู่มือดูแลตนเองเบื้องต้น เรื่องเบาหวาน "รู้ทันเบาหวาน"
สำหรับผู้เป็นเบาหวาน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข


หัวข้อ: รู้ทัน "เบาหวาน"
เริ่มหัวข้อโดย: LadyBamboo ที่ 02 พฤศจิกายน 2549, 14:42:37
แทงกิ้วนะมะดี  ที่ทำให้พี่รู้ว่าพี่ก็เป็นคนอินเทรนด์ในบางเรื่องกะเค้าเหมือนกัน ก็เรื่องนี้แหละ หุหุ :cry:


หัวข้อ: รู้ทัน "เบาหวาน"
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 02 พฤศจิกายน 2549, 18:16:52
ระวังตัวเยอะนะคะ พี่ไผ่ และพี่ๆคนอื่นๆ ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงกับโรคนี้ชื่อมันเพราะนะคะ แต่ร้ายนักหละ..คุณยายหนูเป็นโรคเบาหวาน เวลาเป็นแผลจะหายยากมากคะ ถ้าไม่เป็นโรคนี้คุณยายคงจะอยู่เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้หนูนานกว่านี้คะ หนูก้อต้องระวังเป็นพิเศษเพราะอาจจะเป็นกรรมพันธุ์คะ :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:  :cry:

ป.ล.รักคุณยายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกคะ :cry:  :cry:  :cry:


หัวข้อ: รู้ทัน "เบาหวาน"
เริ่มหัวข้อโดย: oatani ที่ 24 มีนาคม 2551, 11:32:45
อยากจะแนะนำอาหารเสริมตัวนึงอะครับ
ลองให้ญาติตัวเองทาน แล้วมันได้ผลดีมากกับระดับน้ำตาลในเลือด
ขนาดที่ มีญาติอยู่ 2 คน

คนแรกทาน ก่อนทาน 180 ทานไป 3 วัน 140 1 เดือน 118 เลย
อีกคน ไม่ทราบผล แต่รู้แค่ว่า ทานไป 3 วันเค้าเห็นผลน้ำตาลนี่
ขนาดที่ว่าอยากน้ำอัดลมมานานเนี่ย ต้องไปซื้อมาฉลองกินเลยอะครับ

แค่วันละ 10 บาทเท่านั้นเอง สนใจติดต่อหรืออยากทดลองได้นะครับ
สัก 5 วันรับรองผล กล้าท้าเลย

ติดต่อได้ที่ 086-368-9250 โอ๊ต
กริ้งมาได้ติดต่อได้ 24 ชั่วโมงเลยครับ