Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องวิชาการ ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: Samrotri2517 ที่ 19 มกราคม 2554, 15:17:05



หัวข้อ: กองทัพไทยควรมีเครื่องบินไร้คนขับปฏิบัติการลับได้หรือยัง??
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 19 มกราคม 2554, 15:17:05

                        กองทัพไทยควรมีเครื่องบินไร้คนขับปฏิบัติการลับได้หรือยัง??
                         โดยเวบเดลินิวส์ วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2554 เวลา 0:02 น
            http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=656&contentId=116342 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=656&contentId=116342)

                                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/lf9gbg-4e7da0.jpg)

         โลกในยุคโลกาภิวัฒน์ ยุคที่ข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน หน่อยกำลังรบจำเป็นต้องได้รับข่าวสารเป้าหมายได้ในปัจจุบันทันด่วน

        ในอดีตการบินลาดตระเวนตรวจการณ์ต้องใช้เครื่องบินที่มีนักบินควบคุม ซึ่งนอกจากจะมีต้นทุนในการดำเนินการสูงแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงอันตรายต่อตัวนักบินที่อาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอีกด้วย เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์มีความก้าวหน้ามากขึ้น  

        มีอุปกรณ์ นำร่องที่ทันสมัย อากาศยานไร้นักบิน (Unmanned Aerial Vehicle) หรือ UAV  จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1950 เพื่อภารกิจการลาดตระเวนหาข่าว
 
        เนื่องจาก UAV มีจุดเด่นในเรื่องไม่มีการสูญเสียนักบิน ประหยัดงบประมาณในการผลิต เป็นระบบที่ไม่ซับซ้อน มีขนาดเล็ก ทำการตรวจจับได้ยาก มีความคล่องตัวสูง ระยะเวลาบินไม่ขึ้นอยู่กับความเมื่อยล้าของนักบิน เพราะใช้นักบินภายนอก

        ดังนั้น UAV จึงได้ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยมากขึ้น และใช้ในภารกิจหลากหลายมากขึ้น เช่น การค้นหาเป้าหมาย เพื่อชี้เป้า และ ในอีก 14 ปีต่อมา (ค.ศ.1964) จึงมี UAV ของกระทรวงกลาโหมประเทศต่างๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งปี ค.ศ.1990 UAV จึงกลายเป็นเครื่องมือสำหรับสงครามในปัจจุบันและอนาคต เป็นเครื่องมือเฝ้าตรวจจากระยะไกลที่สามารถส่งภาพให้เห็นได้ในเวลาจริง สามารถลาดตระเวน ติดตาม ค้นหาเป้าหมาย เปรียบเสมือนกองทัพมีหูทิพย์ ตาทิพย์  
 
        UAV มีหลายประเภท ระยะใกล้ เรียกว่า เครื่องบินลาดตระเวนและนักบินระยะใกล้ 50 ก.ม. และ สำหรับภารกิจระยะไกล เช่น พรีเดเตอร์ของสหรัฐอเมริกา ใช้ในภารกิจลาดตระเวนหาข่าวและส่งภาพในเวลาจริงในระยะกว่า 500 ไมล์ จนถึงปลายปี ค.ศ. 1990 ได้มีการรวม เครื่องบินลาดตระเวนและนักบินระยะใกล้เข้าด้วยกัน เป็น UAV ยุทธวิธี เพื่อเป็นเครื่องมือของผู้บังคับหน่วยในสนามใช้ในการตรวจการณ์หาข่าวและส่งภาพได้ในเวลาจริงหรือใกล้จริงในระยะ 200 ก.ม.
 
        สรุปได้ว่า UAV มีภารกิจหลัก คือ การลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ และการค้นหาเป้าหมาย ดังนั้น UAV จะต้องมีความสามารถ

        ด้านข่าวกรองภาพถ่าย (Image Intelligent) สามารถรายงานภาพภารกิจหรือสามารถค้นหาเป้าหมายในเวลาจริง (Real Time) หรือใกล้เวลาจริง (Near Real Time) สามารถปฏิบัติภารกิจในเวลากลางคืน สามารถกำหนดแผนการปฏิบัติการได้ล่วงหน้าไม่ว่าด้านการถ่ายภาพถ่ายทอดสัญญาณ วีดีโอ และภาพถ่าย หรือการบิน สามารถบ่งบอกพิกัดของเป้าหมาย หรือ กำหนดพิกัดบนแผนที่เพื่อค้นหาเป้าหมายโดยอัตโนมัติได้

        ส่วนประมวลผลเพื่อใช้งานในส่วนนี้ จะประกอบด้วย ส่วนควบคุมภารกิจทางการบิน และระบบภูมิสารสนเทศ  ส่วนถ่ายทอดสัญญาณวีดีโอและภาพถ่าย

        โปรแกรม ของ Payload ระบบของ UAV จึงต้องมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ  
 
1.ระบบตัวยาน (Airframe) ประกอบด้วย ปีก (มิติ รูปร่าง แพนอากาศ) ลำตัว สัดส่วนแรงยกต่อแรงต้าน การจำแนกมวลตามโครงสร้างการบิน ระบบต้นกำลัง (เครื่องยนต์ ใบพัด เกียร์ทด ชุดควบคุมความเร็ว) แบตเตอรี่ ระบบควบคุม เงื่อนไขสำคัญๆ ในการออกแบบคือ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลายรูปแบบ ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก บรรทุกสัมภาระได้มาก ระบบขับเคลื่อนที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ สามารถใช้งานติดต่อกันได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน สร้างง่าย ราคาต่ำ ต้องการบำรุงรักษาน้อย มีความคงทนแข็งแรง สามารถใช้งานได้ยาวนาน สามารถปฏิบัติงานได้หลายลักษณะพื้นที่ สะท้อนสัญญาณตรวจจับในระดับต่ำ  เพดานบินสูง พิสัยบินไกล บินได้นาน ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและเหมาะสมกับภูมิประเทศ ใช้เวลาน้อยในการสร้างความพร้อมเพื่อปฏิบัติการ
 
2.ระบบสื่อสารระหว่างตัวยานบินกับสถานีควบคุมภาคพื้นดิน เป็นหัวใจหลักของการทำงานของ UAV การสื่อสารในแนวสายตา มีความโค้งของผิวโลกเป็นอุปสรรคที่สำคัญเนื่องจากทำให้มีสัญญาณรบกวน และสัญญาณแทรกสอดค่อนข้างสูง ทั้งจากธรรมชาติ ของพื้นผิวโลก ทะเลสูง โดยคงทนต่อสัญญาณแทรกสอด คงทนต่อการรบกวนที่ไม่เจตนาจากอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ เช่นการรับส่งวิทยุของเรือประมง การสื่อสารดาวเทียมเชิงพาณิชย์ หรือคงทนการรบกวนโดยเจตนา
 
         หน่วยกำลังรบ มีความต้องการใช้ เครื่องบินตรวจการณ์ขนาดเล็ก ควบคุมจากระยะไกล โดยไม่ใช้นักบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรวบรวมข่าวสารเป้าหมายที่ถูกต้องเชื่อถือได้ ทันเวลา สามารถตรวจจับค้นหาเป้าหมาย พิสูจน์ทราบ และกำหนดที่ตั้งเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง ทันด่วน เพื่อการทำลายข้าศึกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ทั้งยังสามารถประเมินผลเสียหายทางยุทธวิธีดีที่สุด

        แต่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศในราคาแพงซึ่งทั้งระบบมีราคาเกือบ 500 ล้านบาท ประกอบด้วย
 
-ตัวเครื่องบินเล็ก UAV และเครื่องบินเล็กฝึกบินแบบย่อส่วนอุปกรณ์ติดตั้งบนเครื่องบินเล็ก ได้แก่ กล้องโทรทัศน์เวลากลางวัน และเวลากลางคืน ชนิดอินฟราเรด กล้องถ่ายภาพนิ่ง เครื่องบันทึกภาพวีดีทัศน์

-อุปกรณ์ควบคุมภาคพื้น ประกอบด้วย สถานีควบคุมภาคพื้นที่มีตู้ควบคุมติดตั้ง GCS พร้อมเครื่องควบคุมอุณหภูมิ
 
สถานีเชื่อมต่อสัญญาณข้อมูล มีตู้ควบคุมติดตั้งพร้อมระบบระบายอากาศรถยนต์บรรทุก 10 ตัน สถานีควบคุมแบบเคลื่อนที่ได้/ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาด 31 กิโลวัตต์ ติดตั้งบนรถพ่วง/รวมทั้งอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้น เช่น เครื่องวัดสำหรับเครื่องยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตู้บรรทุกเครื่องบินเล็ก ชิ้นส่วนซ่อม อุปกรณ์จัดเตรียมแผนที่ระบบDigital
 
         จะเห็นได้ว่า เครื่องบินอากาศยานไร้นักบินเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพ หากประเทศใดมีไว้ใช้จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารเป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่กองทัพไทยจะได้มีโอกาสใช้เครื่องอากาศยานไร้นักบินที่มีประสิทธิภาพนี้หรือไม่....? ? ?

                    อุบล  ชาญปรีชาสมุทร  รายงาน

                           emo43 emo43 emo43

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

                   (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/lf9hql-ccd2be.jpg)

        สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี่แห่งชาติ : สวทช.ของเรา ต้องพัฒนาเทคโนโลยี่ของเราให้การก้าวสู่ยุคไฮเทค ด้วยการพัฒนาจากทรัพยากรบุคคลในชาติของเราเอง จุฬาฯของเราก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทำได้

                            emo28:win: emo28:win: emo28:win: