Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องแสงทองของชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุจฉา ที่ 12 กรกฎาคม 2550, 08:00:33



หัวข้อ: ลูกติดเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุจฉา ที่ 12 กรกฎาคม 2550, 08:00:33
นมัสการค่ะ


ลูกชายอยู่มหาลัยปีสอง   ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ทานข้าวเย็นกับเพื่อนอาทิตย์ละ 6 วัน

ว่างอยู่ที่บ้าน chat กับเพื่อนทาง msn   เวลาที่เหลือนอนตื่นเที่ยง หรือบ่ายสอง

บางครั้งกินเหล้ากลับบ้าน  ตัวเหม็น ห้องเหม็นทั้งห้อง  
บางครั้งเพื่อนกลับมานอนที่บ้านด้วย
และเคยขอไปนอนบ้านเพื่อนบ่อยๆ  แต่ไม่ได้อนุญาต  เค้าถามว่าแม่จะหวงไปทำไมนักหนา
ผมไม่มีอิสระเลย  เพื่อนเช่าคอนโดอยู่กันเอง ลูกบังเกิดเกล้าบอกว่า ผมอยากมีอิสระอย่างนั้นบ้าง
แม่ไม่ต้องห่วงผมรับผิดชอบการเรียนของผม (อย่างที่แม่ต้องการ???)  

ทุกครั้งที่คุยกันดีๆ เลยกลายเป็นว่า ผมจะทำสิ่งที่แม่ต้องการ เรื่องเรียน
 แม่ก็งง ไม่รู้ว่าชีวิตของใครกันแน่     แต่แม่ต้องให้อิสระผม  
 เค้าพูดว่า แม่กับพ่อยิ่งบอก  ผมยิ่งไม่อยากทำตาม       ผมโตแล้วครับ

กรรมเวรอะไร :?:  :?:  :?:  :?:   ตอนเป็นลูก ดิฉันทำตัวเป็นลูกที่ดี(กว่านี้)ค่ะ  


หัวข้อ: Re: ลูกติดเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: วิสัชนา ที่ 13 กรกฎาคม 2550, 18:34:11
อ้างจาก: "ปุจฉา"
นมัสการค่ะ


ลูกชายอยู่มหาลัยปีสอง   ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ทานข้าวเย็นกับเพื่อนอาทิตย์ละ 6 วัน

ว่างอยู่ที่บ้าน chat กับเพื่อนทาง msn   เวลาที่เหลือนอนตื่นเที่ยง หรือบ่ายสอง

บางครั้งกินเหล้ากลับบ้าน  ตัวเหม็น ห้องเหม็นทั้งห้อง  
บางครั้งเพื่อนกลับมานอนที่บ้านด้วย
และเคยขอไปนอนบ้านเพื่อนบ่อยๆ  แต่ไม่ได้อนุญาต  เค้าถามว่าแม่จะหวงไปทำไมนักหนา
ผมไม่มีอิสระเลย  เพื่อนเช่าคอนโดอยู่กันเอง ลูกบังเกิดเกล้าบอกว่า ผมอยากมีอิสระอย่างนั้นบ้าง
แม่ไม่ต้องห่วงผมรับผิดชอบการเรียนของผม (อย่างที่แม่ต้องการ???)  

ทุกครั้งที่คุยกันดีๆ เลยกลายเป็นว่า ผมจะทำสิ่งที่แม่ต้องการ เรื่องเรียน
 แม่ก็งง ไม่รู้ว่าชีวิตของใครกันแน่     แต่แม่ต้องให้อิสระผม  
 เค้าพูดว่า แม่กับพ่อยิ่งบอก  ผมยิ่งไม่อยากทำตาม       ผมโตแล้วครับ

กรรมเวรอะไร :?:  :?:  :?:  :?:   ตอนเป็นลูก ดิฉันทำตัวเป็นลูกที่ดี(กว่านี้)ค่ะ  


วิสัชนา...

ธรรมชาติของคนทุกคน (แม้แต่ตัวคุณเอง) อยู่ตรงไหนมีความสุขก็มักจะอยู่ตรงนั้น ไปตรงนั้น

บางครั้งก็ต้องหันกลับมามองดูว่า..บ้านของเราให้ความสุขกับลูกไหม

ความสุขไม่ใช่เพียงแค่วัตถุ บ้านหลังใหญ่ สระว่ายน้ำ สวนญี่ปุ่น ข้าทาสบริวาร

ความสุขหมายถึงความเข้าใจกันของคนในบ้าน

เคยเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของลูกบ้างหรือเปล่า

หรือว่าตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่มีแต่ยัดเยียดความคิดต่างๆ ใส่ลงไปในศรีษะของลูก

ไม่เคยสนใจเลยว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทับถมกันนานเกินไป จะกลายเป็นตะกอนแห่งความไม่เข้าใจกัน

ประตูใจของลูกก็จะเริ่มปิด เมื่อพ่อแม่เดินเข้ามาใกล้

แม้ภายนอกจะไม่โต้แย้งหรือคัดค้าน เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ สุดท้ายพ่อแม่ก็ชนะอยู่ดี

แต่ความคิดความเห็นต่างๆ ที่พ่อแม่พร่ำสอนไปนั้นก็จะถูกกองอยู่หน้าประตูใจ

เข้าไม่ถึงใจเขาหรอก เพราะประตูนั้นถูกปิดตายซะแล้ว

ที่แย่ไปกว่า ประตูนั้นดันเปิดรับความคิดเห็นของเพื่อนๆ ที่มีวุฒิภาวะไม่ต่างกันเท่าไร

หากมีเพื่อนดีก็ดีไป หากคบเพื่อนไม่ดี อะไรจะเกิดขึ้น?

พ่อแม่ต้องหันกลับมาดูแล้วว่า ขณะนี้หน้าประตูใจของลูกเขียนว่า "เขตปลอดบุพการี" หรือเปล่า

หากเป็นอย่างนั้น ก็ต้องทำให้ลูกเปิดประตูใจยอมรับเราให้ได้

วิธีเปิดประตูที่ถูกปิดตายมาหลายปี ..ยากมาก อันนี้ต้องคุยกันหลังไมค์

เมื่อประตูใจเปิด มันก็ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจกัน

คนเราหากยอมเปิดใจคุยกัน จะบอกจะสอนจะเสนอเเนะอะไร..ก็ไม่ยาก

ไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ลูกหรอกนะ แม้ในทางธุรกิจหน้าที่การงาน..ก็สามารถลุล่วงไปได้

ฉะนั้น..ขอเตือนคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นมือใหม่หัดขับ..กำลังหัดมีลูก

เลี้ยงลูก..อย่าให้ประตูใจปิด ประตูใจของลูกต้องเปิดรับพ่อแม่เสมอ

หากเรารับฟังเขา เขาก็จะรับฟังเรา

หากเราไม่รับฟังเขา วันหนึ่ง..เขาก็จะไม่รับฟังเรา