Cmadong Chula

ลองดูนะน้องๆ คนละไม้คนละมือ ตายสิบขอให้เกิดแสน(เกี่ยวกันไหมนี่)

http://www.wechange555.com/wechange/index.php

เดี๋ยวนี้ป.ปลา ก็ลดการใช้ถุงพลาสติก หรือเอามาใช้ใหม่
แยกขยะก่อนทิ้ง  ก็ทำหลายอย่างค่ะ  :D

สงสารโลกจัง คงดำมากกกแล้ว  :lol:  :lol:

ร้อนโลกร้อนอย่าร้อน    ที่จิต
ร้อนโลกก่อนทำคิด       หยุดได้
ร้อนจิตทุกข์เกิดผิด       แก้บ่ ยากนา
ร้อนนอกบ่ร้อนใน          แค่นี้สุขทวี :lol:  :lol:  :lol:

ตอนนี้เราก็เริ่มติดโรคยายซิ่มแล้ว
เวลาไปซื้อขนม จะไม่ให้เค้าใส่ถุง ถือเอง
ปิดไฟที่ไม่ใช้ อาบน้ำวันละครั้ง ฮ่าๆๆๆ  :lol:  :shock:

อันอื่น OK นะหล้า แต่อาบน้ำครั้งเดียวนี่ให้ซิ่มมันทำไปคนเดียวเหอะ 8)

อาบน้ำวันละครั้ง พอคบได้
แปรงฟันวันละครั้ง คบไม่ไหวนะหล้า  :?

หายห่วง เราคบได้ ไม่เหม็น  :lol:  :lol:

วันนี้ซื้อโลชั่นทามือมา ก็บอกว่าไม่เอาถุงด้วยล่ะ  :D

Psst,Nong Plaa,
p.ning had to devide/seperate the garbage every 2 weeks!!!
from the beginning it was hard but then she get use to it.
she uses a cotton bags when she has to shop food.
Do you know where all seperated garbage gone??
they ship it to China to melt it to a recycle plastic.
good night ja.
p.coolworld

ดีใจที่คุณ ๆ เริ่มห่วงโลกเหมือนกัน น้องที่ห้องเรานะบอกว่า ถ้าเราทำคนเดียวจะช่วยอะไรได้ คนอื่นเค้าก็ไม่ได้มาทำ(เพื่อโลก) กันหรอก เซ็งเลย.... ก็ทำเท่าที่เราทำได้แหละ

งั้นเรามานำเสนอแนวทางแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ
เริ่มง่ายๆ ที่ตัวเรา ขยายวงกว้างออกไปสู่เพื่อนๆ ที่คนยังไม่ทำกันก็เพราะคิดว่า "คนอื่นเขาก็ไม่ทำกัน" นี่แหล่ะ เพราะงั้น เรามาเริ่มกันเป็นกลุ่มแรกกันเถอะ

ตอนนี้ บ้านเรา (หมายถึงห้องที่เราอยู่กับอ๋อ) มีนโยบายดังนี้
1. งดรับถุงพลาสติกตามร้านสะดวกซื้อ เวลาไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม ขนมนมเนย แล้วไม่เยอะมาก เราก็ไม่เอาถุง เพราะกระเป๋าเราใบใหญ่อยู่แล้ว

2. พกกระติกน้ำสำหรับไปซื้อน้ำ ทุกวันเรากับอ๋อจะต้องไปซื้อชาเย็นเจ้าประจำกิน 1 วันก็แก้วพลาสติก 2 ใบเข้าไปแล้ว เราเลยคิดกันว่าจะซื้อกระติกน้ำมา แล้วถือไปใส่น้ำเอา ถ้าเรา 2 คนทำ เดี๋ยวคนอื่นเห็นก็คงจะทำตาม เดี๋ยวจะพกมามหาลัยด้วย คอยดู 8)

3. เอากระเป๋าผ้าไปจ่ายของที่ super ที่ปากซอยบ้านเรามี Vılla Super เดินไปซื้อของเป็นประจำ ต่อไปนี้เราจะเอาถุงผ้าไปใส่ของเวลาซื้อของคราวละเยอะๆ จะได้ไม่ต้องขอถุงพลาสติก ถุงผ้าดิบสวยๆ ใบละไม่กี่บาทเอง ใช้ได้นานและทนด้วย

ตอนนี้เรามี ıdea ว่า ห้างใหญ่ๆ หรูๆ อย่างพารากอน หรือเอ็มโพเรียมทำไมถึงไม่ทำถุงจ่ายตลาดออกมาขาย แบบที่ Harrod หรือถุงผ้าที่ฮ่องกง (ที่มีลายว่า I'm not a plastic bag) เราว่าขี้คร้านคนจะแย่งกันซื้อ ไม่ต้องขายแพงขนาดใบละพันก็ได้ ถุงผ้าลายเก๋ๆ ตอนนี้คนกำลังเฮ่อกระแสโลกร้อน เดี๋ยวก็มีคนไปซื้อ แล้วพวกคนรวยขับรถหรูๆ มาซื้อของทำไมไม่ติดถุงผ้ามาซักใบ จะได้ไม่ต้องรับถุงพลาสติก  :?

ใครรู้จักคนใหญ่คนโต ช่วยเราขายไอเดียหน่อยนะ (ยัยปาร์ บอกการบินไทยทำสิ หุหุ)

ไม่ได้เข้ามานานมาก กระทู้นี้ชอบมาก

นี่ๆที่อังกฤษ ในซุปเปอร์มาร์เก๊ตอย่าง Tesco เค้ามีถุง shopping bag ขายอ่ะ เป็นลายดอกๆน่ารักดี แบบข้างล่างเนี่ย แค่ 20 pence หรือ 14 บาทเอง ถ้าใช้ ก็จะได้สะสมแต้มด้วย ลุงๆ ป้าๆ ที่นี่ใช้กันจนเปื่อยเลย เราก็ใช้เป็นประจำอ่ะ

ส่วน Marks & Spencer ก็มีนะ อันนี้จะดู hiso หน่อย สีดำๆ แต่ไม่แพงเลย แต่ว่าเราได้ฟรีอ่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปช้อปที่นั่นหรอก เนื่องจากข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ in other words คือ จน นั่นเอง

(http://img129.imageshack.us/img129/248/dscn2124eq1.th.jpg) (http://img129.imageshack.us/my.php?image=dscn2124eq1.jpg)

ปอยส่งมาให้เพื่อนๆบ้างก็ได้นะช่วยโลกอะ :oops:

ช่วยโลกหรืออยากได้ ตริ:lol:

เราก็ไม่ค่อยใช้ถุงพลาสติกเหมือนกัน เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องโลกร้อนแล้วยังไม่เพิ่มภาระในการหาถังขยะในเมืองหลวงที่อยู่ในมาตรการรักษาความปลอดภัย อันส่งผลให้ถังขยะหายากมากๆ

เรื่องไม่ใส่ถุง(พลาสติกจ๊ะ) เนี่ยะ เคยทะเลาะกะพี่ที่ทำงานด้วย(ตามระเบียบ) เพราะเราอธิบายเค้าว่าถือได้ ก็ไม่ไต้องใส่ถุง แต่เค้าบอกว่ามันไม่สะดวก เราก็บังคับไม่ให้เค้าใส่ถุง เค้าก็ว่าเราว่าจะอะไรกันนักกันหนา โลกร้อนก็เปิดแอร์ซิ

เราเลยได้รู้ว่า พวกเราต้องช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้กันอีกเยอะเลย เพราะขนาดคนที่ทำงานออฟฟิตหรูหรา ยังไม่มีความรู้หรือความตระหนักเรื่องโลกร้อนเลย

เราเอาใจช่วยเรื่องนี้มากๆเลย อินมากๆ มาทำงานตอนเช้าก็จะเปิดเพลง โลกสวยด้วยมือเรากล่อมที่ทำงานทุกเช้าเลยแหละ

อะไรที่พอจะช่วยได้ก็จะช่วยกันไป

ปล. เราไม่เปิดแอร์นอนมาเกือบปีแระ นอกจากช่วยโลกได้แล้ว ค่าไฟที่ห้องก็ไม่เคยเกินเดือนละ 300 บาทเลยหละ ประหยัดมากๆ สามารถเอาแบบอย่างได้นะจ๊ะ (แต่ตื่นมาหน้าจะมันมาก เพราะร้อนค่ะ)

Nong Coco,
applaud for your great idea...air condition make people sick...the body should adapt to the warm weather..by move slowly,do any work slower....ventilator naka...or,wear less thing on your body..herr,herr :twisted:  :twisted: I would not say"be naked"in bed cause  the people will weiiiiiii...p.ning talueng!
p.nn

เดือนนี้ค่าไฟเราลดไปเยอะเหมือนกัน
เพราะไล่ปิดเล็กๆ น้อยๆ หมดเลย อย่างเมื่อก่อนจะนอนดูทีวี พอจะนอนก็ใช้รีโมทปิดเอา แต่ตอนนี้ต้องปิดสวิตช์ที่ทีวีเลย พวกปลั๊กพ่วงที่มีฟิวส์ แบบที่มีสวิตช์ปิดเปิด ก็ปืดถ้าไม่ใช้

ตอนนี้ถึงขั้นเข้าห้องน้ำตอนกลางวันไม่เปิดไฟแล้วด้วย...ช่วยโลก ช่วยชาติประหยัดพลังงาน (จริงๆ ก็คืองกด้วยแหล่ะ  8) )

ใครมีวิธีดีๆ กว่านี้อีก มาบอกด้วยนะ

อันนี้ติดมาจากที่ทำงานเก่าอ่ะ เค้าจะแยกขยะเป็นจริงเป็นจังมากกกก ล้างทุกประเภท ตากให้แห้ง แยกละเอียด แล้วก็ขายได้ จากที่เคยสร้างขยะวันละ 200 กก. ลดเหลือ วันละประมาณ 20 กก. เอง

ตอนลาออกใหม่ ๆ ก็อินมาก ล้างหมด ถุงพลาสติก โฟม กระป๋อง แล้วก็ไปกองไว้ข้างถังขยะใต้ตึกให้คนเก็บขยะ ปรากฏ ป้าที่อยู่บ้านตรงข้าม เดินมาเอาขยะเราทิ้งถัง แล้วเก็บถุงไปใช้อึ้งค่ะ  เลยเปลี่ยนใหม่ เก็บเฉพาะ กระดาษกับพลาสติกไปวางแยกให้แม่บ้านที่หอแทน เค้าก็เอาแต่ขวดแล้วทิ้งที่เหลือหมด ตอนนี้ก็เลยเก็บมาหป้าแม่บ้านที่คณะแทน

ไม่รู้ว่าบ้าไปรึป่าว แต่ทำแล้วมันสบายใจ เวลาป้าเห็นหน้าเรา เค้าก็จะขอบใจทุกครั้ง เพราะขยะเรากลายเป็นเงินพิเศษให้ครอบครัวเค้า แก้วพลาสติกเราก็ล้างนะ มันขายได้นะ เราเห็นป้าล้าง เลยทำบ้าง

อืมท่าทางจะต้องเอาอย่างซะแล้วเอามาให้พี่ รปภ. ใต้ตึกที่ทำ lab

เดือนตุลาคมนี้ จะมีหนังน่ารักๆ แนวสารคดี
เรื่อง Arctic tale
เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของสัตว์  2 ชนิด ที่อาศัยอยู่แถบขั้วโลก
ว่าพวกมันจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เมื่อแผ่นน้ำแข็งเริ่มละลายมากขึ้นเรื่อยๆ

ว่างๆ จะเอารูปมาลงให้ดูนะจ้ะ :wink:

ดี ๆ อยากดู

วันนี้ไปตลาดนัด เด็กป.ตรี มานั่งร้องเพลงเพื่อเอาเงินไปทำกิจกรรมต้านโลกร้อน ดีจัง แต่ชั้นน่ะไม่ดี เพราะไม่ได้ให้เงิน ได้แต่ยืนดู แล้วก็จากไป

ถ้าแกลองให้เงินไปซิ...

โลกจะได้ระเหิดหายไปในอวกาศทันที

:?:

ถูก

 :lol:

Mae!! Though i'm stingy, i choose situation to be na.

ก็เห็นแกเลือกมันทุกสถานการณ์
ไม่มีข้อยกเว้นเลย

ถูกกกก !!!!  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ใช้คำว่าถูก!!! บ่อยๆ
เดี๋ยวโลกร้อนนะ  :x

มันเกี่ยวกันด้วยเหรอเอ๋อ.... :shock:

555 ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะ

แน่นอน 8)

เย้!!! ในที่สุด เมืองไทยก็เริ่มกระตือรือร้นกับปัญหาโลกร้อนแล้ว
วันนี้ดูรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง
เขาบอกว่ามีถุงผ้าขายแล้วนะ
เขียนว่า "say no to plastic bag" และ "stop global warmimg"
ขายใบละ 100 ที่ซีเอ็ดบุคส์ แล้วก็ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

ไปซื้อใช้กันดีกว่า ไม่แพงด้วย หุหุ  :lol:

ร้อนได้อีก กลับไปที่บ้านมาร้อนมากกกกกกกกกกกกก

นอกจากลดใช้ถุงพลาสติกแล้ว  ขอแนะนำให้พกกระติก/กระบอกน้ำแทนการซื้อน้ำขวดกิน อาจจะเป็นภาระ แต่มันช่วยได้นะ

แล้วเอาน้ำที่ไหนมาเติมอ่ะน้องปอ น้ำฝนมันดื่มไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ชั้นกะว่าจะรณรงค์ร่วมมือกันบริจาคขี้เถ้า
เอาไปกลบพระอาทิตย์ให้พอทุเลาร้อนได้บ้าง 8)

รายนี้ก็ขำได้อีก  :lol:  :lol:

จะกลบยังไงอ่ะพี่วอร์ม ผมว่ายิงให้ดับไปเลยดีม่ะ

ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ชั้นประสานงานกัทีมงานบุญบั้งไฟ ที่ประเทศเราแล้ว

เค้าจะประกอบยานให้เรา แล้วส่งไปที่ดวงอาทิตย์

แล้วก็มีหุ่นยนต์เป็นคนตัก ขี้เถ้ากลบดวงอาทิตย์

แล้วจะไปเอาขี้เถ้าที่ไหน ที่แม่จั๊ว คงไม่พอมั้ง :lol:  :lol:

ก็กำลังจะขอรับบริจาคอยู่นี่ไง

แถวบ้านชั้นเค้าคงให้ไม่ได้หรอกเพราะต้องเก็บไว้เผาถ่าน

ฮามากกกก :lol:  ไอเดียสุดยอดครับวอร์ม เฮ้ย พี่วอร์ม :lol:  :lol:  ยังไงก็รักษ์โลกใบนี้ด้วยกันเน้อ

แหม..
วอร์ม เฉยๆก็ได้คับน้อง.. พี่ไม่ถือ... :lol:  8)

ก็แห่ระเบิดอีกซักรอบ รับรองได้ชัวร์

ค่า จากโลกร้อน มันจะไปไกลถึงพระอาทิตย์แล้วนะ

ก็นั่นน่ะ ตัวกำเนดความร้อน ขนาดใหญ่ตัวจริง

ดลกเราอุตส่าห์มาอยู่ตั้งไกลละ ยังจะหือ อีก.... เดี๋ยวปั๊ด เหนี่ยว

แหมคนตลกยังไงก็ตลกวันยังค่ำนั่นแหละพี่วอร์ม

ชั้นก็ว่ายังงั้นแหละ ซิ่มนี่ตลก ทั้งครอบครัวจิงๆ :lol:

อืม... เราว่าพี่วอร์มก็ตลกนะ  :lol:  :lol:

เฮ้อ...คนตลกดีนี่นะ
เราสิ...เป็นคนซีเรียส
เฮ้อ... :(

แกเข้าใจผิดแล้วหละ

ชั้นเครียดว้อย 8)

พี่ก็เครียด

ถ้าพี่เครียดคนทั้งโลกคงไม่มีใครหัวเราะได้แล้วล่ะ :lol:

หนูก็เครียดเหมือนกันค่ะ
ไม่รู้จะตกงานอ่ะเปล่า เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ กลางเดือนหน้ารู้ผลค่ะ  :cry:  :x

เป็นกำลังใจให้ได้ หรือให้ตก

หัดเข้าใจอะไรง่ายๆ หน่อยดิ

understand what??
ash to cover the sun?
or a racket with robot to the sun?
there is cool now...20 celcius daily....
cool is sometimes not right you have to wear a thick outfit look like a polar bear!
p.get it

แล้วไง :!:  :!:

แล้วเหรอ

No,still not.
p.nn

ผลการวิจัยจากสถาบัน UNNB (United Nations of Nian Behevior)

การเนียน...ทำให้โลกร้อนมากกว่าสูบบุหรี่สามมวน 8)

But your finger show only two!!
p.nian sula

ตอนนั้นนึกว่าเค้านับนิ้วที่ไม่ได้ชูอ่ะ

A toe??
p.nn

ถ้านับ ก็เกินคับ 8)

your tongue??
p.nn

โป้งนางก้อย ไงคับที่ไม่ได้ชู

Oh,how hot!
p.cold

เค้าพูดเรื่องนิ้วกันใช่ม่ะทุกคน 8)

No,about meatball!!
p.nn

พี่สองคนเนี่ย มีโลกส่วนตัวมากเลยนะ

อไรของแกซิ่ม

She talks about private affair...
p.nn

ตอนนี้หลาย ๆ กระทู้จะมีแต่พี่หนิงกับพี่วอร์ม   :lol:  :lol:  :lol:

ดีครับไปเหงาดี

Veevee,
that...is...not.....our....intention!!
p.nn

พิมพ์ผิดครับพี่หนิงขอโทษด้วยครับ จะพิมพ์ว่าไม่เหงาดีอ่ะครับ

 :roll:

แต่ชั้นเหงามาก

อยากกินส้มตำ

เกี่ยวมั้ยเนี่ย

I want to eat..guey jabb...
p..nn

อย่าพูดพี่
ท้องร้องเลยอ่ะ

I think of Yam...any spicy yam such as:
yam moo yor
yam thale
yam mamueng
yam pradook
yam...
yam...
p.nn

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000107372

น่าจะเกี่ยวกับโรคร้อนนะ  :wink:

ป่ะ อยากเหมือนกันอยากกินตำปูปลาร้าอ่ะ

ขอบคุณพี่ชาร์ป ที่นำพาทุกคนกลับคืน topic

โลกร้อน ไม่ดีเลย
ทำให้เป็นสิว

Dark skin too...
get a sunspot...
get sooner wrinkle...
p.nn

อยากกินปากเป็ดทอดด้วย ป่ะ ว่างๆ ไปกัน  :D

หิว...ง่วง...เครียด

โลกร้อน- - -ก้นเราก็ร้อน

มีพรีเซ้นท์วันจันทร์
ไม่ไหวแล้ววววววววววววววววววววว  TOT"
(เข้ามากรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!)

แล้วเธอก็ออกไป

ใครกรี๊ดเนี่ย
แสบหูมาก :evil:

veevee did it...
p.nn

heal the world
make it a better place
for you and for me and the entire human race

ดูดี มีสาระ ท่องนานมั้ย กว่าจะได้ขนาดนี้

เนื่้อเพลงไง

ไม่รุ้จักเหรอ
ไม่ต้องท่อง มันจำอยู่ในใจโว้ย

แล้วก็ทำอยู่ตลอดเวลา

greenpeace??
p.nn

worldpeace ไง

เอ๊ ไม่ใช่ๆ

Heal the World ตะหาก

Don't make up yourself like him nayaaaa...thriller!
p.nn

Paragon มีถุงผ้าขายที่ gourmet ล่ะ
ใบละ 70 บาท สวยอยู่

แต่ที่แคชเชียร์ยังมีถุงพลาสติก คราวนี้เป็นสีเขียว
บอกว่าย่อยสลายได้ จริงรึเปล่าน่ะ??

ตั้งใจจะไปซื้ออยู่ เห็นว่ามันใหญ่ดี จุได้เยอะ
แล้วก็แบบเก๋  :D
ส่วนถุงสีเขียว ย่อยได้จริงๆ ชั้นไปพิสูจน์มาแล้ว(ด้วยการกิน:::บร้า ใครจะทำอย่างนั้น)
เป็นถุงย่อยได้เร็วขึ้นกว่าถุงพลาสติกทั่วไปน่ะ   :D

ที่แกว่าใบใหญ่น่ะ ใบสามเหลี่ยมๆ ผ้าดิบหนาๆ รึเปล่า
นั่นใบละ 300 ย่ะ
ที่ขาย 70 น่ะใบกลางๆ ไซส์มาตรฐาน เล็กกว่าของศูนย์หนังสืออีก

วุ๊ย... 300 เชียว
ก็ได้ ชั้นจะซื้อ (แต่ไม่รู้จะแบกมาซื้อของรึเปล่า)  :lol:  :lol:

ไม่ใช่ 300 เชียว
แต่รู้สึกจะ 399 เชียวแหล่ะ

ฉันว่าแกเย็บเอาเองได้นะ ของอย่างเง๊  :lol:

อ๊าววววว   ไหงไม่บอกราคาให้หมดล่ะยะ
เรื่องเย็บเดี๋ยวต้องไปดูแบบก่อน ถ้าเย็บได้ก็เย็บเองดีกว่าเนอะ  :wink:

ถ้าเย็บเองก็ต้องระวังถุงขาดหน่อยนะค่ะ เดี๋ยวกลับถึงบ้านได้ของไม่ครบจะยุ่งเลย

ผมป่าววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

วี ช้าไปละ

ตั้งนานละ

ที่ย่อยเร็วกว่าหน่อย จาก 100 ปี เป็น 90 ปี รึป่าว

ถุงย่อยเร็ว...
ซื้อของแล้วต้องรีบกลับบ้าน

เดียวถุงหายไป ของตกหมด

which sort??
399 or 90??
p.nn

พี่หนิง หนูว่าพี่เล่นตลกคู่พี่วอร์มได้เลยนะคะ รับ-ส่งมุกกันพริ้วเชียว

ของพารากอนนี่ไม่แน่ใจว่ากี่ปี
แต่ที่เราเคยศึกษา (เพราะต้องเขียนบทความ)
ใช้เวลา 1 ปี ก็ย่อยได้เป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณเหรียญสลิงแล้วล่ะ
แต่ต้องเอาไปตากแดดด้วยนะ จะย่อยเร็วขึ้น

ที่มันมีส่วนผสมของมันสำปะหลัง รัป่าว เอ๊ะ หรือว่านั่นเป็นจานหว่า

เคยดูทีวี ที่มีคนไทยเอากาบหมากมาอัดแข็งทำเป็นจาน ถ้วยเอนกประสงค์อ่ะ
ดีมากเลยนะ เป็น O-TOP ด้วย แข็งแรงทนทาน สวยกว่าโฟมอีก
ส่งออกนอกได้เลยทีเดียว

แต่เดี๋ยวนี้เคยเห็นในซุปเปอร์ที่เป็นกระดาษแข็งๆ หน่อยน่ะ
อันนั้นก็น่าจะดีนะ แต่แพงใช้ได้

พลาสติกส่วนใหญ่ก็เป็นมันสำปะหลังผสมอย่างซิ่มว่านั่นแหล่ะ
ส่วนจานมีทั้งกาบหมาก ชานอ้อย

ที่ท๊อป ก็มีขายนะ เราเคยซื้อไปใช้เวลาไปทริป ก็ดี
แข็งแรงพอใช้ มีหลายขนาดด้วยล่ะ

บอกกี่ครั้งแล้วว่าชั้นไม่ใช่คนตลก

and p.nungning...she is really serious!
Warmy...you get 1500 tonight...
and I will touch 7000...
do it.
p.nn

สุดยอด เดี๋ยวหนูเอาพาสเวิร์ดให้ แล้วช่วยตอบแทนหน่อยนะคะ อยากอัพเลเวลไว ๆ แต่สู้ไม่ไหว

ทำไมจะไม่ไหวซิ่ม
แรกๆ ชั้นก็เรื่อยๆ
แต่ทำไปทำมาได้เป็นเซียนซะงั้น :lol:

born to be....mouthtaek .
p.nn

ใครจะมีเวลามาเรื่อย ๆ ได้วันละเกือบร้อยแต้มล่ะ ไม่ไหว ๆ

อันนี้ตอบพี่วอร์มนะคะ พี่หนิงขา

ซิ่มแกว่าพี่หนิง

พี่หนิง พี่วอร์มใส่ร้ายหนู

อย่ามา
แกว่าพี่หนิง

พี่หนิง ตบมันเลย

เอาเลย  ตบเลย (ฝ่ายยุยงส่งเสริม)   :lol:  :lol:

พี่หนิงใส่ สนับมือก่อนนะ

พี่หนิงเค้าใจดี เค้าไม่ร้ายอย่างที่เธอพูดหรอก

แต่เอ...พี่หนิงยังอยู่รึป่าวคะ เห็นเค้าทั้งสองรุมหนูอยู่รึป่าว :cry:

พี่หนิงไปซื้อสนับมือโว้ย

พรุ่งนี้มา

เลือกเหล็กกล้าอย่างดีด้วย

:shock:

http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9500000110804

น่าจะเกี่ยวกับโลกร้อนนะ  :o

^
^
^
ถึงแม้ใครจะออกนอกเรื่องยังไงพี่ชาร์ปก็ดึงกลับมาในเรื่องได้ ขอบคุณครับพี่ :lol:  :lol:

ขอบคุณที่เข้าใจว่า topic กระทู้คืออะไร  แต่ปอไปดูมาแล้ว มันเกี่ยวตรงไหน ??

So,everybody..get back to the box....P.Warm and Nong Veevee...who will gamble???
Nong Por,you gamble Veevee stand not longer than 2 rounds!!
p.referee

ทำไมจะไม่เกี่ยวแกไม่เคยได้ยินเรื่อง butterfly effect เหรอ ที่บอกว่าผีเสื้อกระพือปีกทำให้เกิดพายุทอนาโดที่อีกซีกโลกหนึ่งอ่ะ นี่ก็เหมือนกัน เลี้ยงกุ้งด้วยสาหร่ายไส้ไก่แก้โลกร้อน (ส่วนมันแก้ยังไงไปคิดมา แล้วมาบอกด้วยนะ เพราะหาความเชื่อมโยงไม่ได้เหมือนกัน :lol:  :lol:  :lol:  :lol: )

Veevee,the best way is...using a bike!
p.nn

ตอนนี้โลกร้อนขึ้นทุกวันจิงๆ(ดูมีสาระมั้ย)

Save a lot of outfit!wear less...so it cool down..herr,herr
p.nn

เพิม่อุณหภูมิของแอร์ลง 1 องศา
จาก 19 เป็น 20

ง่าย ๆ  8)

ธรรมชาติ เลี้ยง ธรรมชาติ ...

ลดการใช้พลังงานนะ ... หุ หุ  อาหารกุ้ง ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (แทนที่จะซื้อ อาหารที่เขาสกัด มาเลี้ยงโดยเฉพาะ ... ไม่ต้องเปลืองพลังงานในการผลิตอาหาร => คล้าย ๆ กับการรณรงค์ ใช้ถุงผ้า แทนถุงพลาสติกนั่นล่ะ )

...

โอ้ว ล้ำเลิศ

งั้นการที่คนเป็นเกย์เยอะ ๆ ก็ช่วยโลกร้อนด้วยนะซิ

 :?:

ไม่ต้องมีลูก เสียพลังงานในโรง'บาล เสียเงิน เสียทอง เลี้ยงมาจนโต
ถือว่าเป็นการควบคุมประชากรโลก  :lol:

ไปอ่านมาแล้วล่ะ
ความคิดลึกซึ้งอย่างแรง
แต่มันใช้ได้จริงๆ นะ  :D

อย่างนี้นี่เอง :lol:

แต่ถ้าด้วยเหตุนี้ ชั้นยอมเป็นหนึ่งคนที่เป็นเหตุให้โลกร้อน(ฉ่า) อิอิ
แล้วค่อยมาลดที่อย่างอื่นแทน  :oops:  :oops:  :oops:

จงอธิบายโดยละเอียด

Yeahhhhh....explain...deeply
p.nn(lazy to read!!)

แล้วผู้หญิงที่รักเกย์ ต้องเสียน้ำตา...T-T
เสียเวลา เสียใจ

 :roll:  :(  :cry:  :?

โลกร้อนนี่กระทบไปทุกส่วนเลยจริงๆ...
(รีบดึงกลับมาไง)

มิบอก มิพูด
เรื่องไรจะบอก  อิอิ  :lol:  :lol:

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178641-49.jpg)

ไปมาเมื่อวาน Bangkok car free day 2007

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178641-40.jpg)

ใครหาพี่เจอให้ 10 บาท

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178641-44.jpg)

ผู้ว่ากล่าวเปิดงาน

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178641-69.jpg)

พิธีกร รู้จักแต่พี่ฮาร์ทอ่ะ

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178689-5.jpg)

ขอยึดรถไฟฟ้า 1 วัน

มีการออกร้าน รอบสนามศุภชลาศรัย

(http://www.thaimtb.com/webboard/357/178689-41.jpg)


เอ่อ ให้ดูว่ามีการออกร้านนะครับ (จริงๆ)

เก๋มากๆ ค่ะ เห็นรูปขวานแล้วชวนขนลุก...เลยค่ะ
อยากให้คนไทยรักกันมากๆ

(http://i109.photobucket.com/albums/n58/joeyjade/bike/BestFullDSCN5836.jpg)

รูปเต็ม

(http://i109.photobucket.com/albums/n58/joeyjade/bike/bestDSCN5815.jpg)

ซูมมมมม

พี่เจษไปร่วมกับเค้าหรือเปล่าครับเนี่ยะ :lol:

ชอบรูปขวานที่ถ่ายจากด้านบนมาก ๆ

ท่าทางงานจะใหญ่นะ มีการเรียงเป็นรูปขวานทองด้วย
แต่ทำไมไม่มีคนร่วมงานบนแสตนด์เลย

แถมไม่ค่อยมีคนรู้อีกแน่ะ ว่าเป็นวันงดใช้รถ
เห็นรถเยอะอยู่เลย  :?

น้องวี ย้อนกลับไปอ่านที่รูปแรกใหม่  :lol:

ช่าย น้องเอ๋อ ผิดกลุ่มเป้าหมายอย่างแรง พวกที่ไปร่วมก็ขี่จักรยานกันประจำอยู่แล้ว มันไม่ขยายออกไปถึงคนขับรถกลุ่มที่เหลือ

พอดีดูแต่รูปครับ :lol:  :lol: ไม่เห็นข้อความด้านล่างซะงั้น :oops:

เก๋มาก ๆ คุณพี่เจษ เห็นเค้าติดประกาศที่ บีทีเอส ด้วยแหละ

พี่เจษไปเพราะสาวคนนี้ปะคะ ฮ่าๆๆ...

เจ๋งจริงๆ เลย ไม่บอกกันเล้ย จะได้ไปถ่ายรูป

น่าเสียดายจริงๆ โครงการดีมากๆ

วันนั้นเห็นคนใส่เสื้อเหลืองปั่นจักรยานกันเยอะเชียว แต่รถยนต์ ยังเต็มถนน...เหมือนเดิม  :cry:  :cry: อยากให้โครงการนี้สำเร็จจัง วันปลอดรถยนต์...

จริงๆ เราก็เคยคิดเหมือนกันนะ ว่าน่าจะมีซักวันที่เรางดขับรถกัน
หรืองดปล่อยก๊าซพิษกันซักวันนึง เหมือนกับที่เราปิดไฟกัน 5 นาที อะไรแบบนั้นน่ะ

โลกเราแย่แล้ว จะมารณรงค์ก๊องแก๊งๆ กันให้ปิดไฟ เลิกใช้หลอดไส้ ให้ลดใช้แอร์ เราว่ามันจะไม่ทันแล้ว เพราะในขณะที่เราทำจุ๋งจิ๋งๆ แบบนั้น
พวกโรงงานอุตสาหกรรมก็ยังปล่อยควันโขมง...รถก็ยังวิ่งกันเต็มถนน
ขนาดในกทม. ยังขนาดนี้ แล้วอีกหลายร้อยประเทศที่เหลือล่ะ

คิดแล้วก็น่ากลัว  :?

ยังไงก็เป็นกำลังใจ ให้คนคิดดี ทำดี...เสมอ
อย่าท้อกันล่ะ  :lol:
อย่างน้อยตัวเราก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญกันแล้ว

อ๋อ อย่างงี้นี่เอง เมื่อวานเจอขบวนรถจักรยานเต็มถนนหน้าสนามศุภฯ
ก็นึกสงสัยอยู่ว่าเค้ามาทำอะไรกัน  :wink:

โอ๊ยๆๆ เสียดายจังที่ไม่เห็นของจริง

ปล. เพื่อนหล้าๆ รูปใหม่ หน้าคล้ายป้าหงส์ 82 เลยล่ะ...

:oops:  :oops:  แกก้อ อย่าชมขนาดนั้นเลย ชั้นไม่กล้วเทียบชั้นป้าหงส์หรอก
ตอนนี้เจ๊เค้า สวยอินเตอร์ไปแล้ว  :wink:  :wink:

คล้ายจริง ๆ ด้วยอ่ะ
 :lol:

หรือว่า...หล้าเป็น
"แฝด" ผู้น้องของป้าหงส์

แฝด ที่ผลัดพรากกันมานาน
และแล้วก็เจอกันจนด้ายย

ซึ้งง่ะ

Nong Jessy,
you are the one with safety helm!...green or blue helm??
p.nn

คนที่ยืนกอดอกใส่เสื้อแขนยาวคนที่ห้าจากขวาครับ

ท่าหล่อมั่กมากค่ะ  :lol:  :lol:

อิจฉาตาร้อน เหรอป.ปลา  :lol:  :lol:  :lol:

สีขาวมันจะสะท้อนแสง
สู้สีดำๆ อย่างเราไม่ได้ ดูดแสงและความร้อน
ช่วยแก้ปัญหา global warming  :lol:

แต่ระวังเป็นมะเร็งผิวหนังนะ :lol:

อู้ยยยย มิรู้อะไร

ผิวแบบพวกชั้นนี่มีความเสี่ยงน้อยที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังนะจ๊ะ อิอิ

ขออธิบายนะคะ...

โครงการปลูกต้นกระดาษ ของ Double A ที่เห็นในโฆษณาขณะนี้
มีจุดประสงค์ เพื่อต้องการให้ชาวบ้าน หรือ เกษตรกรปลูกต้นยูคาลิปตัส ตามหัวไร่ปลายนา เป็นการใช้พื้นที่ที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ซึ่งทางบริษัทฯ มีต้นกล้า ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา มาเป็นเวลากว่า 25 ปี จนได้พันธุ์ที่มีลักษณะดีเหมือนกันทุกต้น ไม่ว่าจะปลูกในพื้นที่ใดก็ตาม และมีจำนวนมากมายไว้ให้เกษตรกรรับไปปลูก ฟรี! และเมื่อต้นไม้เติบโตมีอายุ 3-5 ซึ่งก็แล้วแต่พันธ์ ก็นำมาขายคืนให้กับบริษัทฯอีกด้วย)
ทางบริษัทฯไม่ มีนโยบายให้ทำลายป่า หรือ ตัดต้นไม้เป็นไร่ๆ เพื่อนำพื้นที่ปลูกป่าต้นยูคา อย่างที่เข้าใจนะคะ
แล้วอีกอย่างหนึ่ง การปลูกต้นยูคา สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย มีผลการวิจัยมาสนับสนุนด้วยนะ (เดี๋ยวหาข้อมูลให้จ้า)

อ่านข้อมูลต้นกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ เพิ่มเติมได้ที่
www.doubleapaper.com หรือ
www.chaiyoaa.com หัวข้อ คุยเฟื่องเรื่องต้นกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ

ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ อย่างนี้  :lol:  :lol:

โอ้...ดีจริงๆ มีคน Double A อยู่แถวนี้
แต่ต้นยูคาฯ นี่เขาว่ามันทำให้ดินเสียจริงรึเปล่าอ่ะ

หรือต้นของ double A เขาปรับปรุงแล้ว  :?:

เด๋วถาม PR CORPERATE มาให้จ้า...
จะได้มีข้อมูลอ้างอิงประกอบ อิ อิ

ขอโทษนะ
อย่าว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะป้าไก่ เราไม่ได้มีอคติกับ AA


แต่ชั้นมีอคติกับต้นยูคาฯ
เรื่องยูคาฯ ทำให้ดินเสียนี่ไม่มีเอกสารเป็นงานวิจัยหรอกนะ เท่าที่เห็น
เพราะมันปลูกอยู่แถวบ้านชั้นเต็มไปหมดนี่ ดินแข็งมาก
ไม่มีแร่ธาตุเหลืออยู่เลย ต้นไม้เล็กๆ หญ้า ก็ไม่ค่อยขึ้นบนดินพวกนี้
คือถ้าเป็นป่ายูคาฯ ก็จะมีแต่ยูคาฯ อย่างเดียวไม่มีอย่างอื่น ถ้ามีก็จะมีน้อยๆ มากๆ
จนแทบไม่นับ


ป่าแถบริมน้ำมูล (ที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านช้าง)
เป็นป่าละเมาะแบบป่าแล้ง มันก็มีต้นไม้เล็กๆ น้อยขึ้นบ้างแม้ไม่มีต้นไม่ใหญ่  
แต่พวกพี่จิ๋วคิดโครงการอีสารเขียวขึ้น
คราวนี้มีแต่ต้นยูคาฯ ไม่มีต้นไม่อื่นๆ ไม่มีหญ้า

ช้างไม่กินใบยูคาฯ  แล้วก็ไม่มีหญ้าให้กิน
พอหมดหน้าทำนา ชาวนาที่เป็นควาญช้างก็ต้องเร่พาช้างมาหากินในเมือง

คิดแล้วเศร้าใจนะ


ส่วนเรื่องช่วยโลกร้อน ชั้นไม่คิดว่าช่วยได้จริง
ถึงแม้ยูคาฯ จะเป็นต้นไม้มีส่วนในการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
แต่ยูคาฯ ปลูกแถบชนบทก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มันไม่เยอะอยู่แล้ว
มันไม่ได้ช่วยดูดคาร์บอนไดออกไซด์ที่พ่นๆ ออกมาจากในเมืองได้

ยูคาฯ ที่ปลูกในเมืองไทย เป็นยูคาฯ ให้เนื้อไม้
กระบวนการการสังเคราะห์แสงเกิดน้อยกว่าการดูดดึงแร่ธาตุจากพื้นดินขึ้นมา

ส่วนเรื่องความสามารถในการดูดคาร์บอนไดออกไซด์
จริงๆ แล้วก็ด้อยกว่าต้นไม้ในป่าชายเลนแน่นอน
และดูดได้น้อยกว่าไม้พื้นถิ่นอยู่มาก  


ชาวบ้านขายไม้ได้เงินก็จริง แต่ไม่นานดินก็ไม่มีแร่ธาตุ
เค้าจะปลูกจะหากินกับดินโดยพืชอย่างอื่นไม่ได้แล้ว
ต้องพึ่งยูคาฯ อย่างเดียว และไม่นานแม้แต่ยูคาฯ ก็จะปลูกบนดินผืนนั้นไม่ขึ้น


ถามอีกหน่อยสำหรับ AA

จะห้ามให้ชาวบ้านไม่ถางป่าเพิ่มขึ้นได้ไหม ?
(ชาวบ้านน่ะ ได้ยินว่าอะไรขายได้ก็จะแห่กันไปปลูก ไม่มีที่ก็ไปถางป่า นี่เรื่องจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้)
มีนโยบายไม่รับไม้ยูคาที่ปลูกในพื้นที่ที่มาจากการถางป่าหรือเปล่า ?

มีการให้ความรู้ชาวบ้านไหมว่าปลูกยูคาฯ แล้วต้องบำรุงดินยังไงถึงจะกลับมาใช้ปลูกพืชอย่างอื่นได้ ?

มีการทำการศึกษาไหม ว่าพื้นที่ปลูกยูคาฯ เดิมมีกี่ไร่ พื้นที่เกษตรมีกี่ไร่?
พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ยังพอมีพืชพื้นถิ่นอยู่กี่ไร่ ?
แล้วจะทำการศึกษาต่อไหมว่าหลังจากนี้มีการถางป่า ถางพงมาปลูกยูคาฯ กันเพิ่มกี่ไร่ ?
ชั้นไม่อยากกลับบ้าน แล้วนั่งมองข้างทางเห็นแต่ป่ายูคาฯ แล้งๆ ร้อนๆ อีกแล้วล่ะ :cry:  :cry:  :cry:


ขอโทษนะ บ่นยาวไปหน่อย เพราะนี่คือปัญหาของแผ่นดินอีสานบ้านของชั้นจริงๆ  :cry:

และที่น่าสนใจ


ชั้นเคยทำงานหนังสือ และก็ยังเรียกตัวเองว่าคนทำหนังสือ
กระดาษส่วนใหญ่ที่ใช้พิมพ์หนังสือ เป็นกระดาษนำเข้าจากต่างประเทศ
เพราะกระดาษที่ผลิตในประเทศไทยมีราคาสูงเกินไป

คนทำหนังสือทุกวันนี้ประสบปัญหาสู้ราคากระดาษไม่ได้
ทั้งๆ ที่อยากจะผลิตหนังสือดีๆ ออกมาสักเล่ม
ต้นทุนสูง ราคาหนังสือก็สูง คนมีเงิน คนชั้นกลางซื้อหนังสืออ่านได้
แต่คนจนๆ ไม่มีโอกาสเพราะหนังสือแพง  :cry:  :cry:  :cry:

Nong Plaa,
I don't know how far is the expanding of"recycle paper"...but in Germany I know and use only this!!!...tissue for WC,block paper for school ,letter paper..and,and,and...it looks not so attractive but everybody use so it is like normal.even the book...lopk really yellowish!but the details is count jaaaa.
p.nn

พี่หนิงคะ กระดาษสามารถรีไซเคิลได้ไม่มีสิ้นสุดจนกว่ามันจะย่อยสลายไปค่ะ

You should see my WC tissue...herr,herr...can not devide..which is which cause it looks so yellow!!!
p.nn

ไม่ได้หมายความว่าน้องปลาไม่มีสาระหรอกนะครับ แต่สองความเห็นข้างบนน่ะมีสาระมากเห็นด้วยอย่างยิ่ง อยากจะตอบแบบนี้แหละแต่ไม่มีความเพียร การปลูกยูคาเหมือนการผูกขาด และทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพหมดไป เหมือนกับที่เรากลัวในกรณีของพืชจีเอ็มโอ แต่กรณีของยูคานี่น่ากลัวกว่าเยอะ

เราก็ไม่รู้เรื่องต้นยูคาเท่าไหร่หรอกนะ  :D  ขอผ่านเรื่องปลูกดีหรือไม่ดีแล้วกันนะ แต่เท่าที่เราสังเกตุเห็นได้ก็คือที่ตื่นตัวเรื่องโลกร้อนเนี่ยะมันมีเฉพาะในสังคมเมืองอ่ะ ในสังคมชนบทเค้าไปรู้เรื่องหรอกนะ เพราะอะไรน่ะหรือก็เพราะว่าเค้าไม่รู้สึกน่ะซิว่าโลกมันร้อนขึ้นยังไงเพราะต้นไม้ ป่าไม้ ธรรมชาติต่าง ๆยังคงมีมากอยู่ (เมื่อเทียบกับเมืองนะ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยได้มากแล้วตัวเค้าเองก็ไม่รู้สึกเดือนร้อนอีกด้วย (ใครจะไปสนล่ะว่าน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมดในเมื่อตอนนี้เค้ายังมีกินอยู่) แล้วไอ้โครงการรณรงค์ต่าง ๆ น่ะมันก็เกิดขึ้นตามกระแสนะว่าม่ะ จะมีใครซักกี่คนที่ตระหนักถึงผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อนจริง ๆ (ดูซิอเมริกายังไม่ยอมลงชื่อในสนธิสัญญาโตเกียวที่ว่าด้วยการลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก ก็แหง่ล่ะถ้าเค้ายอมลงนามก็เท่ากับว่ายอมตัดทางทำมาหากินของตัวเองล่ะนะ) กลับมาที่บ้านเรา เราก็ไม่รู้หรอกนะไอ้โครการปลูกต้นยูคาของ AA น่ะเป็นไง (เพราะไม่มีทีวี) แต่ชาวบ้านอ่ะอยู่ดี ๆ ได้เงินใครจะไม่เอาเป็นเรา เราก็เอานะ (พวกนักการเมืองชั่ว ๆ เลยได้ดีไงล่ะ :evil:  อ่ะนอกเรื่องขอโทษด้วย) ทางที่ดีนะถ้าการรณรงค์ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจและมีมาตรการป้องการผลที่อยู่นอกเหนือจากโครงการที่จะให้โลกร้อนขึ้นไปอีก เช่นชาวบ้านถางป่าเพื่อปลูกยูคาอะไรประมาณนี้อ่ะ อันนี้ก็คงต้องเป็นหน้าที่ขององค์กรที่จัดโครงการขึ้นมารับผิดชอบไปนะ (ไม่ใช่เอาแต่ยอดขายนะหวังว่า) พูดซะยืดยาวในปัจจุบันก็ยังมีคนสงสัยอยู่ว่าที่โลกเราร้อนขึ้นเนี่ยะส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของมนุษย์ หรือมันเป็นครรลองของธรรมชาติอยู่แล้วที่ต้องร้อนขึ้นอย่างนี้ (แต่มนุษย์ไปเร่งมันซะงั้น) มาถึงตรงนี้อยากให้โลก reset ตัวเองอย่างในหนังเรื่อง the day after tomorrow จังเลย (ชอบมากหนังเรื่องนี้)  :lol:  :lol:  :lol:

Nong Veevee,
I think for all of us...we should simplify it to some campaign easier to do and to set down...if tree and plant help to cool down(compare to gas carbon produced by the automobil)the world...let start by our house...plant it green...make our surrounding jungle!
nice text ka.
p.nn

ได้ความรู้ดีค่ะ  :D

เราไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกระบวนการพวกนี้เท่าไหร่ แต่เรื่องเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพวกนี้มันก็อยู่ในวงแคบๆ เฉพาะสังคมเมืองจริงๆ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะได้รับผลกระทบอย่างเดียวหรอก เรื่องกระแสแห่ทำอะไรตามๆ กันมันเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมเมืองอยู่แล้ว (ถ้าทุกคนทำ เพราะได้รับผลกระทบ ทุกอย่างคงเป็นรูปเป็นร่างกว่านี้) เห็นรึเปล่าว่าเดี๋ยวนี้มีแฟชั่นถุงผ้าออกมาเยอะมาก ตามร้านกระเป๋านี่มี copy ออกมาเยอะแยะ กลายเป็นกระเป่าหิ้วแฟชั่น มากกว่าหวังผลทางสิ่งแวดล้อม แล้วอะไรที่เป็นกระแสแป๊บเดียวก็ตกยุค

ส่วนในชนบทมันยากอยู่แล้วที่จะมานั่งแยกขยะหรือรีไซเคิล เพราะมันยุ่งยาก แถวบ้านเราที่บริเวณบ้านกว้างขวาง เขาก็เอามากองสุมๆ กันแล้วเผาไปเลย มันง่ายกว่าอยู่แล้ว เคยมีโครงการเก็บขยะประจำหมู่บ้านอยู่เหมือนกัน แต่ไม่จริงจังอะไร...

ขอเฉนอกเรื่องนิด ตอนนี้เรากำลังอ่านเรื่อง "เพชรพระอุมา" (ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมา ถึงเพิ่งมาเริ่มอ่าน มันสนุกจนวางไม่ลงจริงๆ) เรื่องนี้เขียนขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน ฉากในเรื่องเป็นป่าเมืองไทย เสือสิงห์กระทิงวิ่งกันเต็มป่า เลือกยิงเอาได้ตามใจชอบ อ่านแรกๆ แอบสงสารสัตว์ เพราะเราเกิดมาในยุคอนุรักษ์แล้วนี่เนาะ แต่นวนิยายก็เขียนขึ้นตามสภาพสังคมยุคนั้น

ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าไม่กี่สิบปีผ่านไป ป่าเมืองไทยแทบไม่เหลืออะไรเลย... :?
(พ่อเราบอกว่าเมื่อก่อนหลังบ้านเรามีเก้งด้วยแหล่ะ)

ป.ปลา เริ่มที่ตัวเองเท่าที่จะทำได้
แยกขยะ ใช้กระดาษซ้ำ ซื้อของไม่เอาถุง

และนอกจากนี้ ยังรู้สึกว่าเสียงของเราเสียงหนึ่ง
แม้จะแค่เบาเหมือนเสียงกระซิบ
ก็ยังดีกว่าที่เรานั่งเงียบๆ ไม่ได้บอกต่อความรู้
ถ่ายทอดความคิดนี้ให้กับใครสักคนเลยค่ะ  8)

สัตว์ป่ามันหมดก็เพราะพวกคนเมืองนั่นแหล่ะแก
ถ้าจะให้เล่า ยาวววววว มั่กๆ ชั้นเองก็เศร้าใจเหมือนกัน
หนึ่งในพรานที่ออกล่ามากที่สุดในสมัยนั้น
ปัจจุบันกลับได้รับการยกย่องว่าเป็นนักอนุรักษ์  :?:  :roll:

อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อ แต่ .....ควรรู้ไว้

กรีนพีซบุกสถานทูตญี่ปุ่น เรียกร้องให้หยุดทิ้งขยะพิษในไทย
กรุงเทพ, ประเทศไทย — อาสาสมัครกรีนพีซ บุกสถานทูตญี่ปุ่น พร้อมกางป้ายผ้ามีข้อความว่า “ประเทศไทยไม่ใช่ถังขยะของญี่ปุ่น” เพื่อประท้วงข้อตกลงยกเลิกภาษีขยะพิษจากญี่ปุ่นในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ซึ่งจะอนุญาตให้ญี่ปุ่นส่งขยะพิษเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นนำข้อตกลงยกเลิกภาษีขยะพิษทั้งหมดออกจาก JTEPA โดยเร็ว รวมทั้งเรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิเสธการให้สัตยาบันต่อ JTEPA

กิตติคุณ กิตติอร่าม ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ความตกลงนี้นับว่าเป็นการค้าขยะพิษที่เลวร้ายที่สุด เพราะจะเป็นการเปิดประตูให้ญี่ปุ่นนำขยะพิษมาทิ้งในประเทศไทย  การส่งออกขยะอันตรายของญี่ปุ่นไม่ว่าจะส่งเพื่อมากำจัด หรือแอบแฝงมาในรูปของการรีไซเคิลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ดังนั้นข้อตกลงที่เกี่ยวกับการยกเลิกขยะพิษที่ระบุใน JTEPA ต้องถูกนำออกไปให้หมด

 

เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ออกมายืนยันว่าในความตกลงการค้าเสรีดังกล่าว มีการยกเลิกภาษีนำเข้าขยะพิษจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งขยะพิษเหล่านี้ ประกอบด้วย ขี้แร่และเถ้าอื่นๆ เถ้าและกากที่ได้จากการเผาขยะเทศบาล ขยะผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากอุตสาหกรรมเคมีหรือจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน ขยะเทศบาล ตะกอนจากน้ำเสียของเสียอื่นๆ

 

กิตติคุณ กล่าวว่า คณะเจรจาฯของไทยทำให้เห็นเหมือนกับว่า ประเทศไทยหมดหนทางในการต่อรองขยายการค้ากับญี่ปุ่น จนต้องเสนอให้ประเทศไทยเป็นถังขยะของญี่ปุ่น ซึ่งความตกลงที่ลำเอียงเช่นนี้ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเหตุผล รัฐบาลต้องตรวจสอบแรงจูงใจของคณะเจรจาฯ ในการสร้างข้อตกลงที่ไร้ซึ่งความสำนึก ซึ่งจะเร่งให้วิกฤติขยะในประเทศที่ไม่สามารถจัดการได้ เลวร้ายลงไปอีก

 

ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษแสดงให้เห็นว่า ในปี 2547 ประเทศไทยมีปริมาณของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม 1.405 ล้านตันซึ่งถูกส่งเข้ากำจัดเพียงร้อยละ 50 และของเสียอันตรายจากชุมชน 0.403 ล้านตันซึ่งซ:ซ:ววกววซส่วนใหญ่มีการจัดการที่ไม่เหมาะสม ทำให้มีการลักลอบทิ้งขยะพิษเกิดขึ้นหลายกรณี นอกจากนี้ ประเทศไทยก็เป็นแหล่งทิ้งขยะจากประเทศพัฒนาแล้วรวมทั้งญี่ปุ่นอยู่แล้ว ข้อตกลงด้านขยะพิษใน JTEPA จะเร่งให้ปัญหาขยะพิษในประเทศไทยวิกฤตยิ่งกว่าเดิม

 

ประเทศไทยและญี่ปุ่นต่างก็เป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาบาเซล ซึ่งเกิดขึ้นจากความพยายามแก้ไขปัญหาการนำขยะพิษจากประเทศพัฒนาแล้วมาทิ้งในประเทศกำลังพัฒนา  อย่างไรก็ตามอนุสัญญาบาเซลก็ยังมีช่องโหว่อยู่ ที่อนุญาตให้สามารถนำเข้าขยะพิษเพื่อการรีไซเคิลได้ จึงได้มีการพยายามแก้ไขอนุสัญญาขึ้นมาเรียกว่า ข้อห้ามบาเซล ซึ่งไม่อนุญาตการส่งออกและนำเข้าขยะอันตรายแม้เพื่อการรีไซเคิล

 

 กิตติคุณ กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยต้องให้สัตยาบันต่อข้อห้ามบาเซล เพื่อป้องกันตนเองจากการพยายามทำให้การทิ้งขยะพิษในราชอาณาจักรไทย กลายเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านทางความตกลง JTEPA กรีนพีซเรียกร้องให้ญี่ปุ่นหันมาจัดการกับขยะพิษภายในประเทศตนเอง แทนการพยายามนำขยะพิษมาทิ้งยังประเทศกำลังพัฒนา

 

กรีนพีซเป็นองค์กรรณรงค์อิสระ เผชิญหน้าอย่างสร้างสรรค์และด้วยสันติวิธี เพื่อเปิดโปงปัญหาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และนำเสนอแนวทางแก้ไข ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของสิ่งแวดล้อม และสันติภาพของโลก

อีก 1

องค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลก 4 องค์กร ออกมาประณามรัฐบาลญี่ปุ่นเกี่ยวกับความพยายามดำเนินการตรงข้ามกับกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งควบคุมและห้ามการส่งออกขยะพิษหรือที่เรียกว่า อนุสัญญาบาเซล พร้อมกับเปิดเผยหลักฐานชิ้นใหม่ที่แสดงว่าญี่ปุ่นกำลังพยายามใช้ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจในความตกลงระหว่างประเทศที่เรียกว่า “ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ” หรือ EPAs[ii] เพื่อเปิดเสรีการค้าขยะพิษในภูมิภาคนี้อีกครั้ง

การเปิดเผยครั้งล่าสุดเกี่ยวกับเจตนาของญี่ปุ่นในการส่งออกขยะพิษไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ระบุชัดในเอกสารเชื้อเชิญทำสัญญา[iii]จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 2549 เพื่อประเมินการใช้ประโยชน์ในความตกลงสองฝ่าย เพื่อการ “เคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนขยะพิษสองทิศทางระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศในเอเชีย” ซึ่งภายหลังต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำสัญญาว่าจ้างดังกล่าวกับบริษัทชินโค รีเสิร์ช จำกัด

ในปัจจุบัน อนุสัญญาบาเซล[iv]กำหนดให้ทุกประเทศต้องรับผิดชอบกับการจัดการขยะพิษภายในประเทศของตัวเอง โดยได้ตั้งกฎระเบียบที่เข้มงวดหลายข้อเพื่อควบคุมและป้องกันการส่งออกขยะพิษจากประเทศร่ำรวยสู่ประเทศที่ยากจนกว่า แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นพยายามทำลาย หรือใช้อุบายกำจัดอนุสัญญาฉบับนี้ และหาทางที่จะนำขยะจากประเทศของตนไปทิ้งในประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย

“ในขณะที่ญี่ปุ่น ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับอนุสัญญาบาเซล และให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือด้านการพัฒนากับประเทศกำลังพัฒนา แต่ในความเป็นจริง ญี่ปุ่นกลับกลายเป็นมะเร็งร้ายในอนุสัญญาฉบับนี้ ด้วยเป้าหมายในการทำลายเจตนารมณ์ดังเดิมขออนุสัญญาฉบับนี้”

“ญี่ปุ่นกำลังพยายามกดดันและบีบบังคับให้ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศที่บังคับให้เราต้องเป็นแหล่งมลพิษเพื่อแลกกับการพัฒนาประเทศ” ริชาร์ด กูเทียร์เรซ จาก Basel Action Network สำนักงานเอเชียแปซิฟิกกล่าว

บ่อยครั้งในการเจรจาทำความตกลงการค้า มักไม่มีการพูดถึงสิ่งตอบแทนอื่นๆ นอกเหนือจากข้อตกลงยกตัวอย่างที่ประเทศไทยที่กำลังจะได้การช่วยเหลือด้านการลงทุนในระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพ เป็นต้น

หลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการต่อต้านอนุสัญญาบาเซลของญี่ปุ่น

· นโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นในการส่งเสริมการค้าขยะถูกเปิดเผยในบทย่อนโยบาย[v] จัดทำขึ้นโดยองค์กร IGES ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น มีชื่อว่า การสร้างเครือข่ายเขตรีไซเคิลนานาชาติในเอเชีย ในบทย่อนี้มีระบุถึงแผนการที่จะจัดการกับ “พิธีการที่ยุ่งยาก” ของอนุสัญญาบาเซลซึ่ง “ได้กลายเป็นสิ่งกีดขวางการค้าขยะรีไซเคิลระดับนานาชาติ” แผนการนี้สนับสนุนการใช้โครงการ G8 ของญี่ปุ่น หรือที่รู้กันในนาม “3R Initiative” ซึ่งใช้การสนับสนุนการรีไซเคิลเป็นชื่อเรียก เพื่อสนับสนุนการกำจัดสิ่งกีดขวางทางการค้าขยะและสนับสนุนการใช้ความตกลงระหว่างประเทศเพื่อกำจัดสิ่งกีดขวางทางการค้าขยะ

· แท้ที่จริงโครงการ 3R Initiative ซึ่งคิดค้นขึ้นโดยญี่ปุ่นและได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐภายใต้โครงร่าง G8 ได้ใช้เงินจำนวนมากไปกับการประชุมร่วมกับรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชีย การประชุมเหล่านี้ถูกจัดขึ้นโดยใช้การรีไซเคิลและการใช้ซ้ำ เป็นเครื่องกำบัง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของ 3R นั่นก็คือการกำจัดสิ่งกีดขวางการค้าขยะ อนุสัญญาบาเซลเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกว่าเป็น “สิ่งกีดขวางการค้าขยะ”

· นอกจากนี้ ญี่ปุ่นได้เริ่มทำความตกลงการค้าเสรีไปแล้ว หรือที่เรียกว่า “ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ” หรือ EPAs ซึ่งรวมรายชื่อขยะอันตรายไว้ในรายการ “สินค้า” เพื่อการยกเลิกภาษีอย่างน่าใจหาย EPAs เหล่านี้อาจมีผลเหนือกว่าภารกิจของแต่ละประเทศภายใต้อนุสัญญาบาเซล จนทุกวันนี้ญี่ปุ่นได้ลงนามในความตกลงลักษณะนี้ไปแล้วกับประเทศสิงคโปร์ เม็กซิโก และมาเลเซีย และกำลังรอการให้สัตยาบันในฟิลิปปินส์ (JPEPA) รวมทั้งยังมี EPAs ซึ่งกำลังรอการลงนามหรือที่อยู่ในแผนกับทุกประเทศในอาเซียน รวมทั้งที่มีการดำเนินการไปมากแล้วกับประเทศบรูไน อินโดนีเซีย เวียดนาม และประเทศไทย

· ญี่ปุ่นเป็นผู้นำในความพยายามทำให้อนุสัญญาบาเซลไม่ครอบคลุมถึงการส่งออกเรือที่หมดอายุการใช้งาน และกลับไปสนับสนุนอนุสัญญานานาชาติที่อ่อนมากๆ เกี่ยวกับการรีไซเคิลเรือแทน ที่องค์กรการเดินเรือนานาชาติซึ่งมีแต่ภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ อนุสัญญาฉบับใหม่นี้ปราศจากความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการย้ายภาระมลพิษจากประเทศพัฒนาแล้วไปยังประเทศกำลังพัฒนา

· เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่การประชุมครั้งที่ 8 ของประเทศภาคีสมาชิกแห่งอนุสัญญาบาเซลที่เมืองไนโรบิ ญี่ปุ่นเป็นภาคีสมาชิกประเทศเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับข้อห้ามบาเซล - ข้อห้ามบาเซลเป็นมติเอกฉันท์ของภาคีสมาชิกในปีพ.ศ. 2538 และเป็นมติที่ได้รับการยอมรับมาทุกปีตั้งแต่นั้นมา ซึ่งร้องให้ห้ามโดยสิ้นเชิงการส่งออกขยะอันตรายทุกชนิดจากประเทศร่ำรวยไปยังประเทศที่ยากจนกว่า

· ในระหว่างนั้น ญี่ปุ่นก็ยังคงส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอันตรายอื่นๆ ไปยังท่าเรือ Taizhou ของประเทศจีนโดยละเมิดทั้งอนุสัญญาบาเซลและกฎหมายประเทศจีน

ความจริงแล้วสิ่งที่น่ากลัวก็คือ การเจรจาความตกลงการค้าระหว่างประเทศเหล่านี้กำลังดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว และจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ความตกลงเหล่านี้อาจมีอำนาจเหนือกว่ากฎหมายในประเทศ และอนุสัญญาบาเซล และข้อห้ามบาเซลที่ห้ามมิให้มีการส่งออกขยะพิษมายังประเทศกำลังพัฒนา

“ขณะนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า ญี่ปุ่นไม่ต้องการให้สัตยาบันต่อข้อห้ามบาเซล และพยายามดำเนินการที่จะไม่ให้ประเทศเพื่อนบ้านบังคับใช้ข้อห้ามบาเซลเช่นกัน” ทาเคชิ ยาซูมะ จาก Citizens Against Chemicals Pollution ในกรุงโตเกียวกล่าว “โชคร้ายที่ความตกลงการค้ากับญี่ปุ่น เช่น ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น (JPEPA) หรือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ไปส่งเสริมแผนการอาณานิคมขยะที่ไร้จริยธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์ของอนุสัญญาบาเซลโดยสิ้นเชิง”

“ญี่ปุ่นมีเจตนาที่จะทิ้งขยะพิษในประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด มีหลักฐานแสดงให้เห็นอยู่ ญี่ปุ่นพยายามจะใช้ความจนตรอกของรัฐบาลในการพัฒนาสถานะการค้ากับญี่ปุ่น หรือการได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นในการพัฒนาประเทศ” กิตติคุณ กิตติอร่าม จากกรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว

เขากล่าวด้วยว่า “ญี่ปุ่นไม่ควรคาดหมายว่าประเทศเหล่านั้นจะยอมแลกความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์ทางด้านเศรษฐกิจ การทำลายสิ่งแวดล้อมและการสะสมสารพิษเป็นค่าใช้จ่ายที่มหาศาล ซึ่งจะต้องชดใช้ไม่ช้าก็เร็ว และคนที่ต้องชดใช้ก็คือพวกเรา ไม่ใช่ญี่ปุ่น เมื่อเวลานั้นมาถึง”

JTEPA นี้ มีเรื่องขยะพิษด้วยนะ แต่พี่ อ่านดูคร่าว ๆ แล้ว เหมือนกับเรายังสามารถยกเลิกข้อตกลงในบางเงื่อนไขได้
 
ซึ่งญี่ปุ่นรู้จุดอ่อนเราดีว่า ถ้ามอบอำนาจในการแก้ไขให้กับใครบางกลุ่มแล้ว  เช่น กระทรวงสิ่งแวดล้อม หรือ etc ... เขาจะล็อบบี้ไม่ให้แก้ไขนั้นง่าย

เพราะ คนไทยกลัวการตัดสินใจ และ ชอบกลัวโน้น กลัวนี่ไปหมด แถม แรงเสริม เกี่ยวกับการ คอรับชั้นอีก

ดังนั้น ในเงื่อนไขของ JTEPA จึงบอกให้มีไว้ก่อน แล้ว ค่อยมาแก้เอาทีหลังถ้าไม่ชอบ ...

Psst,Nong...I don't want to betray the land I live... but..there are some protest from Greenpeace Germany about that....Some private company ship a block garbage/waste plastic to China... they sell it cheap for Chinese to moulding new as a recycle plastic(black)
Greenpeace argues that each country should try to get rid of their waste themself...not push it where else.
The actual news in Germany was about the protest of a nuclear waste transport to another place and another country...
bla,bla,bla.....
p.nn

ตอนนี้ที่แน่ๆ อย่างที่พี่หนิงบอก
ประเทศจีนกลายเป็นถังขยะ รับขยะพิษระดับโลกไปแล้วค่า
(โดยเฉพาะขยะจากญี่ปุ่น)  :twisted:


แล้วนี่ถ้าประเทศไทยจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
กากกัมมันตรังสี เราจะกำจัดกันยังไงเอ่ยย :roll:

ขอต้อนรับเข้าสู่การตาหาเพชรนะเอ๋อ เรื่องทำเอาเราแย่เหมือนกันทำอะไรไม่ได้ไปสองเดือนนอกจากอ่าน อ่าน อ่าน แล้วก็อ่านนี่ถ้าไม่ติดที่ไม่มีเงินกับหาที่เก็บหนังสือไม่ได้คงมีไว้เป็นของตัวเองแล้วล่ะ (ดีนะที่สอบสรรพเสร็จแล้วมาอ่านของเราตอนนั้นอ่านตอนจะสอบ มิดเทอมอ่ะ สุดๆ) :lol:  :lol:

คงยากที่จะเห็นโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในประเทศไทยในรุ่นของพวกเราอ่ะ :D

ได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองไทยในวัยเกษีนณกันเยอะไม่ใช่เหรอ จะบาปไหมถ้าเราเอาขยะที่ว่านี่ไปกองทิ้งแถวที่พวกนี้อยู่ เผื่อจะมีรีเวิร์สเอฟเฟคมั่ง วันนี้อ่านบทความในไทยรัฐ พบว่าการปลูกยูคาทำให้เกิดช้างเร่ร่อนด้วย

เหมือนที่ปอปลาว่าไว้ข้างบนอ่ะสิพี่เจษ
น่าสงสารช้างจริงๆ เลย (คนก็น่าสงสารด้วย)
ผลกระทบพวกนี้มันส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ จริงๆ
เหมือนที่เขาว่าอะไรนะ butterfly effect อะไรนั่น
(เกี่ยวมั้ย?? ไม่รู้แหะ ว่าไป...ไม่ได้จบสายวิทย์ คริคริ :lol: )

เรื่องนี้ ... พูดอีก ก็เศร้าใจซ้ำอีก
เฮ้อๆๆๆ   :cry:

so let 's donate a banana...
p .nn

แถมอ้อยด้วยได้ป่าวคะพี่หนิง  :D

banana for Nong Warm,
sugarcane for Nong Veevee!!
p.nn

เข้ามาเซ็นชื่อ

sign in your dream too nakaaaa.
p.nn

เอ่อ นี่กระทู้อะไร ลืม??

อ๋อ โลกร้อน

วันนี้ไปช็อปปิ้งกับพี่ที่กลับมาจากญี่ปุ่น เราก็ปฎิเสธถุงพลาสติกแทนเค้าเลยค่ะ พี่เค้าก็บอกว่าอย่างงี้ต้องไปอยู่ญี่ปุ่น เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเนี่ย ต้องยกให้

 :D ดีใจ ทำอย่างงี้แล้วไม่เป็นเรื่องแปลก

ตอนนี้คงไม่แปลกแล้วล่ะมั้ง ทุกคนคงรู้กันแล้วแหล่ะว่าต้องช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนกันคนละไม้ละมือ อยู่ที่ว่าใครจทำเป็นกิจวัตรมากกว่ากัน

เดี๋ยวนี้ที่วิลล่า มาร์เก็ตหน้าบ้านเรา ถ้าไปซื้อของแล้วไม่เอาถุงพลาสติก
แคชเชียร์เขาจะขอบคุณเลยนะ  :D แบบว่า "ขอบคุณค่ะ" ไรงี้

อาจจะไม่เป้นอย่างที่แกคิดก็ได้นะ

เดี่ยวว่างๆ จะมาร่ายยาวให้ฟัง และให้ดู

Active the campaign  using textil bag....
p.nn(cool world)

ช่วงนี้โคตรร้อนเลย เราเลยไม่ค่อยไปทานข้าวเที่ยงที่ตลาดหลังการบินเลย เพราะว่ามันร้อนอะ ร่มก้อช่วยไม่ค่อยได้

วันหลังกะว่า จะซื้อมาตั้งแต่เช้าเผื่อตอนเที่ยงด้วยดีกว่า  :x

ช่ายๆ แดดตอนเช้าแรงมากๆ
วันก่อนตื่นนอนแล้วออกไปตากผ้า โดยยังไม่ได้อาบน้ำล้างหน้าทาครีมกันแดด

ตากอยู่แป๊บเดียวไม่ถึง 5 นาที กลับเข้ามาแสบผิวไปหมดเลย
แล้วอีก 10 ปีจะอยู่กันยังไง  
(ไม่นะ  :x  ฉันยังไม่ได้แต่งงาน  :cry: )

เป็นไปได้ 2 กรณี
1. คนญี่ปุ่นสร้างภาพ
2. เมืองที่เธอยู่ไม่ปกติเหมือนเมืองอื่นๆ

แต่ชั้นว่าน่าจะเป็นข้อ 2 ที่มันผิดปกติเพราะเธอไปอยู่รึป่าว :roll:

เมื่อวานนี้ไปซื้อของที่สหกรณ์จุฬาฯ มา
เค้ามีติดป้ายไว้ด้วยว่า "ช่วยลดขยะด้วยการปฏิเสธถุงพลาสติก"

ก็ดี มีกะเค้าแล้ว


อ้อ  เดี๋ยวนี้ชั้นชอบกดเงินตู้ ATM ของไทยพาณิชย์นะ
เพราะเค้ามีให้เลือกด้วยว่าจะเอา หรือไม่เอาสลิป เพื่อเป็นการประหยัดกระดาษ
ลดการทรัพยากร  :lol:  :lol:  :lol:

มารอฟังน้อง warm ร่าย...

น้อง warm :o

ู^
^
^
^
ทันตแพทย์ผิว "เนียน" นะเนี่ย ฮ่าๆๆ

พี่วอร์มหาย(ตัว)ไปแล้ว :lol:  :lol:

จริงด้วยค่ะคุณ ช่วงนี้พี่วอร์มหาย พี่หนิงก็หายได้ด้วย ยู้ฮู....

พอไม่มีพี่ๆ สองคนนี้
บอร์ดเราเงียบไปเลยเนอะ  :lol:

ได้ข่าวว่าช่วงนี้พี่วอร์ม กะ พี่หนุงหนิง
กะลังเห่อน้องใหม่อยู่ (รุ่น 46) อิอิ
เห็นแวะไปแจมบ่อยๆ  

เราก็แอบแวะไป  
พอเข้าไปแล้วรู้สึกกระชุ่ม กระชวยยังไงไม่รู้ :D

สืบเนื่องจาก ข้อความนี้ของ ซิ่ม...

วันนี้ไปช็อปปิ้งกับพี่ที่กลับมาจากญี่ปุ่น เราก็ปฎิเสธถุงพลาสติกแทนเค้าเลยค่ะ พี่เค้าก็บอกว่าอย่างงี้ต้องไปอยู่ญี่ปุ่น เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเนี่ย ต้องยกให้"


เรื่องสิ่งแวดล้อมนี่เรื่องไหนล่ะ...


เอาแบบรวบตึง

ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว..เฉพาะที่ ไม่ครอบลุม ไม่เป็นสากล ไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้

ปัจจุบันนี้ ญี่ปุ่นมีอัตราการบริโภคภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นมากมาย(ในขณะที่ด้านอุตสาหกรรมกลับลดลง ทั้งนี้เนื่องจาก ต้องทำการ ข้อตกลงระหว่างประเทศ และการควบคุมอย่างเข้มงวดของทางการ ประกอบกัยภาคอุตสาหกรรม ญี่ปุ่น ได้ลงทุนด้านอุตสาหกรรมในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ซะแล้ว...อย่างที่รู้ๆกัน)

เลิกๆๆ เลิกอ้างถึงวิชาการ

เอาความคิดชั้นดีกว่า...

รู้มั้ยว่า ของกิน ขนม ขงฝาก ต่างๆ นานา ของญี่ปุ่นเนี่ย

ห่อกันกี่ ชั้น  

เอะอะไร ก็แล้วห่อ แล้ว ห่ออีก อะไรนักหนา (หรือว่ามันจะเป็นเฉพาะร้านแถวบ้านชั้น)

ไปซื้อของที่ซูเปอร์ ไม่เคยเห็นใครใช้ถุง ผ้า หรืออะไรก็ตามที่นำมาจากบ้าน(อาจจะเป้นนิสัยแค่คนแถวนี้เท่านั้น)

ขยะที่กองๆรวมกันแถวบ้านก็สูงเป็นภูเขาทุกวัน....(แถบนี้เป็นที่อยู่ของคนรวย...เค้าอาจจะกินดีอยู่ดี กินเยอะเกินคน)


แต่สิง่ที่ควรชื่นชมคนญี่ปุ่นคือ...

ความมีระเบียบวินัยใน การจัดการ จัดเก็บ ของเค้ามากกว่า...

ที่ทำให้ดู สะอาด เป้นระเบียบ
และกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แต่ถ้าจะชมที่ว่า "เรื่องสิ่งแวดล้อมต้องยกให้"....ชั้นขอเถียง คอเป็นเอ็น (จนกว่าจะได้สัมผัสกับชุมชนเหล่านั้นจริงๆ)



อย่างไรก็ตามเรามักจะเห็นเสมอว่า ญี่ปุ่น มีบทบาท นำ และเด่น ในเวทีโลก เมื่อมีการเปิดประเด็นเรื่องเหล่านี้.......

นั่นเป็นเพราะ กติกาสากลมากมายที่ บีบบังคับให้ อุตสาหกรรม อันยิ่งใหญ่บางบริษัทของญี่ปุ่น ไม่อาจโลดแล่น อย่างสวยงาม บนโลกใบนี้ได้ ถ้าเค้าไม่หันมารณรงค์เรื่องสิ่งแลดล้อมกันอย่างออกหน้าออกตา


ใครมีอะไรจะ งง ก็ว่ามาเลย

หุหุ

Hiiiii
p.nn

Nong Aer,
I am there everyday...after I saw your room win code 39...I think my mission is done...so I have another mission...keep my eyes and concentration to room:46,47,48...sometimes 40 and 45 so that I won't lost the connection..they are start registering...right for me to jump in!
I am here again.
p.nn

Nong Warm,
but if you have to live in Germany...especially where i live in South-west area..the most properous area of all...garbage is money!!
why?
because the cost  how to get rid of garbage is so high..independ on a small village how they would manage...I used to live in Sinsheim..where my garbage tank(brown and black colour 120 liter)will have a magnet number the garbage truck will register every times they empty it...the more they empty..the high bill you get at the end of the month!!
in Leingarten ,my update living place has another system:they prepare a recycle place for you...you have to seperate all sort of garbage by yourself...then there are no one to do it for you(in Sinsheim,they seperate for you but you have to pay!!!)my rest garbage tank reduce to 50 liter and empty every 2-3 weeks cause all out of that has been carried and seperated by recyclehof.Your tank need a ticket yearly for 45 Euro...that is really cheap...one time a year...but I have to drive my garbage to recycle hof every 2-3 weeks
which methode you prefer????
p.nn

แบบบ้านเราดีกว่า


แยกขยะนะ...แต่เอาไปเผารวมกัน...การจัดการจิงๆจังมันก็คงมีแต่ไม่ทั่วถึง

การรณรงค์แยกขยะ น่ะมันง่าย

แต่จะสร้างสิ่งที่จะมากำจัดขยะได้ทุกประเภทตามที่แยกน่ะ มี ทั่วถึงจิงรึป่าวก็ไม่รู้

......

เม้าท์หน่อย

ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกทม นี่แหละ....

ในห้องน้ำ แปัป้ายว่า ห้ามทิ้งกระดาษชำระในชักโครก.....

แล้วไง...

ทิชชู่ก็เต็มถังขยะ...

แล้วไงต่อ...

แม่บ้านมาจัดการ....

ยังไง...

เอาเทลงไปที่ชักโครกแล้ว กด ......


จบ


เห็นกับตาเพราะเพิ่งขี้เสร็จแล้วเปิดประตูมาเจอป้าแกกำลังปฏิบัติการเยี่ยงนี้ในห้องตรงกันข้าม


ไม่บอกชื่อห้าง..


ประเทศไทย จงเจริญ 8)

I can adapt myself easier I think...
p.nn

วันนี้เพิ่งอ่าน ECO Handbook ของบริษัทมา

เนื้อหาก็ดีทีเดียว

เรื่องโลกร้อนยอดฮิต และเรื่องสิ่งแวดล้อมมากมาย

It's cold in Germany!!
13 °celcius!
nn.

ดีจังหนาวแล้ว
ที่นี่ยังยี่สิบกว่าตอนกลางวัน
กลางคืนสิบกว่าคับ

อยากให้หนาวกว่านี้

เพราะชินกับอากาศที่ยุโรป

มีเผื่อสักเล่มป่าวอ่ะพี่วอร์ม อยากอ่านด้วย  :D

เคยดูรายการ โกะโกริโกะ เกมกึ๋ย
เราเห็นภาพเลยนะ ว่าจริงๆ คนญี่ปุ่นบางส่วน
มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการขยะในบ้านตัวเองมากๆ

เล่นเก็บ เก็บ เก็บ แล้วเก็บ
เก็บแล้ว เก็บอีก จนขยะล้นบ้าน
เดือนร้อนคนข้างบ้านเขา ที่สังเกตดูบ้านเราไม่มีถึงขนาดนี้
หรือมีก็มีไม่มาก (เพราะมันไม่มีให้เก็บมั้ง)

ดูบ่อยๆ แล้วตกใจเลย เฮ้ยยยยย ทำไมที่ญี่ปุ่นมันมีบ้านขยะเยอะแยะยังงี้หว่า  :shock:  :shock:  :shock:

แล้วเค้าเก็บไปทำอะไรอ่ะ

เราว่ามันเป็นอาการทางจิตนะ

บางคนเป็นคนแก่ ที่ผ่านช่วงสงครามมา
ก็เก็บ เก็บ เก็บ ของไว้กลัวว่าจะมีสงครามอีก แล้วจะเกิดเหตุการณ์ข้าวยาก หมากแพง
เลยเก็บจนจัดการไม่ได้

บางคนสูญเสียคนรักไป ก็เสียสูญไปเลย
เก็บนู่น เก็บนี่มาไว้บ้านหมด

บางคนบ้าจักรยาน ก็เก็บอะไหล่จักรยาน

บางคนกรูอยากเก็บมีไรมะ

แต่ส่วนใหญ่ที่เราสังเกตดูจะเป็นคนแก่ที่เคยผ่านสงครามมาแล้วทั้งนั้น

คนพวกนี้จะหลีกหนีจากสังคม
ไม่ยอมเข้าสังคม อยู่คนเดียว
และบ้านขยะพวกนี้ เป็นบ้านเดี่ยวมีพื้นที่ มีรั้วรอบ

มันเยอะจนกระทั้งล้นบ้านไม่พอ มันล้นรั้วออกมาข้างนอกเลยล่ะ

:roll:

คำถามที่ 1 ถามว่า.........

ถ้าช่วยโลกในเรื่อง การลดใช้ภาชนะประเภทโฟมหรือถุงพลาสติก เวลาเราไปซื้อข้าว&กับข้าว จากหอพัก ไปกินที่ห้อง เราจะช่วยโลกได้ยังงัยอะ

ต้องเอาจานไปเองเป่าอะ...อันนี้อยากรู้จริงๆ  8)

ก็ถ้าทำได้ก็ดีนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ลดให้ใช้น้อยที่สุด อย่างปกติจะต้องเอาถุงใส่ข้าวกับกับข้าวที่ใส่ถุงอยู่แล้ว เราก็ไม่เอาถุงนอกสุด แค่เอาข้าวกับกับมาใส่ถุงผ้าหรืออะไรประมาณนี้

อือ....งั้นต้องใช้มือหิ้วไปแทนดิ เพราะเราไม่มีถุงป้า...เอ้ย...ผ้า  :wink:

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000123332

นักธุรกิจอุบลฯเจ๋ง! คนแรกของโลก ค้นพบวิธีผลิต “ไบโอดีเซล 100%”
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2550 18:30 น.
 
 
   
นายพิชาญ จันทร์เจริญชัย อายุ 47 ปี เจ้าของบริษัทสหัสวรรษไบโอดีเซลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
 
 
       อุบลราชธานี- ฮือฮานักธุรกิจค้าน้ำมันไขมันสัตว์-พืช จ.อุบลฯ ใช้เวลากว่า 4 ปี วิจัยพบสูตรการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ที่ให้ประสิทธิเหมือนน้ำมันดีเซลทุกประการ ทั้งยังค้นพบการนำ “กลีเซอรีน” สารตกค้างในกระบวนการผลิตไบโอดีเซลที่ไร้ค่า นำกลับมาใช้ผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้เป็นรายแรกของโลก เผยช่วยลดต้นทุนการผลิตน้ำมันชนิดนี้ลดลงกว่า 300% โดยเจ้าตัวจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการค้นพบการลดต้นทุนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลที่ให้ประสิทธิภาพเต็ม 100% เทียบเท่าการใช้น้ำมันดีเซล นอกจากนี้ ยังนำกากตกค้างจากกระบวนการผลิต หมุนเวียนกลับมาใช้ทำน้ำมันชนิดเดียวกัน และมีประสิทธิภาพทัดเทียมกันด้วย
       
       ทั้งนี้ ผู้ที่สามารถค้นคว้าสำเร็จรายนี้ คือ นายพิชาญ จันทร์เจริญชัย อายุ 47 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยช่างกลปทุมวัน เจ้าของบริษัท สหัสวรรษไบโอดีเซลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เลขที่ 48 หมู่ 9 บ้านทุ่งหว้า อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
       
       นายพิชาญ กล่าวถึงแนวคิดผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ว่า เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4 ปีก่อน ขณะราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำหน่ายไอศกรีมซึ่งตนทำอยู่ โดยต้องใช้รถเป็นพาหนะขนส่งไปให้ลูกค้าหลายคัน แบกภาระใช้น้ำมันวันละกว่า 400 ลิตร เริ่มแรกได้ทดลองค้นคว้าและหาความรู้จาก นายสมอทอง แนวชัยน้ำ ผู้รู้กระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลดีคนหนึ่งของประเทศไทย และได้ซื้อเครื่องใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลมาทดลองทำใช้เองที่บ้านพัก
       
       เบื้องต้นสามารถผลิตน้ำมันได้ประมาณวันละ 50 ลิตร และนำไปทดลองใช้ในรถยนต์ขนส่งไอศกรีมของตน แต่การใช้น้ำมันไบโอดีเซลในระยะแรกประสบปัญหาไส้กรองน้ำมันอุดตัน ต้องเปลี่ยนไส้กรองใหม่ทุกเดือน ตนจึงได้เริ่มค้นคว้าหาวิธีแก้ไขกระบวนการผลิต ไม่ให้น้ำมันที่ใช้ ทำให้ไส้กรองน้ำมันอุดตัน ก็ประสบความสำเร็จสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จึงขยายกำลังผลิตน้ำมันไบโอดีเซลออกขาย ซึ่งโรงงานปัจจุบันผลิตได้วันละกว่า 1,000 ลิตร มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการ เพราะน้ำมันไบโอดีเซลมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลเฉลี่ยลิตรละ 3-4 บาท

 
 
นายพิชาญใช้เวลากว่า 4 ปีศึกษาค้นคว้าการผลิตไบโอดีเซลประสิทธิภาพสูง 100 %
 
 
       อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณต้นปี 2549 วัตถุดิบที่ใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล เช่น ไขมันสัตว์ ไขมันพืช และจากน้ำมันใช้แล้วมีราคาแพงขึ้น ประกอบกับกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจะมีกาก “กลีเซอรีน” ตกค้างราว 20% โดยกากกลีเซอรีนไม่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะให้เพียงพลังความร้อนอย่างเดียว
       
       นายพิชาญ กล่าวว่า ตนจึงได้เริ่มทดลองค้นคว้ากระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ที่ไม่มีกากกลีเซอรีนตกค้าง โดยใช้เวลากว่า 1 ปี ก็ค้นพบกระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งสามารถทำการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โดยไม่ให้มีกากกลีเซอรีนตกค้าง คือ สามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซลได้เต็ม 100% ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพ ในการให้พลังงานของน้ำมันเท่าเทียมกับน้ำมันดีเซลที่ใช้อยู่ทุกประการ เช่น น้ำมันดีเซลมีความสามารถให้ระยะทาง 10 กิโลเมตร/ลิตร น้ำมันไบโอดีเซล ที่ผ่านการผลิตที่ไม่มีกากกลีเซอรีนตกค้างก็สามารถใช้งานได้ระยะเท่ากัน
       นายพิชาญ กล่าวต่อว่า เมื่อค้นพบกระบวนการทำปฏิกิริยาไม่ให้มีกากกลีเซอรีนตกค้างในน้ำมันไบโอดีเซลสำเร็จ จึงได้ศึกษาค้นคว้านำเอาเฉพาะกากกลีเซอรีน ที่โรงงานผลิตไบโอดีเซลทิ้งในแต่ละวัน นำกลับมาผ่านกระบวนการผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งก็สามารถผลิตใช้เป็นน้ำมันไบโอดีเซลคุณภาพสูงเท่าเทียมกับน้ำมันดีเซลได้เช่นกัน
       
       การนำกากกลีเซอรีนมาผลิตยังมีผลดีต่อโลก คือ สามารถกำจัดกากทิ้งไม่ให้เหลือตกค้าง เพราะกากกลีเซอรีนถูกนำไปใช้ในการเผาไหม้ตามโรงงานที่ต้องการความร้อน แต่การเผาไหม้ที่ไม่ถูกวิธีจะเกิดเป็นมลพิษ ส่งผลต่อชั้นบรรยากาศของอากาศ ทำให้โลกร้อนยิ่งขึ้น
       
       สำหรับการนำกากกลีเซอรีนมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลทั้งหมด นอกจากช่วยลดมลพิษทางอ้อม น้ำมันไบโอดีเซลยังเป็นน้ำมันบริสุทธิ์ไม่มีสารใดๆ เหลือตกค้างในกระบวนการเผาไหม้ผ่านเครื่องยนต์ของรถยนต์ และมีผลต่อผู้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลโดยตรง เพราะการนำกากกลีเซอรีนมาผ่านกระบวนผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลมีต้นทุนเพียง 8 บาท/ลิตร จากปกติมีต้นทุนการผลิตลิตรละ 22-23 บาท/ลิตร ลดลงร่วม 300%
       
       “ผลการวิจัยค้นคว้าครั้งนี้ ผ่านการตรวจสอบรับรองผลจากศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และผมได้ทำการจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้แล้ว” นายพิชาญ กล่าวและระบุเพิ่มเติมว่า
       
       การค้นคว้ากระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ไม่มีสารกลีเซอรีนเหลือค้าง และการนำกลีเซอรีนกลับมาผลิตเป็นน้ำมันใหม่ดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถค้นคว้าได้ ตนจึงถือเป็นผู้ผลิตรายแรกของโลก
       
       ปัจจุบันประเทศไทยมีกลีเซอรีนที่เหลือจากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลประมาณวันละ 400,000 ลิตร โดย 200,000 ลิตรเป็นกากกลีเซอรีนของบริษัท ปตท.ที่เหลือกระจายอยู่ตามโรงงานผลิตน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศ กระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลโดยไม่มีกลีเซอรีนเหลือค้าง จะทำให้ประเทศสามารถลดการนำเข้าน้ำมันดีเซลได้อีกวันละกว่า 400,000 ลิตรด้วย

จริงๆ แล้วการลดปริมาณขยะเนี่ย มันต้องทำกันอย่างจริงจังเลยล่ะ
อย่างเช่นเรื่องถุงพลาสติกหูหิ้วนี่ ก็ไม่ต้องรับ ใช้ถุงผ้าหรือถุงอะไรก็ได้ที่ใช้ได้นานๆ (ปาร์ไม่มีซื้อได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวนี้มีขายทุกหัวระแหง)

หรือจะให้ดี ใช้ปิ่นโตไปเลย เอาไปใส่กับข้าวตามร้าน...ยิ่งหอพักยิ่งดี เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านเขาคงไม่ว่ากระไร

พวกของใช้อย่างอื่นก็เลือกที่มันรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์อื่นๆ ต่อได้ เราว่านมนี่เราควรจะเลือกนมกล่องกระดาษมากกว่านมขวดพลาสติกรึเปล่า เดี๋ยวนี้เห็นนมผงใส่กระป๋องพลาสติกด้วย เมื่อก่อนใส่กระป๋องเหล็กๆ ก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ น้า

จริงๆ แล้วตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนมาเป็นพลาสติกหมด เพราะมันถูกกว่าใช่มะ
เมื่อก่อนไปชอปปิ้งตามห้าง จะได้ถุงกระดาษ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่ถุงพลาสติก

เรื่องแบบนี้นะ มันอยู่ที่นิสัย ความเคยชิน และสามัญสำนึกด้วย  ก็ตอนอยู่หอกับเมท เราก็แยกขยะที่ขายได้มาให้แม่บ้านที่มหา'ลัย/แม่บ้านที่หอ พวกกระดาษและถุงพลาสติกต่าง ๆ ก็แยก ถ้าบางทีไม่รีบก็ล้างกล่องนมกระดาษ ตากเก็บไว้ เอาไว้ไปให้โรงเรียนเก่าขายทำ green board มีเมทคนหนึ่งเคยบ่นว่าเราคนเดียวจะไปทำอะไรได้ เราก็เฉย ๆ แหละ

พอย้ายออก เค้าก็ไม่ทำต่อ กลับไปนอน 2-3 ครั้ง เห็นขยะหลังห้องแล้วตกใจ ทุกอย่างก็ทิ้งรวมกันหมด 2 ถุงใหญ่ ๆ  เมทเราเค้าซื้อข้าวมากินที่ห้องทุกวัน กับข้าว และผลไม้ทุกอย่างต้องถุงพลาสติกแยก  แล้วก็ทิ้งทุกถุงที่ได้มา คิดดู มื้อละ 3-4 ถุง ถ้าเสาร์อาทิตย์ก็ วันละ 3 มื้อ ถ้าเราอยู่เราก็จะใส่ถุงเดียวให้เต็มก่อน แล้วเก็บที่เหลือไว้ เค้าคงรำคาญเราน่าดู  :? และคงดีใจที่เราย้ายออกมาได้

พอมาดูในเว็บก็สะท้อนใจ แต่เมทคนที่เราคุยด้วยได้ก็บอกว่า "สิ่งที่เราทำ แม้เพี่ยงน้อยนิด แต่ก็ใช่จะไร้ค่า :wink: "

อะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุของโลกร้อน

ก็นิสัยคนที่ต้องการความสะดวกสบายให้ตัวเองมากที่สุด โดยไม่คำนึงว่าเครื่องให้ความสะดวกจะเดือดร้อนใคร/โลกบ้างรึป่าว โมโห ๆ :x

เมื่อกี้ดูเรื่องจริงผ่านจอ
มีเรื่องนักศึกษาหลายสถาบัน รวมทั้งจุฬาฯ ของเราด้วย
รวมตัวกันของบริจาคกระดาษ A4 ที่ใช้ไปหน้าเดียว
เอามาทำเป็นสมุด เล่นน่ารักๆ ขาย

เงินที่ได้เอามารณรงค์ลงการใช้กระดาษล่ะ  :D  :D

แล้วพวกโรงงาน หรืออะไรอย่างอื่นล่ะแก

A lot of aeroplane in the sky traffic!! they produce a lot of heat!
p.nn

 

		อ้างถึง
	party พิมพ์ว่า: คำถามที่ 1 ถามว่า......... ถ้าช่วยโลกในเรื่อง การลดใช้ภาชนะประเภทโฟมหรือถุงพลาสติก เวลาเราไปซื้อข้าว&กับข้าว จากหอพัก ไปกินที่ห้อง เราจะช่วยโลกได้ยังงัยอะ ต้องเอาจานไปเองเป่าอะ...อันนี้อยากรู้จริงๆ

งงอะโก๊ะอธิบายหน่อยดิ 8)

หมายถึงว่า........ในเพลาที่ข้าพเจ้ามิใคร่จะรับประทานอาหารที่โรงอาหารของหอพัก มิว่าด้วยเหตุใดก้อตาม อยากจะทำอาหารเหล่านี้ไปกิน ณ. ที่ใดที่นึงตามที่ข้าพเจ้าเห็นสมควร จะต้องประพฤติเยี่ยงไร

เนื่องจาก ณ.เพลาปกตินั้นเหล่าประชาพ่อค้าแม่ค้า ได้กระทำการใสถุงร้อนเพื่อให้ข้าพเจ้านำกลับไปกิน ณ. ที่ใดที่นึง

แต่ด้วยความมีจิตใจงามของข้าพเจ้า ใคร่อยากจะช่วยประชาชีในเรื่องโลกร้อน ข้าพเจ้าควรประพฤติเยี่ยงไรรรรร........แตร้ง แตร้ง  แตร่ง แตร้ง (จบแนวลิเก เอิ้กกก  :lol: )

โอเค...เราผิดเองที่ไปติดภาพโก๊ะของปาร์อะโทษทีนะนึกว่ามาปล่อยไก่ไว้กลายเป็นเราปล่อยซะเอง :roll:

Volvo Recharge => รถยนตร์ เสียบปลั๊ก ในงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์

(http://pics.manager.co.th/Images/550000014105509.JPEG)

 :o

รูปใหม่วี ใส่เสื้อเขียว แจ่มดี ชอบๆ
เข้าคอนเซปต์โลกร้อน อิอิ

ปีนี้ยังไม่ค่อยหนาวเลย...เค้าบอก

ถ้ามันร้อนมากจนไม่มีหิมะล่ะ ที่ปารีสเป็นแล้วนะ มีคนฝรั่งเศสที่รู้จักเค้าบอกมา

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000144021

จีนเขาลด พื้นที่ทะเลทรายได้นะ  :wink:

...

 

		อ้างถึง
	เอเอฟพี - จู้เลี่ยเคอ รองผู้อำนวยการคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติจีนระบุ พื้นที่ทะเลทรายของจีนลดจำนวนลง สืบเนื่องจากความพยายามฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้มาเป็นเวลาแรมปี โดยจากข้อมูลสถิติระบุ พื้นที่ทะเลทรายลดลง 1,283 ตารางกิโลเมตรต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ซึ่งในช่วงนั้นพื้นที่ทะเลทรายขยายตัวปีละ 3,436 ตารางกิโลเมตร                โดยที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งได้ลงทุนถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในโครงการสำคัญเพื่อเนรมิตพื้นที่สีเขียวทางตอนเหนือของประเทศ และปรับพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนให้กลายเป็นพื้นที่ป่า อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อยับยั้งการขยายตัวของทะเลทราย จู้กล่าว                อย่างไรก็ตาม ทะเลทรายยังคิดเป็นสัดส่วน 28.8% ของพื้นที่แผ่นดินจีน แต่จู้ระบุว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่าเป็น 20% ของพื้นที่ในประเทศภายในปี 2010 และเพิ่มเป็น 23% ภายในปี 2020 โดยปัจจุบันป่าจีนครอบคลุมพื้นที่ 18.2% ขณะที่ระดับเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 30%

...

ขุดขึ้นมาใหม่ เพราะยังเป็นเรื่องในกระแส ตลอดกาล :D

ที่ USA ก็เป็นเหมือนกันล่ะ ดูในทีวี
ปกติพอเทศกาล 'x mas มาถึง หิมะก็จะตก
แต่ปีนี้มันไม่ตกแล้ว เพราะปัญหาโลกร้อน
พวกฝรั่งก็เลยต้องจ้างเขามาทำหิมะปลอมล่ะ  :?

ได้ยินเสียงลือว่าต่อไปประเทศไทยจะมีนครสวรรค์เป็นเมืองชายทะเล....จิงป่าว น่ากลัวจัง :(

ก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ ๆ อากาศตอนนี้มันวิปริตไปหมด หน้าหนาวแท้ ๆ กลับร้อนตับแล็บเลยอ่ะ โดยปกติโลกมันจะมีวงจรของตัวมันเองจากยุคน้ำแข็งจะค่อย ๆ ร้อนขึ้นแล้วก็จะค่อย ๆ กลับไปยุคน้ำแข็งอีก แต่ตอนนี้โลกมันร้อนเร็วเกินไปสิ่งมีชีวิตปรับตัวไม่ทัน จะต้องมีสัตว์มากมายสูญพันธุ์แน่นอน คิดแล้วเศร้า คนเรานี่นะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ ตอนนี้ทุก ๆ คนก็ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนแล้วกันนะ คนล่ะไม้คนล่ะมือ :lol:

ช่ายๆ เป็นภัยมืดที่กว่าจะรุ้ตัวอาจจะสายเกินแก้ก็ได้ยิ่งปีนี้รุ้สึกอากาศแปรปรวนรุนแรงมากไหนพายุฝนจะรุนแรงขึ้น หน้าหนาวแทบไม่มีให้รุ้จัก แล้วยังร้อนซะจนน่าเวียนหัว เฮ้อ ใครขายที่ตั้งแต่นครสวรรค์ขึ้นไปบ้างมั๊ยครับ(กลัวไม่มีที่อยู่) :cry:

โชคดีนะเนี่ย เกิดเป็นคนเชียงใหม่  :lol:
เสียอย่างเดียว...มีคนไม่ดีอยู่คนนึง  :x

สุรินทร์บ้านชั้น ก็คงเป็นเมืองตากอากาศล่ะแก
ถ้าน้ำทั่วขนาดนั้นน่ะ  :wink:

ใคร :?:

ก็ดีนะแก :lol:

เพลง เพื่อลดโลกร้อน...

โดยเฉพาะ ท่อนแรกๆ

ถ้าอยากให้โลกหายร้อน กรุณาฟังให้จบเพลง



<object><param></param><param></param></object>

อีกเวอร์ชั่นนึง...

<object><param></param><param></param></object>

ฟังแล้วขำดี

จำได้ว่าเคยได้ยินแว๊บๆ สมัยเด็กๆ

yeryyy...that song was my time by RCU!!!
weiii...20 years naja...
p.nn

 โอ้วววววว!!! เพลงสมัยเรายัง baby ๆ ๆ  

คนที่คุณก็รู้ว่าใคร   8)

อยู่ ๆ เมื่อเช้าฝนก็ตก งงมาก ไฟดับด้วย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น หน้าหนาวที่โคตรร้อนและฝนตก

เค้าบอกว่าเป็นฝนโลกร้อน จริงเหรอ :shock:

อีกเรื่อง เมื่อวานคนรู้จักไปแจกผ้าห่มที่กาฬสินธ์เพราะประกาศเป็นเขตหนาวจัด ทำไมอากาศที่กรุงเทพกับอีสานถึงได้ต่างกันขนาดนี้ :?

น่ากลัวจริง ๆ