Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องแสงทองของชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุจฉา ที่ 10 สิงหาคม 2550, 15:18:50



หัวข้อ: คุณแม่สามีชอบทำบุญเอาหน้า........ดิฉันก็แย่สิค่ะ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ปุจฉา ที่ 10 สิงหาคม 2550, 15:18:50
กระทู้นี้ตั้งไว้เมื่อ  24 กรกฎาคม  ขอแยกเพื่อง่ายต่อการถาม-ตอบ

:?:  :?:  :?: ขอเพิ่มคำถามในเรื่องคล้ายๆ กันนี่แหละค่ะ

แม่สามีดิฉันเป็นคนทำบุญเอาหน้ามากๆ ค่ะ

แกไม่เคยรู้เลยว่าการทำบุญนั้น ไม่มีแค่การทำทานอย่างเดียว

แกไม่เคยอ่านบุญกรืริยา 10 ประการแต่อย่างใด

แกทุ่มเงินเพื่ออามิสทานอย่างเดียว

โดยไม่สนใจว่าลูกเต้าจะเอาเงินที่ไหนมาให้แกทำบุญได้มากๆ

ตามที่แกไปรับปากพระท่านเอาไว้

พอบอกว่า ทำมากขนาดน้นไม่ได้ แกก็โกรธ หาว่า ไม่รักษาหน้าแก แกจะเสียศักดิ์ศรี

ก็เลยจำจะต้องยมอทำตามทีแกบอกทุกครั้ง อยากดัดนิสัยแกก็อยากทำ

แต่ลึกๆ ก็สงสาร แถมจะเป็นการไปขัดขวางคนตั้งใจจะทำบุญทำกุศล

เคยพยายามบอกแกว่า การทำบุญนั้น ไม่ได้ทำแบบนี้อย่างเดียว

ทานก็มีตั้งหลายแบบ อามิสทาน ธรรมทาน อภัยทาน ก็ทำไปมั่งสิ

ซึ่ง 2 อย่างหลังไม่เห็นเคยทำเลย

แถมการรักษาศีลก็เป็นการทำบุญ

และที่สำคัญ การสวดมนต์ภาวนาชำระจิตใจให้ผ่องใสน่ะ ก็เป็นการทำบุญที่อานิสงส์มากจะตาย

แกก็ไม่เคยเปิดใจรับเลย แกพูดอยู่คำเดียวว่าแกอาบน้ำร้อนมาก่อน

แกอยู่มาจนเลี้ยงสามีดิฉันโตได้ขนาดนี้แกรู้หมดแล้ว

แต่ความจริง แกยังเป็นกบเฒ่านั่งเฝ้ากอบัว

นั่งอยู่ใต้ดอกบัวแต่มองไม่เห็นความงามของมันอยู่เลยค่ะ


แกปิดประตูแห่งการเรียนรู้ทุกบาน ไม่รับรู้อไรอื่นทั้งสิ้น นอกจากว่า ทำบุญต้องทุ่มเงิน

หน้าตาต้องมาก่อน สักดิ์ศรีเป้นสิ่งที่จะต้องรักษา ถึงมีเงินก็ซื้อคืนทีหลังไม่ได้

ซึ่งความจริงดิฉันก็อาจจะไม่เดือดร้อนหากการที่แกไม่เปิดใจนั้นไม่มากระทบดิฉัน

แต่นี่มันเป็นลูกโซ่มากค่ะ เพราะการทำบุญเกินตัวเพื่อรักษาหน้าของแก

ส่งผลต่อภาวะการเงินในครอบครัวดิฉันเป็นอย่างมากค่ะ

พระอาจารย์จะกรุณาช่วยชี้ทางสว่างให้อย่างไรได้บ้างไหมค่ะ

มันทำให้จิตดิฉันขุ่นมัวอยู่บ่อยเหลือเกินค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยค่ะ
_________________
คนที่เข้มแข็งที่สุดก็ยังมีนาทีที่น้ำตาไหลริน


หัวข้อ: คุณแม่สามีชอบทำบุญเอาหน้า........ดิฉันก็แย่สิค่ะ?????
เริ่มหัวข้อโดย: วิสัชนา ที่ 10 สิงหาคม 2550, 15:22:49
วิสัชนา........

ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า...ที่ไม่อยากให้นั้น

เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณแม่สามี

หรือเพราะว่ามันส่งผลต่อภาวะการเงินในครอบครัว


หากเพราะเหตุผลอย่างแรก อันนี้ก็ให้เขาไปเถอะ ถ้าเราไม่เดือดร้อน

ถ้าเราจะบอกว่า..คนทำบุญเอาหน้ามันไม่ดี นั่นก็เพราะเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาทำบุญโดยไม่หวังอะไร

แต่ถ้าเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาไม่ยอมทำบุญเลย พวกทำบุญเอาหน้า..มันก็ยังดีกว่านะ

การกระทำใดๆ จะบอกว่าดีหรือไม่ดี บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเอาไปเปรียบเทียบกับอะไร


ถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดีกว่า สิ่งนั้นก็ดูไม่ดี แต่ถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งที่แย่กว่า สิ่งนั้นก็ดูดีขึ้นมาทันที

ทุกครั้งที่เขามาขอ ก็คิดซะว่า...

"ดีเหมือนกัน ลำพังเราเองคงไม่มีเวลาไปทำบุญ ฝากคุณแม่ไปทำนั่นล่ะดีแล้ว"

คิดได้อย่างนี้..ใจมันก็สบาย ความทุกข์..ความไม่สบายใจ หลายครั้งที่มีสาเหตุมาจากความคิดของตัวเอง


เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีคิดซะ ความสบายใจก็เข้ามาแทนที่

ที่เราไม่สบายใจเพราะคิดว่า..การทำบุญเอาหน้ามันไม่ดี ไม่ควรทำ ยังมีการทำบุญอีกตั้งหลายวิธี

แต่คุณแม่เขาไม่ได้คิดอย่างเรานี่ คนเราจะไปบังคับให้คนอื่นคิดเหมือนเราทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้

แม้เเต่เราเองก็ยังคิดไม่เหมือนคนอื่น

ในเมื่อเราบอก..เราแนะนำไปแล้ว แต่เขาก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ อันนี้ก็ต้องปล่อยเขาไปแล้วล่ะ




เขาขอเงินไปทำบุญก็ยังดีกว่าเอาไปเล่นการพนันนะ

แต่ถ้าหากว่าเหตุผลเป็นอย่างหลัง คือเรื่องภาวะการเงินในครอบครัว

อันนี้เราก็ต้องพูดกับคุณแม่สามีตรงๆ ถ้าไม่สะดวกก็ให้สามีเป็นคนพูดก็ได้ ยังไงเขาก็แม่ลูกกัน

เราสามารถให้ได้เท่าไร..เราก็ให้ไปเท่านั้น ส่วนเรื่องที่เขาจะเสียหน้าเสียตานั้น

อันนี้เป็นบทเรียนที่เขาควรจะได้รับ เมื่อโดนอย่างนี้บ่อยๆ เข้า

ต่อไปเมื่อเขาจะไปรับปากทำบุญกับใคร เขาจะใคร่คราญพิจารณาก่อนเอง

คงไม่มีใครยอมเสียหน้าบ่อยๆ หรอก เพราะเดี๋ยวจะไม่มีหน้าไปพบคนอื่น _________________
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ จิตย่อมใส ใจย่อมสว่าง ณ กลางกมล