Cmadong Chula

เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย => รุ่น 2543 => ข้อความที่เริ่มโดย: PUI ที่ 01 ตุลาคม 2550, 13:39:52



หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 01 ตุลาคม 2550, 13:39:52
เป็นพาดหัวข่าวในอีก 20 ปีข้างหน้าอ่ะ อ่านในเวลางาน(ยุ่ง)แล้วชอบ

1. ผู้คนแตกตื่น คลื่นยักษ์ “เนกิมะ” กลืนหาดภูเก็ต

2. “โรตีบอย คืนชีพ” หลังเพิ่มสูตรคอลลีเจล และอโรวร่า สาวๆ ชอบใจกินยังไงก็สวย

3. “น้องเดียว” ยอมรับ สอยกางเกงในคุณป้ามยุรา ยอมรับโรคจิตก็ใช่แต่อยากจะเอามาคลุมจอคอมพิวเตอร์มากกว่า

4. น้ำท่วมสยามเซ็นเตอร์ แฟชั่นรองเท้าบูธกรรมกรแจ้งเกิด

5. ขสมก. แจ้งขึ้นราคารถปรับอากาศขั้นต่ำ 80 บาท ประชาชนโวยแพงไม่ว่า แต่ปรับอากาศตรงไหน แอร์เปิดตรงแต่หัวคนขับ

6. บอลไทย “แห้วไปบอลโลก” ฟีฟ่าสั่งปรับแพ้ เหตุมวยหมู่นักเตะญี่ปุ่นทั้งๆ ที่นำ 4 – 0 ข้อหาเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษ

7. ญี่ปุ่นดอง “โคนัน เล่มที่ 270” รุ่นพ่อทำใจสงสัยตอนจบต้องให้ลูกหลานเผากงเต็กไปให้อ่าน

8. คลิปฉาว “เด็ก 14 นั่งทำการบ้าน” ยอดดาวน์โหลดหนึ่งแสนต่อวันไม่เคยเห็นของแปลกแบบนี้มาก่อน

9. พินาศ “รถไฟลอยฟ้าชนรถไฟใต้ดิน” ผู้ว่าฯ คิดอยู่แล้วไม่เวิร์คทำรางรถใส่เกลียวตีลังกา แต่อยากลองเฉยๆ

10. รักพี่เสียดายน้อง “AF ปี 25” นักล่าฝันแออัดล้นบ้านห้าสิบชีวิต 2 ใน 3 ตั้งใจโหวตตัวเองออก เพราะไม่รู้จะไปนอนที่ไหน ราวบันไดก็มีคนจองแล้ว

11. “ลูกชายซีดาน” เฮดบัดลูกชาย “มาร์โก มาเตรัซซี่” สลบเหมือด หลังมีง “ล้อพ่อหัวไข่ดาว”

12. โจรใต้ใจบุญ สร้างโรงเรียน ก่อนจะเผาโรงเรียนเอง

13. แท๊กซี่สุดเลว ปล้น “การ์ดยูกิ” หน้าภิรมย์พลาซ่า

14. มติผ่าน ตั้งตู้ขายถุงยาง 3 จุดในโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย ผู้ปกครองกุมขมับ ฝากลูกซื้อไม่ได้ เพราะไซด์ต่างกัน

15. “สก็อยต์สาวดับอนาถ” หล่นท้ายมอไซด์ สิบล้อทับไส้แตก เด็กแวนซ์สุดเซ็ง ตายห่าไม่ว่า ทำยางกูแบนอีกบอกแล้วให้ลดความอ้วนก็ไม่ฟัง

16. “จา พนม” เผยเคล็ดลับ กินนิ่วช้างสร้างสมรรถภาพซัมเมอร์ซอล์ทได้แม้เริ่มเข้าวัยทอง

17. ปัญหาครอบครัว แม่ส่งอีเมลล์บอกลูกชายชั้น 2 ให้ลงมากินข้าวชั้นล่าง

18. ชาวเน็ตรุมด่า “พจน์ อานนท์” สาเหตุสร้างหนังโชว์ตูดผู้ชายทั้งเรื่องผู้กำกับชี้แจง บอกพวกนี่ไม่เข้าใจศิลปะเลย หนังอาร์ตเข้าใจไหมโว้ย ฟาย

19. Hotmail แจ้งกำหนดเก็บเงิน msn เป็นครั้งที่ 177,459 อย่าลืมส่งต่อด้วย

20. “หมูแฮม” ออกหนังสือชีวประวัติ เผยชอบมดแดงอเมซอนเพราะท่าแปลงร่าง ที่ขับรถชนขออภัย เพราะเห็นภาพหลอนนึกว่าสมุนยักษ์สิบหน้าดักรุมทำร้าย

21. อัศจรรย์รุ่นใหม่ “โนเกีย” ใช้แทนเครื่องซักผ้าได้

22. 6 โจ๋อำมหิต ข่มขืนได้แม้กระทั่งเสาไฟฟ้าคาดว่าต่อให้เมาก็ไม่น่าหื่นขนาดนี้

23. เด็ก 14 ผูกคอตาย ประชดเข้าเว็บยูทูปไม่ได้

24. “สรยุทธ” ถูกหามเข้า ร.พ เหตุความดันขึ้นสูงอย่างรุนแรง หลังหงส์แดงทีมรักได้แชมป์พรีเมียร์ลีค

25. “ปังคุง” ตัดสินใจเข้ารับสมัครตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งเกาะญี่ปุ่น ลือคะแนนเสียงอาจทิ้งขาด เพราะสมาคมคนรัก ลิง ค่าง ชะนี ที่ญี่ปุ่นก็มิใช่น้อย

26. ขายหัวเราะเฉลิมฉลอง 70 ปี มุขติดเกาะ และ โจรมุมตึก แม้จะเรียกเสียงฮาไม่ได้แล้วก็ตาม

27. พ่อแม่ร่ำไห้ ลูกสาวเส้นเลือดสมองแตก เหตุเพราะตีความนิยายวัยรุ่นยากเกินไป ตำรวจเปิดดู เห็นแต่ตัวอีโมชั่นทั้งเล่ม ^ o ^

28. คลิปหลุดว่อนเน็ต น้องโฟกัสยืนฉี่ เจ้าตัวเงียบยอมรับโดยดี

29. “อากิบะ ถูกจับเป็นครั้งที่ 20” ข้อหาจำหน่ายการ์ตูนลามก ตำรวจค้นพบหลักฐานมัดตัวแน่นหนา เป็นการ์ตูนดราก้อนบอล ไม่เซ็นเซอร์หัวนมซุนโงกุน ผบ.ตำรวจยัน ดูยังไงก็อนาจาร

30. ยุบรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” เหตุ 4 พิธีกรสื่อสารไม่รู้เรื่องเนื่องจากเคี้ยวหมากไปด้วย

Credit :: Dek-d ครับ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 01 ตุลาคม 2550, 14:01:35
ต้นฉบับมาจากพันทิปรึเปล่าเนี่ย??
อะไรทำนองนี้น่ะ
คราวก่อนก็มีพาดหัวข่าวอีกสิบปีข้างหน้า อันนั้นก็ขำ
"น้องพลับรับ ทำนม" 555


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 01 ตุลาคม 2550, 15:47:22
อย่างฮา :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 01 ตุลาคม 2550, 16:59:21
เอ๋อ อย่ามา ฮอด อมก๋อย ดอยเต่า

เราอุตส่าห์ใส่เครดิตแล้วนะเนี่ย....


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 01 ตุลาคม 2550, 17:59:30
อ่านแล้วขำ ใครหนอช่างคิด  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: โจ้2543 ที่ 01 ตุลาคม 2550, 19:11:55
ฮาคับฮา :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 01 ตุลาคม 2550, 20:58:14
เห็นด้วยว่า ขำ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 01 ตุลาคม 2550, 22:14:22
It is a joke ,right, nong Pui??
not a real from newspaper!
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 02 ตุลาคม 2550, 08:06:18
อ่านให้ที่ทำงานฟังด้วย ขำกันใหญ่เลย  ก๊ากกกก ก๊ากก :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 03 ตุลาคม 2550, 02:14:12
อีปุ้ย กระทู้แกยาวมาก เป็นเรื่องเฉพาะทางด้วย ไม่สารารถต่อความยาวสาวความยืดได้มากมายเท่าไหร่ ชั้นว่าต่อไปกระทู้นี้ต้องเงียบแต่ว ไม่ก็กลายพันธุ์ชัวร์

มาเรื่องส่วนตัวดีกว่า ชั่นไม่ได้ไปกินข้าวกับอีชัย งานไม่เสร็จ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 03 ตุลาคม 2550, 07:35:02
" เพื่อน vs แฟน "


เพื่อน vs แฟน
อาหาร
เพื่อน: ข้าวราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30 - แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: แดกห่าอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ข้าว - สปาเกตตี้ เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ชิสุ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
------------------------------------------------------------------

สถานที่
เพื่อน: สนามกีฬา สว่าง กว้าง สนุก
แฟน: โรงหนัง มืด แคบ นุ่ม...!?
------------------------------------------------------------------

ข้ามถนน
เพื่อน: ………อ้าว! เ**ย… รอกูด้วย (แม่งข้ามไปนานละ)
แฟน: ข้ามได้มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
------------------------------------------------------------------

ที่บ้าน
เพื่อน: มาเพื่อ ดื่ม เมา นินทาเพื่อน ด่าชาวบ้าน เฮฮาปาจิงโกะ
แฟน: มาเพื่อ ……………… สุดยอดเลยที่ร๊ากกกกกกกกก
-----------------------------------------------------------------

เวลาเดิน
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตายห่า!!
แฟน: แนบชิดประหนึ่งตัวดูดแบบสุญญากาศ
------------------------------------------------------------------

บนรถเมล์
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
แฟน: นั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
------------------------------------------------------------------

บนรถเมล์(2)
เพื่อน: เฮ้ย มึงมีป่าววะ ออกไปก่อนดิ กูมีแบงค์พัน
แฟน: 2 คนครับ (ยื่นเงินให้กระเป๋าฯ)
------------------------------------------------------------------

เงิน
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
------------------------------------------------------------------

มาสาย
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่วะ มาโคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย (เพิ่งจะมาก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือนกัน)
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
------------------------------------------------------------------

ช่วยทำธุระ
เพื่อน: ไม่เคยว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .............. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดี แม่กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ แล้วบ่ายๆต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่างแล้วละ
แฟน: ว่างเสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
------------------------------------------------------------------

กลับบ้านดึก
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะเว้ย
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียวอันตราย
------------------------------------------------------------------

ป่วย
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กินยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ (แม่งดูแลแม่อย่าง นี้ป่าววะ)
------------------------------------------------------------------

เวลาอยู่ด้วยกัน
เพื่อน: เยี่ยว ขี้ ขากเสลด ซื้ดขี้มูก ตด - ห่านี่ อุบาทชิบหาย
แฟน: แต่งตัว โบ๊ะหน้า เสริมจมูก ดันนม ดึงเกงใน เช็คขนจ้ากแร้ - ตามบายๆ
------------------------------------------------------------------

สอนหนังสือ
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหญ้าแทนข้าวไงวะ
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะครับ จะอธิบายให้ใหม่
------------------------------------------------------------------

วาเลนไทน์
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัวตน)
แฟน: ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
------------------------------------------------------------------

โดนทิ้ง
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่ามายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไป รำคาญ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: หล้า ที่ 03 ตุลาคม 2550, 09:13:43
กระทู้นี้ถูกจัดอยู่ในหมวด ฉ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ห้ามอ่านค่ะ  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 03 ตุลาคม 2550, 12:31:47
:lol:  :lol:  :lol:
ฮา...


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 03 ตุลาคม 2550, 13:24:16
เพื่อนกับแฟน อ่านทีไรก็ขำ
มันก็จริงอย่างนั้นจริงๆ อะแหละ  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 06 ตุลาคม 2550, 22:05:32
เห็นด้วย


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 12 ตุลาคม 2550, 22:01:32
มีข่าวพาดหัวมาให้อ่าน



"คนโพสกระทู้ แม่งหายหัวไปอีกแล้ว"


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 12 ตุลาคม 2550, 22:14:25
You mean Nong Pui??
he sometimes check the rate and gone ka.
I saw him.
p.yarm Chauey


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 12 ตุลาคม 2550, 22:49:49
คงจะงานยุ่งมาก


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 12 ตุลาคม 2550, 22:53:11
His boss use him hard work like a buffalo...he wants to kill his boss I think!!!
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 12 ตุลาคม 2550, 23:19:02
แต่ปีหน้า ปุ้ยต้องมา ยี่ปุ่นแล้ว...


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 13 ตุลาคม 2550, 02:20:53
อ้างจาก: "WARM"
มีข่าวพาดหัวมาให้อ่าน



"คนโพสกระทู้ แม่งหายหัวไปอีกแล้ว"



5555 อันนี้เป็นพาดหัวข่าวที่ดังมากๆ  


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 13 ตุลาคม 2550, 11:16:47
แล้วก็หายไปจริง ๆ ด้วย


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 13 ตุลาคม 2550, 16:45:46
สงสัยกลับอาณาจักร ล้านนา


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 13 ตุลาคม 2550, 23:12:44
อ้างจาก: "WARM"
สงสัยกลับอาณาจักร ล้านนา



งั้นปล่อยมัน ให้มันไปเฝ้าเจ้านางตองริ้วซักพักเดี๋ยวคงกลับ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 15 ตุลาคม 2550, 15:01:02
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
อ้างจาก: "WARM"
สงสัยกลับอาณาจักร ล้านนา



งั้นปล่อยมัน ให้มันไปเฝ้าเจ้านางตองริ้วซักพักเดี๋ยวคงกลับ


พูดถึง "ตอง" นึกถึง ตอง ภัครมัย อะ สวยกว่าเดิมมากกกกกกกกกกเลย เราชอบนะหน้าตาเค้าตอนนี้ ขาก้อสวย เทียบกับเมื่อก่อนก้องั้นๆแหละ

สรุปว่า เนียน ไปเรื่อย อิอิ  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 15 ตุลาคม 2550, 20:28:51
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
อ้างจาก: "WARM"
สงสัยกลับอาณาจักร ล้านนา



งั้นปล่อยมัน ให้มันไปเฝ้าเจ้านางตองริ้วซักพักเดี๋ยวคงกลับ


พูดถึง "ตอง" นึกถึง ตอง ภัครมัย อะ สวยกว่าเดิมมากกกกกกกกกกเลย เราชอบนะหน้าตาเค้าตอนนี้ ขาก้อสวย เทียบกับเมื่อก่อนก้องั้นๆแหละ

สรุปว่า เนียน ไปเรื่อย อิอิ  :lol:


เจ้านางตองริ้ว- - -ตอง ภัครมัย
ชีโยงไปได้ยังไงเนี่ย??

แต่เอาเหอะ เห็นด้วยๆ ว่าขาตองสวยจริงๆ ยาวเรียวงาม
แต่เราไม่ค่อยชอบชีอ่ะ เฉยๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 16 ตุลาคม 2550, 08:02:55
อ้างจาก: "เอ๋อ"


แต่เอาเหอะ เห็นด้วยๆ ว่าขาตองสวยจริงๆ ยาวเรียวงาม
แต่เราไม่ค่อยชอบชีอ่ะ เฉยๆ


นิสัยชีเราก้อไม่ชอบนะ แต่เราชอบหน้าตา หุ่นชีเฉยๆอะ  :?


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 17 ตุลาคม 2550, 02:07:04
พาดหัวข่าว :?:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 17 ตุลาคม 2550, 09:23:19
อ้างจาก: "por-sim"
พาดหัวข่าว :?:


ข้างบนสุดอะปอซิ่ม..........

ป.ล.เราช่วยแกได้แค่นี้นะ  8) :roll:  :roll:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 17 ตุลาคม 2550, 09:39:20
เดี๋ยวนี้หน้าหนังสือพิมพ์พาดหัวไม่น่าจรรโลงใจเลยอ่ะ :cry:  :cry:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 17 ตุลาคม 2550, 09:44:57
อ้างจาก: "veekung"
เดี๋ยวนี้หน้าหนังสือพิมพ์พาดหัวไม่น่าจรรโลงใจเลยอ่ะ :cry:  :cry:


โดยเฉพาะไทยรัฐอะ ชอบเอาเรื่องสามีภรรยาตีกัน ยิงนู้นยิงนี้ เรื่องชาวบ้านมาขึ้นพาดหัวข่าวใหญ่

เรื่องที่มีสาระจริงๆ เป็นข่าวรอง เราว่าคงpositionตัวเองเป็น Mass มั้ง

โดยส่วนตัวเราถ้าซื้อไทยรัฐก้อเพื่ออ่านบันเทิง....(แวดวงตังเอง อิอิ)
  :oops:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 17 ตุลาคม 2550, 12:25:40
ช่วงนี้ยุ่งมาก  งานเยอะ ไม่พอ ยังต้องตามเก็บ target ประเมินผลด้วย

แล้วก็ต้องเตรียมงานถ่ายทอดงานให้น้องใหม่ที่จะเข้ามา อันเนื่องจากว่า

จะต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่นปีหน้า ไหนจะต้องเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบจริงๆจังๆอีก

ตอนนี้ก็สรุปแล้วว่าปีหน้าจะไปทำงานที่ญี่ปุ่นคับ อาจจะ 2 ปี ประมาณนี้ครับ

หัวหน้าบอก ถ้าแน่ชัดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกที คาดว่าน่าจะเป็น กรกฎา

ไม่รู้พี่วอร์ม กลับมายัง ถ้ากลับมาช่วงนั้นไม่ต้องขนของมานะ ฝากไอ้บอนไว้ ผมขอใช้ต่อครับพี่


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 17 ตุลาคม 2550, 12:41:14
มีมาให้อ่านได้อีก หน้าที่พิเศษของอวัยวะ

หน้าผาก... อวัยวะที่ใช้ประกอบกับเท้าเวลามีทุกข์ เช่น...นอนเอาเท้าก่ายหน้าผาก

ตา... อวัยวะที่ใช้ในการมอง จะมีอุณหภูมิสูงมากเมื่อเห็นใครได้ดี

หู... อวัยวะที่ใช้ในการฟัง ส่วนมากจะมีน้ำหนักเบา จึงก่อให้เกิดเรื่องขึ้นบ่อยๆ

ปาก... อวัยวะที่ใช้พูด ส่วนมากจะอยู่ไม่ตรงกับใจ

ก้านคอ... อวัยวะที่คอยรับแข้งคนอื่น

ไหล่... อวัยวะที่คู่กับบ่า เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่ มีไว้ให้คนเหงาใจหรือเศร้าใจซบโดยเฉพาะ

บ่า... อวัยวะที่คู่กับไหล่ เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่ ....อาชีพจับกังมีไว้แบกข้าวสาร ........(ส่วนถนนข้าวสาร จับกังไม่เกี่ยว)

หัวใจ... อวัยวะสูบฉีดเลือดและฟอกเลือดให้กับร่างกาย มีไว้ให้แสดงความรักและเก็บรักไว้... แต่บังเอิญว่ามันมีถึง 4 ห้อง

หน้าอก... อวัยวะที่รองรับเรื่องหนัก อาทิเรื่องหนักอก... ซึ่งผู้หญิงจะหนักกว่าผู้ชาย ( รึเปล่า!!!)

นม... อวัยวะที่บ่งบอกภาระการรับน้ำหนักของอก ผู้หญิงมีไว้...!!! บริการให้นม.........บุตร

ศอก... ข้อต่อระหว่างแขนและข้อมือ มีไว้เป็นอาวุธประจำกาย และใช้รองน้ำ...(ใต้ศอก)

มือ... เป็นอวัยวะปลายสุดของแขน มีนิ้วเป็นส่วนประกอบ ...(no comment)

ตัว... เป็นชิ้นส่วนใหญ่ของร่างกายให้อวัยวะอื่นได้พักพิง.....จะลืมกันมากเวลาได้ดี

สะดือ... เป็นอวัยวะที่ใช้เชื่อมต่อกับแม่ยามอยู่ในครรภ์ เมื่อโตขึ้นใช้วัดระดับความสุภาพ .........ถ้าต่ำกว่านี้ทะลึ่ง!!

ขาอ่อน... เป็นอวัยวะเชื่อมต่อจากสะโพกลงมา นิยมใช้ในการประกวด ..........เพราะเห็นได้เด่นชัดกว่าสมอง!!!

หัวเข่า... ข้อต่อระหว่างขาและหน้าแข้ง เป็นอาวุธประจำกาย ผู้หญิงใช้โจมตีจุดอ่อนผู้ชาย และบางคนใช้ซับน้ำตาเวลาเศร้า ... นิยมมากสำหรับคน
หลงรักชาวบ้าน

ขนหน้าแข้ง... อวัยวะที่วัดระดับของฐานะ ยิ่งรวยมากขนหน้าแข้งจะร่วงน้อย

เท้า... เป็นอวัยวะที่ใช้ยืน บางครั้งใช้ก่ายหน้าผาก ...หรือเป็นอวัยวะที่ใช้ผลัก ...ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า " ถีบ "


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 17 ตุลาคม 2550, 13:04:07
ฮาอ่ะ

คนคิดนี่ ก็คิดไปได้ว่ะ  :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 17 ตุลาคม 2550, 14:03:11
เรื่องขาอ่อนเนี่ย โดน!!

แกไปหามาจากไหนอ่ะ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 17 ตุลาคม 2550, 20:32:14
ก้นกบ......ใช้คิดแทนสมอง


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 17 ตุลาคม 2550, 22:24:31
How about "sei ting"???
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 18 ตุลาคม 2550, 12:21:08
หามาให้อ่านได้อีกกกก.......


01.   the best friend กลายเป็น the worst enemy ได้ในชั่วข้ามคืน
02. ผู้ใหญ่ก็คือเด็กที่อายุมากแล้วนั่นแหละ เพราะผู้ใหญ่หลายๆ คนก็คิดและทำเรื่องงี่เง่า เหมือนที่เด็กชอบทำบ่อยจะตายไป
03. ผมไม่ดูหนังเรื่อง สุริโยไท ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักชาติสักหน่อย
04. ราคากระเป๋าสตางค์ของ louise vuitton 1 ใบมากกว่าเงินเดือนของครูบางคนด้วยซ้ำ
05. ถ้าคุณไปกินต้มยำกุ้งในร้านอาหารไทยในยุโรป คุณต้องบอกด้วยว่า
"ผมเป็นคนไทย" ไม่งั้นคุณจะได้แกงจืดใส่กุ้ง 2 ตัว
06. ภาษาไทยได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 4 ภาษา ที่ห้างวัตสันสาขาฮ่องกงเขียนตัวเบ้อเริ่มหน้าร้านว่า "ลดราคา" ช่วงปลายปี
07. ภาพตัวเองในบัตรประชาชนมักดูทุเรศกว่าตัวจริงเสมอ
08. นับวัน… มือถือถูกพัฒนาให้ห่างไกลความเป็นมือถือเรื่อยๆ
09. เงิน 550 บาทที่กินในร้านโออิชิ สามารถไปนั่งละเลียดกินอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นได้อิ่มแทบอ้วก และอร่อยกว่าหลายเท่า
10. ถ้าคุณตักสลัดในร้านพิซซ่าได้เยอะและสวย คุณจะเป็น "hero"
แต่ถ้าคุณกินไม่หมด คุณจะกลายเป็น " X :-)
11. ถ้าคุณได้ที่จอดรถ ในห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ อาจเป็นเพราะชาติก่อนคุณทำบุญมาดี
12. การปรุงก๋วยเตี๋ยวก็ทำให้รสชาติแย่ลงได้
13. พิซซ่าหน้าเขียวหวานไก่ 1 ถาด สามารถซื้อข้าวราดแกงเขียวหวานไก่ได้ 10 จาน
14. เลสเบี้ยนก็คือ เกย์ ประเภทหนึ่งนี่เอง
15. หนังดีไม่จำเป็นต้องดัง หนังดังไม่จำเป็นต้องดี
16. แค่หมาเห่าดังๆทีนึง สัญญาณ PCT อาจจะหลุดได้
17. เพลงที่คุณได้ฟังครั้งแรก แล้วบอกว่า "ไม่เพราะเลย" อาจจะกลายเป็น เพลงที่คุณชอบมากที่สุดในรอบปีหลังจากที่หลายๆคลื่นโหมกระหน่ำเปิดวันละ 275 รอบ
18. แมวตัวใหญ่กว่าหมาก็มีให้เห็นเยอะแยะ
19. ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวใส่ผงชูรสเยอะมาก
20. ผู้หญิงก็มีหนวดได้นะคะ
21. ผู้ชายมีหนวด ไม่จำเป็นต้องมีขนหน้าแข้งเสมอไป
22. ขนมที่ package สวยๆที่ขายตามห้าง ราคาแพงกว่าต้นทุน 5 -10 เท่าก็มี
23. คนไทยส่วนใหญ่ชอบซื้อเสื้อของ chaps หรือ jaspal หรืออะไรก็ช่าง ตอนที่เค้า clearance sale ช่วงที่เปลี่ยน season
24. ถ้าเพื่อนมาใช้คอมที่บ้าน หัดเช็ดคีย์บอร์ดให้สะอาดก่อน ไม่งั้นเพื่อนอาจจะไม่กล้าใช้
25. ร้านที่มีเชลล์ชวนชิมอาจจะอร่อยสู้ร้านที่ไม่มีก็ได้
26. ภูมิใจไว้ซะ…ไม่มีแมคโดนัลด์ประเทศไหนในโลกนี้ที่ขาย เบอร์เกอร์กะเพราหมู นอกจากประเทศไทย
27. แล้วแมคโดนัลด์เมืองไทย มีทั้งซอสมะเขือเทศ และซอสพริกให้คุณกินได้ไม่อั้น แต่ที่ USA ไม่มีให้กิน
28. แล้วเมืองไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มี แมคฟิช ขาย
29. กินไดโดมอน ไม่ต้องให้ tip หรอก …มันมี service charge รวมไปแล้ว
30. โดเรมอน อิ๊กคิวซัง tom&jerry จัดเป็นการ์ตูนอมตะของคนไทย
31. ของขวัญอันประเสริฐที่พระเจ้าประทานให้แก่นักศึกษาทั้งหลาย คือ เครื่องถ่ายเอกสาร
32. ถึงจะเป็นอาจารย์ของจุฬา ก็เฉลยข้อสอบ entrance วิชาสังคมผิดเกือบ 20 ข้อ…
33. เว็บ dek-d.com ใช้ notepad เขียนทั้งหมด
34. เวลานางเอกกำลังวิ่งหนีฆาตกรที่กำลังตามฆ่า จะต้องหกล้ม 1
ครั้งแล้วคลานไปอีก 2 เมตร ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง
35. สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ mv. เพลงอกหัก คือ ฝน
36. เม็ดไข่มุก ที่ใส่ในชานม ถ้ายังไม่ได้ต้ม ก็เหมือน อาหารปลาดุก
ที่ขายตามจตุจักรไม่มีผิด
37. ถ้ากินไม่เก่งจริง อย่าไปกิน buffet ที่ไหนเลย …ไม่คุ้มหรอก
38. คนส่วนใหญ่ เมื่อกินโออิชิเสร็จ มักจะทรมาณมากกว่ามีความสุขเพราะอิ่มเกินไป
39. คนเราพยายามแปลบททำนาย ของนอสตราดามุส ให้ใกล้เคียงกับคำว่า "โลกแตก"
มากที่สุด
40. ในวันเกิด …คุณสามารถกินไอติม swensen's ได้ฟรีมากกว่า 10 ลูก ถ้าคุณมีปัญญาเดินสายไปในแต่ละสาขาในวันนั้น
41. เป็นโสดเป็นเรื่องปรกติ แม้แต่ จูเลีย โรเบิร์ต ยังเป็นโสดเลย
42. หมาส่วนใหญ่น่ารักก็ตอนที่มันยังเป็น "ลูกหมา" เท่านั้นแหละ
43. ดูหน้าตาของคนขับ taxi ให้ดีก่อนที่จะโบก
44. เวลารอลิฟท์ อย่ากดซ้ำๆ …มันไม่ได้เร่งให้มาลิฟท์มาเร็วซักหน่อย
45. แล้วพอเข้าไปแล้ว กดแค่ชั้นที่ตัวเองจะลงก็พอ
ถ้าไม่อยากโดนด่าแม่ลับหลัง
46. อยู่ในลิฟท์ก็พูดได้ …ไม่มีกฏห้ามจ้ะ
47. ถ้าเดินอยู่ มาบุญครอง แล้วปวดห้องน้ำไม่มาก …กลั้นไว้ …แล้วเดินไป siam discovery แล้วค่อยเข้าจะดีกว่า
48. ผู้หญิงจีบผู้ชาย …เรื่องปรกติ
49. ฝรั่งบางคนข้ามน้ำข้ามทะเลมา พันธุ์ทิพย์ เพื่อซื้อ software
ที่ถูกที่สุดในโลก
50. นาฬิกาสวิสบางยี่ห้อ ซื้อที่ฮ่องกงยังถูกกว่าที่สวิส
51. ฮาวาย = เกาะพีพี + สาวบิกินี่
52. ดื่มลิโพเกินวันละ 2 ขวดก็ไม่ตาย …
53. ช่วงปี 43-44 ที่ผ่านมา ธุรกิจมือถือเมืองไทยขยายตัวแค่ 190% เอง
54. เนื้อหาเลข ม.ปลาย ที่ดูแล้วเป็น "รูปธรรม" มากที่สุดคือ สถิติ และ
เลขดัชนี
55. เด็กไทยบางคน เก่ง grammar มากกว่าเจ้าของภาษาซะอีก
56. ลายเซ็นต์ของ อ.อุ๊ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ติด
57. ตำรวจทุกคนในประเทศไทยไม่มีจรรยาบรรณ เพราะ"จรรยาบรรณ" ใช้ได้กับอาชีพ ครู กะ หมอ เท่านั้น
58. เจอาร์ กับ วอย ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
59. ถ้าอยากตาย …เครื่องบินตกตายดีที่สุด ได้เงินเยอะ ไม่ทรมาณ …
60. ถึงเยาวราชจะขายของกินถึง ตี 2 ตี 3 แต่ถ้าจะกินก๋วยจั๊บ …ไปก่อน 4 ทุ่ม
61. กะเทยทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น ตั้งท้อง
62. เกลียดขี้หน้าอาจารย์ - ครูคนไหน …ไหว้เขา แต่อย่าเคารพเขาถ้าเขาไม่ดีจริงๆ
63. เมืองไทยแทบไม่มีนักร้องผิวดำเลย
64. เกมบางเกมไม่จำเป็นต้องซื้อบทสรุป หัดมั่วเองบ้าง
65. ไม่จำเป็นต้องซื้อมือถือหรูๆ ตอนนี้ …เดี๋ยวมือถือ 3G ก็ออกมาเกลื่อนแล้ว
66. คนขนดกก็หัวล้านได้
67. นับวันนางสาวไทยจะพูดไม่ชัดขึ้นเรื่อยๆ
68. ส่วนใหญ่นางสาวไทยจะเป็นสาว imported กันทั้งนั้น
69. เน็ตเมืองไทยถูกกว่าที่นิวซีแลนด์หลายเท่านัก
70. ยอมรับเถอะ …ทุกวันนี้คุณก็ยังอ่านไทยรัฐ ถึงแม้ว่าคุณจะด่ามันทุกวัน
71. เช่นเดียวกับรายการตีสิบ …
72. ผู้หญิงขับรถบรรทุก …ไม่แปลก
73. แผ่นโปรแกรมรวมของ macromedia 150 บาทที่ขายที่พันธุ์ทิพย์
ราคาลิขสิทธิ์ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซื้อ PC ดีๆได้เครื่องนึง
74. ถ้าทำรายงานเป็นกลุ่มสัก 10 คน …มีคนที่ทำจริงๆแค่ 3 คน
75. คำว่า mouse ใช้ภาษาไทยว่า "แท่งชี้เต้า"
76. คนเรามักง่วงตอนตื่น แต่ตอนจะนอนมักไม่ง่วง
77. พอถูกหักหลังแล้ว การถูกหักอก ไม่ได้ทำให้มันหักล้างกันได้
78. ดีใจซะเถอะ …เมืองไทยดู dragonball จบก่อนที่ USA ตั้งนาน
79. ทำไมคนเราถึงอยากให้โดเรมอนมีตอนจบ …ไม่เข้าใจ
80. ใครๆที่เล่นเน็ต ก็ต้องเคยเปิดเว็บโป๊กันทั้งนั้น
81. ถ้าใช้ talking - dict ก็อย่าหวังว่าจะจำศัพท์คำนั้นได้เลย
82. สุทธิชัย หยุ่น ก็เคยมีผมเหมือนกัน
83. พายไข่ กับ ชานมไข่มุก มีให้กินที่ไต้หวันมาเป็น 10 ปีแล้ว
84. อย่าไปกลัวเรื่อง virus computer มากนัก …ถ้าไม่สำส่อนทางเมล์ และ diskette
85. คณิตศาสตร์ไม่มีตัวตน มันเป็นศาสตร์ที่คนสมมติขึ้นมาเพื่ออธิบายความเป็นไปของโลกเท่านั้น … แต่แค่นี้ก็ทำให้นักเรียนเกลียดมันได้
86. ถ้าใช้โปรแกรมอะไรไม่เป็น …โทษ programmer ไว้ก่อน
87. สสารทุกชนิดละลายได้ เมื่ออยู่ในตัวทำละลายและอุณหภูมิที่เหมาะสม
88. ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ไม่จำเป็นต้อง sexy
89. แล้วปอดใหญ่ไม่ได้ทำให้หน้าอกใหญ่ด้วย
90. ไป พันธุ์ทิพย์ …จอดรถที่สยามดิส แล้วค่อยนั่งรถเมล์ไป ดูจะมีความหวังกว่า การขึ้นไปวนหาที่จอดรถในนั้น ถ้าเราไม่ได้ยกอะไรไปซ่อม
91. โรงหนังบางโรง แถว A คือแถวหลังสุด แต่บางโรงมันก็เป็นแถวหน้าสุด
92. คอมที่เค้าใช้ขายตั๋วหนังน่ะ ใช้ window 3.11 หรือ window 95 กันทั้งนั้นแหละ
93. หนังสือบางเล่มก็สามารถตัดสินจากหน้าปกได้เหมือนกัน
94. เราเรียกหมาที่บ้านว่า "ลูก" แต่เรียกเพื่อนสนิทว่า "มัน"
95. บางทีเราก็ประมูลของจนราคามันสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว
96. ในเน็ตเค้าประมูลเบอร์มือถือ VIP (เช่น 718-9999) กันเป็นแสน แต่ที่ mbk เค้าขายกันไม่ถึงหมื่น
97. เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่ตาย
98. 4 ชาติที่ได้รับเกียรติขึ้นชื่อบนป้ายโรงหนังควบบ่อยที่สุด คือ ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง
99. ทอดด์ ทองดี พูดไทยชัดกว่า อั๊ด อัษฎา
100.1 คนที่ได้รับอ่านข้อความนี้ ส่วนใหญ่หน้าตาดี อิอิ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 ตุลาคม 2550, 18:04:06
Nong Pui,
one day late ka...Nong phraisohn room 49 loaded it since yesterday...
p.ning still not finish all 99..89 to finish left...
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 18 ตุลาคม 2550, 19:42:44
อืม


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 18 ตุลาคม 2550, 19:49:00
ไม่ยอมแพ้ มีอีก...


ประเภทของคน “โสด”

"โสด" ใครคิดว่าไม่มีความสุข การเป็นโสดมันขึ้นอยู่กับบุคลิก นิสัยใจคอของคุณ
 เพราะ คำว่าโสด ได้
 ถูกแบ่งออกเป็นหลายๆประเภท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณว่า
 คุณน่ะเป็นโสดสปีชี่ไหน...

"โสดแสนดี" เขาหรือเธอมีแต่ความหวังดี เสียสละเพื่อคนที่รักตลอดเวลา
 ตัวเองจะเจ็บช้ำแค่ไหนก็
 ยอม แค่ขอให้คนนั้นมีความสุขก็พอ ลักษณะเด่นของโสดกลุ่มนี้คือรักกี่ทีก็ช้ำ
 เพราะมัวแต่เป็นคนดี ไม่ดูตา
ม้าตาเรือ รู้ตัวอีกทีเขาก็มีคนใหม่แล้ว อย่างนี้คงไม่ค่อยดีแน่ๆ

 "โสด เสงี่ยม เจียมตัว" เป็นคนดีอีกแบบ แต่น้อยกว่าแบบแรก
 คือแบบเจียมเนื้อเจียมตัว มองตัวเอง
 ต่ำต้อยด้อยค่าอยู่ตลอดเวลา ไม่หวังอะไรมากมาย แค่ขอเป็นจุดหนึ่งเล็กๆ
 เท่าขี้มดที่ได้รักก็พอ
(มีคนอื่นผ่านมามากมายก็ไม่รัก ขอจมปลักอยู่กับรักแรก)

 "โสดโดนสาป" มองชีวิตว่ามีกรรม ฟ้าดินกลั่นแกล้ง สวรรค์ไม่มีตา
 เทวดาสาปไม่ให้มีใครรัก มองไป
 ทางไหนก็เศร้า ชีวิตรันทด แบกรักมาเต็มไหล่แต่ไม่มีใครต้องการ หรือ
 ฟ้าดินแกล้งให้เขามีเจ้าของ
 ก่อนที่จะตกมาถึงตัวเอง

 "โสดปากแข็ง" ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่มีใครรักก็ไม่เป็นไร
 ฉันอยู่ของฉันได้สบาย ฉันไม่แคร์ ฉันมี
 ความสุขแบบโสดๆ ของฉันแบบนี้แหล่ะดีแล้ว
(แต่ใครหนอจะรู้ใจจริงของเขาและเธอว่ามี "สุข" จริง
 หรือเปล่า ?)

"โสดสยอง" กลุ่มนี้มีความอาฆาตพยาบาทสูง เจ็บแล้วจำ รักแรง แค้นแรง
 ทำฉันเจ็บแล้วจากไป ก็
 อย่าหวังว่าจะได้มีความสุขเลย เพราะจะตามสาปส่งทุกชาติไป
(ส่วนใหญ่โสดกลุ่มนี้มักเป็นชายชาตรีที่มีเลือดร็อกสูง ดูแมนนิดนึง
 ถ้าเป็นหญิงก็จะเป็นหญิงโหดๆ)

 "โสดสูงส่ง" โสดประเภทนี้มีความทะเยอทะยานและความตั้งใจ ใฝ่ฝันสูงส่ง
 ถือคติความรักไม่ใช่เรื่อง
 ไกลตัว เธอหรือเขาอยู่สูง แค่ไหนก็ต้องเอื้อมมาให้ได้
แม้จะถูกคนในสังคมส่วนใหญ่มองว่าเป็นหมาวัดที่
ชอบเด็ดดอกฟ้า หรือ หมาเห่าเครื่องบินก็ยอม

"โสดจำจด" เป็นพวกเข็ดขยาดกับความรัก
 เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ที่จบลงแบบไม่สวย
 (มักแห้วหรือเจ็บ) ถือคติเจ็บแล้วต้องจำ จะไม่ช้ำ ไม่รักใครอีกแล้ว
 ขออยู่เป็นโสดไปจนตาย

 "โสดสาวมั่น" กลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก
 สามารถพลิกผันสถานการณ์อกหักให้เป็นทางเลือก
 ได้ มองโลกมุมใหม่ที่ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บช้ำ...ดีแล้วที่เลิกกันไป
ถึงจะเป็นโสดก็ไม่เป็นไร ฉันมั่นใจ ฉันไม่ผิดๆ

 "โสดพยายาม" กลุ่มนี้มีความพยายามที่อยากจะสละบัลลังก์โสดเป็นเลิศ
 แต่ยังไม่สามารถบรรลุ จึงไขว่
 คว้าหลายๆ ทางเพื่อให้ได้เขามา ตามที่ตั้งใจ
 ถือคติไม่ลงทำมือก็ไม่ได้มา(แต่ยังไม่เข้าข่ายเกินงาม)
 เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของโสดกลุ่มนี้เป็น สาวยุคใหม่ มีความมั่นใจพอตัว
(ไม่สวยไม่แนะนำให้เข้ากลุ่ม)

 "โสดยังหวัง (ลึกๆ) " โสดกลุ่มนี้มีความหวังเป็นแรงบันดาลใจ
ถือคติชีวิตนี้ไม่สิ้นหวัง ชอบการรอคอย
ค้นหา วันนี้ไม่เจอไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังไหว...รอได้ๆ
โดยพื้นฐานเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่มีความ
พยายามไม่เท่ากลุ่มก่อนหน้านี้ ไม่ชอบการลงมือปฏิบัติ แต่ชอบตั้งหน้าตั้งตารอ
(กี่ชาติผ่านไป ไม่เคยสิ้นหวัง!)

แล้วคุณล่ะ...เป็น "โสด" ไหน แต่ยังไงก็อย่าเป็นโสดนานละกัน


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 18 ตุลาคม 2550, 19:50:00
เคยอ่านแล้ว

ไปเอามาใหม่ เด๋วนี้


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 19 ตุลาคม 2550, 02:09:23
เธอก็เอามาลงมั่งสิพี่วอร์ม


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 19 ตุลาคม 2550, 07:40:05
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
เธอก็เอามาลงมั่งสิพี่วอร์ม


ช่ายคะพี่วอร์ม จะรอแอบอู้งานมาอ่าน ตลกดีคะ  :D


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 19 ตุลาคม 2550, 21:22:09
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
เธอก็เอามาลงมั่งสิพี่วอร์ม


ช่ายคะพี่วอร์ม จะรอแอบอู้งานมาอ่าน ตลกดีคะ  :D



พี่จะไปหามาจากไหนล่ะ :cry:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 20 ตุลาคม 2550, 13:10:15
อ้างจาก: "WARM"
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
เธอก็เอามาลงมั่งสิพี่วอร์ม


ช่ายคะพี่วอร์ม จะรอแอบอู้งานมาอ่าน ตลกดีคะ  :D



พี่จะไปหามาจากไหนล่ะ :cry:




ก็ที่เธอบอกว่าเคยอ่านแล้วไงล่ะ เผื่อพวกเรายังไม่ได้อ่าน อิอิ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 20 ตุลาคม 2550, 13:31:03
เอาของปุ้ยบางข้อมาเปลี่ยนเพื่อนความ in


03. ผมไม่ดูหนังเรื่อง สุริโยไท ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักชาติสักหน่อย
>>>> ผมไม่ดูหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวร ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักชาติสักหน่อย

04. ราคากระเป๋าสตางค์ของ louise vuitton 1 ใบมากกว่าเงินเดือนของครูบางคนด้วยซ้ำ
>>>> ราคากระเป๋าสตางค์ของ Anna Sui 1 ใบมากกว่าเงินเดือนของครูบางคนด้วยซ้ำ

26. ภูมิใจไว้ซะ…ไม่มีแมคโดนัลด์ประเทศไหนในโลกนี้ที่ขาย เบอร์เกอร์กะเพราหมู นอกจากประเทศไทย
>>>> ภูมิใจไว้ซะ... ไม่มีเคเอฟซีประเทศไหนในโลกนี้ที่ขาย วิงซ์แซ่บ นอกจากประเทศไทย
(แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าที่ลาวกำลังจะมีเพราะติดใจในรสชาติแซ่บกันเป็นทิวแถว)

41. เป็นโสดเป็นเรื่องปรกติ แม้แต่ จูเลีย โรเบิร์ต ยังเป็นโสดเลย
>>>> เป็นโสดเป็นเรื่องปรกติ แต่นังเจ๊จูเลีย โรเบิร์ต ไหง she หนีไปมีสามีซะแล้วล่ะ

47. ถ้าเดินอยู่ มาบุญครอง แล้วปวดห้องน้ำไม่มาก …กลั้นไว้ …แล้วเดินไป siam discovery แล้วค่อยเข้าจะดีกว่า
>>>> ถ้าเดินอยู่มาบุญครอง แล้วปวดห้องน้ำไม่มาก ...กลั้นไว้ ...แล้วเดินไป Siam Paragon แล้วค่อยเข้าจะดีกว่า แต่ถ้ากลัวไม่ไหว ก็แวะที่ Siam Discovery เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ

58. เจอาร์ กับ วอย ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
>>>> แดน กับ บีม ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน แต่ กอล์ฟ กะ ไมค์ เป็นพี่น้องกันโว้ยยยย

63. เมืองไทยแทบไม่มีนักร้องผิวดำเลย
>>>> เมืองไทยแทบไม่มีนักร้องเสียงดีจริงๆ เลย

68. ส่วนใหญ่นางสาวไทยจะเป็นสาว imported กันทั้งนั้น
>>>> ส่วนใหญ่นางสาวไทยจะเป็นสาว "หมวย" กันทั้งนั้น

70. ยอมรับเถอะ …ทุกวันนี้คุณก็ยังอ่านไทยรัฐ ถึงแม้ว่าคุณจะด่ามันทุกวัน
>>>> ยอมรับเถอะ ...ทุกวันนี้คุณก็ยังอ่าน "ซ้อเจ็ด" ถึงแม้ว่าคุณจะด่ามันทุกวัน

79. ทำไมคนเราถึงอยากให้โดเรมอนมีตอนจบ …ไม่เข้าใจ
>>>> ทำไมคนเราถึงอยากให้ โคนัน มีตอนจบ ...ไม่เข้าใจ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 21 ตุลาคม 2550, 15:26:06
Ohhhhh,she(Nong Plaa)nian professional!!
p.nn

ps.P.Ning ,she has a short concentration...herr,herr...can not read a long text..she needs to finish those text at least few months!!!


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 22 ตุลาคม 2550, 01:06:55
สามารถจริง ๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 24 ตุลาคม 2550, 14:04:44
วันนี้มี TV direct มาให้อ่านครับ


ร ถ เ ม ล์ เมืองไทย - - - สะท้านนรก...

คุณเคยมีปัญหาแบบนี้มั้ย

เบื่อหนายกับการนั่งรถเมล์ทุกวัน เซ็งกับการนั่งรถเมล์เป็นเวลานานๆ

ไม่มีอะไรทำจนต้องนั่งหลับ


วันนี้เราขอเสนอ

"แอ๊บโดมิไนท์เซ่อ ... รถร่วมสะท้านนรก"

รถร่วมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงรถร่วมกตัญญู อันนั่นใช้สำหรับศพ

แต่หมายถึงรถเมล์ร่วมบริการ (ที่ไม่ใช่ของ ขสมก อ่ะ)

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นศพ


มันจะช่วยสร้างความตื่นเต้นเร้าใจในการเดินทาง

สร้างความเร้าใจในทุกวินาทีที่ใช้

เริ่มตั้งแต่การจะขึ้น

มันจะไม่จอดให้ตรงป้าย

แต่จะจอดเลยไปหน่อยให้ท่านวิ่งตาม

เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกาย


....... พอท่านขึ้นไปก็จะพบกับ กระเป๋ารถเมล์ในสภาพพร้อมโดนกระทืบ

คือหน้าตากวนตีนจนเห็นแล้วอยากกระทืบ ผลิตตามหลักวิทยาศาสตร์

ที่ว่าด้วยการสันดาบระหว่าง X หน้าตาและท่าทาง

จะส่งผลต่อ X ของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้

ซึ่งจะเกิดแรงดึงดูดระหว่างใบหน้ากับ X

ทำให้เกิดปรากฏการ X ลอยไปกระทบใบหน้า


....ขึ้นไปท่านไม่ต้องกลุ้มใจในการเลือกที่นั่ง

....ท่านไม่ต้องกังวลเบาะสภาพไม่ดี

.....หรือเบาะที่ไม่สมประกอบ ขาดรุ่งริ่ง

เพราะทุกเบาะล้วนเป็นแบบนั้นทั้งสิ้น - -"


ส่วนหลักการทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ

ท่านแค่ขึ้นไปเฉยๆ รถจะทำงานตามคำสั่งจากสมองหมาของคนขับ

ที่อยู่ในสภาพเต็มยศ

รองเท้าแตะอีหนีบ

กางเกงพับขา

เสื้อพับแขนไม่ติดกระดุม

ผ้าขนหนูพาดคอ

หนวดเคราไม่โกน

ผมยุ่งเหยิง

หน้าตาเหมือนเมายา

ผ่านการมีคดีติดตัวมาแล้วทั้งสิ้น

เพื่อความรวดเร็วมันจะพาท่านออกไปเลนขวาประจำ

เรียกว่าพอออกขวาได้กอูก็จะออกเลย

ได้ไปอยู่ขวาซักนิดก็ยังดี แล้วมันก็กลับมาอยู่ซ้ายเหมือนเดิม - -"


....ประสิทธิภาพของ "แอ๊บโดมิไนท์เซ่อรถร่วมสะท้านนรก"

มันไม่ได้อยู่แค่กับท่านเท่านั้น

แต่จะส่งผลกับคนรอบข้างด้วย ทั้งกระเป๋าและคนขับจะทำงานประสานกัน

คือด่าพ่อด่าแม่รถข้างๆตลอดเวลา

ขับช้ามันก็ด่า

ขับเร็วมันก็ด่า

ปาดหน้ามันก็ด่า

นอนอยู่บ้านมันก็ด่า - -"

มีมาให้ท่านฟังตลอดการเดินทาง


ท่านสามารถเลือกได้หลายระดับ

ตั้งแต่รถว่างเหมาะสำหรับผู้เริ่มขึ้น

เพราะจะมีที่นั่งและที่จับได้สะดวก

แบบยืนเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้คล่องแล้ว

หรือแบบรถแน่ยืนเบียดกัน

จะช่วยเพิ่มแรงดันจากคนข้างหลังและลด...

บริมาณอากาศหายใจ


.......สำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้น

ขอแนะนำให้ใช้ช่วงดึก

ช่วงที่ถนนว่างๆ

ท่านจะได้พบกับความตื่นเต้นครั้งสุดท้ายของชีวิต - -"


......แต่เดี๋ยวก่อน!!!

ความสามารถของ"แอ๊บโดมิไนท์เซ่อรถร่วมสะท้านนรก"ยังไม่หมดแค่นี้

เมื่อท่านจะลงมันจะแถมป้ายให้ด้วย!!!

ไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 แต่เป็น 3!!!!!!!!

ขอย้ำว่า 3 ป้าย !!!!!!!!!!!

ท่านจะได้เดินออกกำลังอีกด้วย

เหมาะสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลัง

มันจะช่วยเผาผลานแคลลอลีได้เป็นอย่างดี

แถมยังมีแสงแดดมาช่วยสร้างมะเร็งผิวหนัง

และควันผิดจากรถบนถนนมาทำลายระบบหายใจให้อีกด้วย


นี่คือประสิทธิภาพเพียงบางข้อของ

"แอ๊บโดมิไนท์เซ่อรถร่วมสะท้านนรก"

ตอนนี้เราจะมาฟังคำบอกเล่าของผู้ที่เคยมีประสบการในการใช้มาแล้ว


ชั้นเคยมีปัญหาเรื่องไขมันที่ต้นขา

แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ขณะที่ชั้นกำลังจะลงรถ

มันจอดให้ชั้นลงกลางถนน

แล้วชั้นก็เจอรถชนเข้าอย่างจัง

ต้องตัดขาทิ้งทั้ง2ข้าง

ทีนี้ชั้นก็ไม่ต้องกังวลเรืองไขมันที่ขาอีกต่อไป

แถมยังลดน้ำหนักไปได้อีกหลายกิโล


........หน้าม้าหมายเลข 2

ปกติผมจะต้องขับรถส่วนตัวออกไปทำงานแต่เช้า

ต้องทนตื่นแต่เช้าทุกวันเพราะที่ทำงานไกล

ไปสายเจ้านายก็ด่า

แต่เพียงผมได้พบกับมันเท่านั้น

ขณะที่ผมกำลังขับรถออกจากซอยบ้าน

มันก็ขับเข้ามาเสยรถผมอย่างจัง

ตอนนี้ผมเป็นอัมพาททั้งตัว

ผมไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องตื่นเช้าหรือโดนเจ้านายด่าอีกแล้ว

โอ่วว มันเปลี่ยนชีวิตผมไปจริงๆ


ตอนนี้ท่านคงรู้ถึงประสิทธิภาพของ

"แอ๊บโดมิไนท์เซ่อรถร่วมสะท้านนรก" กันดีแล้ว


......แต่เดี๋ยวก่อน!!!!!!!!!!!!!!!

ถ้าท่านมาขึ้นภายในสิบนาที

เราจะแถมเด็กช่างกลเต็มเบาะหลังฟรี!!!

จะช่วยสร้างความเร้าใจ

เหมื่อนท่านได้ไปอยู่ในหนังแอคชั่น

แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

ทางเราจะแถมเข็มกับด้าย ไว้เย็บไส้ตอนโดนลูกหลงให้อีกด้วย - -"
------***------***-------


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 24 ตุลาคม 2550, 19:57:42
ชั้นชอบคนขยัน
.....นักเรียนช่างกลพวกนั้น

นอกจากจะเรียน(แย่)แล้ว
ยังทำกิจกรรมต่างๆมากมาย
เพื่อสร้างสีสัน(สีแดงเลือดสด)ให้กับสังคม
ทำให้เรารู้ว่า คนติดยาหน้าตาเป้นยังไง(เรียน สปช.มา เป้นรูปขาวดำ เห็นไม่ชัด)

เสื้อผ้า หน้าตา สกปรก เห็นแล้วอยากจะมีอาชีพขายตรง จะเปิด แคตตาลอก แฟ้บ ครีม โลชัน หารายได้เพิ่ม

เป็นพวกที่มีวินัย มีที่นั่งชัดเจนเ(เบาะหลัง)หมือนกันทุกสถาบัน

ทำให้รู้ว่าพวกเค้าก็อยากจะ อ่านออกเขียนได้เหมือนคนทั่วไป...คงเป้นเพราะเรียนแย่ตั้งแต่เด็ก
หรืออาจจะขาดโอกาสในการคัดไทย

พวกเขาจึงใช้โอกาสที่ได้นั่งเบาะหลังสุด คัดไทยลงบนพนักพิงของ เบาะข้างหน้าเสมอ(พยายามเข้านะ ทุกคน)

นอกจากนี้ ยังทำให้เรารู้ด้วยว่า พวกเค้าก็มีพ่อ.......พ่อทุกสถาบัน
 8)


วันไหนหิวจัดให้บอก........"น้องๆ ปอกมะม่วงให้พี่ที่ แม่ค้าบอกว่าลูกนี้ มัน..มาก" (จงเชื่อว่า พวกเค้าพกมีดติดตัวตลอด)

 8)


รถเมล์ก็ชอบนะ

บางทีก็อยากจะซื้อพวงหรีดแจกให้ทุกคนที่นั่งบนรถเมล์เอาแขวนคอไว้...แล้วก็ถ่ายรูป ทำโฆษณาประชดซะเลย

บางคนขับแบบว่า อยากทำความเร็วเหนือเสียงได้บ้าง....

สงสารคนใส่วิกขึ้นรถ เมล์บ้างเหอะ...

ปัจจุบันยังสงสัยอยู่ว่า เวลารับพนักงานขับรถเข้ามาทำงาน  เค้าทดสอบกันยังไง...

...ไม่โหด ไม่ซิ่ง ไม่ปาด ไม่รับ...


ฝากนิดนึง...

ใครก็ได้ไปถามกระเป๋ารถเมล์หน่อย

จะเขย่าอะไรมากมาย ไอ้กระบอกเงินน่ะ

เหรียญห้ามันจะกลายเป็นเหรียญสิบรึไง 8)


ไปหละ



แก้ไข เข้า เป็น เขย่า


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 24 ตุลาคม 2550, 22:34:37
พี่วอร์ม ก็อบมาหรือคิดเอง ถ้าคิดเองนะ สุดยอด ขอยกนิ้วให้เลย เจ๋งจริง ๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 24 ตุลาคม 2550, 22:54:05
อ้างจาก: "por-sim"
พี่วอร์ม ก็อบมาหรือคิดเอง ถ้าคิดเองนะ สุดยอด ขอยกนิ้วให้เลย เจ๋งจริง ๆ



คิดเองดิ

ถ้าก๊อปก็จะบอกว่าก๊อปมา


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 26 ตุลาคม 2550, 17:29:35
สุดยอด ชั้นยกนิ้วโป้ง ให้หมด 4 นิ้วเลย ถ้ารวมนิ้วอื่น ๆ ทีมีอยู่ก็เป็น 20 นิ้ว สุดยอดจริง ๆ เธอน่าจะไปเขียนหนังสือประมาณนี้ขายนะ รับรองเกิดแน่


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:41:22
มีบ้าง

1. บางสิ่งก็ไม่ควรจำ ถ้ามันทำให้เราเจ็บ แต่บางสิ่งก็ควรจะเก็บถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ

2. คบคนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล

3. อย่ามีหัวไว้แค่ให้ผมขึ้น

4. ความดีก็เหมือนกางเกงใน มีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องโชว์

5. จุดยืนของเราทุกคนคือ...ส้นตีน!!

6. สามี คือ...เป้าหมาย  
     ผู้ชาย คือ...ทางผ่าน

7. คบเด็ก คือ นิพพาน
     ขึ้นคาน คือ ตายทั้งเป็น!!

8. เพื่อนกินเพื่อนกัน เพื่อนกินไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน

9. ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตน่ะ ...ของกู

10. "กาเม มอระนัง ทุกขังโลเก" ความตายด้านทางกามเป็นทุกข์ในโลก

11. มาสาย กลับก่อน นอนกลางวัน มันส์กลางคืน

12. ทำดีย่อมได้ดี ทำอัปรีย์มันจะได้ดีได้ยังไง

13. เจ็บแล้วจำ คือ ...คน  เจ็บแล้วทน คือ...ควาย

14. พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้

15. สิ่งที่โรงเรียนสอนไม่ได้ คือ สามัญสำนึก

16. จงซื่อสัตย์กับแฟนตัวเอง จงครื้นเครงกับแฟนคนอื่น

17. สุขใดไม่เท่า ล้วงกระเป๋าแล้วเจอตังค์ :D

18. สุราไม่ได้สร้างวีรบุรุษ แต่วีรบุรุษก็ขาดสุราไม่ได้


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:43:37
อืม 8)


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:45:06
ตอนนี่ที่นั่น 5 ทุ่ม 40 ใช่ป่าว


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:45:57
อ้างจาก: "por-sim"
ตอนนี่ที่นั่น 5 ทุ่ม 40 ใช่ป่าว


ห้าทุ่มสี่สิบสอง แล้ว


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:49:17
ก็นั่นแหละ คือต่างจากที่นี่ 2 ชม. อยากรู้แค่นี้แหละ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 26 ตุลาคม 2550, 21:52:17
อ้างจาก: "por-sim"
ก็นั่นแหละ คือต่างจากที่นี่ 2 ชม. อยากรู้แค่นี้แหละ


แกเคยมาแลล้วนี่
จำไม่ได้หรอ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 27 ตุลาคม 2550, 08:41:05
คนแก่ก็อย่างนี้แหละขี้หลงขี้ลืม :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 29 ตุลาคม 2550, 20:18:44
อ้างจาก: "veekung"
คนแก่ก็อย่างนี้แหละขี้หลงขี้ลืม :lol:  :lol:



นั่นน่ะสิ ซิ่มนี่ มันแก่แล้วจริงๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 30 ตุลาคม 2550, 13:59:30
อ้างจาก: "WARM"
อ้างจาก: "por-sim"
ก็นั่นแหละ คือต่างจากที่นี่ 2 ชม. อยากรู้แค่นี้แหละ


แกเคยมาแลล้วนี่
จำไม่ได้หรอ


รู้ว่าต่าง 2 ชม. แต่ไม่แน่ใจว่า เร็ว/ช้ากว่า

ชั้นกำลังอินเทรนด์ เป็นอาการตามอายุ ถ้าไม่เคยเลย ระวังเอ้าท์นะคุณ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 31 ตุลาคม 2550, 10:59:28
วิธีแก้ความเครียดในลิฟต์ ลองทำดูนะ ได้ผลแล้วบอกด้วย

ธรรมชาติประการหนึ่งของคนในลิฟท์คือ ทุกคนจะวางตัวเย่อหยิ่ง ไม่รู้จัก ไม่มองหน้ากัน ไม่ยิ้มแย้ม ตาจ้องที่เลขบอกชั้น บรรยากาศเย็นยะเยือกเหมือนเกิดสงครามเย็น แต่คุณอาจเปลี่ยนแปลงมันได้โดย

1. กรณีที่ขึ้นหลายชั้น แกว่งตัวไปมาให้ลิฟท์โยกเยก พลางร้อง \'ฮุยเลฮุย\'

2. แจกนามบัตรและขอนามบัตรทุกคนในลิฟท์

3. ทำเสียงบึ้มทุกครั้งที่มีคนกดปุ่ม

4. จับมือคนที่เข้าใหม่ พลางพูดว่า \'ยินดีต้อนรับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

5. ร้อง \' ติ๊งต่อง \' ทุกครั้งที่ประตูปิด-เปิด

6.ไอแห้งๆ เป็นระยะ บ่นพึมพำว่ายาวัณโรคหมดมาหลายเดือนแล้ว

7.ยืนเงียบๆ ที่มุมในสุด หันหน้าชิดฝา ไม่ขยับร่างกาย พึมพำคาถา
ไม่ต้องลงแม้ลิฟท์จะขึ้นสุดแล้ว

8.ผายลมต่อเนื่อง มองผู้หญิงข้างๆ แล้วยิ้ม

9. รำมวยไทเก็ก

10. พูดเสียงดังว่า \' เอ๊ะ ปุ่มอะไร ? \'แล้วกดปุ่มสีแดงที่เขียนว่าหยุดฉุกเฉิน

11. แง้มกระเป๋าถือ ชะโงกหน้าดูข้างใน พูดกับกระเป๋าว่า \'คุณสบายดีไหม?อากาศในนั้นพอหายใจหรือเปล่า? เดี๋ยวก็ถึงแล้ว\'

12. พอประตูปิด ก็วิ่งไปทุบประตูแล้วร้องไห้ \"เปิดๆๆ\"

13. หันไปมองคนข้างหลัง แล้วถามว่าจับก้นผมทำไม

14. เอามือปิดจมูกแล้วบ่นดังๆ ใครตดฟะ

15. หันไปถามคนข้างๆ ว่าชั้น 19 ค่าโดยสารเท่าไหร่

16. หยิบโทรศัพท์มาเม้าท์กับเพื่อน บ่นว่าตึกนี้ทำไมมีแต่คนหน้าตาอุบาทว์

17. มองผู้ชายข้างๆ แล้วทำน้ำลายไหล

18. หยิบโทรสับมือถือขึ้นมาเลือกเสียง ringtone เพลง asarejeแล้วให้เต้นท่าตรงท่อนฮุค สะกิดคนข้างๆให้เต้นตามพร้อมๆกัน

19. ทำตัวเป็นกระเป๋าลิฟต์ คอยเก็บค่าโดยสารคนเข้าใหม่

20. เอาถุงตดไปบีบในลิฟต์

21.กดโทรศัพท์(แกล้งก็ได้)แล้วพูดว่า\"ระเบิดที่ให้วาง...เรียบร้อยแล้วครับ\'

22. ซื้อข้าวกระเพราะEZ-Go ของเซเว่น เอาแบบร้อนๆ กลิ่นจะได้ฉุยๆแล้วตักกินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมส่งเสียง\" ซื้ดดด..อา ซื้ดดดด...อา\"

23. ตอนมีคนเข้ามาก็ทักสวัสดีค่ะ/ครับ ตอนออกก็พูดว่ารับขนมจีบซาละเปาเพิ่มมั้ยคะ/ครับ

24. เวลามีคนเข้ามาเพิ่ม ทำเสียง \"อ๊อดดดด.. \" สัญญาณเตือนน้ำหนักเกิน

25. แกล้งพูดภาษาพรายกับเพื่อน ภาษางูก็ได้นะ(สำหรับสาวกแฮรี่โดยเฉพาะ) หรือจะแกล้งเสกคาถาใส่ใครก็ได้


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 31 ตุลาคม 2550, 18:29:35
8)


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 31 ตุลาคม 2550, 18:59:32
อ้างจาก: "WARM"
8)
that is a reaction of Nong Warm after :wink:  :wink: เอาถุงตดไปบีบในลิฟต์!!!
p. :twisted:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 31 ตุลาคม 2550, 19:27:00
อ้างจาก: "khesorn mueller"
อ้างจาก: "WARM"
8)
that is a reaction of Nong Warm after :wink:  :wink: เอาถุงตดไปบีบในลิฟต์!!!
p. :twisted:


ผมตด จิงๆ เลย คับพี่หนิง  5555 :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 31 ตุลาคม 2550, 21:55:56
That why Nong Tritti เอามือปิดจมูกแล้วบ่นดังๆ....ใครตดฟะ!!!
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 01 พฤศจิกายน 2550, 10:07:02
เหม็นกลิ่นปากพี่วอร์มครับ.... :x


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 01 พฤศจิกายน 2550, 11:11:15
:shock:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 01 พฤศจิกายน 2550, 12:47:00
อ้างจาก: "Tritti_83"
เหม็นกลิ่นปากพี่วอร์มครับ.... :x



นึกว่าเหม็นกลิ่นตัว  :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 02 พฤศจิกายน 2550, 01:39:49
ชั้นว่าคนที่กล้าทำ ถ้าไม่บ้าก็ต้องป็นดารา


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 06 พฤศจิกายน 2550, 15:28:00
มารำลึกความหลังกัน ไม่รู้อ่านกันยัง

รวมข้อมูลจากหนังสือบ้าง เว็บบ้าง เกี่ยวกับการ์ตูนอมตะ Doraemon กำลังจะเข้า ฉายอีกครั้งแว้ว


ที่มาของ"โดราเอม่อน"

ตัวละครโดราเอมอนนั้น ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจากนักวาดการ์ตูนทั้ง 2 ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาทั้งสองไว้ว่าจะมีตัวเอกที่ออกมาจากลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ แต่ในความจริงแล้วทั้งสองยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก

ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน ได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เขามักจะชอบจับแมวตัวนี้มาหาหมัด จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ ทำให้ฮิโรชิโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไป จึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่บนพื้น

เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสมกับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ได้เรื่อง และตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง "โดราเนโกะ" กับ "เอมอน" ในภาษาญี่ปุ่น โดราเนโกะนั้นแปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น

แป้งทอด ของโปรด?
โดราเอม่อนเป็นหุ่นยนต์แมวที่ชอบกินเอามากๆ ที่ชอบมากที่สุดก็คือแป้งทอด (โดรายากิ) ขนมปังที่มีไส้เป็นถั่วแดง (อยากลองชิมหาซื้อได้ที่ร้านยามาซากิ) แต่แป้งทอดไม่ใช่อย่างเดียวที่โดราเอม่อนโปรดปราน เขายังชอบขนมโมจิ เทมปุระ โซบะ ซุปเต้าหู้ และปลาโทโรอีกด้วย

ข้อมูลจำเพาะของโดราเอม่อน
สูง 129.3 ซม. (เวลานั่งจะเหลือ 100 ซม.)
หนัก 129.3 กิโลกรัม <<<< นอนในตู้เก็บที่นอนแล้วตู้ไม่พังหรือไง
รอบตัว 129.3 ซม.
กระโดดสูง 129.3 ซม. (เวลาที่ตกใจตอนเจอหนู)
วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า

129.3 เลขที่บอกทุกความเป็นโดราเอม่อน รวมไปถึงวันเกิด (ปี 2112 เดือน 9 วันที่ 3) ซึ่งที่มาของตัวเลขนี้ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะเอาตัวเลขค่าเฉลี่ยความสูงของเด็ก ป.4 ในญี่ปุ่นมาใช้นั่นเอง และต้องการใช้เลขชุดเดียว เพื่อให้เด็กๆนั้นสามารถจดจำรายละเอียดของโดราเอม่อนได้ง่าย

ส่วนประกอบในร่างกาย

เนื่องจากโดราเอม่อนเป็นหุ่นยนต์แมวที่ผลิตขึ้นในอนาคตคือคริสต์ศตวรรษที่ 22 ตามจินตนการของผู้แต่งและวาดการ์ตูน โดราเอมอนจึงผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมีความคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ตา
ตาแสงอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด

จมูก
มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ สีแดง เหมือนกับปลายหาง มีความไวในการรับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุดเพราะตอนผลิตในโรงงานชิ้นส่วนหลุดไป 1 ชิ้น จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น

หนวด
มี 6 เส้น เป็นหนวดเรดาร์ สามารถจับวัตถุระยะไกลได้ แต่อยู่ระหว่างรอซ่อมแซมเพราะตอนผลิตในโรงงานชิ้นส่วนหลุดไป 1 ชิ้น

ร่างกาย
ผิวหนังเป็นโลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา (จากตอนพิเศษ "ตะลุยปราสาทใต้สมุทร") โดนของเหลวคล้ายกรดสาดใส่ก็ไม่ละลาย (จากตอนพิเศษ "ไซอิ๋ว") แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเช่นกัน คือ แพ้อากาศร้อน (จากตอนพิเศษ "ตะลุยปราสาทใต้สมุทร") และแพ้อากาศหนาว จนถึงขั้นเป็นหวัดได้ (จากตอน "นางฟ้านำทาง") หากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย (จากตอนพิเศษ "บุกอาณาจักรเมฆ" และ "ฝ่าแดนเขาวงกต")

มือ
รูปร่างกลมสีขาวไม่มีนิ้วมือ จึงไม่สามารถเล่นพันด้าย และเป่ายิ้งฉุบได้ แต่ก็สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง จริงๆ แล้วโดราเอมอนถนัดทั้ง 2 มือ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้แต่มือขวา ไม่ค่อยใช้มือซ้ายเท่าไหร่นัก

ปาก
ปากขนาดกว้าง สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานปรมาณู ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า "ฟู้ดคัตเตอร์" ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โดราเอมอนโกรธจนต้องยิงฟันเท่านั้น แต่ในตอนพิเศษ "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006" โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน

กระพรวน
ไว้ห้อยคอ มีสีเหลือง ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่น่าเสียดายตอนนี้ใช้งานไม่ได้เพราะตอนผลิตในโรงงานชิ้นส่วนหลุดไป 1 ชิ้น

กระเป๋าหน้าท้อง
กระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษ พื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือที่มักเรียกว่า "กระเป๋าสำรอง" มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสอง จะมีมิติที่เชื่อมต่อกัน ของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้

เท้า
ลักษณะแบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอนจะเป็นแบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมวย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงมีเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ เพราะตอนผลิตในโรงงานชิ้นส่วนหลุดไป 1 ชิ้น
สำหรับเวลาขี่จักรยานต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาหยั่งไม่ถึง (จากตอน "จิโซ เทพเด็กทิ่มสวรรค์")

หาง
เป็นสวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน โดราเอมอนสามารถดึงหางเพื่อปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ไม่สามารถดึงเพื่อเปิดเองได้


มาศึกษากายวิภาคโดราเอม่อนกันเถอะ

หูของโดราเอม่อนหายไปไหน?

แต่ก่อนนั้นโดราเอม่อนมีหูและตัวเป็นสีเหลือง แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว "โนราเมียโกะ" แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอทราบว่าโดราเอมอนไม่มีหู เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่ว่าโดราเอมอนหยิบผิดกินยาโศกเศร้าแทน ทำให้โศกเศร้ากว่าเดิม และเริ่มร้องไห้ไม่หยุด จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่าที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียดและกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก

ข้อมูลตัวละคร

โนบิตะ
ชื่อจริง โนบิ โนบิตะ
เกิด 7 สิงหาคม 1964
อุปนิสัย ขี้เกียจ ขี้แย จิตใจอ่อนโยน จินตนาการสูง อารมณ์อ่อนไหว ขี้สงสาร และรักความยุติธรรม
สิ่งที่กลัว แม่
ความสามารถพิเศษ ยิงแม่นปืน เล่นพันด้าย
ข้อมูลอื่นๆ 0.93 วินาที คือความรวดเร็วในการหลับของโนบิตะ


ไจแอนท์
ชื่อจริง โกดะ ทาเคชิ
เกิด 15 มิถุนายน 1964
อุปนิสัย ขี้โมโห เจ้าอารมณ์ รักพวกพ้อง รักน้องสาวมากๆ ดูเป็นเด็กอันธพาลแต่ที่จริงอ่อนไหวง่าย
สิ่งที่กลัว แม่
ความสามารถพิเศษ เบสบอล
ข้อมูลอื่นๆ ชอบร้องเพลงมากแต่เสียงไม่เอาไหน ไจแอนท์ยังอยากเป็นพ่อครัวแต่ฝีมือทำอาหารของไจแอนท์ก็ไม่เอาไหนไม่ต่างจากการร้องเพลง เรียนไม่เก่งเท่าซูเนะโอะแต่ยังเก่งกว่าโนบิตะ ไจแอนท์มีสุภาษิตประจำตัวที่มาจากสุภาษิตอังกฤษว่า"ของๆ นายก็เหมือนของๆ ฉัน ของๆ ฉันก็คือของๆ ฉัน"(What's yours is mine, and what's mine is mine.)


ชิซูกะ
ชื่อจริง มินาโมโตะ ชิซูกะ
เกิด 2 พฤษภาคม 1964
อุปนิสัย อ่อนโยน รักสะอาด
สิ่งที่กลัว ตัวบุ้ง
ความสามารถพิเศษ วาดรูป เย็บปักถักร้อย
ความลับ ชอบกินมันเผาที่สุด
ข้อมูลอื่นๆ สิ่งเดียวที่ไม่เก่งคือ"ไวโอลิน"ซึ่งเสียงไวโอลินของ ชิซุกะนั้น เทียบเท่ากับเสียงร้องเพลงของ ไจแอนท์ เลยทีเดียว


ซูเนโอะ
ชื่อจริง โฮเนะกาว่า ซูเนโอะ
เกิด 29 กุมภาพันธ์ 1964
อุปนิสัย ขี้โม้ โอ้อวด ติดแม่
ความสามารถพิเศษ วาดภาพ เล่นมายากล
ความลับ ซูเนโอะชอบฉี่รดที่นอน แต่ป้องกันไว้ด้วยการใส่ผ้าอ้อม
ข้อมูลอื่นๆ มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็น"ดีไซเนอร์" มีน้องชายชื่อ สเน็ก (สุเนซุกุ) อยู่ในการอุปการะของคุณลุงของเขาเองที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

เคยมีการตั้งข้อสังเกตว่าบ้านซูเนโอะนั้นรวยจริงหรือ เพราะในทุกตอนที่บ้านซูเนโอะไปเที่ยวตากอากาศที่ฮาวาย มักประสบปัญหาบังกะโลหลังคารั่วบ้างเรือยอชจ์เสียบ้าง รถเสียบ้าง และพ่อหรือแม่ของซูเนโอะที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมักบ่นออกมาว่า"ของถูกๆก็อย่างนี้แหละ"ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วบ้านโฮเนคาวารวยจริงหรือไม่?


เดคิสุงิ
ชื่อจริง เดคิสุงิิ ฮิเดโทชิ (บางแหล่งบอกว่านามสกุลคือ เออิซาอิ)
เกิด เมษายน 1964 (ไม่ได้ระบุวันที่?)
อุปนิสัย รอบรู้ เรียนเก่ง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
ข้อมูลอื่นๆ เป็นตัวละครคนเดียวในเรื่องที่ทุกคน จะเรียกนามสกุลแทนที่จะเรียกชื่อ เพอร์เฟกต์ เป็นตัวละครที่ถูกสร้างมาให้ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง


โดเรมี่
เกิด 12 ธันวาคม 2114
อุปนิสัย หวังดี เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น จนบางครั้งดูเคร่งครัดและจุ้นจ้านไปบ้าง ท่าทางน่ารัก สมกับเป็นเด็กผู้หญิง
ชอบที่สุด เมล่อน
เกลียดที่สุด แมลงสาบ
สูง 100 ซม.
หนัก 91 กิโลกรัม
น้องสาวของโดราเอม่อน เป็นหุ่นยนต์รุ่นใหม่กว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าโดราเอม่อน อาศัยอยู่กับเซวาชิ เหลนของโนบิตะในศตวรรษที่ 22 มักมาช่วยพวกของโดราเอม่อนและโนบิตะในยามคับขัน หูที่เห็นเป็นสีแดงนั้น ที่จริงแล้วเป็นโบว์ที่ผูกเอาไว้

หุ่นยนต์เป็นพี่น้องกันได้ด้วยหรือ?
มนุษย์เป็นพี่น้องกันทางสายเลือด หุ่นยนต์ก็เป็นพี่น้องกันทางน้ำมันยังไงล่ะ ก็คือโดราเอม่อนและโดเรมี่ใช้น้ำมันจากถังเดียวกันนั่นเอง แต่ของโดเรมี่ใช้จากก้นถังที่เข้มข้นกว่า จึงฉลาดกว่าโดราเอม่อน


มินิโดร่า
หุ่นยนต์รูปแบบแมวที่มีความสามารถเหมือนกับโดราเอม่อน ลักษณะเลียนแบบจากโดราเอม่อนแต่ว่ามีขนาดเล็กกว่ามาก นิสัยเหมือนเด็ก 3 ขวบ ตัวจะประมาณช่องทางออกของกระเป๋ามิติที่ 4 มีอยู่หลายตัว ส่วนใหญ่จะมาช่วยป่วนซะมากกว่า ผลิตเป็นที่ระลึกจากการที่โดราเอม่อนเคยช่วยตำรวจ Time Patrol จับคนร้ายโดยการวิ่งชนยานคนร้ายจนร่วงลงมาอย่างไม่ตั้งใจ


เซวาชิ
เป็นหลานของโนบิตะ อาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 เป็นคนที่ขอให้โดราเอมอนย้อนอดีตมาอยู่กับโนบิตะ เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือ และเปลี่ยนแปลงอนาคตของโนบิตะ และหลีกเลี่ยงไม่ให้โนบิตะได้แต่งงานกับไจโกะ


โนบิสุเกะ
เป็นลูกของโนบิตะกับชิซูกะ ในอนาคต มีนิสัยตรงข้ามกับโนบิตะทุกอย่าง เป็นเด็กที่แข็งแรง ซุกซน และออกจะเป็นเด็กอันธพาลนิด ๆ


ไจโกะ
น้องสาวของไจแอนท์ ซึ่งในอนาคตหากโนบิตะไม่มีโดราเอมอนมาอยู่ด้วย เขาจะต้องแต่งงานกับไจโกะ แต่เมื่อโดราเอมอนมาอยู่กับโนบิตะด้วยทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไป ให้โนบิตะได้แต่งงานกับชิซูกะแทน

เนื่องจากไจโกะเป็นน้องสาวไจแอนท์ที่หน้าตาเหมือนกับพี่ชาย ราวกับเป็นไจแอนท์ใส่ที่ใส่วิกผม ในเล่มแรก ๆ นั้น ผู้เขียนได้วาดคาแร็คเตอร์ให้ไจโกะเป็นเด็กผู้หญิงที่ดื้อ ซน เอาแต่ใจ และชอบเล่นอะไรแผลง ๆ

ในช่วงหลังของการ์ตูน คาแร็คเตอร์และนิสัยของไจโกะได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาก ๆ ไจโกะใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูนอย่างยิ่งและเฝ้าเพียรพยายามที่จะส่งต้นฉบับการ์ตูนของตัวเองให้สำนักพิมพ์พิจารณา ถึงแม้จะถูกปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ย่อท้อ เพื่อที่จะได้นำผลงานของตัวเองได้ตีพิมพ์ให้ได้ เราจึงมักจะเห็นไจโกะปรากฏตัวโดยสวมหมวกนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเอาไว้เสมอ

โดยส่วนตัวไจโกะนั้นเองไม่ได้ชอบโนบิตะแต่อย่างใด แต่กลับสนิทสนมกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง(โมเตะ โมเตโอะ) และพยายามที่จะทำหนังสือร่วมกันโดยให้เพื่อนเป็นบรรณาธิการ มีบางตอนที่ไจโกะแอบตามโนบิตะจนทำให้คนอื่น ๆ เข้าใจผิดว่าแอบชอบโนบิตะ แต่แท้จริงแล้ว แอบตามเพราะอยากจะให้โนบิตะมาเป็นตัวเอกในการ์ตูนตลกที่ตัวเองเป็นคนเขียนนั่น
เอง


แม่โนบิตะ
แม่ของโนบิตะ มีชื่อเต็มว่า โนบิ ทามาโกะ จู้จี้ขี้บ่นกับลูกชายที่สุดแสนจะขี้เกียจ ชอบออกอาการโกรธเสมอเมื่อโนบีตะสอบได้คะแนน 0 และมักจะใช้ให้โนบีตะออกไปซื้อของ แต่ในความเป็นจริง เป็นคนที่รักโนบีตะมาก ๆ


พ่อโนบิตะ
โนบิ โนบิซูเกะ พ่อของโนบิตะ เป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ครั้งหนึ่งในวัยเด็กเคยฝันอยากเป็นจิตรกร ดูท่าทางใจดีกับโนบีตะ ชอบตีกอล์ฟ และชอบตกปลา ขับรถไม่เป็น มีนิสัยเสียคือ สูบบุหรี่จัด


คามินาริ
ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าฟ้าผ่า ฟ้าร้อง คุณลุงที่มีบ้านอยู่ติดสนาม ที่พวกโนบุตะชอบไปเล่นเบสบอล ในเรื่อง โดราเอมอน ก็ชื่อว่า คามินาริ เป็นนัยว่า คุณลุงขี้โมโห




ในภาพมีไม่ครบนะ โดยเฉพาะคุณลุง คามินาริ ไม่ค่อยได้ยินชื่อ แต่น่าจะรู้หน้าค่าตากันดี หัวล้านๆ ใส่แว่น ชอบทำคิ้วขมวด ใส่ชุดญี่ปุ่นๆ

ตอนจบที่แท้จริงของโดราเอม่อน???

หลังจาก ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ จากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 1996 (พ.ศ.2539) ในขณะที่สื่ออย่างอินเตอร์เน็ตก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสอย่างหนึ่งของโดราเอม่อน นั่นก็คือ ตอนจบของโดราเอม่อน นั่นเอง ซึ่งมีทั้งหมดอยู่ 2 แบบ และ ต่างก็อ้างว่า ตอนจบทั้ง2แบบนั้น ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ เป็นคนแต่งขึ้นมาเอง ทำเอาแฟนๆโดราเอม่อนทั้งในญี่ปุ่นและในบ้านเรา นั้นต่างก็รู้สึกสับสนว่าตอนจบที่แท้จริงเป็นแบบไหนกันแน่ ถึงลูกศิษย์ของอ.ฟูจิโกะจะออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นหัวข้อที่กลุ่มสาวกคนรักโดราเอม่อนยังถกเถียงกันไม่รู้จักจบ จนอาจกลายเป็นมลภาวะทางสายตาของคนที่เข้าอ่านกระทู้ในเว็บบอร์ดบางแห่งเสียด้วย

บางคนอาจสงสัยว่า ตอนจบทั้ง2แบบนั้นเป็นแบบไหนกันบ้าง ซึ่งถ้าจะพูดกันจริงๆ น่าจะเรียกว่า เป็น 2 เวอร์ชั่นมากกว่า เพราะมีทั้งจบแบบแฮปปี้ และจบแบบเศร้าหักมุมสุด ซึ่งผมจะขอเล่าคร่าวๆก็แล้วกัน อ่านแล้วก็ขอให้ใช้วิจารณญาณกันดีๆนะครับ

จบแบบแรก(เศร้า) โนบิตะที่นอนป่วยอยู่ ตื่นขึ้นมาก็พบว่า เรื่องราวเกี่ยวกับโดราเอม่อนนั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่โนบิตะฝันไปเอง และโดราเอม่อนก็ไม่มีอยู่จริง สุดท้ายอาการป่วยของโนบิตะก็ทรุดลงหนักจนสิ้นใจตาย

จบแบบที่สอง(แฮปปี้) วันหนึ่งโนบิตะกำลังจะชวนโดราเอม่อนออกไปข้างนอก แต่โดราเอม่อนกลับนอนนิ่ง โนบิตะปลุกขึ้นมาเท่าไหร่โดราเอม่อนก็ไม่ยอมตื่น ร้อนไปถึงโดรามีต้องมายังในโลกยุคปัจจุบัน และโนบิตะก็ได้รับรู้ข่าวร้ายว่า แบตเตอรี่ของโดราเอม่อนหมด ถ้าจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ก็ไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นโดราเอม่อนก็จะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับโนบิตะไม่ได้เลย(ประโยคนี้อย่าคิดลึก!) โนบิตะเสียใจมาก จึงกลับตัวกลับใจเป็นเด็กที่ขยัน และในที่สุด เขาก็กลายมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ และทำการทดลองเกี่ยวกับโดราเอม่อน จนกระทั่งวันหนึ่ง โนบิตะ ก็ได้เรียก ชิซูกะซึ่งภายหลังได้กลายเป็นภรรยาของโนบิตะ ให้เข้ามาที่ห้องทดลอง เพื่อดูผลงานที่ตัวเองทำขึ้น หลังจากที่โนบิตะจัดการเสียบปลั๊กโดราเอม่อน โดราเอม่อนก็ฟื้นขึ้นมาแล้วพูดว่า โนบิตะ นายทำการบ้านเสร็จหรือยัง

ใครก็ตามที่ได้อ่านตอนจบทั้ง2แบบนั้นแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับตอนจบของโดราเอม่อน ซึ่ง อ.ฟูจิโกะเป็นคนแต่งเองจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ 2 แบบข้างต้น โดยทีแรกอาจารย์ตั้งใจจะเขียนตอนนี้ให้เป็นตอนจบจริงๆ นั่นก็คือตอนที่ชื่อว่า ลาก่อน โดราเอม่อน (หาอ่านได้ในเล่มที่ 6 ตอนสุดท้าย) แต่ก็มีกระแสจากคนอ่านให้อาจารย์กลับมาเขียนโดราเอม่อนต่อ และอาจารย์ก็ตอบรับกระแสจากแฟนๆ ด้วยการเขียนตอนที่ชื่อว่า น้ำยาโกหก ซึ่งเป็นตอนที่โดราเอม่อนกลับมาหาโนบิตะอีกครั้ง (ตอนแรกของเล่ม 7) และจากนั้นเป็นต้นมา โดราเอม่อนก็มีทีท่าจะเป็นการ์ตูนไม่มีวันจบอีกเรื่องหนึ่ง

แต่หลักฐานส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่า อ.ฟูจิโกะ ไม่เคยคิดที่จะเขียนตอนจบ 2 แบบที่ว่านั่นเลย จากหนังสือการ์ตูนอัตชีวประวัติของ ฟูจิโกะ ฟูจิโกะ ที่ได้กล่าวถึงช่วงเวลาสุดท้ายของอาจารย์ ว่า เขาต้องการให้เด็กๆที่มีความสุขกับโดราเอม่อนนั้นมีความสุขให้เต็มที่ และ ฉากที่อาจารย์หมดสติขณะเขียนการ์ตูนอยู่ก่อนไปจบชีวิตที่โรงพยาบาลนั้น เป็นตอนที่อาจารย์เป็นลมหมดสติขณะกำลังร่างต้นฉบับอยู่นั้น เป็นโดราเอม่อนตอนพิเศษตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน นั่นเอง

เกร็ดอีกอย่างหนึ่งสำหรับสิ่งสุดท้ายที่อ.ฟูจิโกะทำก่อนที่จะเสียชีวิต ก็มีดังนี้

- โดราเอม่อนที่เขียนเป็นตอนสุดท้าย ผู้มาจากดาวการาป้า(ตอนสุดท้ายของเล่ม 45)

- คิดพล็อตเรื่องตอนสุดท้าย ตอน ผจญภัยเกาะมหาสมบัติ ซึ่งเป็นภาคหนังโรง เพราะมีแหล่งอ้างอิงหลายที่ที่ให้ Credit ว่าตอนนี้เป็นตอนที่ท่านวางโครงเรื่องไว้ก่อนที่อ.ฟูจิโกะจะเสียชีวิต

- โดราเอม่อนตอนที่เขียนเป็น comic" เป็นตอนสุดท้าย "ผจญภัยสายกาแล็กซี่" เพราะเป็นเวลาพอดีกับที่อ.ฟูจิโกะเสียชีวิตและลายเส้นหลังจากเล่มนี้จะดูแปลกตาไปเลย



ส่วนหนึ่งของตอนจบของโดราเอม่อนในแบบที่ 2 ซึ่งจบแบบแฮปปี้ เอ็นดิ้ง เป็นผลงานการวาดโดย ทาจิม่า ยาสุเอะ ที่เอาโครงเรื่องจากตอนจบที่แต่งโดย โนบุโอะ ซาโต้ ซึ่งลายเส้นนั้นดูเนียนมาก ราวกับ อ.ฟูจิโอะ เป็นคนแต่งขึ้นมาเองจริงๆ!!!

การกลับมาของโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ กำลังจะเข้าฉาย 11 ตุลาคมนี้ มีจุดพิเศษคือเป็นการนำโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนแรกสุดกลับมารีเมคใหม่ ด้วยทีมพากย์ชุดใหม่ทั้งหมด มีการเปิดตัวที่ญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน

ไดโนเสาร์ของโนบิตะเป็นเป็นตอนที่ 1 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ออกฉายที่ญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อ 15 มีนาคม ค.ศ. 1980 และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) โดยใช้ชื่อตอนว่า " โดเรม่อนผจญไดโนเสา" (สะกดตามต้นฉบับ)

พีสุเกะ ไดโนเสาร์หลงยุค ซึ่งโนบิตะ พบหินไดโนเสาร์โดยบังเอิญ จึงใช้ผ้าคลุมกาลเวลา ย้อนเวลากลับไปในอดีต แล้วจึงฟักออกมาเป็นตัว แต่เมื่อเลี้ยงแล้ว พีสุเกะตัวใหญ่ขึ้นจนไม่สามารถเลี้ยงได้ไหว จึงพากลับไปยังอดีต แต่ทว่า ไทม์แมชชีน ที่พากลับไปอดีตกลับพังเสีย จึงต้องเดินทางผจญภัยในโลกดึกดำบรรพ์ ต่อสู้กับเหล่าวายร้าย นักล่าไดโนเสาร์ จากอนาคต ที่จ้องจะจับพีสุเกะไปเป็นสัตว์เลี้ยง

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 25 ตอน ออกฉายปีละตอน ตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งเรื่องราวพวกนี้หลายคนคงได้อ่านจากหนังสือการ์ตูนไปแล้ว

หมายเหตุ ประเทศไทยจะเข้าฉายช้ากว่าญี่ปุ่น 2 ปี

ไดโนเสาร์ของโนบิตะ (1980)
โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ (1981)
บุกดินแดนมหัศจรรย์ (1982)
ตะลุยปราสาทใต้สมุทร (1983)
ตะลุยแดนเวทมนตร์(1984)
สงครามอวกาศ (1985)
ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก (1986)
เผชิญอัศวินไดโนเสาร์ (1987)
ไซอิ๋ว (1988)
กำเนิดประเทศญี่ปุ่น (1989)
ตะลุยดาวต่างมิติ (1990)
แดนอาหรับราตรี (1991)
บุกอาณาจักรเมฆ (1992)
ฝ่าแดนเขาวงกต (1993)
สามอัศวินในจินตนาการ (1994)
บันทึกการสร้างโลก (1995)
ผจญภัยสายกาแล็คซี่ (1996)
ตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน (1997)
ผจญภัยเกาะมหาสมบัติ (1998)
บันทึกท่องอวกาศ (1999)
ตำนานสุริยกษัตริย์ (2000)
โนบิตะและอัศวินแดนวิหค (2001)
อาณาจักรหุ่นยนต์ (2002)
มหัศจรรย์ดินแดนแห่งสายลม (2003)
ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว (2004)


หลังจากที่ตอนท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว ได้ออกฉาย นับว่าจบชุดซีรี่ส์นี้แล้ว
จึงได้นำไดโนเสาร์ของโนบิตะมาสร้างใหม่ โดยมีการใส่คอมพิวเตอร์กราฟฟิกมากขึ้นให้ภาพสวยงาม โดยเฉพาะฉาก แต่มุมมองภาพทำให้ดูตระการตามากขึ้น แต่ตัวละครยังคงลักษณะเดิมไว้

ที่จริงมีให้ดูใน Youtube หมดแล้วนะ
ปล. ไม่ค่อยชอบเสียงร้องพีสุเกะ เสียงเหมือนคนมากเกินไป

เรื่องต่อไปที่นำมารีเมค และจะเข้าฉายในไทยปีหน้าคือ ตอนตะลุยแดนปีศาจ (2007) เป็นการนำ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยแดนปีศาจ ในปี ค.ศ. 1984 กลับมาสร้างใหม่

ใบปิดหนังของ พ.ศ. 2525 และของรีเมค


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 06 พฤศจิกายน 2550, 15:29:32
ว้า....รูปประกอบไม่ขึ้น อ่ะ

ทำไม่เป็นด้วย....


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 06 พฤศจิกายน 2550, 23:06:49
แล้วแกจะมางานคืนสู่เหย้ารึเปล่า อีปุ้ย  :?:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 07 พฤศจิกายน 2550, 14:15:40
ยาวมาก ไม่ได้อ่านอ่ะ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: นายป้อ ที่ 08 พฤศจิกายน 2550, 01:26:39
:oops: เกาะติดสถานการณ์............


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 08 พฤศจิกายน 2550, 13:13:52
อ่านแล้ว


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 08 พฤศจิกายน 2550, 22:48:52
ยาวง่ะ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 13 พฤศจิกายน 2550, 21:21:53
ก็อ่านวันละย่อหน้า แล้วจดไว้ดิว่าถึงไหน


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 14 พฤศจิกายน 2550, 09:11:03
เยอะมากแล้วจะตามมาอ่านนะ  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 15 พฤศจิกายน 2550, 11:42:53
อ่านเล่นเล่น ให้หนุกหนาน

บทความโดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล / ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆครับ…
ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก
เพราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี
แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ…
วันเกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลข แห่งความสะเทือนขวัญ
ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก…

หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย…
ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธ
ที่ชอบถามว่า
'ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด '
เฉลย '! ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีผัว ' …ใครดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย

ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา
คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า
' อย่าริรักในวัยเรียน 'ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีจบแล้วค่อยมีแฟน '
ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตาก็หาได้สนใจไม่
เป็นคนประเภท
' รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน '
ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง
เลือกสรร ควานหา ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต
ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค
อย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆ
ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม ถึงจะได้มาตรฐาน… ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา
หน้าติมอร์
อย่าได้สะเออะหน้ามาให้เห็น…ไม่มีทางได้แอ้มหรอก

จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี
ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลา
ผ่านไป… เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน -
เจ้านายก็ มีเมียแล้ว… ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม
สองคนดันเป็นเกย์… อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า…
คนสุดท้ายเป็นชายแท้แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่
ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…นั่งรถมาทำงานก็สองชั่วโมงครึ่ง
กลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลัง
ขอนอนเอาแรงก่อน.........

ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ
สถาบันการศึกษาที่เธอจบมา…
แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ
ที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ
แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย…
แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี เจอโลกแห่งความจริง

ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จากเพื่อนๆ
เริ่มทยอยมา ตามหลังซอง กฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล…
พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
'เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ'...
'โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว
เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร
เพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆเรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย'
เอ๊ะ…เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า '
ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง หนักกระบาลใครรึเปล่า'

เคยตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย!)…
คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย…
'อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา ' …รายนี้เห็นผู้ชาย
เป็นตัวคลายเหงา
'รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) ' …ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า
'อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ '…เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ
'โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ'…เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ

อันว่า ' ชีวิตคู่ ' อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?
ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้วครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไป

ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น
ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน
มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของ การแต่งงานคือ
การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว
ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน
ก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน…อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามี ภรรยาต้องมีส่วน
อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน
ชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม
กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน
อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม…
ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการพนัน
โกงบ้านกินเมือง ชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตก นรกทั้งเป็น

เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟน
แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา
ฐานะการเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ
เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ
หนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด
สอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า
เพราะชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน
หาใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว
เพราะอยู่คนเดียวก็เสียวได้ ไม่ง้อใครให้เสียเวลา
ไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด
ถือคติประจำใจว่า 'อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว'


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 15 พฤศจิกายน 2550, 11:52:46
ปุ้ย...แกจะเตือนใครก็ระบุชื่อมาเด๋วมีสาวๆร้อนตัวหลายคนแกจะเดือดร้อนนะ :roll:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 15 พฤศจิกายน 2550, 16:45:51
ช่ายๆ แกจะเตือนใครก็บอกชื่อมาตรงๆ
เพื่อนเราร้อนตัวกันหมดแล้ว  :evil:  :evil:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 15 พฤศจิกายน 2550, 20:17:09
แวะมาทัก


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 20 พฤศจิกายน 2550, 17:06:15
มันสะกิดใจนะโว้ย แต่ชั้นเห็นด้วย "หากแม้ไม่มีชายที่พึงเชย อย่ามีเสียเลยจะดีกว่า "


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Korkai (";) ที่ 20 พฤศจิกายน 2550, 17:36:39
หนับหนุนซิ่มอย่างแรงง่ะ !!!!
นี่เลยเป็นเหตุผลที่ช้านยังโสดไง อิอิ...


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 20 พฤศจิกายน 2550, 18:06:25
อ้างจาก: "Korkai ("Wink"
หนับหนุนซิ่มอย่างแรงง่ะ !!!!
นี่เลยเป็นเหตุผลที่ช้านยังโสดไง อิอิ...


คนมันสวยยยยยยยยย นี้นาต้องเลือกเป็นธรรมดา ชิ๊มะ  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 21 พฤศจิกายน 2550, 15:09:38
อ้างจาก: "Korkai ("Wink"
หนับหนุนซิ่มอย่างแรงง่ะ !!!!
นี่เลยเป็นเหตุผลที่ช้านยังโสดไง อิอิ...



ป้าไก่...เคยฟังนิทานเรื่อง "องุ่นเปรี้ยว" รึเปล่าล่ะ  8)


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 21 พฤศจิกายน 2550, 20:25:51
"ถ้าอยากจะรู้ว่าฝนเย็นฉ่ำแค่ไหน ก็อย่ากลัวจะเปียกฝน"

ชั้นก็เลย เอาวะ เปียกก็เปียก (ฝนนะ)  8)  8)


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 21 พฤศจิกายน 2550, 21:28:04
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
"ถ้าอยากจะรู้ว่าฝนเย็นฉ่ำแค่ไหน ก็อย่ากลัวจะเปียกฝน"

ชั้นก็เลย เอาวะ เปียกก็เปียก (ฝนนะ)  8)  8)



นี่ถ้าไม่วงเล็บไว้นี่คิดไปนู่นเลยนะเนี่ย


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 22 พฤศจิกายน 2550, 13:19:20
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
"ถ้าอยากจะรู้ว่าฝนเย็นฉ่ำแค่ไหน ก็อย่ากลัวจะเปียกฝน"

ชั้นก็เลย เอาวะ เปียกก็เปียก (ฝนนะ)  8)  8)


เออ ดีนะ อย่างน้อยก็ได้เห็นช่วงเวลาที่ฝนตก
แต่ฉันสิ...ฝนตกไม่ทั่วฟ้าชัดๆ  :x

ฝนไม่ลงซักกะเม็ด ก็ได้แต่จ้วงตุ่มราดตัวเองไปพลางๆ ก่อน :?


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 22 พฤศจิกายน 2550, 17:51:19
ว้า...กลายเป็น Topic หดหู่ของคนไม่มีคู่ ไปซะละ
เปลี่ยน feel มาเรื่องใกล้ๆ ตัว ย้อนอดีตอันแสนหวาน
ที่เป็นได้แค่วันวานดีกว่า ---> ขอบิ๊วท์


Chula Tips

ได้มาจากเมล์ที่เวิร์ดมาอีกที อ่านแล้วน่ารักดี เลยเอามาแบ่งปันกันจ้า
............ ......... .....

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

-สีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีชมพู
-ตราประจำมหาวิทยาลัยคือ ตราพระเกี้ยว (ที่มา : www.chula.ac. th)

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
-สนามกีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกกันว่า �สนามจุ๊บ� โดยเรียกให้คล้องจองกับ �สนามศุภ�
-สามารถนำรถเข้าไปจอดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ แม้ไม่ต้องมีสติกเกอร์ ถ้าคนขับหน้าตาดี(ผู้หญิงเท่านั้น)เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทำการเลื่อนที่กั้นให้อย่างสุภาพเรียบร้อย
-คณะอักษรฯ มีภาควิชาการละครด้วยนะ แต่เป็นละครเวที เทอมนึงมีหลายเรื่องเหมือนกัน แต่แต่ละเรื่องก็แนวมั่กๆ น้องปีหนึ่งเข้ามาใหม่ๆ ต้องเริ่มด้วยการดูละครและวิจารณ์ละครเวที(ที่ดูยากมั่กๆ)
-เชื่อหรือไม่ คณะอักษรฯมีแสงเสียงเป็นของตัวเองด้วย
-โต๊ะหน้าตึกสี่ เรียกว่า โต๊ะไผ่ เป็นแหล่งรวม Arts Men
-เวลาแข่งกีฬาเฟรชชี่ หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้มีตัวเล่นเป็นผู้ชาย เช่น ฟุตบอล คณะอักษรฯต้องระดมพล Arts Men ทั้งสี่ชั้นปีเลยทีเดียว
-คนนอกจะมองคณะอักษรฯ ว่าเป็นคณะหรูหราไฮโซ แต่เชื่อหรือไม่ ชาวอักษรไม่เคยจัดงานใดๆ ที่โรงแรมเลย ไม่มีการสิ้นเปลืองด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฟรชชี่ไนท์ บายเนียร์ ฯลฯ สถานที่ประจำคือห้อง 103 ตึกสี่ กับส้วมหมา (สนามหญ้าเล็กๆหน้าตึกบรมฯ)
-เนกไทวิศวะกับครุจะไม่เหมือนชาวบ้าน
-คณะวิทยาฯมีการประกวดดนตรีอะคูสติก ชื่อว่า Under Tab (ส่วนใหญ่อ่านกันว่า �อันเดอร์แท๊บ�) จริงๆแล้วมาจากคำว่า �Under Tab� (อันเดอร์(ตึก)แถบ) เพราะสมัยก่อนจัดงานใต้ตึกแถบ ตึกแถบเป็นชื่อตึกหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์
-คณะแพทย์มี sing'n contest ด้วย แรกๆมีแบคเป็น GMM ด้วยนะ
-Human Relation คือวิชายอดฮิต ลงกันล้นจนต้องเปิดเซคเพิ่มทุกเทอม
-สนามวอลเลย์บอลคณะรัฐศาสตร์ ปัจจุบันเป็นที่จอดรถ
-คณะรัฐศาสตร์จุฬามีสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง และ หวงมากด้วย
-โรงอาหารอักษรมีข้าวเหนียวไก่เป็นอาหารชูโรง และลูกค้าหลักคือเด็กเตรียม
-คณะที่ใกล้ห้างที่สุดคือสหเวชศาสตร์ ใกล้สยามที่สุดคือทันตแพทยศาสตร์
-รองเท้าขาวสำหรับนิสิตหญิงปี1 ฮิตใส่ยี่ห้อ peppermint
-ข้างหอประชุมจุฬามักเป็นที่ซ้อมละครของเด็กอักษร
-นิเทศ ที่ดูต้องใช้เครื่องมือเยอะๆนั้น มีตึกเรียนเพียงสองตึก คือ ตึกหนึ่งและตึกสอง (มันไม่มีสามสี่ห้าแน่ๆ) ตึกหนึ่งมีห้าชั้น ใช้การได้สี่ชั้น และตึกสอง มีหกชั้น ใช้งานได้จริงๆ สามชั้น...(สงสัยตัวเองเหมือนกันว่ายัดตัวเองอยู่ที่ไหนของคณะ)เป็นตึกจิ๋วๆที่อยู่ระหว่างครุกับนิติ นี่แหละ ปล.ก็อยู่กันใต้ถุนคณะนั้นแหละ คาดว่าเป็นคณะเดียวที่สามารถเปิดเพลงฟังได้ที่ใต้ถุนคณะ โดยไม่โดนอาจารย์ด่า หิหิ
-รถโดยสารภายใน 'จุฬาฯ' เรียกกันติดปากว่า 'รถป็อป' ซึ่งมีที่มาจาก 'รถ ปอ.พ.'
30% ของนิสิตจุฬา มารู้เอาตอนปี 3 ว่า 'รถป๊อป' มาจากคำว่า 'รถ ปอ.พ.'
-ครุอาร์ท เป็นครุศาสตร์ที่ตึกเรียนอยู่ตรงข้ามกับคณะครุศาสตร์(งงม้าย คือเค้าว่า เค้าเป็นครุอาร์ท.. ไม่ใช่ครุศาสตร์ นะ)
-เด็กฝั่งมาบุญครองเรียกฝั่งตรงข้ามว่า 'ฝั่งในเมือง'(แปลว่าฝั่งนี้เป็นบ้านนอกหรือ ไม่น้า<= ฝั่งMBK เรียกว่าฝั่งบ้านนอก
-เด็กฝั่งสยาม(เภสัช,ทันตะ,สัตวะ)จะเรียกจะเรียกบริเวณอื่นๆว่าจุฬาใหญ่และถูกเรียกว่าบ้านนอก (ถึงบ้านนอกก็มีห้างเป็นของตัวเองจ้า)
-โรงอาหารนิติ เป็นโรงอาหารที่มีเด็กสาธิตและเด็กนิเทศนั่งกินมากที่สุด (เปล่านะ เราใช้รวมกันหรอก)
-ลุงฟร๊ตตี้ขี่เวสป้ามาขายผลไม้ในจุฬาทุกวันตอนเย็น (จริงๆ ลุงเค้าชื่อประมวล แซ่ลิ้ม (หนังสือเปิดรั้วจามจุรี ปี 49))
-อักษรชอบถาปัด แต่ถาปัดชอบกันเอง
-การเดินสยามถือเป็นการเดินช่วยย่อยได้ดี ไม่ต้องซื้อไรหรอก..เพราะมันแพง
-แต่ก่อนเข็มพระเกี้ยวรัศมีจะเป็นทรงแหลม เดี๋ยวนี้รัศมีอ้วนๆ
-หอยทากมักเดินเล่นบนถนนในหน้าฝน และมันจะไม่หยุดให้เราเดินไปก่อน...
-นอกจากหอยทากแล้วเรายังสามารถพบหนูได้ทั่วไปในอาณาเขตจุฬาฯ เวลากลางคืน
-ตอนประธานาธิบดีคลินตันมาที่มหาลัยหลายปีก่อนมีหน่วนswat องค์รักษ์ติดมาด้วย1คันรถ ทุกคนถืออาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลา ไม่รู้จะไปรบกะใคร
-ถนนอังรีมีอาชญากรรมบ่อยๆ
-ก่อนมีรถป๊อป ไม่เคยมีการใช้มอไซค์หรือจักรยาน เดินจุฬาเท่านั้นพี่น้อง น่องโป่งเรย.......
นิสิตบางคนทึกทักเอาเองว่า DotA คือกีฬาประจำมหาลัย (จะสู้พวกเกษตรฯได้เร้อออ)
-คณะรัฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนเดียวกัน ทำให้ ถนนนั้นชื่อว่า ถนนไฮโซสตรีท เพราะรวมไว้ซึ่งคณะ ไฮโซ ดังๆ ทั้งน้าน
-คณะที่ทุกคนใฝ่ฝันเมื่อเห็นการแสดงเชียร์โต้ คือ ศิลปกรรมศาสตร์ และเพลงยอดฮิตติดหู คือ เพลงน้องนางลูบไข่ และเพลงโอ้ทะเล (บัลเล่ย์)
-คณะที่มีตึกสูงที่สุด คือ ตึกมหามกุฏ คณะวิทยาศาสตร์
-ถ้ามองจากมุมสูง จะเห็นศาลาพระเกี้ยว เป็นรูปพระเกี้ยวจริงๆ และ ตึกจุลฯจะเป็นฐานพระเกี้ยว ไฮโซเวอร์
-สายรถป๊อบที่ฮิตที่สุด คือ สาย 1 ศาลาพระเกี้ยว-สยาม และสาย 2 สำนักวิทย์กีฬา-ศาลาพระเกี้ยว
-ห้องสมุดอักษรเป็นห้องสมุดที่เงียบมาก เพราะเด็กอักษรไม่นิยมอ่านกันที่นี่
-หอใน จุฬาฯ ชื่อว่า ซีมะโด่ง และมีงานรับน้องเป็นของตัวเอง ว่ากันว่า ช่วงเดือนมิถุนาทั้งเดือน แถวๆมาบุญครอง จะได้ยินเสียงโวยวาย เสียงเพลง ตอนดึกๆ
-หอกลาง เคยมีคดี ชกกัน เนื่องจากแย่งที่นั่งอ่านหนังสือกัน
-นิสิตจุฬาฯ กว่าครึ่ง สามารถ บูม บาก้า ได้ก่อน เอนท์ ติดจุฬาฯ

เชื่อหรือไม่?
-ห้องสังสรรค์ เอ้ย!!ห้องสมุด คณะเศรษฐศาสตร์ มีบรรณารักษ์ที่ดุที่สุดในโลก
-กีฬาเฟรชชี่ครั้งล่าสุด มวยหญิงตัวแทนบัญชีต่อยตัวเองจนเข้าโรงพยาบาล
-รุ่นพี่หลายคนชอบหลอกน้องให้ลงวิชาเลือกยากๆ เพราะแค้นที่ตัวเองโดนหลอกมาก่อน (เช่นผม เจอ C+ มาหมาดๆเทอมที่แล้ว - -*)
-ปัจจุบันรถป๊อปกลายสภาพเป็นรถไฟฟ้าแล้วนะ สีชมพูแหววเหมือนเดิม รถกระชากแรงมาก ควรจับราวให้ดี อาจารย์ท่านหนึ่งของวิชา REC CAMP เคยบอกไว้ว่าเวลาขับรถต้องระวังข้างหลังดีๆเพราะรถไฟฟ้าขับมาเงียบมาก เกือบชน
-ห้องสมุดรัฐศาสตร์สามารถคุยได้ แต่ถ้าเสียงดังเข้าขั้นตลาดสดเมื่อไหร่จะมีกริ่งเตือน นิสิตจะเงียบไปประมาณสองนาที แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม
-บะหมี่อดทนรัฐศาสตร์ อดทนจริงๆ (เพราะป้าทำช้ามั่ก) และแพงจริงๆ (ใครกินฟูลออพชั่น เหยียบ 40)
-ปูนปั้นรูปตุ๊กแกที่แปะอยู่หน้าตึกศิลกัมหายไป...ไปไหน....ลึกลับจริงๆ
จริงๆแล้วต๊กแกตรงมุมตึงศิลปกรรม ไม่ใช่ปูนปั้น แต่มันเป็นโฟม แปะด้วยกาวสองหน้า อยู่ทนทานมานานจนผุกร่อน เลยดูคล้ายปูนปั้น
และที่หายไปก็ไม่ลึกลับหลอก จารย์บั๊ค(คณบดี)สั่งให้ทาสีตึกใหม่ แล้วคงเห็นว่าไร้สาระมั๊ง เลยแกะออก
แต่ว่าล่าสุด ตุ๊กแก กลับมาแล้ว เป็นไฟเบอร์ทำสีอย่างดี อยู่ในตำแหน่งเดิมเป๊ะ (พวกเราไร้สาระ แต่ทำจริงวะ 555)
-นกพิราบชอบบินใส่กระจกรถที่วิ่งมา...ตายประจำ ไม่รู้ทำไม
-หมาของศิล'กัมถ้าเป็นสีขาวจะโดนbody paint
-นิสิตหญิงที่ใส่เสื้อฟิดติ้วตีเกล็ดจะถูกประนามหยามเหยียด
-จุฬามีหมูปิ้งเดลิเวอรี่ด้วยนะ โทรสั่งได้ไว้จะเอามาแปะไว้
-พนักงานหน้าห้องคอมที่วิศวะจุฬาเป็นเกย์ ชอบแอบจับมือผู้ชายตอนขอดูบัตรนิสิต
และถ้าหน้าตาถูกตาถูกใจพนักงานหน้าห้องคอมที่วิศวะจุฬาละก้ออาจได้ยินประโยคต่อท้ายว่า 'ช่วยหันหลังให้ดูด้วยคับ'
รวมทั้งถ้าไม่ยอมมองสบตาตรงๆก้ออาจโดนว่าด้วยว่า 'ช่วยมองหน้าตรงๆด้วยคับ'
แล้วถ้าเขาชอบใครเป็นพิเศษ จะถูกกล่าวหาว่าแต่งกายผิดะเบียบ เพืื่อตรวจสอบต่อไป
-หมาที่วิศวะ นาม'หมาอ้วน' เข้าเรียนมากกว่านิสิตหลายๆคนในคณะด้วยซ้ำ เช่น แคล เคมี แมททีเรียล ดรออิ้ง
-งานรับน้องก้าวใหม่ เคยมีบ้านที่มีชื่อเป็นคำผวน เช่น บ้านเพชรกันยา แต่ต่อมาอาจารย์เริ่มผวนคำเป็น เลยไม่มีชื่อบ้านแบบนี้ให้เห็กอีก

ธรรมเนียมประเพณี

-นิสิตใหม่ตอนเข้ามาต้องถวายบังคมพระรูปสองรัชกาล ตอนเรียนจบรับปริญญาก็ต้องถวายบังคมลา เช่นเดียวกัน
-คืนวันคริสมาสและวันวาเลนไทน์ ที่หอในจะมีการตะโกนบอกรักกันข้ามหอ อิอิ (จริงๆมันเป็นช่วงสอบแหละ เครียดๆกันเลยหาเรื่องตะโกน)
-�รับน้องก้าวใหม่� คือการรับน้องรวมของมหาลัย เป็นการรับน้องขำๆ ไม่มีว้าก ไม่มีโหด พี่ๆเอาใจน้องๆราวกับพระเจ้า มีพี่บ้าน มีน้องบ้าน ส่วนใหญ่แต่ละบ้านสังกัดชมรม เช่น บ้านโซ้ยตี๋หลีหมวย คือชมรมสลัม บ้านโรงเรียนก็มี เช่น บ้านยิ้ม บ้านแรง

ความเชื่อ
-เวลาต้องการพึ่งบารมีของเสด็จพ่อร.๕ ให้ขอ ไม่ให้บน (มีรุ่นพี่บอกมาอีกที)คอนเฟิร์มว่าขลังจริง อิฉันเคยขอเรื่องเรียนมาแล้ว (แต่ไม่ได้แก้ด้วยการวิ่งนะ แก้ด้วยการถวายดอกไม้แทน)แต่ห้ามขอหวยนะ(นิสิตคนไหนจะเล่นหวยฟะน่ะ)
เคยมีเคยขอเสด็จพ่อว่า หากได้เกรดเกิน 2.5 จะวิ่งรอบสนามหน้าพระรูปสิบรอบ สรุปปลายภาคมา ได้เกรด 2.51
-คณะวิศวะฯ มีลานเรียกว่าลานเกียร์ หากใครสะดุดลานเกียร์จะมีแฟนเป็นเด็กวิศวะฯ (สาวบัญชีบางกลุ่มชอบไปเดินสะดุด)ส่วนอักษรมีความเชื่อว่า หากสาวคนไหนสะดุดพรมแดง (ตึกเทวาลัย) จะได้แฟนเป็น artsmen
-นิสิตป.ตรีที่กำลังศึกษาอยู่ห้ามถ่ายรูปเดี่ียวคู่กับพญานาค ที่หัวบันได ตึกมหาจุฬาฯ(ตึกที่สวยๆ ตรงข้ามหอประชุมจุฬาฯ) ไม่งั้นจะโดนรีไทร์ (แต่ถ้ารูปหมู่ก็ไม่เป็นไรนะ)
-รัฐศาสตร์จุฬา ถ้าเข้าตึกหนึ่งหน้าคณะ ห้ามเดินเข้าประตูกลาง ไม่งั้นจะเรียนไม่จบ
-ห้ามลงบันไดกลางคณะครุศาสตร์(ฝั่งที่ตรงข้ามกับสาธิตและนิเทศ)ไม่งั้นไม่จบ
-มีความเชื่อว่า หากได้ลอยกระทงกับคนที่ชอบที่สระน้ำ 'จุฬาฯ' หน้าหอประชุม จะได้เป็นแฟนกัน แต่ถ้าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ดันมาลอย... ก็จะเลิกกัน
-ห้ามมองเต่าตรงบ่อน้ำที่อยู่แถวๆ โรงอาหารตึกจุล ไม่งั้นเอนท์ไม่ติด (เจอทุกวันที่ข้ามไปฝั่งนู้นเลยแหะ)
-ถ้าเห็นเต่าที่บ่อน้ำตรงหน้าตึก physics จะไม่ตกmean วิชา physics.. แต่ถ้าตะพาบก็...
ห้ามเหยียบคำว่า สถ. ที่ประตูกลางถาปัด ไม่งั้นเรียนไม่จบ (แล้วไปไว้ที่พื้นทำไมหล่ะพ่อคุณ)

เรื่องลึกลับ
-ตึกอักษรเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ ส่งผลให้ต้องทุบทิ้งไปแล้ว
-สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ) แล้วตึกนิเทศก็โดนทุบอีกเช่นกัน


ของกิน
-ที่จุฬาฯก็มี KFC เหมือนกันนะ ย่อมาจาก Karusart Food Center ของคณะครุศาสตร์ มีอาหารให้เลือกมากมาย แต่จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารแต่เป็นซุ้มโค้กแถวนั้นมากกว่า มีน้ำปั่นเลื่องชื่อ อิอิ
-โรงอาหารวิดวะมีก๊วยเตี๊ยวอร่อยทั้งสองร้าน
-โรงอาหารอักษรย้ายมาติดกับโรงอาหารวิดวะแล้ว ส่งผลให้โรงอาหารวิดวะโล่งขึ้นทันตาเห็น
-อาหารตามสั่งร้านเจ๊กุ้งที่โรงอาหารวิศวะอร่อยมาก (อะไรก็ได้แต่ขอให้ใส่ปลาทอด)
โรงอาหารคณะทันตะหรูมาก คุณภาพสยามแต่ราคาเป็นกันเอง
โรงอาหารคณะวิศวะเป็นโรงอาหารที่เล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดคณะและจำนวนคน จะทำให้นิสิตต้องไปกินโรงอาหารข้างเคียง เช่น อักษร หรือไม่ก็ รัฐศาสตร์ แต่บางทีก็ไปด้วยสาเหตุอื่น เช่น ส่องสาว(See-food)
โรงอาหารวิศวะสมัยก่อนเปิดโล่ง ปัจจุบันมีกรงล้อม เนื่องจากเหตุการณ์นกพิราบบุกกินอาหารที่คนวางไว้บนโต้ะ(ในช่วงไปซื้อน้ำ)และที่เก็บจาน คาดว่าเหตุการณ์เกิดจากนักศึกษาวางจัดไม่มีอะไรทำซื้อถั่วเลี้ยงนก เลี้ยงจนบินมากินถั่วในมือได้ จนมันไม่กลัวคนเริ่มบุกโรงอาหารในกาลต่อมา
-อาหารที่อร่อยที่สุดของโรงอาหาร ตึกจุลฯ คือ 'น้ำเปล่า'--> แล้วอาหารโรงอื่นมันอร่อยนักหรือไง
-หาก'ตัน'เรื่องของกินจริงๆ นิสิตจุฬาสามารถ ใช้บริการร้าน'จีฉ่อย'ได้ เพราะจีฉ่อยมีทุกอย่างจริงๆ งะ
-จีฉ่อยกะร้านโจ๊กสามย่านไม่ถูกกัน ฉะนั้น อย่าเอ่ยชื่อจีฉ่อย ให้เจ๊ร้านโจ๊กได้ยิน ไม่เชื่อลองดูดิ่
ร้านโจ๊กจะปิดร้านตอน 7.30 ตอนเช้า เปิด5โมงเย็น อร่อยด้วย...

บทความที่เกี่ยวข้อง
ตอนนี้จีฉ่อยลงหนังสือพิมพ์ไทยโพสแทบลอยด์แล้ว ดังใหญ่ละ (X-cite ไทยโพสต์ฉบับ22-23กันยายน หิหิ)
แต่คุณยังสามารถหาซื้อทุกอย่างจริงๆ ย้ำว่าทุกอย่าง อยากได้ตั๋วเครื่องบิน จีฉ่อยก็ขายให้ได้ เปียโนยังมีขายเลย (ไม่รู้แกไปเอามาจากไหนงะ!)รถยนต์แกเอามาขายให้ได้ ถ้าเราสั่ง --' ฮาร์ดดิสยังขายเลย ฮ่วย!
เคยอ่านเจอในนิตยสารสายใย ของนิเทศฯ บอกว่าเคยมีคนอุตริไปสั่งซื้อกิโมโน วันรุ่งขึ้นแกเอามาขายให้ได้!
จีฉ่อยขายทุกอย่างจริงๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 22 พฤศจิกายน 2550, 22:13:59
เฮ้ยยยยย อ่านแล้วขำว่ะ
ขำเรื่องตุ๊กแกของตึกศิล'กรรม

แล้วก็อีกหลายเรื่อง  :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 22 พฤศจิกายน 2550, 22:26:37
ยิ่งอ่านก็ยิ่งหดหู่ (ล้อเล่น  :lol: )

คิดถึงวัยหวานวันวาน
อยากจะมีชีวิตสดใสซาบซ่าแบบนั้นอีกจังเลย  8)


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 24 พฤศจิกายน 2550, 00:47:18
ชอบ ๆ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 24 พฤศจิกายน 2550, 16:11:11
ชอบอะไร sim


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: WARM ที่ 25 พฤศจิกายน 2550, 00:08:34
ยาว


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 25 พฤศจิกายน 2550, 04:11:47
Used to read from ..Nong Go Golf Go..room..somewhere...longer version,Nong Warm...too much space!!
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 12 ธันวาคม 2550, 12:41:53
80 เรื่องของในหลวงที่คุณอาจยังไม่รู้

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม”ภูมิพล”ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า “H.H Bhummibol Mahidol”หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า”แม่”
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า”บ๊อบบี้”
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ ส วิตเซอร์แลนด์ โดยนะหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษษฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก”การให้”โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า”กระป๋องคนจน”หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก”เก็บภาษี”หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า”ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน”
17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

พระอัจฉริยภาพ


19.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก”การเล่น”สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระชษฐาน ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
21.ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ บเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษ า ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ”แสงเทียน” จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง”เราสู้”
26.รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
27. - - - -
28.นกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
29.ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง”นายอินทร์”และ”ติโต” ทรงเขียนด้วยบายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
30.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น”กีฬาซีเกมส์”)ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
31.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
32.ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ “กังหันชัยพัฒนา” เมื่อปี 2536
33.ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว
34.องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

เรื่องส่วนพระองค์

35.พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36.ร ักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า”น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
37.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
38.หลังอภิเษกสมรส ทรง”ฮันนีมูน”ที่หัวหิน
39.ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
40.ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
41.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
42.เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
43.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
44.พลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
45.วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

งานของในหลวง

46.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
47.ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
48.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
49.เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้อราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงม ีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
50.ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
51.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
52.เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
53.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า “ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
54.ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

ของทรงโปรด

55.อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
56.ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
57.ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
58.ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
59.เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
60.ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
61.ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
62.หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
63.ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
64.ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
65.สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแด ง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว

รู้หรือไม่ ?

66.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า “นายหลวง” ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
67.ทรงวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
68.อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า “ทำราชการ”
69.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
70.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า”อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก”
71.ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
72.หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
73.รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
74.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
75.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.24 93 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
76.ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
77.สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
78.นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
79 - - - -
80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: veekung ที่ 13 ธันวาคม 2550, 10:03:32
ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 14 ธันวาคม 2550, 16:32:56
อ้างจาก: "veekung"
ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ



นั่นสิ ทำไมหายไป
 :roll:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 14 ธันวาคม 2550, 16:39:24
อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
อ้างจาก: "veekung"
ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ



นั่นสิ ทำไมหายไป
 :roll:


ช่ายอยากรู้ด้วย เพื่อนเราforword มาก้อหายเหมือนกันเลย เป็นข้อความแรกจากPUIที่เราอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้าย

ใครมีเรื่องอะไรดีๆ เกี่ยวกับในหลวงเอามาลงอีกบ้างนะคะ อยากอ่านคะ :lol:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 14 ธันวาคม 2550, 19:36:10
เขาเว้นไว้ให้เติมเองรึเปล่าอ่ะ

แบบว่า เรื่องของในหลวงที่ประทับใจคนไทยมีมากมาย
ทุกเรื่องราวประทับใจทั้งนั้น เลยให้เติมเอง ตามแต่ที่เคยประสบพบเจอ


...ว่าไปนู่น...


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 14 ธันวาคม 2550, 20:10:00
ล้ำลึก สมเป็น อักษรศาสตร์ ชาติจุฬาฯ


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 14 ธันวาคม 2550, 20:13:32
Hi Nong Pui,what is your plan for murder your boss this week??
p.nn


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: PUI ที่ 15 ธันวาคม 2550, 07:21:19
This month he has changed himself to specially take care me and my team, unbelievable, it might be cause from Global Warming. For that plan i think i will temporary extend it jaa.


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 15 ธันวาคม 2550, 16:07:38
Be alert! and look at him through the eyes...these kind of boss is not the one to trust..herr,herr
p. :twisted:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 21 ธันวาคม 2550, 22:37:20
รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกัน...กลับบ้านนอกไปเยี่ยมพ่อแม่ตอนปีใหม่


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ป.ปลา ที่ 23 ธันวาคม 2550, 22:11:34
ชั้นกลับไม่ได้อ่ะซิ่ม ทีสิส จะทับตัวตาย  :cry:


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551, 15:15:09
ขออนุญาตนำ forward mail มาให้เพื่อนๆอ่านกันถึงสาเหตุที่ทำไมเราจำเป็นต้องใส่ใจการเมืองไทยไว้บ้างทั้งๆที่ส่วนตัวเราเองเบื่อมากๆ ทั้งนี้ไม่รุ้ว่าข้อมูลนี้ถูกต้องมากน้อยเพียงใดหากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย .... :oops:


เงินเดือนของที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี และตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นๆ

จากการตรวจสอบ  เลขานุการรัฐมนตรี ได้รับเงินเดือน 38,490 บาท เงินเพิ่ม 7,500 บาท รวมเป็น 45,990 บาท

ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ได้เงินเดือน 34,640 บาท เงินเพิ่ม 6,750 รวมเป็น 41,390 บาท

ส่วน ที่ปรึกษารัฐมนตรี ได้เงินเดือน 41,630 บาท เงินเพิ่ม 14,500 บาท รวมเป็น 56,130 บาท

กล่าวกันว่า จริงๆ แล้ว ผลประโยชน์ที่มากกว่าตัวเงินมีมากมายหลายประการ เช่น การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตลอด 4 ปี รวมถึงการพิมพ์นามบัตร ที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี เป็นต้น

เหลียวมาดูสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนฝ่ายนิติบัญญัติ มีรายงานว่า ในการสัมมนา เรื่อง บทบาทและหน้าที่ของ ส.ส. เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.พ. ซึ่งมี ส.ส.ใหม่เข้าร่วมอย่างหนาตา ที่ประชุมมีการซักถามเรื่องสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนของ ส.ส.ในหลายประเด็น โดยมีนางศุภมาส น้อยจันทร์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร คอยชี้แจงตอบข้อสงสัย

เริ่มจากค่าตอบแทน ปัจจุบัน ส.ส.ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาท และได้เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมเป็นเงิน 104,330 บาท โดยสิทธิที่จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง เริ่มตั้งแต่วันปฏิญาณตนเข้ารับหน้าที่

ประธานสภาผู้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 65,920 บาท และได้เงินเพิ่ม 50,000 บาท รวม 115,920 บาท รองประธาน 2 คน ได้รับเงินประจำตำแหน่งคนละ 63,860 บาท เงินเพิ่ม 42,500 บาท รวม 106,360 บาท

ผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 63,860 บาท เงินเพิ่ม 42,500 บาท รวม 106,360 บาท

นอกจากนี้ สมาชิกแต่ละคนสามารถตั้งผู้ช่วยดำเนินงานได้จำนวน 5 คน ได้รับอัตราค่าตอบแทน 10,000 บาทต่อคน-ต่อเดือน อีกทั้ง ส.ส.ยังสามารถตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัวได้ จำนวน 1 คน โดยมีค่าตอบแทน 20,000/เดือน

ดังนั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับ ส.ส.1 คน ตกเดือนละ 174,330 บาท รวม 480 คน เป็นเงินเดือนละ 83,678,400 บาท หรือปีละ 1,004,140,800 บาท

รวมถึงมีเงินประกันสุขภาพให้ ส.ส.ปีละ 20,000 บาท/ปี ในส่วนการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่นั้น ส.ส.จะได้สิทธิที่ได้รับใบเบิกทางเริ่ม ตั้งแต่วันปฏิญาณตน โดยสามารถเดินทางไปปฏิบัติราชการโดย

1.เครื่องบิน

2.รถไฟ มีผู้ติดตามได้ 1 คน

3.รถยนต์ (บ.ข.ส.) มีผู้ติดตามได้ 1 คน

หลังฟังคำชี้แจงเสร็จ มี ส.ส.จากพรรคต่างๆ ลุกขึ้นสอบถามถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มเติม โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน ซึ่งนำโดยนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท ที่ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ช่วย ส.ส.ให้มากกว่า 5 คน และเพิ่มผู้เชี่ยวชาญส่วนตัวมากกว่า 1 คน รวมทั้งขอให้มีการจัด "คนขับรถประจำตำแหน่ง" ให้ ส.ส.แต่ละคนด้วย

แต่รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรตอบว่า หลักเกณฑ์ที่ทางสำนักเลขาฯได้ชี้แจงต่อสมาชิก เป็นหลักเกณฑ์ที่ยึดถือปฏิบัติมาเป็นเวลานาน และเห็นว่ามีความเพียงพอ หากสมาชิกหลายคนเห็นว่าอยากจะให้มีการปรับปรุง ก็ควรจะเสนอในกรรมาธิการยกร่างระเบียบการประชุมและข้อปฏิบัติในสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังเดินหน้าสอบถามถึงสิทธิประโยชน์ของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งเรื่องค่ารถยนต์ที่จะเดินทางไปสนามบินในจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงค่าน้ำมันในภารกิจต่างๆ

นายชัยวัฒน์ถามว่า ค่ารถในวันเดินทางมาปฏิญาณตนสามารถเบิกจ่ายได้หรือไม่ ซึ่งนางศุภมาสปฏิเสธว่าไม่สามารถเบิกได้ เพราะเงินเดือนที่จ่ายไปนั้นได้เหมารวมค่าที่พัก ไปแล้ว

สิทธิประโยชน์อีกประการคือ การได้รับแจกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งนางศุภมาสได้ชี้แจงว่า คอมพิวเตอร์ที่ ส.ส.ชุดที่แล้วได้รับคืนมาเพียง บางส่วน แต่ยังมีอีกหลายสิบเครื่องที่ ส.ส.ยังไม่ได้คืน โดยทางสำนักเลขาฯได้ทำจดหมายทวงไปหลายรอบแล้ว แต่ ส.ส.เหล่านั้นก็ยังนิ่งเฉย ขณะที่อีกหลายสิบเครื่องพัง ทำให้เกิดปัญหาในการเบิกจ่าย ดังนั้น จึงต้องสั่งซื้อใหม่ทั้งหมด

สำหรับความคืบหน้าในการจัดหาคอมพิวเตอร์ให้กับ ส.ส.ใหม่ล่าสุด สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดทำร่างขอบเขตทีโออาร์ (TOR) เพื่อจัดหาคอมพิวเตอร์พกพาจำนวน 480 เครื่องให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ โดยกำหนด ให้บริษัทที่ประมูลงานได้จะต้องจัดส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สำนักเลขาฯภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ งบประมาณในการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาครั้งนี้ใช้ไปทั้งหมด 25,300,000 บาท

รวมสิทธิประโยชน์ ค่าตอบแทน และอัฐบริขารของท่านผู้ทรงเกียรติ 480 คน รวมถึง ผู้ช่วย ส.ส.และผู้เชี่ยวชาญรวม 2,880 คนแล้ว

คาดว่า ต้นทุนของ ฯพณฯ จะสูงมากกว่า 1,500 ล้านต่อปี

คำถามที่คาใจผู้เสียภาษี ก็คือ ฯพณฯ ทำงานคุ้มค่าเงินเดือนหรือไม่ ?
 :x


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 03 มีนาคม 2551, 10:30:34
ขอไว้ร่วมอาลัยแก่การจากไปของ
ร.ต.อ. ธรณิศ  ศรีสุข

ร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข

ปลายปี 2550 ไฟใต้ยังคงลุกโชนอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนด้ามขวาน ถึงแม้จะดูเหมือนว่ากำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองจะปฏิบัติการเชิงรุกอย่างได้ผล สามารถปิดล้อมตรวจค้นจับกุมทั้งแกนนำฝ่ายตรงข้ามกับแนวร่วมและสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมากก็ตาม

แต่ความรุนแรงของเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังคงปรากฏให้เห็น เพราะกลุ่มโจรใต้อาศัยความชำนาญภูมิประเทศและการเป็น "เจ้าของพื้นที่' เป็นกลยุทธหลักและข้อได้เปรียบในการก่อเหตุร้ายอย่างไม่เลิกรา

ด้วยเหตุนี้ปฏิบัติการอย่างทุ่มเทของทหารตำรวจในพื้นที่ภาคใต้จึงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นที่มาของเรื่องราวดุจดังตำนานแห่ง "วีรชนคนกล้า' ของชาติอันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไทยยังคงมีผู้ที่พร้อมจะสละทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองและน้อมเกล้า ฯ ถวายเป็นราชพลี

เช้าวันเสาร์ที่ 29 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ผู้คนในกรุงเทพและในอีกหลาย ๆ จังหวัดได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่การงานมาตลอดทั้งสัปดาห์


ผู้กองแคน (คนที่สองจากขวา) ขณะลาดตระเวนบนถนน

แต่ที่จังหวัดยะลาบนเส้นทางสายบันนังสตา - เขื่อนบางลาง "ชุดเคลื่อนที่เร็ว' จำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นกำลังจากกองร้อยรบพิเศษที่ 1 กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนหรือที่รู้จักกันในนาม "พลร่ม ตชด.' แห่งค่ายนเรศวร หัวหิน ได้ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่ต้องสงสัยเพื่อรักษาความปลอดภัยหลังได้เบาะแสว่ากลุ่มโจรใต้วางแผนที่จะดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่และประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าว

เมื่อชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 12 นาย ไปถึง "เนินนวรัตน์' ซึ่งภูมิประเทศสองข้างทางเป็นเนินสูงปกคลุมไปด้วยป่ารกทึบเอื้ออำนวยต่อการวางกำลังรอคอยเป้าหมายที่จะผ่านเข้ามาใน "พื้นที่สังหาร' ที่กำหนดไว้

ร้อยตำรวจเอกหนุ่มวัยสามสิบ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเจ้าของร่างล่ำสันรู้สึกผิดปกติและสำเนียกได้ถึงความเงียบเชียบที่แตกต่างจากทุกครั้ง มันเป็นเสมือนสิ่งบอกเหตุว่ามี "อะไรบางอย่าง' ที่เป็นอันตรายรอคอยอยู่เบื้องหน้า

"ผู้กองแคน' ของลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาโดยตลอดจึงสั่งหยุดเคลื่อนที่เพื่อปฏิบัติตามยุทธวิธีและขั้นตอนของการรบนอกแบบ นั่นคือการใช้ "ส่วนล่วงหน้า' เดินเท้าเข้าตรวจสอบในบริเวณต้องสงสัย

ด้วยความองอาจและหัวใจแกล้วกล้าของนายตำรวจนักรบที่มีจิตวิญญาณความเป็น "ผู้นำ' อย่างเต็มเปี่ยม ผู้กองแคนอดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 54 จึงทำหน้าที่ "ส่วนล่วงหน้า' ด้วยตนเองเหมือนเช่นทุกครั้งที่ออกปฏิบัติภารกิจซึ่งเขาจะต้องก้าวเท้านำหน้า พลร่ม ตชด. ที่อยู่ในทีมโดยไม่หวั่นไหวพรั่นพรึงต่ออันตรายใด ๆ



ผู้กองแคน (ขวาสุด) กับทีมพลร่ม ตชด.

อาวุธอัตโนมัติที่อยู่บนมือของร้อยตำรวจเอกแห่งตระกูล "ศรีสุข' กระชับแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่นมองกวาดไปยังแนวป่าบนเนินสองข้างทางอย่างระแวดระวัง

นิ้วที่แตะอยู่บนไกปืนพร้อมที่จะเหนี่ยวยิงสาดกระสุนเข้าใส่บริเวณต้องสงสัยหากว่าเสียงปืนของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้น

ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ผู้กองหนุ่มแห่งค่ายนเรศวรกำลังเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ กลุ่มโจรใต้ไม่ต่ำกว่า 20 คน พร้อมอาวุธกำลังเล็งศูนย์เข้าใส่เป้าหมายของพวกมัน

กาลีแผ่นดินเหล่านั้นรู้จักหน้าค่าตาและชื่อเสียงของ "ผู้กองแคน' ในฐานะหัวหน้าชุด ตชด. แห่งฐานปฏิบัติการเขื่อนบางลาง ซึ่งเป็นนักรบจู่โจมที่มีผลงานยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ทั้งในด้านยุทธการและการเข้าถึงมวลชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชาวบ้านหันมาให้ความร่วมมือกับทางการมากขึ้น

การปรากฏตัวของผู้กองแดนในเช้าวันปะทะจึงเป็นเสมือนการปรากฏของ "เป้าหมาย' ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับการซุ่มโจมตี โจรใต้กลุ่มนั้นจึงหันปากกระบอกเล็งเข้าหาร่างของนายตำรวจหนุ่มเป็นจุดเดียว เพื่อที่จะระดมปืนเด็ดชีพคนเป็น "หัวหน้าชุด' ให้ได้เป็นลำดับแรก

แล้วในบัดดลนั้นกัมปนาทการยิงก็แผดสนั่นหวั่นไหวพร้อม ๆ กับวิถีกระสุนแดงวาบพุ่งลงมาเป็นห่าฝน

วินาทีแรกที่เสียงปืนดังขึ้น ร้อยตำรวจเอกหนุ่มก็โผนเข้าหาที่กำบังด้วยสัญชาติญาณพร้อมกับร้องตะโกนสั่งให้ลูกทีมทำการยิงตอบโต้ ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มร่วงลงบนเนินมรณะ

การปะทะดำเนินไปอย่างดุเดือดนานกว่า 20 นาที และกำลังอีกชุดหนึ่งภายใต้การนำของ "ผู้กองช้าง' หรือร้อยตำรวจเอกสมรัฐ อาวรณ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดปะทะได้รีบเดินทางมาช่วยก่อนที่เสียงปืนจะสงบลง เมื่อฝ่ายตรงข้ามล่าถอยออกไป



นาทีชีวิตผู้กองแคนหลังการปะทะ

"ผู้กองถูกยิง ! วิทยุไปที่บ้านภักดี ขอ ฮ. มารับด่วน !'

รองหัวหน้าชุดร้องตะโกนเสียงหลงในทันทีที่มองเห็นร่างของร้อยตำรวจเอกหนุ่มแดงฉานไปด้วยเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ บอกให้รู้ว่าผู้นำของชุดเคลื่อนที่เร็วต้องคมกระสุนได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน.. !

ภายในห้องประชุมกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศค่าย "นเรศวร' อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตอนสายวันเดียวกัน

นายตำรวจพลร่มชั้นสัญญาบัตรกำลังประชุมอยู่กับผู้บังคับการเพื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายกำลังไปสับเปลี่ยนหน้าที่กับหน่วยที่อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามวงรอบทุก 6 เดือน

ทุกคนต่างมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยมและกระหายที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อันตรายด้วยความมุ่งมั่น เพราะเท่าที่ผ่านมา "ชุดเคลื่อนที่เร็ว' ซึ่งเป็นหน่วยพลร่มจาก ตชด. ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมและไม่เคยสูญเสียกำลังพล

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของผู้การก็ดังขึ้นขัดจังหวะการประชุม สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังผู้บังคับบัญชาซึ่งมียศสูงสุดในที่นั้น ก่อนที่ทุกคนจะเห็นสีหน้าและแววตาซึ่งเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

"ชุดลาดตระเวนของเราถูกซุ่มโจมตีที่ยะลา'

ผู้บังคับการพลร่มพยายามบังคับเสียงอย่างคนที่ข่มความรู้สึกขณะที่กล่าวถ้อยคำซึ่งไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน

"ไอ้แคนตาย.. เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง'


ผู้กองแคนใน พท.ภาคใต้

นายตำรวจหนุ่มผู้พลีชีพเพื่อชาติกลางสมรภูมิแดนใต้ในเช้าวันนั้นก็คือร้อยตำรวจเอก "ธรณิศ ศรีสุข' รองผู้บังคับการกองร้อยรบพิเศษที่ 1 กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนผู้เป็นแบบฉบับของ "ชายชาตินักรบ'ซึ่ง สมควรได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษของชาติผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์อันสูงส่งตราบจนลมหายใจของชีวิต

ร้อยตำรวจเอกธรณิศฯ หรือผู้กองแคน เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2520 ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรชายของรองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ศรีสุข อดีตคณบดีคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยน้ำบาดาล ภาควิชาเทคโนโลยีธรณี ส่วนมารดาคือ รองศาสตราจารย์ทันตแพทย์หญิงนิธิภาวี อดีตคณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ชีวิตในวัยเด็กของร้อยตำรวจเอกธรณิศเติบโตที่จังหวัดขอนแก่นพร้อมกับน้องชายเพียงคนเดียวคือนายแพทย์ธราธิป โดยบิดามารดาตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า "แคน' ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดินอีสาน แคนเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนจะติดตามบิดาไปศึกษาต่อที่ประเทศแคนนาดาเมื่อปี 2533

เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงเข้ารับการศึกษาต่อที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยาจนกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จึงไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อปี 2538 โดยเลือกเหล่าตำรวจด้วยความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็น ตชด. เพื่อรับใช้ชาติและปกป้องคุ้มครองพี่น้องประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ซึ่งเดินทางมากรุงเทพเพื่อร่วมงาน "วันตำรวจ' และบันทึกเทปรายการ "เจาะใจ' ระหว่างวันที่ 13-14 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เล่าถึงเรื่องราวบางตอนของบุตรชายให้ผู้เขียนฟังว่า

"สมัยนั้นนักเรียนวัยรุ่นในขอนแก่นจะรู้จักแคนมาก แคนเป็นคนรักเพื่อน ชอบการต่อสู้ผจญภัย เคยแอบไปชกมวยชิงรางวัลตามหมู่บ้านมา 2-3 ครั้ง จนหมอแจงซึ่งเป็นคุณแม่ตกใจ

"ต่อมาแคนไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร โดยเลือกเหล่าตำรวจและสอบได้เป็นที่หนึ่งในส่วนของตำรวจทำให้ทุกคนในครอบครัวภูมิใจในตัวแคนมาก ระหว่างที่เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 38 แคน ซึ่งมีคะแนนสอบยอดเยี่ยมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายตอน 4 ทำหน้าที่นักเรียนปกครองบังคับบัญชาดูแลรุ่นน้องและเพื่อน ๆ และเมื่อขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 54 แคนก็ได้เป็นนักเรียนบังคับบัญชา เป็นนักกีฬาหลายประเภท เป็นหัวหน้าชมรมยูโด นักแม่นปืน นักมวย ฯลฯ





เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาเป็นที่รู้จักของรุ่นน้อง ๆ และรุ่นพี่ ๆ ในฐานะนักเรียนนายร้อยตำรวจที่เรียนเก่ง มีอุดมการณ์ และได้คะแนนสอบตอนเรียนจบในลำดับต้น ๆ ซึ่งมีสิทธิที่จะเลือกรับราชการที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพักในท้องที่ "เกรด A' การเป็น "นายเวร' หรือนายตำรวจติดตามผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือแม้กระทั่งการลาไปศึกษาต่อต่างประเทศ

แต่สิ่งที่แคนเลือกกลับกลายเป็นการหันหลังให้สิ่งเหล่านั้นอย่างคนมีอุดมการณ์ แรงกล้า เขาเลือกที่จะละทิ้งชีวิตแสงสีความศิวิไลซ์หรูหราแบบ "สุขนิยม' ทั้งที่สามารถกระทำได้แล้วมุ่งหน้าไปสู่การใช้ชีวิตกลางป่าของลำเนาไพรในฐานะ "ตำรวจตระเวนชายแดน'

แม้จะรู้อยู่แล้วชีวิตของ ตชด. หมายถึงชีวิตที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายแวดล้อมไปด้วยความยากลำบาก แต่สิ่งเหล่านั้นคือความเป็นไปที่จะทำให้ "ฝัน' ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่มในอันที่จะเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นเป็นความจริง

"แคนพูดอยู่เสมอว่าถ้าเขาไม่ทำหน้าที่นี้แล้วใครจะทำ ถ้าคนหนุ่มทุกคนเอาแต่คิดถึงความสุขสบายโดยไม่เสียสละตนเองแล้ว ประเทศชาติจะมีใครที่ไหนคอยปกป้อง

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์กล่าวถึงอุดมการณ์ความมุ่งมั่นของบุตรชายผู้จากไป

"แคนจึงเลือกที่จะเป็น ตชด. และทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้ตนเองเป็น ตชด. ที่เก่งกล้ามีขีดความสามารถครบถ้วนพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด'



แม้จะมีชีวิตราชการค่อนข้างสั้นและต้องออกปฏิบัติราชการสนามครั้งละ 6 เดือนมาโดยตลอด

แต่นายตำรวจ "ไฟแรง' อย่างแคนก็ใช้เวลาในช่วงสับเปลี่ยนกำลังสมัครเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษต่าง ๆ มากมาย อาทิ หลักสูตรการทำลายวัตถุระเบิดหลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรกระโดดร่มแบบกระตุกเอง

นอกจากนี้ ยังเข้ารับการฝึกหลักสูตรการรบพิเศษของนาวิกโยธินหรือที่รู้จักกันในนาม "รีคอน' ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการฝึกที่เข้มข้นยากลำบากไม่น้อยไปกว่าหลักสูตร "นักทำลายใต้น้ำจู่โจม' หรือมนุษย์กบ

แคนได้เข้ารับการฝึก "มหาหิน' ของทหารนาวิกโยธินในปลายปี 2548 และเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านหลักสูตรนั้นท่ามกลางสายตาชื่นชมของบรรดาครูฝึกและเพื่อนร่วมรุ่นรีคอน 36 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาวิกโยธินที่ต่างพากันนับถือในความเป็น "นายตำรวจใจเพชร' ผู้มีความเข้มแข็งอดทนเป็นเลิศจนสามารถฝ่าฟันการฝึกจู่โจมและลาดตระเวนรบสะเทินน้ำสะเทินบกไปได้อย่างน่ายกย่อง


ผู้กองแคนเมื่อครั้งฝึกรบพิเศษนาวิกโยธิน

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ เล่าต่อไปอีกว่า

"แคนเป็นคนเสียสละ นึกถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวรักลูกน้องและเพื่อนร่วมงานมาก เขาเคยมาขอยืมเงินพ่อก้อนหนึ่งเพื่อนำไปเป็นกองกลางไว้ใช้จ่ายในทีมของเขา แคนบอกว่าลูกน้องของเขาเงินเดือนน้อยและมีครอบครัวต้องดูแล บางครั้งการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงหรือเงินสวัสดิการต่าง ๆ อาจจะล่าช้าตามขั้นตอนของทางราชการ แคนก็จะให้ลูกทีมใช้เงินกองกลางส่วนนี้สำรองไปก่อน

"หรือแม้แต่รถยนต์ที่พ่อซื้อให้ แคนก็นำไปใช้ที่ภาคใต้เพื่อให้เป็นรถใช้สอยสำหรับการปฏิบัติงานของหน่วยโดยไม่ถือว่าเป็นของส่วนตัว แคนเคยมาขอเงินพ่อบอกว่าจะนำไปให้รุ่นพี่กับเพื่อนร่วมงานยืมซื้อปืนพกเป็นอาวุธส่วนตัวเพิ่มเติมไว้ปฏิบัติงาน พ่อก็ให้ไป

แคนทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นมาโดยตลอดและมีความสุขที่จะทำเช่นนั้นเสมอมา สิ่งเดียวที่แคนไม่เคยทำก็คือการบอกกล่าวให้คนอื่นรู้ว่า แคนมาจากครอบครัวที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ในทุก ๆ ด้าน'

ผู้เป็นบิดากล่าวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความอาลัย


ผู้กองแคนใน พท.ภาคใต้

"แคนทำตัวสมรรถนะกินง่ายอยู่ง่าย ไม่มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวมากมาย หลังจากแคนเสียชีวิต พ่อไปเก็บของจากที่พักของแคนปรากฏว่าแคนมีของใช้จำเป็นเพียง 2-3 กล่องเท่านั้น'

หลังจากสำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2544 ร้อยตำรวจตรีธรณิศได้เลือกที่จะรับราชการในกองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนในตำแหน่งผู้บังคับหมวด จากนั้นในปีรุ่งขึ้นก็เดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และอยู่ที่นั่นเรื่อยมา

เรือเอกเกรียงไกร แสงอุทัย อดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธิน ซึ่งเคยปฏิบัติงานในพื้นที่นราธิวาสเล่าถึง "เพื่อนร่วมงานต่างเหล่า' ว่า

"ผู้กองแคนเป็นคนที่มีอุดมการณ์แรงกล้า เราพบกันครั้งแรกเมื่อปี 45 แคนลงมาภาคใต้ทั้งที่ยังไม่มีคำสั่งเป็นทางการ แต่เขาก็เดินทางลงมาล่วงหน้า ตอนนั้นเป็นช่วงแรกที่พลร่ม ตชด. จากหัวหินเริ่มเข้ามาทำงานในพื้นที่สีแดง ผมเตือนเขาว่า ยังไม่มีคำสั่งรองรับอย่าเพิ่งออกทำงาน แต่แคนบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยากทำให้ภาคใต้สงบ

เรือเอกเกรียงไกร ซึ่งเคยเป็นครูฝึกหลักสูตร "รีคอน' เล่าต่อไปว่า

"ทีม ตชด. ของแคนหลอมรวมกับชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธินได้เป็นอย่างดี แคนมีความสามารถในการใช้ปืนสั้นอย่างยอดเยี่ยมและเชี่ยวชาญการรบในเมือง เพราะเคยผ่านหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้าย

แคนจึงช่วยฝึกทีมของนาวิกโยธินให้มีความชำนาญการใช้ปืนพกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันแคนก็ขอให้นาวิกโยธินซึ่งเชี่ยวชาญการรบนอกแบบ ฝึกทบทวนการลาดตระเวนการเคลื่อนที่ในป่าแถบนั้น ซึ่งเรามีความชำนาญมากกว่า เพราะอยู่ในพื้นที่มาก่อน แคนขอให้ทหารนาวิกโยธินพาขึ้นเขาทุกลูกเพราะต้องการทำความรู้จักและจดจำลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานครั้งต่อ ๆ ไป

ผู้กองแคนกับทีมพลร่ม ตชด.

ผู้กองแคนมีความผูกพันกับนาวิกโยธินอย่างแนบแน่น เคยออกปฏิบัติภารกิจร่วมกันหลายครั้ง กินข้าวด้วยกัน ทั้งในที่ตั้งปกติและในป่า บางครั้งเราจัดเป็นทีมผสมระหว่าง ตชด. กับนาวิกโยธิน แคนจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหาร นย. อย่างองอาจจนได้ใจของทุกคนที่อยู่ในทีม

เรือเอกเกรียงไกรรำลึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับวีรบุรุษ ตชด. ต่อไปว่า

"ผู้กองแคนเป็นนายตำรวจที่กล้าหาญมาก มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จโดยไม่คำนึงถึงอันตรายใด ๆ ครั้งหนึ่งเขาวางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่อันตรายตามลำพังในเวลากลางคืนและนัดหมายให้ทีมสนับสนุนไปรอที่จุดนัดพบซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 5 กิโลเมตร แต่ผมห้ามเอาไว้ เพราะผู้กองแคนพูดภาษา ยาวีไม่ได้ มันจึงเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าไปหาข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามในยามวิกาลเช่นนั้น พวกเราซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธินทุกคนรักนับถือในน้ำใจผู้กองแคนและรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพี่น้อง
ร่วมตายอย่างแท้จริงคนหนึ่ง'

แม้จะเหนื่อยยากตรากตรำ แต่ผู้กองแคนยังคงมีชีวิตส่วนตัวเช่นปุถุชนทั่วไป โดยทุกครั้งที่ได้พัก นายตำรวจหนุ่มจะเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ขอนแก่นและกราบคารวะครูอาจารย์ ท่ามกลางความรู้สึกชื่นชมระคนห่วงใยของทุกคนที่ได้รู้จักและเคยเห็น "ผู้กองแคน' มาตั้งแต่ครั้งที่เขาเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ในรั้ว มอ.ดินแดง ร่วมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคณาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับบิดามารดา

"แคนมักจะถูกตั้งคำถามจากหลาย ๆ คนอยู่เสมอว่า เมื่อไหร่จะขึ้นมาจากภาคใต้ แต่คำตอบที่ทุกคนได้รับเหมือน ๆ กัน ก็คือ ยังไม่ถึงเวลา เพราะแคนต้องการสานต่อภารกิจให้ลุล่วงจนกว่าประชาชนในพื้นที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย'

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ผู้เป็นบิดาเล่าด้วยสีหน้าและแววตาอันสงบนิ่งอย่างคนที่ปลงใจในความเป็นไปที่เกิดขึ้นตามสัจธรรมแห่งชีวิต

"ก่อนเสียชีวิต ผู้บังคับบัญชาของแคนถามว่า ครบวงรอบ 6 เดือนครั้งหน้า แคนจะกลับมาอยู่ที่ค่ายนเรศวร หรือเปล่า แคนตอบว่า ขออยู่ในพื้นที่อย่างเดิม เพราะเป็นห่วงชาวบ้าน อยากทำงานต่อ'



"หมอนัตตี้ภรรยาของแคน ซึ่งกำลังเรียนต่อด้านทันตกรรมที่ฮ่องกง เคยขอร้องแคนเรื่องการไปทำงานภาคใต้ แคนตอบว่า นัตตี้มีความฝันในเรื่องการเรียน แคนก็มีความฝันในเรื่องของการทำให้ภาคใต้สงบสุข ถ้ามีคนขอให้ให้นัตตี้หยุดเรียน ล้มเลิกความฝัน นัตตี้ก็คงทำไม่ได้ เหมือน ๆ กับแคนที่ไม่อาจเลิกราการไขว่คว้าความฝันของตนเอง แคนฝันที่จะทำให้ภาคใต้สงบและแคนก็อยากทำให้ฝันนั้นเป็นจริงให้ได้'

"ถึงแม้วันนี้แคนจะจากไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าเขาคงรับรู้ว่าความฝันของเขาจะไม่มีวันตาย เพราะ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทั้งที่เป็นตำรวจพลร่มและทหารทุกเหล่าทัพจะช่วยกันสานต่อภารกิจเพื่อให้ฝันของแคนเป็นจริงให้ได้'

คำกล่าวของรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาคงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปจากความเป็นจริง เพราะการเสียชีวิตของร้อยตำรวจเอกธรณิศได้กลายเป็นแบบอย่างของวีรบุรุษผู้เสียสละและเป็นสิ่งที่ปลุกเร้ากระตุ้นขวัญกำลังใจและความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลร่ม ตชด. จากค่ายนเรศวรในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างกล้าหาญเช่นเดียวกับที่ "ผู้กองแคน' ได้แสดงตัวอย่างไว้ให้ประจักษ์


ผู้กองแคนสอนการใช้อาวุธให้ชาวบ้าน

กลอนบทหนึ่งที่นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 54 มอบให้แก่แคน นับเป็นสิ่งที่ฉายชัดถึงความเป็นตัวตนของนายตำรวจผู้เสียสละได้เป็นอย่างดี กลอนบทนั้นมีความว่า...

กูนี้เกิดมาเพื่อชาติ ราชบังลังก์
มึงจงฟัง ความแน่วแน่ ของกูไว้
แม้นกูตาย พวกกูอยู่ สู้ต่อไป
อย่าได้ให้ พวกจัญไร มายึดครอง
กูนี้คือ สามพราน รุ่นห้าสี่
พวกกูมี เรื่องราว ให้เล่าขาน
ชื่อของแคน ยังอยู่ อีกยาวนาน
เป็นตำนาน ผู้กล้า... เลือดทาดิน

เพื่อเป็นอนุสรณ์ และรำลึกถึงบุตรชายผู้จากไป อีกทั้งยังเป็นการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ได้จัดตั้งกองทุน ร.ต.อ.ธรณิศ โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถดูรายละเอียดได้จากเวปไซด์. Thoranit

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ยอมรับว่า เมื่อแรกที่ได้รับทราบข่าวร้าย ความรู้สึกโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ได้ถาโถมเข้ามาท่วมท้นหัวใจ เช่นเดียวกับคนทั่วไปซึ่งอยู่ในฐานะพ่อที่ต้องสูญเสียลูกชายอย่างกะทันหัน

แต่เมื่อได้รับรู้ถึงเกียรติยศได้สัมผัสด้วยตนเองถึงเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ที่ทุกฝ่ายมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกธรณิศในพิธีศพ หัวใจอันแตกสลายของคนเป็นพ่อก็กลับฟื้นคืนมาได้

"มันเหมือนกับว่าผมกำลังอยู่ในความฝันมึนงงไปหมด เฝ้าแต่ถามตัวเอง นี่ผมมางานของใคร.. ใช่พิธีศพของแคนแน่หรือ ทำไมทุกอย่างจึงยิ่งใหญ่ล้นหลามถึงเพียงนี้'

"แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนารถ ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานเพลิงศพร้อยตำรวจเอกธรณิศด้วยพระองค์เอง ณ วัดสว่างสุทธารา จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม'



รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์กล่าว
"ตอนที่มีการกราบบังคมทูลถวายรายงานประวัติของผู้เสียชีวิต พระองค์ได้ประทับยืนเป็นการพระราชทานเกียรติยศให้แก่ร้อยตำรวจเอกธรณิศเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้ผู้ร่วมพิธีทั้งหมดลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความคารวะไว้อาลัยแด่ผู้จากไป
นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งตอนที่โปรดเกล้า ฯ ให้ผมเข้าเฝ้าว่า ที่มาก็เพราะว่าแคนสมควรได้รับเกียรติยศนี้ และยังทรงรับสั่งด้วยว่า

"ประเทศชาติต้องการผู้เสียสละอย่างแคน ทรงขอบใจที่ผมกับหมอแจง คุณแม่ของแคนที่ที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้ถึงขนาดนี้'

วันนี้...ไม่มีผู้กองแคนซึ่งเป็นที่รักของทุก ๆ คนอีกต่อไป ฉากชีวิตซึ่งเปี่ยมไปด้วยเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ของนายตำรวจหนุ่มดำเนินมาจนถึงบทสุดท้าย พร้อม ๆ กับการก้าวล่วงหน้าไปยังอีกภพหนึ่ง อันเป็นภพที่ไม่มีใครเลี่ยงพ้น

และสำหรับสมาชิกในครอบครัวของตระกูล "ศรีสุข' ทุกคนคงจะมีรอยยิ้มระคนน้ำตาเมื่อนึกถึงภาพของหมอแจง ผู้เป็นมารดา ขณะที่โอบกระชับการมาถึงของบุตรชาย พร้อมกับถ้อยคำที่กลั่นมาจากหัวใจว่า

แคนลูกรัก...แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก

แม่ดีใจเหลือเกินที่เราได้พบกันอีกครั้งในดินแดนนิรันดร์แห่งนี้



เป็นอีกครั้งที่เอาเรื่องราวของผู้กองมาเผยแผร่ เราไม่ได้รู้จักผู้กองเป็นการส่วนตัวแต่รู้สึกประทับใจในหัวใจรักชาติที่ยิ่งใหญ่ของผู้กอง เสียสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต
จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า "วันนี้เราทำอะไรเพื่อชาติแล้วหรือยัง" แต่ละสิ่งที่เราทำมันน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับความรักชาติที่ผู้กองและครอบครัวได้ทำและเสียสละ

จึงได้ตั้งใจว่าจะช่วยเผยแผร่สิ่งต่างๆที่ผู้กองได้ทำให้คนอื่นๆได้รับรู้ ให้มากที่สุด
อยากทำให้ทุกคนรู้ว่า "พระเอกไม่ได้มีแต่ในนิยาย"


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: por-sim ที่ 03 มีนาคม 2551, 15:47:14
ไม่ได้อ่านอ่ะ ยาวมาก ทำรายงานเสร็จก่อน จะกลับมาใหม่


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 07 มีนาคม 2551, 10:28:51
บทความดีๆที่ผมได้รับมาจาก forward mail เลยเอามาแบ่งปันครับ
 :P  :P

แม่ กู สอน

เพื่อน ๆ บอกผมว่า
ทำไมมึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด แต่เรียนเก่งจังวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพอมึงมีตังค์ มึงชอบเอาไปทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงชอบเล่นกีฬา เล่นเป็นหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมึงป่วยนอนโรงพยาบาลเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้กูออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะเรามีตังค์น้อย เจ็บ
ป่วยจะลำบาก

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข แล้วจะสบายใจกันทุกคน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ อ่อนน้อม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ ๆ เป็นเด็กเสริฟอาหาร
หรือแม้แต่ขอทานที่มึงให้เศษตังค์แล้วเขาอวยพรให้มึง ทำไมมึงต้องขอบคุณขอทานวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พูดดี ๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราพูดดี ๆ กับเขา เขาก็จะได้พูดดี ๆ กับ
เรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพี่ ๆ น้อง ๆ มึงตั้งหลายคน ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกัน มันยังรักกันได้
ทำไมพี่น้องกัน จะรักกันไม่ได้

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงถึงรักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
แม่กูสอน ให้กูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของพระมหากษัติรย์ ทุกพระองค์
แม่กูสอน ให้กูรู้จักคำว่า จงรักภักดี ตั้งแต่กูยังไม่รู้ความหมาย จนทุกวันนี้ กูรู้แล้วว่า
คำว่า จงรักภักดี นั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมแม่มึงถึงสอนอะไรมึงมากมายจังเลยวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
ที่กูเป็นกูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ " แม่กูสอน"
แม่กูสอนอะไร กูทำตามแม่กูสอนทุกอย่าง
มีอย่างเดียวที่แม่กูไม่ได้สอน แต่กูทำ แล้วกูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แม่กูไม่ได้สอนให้รักแม่ แต่......กูรักแม่ว่ะ


ใครไม่รัก..................แต่กูรัก


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: nuchon ที่ 08 มีนาคม 2551, 10:42:19
 ดีจัง  :wink:  


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋อ ที่ 08 มีนาคม 2551, 14:33:08
แง  :cry:

อ่านแล้วจะร้องไห้กับเรื่องคุณทหารตำรวจภาคใต้
เวลาข่าวออกทีไร เราจะร้องไห้ทุกที
อยากจะส่งอีพวกไร้ประโยชน์ที่ทำตัวหนักแผ่นดินไปสู้กับโจรใต้ดูบ้าง
จะได้ทำตัวเป็นประโยชน์กับสังคม

นี่รวมนักการเมืองบางคนด้วยนะ หึ!!


หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: หล้า ที่ 10 มีนาคม 2551, 09:28:37
แวะมาฟังยายเอ๋อบ่น :lol: