Cmadong Chula

เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย => รุ่น 2549 => ข้อความที่เริ่มโดย: phraisohn ที่ 16 กรกฎาคม 2551, 13:57:07



หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 16 กรกฎาคม 2551, 13:57:07
เป็นบทความที่ผมกับไอ้โต้ง เขียนขึ้นเพื่อจะลงวารสารหอพักฯ ครับ
------------------------------------------------------------

"เพราะฉะนี้  จึงมีห้องเชียร์"
เรื่องโดย  โต้ง เศรษฐศาสตร์ #3 RCU89  และ สน วิทยาศาสตร์ #3 RCU89

"เออ! พวกมึงหน่ะน้องกู!!" เสียงประโยคเด็ดที่น้องๆหอชายทุกคนต่างก็เคยได้ยินกันมาเกือบจะทุกรุ่นในวันปิดห้องเชียร์ เป็นประโยคที่ แสดงถึงการสิ้นสุดลงของห้องเชียร์ และนั่นหมายถึงน้องๆได้รับรุ่นแล้ว หลังจากที่ต้องเผชิญชะตากรรมในห้องเชียร์ด้วยกันมาอย่างยากลำบาก  ถึงแม้ว่าห้องเชียร์จะปิดไปแล้ว แต่ความทรงจำและภาพบรรยากาศที่ผ่านมาก็ยังนำมาคุยได้ไม่รู้เบื่อ  สำหรับวันนี้ในฐานะตัวแทนของ "รุ่นพี่" จะพาไปย้อนรอยดูบรรยากาศของห้องเชียร์ปีนี้กัน พร้อมทั้งจะเผยถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ของการทำห้องเชียร์ ที่คาดว่าหลายคนยังไม่รู้ ให้ออกมาสู่สายตาสาธารณะ ซึ่งเน้นบรรยากาศของห้องเชียร์หอชายเป็นหลัก เพราะผู้เขียนเองก็ผ่านการรับน้องของหอชาย แต่ก็คาดว่า ห้องเชียร์หอหญิงก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก (หรือเปล่า?)

 "ประกาศๆ วันนี้เวลา 17.30 น. จะมีการตั้งซองรับน้องและเปิดห้องเชียร์ ขอเชิญรุ่นพี่ชาวหอพักทุกท่านมาร่วมตั้งแถวรับน้องด้วยครับ!"  เสียงประกาศเรียกรุ่นพี่เพื่อเตรียมตัวรับน้องใหม่ที่กำลังเดินทางใกล้จะถึงหอพัก รุ่นพี่ต่างกุลีกุจอ ไปตั้งแถวด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนัก ผู้โชคดีท่านแรกก็เดินทางมาถึง เพียงแค่นั้นแหล่ะ รุ่นพี่ก็กล่าวรับน้องน้องด้วยความยินดีปรีดา "วิ่งสิว่ะ!! มึงยิ้มอะไร๊!!!" และอีกหลากหลายประโยคที่รุ่นพี่กล่าวต้อนรับน้องๆอย่างเป็นมิตร จนกระทั่งน้องๆรวมตัวกันเสร็จใต้หอจำปา ซึ่งใช้เป็นห้องประชุมเชียร์มาหลายต่อหลายรุ่น  แล้วความโหดร้ายในชีวิตของนิสิตปีหนึ่งก็อุบัติขึ้น ณ นาทีนั้น

บรรยากาศของห้องเชียร์ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันสุดท้าย เป็นไปแบบโหด มันส์ ฮา ปะปนกันไป และนี่แหล่ะคือเอกลักษณ์ของห้องเชียร์หอ

พี่ๆที่ลงไปรับน้องต่างก็มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศห้องเชียร์ ไล่ตั้งแต่พี่ๆด้านหน้าจนถึงพี่ๆที่ยืนรายรอบน้องๆอยู่ด้านข้าง
"เห้ย! เช็คยอดซิ!"  เสียงพี่วินัยสั่งน้อง  คนสุดท้ายของแถวแรก ก็ลุกขึ้นพร้อมกับยืนคิดอยู่สักพัก
"ใช้เครื่องคิดเลขไม๊? มึงอินทิเกรตอยู่เหรอ!!" เสียงกดดันจากพี่ไซด์ แหลมลอดออกมา เสมือนหนึ่งเสียงของหญิงสาว เล่นเอาบรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่ขณะนั้น ได้ฮากันถ้วนหน้า

"ต่อไป พวกผมจะสอนการรายงานตัวเต็มซีรีส์ ฟังนะเว้ย รอบเดียว!!"
"ผมนิสิตวิทยาศาสตร์ ชื่อนายบุญถึก  นามสกุลน่ารักดี...." พี่วินัยคนนึงเป็นตัวแทนออกมารายงานตัวให้น้องๆฟัง  ทีนี้ก็เป็นทีของน้องบ้างมีทั้งชื่อแปลกๆ ที่รุ่นพี่ตั้งให้ และรายงานแบบสำนึกรักบ้านเกิด
"ข้อยนิสิตวิทยาศาสตร์การกีฬา  ซืออีหลี นายศราวุธ  นามสกุล ภูคา  ซืออีเล่น บักไก่ คณะหอ ห้อง..... จังหวัดขอนแจ่นคั๊บ!!" สำนึกรักบ้านเกิดอีกราย นอกจากนี้ยังมีทีมโจ๋เรนเจอร์ และดรีมทีม ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อให้ดูเข้ากับหน้าตา อาทิเช่น ปีเตอร์ชัก เอาดะ เตียงยังทรุด มีรูห์นะฮ์  รอดอฆ์มาแซะห์ ซึ่งเป็นฝาแฝดกับ มีดอห์นะฮ์ เอารูห์มาแงะ เป็นต้น

สีสันของห้องเชียร์อย่างหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ "การร้องเพลงหอ"  ซึ่งเพลงฮิตติดชาร์ต ก็เห็นจะเป็นเพลงภาษาแปลกๆ แน่นอน ซีมะโด่ง และ สุ่มบิน ติดอันดับยอดฮิตของชาวหอ ซึ่งคนที่ไม่เคยได้ยินก็จะงงว่า ซีมะโด่งมันคืออะไร? และทำไมต้องโด๊งโด่ง? ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่จนทำให้ น้องอะวะยี  จังหวัดยะลา (นามและจังหวัด สมมติ) ลุกขึ้นถามด้วยน้ำเสียง "ทองแดง" อันเป็นเอกลักษณ์ "กระป๊มอยากทราบว่า มันแป๊ว่าอะไหร๊กรับป๊ม?"  (ทำนองนี้แหล่ะ น้องพูดรัวมาก ไม่สามารถจะจับเป็นข้อความที่ชัดเจนได้)

การป่วยเป็นเรื่องปกติธรรมดาในห้องเชียร์ เนื่องจากมีน้องๆที่สุขภาพค่อนข้างบอบบาง ชัก และไม่สบายไปหลายคน
พี่ไซด์ :  "วันนี้ไหนใครไปช่วยเพื่อนชัก? ทำไมไม่ให้มันชักเอง??"
 
บรรยากาศเป็นไปอย่างนี้จนกระทั่งถึงวันดวลเพลง ที่ต่างฝ่ายต่างก็มาประกาศศักดานุภาพต่อกัน แน่นอนว่า รุ่นพี่ย้ำนักย้ำหนาว่า ต้องชนะเท่านั้น หากเสมอถือว่าแพ้ แต่แล้วผลออกมา อาจารย์ประกาศว่าเสมอกัน  สำหรับหอชาย นั่นหมายถึงการพ่ายแพ้ รุ่นพี่แต่ละชั้นปีไล่ตั้งแต่ปีสอง ปีสาม ปีสี่ ต่างก็มาแสดงความผิดหวังกับนิสิตรุ่นนี้ (ห่วย01)  ทำให้น้องๆต้องรับโทษอย่างสาสม แต่แทนที่จะหมดแค่ปีสี่เท่านั้น ที่ไหนได้ พี่เก่ายังมาร่วมสนุกอีก เล่นลงโทษรุ่นพี่ซะอ่วมอรทัย (ลุกนั่งร้อยครั้งจริงๆ!!)  จนมาหักมุมเอาตอนสุดท้าย "พวกมึงหนะน้องกู!!"

    แม้บางคนอาจจะมองห้องเชียร์ว่าเป็นเรื่องที่ "สร้างภาพ"  แต่ในฐานะของรุ่นพี่ขอยืนยันว่า ที่ทำลงไปมิใช่เพื่อความสะใจ  แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทำไปเพื่อต้องการให้น้องๆ ได้ "รุ่น" อยากให้น้องได้ภูมิใจในการได้เป็น "นิสิตอย่างเต็มตัว"   กิจกรรมทุกอย่างในห้องเชียร์ต่างก็มีเหตุผลในตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การจำกัดพื้นที่ทานอาหารในโรงอาหารแค่หนึ่งช่วงเสา หรือการมีโจ๋เรนเจอร์ ดรีมทีม และบานเย็นเรนเจอร์  ก็เพื่อให้น้องๆได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้นทั้งในหอชายและหอหญิง  หรืออย่างในแต่ก่อน ห้ามโทรศัพท์กลับบ้านเด็ดขาดในช่วงห้องเชียร์ เพราะขนาดเรายังทุกข์เท่านี้ แล้วพ่อแม่ซึ่งเป็นห่วงเราจะทุกข์ขนาดไหน

   มีผู้กล่าวว่า เราจะเห็นค่าของห้องเชียร์ก็ต่อเมื่อมันจบลงไปแล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีห้องเชียร์  วันนี้ บรรยากาศของหอพักจะยังเป็นเช่นนี้อยู่หรือไม่?  ความเป็นรุ่น ความสนิทสนมระหว่างเพื่อน จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้หรือไม่? ถ้าตอบคำถามเหล่านี้แล้ว หากคุณเห็นคุณค่าของห้องเชียร์ ก็อย่าเก็บคุณค่าเหล่านี้ไว้เพียงลำพัง แต่จงถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ให้กับน้องๆรุ่นต่อๆไป  


ปล.  สัมผัสความอบอุ่นของพี่น้องชาวหอ และติดตามอ่านบรรยากาศห้องเชียร์รุ่น 91 ได้ที่ http://www.cmadong.com/community/board/   แล้วคลิก เลือกห้องของรุ่น 2549  หัวข้อ “เกาะติดสถานการณ์ห้องเชียร์ 91”


หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: too ที่ 20 กรกฎาคม 2551, 01:15:55
มาแอบอ่าน ลงวารสารคนดีซีมะโด่งใช่มั้ย


หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 20 กรกฎาคม 2551, 06:54:18
อันนี้ไม่แน่ใครคับพี่ตู้ สงสัยมั้งคับ คือเค้าบอกให้เขียนให้อ่ะคับ  :D


หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: MiA_แม่แย้มเจ้าค่ะ ที่ 20 สิงหาคม 2551, 13:38:15
อ้างจาก: "phraisohn"
อันนี้ไม่แน่ใครคับพี่ตู้ สงสัยมั้งคับ คือเค้าบอกให้เขียนให้อ่ะคับ  :D



น้องสน

ครือว่า....คุรน้องใจง่ายมากเลยนะคะที่ยอมเขียนให้เขาอ่ะ    :-(


แต่ว่าใจง่ายแบบนี้แหละดี...เพราะเอามาลงวารสารคนดีในโครงการคนดีซีมะโด่งนี่เอง


เข้าไปดาวน์โหลดวารสารที่เสร็จแล้วได้ที่นี่นะจ๊ะ
http://groups.google.com/group/kondeecmadong/web/kondeemagz

หรือว่า
www.tinyurl.com/kondeemagz

ต้องขอบคุณมากเลยที่มาเขียนคอลัมน์ยาวกว่าหลายหน้าA4ให้พี่ได้เอามาลงวารสาร

ซาบซึ้งๆ  :D

ปล. มีคนฝากมาชมว่าตั้งชื่อได้เก๋มาก   น่าอ่านๆ


หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 21 สิงหาคม 2551, 11:03:40
โอ  เล่มนี้ออกแล้วหรือครับ รอมานานนนน

อยากรู้จังวาใช้โปรแกรมไรทำ ebook เล่มนี้ออกมาอ่ะคับ  

ปล. ขอบคุณที่ชมในตอนท้ายครับ

มีอะไรที่ผมช่วยได้ผมยินดีเสมอครับ  :-o


หัวข้อ: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 21 สิงหาคม 2551, 11:32:59
โอ้..เพิ่งรู้ว่า มีวารสารนี้ของน้องนิสิตปัจจุบันด้วย...

หากน้องๆ คนไหนสนใจมาร่วมช่วยกันกับพี่ๆ ทำ "สารซีมะโด่ง" ด้วยนะคะ   :o


หัวข้อ: Re: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: worayoot47 ที่ 24 พฤศจิกายน 2552, 18:06:27
อ่านจบแล้ว
แหล่มเลย


หัวข้อ: Re: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: Pinna ที่ 26 พฤศจิกายน 2552, 16:04:11
อืม....ไม่น่าเชื่อว่าพี่สนจะเขียนได้


หัวข้อ: Re: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 29 พฤศจิกายน 2552, 17:39:17
อ้างถึง
ข้อความของ Pinna เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2552, 16:04:11
อืม....ไม่น่าเชื่อว่าพี่สนจะเขียนได้

น่านสิ จนถึงทุกวันนี้พี่ยังไม่เชื่อเลยว่าพีเขียนจริงๆหรือ
เอ๊ะ ยังไง


หัวข้อ: Re: "เพราะฉะนี้ จึงมีห้องเชียร์"
เริ่มหัวข้อโดย: ฝน วิทยา 32 ที่ 20 เมษายน 2555, 20:19:23
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 16 กรกฎาคม 2551, 13:57:07
เป็นบทความที่ผมกับไอ้โต้ง เขียนขึ้นเพื่อจะลงวารสารหอพักฯ ครับ
------------------------------------------------------------

"เพราะฉะนี้  จึงมีห้องเชียร์"
เรื่องโดย  โต้ง เศรษฐศาสตร์ #3 RCU89  และ สน วิทยาศาสตร์ #3 RCU89

"เออ! พวกมึงหน่ะน้องกู!!" เสียงประโยคเด็ดที่น้องๆหอชายทุกคนต่างก็เคยได้ยินกันมาเกือบจะทุกรุ่นในวันปิดห้องเชียร์ เป็นประโยคที่ แสดงถึงการสิ้นสุดลงของห้องเชียร์ และนั่นหมายถึงน้องๆได้รับรุ่นแล้ว หลังจากที่ต้องเผชิญชะตากรรมในห้องเชียร์ด้วยกันมาอย่างยากลำบาก  ถึงแม้ว่าห้องเชียร์จะปิดไปแล้ว แต่ความทรงจำและภาพบรรยากาศที่ผ่านมาก็ยังนำมาคุยได้ไม่รู้เบื่อ  สำหรับวันนี้ในฐานะตัวแทนของ "รุ่นพี่" จะพาไปย้อนรอยดูบรรยากาศของห้องเชียร์ปีนี้กัน พร้อมทั้งจะเผยถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ของการทำห้องเชียร์ ที่คาดว่าหลายคนยังไม่รู้ ให้ออกมาสู่สายตาสาธารณะ ซึ่งเน้นบรรยากาศของห้องเชียร์หอชายเป็นหลัก เพราะผู้เขียนเองก็ผ่านการรับน้องของหอชาย แต่ก็คาดว่า ห้องเชียร์หอหญิงก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก (หรือเปล่า?)

 "ประกาศๆ วันนี้เวลา 17.30 น. จะมีการตั้งซองรับน้องและเปิดห้องเชียร์ ขอเชิญรุ่นพี่ชาวหอพักทุกท่านมาร่วมตั้งแถวรับน้องด้วยครับ!"  เสียงประกาศเรียกรุ่นพี่เพื่อเตรียมตัวรับน้องใหม่ที่กำลังเดินทางใกล้จะถึงหอพัก รุ่นพี่ต่างกุลีกุจอ ไปตั้งแถวด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนัก ผู้โชคดีท่านแรกก็เดินทางมาถึง เพียงแค่นั้นแหล่ะ รุ่นพี่ก็กล่าวรับน้องน้องด้วยความยินดีปรีดา "วิ่งสิว่ะ!! มึงยิ้มอะไร๊!!!" และอีกหลากหลายประโยคที่รุ่นพี่กล่าวต้อนรับน้องๆอย่างเป็นมิตร จนกระทั่งน้องๆรวมตัวกันเสร็จใต้หอจำปา ซึ่งใช้เป็นห้องประชุมเชียร์มาหลายต่อหลายรุ่น  แล้วความโหดร้ายในชีวิตของนิสิตปีหนึ่งก็อุบัติขึ้น ณ นาทีนั้น

บรรยากาศของห้องเชียร์ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันสุดท้าย เป็นไปแบบโหด มันส์ ฮา ปะปนกันไป และนี่แหล่ะคือเอกลักษณ์ของห้องเชียร์หอ

พี่ๆที่ลงไปรับน้องต่างก็มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศห้องเชียร์ ไล่ตั้งแต่พี่ๆด้านหน้าจนถึงพี่ๆที่ยืนรายรอบน้องๆอยู่ด้านข้าง
"เห้ย! เช็คยอดซิ!"  เสียงพี่วินัยสั่งน้อง  คนสุดท้ายของแถวแรก ก็ลุกขึ้นพร้อมกับยืนคิดอยู่สักพัก
"ใช้เครื่องคิดเลขไม๊? มึงอินทิเกรตอยู่เหรอ!!" เสียงกดดันจากพี่ไซด์ แหลมลอดออกมา เสมือนหนึ่งเสียงของหญิงสาว เล่นเอาบรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่ขณะนั้น ได้ฮากันถ้วนหน้า

"ต่อไป พวกผมจะสอนการรายงานตัวเต็มซีรีส์ ฟังนะเว้ย รอบเดียว!!"
"ผมนิสิตวิทยาศาสตร์ ชื่อนายบุญถึก  นามสกุลน่ารักดี...." พี่วินัยคนนึงเป็นตัวแทนออกมารายงานตัวให้น้องๆฟัง  ทีนี้ก็เป็นทีของน้องบ้างมีทั้งชื่อแปลกๆ ที่รุ่นพี่ตั้งให้ และรายงานแบบสำนึกรักบ้านเกิด
"ข้อยนิสิตวิทยาศาสตร์การกีฬา  ซืออีหลี นายศราวุธ  นามสกุล ภูคา  ซืออีเล่น บักไก่ คณะหอ ห้อง..... จังหวัดขอนแจ่นคั๊บ!!" สำนึกรักบ้านเกิดอีกราย นอกจากนี้ยังมีทีมโจ๋เรนเจอร์ และดรีมทีม ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อให้ดูเข้ากับหน้าตา อาทิเช่น ปีเตอร์ชัก เอาดะ เตียงยังทรุด มีรูห์นะฮ์  รอดอฆ์มาแซะห์ ซึ่งเป็นฝาแฝดกับ มีดอห์นะฮ์ เอารูห์มาแงะ เป็นต้น

สีสันของห้องเชียร์อย่างหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ "การร้องเพลงหอ"  ซึ่งเพลงฮิตติดชาร์ต ก็เห็นจะเป็นเพลงภาษาแปลกๆ แน่นอน ซีมะโด่ง และ สุ่มบิน ติดอันดับยอดฮิตของชาวหอ ซึ่งคนที่ไม่เคยได้ยินก็จะงงว่า ซีมะโด่งมันคืออะไร? และทำไมต้องโด๊งโด่ง? ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่จนทำให้ น้องอะวะยี  จังหวัดยะลา (นามและจังหวัด สมมติ) ลุกขึ้นถามด้วยน้ำเสียง "ทองแดง" อันเป็นเอกลักษณ์ "กระป๊มอยากทราบว่า มันแป๊ว่าอะไหร๊กรับป๊ม?"  (ทำนองนี้แหล่ะ น้องพูดรัวมาก ไม่สามารถจะจับเป็นข้อความที่ชัดเจนได้)

การป่วยเป็นเรื่องปกติธรรมดาในห้องเชียร์ เนื่องจากมีน้องๆที่สุขภาพค่อนข้างบอบบาง ชัก และไม่สบายไปหลายคน
พี่ไซด์ :  "วันนี้ไหนใครไปช่วยเพื่อนชัก? ทำไมไม่ให้มันชักเอง??"
 
บรรยากาศเป็นไปอย่างนี้จนกระทั่งถึงวันดวลเพลง ที่ต่างฝ่ายต่างก็มาประกาศศักดานุภาพต่อกัน แน่นอนว่า รุ่นพี่ย้ำนักย้ำหนาว่า ต้องชนะเท่านั้น หากเสมอถือว่าแพ้ แต่แล้วผลออกมา อาจารย์ประกาศว่าเสมอกัน  สำหรับหอชาย นั่นหมายถึงการพ่ายแพ้ รุ่นพี่แต่ละชั้นปีไล่ตั้งแต่ปีสอง ปีสาม ปีสี่ ต่างก็มาแสดงความผิดหวังกับนิสิตรุ่นนี้ (ห่วย01)  ทำให้น้องๆต้องรับโทษอย่างสาสม แต่แทนที่จะหมดแค่ปีสี่เท่านั้น ที่ไหนได้ พี่เก่ายังมาร่วมสนุกอีก เล่นลงโทษรุ่นพี่ซะอ่วมอรทัย (ลุกนั่งร้อยครั้งจริงๆ!!)  จนมาหักมุมเอาตอนสุดท้าย "พวกมึงหนะน้องกู!!"

    แม้บางคนอาจจะมองห้องเชียร์ว่าเป็นเรื่องที่ "สร้างภาพ"  แต่ในฐานะของรุ่นพี่ขอยืนยันว่า ที่ทำลงไปมิใช่เพื่อความสะใจ  แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทำไปเพื่อต้องการให้น้องๆ ได้ "รุ่น" อยากให้น้องได้ภูมิใจในการได้เป็น "นิสิตอย่างเต็มตัว"   กิจกรรมทุกอย่างในห้องเชียร์ต่างก็มีเหตุผลในตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การจำกัดพื้นที่ทานอาหารในโรงอาหารแค่หนึ่งช่วงเสา หรือการมีโจ๋เรนเจอร์ ดรีมทีม และบานเย็นเรนเจอร์  ก็เพื่อให้น้องๆได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้นทั้งในหอชายและหอหญิง  หรืออย่างในแต่ก่อน ห้ามโทรศัพท์กลับบ้านเด็ดขาดในช่วงห้องเชียร์ เพราะขนาดเรายังทุกข์เท่านี้ แล้วพ่อแม่ซึ่งเป็นห่วงเราจะทุกข์ขนาดไหน

   มีผู้กล่าวว่า เราจะเห็นค่าของห้องเชียร์ก็ต่อเมื่อมันจบลงไปแล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีห้องเชียร์  วันนี้ บรรยากาศของหอพักจะยังเป็นเช่นนี้อยู่หรือไม่?  ความเป็นรุ่น ความสนิทสนมระหว่างเพื่อน จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้หรือไม่? ถ้าตอบคำถามเหล่านี้แล้ว หากคุณเห็นคุณค่าของห้องเชียร์ ก็อย่าเก็บคุณค่าเหล่านี้ไว้เพียงลำพัง แต่จงถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ให้กับน้องๆรุ่นต่อๆไป 


ปล.  สัมผัสความอบอุ่นของพี่น้องชาวหอ และติดตามอ่านบรรยากาศห้องเชียร์รุ่น 91 ได้ที่ http://www.cmadong.com/community/board/   แล้วคลิก เลือกห้องของรุ่น 2549  หัวข้อ “เกาะติดสถานการณ์ห้องเชียร์ 91”


เขียนได้โดน จริงๆ รำลึกเลยน้อง
ว่าไปแล้วนึกถึงห้องเชียร์