Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องวิชาการ ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: TAE2540 ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 21:15:48



หัวข้อ: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: TAE2540 ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 21:15:48
(http://img220.imageshack.us/img220/1505/12219474.jpg)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 22:05:52
รับราชการมาตั้งนาน ..

เพิ่งรู้ว่าตำแหน่งหัวหน้า  ดูจากเก้าอี้ที่นั่ง ..
หากเป็นงั้นจริง  เราคงเป็นภารโรงไปแล้วมั้ง
เพราะนั่งเกาะเก้าอี้พลาสติกตลอดเลย 

เหอ ๆ ๆ ๆ
   


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เจษฎา ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 05:59:24
nonsense


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อย17 ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 08:58:04
ตาหลกจังฮิ...มีอย่างนี้ด้วยเหรอ..ประเทศไทย...?


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Pae ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 09:03:34
สงสัยนั่งหรูกว่าเจ้านาย อิอิ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: mek ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 10:04:01
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 21:26:02 น.   มติชนออนไลน์

เก้าอี้เจ้าปัญหา จนท.สรรพากรปวดหลังใช้เก้าอี้ส่วนตัวไซส์ใหญ่ หน.เดือดถูกทาบรัศมีสุดท้ายต้องย้ายอำเภอ

(http://www.matichon.co.th/online/2010/02/12670232411267023833l.jpg)

เก้าอี้ พ่นพิษ จนท.สรรพากรปวดหลังต้องมีเก้าอี้ส่วนตัว ผู้ใหญ่ไม่พอใจที่นั่งหรูหวั่นปชช.สับสนใครใหญ่ ส่งหนังสือให้เอากลับบ้าน พร้อมสั่งหาหมอรักษาโรค เจ้าตัวงงผิดระเบียบข้อไหนส่งอีเมลฟ้องเพื่อน สุดท้ายต้องระเห็จไปพื้นที่อื่น

กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์พร้อมลงเอกสารและบันทึก ข้อความ เกี่ยวกับเรื่องเก้าอี้นั่งส่วนตัวของ น.ส.รัศมี ไทยสิทธิพงษ์ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งนำมานั่งในที่ทำงานโดยไม่ได้ใช้เก้าอี้นั่งของทางสรรพากรอำเภอศรีประ จันต์ที่จัดไว้ให้ เนื่องจากเป็นโรคปวดหลัง แต่ทาง น.ส.ศิริลักษณ์ ไหวดี สรรพากรอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เห็นว่าไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการเสียภาษี อาจเกิดความสับสนว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน จึงมีบันทึกข้อความให้ น.ส.รัศมีใช้เก้าอี้ของสำนักงานแทนเก้าอี้ส่วนตัว และมีคำสั่งให้เอาเก้าอี้ส่วนตัวกลับบ้าน ทำให้มีการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สร้างความงุนงง แก่ผู้อ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นจนส่งผลให้มี การวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในขณะนี้


เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าว "มติชน" จึงติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นและสอบถาม น.ส.รัศมี ไทยสิทธิพงษ์ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ อำเภอศรีประจันต์ เจ้าของเก้าอี้ที่มีปัญหา เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่อยากพูดถึงแล้ว สะเทือนความรู้สึก และตนทำงานที่ศรีประจันต์ไม่มีความสุขแล้ว ได้ขอย้ายตัวเองทำงานที่อำเภอดอนเจดีย์ขณะนี้ ซึ่งมีคนขอร้องให้ทำงานที่เดิมแต่ทำต่อไม่ได้จริงๆ เพื่อความสบายใจก็ขอย้ายมาทำงานที่อำเภอดอนเจดีย์ก็พอใจแล้วตอนนี้

"เรียนกับสรรพากรพื้นที่ดอนเจดีย์แล้วว่าเป็นโรคปวดหลังจึงต้องใช้ เก้าอี้ส่วนตัวที่มีปัญหาดังกล่าว ทางสรรพากรพื้นที่อำเภอดอนเจดีย์ก็อนุญาตให้ใช้ได้นั่งทำงานได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีระเบียบ กฎ ข้อบังคับ ข้อห้ามอันใด สิ่งใด ที่จะไม่ให้ใช้เก้าอี้ส่วนตัว รู้ตัวว่าเป็นเด็กก็อยากอยู่ในส่วนเด็กไม่อยากที่จะมีเรื่องราวกับใคร แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจมาตลอดทั้งโทรศัพท์ และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์"


น.ส.รัศมีกล่าวว่า ตนเองก็ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้เพื่อนๆ ที่เคยทำงานที่เดียวกันได้อ่านเท่านั้นไม่รู้ว่าจดหมายดังกล่าวถูกส่งต่อไป อีกหลายต่อหลายคนรวมกระทั่งหนังสือพิมพ์ การทำงานที่ อ.ศรีประจันต์ ก็มีเรื่องกระทบกันบ้างนิดหน่อย แต่ไม่คิดว่าสมัยนี้ยังมีการแบ่งชั้นวรรณะกันอีก และไม่ได้อยากดังอะไร แต่ไม่เคยเจอเรื่องราวเหล่านี้ แล้วคนอ่านรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไรสามารถเป็นคำตอบแทนตนเองได้แล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงหรือไม่ที่มีรายงานข่าวว่าสาเหตุเพราะเป็นคนทำงานตรงไปตรงมาจึงไปทับ เส้นกับผู้ใหญ่บางคน เรื่องการจัดเก็บภาษีโดยการปรับฐานภาษีใหม่ของผู้ค้ารายหนึ่งที่อำเภอศรีประ จันต์ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งจนเป็นที่มาของเรื่องเก้าอี้ไม่เหมาะสม น.ส.รัศมีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอพูดและให้ข้อมูล เพราะทุกอย่างจบแล้วสรุปแล้วทั้งหมด


ผู้สื่อข่าวยังได้ติดต่อไปยังสรรพากร อ.ศรีประจันต์ เพื่อติดต่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า น.ส.ศิริลักษณ์ สรรพากร อ.ศรีประจันต์ ที่มีบันทึกห้าม น.ส.รัศมีนำเก้าอี้ส่วนตัวมาใช้งาน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปอบรมที่จังหวัดนครปฐม และจะกลับในวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ส่วนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้ไม่มีเพราะที่สรรพากร อ.ศรีประจันต์ ขณะนี้มีเพียงเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานใหม่เพียง 2 คนเท่านั้น


ขณะที่ นายสมชาย พัฒนพงษ์ศักดิ์ สรรพากรพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นจบไปแล้วไม่มีการติดใจเอาเรื่องราว กันทั้งสิ้น ไม่เชื่อก็ติดต่อสอบถามทั้ง 2 ฝ่ายได้เพราะตนเองได้เรียกทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยกันแล้ว เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูกทั้งนั้น เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกันมากกว่า แต่หน้าที่ตนก็ดำเนินการไปแล้วโดยฝ่ายหนึ่งคือ น.ส.รัศมี ขอย้ายไปทำงานอยู่ที่อำเภอดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอำเภอใกล้เคียง


"เรื่องนี้เกิดจากความไม่เข้าใจกันก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการส่งต่อด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์นั้นเกิดจากทาง น.ส.รัศมี ได้ส่งบันทึกข้อความไปให้เพื่อนได้ดูและมีการส่งต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก และมีการมาขอโทษเรื่องนี้แล้วเพราะเกรงหน่วยงานจะได้รับผลกระทบด้วย ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องคุยอีกเพราะว่าทุกอย่างจบแล้วทั้งคู่พอใจแล้ว" นายสมชายกล่าว


รายงานข่าวจากรมสรรพากรแจ้งว่า การทำงานในส่วนราชการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้นให้กับข้าราชการอยู่ แล้ว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ส่วนใครจะจัดหาอะไรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง ไม่ได้มีระเบียบห้ามไว้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นที่สรรพากร อ.ศรีประจันต์ ที่มีการให้ย้ายเก้าอี้ส่วนตัว คาดว่าน่าจะเป็นมุมมองความคิดเห็นส่วนบุคคลมากกว่า เบื้องต้นทราบว่าบุคคลที่ถูกสั่งให้ย้ายเก้าอี้ส่วนตัวออกไปนั้น ได้ขอย้ายตัวเองไปอยู่ที่สรรพากร อ.ดอนเจดีย์ เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าใกล้บ้านและสะดวกในการเดินทางมากกว่า


"เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ที่มีการพูดกัน แต่ 2-3 วันก่อนมีการโพสท์ข้อมูลขึ้นในเว็บภายในของกรมสรรพากร ทำให้รู้กันมากขึ้น และมีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่า ที่มองว่าเก้าอี้เหมือนกับสมุห์บัญชีอำเภอ ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด เพราะระเบียบราชการก็ไม่ได้ห้ามไว้" แหล่งข่าวระบุ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบันทึกที่ น.ส.รัศมี ทำถึงสรรพากรพื้นที่สาขาศรีประจันต์ เป็นหนังสือเลขที่ กต.0710.0306 ลงวันที่ 14 มกราคม 2553 เรื่องขอความชัดเจนเกี่ยวกับการนำเก้าอี้นั่งส่วนตัวมานั่งทำงานในสถานที่ ราชการ  ปรากฏว่า น.ส.ศิริลักษณ์ได้ตอบกลับมาเป็นลายมือเขียนในท้ายบันทึกใจความว่า  "คุณรัศมี เก้าอี้ตัวนี้ไม่เหมาะสมสำหรับคุณ เนื่องจากมองดูแล้วมันเทียบเสมอเท่าสรรพากรอำเภอศรีประจันต์ ผู้เสียภาษีหรือประชาชนที่มาติดต่องานมองดูแล้วสับสนไม่ทราบว่าใครเป็นหัว หน้าหน่วยงาน ให้นั่งเก้าอี้ของสำนักงาน เรื่องปวดหลังก็ให้รักษาสุขภาพของตนเองโดยการไปพบคุณหมอ ลงชื่อศิริลักษณ์ 18 มกราคม 2553"


ข้อมูลจาก : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267023241&grpid=00&catid= (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267023241&grpid=00&catid=)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: บ่าวหน่อ เมืองพลาญ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 10:39:09
555+
แนะนำให้คนที่ใหญ่กว่าคนนี้ เปลี่ยนเก้าอี้ทั้งหมดครับ คนนี้จะได้ตัวเล็กลง


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: jeam ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 10:46:38
ถ้าน้องหะยีนั่งเก้่าอี้พลาสติก
สงสัยคนอื่นคงต้องคลานเข่า แหงม ๆ emo48:)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ไข่ย้อย88 ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 14:45:00
เจ้าของเก้าอี้ก็บอกแล้วนี่ครับว่าเป็นโรคเกี่ยวกับหลัง เฮ้อ...


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:20:59
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 22:05:52
รับราชการมาตั้งนาน ..

เพิ่งรู้ว่าตำแหน่งหัวหน้า  ดูจากเก้าอี้ที่นั่ง ..
หากเป็นงั้นจริง  เราคงเป็นภารโรงไปแล้วมั้ง
เพราะนั่งเกาะเก้าอี้พลาสติกตลอดเลย 

เหอ ๆ ๆ ๆ
   

อ้างถึง
ข้อความของ jeam เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 10:46:38
ถ้าน้องหะยีนั่งเก้่าอี้พลาสติก
สงสัยคนอื่นคงต้องคลานเข่า แหงม ๆ emo48:)


ตอบพี่เจียมค่ะ  ..

หยีใช้คำว่า "เกาะเก้าอี้" .. เพื่ออธิบายว่า
ในแต่ละวัน หยีจะไม่ค่อยได้นั่งเก้าอี้ตัวเองเท่าไร
เพราะต้องวิ่งไป วิ่งมา
หรือไม่ก็ถูกเรียกเข้าห้องเย็น .. เสมอ

ดังนั้น .. เก้าอี้ที่หยีได้นั่งในแต่ละวัน
จึงเป็นเก้าอี้เสริมที่อยู่กับโต๊ะคนอื่น ..
และมักจะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ
เป็นเก้าอี้พลาสติกจริง จริ๊ง .. ไม่ได้โม้



(http://img90.imageshack.us/img90/928/p10106521.jpg)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:39
ส่วนเก้าอี้ของตัวเอง .. มีหน้าตาเหมือนกับที่เป็นข่าวเลยค่ะ
เจ้านายก็ไม่เห็นว่าอะไร .. คริคริ



(http://img169.imageshack.us/img169/6751/p10106351a.jpg)

ภาพถ่ายวันนี้ค่ะ .. เวลาประมาณ 16.00 น.    emo43


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Kittiwit Pk ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:42:24
เก้าอี้อะไร ก็นั่ง ๆ ไปเถอะ


เก้าอี้ของภาษีประชาชนทั้งนั้น


ไม่ได้ให้มานั่งเป็นเจ้านาย...


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:48:22
อ้างถึง
ข้อความของ kitty-wit เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:42:24
เก้าอี้อะไร ก็นั่ง ๆ ไปเถอะ

เก้าอี้โยก ก็อยากนั่ง ..
   emo48:)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:59:51
อยู่หลายคน  สนุกดี .. ทีมเราก็หลายคนอยู่เหมือนกัน     emo48:)
 


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 18:00:35
อยากรู้ความคืบหน้าของข่าวนี้ ..     emo18:brae:


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 19:06:08
น้องชายพี่ ... ชอบลงพื้นที่ มากกว่านั่งเก้าอี้ ...  ^_^


(http://img683.imageshack.us/img683/7663/jeab.jpg)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 19:13:19
งานไม่เหมือนกันนี่นะ ..


งานบางงาน .. นั่งเขียน นั่งคิด  ก็ต้องนั่งเก้าอี้มากหน่อย
งานบางงาน .. ออกพื้นที่ ตะลอนไปทั่วหัวเห็ดเจ็ดย่านน้ำ
งานบางงาน .. หิ้วกระเป๋าเดินตามนาย  ตูดใหญ่ตามนาย  ต้องหาเก้าอี้หญ่าย ๆ มานั่ง
งานบางงาน .. นั่งทำที่บ้านก็ได้  เพราะถือเป็น mobile office อยู่เลี้ยงลูกกับบ้าน ก็ยังทำงานได้
งานบางงาน .. อยู่แต่ในห้องประชุม ทั้งวัน ทุกวัน .. ออกมาเจอแสงจ้า ตาบอดไปเลย
งานบางงาน .. ใช้โทรศัพท์ประสานอย่างเดียว  นั่งทำงานที่ร้านกาแฟยังไหว
งานบางงาน .. ทำมาหากินบนหลังคน  ไม่ต้องนั่งเก้าอี้เลย
งานบางงาน .. แหกปากตะโกนปาว ๆ ในที่แจ้ง  ก็ไม่ต้องนั่งเก้าอี้อีก หากจะนั่งก็ปูเสื่อเอาตามท้องถนนหรือสนาม
งานบางงาน .. โอ้ย  เยอะแยะ  เขียนไม่หมด


บอกแล้ว .. เรานั่งเก้าอี้พลาสติกมากกว่าเก้าอี้ตัวเอง
เพราะวิ่งไป วิ่งมา ตลอด


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:29:51
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖

         การทำงานสร้างเกียรติยศขื่อเสียงและความเจริญก้าวหน้า นอกจากจะต้องใช้วิชาความรู้ที่ดีแล้ว แต่ละคนยังต้องมีจิตใจที่มั่นคงในความสุจริตและมุ่งมั่นต่อความสำเร็จเป็นรากฐานรองรับ กับต้องอาศัยกุศโลบายหรือวิธีการอันแยบคายในการประพฤติปฏิบัติเข้าประกอบอีกหลายประการ. ประการแรก ได้แก่การสร้างศรัทธาความเชื่อถือในงานที่กระทำ ซึ่งเป็นพละกำลังส่งเสริมให้เกิดความพอใจและความเพียรพยายามอย่างสำคัญ ในอันที่จะทำการงานให้บรรลุผลเลิศ. ประการที่สอง ได้แก่การไม่ประมาทปัญญาความรู้ ความฉลาดสามารถทั้งของตนเองทั้งของผู้อื่น ซึ่งเป็นเครื่องช่วยทำงานได้ก้าวหน้า กว้างไกล. ประการที่สาม ได้แก่ การตามรักษาความจริงใจ ทั้งต่อตัวเอง ซึ่งเป็นเครื่องทำให้ไว้วางใจร่วมมือกัน และทำให้งานสำเร็จได้โดยราบรื่น. ประการที่สี่ ได้แก่การกำจัดจิตใจที่ต่ำทราม รวมทั้งสร้างเสริมความคิดจิตใจที่สะอาดเข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ฝักใฝ่แต่ในการที่จะปฏิบัติดี ให้เกิดความก้าวหน้า. ประการที่ห้า ได้แก่การรู้จักสงบใจ ซึ่งเป็นเครื่องช่วยให้ยั้งคิดได้ในเมื่อมีเหตุทำให้เกิดความหวั่นไหวฟุ้งซ่าน และสามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาได้โดยถูกต้อง. คุณสมบัติหรือคุณธรรมที่กล่าวแล้ว ทั้งที่เป็นส่วนรากฐาน ทั้งที่เป็นส่วนวิธีการ ต่างเป็นเหตุเป็นผลอาศัยกัน และเกื้อกูลส่งเสริมกันอยู่ทั้งหมด จะอาศัยเพียงข้อหนึ่งข้อใด หรือเพียงบางส่วนบางข้อมิได้ เพราะจะไม่ช่วยให้เกิดผลหรือได้ผลน้อย. ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องพยายามอบรมสร้างเสริมให้บริบูรณ์ขึ้นแต่ละข้อ และทุกข้อ. เมื่อคุณสมบัติดังกล่าวประชุมพร้อมกันขึ้นแล้ว จึงจะบันดาลผลเลิศให้เกิดขึ้นสมบูรณ์บริบูรณ์ เป็นประโยชน์ช่วยตัวช่วยผู้อื่นได้อย่างแท้จริง.

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๐๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:34:30
พระบรมราโชวาท ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีพุทธศักราช ๒๕๔๖

         ข้าราชการ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ระดับไหน มีหน้าที่อย่างไร ล้วนแต่มีส่วนสำคัญอยู่ในงานของแผ่นดินทั้งสิ้น ทุกคน ทุกฝ่าย จึงไม่ควรจะถือตัวแบ่งแยก หากต้องยกย่องนับถือ ให้เกียรติกัน สมัครสมาน ร่วมมือร่วมความคิดกัน ให้การปฏิบัติ บริหารงานของแผ่นดิน ดำเนินไปอย่างมีเอกภาพ และได้ผลที่พึงประสงค์สมบูรณ์ พร้อมทุกส่วน"

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:44:24
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 19:06:08
น้องชายพี่ ... ชอบลงพื้นที่ มากกว่านั่งเก้าอี้ ...  ^_^


(http://img683.imageshack.us/img683/7663/jeab.jpg)

โอ๊ะ หน้าเหมือนพี่มนตรีเลยครับ
เหมือนมากๆ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:50:52
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:44:24
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 19:06:08
น้องชายพี่ ... ชอบลงพื้นที่ มากกว่านั่งเก้าอี้ ...  ^_^


(http://img683.imageshack.us/img683/7663/jeab.jpg)

โอ๊ะ หน้าเหมือนพี่มนตรีเลยครับ
เหมือนมากๆ


"โอ๊ะ" ต้องหน้าเหมือนพี่"มนตรี" อยู่ แล้ว  เพราะ พี่ชื่อเล่นว่า "โอ๊ะ"  emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Ron Samyan ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 21:03:01
น้องสน อุทานออกมาได้..ช่างบังเอิญ เสียจริงๆ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 22:40:22
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 19:15:43 น.   มติชนออนไลน์


สรรพากรชี้ปัญหาสับสนตำแหน่ง อยู่ที่คนไม่ใช่เก้าอี้

กรณี น.ส.รัศมี ไทยสิทธิพงษ์ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ปัจจุบันย้ายไปรับราชการที่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี นำเก้าอี้ส่วนตัวไปใช้ในที่ทำงานเหตุผลเป็นโรคปวดหลัง
ส่งผลให้ น.ส.ศิริลักษณ์ ไหวดี สรรพากรอำเภอศรีประจันต์
เกรงว่าประชาชนที่เข้ามาเสียภาษี สับสนว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน
และมีบันทึกข้อความให้นั่งเก้าอี้ของสำนักงานแทนเก้าอี้ส่วนตัว และให้นำเก้าอี้ส่วนตัวกลับบ้าน
ต่อมา เรื่องราวดังกล่าวมีการส่งต่อไปทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น


เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ น.ส.จันทร์เพ็ญ อนันต์ธนสาร
นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ รักษาราชการแทนสรรพากรอำเภอ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาดอนเจดีย์ กล่าวว่า
เท่าที่พูดคุยกับ น.ส.รัศมีน่าจะเกิดความไม่เข้าใจระหว่างการทำงานมากกว่า
เรื่องเก้าอี้เล็กใหญ่เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ขอให้ทำงานดี เป็นคนดีเท่านี้ก็พอ
ที่ อ.ดอนเจดีย์ อยู่กันแบบพี่น้อง คนทำงานจึงจะอยู่กับเราได้
ตนก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพหลังเช่นกันเข้าใจดี


สำหรับ น.ส.รัศมีมีการสอบถามก่อนที่จะนำเก้าอี้ตัวที่เกิดปัญหามานั่งที่ อ.ดอนเจดีย์ พร้อมหมอนรองหลัง 1 ใบ
คิดว่าปัญหาอยู่ที่คนมากกว่าเก้าอี้ จึงเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น



http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267100203&grpid=03&catid=


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 22:42:46
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:50:52
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 20:44:24
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 19:06:08
น้องชายพี่ ... ชอบลงพื้นที่ มากกว่านั่งเก้าอี้ ...  ^_^


(http://img683.imageshack.us/img683/7663/jeab.jpg)

โอ๊ะ หน้าเหมือนพี่มนตรีเลยครับ
เหมือนมากๆ


"โอ๊ะ" ต้องหน้าเหมือนพี่"มนตรี" อยู่ แล้ว  เพราะ พี่ชื่อเล่นว่า "โอ๊ะ"  emo20:)):) emo20:)):)

โห ช่างบังเอิ็ญมากเลยครับพี่มนตรี 55
ไม่น่าปล่อยไก่ไปเลย เอิ้กๆๆ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553, 23:15:04
มาช่วยหัวเราะด้วยคน .. เอิ้ก เอิ้ก ..    emo20:)):)    emo20:)):)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Intania๑๖ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 08:17:40
(http://img696.imageshack.us/img696/9578/001rcg.jpg)
(http://img651.imageshack.us/img651/3562/003zy.jpg)
(http://img651.imageshack.us/img651/9008/004qq.jpg)
(http://img651.imageshack.us/img651/8378/005vc.jpg)

ส่ง เก้าอี้ ตย.  4 แบบ มาให้คุณรัสมี ไทยสิทธิพงศ์ เลือกครับ
ส่วน อจ. เต้ และ น้องหะยี ก็เลือกไว้ใช้งานได้นะครับ

(http://img408.imageshack.us/img408/857/006zd.jpg)

แล้วขอส่งเก้าอี้ มาให้...... แห่งสำนักงานสรรพากร ศรีประจันต์ ไว้ใช้งานประจำตำแหน่ง
ประชาชนที่มาติดต่องาน จะได้ไม่สับสน ว่าใครใหญ่กว่าใคร



หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Pae ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 09:07:04
ผมว่าเก้าอี้สำนักงานตัวสีชมพู มันเหมือนเก้าอี้ร้านเสริมสวยมากกว่า
ถ้าต้องนั่งทั้งวัน คงปวดหลังแน่นอน
ไม่ถูกต้องตามหลัก การยศาสตร์ครับ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 13:50:49
ตัวสุดท้ายดูสยองไปนิดส์ไหมคะ  ..พี่วณิชย์ ??     emo:(


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ว่าน ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 14:06:50
ง่ะ เก้าอี้หนูก็ใหญ่กว่าหัวหน้ากลุ่มวิชาฯ อ้ะค่ะ

หนูจะโดนสั่งย้ายไหมเนี่ย หงิหงิ


5 5 5


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 14:08:50
อ้างถึง
ข้อความของ ว่าน เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 14:06:50
ง่ะ เก้าอี้หนูก็ใหญ่กว่าหัวหน้ากลุ่มวิชาฯ อ้ะค่ะ

หนูจะโดนสั่งย้ายไหมเนี่ย หงิหงิ


5 5 5

ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีค่ะ  นุ้งว่าน .. คริคริ
    emo43


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:25:10
เก้าอี้ตัวนี้ของพี่วณิชย์ .. ทำให้หยีนึกถึงหนังที่ชอบมากอีกเรื่องหนึ่ง ..


(http://img233.imageshack.us/img233/857/006zd.jpg)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:30
หนังเรื่องนั้นคือ .. The Green Mile ..

ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ..

ความเป็นจริงในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเราได้ แทบจะทุกวัน
นั่นคือ .. การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน
   


(http://img233.imageshack.us/img233/2065/tn2greenmile2.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/9113/michaelclarkduncanthegr.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/5216/thegreenmile61700618.jpg)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: พศินน์ ที่ 01 มีนาคม 2553, 19:35:36
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:30
หนังเรื่องนั้นคือ .. The Green Mile ..

ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ..

ความเป็นจริงในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเราได้ แทบจะทุกวัน
นั่นคือ .. การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน
   


(http://img233.imageshack.us/img233/2065/tn2greenmile2.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/9113/michaelclarkduncanthegr.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/5216/thegreenmile61700618.jpg)


   
 การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน

lสังคมไทย กลายเป็นแบบนี้ ส่วนมากแล้ว...




ปัญหาเรื่องเก้าอี้ตามข่าวนั้น น่าจะมีปัญหาจากเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องเก้าอี้ หรือปล่าวครับ???

   


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Pae ที่ 02 มีนาคม 2553, 19:49:51
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:30
หนังเรื่องนั้นคือ .. The Green Mile ..

ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ..

ความเป็นจริงในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเราได้ แทบจะทุกวัน
นั่นคือ .. การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน
   


(http://img233.imageshack.us/img233/2065/tn2greenmile2.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/9113/michaelclarkduncanthegr.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/5216/thegreenmile61700618.jpg)

ผมชอบเรื่องนี่ เหมือนกันครับ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: TAE2540 ที่ 02 มีนาคม 2553, 21:23:32
อ้างถึง
ข้อความของ Pae เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 19:49:51
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:30
หนังเรื่องนั้นคือ .. The Green Mile ..

ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ..

ความเป็นจริงในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเราได้ แทบจะทุกวัน
นั่นคือ .. การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน
   


(http://img233.imageshack.us/img233/2065/tn2greenmile2.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/9113/michaelclarkduncanthegr.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/5216/thegreenmile61700618.jpg)

ผมชอบเรื่องนี่ เหมือนกันครับ

เหมือนกันครับ ผมดู 3 รอบ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: pusadee sitthiphong ที่ 02 มีนาคม 2553, 21:31:18
พี่ก็ดูหลายรอบค่า


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ว่าน ที่ 02 มีนาคม 2553, 21:34:51
แหะๆ หนูไม่ได้ดูเรื่องนี้ค่ะ หนูชอบเรื่อง The Shawshank Redemption ค่ะ

เอ่อ เกี่ยวกับเขาไหมเนี่ย หงิหงิ


^^"


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตุ๋ย 22 ที่ 02 มีนาคม 2553, 22:07:04
อยู่เป็นครูมา 26 ปี  ยังไม่เคยมีโต๊ะ  เก้าอี้ส่วนตัวเลยเพราะสอนเวียนตลอด  เวลาที่ใช้ก้นั่งเก้าอี้พลาสติกในห้องเรียนหรือไม่ก้เก้าอี้เด้ก  มาเทอมนี้เป็นครูประจำชั้นต้องมีโต๊ะ กับเก้าอี้สำหรับครูประจำชั้น  โต๊ะก็อ๊อกซ์ต่อเอง  เก้าอี้ก็พลาสติกวันๆ หนึ่งไม่ค่อยได้นั่งเท่าไร  เวลาตรวจงานเด้กก็นั่งโต๊ะเด็ก


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Pae ที่ 03 มีนาคม 2553, 07:28:49
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 22:07:04
อยู่เป็นครูมา 26 ปี  ยังไม่เคยมีโต๊ะ  เก้าอี้ส่วนตัวเลยเพราะสอนเวียนตลอด  เวลาที่ใช้ก้นั่งเก้าอี้พลาสติกในห้องเรียนหรือไม่ก้เก้าอี้เด้ก  มาเทอมนี้เป็นครูประจำชั้นต้องมีโต๊ะ กับเก้าอี้สำหรับครูประจำชั้น  โต๊ะก็อ๊อกซ์ต่อเอง  เก้าอี้ก็พลาสติกวันๆ หนึ่งไม่ค่อยได้นั่งเท่าไร  เวลาตรวจงานเด้กก็นั่งโต๊ะเด็ก

แบบนี้ ก็ดีนะครับพี่ตุ๋ย
ไม่ต้องกลัวใครมาเลื่อยขาเก้าอี้


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: บ่าวหน่อ เมืองพลาญ ที่ 04 มีนาคม 2553, 17:34:20
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 21:31:18
พี่ก็ดูหลายรอบค่า


ผมดูรอบเดียวครับ กะว่าจะดู 3 รอบเหมือนกัน แต่เพื่อนยืมไปดูก่อนแล้วไม่คืน เลยได้แค่รอบเดียว ฮิฮิ


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: swsm ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:37:21
อ้างถึง
ข้อความของ Pae เมื่อ 03 มีนาคม 2553, 07:28:49
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 22:07:04
อยู่เป็นครูมา 26 ปี  ยังไม่เคยมีโต๊ะ  เก้าอี้ส่วนตัวเลยเพราะสอนเวียนตลอด  เวลาที่ใช้ก้นั่งเก้าอี้พลาสติกในห้องเรียนหรือไม่ก้เก้าอี้เด้ก  มาเทอมนี้เป็นครูประจำชั้นต้องมีโต๊ะ กับเก้าอี้สำหรับครูประจำชั้น  โต๊ะก็อ๊อกซ์ต่อเอง  เก้าอี้ก็พลาสติกวันๆ หนึ่งไม่ค่อยได้นั่งเท่าไร  เวลาตรวจงานเด้กก็นั่งโต๊ะเด็ก

แบบนี้ ก็ดีนะครับพี่ตุ๋ย
ไม่ต้องกลัวใครมาเลื่อยขาเก้าอี้


ไม่โดนเลื่อยขาเก้าอี้ .. แต่อาจโดนเตะตัดขาแทน .. คริคริ    emo20:)):)


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุ ปาตานี ที่ 09 มีนาคม 2553, 06:24:53
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 04 มีนาคม 2553, 21:37:21
อ้างถึง
ข้อความของ Pae เมื่อ 03 มีนาคม 2553, 07:28:49
อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 22:07:04
อยู่เป็นครูมา 26 ปี  ยังไม่เคยมีโต๊ะ  เก้าอี้ส่วนตัวเลยเพราะสอนเวียนตลอด  เวลาที่ใช้ก้นั่งเก้าอี้พลาสติกในห้องเรียนหรือไม่ก้เก้าอี้เด้ก  มาเทอมนี้เป็นครูประจำชั้นต้องมีโต๊ะ กับเก้าอี้สำหรับครูประจำชั้น  โต๊ะก็อ๊อกซ์ต่อเอง  เก้าอี้ก็พลาสติกวันๆ หนึ่งไม่ค่อยได้นั่งเท่าไร  เวลาตรวจงานเด้กก็นั่งโต๊ะเด็ก
แบบนี้ ก็ดีนะครับพี่ตุ๋ย
ไม่ต้องกลัวใครมาเลื่อยขาเก้าอี้

ไม่โดนเลื่อยขาเก้าอี้ .. แต่อาจโดนเตะตัดขาแทน .. คริคริ    emo20:)):)

เอาไปทำก้อย แทนบ่าง


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: (n_n)Cellkrub ที่ 09 มีนาคม 2553, 15:48:57
นี่ถ้าหัวหน้านั่งเก้าอี้พลาสติกกลม ลูกน้องคงต้องเอาสาดมารองก้นแทนซะล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ

แปลกดี


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เหยง 16 ที่ 15 มีนาคม 2553, 12:29:53
กรณีใหม่ครับลง นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์

ทุกข์ของครูใกล้เกษียณ
ถูกทุกข้อ                                                                                                                             15 มีนาคม 2553  00.00

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ข้าพเจ้านางสาวศิรารัตน์ หงษ์ทองกิจเสรี ตำแหน่งครู ค.ศ.2 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา (ญ.ส.) สังกัดสำนักงานการเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดสงขลา เขต 2 (สพท.เขต 2) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทรศัพท์ 08-3192-1451 เลขที่บัตรประชาชน 3 93040002222 9

ดิฉันรับราชการครูมาถึง 30 ปี ไม่เคยคิดที่จะยอมก้มหัวให้กับผู้บริหารที่ไม่มีความจริงใจต่อนักเรียน จึงเป็นของธรรมดาที่ชีวิตราชการของดิฉันจะไม่รุ่ง ไม่เพียงแต่ไม่รุ่งดิฉันยังถูกผู้บริหารกลั่นแกล้งสารพัด ด้วยการออกคำสั่งลงโทษโดยไม่ยึดระเบียบวินัยราชการ

มาถึงวันนี้ดิฉันถูกโรงเรียนออกคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือน ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนมาแล้ว 5 คำสั่ง โดยตั้งข้อกล่าวหาเดิมๆ ว่ากล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ สอบสวนดิฉันเสร็จไม่ถึง 2 สัปดาห์ สรุปรายงานผลการสอบสวนว่าดิฉันผิดจริง แล้วออกคำสั่งลงโทษทันที

โรงเรียนกล่าวหาพร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวน และออกคำสั่งลงโทษใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน โดยไม่ต้องยึดระเบียบวินัยราชการ โรงเรียนมักอ้างว่าตนเองมีอำนาจเต็ม 100% ดิฉันต้องกลายเป็นเหยื่อสนองอำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของผู้บริหาร

ไม่นึกเลยว่าฉันต้องกลายเป็นเหยื่อ ให้ผู้บริหารบ้าอำนาจเหล่านี้เชือดครั้งแล้วครั้งเล่าถึง 5 คำสั่ง และคำสั่งที่ 6 กำลังจะตามมาอีก

ดิฉันกล้าประกาศเรียกตัวเองว่าเป็นครูที่ดี สามารถเป็นครูตัวอย่างให้กับครูทั้งประเทศได้ ประเมินการเรียนการสอนออกมา คะแนนเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนเกือบทุกปี แต่ก็ถูกเปลี่ยนข้อมูลไปทุกครั้ง

ดิฉันไม่ยอมก้มหัวให้กับความเลวร้ายของสังคม แต่ดิฉันอยู่ในขอบเขตของตนเอง อย่างเช่นโรงเรียนให้ผู้ปกครองไปชำระค่าพัฒนาคุณภาพการศึกษา (ไม่มีคำว่าค่าเล่าเรียน) โดยจ่ายผ่านธนาคารเป็นเงิน 1,950 บาท ต่อมาโรงเรียนออกใบเสร็จให้นักเรียนเป็นเงิน 1,650 บาท

นักเรียนมาถามดิฉันว่า แม่ให้มาถามว่าจ่ายเงินกับธนาคารไป 1,950 บาท แต่ทำไมออกใบเสร็จให้นักเรียน 1,650 บาท ดิฉันตอบว่าไม่ทราบให้ไปถาม ผอ.เอาเอง

ต่อมามีผู้ปกครองโทรศัพท์เข้าไปในรายการร่วมด้วยช่วยกัน โรงเรียนออกใบเสร็จให้นักเรียนเพิ่มอีกคนละ 200 บาท นักเรียนบอกว่าเงินยังได้ไม่ครบ คนดีของผู้อำนวยการรีบไปประกาศกับนักเรียนหน้าเสาธงว่า ถ้าผู้ปกครองมีอะไรสงสัยให้มาคุยกับผู้อำนวยการ

และอีกหลายๆ เรื่อง ดิฉันต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไม่ได้ทำอะไร (คนอย่างดิฉันเป็นคนจริงและคนกล้า ไม่ทำอะไรลับหลังหรือแทงหลังใคร)

จริงๆ แล้วเมื่อก่อนดิฉันเคยต่อสู้ ปกป้องผลประโยชน์ให้นักเรียนในที่ประชุมครู ถูกกลุ่มผู้บริหารและพรรคพวกต้อนดิฉัน รวมไปถึงไล่ดิฉันออกจากที่ประชุมก็โดนมาแล้ว ในที่สุดดิฉันเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับการต่อสู้กับคนที่หาความดีไม่ได้ จึงยุติบทบาทตัวเองและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

แต่โรงเรียนกลับอาฆาตแค้นที่ดิฉันเป็นที่รักของนักเรียน ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจ จึงจงใจกลั่นแกล้งดิฉันสารพัดเรื่อง ดิฉันได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสามัญศึกษา (สพฐ.) แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลช่วยเหลือแต่ประการใด

จนทนไม่ได้จึงไปหานักการเมืองท่านหนึ่ง เขาไม่ช่วยเหลืออะไรเลย แต่แนะนำให้ไปฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ดิฉันก็ฟ้องไปที่ผู้ตรวจฯ ต่อมาผู้ตรวจให้ดิฉันชี้แจงกลับด้วยความที่ไม่มีความรู้ ดิฉันได้รับหนังสือเลยกำหนด 15 วันจึงไม่ได้ชี้แจงกลับ ผู้ตรวจฯ สั่งให้ยุติเรื่องทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการออกคำสั่งลงโทษดิฉัน ดังรายละเอียดดังนี้

ปี พ.ศ.2548 ผู้บริหารได้ออกคำสั่งลงโทษดิฉัน 3 คำสั่ง ภายในเวลา 6 เดือนก่อนที่จะเกษียณอายุราชการไป โดยทำหนังสือแบบ สว 2 สว 3 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 (สร้างหลักฐานลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ทั้งหมด 6 แห่ง)

ดิฉันรับหนังสือวันที่ 28 มีนาคม 2548 โรงเรียนออกคำสั่งที่ 34/2548 (คำสั่งที่ 1) ลงโทษให้ข้าพเจ้ารอการเลื่อนขั้นเงินเดือน ลงวันที่ 12 เมษายน 2548 (ขั้นเงินเดือนราชการปรับทุกวันที่ 1 เดือนเมษายน และตุลาคมของทุกปี)

ดิฉันได้ถามเขาว่า ออกคำสั่งให้ดิฉันรอการเลื่อนขั้นเงินเดือนด้วยเรื่องอะไร ดิฉันทำผิดอะไรหรือ หากดิฉันทำผิดโรงเรียนต้องตั้งข้อกล่าวหา และตั้งกรรมการสอบสวนดิฉันก่อนออกคำสั่งลงโทษ (ดิฉันถามวันที่ 2 พฤษภาคม 2548)

ผู้อำนวยการท่านนั้นตอบว่าต้องการสั่งสอนให้รู้สำนึก โดยอ้างคำสั่ง สพท.ที่ 75/2548 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ 1.ใส่ร้ายผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ข้อ 2.ทำให้สังคมแตกความสามัคคี ข้อ 3.กระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา

โรงเรียนรีบออกคำสั่งที่ 61/2548 ลงโทษตัดเงินเดือนดิฉัน 10% เป็นเวลา 2 เดือน ดิฉันโต้แย้งว่าข้าราชการที่ทำผิดวินัย โรงเรียนมีอำนาจตัดเงินเดือนได้ 5% 1 เดือน โรงเรียนก็แก้ไขคำสั่ง 68/2548

ดิฉันทำหนังสืออุทธรณ์คัดค้านไปถึง สพฐ. ทุกอย่างเงียบสนิท

ต่อมาวันที่ 22 กันยายน 2548 โรงเรียนออกคำสั่งลงโทษไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนดิฉันโดยไม่แจ้งให้ดิฉันทราบ แล้วผู้บริหารก็เกษียณอายุราชการไป

ดิฉันเอาคำสั่งทั้ง 3 คำสั่งไปฟ้องศาลปกครอง ปรากฏว่าศาลปกครองยกฟ้องทั้งหมดทั้ง 3 คำสั่ง ดิฉันไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ดิฉันใช้สามัญสำนึกคิดเอาเองว่า หลักฐานที่โรงเรียนร่วมกับ สพท.ออกเอกสารวันเดียวกันลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ทั้งหมด 6 ครั้ง และเอกสารตัดเงินเดือนดิฉันลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ทั้งหมด 4 แห่ง มันเป็นหลักฐานเท็จทั้งหมด

โรงเรียนไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้ดิฉัน ก็ไม่มีการแจ้งให้ดิฉันทราบก่อนว่าทำผิดอะไร แถมมีการเอาคำสั่ง สพท.277/48 มายัดไส้คำสั่งโรงเรียน ทำให้ดิฉันเข้าใจผิดฟ้องศาลปกครองไม่สำเร็จ ต้องไปอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุด

โรงเรียนออกคำสั่งลงโทษดิฉันโดยไม่ยึดระเบียบใดๆ และที่น่าแปลกใจมากคือ โรงเรียนยกเลิกคำสั่งลงโทษดิฉัน ไม่มีการแจ้งให้ดิฉันทราบ แต่ทำเอกสารไปประกอบคดีหมายเลขดำที่ 136/48 คดีหมายเลขแดงที่ 50/2552 และคำสั่งโรงเรียน 107/2548 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548

นายวิทยา รัตนอรุณ ผู้อำนวยการที่ลงโทษดิฉัน เกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2548 ทำเอกสารประกอบคดีไปที่ศาลปกครองวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548 ไปประกอบคดีหมายเลขดำที่ 178/2548 เลขแดงที่ 84/2552 นายวิทยาใช้สิทธิ์อะไรไปทำหนังสือให้ศาลปกครองในเมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้ว สุดท้ายศาลปกครองยกฟ้องหมดทั้ง 3 คดี

โรงเรียนเกิดความเหิมเกริมที่ศาลปกครองยกฟ้อง ดังนั้นในเดือนมิถุนายน 2552 โรงเรียนตั้งข้อกล่าวหาดิฉันเหมือนเดิมอีก คือกล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และทำร้ายผู้อื่น (จริงๆ แล้วดิฉันเป็นฝ่ายถูกทำร้ายร่างกาย ครูผู้เป็นแบบอย่างนั้นทะเลาะทำร้ายร่างกายกันเหมือนหมา ถ้าเห็นเด็กทะเลาะกันอย่าไปด่าเด็กเลย)

ผลการสอบสวนออกมาดิฉันผิดอีก ตัดเงินเดือนดิฉัน 5% เดือนตุลาคม 2552 ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้ดิฉันโดยไม่แจ้งให้ดิฉันทราบ

และ ณ วันนี้ โรงเรียนออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนดิฉันด้วยข้อกล่าวหาเดิมอีก คือกล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ผู้อำนวยการคนนี้จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2553 มีตัวอย่างจากนายวิทยาแล้วว่าจะเล่นงานใครอย่างไรก็ได้ เกษียณอายุราชการไปใครฟ้องอะไรตนเองไม่ได้

แต่ครั้งนี้ดิฉันจะไม่มีวันให้พวกข้าราชการชั่วอาศัยตำแหน่งหน้าที่มาเล่นงานดิฉันได้อีก ดิฉันเองก็กำลังจะเกษียณอายุราชการในปีหน้าเช่นเดียวกัน ดิฉันคือข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ขี้ข้าใคร

เรื่องทั้งหมดนี้ดิฉันได้นำไปร้องทุกข์ กลับไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง (นายวิทยา รัตนอรุณ) และที่ศูนย์ร้องทุกข์นายกรัฐมนตรี (นางสาวผ่องศรี เรืองดิษฐ์) ในเรื่องใช้อำนาจมิชอบ ทั้ง 2 หน่วยงานมีหนังสือถึงดิฉันแจ้งว่า ได้ส่งเรื่องกลับไปที่ สพฐ.เพื่อตรวจสอบใหม่

ดิฉันตามเรื่องจนรู้สึกเหนื่อย และดิฉันจะไม่ยอมเกษียณอายุราชการไปอย่างคนมีมลทินเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้คนชั่วครองเมือง

หากบรรณาธิการต้องการเห็นเอกสาร รวมทั้งแผ่นบันทึกเสียงที่ดิฉันแอบบันทึกการสอบสวน และเขาด่าประณามดิฉัน ดิฉันพร้อมที่จะส่งไปให้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าดิฉันเล่าเรื่องจริงทั้งหมด

ดิฉันต้องการให้สังคมรับรู้ และอย่าอยู่เฉยหรือเข้าข้างผู้มีอำนาจ โดยทำร้ายเพื่อนร่วมงานเหมือนสังคมครูในโรงเรียนของดิฉัน ครูทุกคนรู้ความสกปรกหลายๆ อย่างแต่ก็ปิดปากเงียบ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกล้าถามว่าเงินที่รับบริจาคเอาไปใช้อะไร

ดิฉันขอให้ท่านโปรดให้โอกาสดิฉันตีแผ่ความเลวร้ายของสังคม เพื่อสังคมไทยของเราคงจะดีขึ้นสักวัน อย่าอยู่กันแต่เปลือกทำร้ายเด็ก หากินกับเด็กไปวันๆ เด็กยากจนยังต้องถูกพวกโรงเรียนขูดรีด ไหนว่าเรียนฟรี 8 ชั่วโมงนักเรียนมาโรงเรียนไม่ได้ความรู้ ได้ความรู้เพียง 2 ชั่วโมงที่โรงเรียนเปิดสอนพิเศษเอง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสถานที่ ค่าโฆษณาไม่ต้องจ่าย

ใครเคยกล่าวว่าเด็กคืออนาคตของชาติ

ขอแสดงความนับถือ

นางสาวศิรารัตน์ หงษ์ทองกิจเสรี

ตอบ ครูศิรารัตน์

ผมลงจดหมายร้องทุกข์ของคุณครู เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ตรวจสอบ และหวังว่าคุณชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ คงจะช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้

สามวา สองศอก
http://www.thaipost.net/news/150310/19331


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 15 มีนาคม 2553, 13:47:27
อ้างถึง
ข้อความของ เต้ ณ บ้านครู เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 21:23:32
อ้างถึง
ข้อความของ Pae เมื่อ 02 มีนาคม 2553, 19:49:51
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553, 17:26:30
หนังเรื่องนั้นคือ .. The Green Mile ..

ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ..

ความเป็นจริงในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเราได้ แทบจะทุกวัน
นั่นคือ .. การตัดสินคนจากสิ่งภายนอกที่เห็น โดยไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน
   


(http://img233.imageshack.us/img233/2065/tn2greenmile2.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/9113/michaelclarkduncanthegr.jpg)

(http://img233.imageshack.us/img233/5216/thegreenmile61700618.jpg)

ผมชอบเรื่องนี่ เหมือนกันครับ

เหมือนกันครับ ผมดู 3 รอบ

ดูเหมือนกันครับ ให้ข้อคิดดี


หัวข้อ: Re: [ราชการ] คิดอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Intania๑๖ ที่ 20 มีนาคม 2553, 17:20:50
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 มีนาคม 2553, 12:29:53
กรณีใหม่ครับลง นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์

ทุกข์ของครูใกล้เกษียณ
ถูกทุกข้อ                                                                                                                             15 มีนาคม 2553  00.00

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ข้าพเจ้านางสาวศิรารัตน์ หงษ์ทองกิจเสรี ตำแหน่งครู ค.ศ.2 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา (ญ.ส.) สังกัดสำนักงานการเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดสงขลา เขต 2 (สพท.เขต 2) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทรศัพท์ 08-3192-1451 เลขที่บัตรประชาชน 3 93040002222 9

ดิฉันรับราชการครูมาถึง 30 ปี ไม่เคยคิดที่จะยอมก้มหัวให้กับผู้บริหารที่ไม่มีความจริงใจต่อนักเรียน จึงเป็นของธรรมดาที่ชีวิตราชการของดิฉันจะไม่รุ่ง ไม่เพียงแต่ไม่รุ่งดิฉันยังถูกผู้บริหารกลั่นแกล้งสารพัด ด้วยการออกคำสั่งลงโทษโดยไม่ยึดระเบียบวินัยราชการ

มาถึงวันนี้ดิฉันถูกโรงเรียนออกคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือน ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนมาแล้ว 5 คำสั่ง โดยตั้งข้อกล่าวหาเดิมๆ ว่ากล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ สอบสวนดิฉันเสร็จไม่ถึง 2 สัปดาห์ สรุปรายงานผลการสอบสวนว่าดิฉันผิดจริง แล้วออกคำสั่งลงโทษทันที

โรงเรียนกล่าวหาพร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวน และออกคำสั่งลงโทษใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน โดยไม่ต้องยึดระเบียบวินัยราชการ โรงเรียนมักอ้างว่าตนเองมีอำนาจเต็ม 100% ดิฉันต้องกลายเป็นเหยื่อสนองอำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของผู้บริหาร

ไม่นึกเลยว่าฉันต้องกลายเป็นเหยื่อ ให้ผู้บริหารบ้าอำนาจเหล่านี้เชือดครั้งแล้วครั้งเล่าถึง 5 คำสั่ง และคำสั่งที่ 6 กำลังจะตามมาอีก

ดิฉันกล้าประกาศเรียกตัวเองว่าเป็นครูที่ดี สามารถเป็นครูตัวอย่างให้กับครูทั้งประเทศได้ ประเมินการเรียนการสอนออกมา คะแนนเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนเกือบทุกปี แต่ก็ถูกเปลี่ยนข้อมูลไปทุกครั้ง

ดิฉันไม่ยอมก้มหัวให้กับความเลวร้ายของสังคม แต่ดิฉันอยู่ในขอบเขตของตนเอง อย่างเช่นโรงเรียนให้ผู้ปกครองไปชำระค่าพัฒนาคุณภาพการศึกษา (ไม่มีคำว่าค่าเล่าเรียน) โดยจ่ายผ่านธนาคารเป็นเงิน 1,950 บาท ต่อมาโรงเรียนออกใบเสร็จให้นักเรียนเป็นเงิน 1,650 บาท

นักเรียนมาถามดิฉันว่า แม่ให้มาถามว่าจ่ายเงินกับธนาคารไป 1,950 บาท แต่ทำไมออกใบเสร็จให้นักเรียน 1,650 บาท ดิฉันตอบว่าไม่ทราบให้ไปถาม ผอ.เอาเอง

ต่อมามีผู้ปกครองโทรศัพท์เข้าไปในรายการร่วมด้วยช่วยกัน โรงเรียนออกใบเสร็จให้นักเรียนเพิ่มอีกคนละ 200 บาท นักเรียนบอกว่าเงินยังได้ไม่ครบ คนดีของผู้อำนวยการรีบไปประกาศกับนักเรียนหน้าเสาธงว่า ถ้าผู้ปกครองมีอะไรสงสัยให้มาคุยกับผู้อำนวยการ

และอีกหลายๆ เรื่อง ดิฉันต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไม่ได้ทำอะไร (คนอย่างดิฉันเป็นคนจริงและคนกล้า ไม่ทำอะไรลับหลังหรือแทงหลังใคร)

จริงๆ แล้วเมื่อก่อนดิฉันเคยต่อสู้ ปกป้องผลประโยชน์ให้นักเรียนในที่ประชุมครู ถูกกลุ่มผู้บริหารและพรรคพวกต้อนดิฉัน รวมไปถึงไล่ดิฉันออกจากที่ประชุมก็โดนมาแล้ว ในที่สุดดิฉันเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับการต่อสู้กับคนที่หาความดีไม่ได้ จึงยุติบทบาทตัวเองและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

แต่โรงเรียนกลับอาฆาตแค้นที่ดิฉันเป็นที่รักของนักเรียน ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจ จึงจงใจกลั่นแกล้งดิฉันสารพัดเรื่อง ดิฉันได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสามัญศึกษา (สพฐ.) แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลช่วยเหลือแต่ประการใด

จนทนไม่ได้จึงไปหานักการเมืองท่านหนึ่ง เขาไม่ช่วยเหลืออะไรเลย แต่แนะนำให้ไปฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ดิฉันก็ฟ้องไปที่ผู้ตรวจฯ ต่อมาผู้ตรวจให้ดิฉันชี้แจงกลับด้วยความที่ไม่มีความรู้ ดิฉันได้รับหนังสือเลยกำหนด 15 วันจึงไม่ได้ชี้แจงกลับ ผู้ตรวจฯ สั่งให้ยุติเรื่องทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการออกคำสั่งลงโทษดิฉัน ดังรายละเอียดดังนี้

ปี พ.ศ.2548 ผู้บริหารได้ออกคำสั่งลงโทษดิฉัน 3 คำสั่ง ภายในเวลา 6 เดือนก่อนที่จะเกษียณอายุราชการไป โดยทำหนังสือแบบ สว 2 สว 3 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 (สร้างหลักฐานลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ทั้งหมด 6 แห่ง)

ดิฉันรับหนังสือวันที่ 28 มีนาคม 2548 โรงเรียนออกคำสั่งที่ 34/2548 (คำสั่งที่ 1) ลงโทษให้ข้าพเจ้ารอการเลื่อนขั้นเงินเดือน ลงวันที่ 12 เมษายน 2548 (ขั้นเงินเดือนราชการปรับทุกวันที่ 1 เดือนเมษายน และตุลาคมของทุกปี)

ดิฉันได้ถามเขาว่า ออกคำสั่งให้ดิฉันรอการเลื่อนขั้นเงินเดือนด้วยเรื่องอะไร ดิฉันทำผิดอะไรหรือ หากดิฉันทำผิดโรงเรียนต้องตั้งข้อกล่าวหา และตั้งกรรมการสอบสวนดิฉันก่อนออกคำสั่งลงโทษ (ดิฉันถามวันที่ 2 พฤษภาคม 2548)

ผู้อำนวยการท่านนั้นตอบว่าต้องการสั่งสอนให้รู้สำนึก โดยอ้างคำสั่ง สพท.ที่ 75/2548 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ 1.ใส่ร้ายผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ข้อ 2.ทำให้สังคมแตกความสามัคคี ข้อ 3.กระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา

โรงเรียนรีบออกคำสั่งที่ 61/2548 ลงโทษตัดเงินเดือนดิฉัน 10% เป็นเวลา 2 เดือน ดิฉันโต้แย้งว่าข้าราชการที่ทำผิดวินัย โรงเรียนมีอำนาจตัดเงินเดือนได้ 5% 1 เดือน โรงเรียนก็แก้ไขคำสั่ง 68/2548

ดิฉันทำหนังสืออุทธรณ์คัดค้านไปถึง สพฐ. ทุกอย่างเงียบสนิท

ต่อมาวันที่ 22 กันยายน 2548 โรงเรียนออกคำสั่งลงโทษไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนดิฉันโดยไม่แจ้งให้ดิฉันทราบ แล้วผู้บริหารก็เกษียณอายุราชการไป

ดิฉันเอาคำสั่งทั้ง 3 คำสั่งไปฟ้องศาลปกครอง ปรากฏว่าศาลปกครองยกฟ้องทั้งหมดทั้ง 3 คำสั่ง ดิฉันไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ดิฉันใช้สามัญสำนึกคิดเอาเองว่า หลักฐานที่โรงเรียนร่วมกับ สพท.ออกเอกสารวันเดียวกันลงวันที่ 16 มีนาคม 2548 ทั้งหมด 6 ครั้ง และเอกสารตัดเงินเดือนดิฉันลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ทั้งหมด 4 แห่ง มันเป็นหลักฐานเท็จทั้งหมด

โรงเรียนไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้ดิฉัน ก็ไม่มีการแจ้งให้ดิฉันทราบก่อนว่าทำผิดอะไร แถมมีการเอาคำสั่ง สพท.277/48 มายัดไส้คำสั่งโรงเรียน ทำให้ดิฉันเข้าใจผิดฟ้องศาลปกครองไม่สำเร็จ ต้องไปอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุด

โรงเรียนออกคำสั่งลงโทษดิฉันโดยไม่ยึดระเบียบใดๆ และที่น่าแปลกใจมากคือ โรงเรียนยกเลิกคำสั่งลงโทษดิฉัน ไม่มีการแจ้งให้ดิฉันทราบ แต่ทำเอกสารไปประกอบคดีหมายเลขดำที่ 136/48 คดีหมายเลขแดงที่ 50/2552 และคำสั่งโรงเรียน 107/2548 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548

นายวิทยา รัตนอรุณ ผู้อำนวยการที่ลงโทษดิฉัน เกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2548 ทำเอกสารประกอบคดีไปที่ศาลปกครองวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548 ไปประกอบคดีหมายเลขดำที่ 178/2548 เลขแดงที่ 84/2552 นายวิทยาใช้สิทธิ์อะไรไปทำหนังสือให้ศาลปกครองในเมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้ว สุดท้ายศาลปกครองยกฟ้องหมดทั้ง 3 คดี

โรงเรียนเกิดความเหิมเกริมที่ศาลปกครองยกฟ้อง ดังนั้นในเดือนมิถุนายน 2552 โรงเรียนตั้งข้อกล่าวหาดิฉันเหมือนเดิมอีก คือกล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และทำร้ายผู้อื่น (จริงๆ แล้วดิฉันเป็นฝ่ายถูกทำร้ายร่างกาย ครูผู้เป็นแบบอย่างนั้นทะเลาะทำร้ายร่างกายกันเหมือนหมา ถ้าเห็นเด็กทะเลาะกันอย่าไปด่าเด็กเลย)

ผลการสอบสวนออกมาดิฉันผิดอีก ตัดเงินเดือนดิฉัน 5% เดือนตุลาคม 2552 ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้ดิฉันโดยไม่แจ้งให้ดิฉันทราบ

และ ณ วันนี้ โรงเรียนออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนดิฉันด้วยข้อกล่าวหาเดิมอีก คือกล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ผู้อำนวยการคนนี้จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2553 มีตัวอย่างจากนายวิทยาแล้วว่าจะเล่นงานใครอย่างไรก็ได้ เกษียณอายุราชการไปใครฟ้องอะไรตนเองไม่ได้

แต่ครั้งนี้ดิฉันจะไม่มีวันให้พวกข้าราชการชั่วอาศัยตำแหน่งหน้าที่มาเล่นงานดิฉันได้อีก ดิฉันเองก็กำลังจะเกษียณอายุราชการในปีหน้าเช่นเดียวกัน ดิฉันคือข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ขี้ข้าใคร

เรื่องทั้งหมดนี้ดิฉันได้นำไปร้องทุกข์ กลับไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง (นายวิทยา รัตนอรุณ) และที่ศูนย์ร้องทุกข์นายกรัฐมนตรี (นางสาวผ่องศรี เรืองดิษฐ์) ในเรื่องใช้อำนาจมิชอบ ทั้ง 2 หน่วยงานมีหนังสือถึงดิฉันแจ้งว่า ได้ส่งเรื่องกลับไปที่ สพฐ.เพื่อตรวจสอบใหม่

ดิฉันตามเรื่องจนรู้สึกเหนื่อย และดิฉันจะไม่ยอมเกษียณอายุราชการไปอย่างคนมีมลทินเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้คนชั่วครองเมือง

หากบรรณาธิการต้องการเห็นเอกสาร รวมทั้งแผ่นบันทึกเสียงที่ดิฉันแอบบันทึกการสอบสวน และเขาด่าประณามดิฉัน ดิฉันพร้อมที่จะส่งไปให้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าดิฉันเล่าเรื่องจริงทั้งหมด

ดิฉันต้องการให้สังคมรับรู้ และอย่าอยู่เฉยหรือเข้าข้างผู้มีอำนาจ โดยทำร้ายเพื่อนร่วมงานเหมือนสังคมครูในโรงเรียนของดิฉัน ครูทุกคนรู้ความสกปรกหลายๆ อย่างแต่ก็ปิดปากเงียบ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกล้าถามว่าเงินที่รับบริจาคเอาไปใช้อะไร

ดิฉันขอให้ท่านโปรดให้โอกาสดิฉันตีแผ่ความเลวร้ายของสังคม เพื่อสังคมไทยของเราคงจะดีขึ้นสักวัน อย่าอยู่กันแต่เปลือกทำร้ายเด็ก หากินกับเด็กไปวันๆ เด็กยากจนยังต้องถูกพวกโรงเรียนขูดรีด ไหนว่าเรียนฟรี 8 ชั่วโมงนักเรียนมาโรงเรียนไม่ได้ความรู้ ได้ความรู้เพียง 2 ชั่วโมงที่โรงเรียนเปิดสอนพิเศษเอง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสถานที่ ค่าโฆษณาไม่ต้องจ่าย

ใครเคยกล่าวว่าเด็กคืออนาคตของชาติ

ขอแสดงความนับถือ

นางสาวศิรารัตน์ หงษ์ทองกิจเสรี

ตอบ ครูศิรารัตน์

ผมลงจดหมายร้องทุกข์ของคุณครู เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ตรวจสอบ และหวังว่าคุณชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ คงจะช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้

สามวา สองศอก
http://www.thaipost.net/news/150310/19331

ขอบคุณครับ เพื่อนเหยง จะโทรไปให้กำลังใจครูศิรารัตน์ครับ