01 พฤศจิกายน 2567, 05:58:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่า สร้างสรรค์ ประทับใจ  (อ่าน 25937 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 19:48:50 »

ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #1 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 19:59:12 »

เรื่องมีอยู่ว่า

 มันเป็นเวลาเช้า เวลาประมาณ 8.30น ที่วุ่นวายเอาการ
มีคุณลุง สูงอายุท่านหนึ่งในวัย 80 กว่า มารับบริการแพทย์ ตัดไหมจากแผลที่หัวแม่มือ
และบอกว่าให้รีบหน่อย เพราะมีนัดตอน 9.00 น
เมื่อผมตรวจร่างกายตามปกติเสร็จ ผมก็ขอให้นั่งรอ  โดยผมรู้ว่าอย่างไรเสีย
ก็หนีไม่พ้น 1 ชั่วโมง  กว่าจะถึงคิว

ผมเห็นคุณลุงท่านนี้ดูนาฬิกาหลายครั้ง อย่างกระสับกระส่าย
ผมว่างอยู่พอดี จึงเข้าไปดูแผลให้ เมื่อตรวจดูก็เห็นเป็นปกติ
ผมจึงเดินไปหารือกับหมอคนหนึ่งที่ให้บริการอยู่
เอายาและวัสดุมาทำแผลให้ ขณะที่ตัดไหมอยู่ ผมก็ถามว่า
มีนัดกับหมออีกที่หนึ่งหรือ จึงดูรีบร้อน

      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #2 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 20:32:27 »

คุณลุงท่านนี้ ตอบว่า ไม่ใช่หรอก

แต่จำเป็นต้องรีบไป เนิร์ซซิ่งโฮม เพื่อกินอาหารเช้ากับ ภรรยา

ผมจึงถามถึงสุขภาพของภรรยา ก็ได้รับคำตอบว่า

ภรรยาผมอยู่ที่นั่นมานานพอสมควรแล้ว และเธอเป็นโรค Alzheimer

ขณะที่คุยกันผมก็ลองถามดูว่า  เธอจะรู้สึกกังวลและเป็นทุกข์ไหม ถ้าไปสายสักหน่อย

คุณลุงท่านนี้ก็ตอบว่า  เธอไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร เธอจำผมไม่ได้มา 5 ปีแล้ว

ผมรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า "แล้วคุณลุงก็ยังไปทุกเช้า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่า คุณลุงเป็นใตรก็ตาม"

คุณลุงสูงอายุ ยิ้ม และตบเบาๆบนมือผม แล้วพูดว่า

"ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร"

ผมต้องกลั้นน้ำตา ขณะที่เดินจากไป ขนบนแขนผมลุกชัน

และคิดว่า  "นั่นคือความรัก อย่างที่ผมต้องการที่สุดในชีวิต"  อายจัง อายจัง

      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2553, 20:46:17 »


ขอขอบคุณเวบ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันพุธ ที่ 9 มิถุนายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20100609/336618/%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%8C-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9A5%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%99.html

มูลนิธิบิลเกตส์บริจาคเงินเกือบ5หมื่นล้านบาทช่วยคนจนทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มสตรีและเด็ก



บิล เกตส์ บริจาคเงินเกือบ5หมื่นล้านช่วยคนจน

วันนี้(9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมูลนิธิ บิลและเมลินดา เกตส์ สัญญาว่าจะบริจาค
เงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 49,500 ล้านบาท ให้แก่โครงการต่างๆ
เพื่อสนับสนุนการวางแผนครอบครัว และด้านสาธารณสุขของแม่กับเด็ก
ตลอดจนโครงการด้านโภชนาการต่างๆ ในประเทศที่กำลังพัฒนา

โดยนางเมลินดา เกตส์ ภรรยาของนายเกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ประกาศใน
ที่ประชุมว่าด้วยสุขภาพสตรี ในกรุงวอชิงตันของสหรัฐว่า

เงินบริจาคก้อนนี้จะนำไปใช้ในสถานที่ใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและสตรี เช่น
ในประเทศที่กำลังพัฒนา ด้วยการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กเพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบ ท้องร่วง
ไข้มาลาเรีย รวมทั้ง เชื้อเอชไอวีสาเหตุของโรคเอดส์
ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะจ่ายตลอด 5 ปีข้างหน้า

นางเกตส์ ยังเรียกร้องต่อเหล่าผู้นำโลกให้บรรจุประเด็นช่วยเหลือเด็กและสตรี เป็นวาระสำคัญ

 win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
 
ขอขอบคุณ เวบ arip.co.th/news NOL-News Online : กรุงเทพธุรกิจ - 29 มกราคม 2551 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.arip.co.th/news.php?id=407097

"เกตส์" ร้อง ทุนนิยมช่วยคนจน



นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และผู้มั่งคั่งอันดับต้นๆ ของโลก เรียกร้อง
เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ม.ค.) ในที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ให้จัดทำ
ระบบทุนนิยมรูปแบบใหม่ในโลก หรือทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ ที่ใช้กลไกตลาดแก้ปัญหา
ความต้องการของประเทศยากจนในโลก


ผู้ก่อตั้งยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นการละทิ้งหลักการพื้นฐาน
ของลัทธิทุนนิยม แต่เป็นการใช้กลไกตลาดในทางที่ดีขึ้น

เพื่อช่วยเหลือผู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่สามารถตามทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและ
ไม่ได้รับประโยชน์จากระบบสาธารณสุข

เขาชี้ว่าระบบทุนนิยมเป็นระบบที่ใช้ได้ผล เพราะคนมีแรงจูงใจที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
แต่ระบบไม่ได้สะท้อนแรงขับสำคัญอื่นๆ ในพฤติกรรมของมนุษย์ นั่น
คือ

ความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ปัญหานี้จะหมดไปหากบริษัทต่างๆ หันมาทำงาน
ด้านสาธารณกุศลมากขึ้น และได้ยอมรับจากประชาชนในการทำเช่นนี้

อีกทั้งภาคธุรกิจยังสามารถขยายกิจกรรมด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ในตลาดที่ดูเหมือนไม่น่าสนใจ

นอกจากนั้น นายเกตส์ยังเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ เจียดเวลาให้นักวิจัยนั่งคิดหาทางออก
สำหรับประเทศยากจน

ขณะที่ประเทศต่างๆ สามารถช่วยเหลือทั้งในส่วนของการจัดสรรงบประมาณความช่วยเหลือ
และเสนอแรงจูงใจที่น่าสนใจสำหรับภาคธุรกิจในการทำให้ระบบตลาดเอื้อต่อคนจน

สุนทรพจน์ของนายเกตส์ที่กล่าวต่อนักธุรกิจและนักการเมืองชั้นนำ สะท้อนความสนใจของเขา
ที่หันเหไปในทางสาธารณประโยชน์มากขึ้น

ภายหลังจากปลุกปั้นไมโครซอฟท์ขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ และ
เคยถูกกล่าวหาว่าผูกขาดตลาด

สุนทรพจน์ของเกตส์สอดคล้องกับคำประกาศของไมโครซอฟท์และบริษัทคอมพิวเตอร์ เดลล์
ที่ระบุว่าได้เข้าร่วมการ


รณรงค์ "เรด" ซึ่งบริษัทข้ามชาติจะเจียดรายได้ให้แก่กองทุนโลกเพื่อต่อสู้เชื้อเอชไอวี/เอดส์

เดลล์และไมโครซอฟต์กล่าวว่าจะบริจาคเงิน 50-80 ดอลลาร์แก่คอมพิวเตอร์ในโครงการเรด
ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์วินโดว์ส

นอกจากนั้นยังมีบริษัทยาแห่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ที่แบ่งปันสิทธิบัตรวัคซีนอหิวาห์ตกโรค
กับบริษัทในประเทศกำลังพัฒนา

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

บิลเกตส์ เป็นผู้เริ่ม ทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ ให้แนวคิดว่า ทุนนิยมแบบดั่งเดิม จะมุ่งให้ได้กำไร
จากการลงทุนมากที่สุด ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ห่างออกไปเรื่อย ๆ จะทำให้
เกิดการแย่งชิงจากคนจน เพื่อความอยู่รอด เป็นภัยที่จะตามมาจากทุนนิยมนี้

บิลเกตส์ จึง กล่าวถึง ทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ ขึ้น และ ปฏิบัติตามที่ได้กล่าวถึง ได้บริจาค
เงินที่ได้มาให้กับคนยากจนผ่านทางมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อยกระดับคนยากจนขึ้น ลดช่องว่าง
ไม่ให้ห่างออกเพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมของมนุษยชาติ

แนวคิดทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ นี้ได้รับการตอบรับ จนขยายออกเป็นโครงการรับผิดชอบต่อสังคม
Cooperative Social Response : CSR ของบริษัทที่ร่ำรวย แล้วปันเงินมาช่วยเหลือ
สังคมมีให้เห็น เช่น ให้ทุนเรียนต่อเด็กที่มีความสามารถพิเศษชิงทุน โดยไม่หวังผลตอบแทน

 บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2553, 07:40:54 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมและวันพุธ 9 มิ.ย. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/940401-%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%9932%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html

ยูเอ็นวอน32ชาติในศึกบอลโลกบริจาค เงินเมื่อทำประตูได้



นายบัน คี-มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ออกมาเรียกร้องให้ 32 ชาติที่เข้าร่วม
การเเข่งขันฟุตบอลโลกที่เเอฟริกาใต้ เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาสำหรับเยาวชนทั่วโลก


ด้วยการบริจาคเงินเข้ายูเอ็น หากว่าชาติไหนสามารถทำประตูได้ในการเเข่งขันครั้งนี้
ภายใต้

โครงการ เดอะ วัน โกว เนื่องจากปัจจุบันนี้มีเยาวชนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก

ยังไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาในโรงเรียน ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนกว่าครึ่งหนึ่ง
อาศัยอยู่ในทวีปเเอฟริกา

สำหรับเงินบริจาคที่ได้จากโครงการนี้ยูเอ็นจะนำไปจัดหาอุปรณ์การเรียนการสอน
รวมถึงจ้างครูผู้สอน เพื่อให้เยาวชนทั่วโลกได้เข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานภายในปี 2015

โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้มีชื่อเสียงของโลก ทั้ง "ฮิวลารี คลินตัน" ,
"ซีดาน" รวมถึง "เจสซิก้า อัลบา" เเละ "โบโน" นักร้องนักเเสดงชื่อดัง


หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า


 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553, 08:24:04 »


[narongsak.com] FW: คุณรู้จักแก๊งมิรูโม่หรือยัง‏
From:    narongsak@yahoogroups.com on behalf of Piyavuth Lertwattanakorn (golf072@hotmail.com)
Sent:   Friday, June 11, 2010 7:32:42 PM
To:   narongsak@yahoogroups.com

คุณรู้จักแก๊งมิรูโม่แล้วหรือยัง ถ้ายัง เรื่องจริงที่ควรอ่านครับผม.....



ณ ชุมชนที่เงียบสงบ ต. อินทร์บุรี จ. สิงห์บุรี มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้านเป็นอย่างดี

ที่สำคัญว่ากันว่า หัวหน้าของกลุ่ม - แก๊งนี้มีอายุเพียงแค่ 13 ปี
แต่กลับมีลูกสมุนคอยหนุนหลังถึง 10 กว่าคน

โดยสมุนตัวเปี๊ยกสุดจะถูกเรียกขานว่า" เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม"  
กิจวัตรของสมาชิกในแก๊ง สร้างความฮือฮาให้แก่บรรดาผู้ใหญ่ในชุมชนเสมอ

แต่มิใช่การซิ่งมอเตอร์ไซค์ การชกต่อย หรือการเสพยา แต่เป็นภารกิจเพื่อสังคมง่ายๆ อย่าง
การเก็บขยะ ถางหญ้า กวาดลานวัด ขัดห้องน้ำ

เด็กๆ กลุ่มนี้เขาเรียกตัวเองว่า

" มิรูโม่...มาเฟียแห่งความดี"      

มิรูโม่ : แก๊งนี้มีที่มา    
" น้องตั้ม" ด.ช.สุรชัย จิตตั่ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนศรีวินิตวิทยาคม
หัวหน้าแก๊งมิรูโม่ บอกว่ามีสมาชิกทั้งหมด 14 ชีวิต

ซึ่งสมาชิกในแก๊งล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนๆ และลูกพี่ลูกน้องของน้องตั้มทั้งสิ้น
แก๊งนี้เป็นที่รวมของสมาชิกวัยละอ่อน ตั้งแต่รุ่นดูดขวดนม 2 ขวบครึ่ง ไปจนถึง 13 ปี
ซึ่งที่มาในการก่อตั้งแก๊งนั้น

น้องตั้มรับสารภาพว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องอนุบาลเด็กโข่ง

"คือวัดนี้มีพระอยู่รูปเดียว ทุกวันผมก็จะเห็นหลวงตา
(พระระพิน กิตฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง จ.สิงห์บุรี)
กวาดลานวัดอยู่คนเดียวแดดก็ร้อน ผมสงสารว่าท่านคงเหนื่อยมาก ผมเลยเข้าไปช่วย
แล้วก็มีเพื่อนๆ อีกหลายคนตามไปช่วยด้วย เราก็เลยปรึกษากันและตั้งแก๊งขึ้นมาครับ

คือความคิดในการตั้งแก๊งเนี่ยเกิดมาจากการที่เราไปดูหนัง

เรื่องอนุบาลเด็กโข่ง

ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กอนุบาลที่รวมตัวกันตั้งแก๊งของตัวเองขึ้นมา
มันก็คล้ายๆ กับพวกเราเหมือนกัน เพราะปกติเราจะขี่จักรยานไปโรงเรียนพร้อมกัน
บางทีก็ชวนกันไปขี่จักรยานเล่น

แต่ในหนังเขาเป็นแก๊งอันธพาล หัวหน้าแก๊งแต่ละแก๊งพยายามขยายอิทธิพล
มีการยกพวกตีกัน เหมือนพวกมาเฟีย

แต่แก๊งเราไม่ใช่แบบนั้นครับ เราเป็นแก๊งที่รวมตัวกันทำความดี

โดยปกติตอนเย็นหลังเลิกเรียน พวกเราก็จะมาช่วยหลวงตากวาดลานวัดกันทุกวัน
เห็นใบไม้มันรกน่ะครับ แล้วก็ช่วยเก็บขยะ ถางหญ้า ล้างห้องน้ำ มันก็เหนื่อยเหมือนกัน
แต่เราทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ช่วยกันหลายๆ คนเดี๋ยวก็เสร็จ

นอกจากนั้นตอนเช้าผมกับเพื่อนอีก 2 คนก็จะไปช่วยหลวงตาถือของตอนออกบิณฑบาต
เสร็จแล้วถึงจะกลับมาอาบน้ำไปโรงเรียน

จริงๆ พวกเราก็ชอบเล่นสนุกกันนะครับ แต่จะช่วยหลวงตาทำงานให้เสร็จแล้วค่อยไปเล่น คือ
หลวงตาท่านใจดี ไปช่วยท่านท่านก็ให้ขนมพวกเรากินทุกวัน พ่อแม่เห็นพวกผมไปช่วยหลวงตาที่วัด
เขาก็บอกว่าดีแล้ว ได้บุญ คุณครูที่โรงเรียนก็บอกว่าดีให้ทำต่อไปเรื่อยๆ

ผมก็ภูมิใจที่ได้ช่วยวัด ทำให้วัดไม่รก แล้วก็ได้บุญด้วย ดีกว่าไปเล่นเกมตามร้านเน็ต
เล่นแล้วก็ติด เสียการเรียน เปลืองเงินด้วย

หลวงตาระพิน กิตฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง เมตตาให้ข้อมูลว่า
ทั้งวัดก็มีอาตมาอยู่รูปเดียว  อยู่ได้สักพักเด็กๆ พวกนี้เขาก็มาช่วยทำความสะอาดวัด
เขาบอกว่าสงสารหลวงตา (ยิ้ม)ใบไม้มันร่วงเยอะ เช้าๆ อาตมาไปบิณฑบาตเด็กๆ
ก็จะมาช่วย มากันตั้งแต่ตีห้าเลย เขาก็ขี่รถซาเล้งพาอาตมาไปที่ตลาด
พอถึงตลาดก็เดินบิณฑบาตไปเรื่อยๆ

เด็กเขาก็ถือกระป๋องเดินตาม เดินกันเป็นกิโลๆ เลย เขาก็สนุกกันตามประสาเด็กๆ
กลับมาถึงวัด อาหารที่เหลือจากอาตมาพิจารณาแล้วก็จะแจกจ่ายให้เด็กๆ ไป
อาตมาว่าก็ดีนะ เด็กๆ มาทำความดีกัน ช่วยพระช่วยวัด มันหายากนะสมัยนี้

 win win win


  




หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ต้องสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มตั้งแก๊งค์เหมือน แก๊งค์มิรูโม่ กันทั่วทั้งแผ่นดิน
เพื่อสร้างชาติไทยให้เจริญจากฐานราก


เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 18:30:52 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมและวันจันทร์ 21 มิ.ย. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/944411-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%87-%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99.html

เจ๋ง! ถุงยางทำลายจ้าวโลก ลดภัยข่มขืน



แพทย์หญิง ซอนเน็ต เอห์เล่อร์ แห่งแอฟริกาใต้

วันนี้(21มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แพทย์หญิง ซอนเน็ต เอห์เล่อร์ แห่งแอฟริกาใต้
ประสบความสำเร็จผลิตถุงยางป้องกันภัยข่มขืนให้ผู้หญิงได้เป็นครั้งแรก  
สามารถใช้ป้องกันการถูกผู้ชายข่มขืนผู้หญิงได้ โดยมีลักษณะคือ



ติดแผงเขี้ยวแนวตะขอที่สามารถทำร้ายอวัยวะเพศผู้ชายได้ หรือ "Rape x"
หากเกิดการข่มขืนกับผู้หญิงที่สวมถุงยางดังกล่าวแล้ว
ก็จะต้องเจ็บจ้าวโลกทันที ไม่สามารถปัสสาวะ หรือเดินไปไหนได้ เป็นการง่าย
ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมผู้ชายรายนั้นได้ทันที

แพทย์หญิงซอนเน็ต เผยกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ถุงยางทำร้ายจ้าวโลกมีประสิทธิภาพอย่างสูง
ในการป้องกันผู้ชายข่มขืน ซึ่งเธอได้ลงทุน

ขายบ้านและรถยนต์ เพื่อหาเงินมาพัฒนาถุงยางดังกล่าว
ทั้งนี้ยังมีแพทย์และนักจิตวิทยา ให้คำปรึกษาในการผลิตด้วย และขณะนี้ได้มีการจำหน่าย
ให้แก่ผู้หญิงแอฟริกาใต้ ในช่วงเทศกาลมหกรรมฟุตบอลโลกแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างมุมว่า
ถุงยางดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ และ
จะทำให้ผู้หญิงยังคงเผชิญภัยข่มขืนอยู่ดี


  gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2553, 08:36:33 »


ขอขอบคุณเวบแคนนอตวันอาทิตย์ 18 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://cannot.info/feed/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89%20%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%887



"ยูทู"ครองแชมป์วงดนตรีที่รวยสุดในโลก,เลดี้ กาก้ารั้งที่7

นิตยสารฟอร์บส์เปิดเผย 10 อันดับนักร้องที่รวยที่สุดในโลกในรอบปีที่ผ่านมาซึ่งปรากฏว่า

วง"ยูทู"ครองแชมป์ ขณะที่เลดี้ กาก้า  นักร้องหญิงมาแรงแห่งยุคมีชื่อติดโผอันดับที่ 7...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.โดยอ้างการจัดอันดับล่าสุดของ
นิตยสาร "ฟอร์บส์" ที่ระบุว่า

วงดนตรี" U2" วงดนตรีร็อคที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้ชื่อว่า
เป็นวงดนตรีที่รวยที่สุดในโลกในปี 2010 โดยมีรายได้รวมตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
อยู่ที่ 84.9 ล้านปอนด์หรือราว 4,184 ล้านบาท

ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ วงดนตรีเฮฟวีเมทัลระดับตำนานจากออสเตรเลียอย่าง "AC/DC"
ที่มีรายได้รวม 74.5 ล้านปอนด์หรือราว 3,672 ล้านบาท และ

อันดับ 3 คือ บีย็องเซ โนวล์ส นักร้องสาวผิวสี วัย 28 ปีชาวอเมริกันที่มีรายได้ 56.8 ล้านปอนด์
หรือราว 2,799 ล้านบาทซึ่งในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากรายได้จากค่าจ้างที่เธอได้รับจาก
การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ โดยยังถือเป็นนักร้องหญิงที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกขณะนี้

ด้านบรูซ สปริงสทีน ศิลปินโฟล์ค ร็อคระดับตำนานวัย 60 ปี ชาวอเมริกันถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4
จากรายได้รวม 45.7 ล้านปอนด์หรือ2,252 ล้านบาท

ส่วนอันดับ 5 คือ บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องสาววัย 28 ปีชาวอเมริกันมีรายได้ 2,060 ล้านบาท

อันดับที่ 6 คือ ชอว์น คอรีย์ คาร์เตอร์ หรือ "เจย์ ซี" แร็ปเปอร์หนุ่มใหญ่ชาวอเมริกัน วัย 40 ปี
ซึ่งเป็นสามีของบีย็องเซ โดยนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่าเจย์ ซี มีรายได้ราว 2,025 ล้านบาท

ขณะที่ "เลดี้ กาก้า" หรือชื่อจริงว่าสเตฟานี โจแอนน์ เจอร์มาน็อตตา วัย 24 ปี นักร้องสาวดาวรุ่ง
พุ่งแรงชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน รั้งอันดับที่ 7 จากการมีรายได้ ราว1,996 ล้านบาท

ตามมาด้วยอันดับที่ 8 คือ มาดอนนา นักร้องสาวใหญ่ชาวอเมริกันวัย 51 ปีที่มีรายได้ 1,868ล้านบาท

อันดับ 9 เคนนี เชสนีย์ นักร้อง-นักแต่งเพลงคันทรีวัย 42 ปีชาวอเมริกันที่มีรายได้1,606 ล้านบาท

อันดับที่ 10 มีศิลปินติดอันดับนี้ร่วมกัน 3 ราย คือ
วงฮิป-ฮ็อปชื่อดังจากสหรัฐฯอย่าง "แบล็ค อายด์ พีส์" ,โทบี คีธ  ราชาเพลงคันทรีชาวอเมริกันวัย 49 ปี
และวงโคลด์ เพลย์จากอังกฤษที่มีรายได้เท่ากันที่  31.3 ล้านปอนด์ หรือ 1,542 ล้านบาท.
  
ที่มา : www.thairath.co.th
วันที่ 18 Jul 2010

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

อาชีพศิลปิน ถ้ามีความสามารถพิเศษ แต่กำเนิด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
ความสามารถ นั้น นักวิชาการจัดว่า มีอยู่ 8 ด้าน แต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน
ถ้าได้ทำงานในด้านที่ตนมีความสามารถ จะำทำให้เป็นอัจฉริยะด้านนั้นๆ ไ้ด้

ดังนั้น การค้นหาความสามารถในตัวเด็กแต่ละคนว่ามีความสามารถด้านใดก่อน
แล้วส่งเสริม จะสร้างบุคลากรที่เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติที่ยิ่งใหญ่ได้


 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 18:40:12 »


เดลี่ กรอมเม็ต ดอตคอม อีกจุดเริ่มต้นของสินค้าสร้างสรรค์
ขอขอบคุณเวบฐานเศรษฐกิจ คอลัมภ์ กอง บก.วันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2010 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=38342:2010-08-10-02-41-30&catid=205:2010-06-17-06-09-37&Itemid=408



การทำตลาดสินค้าใหม่สักชิ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งเป็นผู้ผลิตรายเล็กที่ไม่เคยมีตลาดมาก่อน
การลงสังเวียนครั้งแรกล้วนมากมายอุปสรรค แต่ถ้าได้ผู้ส่งเสริมหรือพันธมิตรดีๆ เรื่องที่ว่ายาก
ก็ดูจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์เดลี่ กรอมเม็ต ดอตคอม
www.dailygrommet.com

ที่ก่อตั้งขึ้นโดยจูลส์ เพียรี่ และโจแอน โดเมนิโคนี่ ทั้งคู่ก่อตั้งเว็บไซต์นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นเวทีเปิดตัว
ให้กับสินค้านวัตกรรมที่ได้รับการคัดสรรกลั่นกรองมาแล้วโดยคณะทำงานของเว็บไซต์ว่ามีคุณค่า
และโดดเด่นพอที่จะมานำเสนอให้แก่ผู้ที่สนใจ  

เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซแห่งนี้ แตกต่างจากอีเบย์หรือรายอื่นๆ ตรงที่มีการคัดเลือกบริษัทผู้ผลิตสินค้า
ใช่ว่าใครใคร่ขายก็ติดต่อเข้ามาขายได้ง่ายๆ

แนวคิดของจูลส์และโจแอนก็คือต้องการส่งเสริมบริษัทที่มีสินค้าและบริการดีๆ ซึ่งทั้งสองบอกว่า
ถ้ามีแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์งานท้องถิ่นด้วยก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่  ทีมงานคัดกรองสินค้า
ของเว็บไซต์เดลี่ กรอมเม็ต มีจำนวนถึง 15 คน

วิธีการนี้ช่วยให้ผู้บริโภคสบายใจมากขึ้นว่าสินค้าที่นำเสนอได้รับการทดสอบมาแล้ว ซึ่งเป็นการดี
สำหรับผู้บริโภคที่มีคนช่วยคัดกรองคุณภาพสินค้าให้ และในส่วนของผู้ผลิตสินค้าก็เป็นการดีที่มี
ผู้มาช่วยทดสอบและรับรองว่าสินค้าที่ทำมานั้นได้มาตรฐานคุณภาพ


ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ย้ำว่า เดลี่ กรอมเม็ตเป็นเว็บไซต์เชิงพาณิชย์เพื่อผู้บริโภคซึ่งเชื่อมโยงผู้สร้างสรรค์
นวัตกรรมเข้ากับผู้ซื้อ

"เราต้องการส่งเสริมสินค้าดีมีนวัตกรรมสร้างสรรค์ที่ไม่มีกำลังด้านการตลาดหรือการโปรโมตตัวเอง
เป็นสินค้าที่มาจากดีไซเนอร์ นักสร้างสรรค์ ศิลปิน รวมทั้งผู้ผลิตสินค้าที่ทุ่มเทสร้างสรรค์กันขึ้นมา"

  
นอกจากรูปภาพสินค้าพร้อมราคากำกับแล้ว ทางเว็บไซต์ยังจัดทำคลิปวิดีโอสาธิตการใช้งานสินค้า
นั้นๆ ด้วย แถมพ่วงด้วยการแนะนำตัวผู้ประดิษฐ์หรือเจ้าของผลงานสินค้านั้นๆ  

"ทุกวันนี้เราได้เห็นความเสมอภาคในการสร้างสรรค์ชิ้นงานนวัตกรรมมากขึ้น แต่ระบบการค้าปลีก
และการจัดจำหน่ายสินค้าในปัจจุบันยังไม่เอื้อต่อคนทั่วไป ให้สามารถเข้ามาร่วมกระแสที่ว่านี้ได้"


 win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ประเทศเราน่าจะมีเวบไซด์ เช่นนี้บ้างช่วยส่งเสริมนวตกรรมสร้างสรรค์



อยากให้พวกเราที่รู้จักพี่ ราเมศวร์ ศิลปพรหม ชาวหอจุฬาฯของเรา รหัส 16
ผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอฟต์สแควร์ 1999 จำกัด ที่ได้รับรางวัล
"Software Park Thailand : Hall of Fame"


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20090824/70896/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html

น่ารับไปทำเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมที่ช่วยสังคมได้อีกอย่างหนึ่ง

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 13:42:11 »


[narongsak.com] FW: ***ชุดลิเกยังขายออนไลน์ได้ แล้วคุณจะหาอะไรมาขายดี?

                 

        ทำไมชุดลิเกจึงเป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมในการสอนบทเรียนเรื่องธุรกิจออ นไลน์ให้คนไทยได้ ตามไปหาคำตอบจากบทความนี้ของ "ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" ผู้คร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ชไทยมานานปี
      
        การเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของธุรกิจดูจะเป็นความฝันของ หลายคน โดยเฉพาะคนที่ยังเป็นพนักงานประจำ หรือยังไม่มีธุรกิจเป็นของตนเอง แต่การที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และมีความเสี่ยงมากมายมหาศาล เพราะต้องมีเงินลงทุนเป็นจำนวนมาก และใช้เวลาไม่น้อยในการจัดตั้งธุรกิจ
      
       แต่สำหรับในปัจจุบัน ยุคของอินเทอร์เน็ตและการค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) เปิดโอกาสอย่างมากให้คุณสามารถสร้างธุรกิจเองได้อย่างง่าย ๆ ผ่านร้านค้าของคุณบนหน้าเว็บไซต์ และเปิดขายของไปยังคนประเทศและทั่วโลกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เยอะแยะ หรือเวลาในการดูแลอะไรมากมาย
      
       ผมมีหลายตัวอย่างที่ทำให้เห็นชัดๆว่า มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ และสามารถเป็นเจ้าของกิจการค้าขายออนไลน์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และคุณอาจจะแทบไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์เลยก็ได้
        
       ชุดลิเก-ชุดการแสดงออนไลน์มาแล้วจ้า
      
       ย้อนกลับไปหลายปีก่อนที่เมืองโคราช ป้าซิ้ม เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจบเพียง ป.4 กับสามี ที่มีอาชีพรับตัดชุดการแสดง ชุดนักร้อง ชุดหางเครื่องหรือแม้แต่ชุดลิเก ในเวลานั้นแกมีเพียงจักรเย็บผ้าเพียงตัวเดียว คอยเที่ยวเดินเร่ขายชุดการแสดงตามโรงเรียนต่างๆ และรับหางานตัดชุดการแสดงจากร้านค้าต่างๆ อีกทอดหากร้านเหล่านั้นมีงานที่ล้นหรือทำไม่ทัน
      
       ณ. เวลานั้น แกเช้าบ้านเช่าอยู่ในเมืองโคราช เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ไม่ได้ทำเงินอะไรมากนัก และหารายได้ไม่พอใช้จ่าย จนกระทั่งเมื่อปี 2550 สามีของป้าซิ้มเริ่มได้มีโอกาสรู้จักกับเว็บไซต์ และได้นำชุดการแสดงของตัวเอง ไปโชว์อยู่ในเว็บไซต์ของตน ที่

        http://nauschadaporn.tarad.com
      
       เมื่อเริ่มใส่เข้าชุดไปแสดงบนเว็บไซต์ 9-10 ชุด ก็ยังไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีเท่าไรในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีคนติดต่อสั่งซื้อชุดการแสดงของป้ามาทางเว็บไซต์ โดยเป็นลูกค้ามาจากจังหวัดลำปาง แต่ก็ยังเป็นเพียงการสั่งทีละชุดถึง 2 ชุด ซึ่งตอนนั้น ป้าซิ้มกับสามีก็ดีใจมากๆ
        
       หลังจากนั้น ลูกค้าเริ่มติดต่อป้าผ่านหน้าเว็บไซต์เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะเห็นภาพชุดการแสดงของป้าซิ้มจากเว็บไซต์ที่ลงเอาไว้ และราคาชุดการแสดงของป้าค่อนข้างถูกมาก ชุดนึงราคาเพียงแค่ 400 บาทเท่านั้น (สนใจ จะซื้อไปใส่เต้นที่้บ้านก็ได้นะครับ)
      
       ลูกค้าบางส่วนโทรมาหาป้าโดยตรง บ้างก็มีการนำภาพชุดการแสดงที่จะต้องการให้ป้าตัดโพสต์ลงเว็บบอร์ดเพื่อให้ ป้าตีราคา ซึ่งป้าก็ตอบลูกค้าผ่านทางเว็บบอร์ดและ Email หากลูกค้าพอใจในราคา (ซึ่งส่วนใหญ่พอใจมาก เพราะชุดการแสดงของป้าถูกจริงๆ)
      
       จากนั้นลูกค้าจะโอนเงินให้ป้า และป้าก็จะเริ่มตัดชุดตามแบบที่ลูกค้าแจ้งมา และส่งไปให้ทางไปรษณีย์ โดยหลังจากเปิดหน้าเว็บไซต์มาเพียงไม่กี่เดือน ลูกค้าก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นๆ รายได้ก็เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้มีลูกค้าที่เคยสั่งซื้อไปแล้วผ่านอินเทอร์เน็ตจากเกือบทุกจังหวัด รวมถึงยังมีลูกค้าที่เป็นคนไทยในต่างประเทศ เช่น สวีเดน, เยอรมัน หรือแม้แต่ประเทศบาเรน ติดต่อเข้ามาสั่งซื้อชุดการแสดงของป้าซิ้มผ่านเว็บไซต์
      
       ป้าซิ้มบอกว่า "สิ่งที่ลูกค้าประทับใจในการบริการของป้าเค้าคือ ป้าเป็นคนที่ซื้อสัตย์ ตรงต่อเวลา" และลูกค้าหลายๆ คนก็จะเขียนชมป้าในเว็บบอร์ด ซึ่งมีมากมายหลายๆ คน เมื่อลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเห็นคำชมป้าจากลูกค้าเก่า ก็กล้าและมั่นใจในการใช้บริการตัดชุดการแสดงของป้าซิ้มทันที
      
       ป้าเล่าว่า เคยมีลูกค้าจากเว็บไซต์โอนเงินมาให้เป็นแสนก่อน โดยที่เจ้าตัวยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลย
      
       แต่เชื่อไหม ป้าซิ้มนี้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นเลย เปิดยังไม่ได้ แต่ป้าเค้าสามารถเว็บไซต์ขายสินค้าของตัวเองออกไปทั่วประเทศและทั่วโลกได้ เพราะเบื้องหลังของการสร้างเว็บไซต์ของป้า เกิดจากเทคโนโลยีหนึ่งที่ทางนาซ่าพยายามคิดค้นมาหลายปี แต่ก็ยังไม่สำเร็จ นั้นคือ "เทคโนโลยีสร้างเว็บไซต์ด้วยเสียง"
      
       ครับ แกสั่งให้คุณลุงสร้างเว็บไซต์ให้แกครับ (ฮา)
      
       นอกจากนี้ สามีป้ายังคอยตอบเว็บบอร์ดและอีเมล์ทุกฉบับ โดยป้าจะเป็นคนตอบเองโดยมีลุงคอยพิมพ์ตอบให้ ช่างเป็นสามีที่น่ารักจริงๆ
      
       ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมป้าซิ้มที่โคราชมา ปัจจุบัน ป้ามีจักรเย็บผ้าเกือบ 10 ตัว มีบ้านของตัวเอง มีรถกระบะ และ มีลูกน้อง 7 คน และหากงานเยอะก็จะมีการกระจายงานไปยังกลุ่มแม่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านละแวก นั้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 ป้าเค้ายังแทบไม่มีอะไรเลย
      
       แต่ถึงอย่างไร ป้ายังบอกว่าป้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็พอมีพอกิน และมีลูกค้าที่น่ารักอยู่ทั่วประเทศไทย และทุกวันนี้ ป้ามียอดขายจากเว็บไซต์เกือบ 90% เลยทีเดียว
      
       ปัจจัยที่ทำให้ป้าซิ้มประสบความสำเร็จได้เกิดจาก
      
       1. มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ในการนำเสนอข้อมูลสินค้าให้คนทั่วประเทศและทั่วโลกดูได้
      
       2. เว็บไซต์ติด Google ในคำที่ค้นค้นหาว่า "ชุดลิเก" "ชุดการแสดง" ทำให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์เป็นจำนวนมาก
      
       3. มีการพูดคุยในเว็บบอร์ดเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคำชมซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนกล้าและมั่นใจในเว็บไซต์ของป้ามากขึ้น
        
       4. ราคาของชุดการแสดงที่ถูก ถึงถูกมากๆ จนทำให้คนพูดถึงและบอกต่อเพื่อนๆ และคนรอบข้าง
        
       อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เห็นไหมครับว่า หากคุณใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตไม่เป็น มันไม่ใช่ข้ออ้างเลยว่า คุณจะประสบความสำเร็จจากการเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ได้ ผมอยากให้คุณดูตัวอย่างของ ป้าซิ้ม ที่สามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้จากการค้าขายผ่านเว็บไซต์ ซึ่งทำได้อย่างไม่ยาก แต่ป้าและสามีของเค้ารู้จักที่จะ"ทดลองและเริ่มต้นในสิ่งใหม่ๆ ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง" นี้แหละครับคือสิ่งที่ทำให้ป้าซิ้มและสามีประสบความเร็จได้
      
       กลับมามองตัวคุณเอง ที่ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็น วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ แช็ตไปเรื่อย แล้วก็ได้แต่พูดว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่กลับไม่เคยวางแผน และลงมือทำมันให้มันเป็นจริงซักที ผมว่ามันคงถึงเวลาแล้วละครับ ที่คุณจะลงมือทำอย่างจริงจัง โดยใช้อินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์เป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่เข้ามาช่วยคุณ
      
       และหากคุณสนใจ ไปลองใช้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรีๆ ได้ที่

       www.TARADquickweb.com

       ได้เลยครับ (ขอแอบขายของหน่อยละกันครับ)

      

       เวบไซด์ป้าซิ้ม ขายชุดลิเก

       http://nauschadaporn.tarad.com/      

                   gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 05 กันยายน 2553, 13:57:35 »


               วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4241  ประชาชาติธุรกิจ
               http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02phu03020953&sectionid=0211&day=2010-09-02

                       เมกะโปรเจ็กต์ร่วม "ชุมพร-ระนอง"
                       ดันระบบโลจิสติกส์เชื่อม 2 ฝั่งทะเล


                  

        แม้จะได้รับคำสั่งโยกย้ายจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มาเป็น รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เมื่อปลายเดือน มิ.ย. 53 โดยมีเวลาทำงานเพียง 3 เดือน ก็จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ แต่ "ไพโรจน์ แสงภู่วงษ์" ยังคงตระเวนเดินสายทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาจังหวัด

        พร้อมทั้งฝากบิ๊กโปรเจ็กต์ในฝันให้ผู้ว่าฯคนต่อไปต้องสานต่อก็คือ ระบบโลจิสติกส์ระบบรางเชื่อมฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ระหว่างจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ซึ่งการสร้างทางรถไฟสายใต้ชุมพร-ระนอง ระยะทาง 117 กิโลเมตร อยู่ในแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ปี 2558-2567

        พ่อเมืองชุมพรฉายภาพให้ฟังว่า ชุมพรตั้งอยู่ตอนบนสุดของภาคใต้ติดชายฝั่งทะเลตะวันออกห่างจากกรุงเทพฯ 498 กิโลเมตร สภาพที่ตั้งของจังหวัดชุมพรเป็น จุดกึ่งกลางของการเดินทางระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ซึ่งเป็นถนนสายหลักจากเหนือจดใต้ ส่วนทางรถไฟจากกรุงเทพฯผ่าน จ.ชุมพรไปสู่จังหวัดใต้สุดของประเทศมีขบวนรถโดยสารผ่านขึ้น-ล่องวันละ 28 ขบวน ขบวนรถขนสินค้าอีก 8 ขบวน

        ส่วนจังหวัดระนองมีพื้นที่ติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า ห่างจากกรุงเทพฯ 568 กิโลเมตร สภาพทั่วไป ของทั้งสองจังหวัดมีความเชื่อมโยงและสามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ จึงทำให้ผู้บริหารของทั้งสองจังหวัดมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบการขนส่งเชื่อมโยงจาก ฝั่งอ่าวไทยสู่ทะเลอันดามัน โดยจังหวัดชุมพรจะพัฒนาระบบรางรถไฟ และ จังหวัดระนองจะพัฒนาเส้นทางสู่ท่าเรือขนส่งสินค้า

        "การแข่งขันระดับโลก ไทยจะเหนือกว่าประเทศอื่น ๆ ได้ จะต้องมีเครือข่าย การคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ที่ดี โดยเฉพาะมีการขนส่งทางทะเลที่สมบูรณ์เพื่อกระจายสินค้าไปยังภูมิภาค ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย"

       สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ขณะนี้กรมเจ้าท่าได้ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ จ.ระนอง ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือที่ 1 รองรับเรือขนาด 500 ตันกรอส ได้ 2 ลำพร้อมกัน และท่าเรือที่ 2 รองรับเรือขนาด 12,000 เดดเวทตัน ได้พร้อมกัน 4 ลำ และกรมศุลกากรได้อนุมัติให้จัดตั้งพื้นที่คลังสินค้าแล้ว

       นอกจากนั้นท่าเรือระนองยังเปิดเป็น ท่าเทียบเรือด้านการท่องเที่ยวด้วย จึงเป็นโอกาสที่ภาคเอกชนไทยจะเข้าไปลงทุนในพม่า เพราะทางการพม่ามีแผนที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะมะริดกว่า 800 เกาะ มีความสวยงามเช่นเดียวกับ หมู่เกาะฝั่งอันดามันของไทย

        ในภาคการขนส่ง สถิติการใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าของไทยสูงถึงร้อยละ 88 ของการขนส่งทั้งหมด พึ่งพาระบบรางเพียงร้อยละ 2 ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยสูงถึงร้อยละ 19 ของจีดีพี แต่ในอเมริกามีต้นทุนร้อยละ 8 ยุโรปร้อยละ 11 อินเดียร้อยละ 13 เท่านั้น

        ดังนั้นหากมีการพัฒนาระบบรางรถไฟไทยให้ดีขึ้น และพัฒนาระบบรางคู่ได้ ต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยจะต่ำลงมาก แต่ขนาดรางควรเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อเชื่อมต่อระบบรางกับประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุน ที่ต่ำลง

        รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร คุณไพโรจน์ บอกว่า จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองมีความเห็นตรงกันในการสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าเส้นใหม่สู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคอินโดจีน โดยมีแนวทางคือ

1.พัฒนาสถานีขนถ่ายสินค้าที่สถานีวิสัย อ.สวี จ.ชุมพร ให้เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าที่สมบูรณ์ และทำให้การขนถ่ายสินค้าจากชุมพรไปยังท่าเรือระนองมีความสะดวกมากขึ้น

2.ก่อสร้างสถานีขนถ่ายสินค้า ตู้เก็บสินค้า และสถานีบริการขนส่ง ผู้โดยสารใน จ.ระนอง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.จัดทำระบบการคมนาคมขนส่งเป็นระบบรางรถไฟสายชุมพร-ระนอง เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าจากท่าเรือชุมพร-ระนองและชายฝั่งอันดามัน โดยกระจายสินค้าจากสถานีวิสัย อ.สวี ไปยังท่าเรือระนองผ่านเส้นทางรถไฟ และ

4.พัฒนาระบบถนนสายชุมพร- ระนอง เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อให้ระบบ โลจิสติกส์มีความสมบูรณ์ เชื่อมโยงการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        "ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือช่วย ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ชุมพรกับระนองจะเป็นศูนย์กลางหลักในการขนส่ง เศรษฐกิจในภาคใต้จะเจริญเติบโตมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร ควบคู่กันไปด้วย" นั่นคือความหวังที่ฝากไว้ของพ่อเมืองชุมพร

                win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #11 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 15:45:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 08 ตุลาคม 2552, 19:59:12
เรื่องมีอยู่ว่า

 มันเป็นเวลาเช้า เวลาประมาณ 8.30น ที่วุ่นวายเอาการ
มีคุณลุง สูงอายุท่านหนึ่งในวัย 80 กว่า มารับบริการแพทย์ ตัดไหมจากแผลที่หัวแม่มือ
และบอกว่าให้รีบหน่อย เพราะมีนัดตอน 9.00 น
เมื่อผมตรวจร่างกายตามปกติเสร็จ ผมก็ขอให้นั่งรอ  โดยผมรู้ว่าอย่างไรเสีย
ก็หนีไม่พ้น 1 ชั่วโมง  กว่าจะถึงคิว

ผมเห็นคุณลุงท่านนี้ดูนาฬิกาหลายครั้ง อย่างกระสับกระส่าย
ผมว่างอยู่พอดี จึงเข้าไปดูแผลให้ เมื่อตรวจดูก็เห็นเป็นปกติ
ผมจึงเดินไปหารือกับหมอคนหนึ่งที่ให้บริการอยู่
เอายาและวัสดุมาทำแผลให้ ขณะที่ตัดไหมอยู่ ผมก็ถามว่า
มีนัดกับหมออีกที่หนึ่งหรือ จึงดูรีบร้อน


https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3480186734680&set=a.2640584545150.2107658.1571653848&type=1
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3480186734680&set=a.2640584545150.2107658.1571653848&type=1

มีคนที่ผมไม่ค่อยคุ้น เอาไปลิงค์ไว้ใน FB แหละ เซียนโกร๋น
และ เขาก็มีมารยาทที่จะ refer มาที่นี่ของโกร๋นด้วย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><