สมชาย17
|
|
« เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 19:48:50 » |
|
ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 19:59:12 » |
|
เรื่องมีอยู่ว่า
มันเป็นเวลาเช้า เวลาประมาณ 8.30น ที่วุ่นวายเอาการ มีคุณลุง สูงอายุท่านหนึ่งในวัย 80 กว่า มารับบริการแพทย์ ตัดไหมจากแผลที่หัวแม่มือ และบอกว่าให้รีบหน่อย เพราะมีนัดตอน 9.00 น เมื่อผมตรวจร่างกายตามปกติเสร็จ ผมก็ขอให้นั่งรอ โดยผมรู้ว่าอย่างไรเสีย ก็หนีไม่พ้น 1 ชั่วโมง กว่าจะถึงคิว
ผมเห็นคุณลุงท่านนี้ดูนาฬิกาหลายครั้ง อย่างกระสับกระส่าย ผมว่างอยู่พอดี จึงเข้าไปดูแผลให้ เมื่อตรวจดูก็เห็นเป็นปกติ ผมจึงเดินไปหารือกับหมอคนหนึ่งที่ให้บริการอยู่ เอายาและวัสดุมาทำแผลให้ ขณะที่ตัดไหมอยู่ ผมก็ถามว่า มีนัดกับหมออีกที่หนึ่งหรือ จึงดูรีบร้อน
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 20:32:27 » |
|
คุณลุงท่านนี้ ตอบว่า ไม่ใช่หรอก
แต่จำเป็นต้องรีบไป เนิร์ซซิ่งโฮม เพื่อกินอาหารเช้ากับ ภรรยา
ผมจึงถามถึงสุขภาพของภรรยา ก็ได้รับคำตอบว่า
ภรรยาผมอยู่ที่นั่นมานานพอสมควรแล้ว และเธอเป็นโรค Alzheimer
ขณะที่คุยกันผมก็ลองถามดูว่า เธอจะรู้สึกกังวลและเป็นทุกข์ไหม ถ้าไปสายสักหน่อย
คุณลุงท่านนี้ก็ตอบว่า เธอไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร เธอจำผมไม่ได้มา 5 ปีแล้ว
ผมรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า "แล้วคุณลุงก็ยังไปทุกเช้า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่า คุณลุงเป็นใตรก็ตาม"
คุณลุงสูงอายุ ยิ้ม และตบเบาๆบนมือผม แล้วพูดว่า
"ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร"
ผมต้องกลั้นน้ำตา ขณะที่เดินจากไป ขนบนแขนผมลุกชัน และคิดว่า "นั่นคือความรัก อย่างที่ผมต้องการที่สุดในชีวิต"
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2553, 07:40:54 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 18:30:52 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2553, 08:36:33 » |
|
ขอขอบคุณเวบแคนนอตวันอาทิตย์ 18 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://cannot.info/feed/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89%20%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%887
"ยูทู"ครองแชมป์วงดนตรีที่รวยสุดในโลก,เลดี้ กาก้ารั้งที่7
นิตยสารฟอร์บส์เปิดเผย 10 อันดับนักร้องที่รวยที่สุดในโลกในรอบปีที่ผ่านมาซึ่งปรากฏว่า
วง"ยูทู"ครองแชมป์ ขณะที่เลดี้ กาก้า นักร้องหญิงมาแรงแห่งยุคมีชื่อติดโผอันดับที่ 7...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.โดยอ้างการจัดอันดับล่าสุดของ นิตยสาร "ฟอร์บส์" ที่ระบุว่า
วงดนตรี" U2" วงดนตรีร็อคที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้ชื่อว่า เป็นวงดนตรีที่รวยที่สุดในโลกในปี 2010 โดยมีรายได้รวมตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 84.9 ล้านปอนด์หรือราว 4,184 ล้านบาท
ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ วงดนตรีเฮฟวีเมทัลระดับตำนานจากออสเตรเลียอย่าง "AC/DC" ที่มีรายได้รวม 74.5 ล้านปอนด์หรือราว 3,672 ล้านบาท และ
อันดับ 3 คือ บีย็องเซ โนวล์ส นักร้องสาวผิวสี วัย 28 ปีชาวอเมริกันที่มีรายได้ 56.8 ล้านปอนด์ หรือราว 2,799 ล้านบาทซึ่งในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากรายได้จากค่าจ้างที่เธอได้รับจาก การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ โดยยังถือเป็นนักร้องหญิงที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกขณะนี้
ด้านบรูซ สปริงสทีน ศิลปินโฟล์ค ร็อคระดับตำนานวัย 60 ปี ชาวอเมริกันถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4 จากรายได้รวม 45.7 ล้านปอนด์หรือ2,252 ล้านบาท
ส่วนอันดับ 5 คือ บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องสาววัย 28 ปีชาวอเมริกันมีรายได้ 2,060 ล้านบาท
อันดับที่ 6 คือ ชอว์น คอรีย์ คาร์เตอร์ หรือ "เจย์ ซี" แร็ปเปอร์หนุ่มใหญ่ชาวอเมริกัน วัย 40 ปี ซึ่งเป็นสามีของบีย็องเซ โดยนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่าเจย์ ซี มีรายได้ราว 2,025 ล้านบาท
ขณะที่ "เลดี้ กาก้า" หรือชื่อจริงว่าสเตฟานี โจแอนน์ เจอร์มาน็อตตา วัย 24 ปี นักร้องสาวดาวรุ่ง พุ่งแรงชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน รั้งอันดับที่ 7 จากการมีรายได้ ราว1,996 ล้านบาท
ตามมาด้วยอันดับที่ 8 คือ มาดอนนา นักร้องสาวใหญ่ชาวอเมริกันวัย 51 ปีที่มีรายได้ 1,868ล้านบาท
อันดับ 9 เคนนี เชสนีย์ นักร้อง-นักแต่งเพลงคันทรีวัย 42 ปีชาวอเมริกันที่มีรายได้1,606 ล้านบาท
อันดับที่ 10 มีศิลปินติดอันดับนี้ร่วมกัน 3 ราย คือ วงฮิป-ฮ็อปชื่อดังจากสหรัฐฯอย่าง "แบล็ค อายด์ พีส์" ,โทบี คีธ ราชาเพลงคันทรีชาวอเมริกันวัย 49 ปี และวงโคลด์ เพลย์จากอังกฤษที่มีรายได้เท่ากันที่ 31.3 ล้านปอนด์ หรือ 1,542 ล้านบาท. ที่มา : www.thairath.co.th วันที่ 18 Jul 2010
XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
อาชีพศิลปิน ถ้ามีความสามารถพิเศษ แต่กำเนิด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ความสามารถ นั้น นักวิชาการจัดว่า มีอยู่ 8 ด้าน แต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน ถ้าได้ทำงานในด้านที่ตนมีความสามารถ จะำทำให้เป็นอัจฉริยะด้านนั้นๆ ไ้ด้
ดังนั้น การค้นหาความสามารถในตัวเด็กแต่ละคนว่ามีความสามารถด้านใดก่อน แล้วส่งเสริม จะสร้างบุคลากรที่เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 18:40:12 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 13:42:11 » |
|
[narongsak.com] FW: ***ชุดลิเกยังขายออนไลน์ได้ แล้วคุณจะหาอะไรมาขายดี?
ทำไมชุดลิเกจึงเป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมในการสอนบทเรียนเรื่องธุรกิจออ นไลน์ให้คนไทยได้ ตามไปหาคำตอบจากบทความนี้ของ "ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" ผู้คร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ชไทยมานานปี การเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของธุรกิจดูจะเป็นความฝันของ หลายคน โดยเฉพาะคนที่ยังเป็นพนักงานประจำ หรือยังไม่มีธุรกิจเป็นของตนเอง แต่การที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และมีความเสี่ยงมากมายมหาศาล เพราะต้องมีเงินลงทุนเป็นจำนวนมาก และใช้เวลาไม่น้อยในการจัดตั้งธุรกิจ แต่สำหรับในปัจจุบัน ยุคของอินเทอร์เน็ตและการค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) เปิดโอกาสอย่างมากให้คุณสามารถสร้างธุรกิจเองได้อย่างง่าย ๆ ผ่านร้านค้าของคุณบนหน้าเว็บไซต์ และเปิดขายของไปยังคนประเทศและทั่วโลกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เยอะแยะ หรือเวลาในการดูแลอะไรมากมาย ผมมีหลายตัวอย่างที่ทำให้เห็นชัดๆว่า มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ และสามารถเป็นเจ้าของกิจการค้าขายออนไลน์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และคุณอาจจะแทบไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์เลยก็ได้ ชุดลิเก-ชุดการแสดงออนไลน์มาแล้วจ้า ย้อนกลับไปหลายปีก่อนที่เมืองโคราช ป้าซิ้ม เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจบเพียง ป.4 กับสามี ที่มีอาชีพรับตัดชุดการแสดง ชุดนักร้อง ชุดหางเครื่องหรือแม้แต่ชุดลิเก ในเวลานั้นแกมีเพียงจักรเย็บผ้าเพียงตัวเดียว คอยเที่ยวเดินเร่ขายชุดการแสดงตามโรงเรียนต่างๆ และรับหางานตัดชุดการแสดงจากร้านค้าต่างๆ อีกทอดหากร้านเหล่านั้นมีงานที่ล้นหรือทำไม่ทัน ณ. เวลานั้น แกเช้าบ้านเช่าอยู่ในเมืองโคราช เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ไม่ได้ทำเงินอะไรมากนัก และหารายได้ไม่พอใช้จ่าย จนกระทั่งเมื่อปี 2550 สามีของป้าซิ้มเริ่มได้มีโอกาสรู้จักกับเว็บไซต์ และได้นำชุดการแสดงของตัวเอง ไปโชว์อยู่ในเว็บไซต์ของตน ที่
http://nauschadaporn.tarad.com เมื่อเริ่มใส่เข้าชุดไปแสดงบนเว็บไซต์ 9-10 ชุด ก็ยังไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีเท่าไรในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีคนติดต่อสั่งซื้อชุดการแสดงของป้ามาทางเว็บไซต์ โดยเป็นลูกค้ามาจากจังหวัดลำปาง แต่ก็ยังเป็นเพียงการสั่งทีละชุดถึง 2 ชุด ซึ่งตอนนั้น ป้าซิ้มกับสามีก็ดีใจมากๆ หลังจากนั้น ลูกค้าเริ่มติดต่อป้าผ่านหน้าเว็บไซต์เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะเห็นภาพชุดการแสดงของป้าซิ้มจากเว็บไซต์ที่ลงเอาไว้ และราคาชุดการแสดงของป้าค่อนข้างถูกมาก ชุดนึงราคาเพียงแค่ 400 บาทเท่านั้น (สนใจ จะซื้อไปใส่เต้นที่้บ้านก็ได้นะครับ) ลูกค้าบางส่วนโทรมาหาป้าโดยตรง บ้างก็มีการนำภาพชุดการแสดงที่จะต้องการให้ป้าตัดโพสต์ลงเว็บบอร์ดเพื่อให้ ป้าตีราคา ซึ่งป้าก็ตอบลูกค้าผ่านทางเว็บบอร์ดและ Email หากลูกค้าพอใจในราคา (ซึ่งส่วนใหญ่พอใจมาก เพราะชุดการแสดงของป้าถูกจริงๆ) จากนั้นลูกค้าจะโอนเงินให้ป้า และป้าก็จะเริ่มตัดชุดตามแบบที่ลูกค้าแจ้งมา และส่งไปให้ทางไปรษณีย์ โดยหลังจากเปิดหน้าเว็บไซต์มาเพียงไม่กี่เดือน ลูกค้าก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นๆ รายได้ก็เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้มีลูกค้าที่เคยสั่งซื้อไปแล้วผ่านอินเทอร์เน็ตจากเกือบทุกจังหวัด รวมถึงยังมีลูกค้าที่เป็นคนไทยในต่างประเทศ เช่น สวีเดน, เยอรมัน หรือแม้แต่ประเทศบาเรน ติดต่อเข้ามาสั่งซื้อชุดการแสดงของป้าซิ้มผ่านเว็บไซต์ ป้าซิ้มบอกว่า "สิ่งที่ลูกค้าประทับใจในการบริการของป้าเค้าคือ ป้าเป็นคนที่ซื้อสัตย์ ตรงต่อเวลา" และลูกค้าหลายๆ คนก็จะเขียนชมป้าในเว็บบอร์ด ซึ่งมีมากมายหลายๆ คน เมื่อลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเห็นคำชมป้าจากลูกค้าเก่า ก็กล้าและมั่นใจในการใช้บริการตัดชุดการแสดงของป้าซิ้มทันที ป้าเล่าว่า เคยมีลูกค้าจากเว็บไซต์โอนเงินมาให้เป็นแสนก่อน โดยที่เจ้าตัวยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลย แต่เชื่อไหม ป้าซิ้มนี้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นเลย เปิดยังไม่ได้ แต่ป้าเค้าสามารถเว็บไซต์ขายสินค้าของตัวเองออกไปทั่วประเทศและทั่วโลกได้ เพราะเบื้องหลังของการสร้างเว็บไซต์ของป้า เกิดจากเทคโนโลยีหนึ่งที่ทางนาซ่าพยายามคิดค้นมาหลายปี แต่ก็ยังไม่สำเร็จ นั้นคือ "เทคโนโลยีสร้างเว็บไซต์ด้วยเสียง" ครับ แกสั่งให้คุณลุงสร้างเว็บไซต์ให้แกครับ (ฮา) นอกจากนี้ สามีป้ายังคอยตอบเว็บบอร์ดและอีเมล์ทุกฉบับ โดยป้าจะเป็นคนตอบเองโดยมีลุงคอยพิมพ์ตอบให้ ช่างเป็นสามีที่น่ารักจริงๆ ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมป้าซิ้มที่โคราชมา ปัจจุบัน ป้ามีจักรเย็บผ้าเกือบ 10 ตัว มีบ้านของตัวเอง มีรถกระบะ และ มีลูกน้อง 7 คน และหากงานเยอะก็จะมีการกระจายงานไปยังกลุ่มแม่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านละแวก นั้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 ป้าเค้ายังแทบไม่มีอะไรเลย แต่ถึงอย่างไร ป้ายังบอกว่าป้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็พอมีพอกิน และมีลูกค้าที่น่ารักอยู่ทั่วประเทศไทย และทุกวันนี้ ป้ามียอดขายจากเว็บไซต์เกือบ 90% เลยทีเดียว ปัจจัยที่ทำให้ป้าซิ้มประสบความสำเร็จได้เกิดจาก 1. มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ในการนำเสนอข้อมูลสินค้าให้คนทั่วประเทศและทั่วโลกดูได้ 2. เว็บไซต์ติด Google ในคำที่ค้นค้นหาว่า "ชุดลิเก" "ชุดการแสดง" ทำให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์เป็นจำนวนมาก 3. มีการพูดคุยในเว็บบอร์ดเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคำชมซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนกล้าและมั่นใจในเว็บไซต์ของป้ามากขึ้น 4. ราคาของชุดการแสดงที่ถูก ถึงถูกมากๆ จนทำให้คนพูดถึงและบอกต่อเพื่อนๆ และคนรอบข้าง อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เห็นไหมครับว่า หากคุณใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตไม่เป็น มันไม่ใช่ข้ออ้างเลยว่า คุณจะประสบความสำเร็จจากการเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ได้ ผมอยากให้คุณดูตัวอย่างของ ป้าซิ้ม ที่สามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้จากการค้าขายผ่านเว็บไซต์ ซึ่งทำได้อย่างไม่ยาก แต่ป้าและสามีของเค้ารู้จักที่จะ"ทดลองและเริ่มต้นในสิ่งใหม่ๆ ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง" นี้แหละครับคือสิ่งที่ทำให้ป้าซิ้มและสามีประสบความเร็จได้ กลับมามองตัวคุณเอง ที่ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็น วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ แช็ตไปเรื่อย แล้วก็ได้แต่พูดว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่กลับไม่เคยวางแผน และลงมือทำมันให้มันเป็นจริงซักที ผมว่ามันคงถึงเวลาแล้วละครับ ที่คุณจะลงมือทำอย่างจริงจัง โดยใช้อินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์เป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่เข้ามาช่วยคุณ และหากคุณสนใจ ไปลองใช้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรีๆ ได้ที่
www.TARADquickweb.com
ได้เลยครับ (ขอแอบขายของหน่อยละกันครับ)
เวบไซด์ป้าซิ้ม ขายชุดลิเก
http://nauschadaporn.tarad.com/
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 กันยายน 2553, 13:57:35 » |
|
วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4241 ประชาชาติธุรกิจ http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02phu03020953§ionid=0211&day=2010-09-02
เมกะโปรเจ็กต์ร่วม "ชุมพร-ระนอง" ดันระบบโลจิสติกส์เชื่อม 2 ฝั่งทะเล
แม้จะได้รับคำสั่งโยกย้ายจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มาเป็น รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เมื่อปลายเดือน มิ.ย. 53 โดยมีเวลาทำงานเพียง 3 เดือน ก็จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ แต่ "ไพโรจน์ แสงภู่วงษ์" ยังคงตระเวนเดินสายทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาจังหวัด
พร้อมทั้งฝากบิ๊กโปรเจ็กต์ในฝันให้ผู้ว่าฯคนต่อไปต้องสานต่อก็คือ ระบบโลจิสติกส์ระบบรางเชื่อมฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ระหว่างจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ซึ่งการสร้างทางรถไฟสายใต้ชุมพร-ระนอง ระยะทาง 117 กิโลเมตร อยู่ในแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ปี 2558-2567
พ่อเมืองชุมพรฉายภาพให้ฟังว่า ชุมพรตั้งอยู่ตอนบนสุดของภาคใต้ติดชายฝั่งทะเลตะวันออกห่างจากกรุงเทพฯ 498 กิโลเมตร สภาพที่ตั้งของจังหวัดชุมพรเป็น จุดกึ่งกลางของการเดินทางระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ซึ่งเป็นถนนสายหลักจากเหนือจดใต้ ส่วนทางรถไฟจากกรุงเทพฯผ่าน จ.ชุมพรไปสู่จังหวัดใต้สุดของประเทศมีขบวนรถโดยสารผ่านขึ้น-ล่องวันละ 28 ขบวน ขบวนรถขนสินค้าอีก 8 ขบวน
ส่วนจังหวัดระนองมีพื้นที่ติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า ห่างจากกรุงเทพฯ 568 กิโลเมตร สภาพทั่วไป ของทั้งสองจังหวัดมีความเชื่อมโยงและสามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ จึงทำให้ผู้บริหารของทั้งสองจังหวัดมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบการขนส่งเชื่อมโยงจาก ฝั่งอ่าวไทยสู่ทะเลอันดามัน โดยจังหวัดชุมพรจะพัฒนาระบบรางรถไฟ และ จังหวัดระนองจะพัฒนาเส้นทางสู่ท่าเรือขนส่งสินค้า
"การแข่งขันระดับโลก ไทยจะเหนือกว่าประเทศอื่น ๆ ได้ จะต้องมีเครือข่าย การคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ที่ดี โดยเฉพาะมีการขนส่งทางทะเลที่สมบูรณ์เพื่อกระจายสินค้าไปยังภูมิภาค ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย"
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ขณะนี้กรมเจ้าท่าได้ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ จ.ระนอง ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือที่ 1 รองรับเรือขนาด 500 ตันกรอส ได้ 2 ลำพร้อมกัน และท่าเรือที่ 2 รองรับเรือขนาด 12,000 เดดเวทตัน ได้พร้อมกัน 4 ลำ และกรมศุลกากรได้อนุมัติให้จัดตั้งพื้นที่คลังสินค้าแล้ว
นอกจากนั้นท่าเรือระนองยังเปิดเป็น ท่าเทียบเรือด้านการท่องเที่ยวด้วย จึงเป็นโอกาสที่ภาคเอกชนไทยจะเข้าไปลงทุนในพม่า เพราะทางการพม่ามีแผนที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะมะริดกว่า 800 เกาะ มีความสวยงามเช่นเดียวกับ หมู่เกาะฝั่งอันดามันของไทย
ในภาคการขนส่ง สถิติการใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าของไทยสูงถึงร้อยละ 88 ของการขนส่งทั้งหมด พึ่งพาระบบรางเพียงร้อยละ 2 ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยสูงถึงร้อยละ 19 ของจีดีพี แต่ในอเมริกามีต้นทุนร้อยละ 8 ยุโรปร้อยละ 11 อินเดียร้อยละ 13 เท่านั้น
ดังนั้นหากมีการพัฒนาระบบรางรถไฟไทยให้ดีขึ้น และพัฒนาระบบรางคู่ได้ ต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยจะต่ำลงมาก แต่ขนาดรางควรเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อเชื่อมต่อระบบรางกับประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุน ที่ต่ำลง
รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร คุณไพโรจน์ บอกว่า จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองมีความเห็นตรงกันในการสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าเส้นใหม่สู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคอินโดจีน โดยมีแนวทางคือ
1.พัฒนาสถานีขนถ่ายสินค้าที่สถานีวิสัย อ.สวี จ.ชุมพร ให้เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าที่สมบูรณ์ และทำให้การขนถ่ายสินค้าจากชุมพรไปยังท่าเรือระนองมีความสะดวกมากขึ้น
2.ก่อสร้างสถานีขนถ่ายสินค้า ตู้เก็บสินค้า และสถานีบริการขนส่ง ผู้โดยสารใน จ.ระนอง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.จัดทำระบบการคมนาคมขนส่งเป็นระบบรางรถไฟสายชุมพร-ระนอง เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าจากท่าเรือชุมพร-ระนองและชายฝั่งอันดามัน โดยกระจายสินค้าจากสถานีวิสัย อ.สวี ไปยังท่าเรือระนองผ่านเส้นทางรถไฟ และ
4.พัฒนาระบบถนนสายชุมพร- ระนอง เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อให้ระบบ โลจิสติกส์มีความสมบูรณ์ เชื่อมโยงการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือช่วย ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ชุมพรกับระนองจะเป็นศูนย์กลางหลักในการขนส่ง เศรษฐกิจในภาคใต้จะเจริญเติบโตมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร ควบคู่กันไปด้วย" นั่นคือความหวังที่ฝากไว้ของพ่อเมืองชุมพร
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 15:45:14 » |
|
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
|