23 พฤษภาคม 2567, 11:13:33
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 89 90 [91] 92 93 ... 179   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวออสเตรเลีย ในมุมที่น่ามอง  (อ่าน 1126315 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2250 เมื่อ: 12 มกราคม 2555, 09:00:30 »

สวัสดีค่ะ ทุกคน
 ช่วงนี้ มีแต่คนบ่น เรื่องการจ่ายเงิน ของรัฐบาล
การออกพระราชกำหนด ฉบับต่างๆ
 การไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทุนสำรอง
 ประเทศเราน่าสงสาร
ที่ไม่สามารถให้ความรู้ประชาชน
ให้ฉลาดพอที่จะเลือกคนดี  ๆๆๆๆ  มาปกครองประเทศได้
แต่อย่าท้อ ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ
 ทำอะไรไม่ได้ ก็พูด ออกความเห็น ให้รู้ว่า เรารู้นะ ดูอยู่นะ
 ไม่ใช่จะทำได้ตามอำเภอใจ
 เมื่อปีใหม่ ได้ไปพบท่านทว๊ ชูทรัพย์ อตีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาอาชญาวิทยา ที่คณะฯ ตอนเรียนอยู่
 ได้คุยกันในประเด็นเรื่องที่ท่านไปบรรยาย ที่สวนลุม
 ได้แง่คิดอีกมาก
 เห็นไหม การไปพูด ก้สร้างความรู้ ความคิดให้คนที่ไม่รู้ได้
คนที่ไม่ได้อยุ่หรือทำงานในงานราชทัณฑ์ ก็จะไม่รุ้เท่าท่าน
 การที่เรารู้แล้วมาเล่าสุ่กันฟัง ก็ช่วยประเทศได้ทางหนึ่ง
 เป็นการกระจายข้อมุลให้ผู้ที่ไม่รู้ ขยายวงมากๆเข้า ก็จะเป็นเสียงที่ดัง
 ที่ใครๆ ก้ต้องฟังบ้างค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2251 เมื่อ: 12 มกราคม 2555, 14:33:06 »

พี่'อร

จี้รัฐแก้หลักเกณฑ์ เงินชดเชยน้ำท่วม
เรื่องปก                                                                                                                                                10 มกราคม 2555 - 00:00

      มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตอกรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วมไม่เป็นธรรม ออกหลักเกณฑ์ไม่อำนวยความสะดวกชาวบ้าน จ่ายค่าเสียหายต่ำกว่าเป็นจริง ซ้ำเติมผู้ประสบภัยเดือดร้อนหนักขึ้น จี้แก้ไขหลักเกณฑ์ให้ยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม เผยแต่ละพื้นที่กำหนดหลักฐานไม่เหมือนกัน 
      ความคืบหน้าการยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยค่าเสียหายของผู้ประสบภัยน้ำท่วม (กรณีฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด) หากบ้านพักอาศัยได้รับเสียหายบางส่วน รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยไม่เกินหลังละ 20,000 บาท หากบ้านเสียหายทั้งหลัง รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยไม่เกินหลังละ 30,000 บาท
      ล่าสุดได้เกิดปัญหาประชาชนเริ่มโวยวายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขอรับเงินชดเชย เพราะรัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกประชาชน ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและไม่ตรงกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากบ้านและทรัพย์สินต่างๆ เสียหายมากกว่าหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด
      หลักเกณฑ์การยื่นคำร้องมีดังนี้ ผู้ยื่นคำร้องต้องเป็นเจ้าบ้านเป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยต้องเป็นผู้อาศัยประจำเท่านั้น ถ้าไม่ได้อาศัยอยู่ประจำ แม้เป็นเจ้าของบ้านก็ขอเบิกไม่ได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น กรณีผู้ประสบภัยได้ซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายไปก่อนแล้ว ให้มีคณะกรรมการและช่างร่วมพิจารณาตรวจสอบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่
      รายการที่ให้การช่วยเหลือ
      1.ค่าเครื่องครัว ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาหารเท่านั้น เช่น หม้อ กระทะ ตะหลิว ครก จาน ชาม ช้อน จ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท ยกเว้นตู้กับข้าว ตู้เย็น ตู้ไมโครเวฟที่เบิกไม่ได้
      2.อุปกรณ์แสงสว่าง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า ปลั๊กไฟ คัตเอาต์ จ่ายไม่เกิน 200 บาท
      3.เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มคนละ 2 ชุด จ่ายชดเชยเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท
      4.ชุดนักเรียน นักศึกษา คนละ 2 ชุด จ่ายชดเชยเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท
      5.เครื่องนอน ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม จ่ายไม่เกิน 500 บาท
      6.เครื่องมือประกอบอาชีพ ให้ระบุของที่เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท
      7.บ้านที่อยู่อาศัยประจำเสียหายบางส่วนจ่ายไม่เกินหลังละ 20,000 บาท และกรณีเสียหายทั้งหลัง เช่น บ้านพัง บ้านสูญหายจากการพัดพาของน้ำ จ่ายไม่เกินหลังละ 30,000 บาท
      ทั้งนี้ จะขอเบิกได้เฉพาะส่วนที่เป็นโครงสร้างตัวบ้านเท่านั้น เช่น ประตู หน้าต่าง วงกบ ฝาบ้าน หลังคาบ้าน เสาบ้านและฝ้าเพดาน
      ส่วนที่เบิกเงินไม่ได้ เช่น รั้วบ้าน ทาสี กระเบื้องปูพื้น ปาร์เกต์ โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้โชว์ เฟอร์นิเจอร์ แอร์ พัดลม ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างของตัวบ้าน
      น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยค่าเสียหายดังกล่าวว่า จะจัดทำข้อเสนอแนวทางการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เป็นธรรมให้รัฐบาลนำไปพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์ทั้งระยะเร่งด่วนและในระยะยาว เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐได้ เช่น กรณีเป็นเจ้าบ้านที่อาศัยประจำเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ยังไม่ได้เลขที่บ้าน ทำให้คุณสมบัติไม่เข้าข่ายและไม่ได้รับเงินชดเชย
      น.ส.สารีกล่าวว่า แม้ว่าการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายบ้านพักอาศัยเป็นหลักการแนวคิดที่ดี แต่อยากให้ปรับปรุงหรือแก้ไขหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่น อาศัยข้อเท็จจริงเป็นหลัก ไม่ควรกำหนดคุณสมบัติตายตัวหรือตึงมากเกินไป โดยเฉพาะชาวบ้านที่ยากจนจะไม่มีกล้องถ่ายรูปทำให้หมดสิทธิ์เบิกเงินค่าชดเชย อีกทั้งอยากให้จ่ายค่าเสียตามตามความเป็นจริง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐมักจะประเมินความเสียหายต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น เสียเงินค่าซ่อมบ้านเป็นเงินหลักหมื่นถึงแสนบาท แต่ก็ได้รับเงินชดเชยเพียงไม่กี่พันบาท แม้แต่ค่าทาสีก็ยังเบิกไม่ได้ หรือเบิกได้เฉพาะเท่าที่เสียหาย
      "มูลนิธิพิจารณาหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ควรจัดทำรายการความเสียหายที่สร้างปัญหาให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น แทนที่จะช่วยบรรเทา แต่กลายเป็นเพิ่มความทุกข์ให้ประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้ประชาชนได้รับเงินชดเชยที่เป็นธรรมและเข้าถึงผู้ประสบภัยอย่างเท่าเทียมกัน เช่น จ่ายแบบเหมารวมเป็นก้อนใหญ่ๆ ไม่ควรกำหนดรายการละเอียดยุบยิบเช่นนี้" เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าว
      ทั้งนี้ ขอเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและสามารถรับเงินค่าเสียหายได้จริง อีกทั้งควรยืดหยุ่นการใช้หลักฐาน เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หลายครอบครัวอยู่อาศัยบ้านไม่มีเลขที่ ก็ควรกำหนดให้ใช้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ยืนยัน และต้องเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
      ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตรวจสอบหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยดังกล่าวทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรากฏว่าแต่ละพื้นที่ใช้เอกสารแตกต่างกันบางส่วน เช่น กรณีบ้านเสียหาย นอกจากหลักฐานกรรมสิทธิ์บ้าน บัตรประชาชนและรูปถ่ายบ้านแล้ว มีข้อแตกต่างที่บางพื้นที่ต้องใช้ใบบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางเขตให้มีพยานรับรอง 2 คนขึ้นไปที่เป็นข้าราชการระดับ 3 ขึ้นไป หรือประธานชุมชน กรรมการหมู่บ้าน ส.ข. หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ
      หลายแห่งไม่มีช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนทั้งที่เป็นเขตที่ประสบน้ำท่วมหนัก ประชาชนต้องติดต่อสอบถามที่เขตโดยตรง ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายครั้ง นอกจากนี้ยังกำหนดวันหมดเขตยื่นคำร้องที่แตกต่างกันอีกด้วย.


http://www.thaipost.net/x-cite/100112/50830
      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #2252 เมื่อ: 12 มกราคม 2555, 20:53:09 »


สวัสดีครับ..มาครับ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #2253 เมื่อ: 12 มกราคม 2555, 22:30:59 »

ใครที่ยัง งมงาย ทักษิณอยู่ น่าจะตาสว่างได้แล้วนะครับ
ใครดี ใคร ชั่ว คงจะได้ประจักษืแล้วนะครับ
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #2254 เมื่อ: 12 มกราคม 2555, 22:59:53 »

ขอนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจครับ

ม็อบรากหญ้าป้ายแดง มาเร็วกว่าที่คิด

    1
โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม posttoday.com

เริ่มต้นปี 2555 สำหรับรัฐบาลอาจไม่ฮ่าๆ เท่าไร เพราะมีม็อบรอต้อนรับตั้งแต่ต้นปี และวนเวียนอยู่

กับปมความขัดแย้งหลายเรื่อง

ทั้งความขัดแย้งจากการลุยนโยบายทางการเมืองของรัฐบาลที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้ในปีนี้ จนน่าห่วงจะเกิดการเผชิญหน้าและทำให้สถานการณ์บานปลายมากขึ้น

ล่าสุด มีม็อบหลายกลุ่มที่ออกมาชุมนุมปิดถนนระบาดไปทั่ว สะเทือนต่อรัฐบาลเพื่อไทย

ม็อบเหล่านี้ไม่ใช่ม็อบการเมืองโค่นล้มรัฐบาล หรือคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือต่อต้านการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นม็อบรากหญ้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายรัฐบาลโดยตรง

ไม่ว่าม็อบคูปองลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้า ม็อบคัดค้านขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี หรือม็อบยางพาราที่จะมาชุมนุมเทน้ำยางพาราหน้าบ้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์


ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศจมอยู่กับสงครามการเมือง 2 สี กลุ่มพลังต่างๆ ในสังคมใช้ยุทธวิธีการต่อสู้ด้วยการจัดม็อบชุมนุมใหญ่ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ปิดถนนในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดราชประสงค์ ยึดสนามบินเพื่อขับไล่รัฐบาล จึงเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลออกมาชุมนุมปิดถนน เพราะเห็นว่าสร้าง “อำนาจต่อรอง” กับรัฐบาลได้ง่าย

ม็อบแรกที่เริ่มในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นม็อบน้ำในช่วงอุทกภัยตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม ฝั่งธนฯ ดอนเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลรื้อบิ๊กแบ็ก เปิดประตูระบายน้ำตามจุดต่างๆ กระทั่งในช่วงหลังยกระดับปิดถนน ถึงแม้วันนี้สถานการณ์คลี่คลายลง รัฐบาลรอดตัวมาได้ แต่ก็ยังมีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลค่าชดเชยช่วยเหลือน้ำท่วมอยู่

ล่าสุดวานนี้ ชุมชนเอื้ออาทร 7 แห่งใน จ.นนทบุรี ได้ปิดถนนเรียกร้องให้ ผวจ.นนทบุรี ดูแลเรื่องเงินชดเชยเยียวยาครอบครัวละ 5,000 บาทให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่นเดียวกับที่ จ.สิงห์บุรี ชาวบ้าน จาก อ.อินทร์บุรี 200 คน ได้ชุมนุมกดดันให้ผู้ว่าฯ ชี้แจงเรื่องการประเมินค่าเสียหายของบ้านเรือนในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี เพราะไม่พอใจที่แต่ละครัวเรือนได้เงินช่วยเหลือน้อยเกิน

แต่ผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ที่เป็น “ปมร้อน” ในอนาคตกับรัฐบาลนี้ คือ การที่นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและสภาทนายความเป็นตัวแทนภาคประชาชน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเอาผิดรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องที่บริหารจัดการน้ำล้มเหลว โดยให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน

นอกจากม็อบน้ำ ผลพวงอีกเรื่องคือ “คูปองเยียวยาน้ำท่วม” ครัวเรือนละ 2,000 บาท ที่กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพออกคูปองให้ผู้ประสบภัยแลกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 แต่กลายเป็นปัญหา ความยุ่งยาก ซับซ้อน ในเงื่อนไขการซื้อสินค้า ทำให้ชาวบ้านต้องปิดถนนประท้วงที่ มหาชัย จ.สมุทรสาคร และ จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่พอใจหาว่าถูกหลอก และร้องเรียนว่ามีนายทุนเอาเปรียบประชาชนตั้งโต๊ะแลกคูปอง 2,000 บาท เป็นเงินสด 1,200 บาท

จนที่สุดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องยอมขอโทษประชาชนที่ทำให้สับสน และเตรียมจัดโครงการนี้ใหม่อีกรอบในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ต้องปรับแผนแจกคูปองกันใหม่ โดยขยายเวลาการใช้คูปองออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

นโยบายจะดีหวังช่วยผู้ประสบภัยอย่างไร แต่วิธีทำที่อาจผิดพลาดเพราะเร่งรีบจึงเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ

ทว่าที่ประท้วงลุกลามเป็นวงกว้างขณะนี้ คือ ม็อบแท็กซี่และรถบรรทุก ที่เคลื่อนพลมาชุมนุมปิดถนน คัดค้านการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีตามมติ ครม.ยิ่งลักษณ์ ที่จะเริ่มปรับราคาลอยตัวแบบขั้นบันไดในวันที่ 16 ม.ค.

ตามแผนรัฐบาล จะทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) เฉลี่ยทั้งปีราคาเอ็นจีวีจะปรับเพิ่ม 6 บาทต่อกิโลกรัม เป็นผลพวงจากนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ต้องการเลิกการแทรกแซงราคาพลังงานเพื่อให้เป็นไปตามกลไกการตลาด หลังจากหลายรัฐบาลได้อัดฉีดนโยบายประชานิยมจนเกินพอดี

เมื่อมีการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี ปัจจุบันอยู่ที่ 8.50 บาทต่อ กก. เพิ่มทั้งปีอีก 6 บาท ก็จะเป็น 14.50 บาทต่อ กก. เช่นเดียวกับก๊าซแอลพีจีที่จะทยอยปรับเพิ่มทุกเดือน

แท็กซี่นับร้อยมาชุมนุมหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนรถบรรทุกยกระดับการชุมนุมหน้ากระทรวงพลังงาน ปิดถนนวิภาวดีรังสิต เป็นอัมพาตไปทั่ว แต่รัฐบาลไม่สนใจต่อข้อเรียกร้องให้ชะลอปรับขึ้นเอ็นจีวี

ฝั่งแท็กซี่ยอมรับข้อเสนอที่รัฐบาลยอมเยียวยาแจกคูปองลดราคาเติมเอ็นจีวี กก.ละ 2 บาทให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่เพื่อยืดเวลาไป 4 เดือน ส่วนม็อบรถบรรทุกยังไม่มีทางออก

“ยู เจียรยืนยงพงศ์” ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ให้เหตุผลว่า ถ้ารัฐบาลขึ้นราคาเอ็นจีวี 6 บาทต่อ กก.ในปีนี้ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 70% กลุ่มรถบรรทุกก็จะปรับขึ้นค่าขนส่ง 25%

นโยบายลอยตัวพลังงานของรัฐบาลไม่เพียงแต่กระทบกับแท็กซี่หรือรถบรรทุกเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่จะต้องรับภาระค่าโดยสารทั้งแท็กซี่ รถร่วม ขสมก. รถบัส หรือรถสองแถว ที่จะปรับราคาเพิ่มแน่นอน ซึ่งจะทำให้สินค้าอุปโภคบริโภค สบช่องขึ้นราคาเป็นเงาตามตัวอ้างว่าต้นทุนแพง

และนี่จะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนในยุคเริ่มต้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่มขึ้นด้วย เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าประเดิมของจริงในปี 2555 ขณะที่นโยบายขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศก็ยังเริ่มไม่ได้ และถ้าได้ก็เฉพาะบางจังหวัดเท่านั้น

อีกม็อบที่จะเดินทางมาชุมนุมวันนี้ คือ ม็อบยางพาราจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา 14 จังหวัดภาคใต้ และบางส่วนภาคอีสาน ที่เตรียมยกพลชุมนุมหน้าบ้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซอยโยธินพัฒนา เขตบึงกุ่ม เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ กก.ละ 8090 บาท ขณะที่ราคายางในตลาดโลกอยู่ที่ กก.ละ 120 บาท โดยเตรียมนำน้ำยางพารามาราดที่หน้าบ้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และจะปักหลักชุมนุมจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ

“อุทัย สอนหลักทรัพย์” ประธานที่ปรึกษา สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ให้เหตุผลที่ต้องมาชุมนุมว่า กว่า 3 เดือนแล้วที่ราคายางพาราตกต่ำ แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา และยังขายยางพาราให้จีนจำนวน 1.8 แสนตันในราคาแค่ 105 บาทต่อกก. เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคายางพาราตกต่ำ

ที่ปลีกย่อย แต่รัฐบาลดับไฟแต่ต้นลมทัน คือ ม็อบศิษย์หลวงตามหาบัว ที่คัดค้านการออก พ.ร.ก.กู้เงินของรัฐบาลไม่ให้ใช้เงินคลังหลวงไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.14 ล้านล้านบาท เล่นเอา วีรพงษ์ รามางกูร และกิตติรัตน์ ณ ระนอง ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ยืนยันจะไม่เตะต้องเงินบริจาคของหลวงตามหาบัวเป็นอันขาด

ศึกใหญ่เหล่านี้ คือ ความเดือดร้อนจากนโยบายรัฐบาล ที่บางกลุ่มเช่น แท็กซี่ รถบรรทุก รถโดยสาร คือรากหญ้าฐานเสียงพรรคเพื่อไทยตัวจริง ถึงแม้กรณีการขึ้นเอ็นจีวีรัฐบาลจะสยบม็อบแท็กซี่หรือม็อบรถบรรทุกได้ไป 4 เดือน แต่ก็ยังเป็นระเบิดเวลาที่ม็อบแท็กซี่–รถบรรทุกจะกลับมาใหม่

ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพเป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบกับประชาชนรากหญ้า ถ้ารัฐบาลแก้ไม่ตรงจุด ไม่มีคำอธิบาย นอกจากเสียมวลชนแล้ว ก็อาจกระทบทางอ้อมต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะจะถูกโจมตีได้ว่า ไม่แก้ปัญหาความเดือดร้อน แต่เอาเวลาไปแก้ปัญหาการเมืองให้ตัวเอง...


 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2255 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 12:23:31 »

พี่'อร

ได้เข้าอยู่ที่บ้านแล้วหรือยังครับ ??
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #2256 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 12:30:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 12 มกราคม 2555, 09:00:30
สวัสดีค่ะ ทุกคน
 ช่วงนี้ มีแต่คนบ่น เรื่องการจ่ายเงิน ของรัฐบาล
การออกพระราชกำหนด ฉบับต่างๆ
 การไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทุนสำรอง
 ประเทศเราน่าสงสาร
ที่ไม่สามารถให้ความรู้ประชาชน
ให้ฉลาดพอที่จะเลือกคนดี  ๆๆๆๆ  มาปกครองประเทศได้
แต่อย่าท้อ ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ
 ทำอะไรไม่ได้ ก็พูด ออกความเห็น ให้รู้ว่า เรารู้นะ ดูอยู่นะ
 ไม่ใช่จะทำได้ตามอำเภอใจ
 เมื่อปีใหม่ ได้ไปพบท่านทว๊ ชูทรัพย์ อตีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาอาชญาวิทยา ที่คณะฯ ตอนเรียนอยู่
 ได้คุยกันในประเด็นเรื่องที่ท่านไปบรรยาย ที่สวนลุม
 ได้แง่คิดอีกมาก
 เห็นไหม การไปพูด ก้สร้างความรู้ ความคิดให้คนที่ไม่รู้ได้
คนที่ไม่ได้อยุ่หรือทำงานในงานราชทัณฑ์ ก็จะไม่รุ้เท่าท่าน
 การที่เรารู้แล้วมาเล่าสุ่กันฟัง ก็ช่วยประเทศได้ทางหนึ่ง
 เป็นการกระจายข้อมุลให้ผู้ที่ไม่รู้ ขยายวงมากๆเข้า ก็จะเป็นเสียงที่ดัง
 ที่ใครๆ ก้ต้องฟังบ้างค่ะ

อร..เจอกัน เล่าให้ฟังมั่งนะ ได้ฟังและดูในยูทูบสั้นๆน่าจะมีข้อมูลอีกเยอะ
เที่ยวนี้ไปกับกรมหรือกลุ่มนิติ+รัฐ แล้ว 13 เม.ย.ไปกันอีกรึเปล่า?
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2257 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 19:37:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ YA เมื่อ 12 มกราคม 2555, 20:53:09

สวัสดีครับ..มาครับ
เช็คชื่อแล้วค่ะ น้องยา
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2258 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 19:41:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 14 มกราคม 2555, 12:23:31
พี่'อร

ได้เข้าอยู่ที่บ้านแล้วหรือยังครับ ??

ยังค่ะกำลังซ่อมประตุ
หาช่างยากค่ะเพิ่งจะได้คิว
พรุ่งนี้ใส่ประตุไม้ ซื้อประตูมารอช่างแล้ว3บานค่ะ
พี่ซื้อประตูไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้แดง ธรรมดา ทนน้ำหน่อยเผื่อน้ำท่วมอีกจะได้ทนๆ
อาทิตย์หน้าก็เอาประตุเหล็กไปยิงทราย ลอกสีสนิมแล้วทาสีใหม่
ภายในบ้านน่าจะทาสีได้ในอีก 2 อาทิตย์
คาดว่าน่าจะเข้าอยู่ได้กลาง ก.พ. ค่ะน้องเหยง

      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2259 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 19:46:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 มกราคม 2555, 14:33:06
พี่'อร

จี้รัฐแก้หลักเกณฑ์ เงินชดเชยน้ำท่วม
เรื่องปก                                                                                                                                                10 มกราคม 2555 - 00:00

      มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตอกรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วมไม่เป็นธรรม ออกหลักเกณฑ์ไม่อำนวยความสะดวกชาวบ้าน จ่ายค่าเสียหายต่ำกว่าเป็นจริง ซ้ำเติมผู้ประสบภัยเดือดร้อนหนักขึ้น จี้แก้ไขหลักเกณฑ์ให้ยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม เผยแต่ละพื้นที่กำหนดหลักฐานไม่เหมือนกัน 
      ความคืบหน้าการยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยค่าเสียหายของผู้ประสบภัยน้ำท่วม (กรณีฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด) หากบ้านพักอาศัยได้รับเสียหายบางส่วน รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยไม่เกินหลังละ 20,000 บาท หากบ้านเสียหายทั้งหลัง รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยไม่เกินหลังละ 30,000 บาท
      ล่าสุดได้เกิดปัญหาประชาชนเริ่มโวยวายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขอรับเงินชดเชย เพราะรัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกประชาชน ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและไม่ตรงกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากบ้านและทรัพย์สินต่างๆ เสียหายมากกว่าหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด
      หลักเกณฑ์การยื่นคำร้องมีดังนี้ ผู้ยื่นคำร้องต้องเป็นเจ้าบ้านเป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยต้องเป็นผู้อาศัยประจำเท่านั้น ถ้าไม่ได้อาศัยอยู่ประจำ แม้เป็นเจ้าของบ้านก็ขอเบิกไม่ได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น กรณีผู้ประสบภัยได้ซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายไปก่อนแล้ว ให้มีคณะกรรมการและช่างร่วมพิจารณาตรวจสอบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่
      รายการที่ให้การช่วยเหลือ
      1.ค่าเครื่องครัว ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาหารเท่านั้น เช่น หม้อ กระทะ ตะหลิว ครก จาน ชาม ช้อน จ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท ยกเว้นตู้กับข้าว ตู้เย็น ตู้ไมโครเวฟที่เบิกไม่ได้
      2.อุปกรณ์แสงสว่าง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า ปลั๊กไฟ คัตเอาต์ จ่ายไม่เกิน 200 บาท
      3.เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มคนละ 2 ชุด จ่ายชดเชยเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท
      4.ชุดนักเรียน นักศึกษา คนละ 2 ชุด จ่ายชดเชยเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท
      5.เครื่องนอน ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม จ่ายไม่เกิน 500 บาท
      6.เครื่องมือประกอบอาชีพ ให้ระบุของที่เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท
      7.บ้านที่อยู่อาศัยประจำเสียหายบางส่วนจ่ายไม่เกินหลังละ 20,000 บาท และกรณีเสียหายทั้งหลัง เช่น บ้านพัง บ้านสูญหายจากการพัดพาของน้ำ จ่ายไม่เกินหลังละ 30,000 บาท
      ทั้งนี้ จะขอเบิกได้เฉพาะส่วนที่เป็นโครงสร้างตัวบ้านเท่านั้น เช่น ประตู หน้าต่าง วงกบ ฝาบ้าน หลังคาบ้าน เสาบ้านและฝ้าเพดาน
      ส่วนที่เบิกเงินไม่ได้ เช่น รั้วบ้าน ทาสี กระเบื้องปูพื้น ปาร์เกต์ โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้โชว์ เฟอร์นิเจอร์ แอร์ พัดลม ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างของตัวบ้าน
      น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยค่าเสียหายดังกล่าวว่า จะจัดทำข้อเสนอแนวทางการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เป็นธรรมให้รัฐบาลนำไปพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์ทั้งระยะเร่งด่วนและในระยะยาว เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐได้ เช่น กรณีเป็นเจ้าบ้านที่อาศัยประจำเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ยังไม่ได้เลขที่บ้าน ทำให้คุณสมบัติไม่เข้าข่ายและไม่ได้รับเงินชดเชย
      น.ส.สารีกล่าวว่า แม้ว่าการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายบ้านพักอาศัยเป็นหลักการแนวคิดที่ดี แต่อยากให้ปรับปรุงหรือแก้ไขหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่น อาศัยข้อเท็จจริงเป็นหลัก ไม่ควรกำหนดคุณสมบัติตายตัวหรือตึงมากเกินไป โดยเฉพาะชาวบ้านที่ยากจนจะไม่มีกล้องถ่ายรูปทำให้หมดสิทธิ์เบิกเงินค่าชดเชย อีกทั้งอยากให้จ่ายค่าเสียตามตามความเป็นจริง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐมักจะประเมินความเสียหายต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น เสียเงินค่าซ่อมบ้านเป็นเงินหลักหมื่นถึงแสนบาท แต่ก็ได้รับเงินชดเชยเพียงไม่กี่พันบาท แม้แต่ค่าทาสีก็ยังเบิกไม่ได้ หรือเบิกได้เฉพาะเท่าที่เสียหาย
      "มูลนิธิพิจารณาหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ควรจัดทำรายการความเสียหายที่สร้างปัญหาให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น แทนที่จะช่วยบรรเทา แต่กลายเป็นเพิ่มความทุกข์ให้ประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้ประชาชนได้รับเงินชดเชยที่เป็นธรรมและเข้าถึงผู้ประสบภัยอย่างเท่าเทียมกัน เช่น จ่ายแบบเหมารวมเป็นก้อนใหญ่ๆ ไม่ควรกำหนดรายการละเอียดยุบยิบเช่นนี้" เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าว
      ทั้งนี้ ขอเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและสามารถรับเงินค่าเสียหายได้จริง อีกทั้งควรยืดหยุ่นการใช้หลักฐาน เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หลายครอบครัวอยู่อาศัยบ้านไม่มีเลขที่ ก็ควรกำหนดให้ใช้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ยืนยัน และต้องเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
      ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตรวจสอบหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องขอรับเงินชดเชยดังกล่าวทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรากฏว่าแต่ละพื้นที่ใช้เอกสารแตกต่างกันบางส่วน เช่น กรณีบ้านเสียหาย นอกจากหลักฐานกรรมสิทธิ์บ้าน บัตรประชาชนและรูปถ่ายบ้านแล้ว มีข้อแตกต่างที่บางพื้นที่ต้องใช้ใบบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางเขตให้มีพยานรับรอง 2 คนขึ้นไปที่เป็นข้าราชการระดับ 3 ขึ้นไป หรือประธานชุมชน กรรมการหมู่บ้าน ส.ข. หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ
      หลายแห่งไม่มีช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนทั้งที่เป็นเขตที่ประสบน้ำท่วมหนัก ประชาชนต้องติดต่อสอบถามที่เขตโดยตรง ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายครั้ง นอกจากนี้ยังกำหนดวันหมดเขตยื่นคำร้องที่แตกต่างกันอีกด้วย.


http://www.thaipost.net/x-cite/100112/50830
ที่น้องเหยงเล่ามา
พี่โดนมาแล้วตอนไปยื่นเอกสาร
ตกลงไม่ได้ทั้งหมดทั้งที่เสียหายมาก
เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
พี่เลยบอกว่าจะกรอกตามที่เสียหายจริงหากจะตัดอะไรก็ค่อยพิจารณากันตอนจ่ายเงิน
จะไม่ให้กรอกเนื่องจากจะเบิกไม่ได้พี่ไม่ยอมขอกรอกไปก่อนค่ะ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2260 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 19:47:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 14 มกราคม 2555, 12:30:53
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 12 มกราคม 2555, 09:00:30
สวัสดีค่ะ ทุกคน
 ช่วงนี้ มีแต่คนบ่น เรื่องการจ่ายเงิน ของรัฐบาล
การออกพระราชกำหนด ฉบับต่างๆ
 การไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทุนสำรอง
 ประเทศเราน่าสงสาร
ที่ไม่สามารถให้ความรู้ประชาชน
ให้ฉลาดพอที่จะเลือกคนดี  ๆๆๆๆ  มาปกครองประเทศได้
แต่อย่าท้อ ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ
 ทำอะไรไม่ได้ ก็พูด ออกความเห็น ให้รู้ว่า เรารู้นะ ดูอยู่นะ
 ไม่ใช่จะทำได้ตามอำเภอใจ
 เมื่อปีใหม่ ได้ไปพบท่านทว๊ ชูทรัพย์ อตีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาอาชญาวิทยา ที่คณะฯ ตอนเรียนอยู่
 ได้คุยกันในประเด็นเรื่องที่ท่านไปบรรยาย ที่สวนลุม
 ได้แง่คิดอีกมาก
 เห็นไหม การไปพูด ก้สร้างความรู้ ความคิดให้คนที่ไม่รู้ได้
คนที่ไม่ได้อยุ่หรือทำงานในงานราชทัณฑ์ ก็จะไม่รุ้เท่าท่าน
 การที่เรารู้แล้วมาเล่าสุ่กันฟัง ก็ช่วยประเทศได้ทางหนึ่ง
 เป็นการกระจายข้อมุลให้ผู้ที่ไม่รู้ ขยายวงมากๆเข้า ก็จะเป็นเสียงที่ดัง
 ที่ใครๆ ก้ต้องฟังบ้างค่ะ

อร..เจอกัน เล่าให้ฟังมั่งนะ ได้ฟังและดูในยูทูบสั้นๆน่าจะมีข้อมูลอีกเยอะ
เที่ยวนี้ไปกับกรมหรือกลุ่มนิติ+รัฐ แล้ว 13 เม.ย.ไปกันอีกรึเปล่า?
รอเล่าให้ฟังวันที่11 นะ นี้มีสนุกๆหลายเรื่อง
ท่านมีความรู้มาก
ฟังเพลินเลย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2261 เมื่อ: 14 มกราคม 2555, 22:00:13 »

พี่'อร


ตั้งแต่น้ำท่วมจนถึงวันนี้ (ก.ย. 54 - ม.ค. 55)
ผมยังไม่ได้เงินชดเชยใดๆ ในส่วนของ 5,000 บาท ก็ยังไม่มีข่าว, ค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า วงเงิน 20,000 บาท และค่าเครื่องมือเครื่องใช้เสียหาย 10,000 บาท ก็ไม่มีวี่แวว ตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่ได้สนใจเงินก้อนนี้ หากไม่ได้ก็ไม่ใส่ใจครับ ถือว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนมากกว่าครับ

ความคืบหน้าในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้น ก็เปลี่ยนกฎเกณฑ์ว่าต้องประสบภัยน้ำท่วมในเดือนพฤศจิกายน 54 ซึ่งผมก็ยังเข้าเกณฑ์ แต่ จนท.เขาบอกตรงๆ ว่า กระทรวงจะช่วยนิคมฯ ที่อยุธยา, กทม.และปริมณฑล

กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่งโทรไปหาผมเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) จะจัดโครงการ Big Cleaning Day สำหรับเครื่องจักร โดยผมต้องเสียเงินร้อยละ 30 ของวงเงินที่จัดทำโครงการฯ แต่ผมได้ปฎิเสธไป เพราะผ่านช่วงน้ำท่วมมา 2 เดือนเศษ ซึ่งต้องประกอบอาชีพ หลังไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงน้ำท่วม อีกทั้งการทำความสะอาดต้องหยุดงานและพื้นเปียกอีกรอบ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้น อาจารย์จาก ม. เชียงใหม่ เจ้าของโครงการค่อนข้างโมโหที่ผมไม่ยอมร่วมโครงการ และแนะกลับไปให้ไปทำโครงการในจังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ซึ่งน้ำยังมีท่วมขังอยู่หลายแห่ง และน่าจะมีโอกาสเข้าโครงการฯ แต่อาจารย์เขาบอกว่า สถานที่ดังกล่าวไกลเกิน ซึ่งไม่ใช่เหตุผลที่ดีครับ ??
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2262 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 14:05:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 14 มกราคม 2555, 22:00:13
พี่'อร


ตั้งแต่น้ำท่วมจนถึงวันนี้ (ก.ย. 54 - ม.ค. 55)
ผมยังไม่ได้เงินชดเชยใดๆ ในส่วนของ 5,000 บาท ก็ยังไม่มีข่าว, ค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า วงเงิน 20,000 บาท และค่าเครื่องมือเครื่องใช้เสียหาย 10,000 บาท ก็ไม่มีวี่แวว ตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่ได้สนใจเงินก้อนนี้ หากไม่ได้ก็ไม่ใส่ใจครับ ถือว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนมากกว่าครับ

ความคืบหน้าในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้น ก็เปลี่ยนกฎเกณฑ์ว่าต้องประสบภัยน้ำท่วมในเดือนพฤศจิกายน 54 ซึ่งผมก็ยังเข้าเกณฑ์ แต่ จนท.เขาบอกตรงๆ ว่า กระทรวงจะช่วยนิคมฯ ที่อยุธยา, กทม.และปริมณฑล

กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่งโทรไปหาผมเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) จะจัดโครงการ Big Cleaning Day สำหรับเครื่องจักร โดยผมต้องเสียเงินร้อยละ 30 ของวงเงินที่จัดทำโครงการฯ แต่ผมได้ปฎิเสธไป เพราะผ่านช่วงน้ำท่วมมา 2 เดือนเศษ ซึ่งต้องประกอบอาชีพ หลังไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงน้ำท่วม อีกทั้งการทำความสะอาดต้องหยุดงานและพื้นเปียกอีกรอบ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้น อาจารย์จาก ม. เชียงใหม่ เจ้าของโครงการค่อนข้างโมโหที่ผมไม่ยอมร่วมโครงการ และแนะกลับไปให้ไปทำโครงการในจังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ซึ่งน้ำยังมีท่วมขังอยู่หลายแห่ง และน่าจะมีโอกาสเข้าโครงการฯ แต่อาจารย์เขาบอกว่า สถานที่ดังกล่าวไกลเกิน ซึ่งไม่ใช่เหตุผลที่ดีครับ ??

สวัสดีค่ะ น้องเหยง ที่ตำบลบางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง แจกเงิน 5000 บาทกันแล้วค่ะ
 แต่20,000 ยังไม่เห็นเป็นรูป เป็นร่าง
เข้าใจว่าแนวทางยังไม่แน่นอน
นครสวรรค์ท่วมก่อนจ่าย  5000 น่าจะเสร็จแล้ว
 แต่ในอำเภอบางบัวทองบางแห่งก็ยังไม่ได้เหมือนกัน
 คิดว่า ขึ้นอยุ่กับการทำงานจของแต่ละ อบต. มากกว่าค่ะ
คงต้องติดตามค่ะ รอช้า อยู่เฉยคงไม่ได้
เดี๋ยวจะมีข้อแม้ หรือรูปแบบใหม่อีกค่ะ
 
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2263 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 14:15:56 »

วันก่อน ตอนไปทำความสะอาดบ้าน
ผ่านไปทางถนนนรัตนาธิเบศน์ ได้เห็นพระธุดงค์ เดินไปตามริมถนน พันกว่ารูป
 แต่เป็นการเดินบนเสื่อยาวปูตลอดริมถนน มีประชาชนแต่งชุดขาว
โรยกลีบกุหลาบเต็มเสื่อ ให้พระธุดงค์เดิน
ยาวตลอดนับเป็นสิบๆก.ม.
 วันนี้จึงมาหาข่าวว่า เกิดอะไรขึ้น
จึงรู้ว่า เป็นพระธุดงค์ของวัดธรรมกาย ที่ทางวัดประชาสัมพันธ์ประชาชนมาโรยกลีบกุหลาบ
เพื่อทำบุญให้ชีวิตข้างหน้าโรยด้วยกลีบกุกลาบ
เลยชักจะงง ว่า เช่นนี้ใช่หรือ
 มีใครเคยเห็นบ้างไหมค่ะ
แล้วที่จริงเป็นอย่างไรกัน
หากเป็นอย่างที่เขาบอกให้ไปโรยกลีบกุหลาบเพื่อให้ชีวิตดีเหมือนเดินบนกลีบกุหลาบ
 ก็เป็นการทำบุญที่แปลกมากแล้ว
 แต่เท่าที่เห็นมีคนแต่งชุดขาวมานั่งโรยตลอดถนนมากจริงๆ แสดงว่าคนเชื่อมาก
แล้วพระก็เดินบนกลีบกถุหลาบจริงๆ
คำสอนจะบิดเบือนมากไปไหมนี่
หรือเป็นอุบาย อย่างไร งงจริงๆค่ะ
 คงต้องหาความรู้ใหม่เสียแล้ว
 หรือคนบอกข่าวอาจจะจำมาบอกผิดเจตนา ของพระ หรือของวัดเสียก็ไม่รู้
ใครรู้มากบ้าง บอกที่ว่า ทั้งพระ ทั้งวัด จะบอกบุญประเภทไหน
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #2264 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 15:57:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 มกราคม 2555, 14:15:56
วันก่อน ตอนไปทำความสะอาดบ้าน
ผ่านไปทางถนนนรัตนาธิเบศน์ ได้เห็นพระธุดงค์ เดินไปตามริมถนน พันกว่ารูป
 แต่เป็นการเดินบนเสื่อยาวปูตลอดริมถนน มีประชาชนแต่งชุดขาว
โรยกลีบกุหลาบเต็มเสื่อ ให้พระธุดงค์เดิน
ยาวตลอดนับเป็นสิบๆก.ม.
 วันนี้จึงมาหาข่าวว่า เกิดอะไรขึ้น
จึงรู้ว่า เป็นพระธุดงค์ของวัดธรรมกาย ที่ทางวัดประชาสัมพันธ์ประชาชนมาโรยกลีบกุหลาบ
เพื่อทำบุญให้ชีวิตข้างหน้าโรยด้วยกลีบกุกลาบ
เลยชักจะงง ว่า เช่นนี้ใช่หรือ
 มีใครเคยเห็นบ้างไหมค่ะ
แล้วที่จริงเป็นอย่างไรกัน
หากเป็นอย่างที่เขาบอกให้ไปโรยกลีบกุหลาบเพื่อให้ชีวิตดีเหมือนเดินบนกลีบกุหลาบ
 ก็เป็นการทำบุญที่แปลกมากแล้ว
 แต่เท่าที่เห็นมีคนแต่งชุดขาวมานั่งโรยตลอดถนนมากจริงๆ แสดงว่าคนเชื่อมาก
แล้วพระก็เดินบนกลีบกถุหลาบจริงๆ
คำสอนจะบิดเบือนมากไปไหมนี่
หรือเป็นอุบาย อย่างไร งงจริงๆค่ะ
 คงต้องหาความรู้ใหม่เสียแล้ว
 หรือคนบอกข่าวอาจจะจำมาบอกผิดเจตนา ของพระ หรือของวัดเสียก็ไม่รู้
ใครรู้มากบ้าง บอกที่ว่า ทั้งพระ ทั้งวัด จะบอกบุญประเภทไหน
ธรรมกาย คือ พุทธพานิช...สงสารแต่คนที่หลงเชื่อเอาเงินไปทำบุญจนหมดตัว
บางคนเป็นหนี้เป็นสินเพื่อกู้เงินไปทำบุญ ตามconcepe พุทธพานิช ที่ว่า
บริจาคมาก ได้บุญมาก นี่ มาร์เกตติ้งแท้ๆเลยนะ
เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย...สติครับ ใช้สติคิด
เดินบนกลีบกุหลาบนี่่ เพิ่งได้ยินนะ
ขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟัง
ไอ้คนที่มาโรยกลีบกุหลาบให้พระเดิน กลับ ก็เหยียบกรวด เหยียบ ทราย เจ็บตีนเหมือนเดิม
นีมันคล้ายๆอาฟริกา เข้าไปทุกทีแล้ว

ไปประท้วงตายดีกว่า ได้ตั้ง 7 ล้าน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2265 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 21:22:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 มกราคม 2555, 14:15:56
วันก่อน ตอนไปทำความสะอาดบ้าน
ผ่านไปทางถนนนรัตนาธิเบศน์ ได้เห็นพระธุดงค์ เดินไปตามริมถนน พันกว่ารูป
 แต่เป็นการเดินบนเสื่อยาวปูตลอดริมถนน มีประชาชนแต่งชุดขาว
โรยกลีบกุหลาบเต็มเสื่อ ให้พระธุดงค์เดิน
ยาวตลอดนับเป็นสิบๆก.ม.
 วันนี้จึงมาหาข่าวว่า เกิดอะไรขึ้น
จึงรู้ว่า เป็นพระธุดงค์ของวัดธรรมกาย ที่ทางวัดประชาสัมพันธ์ประชาชนมาโรยกลีบกุหลาบ
เพื่อทำบุญให้ชีวิตข้างหน้าโรยด้วยกลีบกุกลาบ
เลยชักจะงง ว่า เช่นนี้ใช่หรือ
 มีใครเคยเห็นบ้างไหมค่ะ
แล้วที่จริงเป็นอย่างไรกัน
หากเป็นอย่างที่เขาบอกให้ไปโรยกลีบกุหลาบเพื่อให้ชีวิตดีเหมือนเดินบนกลีบกุหลาบ
 ก็เป็นการทำบุญที่แปลกมากแล้ว
 แต่เท่าที่เห็นมีคนแต่งชุดขาวมานั่งโรยตลอดถนนมากจริงๆ แสดงว่าคนเชื่อมาก
แล้วพระก็เดินบนกลีบกถุหลาบจริงๆ
คำสอนจะบิดเบือนมากไปไหมนี่
หรือเป็นอุบาย อย่างไร งงจริงๆค่ะ
 คงต้องหาความรู้ใหม่เสียแล้ว
 หรือคนบอกข่าวอาจจะจำมาบอกผิดเจตนา ของพระ หรือของวัดเสียก็ไม่รู้
ใครรู้มากบ้าง บอกที่ว่า ทั้งพระ ทั้งวัด จะบอกบุญประเภทไหน


พี่'อร

ผมเองก็ไม่ได้บวชเรียนมา แต่พอจะเดาได้ว่า
พระพุทธองค์ห้ามภิกษุใส่รองเท้า เวลาออกบิณฑบาตร
เพื่อป้องกันว่า เมื่อออกโปรดสัตว์(บิณฑบาตร) จะเดินไปเหยียบกบ เหยียบมด ฯลฯ อันเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
และเท่าที่เคยอ่านพุทธประวัติ ไม่เคยมีการพลีกรรมในลักษณะนี้ต่อพระภิกษุที่ออกบิณฑบาตรให้เห็น

พระกลุ่มที่เดินบนกลีบกุหลาบ.....มันจะบ้ากันใหญ่แล้วครับ


อนึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดนี้ซึ่งถูกข้อกล่าวหาฯ จนถูกฟ้องศาล และอัยการถอนคดีให้
ก็ได้รับการเลี่อนสมณศักดิ์เป็น "ชั้นเทพ" แล้วครับ


ดูธงชาติ
สีแดง ก็เปรอะไปกันใหญ่แล้ว
สีขาว ก็เจอกับพระพุทธพาณิชย์
สีน้ำเงินก็ถูกรุกไล่โดยนิติเรด อยู่ในขณะนี้...........!!~?? ??

 เค้าไม่ยอม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2266 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 21:25:34 »

อ่านข่าวสดมาครับ..


วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7709 ข่าวสดรายวัน
คุณค่าที่เหลืออยู่

หน้าต่างศาสนา
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี สำนักส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ


เราอาจเคยคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือ เงิน รถ บ้าน อาหาร อากาศ ฯลฯ

แต่พอเราผ่านภัยพิบัติต่างๆ ในชีวิตไปได้ จะทำให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ชีวิต นั่นเอง เพราะ...

1.สมบัติทุกอย่างจะมีค่าก็ต่อเมื่อเรามีชีวิต แต่หากไม่มีชีวิตทุกอย่างก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เหมือนผู้ประสบภัยที่ต้องหนีน้ำท่วม หรือผู้ประสบอัคคีภัยที่ต้องเอาตัวรอดภายในเสี้ยววินาที แล้วไม่สามารถถือสิ่งใดติดมือมาได้เลย เกิดความเศร้าเสียใจ เสียดายสมบัติ ลืมสิ่งที่มีค่าสุดคือ ชีวิตเราเองและคนที่เรารักที่รอดมาได้ แทนที่จะดีใจกับชีวิตนี้ กลับเอาความทุกข์ไปใส่ตัวเอง

2.สิ่งสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่สิ่งที่หายไป คุณค่าจริงๆ ของทุกสิ่ง คือ เมื่อมันยังอยู่กับเราและเราได้ใช้มันเท่านั้น อย่างกับเสื้อ 1 ตัวที่เราใส่ กับเสื้อ 100 ตัวที่อยู่ที่บ้านหรือที่ร้านค้า ตัวไหนมีค่ามากกว่ากัน ก็ต้องเป็นเสื้อตัวที่เราใส่อยู่ ซึ่งให้ความอบอุ่นกับเราได้ ส่วนอีกร้อยตัวจะมีราคามากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นและไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เหมือนผู้ประสบภัยที่อาจจะเอาเสื้อมาได้ตัวเดียว ก็ให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่มีค่าสุดแล้ว ส่วนเสื้อตัวอื่นถึงมี แต่ไม่ได้ใส่ก็ไม่มีประโยชน์

...เพราะคุณค่าจริง มีเพียงแค่หนึ่งชีวิตกับสิ่งของที่ติดตัวเราไปได้ตลอด นั่นคือ บุญและกุศล ที่เราสั่งสมมานั่นเอง...

มีครั้งหนึ่งตอนทำกิจกรรมธรรมะเยียวยาใจ ณ ศูนย์ประสบภัยน้ำท่วม จ.ราชบุรี พระวิทยากรได้ถามถึงความรู้สึกของผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่มีความทุกข์ไม่ต่างกัน คือ เด็กมีความทุกข์ที่ไม่ได้ไปเรียน วัยรุ่นมีความทุกข์ที่ไม่ได้ไปเที่ยว หญิงวัยกลางคนนั่งปลอบใจ หญิงสูงวัยกำลังร้องไห้กับการสูญเสียบ้านที่ใช้เวลานานกว่าจะสร้างมาได้และคิดว่าคงหาไม่ได้อีก กับชายวัยกลางคนที่เริ่มทำใจ เมื่อไม่คิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้น แล้วแต่ละคนก็พูดถึงระดับน้ำที่ประสบกันมา

"อย่าเครียดไปเลยครับ บ้านของผมท่วมแค่ตาตุ่มเอง แต่ต้องอพยพแล้ว" โยมผู้ชายกลางคนพูดขึ้น

"สงสัยเขากลัวน้ำจะมาเพิ่มใช่ไหมล่ะ เจริญพร" พระวิทยากรถามขึ้น

"เปล่าหรอกครับ คือท่วมแค่ตาตุ่มตอนยืนอยู่บนหลังคานะครับ" เขาตอบแบบอารมณ์ดี ทำให้ทุกคนยิ้ม

"เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปหมดทั้งสุขและทุกข์ เหลือแค่ว่าเราจะเก็บอะไรไว้เท่านั้น สุขหรือทุกข์" คือ ข้อสรุปที่เกิดขึ้นในวันนั้น

หน้า 23
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2267 เมื่อ: 16 มกราคม 2555, 21:50:27 »

เครียดนะคะ มาแบบเครียด ๆ ค่ะ .. คุณครูอรอย่าลืมเช็คชื่อหนูด้วยนะคะ    เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2268 เมื่อ: 17 มกราคม 2555, 08:33:05 »

สวัสดี พี่'อร

ในเช้าวันอังคาร ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2269 เมื่อ: 17 มกราคม 2555, 17:07:31 »

ข่าวจาก ผู้จัดการ ออนไลน์ วันนี้ครับ......


ก้าวต่อไปของ "เอนก นาวิกมูล" กับ “บ้านพิพิธภัณฑ์” หลังฝันร้ายผ่านพ้น
16 มกราคม 2555 16:50 น.

   
ภายในบ้านพิพิธภัณฑ์ก่อนน้ำท่วม
 

       พิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ หรือหลักฐานต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ หรือเพื่อชื่นชม แต่สำหรับที่ “บ้านพิพิธภัณฑ์” นับเป็นบ้านที่รวบรวมเอาของเก่าเก็บ มาจัดแสดงเอาไว้ตามวิถีชีวิตชาวตลาดชาวเมืองในยุค พ.ศ. 2500 และยุคใกล้เคียง ภายใต้แนวคิด “เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า”
       
       บ้านพิพิธภัณฑ์ ดำเนินการโดยสมาคมกิจวัฒนธรรมและอาสาสมัคร และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2544 จนถึงบัดนี้ก็นับเป็นเวลา 10 ปี ที่ผู้คนได้เข้าไปย้อนรำลึกถึงสมัยอดีตสัก 40-50 ปีก่อน ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่มาจากการบริจาค อีกส่วนหนึ่งจัดซื้อมาเพิ่มเติมด้วยรายได้เท่าที่พอมีของสมาคม เพื่อให้มีของแปลกๆ เข้ามาเสริมให้ได้ชม ซึ่งก็มีทั้งตู้ โต๊ะ เตียง ป้ายโฆษณา แก้วน้ำ ชามก๋วยเตี๋ยว ของเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีการออกแบบการจัดแสดงให้เป็นเหมือนห้องแถวในตลาด
       
       สาเหตุที่จัดทำบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา เนื่องจากสิ่งของเก่าๆ ดีๆ จำนวนมาก ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ บ้างก็เห็นว่าเป็นของเก่าไร้ค่า จึงเกิดบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา เพื่อเป็นสถานที่รวบรวม เก็บ จัดแสดง และรับบริจาคสิ่งของเหล่านี้

   
ภายในบ้านพิพิธภัณฑ์หลังถูกน้ำท่วม (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์)
 

       ปัจจุบันบ้านพิพิธภัณฑ์มีอาคาร 2 หลัง หลักแรก แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 จัดเป็นร้านของเล่น, ร้านขายของจิปาถะ, ร้านขายยา และร้านขายของที่ระลึก ชั้นที่ 2 จัดเป็นโรงหนัง โรงพิมพ์ในตรอกข้างโรงหนัง ร้านตัดผม-ตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยาย ร้านถ่ายรูป, ห้องครัว, บ้านสุวัตถี และห้องจัดแสดงของทั่วไป ส่วนชั้นที่ 3 จัดเป็นห้องเรียน ห้องนายอำเภอ ร้านขายแผ่นเสียง วิทยุโทรทัศน์ ร้านทองและร้านสรรพสินค้า
       
       และบ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 มีชั้นเดียว สมมุติให้เป็นตลาดริมน้ำมีนอกชาน สร้างม้านั่งไว้ให้นั่งเล่นกันหน้าร้านกาแฟ, ร้านขายของชาวบ้าน, นอกจากนั้นมีร้านทำฟัน, ร้านขายเครื่องเขียนแบบเรียน, ร้านทอง และแผงหนังสือข้างร้านทอง

 
ของเล่นต่างๆ ในร้านเจริญพานิชล้วนจมอยู่ในน้ำ (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์)

       ด้วยพื้นที่ตั้งของบ้านพิพิธภัณฑ์ นั่นคือบริเวณพุทธมณฑล สาย 2 ทำให้เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บ้านพิพิธภัณฑ์จึงถูกน้ำท่วมเช่นเดียวกับในหลายๆ พื้นที่ โดย เอนก นาวิกมูล คณะทำงานบ้านพิพิธภัณฑ์ กล่าวถึงความเสียหายของบ้านพิพิธภัณฑ์หลังจากถูกน้ำเข้าท่วมว่า
       
       “ช่วงน้ำท่วม ก็เริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ท่วมเข้าไปข้างในจากพื้นบ้านพิพิธภัณฑ์สูงประมาณเอว ประมาณเกือบหนึ่งเมตร แต่ถ้าเป็นถนนด้านหน้าบ้านประมาณเมตรครึ่ง เราเก็บของล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์ บางอย่างก็ยกขึ้นชั้นสอง บางอย่างก็ยกขึ้นสูงจากพื้นในบ้านประมาณสูงกว่าหัวเข่า แต่มันขึ้นมาถึงเอวมันก็ไม่ไหว ท่วมไปทุกห้อง”

 
บริเวณซุ้มทางขึ้นชั้นสอง (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์) 

       “ความเสียหายก็มีทั้งตู้ใส่ของ ถ้าหากประกอบด้วยไม้อัด มันก็บวม ถ้าหากเป็นเหล็กก็ขึ้นสนิม ถ้าเป็นข้าวของ กระดาษก็เปื่อยเน่า ถ้าเป็นปูนปลาสเตอร์พวกนั้นก็จะเป็นคราบ สรุปว่าถ้าใต้เอวลงไปก็เต็มไปด้วยความสกปรก มีขี้เกลือขึ้น มีคราบ มีเชื้อรา”
       
       เรื่องการช่วยเหลือในช่วงน้ำท่วม เอนกกล่าวว่า “ช่วงน้ำท่วมก็ไม่ได้มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล เพราะทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองกัน หรือไม่ก็ปล่อยบ้านทิ้งไปเลย มันเข้าไม่ได้หรอกครับ ต้องเรืออย่างเดียว น้ำสูงเป็นเมตรครึ่งขนาดนั้น แล้วปัญหาคือเรือก็ไปมาไม่สะดวก เพราะว่ามันติดสะพาน ติดรั้วกั้นระหว่างถนน เครื่องเรือดับอะไรอย่างนี้เป็นต้น เราก็เข้ามาไม่ถึง”

 
สิ่งของที่ลอยเสียหาย (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์) 

       สำหรับภายหลังจากน้ำลดแล้ว ก็ได้มีการทำความสะอาดเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยมีคณะทำงานบ้านพิพิธภัณฑ์ และคณะจิตอาสาต่างๆ เข้ามาให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ประชาชน หรือองค์กรเอกชนอื่นๆ
       
       “การทำความสะอาดทั้งข้าวของและผนังอะไรนี่ก็ยังทำไม่หมดเลยครับ น้ำท่วมพื้นต้องรื้อไม้ออกหมด ยกตู้ออกไปซ่อม ตรวจดูของที่โดนน้ำท่วม แพ็คของ อันไหนสุดที่จะทนได้ก็ใส่ถุงดำทิ้งไป ทั้งของที่เราพิมพ์ขายเช่นโปสการ์ด เสื้อยืด ทิ้งไปไม่รู้เท่าไหร่ เพิ่งพิมพ์มาหยกๆ ก็มี นี่เป็นจำพวกเช็ดล้างทำความสะอาด ต่อไปก็จ้างคนมารื้อพื้นเพราะมันเป็นพื้นไม้กระดานอัดบนไม้หน้าสาม จนทุกวันนี้ก็ยังมีน้ำขังเปียกแฉะ เวลาเดินก็จะมีเสียงน้ำตลอดเวลา มันก็จะส่งกลิ่น ส่งเชื้อรา ส่งความอับชื้น”

 
ตู้เพลงยุค พ.ศ.2520 ก็จมอยู่ในน้ำ (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์)

       ด้านการบูรณะซ่อมแซมบ้านพิพิธภัณฑ์ เอนกเล่าว่า ต้องมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีการปรับโฉมให้มีพื้นที่กว้างต่อเนื่องมากขึ้น มีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นมากขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะใช้เงินทุนอีกเท่าไหร่ โดยขณะนี้ยังรอการออกแบบใหม่จากผู้ที่เข้ามาให้คำปรึกษา และระหว่างนี้ก็ทำความสะอาดทั้งตัวบ้านพิพิธภัณฑ์ และสิ่งของต่างๆ
       
       ขณะเดียวกัน ก็มีโครงการจะขยับขยายบ้านพิพิธภัณฑ์ไปยังพื้นที่ ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื่องจากบ้านพิพิธภัณฑ์ ที่พุทธมณฑล สาย 2 นั้นมีพื้นที่คับแคบ ยังมีสิ่งของที่คนบริจาคเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีพื้นที่จัดแสดงสิ่งของอย่างเพียงพอ และสำหรับโครงการบ้านพิพิธภัณฑ์ที่ ต.งิ้วรายนั้น อ.ธีรพล นิยม จากสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบรัฐสภาแห่งใหม่ ได้เข้ามาช่วยออกแบบบ้านพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ให้แล้วเสร็จแล้ว ซึ่งเตรียมจะมีการประชาสัมพันธ์เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเสียก่อน

 
ร่องรอยความเสียหาย (ภาพจากเฟสบุค : ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์) 

       “คือมันจะต้องขยายพื้นที่ครับ ไม่งั้นก็จะแออัดอยู่อย่างนี้ แล้วเวลาเขาจะมาบริจาคของ ที่เก็บมันก็น้อย ที่จริงแล้วใครก็ทำได้ถ้ามีเงินแล้วไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ถ้าไม่อยากทำก็บริจาคช่วยกัน เพราะอันนี้ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ของผมคนเดียว เป็นของส่วนรวมในนามสมาคมกิจวัฒนธรรม และเป็นประโยชน์ของสาธารณะด้วย”
       
       บ้านพิพิธภัณฑ์ในขณะนี้ ถือได้ว่ายังปิดทำการอยู่ และอยู่ในระหว่างทำการฟื้นฟูเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติ โดยคาดว่า จะเปิดทำการได้อีกครั้งประมาณกลางปี 2555 และสำหรับผู้ที่ต้องการอนุเคราะห์ช่วยเหลือ และฟื้นฟูบ้านพิพิธภัณฑ์ สามารถติดต่อได้ที่ อ.วรรณา นาวิกมูล โทร. 08-9666-2008

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000004396
 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2270 เมื่อ: 17 มกราคม 2555, 17:36:43 »

พี่'อร

ข่าวปรับ ครม. ซึ่งมีผลที่ตัว รมต. กระทรวงพลังงาน มีผลให้ โครงการ 2,000 บาท ซื้อสินค้าเบอร์ 5 ไม่มีอนาคตไปแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2271 เมื่อ: 17 มกราคม 2555, 17:47:43 »

เรื่องที่ 2 สำนักนายกรัฐมนตรี โดยคำสั่งของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ให้ทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมตอบแบบสอบถาม 2 หน้า เพื่อนำกลับไปประเมิน โดยกำหนดให้ส่งคืน 31 มกราคม 2555 นี้ ซึ่งไม่ทราบว่า จะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ ?? เมื่อ รองนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไปเป็น พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมต.กลาโหม ที่โยกย้ายขึ้นไปดำรงตำแหน่งแทน !!

ฝากพี่ 'อร ช่วงกรอกข้อมูลครับ







      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2272 เมื่อ: 18 มกราคม 2555, 08:35:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 16 มกราคม 2555, 21:50:27
เครียดนะคะ มาแบบเครียด ๆ ค่ะ .. คุณครูอรอย่าลืมเช็คชื่อหนูด้วยนะคะ    เหนื่อย
ช็คแล้วค่ะ น้องหยี  อย่าเครียด
เป็นข้อมูลค่ะ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2273 เมื่อ: 18 มกราคม 2555, 08:42:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 มกราคม 2555, 17:47:43
เรื่องที่ 2 สำนักนายกรัฐมนตรี โดยคำสั่งของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ให้ทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมตอบแบบสอบถาม 2 หน้า เพื่อนำกลับไปประเมิน โดยกำหนดให้ส่งคืน 31 มกราคม 2555 นี้ ซึ่งไม่ทราบว่า จะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ ?? เมื่อ รองนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไปเป็น พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมต.กลาโหม ที่โยกย้ายขึ้นไปดำรงตำแหน่งแทน !!

ฝากพี่ 'อร ช่วงกรอกข้อมูลครับ








พี่ว่า เข้าทำนอง กรอกแล้วเก็บค่ะ
แต่ก็ยังถือว่าดีกว่า รัฐบาลทำไม่รู ไม่เห็ฯเสียเลย
อย่างน้อย ข้าราชการประจำก็ยังมีข้อมูล ว่า ประชาชนคิดอย่างไร
 กรอกไปเถอะน้องเหยง
คนสั่งให้กรอกก็ไปเสียแล้ว
ก็ให้ตำรวจมาบริหารน้ำ นี่
ไม่โทษใคร โทษคยไทยที่เองที่เลือกเขามาบริหาร ค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2274 เมื่อ: 18 มกราคม 2555, 08:49:09 »

เปลี่ยนตำรวจไป เอาทหารมาคุมฝ่ายสังคมต่อนี่ซิ..ปัญหา
จะแก้ให้คุมความมั่นคง รองนายกฯ รตอ.เฉลิม ก็ยังอยู่
กรรมของประเทศไทยจริงๆ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 89 90 [91] 92 93 ... 179   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><