28 มีนาคม 2567, 21:09:36
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2] 3 4 ... 13  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: * I N V E S T M E N T *  (อ่าน 151917 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #25 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2550, 13:15:55 »

ถ้าคุณเก็บเงินไว้เฉยๆ ใต้หมอนเพื่อนำมันออกมาใช้ในอีก 30 ปีข้างหน้าตอนเกษียณ เงินจำนวนนั้นจะมีอำนาจซื้อเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยผลของเงินเฟ้อ การฝากเงินนั้นไว้ในธนาคารอาจช่วยรักษาอำนาจซื้อของเงินนั้นไว้ได้บ้างแต่วิธีการที่ดีที่สุดคือ การออมเงินเอาไว้ใช้ในอีก 30 ปีข้างหน้าในรูปของ พอร์ตของหุ้นที่มีการกระจายอย่างเพียงพอ เพราะมันคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้มากที่สุดในระยะยาว มันเพิ่มขึ้นได้มากกว่าทองคำ พันธบัตร หรือเงินฝากธนาคารแบบเทียบกันไม่ติด ภาพข้างบนแสดงให้เห็นถึงการเก็บเงินหนึ่งดอลล่าร์ไว้ในรูปแบบต่างๆ เป็นเวลา 200 ปี ถ้าเลือกเก็บไว้ในตลาดหุ้นเงินหนึ่งดอลล่าร์นั้นจะกลายเป็น 8.8 ล้านเหรียญเลยทีเดียวซึ่งสูงกว่าวิธีอื่นๆ ทั้งหมด

แม้จะเห็นกันชัดขนาดนี้ว่าควรออมเงินระยะยาวของเราไว้ในหุ้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้าออมเงินไว้ในหุ้นอยู่ดี ด้วยเหตุผลข้อเดียวก็คือ เรารู้สึกกลัวความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น ทั้งที่รู้ว่าในระยะยาวแล้วมันจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าวิธีอื่นอย่างมากก็ตาม  เซอร์ จอห์น เทมเปิลตัน กล่าวว่า "เมื่อร้อยปีก่อนดาวโจนส์อยู่ที่ 100 จุด ตอนนี้อยู่ที่ 10000 จุด และอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้ามันจะต้องอยู่ที่ 1 ล้านจุดอย่างแน่นอน มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถ้าคุณเป็นคนมีเหตุผลคุณควรเก็บเงินเกษียณของคุณไว้ในหุ้นตลอดเวลา"


นักวิทยาศาสตร์บอกว่าสัตว์แต่ละชนิดจะมีความรู้สึกเรื่องเวลาไม่เท่ากัน แมลงวันจะมีความรู้สึกเรื่องเวลาที่ไวกว่ามนุษย์มาก มันมีชีวิตอยู่แค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เวลาหนึ่งวินาทีของมันจึงนานกว่าของมนุษย์มาก นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เราจึงตบแมลงวันไม่ทัน เวลาที่เราเอื้อมไม้ไปตบแมลงวันอย่างรวดเร็วนั้น แมลงวันมองเห็นการเคลื่อนที่ของไม้นั้นอย่างเชื่องช้า มันจึงหลบได้ทันเสมอ

ถ้าคนเราสามารถปรับเปลี่ยนความรู้สึกเรื่องเวลาของเราใหม่ให้เร็วขึ้นเป็นต้นว่า หนึ่งปีรู้สึกว่าเหมือนหนึ่งวินาที รับรองเลยครับว่า ทุกคนจะเลือกการออมเงินเกษียณไว้ในหุ้นกันหมด เพราะเห็นชัดเจนว่าได้มากกว่า แต่ที่คนส่วนใหญ่เลือกจะออมเงินเกษียณไว้ในธนาคารนั้นเป็นเพราะพวกเขารับไม่ได้กับความผันผวนในระยะสั้น ทีนี้เห็นภาพหรือยังครับว่า ทำไมผมจึงบอกว่าการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องของใจมากกว่า คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ไม่ใช่เพราะไม่รู้แต่เพราะจิตใจของเขาหวั่นไหวกับความผันผวนของราคา

copy from http://api.settrade.com/blog/1001ii/2007/06/12/66
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #26 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2550, 13:33:46 »

.. เอามาแปะไว้นี้แล้วกัน ..

 
อ้างถึง   

Subject: FW: ครม.อนุมัติลดหย่อนภาษีหักค่าใช้จ่าย
        60%

 

มีผลบังคับใช้แล้ว.  
มนุษย์เงินเดือนเฮ ครม.อนุมัติลดหย่อนภาษีหักค่าใช้จ่าย 60%    (มีผลบังคับใช้ในปี 2550)  
          มนุษย์เงินเดือนเฮ ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินหักลดหย่อยค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 60% แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท จากเดิม 40% แต่ไม่เกิน 6 หมื่น ผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 19,166 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี พร้อมออกตัวไม่ใช่นโยบายหาเสียงเป็นเรื่องที่สรรพากรหารือมานานแล้ว
ขอสรุปข้อมูลจาก Mail มาเป็นการคำนวณภาษีเงินได้เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ ว่ามีวิธีคำนวณการอย่างไรและมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง

การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เดิม ( 15,833 / เดือน)

    ใหม่( 19,166 / เดือน)
(1) เงินได้พึงประเมินทุกประเภทรวมกันตลอดปีภาษี

190,000.00

230,000.00
(2) หัก ค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด (ร้อยละ 40 ไม่เกิน 60,000.-)

60,000.00

100,000.00 (ร้อยละ 60 ไม่เกิน 100,000.-)
(3 ) = (1)-(2) เหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย

130,00000

130,000.00
(4) หัก ค่าลดหย่อนต่าง ๆ (ลดหย่อนผู้มีเงินได้ 30,000.-)

30,000.00

  30,000.00
(5 )= (3)-(4) เหลือเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ

100,000.00

100,000.00
(6) หัก ค่าลดหย่อนเงินบริจาค ไม่เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด

0.00

      0.00
(7) = (5-6) เหลือเงินได้สุทธิ

100,000.00

100,000.00
นำเงินได้สุทธิตาม ( 7) ไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

 

 
จำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

0.00

บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #27 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2550, 22:58:50 »

... จาก tvi.com

 
อ้างถึง   

เร่งความรวย
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 24 กรกฎาคม 2550

              คนหนุ่มสาวมักจะใจร้อนอยากรวยเร็ว บางคนเข้ามาเล่นหุ้นได้ไม่นานและอาจจะ
บังเอิญได้กำไรเร็วมากก็มักจะคิดว่าตนเองจะต้องร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่พร้อมจะ
เป็น "เต่า" เขาพร้อมที่จะเสี่ยงเป็น "กระต่าย" เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่า ถ้าเขาพลาด เขาก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้
               ผมเองคิดว่า วิธี "เร่งความรวย" แบบไม่เสี่ยงหรือเสี่ยงไม่มากนั้นมีอยู่ แต่นี่ไม่ใช่การทำตัวแบบ "กระต่าย" แต่เป็น "ซุปเปอร์เต่า" ที่เดินทางอย่างรวดเร็ว เพราะเดินหน้าหรือว่ายน้ำเต็มกำลังมุ่งตรงสู่เป้าหมายโดยไม่หยุดวันแล้ววันเล่า และต่อไปนี้คือวิธีที่น่าจะได้ผลดีที่สุด
               ข้อแรก สำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการที่จะ "รวยแบบเร่งรีบ" ก็คือ ต้องเซฟหรือเก็บเงินจาก "น้ำพักน้ำแรง" เป็นเม็ดเงินมากที่สุด นั่นก็คือ ต้องหารายได้ให้มากที่สุดและจ่ายให้น้อยที่สุด การหารายได้นั้น ถ้าคุณเป็นคนเก่ง ก็จะต้องพยายามทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้รับการโปรโมต ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น และอาจจะทำให้มีโอกาสย้ายงานไปในที่ที่ให้เงินเดือนสูงขึ้น เพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นและการย้ายงานคือหนทางในการที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าคุณมีศักยภาพที่จำกัด การหารายได้เสริมนอกเหนือจากงานในหน้าที่ก็เป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ ส่วนรายจ่ายนั้น ต้องพยายามอย่าให้เพิ่มเท่ากับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำได้แบบนี้ กระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก และนี่เป็นการเร่งความรวยโดยไม่มีความเสี่ยงเลย
               ข้อสอง เมื่อมีกระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงแล้ว เราจะต้องนำมาลงทุนเพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีและที่ได้มาเพิ่มเติบโตขึ้น ถ้าเราไม่เร่งหรือเฉื่อยแฉะ เราก็เพียงแต่เก็บเงินสดไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคาร แต่ถ้าเราอยากรวยเร็วขึ้นและมีความเสี่ยงไม่สูงนัก เราก็อาจจะทำตามสูตรของนักการเงินทั่วไปที่ให้จัดสรรทรัพย์สินหรือทำ Assets Allocation แบ่งเงินบางส่วนลงทุนในหุ้น บางส่วนลงในพันธบัตร บางส่วนเป็นเงินฝาก และในบางส่วนอาจจะลงในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน่าจะทำให้เงินเติบโตได้ปีละประมาณ 6-7 % แต่ถ้ารีบรวยมาก ผมแนะนำว่าให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ออมได้ลงทุนในหุ้นทั้งหมด วิธีนี้ ในระยะสั้นก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเสี่ยงเพราะเราอาจจะขาดทุนได้ แต่ในระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะให้ผลตอบแทนสูงสุดประมาณเกือบ 10% ต่อปีโดยที่ความเสี่ยงจะน้อยกว่าที่คนทั่วไปคิดมาก
               ข้อสาม หลังจากจัดสรรเงินลงทุนและเราได้สัดส่วนหรือเม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้นแล้ว ถ้าเราไม่ต้องการเร่งผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นเพราะเราไม่อยากจะเสี่ยงเกินไป เราก็นำเงินนั้นไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงกับดัชนีตลาด แต่ถ้าเราต้องการที่จะเร่งความรวยจากหุ้นขึ้นมาให้เต็มกำลังโดยที่ความเสี่ยงนั้นยังเป็นที่ยอมรับได้ เราก็จะต้องเรียนรู้การลงทุนแบบ Value Investment หรือลงทุนแบบเต่าซื้อหุ้นเน้นคุณค่า โดยพอร์ตการลงทุนจะเป็นแบบโฟคัส นั่นคือ เราจะถือหุ้นน้อยตัว อาจจะมีหุ้นหลัก ๆ เพียง 5-6 ตัวที่คิดเป็นเงินถึง 3ใน 4 ของเงินทั้งหมดในพอร์ต ด้วยวิธีนี้ เราอาจจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากหุ้นขึ้นอีก 3-4 % ต่อปี ซึ่งในระยะยาวแล้วจะทำให้เรารวยเร็วขึ้นมาก
               เมื่อได้กำหนดแนวเส้นทางสู่ความร่ำรวยแล้ว ประเด็นสำคัญต่อมาก็คือ การเลือกว่าเราจะเดินหรือวิ่งในเลนไหน นั่นก็คือ ในข้อแรก ถ้าเราจะอยากเร่งเต็มที่ ก็หมายความว่า เราอาจจะต้องเสียสละความสุขสบายโดยเฉพาะทางด้านวัตถุไปพอสมควรเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสำหรับหลายคนก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก เพราะเขาอาจจะคิดว่า กว่าจะถึงวันที่รวย เขาก็ไม่มีแรงที่จะใช้เงินแล้ว ในข้อสองที่เป็นเรื่องของการลงทุนนั้น ถ้าจะเร่งเต็มที่ก็คือการลงทุนในหุ้น 100% นั้น เขาอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป เพราะหากเกิดวิกฤติเขาอาจจะหมดตัวได้ ที่สำคัญ เขาอาจจะเห็นว่าบ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นเกินกว่าที่จะรอให้ร่ำรวยก่อน และสุดท้ายก็คือ การลงทุนแบบโฟคัสและใช้แนวทางการลงทุนแบบ Value Investment นั้น แม้ว่าอาจจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากหากหุ้นที่ถือไว้น้อยตัวนั้นมีอันเป็นไป เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองมีความสามารถในการเลือกหุ้นเพียงพอหรือไม่ ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การเลือกเดินสายกลาง ๆ ไม่เร่งรีบรวยนัก น่าจะเป็นทางที่สมเหตุผลกว่า
               สำหรับหนุ่มสาวที่พร้อมและอยากลองเดินทางในถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เพื่อที่จะเร่งความรวยตามแนวทางที่ผมกล่าวไว้นั้น ผมเองเชื่อว่าโอกาสประสบความสำเร็จและทำให้เขาเป็นอิสระทางการเงินก่อนอายุ 50 ปีน่าจะมีอยู่ไม่น้อย และสำหรับคนที่มุ่งมั่นและมีความสามารถสูง โอกาสที่เขาจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็น่าจะไม่เกินเอื้อม เพราะเส้นทางสายนี้ แม้ว่าคนจำนวนมากอาจจะมองว่าเป็นเส้นทางวิบากและอันตราย แต่ถ้าเราไม่หวั่นไหวท้อถอยไปเสียก่อน เราก็จะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว มันคือเส้นทาง "สายไหม" ที่น่าท้าทาย น่ารื่นรมย์ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนคิดเลย


บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #28 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2550, 23:22:12 »

Nong Max ka,
a really worthful text I ever had read!! I do agree with you from the word"longterm" ...yes,this is a really surely ,efficiently and ...safely!
I live since almost 14 years in Germany...I ask myself why my husband not step into this "challenge"..I used to ask  him why,he said"first we have to build up our base,then we can play any extra money into these stock market.we play it indirectly by invest money to any insurance,these insurance plays direct to the stock market in DAX..that why they promise us a double payback after 15-20-25 years...along the time,we have to build up any surely,dead surely base...yes,immobilien...not an expensive car,not a juwelry,not any worth hobby but a "limit" source:land,house..."
Nong Max,
my husband just step into stock market after we have built our third houses!!!the rest of money he had...few hundred Euro a month...then he invest now in: Daimler&Crysler(Merzedez Benz),Telekom,Deutsche Post,what else?...all of that is "dead surely" survival stock...he got a little
few hundred Euro back if he sells...should he sell it??? no,it is not a short term to have money in the hand but a long term...so he change his stock from here and there...but never sells it!!
What can I see from his methode??prosperous needs time to build!!needs patiently,needs a foresight and ..really really calm.
good night nong
p.nungning
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #29 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2550, 23:57:26 »

Nong Max,
do you know why in front of DAX building in Frankfurt am Main there are 2 symbols of animal??
1. a bull
2.a bear
tell me who knows the meaning of it!!
or get back to read the text of ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร !!!
p.nungning
บันทึกการเข้า


Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #30 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2550, 13:02:40 »

เอาอันแรกก่อนนะครับพี่

สัญญลักษณ์ที่เป็นกระทิง กับ  หมี

กระทิง มักจะพูดกันว่าช่วงนี้ตลาดกระทิง คือกำลังขาขึ้นครับ  กรโจนทะยานเหมือนวัวกระทิง

ส่วนน้องหมี นี เปรียบเสมือน กับว่าหมีกำลังจำศีล ครับ  ตลาดซบเซาครับ

เด๋วข้อบนผมขอเวลาทำความเข้าใจนิดนึงนะครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #31 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2550, 13:29:57 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
Nong Max ka,
a really worthful text I ever had read!! I do agree with you from the word"longterm" ...yes,this is a really surely ,efficiently and ...safely!
I live since almost 14 years in Germany...I ask myself why my husband not step into this "challenge"..I used to ask  him why,he said"first we have to build up our base,then we can play any extra money into these stock market.we play it indirectly by invest money to any insurance,these insurance plays direct to the stock market in DAX..that why they promise us a double payback after 15-20-25 years...along the time,we have to build up any surely,dead surely base...yes,immobilien...not an expensive car,not a juwelry,not any worth hobby but a "limit" source:land,house..."
Nong Max,
my husband just step into stock market after we have built our third houses!!!the rest of money he had...few hundred Euro a month...then he invest now in: Daimler&Crysler(Merzedez Benz),Telekom,Deutsche Post,what else?...all of that is "dead surely" survival stock...he got a little
few hundred Euro back if he sells...should he sell it??? no,it is not a short term to have money in the hand but a long term...so he change his stock from here and there...but never sells it!!
What can I see from his methode??prosperous needs time to build!!needs patiently,needs a foresight and ..really really calm.
good night nong
p.nungning


อืม...
เท่าที่อ่านคือแฟนพี่เค้าลงทุนกับพวกบริษัทประกันภัยใช่ไหมครับเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนจาก

การที่สัญญานั้นระบุไว้ว่าจะได้เท่าไหร่ ณ เวลาไหนใช่เปล่าครับพี่  ซึ่งจากที่เรียนมานะครับ

การวิเคราะห์ว่าผลตอบแทนที่ได้นี่จะคุ้มค่ากับการลงทุนที่บริษัทประกันภัยจะยื่นให้เรามานั้น

คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่เราจะได้จากการลงทุนประเภทอื่นหรือไม่ทางการเงินเค้าจะใช้วิธี

ทาง  Time Value of money นะครับ ซึ่งมันจะมีการหาค่าของ Future Value กับ

Present Value ครับ  ซึ่งโดยมากแล้วการลงทุนกับประกันจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่า

กองทุนรวม (FundX นะครับ แต่ว่า ที่ลงทุนนั้นเพื่อหวังผลทางด้านการลดภาษีครับ

(ผมไม่รู้ว่าที่เยอรมันเค้ามีสิทธิ์ตรงนี้ด้วยไหมนะครับ)  แต่ว่าหากเราไปลงทุนกับกองทุนรวม

ก็มีกองทุนรวมที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ครับ (ในไทยมี LTF กับ RMF ครับ)



ด้านการลงทุนผมว่าหากเราไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวสารตลอดเวลาในการจะเก็งกำไรกับหุ้น

ก็ควรจะลงทุนผ่านกองทุนรวมดีกว่านะครับเพราะว่าการที่เราจะวิเคราะห์เอง

ก็ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรและการที่วิเคราะห์นั้นก็ต้องใช้เครื่องมือทางการเงิน

อีกหลายตัวทีเดียวครับครับ

นอกจากข่าวที่มักจะพูดกันว่า "เค้าว่า...." ครับ  และก็อีกอย่างพวกนักวิเคราะห์เค้าเข้าถึง

ข่าวกับข้อมูลเชิงลึกได้ดีกว่าเราครับ

               จากที่พี่บอกมานั้นหุ้นที่ถือน่าจะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีใช่เปล่าครับ หากขายไปก็จะได้

กำไรไม่มากนัก   ผมจะแนะนำยังไงดีล่ะครับ.... เอาจากที่ทำงานอยู่แล้วกันนะครับ

อย่างหุ้นที่มีปันผลแน่นอน ผลตอบแทนที่จะได้รับแน่นอน เช่นพวก Property Fund

ของเมืองไทยมันจะอยู่ที่ระดับ 5-7% ครับ และพวกนี้สภาพคล่องจะน้อยครับ

เพราะว่าไม่ค่อยมีคนซื้อขายเพราะว่าพวกที่ถือไว้ต้องการที่จะได้เงินปันผลที่สม่ำเสมอจาก

ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับครับ ตั้งแต่แรกที่คิดว่าจะซื้ออยู่แล้วครับสภาพคล่องเลยน้อยไปด้วย

                พี่หนุงหนิงไม่ลองดู พวก Property Fund บ้างเหรอครับ  รายได้จากค่าเช่าที่แน่นอน

ลองดูว่าผลตอบแทนที่ได้รับนั้นพอใจหรือเปล่าถ้าเทียบกับอัตราเงินเฟ้อหรือว่า การลงทุนตัวอื่น

ไม่รู้ที่เยอรมันจะเป็นไง บ้างนะครับแต่น่าจะดีกว่าเมืองไทย

               ไม่รู้ผมจะตอบคำถามพี่ได้ตรงทุกข้อหรือเปล่านะครับ  :wink:


                                 "การลงทุน มีความเสี่ยงครับ"
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #32 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2550, 17:20:44 »

Nong Max,
P.ning has not much known about this...only know about any offer from a long term paying insurance...for example,she get a money from the state for 2 children..so if she spent all these money gone monthly...it is gone.but she invest it 50 Euro/month for the next 20 years each child..we get a double plus the winning from these period(they invest my money into any fond)...not bad.
then they will more money from me,they ask about my "retirement" I just apply my own insurance...also 50 Euro monthly...for the next 25 years...
If you ask how many fond like those above my husband "hind" it somewhere...a few of it...can you imgine how farang...German...build up their prosperous??one generation to another...his father did the same..now he got one another"expiried" these insurance he made it 25 years ago....what he does?? he gave it his children,grand children....my husband would not use this gift from his father into any car,any travel but...he open a new sum in any fond...many attractive payment...naturally better payment than the bank...
So when they drink beer at the meeting...they mouthtak about this topic...there are a lot of offer in day life...they want to collect your money...they want to win from your money....so it is totally normal that most farang will not carry/maintain their cash in the bank but invest it further all and can not break up untill....herr,herr....the next 15-20-25 years.
Is it concern to your investment job??
The system is quite stable...that's mean you seldom lost your money because of any fond collaborates.or the whole system fall...
So if you see a youngy-yappy farang in the age of end 20-30...herr,herr...believe me...they still have ...nothing!the heavy cash owner are....grandpa and grandma...working somewhere in their garden...they are a real....power .
p.nn
บันทึกการเข้า


ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #33 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2550, 02:53:20 »

For you who wanna learn more in the money management ...

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=22481&postdays=0&postorder=asc&start=0


 Shocked
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #34 เมื่อ: 11 กันยายน 2550, 23:48:42 »

ตอนนี้ เบื่อ ๆ เรื่องลงทุน เพราะ ไม่มีตังค์ ให้ลงทุน  Shocked
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #35 เมื่อ: 22 กันยายน 2550, 00:46:50 »

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=28108

การคำนวน มูลค่าหุ้นโดย วิธี Discount Cash Flow

ตัวอย่างการคิดจากคนที่ใช้ user name ว่า tok
 
อ้างถึง   

ผมลองสรุปวิธีการหามูลค่าของบริษัท โดยใช้ Discounted Cash Flow พร้อมตัวอย่างการคำนวณนะครับ

http://www.4shared.com/file/24223267/9971ad5/DiscountedCashFlow_WG.html

ตัวอย่างการใช้ Two-Stage DCF คำนวนมูลค่าของ WG โดยใช้ Assumptions ดังนี้
1. Initial Cash Flow ใช้ Free Cash Flow ของปี 2006 เท่ากับ 69 ล้านบาท
2. ผลตอบแทนที่ต้องการคือ 12% ต่อปี ได้ Discount Rate = 12%
3. สมมุติให้ Cash Flow เติบโต 10% ในห้าปีแรก และ 7% ในห้าปีถัดไป (หลังจ่ายเงินปันผล) ได้ Growth Rate year 1-5 = 10% และ Growth Rate year 5-10 = 7%
4. ให้การเติบโตในปีที่ 11 ถึงบริษัทปิตกิจการเท่ากับ 1% ได้ Terminal Growth Rate = 1%
5. บริษัทมีหุ้นอยู่ 17,850,000 หุ้น ได้ Share Outstanding = 17,850,000
6. บริษัทมีหนี้สินอยู่ 173 ล้านบาทในปี 2006 ได้ Debt Level = 173 ล้านบาท

Cash Flow ที่ทำได้ในปีที่ 1 โดยGrowth Rate 10% และ discounted ด้วย Discounted Rate 12% เท่ากับ 67.768 ล้านบาท
Cash Flow ที่ทำได้ในปีที่ 2 โดยGrowth Rate 10% และ discounted ด้วย Discounted Rate 12% เท่ากับ 66.558 ล้านบาท
.
.
.
Cash Flow ที่ทำได้ในปีที่ 10 โดยGrowth Rate 7% และ discounted ด้วย Discounted Rate 12% เท่ากับ 50.182 ล้านบาท

โดย Cash Flow ตั้งต้นในปีที่ 11 = 157.417 (Terminal Year) ล้านบาทเป็นตัวตั้งในการคำนวณ Terminal Value ตั้งแต่ปีที่ 11 เบ็นต้นไป

Cash Flow 1-10 = 602.435 ล้านบาท
Cash Flow ตั้งแต่ปีที่ 11 เป็นต้นไป = 460.765 ล้านบาท

ได้ Cash Flow รวม = 1063.2 ล้านบาท เอาค่าที่ได้ไปลบด้วยหนี้สินของบริษัท 173 ล้านบาท แล้วหารด้วยจำนวนหุ้นจะได้ Intrinsic Value = 49.87 บาทต่อหุ้น

ถ้าจะซื้อหุ้นด้วย Margin of Safety 25% ควรซื้อที่ 37.40 บาท


 Shocked
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #36 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2550, 12:48:22 »

ช่วงนี้ ใครสนใจ

ขอแนะนำ กอง ETF   -- >  Thai Dex

ของบริษัทผมครับ กองเดียวในประเทศไทย สภาพคล่องสูงครับ

ใครสนใจจะส่งหนังสือชี้ชวนฉบับย่อ ทางเมลล์ให้ครับ   Cheesy
บันทึกการเข้า
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #37 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2550, 12:55:04 »

คือ อะไรเหรอ Max เป็นกองทุนรวมเช่นเดียวกันเหรอ
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #38 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2550, 15:38:27 »

เป็นกองทุนครับ

ถือได้ว่ามีสภาพคล่องสูงมากๆ ครับ

สนใจก็เข้ามาดูที่ web บริษัทเราได้ครับ

www.one-asset.com


มีโปรแกรมที่หักเงินเดือนแต่ละเดือนแล้วไปลงทุนในกองทุนที่เราเลือกไว้ให้ด้วยนะ

ขั้นต่ำที่ 2,000 บาท

ดีตรงที่เราสามารถลงทุนในจำนวนเงินที่น้อยได้

เพราะส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนขั้นต่ำก็ 5,000 บาท หรือไม่ก็ 10,000 บาทครับ
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #39 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2550, 15:43:38 »

มีใครบอกได้ไหม๊ว่าทำไมช่วงนี้หุ้นขึ้น
ม่ายเห็นจะมีปัจจัยอะไรที่เป็นบวกชัดเจนเรยย

ตาแคม  :?
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #40 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2550, 15:49:56 »

ที่จริงปัจจัยพื่นฐานหุ้นบ้านเราบางตัวมันดีนะ

ราคาต่ำกว่าที่คารดการณ์ไว้ก็มีหลายตัวอ่ะ

โดยมากที่ตลาดขึ้นหรือว่าลงเพราะว่าฝรั่งเข้ามาซื้อและขายครับ

ยังไงตาแคมสนใจลงทุน มาเลือกใช้บริการบริษัทเราได้อ่ะ แนะนำพวก Index Fund ครับ

เกาะตลาดครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #41 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2550, 15:53:01 »

อ้างจาก: "Max"
ที่จริงปัจจัยพื่นฐานหุ้นบ้านเราบางตัวมันดีนะ

ราคาต่ำกว่าที่คารดการณ์ไว้ก็มีหลายตัวอ่ะ

โดยมากที่ตลาดขึ้นหรือว่าลงเพราะว่าฝรั่งเข้ามาซื้อและขายครับ

ยังไงตาแคมสนใจลงทุน มาเลือกใช้บริการบริษัทเราได้อ่ะ แนะนำพวก Index Fund ครับ

เกาะตลาดครับ  Cheesy


พี่แมกซ์ หนูก้อเคยสนใจอะ มีเพื่อนเป็น Broker เคยอยากลงทุนแต่เงินทุนต่ำไปอะ (หลักหมื่น)เพื่อนบอก เลยไม่ได้ลง ยังงัยพี่แมกซ์ช่วยบอกด้วยก้อดีนะคะ ทาง PM ก้อได้ แบบว่าสนใจคะ  :lol:
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #42 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2550, 16:29:36 »

เอาทางนี้แล้วกันนะครับ เผื่อ คนอื่นๆ อ่านแล้วสนใจครับ



ที่บริษัทพี่เค้ามีโปรแกรมการลงทุน ชื่อว่า มิลเลียนแนร์โปรแกรมครับ

คือว่าเป็นการออมเงินโดยการที่เราลงทุนในกองทุน  ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกได้ว่า

จะลงทุนในกองทุนประเภทไหนครับ  เช่น กองทุนรวม ตราสารหุ้น(ความเสี่ยงสูง)

กองทุนรวมตราสารหนี้ (ความเสี่ยงต่ำ)  กองทุนผสม ฯลฯ

ซึ่งเงินขึ้นต่ำที่จะให้ลงทุนอยู่ที่ 2,000 บาทครับ ถ้าเป็นพนักงานบริษัท อย่างพี่

ถ้าจะเลือกโปรแกรมนี้ก็จะโดนหักจากบัญชีเงินเดือนอัตโนมัติไปลงทุนในกองทุน

ที่พี่เลือกไว้เลยครับ  แต่ถ้าเป็นคนภายนอกก็ให้แจ้งบัญชีที่เราสะดวกจะให้หักเงินครับ

โดยอาจจะไปเปิดบัญชี ใหม่เพิ่มขึ้นแล้วก็ไปใส่ตังค์ทิ้งไว้ช่วงสิ้นเดือนก็ได้ครับ

ข้อดี

- สามารถลงทุนในกองทุนได้ในราคาที่ถูกครับ เพราะว่าเวลาซื้อกองทุนขั้นต่ำโดยมาจะอยู่ที่
   
   5,000 บาท ถึง 10,000 บาทครับ

ข้อเสีย

 -  ถ้าเป็นคนที่เล่นหุ้นเอง เราจะเลือกช่วงเวลาได้ว่าควรลงทุนในช่วงไหนเช่นการช้อนซื้อใน

     ช่วงที่ตลาดหุ้นตก  แต่การลงทุนนี้จะลงทุนให้ ณ วันสิ้นเดือน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือว่าตก

     เพราะถ้าหุ้นขึ้นเราก็จะได้ของแพงมาครับ

อย่างพี่นี่ก็ลงทุนในตัวนี้เลยครับ  หุ้นอย่างเดียวครับ

http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/prospectus/FF010052.pdf

ถ้าสนใจก็บอกได้เด๋ว พี่ให้คุยกับน้อง marketing ให้ครับ

ยังไงสนใจลงทุนที่ไหน กองไหน ต้องอ่านหนังสือชี้ชวนเค้าให้ดีก่อนนะครับ
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #43 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2550, 20:11:51 »

อ้างจาก: "apirat"
มีใครบอกได้ไหม๊ว่าทำไมช่วงนี้หุ้นขึ้น
ม่ายเห็นจะมีปัจจัยอะไรที่เป็นบวกชัดเจนเรยย

ตาแคม  :?


เลือกตั้งใง พี่ตาแคม ข่าวดี

ตกแล้วจาก ไปแตะ 9 ร้อยจุด หน่อยนึง ...
สักเกต สัญญาณ ตกได้จาก ช่วงที่กองทุนต่างประเทศ เชียร์ ซื้อ  อีกสักพัก ก็จะเริ่มตก :lol:
อันนี้ ไม่ใช่ ทฤาฎีนะ อย่าเชื่อมากครับ

 
อ้างถึง   

ที่บริษัทพี่เค้ามีโปรแกรมการลงทุน ชื่อว่า มิลเลียนแนร์โปรแกรมครับ


อ่าน ๆ ดูแนวคิดคล้าย ๆ กับ Dollar Cost Average หรือ เปล่าครับ

พอดี ตอนนี้ กำลังอ่านหนังสือเรื่อง
THE INTELLIGENT INVESTOR
"คัมภีร์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า"
800 หน้า อ่านไปจะถึงครึ่งทางแล้ว

เห็นเขาเอ่ยถึง Dollar Cost Average ด้วย

ผมว่า เป็นหนังสือการลงทุนที่น่าอ่านครับ
มีเล่าเกี่ยวกับกองทุนแต่ละประเภท ที่อเมริกา ด้วยครับว่าเป็นอย่างไร

สำหรับคนที่เริ่มสนใจการลงทุน น่าอ่านครับ เพราะ บางทีเราอาจจะได้เข้าใจมากกขึ้นอีกหน่อยว่า

ทำไมซื้อกองทุน ทำไมซื้อหุ้น ...

แล้ว ทำไมควรลงทุน

... แต่เป็ยหนังสือที่มีฐานความคิดจาก อเมริกา นะครับ ก็ อาจจะเอามาปรับใช้กับการลงทุนบ้านเราได้ ...
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #44 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2550, 08:05:19 »

อ้างจาก: "ชาร์ป"
อ้างจาก: "apirat"
มีใครบอกได้ไหม๊ว่าทำไมช่วงนี้หุ้นขึ้น
ม่ายเห็นจะมีปัจจัยอะไรที่เป็นบวกชัดเจนเรยย

ตาแคม  :?


เลือกตั้งใง พี่ตาแคม ข่าวดี

ตกแล้วจาก ไปแตะ 9 ร้อยจุด หน่อยนึง ...
สักเกต สัญญาณ ตกได้จาก ช่วงที่กองทุนต่างประเทศ เชียร์ ซื้อ  อีกสักพัก ก็จะเริ่มตก :lol:
อันนี้ ไม่ใช่ ทฤาฎีนะ อย่าเชื่อมากครับ


ม่ายช่ายหรอกครับ ไม่ใช่ปัจจัยเลือกตั้งแน่ๆ

ตาแคม
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #45 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2550, 18:48:10 »

ซื้อ LTF กันยังครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #46 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2550, 17:35:33 »

อันนี้ผลการดำเนินงานของ LTF ครับ

http://www.finansa-asset.com/th_fund_result.asp?L_Fund_Type=&L_Fund_Size=0%20and%20999999&L_Fund_Performance=--%20Select%20Performance%20Peroid%20--&L_Fund_Rank=All&L_Fund_Maturity=--%20Select%20Fund%20Maturity%20--&L_Fund_Manager=&Fund_Type=LTF

แต่ทั้งนี้ถ้าจะซื้อก็ไปหาโหลดพวกหนังสือชี้ชวนเค้ามาอ่านด้วยก็ดีนะครับว่า นโยบายการลงทุนของกองทุนรวมนั้น ๆ เรารับได้หรือไม่นะครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
Sleepy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46

« ตอบ #47 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2550, 07:43:48 »

อ่านแล้วหนุกดี เด๋ววันหลังมาอ่านใหม่  :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #48 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2550, 09:41:18 »

พี่แม็กซ์ จัดให้หน่อย
somkiat.l@tha.fujixerox.com

อยากรวย อยากรวย
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #49 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2551, 19:27:47 »

ตอนนี้ที่บริษัท

ออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตัวใหม่ครับ

ชื่อว่า พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟ็คครับ

return ประมาณ 7.5% ต่อปีครับ

ช่วงนี้เปิดให้จองซื้อครับ แต่ว่าไปรอซื้อช่วงเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2] 3 4 ... 13  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><