29 มีนาคม 2567, 03:05:19
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 3 ... 29 [ทั้งหมด]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม  (อ่าน 545612 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 สิงหาคม 2550, 19:15:13 »


เคยดูรายการแข่งขันตอบปัญหา " เกมเศรษฐี " ของคุณไตรภพ มั้ยคะ พี่น้อง ? ... ก็ต้องเคยดูมั่งแหละ ... พิธีกรไม่น่าถามวุฒิการศึกษา  และสถาบันที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนเรียนจบมาเล้ย  บางคนเรียนจบปริญญาโท  จากมหาวิทยาลัยโน่น  มหาวิทยาลัยนี่  แต่ก็รีบร้อนตกม้าตายตอนที่ตอบคำถามข้อแรก  หรือไม่ ก็ไม่เกินคำถามข้อที่ 3-4 ... Oh !  พาลเสียชื่อไปถึงสถาบันที่เรียนจบมาโม้ด ... ถ้าจะมองอีกมุมนึง  ก็ให้รู้สึกฉงนใจว่า " เกณฑ์เฉลี่ยเรื่องความรู้รอบตัวของบัณฑิตไทย  มีแค่จุ๋มๆ  จิ๋มๆ เท่านี้เองเหรอ ? " แล้วจะตามทันเวียตนาม มั้ยเนี่ย ?

อย่ากระนั้นเลย  เรามาติดอาวุธทางปัญญา  ด้วยการ update ตัวเองให้ก้าวทันโลกใบเล็ก ใบนี้กันเถอะ ... ก็บรรดาเพื่อนๆ  พี่ๆ  น้องๆ แหละค่ะที่ขยัน forward mail ดีๆ  มีประโยชน์มาให้เจี๊ยบ  ทู้กวัน  โดยเฉพาะพี่ชรินทร์ 07 ได้ฝากเจี๊ยบให้ช่วยเผยแพร่ mail ดีๆ ให้สมาชิกซีมะโด่งด้วย อีกต่อนึง

ก็หวังใจว่าสมาชิกทุกท่านคงจะใช้กระทู้นี้ให้เป็นประโยชน์ในการแบ่งปันความรู้  สารพัดหมวด  ที่น่าสนใจ สู่กันฟัง  และจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายม้าก ก ก ก ก ... ถ้าท่านไม่ได้อ่าน
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 11:07:55 »

โบสถ์สเตนเลส  หนึ่งเดียวในโลก อยู่ที่วัดปากห้วยขาแข้ง



นั่งอยู่ในโบสก์  แล้วไม่รู้สึกร้อนนะ  ทั้งๆ ที่เป็นโลหะทั้งหลัง  เพราะอะไรเอ่ย ?
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 11:16:05 »

Michelin's New Tires - " See-through and airless " !

มนูญ - วิศวะ 16 ...  ส่งมา

Radical new tire design by Michelin. The next generation of tires



These tires are airless and are scheduled to be out on the market very soon.

The bad news for law enforcement is that spike strips will not work on these tires.

This is what great R&D will do, and just think of the impact on existing technology:

a. no more flat tire (thus no more spare tire in the trunk)
b. no more air valves
c. no more air compressors at gas stations
d. no more repair kits
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 11:28:22 »

คุณเป็นคน Negative ประเภทไหน

โดย ดร.บุญชัย โกศลธนากุล

ความคิดคือพลัง มนุษย์ส่วนใหญ่มักโทษสถานการณ์ภายนอกว่าทำให้ตนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ โทษดวงชะตาที่ทำให้เราเกิดมาไม่ร่ำรวย เป็นต้น แต่น้อยคนนักที่จะเห็นตัวเองชัดเจน หรือหันมาตรวจสอบระบบความคิดของตัวเองว่าตัวเรามีระบบความคิดอย่างไร เรามองโลกตรงตามความจริงมากน้อยแค่ไหน หรือเรามองโลกในแง่ร้ายเกินไป เพราะเมื่อเรารู้ว่ามีรูปแบบความคิดผิดปกติแล้ว เราจะเลิกโทษผู้อื่น แต่จะหันมาหาทางแก้ไขและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่ปัญหาคือ มนุษย์มักไม่รู้ตัวว่าตัวเองคิด Negative

ความหมายของ " Negative Thinking " หมายถึง สภาวะจิตใจที่ส่งผลต่อระบบความคิดซึ่งจะก่อให้เกิดความทุกข์ และเกิดพฤติกรรมในทางทำลายตัวเองทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งรูปแบบความคิดดังกล่าวได้ถูกฝังรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ " นิสัย " ทางความคิดเฉพาะบุคคล

ทำอย่างไรจึงจะเลิกเป็น Negative Thinker

1. ต้องรู้และเข้าใจว่า Negative Thinking มีกี่ประเภท มีลักษณะอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง

2. ต้องรู้และยอมรับก่อนว่าคุณมีรูปแบบ Negative Thinking แบบใด

3. ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า " นิสัยในทางลบ " ต้องใช้เวลา ก่อ ตัวนานเท่าใด การ เลิก อาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นหลายเท่า

ทำไมต้อง " รู้ " รูปแบบความคิดของตัวเอง

ตามสมมติฐาน มนุษย์มักไม่รู้ว่าตัวเองมี Negative Thinking และเมื่อไม่รู้ก็ไม่เกิดการแก้ไข หรือแก้ได้ไม่ตรงจุด ดังนั้นถ้าอยากพัฒนาตนเองให้เป็น Positve Thinker จำเป็นต้อง " เห็น " รูปแบบความคิดของตัวเอง และยอมรับจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสามารถทำได้ โดย

1. มี " สติ " ซึ่งสามารถสร้างได้ โดยการตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลา ดังต่อไปนี้

1. ขณะนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่ ? คิดไปทำไม ?

2. ขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไปทำไม ?

3. ขณะนี้เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ? (สุข, ทุกข์, เฉย ๆ)

4. หัดฟังเสียงที่ตัวเองพูดว่า ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ คุณเลือกใช้คำพูดอย่างไร ? น้ำเสียงอย่างไร ?

ข้อสังเกต การที่คนเราคิด Negative ส่วนใหญ่เพราะ เก็บเอานิสัยในวัยเด็กมาใช้


พฤติกรรมที่เรียกว่า Negative Thinking มี 11 ประเภท ดังนี้

1. สภาพจิตที่เย็นชา

สาเหตุ เกิดจากขาดเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนในชีวิต

อาการ

* ไม่สามารถพูดคุยกับคนที่ตนเคารพรักด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยน

* รู้สึกเบื่อหน่าย, อยากเก็บตัวอยู่คนเดียว, นั่งเฉย ๆ เหม่อลอย ไม่สามารถทำงานที่เคยชอบทำเป็นประจำได้

* เมื่อเกิดความโกรธ จะพูดจาก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ อาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดความเย็นชา

* หน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน

* นอนไม่หลับ

ทางแก้

* ต้องอยู่กับปัจจุบัน คือ ต้องรู้ตัวว่าขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่, กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ และมีความรู้สึกอย่างไร

2. สภาพจิตที่รักตัวเองไม่เป็น แยกได้ 2 อาการหลัก

2.1 ไม่พอใจในสรีระของตนเอง : เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง

ทางแก้

* ให้แก้ไขเป็นจุดๆ อย่างสรุปว่าตัวเองเป็นคนรูปร่าง บุคลิกไม่ดี

* บอกตัวเองว่า " จงพอใจในตัวเอง "

2.2 พวกช่างบ่น เนื่องจาก

* หนีปัญหา ไม่ต้องการแก้ปัญหา ต้องการพึ่งพาผู้อื่น

* โทษชะตาชีวิต โทษผู้อื่นว่าทำให้ตัวเองไม่มีความสุข

* ขาดความอดทน ขาดความเพียรที่จะทำงานให้เสร็จ , ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน

ทางแก้

* เมื่อได้รับคำชมให้ยิ้มรับ และอย่าปฏิเสธในใจ

* เมื่อรู้สึกชื่นชมใครให้เราแสดงออกให้บุคคลนั้นทราบ

* ให้รางวัลตัวเองหลังทำงานหนัก เช่น ดูแลสุขภาพตัวเอง, ซื้อของให้ตัวเอง

* เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจ

3. สภาพจิตที่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นอยู่เสมอ

อาการ

* เมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตน จะเลิกทำสิ่งนั้นทันที ส่งผลให้เป็นคนขาดความรับผิดชอบ

* เป็นคนไม่มีหลักการ : พูดเพื่อเอาใจผู้อื่น, ใช้คำพูดหวานเกินเหตุ, พยักหัว , ขอโทษบ่อยเกินความจำเป็น

* เมื่อถูกตำหนิ จะเกิดความเศร้า วิตก กลัวเกินกว่าเหตุ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี-ไม่เก่ง

* ทำตัวฝืนโลก หรือ ทำตัวเป็นผู้รอบรู้

ทางแก้

* ต้องรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้

* พยายามสร้าง Positive Self-image บอกตัวเองทุกวัน " I'm good I'm better I'm smart "

* ให้บอก " ขอบคุณ" ในสิ่งที่เขาวิจารณ์ และคิดว่าเป็นความรู้ใหม่

* ถ้าต้องทำอะไรตามผู้อื่นให้บอกไปว่า ที่ทำเนื่องจากเป็นสิ่งถูกต้อง

* เมื่อเจอคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราให้คิดว่า เราก็คือเรา เขาก็คือเขา "ความงามของโลกคือ ความแตกต่าง"

* สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยคิดว่า ไม่ใช่ว่าเขายอมรับเราแล้วชีวิตเราจะดีขึ้น หรือ หัดวิจารณ์กลับ

4. สภาพจิตที่อยู่แต่เรื่องในอดีต

คนเรามักติดป้ายฉลาก ( label ) ให้ตัวเองว่า เป็นคนแบบใด จึงทำให้คน ๆ นั้นไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าคิดเช่นนี้ ชีวิตของท่านก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ตายแล้ว

ทางแก้

* ยอมรับว่าเราเคยเป็นคนเช่นนั้นจริง แต่นั่นเป็นอดีต และเราขอตั้งต้นใหม่เปลี่ยนเป็นคนใหม่

* เราต้องตั้งจิตที่จะเปลี่ยนและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น

* ตั้งใจมุ่งมั่นเลิกคิดเรื่อง Negative

5. สภาพจิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไร้สาระ ( ความรู้สึกผิด, ความรู้สึกกังวล )

5.1 อารมณ์ที่รู้สึกผิด

อาการ

* ขี้เกียจ, ไม่รับผิดชอบ รู้ว่าต้องทำอะไรแต่ไม่ทำ

* แกล้งทำอาการสำนึกผิดเพื่อให้คนอื่นช่วยเหลือและยอมรับตนเอง

ทางแก้

* อดีตผ่านไปแล้ว จบแล้วไม่สามารถแก้ไขอดีตได้

* อย่าหลอกตัวเอง ตอนนี้มีอะไรทำก็ทำไป

* หัดเขียนไดอารีว่ารู้สึกผิดเรื่องอะไร กับใคร เกิดขึ้นได้อย่างไร

* ทบทวนระบบความคิด ระบบการมองโลกของตนเอง ว่าอะไรควร - อะไรไม่ควร

5.2 อารมณ์รู้สึกกังวล

อาการ

* หนีปัญหา : หลีกหนีสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบัน

* กลัวการเสี่ยง เนื่องจากขาดการวางแผน, ขาดการขบคิดอย่างละเอียดรอบคอบ

* อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราแคร์

ทางแก้

* เมื่อเริ่มกังวลให้ถามตัวเองว่า "เรากำลังหนีปัญหาใช้มั้ย ขาดการวางแผน"

* กังวลแล้วได้อะไร, กำหนดเวลาให้กังวล หรือดูหน้าตาความกังวลว่าเป็นอย่างไร

* เขียนเรื่องที่กังวลออกมาว่ามีเรื่อง และพิจารณาดูว่าพอจะมีวิธีแก้ไขได้หรือไม่

* ถามตัวเองว่า ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเราจะยอมรับผลได้หรือไม่

6. สภาพจิตที่กลัวการลองของใหม่

อาการ

* มีระเบียบวินัยเข้มงวดเกินขอบเขต : มีรูปแบบในการดำเนินชีวิตซ้ำซาก เช่นพฤติกรรมการกินเดิมๆ

* ทนทำงานที่ไม่ชอบ เนื่องจากต้องการความมั่นคงปลอดภัยมากเกินไป

* ระมัดระวังในเรื่องเวลามาก เนื่องจากเป็นนักวางแผนละเอียดจนเกินไป

* ยึดติดวัตถุทั้ง ๆ ที่ตัวเองอาจไม่ชอบ แต่เพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี ต้องการให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ

* รับแนวความคิดใหม่ ๆ ไม่ได้, กลัวการมีเพื่อนใหม่, ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

วิธีแก้ ให้บอกกับตัวเอง ดังนี้

* ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ : ค่อย ๆ ลองทำอะไรใหม่ ๆ ทีละนิด

* ไม่ต้องกลัวความล้มเหลว หรือกลัวเสียหน้า : หัดคุยกับคนที่มีโลกทัศน์ต่างจากตัวเอง

* ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ให้รางวัลตัวเองบ้าง

7. สภาพจิตที่กลัวการแหวกกรอบประเพณี

อาการ

* พูดและแสดงพฤติกรรมตามสังคมเพราะต้องการการยอมรับจากผู้อื่นและตำหนิผู้ที่ไม่ทำตามกรอบสังคม

* เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ มีความลังเล เพราะเป็นคนมองโลกไม่ตรงตามความจริง

* เป็นพวกที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังผู้ใหญ่จนขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดการพิจารณาด้วยตนเอง

วิธีแก้

*เขียนกรอบประเพณีที่เราไม่เห็นด้วยออกมา และบอกตัวเอง "พยายามอย่าทำ"

* เลิกจับผิดผู้อื่น เพราะเป็นการบังคับให้ผู้อื่นทำตามเรา

* เมื่อต้องตัดสินใจ พยายามพิจารณาแต่ละทางเลือกอย่างละเอียดรอบคอบ ซ้าย ขวา หน้า หลัง

8. สภาพจิตที่คิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม

อาการ

* เป็นพวกช่างบ่น ต้องการความเห็นใจ

* มีพฤติกรรม 50 / 50 คือ ใครดีกับเราต้องตอบแทนกลับทันที

* ต้องการหนีปัญหา โทษผู้อื่น เช่น โทษระบบเส้นสาย

* ต้องการแก้แค้นผู้อื่นที่เอาเปรียบตัวเอง เมื่อคนนั้นได้ดีกว่าตน

วิธีแก้

* เลิกตอบโต้ในทางลบกับผู้ที่คิดไม่เหมือนเรา

* ให้พูด " มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย " แทนการพูดว่า " มันไม่ยุติธรรม "

* เลิกคิดแบบ 50 / 50 แต่ให้พิจารณาตามโอกาสและความเหมาะสม

9. สภาพจิตที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง

ให้ถามตัวเองก่อนว่า ผลจากการที่คุณผลัดวันประกันพรุ่ง ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด กระวนกระวายใจหรือไม่

อาการ

* คนที่ทนทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ

* หนีปัญหา : ไม่อยากเจอผู้คน, รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากทำอะไร คอยให้เวลาช่วยให้ปัญหาผ่านไป

* พวกที่แกล้งอุทิศแรงกายแรงใจ เพื่อผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่งานของตนยังไม่เสร็จ

* ผู้ที่รักการวิจารณ์ผู้อื่นตลอดเวลา ส่งผลให้ตัวเองไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวออกมาไม่ดี

ทางแก้

* ถามตัวเองว่า " อีก 5 นาทีข้างหน้า จะทำอะไร "

* ถามตัวเองว่า คุณจะทนรับสภาพอึดอัดกระวนกระวาย,ความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกต่ำต้อยได้หรือเปล่า

* ก่อนจะทำอะไรให้มองถึงผลลัพธ์ แล้วถามตัวเองว่ายอมรับผลที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

* สร้างสถานการณ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างพลังบวก เช่น ใกล้กับคนที่เราชอบ เป็นต้น

10. สภาวะจิตที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น

สาเหตุ ในวัยเด็กได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ใช้อำนาจกับลูกมากเกินไป

อาการ

* คนที่ชอบพูดขู่ว่า " ถ้าทำอีกครั้งจะตัดญาติ " หรือ พวกที่ชอบทำลายข้าวของ

* จะทำอะไรต้องขออนุญาต หรือถามความเห็นจากผู้อื่นตลอดเวลา

* สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน เป็นคนอยู่สันโดษไม่ได้

ทางแก้

* ต้องหาให้เจอว่าใครคือผู้ที่ครอบงำอำนาจเรา : แสดงให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนทำอะไรมีหลักการ

* พยายามปลีกตัวอยู่สันโดษบ้าง เช่น วันละ 1 - 2 ชั่วโมง ทบทวนเรื่องต่าง ๆ หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น

* บอกตัวเองว่า " ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องทำให้ทุกคนมีความสุข"

11. สภาพจิตที่โกรธแล้วต้องแสดงออก

อาการ

* ต้องการบังคับโลกให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

* รู้สึกว่าโลกขาดความยุติธรรม

* แกล้งโกรธเพื่อให้อีกฝ่ายจำยอม

* แกล้งโกรธเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า

* การจราจรติดขัด

ทางแก้

* พยายามปรับทัศนะในการมองโลกว่า โลกนี้จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถควบคุมบุคคลอื่นได้ตลอดเวลา

* ใช้ " ใจ " พิจารณา โดยการถามตัวเองว่า " โกรธแล้วได้อะไร "

* พยายามรู้เท่าทันความโกรธ : สังเกตว่าอะไรคือตัวกระตุ้นให้เราเกิดความโกรธ

*ในสถานการณ์ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เช่น รถติด ให้หาเทปที่มีประโยชน์มาฟังเพื่อให้จิตใจสบายมีความสุข
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 12:01:32 »

P'Jiab,
This is great krab. I love the approach you introduced in order to go about the nagative thinking. Great.... great!!!

YAS
Law 26
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 12:17:22 »

 
    บ่ฮู้บ่หัน  N' Yas, you're welcome.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 12:20:44 »

:roll: The Beauty Of Math

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

1 x 8 + 1 = 9

12 x 8 + 2 = 98

123 x 8 + 3 = 987

1234 x 8 + 4 = 9876

12345 x 8 + 5 = 98765

123456 x 8 + 6 = 987654

1234567 x 8 + 7 = 9876543

12345678 x 8 + 8 = 98765432

123456789 x 8 + 9 = 987654321


1 x 9 + 2 = 11

12 x 9 + 3 = 111

123 x 9 + 4 = 1111

1234 x 9 + 5 = 11111

12345 x 9 + 6 = 111111

123456 x 9 + 7 = 1111111

1234567 x 9 + 8 = 11111111

12345678 x 9 + 9 = 111111111

123456789 x 9 +10= 1111111111


9 x 9 + 7 = 88

98 x 9 + 6 = 888

987 x 9 + 5 = 8888

9876 x 9 + 4 = 88888

98765 x 9 + 3 = 888888

987654 x 9 + 2 = 8888888

9876543 x 9 + 1 = 88888888

98765432 x 9 + 0 = 888888888


Brilliant, isn't it ?

And finally, take a look at this symmetry:

1 x 1 = 1

11 x 11 = 121

111 x 111 = 12321

1111 x 1111 = 1234321

11111 x 11111 = 123454321

111111 x 111111 = 12345654321

1111111 x 1111111 = 1234567654321

11111111 x 11111111 = 123456787654321

111111111 x 111111111 = 12345678987654321
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 13:24:22 »

P'Jiab,
This is wonderful.... BUT I think it is too difficult for me as เด็กศิลป์ฝรั่งเศสYAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #8 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 17:45:50 »

P.Jiab ka,
without pen and paper..nungning has to make her eye in the sky!!!
nn :roll:
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 17:59:55 »

Ning,
I am the eye in the sky
Looking at you.....ooooohhhhhh
I can read your mind!!

Isn't that right, Ning?
This song was very popular during my AFS year (some 25 yrs ago).
Thanks for reminding us those rewarding year and moments.

P'Yas
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #10 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 18:17:32 »

Keep it right in your memory..
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #11 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 19:12:37 »

P.Yas ka,
for khun pee...nungning rearrange another one....
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 20:18:46 »

Ning,
I don't know this one.
Please find me the one called "I just call to say I love you"

P'Yas
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #13 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 20:30:56 »

P.Yas,
no,this fit well
nn.

บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #14 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2550, 20:39:32 »

P.Jiab ka,
instead of practice and learn how to sharpen our thought...nungning and P.Yas use khun pee's room as a cafe!!!...no,music place....pardon me.
nn(bad student)

ps.if khun pee needs to hear some song..just give a signal...nungning will be on duty ...herr,herr....excuse me,can you help me ironing three luggages cloth?Huh? :twisted:  :twisted:
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2550, 12:16:32 »


NN, our DJ of the webboard, please feel free to enjoy talking anything you want, .

ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือ ( ที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ )

แต๋ม - อริสา - ครุ 16 ... ส่งมา

1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก

ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้กด 112 แล้วมันจะค้นหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติ แม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้ ... ลองดูสิครับ


2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ ... สำหรับรถที่ใช้ Remote Key

ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทร.ไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ ( เราต้องโทร.ไปเข้ามือถือของเขาด้วยนะ ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขาให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรอง ในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต ( คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กด ต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม ) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละ ระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม


3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด * 3370# สำหรับมือถือ Nokia

ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้จะดับ แต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด * 3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมา แล้วแสดงให้เห็นว่าเพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป


4. ถ้าโทรศัพท์หาย-ต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป

ในกรณีนี้ เราต้องใช้ หมายเลข Serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15- 17 หลัก การที่จะทราบหมายเลขนี้ ก็ไม่ยากครับ กด * #06# แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันที เหมือนเล่นกล จดไว้ครับแล้วเก็บไว้ให้ดี ...

ที่นี้ถ้ามือถือหาย หรือตกหล่น ให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขประจำเครื่อง เขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้ แล้วทีนี้มือถือที่หายไป จะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดี ได้อย่างเดียวคือไว้ขว้างหัวหมา หรือหลังคาบ้านคนอื่น ( อาจจะหลอกไปขายต่อได้ ... ถ้าคนซื้อต่อเขาไม่รู้ ... )
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2550, 12:34:25 »


ทีวีสีรุ่นใหม่ ของ Sony เป็นรุ่นTransparent ( ไม่มีจอภาพแบบเดิม )

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07... ส่งมา





โห ! dern จัง ... ใสแจ๋ว ไม่เป็นภาระทางสายตา ดีแฮะ ! ... แต่เจี๊ยบสงกะสัยว่า รูปสุดท้ายนี่ ทำไมถึงไม่มี horn ข้างซ้าย และขวา เหมือนในรูปที่ 1 กะ 2 แล้วคนดูจะได้ยินเสียง TV มั้ยเนี่ย ? คิดว่าใน 1 set น่าจะมี 4 ชิ้นนะ : จอภาพ เครื่องฉายภาพ ลำโพงซ้าย-ขวา  ... คุณผู้อ่านว่ามะ ?
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2550, 12:48:09 »

Drinking Habits

เพื่อนชาว Aussie, forward mail มาให้จ้า ...

The part of the world were Europe is placed can be divided in different areas depending of the habit of using alcohol.

This is not an exact description, but it tells us something of why peoples behaviour are different from different locations in Europe when they drinking alcohol. This is a very trivial description. There are of cause local differences and individualities but in a general overview it can be described mainly like this.


ไม่มีรูปประกอบเด้อ ! ... แต่ขอให้จินตนาการถึง " ลูกโลก " ที่ระบายสีต่างกันเป็นชั้นๆ เหมือน " ขนมชั้น " น่ะ

Sweden belongs to what is called the " Vodka-belt " in Europe. This includes also Norway, Finland Russia, Belarus, Ukraine and the Baltic States: Estonia, Latvia and Lithuania. People living in this region drink more often hard liquor like Vodka than the other. Some people say that, " this people drink to be drunk " rather than to drink as a complement to the food.

South of the vodka belt is the " Beer-belt " represented by Denmark, Germany, United Kingdom, Belgium Netherlands and the Czech and Slovak republics. Some people in this belt drinks a lot more beer than in the rest of Europe and some even drink so much that they get drunk.

Further south is the " Wine-belt " and there are countries like France, Italy, Spain and Portugal the most famous. In general this people drink wine every day and consume a lot of wine per person but it is seldom you see people " pitch drunk " in this countries even if they are not sober.

Below the wine-belt you find the " Tea-belt ". This includes the North Africa, the Middle East and turkey. The main reason for most of this people to drink tea instead of alcohol is based on the religion.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 06 กันยายน 2550, 10:40:25 »

How big are WE ?

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา









ตามความเห็นของเจี๊ยบนะ ...

โอ๊ะ ... โอ ...  โลกของเรา เล็ก ก ก ก  ยิ่งกว่าขี้ตาแมลงหวี่ซะอีก  แถมยังเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต ที่มีอารยธรรมชั้นสูง  แต่มนุษย์บนโลกนี้ก็ยังรบรา-ฆ่าฟันกัน ทู้กวัน  สร้างสถานการณ์ให้ตึงเครียด  ทำให้ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส   ช่วยกันสร้างความล่อแหลมที่พร้อมจะก่อชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ทุกเมื่อ ... เศร้าใจจัง ... ทำไมมนุษย์ถึงไม่รักกัน ... ไม่คิดจะช่วยกันเก็บรักษาดาวเคราะห์ "  หนึ่งเดียวดวงนี้ " ไว้ให้อยู่ยืนยาว  ชั่วกัลปวสานติ์เลยรึ ?

So, the affection between friends from different countries around the world is the best present for humankind ... Do you think so ? ... But it's too idealistic.
บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 06 กันยายน 2550, 11:12:37 »

เจ๊ยบจ๋า

อ่านของเจี๊ยบแล้วได้ฟามรู้ดีมากเลย Shocked

พี่แอ๊ะลองกด 112 แล้ว มีเสียง ambulance ด้วยล่ะ อิๆๆๆๆ Shocked

สองวันก่อน ลูกชายพี่แอ๊ะคนเล็ก โดน ปล้น มือถือ เค้าเดิน ไปกับเพื่อนร.ร นานาชาติ 3คน

มีเด็กตัวกะจิ๊ดเดียว สองคนเอามีด สปาต้า กับ มีด ปลายแหลม มาขู่ บอกว่า

 "มีอะไรเอามาให้หมด"

ลูกผู้ชาย ไฮโซ สามคน ถอดให้หมดเลย ลูกพี่แอ๊ะให้มือถือเค้าไปเลย :shock:  :shock:

แต่พี่แอ๊ะคิดว่าลูกตัดสินใจถูกแล้ว เพราะถ้า ดื้อสู้เค้า มีโอกาสโดนสปาต้า ฟันคอ

เหตุเกิด แถว ทาวน์อินทาวน์ ค่ะ Shocked เวลา3 ทุ่มค่ะ
น้าอู้ด พรเทพ 16 ทราบเรื่อง ขำแทบตาย ว่าหลานชายตัวโต๊โต ยังโดนเด็กปล้นได้ Shocked
ตอนแรก น้องต๊อบไม่กล้าเล่าคุณยายกลัวคุณยายเป็นลม  Shocked
คุณยายบอกว่า คุณยายไม่เป็นลมหรอก คุณยาย "นักสู้" อยู่แล้ว :lol:  :lol:

น้องต๊อบเซ็งมาก  ในความไม่ปลอดภัยของบ้านเรา  :cry:  :cry:

แถวบ้านพี่แอ๊ะ พระราม9 เดี่ยวนี้ก็จี้กันทุกวันค่ะ :shock:
 :shock:  :cry:  :cry:
บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #20 เมื่อ: 06 กันยายน 2550, 14:29:25 »

P.Jiab ka,
hmm,what is Antares and Butageuse is something new for me!
look! how small the world is...
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 07 กันยายน 2550, 08:35:46 »


พี่แอ๊ะขา ... น้องต๊อบเจอของจริง ( ที่ไม่อยากเจอ ) เข้าแล้ว  โชคดีที่ตัดสินใจถูกต้อง  จึงไม่ถูกทำร้ายร่างกาย นะคะ ... น่าตกตะลึงกับสภาพสังคมปัจจุบัน จริงๆ !

NN ... I'll ask an astronomer for you, soon.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #22 เมื่อ: 07 กันยายน 2550, 13:26:40 »

But Sirius is a name of Harry Potter's godfather....!Sirius Black...herr,herr
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: 08 กันยายน 2550, 13:26:59 »

P'Jiab,
Your presentation is very advance krab. I enjoy reading them. Thanks.
Hope you are fine and still beautiful as usual naa krab.

YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 08 กันยายน 2550, 22:44:12 »


 อายจัง  N'Yas, with my pleasure. Hope you're fine too. ( whisper ! ... but I'm bigger and bigger, now. ... ha  ha  ha ! )
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #25 เมื่อ: 08 กันยายน 2550, 23:53:27 »

P.Jiab ka,
but I am on the way back to my own weight kaaaa....with a week of fasten....high discipline with sit up...I will kill these extra kilos....I swear!....P.Jiab, I never forget the picture you and P.Lew dance together one song after midnight...cha cha cha??
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 00:35:32 »


 ปิ๊งๆ  NN ... Great job ! , hope you'll reach to your goal soon.

That rythm was not Cha Cha Cha, but Beguine, so easy only with 1-2-3. I guess you could remember the wicked joke of P' Pete 15. When the audience wanted to read the lyric on the monitor behind our curve of figures. He said " มันทึบ ไปหมดเลยว่ะ "  ha  ha  ha !   เหอๆๆ
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 00:47:32 »


P'Jiab,

Size is NOT a matter. You are beautiful, intelligent and good-hearted.... ( I can sense that... jing jing krab )

I am fine but been very busy. I travel here and there alot ( in and out of the country ). Hope to see you again sometimes naa krab.

I'll keep reading your presentation naa krab.

YAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #28 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 01:07:30 »

P.Jiab ka,
are you sure it has been said by P.Pete?Huh?
I bet it was from khun pee Gwangdam!!!
He gave a funny soundtrack to every songs they've sung...
near me and you!!it was so fun...and how!

Oh,yes..how can I forget ...P.Pete is the one in the house ,who wake up early in the morning first and bought some breakfast(Kaotomjoke)for everybody..then bring us to swimming pool and pick us up...oh,how nice he was/is!thank you again ka p.Pete!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 01:32:24 »


 อายจัง  Wow ... Wow ... Wow ! ... N' Yas, I may not have my midnight meal, tonight, as fulling up with your sweet words. Thanks ka.

Anyway, you should know the truth that I always appreciate your opsimist and your good heart which I can sense too.

But now, I feel hungry again, let's have " Ma Ma Tom Yam Kung " with 10 shrimps, together. I'll give you 5 shrimps, equally. ha  ha  ha !   เหอๆๆ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 01:43:39 »



 gek  We'll wait for whose confession from P'Pete or Somkiat-Kwangdam ... wait ... wait ... and wait !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #31 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 01:57:42 »

P.Jiab ka,
just finished evening meal!today I cook:jusmin rice ,boiled eggs,fish with cream sauce and broccoli,big bowl salat and completed with...grapefruit!
I still wait for the picture of P.Ti...i think I should give up and see TV!!!
good night ka,
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 18:30:36 »

P'Jiab,
MAMA tom yum kung has always been my favourite menu since I was at Cmadong krab.
Thanks.

YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 18:51:34 »


Tongue   NN ... Your dinner sounded eatable !  Is grapefriut delicious as same as ส้มโอ Nakornchaisri or not ?

N'Yas ... The secret is that I remember you're a Muslim and be able to share Ma Ma Tom Yam Kung with me.  :wink:
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #34 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 20:29:48 »

P'Jiab,
Thanks for the inviation. As a muslim, I must be very careful with making chose when eating. There is a warning in Muslim community NOT to eat "MAMA" as it's process is not HALAL.

However, I happen to see that "MAMA Tom Yum Kung" sold in Malaysia has HALAL Logo. So I eat Malaysian "MAMA" instead of Thai MAMA while MAMA originates from Thailand.

Doesn't this found funny to you? Nong Mahdee may have the same ways of leading life as mine.

P'Jiab,
Don't forget to put some eggs in it, too naa.

YAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #35 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 21:30:04 »

P.Yas,
i found those instant noodle with these HALAL logo...most of them come from Philipphine!!beef noodle...I like it! delicious!
Eat it and listen to this song!
nungning

บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 22:25:36 »

Ning,
AFRICA is agreat song. I love it. But I am going to Malaysia next week, not Africa.

I will have to use 47,500 of my TG mileage score at the end of the year. I have around 112,000 scores in total. I get a free TG ticket. Where do you think I should fly to???

YAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #37 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 23:36:54 »

P.Yas ka,
naturally go west!
nn.

บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #38 เมื่อ: 09 กันยายน 2550, 23:38:47 »

P.Jiab ka,
I will start cooking:jusmin rice(like yesterday!!),beef braten with long bean,big bowl salat,ice cream as a sweet...
I am starving today!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 11 กันยายน 2550, 22:56:21 »

:roll: NN ... What does " braten " mean ?

Let's see " 19 Interesting Top Ten "










บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #40 เมื่อ: 11 กันยายน 2550, 23:44:24 »

P.Jiab ka,
Braten is meat meal:beef,pork,poultry,wild,etc...fry it in oil then fill it up with water and longggggggggg cooking.
like this picture.
nn.

บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 11 กันยายน 2550, 23:54:34 »

Tongue อ๋อ ! ... เนื้อตุ๋น  จนกลายเป็นเนื้อเปื่อย  ที่คนไทยเรียกว่าเนื้ออบ ใช่มั้ย ? ... ใน 3 คำนี้  หนิงกาเครื่องหมายถูกมาซักอย่างนึง สิ !

เห็นรูปแล้ว  น้ำลายหยด 3 ติ๋งเลยเนี่ย ...
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #42 เมื่อ: 12 กันยายน 2550, 00:03:49 »

P.Jiab ka,
right..all three words fit.
my sister in law(Rudi's brother's wife)make it by bake in the oven...I don't like it..it is hard.not so soft like a short cook in vacuum pot....instead of 2 hours cooking ..inside this pot..i need only 40 minutes.
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #43 เมื่อ: 15 กันยายน 2550, 00:05:23 »

P'Jiab,
Thanks for the statistics. They are very interesting and useful. May I use them as training materials and games in my youth camps???

Thanks krab.

YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 15 กันยายน 2550, 01:36:01 »

N' Yas ... Yes, you can.  :wink:  ... Wow !  glad to hear that they'll be useful for your training corse.  Cheesy

About the statistics, it's incredible !  I've never known before that those countries have many hundreds, thousands and ten thousands airports. Do they have any air-trafic-jam problems ? ... ha  ha  ha ! ... In Thailand, AOT manages only 6 airports. How so different ?

Surprise ! .... All drunkards are in Europe.

Wonder ! ... Why isn't Germany in the top ten of the most cleanest countries ? I saw most of German habitats and environments are clean and tidy, while you can see many dog shits in Paris, France. I wish I visited those top ten cleanest countries, once.


NN ... What is your idea ?  :roll:
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #45 เมื่อ: 15 กันยายน 2550, 03:03:13 »

P.Jiab ka,
it is good to know ka...I also wonder some points...what I do not know is that ...how far can we trust this source as some definition is not easy to evaluate in one standard such as:
1.the workforce of the  country..industrial,agricultural..there were differents standard method to measure
2.clean...how and where...to evaluate and what exactly is the definition
3.how many countries exactly has been evaluated, where to decide...or only just reported and how about not reported amout.
For a roughly number...for a short list...I think it is OK....each direction can see where to start...my innen question still be opened!
let me think more.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 16 กันยายน 2550, 17:27:41 »

Sad NN ... Please calm down with these pictures ! ...  ha  ha  ha !

รูปมหัศจรรย์

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา



ลองดูรูปนี้สิ ...  คุณจะเห็นคนขี้โกรธอยู่ด้านซ้าย  และคนใจดีอยู่ทางด้านขวา ... ลุกขึ้นเร้ว !   แล้วถอยหลังมาสัก 10 ฟุต   คุณก็จะเห็นว่า  รูปภาพสลับที่กันและ
 
คิดว่าภาพนี้สร้างขึ้น โดย Phillippe G.Schyns and Aude Oliva แห่งมหาวิทยาลัยกลาสโกลว์   ภาพนี้ทำให้เรารู้ว่า  บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่ก็ได้  ทุกครั้งที่เราเห็นคนหน้าบึ้ง  แล้วไม่ชอบ  อย่าลืมนึกถึงภาพนี้  เขาอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ ...  ยังไงก็ขอให้ยิ้มไว้ก่อน
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #47 เมื่อ: 16 กันยายน 2550, 17:41:26 »

P.Jiab ka,
first I was quite scary...it looks like a death face pantomimed!
then I experiment as you said..
It's true!
fascinated!
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #48 เมื่อ: 16 กันยายน 2550, 19:43:44 »

P'Jiab krab,
But I do agree that Nea Zealand is one of the cleanest countries in this world. I witnessed it.

If I could, I would vote for New York as an unclean city krab.

YAS
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: 17 กันยายน 2550, 18:01:23 »

P'Jiab,
Thank you for (many) massages to my email. They were brillions krab.
YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #50 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 19:59:07 »

:x NN ... Yes, they scared me at first too.

 :roll:  N' Yas ... Were any of them as same as those which your friends sent to you before ?

Let me inform you about a current interest.

เครื่องบิน ... นั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

เหตุการณ์อุบัติเหตุเครื่องบินแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะมีผู้รอดชีวิตมากน้อยแค่ไหน ก็ล้วนสะเทือนขวัญผู้คนไม่น้อย และทุกครั้งที่มีผู้รอดชีวิต ก็มักจะถามไถ่กันเสมอว่า นั่งตรงไหน รอดมาได้อย่างไร และส่วนไหนของเครื่องบินกันแน่ที่จะปลอดภัยที่สุด หากต้องเผชิญกับอุบัติภัยต่างๆ
       
" นั่งตรงไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น " หลายๆ ความเห็นอาจจะคิดเช่นนี้  หรือไม่ก็ " แล้วแต่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดตรงไหน " นี่ก็พิจารณาตามสถานการณ์
       
นิตยสารป็อบปูลา มาแคนนิกส์ ( The Popular Mechanics ) เคยวิจัยโดยการวิเคราะห์ทางสถิติไว้ว่า ที่นั่งบนเครื่องบิน...นั่งด้านท้ายปลอดภัยกว่า
       
ทั้งนี้ จากการศึกษาสถิติจากอุบัติเหตุต่างๆ ของสารพัดสายการบินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า ยิ่งอยู่ห่างจากหัวเครื่องบินเท่าใด ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น โดยสถิติผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุบนเครื่องบินส่วนใหญ่ 40% มีที่นั่งบริเวณหางเครื่องบิน
       
นิตยสารดังกล่าว ได้นำข้อมูลอุบัติเหตุของเครื่องบินในสหรัฐฯ จำนวน 20 ครั้ง จากสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งสหรัฐฯ ( NTSB ) ตั้งแต่ปี 2514 จนถึง ส.ค. 2550 อย่างละเอียด ที่มีทั้งผู้รอดชีวิตและเสียชีวิต พร้อมทั้งข้อมูลแผนผังที่นั่งของผู้โดยสาร มาวิเคราะห์ว่าอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ผู้โดยสารในแต่ละที่นั่งมีสภาพเป็นอย่างไร
       
ทีมงานได้เปรียบเทียบอัตราการรอดชีวิต โดยแบ่งเครื่องบินออกเป็น 4 ส่วน โดยได้ข้อสรุปว่า " ยิ่งใกล้หางยิ่งปลอดภัยกว่า "
       
อุบัติเหตุ 11 ใน 20 ครั้ง ผู้โดยสารที่นั่งแถวท้ายๆ ส่วนใหญ่ปลอดภัย หรือประสบเหตุเบากว่า โดยใน 7 กรณีของกลุ่มนี้ผู้โดยสารที่ปลอดภัยนั่งอยู่ในแถวท้ายๆ อีกทั้งได้ยกตัวอย่างอุบัติเหตุในปี 2525 กับสายการบินฟลอริดา ( Air Florida ) ที่เกิดขึ้นในวอชิงตันดีซี และปี 2515 กับอีสเทิร์น 727 ( Eastern 727 ) ที่ท่าอากาศยานเคนนาดี ในนิวยอร์ก ซึ่งผู้โดยสารของทั้ง 2 กรณีที่รอดชีวิตล้วนนั่งอยู่บริเวณหางของเครื่องบิน
       
อีกทั้งยังมีกรณีดีซี-8 ของสายการบินยูไนเต็ด ( United DC-8 ) เกิดน้ำมันหมดกลางอากาศใกล้กับพอร์ตแลนด์ ในปี 2519 มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ทั้งหมดล้วนนั่งอยู่ใน 4 แถวแรก
       
นอกจากนี้ มีอุบัติเหตุเพียง 5 ครั้งเท่านั้นที่ผู้โดยสารบริเวณด้านหน้าประสบเหตุเบากว่า ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 5 เกิดระหว่างปี 2531-2535 ส่วนใหญ่เพราะเหตุเกิดที่บริเวณปีก อย่างอุบัติเหตุในปี 2532 ที่ไอโอวากับสายการบินยูไนเต็ด มีผู้โดยสารรอดชีวิต 175 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องผู้โดยสารส่วนหน้าปีกและส่วนหัว  และอีก 3 ครั้ง  ที่ทั้งผู้นั่งส่วนหัวและท้ายเครื่องมีโอกาสรอดชีวิตพอๆ กัน
       
ส่วนผู้ที่นั่งบริเวณหัวลำปลอดภัยนั้น มีเพียง 1 กรณีเท่านั้น ในปี 2532 เครื่องโบอิง 737-400 ของสายการบินยูเอสแอร์ ( US Air ) เกิดอุบัติเหตุบนทางวิ่ง ( รันเวย์ ) มีผู้โดยสารเสียชีวิตเพียง 2 รายคือ ผู้ที่นั่งในแถวที่ 21 และ 25  
เมื่อคำณวนตามอัตราการรอดชีวิตแล้ว นิตยสารป็อบปูลา มาแคนนิกส์ สรุปว่า ผู้ที่นั่งเคบินท้ายมีอัตราการรอดชีวิตถึง 69% หากเกิดอุบัติเหตุ และไล่ขึ้นมาในเคบินส่วนปีกโอกาสรอด 56% เสมอกับเคบินส่วนหน้าปีก
       
อย่างไรก็ดี เคบินที่มีอัตราการรอดชีวิตต่ำสุดคือเคบินแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ โดยมีอัตราการรอดชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุเพียง 49%

       
แม้จะเห็นว่า อัตราการรอดชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุบนเครื่องบินไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ที่สำคัญ ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของเครื่องก็ตาม เมื่อแน่ใจว่ารัดเข็มขัดแน่นแล้ว ก็ทำใจให้สบาย ตั้งใจฟังลูกเรือแนะนำกรณีฉุกเฉินต่างๆ และประคองสติให้มั่นขณะเกิดเหตุ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #51 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 20:06:16 »

P.Jiab,
about plane crash topic..whatever it it..it is a horror for the passenger...but if we realize the relation between the crash and normal accident by the car on the road related to amout and how often it happened...astonished....can you have this statistic from somewhere??cause I used to read it from newspaper in Germany...
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 21:10:30 »

Thank you krab P'Jiab. But I am more interested in the statistic for
(1) which airline has the most beautiful and polite flight attendants
(2) most อร่อย food
(3) smoothest taking off and landing
 etc...

YAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #53 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 21:23:26 »

P.Yas ka,
may I guess??
let gamble before P.Jiab get info...
version 1:
1.Thai Airway certainly...herr,herr :twisted:
2.China Airline cause chinese food belong to the best variant foods this world..herr,herr...
3.singapore airline??

Version 2:
1.Cathey Pacific..cause they collect all best asean women aboard
2.Air France...oui!
3.Lufthansa...gaperb gaparb...tatttt,tatttt,tattt...like a boat!

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 21:57:27 »

:lol:  ha  ha  ha ! ... LOL = lot of laugh with " ... gaperb gaparb ... tatttt, tatttt, tattt ...like a boat ! "  .... NN, You, a wicked humour !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #55 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 22:14:00 »

P.Jiab ka,
could you please...find the statistic about this??
I used to read KLM---holland herald...like Sawatdee on TG...reporting something about it...truely say...European airline may has a far advanced in technic...but for service... :twisted:  :twisted: Asean airline is the best ka...
let we try A380 :lol:  :lol: from Singapore Airline...
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #56 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 22:31:55 »

Ning
I flew Lufthansa to Malaysia and I love the service and food. They are very polite and warm welcome, smile and caring.

Quatar Airways to London was also good naa. It is very Hi-SO airline

United Airline to USA was NOT good, no taste food and service.
Quantas to Australia was good as well.

Alitalia has good food BUT very niosy passengers.

TG is good, clean, good food BUT staff a bit LOOK DOWN ON Thai Passengers naa.

P'Yas
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 22:34:46 »

:cry: NN ... It's a pity, they could not demonstrate the first flight of A380 in Germany because of some technical problems. But Singapore Airline, the first customer will get the other perfect plane instead.

I think that Singapore Airline should be in the top five of the best airline, as their perfect flight attendants and foods also.  Cheesy  I witnessed it, once, a very long g g g g g flight to Frankfurt, Germany.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #58 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 22:41:59 »

P.Yas,
I like TG because I can tell them what I want...in thai language :lol:  :lol: they(airhostess and stuward) like to care my children...they take the kid to their cabin!!!they help me by finding an empty place to...sleep!!!especially at the back of the aeroplane.
I also like Royal Brunei...airhostess is soft and mild...but they serve no alcohol!!..
Swissair(no more...it was bankotted!!)hmm,I don't know...I think,European airline(Swissair,Lufthansa,KLM) look down asean passenger more!!I can feel it.
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #59 เมื่อ: 18 กันยายน 2550, 22:48:09 »

P.Jiab,
I think it is true!
but which year??
I try to find the information by me in the room...can't find it...I keep all magazine from flight when Rudi travels...I like to read it.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 22 กันยายน 2550, 15:30:49 »

These are the Bavarian Style uniforms of pilots and crews from Lufthansa Airline. Look more comfortable ?




บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 22 กันยายน 2550, 15:41:29 »

:wink: Let we change the topic to some Biology knowledge, here.

ตั๊กแตนกล้วยไม้

ต๊อก-ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ...ส่งมา

ตั๊กแตนที่หากินแมลงอยู่แถวๆ ดอกกล้วยไม้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนสีของตนเองให้อ่อนหวาน กลมกลืนกับดอกกล้วยไม้ เพื่อล่อเหยื่อ และพรางตาศัตรู ดูสิ ตั๊กแตนสีสวย จนนึกว่าเป็นดอกกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ เลยเนี่ย ... นี่ครูชีววิทยา-เจี๊ยบ อธิบายเพิ่มเติมเอง นะจ๊ะ








บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 24 กันยายน 2550, 17:52:56 »

รองเท้าไร้สาย

จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา

รองเท้าไร้สาย ออกรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง มีไว้ไม่ตกเทรนด์ ฮิปสุดๆ กำลังระบาดค่ะ ★




รองเท้าไร้สาย สุดฮอต ออกรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ใส่สบาย ไม่มีกัด มาถึงเมืองไทยแล้ว "แค่ใส่-ก็เด่นแล้ว"  

รองเท้าแตะไร้สาย จี๊ดมากในยุโรป ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีและอเมริกา ไม่ต้องหนีบ ไม่ต้องสวม แค่เหยียบมันลงไปเท่านั้น สวมใส่สบาย สวยงามทันสมัย ไม่เหมือนใครแน่นอน

รองเท้าชนิดนี้บริษัทได้รับสิทธิบัตรของประเทศจีน ได้รับการรับรองคุณภาพ SGS ระหว่างประเทศ อายุการใช้งานยาวนานคงทน


วิธีใช้

- ฉีกฟิล์มใสออก เก็บไว้
- วางส้นเท้าลงเบาๆ จนเต็มเท้า เมื่อเท้าติดเรียบร้อยดีแล้วก็เดิน วิ่งหรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ


วิธีถอด

- ใช้มือค่อยๆ แกะรองเท้าออก นำแผ่นฟิล์มมาปิดหน้ารองเท้าไว้เหมือนเดิม แล้วเก็บใส่ถุง

วิธีการรักษา

- ถ้ารองท้าสกปรก ใช้แชมพูหรือสบู่เหลว ทาบนรองเท้า ใช้แปรงขัดล้าง แล้วใช้น้ำล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง ห้ามใช้เล็บ หรือผ้าขนหนูเช็ดล้างส่วนที่เป็นเจลออก เพราะจะทำให้ส่วนที่เป็นเจลหมดความเหนียว

- หลีกเลี่ยงไม่ให้หน้ารองเท้าติดกันเอง หากติดกันก็ค่อยๆแกะออกจากกัน หากสวมใส่โดยไม่ถอดตลอด 8 ชั่วโมงต้องทำความสะอาดหนึ่งครั้ง
ควรรักษาหน้ารองเท้าให้แห้ง เหงื่อจะทำให้รองเท้าไม่ติดเท้าและสวมใส่ไม่สบาย ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง หรือภูมิแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

- หากถอดรองเท้าแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อจะสวมใส่กลับเข้าไปอีก จะรู้สึกว่าเจลไม่ค่อยสัมผัสติดกับเท้า ควรใส่เดินไปสักพักเจลจะกลับมาเหนียวเป็นปกติ

อายุการใช้งานอาจจะยาวนาน ควรเก็บ และดูแลมากกว่ารองเท้าแตะปกตินิดหน่อยค่ะ

มี 3 ขนาด ไซส์ S ยาว 24 ซม. ไซส์ M ยาว 26 ซม. ไซส์ L ยาว 28 ซม. ( ไซส์นี้ส่วนมากผู้ชายจะใส่ ) เท้าสั้นหรือยาวกว่าไซส์ ก็สามารถประยุกต์ใส่กันได้ เพราะไม่มีสาย ไม่มีคับไม่มีหลวม

ราคา คู่ละ 250 บาท ค่าส่งออเดอร์ละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: 25 กันยายน 2550, 00:33:26 »

Be careful how you list names in your cell phone !

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

A lady has changed her habit of how she lists names in her mobile phone after her handbag was stolen. Her handbag which contained her mobile, credit card, purse, etc. was stolen. 20 minutes later, when she called her husband from a payphone telling him what had happened, her hubby says, " I've just received your SMS asking about our pin number and I've replied a little while ago." When they rushed down to the bank, the staff told them all the money was already withdrawn. The pickpocket had actually used the stolen hand phone to send SMS to " hubby " in the contact list and got hold of the pin number. Within 20 minutes he had withdrawn all the money from the bank account.

Moral of the story : Do not disclose the relationship between you and the people in your contact list. Avoid using names like Home, Honey, Hubby, Sweetheart, Dad, Mom, etc.

And very importantly, when sensitive info is being asked thru SMS, always CONFIRM by calling back. Also, when you're being SMSed by friends or family to meet them somewhere, be sure to call back to confirm that the message came from them. If you can't reach them, be very careful about going places to meet " family and friends " who text you.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 25 กันยายน 2550, 01:10:22 »

บทสรุปของ Gasohol จากสถาบัน และบริษัทน้ำมัน

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

แก๊สโซฮอล์ ( Gasohol ) น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล * หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน จึงได้มาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิลพิเศษไร้สารตะกั่ว ออกเทน 95

แก๊สโซฮอล์ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยอาจประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน และปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดำริให้โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้ศึกษากระบวนการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย และนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นี้มาผสมกับน้ำมันเบนซิน ผลิตเป็นน้ำมัน " แก๊สโซฮอล์ " เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน โดยโครงการส่วนพระองค์ได้เริ่มผลผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

แก๊สโซฮอล์ กับประโยชน์ที่จะได้รับ

นอกจากราคาแก๊สโซฮอล์จะถูกกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ซึ่งช่วยประหยัดการใช้น้ำมัน และเงินตราต่างประเทศในการซื้อน้ำมันไปได้มากแล้ว แก๊สโซฮอล์ยังช่วยลดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียและมลพิษในอากาศ เพราะสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนมอนนอกไซด์ลงได้ถึง 30% ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

แก๊สโซฮอล์สามารถเติมได้กับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นตามที่ผู้ผลิตแนะนำ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์ และสามารถเติมผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถังได้เลย ไม่ต้องรอให้น้ำมันหมดถังก่อน และหากไม่มีจุดเติมแก๊สโซฮอล์ก็สามารถเปลี่ยนไปเติมน้ำมันเบนซินทั่วไปได้ทันทีเช่นกัน เพราะแม้ว่าสารเติมแต่งค่าออกเทนที่กำหนดให้มีในการเติมน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ออกเทน 95 โดยทั่วไปนั้น จะเติม MTBE ( Methyl Tertiary Butyl Ether ) แต่สำหรับแก๊สโซฮอล์ที่จะใช้ Ethyl Alcohol 99.5% ทดแทนในปริมาณ 10% แต่คุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ยังคงเหมือนกันทุกประการ นอกจากนี้การผลิตแก๊สโซฮอล์ยังถือเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอ้อย มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์ได้ทั้งหมด ช่วยลดงบประมาณในการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรลงได้ถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท

เอทานอล คือ แอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักพืชหรือผลิตผลทางการเกษตร สามารถใชเป็นเชื้อเพลิงโดยตรงเพื่อทดแทนน้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล เมื่อผสมกับน้ำมันเบนซินเป็น " แก๊สโซฮอล์ " ผสมน้ำมัน ดีเซลเป็น " ดีโอฮอล์ "

1. ใช้แก๊สโซฮอล์เพื่อชาติ เป็นพลังงานทดแทน ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศ ใช้แทนสารเพิ่มออกเทนที่นำเข้าจากต่างประเทศ ประหยัดเงินตราต่างประเทศมากกว่า 3,000 ล้านบาท ต่อปี ประหยัดการใช้น้ำมันที่มีอยู่จำกัด โดยการนำเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน จะช่วยลดการใช้น้ำมันของประเทศลงได้ประมาณ 10% หรือเดือนละ 25 ล้านลิตร

2. เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการผลิตเอทานอลที่ได้จากพืชเกษตร ช่วยกระจายการลงทุน การจ้างงานสู่ชนบท

3. ลดมลพิษทางอากาศ โดยลดไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลงได้ 20-25 % ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ก่อให้เกิดสภาวะ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ( GREEN HOUSE EFFECT ) รวมทั้งลดควันดำ ลดสารอะโรเมติกส์ และลดสารเบนซีน ซึ่งส่งผลถต่อชีวิตตนเอง ลูกหลาน และเพื่อนร่วมชาติ

4. ใช้แก๊สโซฮอล์เพื่อคุณ ได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาที่ประหยัดลง 1.50 บาทต่อลิตร ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้สะอาด สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมแก๊สโซฮอล์ 95

เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน

1. คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ คือระเหยเร็ว ทำให้เกิดหยดน้ำในถัง อาจทำให้ถังน้ำมันเกิดสนิม และผุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง

2. ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 สลับกับเบนซิน 95 เนื่องจากในแก๊สโซฮอล์ไม่มีสารหล่อลื่นบ่าวาวล์เหมือนในเบนซิน 95 จึงทำให้เกิดการสึกหรอที่บ่าวาวล์มากขึ้น

3. จากการใช้งานจริงอัตราการเร่งลดลงในช่วง 0 – 100 กม./ชม. ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน 95 จึงเป็นเหตุให้ต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น

4. การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทยางที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์มากกว่า

5. การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทพลาสติก ที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์

6. อัตราการกินน้ำมันของรถ เปรียบเทียบระหว่างแก๊สโซฮอล์ 95 กับ เบ็นซิน 95 จากการใช้จริง

ก่อนหน้านี้ เติมเบ็นซิน 95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ระยะทาง = 400 กม.
เบ็นซิน 95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 23.34 บ. เป็นงิน = 933.60 บาท

ปัจจุบัน เติมแก๊สโซฮอล์ 95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ = 360 กม.
แก๊สโซฮอล์ 95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 21.84 บ. เป็นเงิน = 873.60 บาท

ดังนั้นการเติมแก๊สโซฮอล์ 95 ประหยัดเงิน ( เท่ากับ 933.60 - 873.60 ) = 60 บาท
แต่... ระยะทางจะหายไป ( เท่ากับ 400 – 360 ) = 40 กม.

( ต้องเติม แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มอีก 4.44 ลิตร จึงจะวิ่งได้ 400 กม. = เติมเบ็นซิน95 จำนวน 40 ลิตร )

สรุป ต้องเติมแก๊สโซฮอล์ 95 จำนวน 44.44 ลิตร เป็นเงิน = 44.44x21.84 = 970.57 บาท

ผลต่างคือ : ระยะทาง 400 กม. เติมแก๊สโซฮอล์ 95 = 970.57 บาท

ระยะทาง 400 กม. เติมเบ็นซิน 95 = 933.60 บาท

กลายเป็นว่าต้องเสียเงินเพิ่ม 36.97 บาท จากการเติมแก๊สโซฮอล์95 เพื่อที่จะให้วิ่งได้ 400 กม. ( เท่ากับเติมเบ็นซิน 95 )


บทสรุป

" ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราว่าจะเลือกใช้อย่างไหน แต่ทั้งสองอย่างก็มี ข้อด้อย ข้อดี แตกต่างกันไป " หากมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ

สำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ โทร. 0 2354 1648-51 โทรสาร 0 2354 1647 หรือ

บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
ศูนย์บริการลูกค้าบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 0-2262-7700 กด 2

การปิโตเลียมแห่งประเทศไทย
http://www.pttplc.com/th

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
210 สุขุมวิท 64 บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2335-4999 โทรสาร 0-2335-4009
ศูนย์บริการลูกค้าบางจาก โทรศัพท์ 0-2745-2440-4
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #65 เมื่อ: 25 กันยายน 2550, 21:20:06 »

Screensaver ไม่ได้ช่วยประหยัดไฟนะ ... จะบอกให้

จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา

บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #66 เมื่อ: 25 กันยายน 2550, 22:07:46 »

P.Jiab ka,
just comming back from room 16 right a minute...P.Pusadee link me website of code 16 I asked her ...so instead of just to read only this text...I am travelling around the world to your exciting and very worhtfully information there(if not link and serve,she will never visit!herr,herr)....
Those info.is really a variants mixtured...let me talk about it later.

What interested me is about the police car!the first one,said it is a Lombogini-german police car....werrrrrr.....please let me correct it:

Lombogini is a luxurious car first class of Italy like Porsche of Germany
So I assume it should be an Italien police ka.("polizia" is the same word in spanish or italianese..)

Deutsche Polizei has their own uniform colour and a unity police car like this:

the car will be variant up to where the police station stand:if they stand in Baden Wuertemberg..it will be more Mercedez-Audi-,if they are in Bayern,it will be more BMW or if they are in North Rhine westfallia..it will be more Volkswagen...it is sponsored ka.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #67 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 01:04:18 »

Cheesy Wow ! nice details ka. Who can correct those European police cars as good as you who, a German citizen. Thanks.

When I copied and posted those informations from what my friends sent to me, I tried to concern about their corrections, that was the reason why I didn't post every topics forwarded to me, but sometimes we can not know if they're true or not.  ... Out of our knowledge ka ! ... ha  ha  ha !

About those police car, I was not sure about the speed of Peugeot Sport 207 GT, French police car, which they mentioned, so I called to ask for its speed from Peugeot showroom Huamark. A sales said " We don't have this type in Thailand but I'll find for you. " , then I got 210 km/hr. ... ha  ha ha !  You see ? How can I fight for the truth ?

One car which I think it might be fault was Japanese police car, because I saw Chinese alphabets, not Japanese ones, on the car. It should be Chinese police car. Right ?

Dear readers, you can see what we're talking about by following this URL link na ka.

http://www.cu2516.com/phpBB/viewtopic.php?t=11&postdays=0&postorder=asc&start=45

Please scroll down to " Police cars around the world "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #68 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 01:57:51 »

NN ... About fighting for the truth, I have a story to tell you... An new Aussie friend of mine, Henry, asked me in a message ...

Henry :  You see ? They cook pizza is in the round shape but why they put in a square box, not a round one ?

ha  ha  ha ! ... I'm not sure this is a joking question or not. I answer ...

Me :  I think a square box is easier to produce at a cheaper cost. You know ? Last moment, I called The Pizza Company in Bangkok expected for a good reason, but useless, a staff said " It's our standard from the head office ka. "  ha  ha  ha !

Henry : Oh ! I had a lot of laugh. ( lol ) You're very very cleaver woman, I impressed your calling to The Pizza Company there.  ha  ha  ha !  There are no exactly corrected answer but almost people answer like this.

Astonish !  What does he try to test me ? ... ha  ha  ha !

Then the second question came, When people died and were buried. Did they wear the same cloths when they died while they're in the heaven ?  ... Wei i i  !  E ta ba, ja tarm pai tam mai wa ? ... ( only in my thought )

I answered I saw in movies they wear white uniform of angels in the heaven. ... As usual, there are no exactly corrected answer, nobody went to the heaven and came back to tell us.  ha  ha  ha !

No moral from this story, just a joking for relax na ka.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #69 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 01:59:17 »

P.Jiab ka
I did my homework...I search for Peugeot 207...oh,right it is belong to a small car category in Germany...
this is an advertising online.


Let see it closer...


so with 85 horse power with 65 kw..I think it is right..not a fast car.
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #70 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 02:10:30 »

P.Jiab ka,
let me do the second homework before I go ...ironing then(can)go to bed(life is hard to me!!)

The Italian cars,why they are so desired...The end letter with"i"
1.Bugatti
2.Maserati
3.Ferrari
4.Pagani
The decadent daydream is quickly invaded by the "o"...as man needs a lot of zeros in bank account to afford!!

Lamborginiwas first appearance 1963 as a reval of Ferrari..first more in sport car,not racing.It belong to top styling and speed car.This car is based on passion,not profit..It is built for speed and beauty ...that helps explain why they were originally designed by one man(or family)rather than by committee.

good night ka,
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #71 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 02:31:35 »

P.Jiab ka,
after laugh what you think to your friend from Aussi..I do the third homework(just to "Aoo"not to ironing :twisted:  :twisted: )

Figured it out:
1.While Porsche and Jaguar each build between 80,000-90,000cars a years----Ferrari and Maserati build 5,000 each,Lamborghini and Bugati about 2,000 each and Pagani only make several hundred!

2.sample:Bugatti Veyron 400 km/h price----1,307,555 Euro
Ferrari Enzo A12-cylinder,F1 style price----777,000 Euro
Pagani Zonda C12 F 374 km/h price-----570,900 Euro

I think I can not sleep tonight!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #72 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 02:52:21 »

Cheesy  Exellent student ka.... jub  jub  jub !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #73 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 03:09:47 »

Want to attach the pictures...but it was not worked...need to resize it first...tomorrow naka...
good night
sleep horror number of the price well....
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #74 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 07:46:16 »

P' Jiab,
I also want to post the picture I took with the police car of New York Police Department (NYPD) on my fellowship to US. IBut I could not krab.

Ning,
I used 2 PEUGEOT cars 15 years ago.... when newly graduated from Chula. I loved them. THen I used HONDA ACCORD for few years afterwards but did not like it so I return to a FARANG car again now.

P'YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 10:17:21 »

:wink: N' Yas, send them to me, I'll work out for you.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #76 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 10:39:07 »

Illusions

นายสัตวแพทย์ สากล ... ส่งมา



บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #77 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:00:00 »

P.Jiab ka,
the first...after a while the two ring turn moving in opposit direction!

the second...can not count..it movesand always change the position!

the third..it is true illusion..I can not find some!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #78 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:03:52 »

NN ... Yeap ! , but with the third one, you should try again. I saw the holy man on the wall.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #79 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:08:41 »

P.Jiab,
I saw four people dancing...two stand,two sit...
and I also saw the white wall...herr,herr
nn.
ps.may I not down load "i" cars?I'm lazy tatally today...
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #80 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:16:04 »

:cry: No, please stare for a while at 4 small dots in vertical line  :shock:  , in the middle of the picture, then blink your eyes on the wall near you. Try now.  :evil:
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #81 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:24:39 »

P.Jiab ka,
but first after do the homework from P.Yas!
this is three sample sorts of NYPD cars...



nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #82 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:27:57 »

P.Jiab,
I saw Jesus Christ on the wall.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #83 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 13:33:48 »

:wink: Great !

N' Yas, please explain what are brands and speeds of those car, more luxury than in Europe ?  :roll:
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #84 เมื่อ: 26 กันยายน 2550, 18:54:34 »

P Jiab,
I have sent my picture to your email already krab. Please check it out.
Yas
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #85 เมื่อ: 27 กันยายน 2550, 00:35:41 »

P.Jiab,
did you work out??
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #86 เมื่อ: 27 กันยายน 2550, 12:15:21 »

N' Yas and New York police car

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #87 เมื่อ: 27 กันยายน 2550, 12:49:23 »

5.5 months ago, I took photo with 2 French polices and their mortercycles in Metz, France. They gernerously smiled to a foreign tourist like me.



บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #88 เมื่อ: 27 กันยายน 2550, 13:54:51 »

P Jiab,
Thanks for posting my picture in this chatroom krab. I also have a picture taken with police at WEstminster Parliament, London UK krab. I forward it to you soon, OK?

P'Jiab, wy don't we share our pictures at any world's famous places like
 World Trade or Ground Zero, Niangara Fall, etc...


YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #89 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 00:56:30 »

:wink:  N' Yas, great idea ! ... It's your turn first.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #90 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 01:22:50 »

P.Jiab ka,
should it be we..inside??
if yes...I am bypass!
if no...may I share??
I am sure I have a lot of pictures like that at home!
and naturally ...actual one.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #91 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 01:28:49 »

Cheesy NN ... Sure ! ... WE doesn't mean inside between N' Yas and me but means everyone who are inside and outside cmadong.com ka ... Let's share together.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #92 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 01:33:40 »

Come in a minutes!
nn
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #93 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 01:50:57 »

New York,New York!


บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #94 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 01:57:40 »

บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #95 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:04:46 »

Cheesy  Wow ! ... A pretty song matching to the photo ka. Nice starting !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #96 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:05:38 »

บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #97 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:09:31 »

:lol: As I used to say " Nothing is impossible for Nungning " ... ha  ha  ha !  ... describe each of photo, please.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #98 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:09:45 »

The cap..
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #99 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:12:22 »

P.Jiab ka,
the man who visits New York...reads newspaper now...he visits last year in February 2006.some pictures he may be inside...but not me :evil:  :evil:
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #100 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:20:31 »

บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #101 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:26:11 »

บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #102 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:34:19 »

Brooklin bridge...special for P.Pong naka!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #103 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:41:18 »

Brooklin bridge closer naka P.pong.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #104 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:46:51 »

Wall Street.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #105 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 02:51:48 »

Used to be World Trade Center....


I think it's enough!
good night ka
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #106 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 11:32:21 »

Ning,
Very beautiful pictures. These remind of my time in New York.

P'Yas
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #107 เมื่อ: 28 กันยายน 2550, 12:37:17 »

P.Yas ka,
in the collection still be:Sydney,Paris,Rome,Rotterdam,Tansania,Egypt and so on....these collection..I call....a trip without nungning!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #108 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2550, 12:23:10 »

อายุเฉลี่ยของเครื่องบินของสายการบินต่างๆ ในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

Thai Airways 10.4 years
Thai AirAsia 21.7 years
์Nok Air 15.9 years
Orient Thai Airlines 22.7 years ( One-To-Go Airlines )
PB Air 4.7 years
Bangkok Airways 4.3 years


Singapore Airlines 6.6 years
Tiger Airways 1.9 years
Malaysia Airlines 11.8 years
AirAsia 6.5 years
Garuda 10.8 years
Philippine Airlines 8 years
Lao Airlines 14.5 years
Siem Reap Airways 4.7 years
Vietnam Airlines 7.3 years
Cathay Pacific 11.3 years
Dragonair 8.2 years
China Airlines 5.4 years
EVA Airways 7.8 years
Emirates 5.5 years


Credit by Pantip
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #109 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:02:56 »

ขอทาน ต่างประเทศ .... Create สุด ๆ ๆ

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา







ดูสิ ... เสื้อผ้าชุดใหม่ๆ  สวยงาม  สมจริง  ทุกชุด
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #110 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:10:21 »

:wink:  ส่วนที่เจี๊ยบได้ไปถ่ายรูปมา ตอนไปเที่ยวยุโรป 5 ประเทศ เมื่อสงกรานต์ปีนี้ ก็เป็นขอทานที่แต่งตัวเป็นรูปปั้นสีขาว และสีตะกั่ว แสดงขอตังค์อยู่ที่ลานกว้างบริเวณหน้า Dom คู่ ของเมือง Koln ( ตัว o ต้องมี 2 จุดอยู่ข้างบนด้วย อ่านออกเสียงเป็นสระ อึ ) ภาษาอังกฤษ เขียนว่า Cologne ไทยเขียน โคโลจ์น อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศเยอรมนี








พอเราหย่อนเหรียญลงในกระป๋องให้เค้า คนที่แต่งชุดขาวก็ก้าวลงจากแท่นที่ยืน มาโค้งคำนับขอบคุณเรา และจูบหลังมือเราอย่างอ่อนโยนด้วย

Dom คู่ของเมืองโคโลจ์นนี้ เป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดใน Germany เป็นศิลปะยุค Roman มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี สร้างด้วยหินปูน ( Calc stone ) ซึ่งมีเนื้ออ่อน ถูกกัดกร่อนงาย ยอดโดม และพื้นผิวส่วนอื่นๆ จึงกลายเป็นสีดำ ... Dom คู่แห่งนี้ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ( Rhein ) มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #111 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:19:13 »

P.Jiab ka,
after looked these pictures...I tried to find out where could it be :wink:  :wink: one word is enough!!"phamacia"...it is in Spain!ina pedestrian area somewhere in a big city.
Very nice ka pee...I saw them sometimes but never think they are a beggar!!
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #112 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:25:26 »

P.Jiab ka,
they write "umlaut" in english with"e" like my family name...so Cologne of german would be written like this"Koeln"
nn.

ps.these people in pedestrian area...they are a normal student from any drama/art faculty or any amature theater player,who could "lend" the costume from their place...as a colourful for grey area!!they need also an allowance from the city hall otherwise the police will catch them gone.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #113 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:33:45 »

อ้างจาก: "Jiab16"



P.Jiab ka,
don't forget to dedicate this picture to P.Pong with"this picture is special for P.Pong.."he likes the bridge ka.
nn
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #114 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 18:36:46 »

P.Jiab ka,
the second and the third pictures you stand by them and "imitate"their posture...is really cute!! :lol:
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #115 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2550, 23:11:27 »

Cheesy  Oh ! I see... Umlaut is 2 dots above the vowel of e , o , u in German words... My e-dictionary has no the meaning of " phamacia "  Sad   ... I still insist the word " Koln " is corrected in German language ka, as I noted it in my book, twice.  :roll:

Thanks for your compliment to my imitated postures.  ha  ha  ha !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #116 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 18:57:13 »

P.Jiab ka,
Koeln always write with umlaut ka...not easy to pronounce for a foregner...Cologne is more easier...
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #117 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 21:12:17 »

Cheesy NN ... I have a reference, an explaining from my German friend, here... My nick name in English is Nancy.

" Nancy, German name of city Cologne is Köln. "Ö " lies in middle from o and e and you could pronouce it , when you fastly connect o with e, but pronounce it together. On only German keyboard has fonts  ö, ä and ü ( another letters with same construction ). I can not remember an English word, what to speak so. I'll think about, if I find words, how to speak like  ä , ö , ü  in German. i.g. word " German "! "e" will spoken similar to "ö".  "Ö" is little bit longer.

You see ? NN knows this word is " umlaut ". ... Great !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #118 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 21:39:45 »

P.Jiab ka,
I have to be in the near when Rudi teachs Robin and Katharina deutsch subject...I can learn parallel to the kids...as he is more excellent to the kids 's teacher I think!!...deutsch and mathematic is the decision subjects you will be"selected" to gymnasium school or not.It's like we learn thai when we were young...some words pronounce the same voice but write different...so is ä , ö , ü...sometimes I forgot that in thailand keyboard for computer there are no these 3 extra.
nn.

ps.you have a cute "callname"...more jaab if we pronounce like French"non-cii"
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #119 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 22:01:27 »

:) Yes, I saw a town named Nancy, pronounce "  Nong-Cii " in French, in the map of France and planed to visit, but we had no time.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #120 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 22:20:49 »

P.Jiab ka,
if you made it to Nancy...you are not far from me :wink:  :wink:
I want to make an experiment...I will write these ae,oe and ue...I will see what come out:
Müller,Käse,Fön,Kühler,Mühle...
let see.
nn
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #121 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 22:23:11 »

p.Jiab ka,
I see it...I can type whatever it is...it come out like original...by programme of my former school homepage..it come out as kmer letter!!
I am glad...to write my name with Müller.....but if you like to do the same..you can not so you can only ae,oe and ue naka...so Koeln write like Köln ...right.
nn
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #122 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 00:35:32 »

:wink: NN ... You're a good researcher, love digging for the truth.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #123 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 01:10:39 »

No,no I love researcher ka...that is enough for my modest need!
let me enjoy more german words...fön me,take Müll out,hey Müller what are you doing at this latenight??gewöhnt me with your sweet words,gönnt something for your price...küss küss and let me sleep well
nn.
บันทึกการเข้า


apichart14
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #124 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 06:53:37 »

NongJiab,

We have learn a lots from your Kratoo, thksss....

P'Jim+ has something to share with you too :

4- way math......
1)  7777 = 10
2)  3333 = 330
3)  5555 = 25
4)  9999 = 81
5)  8888 = 3
6)  2222 = 5
7)  1111 = 12

I know we all love to find the solution I will come back for the answers next time.

saratee14
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #125 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 11:24:39 »

Cheesy  Wow !  Greeting P' Ah and P' Jim+ to this topic ka. Please explain to me more if those above mathematic equations are questions or solutions. ... ha  ha  ha ! ... and how come ?
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #126 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 11:31:56 »

:)  เจี๊ยบขออนุญาตลากิจ ไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว หวงหลง เล่อซาน ง้อไบ๊ กับครอบครัว ซัก 7 วัน ( 17-23 ต.ค. ) นะคะ ... แล้วจะเอารูปวิวสวยๆ มาฝาก ... Jai Jian !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #127 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 12:50:35 »

P.Jiab ka,
have a nice relaxing trip to China.come back safely with a lot of beautiful pictures.untill then I hope anybody could find a solution for those mathematic of P.Apichart and P.Saratee...
nn.
บันทึกการเข้า


saratee14
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #128 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2550, 10:57:24 »

Dear All,

1)  7777 = 10 ;  77-7=70/7 = 10
2)  3333 = 330 ;  333-3 = 330
3)  5555 = 25 ;  5x5=25+5-5 = 25
4)  9999 = 81 ;  99-9-9 = 81
5)  8888 = 3  ;  88/8=11-8 = 3
6)  2222 = 5  ;  2/2=1+2=3+2 = 5
7)  1111 = 12  ;  11+1=12/1 = 12

I hope you all like to play with these problems.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #129 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2550, 16:17:42 »

แม่คะนิ้ง

อริสา - ครุ 16 ... ส่งมา






บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #130 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2550, 16:23:10 »

P.Jiab ka,
what is "แม่คะนิ้ง "??
the name of the rose?
or the name of khun pee ,who send thsi pictures!

mine rose were radically cut down ...in the garden is empty!dried leaves and cold...
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #131 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2550, 16:42:47 »

:wink: NN ... แม่คะนิ้ง  คือ น้ำค้างแข็ง ( ที่เกาะอยู่บนดอกกุหลาบค่ะ ... ไม่ใช่ snow นะ )  บนยอดดอยที่เชียงใหม่  และจังหวัดอื่นๆ ( อาทิ  เลย  พะเยาว์  แม่ฮ่องสอน  ยโสธร  มีอุณหภูมิ 0 องศา หรือ ติดลบ ไปแล้ว )  จะเกิดแม่คะนิ้ง   ซึ่งคนกรุงเทพฯ อาจจะเคยได้ยินชื่อเวลาวิทยุรายงานสภาพอากาศ  แต่ยังไม่เคยเห็นซักที  ... อ๋อ ! ... เหมือนเกล็ดน้ำแข็งในช่อง freeze ของตู้เย็น นี่เอง

ศัพท์ภาษาอังกฤษของคำนี้  เรียกว่าอะไรเอ่ย ?  อยากรู้จังว่า  เค้าเกิดในสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าจุดเยือกแข็งของน้ำ  แต่มีเงื่อนไขที่แตกต่างจากการเกิดหิมะ ยังไง ? ... นักวิทยาศาสตร์ช่วยอธิบายหน่อยนะค้า
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #132 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2550, 10:45:16 »

The Sky Bridge :  สะพานผ่านฟ้าของจริง  ที่ฝรั่งเศส

มนูญ-วิศวะ 16 ... ส่งมา















คนที่กลัวความสูง  ไม่กล้าขับรถบนสะพานนี้  แหงเลย !  โอ๊ยโย๋  !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #133 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2550, 17:19:03 »

P.Jiab ka,
when we drive on a bridge like this..we can not see much down the ground cause they make a side protector quite high...we can look the bridge and make a photo by the scenery place at the end of the bridge..they will arrange such a  pause place for people to drop and snap snap click click...ka
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #134 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2550, 02:51:43 »

:wink:  ขอบคุณค่ะหนิง ... แต่  เอ๊ !  รูปสุดท้ายนี่  ดูเหมือนจะไม่เข้าพวกกับรูปทั้ง set นี้เลยนะ  แน่ใจเหรอว่าสร้างเสร็จแล้ว  จนใช้งานได้  จะได้สะพานโค้งๆ แบบนี้  ดูจาก plan และการตั้งเสาตอม่อแล้ว  น่าจะได้สะพานที่เป็นเส้นตรง  มีเสากลางยึดสลิง 7 ชุด  แต่รูปสุดท้ายนี่มีแค่ 2 ชุดเท่านั้น นี่นา ! ... รูป และเรื่องต่างๆ จาก forworded mail เหล่านี้  ไม่มี reference เราก็ต้อง " ฟังหูไว้หู  ดูตาไว้ตา " นะคะ ... โปรดใช้วิจารณญานในการชมด้วย

ใน Dictionary บอกว่า " น้ำค้างแข็ง = frost " คำอื่นๆ  ก็เช่น  rime , hoarfrost
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #135 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2550, 03:13:47 »

ครม.อนุมัติลดหย่อนภาษีหักค่าใช้จ่าย 60% ปี 2550

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

ครม.อนุมัติลดหย่อนภาษีหักค่าใช้จ่าย 60% มีผลบังคับใช้แล้วค่ะ  มนุษย์เงินเดือนเฮ

 ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินหักลดหย่อยค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 60% แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท  จากเดิม 40%แต่ไม่เกิน 6 หมื่น  ผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 19,166 บาทต่อเดือน ไม่ต้องเสียภาษี  พร้อมออกตัวไม่ใช่นโยบายหาเสียงเป็นเรื่องที่สรรพากรหารือมานานแล้ว

ขอสรุปข้อมูลจาก Mail มาเป็นการคำนวณภาษีเงินได้  เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ  ว่ามีวิธีคำนวณการอย่างไร  และมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง

การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

เดิม ( 15,833 / เดือน)
ใหม่ ( 19,166 / เดือน )

(1) เงินได้พึงประเมินทุกประเภทรวมกันตลอดปีภาษี

190,000.00
230,000.00

(2) หัก ค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด

60,000.00 ( ร้อยละ 40 ไม่เกิน 60,000.-)
100,000.00 ( ร้อยละ 60 ไม่เกิน 100,000.-)

(3 ) = (1)-(2) เหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย

130,000.00
130,000.00

(4) หัก ค่าลดหย่อนต่าง ๆ ( ลดหย่อนผู้มีเงินได้ 30,000.-)

30,000.00
30,000.00

(5 )= (3)-(4) เหลือเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ

100,000.00
100,000.00

(6) หัก ค่าลดหย่อนเงินบริจาค ไม่เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด

0.00
0.00

(7) = (5)-(6) เหลือเงินได้สุทธิ

100,000.00
100,000.00

นำเงินได้สุทธิตาม ( 7) ไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

จำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

0.00
0.00

( ผู้มีเงินได้เท่ากับ หรือน้อยกว่า 19,166 ต่อเดือนหรือ 230,000 ต่อปี  หักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนเพียง 2 รายการนี้เท่านั้น  ก็ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว )

สรุปผลประโยชน์ที่ได้รับ   ผู้ที่ต้องเสียภาษี 5% ของรายได้ ไม่ต้องเสียภาษี ( เหมือนเดิม )
ผู้ที่ต้องเสียภาษี 10% ของรายได้  จะมีเงินเหลือจากการเสียภาษี
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #136 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2550, 11:48:10 »

12 ราศี

พี่เนี้ยว-วิภาดา ดวงรัตน์ - บัญชี 15 ... ส่งมา

1. ปีชวด เจ้าหนูผู้ไม่อยู่นิ่ง

ลักษณะเฉพาะ : มีเสน่ห์ ฉลาด รอบรู้ ในอดีต หากชาวจีนเห็นหนูตัวโตวิ่งอยู่ในบ้านก็จะทำนายได้ว่าในปีนั่นจะมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวอย่างอุดมสมบูรณ์
จุดเด่น : สติปัญญาที่เฉียบแหลม ความสามารถในการเข้าสังคม และวิญญาณนักธุรกิจที่มี ทำให้คุณประสบความสำเร็จทุกเรื่องที่คุณลงมือทำ
จุดอ่อน : บางครั้งความพยายามที่จะไต่เต้าของคุณก็ทำให้คุณเผลอเป็นคนเห็นแก่ตัวได้เหมือนกัน
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะโรง วอก ฉลู

ชาวหนูนั้นเกิดภายใต้ดาวเสน่ห์และความแข็งกร้าว มักเป็นคนชอบแสดงออกและช่างพูดเป็นบางครั้ง ชอบปาร์ตี้ ชอบใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนฝูงเป็นเวลานานๆ แม้คนเกิดปีชวดจะสามารถสงบปากสงบคำได้ แต่เราก็แทบจะไม่เคยเห็นคนเกิดปีนี้นั่งเงียบๆ สักที ชาวหนูมักมีคนรู้จักมากกว่าที่จะมีเพื่อนแท้ แต่ชาวหนูก็บูชา และชื่นชมผู้คนที่ใกล้ชิดมากทีเดียว เมื่อคุณได้เป็นเพื่อนแท้ของคนปีชวดแล้วล่ะก็ จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ราวครอบครัวเดียวกันนั่นเลย

คนเกิดปีนี้เป็นคนเก็บตัว และไม่ชอบเล่าปัญหาส่วนตัวให้ใครฟัง เห็นช่างพูดช่างคุยอย่างนั้นเถอะ เคยไว้ใจใครเสียที่ไหน แม้คนเกิดปีชวดจะมองโลกด้วยสายตาโหดร้ายและใจแคบเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นคนซื่อสัตย์ดีแม้ชีวิตจริงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันแล้ว ชาวหนูสามารถประสบความสำเร็จได้เสมอ คนเกิดปีชวดนั้นหัวไว และทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จเร็วกว่าคนอื่นมาก นอกจากนั้นยังมีความมั่นใจสูงและมีสัญชาติญาณที่ดี ด้วยความดื้อที่มีอยู่ ชาวชวดจึงนิยมดำรงชีวิตอยู่ด้วยกฎเกณฑ์ของตัวเองมากกว่ากฎที่ผู้อื่นตั้งขึ้น

การทำงานกับคนปีชวดนั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากพวกเขานิยมแต่ความสมบูรณ์แบบเท่านั้น คนเกิดปีชวดเป็นคนมีระเบียบและมีความสามารถ ดังนั้นจึงเหมาะกับการเป็นนักธุรกิจ และนักการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเกิดปีนี้ได้เงินมา ก็จะใช้มันทันที นอกจากนั้นยังระมัดระวังตัวมากเมื่อมีใครมาขอยืมเงิน ถ้าใครคิดจะยืมเงินชาวหนูล่ะก็ เตรียมตาโตกับดอกเบี้ยอันสูงลิ่วได้เลย

คนเกิดปีชวดไม่โรแมนติกแต่ชอบดูแลเอาใจใส่ และมีมิติแห่งอารมณ์อันดื่มด่ำลึกล้ำ ช่วงแรกๆ มักจะยากที่จะเข้าใจไปทำความรู้จักกับคนปีนี้ แต่ก็นับว่าคุ้ม เพราะคนปีชวดเป็นคู่รัก พ่อแม่ ลูก หรือเพื่อนที่ดีมาก นอกจากนั้นซื่อสัตย์และทุ่มเทกับครอบครัว

คู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนเกิดปีชวดคือคนที่เกิดปีมะโรงหรือปีวอก รองลงมาก็คือปีฉลู ชวด หรือกุน นอกจากนั้นที่พอจะเข้ากันได้บ้างก็คือปีขาล จอ หรือมะเส็ง ส่วนปีต้องห้ามที่ไม่ถูกโฉลกกันคือระกา มะเมีย และ มะแม


2. ปีฉลู วัวจอมขยัน

ลักษณะเฉพาะ : สุขุม มีหลักการ ไม่ยืดหยุ่น ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง
จุดเด่น : สุขุม ไม่ผลีผลาม กล้าตัดสินใจ
จุดอ่อน : ต้องการความแน่นอนในชีวิต เป็นคนเงียบและเดายาก
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะเส็ง ระกา หรือชวด

ผู้ที่เกิดปีฉลูเป็นคนขยัน แน่วแน่ และเชื่อมั่นในตัวเอง ด้วยความที่มีมาตรฐานความดีความชั่วแบบขาวกับดำ จึงมักตัดสินผู้อื่นอย่างไร้การประนีประนอมด้วยมาตรฐานเหล่านั้น คนเกิดปีนี้ไม่ชอบเข้าสังคม และมักจะเงียบมากตามงานปาร์ตี้ต่างๆ ภายใต้ลักษณะภายนอกอันสงบนิ่งนั้นซุกซ่อนความช่างคิด และความรุนแรงหากถูกยั่วให้โกรธเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยจึงมิควรทำให้คนเกิดปีฉลูโกรธเอา คนเกิดปีฉลูเป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี มีความจำเป็นเลิศ และสามารถรายงานทุกสิ่งที่พบได้อย่างแม่นยำ

ถ้าพูดถึงครอบครัวแล้ว คนเกิดปีฉลูนับว่าเป็นสมาชิกครอบครัวที่เยี่ยมมาก ส่วนเรื่องการงาน ชาวฉลูก็ทำได้ดีในเรื่องที่เกี่ยวกับศิลปะ รับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ นอกจากนั้นความสามารถในการใช้สองมือเพื่อทำสิ่งต่างๆ บวกกับความฉลาดจึงทำให้ชาวฉลูเป็นศัลยแพทย์ได้ดีเช่นกัน

คนเกิดปีฉลูนั้นตื้อและยึดมั่นในความคิดของตนเอง โดยเชื่อการตัดสินใจของตนเองอย่างไม่มีการเสียใจภายหลัง นอกจากนั้นยังเป็นคนรักครอบครัว แม้จะคิดอยู่เสมอว่าบุคคลใกล้ชิดไม่เข้าใจตัวเองก็ตาม แต่ชาวฉลูก็ยังเป็นคนอดทน เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น และเป็นเพื่อนที่น่าคบคนหนึ่ง ชาวฉลูนั้นมีความรับผิดชอบสูง ซื่อสัตย์ เห็นความสำคัญของครอบครัว และหัวโบราณ แม้จะไม่ใช่คนขี้หึง แต่ชาวฉลูก็ถือว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับความซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียวจากคู่ของตนเสมอ

คู่ที่เหมาะกับคนปีฉลูที่สุดคือคนที่เกิดปีชวด ระกา มะเส็ง หรือวอก รองลงมาคือผู้ที่เกิดปีฉลูด้วยกันเองหรือผู้ที่เกิดปีเถาะ ที่พอเข้ากันได้บ้างก็คือผู้ที่เกิดปีกุน หรือจอ ที่ไม่ถูกกันอย่างยิ่งคือผู้เกิดปีมะเมีย หรือปีขาล


3. ปีขาล เสือจอมพลัง

ลักษณะเฉพาะ : เป็นผู้นำ ชอบเสี่ยง ทำก่อนคิด เป็นคนโชคดีมากและมักเอาตัวรอดได้เสมอ
จุดเด่น : กล้าทำตามความเชื่อของตนเองเป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น
จุดอ่อน : เนื่องจากใช้หัวใจนำทาง จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะเมีย ปีมะโรง หรือปีจอ

คนเกิดปีขาลนั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังมีจิตใจสูงส่ง และกล้าหาญจนได้รับความเคารพแม้กระทั่งจากศัตรูของตนเอง คนเกิดปีขาลคือนักสู้ผู้กล้าหาญที่สามารถต่อสู้ได้จนหยดสุดท้าย เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแม้บางทีจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จริงๆแล้วชาวปีขาลนั้นใจกว้างไม่เบาคนเกิดปีเสือนั้นมักทำให้ผู้อื่นแปลกใจเสมอ รวมทั้งตื่นตัว และเร่งรีบอยู่ตลอดเวลาด้วย

บุคลิกอันน่าเกรงขามแต่ดึงดูดใจในเวลาเดียวกันทำให้ใครๆ ก็หลงใหลคนเกิดปีขาล บางทีชาวเสือก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งในตัวเอง ไม่ว่าจะโกรธง่ายแต่สงบนิ่งใจดีแต่ขี้กลัว กล้าหาญยามคับขันแต่นุ่มนวล ฯลฯ

คนเกิดปีขาลนั้นมั่นใจในตัวเอง และบางครั้งก็มั่นใจเกินไป ถึงแม้คนเกิดปีเสือจะรักการผจญภัย และความตื่นเต้น แต่ทางที่ดีคุณไม่ควรไปท้าทายคนเกิดปีขาลหรอกนะ เพราะคนเกิดปีนี้ยังไงก็ชอบเป็นผู้ควบคุม และเผลอๆอาจต้องการจัดการกับคุณให้เลิกจุ้นก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นคนที่รีบทำอะไรให้เสร็จเร็วๆ เสมอ คนเกิดปีขาลจึงชอบทำงานคนเดียวชาวเสือเป็นพวกชอบทำงาน ขยัน และคล่องแคล่ว ถ้าคุณมอบหมายงานให้คนปีเสือทำล่ะก็มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับผลงานยอดเยี่ยมมีประสิทธิภาพ คนเกิดปีเสือมักหาเงินได้มากแม้ว่าจริงๆแล้วจะไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากนักก็ตาม ชาวขาลเป็นคนความรู้สึกไว และใจน้อยความรู้สึกรุนแรงที่มี อาจทำให้คนปีเสือพลาดท่าได้ในเรื่องความรัก นอกจากนั้นยังเป็นคนขี้หึง ขี้หวงเอามากๆ ถ้าคุณมีเพื่อนเกิดปีขาล เขาอาจขอให้คุณเข้าข้างเขาจนวินาทีสุดท้าย และด้วยความน่ารักเฉพาะตัวของเขา คุณจึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยสักครั้ง

คนเกิดปีขาลเป็นคนรักที่โรแมนติก ลึกซึ้ง แต่อย่างไรก็ตามคนปีนี้มักมีปัญหาไม่สามารถเดินทางสายกลางได้ ( เพราะมักจะมากเกินไปตลอด )

คู่ที่เหมาะที่สุดกับคนปีขาลคือคนเกิดปีจอ มะเมีย หรือวอก รองลงมาคือปีกุน หรือมะโรง ที่พอเข้ากันได้บ้างคือ ปีมะโรง หรือชวด ส่วนปีต้องห้ามคือปีระกา ขาล เถาะ ฉลู หรือมะแม


4. ปีเถาะ กระต่ายน้อยแสนอ่อนหวาน

ลักษณะเฉพาะ : นุ่มนวล รู้กาลเทศะ ชอบสังคม มักมีโชคด้านการเงิน ได้รับมรดกตกทอด
จุดเด่น : มารยาทงดงาม รสนิยมดี สู้ไม่ถอยหากต้องปกป้องครอบครัว และบ้านเรือน
จุดอ่อน : ไม่ชอบการเผชิญหน้า และมักโอนอ่อนผ่อนปรนมากกว่าที่จะดันทุรัง
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะแม ปีกุน หรือปีจอ

กระต่ายคือสัตว์ที่อ่อนโยนน่าทะนุถนอมมากที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดา 12 นักษัตร นอกจากนั้นยังเป็นที่เข้าใจกันว่ากระต่าย คือลักษณ์ของความเมตตากรุณา อ่อนหวานน่ารัก และเป็นที่รักของผู้อื่น ไม่มีใครปฏิเสธผู้ที่เกิดปีเถาะ เนื่องจากชาวเถาะนั้นเป็นเพื่อนที่ดี และรู้จักวางตัว บ้านเรือนของชาวกระต่ายมักจะสวยงามเสมอ คนเกิดปีเถาะมีชื่อเสียงด้านความเป็นศิลปินและมีรสนิยมที่ดี คุณจึงมักพบชาวกระต่ายที่แต่งตัวดีอยู่เสมอๆ และถ้าคุณลองแอบค้นตู้เสื้อผ้าของเพื่อนชาวกระต่ายเข้า คุณก็จะพบแต่เสื้อผ้าสวยงามราคาแพงทั้งนั้น แต่ถึงแม้จะเป็นที่รักของเพื่อนฝูง และครอบครัว

ชาวกระต่ายก็ยังคงเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอยู่ดี นอกจากนั้นยังหัวโบราณและรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ง่าย จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผู้เกิดปีเถาะเป็นคนสุขุม จึงเป็นการยากที่จะปลุกอารมณ์กระต่าย ไม่ว่าจะในแง่ใดก็ตาม เพราะกระต่ายไม่ชอบโต้เถียง และรักชีวิตที่เงียบสงบ นอกจากนั้นยังมีอารมณ์อ่อนไหว และขี้สงสาร ถ้าคุณเผลอเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟัง ชาวกระต่ายก็มักจะอินไปกับคุณ และอาจร้องไห้ได้ง่ายๆ ถ้าคุณมีอาชีพเป็นนักขายล่ะก็ อย่าพลาดที่จะแวะเวียนไปทักทายชาวกระต่าย เพราะพวกเขาจะต้องยอมซื้อสินค้าของคุณแน่ๆ ( บอกแล้วว่าคนเกิดปีนี้ขี้สงสาร )

ไม่ว่าคุณจะเรียกชาวกระต่ายว่าคนขี้ขลาด หรือคนขี้ระแวงก็ตาม เรื่องของเรื่องก็คือชาวกระต่ายมักต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงมือทำอะไรลงไปทุกครั้ง และนี่ก็คือเคล็ดลับที่ทำให้คนเกิดปีเถาะประสบความสำเร็จในที่ทำงาน และหากชาวกระต่ายต้องการมีชีวิตที่มีความสุขตามอัตภาพล่ะก็ อย่าลืมทิ้งความหัวโบราณไปบ้าง แล้วเพิ่มความแข็งกร้าวลงไปนิด แล้วชีวิตก็จะราบรื่น

ในเรื่องความสัมพันธ์ ผู้เกิดปีเถาะเป็นคู่รักที่ดีมาก ทั้งโรแมนติก น่ารัก และซื่อสัตย์ จึงมีคนมาแวะเวียนขายขนมจีบอย่างสม่ำเสมอ ผู้ชายที่เกิดปีเถาะนั้นอาจจะช่างเลือกบ้าง และไม่ใช่แฟมิลี่แมนนัก ผู้หญิงปีเถาะควรใช้เวลาชื่นชมตัวเองในกระจกให้น้อยลง และใช้เวลากับเพื่อนๆ ให้มากขึ้น

คู่ที่ดีที่สุดสำหรับคนเกิดปีกระต่ายคือ คนเกิดปีกุน มะโรง หรือมะแม รองลงมาคือปีจอ วอก หรือเถาะด้วยกัน ที่พอเข้ากันได้บ้างก็คือปีฉลู หรือมะเส็ง
ส่วนปีต้องห้ามคือปีระกา มะเมีย หรือชวด


5. ปีมะโรง มังกรผู้สูงส่ง

ลักษณะเฉพาะ : เซ็กซี่ คล่องแคล่ว มีเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้าม ชาวจีนถือว่ามังกรคือสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ
จุดเด่น : มีชีวิตชีวา ทะเยอทะยาน
จุดอ่อน : เน้นรายละเอียด ชอบสั่ง รักความหรูหรา มือเติบ
คู่รักที่เหมาะสม : ปีชวด มะเส็ง วอก หรือระกา

คนเกิดปีมะโรงนั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ใครๆ ก็ชื่นชมในความพร้อมความโชคดี และความมีอำนาจของคนปีมะโรง เนื่องจากมังกรเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิจีน คนเกิดปีมะโรงจึงเห็นว่าอำนาจที่ตนมีนั้นเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดที่ทุกคนต้องยอมรับ และยังเป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบตัวยงอีกด้วย คนเกิดปีมะโรงเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง กระตือรือร้น ทรงอิทธิพล และคล่องแคล่ว นอกจากนั้นยังแข็งกร้าว ยืนหยัดและแน่วแน่

คนเกิดปีมะโรงเป็นคนมีศิลปะในการพูดมักมีความคิดเห็นดีๆ และเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมมาก พรสวรรค์บวกกับความใจกว้างทำให้คนเกิดปีนี้มีหน้าที่การงานโดดเด่น อย่างไรก็ตาม คนเกิดปีมะโรงมีนิสัยโกรธง่าย และมีแนวโน้นที่จะภูมิใจในตัวเอง และมั่นใจจนเกินไป จนทำให้กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ดื้อรั้น เผด็จการ และหัวสูง นอกจากนั้นยังหมกมุ่นกับยศถาบรรดาศักดิ์ และเงินทองมากเกินไป คนเกิดปีนี้จึงเกลียดที่จะต้องแก่ตัวไปตามวัย

คนเกิดปีมังกรนี้มีแต่คนรัก และไม่เคยผิดหวังในรักเลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีชายหนุ่มมารุมตอมจนหัวกระไดไม่แห้ง

คู่ที่เหมาะที่สุดกับคนเกิดปีมะโรงคือคนเกิดปีชวด เถาะ กุน หรือวอก รองลงมาคือขาล มะแม ระกา มะเส็ง หรือมะเมีย ถ้าคนเกิดปีขาลจับคู่กับคนปีจอ คนที่จะไม่สบายใจที่สุดคือคนปีจอ เอง คู่ปีมะโรงกับฉลูมีแนวโน้มจะทะเลาะกัน ส่วนคู่มะโรงกับมะโรงนั้นมักจะมีปัญหาชิงดีชิงเด่นกันตลอดเวลา


6. ปีมะเส็ง งูน้อยฝีปากเอก

ลักษณะเฉพาะ : ลึกลับ พูดจาแผ่วเบา รูปร่างหน้าตาสวยงามถูกใจเพศตรงข้าม
จุดเด่น : ฉลาด เดาสถานการณ์เก่ง รักการอ่าน การเรียนรู้ และดนตรี
จุดอ่อน : หลงตัวเอง ใจแคบเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ( แทบจะไม่ให้ใครหยิบยืมเลย )
คู่รักที่เหมาะสม : ปีฉลู หรือระกา

คนเกิดปีมะเส็งนั้นมีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น และดึงดูดใจ แต่คนเกิดปีงูก็ไม่เคยส่งเสียงดัง หรือพยายามพูดจาหวานหู เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นเพราะชาวปีงูไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร และมีมารยาทดีมาก คนเกิดปีมะเส็งนั้นมีโชคเสมอ และไม่เคยขาดเงิน เคล็ดลับสำหรับคนเกิดปีงูคือให้พยายามหางานที่ไม่เสี่ยง และไม่หนักมากนัก เนื่องจากคนเกิดปีนี้มีนิสัยเกียจคร้านเป็นทุนอยู่แล้ว

คนเกิดปีมะเส็งเป็นคนช่างคิด ฉลาด และล้ำลึก นอกจากนั้นยังเป็นคนมุ่งมั่นไม่ทิ้งอะไรไปกลางคัน คนเกิดปีมะเส็งเชื่อเรื่องความประทับใจแรก ความ รู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ คำแนะนำ และความเห็นของผู้อื่น รวมทั้งสัมผัสที่หกในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ถ้าคุณไปยืมเงินคนเกิดปีมะเส็ง จะพบว่าคนปีมะเส็งนั้นเขี้ยวน่าดู แม้ว่าท้ายที่สุดจะยอมให้คุณยืมเงินแต่โดยดีก็ตาม

ข้อเสียที่สำคัญที่สุดของคนเกิดปีนี้คือ การพูดอะไรเกินความจริง ถ้าคนเกิดปีมะเส็งยอมช่วยใครแล้วล่ะก็ หลังจากนั้นเขาหรือเธอจะทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคนๆ นั้นจนน่าตกใจเลยทีเดียว ( บอกแล้วว่างูรัดไม่ปล่อย ) ข้อเสียอีกอย่างของคนราศีนี้ก็คือ โกหกเก่ง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แล้วก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง คนเกิดปีมะเส็งนั้นชอบหว่านเสน่ห์ ถึงแม้จะเซ็กซ์จัดไปหน่อยแต่ก็ยังนับว่าพอทนได้ ไม่น่ารังเกียจเกินไปนัก ด้วยความเจ้าเสน่ห์นี้เองที่ทำให้ใครต่อใครพากันมาหลงรักคนปีมะเส็งอย่างหัวปักหัวปำ เมื่ออยู่ในห้วงรัก หนุ่มมะเส็งจะโรแมนติก และเจ้าเสน่ห์ นอกจากนั้นยังมีอารมณ์ขันเหลือเฟือ ส่วนสาวมะเส็งก็จะสวยหวาน และประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างไรก็ตาม หากใครได้สมรักสมรสกับชาวปีมะเส็งแล้วละก็ เตรียมถูกงูรัดแบบถาวรได้เลย เพราะคนปีมะเส็งนั้นขี้หึงหวงมาก และจะหวงยาวไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะหมดรักกันไปเนิ่นนานแล้วก็ตาม

สิ่งที่ชาวปีมะเส็งเกลียดมากก็คือ การถูกปฏิเสธด้วยความที่เป็นคนมีอัตตาสูง คนเกิดปีมะเส็งจึงคาดหวังว่าตนเองจะต้องได้รับการต้อนรับ และยอมรับจากทุกคนที่ตนเองติดต่อด้วย เพื่อให้ตนเองรู้สึกมั่นใจ และปลอดภัยเสมอ

คู่ที่เหมาะกับคนเกิดปีมะเส็งที่สุดคือ คนเกิดปีระกา รองลงมาคือฉลู หรือมะเมีย ที่พอเข้ากันได้บ้างก็คือคนเกิดปีมะแม จอ ขาล ฉลู หรือมะโรง ปีต้องห้ามคือ ปีเถาะ วอก มะเส็งด้วยกันเองหรือกุน


7. ปีมะเมีย อาชาจอมขยัน

ลักษณะเฉพาะ : มีสไตล์ พูดจาดี มีความตั้งใจ และเป็นนักกีฬา พ่อแม่ชาวจีนจะรู้สึกสิ้นหวังมาก หากมีลูกสาวเกิดปีมะเมีย เพราะรู้ว่าลูกสาวอาจต้องอยู่เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงาน
จุดเด่น : มีแรงบันดาลใจ มีเพื่อนมาก ทักษะการปรับตัวทำให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์
จุดอ่อน : มักตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่งและบ่อย ๆ รวมทั้งทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักเพียงอย่างเดียว
คู่รักที่เหมาะสม : ปีขาล ปีจอ และปีมะแม

ผู้เกิดปีมะเมียมักใช้สติปัญญา และแรงกายอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ นอกจากนั้นยังมีความทะเยอทะยาน และพลังงานเต็มเปี่ยม รวมทั้งขยันขันแข็งเป็นยอด คนที่ปีมะเมียนั้นเป็นคนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่งตัวดี และเซ็กซี่ ชอบเป็นจุดสนใจ มักชอบอยู่ตามงานปาร์ตี้ คอนเสิร์ต และการแข่งขันกีฬาต่างๆ เสมอ ความที่ชอบเดินทาง และรักการแข่งขันทำให้คนเกิดปีมะเมียมักแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว ตั้งแต่อายุไม่มาก ความเป็นตัวของตัวเอง และความกบถที่มีอยู่ในตัวทำให้ชาวมะเมียเกลียดระเบียบแบบแผนจนมักจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นเสมอ นอกจากนั้นยังเจ้าเล่ห์เททุบายมากกว่าจะฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมีแนวโน้มว่าจะขาดความมั่นใจในตัวเองที่แท้จริงอีกด้วย เนื่องจากเป็นคนเลือดร้อน หุนหัน และไม่อดทน ชาวมะเมียจึงมีความสนใจในระยะที่สั้นมากๆ ( ขี้เบื่อ หน่ายเร็วว่างั้นเถอะ) แถมบางทียังเป็นคนเห็นแก่ตัวหลงตัวเองอีกต่างหาก

คนเกิดปีมะเมียมักจะมีความขัดแย้งในตัวเองหลายอย่าง ทั้งหยิ่งแต่ก็อ่อนหวานในเวลาเดียวกัน โอ้อวดแต่ก็แสนถ่อมตัวยามมีความรัก ขี้อิจฉาแต่ก็ช่างประนีประนอม ต้องการเป็นที่ยอมรับแต่ก็ยังอยากเป็นอิสระอยู่ลึกๆ ต้องการความรักและแสวงหาความใกล้ชิด แต่ในขณะเดียวกันก็มักรู้สึกอึดอัดกดดันและจนแต้มอยู่บ่อยๆ

ในเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม คนเกิดปีมะเมียนั้นอ่อนแอ และพร้อมสละทุกอย่างเพื่อความรัก คู่ที่เหมาะที่สุดคือ คนเกิดปีจอ ขาล มะแม หรือมะเส็ง รองลงมาคือ ปีกุนหรือปีมะเมียด้วยกัน ความสัมพันธ์กับคนเกิดปีมะโรงจะร้อนแรงเร้าใจ แต่ไม่ยืนยาว ส่วนปีต้องห้ามคือ ปีชวด ระกา เถาะ ฉลูและวอก


8. ปีมะแม แกะน้อยแสนนุ่มนวล

ลักษณะเฉพาะ : เป็นศิลปิน โรแมนติก น่ารัก ช่างฝัน ชอบทำอะไรแบบนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป
จุดเด่น : ปีมะแมคือสัญลักษณ์แห่งความใจบุญตามราศีแบบจีน มีทักษะและความรับผิดชอบสูง ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ และมักคาดหวังว่าผู้อื่นและตนเองจะไร้ที่ติ
จุดอ่อน : เมื่อผิดหวังจะโอดครวญ ไม่ค่อยรู้กาลเทศะ
คู่รักที่เหมาะสม : ปีเถาะ ปีกุน หรือปีมะเมีย

ผู้เกิดปีมะแมนั้นสง่างาม มีเสน่ห์ เป็นศิลปิน มีพรสวรรค์ และรักธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าบรรดาผู้เกิดปีอื่นๆ ความนุ่มนวล มารยาทงดงาม และเสน่ห์ทำให้มีคนมาหลงรัก และชื่นชอบมากมาย ผู้เกิดปีนี้ไม่ค่อยมั่นใจ และปลอดภัยนัก โดยจะต้องการความรักความคุ้มครองตลอดเวลาไม่ชอบเผชิญหน้า ไม่ชอบตัดสินใจเรื่องหนักๆ และมักปฏิเสธที่จะอยู่ข้างที่มีแววว่าจะแพ้เอาดื้อๆ เมื่อยามมีข้อขัดแย้งกัน คนเกิดปีมะแมเป็นคนช่างฝัน แต่บ่างครั้งก็มองโลกในแง่ร้าย ลังเล กังวล วิตกจริตมากไป

คนเกิดปีนี้ค่อนข้างขี้เกียจ ดังนั้น หากสบโอกาสก็พร้อมจะยอมแต่งงานกับคนร่ำรวย เพื่อความสะดวกสบายของตนเอง นอกจากชาวปีมะแมยังหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ของตนเอง ด้วยคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกส่งผลต่อความมั่นคงทางจิตใจ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองดูดีจริงๆ แล้ว ชาวมะแมก็จะไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเด็ดขาด เนื่องจากเป็นพวกไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด คนเกิดปีมะแมจึงชอบศึกษาเรื่องลี้ลับ เพื่อตนเองจะได้รอบรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่มีใครรู้เหล่านั้น ( หาข้อมูลให้ทั่วว่างั้นเถอะ ) นอกจากนั้นยังชอบอ่านหนังสือเรื่องโหราศาสตร์ และโชคชะตาราศี จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะพบหมอดูที่เกิดปีมะแมอยู่บ่อยๆ

คนเกิดปีนี้เป็นคนไม่มีระเบียบ ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะทำธุรกิจ โดยควรหันมาเป็นช่างฝีมือ ศิลปิน หรือนักเขียน อาชีพใดๆ ก็ตามที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะทางศิลปะ คนเกิดปีมะแมเป็นคนโรแมนติก อ่อนไหว อ่อนหวาน และเป็นที่รักของผู้อื่น เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ คนเกิดปีนี้อาจจะเจ้ากี้เจ้าการ และขี้เกียจไปบ้าง แต่เนื่องจากเป็นคนนุ่มนวล และช่างเอาใจ จึงทำให้ใครๆ ก็ติดกับเสน่ห์ถอนตัวไม่ขึ้นอยู่เสมอ

คู่ที่เหมาะสมที่สุดคือคนเกิดปีกุน รองลงมาคือปีมะเมียหรือมะโรง ที่พอเข้ากันได้บ้างคือปีวอก มะเส็งหรือจอ ปีต้องห้ามคือ ปีชวด ฉลู ระกา ขาล หรือมะแมด้วยกัน


9. ปีวอก ลิงเจ้าสำราญ

ลักษณะเฉพาะ : ฉลาด มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่น ขี้เล่น
จุดเด่น : เป็นนักแก้ปัญหาและหาทางลัด มีเสน่ห์ พูดจาน่าหลงใหล
จุดอ่อน : บางทีคุณชอบปลุกปั่นผู้อื่น และบางครั้งก็ชอบแกล้งคนเพื่อความสนุกสนาน
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะโรง หรือชวด

คนเกิดปีนี้เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง คล่องแคล่ว และน่ารัก นอกจากนั้นยังฉลาดเป็นกรด ลองยื่นหนังสือน่าเบื่อให้สักเล่ม แล้วคุณจะเห็นว่าคนปีวอกสามารถทำเรื่องน่าเบื่อให้สนุกได้อย่างน่าประหลาดด้วยความมีทักษะ
และความคิดสร้างสรรค์ส่วนตัว อย่าแปลกใจถาคุณพบคนเกิดปีวอกเป็นจุดสนใจของผู้คนในงานปาร์ตี้ ความมีเสน่ห์ และอารมณ์ขันคือ ตัวดึงดูดที่สำคัญที่คนเกิดปีนี้มี นอกจากนั้นยังดูเชี่ยวชาญด้านสังคม พูดจาเสนาะหูมีวาทศิลป์ แต่บางทีก็สวมหน้ากากเพื่อพรางความคิดเห็นที่ตนเองมีต่อผู้อื่นได้อย่างแนบเนียนภายใต้ท่าทางที่แสนเป็นมิตร อย่างไรก็ตามคนเกิดปีวอกไม่เคยซ่อนอารมณ์ของตัวเอง เพราะทุกอย่างจะออกมาที่ใบหน้าให้รู้กันทั่ว

คนเกิดปีวอกแก้ปัญหาเก่งมาก ถ้าคุณมีปัญหาเชิญหมุนหาคนเกิดปีนี้ รับรองไม่ผิดหวัง เพราะชาววอกเป็นผู้ฟังที่ดี และจะชี้แนะคำที่เหมาะสมเสมอ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้คนเกิดปีนี้ต้องการจะเรียนรู้ตลอดเวลา ส่วนข้อเสียของคนปีวอกคือ บางครั้งก็ขาดเหตุผล และพร้อมที่จะสร้างภาพให้ตัวเองและคนอื่นเชื่อได้ว่า ทุกสิ่งที่คนเกิดปีวอกกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ บางคนเห็นว่าคนเกิดปีวอกเป็นคนเห็นแก่ตัว ชอบฉวยโอกาส เจ้าเล่ห์ แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร คนเกิดปีนี้ก็ไม่เคยใส่ใจ

คนเกิดปีวอกชอบรับประทานอาหารมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นตะกละ เพียงแต่ชอบรับประทานขนมคบเคี้ยวตามใจปากเท่านั้น และเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับคนเกิดปีนี้ก็คือ พวกเขาชอบกินกล้วยเป็นที่สุด เสน่ห์และโชคที่มีอาจทำให้คนเกิดปีวอกมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป คนเกิดปีนี้เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ทุ่มเท นอกจากนั้นยังเป็นคนรักที่อารมณ์อ่อนหวาน แต่โลเล รักง่ายหน่ายเร็ว

คู่ที่เหมาะกับคนเกิดปีวอกที่สุดคือ คนเกิดปีชวดหรือวอกด้วยกัน รองลงมาคือปีขาล กุน ฉลู หรือเถาะ ที่พอเข้ากันได้บ้างคือระกา จอ มะแม หรือ มะเส็ง ปีต้องห้ามคือปีมะเมีย


10. ปีระกา ไก่แสนกระตือรือร้น

ลักษณะเฉพาะ : จริงใจ มีชีวิตชีวา มีความสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ คุณคือนาฬิกาปลุกของธรรมชาติที่คอยส่งสารและปลุกผู้คนขึ้นจากความหลับไหล
จุดเด่น : มั่นใจในตัวเอง มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองอย่างหนักแน่น
จุดอ่อน : ความรู้มากของคุณอาจทำให้กลายเป็นว่าคุณกำลังยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น บางครั้งคุณก็ทื่อเกินไป และไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น
คู่รักที่เหมาะสม : ปีฉลู มะเส็ง หรือมะโรง

ลึกๆ แล้วคนเกิดปีระกาเป็นพวกหัวอนุรักษ์นิยม ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมปิดบังชอบสังคม ต้องการการใส่ใจจากผู้อื่น เป็นเจ้าภาพที่ดี และชอบเอนเตอร์เทรนผู้อื่น ชอบตกเป็นเป้าสายตา ชอบการเยินยอ และบางครั้งอาจแต่งตัวฟู่ฟ่า เพื่อเรียกความสนใจ คนเกิดปีระกามักจะแต่งตัวสวยงามเสมอ
เพราะเป็นคนที่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมาก ถึงจะติดหัวโบราณ แต่คนเกิดปีนี้ก็เต็มที่กับการจ่ายเงินเรื่องเสื้อผ้า และมักใช้เวลาหมุนตัวอยู่หน้ากระจกทีละนานๆ คนเกิดปีระกาแม้จะชอบใช้เงิน แต่ก็ไม่ได้มือเติบเพราะจริงๆ แล้วเป็นคนชอบของลดราคา ชอบเปรียบเทียบราคา และชอบต่อรอง

คนเกิดปีนี้เป็นผู้สังเกตการณ์ที่แม่นยำ และมีสัมผัสที่หก ดังนั้นอย่าคิดว่าจะหลอกคนเกิดปีไก่ได้ง่ายๆ เชียวนะ เพราะชาวไก่มีพื้นฐานจิตใจที่ค่อนข้างระมัดระวัง ด้วยพรสวรรค์ในด้านการรับรู้นี้ ทำให้คนเกิดปีระกาแก้ปัญหาได้เก่ง เหมาะกับอาชีพแพทย์ นักสืบ นักจิตวิทยา และพยาบาล คนเกิดปีนี้มักอยู่เฉยไม่เป็น นอกจากนั้น ทักษะที่มีในหลายๆ ด้านยังทำให้ประสบความสำเร็จได้มากมายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นนักปฏิบัติผู้มากความสามารถ แต่ชาวปีระกาก็เป็นนักฝันด้วยเช่นกัน และความช่างฝันนี่เองที่มักทำให้คนปีระกาทำให้คนรักผิดหวังเสมอ เนื่องจากความเป็นจริงไม่เหมือนกับความฝันสวยงามที่คนปีระกาวาดไว้ให้ แม้ว่าจริงๆ แล้วคนปีระกาจะเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่าความฝันเล่านั้นน่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ตาม

ความดีหมายเลขหนึ่งของคนเกิดปีระกาคือ ความซื่อสัตย์ โดยจะเป็นเพื่อนที่แสนทุ่มเท เมื่อคนปีระกาตกอยู่ในห้วงรัก จึงพร้อมจะมอบกายถวายชีวิตทำทุกอย่างตามใจคนรัก

คู่ที่เหมาะสมที่สุดคือ คนเกิดปีมะเส็ง รองลงมาคือ ปีฉลู กุน วอก หรือมะโรง ที่พอเข้ากันได้บ้างคือ ปีชวด หรือปีจอ ปีต้องห้ามคือ มะเมีย ขาล เถาะ มะแมหรือระกาด้วยกัน


11. ปีจอ สุนัขผู้ซื่อสัตย์

ลักษณะเฉพาะ : ซื่อสัตย์ ติดดิน มีสัญชาตญาณ แข็งนอกอ่อนใน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีต้องการความรัก โดยต้องการให้ผู้อื่นรักในความเป็นคุณ
ไม่ใช่รักในสิ่งที่คุณทำเพื่อผู้อื่น
จุดเด่น : รู้เท่าทันเรื่องต่าง ๆ เสมอ มองสถานการณ์ได้ลึกซึ้ง ไม่ทอดทิ้งเพื่อนแม้ในยามยาก
จุดอ่อน : คุณคือนักสู้ของทั้ง 12 นักษัตร ถ้าใครมีความรู้สึกต่างไปจากคุณ คุณก็อาจเผลอตัววิพากษ์วิจารณ์ และขาดการผ่อนปรนได้
คู่รักที่เหมาะสม : ปีมะเมีย ขาล หรือเถาะ

คนเกิดปีจอนั้นซื่อสัตย์ จริงใจและจงรักภักดี คนเกิดปีนี้มักเป็นคนจริงจัง ขี้บ่น ขี้วิตก แต่ก็เป็นคนมีศักดิ์ศรี และพร้อมจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเสมอ
ถ้าเข้าผิดทาง คุณจะพบว่าคนเกิดปีจอเป็นคนช่างเลือก และระมัดระวังตัว แต่โดยรวมก็เป็นเพื่อนที่น่ารักพอตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ตกใจกลัวขึ้นมา
คนเกิดปีจอก็สามารถผันตัวเป็นคนน่ารังเกียจ และโวยวายไม่หยุดได้เหมือนกัน

คนเกิดปีนี้รักษาความลับได้ เคารพประเพณี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสีสันอันจัดจ้านของงานปาร์ตี้ แต่คนเกิดปีนี้ก็เป็นคนฉลาด ช่างเอาใจใส่ และเป็นผู้ฟังที่ดี เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ คนเกิดปีจอจะยอมให้คนรักเป็นฝ่ายได้ ส่วนตัวเองเป็นผู้ให้

คู่ที่เหมาะที่สุดกับคนปีจอคือ ปีมะเมีย ขาล หรือกุน ที่พอเข้ากันได้คือ ปีเถาะ ชวด หรือวอก หรือหากคิดจะรักกับคนเกิดปีฉลู มะโรง มะแม ระกา หรือจอด้วยกันก็ได้ แต่จะลำบาก


12. ปีกุน หมูผู้กล้า

ลักษณะเฉพาะ : ฉลาด ไว้ใจได้ ใจดี ไม่เห็นแก่ตัว ชาวจีนนิยม “ หมู ” ( สัตว์สัญลักษณ์แห่งความมั่งมี ) เพราะถือว่าการมีหมูจำนวนมากในฟาร์มหมายถึงความกินดีอยู่ดี
จุดเด่น : หมูเป็นสัตว์จิตใจดี ให้อภัย ไม่เคียดแค้น ใจดี บุคลิกง่าย ๆ สบาย ๆ ดังนั้นใครๆ ต่างก็เข้ามาหาเมื่อมีปัญหา
จุดอ่อน : บางครั้งก็แสนซื่อไร้กลยุทธ์ เชื่อแทบทุกเรื่องที่มีคนบอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำเยินยอ
คู่รักที่เหมาะสม : ปีเถาะ หรือมะแม

คนเกิดปีกุนคือ ต้นแบบแห่งความจริงใจ บริสุทธิ์ ผ่อนปรน และศักดิ์ศรีเมื่อแรกพบ คุณจะรู้สึกว่าคนเกิดปีกุนนี้ช่างดีเหลือเกิน นอกจากนั้นยังเป็นคนระมัดระวัง ช่างเอาใจใส่ และกล้าหาญ ลองมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนเกิดปีกุน แล้วคุณจะรู้ว่าพวกเขาช่างแสนดีพร้อมจะทำทุกสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ทำให้คุณผิดหวัง คนเกิดปีกุนมักเป็นที่รักของทุกคน คนเกิดปีนี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ และรักการบริการ คนส่วนใหญ่จึงฉวยโอกาสเอาเปรียบตรงข้อนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนปีกุนรู้สึกแย่แต่อย่างไร แม้จะเริ่มแก่ตัวขึ้น คนปีกุนก็ยังเชื่อมั่นว่ามนุษย์ล้วนแล้วแต่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ดีงามเป็นพื้นฐาน

คนเกิดปีนี้พร้อมสละความสุขส่วนตัวเพื่อผู้อื่น และเป็นเพื่อนที่ดี ดังนั้นหากคุณมีเพื่อนปีกุนที่คบกันมาเนิ่นนาน อย่าลืมถนอมน้ำใจกันไว้ดีๆ วิธีง่ายๆ ก็คือ อย่าไปบังคับขู่เข็ญให้เขามามีความคิดเหมือนกับคุณเด็ดขาด และอย่าลืมว่าคนปีกุนไม่ชอบขอหรือรับความช่วยเหลือจากใคร คนเกิดปีกุนเป็นคนพูดน้อย แต่ลองได้พูดเมื่อไรล่ะก็ หยุดไม่ได้เลยล่ะ นอกจากนั้นยังเป็นคนฉลาด ใฝ่รู้ ( เหมือนคนเกิดปีวอก ) บางคนบอกว่าคนปีกุนนั้นหัวสูง และให้ความสำคัญกับมารยาท การเลี้ยงดู และรสนิยมที่ดีเป็นอันมาก แต่จริงๆ แล้ว
คนเกิดปีนี้เพียงแต่เกิดมาพร้อมกับ “ สไตล์ ” ในทุกๆ เรื่อง คนเกิดปีกุนชอบรับประทานอาหาร และชอบทานชอคโกแลตหลังอาหารค่ำโดยมักเผลอตัวรับประทานอาหารมากเกินไปเสมอ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #137 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2550, 16:45:00 »

P.Jiab ka,
do you have it in other forms,constellation..horoscope ??
for example January= Mangorn,February=Goom..and so on---
thank you ka.
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #138 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2550, 16:54:43 »

อ้างจาก: "Jiab16"
The Sky Bridge :  สะพานผ่านฟ้าของจริง  ที่ฝรั่งเศส
มนูญ-วิศวะ 16 ... ส่งมา

คนที่กลัวความสูง  ไม่กล้าขับรถบนสะพานนี้  แหงเลย !  โอ๊ยโย๋  !


P.Jiab ka,
this one shows clearer the "Seiten Blank"...side protector..looks not so high..but high enough for car level...when we sit inside the car.
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #139 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2550, 12:13:42 »

ดวงชะตาจากหมอลักษณ์ ปี 2008

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

ท่านที่เกิดในราศีเมษ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 พฤษภาคม

ในปี 2551 นี้ คุณที่เกิดในราศีเมษ ถือว่าเป็นปีทอง เป็นปีที่คุณจะเริ่มต้นชีวิตของคุณ แล้วสามารถนำไปสู่ความสำเร็จคืนกลับมา เรียกว่าโชคดี ชีวิตของคุณจะรุ่งโรจน์ขอให้คุณอย่างอมืองอเท้า ...ฟันธงครับ คนที่เกิดราศีเมษเป็นราศีเดียวกับดวงเมืองประเทศไทย จากการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจเขาบอกว่าดวงประเทศไทยจะแย่ แต่ผมดูแล้วจะมีสิ่งดีๆ อีกหลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะประเทศไทยคือราศีเมษ ส่งผลให้คนที่เกิดราศีเมษจะดีตาม ส่วนจะดีในเรื่องอะไร อย่างไร ต้องติดตามครับ

การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน หากมีการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะสอบได้ ...ฟันธง แปลว่า การเรียนจะประสบความสำเร็จแบบถึงอกถึงใจ

การงาน  คุณมีมุมของชะตาชีวิตที่จะได้งาน ใครที่ตกงานจะได้งาน ใครที่มีการงานทำอยู่แล้วจะเจริญก้าวหน้า ใครที่รับราชการ ตำแหน่งก็จะสูงขึ้น ในกรณีที่เป็นลูกน้องลูกจ้าง แน่นอน ...เจ้านายจะเพิ่มเงินเดือนให้ ส่วนใครที่ลงทุนทำการค้า รับรอง ซื้อง่ายขายคล่อง ผมมั่นใจ ...ฟันธง ถ้าเกิดจะขยับขยาย คิดจะลงทุนเพิ่ม จะดีไหม ... ลุย  รับรองว่าคุณจะประสบความสำเร็จกับการงานที่คุณทำ ด้วยศักดิ์และสิทธิ์แห่งความเป็นโหร สิ่งนี้จงแม่นยำ

การเงิน  เมื่อการงานดี เงินก็ไหลมาเทมา คุณจะมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ใครเป็นหนี้ หนี้สินจะหมดไป น้องๆ หนูๆ ที่อยู่ในวัยเรียน สามารถอ้อนคุณพ่อคุณแม่ ให้ซื้อในสิ่งที่เราต้องการหรือปรารถนา ส่วนใครที่เป็นนักลงทุนทำการค้า คิดจะกู้ยืมเงินจากธนาคารก็กู้ได้ ใครที่คิดจะสะสมเงินให้เป็นกอบเป็นกำ ที่ผ่านมาเก็บเงินไม่อยู่ ปีนี้เก็บอยู่ ผมมั่นใจ ... ฟันธงครับ

ความรัก  ปีนี้เป็นปีที่เรื่องของการงานโดดเด่น ความรักก็ไม่แพ้กัน ความรักก็มีความสุขดี ในกรณีที่คุณยังไม่เจอคู่ ปีนี้คุณจะเจอคู่แท้ ... ฟันธง คู่ของคุณจะเป็นคนที่หน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ถ้าเกิดทั้งดำทั้งขี้เหล่ แปลว่าไม่ใช่ ส่วนใครที่มีคู่ครองแล้ว จะมีบุตรไว้สืบตระกูลในปีนี้แน่ๆ ... ฟันธง เรื่องของการงานจะเสริมเรื่องของความรัก โดยเฉพาะใครที่เจอคู่รักจากที่ทำงาน ใครที่มีการทำงานร่วมกับคู่รักหรือคนรัก รับรองว่าจะเสริมดวงชะตาเป็นอย่างดีในปีนี้

สุขภาพและอุบัติเหตุ   คุณที่เกิดในราศีนี้เป็นคนคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ซุ่มซ่าม จึงต้องระวังการใช้มีดหรือของมีคม หรือการเดินเหินที่ไม่ระมัดระวังจะเตะโน่น สะดุดนี่ หรือทำให้มีดบาด มีการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นกับคุณได้ตลอดทั้งปีครับ แต่อุบัติเหตุใหญ่ๆ ไม่ปรากฏ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   คือ การไหว้พระเสริมดวงสำหรับปีนี้ คุณควรไปไหว้พระหลักเมือง และพระที่สำคัญ คือ พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร หรือจะขึ้นไปไหว้พระในที่สูง เช่น ไปไหว้พระบนยอดภูเขาทอง วัดสระเกศ พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของคุณขึ้นสู่ที่สูง แล้วมีความรุ่งโรจน์ มีความเจริญก้าวหน้าไปตลอดปี ... ฟันธงครับ  อันนี้จะเป็นสิริมงคล เสริมชะตาราศี จะทำให้ดวงชะตาของคุณ เฮงตลอดปี


ท่านที่เกิดในราศีพฤษภ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน
 
คุณที่เกิดในราศีพฤษภ ในปี 2551 นี้  ดวงตก โอ้โฮ ... ใจแป้วเลยสิท่า  แต่มีทางแก้ อย่ากลัว เดี๋ยวจะบอกให้ว่าจะต้องทำอย่างไร ดาวพฤหัสบดีเป็นมรณะกับดวงชะตา แล้วก็จะคงอยู่แค่ปีเดียว คนเรามีขึ้นมีลง มีทุกข์มีสุข ต้องเข้าใจเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องลำดับต้นก่อน จะได้ไม่ประมาท เพราะฉะนั้นจะทำอะไร จะลงทุนอะไร เดี๋ยวผมจะบอกว่าจะต้องทำอย่างไร
 
การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ช่วงนี้จะอ่านเขียนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง แล้วเพื่อนฝูงมักชวนนอกลู่นอกทาง ต้องระวัง คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้มงวดกวดขันกับบุตรหลานของคุณที่เกิดในราศีนี้ แล้วประการสำคัญ จะเจอวิชาที่ตัวเองเบื่อเซ็ง การเลือกคณะหรือการสอบเอนทรานซ์จะมีความผิดพลาด หรือมีความผิดหวัง วิธีการแก้ไขคือ ถ้าอ่านหนังสือกลางวันแล้วไม่จำ ให้เปลี่ยนมาอ่านกลางคืนแล้วจะจำ หรือไปศึกษาต่อต่างถิ่นต่างแดนในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าทำอย่างนี้ก็สามารถแก้ไขได้
 
การงาน  คุณที่อยู่ในวัยทำงาน อย่าเพิ่งน้อยใจประชดเจ้านายแล้วลาออก รับรองว่า จะตกงานเลย แล้วตกงานอยู่ 1 ปี ถ้าเกิดใครมาชวนลงทุน ขยับขยายทำการค้า อย่าเป็นอันขาด มีสิทธิ์เจ๊งมากกว่าเฮง ประคับประคองสิ่งที่ทำไป ส่วนใครที่ไม่ได้ทำงาน แล้วเกาะเขากินอยู่ ถ้าเกิดอยู่ในราศีนี้ ปีนี้จะดี อันนี้เป็นข้อแปลก ปีนี้ใครอยู่ในราศีนี้ ดวงตก แต่ถ้าบังเอิญกำลังตกงานอยู่แล้วขอเงินพี่ชายใช้ คุณกลับจะได้ใช้เงินมากขึ้น แปลกไหม ...

การเงิน   สภาพคล่องทางการเงินมีปัญหา ต้องระมัดระวัง อย่าซื้ออะไรเงินผ่อน อย่าวางแผนลงทุนที่จะต้องใช้เงินลงไป อย่าให้ใครหยิบยืมสตางค์ อย่าไปค้ำประกันหรือรับรองใคร เพราะจะมีปัญหาครับ เพราะฉะนั้นต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และไม่ประมาท บัตรเครดิตอย่ารูดปื๊ด รูดปื๊ด มิฉะนั้นจะมีปัญหาแน่ๆ

ความรัก   ความรักในปีนี้จะทุกข์ใจ มีสิทธิ์ถูกหลอกฟัน มีสิทธิ์ที่จะพลาดท่ากับคนแปลกหน้าที่เราคิดว่าใช่ เขาอาจจะมีคู่อยู่แล้ว แล้วเขาบอกว่า ไม่มี ระวังเถิด เพราะว่าคู่ของเขานั้นร้ายนัก คุณจะถูกกระทำย่ำยีทางหัวใจ ถ้าคุณยังเป็นโสด ... อย่าคิดลองรัก ส่วนใครที่มีคู่อยู่แล้วต้องประคับประคอง คุณอาจจะผิดหวังแต่ไม่ใช่ผิดพลาด เช่น แฟนคุณไปเรียนต่างประเทศในปีนี้พอดี ก็ต้องติดต่อหรือไปมาหาสู่กันเป็นระยะ มิฉะนั้นคุณจะเสียเขาไป และที่สำคัญอย่าปล่อยให้มีบุตรในปีนี้ เพราะอาจจะแท้งหรือหลุด หรือจะได้ลูกดื้อ

สุขภาพและอุบัติเหตุ   เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เรื่องการเดินทางไกล ถ้าไม่จำเป็น ทั้งทางเครื่องบินและทางน้ำ อันตรายครับ รวมถึงเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะไปไหนในยามวิกาลหรือยามราตรี ต้องระมัดระวัง สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา เดี๋ยวผมจะบอกในช่วงท้ายๆ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ควรไปหาคุณหมอ ตรวจร่างกายทุก 6 เดือน มีอะไรจะได้รีบรักษาเลย
 
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา      คุณที่เกิดในราศีพฤษภควรย้ายบ้าน ย้ายที่อยู่ หรือถ้าอยู่ในบ้านเดิม ก็เปลี่ยนห้องนอน จัดมุมห้องใหม่ และควรหาองค์ไฉ่ซิงเอี๊ยะ หรือท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ มาไว้คุ้มครองรักษาตัว ประการสำคัญ สิ่งที่คุณควรจะทำอีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรทำประกันชีวิตเอาไว้ จะได้เป็นหลักประกันที่มั่นคงสำหรับคนรอบตัวของคุณ ถ้าคุณเป็นคนดี คิดดีและทำดี เทวดาจะคุ้มครอง


ท่านที่เกิดในราศีเมถุน หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม
 
สำหรับคนที่เกิดราศีเมถุน  ในปี 2551 จะเป็นปีทองผ่องอำไพ ชีวิตสดใส เปรียบประดุจพระอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน ...ฟันธงครับ ดวงชะตาของคุณจะรุ่งโรจน์ ทุกสิ่งอย่างที่หวังและปรารถนา เป็นรอบจังหวะของกาลเวลาที่มีดาวแห่งโชคลาภมาเล็งดวงชะตาของคุณ

การเรียน  ใครที่คิดเรียนต่อจะสมหวังตามที่ปรารถนา ใครที่ติดขัด อึดอัด มีปัญหา จะมีข้อสรุปที่เป็นความสำเร็จในปีนี้ ... ฟันธงครับ

การงาน  ใครที่เบื่องาน แล้วอดทนมาตลอด ปีนี้คิดอยากเปลี่ยนแปลง จะได้งานที่ดีขึ้น มั่นคงขึ้น … ฟันธง ส่วนใครที่ทำงานแล้วยังชอบใจ ยังมีความรู้สึกดีๆ กับที่เดิม จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น ได้รับเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น จะได้รับโบนัสพิเศษ หรือจะได้รับโอกาสที่ดีๆ ... ฟันธง ส่วนใครที่เป็นพ่อค้า นักลงทุน จะมีเกณฑ์ลงทุนขยับขยาย และประสบความสำเร็จ ให้สังเกตว่าน้ำหนักคุณจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย คนดวงดีนี่นะ เหมือนกับเทพแห่งความสำเร็จคือ พระพิฆเณศวร์ เพราะฉะนั้นในปีนี้งานรุ่งโรจน์ ผมมั่นใจ
 
การเงิน   ปีนี้คุณจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ... ฟันธง เพราะฉะนั้นเรื่องการเงินมีความโดดเด่นมาก จะมีลู่ทาง มีช่องทาง คือมีงานทั้งข้างนอก รับทั้งข้างใน และรับทั้งเงินพิเศษและเงินประจำ ใครที่มีกิจกรรมของการงานที่มากกว่างานประจำ รับรองว่าคุณจะมีโชคลาภ คนที่เกิดราศีนี้เป็นราศีที่ต้องพูด จึงจะดี เพราะฉะนั้นในปีนี้รับรองว่าเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี จนหาที่เก็บแทบไม่ทัน ... ฟันธงครับ

ความรัก  คุณจะเจอคู่แท้และสมหวังในความรัก ... ฟันธง ที่ผ่านมาถ้าเจอแล้วรู้สึกเซ็ง ไม่ใช่ ปีนี้ ใช่แน่ การที่คนเราจะมีความรักนั้นแปลว่า หวังหรือปรารถนาที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา แต่บางคนไม่ได้ปรารถนา และรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นในปีที่เรามีเกณฑ์จะเจอคู่ก็แปลว่าเจอคู่หู เจอคู่ที่ทำให้เกิดความสุข ที่สามารถพึ่งพาอาศัย เป็นที่ปรึกษาหารือ หรือเป็นคนที่รู้ใจในแทบทุกเรื่อง แล้วทำให้เรามีความสุข ส่วนใครที่มีคู่ครองอยู่แล้ว ในปีนี้คุณมีโอกาสมีบุตรเอาไว้สืบวงศ์ตระกูล และจะเป็นลูกที่มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด นี่คือเรื่องราวของความรัก คุณจะสมหวังในปีนี้อย่างแน่นอน

สุขภาพและอุบัติเหตุ   คุณจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับโรคกระดูกและฟัน หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคลม การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อโรคกระเพาะ ลำไส้ และจะเป็นแบบปุบปับฉับพลัน ที่ทำให้ต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นคุณจะต้องระวังเรื่องอาหารการกิน การจัดวินัยของการรับประทานอาหาร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน
 
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   การไปไหว้พระพิฆเณศวร์ เทพแห่งความสำเร็จ เป็นเทพที่มีพลังที่จะอวยชัยให้คุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น และประการสำคัญ ในปีนี้นั้นดวงชะตาของคุณถือว่าดี ควรทำบุญตลอดทั้งปี หาโอกาสทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ไปทำบุญครั้งหนึ่ง แล้วอุทิศบุญกุศลให้เทพเทวาที่รักษาตัวคุณ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา


ท่านที่เกิดในราศีกรกฎ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม
 
คุณที่เกิดในราศีกรกฎ  ในปี 2551 นั้น ดวงชะตามีเกณฑ์มีเคราะห์และมีโชค สลับสับเปลี่ยนกันไป เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องติดตาม ดวงชะตาในครึ่งปีแรก มีเคราะห์ ครึ่งปีหลัง มีโชค ... ฟันธง เพราะฉะนั้นต้องติดตาม

การเรียน   ในครึ่งปีแรก การสอบ การอ่านเขียนเรียนหนังสือจะไม่สมหวัง จะมีเหตุให้ผิดพลาด ต้องระมัดระวัง ต้องตั้งใจ แปลว่า ถ้าคิดจะทำอะไร คิดจะสอบเรียนต่อ คิดจะไปเรียนต่างประเทศ บางทีสิ่งที่คิดหรือสิ่งที่จะทำนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่ในความเป็นตัวเอง แต่กำลังลองผิดลองถูก แล้วก็จะเสียเวลา นี่คือข้อสรุปครับ

การงาน   ชะตาชีวิตครึ่งปีแรก โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนนั้นจะมีปัญหาอย่างมาก แล้วพอพ้นจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป ชีวิตก็จะลงล็อค ลงตัว จะประสบความสำเร็จ ดวงชะตาเป็นช่วงขาขึ้น ขาขึ้นคือช่วงวันที่ 21 เมษายน เป็นต้นไป เวลาประสบความสำเร็จ เหมือนผีจับยัด อะไรก็ดีไปหมด แต่ก็อยู่ในช่วงประมาณ 5-6 เดือน แล้วก็จะกลับมาผันผวนอีกครั้งหนึ่ง ยังไม่คงที่ เพราะฉะนั้นทุกย่างก้าวของรอยต่อของชีวิตในปี 2551 ต้องไม่ประมาท ต้องวางแผนยุทธศาสตร์ของชีวิต ต้องมีการสรุปทางก้าวเดินของชีวิตในเรื่องของการงาน แล้วจะคงที่อีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนธันวาคม แล้วก็ต่อจนถึงปี 2552
 
การเงิน   คุณที่เกิดในราศีกรกฎไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจนก็ตามทีจะมีมุมของชะตาชีวิตที่มีเรื่องทุกข์ใจ เกี่ยวกับเรื่องของการเงิน คนที่จนจะจนมากขึ้น จะมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น คนที่รวยจะมีความทุกข์เพราะเงินที่คุณมี คนที่เกิดในราศีกรกฎ จะมีความทุกข์ทั้งที่มีเงินและไม่มีเงิน แปลกดีนะ  !!   ความรัก   คุณที่เกิดในราศีกรกฎ ครึ่งปีแรก รับประทานแห้ว แต่พอพ้นเดือนมิถุนายนไปแล้ว คุณจะเจอใครบางคนที่รู้ใจ แต่ให้ดูกันไปก่อน ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คุณจะได้คู่ที่หน้าแก่กว่าคุณ 5 - 7 ปี ถ้าเกิดว่าคุณได้คู่เด็กกว่า จะไม่ใช่คู่แท้ เป็นเพียงคู่ผ่าน คุณที่มีคู่แล้ว ในครึ่งปีแรก จะมีปัญหา มีเรื่องระหองระแหง แต่พอหลังเดือนมิถุนายนไปแล้ว คุณจะสมหวัง คุณจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก คุณจะเจอคนที่รู้ใจ แต่ให้คุณดูไปอีกระยะหนึ่ง เพราะว่ายังไม่คงที่ในเรื่องราวของความรัก และปีนี้ไม่ควรมีบุตร ถ้ามีบุตร บุตรจะดื้อ มีปัญหา
 
สุขภาพและอุบัติเหตุ   คุณจะต้องดูแลสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะเรื่องความเครียด อุบัติเหตุของการขับยวดยานพาหนะ การเดินทางทางเครื่องบินและทางเรือนั้น ไม่น่ากลัว แต่ทางรถยนต์นั้น น่าเป็นห่วง ทางแก้ไขเรื่องราวของเคราะห์และภัยทางนี้มีอยู่ คือ คุณหาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เอามาแขวนไว้ในรถ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา      ปีนี้ควรหาโอกาสไปสักการะหลวงปู่ทวด คุณไปกราบสักการะขอพร และไปเช่าบูชาหลวงปู่ทวดมาแขวนไว้ในรถ รับรองว่าคุณจะแคล้วคลาดปลอดภัยทุกประการ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่คุณทำแล้วเสริมดวงชะตาคือ ควรหาโอกาสไปในต่างถิ่นต่างแดน ในประเทศที่มีเวลาเร็วกว่าประเทศไทยหรือได้ไปเที่ยวทะเลเกาะแก่ง กลับมาแล้วจะทำให้คุณมีพลังชีวิตที่จะจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ของชีวิตได้ดีขึ้นครับ


ท่านที่เกิดในราศีสิงห์ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม – 16 กันยายน
 
คุณที่เกิดในราศีสิงห์  ในปี 2551 เป็นปีที่ยังเผชิญกับคราวทุกข์และคราวเคราะห์แบบกดดัน ในปีนี้จะมีดาวดวงหนึ่งคือดาวเสาร์ทับราศีเกิด แล้วราหูก็เล็งดวงชะตา ดาว 2 ดวงนี้เป็นดาวร้าย คุณกำลังจะมีสภาพอย่างนี้ คือ มีสภาพเหมือนกับถูกเสาเข็มตอกลงมาบนหัวคุณ แล้วที่พื้นก็เป็นพื้นที่เอาแก้วกระเบื้องทุบเอาไว้ แล้วคุณก็ยืนเหยียบอยู่ นี่แหละ คุณจะมีสภาวะที่ถูกอัดด้วยดาวร้ายทั้ง 2 ดวง เพราะฉะนั้น ชีวิตคุณน่าเป็นห่วง
 
การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จะต้องมีความขยันให้มาก ต้องอ่านหนังสือ ต้องอ่านตำรับตำรา ต้องเรียนพิเศษ กวดวิชา โดยเฉพาะคนที่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัย จะต้องขยันเรียนทั้งในวิชาหลักและวิชาเลือก จะมีความเครียด คุณต้องมีความตั้งใจให้มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 2 เท่า จึงจะผ่านไปได้
 
การงาน   ดวงชะตาในปีนี้ มีเกณฑ์ที่จะตกงาน เสียตำแหน่ง ใครที่เป็นข้าราชการ อาจจะเกษียณ อาจจะต้องลาออก อาจจะต้องเออรี่ รีไทร์ หรือถูกให้ออก เศรษฐกิจก็แย่ มีมุมของคราวเคราะห์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครที่ลงทุนค้าขาย ก็จะซื้อไม่ง่าย ขายไม่คล่อง กิจกรรมในเรื่องของการค้าการขาย มีปัญหา นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วง ในปีนี้คุณไม่ควรทำการลงทุนหรือขยับขยายอะไรทั้งสิ้น ประคับประคองในสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด ถ้าคุณตกงานอยู่ คุณควรสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไปเรียนวิชาชีพอะไรก็ตามที่สามารถเริ่มต้นทำงานด้วยตัวเองได้ ที่ไม่ต้องไปพึ่งใคร แล้วทำเล็กๆ แบบเศรษฐกิจพอเพียง คุณจึงจะผ่านวิบากกรรมไปได้

การเงิน   คุณมีเกณฑ์ที่จะถูกยืมเงิน มีเกณฑ์ที่จะต้องใช้เงินเพราะญาติพี่น้องหรือคนรอบตัวป่วย รวมถึงตัวคุณป่วย แล้วต้องใช้เงินก้อนใหญ่ไปกับการรักษา ใช้เงินก้อนใหญ่กับการที่คุณจะต้องแก้ปัญหาชีวิต เพราะฉะนั้นปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีเลยเกี่ยวกับเรื่องการเงินของคุณ คุณจะต้องบริหารและจัดการให้ดี
 
ความรัก   ชีวิตรักของคุณนั้นใครเป็นคนโสด คนที่เข้ามาจะหลอกลวงทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจหรือเจ็บปวด ในกรณีที่คุณมีคู่ครองแล้ว คู่ของคุณจะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือพลัดพรากห่างไกล หรือคู่ครองของคุณอาจจะสร้างปัญหา สร้างแรงกดดัน ที่ไม่ได้ทำให้เกิดกำลังใจ คุณจะต้องมีความอดทน ถ้าอดทนไม่ได้หรือว่าไม่ใช่ ก็คือต้องจบ ใครที่เป็นโสด แล้วไม่คิดจะมีใครในปีนี้ ถือว่าโชคดีไปสำหรับการที่ยังอยู่คนเดียว และคุณยังมีเพื่อน ก็คือตัวของคุณเองนั่นแหละ

สุขภาพและอุบัติเหตุ   การเจ็บไข้ได้ป่วย จะเกิดขึ้นกับญาติ และคนรอบตัวของคุณ ส่วนอุบัติเหตุนั้น คุณจะต้องระมัดระวังอุบัติเหตุทางอากาศและอุบัติเหตุจากไฟ ชัดเจนมากเลย ทางอากาศก็คือ การเดินทางไกลโดยเครื่องบิน หรือว่าการตกจากต้นไม้หรือที่สูง ควรทำประกันอัคคีภัยหรือทำประกันชีวิตเอาไว้ จะเป็นการดี

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา      ในปีนี้ คุณควรหาโอกาสไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม เพราะบุญเท่านั้น ที่จะช่วยคุ้มครองชีวิตของคุณ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือหาโอกาสบวช ในกรณีที่คุณเป็นสุภาพสตรีนั้นก็คือการบวชชีพราหมณ์ ให้นุ่งขาวห่มขาว และรับศีล 8 คุณที่เป็นสุภาพบุรุษ ก็หาโอกาสไปบวชพระหรือบวชเณรสักระยะหนึ่ง และสิ่งสำคัญก็คือ ถ้าหากว่าคุณมีโอกาสที่จะเดินทางไกลไปต่างประเทศได้ แล้วไปอยู่สักระยะหนึ่ง คือ 1 ปี แล้วไปเรียนต่อ ไปทำงาน คุณควรไปทันที เพราะชีวิตของคุณจะดี แล้วพ้นจากเคราะห์นั้น ... ฟันธง


ท่านที่เกิดในราศีกันย์ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 17 กันยายน  – 16 ตุลาคม
 
คุณที่เกิดในราศีกันย์ ในปี 2551 จะมีดาวพฤหัสบดีโคจรเป็นสี่กับดวงชะตา ในทางโหราศาสตร์มีหลักเกณฑ์ดังนี้ครับ “อนึ่ง จันทร์เป็นสิบเอ็ดแท้ แก่ลัคน์ พฤหัสสี่ทรงศักดิ์ แช่มช้อย ศุกร์สามดั่งนี้ จักเจริญยิ่ง ยศนา” แปลว่าคนที่เกิดราศีกันย์มีดาวพฤหัสบดีเป็นสี่กับดวงชะตา ตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับงาน ... ฟันธงครับ

การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน เรื่องของการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะสอบได้ จะสมหวัง จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความปลาบปลื้มใจ
 
การงาน   คนที่อยู่ในวัยทำงาน แล้วเป็นลูกน้องลูกจ้าง เจ้านายจะเมตตา รักใคร่คุณมากเป็นพิเศษ แล้วให้โอกาสในการทำงานที่ตรงกับความชอบและตรงกับความรู้ ความสามารถของตัวคุณเอง และเป็นสิ่งที่คุณต้องการ แล้วคุณก็จะมีความสุขกับโลกของการทำงาน ส่วนใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ก็จะมีเกณฑ์ของการขยับขยายและมีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จจากการขยับขยายหรือการลงทุนเพิ่มเติมนั้น ... ฟันธง

การเงิน   เมื่อการงานดี ก็จะมีเงินไหลมาเทมาจากการทำงานนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นปีที่คุณสามารถเก็บออม และเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ปีนี้คุณจะทำงานได้เงินมากกว่าเดิม เป็นสิบเท่า ร้อยเท่า จะมีอะไรเกิดขึ้นแบบมหัศจรรย์ พันลึก ถึงอกถึงใจ ก็ขอให้ปีนี้เป็นปีทองผ่องอำไพ กับการเงินที่สดใสตลอดทั้งปี ... ฟันธง

ความรัก  เป็นปีที่คุณจะสมหวังกับการได้เพื่อนที่ดี มากกว่าการมีแฟนที่ดี ที่ไม่ใช่ความรักแบบชู้สาว แต่เป็นความรักที่เป็นสัมพันธภาพแบบมิตรแท้ ส่วนใครที่คิดจะมีคู่ ต้องหาคู่ในลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าคุณ 10 ปีขึ้นไป เป็นคนที่มีความรอบรู้ เป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาไม่เป็นผู้ใหญ่กว่าคุณ คุณก็จะรู้สึกว่าเขาเด็ก แล้วรู้สึกว่าไม่รู้จะเอามาเป็นคู่ทำไม คนที่เป็นสุภาพสตรีควรคิดอย่างนี้ ส่วนคนที่เป็นผู้ชาย คุณควรหาคู่ที่แก่กว่า อย่างน้อยเขาก็จะเป็นคนที่ทันคุณ เพราะคุณเป็นคนที่แก่เกินวัย คิดเกินวัย ประการสำคัญ คุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องราวของความรัก ถ้ามี ก็จะเป็นเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ แล้วคุณจะผ่านไปด้วยดีครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ   สุขภาพของคุณนั้นดี แข็งแรง ไม่มีปัญหาอะไร แล้วประการสำคัญ จะมีโรคอยู่โรคหนึ่งคือโรครำคาญ เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากเชื้อโรค และอีกโรคหนึ่งคือ โรคขี้บ่น และโรคหลงๆ ลืมๆ แต่คุณไม่ต้องกลัว เพราะว่าจะเป็นแค่ปีเดียวนะ ในปีหน้าก็จะหมดไป แต่คุณอย่าไปมีความสุขกับการเป็นโรคอย่างนี้นะ เพราะว่าเดี๋ยวมันจะอยู่กับคุณแบบไม่ไปไหน

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   การที่คุณได้มีโอกาสให้กำไรให้กับชีวิต ควรไปท่องเที่ยวให้สนุก จะไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร เกาะ ทะเล หรือจะไปเที่ยวต่างประเทศ และเจอสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากการไปท่องเที่ยว ก็ให้ไปกราบสักการะ ขอพร แล้วคุณจะสมหวัง ไม่จำกัดว่าต้องไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพองค์ใด ขอให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่ที่คุณเดินทางผ่าน การทำอย่างนี้จะเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิตของคุณตลอดทั้งปีครับ


ท่านที่เกิดในราศีตุลย์ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน

คุณที่เกิดในราศีตุลย์ มักจะเป็นคนเที่ยงตรง รักอิสระ ในปี 2551 เป็นปีที่คุณจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ... ฟันธงครับ

การเรียน  คุณสามารถที่จะประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงและมีความเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะได้รับความสำเร็จจากสอบเข้าศึกษาต่อ
 
การงาน  คนที่ทำงานอยู่ในองค์กรหรือหน่วยงานจะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ... ฟันธง และประการสำคัญ ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคม คนที่เกิดในราศีตุลย์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคนให้เกิดขึ้นในชีวิตและทรัพย์สิน จะต้องมีเกณฑ์ของการเดินทางไกล เปลี่ยนแปลง โยกย้าย หลายท่านที่เป็นข้าราชการ ต้องมีการพลัดพราก ย้ายที่ ย้ายถิ่น และประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การงานที่คั่งค้างตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แล้วรอความสำเร็จ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน นำพามาซึ่งเงินทอง ใครที่ตกงานจะได้งาน ใครที่มีการงานอยู่ การงานจะเจริญก้าวหน้า และจะได้รับการยอมรับ มีชื่อเสียง หลายคนที่อยู่ในราศีตุลย์แล้วอยากเข้าวงการบันเทิง คุณจะมีชื่อเสียงในปีนี้ ... ฟันธงครับ

การเงิน   คุณมีโอกาสได้เงินก้อนงาม จะได้รับเงินก้อนใหญ่จากธุรกิจที่คั่งค้าง หรืองานที่ทำค้างไว้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ดอกผลจะเกิดขึ้นในปีนี้อย่างแน่ๆ ในปีนี้คุณจะถูกสถาปนาให้เป็นคนที่มีอันจะกิน เป็นเศรษฐีรายใหม่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ... ฟันธง เพราะฉะนั้นเรื่องราวของการเงินก็ไม่มีปัญหาตลอดทั้งปี ในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความมั่นคง เป็นปีแห่งการสะสม

ความรัก   คุณอาจจะไม่มีเวลาให้กับคนรัก มีเกณฑ์ของการเลิกรา พลัดพราก หรือหย่าร้าง เป็นปีแห่งความเศร้าสำหรับคุณที่จะมีความรัก คนที่ผ่านเข้ามานั้นจะไม่มีโอกาสที่จะไปสานความสัมพันธ์หรือผูกกันเป็นคู่ยาวในกาลต่อไป เพราะฉะนั้นการที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนที่รู้ใจในระยะเวลาสั้นๆ อาจจะทำให้เกิดความชุ่มชื่นในหัวใจ แต่คุณก็จะเกิดสภาวะที่เหมือนกับเป็นเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวที่กลัวฝน คือพอจะจริงจังปั๊บ คุณก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตของความรักยังไม่ลงตัว คุณจะต้องรอไปอีกสักประมาณ 3 - 4 ปีข้างหน้าครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ   เป็นเรื่องราวที่น่าเป็นห่วง สุขภาพของคุณจะมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับช่องท้อง หลอดลม ทางเดินหายใจ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบกระดูก ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเอว กระดูกมีปัญหา ช่องท้องหรือลำไส้จะมีปัญหา เรื่องของโรคร้ายในกระเพาะ ยังมีส่วนที่น่าเป็นห่วง คุณต้องไปตรวจร่างกายกับคุณหมออย่างรัดกุม

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา      เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณอยากรู้ ที่จะนำมาซึ่งโอกาสแห่งความสำเร็จที่มากกว่าคนอื่น เพราะว่าฟ้าเปิดให้กับคุณแล้ว ควรหาโอกาสไปกราบสักการะ พ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่หน้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธหรือที่โรงพยาบาลสงฆ์ จะเป็นสิริมงคลสำหรับคุณ ไปขอพรจากฤๅษี จะช่วยทำให้คุณมีพลังความคิด มีพลังชีวิตที่ดีเกิดขึ้นแบบอัศจรรย์ใจ นี่คือสิ่งที่อยากจะแนะนำให้คุณได้ทำ แล้วเสริมชะตาราศี สำหรับในปีชวดนี้ครับ ขอให้คุณโชคดี


ท่านที่เกิดในราศีพิจิก หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม
 
คุณที่เกิดในราศีพิจิก ในปี 2551 นี้ เป็นปีแห่งความร่ำรวย ความร่ำรวยจะปรากฏขึ้นในชีวิตของคุณ ... ฟันธง ชีวิตของคุณตั้งหลักตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นคุณมีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องของความรัก การเรียน การงานและการเงิน และมีโอกาสรวยอย่างเห็นได้ชัดตามมุมของดวงชะตา

การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ในปีนี้จะสมหวังในเรื่องของการเรียนทุกประการ ความตั้งใจในปีนี้ จะเป็นผลดี คือทำให้คุณสอบได้ ทำให้ได้รับคะแนนดี ทำให้ได้รับชัยชนะในการแข่งขันอันเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเรียน ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับวงศ์ตระกูล ทำให้คุณชื่นใจ และทำให้คนที่คุณรักชื่นใจ

การงาน   ถ้าเกิดคุณเป็นลูกน้องลูกจ้าง การที่จะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง หรือมีโอกาสได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากเจ้านาย ในปีนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงครับ ส่วนใครที่ทำธุรกิจ ทำการค้า แล้วเริ่มต้นทำตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ในปีนี้คุณจะประสบความสำเร็จ แล้วนำไปสู่ความร่ำรวย ... ฟันธง เพราะฉะนั้นในสิ่งที่คุณทำ จะประสบความสำเร็จอย่างสูง ขอให้คุณมีความตั้งใจ คนที่เกิดในราศีนี้ ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง ของสวยงาม ของกินของใช้ จะไปได้ดีครั

การเงิน  เป็นรอบที่ดีที่สุดในรอบ 12 ปี ซึ่งในปีนี้ คุณจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ได้รับเงินก้อนใหญ่ จะมีความมั่นคงในเรื่องของการเงิน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 จนถึงประมาณเดือนเมษายน ปี 2551 คุณจะมีโอกาสได้รับเงินก้อนงาม ขอให้คุณมีความขยัน ขยัน ขยัน แล้วคุณจะรวย ... ฟันธงอีกทีครับ

ความรัก  คุณจะมีคู่ที่รู้ใจ ให้กำลังใจ ช่วยเหลือเกื้อกูล ถ้าคุณยังไม่เจอ ก็จะพบเจอในปีนี้ แล้วมีโอกาสจะพบเจอในช่วงต้นปี คนที่มีคู่แล้ว คู่ครองจะช่วยเหลือในเรื่องการงานของคุณได้เป็นอย่างดีครับ เรื่องความรักจะมีความสุขตลอดทั้งปีตามที่ปรารถนา หรือจะมีบุตรเอาไว้สืบวงศ์ตระกูลก็สามารถมีได้ในปีนี้ แล้วคุณจะโชคดีเช่นเดียวกัน

สุขภาพและอุบัติเหตุ   ในปีนี้ ไม่มีปัญหาอะไร สุขภาพของคุณมีความแข็งแรง แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เมื่อกายดี ใจก็ดี ทุกอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรให้ทุกข์ใจ อุบัติเหตุก็ไม่มี ดวงคนจะดี อะไรก็หยุดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้คุณโชคดีไปตลอดทั้งปีครับ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   เมื่อดวงชะตาของคุณดีแล้ว คุณควรหาโอกาสไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดวงดี นั้น แปลว่า สดใส เป็นสีทองผ่องอำไพ คุณควรไปกราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย หรือหาโอกาสไปกรวบหลวงพ่อพระทองคำที่วัดไตรมิตร สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของคุณมีความรุ่งโรจน์ รุ่งเรือง และมีความสดใสตลอดไป ...ฟันธง นี่คือเรื่องราวของคุณที่เกิดในราศีพิจิกตลอดทั้งปีครับ


ท่านที่เกิดในราศีธนู หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม – 15 มกราคม

คุณที่เกิดในราศีธนู ดวงชะตาของคุณในปี 2551 นี้ เป็นปีที่คุณจะต้นพบตัวเอง ว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณก็จะเจอและพบในสิ่งที่คุณรอคอย คุณจะสมหวังในทุกอย่างที่คุณปรารถนา ... ฟันธง เพราะฉะนั้นนี่คืออาญาสิทธิ์แห่งฟ้า อาญาสิทธิ์แห่งดิน
   
การเรียน  คนเรานั้นบางคนก็ยังไม่รู้ว่าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเปล่า เพียงแต่ว่ามีงานทำ มีเพื่อนที่คิดว่าเป็นเพื่อน แล้วก็มีชีวิตที่ดำเนินไปเพียงแค่สว่างแล้วก็มืด แต่คุณที่เกิดในราศีธนู ในปี 2551 นี้ คุณจะเจอตัวเองว่า จริงๆ แล้วคุณชอบอะไร แต่ถ้าเกิดอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็มีข่าวดี เช่น ประสบความสำเร็จในการเรียน ต่อให้ทำข้อสอบมั่วๆ กาข้อสอบมั่วๆ ก็ยังกาถูก เพราะฉะนั้นเป็นปีที่เรียกว่า เหมือนกับผีจับยัด คือโชคดี ทำอะไรก็ฟลุ๊คไปหมด
 
การงาน  คนที่ทำงานแล้วจะได้เจอในสิ่งที่ใช่สำหรับตัวคุณเอง คนที่เป็นลูกน้องลูกจ้าง แน่นอน การได้รับการเลื่อนขั้นหรือการได้งานที่คุณปรารถนาหรือถนัดกับความรู้ ความสามารถ คุณจะสนุกกับงาน มีความสำเร็จเกิดขึ้นให้ได้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงต่างประเทศ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการลงทุนค้าขายระหว่างประเทศ เกี่ยวข้องกับไฮเทค เทคโนโลยี การสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงหรือจะเป็นประเทศไกลๆ ก็ได้ คุณจะเจอในสิ่งที่ใช่ แล้วถ้าหากคุณตั้งใจทำ คุณก็จะประสบความสำเร็จ แล้วความสำเร็จนี้จะนำพามาซึ่งความมั่นคง และมีความสุขจากการทำงานในปีนี้ ... ฟันธงครับ

การเงิน  เมื่อการงานดี เงินทองก็ไหลมาเทมา คุณมีโอกาสที่จะรับเงินก้อนใหญ่ แต่คุณมีภาระข
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #140 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2550, 12:29:34 »

รายจ่าย แล้วเพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น มีสภาพคล่องที่ดี ไม่มีปัญหา ขอให้คุณมีความสุขกับการได้ใช้เงิน และมีความสุขกับการได้เงินครับ

ความรัก  ในปีนี้ คุณจะได้พบเจอคู่แท้ คุณจะสมหวังในความรัก คนที่เป็นคู่ครองของคุณนั้น จะเป็นคนที่ช่างพูด ช่างเจรจา เป็นคนช่างเอาใจ เป็นคนที่มีอายุน้อยกว่าคุณ แต่เป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุข เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นใช่คู่แท้หรือเปล่า เวลาคุณอยู่ใกล้ชิดใครสักคนหนึ่ง แล้วคุณรู้สึกว่ามีความสุขโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร คุณรู้สึกว่าคุณมีความรู้สึกคิดถึงเมื่อคุณห่างไกล
   
สุขภาพและอุบัติเหตุ   ปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ปัญหาสุขภาพทางกายของคุณจะหมดไป ความสุขทางกาย ความสุขทางใจที่เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่เอาชนะต่อวิบากชะตากรรม ในปีนี้จะไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามคุณได้ ขอให้คุณทำบุญเพิ่ม แล้วจะเป็นพลังที่สำคัญ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา  ในปีนี้ขอให้คุณทุ่มเทเวลาให้กับเรื่องของการงาน ความรัก แล้วจะเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคุณ ทำให้คุณสมหวัง และมีความสำเร็จเกิดขึ้น ปีนี้เป็นปีทองที่โดดเด่นที่สุดในรอบ 12 ปี แล้วก็จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ขอเพียงแต่คุณเป็นคนดี และตั้งใจทำในสิ่งที่ดี ฟ้าและดินจะประทานความสำเร็จให้กับคุณครับ


ท่านที่เกิดในราศีมังกร หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์
 
คุณที่เกิดราศีมังกร ในปี 2551 คุณจะมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเป็นห่วงสำหรับชาวราศีมังกรครับ
 
การเรียน  คนที่เกิดในราศีมังกร ในปี 2551 นั้น เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ดวงจู๋ แต่พอผ่านเดือนเมษายนไปแล้ว ดวงคุณจะรุ่ง ดวงเจ๋ง มีโอกาสที่จะสมหวังในเรื่องของการเรียน ในเรื่องของการสอบ น้องๆ ที่อยู่ในราศีนี้จะสมหวังจากการสอบ และในเรื่องของการเรียนก็จะเป็นไปตามที่ปรารถนา ... ฟันธงครับ

การงาน  ในปี 2551 จะเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงการงานของคุณ ชีวิตจะเปลี่ยนไป แต่การที่จะเปลี่ยนไปนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพ เพราะเรื่องสุขภาพของคุณนั้นน่าเป็นห่วง จะมีมุมที่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากผู้ใหญ่และคนรอบตัว บริวารดีขึ้น ได้อย่างใจขึ้น และในปีนี้คุณจะโชคดี คุณจะได้รับการส่งเสริมจากคนรอบตัวให้เจริญก้าวหน้าและมีความสำเร็จ โดยเฉพาะหลังจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป การงานของคุณจะรุ่งโรจน์ ... ฟันธงครับ
 
การเงิน  สภาพคล่องทางการเงินในปีนี้ คุณจะมีรายจ่ายมากขึ้น แต่ก็มีรายรับมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คุณจะมีเกณฑ์ของรายจ่ายกับการลงทุน กับการขยับขยายหรือกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิต แปลว่า ในปีนี้ ได้มากกว่าเสียออกไป แต่เหลือเก็บนั้นไม่มากเท่าไร ถ้าหากว่ามีหนี้สินจะเป็นผลดีต่อชีวิต ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดี เพราะว่าดาวราหูค้นทรัพย์ในเรือนการเงิน แล้วเดี๋ยวรอปีหน้าฟ้าใหม่ คือปี 2552 คราวนี้แหละ เงินทองจะไหลมาเทมา จากหนี้สินในครั้งนี้ คือหนี้จะคงอยู่ยาวๆ อย่างนี้เลยนะ แล้วบางทีไม่ใช่ดูวันสองวัน เดือนสองเดือน หรือปีเดียว จะต้องดูล่วงหน้าด้วย
 
ความรัก  คุณที่เกิดในราศีมังกรที่ยังเป็นโสดอยู่ คุณควรจะโสดต่อไป ดวงชะตาของคนที่เกิดในราศีมังกร ถ้าคิดจะมีคู่หรืออยากจะสมหวังในความรัก หลังจากวันที่ 21 เมษายน ล่วงไปไม่เกิน 3 เดือน จะเจอคนๆ นั้นเข้ามาในชีวิต แล้วคุณจะมีความชุ่มชื่นในหัวใจ ส่วนคุณจะรั้งเขาเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเสน่ห์ และขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของคุณกับคนๆ นั้น ส่วนใครที่มีครอบครัวแล้ว ต้องระมัดระวัง จะมีเกณฑ์มีปัญหาในเรื่องชู้สาว มีความอีรุงตุงนัง วุ่นวาย ให้คุณใส่ใจกับเรื่องของการงานจะดีกว่า

สุขภาพและอุบัติเหตุ   คุณจะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและฟัน มีปัญหาแน่ๆ ก็คือ มีปัญหาเกี่ยวกับการปวดข้อ ปวดกระดูก มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกรับน้ำหนักของคุณไม่ไหว มีปัญหาสะบักจม ไหล่ติด หรือฟันมีปัญหา เพราะฉะนั้นคุณควรจะไปหาหมอและตรวจร่างกายให้ดี เรื่องอุบัติเหตุ ดูแล้ว ก็มีความน่ากลัวอยู่เหมือนกัน จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณจะต้องมีความระมัดระวังในการเดินทางทางรถยนต์ให้ดี

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา  ช่วยทำให้คุณพ้นเคราะห์คือ การไปกราบสักการะหลวงปู่ทวด ควรหาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาแขวนเอาไว้ในรถ จะทำให้คุณแคล้วคลาดปลอดภัย และสิ่งที่จะทำให้คุณมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จ คือคุณควรไปกราบสักการะพระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู ซึ่งประดิษฐานที่อยู่ที่หน้าพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยาราม จะเป็นสิริมงคล เสริมชะตาชีวิตของคุณครับ
   

ท่านที่เกิดในราศีกุมภ์ หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 13 มีนาคม

คุณที่เกิดในราศีกุมภ์ เป็นคนที่มีชีวิตแบบแปลกๆ แปลกในเพศ แปลกในอาชีพ แปลกในความคิด แปลกในจิตวิญญาณ คนที่เกิดราศีนี้ ในปี 2551 – 2553 นี้จะมีชีวิตที่มีความรุ่งโรจน์ ... ฟันธงครับ

การเรียน  ในขณะนี้มีจังหวะของดวงชะตาที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องของการเรียน ถ้าเกิดคิดสอบหรือศึกษาต่อ จะสมหวังตามที่ปรารถนา แล้วในปีนี้ เป็นปีที่ดวงชะตากำลังจะเริ่มต้นตั้งหลัก หลายคนต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วเจอสิ่งที่ใช่ ทั้งเรื่องการงาน ทั้งเรื่องการเรียน ทั้งเรื่องคนที่คุณรัก

การงาน  คนที่เกิดราศีนี้ ถ้าทำงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติ เรื่องของการตรวจสอบ เรื่องของการเมือง ทำงานในวงการบันเทิง เป็นนักแสดง ก็จะประสบความสำเร็จมาก ในปี 2551 เป็นปีทองของชีวิตในเรื่องของการงาน จะมีความรุ่งโรจน์ที่สุด ... ฟันธงครับ เพราะฉะนั้น เมื่อดวงชะตาของคุณเป็นอย่างนี้ ก็ขอให้คุณมีความขยัน เพราะฟ้าเปิดโอกาสให้กับคุณแล้ว

การเงิน  คุณจะได้เงินก้อนงาม เงินทองไหลมาเทมา เงินก้อนใหญ่จะเกิดขึ้น แล้วในปี 2551 จะมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ได้เงินก้อนงาม อาจจะได้รับเงินก้อนใหญ่จากโปรเจคใหญ่ หรืออาจจะได้รับเงินจากโบนัสพิเศษ หรืออาจจะถูกลอตเตอรี่ ... ฟันธง เพราะฉะนั้นคนที่เกิดในราศีกุมภ์ ถือว่าโชคดีเหลือเกิน นี่เป็นอีก 1 ปี ที่คุณสามารถจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และเป็นปีทองเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ครับ

ความรัก   เป็นเรื่องที่น่าเศร้า คุณมีเกณฑ์ผิดหวัง มีเกณฑ์ถูกทิ้ง มีเกณฑ์ที่จะทิ้งเขา ไม่ว่าจะทิ้งเขาหรือเขาทิ้งเรา หรือเจอแล้วไม่ใช่ เศร้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องความรักยังไม่ลงตัว อาจจะพลัดพรากห่างไกลกัน เพราะการที่เขาไปเรียนต่อ หรือตัวคุณอาจจะต้องไปเรียนต่อ หรืออะไรก็ตามที ดังนั้นคุณอย่าใส่ใจในเรื่องของความรักให้มาก เป็นปีที่ความรักยังไม่ลงตัว คู่ครองของคุณเป็นคนหน้าตาดี เป็นผู้นำ เป็นคนที่ได้ที่ 1 ตลอด เป็นคนที่เด่น เพราะฉะนั้นมีคนเข้ามาจีบคุณ ถ้าเขาไม่เด่น ไม่ใช่ ... ฟันธงครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ   สามารถชี้ชัดได้เลยในดวงชะตา กับโรคซุ่มซ่าม เป็นแผลเล็กๆ น้อยๆ ส่วนเรื่องใหญ่ๆ นั้นไม่น่ากลัว อุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทางรถยนต์นั้นไม่มี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามทีในทางโหราศาสตร์ กล่าวเอาไว้ว่า “ อสุรินทร์ถึงลัคนาใน บาปพระเคราะห์จรไปมาต้องทับกัน อีกทั้งจันทร์มาทับลัคน์ ท่านทายว่าตัดชีวาถึงอาสัญ ” จะมีเกณฑ์ของการสูญเสียหรือพลัดพราก และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันในเดือนเมษายน จะต้องระมัดระวังอยู่เดือนเดียว อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นกับคุณ ต้องมีความระมัดระวังครับ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   คุณควรหาจตุคามรามเทพ จะเป็นรุ่นใดก็ตามที ที่คุณมีความเคารพศรัทธา มาห้อยคอหรือมาแขวนเอาไว้ที่คอของคุณ แล้วไปกราบสักการะองค์จตุคามรามเทพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปไหว้วัดพระบรมธาตุ ไปไหว้ศาลพระหลักเมืองที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปไหว้แม่นางพระยา ที่วัดนางพระยา ปากนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งนี้จะช่วยเสริมชะตาชีวิตของคุณ ทำให้คุณมีความเจริญรุ่งเรือง


ท่านที่เกิดในราศีมีน หรือท่านที่เกิดระหว่างวันที่ 14 มีนาคม - 12 เมษายน

ราศีนี้เป็นราศีของคนที่จะประสบความสำเร็จในปีชวด เป็นปีที่สวยหรู ชีวิตของคุณจะรุ่งโรจน์ ... ฟันธงครับ เมื่อเริ่มต้นอย่างนี้ คุณก็จะสบายใจ

การเรียน  น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ก็จะสามารถอ่านเขียนเรียนหนังสือ รู้เรื่องทุกประการ สอบเข้าศึกษาต่อได้ตามใจที่ปรารถนา ขอฟ้าดินจงประทานพร
 
การงาน  การงานจะมีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ คุณจะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เพราะฉะนั้นในเรื่องของการงาน จะไปได้สวย ขอให้คุณมีความตั้งใจ ใครที่ลงทุนทำการค้าขาย ก็จะมีลู่ทาง มีช่องทางในการขยับขยาย ที่มีการพัฒนาให้เกิดเป็นความเจริญก้าวหน้าและมีความมั่นคง ผมมั่นใจ

การเงิน  คุณจะมีรายจ่ายมากสักหน่อย แต่คุณก็จะหาเงินมาพอดีกับรายจ่าย รวมถึงการลงทุน อาจจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ สำหรับคนที่ทำการค้าหรือทำธุรกิจ อาจจะต้องเป็นหนี้เป็นสินในการลงทุน ไม่ต้องกลัว พอปีหน้าฟ้าใหม่ คือปี 2551 พอปี 2552 – 2553 ทุกอย่างก็จะกลับคืนมา เพราะฉะนั้น ในปีนี้ เงินทองจะไหลมาเทมา ถ้าเก็บเอาไว้ ไม่ได้ใช้ ก็ถือว่ามีเงินเยอะ แต่ถ้าเกิดนำเงินไปลงทุน ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเงินก็จะงอกเงยกลับคืนมาในปีต่อๆไป สรุปว่า การเงินคล่องตลอดทั้งปี ... ฟันธงครับ

ความรัก  ในปีนี้ เรื่องของความรักนั้น เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าไปใส่ใจให้ความสำคัญนัก เพราะคุณเป็นคนอาภัพรัก เป็นคนที่ครองคู่กับใครได้ยาก ขอให้คุณใส่ใจกับเรื่องของการงาน ใส่ใจกับเรื่องของการหาเงินจะดีกว่า คู่ครองของคุณนั้นจะเป็นช่างพูด ช่างเจรจา และมีอายุน้อยกว่าคุณ 4 – 5 ปี แต่ถ้าเกิดว่าคุณเจอคนๆ นั้นในปีนี้ ก็รอไปอีกสักระยะหนึ่ง สัก 3-4 ปี ถ้าคบกับใครไม่เกิน 5 ปี อย่าแต่งงาน มิฉะนั้นคุณจะมีปัญหาตามมา อย่าแต่งงานแบบปุบปับ เพราะจะมีปัญหา อย่าปุบปับป่อง เพราะจะมีปัญหา ต้องระมัดระวังตัวเอง

สุขภาพและอุบัติเหตุ  ไม่น่าเป็นห่วง เพราะคุณมีสุขภาพแข็งแรง เรื่องอุบัติเหตุก็ไม่มี ไม่ต้องกังวล

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา   ในปีนี้ คุณควรหาโอกาสไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในต่างถิ่นต่างแดน เช่น ในประเทศจีน ในธิเบต ในพม่า อาจจะไปไหว้พระธาตุชเวดากอง หรือพระธาตุมุเตา หรือจะไปไหว้พระทันใจ ที่วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน หรือจะเดินทางไปต่างประเทศที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือจะไปที่ไหนก็ได้ แต่ให้ไปในประเทศที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของศาสนาพุทธ สำหรับคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ อาจจะไปแสวงบุญตามแนวทางของคุณ ทำให้คุณมีความรุ่งโรจน์และประสบความสำเร็จครับ เทวดารักษา คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง ขอให้โชคดีครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #141 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2550, 16:30:04 »

P.Jiab ka,
thank you so much for fulfill my request Cool ...just finish reading!!
psst,is new year 2008 a year of rat??or a rat is 2007??
Happy New Year ka,
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #142 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2550, 17:31:55 »

NN ... 2007 = Golden Piggy, 2008 = Golden Rat. Every years are Golden Annimals, Chinese Believe for good luck.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #143 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2550, 17:40:42 »

Oh,let me have a rat of gold..I would be lucky....please...a pure gold 999 naka....
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #144 เมื่อ: 06 มกราคม 2551, 16:24:37 »

ทำนายวันที่-วันเกิด ( แม่นๆ จ้า )

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา

วันที่ 1 จะเป็นคนรักเสรี กล้าหาญ และไม่ก้มหัวให้ใคร
วันที่ 2 เพื่อนเป็นคนสำคัญ
วันที่ 3 ท่านคือ เพื่อนที่แสนดี
วันที่ 4 จริงใจและมั่นคง
วันที่ 5 นักอุดมการณ์ หรือบางทีก็เผด็จการ
วันที่ 6 อยู่ได้ด้วยความรัก
วันที่ 7 นักเล่าประสบการณ์
วันที่ 8 ทุกอย่างต้องพร้อม
วันที่ 9 เจ้าความคิด
วันที่ 10 แข็ง...หรือไม่ก็...แกร่ง
วันที่ 11 แม้จะเจ้าอารมณ์ แต่ก็สร้างสรรค์
วันที่ 12 คนเก่งที่มีเพื่อนน้อย
วันที่ 13 เพื่อนขี้อ้อน
วันที่ 14 น่ารักน่าคบ
วันที่ 15 เห็นง่าย-รู้จักยาก
วันที่ 16 ไม่ลุ่มหลงอะไรง่าย ๆ
วันที่ 17 สมบูรณ์แบบ
วันที่ 18 ที่ปรึกษาผู้เคร่งครัด
วันที่ 19 เปี่ยมด้วยกำลังภายใน
วันที่ 20 อารมณ์ เหมือนใบไม้ไหว...แต่น่ารัก
วันที่ 21 นุ่มนวล เจ้าเสน่ห์
วันที่ 22 คงเส้นคงวา
วันที่ 23 ตัวเอง คือความมั่นใจ
วันที่ 24 มีน้ำใจไมตรี
วันที่ 25 รวงข้าวที่มีเมล็ดมาก
วันที่ 26 สุขุม มองไกล
วันที่ 27 ซื่อสัตย์ยุติธรรม ประจำใจ
วันที่ 28 เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
วันที่ 29 รักใครไม่ผันแปร
วันที่ 30 ทรราชย์น้อย
วันที่ 31 ต้องการกำลังใจ


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 1 คือ จะเป็นคนรักเสรี กล้าหาญ และไม่ก้มหัวให้ใคร

คนเกิดวันที่ ๑ ของทุกเดือน เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองจน เกือบจะเรียกได้ว่าดื้อรั้น พอใจที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่ สนใจว่าใครคิดยังไงกับตัว ด้วยมีอารมณ์ รุนแรง กระด้าง แข็งกร้าว คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น ไม่กลัวว่าจะพูดอะไรออกไป และเมื่อจำ เป็นจะต้องต่อสู้ เพื่อสิ่งที่เห็นว่าถูกต้องแล้ว คนเกิดวันที่หนึ่งจะทุ่มเท ทุกอย่าง

คนเกิดวันที่หนึ่ง จะกำหนดเป้าหมายของชีวิตไว้สูงสุด ตั้งใจแสวงหา ความเป็นเลิศให้แก่ชีวิตในทุกด้าน แต่จะไม่ยอมบอกหรือแม้แต่ แสดงออกให้คนอื่นรู้ว่ากำลังประสงค์อะไร เป็นคนมีเพื่อนสนิทแต่มัก จะหยิ่งเกินกว่าที่จะให้เพื่อนสนิทรู้ว่ากำลังเผชิญปัญหาหรือผิดหวัง คนที่จะเอาชนะคนเกิดวันที่หนึ่ง ก็คือคนที่มีนิสัยเหมือนกัน ถ้าได้พบ คนที่มีนิสัยเหมือนกันแล้ว เวลาทั้งหมดที่มีอยู่จะยกให้เพื่อน คนนั้น จนหมดสิ้น แต่กระนั้นก็ตามก็ยังไม่ยอมบอกให้เพื่อนสนิทคนนั้นรับรู้ถึงปัญหา หรือความคิดที่แท้จริงของตนเองอยู่ดี

คนเกิดวันที่หนึ่ง จะหลงรักคนง่ายและรักอย่างลึกซึ้งด้วย แต่ความรัก ก็เป็นเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งที่คนเกิดวันที่หนึ่งปกปิด
ดังนั้น ความรักจึงเป็นเพียงความลึกซึ้งที่เก็บไว้ในใจเท่านั้น ความที่ ชอบอิสระ และไม่ชอบง้อใคร ชีวิตส่วนใหญ่จึงมักจะชินอยู่กับการอยู่ คนเดียวอย่างเหงาๆ แต่ก็ทระนง คนอื่นจึงมักมองว่าไม่มีน้ำใจ เอา แต่ใจตัวเอง ดื้อและขี้อิจฉา


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 2 คือ เพื่อนเป็นคนสำคัญ

คนเกิดวันที่ ๒ ของทุกเดือนเป็นคนที่ให้ความสำคัญแก่ เพื่อนมากที่ สุด ไม่ว่าจะคิด จะทำอะไร ก็จะคิดถึงเพื่อนก่อนเสมอ และมักจะไปทำอะไรโดยไม่ปรึกษาเพื่อนเลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม มองการณ์ไกลเห็นประโยชน์ระยะยาว ไม่ใช่คนโลเลต้องคอยทำตามเพื่อน แต่เป็นคนที่ต้องการ ให้เพื่อน ( หรือคนรัก ) รับรองว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้องแล้วทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รู้ว่าทำถูกแล้ว แต่ก็อยากให้มีคนมาบอกว่าทำถูกแล้วอยู่ดี เป็นคนฉลาดสามารถหยิบฉวยประโยชน์จากคำแนะนำหรือข้อ วิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อน นำมาประสมประสานให้เกิดผลดีแก่งาน เต็มที่ เวลาทำงานจะคิดแต่เพียงว่า เพื่อนคนใดจะได้ประโยชน์อันใดบ้าง แทนที่จะคิดถึงตัวเองก่อน คนที่มีเพื่อนเกิดวันที่ ๒ จึงมักได้การ เกื้อกูลเป็นอย่างดี โดยปกติแล้วเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน ไม่ชอบขัดใจ ใครและ พร้อมที่จะคบหาผู้คน ( เพราะอยากมีเพื่อนมากอยู่แล้ว ) แต่มีข้อเสียคือ อารมณ์จะเปลี่ยนแปลงง่าย ใครทำอะไรขัดใจหรือ ความรู้สึกไม่ได้เลยจะเกิดน้อยใจหรือโกรธวู่วามขึ้นมาทันที เมื่อเวลาอารมณ์ดี ก็เคล้าเคลียกันเหมือนแมวเชื่อง ๆ แต่ ถ้าใครทำ ให้ผิดใจก็จะกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายขึ้นมาทันที เพื่อน ๆ ของคนเกิดวันที่ ๒ นี้มักจะพากันห่าง ๆ หรือระวังเมื่ออยู่ใกล้ เพราะกลัวอารมณ์แปรปรวน จุดอ่อนนี้เองที่ทำให้คนเกิด วันที่ ๒ มี เพื่อนน้อยลงกว่าที่ควร ความดีที่ทำให้เพื่อนก็มักลดค่าลง เพราะความ เจ้าอารมณ์ของตัวเองด้วย

สิ่งที่คนเกิดวันที่ ๒ กลัวมากที่สุดคือ ความเหงา ความว้าเหว่ การอยู่ คนเดียวคิดคนเดียว ทำคนเดียว บางทีแม้แต่อยู่ท่ามกลางเพื่อนก็ยัง แอบนึกไปว่า เพื่อนไม่ให้ควาามสนใจ

ถ้าเพื่อนของท่านเกิดวันที่ ๒ ก็อย่าแปลกใจเลย ถ้าเห็นว่าเพื่อนงอน เก่งขี้หึง และบางทีก็เจ้าอารมณ์ เพราะนั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขา (หรือเธอ) ก็เป็นเพื่อนที่รักท่านมาก เพราะคนที่เกิดวันที่ ๒ ชอบคบ คนวนเวียนอยู่แต่กับเพื่อนเท่านั้น


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 3 คือ ท่านคือ เพื่อนที่แสนดี

คนที่เกิดวันที่ ๓ เป็นคนเฉลียวฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ ความคิด ของคนที่เกิดวันนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง และหากใครทำตามความคิดนั้นก็จะ ได้พบกับความสำเร็จในการสรรสร้างสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม

คนที่เกิดวันที่ ๓ เป็นผู้นำทางความคิดในการพัฒนาเหมาะมาก สำหรับงานในตำแหน่ง "ฝ่ายวางแผน และพัฒนา" นอกจากจะมี ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังมักคะเนเหตุการณ์ต่าง ๆ ข้างหน้า ได้ อย่างถูกต้องแม่นยำ ทั้งนี้มิใช่อาศัยโหราศาสตร์ แต่อาศัยความใฝ่รู้ และดวงปัญญาอันแจ่มใสมากกว่า

คนเกิดวันที่ ๓ มีเสน่ห์อยู่ที่ความเปิดเผย มีความคิดความเห็นอย่าง ไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ตรง ๆ ไม่เคยเกรงว่าคนที่ได้ฟังจะมีความ รู้สึกอย่างไรต่อตัวเอง ถ้าเห็นว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่ไม่ถูกใจก็ จะพูดไปตามความรู้สึก ซึ่งบางครั้งหรือบ่อยครั้งก็พูดแรงเกินไป และ แสดงกิริยาไม่ชอบใจออกมาให้เห็นทีเดียว

สิ่งที่คนเกิดวันที่ ๓ ชอบมากที่สุดก็คือ การที่ได้อยู่ในกลุ่มของเพื่อน สนิทมิตรสหาย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างเต็มที่และ ตรงไปตรงมา จะว่าคนเกิดวันนี้พูดเป็นแต่เรื่องจริงจัง ไม่มีเรื่อง โรแมนติกก็คงจะได้ แต่ที่จริงแล้ว คนเกิดวันที่ ๓ เป็นคนชอบความงามตามธรรมชาติ และความแปลกใหม่ ถ้าท่านมีเพื่อนเกิดวันที่ ๓ ท่านไม่ควรพาเขาไป เที่ยวที่เก่า ไม่ควรสั่งอาหารชุดเดิมมาเลี้ยงเขาหรือเธอเป็นอันขาด เพราะสิ่งเก่า ๆ ขัดกับความคิดที่ไม่หยุดนิ่งของเขา ใครที่ชอบนัด "ที่ เก่าเวลาเดิม" จะทำให้คนเกิดวันที่ ๓ รู้สึกเบื่อ

คนเกิดวันที่ ๓ ไม่ชอบให้ใครมากำกับให้ทำหรือไม่ให้ทำอย่างโน้น อย่างนี้ บางทีจะทำตรงกันข้ามกับข้อห้ามหรือ " คำแนะนำ " เหล่านั้น เพื่อเป็นการประท้วงไปเลยก็ได้

ในขณะที่คนเกิดวันที่ ๓ เป็นคนรักเพื่อน ตรงไปตรงมาและจริงใจกับ เพื่อน รับผิดชอบการงานอย่างฉลาดและสร้างสรรค์ แต่ในความรู้สึก ลึก ๆ กลับเป็นคนที่ว้าเหว่ หาเพื่อนสนิท ไม่ได้และในความเป็นจริงก็ เป็นเช่นนั้น ไม่ค่อยมีใครสนิทกับคนเกิดวันนี้นัก ถ้าท่านมีเพื่อนที่เกิดวันที่ ๓ จงให้ความจริงใจต่อคนผู้นั้นให้ความรัก และเอาใจใส่ ท่านจะได้รับน้ำใจตอบสนองอย่างเพื่อนที่แสนดี หรือถ้า ท่านรักกับคนเกิดวันที่ ๓ ท่านก็จะได้เพื่อนที่ดีที่สุดเป็นคู่ชีวิต


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 4 คือ จริงใจและมั่นคง

ความจริงใจต่อเพื่อนฝูง คือ คุณที่เกิดวันที่ ๔ นี้ นอกจากมีความจริง ใจต่อเพื่อนแล้ว คนเกิดวันนี้ยังต้องการความจริงใจจาก เพื่อนเป็น ผลตอบสนองด้วย

คุณสมบัติประการต่อมา คือ การเป็นคนรักการทำงาน เอาการเอางาน มีความรับผิดชอบเป็นเลิศ ที่สำคัญคือเป็นคนที่มุ่งมั่นในการสร้าง ชีวิตให้มั่นคง การสร้างหลักฐานให้แก่ชีวิตของตนเองเป็นเรื่องสำคัญ อย่างหนึ่งของชีวิต ดังนั้น คนเกิดวันนี้จึงทำงานหนัก เพื่อตอบสนอง ความหวังของตัวเอง

คุณสมบัติดังกล่าวทำให้คนเกิดวันที่ ๔ มีจุดอ่อนตามมาด้วย กล่าวคือ ความจริงใจที่มีต่อเพื่อนและความต้องการให้เพื่อนจริงใจด้วยนั้น บางทีรุนแรงไปจนถึงจุดที่เรียกร้องความสนใจจากเพื่อน หรือหึงหวง ไปเลยก็มี และในขณะที่คนเกิดวันที่ ๔ เป็นคนเอางานเอาการ ทำให้บางครั้ง ถูกมองไปว่าเผด็จการ หรือเข้มงวดกับเพื่อนฝูงได้ง่าย ๆ แต่ลักษณะ ที่แสดงความหึงหวงก็ดี ความเข้มงวดบางอย่างก็ดี เป็นลักษณะที่ บ่งบอกถึงความจริงใจในการคบหากันมากกว่าที่จะเป็นจุดอ่อน

คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของคนเกิดวันที่ ๔ ก็คือความเป็นคนค่อน ข้างระวังตัว มีความคิดรอบคอบ แต่คุณสมบัติประการนี้ก็มิได้เป็นผล ร้ายแก่เพื่อนฝูงที่สุจริตใจเป็นการสร้างกลไกระวังตัวเองของเจ้าตัว เท่านั้น เพราะคนเกิดวันนี้จะทุ่มเททุกอย่างให้กับคนที่ตนเองเห็นว่ามีความ จริงใจต่อกันอย่างแท้จริง คนเกิดวันที่ ๔ ถ้าคิดจะช่วยใครก็ช่วยจน หมดตัวสุดชีวิต อย่างไรก็ตาม ท่านจะต้องระวังตัวบ้างถ้าจะคบกับคนที่เกิด วันที่ ๔ โดยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำให้คนเกิดวันนี้โกรธหรือเกลียดท่าน เป็นอันขาด เพราะหมายเลข ๔ นี้จะร้ายกาจกับคนที่ร้ายกาจด้วยอย่าง ที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึงจริง ๆ และสิ่งที่คนเกิดวันที่ ๔ เกลียดมาก ๆ ก็คือ การที่รู้สึกว่า ตัวเองถูกหลอกลวง หรือการที่เพื่อนฝูงปันใจไปให้คู่แข่ง

ถ้าท่านมีทุกข์หนัก อย่าลืมไปหาคนเกิดวันที่ ๔ เพื่อช่วยเหลือปลอบ ประโลมใจ และถ้าท่านอยากได้คนรักหรือคู่ครองที่เอางานเอาการจริง ใจต่อมิตรภาพ รักเพื่อนฝูงก็ควรไปหาคนที่เกิดวันที่ ๔ ทั้งนี้ ท่านต้องทำใจให้มั่นคงว่า ท่านจะรักเพื่อนที่เกิดวันที่ ๔ นี้อย่าง จริงใจ แล้วท่านก็จะได้คู่ชีวิตที่มีแต่ความจริงใจมั่นคงต่อท่านตลอดชีวิต


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 5 คือ นักอุดมการณ์ หรือบางทีก็เผด็จการ

ถ้าคนที่คุณรักใคร่คบหาอยู่ขณะนี้เกิดวันที่ ๕ ของเดือน ใดก็ตาม คุณ ก็ต้องตระหนักไว้ว่า คุณได้คบกับคนที่มีลักษณะนิสัย สองอย่างอยู่ใน ตัวคนเดียว

นิสัยที่แท้จริงของคนเกิดวันที่ ๕ ก็คือการเป็นคนมองโลกในแง่ดี เป็นคนมีเหตุผล และยอมรับความเป็นจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่จะไม่ ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม ถ้าจะเปรียบกับหัวหน้า ทีมกีฬา เขาก็เป็นหัวหน้าทีมที่ไม่เคยเสียใจเลย ถ้าทีมของเขา ( หรือเธอ ) ประสบความพ่ายแพ้ แต่ก็จะรีบไปปรับปรุง ทีมเป็นการใหญ่ คราวหน้าไม่ควรจะแพ้อีก คราวนี้แพ้แล้วไม่เป็นไร เขาจะคิดอย่างนั้น

คนเกิดวันที่ ๕ จะเกลียดการถูกบังคับให้เป็นอย่างโน้นทำอย่างนี้ ถ้า เขารู้ตัวว่าถูกสั่งถูกบังคับ เขาจะมีปฏิกิริยาในการต่อต้านขึ้นมาทันที ท่านที่มีคู่รัก-คู่ครอง หรือบุตรธิดาเกิดวันที่ ๕ จะต้องรู้ความจริงข้อนี้ เอาไว้เป็นเบื้องต้นทีเดียว สมมติว่าแฟนของคุณเกิดวันที่ ๕ และ กำลังติดบุหรี่ ถ้าคุณไปบอกเขาว่า เขาควรงดบุหรี่ เขาอาจจะเลิกจาก คุณไปเลย ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นด้วยกับคำแนะนำของคุณและต้องบ้าอด บุหรี่อย่างจริงจัง "แต่นั่นหมายถึงว่าเขาเลิกคบกับคุณไปแล้ว "

สิ่งที่คนเกิดวันที่ ๕ ต้องการก็คือการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่ เขาอยากจะทำ ถ้าเขาเป็นเด็ก คุณก็ควรปล่อยให้เขาเล่นโลดโผนตาม ใจ เพียงแต่ดูแลอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรงก็พอ และถ้าเขา เป็นคู่รักคู่ครองของคุณเกิดอยากเล่นกีฬาผาดโผน ลงทุนเสี่ยงทาง ธุรกิจ (หรือแม้แต่เขาคิดจะมีภรรยาอีกสักคน) ถ้าหากพอยอมได้ก็ ควรยอม ถ้ายอมไม่ได้ท่านก็ต้องคัดค้านโดยวิธีหว่านล้อม ไม่ใช่วิธีชี้นำ เพราะคนที่เกิดวันนี้ต้องการที่จะได้แสดง ความสามารถ ถ้าใครไปกีดขวางปิดกั้นไม่ให้เขาหรือเธอได้ทำในสิ่งที่ต้องการ " แม้จะรักกันแสนรัก ก็อาจกลายเป็นศัตรูกันได้ทันที " อย่างไรก็ตาม เขา ( หรือเธอ ) โดยปกติแล้วเป็นคนอ่อนหวาน ขี้เกรง ใจและช่างเอาอกเอาใจ เขาจะดื้อต่อเมื่อถูกบังคับเท่านั้น

คนเกิดวันนี้เป็นคนที่มีรสนิยมทางเพศสูง ชอบกิจกรรมทางเพศที่ ประณีต เป็นคนกล้าได้กล้าเสียในเรื่องเพศสัมพันธ์แต่เมื่อถึงบทสุด ท้าย คุณอย่าได้เผลอไปแนะนำอะไรเขา (หรือเธอ) เป็นอันขาด ปล่อย ให้เขา (หรือเธอ) มีความสุขอยู่กับแบบที่เขาต้องการจะดีที่สุด เขา (หรือเธอ) เป็นคนชอบเผด็จการก็ตรงนี้แหละ


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 6 คือ อยู่ได้ด้วยความรัก

เขาหรือเธอคือ พ่อบ้านแม่เรือน สถานที่ที่เหมือนทิพย์วิมานของเขาก็ คือ บ้านอันอบอุ่นด้วยไอรัก เด็กที่เกิดมาในวันที่ ๖ ในครอบครัวที่ แตกสลายร้าวรานจะเป็นเด็กที่น่าสงสาร และจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่น่า สงสารมากด้วย เพราะคนที่เกิดวันนี้แทบจะอยู่ไม่ได้ในที่ที่ขาดความ รัก คนที่เกิดวันที่ ๖ หากมาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่น เขา (หรือเธอ) จะโผ เข้าซบอกคนที่หยิบยื่นความรักให้ โดยไม่ลังเลใจเลย

คนเกิดวันที่ ๖ นี้ ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับคนที่เขารักเอามาก ๆ แม้ว่าตัวเขา (หรือเธอ) จะรูปงามและเฉลียวฉลาดเพียงใดแต่ก็ไม่ ค่อยมั่นใจตัวเองเรื่องความรักและเพศตรงข้าม เขาเกรงไปว่า ถ้าเขา ตัดสินใจผิดจังหวะความรักจะหลุดลอยไป ดังนั้น ถ้าคุณเป็นหญิง และมีคนรักเกิดวันที่ ๖ ก็ไม่ควรจะสงสัยว่า ทำไมคนรักของคุณไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้นแขนของคุณ ทั้ง ๆ ที่คุณ คิดว่า เขาน่าจะกอดคุณแล้วด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามคนเกิดวันนี้ มัก จะไม่ขาดเพื่อนต่างเพศเพราะรูปงาม นิสัยดี อ่อนหวาน เป็นคนซื่อๆ ปราศจากมารยา และจะไม่คิด "ขบถ" ต่อคนอื่นเลย ก็โถ กับคุณเขายังไม่กล้าจะแตะแขนเลย เขาจะกล้าไปจับมือใครได้ เล่า รักกับเขาไว้คุณก็จะได้พ่อบ้านแม่เรือนที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน อ่อนหวาน เขา (หรือเธอ) จะพยายามทำบ้านให้เป็นวิมานสำหรับคุณ

ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับความรัก คนเกิดวันที่ ๖ เป็นคนมุ่งมั่นมานะ ใจ คอก็หนักแน่นมั่นคง ไม่วอกแวกไม่ว่าเรื่องใดเป็นคนที่ไว้ใจและ พร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่ตัวรักทุกวิถีทางนิสัยใจคอจริง ๆ จึงน่าจะ เป็นครูบาอาจารย์ หรือนักสังคมสงเคราะห์ เนื่องจากใจอ่อน รักเด็ก รักสัตว์เลี้ยง ถ้าได้มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องดังว่านี้จะก้าวหน้าดีนัก

คนเกิดวันนี้ค่อนข้างปิดตัวเองในเรื่องรสนิยมทางเพศ ทั้งที่ความจริง ตัวเองเป็น "ไฟ" แต่มักแสดงให้ปรากฎในรูปของน้ำแข็งถ้าคุณเกี่ยว ข้องสัมพันธ์กับคนเกิดวันที่ ๖ คุณควรจะใช้ความละเมียดละไมของ คุณช่วยจุดไฟให้เขา (หรือเธอ)คุณควรเป็นฝ่ายนำแล้วเขาหรือเธอจะ ค่อย ๆ เกาะตามคุณไปได้เอง และคุณไม่ต้องห่วงว่าเขาหรือเธอจะ ตามไม่ทัน
เพราะเมื่อถึงบทสุดท้าย คุณอาจเป็นฝ่ายตามไม่ทันก็ได้ อย่าลืมว่าคน เกิดวันที่ ๖ อยู่ได้ด้วยความรัก ความรักที่คุณส่งให้เขาเธอ) จึงต้อง พร้อมมูลทั้งคุณภาพและปริมาณ


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 7 คือ นักเล่าประสบการณ์

ลักษณะเด่นของคนที่เกิดวันนี้ก็คือ การแสวงหาประสบการณ์ในเรื่อง ต่าง ๆ ด้วยตนเอง ชอบประสบการณ์ตรงมากกว่าการเรียนรู้จากคน อื่นแต่เป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันตนเองสูง ไม่ลุ่มหลงอะไรง่าย ๆ ไม่ว่าจะ เป็นเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด การพนัน หรือแม้แต่เพื่อนต่างเพศ

การที่คนเกิดวันที่ ๗ ไม่ลุ่มหลงอะไรง่าย ๆ ย่อมเป็นผลดีต่อการชอบ ลองของเขาเองเพราะเขาจะเรียนรู้ได้โดยไม่ "ติด" สิ่งเหล่านั้น ถ้า ท่านคิดว่าจะเอาตัวเอาใจของท่านไปให้เขาทดลอง เพื่อให้คนเกิดวันที่ ๗ หลงใหลท่านก็คิดผิดเท่านั้นเอง

คนเกิดวันที่ ๗ นี้โดยปกติเป็นคนมีศีลธรรมและมีเมตตาเป็นคนใจ ง่าย ๆ ซื่อตรงและค่อนข้างขี้สงสาร แต่สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง

คนเกิดวันนี้กลับไม่ค่อยแน่ใจตัวเอง มักจะขัดแย้งตัวเองหรือลังเล ในสิ่งที่จะตัดสินใจอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขัดแย้งในข้อที่ว่า จะใช้ชีวิตอย่างไรดี ยึดกฎเกณฑ์ หรือว่าปล่อยตัวตามใจตัวเอง

คนเกิดวันนี้เป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย ซึ่งเป็นลักษณะของคนชอบ ลอง เพราะถ้าใครชวนถูกหูแล้ว จะให้ทำอะไรก็ทำเป็นคนตรงไปตรง มาในเรื่องความคิด ถ้าเชื่ออะไรแล้วจะพูดออกไปโดยไม่ต้องคิดเลย โดยไม่สนใจว่าจะไป ขัดแย้งกับใคร เป็นคนรักหมู่คณะ แต่ก็ค่อนข้างอวดตัวและถ้าหมู่ คณะมอบหมายงานให้แล้ว คนเกิดวันนี้ก็จะทุ่มเทให้กับงานที่ได้รับ มอบจนสุดชีวิต

คนเกิดวันนี้ไม่ใช่คนไม่อิ่มรัก แต่เป็นคนที่มีความรักมากพอที่จะ แจกจ่ายให้ใคร ๆ ได้ไม่จบสิ้น ชอบคู่ครองที่เข้มแข็งและใจกว้างพอที่ จะให้เขามีเสรีในเรื่องรัก แต่เขาไม่ชอบให้ท่านมีรักที่เสรี เขาชอบให้ท่านรักเขา (หรือเธอ) คน เดียว


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 8 คือ ทุกอย่างต้องพร้อม

ลักษณะเด่นของคนเกิดวันที่ ๘ ก็คือ ทุกอย่างต้องพร้อมอย่างที่ฝรั่งเขา เรียกว่า Perfectionist ถ้าชีวิตของคนประกอบไปด้วยความสุภาพ ความมั่นคง และความมีการศึกษาดีแล้ว คนเกิดวันที่ ๘ ก็คือคนที่ ขวนขวายหาสิ่งนี้มาเพื่อให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบ การแสวงหา ความสมบูรณ์ของเขาอาจทำให้เพื่อนฝูงหรือคนรักต้องเหน็ดเหนื่อย ไปด้วย

คำว่า ทุกอย่างต้องพร้อมของคนที่เกิดวันที่ ๘ ในอีกอย่างก็คือ เขาจะ ปรากฎตัวในที่สาธารณะต่อเมื่อมั่นใจว่าตัวเองพร้อมเท่านั้น คนเกิด วันนี้ตามปกติส่วนใหญ่จะไม่รับแขกโดยแต่งชุดตามสบาย ถ้าท่านมี เจ้านายเกิดวันที่ ๘ และจะเชิญไปเปิดงานตรวจงาน ท่านต้องเตรียม ให้พร้อม มิฉะนั้น ท่านจะถูกตัดเงินเดือนเสียเปล่า ๆ

คนเกิดวันนี้มักมีสมองเป็นเลิศ ฉลาดหลักแหลมจนดูเหมือนมีเล่ห์ เหลี่ยม ทั้งที่เป็นเพียงคนตรงต่อกฎเกณฑ์เท่านั้น ความหลักแหลมทำ ให้มีความสามารถหลายด้าน เรียนหนังสือเก่ง ทำงานเก่ง ปรับตัวให้ เข้ากับวิทยาการสมัยใหม่ได้ดี และถึงแม้ว่าเขาเกิดคิดจะเป็นนักโหราศาสตร์ เขาก็จะเป็นนักพยากรณ์ชั้นเยี่ยม

ในอีกด้านหนึ่ง คนเกิดวันที่ ๘ มีจิตใจอ่อนไหว รับรู้ความปรารถนาดี จากคนข้างเคียงได้ง่าย แต่จะเก็บความรู้สึกนี้ไว้โดยใช้ความเข้ม แข็งพรางตาเขาจะรับรู้ได้เองว่า ท่านรักใคร่ผูกพันตัวเขา (หรือเธอ) อยู่ ไม่ต้องบอกรัก และในคืนวิวาห์หรือเวลาอันเป็นส่วนตัวท่านช่วยจัด บรรยากาศให้ดี ๆ ห้องสะอาด เตียงเรียบ ข้าวของเป็นระเบียบ ฯลฯ แล้ว ท่านก็จะรู้ลีลาเร่าร้อนที่คนเกิดวันที่ ๘ มีอยู่

เรื่องที่ควรปรับปรุงของคนเกิดวันที่นี้คือ การรับและการให้ เพราะคน เกิดวันนี้บางครั้งจะมุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์มากเกินไป ควรรู้จักลด ความทะเยอทะยานลงบ้าง


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 9 คือ เจ้าความคิด

คนเกิดวันที่ ๙ บ่งบอกบุคลิกภาพของนักอนุรักษ์นิยม และลักษณะของนักปราชญ์ เป็นคนที่มีท่าทางเคร่งขรึม สุภาพ และขี้อาย และมีความ วิตกกังวล เป็นเจ้าเรือน เป็นคนเอาจริงเอาจังต่อชีวิตและโลกมาก เกินไป เป็นคนที่เห็นว่าการพักผ่อนเป็นเรื่องแปลกประหลาดหรือ ใหญ่โต แต่เห็นว่าการทำงานเป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเทตลอดชีวิต ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เขา (หรือเธอ) ทำงานจนไม่รู้จักพักผ่อนหย่อนใจ ท่านจะไม่เห็นคน เกิดวันนี้ออกไปร้องรำทำเพลงกับใครบ่อยนัก ถ้านั่งในรถทัศนาจร ประเภทฉิ่งฉับทัวร์ ท่านจะไม่พบคนเกิดวันนี้ออกไปตีฉิ่งตีฉาบเลย

คนเกิดวันที่ ๙ มีพรสวรรค์ในด้านการอธิบายหรือเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ เข้าใจง่าย แต่การพูดการอธิบายของเขาดูจะเป็นจริงเป็นจังและไม่มี มุขตลกมากนัก จึงเป็นนักพูดที่ดีมีสาระจึงเป็นครูมีลูกศิษย์ลูกหานิยม หรือเป็นนักพูดที่มีผู้คนยกย่อง

ปกติคนเกิดวันที่ ๙ จะชอบอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แต่ถ้ามีคนมาคุยด้วย ก็จะพอใจ ยิ่งถ้ามาขอคำแนะนำ ขอความช่วยเหลือต่าง ๆ ด้วยแล้ว คนเกิดวันนี้จะรู้สึกว่าท่านเป็น " ภาระงาน " ที่จะต้องปกป้องดูแลเป็น อย่างดี ดังนั้น ถ้าจะไปสร้างความรักความสัมพันธ์กับคนเกิดวันนี้ควรเข้าไป ในรูปของคนอกหัก หรือต้องการพี่-น้อง ที่ปรึกษากันได้มากกว่าที่จะ เริ่มด้วยการเฮฮาสนิทสนม

คนเกิดวันที่ ๙ จะเอาใจใส่ดูแลคนที่ตนเองรักเป็นอย่างดี ทุ่มเทให้ กับความรักอย่างเต็มที่ ไม่เจ้าชู้เลย ออกจะน่ารักทีเดียว ถ้าจะขี้หึง และขี้กังวลน้อยลงอีกสักหน่อย 555


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 10 คือ แข็ง ... หรือไม่ก็ ...แกร่ง

คนเกิดวันที่ ๑๐ เป็นคนที่มีปัญหาบางอย่างมาตั้งแต่เด็ก จะโดยรู้ตัว หรือไม่ก็ตาม แต่คนเกิดวันนี้จะรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโลกบ่อย ๆ อาจเป็นเพราะเมื่อเยาว์วัยต้องพลัดพรากจากครอบครัวไปอยู่กับปู่ย่า ตายาย หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นลูกคนที่เกิดมาในช่วงชีวิตที่ครอบครัวกำลังต้องเผชิญปัญหา ทำให้คนเกิดวันที่ ๑๐ รู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งและต้องเรียนรู้การ ช่วยตนเองมาตั้งแต่เด็ก แต่คนเกิดวันนี้แม้จะรู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียวในโลก แต่ก็ไม่ใช่คนประเภทยอมให้ความเหงาหรือความว้าเหว่มาทำให้ตัว เองอ่อนแอ ตรงกันข้ามกลับทำให้เป็นคนเข้มแข็งเด็ดขาดแกร่งกล้า กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการ กล้าสู้ กล้ายืนอยู่คนเดียว จนคนพากันมองว่าเป็นคนแสดงอำนาจและเจ้าอารมณ์ แต่ถ้าคุณมีเพื่อนเกิดวันนี้ คุณจะเรียนรู้ได้ไม่ยากเลยว่า เขาหรือเธอ ผู้นั้นจะเป็นคนเด็ดขาดขึ้นมาก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าถูกรังแก หรือถูกดูถูก หรือถูกท้าทายเท่านั้น ถ้าคุณมีคู่รักหรือคู่ครองที่เกิดวันที่ ๑๐ อย่าเผลอไปท้าทายให้เขาหรือ เธอเลิกราฟ้องหย่าเป็นอันขาด เพราะคุณจะไม่มีวันได้เพชรเม็ดนั้น กลับมาอีกเลย

คนเกิดวันนี้ พร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นเลิศด้วยความเต็มใจในตัว เอง เพราะเป็นคนฉลาดที่วางแผนทุกอย่างไว้ในใจได้รอบคอบ และอดทนรอผลได้อย่างใจเย็น เป็นคนที่เก็บปัญหาต่าง ๆ ไว้ในใจได้ดี แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่มีวันจะรู้จากปากของเขาหรือเธอว่าต้องการ ความช่วยเหลือแค่ไหน เพราะคนเกิดวันที่ ๑๐ ไม่มีทางเอ่ยปากขอ ให้ใครมาช่วย

ในเรื่องความรัก ถ้าคุณมีคนรักเกิดวันที่ ๑๐ คุณจะต้องรู้ว่า เขาหรือ เธอจะอาทรห่วงหาคุณอย่างมาก แต่ความรักนั้นซ่อนเร้นอยู่ในใจของ เขาหรือเธอเท่านั้น อย่างดีก็ปรากฎออกมาในสายตา ถ้าคุณรอให้เขา หรือเธอบอกรักรับรัก คุณคงรอไปตลอดชาติ เพราะคนเกิดวันนี้ไม่มี วันจะเอ่ยปากขอให้ใครมารัก และในเรื่องความสัมพันธ์ในฐานะคบคู่กับคุณก็เช่นกัน คุณจะต้องสังเกตและตัดสินใจเองว่า ควรเลือกแบบไหนคุณไม่ต้องถาม แต่คุณ จะต้องเสนอ " แบบ " ที่ถูกใจเขาหรือเธอให้ได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องรอถามด้วยว่า " ชอบแบบนี้ไหม ? "


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 11 คือ แม้จะเจ้าอารมณ์ แต่ก็สร้างสรรค์

คนเกิดวันที่ ๑๑ เป็นคนที่ต้องการคนเอาใจมากกว่าคนเกิดวันอื่น ๆ เป็นคนซื่อตรง และปราศจากเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็มักใจน้อย และเจ้าอารมณ์ ดังนั้นจึงมักทำงานที่ต้องอดทน หรือมีรายละเอียดกวนใจมากเกินไปไม่ค่อยได้

คนเกิดวันที่ ๑๑ จึงไม่ชอบเป็นผู้บริหารราชการที่มีระเบียบมากมาย จุกจิก แต่ชอบที่จะเป็นศิลปิน ซึ่งสามารถสร้างสรรค์งานได้โดย จินตนาการและอารมณ์ของตนเอง และด้วยเหตุผลที่เป็นคนมีจินตนาการแจ่มชัด มีอารมณ์อ่อนไหวช่าง คิดช่างฝันนี้เอง จึงเป็นผู้ที่มีความสุขมากถ้ามีโอกาสได้ทำงานด้าน ประดิษฐ์สร้างสรรค์ ถ้าคุณมีบุตรธิดาคนรัก หรือแม้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่ามอบงาน บริหารให้เลย ให้มอบงานประดิษฐ์คิดค้นให้ดีกว่า คุณจะได้ ประโยชน์และเขาหรือเธอก็จะมีความสุขด้วย

คนเกิดวันที่ ๑๑ ค่อนข้างหัวแข็งในสายตาคนรอบข้าง แต่ที่จริงเป็น คนที่เรียกว่า " หยิ่งในตัวเอง " มากกว่า ว่ากันว่าถ้าตรวจสอบวันเกิดกันได้ คุณพจมาน สว่างวงศ์ คงเกิดวันที่ ๑๑ เพราะเป็นคนหยิ่งในตัวเอง และถ้าอยากจะทำให้อ่อนน้อมนุ่ม นวลก็ทำได้เป็นอย่างดีใครที่ทำให้คนที่เกิดวันนี้เกลียดหรือหมั่นไส้ จะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเลย แต่ก็เป็นไปเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น เพราะคนเกิดวันที่ ๑๑ จะไม่รุกรานคนอื่นเลย

และเมื่อพูดกันถึงเรื่องความรัก คุณคงไม่ต้องบอกรักคนที่เกิดวันนี้ก็ ได้ ถ้าคุณสามารถทำตัวให้เป็นคนที่เป็นเพื่อนกับคนเกิดวันนี้ได้ใน ทุกสถานการณ์ เป็นกำลังใจในการทำงานให้แก่เขาหรือเธอผู้นั้น ที่สำคัญคือคุณต้องเป็น " หลัก " ให้เขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ ๑๑ ได้ในการ เป็นผู้นำและตัดสินใจในเรื่องที่เขาหรือเธอไม่ชอบที่จะเกี่ยวข้อง

ในเรื่องของความสัมพันธ์ เมื่อยามคุณอยู่กันสองต่อสองนั้น คำยกยอ คำพูดขอร้องที่อ่อนหวาน จะเป็นการปรุงรสสวาทที่ดีกับคนเกิดวันที่ ๑๑ และในส่วนที่เป็นบทรัก คนเกิดวันที่ ๑๑ เป็นคนที่ชอบทำอะไรซื่อ ๆ ไม่มีพลิกแพลง ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า คุณจะทำความเรียบง่ายไม่พลิกแพลงให้เป็นความสุข สมของทั้งสองฝ่ายได้อย่างไรเท่านั้นเอง


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 12 คือ คนเก่งที่มีเพื่อนน้อย

คนเกิดวันที่ ๑๒ ได้พรจากพระเจ้าในเรื่องต่าง ๆ เกือบทุกเรื่อง เพราะไม่ว่าจะจับทำสิ่งใดก็จะสำเร็จไปหมด อย่างน้อยก็ทำได้ดีในทุกเรื่อง เกิดมาเป็นคนเก่ง มีความสามารถในการงานเป็นอย่างดี

โดยนิสัยแล้วคนเกิดวันที่ ๑๒ เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมาและไม่ ชอบถูกเอาเปรียบ จึงต้องการเพื่อนที่คบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังประโยชน์ตอบแทน ต้องการเพื่อนที่พูดคุยได้อย่างสนิทใจ เพียง แต่คุณมีความจริงใจ คุณก็จะเป็นเพื่อนที่ดีของคนเกิดวันที่ ๑๒ ได้ไม่ ยากเลย

แต่คนที่มีเพื่อนเกิดวันที่ ๑๒ ก็ต้องรู้ใจเพื่อนด้วยว่า คนเกิดวันนี้ เป็นคนที่มีแต่ความซื่อ พูดตรงไปตรงมาโดยไม่กลัวใครจะว่าอย่างไร เมื่อคนเกิดวันที่ ๑๒ อยากจะตำหนิใครขึ้นมา ก็มักพูดด้วยถ้อยคำอัน รุนแรง จนกระทั่งคนฟังรู้สึกว่าแรงเกินไป และเมื่อไม่พอใจใครหรือ อะไรขึ้นมาคนที่เกิดวันนี้ก็จะแสดงให้รู้ชัดเจนทีเดียวว่า ไม่พอใจ

คนเกิดวันที่ ๑๒ เป็นคนเก่งที่มีเพื่อนน้อย ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนรัก เพื่อนและมีความสุขมากเมื่ออยู่ในกลุ่มเป็นคนมีอารมณ์ขัน และโต้ ตอบคำพูดของคนอื่น ๆ ได้อย่างคมคายแต่กลับมีเพื่อนน้อย หาเพื่อน สนิทได้ยาก ดังนั้นถ้าคุณเข้าไปอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทได้ ในใจของคนเกิดวันที่ ๑๒ ก็จะมีแต่คุณคนเดียว วิธีที่จะทำให้คนเกิดวันนี้พอใจอย่างหนึ่งก็คือ การพาไปท่องเที่ยวตาม สถานที่ต่าง ๆ รสนิยมของแต่ละคนต่างกันไปบ้าง บางคนอาจชอบให้ คุณพาไปชมป่าเขาลำเนาไพร บางคนอยากให้คุณไปดูหนังดูละครกับ เขาบ่อย ๆ ฯลฯ แต่ที่แน่ ๆ คือ คนเกิดวันที่ ๑๒ เกลียดการจำเจ แม้แต่งงานกันแล้ว ถ้าคู่ครองของคุณเกิดวันที่ ๑๒ คุณก็ต้องหาวิธีพากันไปเที่ยวนอกบ้านบ่อย ๆ

คนเกิดวันที่ ๑๒ ไม่ชอบการห้ามไม่ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้โดยไม่มี เหตุผลอันเห็นได้ชัด และเกลียดการห้ามเพราะความอิจฉาหรือ เพราะกลัวว่าจะไปขัดผลประโยชน์ของคนห้าม ดังนั้น ถ้าคุณมีคนรักเกิดวันที่ ๑๒ แล้วคุณแสดงความหึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าของ ความรักก็จะจบลงง่าย ๆ แค่นั้น
ส่วนเรื่องลีลาทางเพศสัมพันธ์ บอกได้ว่าคนเกิดวันที่ ๑๒ ไม่ชอบ ความจำเจ ดังนั้นคุณต้องหมั่นเปลี่ยนที่ และเปลี่ยนท่า


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 13 คือ เพื่อนขี้อ้อน

คนเกิดวันที่ ๑๓ เป็นคนน่ารักมาก ไม่ว่าโดยบุคลิกภาพภายนอกที่อ่อนหวานแช่มช้อย หรือภายในจิตใจที่ซื่อตรง อ่อนโยนเมตตาปรานี และเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง คนเกิดวันนี้รับรู้ความดีง่ายใจอ่อน และ มักพอใจที่จะเอื้อเฟื้อผู้อื่นเป็นคนสนใจในการเรียนรู้และปฏิบัติธรรม

คนเกิดวันที่ ๑๓ เป็นคนปราศจากเล่ห์เหลี่ยม มีความรับผิดชอบสูง ต่อครอบครัว และหน้าที่การงาน ( หาคนเกิดวันที่ ๑๓ มาเป็นคู่เถิด ) คนเกิดวันนี้ต้องการให้ชีวิตมั่นคงเป็นอันดับแรก ดังนั้นจึงต้องทำงานหนัก และทำได้อย่างไม่ย่นย่อท้อถอย เป็นคนอด ทนได้ที่จะรอผลอันยาวนาน คนเกิดวันที่ ๑๓ นี้แหละคือพวกที่เป็น อย่างเพลงลูกทุ่ง ร้องเอาไว้ว่า " ผัวเธอตายเมื่อไรบอกด้วย แล้วพี่จะ ช่วยเลี้ยงลูกทุกคน "

คนเกิดวันนี้ มีจุดอ่อนอยู่ตรงที่เป็นคนอ่อนไหวง่าย น้อยใจเก่ง คุณ อาจเห็นน้ำตาของคนเกิดวันที่ ๑๓ ได้บ่อย ๆ นอกจากนี้คนเกิดวันนี้ ก็ยังเป็นคนชอบตัดสินใจตามผู้ใหญ่ เชื่อผู้ใหญ่มากกว่าตนเอง อาจ เป็นเพราะได้อาศัยอยู่ในครอบครัวที่ดี ได้พึ่
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #145 เมื่อ: 06 มกราคม 2551, 16:38:37 »

คนเกิดวันนี้ จะทุ่มเทความรักให้กับใครก็ได้ ( อาจเป็นคุณ ) ถ้าคุณ พิสูจน์ให้คนเกิดวันที่ ๑๓ ได้ประจักษ์ว่า คุณมีความจริงใจต่อกัน อย่างแท้จริง

คนเกิดวันที่ ๑๓ ถือว่าน้ำใจไมตรีมีค่าสูงสุด ถ้าเขาหรือเธอรักคุณ แล้วก็จะรักจนสุดใจ และจะรักอยู่อย่างนั้นไปจนชั่วชีวิต แม้คุณจะ ( บังเอิญ ) แต่งงานไปกับคนอื่นก็ตาม แต่ก็ขอเตือนว่า อย่าทำให้คน เกิดวันนี้โกรธหรือเกลียด เพราะถ้าคุณไปทำอะไรให้โกรธ หรือไม่พอใจมาก ๆ คุณจะรู้ทันทีว่า คารมคนเกิดวันนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าอาวุธใด ๆ และเป็นการยากที่จะทำ ให้คนเกิดวันนี้หายโกรธ

คนเกิดวันนี้ต้องการบทรักที่นุ่มนวล เอาใจ เธอ ( หรือเขา ) เป็นคน ค่อนข้างเคร่งศีลธรรมและค่อนข้างอนุรักษ์นิยมในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องกามารมณ์ คุณเพียงเริ่มต้นบทแรกกับคนที่เกิดวันนี้บทเดียวเท่านั้น บทที่สอง และบทต่อ ๆ คุณคอยตามให้ทันก็แล้วกัน


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 14 คือ น่ารักน่าคบ

คนเกิดวันที่ ๑๔ เป็นคนอ่อนหวานและขี้เกรงใจ ซึ่งเป็นลักษณะที่คุณเห็นได้จากภายนอก และเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์อยู่ภายใน ดังนั้นจึงเป็นคนที่น่ารักน่าคบ แต่คุณต้องรู้ไว้ด้วยว่าความเป็นคนซื่อ สัตย์ ขี้เกรงใจ และช่างเอาอกเอาใจ มีอยู่เฉพาะเมื่อคุณปล่อยให้คน เกิดวันนี้มีความสุขตามแบบที่เขาหรือเธอต้องการเท่านั้น ถ้ามีใครมาสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ คนเกิดวันที่ ๑๔ จะหงุดหงิดพลุ่ง พล่านขึ้นมาทันที คนอ่อนหวานน่ารักช่างเอาใจของคุณจะกลับกลาย เป็นแม่เสือที่ดุร้าย ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวขึ้นมาทันที

คนเกิดวันที่ ๑๔ เป็นคนมีอำนาจในตนเอง มีพลังใจสูง สามารถจูงใจ ตนเองให้ทำอย่างจนสำเร็จได้ดังประสงค์ มีอำนาจลึกลับที่จะจูงใจให้ผู้ อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการ และมักได้รับอำนาจที่คนอื่นรับรู้ได้ คน เกิดวันนี้หากมีอำนาจจึงมักเอาแต่ใจตนเองหรือชอบเผด็จการ แต่จุดอ่อนอันเกิดจากความมีอำนาจ และชอบใช้อำนาจนี้ก็จะถูกลดลง ไปโดยนิสัยที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ใจกว้าง มีเหตุผลยอมรับความ เป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งทางด้านดีและด้านร้าย เป็นคนเข้าใจความเป็น ไปรอบกายได้ง่าย และยอมรับความเป็นไปได้ในเรื่องต่าง ๆ เป็น อย่างดี ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้ทำให้การใช้อำนาจของคนเกิดวันที่ ๑๔ เป็นไปอย่างมีเหตุผลและนุ่มนวลขึ้น

คุณทำให้คนเกิดวันที่ ๑๔ รักคุณได้ง่าย ๆ ด้วยการสนับสนุนความสุข ของคนเกิดวันนี้ตามแบบที่เขาหรือเธอต้องการ ( ถ้าคุณยอมรับได้ ) เปิดโอกาสให้แสดงออกหรือได้ทำในสิ่งที่เขาหรือเธอต้องการ เป็นต้น ว่าถ้าเขาหรือเธอชอบเล่นเทนนิส ก็หาทางส่งเข้าแข่งขันชิงถ้วยอะไร ไปเลย หรือว่าถ้าเธอหรือเขาชอบเล่นดนตรี ก็หาโน้ตเพลงหาเครื่อง ดนตรีมาให้ แล้วก็จัดคอนเสิร์ตเปิดตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ทางด้านเพศรส คนเกิดวันที่ ๑๔ เป็นคนค่อนข้าง " ฝักใฝ่ " อยู่มากทั้ง เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียในเรื่องเพศอยู่มากกว่าคนอื่นๆ ถ้าเมื่อไรใจตรงกันเพลงรักก็บรรเลงได้ทันที แต่มีข้อห้ามนะ คุณอย่าเผลอไป แนะนำให้คนเกิดวันนี้ทำอย่างโน้นอย่างนี้เป็นอันขาด ความหงุดหงิดจะเกิดขึ้นทันที และเพลงรักที่ขึ้นต้นไว้ดี ๆ ก็อาจค้างอยู่แค่นั้น


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 15 คือ เห็นง่าย-รู้จักยาก

คนเกิดวันที่ ๑๕ เป็นคนที่คุณจะ " เห็นง่าย " แต่ " รู้จักยาก " เพราะ ภายนอกดูเป็นคนร่าเริง รักความมีอิสระเสรี ชอบแสดงให้เห็นว่าเป็นคนมีความกร้าวแกร่ง จนแม้บางครั้งจะต้องทำอะไรแผลง ๆ เพื่อ ให้ดูเก่งในสายตาเพื่อนๆ ก็ตาม สิ่งที่ปรากฏภายนอกคนเกิดวันที่ ๑๕ จึงมักเป็นภาพของคนที่ชอบอยู่กลางแจ้ง ชอบการผจญภัย ชอบแสดง เด่น เป็นนักกีฬา นักแข่งขัน นักทำงานเสี่ยงอันตราย แต่ในลักษณะที่เป็นอุปนิสัยภายใน คนเกิดวันนี้เป็นคนที่ใจอ่อน อ่อนไหวง่าย สงสารคนง่าย ขี้งอน และซ่อนความอ่อนหวานน่ารักไว้ภายใน มีความรักบ้านและครอบครัว เป็นคนขี้อ้อนและต้องการคนเอาใจที่ปกปิดจิตใจของตนเอง ด้วยการแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนกร้าว

น้ำใจของคนที่เกิดวันที่ ๑๕ เป็นน้ำใจที่ประเสริฐ เพราะเป็นคนที่รัก ครอบครัวรักบ้าน มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำลงไปเป็นอย่างดี เป็นคนมีน้ำใจรักหมู่รักคณะ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ได้โดยไม่ลังเลรีรอ นอกจากนั้น ยังมีคุณสมบัติพิเศษในด้านความคิด ริเริ่ม และมีพรสรรค์ในการประดิษฐ์คิดค้นอีกด้วย

คนเกิดวันนี้จึงเป็นคนแปลกตรงที่ว่าข้างนอกดูเข้มแข็ง และง้อใคร ไม่เป็น แต่ความจริงกลับต้องการให้คนมารัก มาเอาใจมาก ๆ ยิ่งถ้า ตอนไหนต้องอยู่คนเดียวแล้วก็ยิ่งต้องการเพื่อน ต้องการคนรักคน เอาใจมากขึ้นไปอีก คุณคงรู้แล้วว่า จะเริ่มต้นและสานต่อความรักกับคนเกิดวันที่ ๑๕ ได้ อย่างไร ยอมรับความเด่นที่เขาหรือเธอแสดงออกทุกอย่างเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน และเมื่อคุณอยู่ด้วยกันอย่างเป็นส่วนตัวแล้ว คุณเติมความอ่อนหวาน ความเป็นคนช่างรู้ใจของคุณเข้าไปอีกนิดหน่อย ทำตัวเป็นที่พึ่งที่ ปรึกษาและร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่เงียบ ๆ คนเกิดวันที่ ๑๕ ก็จะเกาะอยู่ กับคุณตลอดไป

และในเรื่องบทบาทรัก ถ้าคุณมีโอกาสคุณก็ต้องทราบว่า คนเกิดวันนี้ แข็งแกร่งต่อเมื่ออยู่กลางแจ้งเท่านั้น เมื่ออยู่กับคุณ คุณต้องใช้วิธี อ่อนและนุ่ม นิ่มนวลให้มากที่สุด ซึ่งคุณจะรู้ได้เองว่า คนเกิดวันที่ ๑๕ ซ่อนความน่ารักไว้ภายในเป็นความน่ารักที่คุณหาไม่ได้จากคนเกิดวันอื่น


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 16 คือ ไม่ลุ่มหลงอะไรง่าย ๆ

คนเกิดวันที่ ๑๖ เป็นคนที่ชอบแสวงหาประสบการณ์ คนเกิดวันนี้เป็นคนเห็นชีวิตมีค่า แต่คิดว่าจะต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ดังนั้นจึงชอบทำอะไรที่เป็นการโลดโผนผจญภัย แต่ได้รสชาติแปลกใหม่สำหรับชีวิต แม้เรื่องที่จะต้องเรียนรู้ด้วยชีวิต เช่น ยาเสพติด การพนัน หรือกามกรีฑา คนเกิดวันที่ ๑๖ ก็ไม่ลังเลที่จะเรียนรู้ ดังนั้น คุณอย่าตกใจถ้าบังเอิญรู้จักใครสักคนที่ลองทุกอย่างจนดูเหมือนคน ชั่วคนเก แต่คุณไม่ต้องห่วงเลยคนเกิดวันที่ ๑๖ ไม่ลุ่มหลงอะไรง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ยาเสพติด หรือเพื่อนต่างเพศ ( อย่างคุณ )

ที่จริงแล้วคนเกิดวันนี้ เป็นคนมีศีลธรรม เข้าใจเห็นใจเพื่อนมนุษย์ และชอบช่วยเหลือผู้คนที่กำลังมีปัญหาเป็นคนมีความจริงใจและรัก คนที่จริงใจตอบ เป็นคนชอบคาดคะเนและคาดการณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้า และมีพรสวรรค์ที่สามารถคาดการณ์คาดใจของผู้คนล่วงหน้าได้ค่อนข้างดีทีเดียว

คนเกิดวันที่ ๑๖ เป็นคนตรงไปตรงมา และมีกฎเกณฑ์ แต่กฏเกณฑ์ดังว่านั้นเป็นกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งขึ้นเองว่า อะไรผิดอะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควรทำ และเมื่อตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นแล้วก็ทำไปตามนั้น ไม่สนใจ ว่าจะไปขัดแย้งกับใคร
คนเกิดวันนี้มีความรักแจกจ่ายเหลือเฟือ คุณต้องเข้าใจข้อนี้และต้อง ยอมรับธรรมชาติข้อนี้ก่อนที่จะรักกับคนเกิดวันที่ ๑๖ ซึ่งถือว่า ความ รักเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ต้องแสวงหา คนเกิดวันที่ ๑๖ ต้องการ คนรักคู่ครองที่แท้จริง รักอิสระเสรี และพึ่งตัวเองได้ อยู่ได้โดยไม่มี กันและกัน และอยู่อย่างมีความสุขเมื่อมีกันและกัน แต่แปลก เมื่อถึงจุดหนึ่งของการใช้ชีวิตคู่แบบเสรีนี้เอง คนเกิดวันที่ ๑๖ ก็จะกลับมาเป็นคนขี้หึงเอาดื้อ ๆ ถ้าคนรักของคุณเกิดวันที่ ๑๖ ก็ ต้องระวังเอาเอง

ในเรื่องบทสวาทระหว่างคุณกับคนเกิดวันที่ ๑๖ นั้นหรือคุณก็รู้อยู่ว่า คนเกิดวันนี้ชอบสนุก ชอบผจญภัย ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าคุณจะพาความสนุก ความตื่นเต้น และประสบการณ์ใหม่มาให้เขาได้เพียงพอไหม เท่านั้น เอง


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 17 คือ สมบูรณ์แบบ

คนเกิดวันที่ ๑๗ เป็นคนที่มีความสามารถสูง เป็นคนฉลาดและมี ไหวพริบดี มีบุคลิกลักษณะอันเป็นผู้นำที่ผู้คนเชื่อถือ มีความสามารถ เป็นอย่างดีในการโน้มน้าวจิตใจคน ใช้คน และบริหารงานด้านบุคคล แก้ปัญหาเก่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คนเกิดวันนี้จึงมักได้รับความนับถือว่าเป็นหัวหน้า เป็นที่พึ่งของคนในกลุ่ม นี่เป็นภาพภายนอกเมื่อมองห่าง ๆ เมื่อมองใกล้เข้าไป ก็จะเห็นได้อีกว่าคนเกิดวันที่ ๑๗ ไม่สู้จะคงเส้นคงวานัก บางครั้งก็เข้ม แข็งเด็ดเดี่ยวและดูเอาจริงเอาจังกับชีวิต แต่บางคราวก็เป็นคนอ่อนไหวง่าย เจ้าอารมณ์ นุ่มนวล เห็นอกเห็นใจ บางคราวดูเหมือนมีเล่ห์เหลี่ยมแต้มอยู่แต่บางครั้งก็ใช้จริตมายา ถ้า คุณใกล้คนเกิดวันนี้อยู่บ้างก็ลองสังเกต

คนเกิดวันที่ ๑๗ เป็นคนที่ปรารถนาในชีวิตค่อนข้างสูง ทุกสิ่งทุกอย่าง ของคนเกิดวันนี้ต้องสมบูรณ์ และคนเกิดวันนี้จะพยายามอย่างมากที่ จะสร้างความสมบูรณ์ในชีวิต สุขภาพดี มีปัญญา มีทรัพย์ มีคู่ครองที่ดี เลิศ ดังนั้น จึงต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มา จุดอ่อนของคนเกิดวันที่ ๑๗ ก็คือ โดยปกติจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่จะเปลี่ยนเป็นคนเครียด หรือเอาแต่ใจตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ คนที่อยู่ด้วยหรือเป็นเพื่อนสนิท จึงต้องคอยปรับตัวปรับใจอยู่เสมอ และจุดอ่อนอีกประการหนึ่งก็คือ คนเกิดวันนี้มักเป็นคนประเภทเล็งผลงานมากกว่ามุ่งความสัมพันธ์กับผู้คน ดังนั้น คนที่เป็นเพื่อนสนิท คู่รัก หรือคู่ครอง จึงจำเป็นต้องคอยดูแล และช่วยเหลือ อย่าให้ขาดเรื่องมนุษยสัมพันธ์มากนัก

จุดดีของคนเกิดวันที่ ๑๗ คือ เมื่อแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ความอ่อน ไหวแปรปรวนของอารมณ์ จะลดลงไปได้มาก เป็นคนคงเส้นคงวา มากขึ้น ยอมมีความสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น

เรื่องของบทบาทรัก เห็นจะต้องบอกว่าเป็นคนดูยาก บางทีก็เย็นชา เสียจนคุณเองก็อ่อนใจ แต่ถ้าหากว่าคนเกิดวันที่ ๑๗ คิดถึงเรื่อง พิศวาสขึ้นมาแล้ว เขาก็จะพาคุณไปอย่างโลดลิ่วตามไม่ทันทีเดียว ก็อย่างที่บอกไว้แล้ว คนที่อยู่ด้วยค่อนข้างลำบาก เพราะเอาใจไม่ค่อยถูก


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 18 คือ ที่ปรึกษาผู้เคร่งครัด

ถ้าคุณเองเกิดวันที่ ๑๘ คุณอาจค้านคำทำนายนี้ แต่ถ้าคุณใกล้ชิดกับคนที่เกิดวันที่ 18 คุณอาจเห็นด้วยมาก ๆ เลยทีเดียว คนเกิดวันที่ 18 เป็นคนที่ชอบแสวงหาความรู้ และความจริงของชีวิตตลอดเวลา เป็นคนเอาจริงเอาจังต่อชีวิตมากเกินไป จนอารมณ์เสียอยู่เสมอ หงุดหงิดง่าย และไม่เคยพอใจตนเองเลย บ่อยครั้งที่รู้สึกรำคาญตัวเองและรู้สึกที่ตัวเองไม่ได้ดังใจ เป็นคนที่หาอะไรมาทำอยู่ได้โดยไม่ชอบพักผ่อน กังวลเก่งจนเครียดและ มักนอนไม่หลับบ่อย ๆ

คนเกิดวันนี้ ค่อนข้างละเอียดลออ และสนใจในรายละเอียดต่าง ๆ จนคนอยู่ใกล้ เห็นเป็นเรื่องขบขัน หรือบางทีก็รำคาญไปเลย คนเกิดวันที่ 18 จึงเป็นคนที่ใคร ๆ พากันเห็นว่า เคร่งครัดเกินไป

จุดเด่นของคนที่เกิดวันนี้มีอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นคนอารมณ์ปรวนแปรง่าย และอาจจะเป็นคนขี้อิจฉาก็ตาม จุดดีที่ว่านี้เป็นคนเต็มใจที่จะให้คำแนะนำ ช่วย เหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ ประกอบกับมีความสามารถในการพูดการอธิบาย หรือการโน้มน้าวใจคน จึงทำให้มีคนไปมาหาสู่ด้วยเสมอในฐานะที่ปรึกษา และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ รับผิดชอบสูงต่อคนรัก ถ้ารักใครแล้ว จะทุ่มให้อย่างเต็มที่ ทั้งร่างกายและชีวิตจิตใจ และก็หวังจะได้รับความรักตอบแทนเต็มที่เช่นกัน แต่ว่าก็ว่าเถอะคนที่เกิดวันนี้ ความหวังที่จะได้รับความรักตอบแทนมักล้มเหลว ความดีที่คนเกิดวันที่ 18 มักได้รับการตอบแทนกลับมา ในรูปของความนับถือ เสียเป็นส่วนใหญ่ ใคร ๆที่คบกับคนเกิดวันนี้ มักอยากให้คนที่เกิดวันนี้เป็นพี่ ชาย พี่สาวมากกว่าอยากได้ไว้เป็นคู่รัก

ถ้าคุณเกิดนึกรักคนเกิดวันนี้ขึ้นมาจริง ๆ คุณก็ต้องเป็นคนเป็นระเบียบเรียบ ร้อยในทุกโอกาสทุกกรณีพยายามหาวิธีทำให้คนเกิดวันนี้มั่นใจและกังวลน้อยลง โดยรับภาระบางอย่างไว้เสียบ้าง และแน่นอนว่าในเรื่องบทรัก คุณก็ต้องแสดง ให้คนที่คุณรักคนนี้รู้สึกว่า เขาหรือเธอเป็นคนเก่งด้วย ไม่เช่นนั้น ความ เครียดความกังวลจะทำให้รสรักจืดชืดไปเลยก็ได้


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 19 คือ เปี่ยมด้วยกำลังภายใน

กำลังภายในที่คนเกิดวันที่ ๑๙ มีอยู่นั้น มีถึงสามประการคือ กำลัง ความมานะพยายาม กำลังความเมตตา และกำลังสติปัญญา คนเกิดวันที่ ๑๙ มีพลังความมานะพยายามสูงมาก อดทนไม่ย่อท้อต่อ ความยาก และอุปสรรคไม่ว่าจะรุนแรงเพียงใด คนเกิดวันนี้มีพลังสติปัญญาที่จะนำเอาความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีอยู่ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่และทรหดอดทน ทั้งเป็นคนหนักแน่นไม่สะดุ้งสะเทือนต่อสิ่งใดทั้งสิ้น คนเกิดวันอื่นที่เป็นนักสู้ อาจต้องการกำลังใจจากคนอื่น แต่คนวันนี้เขามีกำลังใจให้กับตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมอยู่เสมอทีเดียว เป็นนักสู้ที่สู้ได้ทั้งประเภทเดี่ยวและประเภททีม นี้เป็นกำลังภายใน ประการแรกที่มีอยู่ในตัวคนเกิดวันที่ ๑๙

กำลังภายในประเภทที่สองของคนเกิดวันที่ ๑๙ คือ ความเมตตา คน เกิดวันนี้เป็นคนที่มีความเมตตาสูง ความเมตตาคือความรู้สึกต่อคน อื่นเหมือนรู้สึกต่อตนเอง รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง มีอยู่ในตัวคน เกิดวันนี้อย่างเต็มเปี่ยม มีความเห็นใจคนที่อ่อนด้อยกว่า ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ก็สอนศิษย์ด้วยความอดทนต่ออาการร้ายกาจต่างๆ ของศิษย์ เป็นเพื่อนที่เห็นอกเห็นใจเพื่อนและเป็นที่พักพิงใจที่ดี สำหรับคนรักที่หัวใจร้าวรานมาก่อนที่จะได้คนเกิดวันที่๑๙ และที่ สำคัญถ้าเขาเป็นคนรักหรือคู่ครองของใครแล้ว เขาจะรับผิดชอบต่อ คนรัก และครอบครัวอย่างดีเยี่ยม

กำลังภายในประการที่สามของคนเกิดวันที่ ๑๙ ก็คือความเป็นผู้มี ระดับสติปัญญาสูง มีปฏิภาณไหวพริบดี ว่าที่จริงคนที่เกิดวันนี้ เป็น คนที่ฉลาดหลักแหลมและมักรู้ได้ว่าจะทำตัวให้ได้เปรียบคนร่วมงาน ได้อย่างไรแต่เขาไม่ทำเพราะเป็นคนมีเมตตาเป็นคุณธรรมอยู่แล้ว ความมีสติ ปัญญาและปฏิภาณไหวพริบของเขา จึงใช้เพียงเพื่อทำความสำเร็จให้แก่ตัวเอง และป้องกันการรังแกของคนอื่นเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อรังแกคนอื่น คนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีมานะพยายาม มีเมตตาเป็นคุณธรรมอย่างนี้ ถ้าใครพบแล้วปล่อยให้ผ่านไปก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ

จุดด้อยของคนเกิดวันที่ ๑๙ ก็มีอยู่ที่อารมณ์ของตัวเองซึ่งปรวนแปร ไปได้บ่อย ๆ แต่ด้วยสาเหตุเดียวเท่านั้น คือความหึง และมักจะหึงอย่างไม่มีเหตุผลด้วย แต่ท่านก็รู้แล้วว่า คนเกิดวันที่ ๑๙ เป็นคนดี และรักครอบครัว ท่าน จะไปทำตัวให้เขาต้องหึงทำไม


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 20 คือ อารมณ์ เหมือนใบไม้ไหว ... แต่น่ารัก

ลักษณะนิสัยของคนเกิดวันนี้ดูเหมือนจะเป็นลักษณะที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย อารมณ์ปรวนแปรเก่ง บางวันอาจชอบท่านอย่างมาก แต่โดยที่ท่านยังไม่รู้สาเหตุ เขาอาจไม่ชอบท่านแล้วก็ได้ และเมื่อถามไถ่กันถึงสาเหตุ อาจได้คำตอบซึ่งตอบออกมาอย่างจริงใจว่า " ก็ไม่รู้เหมือนกัน " แล้วก็กลับมาชอบท่านอีก

คนเกิดวันนี้เป็นคนค่อนไปในทางเจ้าอารมณ์ แต่ก็มักรู้ตัวเองจึงต้องระวังอารมณ์ตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งค่อย ๆ เกิดเป็นความกดดันภายใน อารมณ์จึงปรวนแปรง่าย จึงปรากฏบุคลิกภาพในทำนองที่ว่า โดยปกติจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย น่ารัก อ่อนหวานและผ่อนปรน แต่ถ้าเกิดความกดดันจนยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ ก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาราวภูเขาไฟ

ที่กล่าวอย่างนี้ทำให้ดูเหมือนว่าคนเกิดวันนี้มีอารมณ์อ่อนไหวเป็นจุด ด้อยที่สำคัญและน่ากลัว ที่จริงแล้วมิใช่เช่นนั้น ตามปกติเมื่อพูดถึงคนเกิดวันที่ต่าง ๆ ๑๙ วันที่ผ่านมามักเริ่มด้วย การพูดในจุดเด่นก่อน แต่วันที่ ๒๐ นี้คนเขียนก็เจ้าอารมณ์แปร ปรวนขึ้นมาก็เลยหยิบด้านอ่อนด้อยขึ้นมาพูดก่อนเท่านั้น

ที่จริงแล้ว คนเกิดวันนี้เป็นคนเก่ง ( ท่านอาจารย์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นคนหนึ่งที่เกิดวันที่ ๒๐ ) คนเกิดวันนี้มักมีมันสมองเป็น เลิศ ฉลาดรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนอื่น และลึกซึ้งพอที่จะทำเป็นรู้ไม่ทัน เพื่อตลบหลังศัตรูอีกด้วยซ้ำ เป็นคนมีความสามารถรอบด้าน รอบรู้ในปรัชญา การเมือง การเศรษฐกิจ ทำธุรกิจเก่ง เขียนหนังสือก็ดี วิทยาการสมัยใหม่ก็เยี่ยมยอด แถมยังมีน้ำใจกว้างขวางในเรื่อง ความรู้ความคิดพร้อมที่จะให้ความคิดเห็น คำแนะนำและความรู้แก่ใครก็ตามที่ถูกใจ และกล้าเข้าไปขอ

คนเกิดวันที่ ๒๐ เป็นคนชอบมีเพื่อนฝูง จะมีความสุขถ้าได้อยู่กับเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนที่เข้าใจอารมณ์ และรู้จักความสามารถของเขา ยิ่งถ้ามีความรู้ความสามารถในระดับเดียวกันแล้ว จะยิ่งโปรดเป็น พิเศษ

ถ้าท่านพบคนเกิดวันที่ ๒๐ และนึกพอใจถูกใจแล้ว ท่านต้องเรียนรู้ วิธีที่จะเข้าใจอารมณ์ของเขา และต้องทำตัวเป็นผู้แสดงความยอมรับ ความสามารถของเขาอย่างถูกจังหวะ ไม่ใช่หัวประจบ คนเกิดวันที่ ๒๐ อาจมีอารมณ์รุนแรงไปบ้างในบางครั้ง แต่ถ้าคบกันนานๆ และเข้าใจ กันขึ้นเรื่อย ๆ ท่านจะพบว่า คนเกิดวันนี้เป็นคนที่น่าคบ และพร้อมที่จะเป็นหลักพักพิงหัวใจรักของคุณได้ดี


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 21 คือ นุ่มนวล เจ้าเสน่ห์

คนเกิดวันที่ ๒๑ เป็นคนที่ใคร ๆ ถ้าได้สัมผัสใกล้ชิด หรือแม้เป็นเพื่อนร่วมงานด้วย ก็จะรู้สึกในความนุ่มนวลเจ้าเสน่ห์น่าคบได้เป็นอย่างดี เพราะคนเกิดวันนี้เป็นคนง่าย ๆ คบกับใครก็ทำตัวเรียบง่ายเสมอหน้ากันหมดทุกค ทุกระดับชั้น ความสามารถพิเศษของคนที่เกิดวันนี้ก็คือ ความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดลงไปได้ ด้วยความนุ่มนวลที่มีอยู่ในตัว

คุณสมบัติยอดเยี่ยมอีกอย่างหนึ่งคือ การเก็บซับรายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาตัดสินใจก็ทำได้รอบคอบถูกต้อง ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับคนที่มีเพื่อนเกิดวันที่ ๒๑ ควรรู้เพราะท่านจะเสแสร้งเพื่อให้ถูกใจคนเกิดวันนี้ได้ยาก ท่านจะถูกสังเกตอยู่เสมอ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกสังเกต คนที่เกิดวันนี้มีพรสวรรค์ในการสร้างมิตรภาพ มีวิธีการที่แนบ เนียนและนุ่มนวลในการทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ ยิ่งเมื่อประกอบกับนิสัยร่าเริงสนุกสนาน เป็นคนง่าย ๆ เข้ากับคนได้ทุกระดับชั้นด้วยแล้ว คนเกิดวันที่ ๒๑ จึงเป็นคนมีมิตรสหายมากมาย

คนเกิดวันที่ ๒๑ มีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง และแม้จะชอบ พูดถึงความสามารถที่ตนมีอยู่บ้าง เหมือนกับคนเกิดวันอื่นๆ ด้วยก็ตาม แต่ก็จะไม่พูดโอ้อวดเกินจริงเลย ที่สำคัญคนที่เกิดวันนี้จะไม่ยกตัวเองโดยข่มคนอื่นเป็นเด็ดขาด และเขาไม่ชอบคนที่ข่มคนอื่นด้วย จึงเป็นคนที่ทำให้คนที่รู้จักรู้สึกสบายใจ และปลอดภัยเมื่อได้พูดคุยด้วย แล้วท่านจะหลีกเพื่อนที่ดีน่ารักเช่นนี้ไปได้อย่างไร ?

คนเกิดวันที่ ๒๑ เข้าใจคน เห็นอกเห็นใจ และเป็นคนช่างเอาใจและ มีจิตสำนึก คือมีความรู้สึกนึกคิดในทางที่ดีงามอยู่เสมอ เมื่อมีปัญหาใด ๆ ก็พอใจที่จะเข้าไปแก้ปัญหาด้วยการเจรจาอย่างนุ่มนวลแบบนักการทูตมากกว่าที่จะใช้วิธีการที่รุนแรง แต่ก็คนเกิดวันที่ ๒๑ นี้เอง เมื่อถึงคราวจะต้องใช้ความเด็ดขาดรุนแรงขึ้นมา ก็จะใช้ได้อย่างเฉียบขาด และเฉียบคมมีคำพูดที่เชือดเฉือนหัวใจยิ่งกว่าที่เรียกว่า " ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง " เสียอีกจะบอกให้


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 22 คือ คงเส้นคงวา

คนที่เกิดวันที่ ๒๒ มีบุคลิกภาพที่ซ้อนกันอยู่ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ แล้วก็ จะพบว่า นิสัยที่แท้จริงของคนเกิดวันนี้คือ ความคงเส้นคงวาที่ซ่อนอยู่ในความอ่อนไหวเปราะบาง คนเกิดวันที่ ๒๒ เมื่อดูภายนอกจะเห็นว่า เมื่อเผชิญกับ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป จะอ่อนไหวง่ายในตอนแรก และจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที จึงจำเป็นที่จะต้องมีคนมาประคับประคองให้กำลังใจปลอบใจ คนเกิดวันนี้เมื่อผิดหวังจะแสดงความเสียใจทันที แต่จะค่อย ๆ รับฟังเหตุผล ทบทวนไตร่ตรองตามความเป็นจริง รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ แยกแยะปัญหา แล้วก็จะค่อยกลับคืนมาทำใจ ยอมรับความเป็นจริง เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้

ในส่วนที่เป็นบุคลิกภาพทางจิตใจที่แท้จริงของคนเกิดวันนี้นั้นก็คือ การเป็นคนที่ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย ละเอียดลออ รักษากฏเกณฑ์ได้ครบถ้วน และใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจ ที่เด่นมาก คือความเป็นคนเสมอตนเสมอปลาย คงเส้นคงวา ไม่ว่าจะในด้านการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่นหรือเรื่องความรักและครอบครัว คนเกิดวันนี้ จะแสดงให้เห็นอย่างสม่ำเสมอถึงความรัก และห่วงใยคนรักหรือคู่ครอง ซึ่งก็หมายความว่าถ้าท่านเป็นคนยุ่งเหยิงไร้ระเบียบและตามอารมณ์แล้ว ท่านก็คงไม่ถูกใจคนเกิดวันที่ ๒๒ นัก
คนเกิดวันที่ ๒๒ เป็นคนเอาใจใส่ รับผิดชอบการงานเป็นอย่างดี ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า " มิตรภาพ " มากทีเดียว ทั้งเป็นคนจริงใจต่อมิตร พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือมิตรทุกคนอย่างเต็มที่ ปัญหาจึงมีอยู่ว่า ท่านจะทำให้คนเกิดวันนี้รับท่านเป็นมิตรได้อย่างไร คำตอบมีอยู่แล้ว ถ้าท่านจะอ่านทบทวนดูก็ทำได้

คนเกิดวันที่ ๒๒ เกลียดคนที่แสดงอารมณ์ต่อคนอื่น เกลียดคนที่ชอบทำให้คนอื่นเสียหน้าหรือขาดความมั่นใจ แต่เป็นที่น่าแปลกว่า คนเกิดวันที่ ๒๒ มีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นผู้นำที่ดี และคุมคนมากๆ ได้

อยากจะพูดเลยไปถึงลีลารักของคนเกิดวันนี้ด้วยว่า ครั้งแรก ๆ เขาจะ ตื่นเต้นตกใจปรับตัวแทบไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก ท่านควรค่อย ๆ สอน เขาอย่างฉลาด ให้กำลังใจจนกว่าเขา (หรือเธอ ) ตั้งหลักได้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว จึงปล่อยให้เป็นตัวของตัวเอง ท่านจะพบว่า ท่านเป็นฝ่ายถูกคนเกิดวันที่ ๒๒ พิชิตอย่างราบคาบ


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 23 คือ ตัวเอง คือความมั่นใจ

คนเกิดวันที่ ๒๓ มีลักษณะที่คนมักจะมองดูห่าง ๆ ด้วยความระแวดระวัง หรือเกรงกลัว เพราะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่สง่ามั่นคง และมัก แสดงออกให้เห็นได้ชัดเจนว่ามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คนเกิดวันนี้ แม้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจใด ๆ แต่ก็มีอำนาจและ อาจก้าวขึ้นสู่อำนาจได้จริง ๆ คนเกิดวันที่ ๒๓ จึงเป็นคนที่ใคร ๆ เห็น ว่า มีความไว้ตัวและดื้อรั้น ซึ่งก็เป็นการมองที่ถูกต้องในลักษณะนิสัยด้านหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นคนเกิดวันนี้เป็นคนเข้าใจซาบซึ้งในบทกวี ดนตรี ศิลปะ และปรัชญา มีความอ่อนโยนต่อธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

ท่านที่จะเป็นมิตรกับคนเกิดวันที่ ๒๓ จึงควรเป็นคนรอบรู้ศิลปวิทยาการเหล่านี้ และควรเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตกับคนเกิดวันที่ ๒๓ อย่างผู้มี รสนิยมอันเลิศด้วย คนกลุ่มนี้พร้อมที่จะตกหลุมรักใครง่าย ๆ โดย เฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีนิสัย และรสนิยมตรงกัน แต่ถ้าเกิดขัดแย้งกันนิดเดียว เขาก็จะปล่อยคนที่เคยรักไว้อย่างไม่แยแสได้เหมือนกัน

ชีวิตของคนเกิดวันที่ ๒๓ เป็นชีวิตที่มีการทำงานเป็นส่วนสำคัญ คนเกิดวันนี้ต้องการทำงาน และทำอย่างอิสระ ต้องการโอกาสที่จะแสดงความสามารถ และถ้าใครสักคนเข้าไปปิดกั้นโอกาสไม่ให้แสดงความสามารถ หรือได้ทำสิ่งที่เขาต้องการ แม้จะรักใคร่กันเพียงใด ก็อาจเป็นศัตรูคู่ปรปักษ์กันได้ทันที แม้แต่คนที่เป็นภรรยา หรือสามี

คนเกิดวันนี้เป็นคนโลกทรรศน์กว้าง และพอใจที่จะคบคนโลกทรรศน์กว้างด้วยเช่นเดียวกัน เขาจะเป็นนักธุรกิจหรือนักบริหารที่เก่งมาก ไม่ยอมให้ใครมาชี้นำ ไม่ยอมให้สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มาทำให้หวั่นไหวได้ ไม่เปลี่ยนหลักการโดยไม่มีเหตุผล เปลี่ยนหลักการได้ทันทีถ้าเหตุผลถูกต้องชัดเจน เมื่อทำงาน ใจก็จะมุ่งอยู่แต่ตามหลักการเพื่อให้งานบรรลุผลเท่านั้น คนเกิดวันนี้มีความสามารถที่จะติดต่อกับคนทุกชั้น ให้ประสบผลสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม คนเกิดวันนี้จะมีจุดอ่อนอยู่ที่สามารถเป็นคนใจหินขึ้นมาง่าย ๆ เมื่อเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 24 คือ มีน้ำใจไมตรี

ถ้าท่านมีเพื่อนเกิดวันที่ ๒๔ ก็นับว่าท่านมีโชค และถ้าตัวท่านเองเกิดวันที่ ๒๔ ตัวท่านก็นับได้ว่าเป็นผู้ " มีบุญ " มาแต่กำเนิดคนหนึ่งเหมือนกัน

ลักษณะเด่นของคนเกิดวันที่ ๒๔ ในด้านนิสัยใจคอก็คือความมีน้ำใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อน หรือแม้แต่คนอื่นที่มิใช่เพื่อน หากตกอยู่ในภาวะที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือแล้ว คนเกิดวันที่ ๒๔ จะให้ความช่วยเหลือทันทีด้วยไมตรีจิต และไม่สนใจการตอบแทน คนเกิดวันที่ ๒๔ เป็นเพื่อนที่ดี เมื่อท่านมีความทุกข์ คนแรก ๆ ที่จะ มาให้ท่านเห็นคือคนเกิดวันที่ ๒๔ และเมื่อท่านมีความสุขเพื่อนคนที่ เกิดวันที่ ๒๔ ก็จะมาถึงก่อนด้วย คนเกิดวันที่ ๒๔ จะเป็นเพื่อนที่นำสิ่งที่มีประโยชน์ ชักชวนให้ทำสิ่งที่ดีงาม และนำความสุขสมบูรณ์มาให้ท่านเสมอ

คนเกิดวันที่ ๒๔ เป็นคนมีเสน่ห์ช่างรู้ใจ ถ้าท่านมีคนรักเป็นคนเกิด วันที่ ๒๔ จะรู้ซึ้งถึงเสน่ห์ของคนเกิดวันนี้ว่า เป็นคนช่างรู้ใจ และเป็นคนช่างเอาอกเอาใจเสียจนท่านรู้สึกได้ว่า ท่านห่างเขา ( หรือเธอ ) ได้ยาก หรือขาดเขาไปแล้ว ท่านมีความสุขเหลืออยู่น้อยมาก โดยเหตุนี้ใครที่รู้จักมักคุ้นจึงทั้งรัก ทั้งหลงคนเกิดวันที่ ๒๔

ลักษณะนิสัยที่ดีเยี่ยมอีกอย่างหนึ่งของคนเกิดวันนี้ก็คือ ความเป็นคนรับผิดชอบสูง ทั้งการงานและครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องครอบครัวแล้ว คนเกิดวันที่ ๒๔ ถือว่าครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจของเขา (หรือเธอ) เลยทีเดียว การมี " คู่สร้าง-คู่สม " ที่รักและรับผิดชอบครอบครัว นับเป็นโชคอย่าง วิเศษ และถ้าท่านมีคนรักเกิดวันที่ ๒๔ ท่านก็มีโชคอย่างวิเศษไปด้วย

เสน่ห์ประการหนึ่งของคนเกิดวันที่ ๒๔ คือ เสน่ห์ในการสนทนา หรือที่ เรียกกันว่า เสน่ห์น้ำคำ คนเกิดวันที่ ๒๔ เป็นนักฟังที่ดี และเห็นอกเห็นใจผู้พูดที่พูดไม่เก่ง หรือเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยปัญหา จับใจความเก่ง จับความคิดของผู้พูด ได้ไว และเมื่อถึงเวลาพูด คนเกิดวันที่ ๒๔ ก็พูดได้ เพราะฉลาด สามารถเจรจาชักจูงใจ หรือให้ทัศนะที่เป็นประโยชน์ หรือสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ๆ

จุดอ่อนของคนเกิดวันที่ ๒๔ อยู่ที่ความรักเพื่อน และกลัวว่าตนจะเป็นภาระทำให้เพื่อนเดือนร้อนนี่เอง จึงทำให้คนเกิดวันนี้เป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกในใจออกมา และยากที่จะปริปากบอกใครถึงความรู้สึกของตนเอง ดังนั้น คนที่ทำงานด้วย หรืออยู่ร่วมกันอยู่ใกล้ชิด ควรต้องระวังตัวไว้ เพราะหากอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ทำอะไรร่วมกันอยู่เพลิน ๆ คนเกิด วันที่ ๒๔ ซึ่งเป็นเพื่อนของท่านอาจฟุบไปเฉย ๆ ก็ได้ เพราะอ่อนเพลียแต่ไม่ยอมบอกใคร และเพราะความที่ชอบเก็บความรู้สึกนี่ เองที่หากประสบปัญหาบ่อย ๆ เข้าอาจกลายเป็นโรคประสาทได้


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 25 คือ รวงข้าวที่มีเมล็ดมาก

คนเกิดวันที่ ๒๕ เป็นตัวอย่างอันดีสำหรับการอธิบายภาษิตที่ว่ารวงข้าวที่มีเมล็ดมากย่อมโน้มต่ำติดดิน โดยพื้นฐานทางสติปัญญา คนเกิดวันที่ ๒๕ มักเป็นคนมีสติปัญญาดี เป็นคนเรียนอะไรก็เข้าใจง่าย จะจับทำอะไรก็ทำเป็นทำได้ดี แต่ไม่ว่าเขาหรือเธอที่เกิดวันนี้จะมีความรู้ความสามารถสักแค่ไหน ก็จะไม่มีวันประกาศสรรพคุณของตัวเองเลย และถ้าหากว่าจำเป็นจะ ต้องใช้ความรู้ความสามารถให้ปรากฏ เขาหรือเธอที่เกิดวันที่ ๒๕ ก็ จะแสดงออกอย่างชนิดที่ถ่อมตัว แสดงตนว่าไม่ใช่ผู้รู้วิเศษกว่าใคร แม้แต่สักครั้ง

ลักษณะนิสัยที่ดีเด่นอีกอย่างหนึ่งของคนเกิดวันที่ ๒๕ ก็คือ เห็นธุระของเพื่อนสำคัญกว่าเสมอ ถ้ามีธุระที่ต้องทำพร้อม ๆ กัน เขาหรือเธอที่เกิดวันนี้จะทำให้เพื่อนเป็นอันดับแรก และให้ความรักใคร่ไว้วางใจเพื่อนเต็มที่เสมอ

คนเกิดวันที่ ๒๕ เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ดัง นั้นเขาหรือเธอซึ่งเกิดวันที่ ๒๕ จึงมักไม่อยู่เฉยๆ ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงทีท้าทายและตื่นเต้น คนเกิดวันที่ ๒๕ อาจไม่ชอบเพื่อน หรือคนรักที่อนุรักษ์นิยม หรือเป็นคนที่ค่อนข้างเฉื่อย เขาหรือเธอที่เกิดวันนี้เป็นคนมีความคิด ริเริ่มสูง และชอบที่จะมีเพื่อนที่จะ " วิจารณ์ " ความคิดริเริ่มของเขาได้อย่างเฉียบคม

คนเกิดวันที่ ๒๕ เป็นคนมีลักษณะเด่นอยู่ในตัว ดังนั้นไม่ว่าจะออกไปในงานสังคมใด ก็เป็นที่น่าสนใจของคนในกลุ่มในงานนั้น ทั้ง ๆ ที่ คนเกิดวันที่ ๒๕ มิได้รูปร่างใหญ่โต หรือสวยสะดุดตาผู้ใดเกินปกติ แต่บุคลิกภาพทีท่า และการแต่งกาย และลักษณะเด่นในตัวเองจะจูงความสนใจจากคนอื่นได้มา
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #146 เมื่อ: 06 มกราคม 2551, 16:43:48 »

ความสามารถในการเลียนแบบก็เป็นความเด่นอีกอย่างหนึ่งของคน เกิดวันที่ ๒๕ คนเกิดวันนี้มีความสามารถในการเลียนแบบ หรือล้อเลียนคนอื่นได้แนบเนียน ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกสนุกสนานและพอใจ

คนเกิดวันที่ ๒๕ ไม่ชอบที่จะอยู่ในสถานการณ์ " เผชิญหน้า " ดังนั้น เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกับคนรัก คู่ครอง เพื่อนหรือแม้แต่ปัญหาในงาน เขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ ๒๕ จะทำเป็นไม่สนใจหรือปล่อยให้เป็นไปตามปกติก่อน แล้วจึงใช้วิธีชวนคุยนอกเวลา หาข้าวหาปลากินกันไป คุยกันไป และปรับความเข้าใจกันทีหลัง

จุดอ่อนของคนเกิดวันนี้ก็คือ ความรู้สึกที่อ่อนไหวง่ายต่อคำพูด ในบางครั้งคนที่เกี่ยวข้องพูดผิดหูเพียงนิดเดียว และโดยไม่ได้เจตนาเลย คนที่เกิดวันที่ ๒๕ ก็เก็บไปน้อยใจเสียยกใหญ่ คนที่มีเพื่อนมีคนรักเกิดวันที่ ๒๕ จึงต้องระวังคำพูดอยู่เสมอ


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 26 คือ สุขุม มองไกล
 
ใครที่รู้ตัวว่าไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ขอได้โปรดคบเพื่อนหรือรักกับ คนที่เกิดวันที่ ๒๖ เถิด เพราะคนเกิดวันนี้เป็นคนสุขุม มั่นคง และ มองการณ์ไกล ถ้าท่านอยู่ใกล้ก็จะค่อย ๆ มีความมั่นใจตัวเองขึ้นได้

ความมีกำลังใจเข้มแข็งมั่นคงเป็นคุณลักษณะเด่นประการแรกของ คนเกิดวันที่ ๒๖ ดังนั้น ไม่ว่าในชีวิตของเขาหรือเธอจะเผชิญกับอะไร อุปสรรคหนักแค่ไหนคนเกิดวันที่ ๒๖ ก็ไม่เคยหวั่น อาจร้องไห้ แต่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้ แต่จะใช้สติปัญญา เริ่มต่อสู้กับอุปสรรคอย่างสุขุมต่อไป ความสุขุม และมองการณ์ไกลเป็นสิ่งเสริมความมั่นใจตัวเองที่สำคัญ ของคนที่เกิดวันที่ ๒๖ คนเกิดวันนี้มักไม่ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ ไม่หวาดตระหนกแต่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างฉลาด รอบคอบสุขุม

คนเกิดวันที่ ๒๖ เป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น และมี คุณสมบัติที่ทำให้เข้าใจปัญหาของคนอื่นได้ง่าย ความฉลาด รอบคอบ สุขุม ความคิดลึกซึ้งที่มีอยู่ประจำ ทำให้เขาหรือเธอที่เกิดวันที่ ๒๖ เป็น คนเห็นอกเห็นใจคนอื่น มีอะไรเกิดขึ้นเพียงนิดเดียวก็จะเข้าใจความเป็นมาเป็นไปได้ทันที

คุณสมบัติเด่นอีกอย่างของคนที่เกิดวันที่ ๒๖ ก็คือ ความเป็นผู้นำ คนเกิดวันนี้จะเป็นผู้นำที่ดี มีความสามารถในการจัดการ และเป็นนักบริหารที่มีความสามารถ เป็นคนมีความรอบรู้และเก่งหลายด้าน ประกอบกับเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง ไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร จึงทำให้คนเกิดวันที่ ๒๖ ปรากฏภาพโดดเด่นในฐานะเจ้าพ่อ ลูกพี่ หรือหัวหน้า

คนเกิดวันที่ ๒๖ เป็นคนที่ไม่ชอบความปนเปก้าวก่าย โดยนิสัยส่วน ตัวจะค่อนข้างปราณีต เช่น เสื้อผ้าแต่งกายของเขาหรือเธอ อาจต้องจัดไว้เป็นชุดอย่างถูกต้อง

ท่านจะไม่ค่อยพบคนเกิดวันที่ ๒๖ แต่งกายชนิดสีรองเท้าไปทางหนึ่ง สีเสื้อผ้าไปอีกทางหนึ่ง กระเป๋าถือไปอีกสีหนึ่งเป็นอันขาด คนเกิดวันนี้จะหงุดหงิดง่ายกับการประชุมที่ไม่ตรงเวลา ห้องอาหารที่ผู้คนสับสนเจี๊ยวจ๊าว หรือการชุลมุนแย่งกันรีบบริการโดยไม่เรียงลำดับ

คนเกิดวันที่ ๒๖ จะไม่ยอมให้ชีวิตครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการงานอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นคู่รักคู่ครอง หรือเพื่อนสนิทจงอย่าน้อยใจเลย ถ้าท่านไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับงานของเขาหรือเธอ ผู้ที่เกิดวันที่ ๒๖

คนเกิดวันที่ ๒๖ นั้น แม้ว่าจะเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น สุขุม รอบคอบมั่นคงไม่หวั่นไหว และอยากให้ทุกคนรักใคร่เข้าใจกันแต่ก็ เป็นคนที่ยึดมั่นในลักษณะของตนเองอย่างมั่นคง อาจกล่าวได้ว่า เป็นคนดื้อทีเดียว

อย่าไปขอให้คนเกิดวันที่ ๒๖ ทำตามใคร ( แม้แต่คนที่เขาหรือเธอรักมากดังชีวิต ) โดยไม่ถูกหลักเกณฑ์เป็นอันขาด ถ้ายังอยากมีไมตรีอันยืนยาวต่อกัน


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 27 คือ ซื่อสัตย์ยุติธรรม ประจำใจ

มีคนพูดว่า บางที " เปาบุ้นจิ้น " อาจเป็นคนที่เกิดวันที่ ๒๗ ก็ได้ คนเกิดวันที่ ๒๗ มีความสามารถเป็นพิเศษในการแยกแยะสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิด สิ่งที่ดีกับสิ่งที่เลวออกจากกันได้ง่าย และเมื่อเห็นว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดชั่วแล้ว เขาหรือเธอที่เกิดวันที่ ๒๗ ก็จะถูกจิตสำนึกมโนธรรมภายในคอยบังคับมิให้กระทำสิ่งนั้นเป็นอันขาด และถ้าบังเอิญได้กระทำลงไป จะด้วยประมาทหรือสถานการณ์บังคับก็ตาม คนเกิดวันที่ ๒๗ จะไม่ลืมเรื่องดังกล่าวเป็นอันขาด จะประทับเหตุการณ์นั้นไว้เป็นความไม่สบายใจไปจนชั่วชีวิต หรือจนกว่าจะมี การแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง คนเกิดวันที่ ๒๗ นี่แหละ คือคนที่ " จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด "

คนเกิดวันที่ ๒๗ เป็นคนมีเมตตาสูง รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง แต่ความเมตตานี้มีขอบเขต โดยจะมีให้อย่างเหลือเฟือกับคนที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม แต่ถ้าคนผิดคนชั่วแล้ว สิ่งที่คนเกิดวันที่ ๒๗ มีให้ก็คือ ความเห็นใจ ความเสียใจ คนเกิดวันนี้จึงเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นครูที่ดี และเป็นหัวหน้าผู้เที่ยงธรรม

คนเกิดวันที่ ๒๗ เป็นคนค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ยึดมั่นในแบบธรรมเนียมประเพณี และมักใช้แบบแผนธรรมเนียมประเพณีเป็นเกณฑ์ในการแยกถูก-ผิด ดี-ชั่ว จึงมีลักษณะเป็นคนหัวโบราณ ถ้าเป็นท่านชายและคนรักของท่านเป็นคนเกิดวันที่ ๒๗ ก็พึงทราบว่า คนรักของท่านชอบให้ท่านร้องเพลงที่มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า " ขอสงวนศักดิ์ศรีตามประเพณีโบราณนานมา " และคนเกิดวันนี้มักจะค่อนข้างดื้อรั้นในสายตาคนอื่น แท้จริงแล้ว ความดื้อของเขาอยู่บนพื้นฐาน การแยก ชั่ว-ดี แล้วมากกว่า

คนเกิดวันที่ ๒๗ จะมีความกังวลใจอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากเขาหรือเธอ ได้กระทำสิ่งที่กระทำถึงคนอื่น และทำให้คนอื่นนั้นเดือดร้อน ความกังวลอย่างนี้จะทำให้ชีวิตของคนเกิดวันที่ ๒๗ ค่อนข้างเครียด และจะไม่คลายลง จนกว่าเขาหรือเธอจะอธิบายให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ ดังนั้น คำพูดของท่านประเภทที่ว่า " ไม่เป็นไร " "ผมเข้าใจความจำ เป็นของคุณ " " ผมลืมเรื่องนั้นไปแล้ว " ฯลฯ จึงมีความสำคัญต่อคนที่ เกิดวันที่ ๒๗ มาก

คนเกิดวันนี้มีลักษณะบางอย่างที่ขัดแย้งในตัว คือมักชอบคบมิตรสหาย ฮาเฮ แต่ก็ชอบนิ่งเงียบ ๆ อยู่กับความคิดของตัวเองบ่อยๆ ดังนั้น ถ้าเพื่อนผู้เกิดวันที่ ๒๗ ของท่าน อยู่ ๆ ก็หายหน้าไป ท่านก็ไม่ต้องติดใจอันใดอีก ไม่นานคนผู้นั้นก็จะกลับมา

คนเกิดวันที่ ๒๗ จะเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในใจอันเกิดจากความรักได้ดี ถ้าคนรักจะแยกทางไป เขาหรือเธอก็จะเพียงนิ่งเฉยและเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจไม่ให้ใครได้เห็น และถ้าท่านเองเกิดวันนี้ ลดความเอาจริงเอาจังอีกนิด เครียดน้อยอีกหน่อย ท่านก็จะมีความสุขอันบริบูรณ์ด้วยความดีในตัวของท่านนั้นเอง


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 28 คือ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง

คนเกิดวันที่ ๒๘ เป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตที่ไม่เคร่งครัดหลักเกณฑ์ หรือกำหนดการต่าง ๆ ของชีวิต เป็นเพียงที่สำหรับหมายตาในบางโอกาสเท่านั้น มิได้มีความสำคัญแก่ชีวิตมากนัก ชีวิตของคนเกิด วันที่ ๒๘ จึงค่อนข้างเป็นชีวิตที่ตามสบาย

คนเกิดวันที่ ๒๘ เป็นคนมีจิตใจอ่อนโยน สงสารคนง่าย รักคนง่าย ไว้ ใจคนง่าย ชอบความสะดวกสบาย และชอบอำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนหรือคนรัก เป็นคนที่รักใคร ๆ และอยากให้ใคร ๆ รัก อยากให้ทุกคนรักกัน และ อยากให้เพื่อน ๆ รักกันอย่างมีความสุข ดังนั้นความทุกข์ของคนเกิด วันที่ ๒๘ จึงมักเกิดจากการที่เพื่อนของคนเกิดวันนี้ทะเลาะกันเอง และความโชคร้ายของคนเกิดวันที่ ๒๘ ก็คือ การถูกเพื่อนเลวหลอกลวง

" เพื่อน " เป็นคำที่มีความหมายที่สุดสำหรับคนเกิดวันที่ ๒๘ เพราะคนเกิดวันนี้ขี้เหงา และอยู่คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด ต้องมีเพื่อนชีวิตจึงจะเป็นสุข

ท่านจึงพบคนเกิดวันนี้เริงร่าอยู่ในหมู่เพื่อนเสมอ ๆ มิใช่น้อยเลยที่ถึงแม้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็ยังแบ่งเวลาให้เพื่อนมากกว่าครอบครัวของตนเอง ถ้าคู่ครองไม่เข้าใจกัน ก็ถึงกับโกรธกันมีบ่อยไป แต่อย่างไรก็ตามแม้ คนเกิดวันที่ ๒๘ จะรักเพื่อนและให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก แต่ก็จะตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ด้วยตัวเองเสมอ รักเพื่อน แต่ไม่ยอมให้เพื่อน มีอิทธิพลเหนือตน

ลักษณะที่ขัดกันของคนเกิดวันที่ ๒๘ จะพบได้ในเรื่องความดื้อรั้น คนเกิดวันนี้เป็นคนรักเพื่อน เป็นคนสนุกสนาน มีอารมณ์ขันแต่มักดื้อดึงอย่างไม่มีใครเทียบ ถ้าหากเขาหรือเธอคิดจะดื้อขึ้นมา

คนเกิดวันที่ ๒๘ แม้ว่าจะเป็นคนสะเทือนใจง่าย ใจอ่อนกับเหตุการณ์ ซึ่งแม้จะมิได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ตาม แต่เขาและเธอผู้เกิด วันที่ ๒๘ ก็เป็นคนกล้าที่จะพูดและทำเพื่อป้องกันสิทธิของตัวเอง และผู้ อื่นอย่างเต็มที่ เมื่อถึงคราวจำเป็น ดังนั้นบางทีท่านอาจแปลกใจที่ เพื่อนผู้ดูเหมือนเป็นคนตามสบายเกิดเอาจริงเอาจังขึ้นมาในเมื่อพบเห็นการรังแก หรือถูกรังแก

จุดอ่อนของคนเกิดวันที่ ๒๘ ก็อยู่ตรงนี้เอง ตรงที่ว่าปกติแล้วเป็นคนไม่เคร่งครัดอันใด ปล่อยชีวิตไปเรื่อย ๆ ตามสบาย แต่เมื่อมีอะไรมากระทบกระเทือนใจแล้ว มักวู่วามทำให้มีความสุขน้อยลงไปจนกว่า จะรู้จักระงับและหาทางระบายออกที่นุ่มนวลขึ้น ถ้าท่านมีเพื่อนเกิดวันที่ ๒๘ ขยับเข้าใกล้เขาหรือเธออีกนิดได้ไหม เพราะคนเกิดวันนี้อยู่คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด ถ้าขาดเพื่อนแล้วจะ รู้สึกว้าเหว่ที่สุด " เพื่อนขี้เหงา "


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 29 คือ รักใครไม่ผันแปร

คนเกิดวันที่ ๒๙ มีโชคเบื้องต้น หรือจะเรียกว่าพรสวรรค์ก็ตามใจ อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการประดิษฐ์ อันเป็นการทำให้ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์คิดค้นหลายคนเกิดในวันนี้

คนเกิดวันที่ ๒๙ ส่วนใหญ่จะมีความสุขมากถ้าได้ทำงานในด้านการ ประดิษฐ์คิดค้น การทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเขาหรือเธอมักจะประสบความสำเร็จในด้านนี้อย่างรุ่งโรจน์ โดยเหตุที่พื้นนิสัยเป็นเช่นนี้ คนที่เกิดวันนี้จึงมีเพื่อนหรือคนรักที่มีความเข้าใจ ไม่ปล่อยให้เขาหรือเธอจมอยู่กับเครื่องมือทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือในห้องคอมพิวเตอร์ แต่ควรจะต้องพาเขาหรือเธอออกไปสู่สังคม รู้จักโลกที่แท้จริง รู้จักชื่น ชมกับความสุขและความงามของมนุษย์ของธรรมชาติ ของภาษากวี ดนตรี และศิลปะ เรื่องอย่างนี้บางทีพ่อแม่ต้องทำตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำ แทนที่จะดีใจว่าลูกของท่านอันเกิดวันที่ ๒๙ เป็นคนขยันเรียนอย่างเดียว

ความทุกข์ของคนเกิดวันที่ ๒๙ จะเกิดขึ้นในเมื่อเขาหรือเธอต้องทำงานที่ตัวเขาหรือเธอผู้นั้นไม่ชอบใจทำ หรือต้องเรียนรู้หรือทำความ เข้าใจในเรื่องที่เขาไม่สนใจ เขาจะเบื่อเรื่องดังกล่าวเหล่านั้นง่าย ๆ คนเกิดวันที่ ๒๙ เบื่อง่าย ถ้าไม่ได้งานที่ชอบก็จะเบื่อทันที

อันที่จริงแล้ว คนเกิดวันที่ ๒๙ เป็นคนมีเสน่ห์ และน่ารักกับคนที่เขา หรือเธอพอใจ เป็นคนที่เรียกได้ว่ารักเดียวใจเดียว เมื่อได้พอใจหรือ รักใครแล้วก็จะไม่ผันแปรไปได้ มีความรับผิดชอบต่อคนรักและ ครอบครัวดี แต่ใครก็ตามที่เป็นคนรักกับคนที่เกิดวันนี้ก็จะต้องพบข้อยุ่งยากบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อยุ่งยากอันเกิดจากความเก่ง แต่ประสบการณ์ดิ่งลึกมากกว่ากว้างของเขาหรือเธอผู้นั้น ทำให้เขาหรือเธอเป็นคนมองโลกอย่างไม่เข้าใจ บางทีถึงกับกลายเป็นคนหลงตัวเองหรือหลงกลุ่มไปได้ เช่นหลงผิดไปว่ากลุ่มของตนเท่านั้นที่มีความชำนาญในสาขาวิชาชีพนี้เป็นเลิศ หรือเป็นพวกที่ชอบมองว่าคนต่างกลุ่มมีเกียรติน้อยกว่าตน บางทีเผลอ ๆ ยังแอบดูถูกภรรยาสามี และญาติของภริยาสามีว่าโง่กว่าตนก็มี และที่สำคัญคนเกิดวันที่ ๒๙ เป็นคนที่แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุด ก็ยากที่จะหยั่งรู้ความรู้สึกจริง ๆ ของเขาหรือเธอได้ เป็นพวกที่ชอบมีชีวิตลึกลับ ชวนให้คนพิศวง และเขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ ๒๙ จะรู้สึกอึดอัดใจมาก ถ้ามีคนรู้เกี่ยวกับตัวเขาหรือเธอมากกว่าที่ต้องการให้รู้


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 30 คือ ทรราชย์น้อย

คนเกิดวันที่ ๓๐ มีพื้นนิสัยที่ดีหลายอย่าง แต่สิ่งที่พระเจ้าลืมให้มากับเขาหรือเธอ หรือให้มาก็น้อยสักหน่อย ก็คือความมีเสน่ห์

โดยพื้นฐานของดวงชะตา คนเกิดวันที่ ๓๐ มักจะเป็นคนฉลาด และมี ความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ว่าดูภายนอกจะมีลักษณะอย่างไร แต่ภายในจิตใจของเขามี " วิธีการ " หรือ " คำตอบ " หรือ " คำตัดสิน " ของปัญหาที่จะต้องเผชิญไว้พร้อมแล้ว และเมื่อตัดสินใจแล้วก็เป็นอันจบกัน ไม่ต้องหวนกลับมาพูดกันด้วยเรื่องเก่านั้นอีก การ " คิดในใจ " อย่างฉลาดนี้เองทำให้คนเกิดวันที่ ๓๐ สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ลุล่วงไปด้วยดี สามารถตัดสินใจทำอะไร ๆ ได้โดยไม่ลังเลใจ

คนเกิดวันที่ ๓๐ มีบุคลิกภาพที่เข้มแข็ง แสดงให้เห็นความเป็นคนเด็ดขาด ดูน่าเกรงขาม เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไร และศัตรูคู่แข่งมีดีอะไร สามารถใช้ความได้เปรียบที่มีอยู่เอาชนะคู่แข่งได้โดยไม่ยากลำบาก อ่านความคิดคนอื่นได้ปรุโปร่ง หรือมีญาณสังหรณ์ที่ช่วยป้องกันกลอุบายของคู่แข่งได้ จึงมักเอาชนะคนอื่นได้เสมอ อำนาจก็ยิ่งมีมากขึ้น

คนที่เกิดวันนี้มีสติปัญญาหลักแหลม เรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นการตีความถ้อยคำ สัญลักษณ์ และ ปรัชญาต่าง ๆ แต่ก็ไม่ค่อยชำนาญเรื่องเครื่องกลไกต่าง ๆ มากนัก

คนเกิดวันที่ ๓๐ ชอบทำอะไรที่ยาก ๆ ที่คนธรรมดาสามัญไม่ค่อยทำกัน จะทำแต่สิ่งที่ดีเลิศจริง ๆ แม้ในเรื่องความรัก เขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ ๓๐ ก็มักจะพุ่งความสนใจไปยังคนที่มีลักษณะเป็น " ดอกฟ้า " หรือ " โดมผู้จองหอง " มากกว่าที่สนใจคนธรรมดา ๆ ถ้าท่านอยากให้คนเกิดวันที่ ๓๐ สนใจท่าน ก็ต้องทำตัวให้เป็น " งานที่ ยากกว่าธรรมดา "

นอกจากจะเป็นคนชอบทำอะไรยาก ๆ แล้ว คนเกิดวันนี้เป็นคนที่มี อะไรบางอย่างแปลกไปจากคนอื่น มีความสามารถพิเศษที่คนทั่ว ๆ ไปอาจทำไม่ได้ หรือนึกไม่ถึงว่าจะมีใครทำได้เช่นนั้น แต่คนเกิดวันที่ ๓๐ ก็อาจทำได้ถ้านึกพอใจจะทำ จนบางครั้งดูเหมือนบ้าระห่ำ หรือมีความคิดเห็นที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเมือง ศาสนา ชีวิต แม้กระทั่งความรัก

คนเกิดวันที่ ๓๐ กับความรักนั้น มีลักษณะของคนที่ขาดเสน่ห์ คนที่เกิดวันนี้ค่อนข้างพอใจที่จะรักคนที่เก่งกาจ แต่ต้องเก่งกาจน้อยกว่าตนเอง ชอบใช้อำนาจหรือแสดงท่าทีให้คนอื่นเห็นว่าตนเองมีอำนาจ เหนือคู่ครอง คู่รัก ทำให้คนที่เกิดวันที่ ๓๐ ขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดาย

มีคนเรียกคนเกิดวันที่ ๓๐ ว่า " ทรราชย์น้อย " เพราะชอบเผด็จการ ตั้งแต่เรื่องเพศสัมพันธ์ ไปจนถึงเรื่องบริหารบ้านเมืองทีเดียว


ลักษณะนิสัย ของคนที่เกิดวันที่ 31 คือ ต้องการกำลังใจ

คนเกิดวันที่ ๓๑ ได้รับพรจากพระเจ้าเรื่องสติปัญญา จึงเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แบบที่เรียกกันว่ามีไหวพริบดี ( ไม่ใช่เรียน หนังสือเก่ง ) ดังนั้นเมื่อจะจับทำงานใด ก็มักจะประสบความสำเร็จระดับสูงเสมอ

โดยลักษณะนิสัย คนที่เกิดวันนี้เป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน และไม่ชอบโอ้อวด หรือแม้แต่แสดงตนเกี่ยวกับความสำเร็จ หรือความก้าวหน้าต่าง ๆ คนทั่วไปแม้จะรู้ว่าเขาหรือเธอซึ่งเกิดวันที่ ๓๑ เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่มีใครรู้จริง แม้แต่เพื่อนสนิทว่าที่จริงแล้ว ความสำเร็จที่คนอื่นเห็นนั้นเป็นเพียงเศษส่วนเท่าใดของความสำเร็จที่เขาได้รับ

คนเกิดวันที่ ๓๑ เป็นคนรักเพื่อนฝูง ความสุขที่แท้จริงของคนเกิด วันนี้ก็คือการได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง เขาหรือเธอที่เกิดวันที่ ๓๑ เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนที่รักเป็นอย่างดี ถ้าท่านเคยอ่านหนังสือวรรณคดีเรื่อง ลิลิตนิทราชาคริต คนเกิดวันที่ ๓๑ ก็คือ อาบูหะซัน พระเอกในเรื่องนั้นนั่นเอง ( ถ้าไม่ เคยอ่าน ก็ขอเชิญลองอ่านดู สนุกมาก )

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ( หรือจะเรียกว่า มีเสน่ห์ก็คงจะได้ ) เป็นคุณลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนเกิดวันที่ ๓๑ เขาหรือเธอที่เกิดวันนี้มีบุคลิกภาพอันสง่างาม เด่น เป็นที่ต้องตาต้องใจและผู้คน มักอยากปราศรัยทักทายด้วย ประกอบกับความมีมนุษยสัมพันธ์ สามารถเข้ากับคนทุกระดับชั้นได้ดี คนเกิดวันที่ ๓๑ จึงเป็นผู้ที่มีคนรู้จักมาก

จุดอ่อนของคนเกิดวันที่ ๓๑ อยู่ที่ว่า แม้ดูภายนอกจะเข้มแข็งเด็ดขาด แต่ในเบื้องลึก คนเกิดวันนี้มักจะขาดความเชื่อมั่นในตนเอง คนเกิดวันที่ ๓๑ มักไม่ทำสิ่งใดโดยปราศจากคำยืนยันจากคนที่ไว้ใจได้เสียก่อนว่า สิ่งที่เขาทำนั้นถูกแล้วดีแล้ว ดังนั้น ถ้าท่านเป็นคู่รักคู่ครอง หรือเพื่อนของคนเกิดวันนี้จะต้องรับบทบาทนี้ให้ได้ และข้อสำคัญที่ท่านลืมไม่ได้ก็คือ อย่าแสดงตัวว่าเขา ขาดท่านไม่ได้ แต่จงแสดงให้เห็นว่าท่านขาดเขาไม่ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้เขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ ๓๑

ในด้านความสัมพันธ์ทางเพศ คนเกิดวันที่ ๓๑ จะต้องเยี่ยมกว่าคนอื่นเสมอ เป็นคนตั้งกฎเกณฑ์หรือหลักการไว้สูง ถ้าท่านปรับตัวตาม หรือทำตัวอย่างที่คนเกิดวันนี้ต้องการไม่ได้ เขาหรือเธอที่เกิดวันนี้ก็จะไม่ลังเลที่จะเมินคุณไปได้อย่างปราศจากเยื่อใย

ที่สำคัญที่สุด ท่านอย่าทรยศ หรือหักหลังคนที่เกิดวันที่ ๓๑ เป็นอันขาด แม้แต่ตุกติกมีเล่ห์เหลี่ยมท่านก็ไม่ควรทำ เพราะเขาหรือเธอผู้เกิด วันที่ ๓๑ จะโต้ตอบท่านอย่างเต็มที่และรุนแรงทันที และท่านไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาหรือเธอได้เลย
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #147 เมื่อ: 08 มกราคม 2551, 12:13:59 »

คุณเป็นคนแบบไหน ? ... เลือกเดือนเกิดของคุณเลยค่ะ

ลืมไปแล้วว่า ใครส่งมาให้ ... อิ อิ

มกราคม : ชอบชีวิตที่เรียบง่าย สุขสงบ

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ไม่ค่อยชอบเฮฮาปาร์ตี้กับใครง่ายๆ สงบเสงี่ยม ปกติจะเงียบขรึม ถ้าไม่ได้กำลังตื่นเต้น หรือเข้าสู่ภาวะคับขัน เลือกที่จะคบหาคนอย่างพิถีพิถัน มีความรู้ความสามารถดี เป็นคนมีเสน่ห์ อารมณ์อ่อนไหว จิตใจเอื้ออารี รักเด็ก ติดบ้านซื่อสัตย์ อารมณ์ดี ไม่ถือสาจุดเสียเล็กน้อยอื่นๆ

การงาน : ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว ทะเยอทะยาน กระตือรือร้น จริงจังรักการเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด เจ้าระเบียบ ทำอะไรเป็นแบบแผนขั้นตอน ไม่มีนอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย เป็นนักคิด นักวางแผน หาทางรุ่งโรจน์ เป็นที่ปรึกษาที่ดี

ความรัก : เป็นคนโรแมนติกบ้าง แต่ไม่ค่อยยอมแสดงออกเท่าไร รู้วิธีทำให้คนอื่นมีความสุข เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ถ้าได้คนผิวนวล หรือผิว 2 สีก็ได้ จะถือว่าดีเยี่ยม ไม่ผอมบางเกินไป และควรมีอารมณ์ขัน ไม่มุทะลุเคร่งเครียด ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักจะได้คู่ที่ดี มีความรักใคร่กันครอบครัว ไม่ทุกข์ยาก ถ้ามีลูกคนแรกเป็นผู้ชาย จะยอดเยี่ยมที่สุด

ข้อเสีย : ชอบขุดคุ้ยหาจุดด้อย และความบกพร่องของคนอื่น ชอบวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ชอบให้คนอื่นนิยมยกย่องเหมือนกัน ตัดสินใจไม่เฉียบขาด ชอบสั่งสอน ขี้หึง


กุมภาพันธ์ : โกรธง่ายหายเร็ว

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ ชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบใจนักเลง นิยมเรื่องตื่นเต้นแปลกใหม่ ไม่ค่อยกลัวใคร มีเพื่อนมากพอๆกับมีคนคิดร้าย ช่างฝัน รักทั้งโลกแห่งความเป็นจริง และโลกแห่งความฝัน บุคลิกภาพแปรปรวนไปนิด เจ้าอารมณ์ เงียบ ขี้อาย สุภาพ ซื่อสัตย์ ไหวพริบปฏิภาณดี ฉลาด ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ขบถได้ง่ายถ้าถูกบีบคั้น แต่ที่จริงอ่อนไหวมาก เสียใจง่าย โกรธก็ง่าย ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ชอบคบเพื่อนฝูงใหม่ๆ น่ารักๆ เชื่อถือโชคลาง

การงาน : ดวงพลิกผันบ่อย เดี๋ยวรุ่ง เดี๋ยวร่วงได้ ถ้าไม่ระมัดระวัง รักกิจการงานบันเทิงทุกชนิด

ความรัก : โรแมนติกลึกๆ แต่ไม่แสดงออก เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ถ้าเป็นคู่เทียมก็จะทิ้งกันได้ในยามมี ปัญหา คู่แท้จึงมีลักษณะเป็นเพื่อนตายที่มีความซื่อตรงต่อกันอย่างแท้จริง คอยตักเตือนไม่ให้ถูกล่อลวงได้ง่าย และต้องทำใจได้กับนิสัยที่ชอบท้าทายของคนเกิดเดือนนี้ เนื้อคู่มักมีลักษณะสง่างามกว่าคนเดือนสาม คิ้วเข้ม ตาคม มีบุคลิกน่านับถือ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ จะได้คู่ที่มีเกียรติ มีทรัพย์ จึงอาจถูกคู่ข่มบ้าง ถ้ามีลูกสาวก่อนจะถือว่าดีมาก

ข้อเสีย : ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย แอบก้าวร้าวบ้างบางครั้ง หัวดื้อ ทะเยอทะยาน อารมณ์ร้าย สุรุ่ยสุร่าย


มีนาคม : มุ่งมั่นพากเพียรสูง

ลักษณะทั่ว ไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ ถ้ามุ่งมั่นพากเพียรสูง ก็จะประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น ไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่มักถูกพิษภัยจากคนอื่นง่าย เพราะชอบคนมาป้อยอ เอาใจ ขี้อาย สงบเสงี่ยม ลึกลับ ซื่อตรง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ รักสันติและความสงบ อ่อนโยน ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น ใจเย็น ไว้ใจได้ เห็นค่าคนอื่น ใจดี เคร่งศีลธรรม รักการเดินทาง รักการเป็นจุดสนใจ ชอบตกแต่งบ้านเอง รักข้าวของแปลกๆ

การงาน : มีพรสวรรค์เรื่องดนตรี

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะมีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย หุ่นกำลังดี พูดจาคารมเหลือร้าย มีความรู้ความสามารถ และชอบชีวิตสุขสงบ เรียบงาย ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินตัว ถ้ารู้จักเข้าใจ นิสัยเดี๋ยวดีเดี๋ยร้าย ของคนเดือนนี้ได้ ก็จะอยู่กันยั่งยืนครับ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ต้องได้คู่ที่ช่วยงานกันได้ ถ้ามีลูกคนแรกเป็นลูกสาว จะไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก

ข้อเสีย : มักจะวางมือได้ง่ายจากสิ่งที่คิดและทำไว้ ใจอ่อน ชอบประเมินคนอื่น เจ้าคิดเจ้าแค้น เพ้อฝัน ใจเร็วไปนิด - ถ้าคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร หงุดหงิดง่าย


เมษายน : จิตใจดี

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ มักเป็นคนจิตใจดี แต่พูดจาออกไปไม่ดีนัก แต่ก็มีคนชื่นชม เอ็นดูพอควร ไม่นิยมเรื่องจุกจิกน่ารำคาญใจ กระตือรือร้น ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ เข้มแข็งเด็ดขาด เป็นที่รักของผู้คน ชอบปลอบโยน มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบเสนอแนะแก้ปัญหาให้คนอื่น กล้าหาญชอบผจญภัย สุภาพเอื้อเฟื้อ ความจำดี ไม่ชอบอยู่นิ่ง ชอบกระตุ้นทั้งตัวเองและคนรอบข้าง

การงาน : ดวงชะตามีหนทางรุ่งเรือง มีชื่อเสียง

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ควรมีผิวขาวหรือผิวเดียวกัน รูปร่างล่ำสัน หรือสูงกำลังดี หน้ากลมอิ่มเอิบ สุขุมรอบคอบ และมีวาทศิลป์ ช่วยเหลือให้กำลังใจ หรือคำปรึกษาที่ดีได้ เป็นคนขยันและปราดเปรียว ผู้ที่เกิดเดือนนี้ ถ้าได้คู่ที่เด่นกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง ถือว่าเยี่ยมมาก ถ้าได้ลูกสาวคนแรกจะมีวาสนาดี

ข้อเสีย : ใจอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าอารมณ์ เจ้าคิดเจ้าแค้น และก้าวร้าวไม่เบา ขี้หึงมาก


พฤษภาคม : ชะตาราบเรียบ

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ เป็นผู้มีชะตาราบเรียบไม่โลดโผนตื่นเต้น ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก ชอบความมั่นคง มีจุดยืนของตัวเอง จินตนาการกว้างไกล ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน รักการเดินทาง สบายๆ ไม่ต้องเสี่ยง ใจแข็งเป็นหิน ตั้งใจมั่น แรงจูงใจสูง หลักแหลม เป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ ละเอียดรอบคอบ ชอบปลอบโยนผู้อื่น มีระบบระเบียบ มีสัมผัสพิเศษ เข้าอกเข้าใจ มีเสน่ห์ ชอบการเป็นจุดสนใจ มีอิทธิพล รักครอบครัว

การงาน : ไม่ชอบหยุดนิ่ง ทำงานหนัก ความรับผิดชอบสูง

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ เป็นคนรูปร่างกำลังดี ดวงตาสดใสน่ามอง คิ้วสวยได้รูป เป็นคนชอบทำบุญ มีลักษณะของผู้ใหญ่หรือผู้ดี รู้จักกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ผู้ที่เกิดเดือนนี้ ถ้าคู่มีกำลังช่วยเสริม จะยิ่งทำให้รุ่งเรือง ลูกคนแรกหากเป็นผู้ชาย ถือว่าจะนำเกียรติมาสู่วงศ์ตระกูลในวันหน้า

ข้อเสีย : ไม่ค่อยคิดเริ่มต้นสร้างสรรค์ ดื้อดึง โกรธง่าย เพ้อฝัน สุรุ่ยสุร่าย


มิถุนายน : มีสองชะตา

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้มี 2 ชะตา ถ้าไม่ใช่คนคุยเก่งชอบสังคม ก็จะเป็นคนเงียบขรึมไปเลย แต่ส่วนมากจะมีความสามารถนำตัวเองให้ก้าวถึงจุดฝันได้ ถ้าไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ จิตใจอ่อนไหว แบบรักง่าย ตัดง่าย ใจอ่อนกับคนใจดี สุภาพ พูดจาเบา อ่อนไหว สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบเรื่องตลก มีทักษะดีในการโต้แย้ง ช่างพูดช่างคุย เป็นมิตร รู้ว่าจะหาเพื่อนได้อย่างไร อดทน ชอบแสดงออก ชอบการบริหาร

การงาน : คิดการณ์ไกล หัวก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย ชอบคิดค้น

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ มีลักษณะเพรียวบาง ใบหน้าเรียวสวย มีความคิดอ่านลึกซึ้ง รู้จักพูดจาดี และถ้ารู้จักอดทน ก็จะอยู่กันยืดเพราะทั้งคู่อาจจะไม่ได้อยู่ชิดใกล้หวานชื่นกัน ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ซื่อสัตย์ ลูกคนแรกเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าได้ลูกสาว ก็ไม่มีผลร้าย

ข้อเสีย : ขี้ลังเล ไม่รักษาเวลา จุกจิกช่างเลือก อยากจะได้ของที่ดีที่สุดเสมอ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ชอบฝันกลางวัน เสียใจง่าย ถ้าเสียใจต้องใช้เวลานานในการเยียวยา ชอบแต่งตัว ขี้เบื่อ หัวรั้น ถือคติแปลกๆว่าใครประจบประแจงรักเรา คือศัตรู


กรกฎาคม : ปากร้ายใจดี

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ เป็นคนปากร้าย ใจดี คือยามตำหนิติเตียนใคร ก็ทำด้วยใจหวังดี แต่คนอื่นจะไม่ชอบ สำหรับการพูดจาโดยทั่วไป แล้วพูดไพเราะ มักถูกคนเอาเปรียบได้ จึงไม่ควรวุ่นวายกับใครมากนัก ต้องเลือกคบคนที่จริงใจมากๆต่อตนเอง อยู่ด้วยแล้วสนุก เก็บความลับได้ แต่ยากที่จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง เงียบถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น หยิ่งทะนงในตัวเอง มีความรับผิดชอบ ชอบปลอบโยนคนอื่น ซื่อตรง สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง มีไหวพริบ เป็นมิตร ไม่ถือตัว ฉลาดเฉียบแหลม ไม่ผูกใจเจ็บใคร ยกโทษให้ แต่ไม่ได้แปลว่าลืม ไม่ชอบเรื่องงี่เง่าไร้สาระทั้งหลาย มีอิทธิพลต่อคนอื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ อ่อนไหว ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ ห่วงใยใส่ใจคนอื่น ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเท่าเทียม เห็นอกเห็นใจ ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ

การงาน : ทำงานหนัก เรียนดี ทุ่มเททุกอย่างให้งาน

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ มักมีวัยที่แก่กว่าหรืออ่อนกว่า รูปร่างสูง มีเรื่องไม่เข้าใจกันเสมอเพราะไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน หากแก้จุดนี้ได้ จะเป็นคู่ชีวิตที่อบอุ่นและรุ่งเรืองได้ดีที่สุด คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ดวงตาสวย ถ้ามีลูกสาวก่อนลูกชาย จะมีเรื่องยุ่งยากใจ

ข้อเสีย : อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนตามไม่ทัน หงุดหงิดง่าย เสียใจง่าย ชอบตัดสินคนอื่นเพียงเพราะสิ่งที่สังเกตเอาเอง เสียใจง่าย แถมต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย


สิงหาคม : เป็นผู้นำที่ดี

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ มักมีคนรักใครชื่นชม เป็นผู้นำที่ดีได้ และก็ชอบสร้างเกียรติ สร้างชื่อ ให้คนยอมรับมากกว่าจะคิดแต่เรื่องร่ำรวย จิตใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง ชอบเรื่องตลก มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยน ใส่ใจคนอื่น กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรทั้งสิ้น มั่นคงเด็ดเดี่ยวเป็นผู้นำเต็มตัว รู้ว่าต้องดูแลปลอบโยนคนอื่นอย่างไร เคร่งศีลธรรม ความคิดอิสระไม่ค่อยเหมือนใคร รักทั้งการเป็นผู้นำและถูกนำ อ่อนไหวแต่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ รักใคร่และห่วงใยคนอื่น ชอบคบหาเพื่อนฝูงใหม่ๆ

การงาน : เป็นคนอารมณ์ละเมียด ช่างฝัน มีพรสวรรค์เรื่องศิลปะ ดนตรี และกลไกการป้องกันตัว

ความรัก : เป็นคนโรแมนติค เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ อาจเป็นคนต่างชาติหรือลูกครึ่ง จิตใจทิฐิ ดื้อดึง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าอารมณ์เสียจะปากร้าย แต่ก็ขยันหมั่นเพียร หวังก้าวหน้าก้าวไกลร่วมกับคนเดือนนี้ คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า ลูกคนแรกจะดีมากถ้าเป็นชาย

ข้อเสีย : เอื้อเฟื้อเกินไป มั่นใจตัวเองเกินไป เรียกร้องต้องการการยกย่องนับถือ มุ่งมั่นแรงกล้าสุดๆ แถมโกรธง่ายเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อถูกแหย่หรือกระตุ้น ขี้หึง หุนหันพลันแล่น ยุ่งเหยิงวุ่นวายตลอด


กันยายน : มีเสน่ห์มัดใจ

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ มีเสน่ห์มัดใจคนด้วยคำพูด เป็นผู้มีรสนิยมดี ช่างคิดช่างไตร่ตรอง จิตใจอ่อนโยนต่อคนทั่วไป สุภาพอ่อนโยน ประนีประนอม ระวังตัวแจ วางขั้นตอนชีวิตอย่างเป็นแบบแผน งียบ..แต่จริงๆ มีทักษะในการพูดดี เยือกเย็นและสงบ ใจดี เห็นอกเห็นใจคนอื่น รอบรู้เรื่องต่างๆ ซื่อตรง อ่อนไหว ความจำดี ฉลาด และสนใจใฝ่รู้ ชอบการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มีแรงจูงใจ เข้าอกเข้าใจ เก็บความลับอยู่ รักกีฬา กิจกรรมยามว่าง และการเดินทาง

การงาน : คนเดือนสิบสุขุมในเรื่องงาน ทำงานเก่ง ช่างคิด

ความรัก : เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ จะได้พบแบบไม่ทันตั้งใจ เป็นคนมีผิวขาว รูปร่างไม่สูง ไม่เตี้ยใบหน้าสั้น อารมณ์รื่นเริงดี ติดจะดูไร้สาระไปบ้าง คนเกิดเดือนนี้อาจจะต้องแตกแยกกับคู่ก่อนจะได้แต่งอีกครั้ง ลูกคนแรกถ้าได้ลูกชายถือว่าเป็นมงคล

ข้อเสีย : ไม่ค่อยมีเหตุผล ชอบตอกย้ำจุดอ่อนคนอื่น ชอบการวิพากษ์วิจารณ์ ช่างเลือกโดยเฉพาะเรื่องแฟน ไม่แสดงอารมณ์ซะจนเกือบจะเป็นคนเก็บกด


ตุลาคม : รักทุกคนที่รักตัวเอง

ลักษณะทั่วไป : รักการพูดคุยเป็นชีวิตจิตใจ รักทุกคนที่รักตัวเอง รักการเจาะเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่องต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นคนชอบอยู่ท่ามกลางหมู่ผู้คน มีเสน่ห์ สุภาพนุ่มนวล จิตใจและรูปร่างสวยงาม ไม่โกหกเสแสร้ง พูดจาเก่งมัดใจคนได้ง่าย เห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้ความสำคัญกับเพื่อน ชอบคบหาเพื่อนใหม่อยู่เรื่อย ชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขอให้ช่วย เสียใจง่ายก็จริงแต่ไม่ต้องห่วงแป๊บเดียวก็หายเศร้า ชอบฝันกลางวัน ความคิดบรรเจิด แถมยังไม่สนใจว่าชาวบ้านจะคิดยังไง ใจแข็ง มีสัมผัสพิเศษ พูดจานุ่มนวล รักและใส่ใจคนอื่น ชอบออกนอกบ้าน ยุติธรรม

การงาน : รักการเดินทาง ศิลปะ และวรรณกรรม ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักมีความสามารถสร้างฐานะตัวเอง ได้ แต่ไม่ค่อยได้สูงดั่งหวัง เพราะไม่ทำอย่างเดียวให้ดีที่สุด

ความรัก : เป็นคนโรแมนติค เป็นห่วงเป็นใย เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ เป็นคนสูงเพรียว ริมฝีปากเล็กบางถ้าขยันทำงานด้วย ก็จะสมพงษ์กันที่สุด แต่ถ้าขาดจุดนี้ก็จะอยู่กันไม่นาน เนื้อคู่มักเป็นคนปากร้าย หรือพูดมาก ขี้หึงหวงแม้จะเจ้าชู้พอกัน คนเกิดเดือนนี้ ถ้าอยู่กินกันแล้ว จะมีฐานะดีขึ้น ลูกคนแรกเป็นชายหรือหญิงก็ถือว่าดีทั้งนั้น

ข้อเสีย : อารมณ์ร้าย ขี้เหนียว เจ้าอารมณ์ ขี้หึง สุรุ่ยสุร่าย เชื่อคนง่าย สูญเสียความเชื่อมั่นง่ายมาก ค่อนข้าเจ้าชู้


พฤศจิกายน : ยากจะเข้าถึง

ลักษณะทั่วไป : ชอบคิดอะไรแปลกประหลาด ไม่เหมือนคนอื่น ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า โดดเด่น หัวไว มีความคิดแปลกๆเยอะ มีสัมผัสพิเศษ ใส่ใจ และชอบให้คำแนะนำ มีแรงจูงใจในตัวเอง เป็นคนชอบอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ จิตใจดี กระฉับกระเฉง เก็บความลับอยู่ อยากรู้อยากเห็น รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อ อดทน ใจแข็ง มั่นคง เด็ดเดี่ยว ถือคติตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ โกรธยากมาก ถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ ชอบอยู่คนเดียว รักบ้าน

การงาน : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ ชอบที่จะหยิบจับทุกสิ่งเพื่อสร้างฐานะของตัวเอง ไม่คิดหวังพึ่งใครมากนัก มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทำงานหนัก มีความสามารถสูง ไว้ใจได้ ชะตาชีวิตจะได้ดีเพราะลำแข้งตนเอง

ความรัก : เป็นคนที่รักใครรักจริง โรแมนติค แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะมีผิวพรรณดี รูปร่างดี ใบหน้ามน ชอบช่วยกันทำมาหากิน รักใคร่กันดีทั้งยามสุขและยามทุกข์ แม้จะขัดใจกันบ้าง แต่ก็ไม่ทอดทิ้งกัน คนเกิดเดือนนี้ จะได้คู่ที่เป็นคู่รักคู่กรรม ลูกคนแรกจะเป็นคนมีปากเป็นเอก

ข้อเสีย : คิดอาฆาต เจ้าอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ แปรปรวนง่ายชนิดทำนายไม่ถูก หัวรั้น


ธันวาคม : ชอบคิดวางอนาคต

ลักษณะทั่วไป : ผู้ที่เกิดเดือนนี้ มักเป็นคนที่ชอบคิดวางอนาคตไว้ก่อน เป็นคนใฝ่ดี พยายามหาความรู้ใส่ตัวจนรอบรู้ลึกซึ้ง เมื่อรู้ว่าตัวเองฟุ่มเฟือยก็ควบคุมตัวเองได้ เป็นคนมีเพื่อนหลายรูปแบบ นิยมเก็บสะสมหรือแสวงหาสิ่งที่ตัวเองโปรดปราน ชอบมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ซื่อสัตย์ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กระตือรือร้นในการแข่งขันและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อยู่ด้วยแล้วสนุกสนานดี รักการเข้าสังคมมาก รักการได้รับการยอมรับ รักการเป็นจุดสนใจ รักการที่มีคนอื่นมารักตัวเอง รักเรื่องตลก มีอารมณ์ขัน และมีเหตุผล ซื่อตรง ไว้ใจได้ ไม่เสแสร้ง ไม่มีความหลงตัวเอง ยอมรับนับถือคนอื่นอย่างมากเสมอ เกลียดการถูกบีบบังคับ

การงาน : มักต้องย้ายถิ่น ถึงจะก้าวหน้าขึ้น

ความรัก : คนเกิดเดือนนี้ มักได้คู่ช้ากว่าเพื่อนเพราะจะเลือกคนที่เหมือนภาพวาดที่ฝันไว้ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องหน้าตา ฐานะ และนิสัยใจคอ เนื้อคู่จะมีรูปร่างสูงกำลังดี ผิวพรรณละเอียด ผ่องใส คนเกิดเดือนนี้จะมีคู่ที่พึ่งพาได้ ลูกคนแรกจะไม่ดีนักถ้าเป็นชาย

ข้อเสีย : ไม่มีความอดทน ทะเยอทะยาน อารมณ์เสียง่าย บุคลิกภาพแปรปรวน
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #148 เมื่อ: 08 มกราคม 2551, 13:02:02 »

ความเชื่อ 10 อย่าง เกี่ยวกับการแต่งงาน

ก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์ถึงขั้นแต่งงานกันนั้น ลองมองความเชื่อเก่าๆ และวิเคราะห์ดูสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร ทำไมคนที่แต่งงานแล้วถึงได้หย่าร้างกันมากนัก



1. ความเชื่อ : ผู้ชายได้ประโยชน์มากกว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานกันแล้ว

ความจริง : จากที่มีการวิจัยศึกษามาแล้วพบว่า ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงต่างไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ แม้ว่าแต่ละคู่จะใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เมื่อแต่งงานพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ยืนยาว ขึ้น ... มีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีขึ้นแถมยังอาจจะรวยขึ้นอีกต่างหาก ฝ่ายสามีโดยมากจะได้ประโยชน์เรื่องสุขภาพที่ดีขึ้น ส่วนฝ่ายภรรยานั้นแน่นอน ... ทางด้านการเงิน


2. ความเชื่อ : การมีบุตรทำให้ชีวิตแต่งงานได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเพิ่มความสุขให้ชีวิตแต่งงานด้วย

ความจริง : จากหลายๆการวิจัยพบว่า บุตรคนแรกจะทำให้ช่องว่างระหว่างแม่และพ่อห่าง กันขึ้น และเพิ่มความกดดันให้แก่กัน ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงลูก แต่อย่างไรก็ตาม การที่มีบุตรทำให้อัตราการหย่าร้างนั้นลดน้อยลง


3. ความเชื่อ : ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่คือโชคและความรักที่แสนโรแมติก

ความจริง : นอกเสียจากโชคและความรักแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่ที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ยาวนานร่วมกัน คือความเป็นมิตรความเป็นเพื่อน เพราะหลังจากการแต่งงาน ต่างฝ่ายต่างต้องทำงานหนัก ต้องเสียสละ และข้อสัญญาต่างๆ คู่ที่มีความสุขที่สุดก็คือคู่ที่รักกันเป็นดั่งเพื่อน สามารถแชร์ในทุกๆเรื่อง และมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ทำให้มีความเข้าใจกันได้ดี


4. ความเชื่อ : ผู้หญิงที่มีการศึกษายิ่งสูง ยิ่งทำให้ได้แต่งงานช้าลง

ความจริง : จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ ผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้แต่งงานมากกว่าคนที่ไม่จบการศึกษา ความจริงแล้วผู้หญิงยิ่งมีการศึกษาจะยับยั้งเรื่องการใช้ชีวิตคู่มากขึ้น และเลือกที่จะอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ... นั่นเอง


5. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงาน และดูใจศึกษากันก่อนจะมาอยู่กันจริง มีความพึงพอใจในคู่รัก และทำให้รักกันได้ยาวนานยิ่งกว่าคู่ที่แยกกันอยู่

ความจริง : หลายๆการวิจัยที่พบว่า คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานจะมีความพึงพอใจกันน้อย ลง และโอกาสที่จะหย่าร้างหรือเลิกรากันไปมีสูงขึ้น เหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อมีปัญหามักจะเพิ่มปัญหากันเข้าไปอีก และทัศนคติในการจะใช้ชีวิตแต่งงานด้วยกันก็จะเป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย หากการอยู่กินด้วยนั้นไม่สามารถจะแก้ปัญหาต่างๆเมื่อพบได้ และไปใช้ชีวิตหลังแต่งงานด้วยกัน ปัญหาก็มักจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


6. ความเชื่อ : ผู้คนไม่สามารถที่จะคาดหวังได้ว่าจะอยู่ด้วยกันหลังแต่งงานไปได้ ตลอดชีวิตเหมือนที่เคยคิดเอาไว้ เพราะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมามากพอ

ความจริง : คนในยุคปัจจุบันแต่งงานกันช้าที่อายุมากขึ้นกว่าสมัยก่อน และการใช้ ชีวิตอิสระเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการกันมากขึ้น เมื่อได้เห็นได้รู้จักกันมากขึ้น ... ก็เกิดความเบื่อ ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มักจะมองหาสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ ครึ่งหนึ่งของการหย่าร้างใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาได้ 7 ปี


7. ความเชื่อ : การแต่งงานทำให้ผู้หญิงเสี่ยงกับความรุนแรงในครอบครัวมากกว่าเมื่อตอนที่เป็นโสด

ความจริง : เป็นดั่งเช่นว่า การจดทะเบียนสมรสนั้นเป็น " ใบอนุญาตในการทำร้ายร่าง กาย " จากการสำรวจพบว่าคู่ที่แต่งงานกันแล้ว มักมีปัญหาที่รุนแรงมากกว่าก่อนที่จะแต่ง งานกันเสียอีก และโดยมากแล้วหากสามีทำร้ายภรรยา ก็จะไม่พบการรายงานหรือแจ้งความใดๆ เหตุผลหนึ่งที่เกิดความรุนแรงขึ้น เพราะฝ่ายชายมักจะต้องดูแลให้ฝ่ายหญิงกินดีอยู่ดีอยู่เสมอ ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน และเมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวขึ้น ผู้หญิงมักจะคิดเรื่องการหย่าร้างมากขึ้น


8. ความเชื่อ : คู่ที่แต่งงานแล้ว จะมีเซ็กซ์กันน้อยลงกว่าตอนที่ยังเป็นโสดกันอยู่

ความจริง : คู่ที่แต่งงานกันแล้วจะมีทั้งเซ็กซ์ที่มากขึ้นและดีขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีเซ็กซ์ได้บ่อยขึ้น แต่พวกเค้ายังสนุกไปกับมัน ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ


9. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานก็เหมือนแต่งงานนั่นแหละ เพียงแค่ ... ไม่มี " ใบสมรส "

ความจริง : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานมักไม่ได้รับสิ่งที่คู่แต่งงานได้รับ ทั้งทางสุขภาพ ฐานะ และความรู้สึก และด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นคงในความรัก จึงไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็ยังเป็นนางสาวเมื่อเลิกร้างกับฝ่ายชายนั่นเอง


10. ความเชื่อ : เพราะว่ามีอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้น คู่ที่รักกันอย่างมีความสุขหลังแต่งงานทำให้พวกเขาไม่คิดหย่าร้าง ไม่ว่าการแต่งงานนั้นจะเป็นอย่างไร

ความจริง : เมื่อสมัย 20 - 30 ปีก่อนนั้น จะมีความเครียดในการงาน และข้อขัดแย้งมาก มายในการแต่งงาน ทำให้คู่รักมักจะคิดหย่าร้างกัน แต่ในปัจจุบันคู่รักโดยมากมักจะคบหาดูใจกันนานหลายปีจนมีความมั่นใจในคู่ของตน และมีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาในการตอบคำถาม และช่วยในด้านจิตใจ


อย่างไรก็ตาม การแต่งงานคือการตัดสินใจของคนสองคน การจะมีความสุขหรือไม่นั้นก็ ขึ้นกับคนเพียงสองคนที่จะมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกันมากน้อยเพียงใด
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #149 เมื่อ: 08 มกราคม 2551, 19:10:06 »

P.Jaib ka,
excellent like ever...I still not finish it...be back later tonight.
thank you very much
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #150 เมื่อ: 09 มกราคม 2551, 00:17:15 »

P.Jaib ka,
erledigt!
now I am good informed!!
thankssssssss
nn.
บันทึกการเข้า


yyswim
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2511
คณะ: "นิเทศศาสตร์"
กระทู้: 9,245

เว็บไซต์
« ตอบ #151 เมื่อ: 12 มกราคม 2551, 03:07:35 »

คนโสด จำเป็นต้องช่วยตนเอง

1. เก็บท่อสายยาง ... ท่อสายยางรดน้ำต้นไม้มักจะยาว แล้วหาที่เก็บลำบาก ม้วนเป็นวงที ..มันก็ไม่ค่อยจะอยู่ตัว มันจะคอยกระจาย เกลื่อน และเกะกะบนพื้น  แถมบางครั้งก็กีดขวางรถหรือล้อเข็น …ดีไม่ดีเดินเท้าสะดุดเข้าอีก   โว๊ย รำคาญ

หากมียางรถยนต์เก่าๆ ( ยางวงนอก ) ขอเขาหรือขอซื้อถูกๆ แถวร้านปะยางรถมาสักเส้น  นำท่อสายยางม้วนสอดเข้าไปภายในช่องในของยางรถยนต์

คราวนี้จะวางพิง จะวางนอน ท่อสายยางก็จะไม่กระจาย จะคิดโยกย้ายเพื่อไปใช้งานที่ไหน ก็ทำได้ง่าย เพราะกลิ้งล้อไปได้ ไม่ต้องถือให้หนักมือด้วย

2. ตากรองเท้าผ้าใบ ให้รองเท้าแห้ง แบบง่ายๆ … นำเก้าอี้แบบที่ไม่มีพนักหลังนะครับ จะแบบกลมหรือแบบเหลี่ยมก็ตาม นำมาวางหงายเก้าอี้ ลงบริเวณที่มีแดด ก็จะได้ 4 ขาเก้าอี้หงายขึ้น

คราวนี้แหละ  สามารถจะสวมรองเท้าตากแดดไว้กับขาเก้าอี้ได้ถึง 2 คู่ โดยไม่ต้องใช้ไม้หนีบ แถมเก็บก็ง่าย ลองทำดูซิครับ

สำหรับถุงเท้า หากมีราววงที่ขาเก้าอี้อยู่ด้วย ก็สามารถใช้เป็นที่ตากถุงเท้า ได้อีก 2 คู่ เคยสังเกตตอนลมพัดดูแล้ว … ถุงเท้าที่ตากกับราววง ของเก้าอี้นี้  จะไม่ค่อยปลิวลมครับ สงสัยมันจะเตี้ย ทำให้ลมพัดไม่แรง …. ข้อสำคัญ ช่วยเช็ดขาเก้าอี้ให้สะอาดเสียก่อน เน้อ !!!


3. ถ้าอยากจะใช้ลูกเหม็นไล่แมลงสาบภายในตู้เสื้อผ้า … ไม่ควรจะวางลูกเหม็นบนเสื้อผ้านะครับ เดี๋ยวเนื้อผ้าจะเสีย แล้วจะมีกลิ่นลูกเหม็นติดที่ตัวเสื้อผ้า สวมไปไหนที ได้กลิ่นลูกเหม็น ยังกะเสื้อผ้าดองฟอร์มาลีน  แล้วก้อ  การวางลูกเหม็นบนเสื้อผ้า หรือแม้แต่วางบนชั้นวางตามตู้เสื้อผ้า กลิ่นของลูกเหม็นมันจะไม่ค่อยกระจายไปทั่วทั้งตู้ ... ลองแก้ไขซิครับ  โดยใช้ สก๊อตเทป แปะที่ตัวลูกเหม็น แล้วติดไว้ภายในฝาผนังตู้ เพดานตู้ ใต้ลิ้นชักตู้ จะดีกว่า … จะชอบติดเยอะลูก หรือติดน้อยลูก  ก้อ เชิญเลือกเอาตามความภาคภูมิใจ  โฮะ โฮะ

แต่ผมเกลียดลูกเหม็น คร้าบ …. ตู้เสื้อผ้าบ้านผม  ผมจะไม่ใช้ลูกเหม็น แต่จะเลือกใช้ การบูร ไล่แมลงสาบแทน คือ ผลงานหรือคุณภาพจะเท่ากัน

ผมจะซื้อ การบูร มาจากร้านขายยา ซื้อเป็นถุง ถุงละหนึ่งกิโล ( ประมาณร้อยกว่าบาท ) แล้วก็เอามาแบ่ง ลงในผ้าตาข่ายเล็กๆ หรืออาจจะใช้ผ้าขะม้าเก่าๆ ( แต่ผมซักแล้วน่ะคร้าบ ) แล้วรวบผูกเป็นถุง แล้วนำไปติดสก๊อตเทป แบบเดียวกับวิธีติดลูกเหม็น   พอ การบูร ระเหิดออกไปหมดแล้ว  ผมก็ทำใหม่อีกซิครับ

ผมมีติดการบูรแบบนี้ ทั้งในตู้เสื้อผ้า ตู้หนังสือ  ตู้เก็บเครื่องครัว …ในรถยนต์ผมก็มี แต่ผมใส่ไว้ในกระป๋องใส่ผงเกร็ดเนย  แบบที่เขาใช้โรยเกร็ดเนย ที่ร้านพิซซ่าครับ

เอ้อ ขอร้องละครับ...อย่านำ“ การบูร ”ไ ปใส่ในตู้เย็น แล ตู้กับข้าว นาคร้าบ มันจะอ้วก....55555555
   

4. ล้างเท้าหรือซักผ้าขี้ริ้ว จากก๊อกน้ำนอกบ้าน แล้วน้ำไม่กระเซ็น…….คงจะมีใครเคยล้างเท้าหรือล้างภาชนะ หรือซักผ้าขี้ริ้ว จากก๊อกน้ำ ที่เป็นท่อโผล่จากพื้นปูนที่อยู่นอกบ้านนะครับ  ซึ่งจะโดนน้ำจากก๊อกน้ำ กระเซ็นเปื้อนขา เปื้อนกางเกงเปียกไปหมด  ยิ่งถ้านั่งล้าง นั่งซัก… น้ำที่กระเซ็น ก็โดนหน้า โดนเสื้อผ้า จนโชกหน้าแหร่ะ !!!!!

ขอแนะนำว่า ลองหาฟองน้ำราคาถูกๆ จะใหม่หรือเก่า ก็ได้ วางรองไว้ใต้ก๊อกน้ำที่น้ำไหลตกสู่พื้น   น้ำที่ไหลเป็นสายก็จะไม่กระเซ็นแล้วละครับ  ... เพราะฟองน้ำจะยืดหยุ่นซับน้ำเอาไว้ แล้วก็คายน้ำออกมาให้ได้ใช้งานตามที่ต้องการ


5. แขวนภาพบนฝาผนังชั่วครั้งชั่วคราว … เมื่อมีกรอบรูปภาพสวยๆ ขนาดใหญ่พอประมาณ และต้องการจะแขวนกับฝาผนัง แต่ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ดีๆ ยังไม่มีช่างเก่งๆมาติดตั้ง วัดแนวการติดบนผนังให้  ลองใช้ไม้แขวนเสื้อที่ทำมาจากลวดแข็งแรงนะครับ  นำมาติดเทปผ้าไว้ที่ด้านหลังกรอบรูปภาพนั้น  ให้โผล่เหนือรูปภาพก็เพียงเฉพาะที่ ตะขอไม้แขวนเสื้อ  แล้วจึงนำกรอบรูปภาพรูปสวยนั้น  ไปแขวนไว้กับตะขอบนฝาผนัง ตามใจชอบ ... แต่หากจะแขวนรูปภาพเป็นการถาวร  ผมว่า ควรจะติดตะขอ ของกรอบรูปภาพจะดีกว่าครับ
   
6. แก้ไขเส้นด้ายจากหลอดด้ายชอบพันกัน … หนุ่มโสดก็ต้องเย็บกระดุมที่หลุด จากเสื้อหรือจากกางเกงเหมือนกัน  ทีนี้พอผมสาวด้ายออกมาเยอะๆ หรือตอนที่ผมทำหลอดด้ายหลุดจากมือ หลอดด้ายมันก็จะกลิ้ง หลุนๆ ไปตามพื้น ก็ต้องวิ่งตาม ซิ คุณเอ๊ย !!!!

อ๊าย ตอนวิ่งตามเก็บน่ะ ยังพอทน  แต่ตอนเจอเส้นด้ายมันพันอีรุงตุงนัง นี่ซิ มันเหลืออด อยากจะเอาเข็มมาจิ้มมือตนเอง ที่ปล่อยหลอดด้ายให้หลุดมือ ไปด้าย

แต่ตอนนี้ ผมใจเย็นลงแล้ว  ผมใช้ กระปุกยา “ พาราเซตามอล ” ที่ผมทานยาจนหมดกระปุกแล้ว แล้วนำหลอดด้ายมาใส่ในกระปุกเปล่านี้แทน ร้อยเส้นด้ายกะเข็ม แล้วแทงเข็มเข้าที่ฝาเกลียวปิดกระปุก แทงจากด้านในออกมาด้านนอกน่ะครับ  ถ้าอยากจะให้เส้นด้ายเลื่อนไหล ออกมาง่ายๆ ก็ให้แทงแบบซาดิสต์หน่อย คือแทงซ้ำๆๆๆๆ เอาให้รูที่แทง บานทะโร่เลย แล้วก้อ ถอดเข็มออก ปิดฝาเกลียวของกระปุกเสีย

ทีนี้ละครับ เส้นด้ายเมื่อนำมาใช้งาน ร้อยเข็ม จะใช้กี่ครั้งๆๆๆๆ  เส้นด้ายก็จะไม่พันกันยุ่งเหยิง   แถมเส้นด้ายเมื่อเก็บไว้นานปี เส้นด้ายก็ไม่สกปรกด้วย


7. กระปุกยา ” พาราเซตามอล ” อีกแล้ว  เมื่อใช้ยาหมดกระปุกแล้ว ยังนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีก

ผมมันคนชอบว่ายน้ำ ถ้าไม่บอก จะมีคนรู้บ้างมั้ยเนี่ย ?  หลังจากว่ายน้ำเสร็จ  พอขึ้นมาอาบน้ำจืด เช็ดตัว สวมเสื้อผ้า ก็จะกลับบ้าน ... บอกอะไรไปเนี่ย  อุ๊บ บอกจริงใจไปหน่อย  ผมก็จะต้องใช้คอตตอนบัด ซับน้ำในหู คราวนี้ในเป้ของผม มันมีชุดว่ายน้ำ มันมีผ้าขนหนูเปียกๆ  แล้วก็พวกแชมพู สะบู่ แว่นตากันน้ำเปียกๆ ทั้งนั้น  คอตตอนบัดที่ยังไม่ได้ใช้  มันก็จะเปียกดิ ใช้คราวหน้าก็จะไม่ได้

ผมก็นำพวกคอตตอนบัด พวกพลาสเตอร์ยา หรือของที่ไม่ควรเปียกน้ำ เนี่ย นำมาใส่ในกระปุกเปล่าของยา ” พาราเซตามอล ” เสีย ... ขนาดของมันลงตัวกันเป๊ะ หมุนเกลียวปิดฝาซะ ก้อปลอดภัยจากภัยเปียกน้ำแล้ว

 
( ยังไม่หมดครับ  วันหน้าจะมาเยี่ยมอีก )
บันทึกการเข้า

จาก สิน
http://yyswim.bloggang.com
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #152 เมื่อ: 12 มกราคม 2551, 09:12:43 »

:lol: แอ๊ะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับลูกเหม็น ที่บ้านยโส เคยมีแมลงสาบ  Shocked

แอ๊ะเกลียดและกลัวแมงสาบมากที่สุดดดดดดดดดด
 :shock:
 พี่หาญเป็นงง ทำไมแอ๊ะกลัวแมงสาบมากขนาดนั้น :lol:

ก็มันเหม็นสาบเหมือนชื่อมันจริงๆ อ๊วกๆๆๆๆๆ

แม่บ้านไปซื้อลูกเหม็นมาถุงใหญ่แล้วเอามาใส่ห้องแอ๊ะตู้เสื้อผ้าแอ๊ะ เหม็นจนคิดว่า ต้องตายจากพิษของลูกเหม็นแน่  :shock:

แอ๊ะรีบให้แม่บ้านหาลูกเหม็นออกทิ้งให้หมด เธอต้องคลานไปใต้เตียงเพราะ เธอหว่านไปทั่ว :lol:

ปัจจุบัน แอ๊ะใช้บริษัท กำจัด แมลง ยุงแมงสาบ ปลวก มด  มาฉีดยาให้ จ้างเป็นปี เค้าจะมาทำให้ ทุกสามเดือน

ปรากฎว่า แมงสาบ หายหมดเลย มดยังไม่มีเลยค่ะ เค้าคิดตามตารางเมตรของบ้าน ค่ะ

น่าสนใจนะคะ ไม่อันตรายด้วย  Cheesy  Cheesy
บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #153 เมื่อ: 12 มกราคม 2551, 09:55:31 »

:lol: เพิ่มเติมอีกนิด พี่นภคะ

เขาฉีดในท่อน้ำทิ้งให้ด้วย ฉีดรอบบ้านให้ด้วย ในบ้านเขาก็จะเจาะเป็นรูเล็กๆไว้ พอสามเดือนทีเขาก็มาฉีดตามรูเล็กๆนั้น  ถ้าที่บ้าน ประมาณปีละ สองหมื่นถึงสามหมื่นกว่าบาท  Shocked

แอ๊ะให้เขาดูแลทั้งที่โรงพยาบาล บ้านที่กทม. และ ร.พที่มุก รวมเป็นปีก็น่าจะ เป็นแสน แต่คุ้มมาก เพราะไม่มีแมงสาบ ในร.พเลย และไม่มีสัตว์?นำเชื้อโรคเข้ามา เช่นหนู ก็จะไม่มี ค่ะ

จริงๆแล้ว ร.พแอ๊ะเข้าโครงการ สามสิบบาท เราต้องมีนักวิชาการสาธารณสุข และร.พ แอ๊ะต้องไปฉีดยุง ให้ชาวบ้านในชุมชนด้วยนะคะ Cheesy

แต่ของแอ๊ะเองแอ๊ะจ้างบริษํทในกรุงเทพมาทำ รู้สึกว่าทำได้ดีกว่าค่ะ :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #154 เมื่อ: 12 มกราคม 2551, 23:26:54 »

P Jiab
งาน culture shock ของผมเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ขอบคุณ P Jiab for support  ครับ

YAS
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #155 เมื่อ: 13 มกราคม 2551, 02:02:57 »

ขอบคุณพี่สิน กับพี่แอ๊ะมากๆ นะคะ ที่กรุณานำเคล็ดลับดีๆ มาแบ่งปันกัน  หลายๆ เรื่องน่าสนใจมาก  คนนี่ก็ช่างคิดแก้ปัญหาได้อย่างเฉียบแหลมจริงๆ

Yas ยินดีด้วยค่ะ ... ว่าแต่คุณพ่อมือใหม่เถอะ !  รีบไปอ่าน " คู่มือเลี้ยงลูกคนแรก " ที่พี่เจี๊ยบตั้งใจจะเขียนแนะนำไว้  ที่กระทู้จากเยอรมนี ของหนุงหนิง  เร็ว  เร้ว !
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #156 เมื่อ: 13 มกราคม 2551, 12:52:36 »

ครับ พี่เจี๊ยบ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #157 เมื่อ: 14 มกราคม 2551, 13:45:39 »

นกยูงเผือก

บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #158 เมื่อ: 14 มกราคม 2551, 15:09:51 »

P.Jiab,
o,he is so beautiful...why the nature  is not fair to female peacock???
nn.
บันทึกการเข้า


alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #159 เมื่อ: 14 มกราคม 2551, 23:05:42 »

It;s cute P Jiab but I personally like the peacock with natural colors krab.
This one must be very rare one ...... endangered spicy!!!!
YAS
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #160 เมื่อ: 14 มกราคม 2551, 23:38:40 »

P.yas,
the one near this is a normal one without spanding his...his what??
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #161 เมื่อ: 15 มกราคม 2551, 00:28:58 »

Digital City Centerpoint ของเสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

Centerpoint ปิดฉาก 9 ปี  ถิ่นวัยรุ่นย่านสยามสแควร์

ที่ดินบริเวณ Centerpoint ถูกกลุ่มของเสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง  คว้าสัมปทานไป ต้อนรับการออกนอกระบบ ของ ม. จุฬา ด้วยราคาเหนาะๆ ไม่ถึงหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งทางเสี่ยเจริญก็จะพัฒนาที่ดินบริเวณเซ็นเตอร์ พอยท์ให้เป็นอาคารสูงหกชั้น  มีนามว่า ดิจิตัล ซิตี้ เป็นแหล่งช๊อปปิ้ง ค้าขาย จับจ่ายใหม่ ซึ่งตาม โครงการจะเป็นแหล่งค้าสินค้าเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมทั้งมีพื้นที่ให้วัยรุ่นทำกิจกรรมบนตัวอาคาร  โดยงบประมาณการก่อสร้าง สูงถึง 289 ล้านบาท  เริ่มการก่อสร้าง กุมภาพันธ์ 2551



โดยรายละเอียดของโครงการเป็นดังนี้  

ชั้น 1 ( ชั้นล่าง ) เป็นพื้นที่ที่มีความตื่นเต้นสนุกสนานประกอบด้วยพื้นที่ Convention Hall สำหรับจัด กิจกรรมทางการตลาด ที่มีความโอ่โถง สะดวกสบาย และมีผู้สัญจรผ่านมากที่สุดของกรุงเทพฯ นอกจาก นั้นจะเป็นศูนย์รวมสินค้าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทางด้านเกม กราฟิก และแอนิเมชันที่ทันสมัยที่สุด รวมไป ถึงร้านค้าซูเปอร์แบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ  

ชั้นที่ 2 ออกแบบพื้นที่ เป็นศูนย์รวมของสินค้าอุปกรณ์ดิจิตอลแบบพกพา สำหรับธุรกิจและครอบครัว อาทิ คอมพิวเตอร์แบบพกพา ( Notebook ) กล้องถ่ายรูปดิจิตอล และกล้องถ่ายวิดีโอ ,อุปกรณ์ออดิโอ และ วิดีโอ ( AV ) แบบพกพา รวมถึงร้านค้ามัลติแบรนด์ อีกทั้ง จะจัดให้มีไซเบอร์คาเฟ่ หรือร้านกาแฟที่ทัน สมัย สำหรับเป็นที่นั่งพักผ่อนอีกด้วย  

สำหรับชั้นที่ 3 ออกแบบให้เป็นพื้นที่ ที่สามารถเข้า-ออกได้ อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการต่อเชื่อม กับ รถไฟฟ้าบีทีเ?ส โดยเป็นศูนย์รวมสินค้าแบบพกพาขนาดเล็กทุกรูปแบบ อาทิ มือถือ MP3 MP4 PDA Gadget อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ประกอบ กิฟต์ช็อป และร้านให้บริการทางด้านดิจิตอลและสื่อสารคมนาคม หลากหลายรูปแบบ  ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าใจบริการในชั้นดังกล่าว หากเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถหาซื้อสินค้า และใช้บริการได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีบริการร้านไซเบอร์คาเฟ่ที่ทันสมัยสำหรับเป็นจุดนัดพบอีกด้วย  

ชั้นที่ 4 ออกแบบเป็นลานกิจกรรมสำหรับสร้างสรรค์สังคม พัฒนาการศึกษา เวทีคอนเสิร์ต และร้านอาหารที่ทันสมัย รวดเร็ว และสะดวกสบาย ผสมผสานกับการจัดสวนที่ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากอาคารอื่นๆ ของสยามสแควร์  

ซึ่งกลุ่มของเสี่ยเจริญ ประมูลชนะกลุ่มเดิมที่ทำเซ็นเตอร์พอยท์ รวมถึงกลุ่มอื่นๆ เช่นกลุ่มมาบุญครอง กลุ่มสยามเซ็นเตอร์ ที่แม้จะเป็นตัวเก็ง และให้ราคาที่สูงกว่า แต่ก็ไม่ถูกใจทางจุฬาฯ เพราะเป็นโครงการที่ดูให้ผลตอบแทนน้อยในระยะยาว

ภาพของจริงที่ชนะประมูล มองจากสถานีรถไฟฟ้าจะเห็นหลังคาเป็นคลื่น ถ้ามุม Bird Eye View จากตึกศูนย์หนังสือจุฬาฯ จะเห็นหลังคาเป็นตัวหนอนเลื้อยมา'

นี่คือภาพใหม่ของพื้นที่สยามเซ็นเตอร์พ้อยท์ หรือชื่อโครงการใหม่คือ ' เซ็นเตอร์พ้อยท์ แอนด์ เกตเวย์ สยามสแควร์' ที่รองศาสตราจารย์ ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำกับดูแลสำนักงานจัดการทรัพย์สิน แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากตัดสินเลือกบริษัททิพย์ พัฒนอาร์เขต ในเครือของบริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ ของ 'เจริญ สิริวัฒนภักดี' เป็นผู้ชนะประมูล ลงทุนพัฒนาพื้นที่ที่เป็น 'ไข่แดง' ของสยามสแควร์ เป็นเวลา 15 ปี ด้วยงบลงทุน 289 ล้านบาท




บนพื้นที่รวม 1 ไร่ 64 ตารางวานี้ จะสว่างไสวด้วยอาคาร 4 ชั้น หลังคาก่อสร้างแบบ Free Form ไม่ใช่รูปทรงเรขาคณิต แต่จะคล้ายคลื่น และทั้งหมดใช้วัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยที่สุด คือกระจก อะลูมิเนียม และหลังคาผ้าใบ ภายในอาคารมีร้านค้าปลีก โดยเฉพาะชั้น 2 และชั้น 3 ที่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า และอาหาร แต่จะมีสินค้าไอที เพราะสยามสแควร์ยังไม่มีแหล่งสินค้าไอที แต่สินค้าไอทีที่นี่จะเน้นรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อตอบสนองลูกค้าสยามสแควร์



จุดเด่นคือชั้นบนสุด เป็นลานกว้าง และสวนต้นไม้ ที่เรียกว่า Roof Garden ส่วนชั้น 3 ต่อเชื่อมกับ Digital Gateway หรือทางเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และชั้นล่างสุดคือลานแสดงเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็น Digital Convention Hall เป็นที่สำหรับสิ่งที่ทันสมัยในโลกจะมาแสดง เหมือนศูนย์แสดงนิทรรศการ  



และด้วยจุดเด่นของโครงสร้างที่เป็นหลังคากระจก 2 ชั้น (Double Glazing) มีช่องว่างให้ลมผ่าน ทำให้สามารถประหยัดพลังงาน ผนวกกับรูปแบบโดยรวมที่ทันสมัย และความน่าเชื่อถือของเงินทุน เพราะทิพย์พัฒนอาร์เขต อยู่ในเครือของธุรกิจขนาดใหญ่ มีรายได้จากหลายสาขา และเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์จากการพัฒนาพันธุ์ทิพย์พลาซาเป็นศูนย์การค้าไอที นั้น ดร.บุญสมบอกว่าจึงเป็นข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุด สำหรับเซ็นเตอร์พ้อยท์  



สรุปข้อเสนอที่ทำให้สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ อนุมัติให้บริษัททิพย์พัฒนอาร์เขตชนะประมูล

1. คะแนนรวมเทคนิคเป็นอันดับ 1
-จากคุณสมบัติของบริษัทที่มีพื้นฐานมั่นคง เพราะมีธุรกิจหลากหลายในเครือ
-ประสบการณ์จากการบริหารห้างสรรพสินค้าไอที โดยเฉพาะพันธุ์ทิพย์ พลาซา

2. รูปแบบการก่อสร้างที่ทันสมัย ด้วยวัสดุกระจก อะลูมิเนียม และผ้าใบ พื้นที่เปิดโล่ง
-วัสดุกระจก 2 ชั้น มีช่องอากาศระหว่างกลาง เป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้ประหยัดพลังงาน

3. ลักษณะหลังคา Free Form เป็นคลื่น ทำให้ดูสวยงาม จุดเด่นบนชั้น 4 ที่มี Roof Garden

4. คอนเซ็ปต์ของประโยชน์ใช้สอยสำหรับ 'ยุคดิจิตอล' โดยเน้นสินค้าไอที และจัดมีห้องโถงสำหรับ แสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรม 'ดิจิตอล คอนเวนชั่น ฮอลล์' ในชั้นล่าง พื้นที่ 900 ตารางเมตร รวมพื้นที่ให้เช่า 4,604 ตารางเมตร




กิจกรรมและไลฟ์สไตล์ในอนาคตของเซ็นเตอร์พ้อยท์ตามข้อเสนอของทิพย์พัฒนอาร์เขต

1. Digital Event & Media เป็นพื้นที่ที่เน้นกิจกรรมทันสมัย และมีสื่อทันสมัย รวมถึงป้ายบิลบอร์ดสำหรับสินค้าและบริการต่างๆ
2. Exploration เป็นที่สำรวจและค้นพบสิ่งใหม่ๆ
3. IT Spot จุดแสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ
4. Innovative Effects แหล่งสะท้อนนวัตกรรมใหม่ๆ
5. Freedom & Uplifting ให้ความรู้สึกอิสระ และเบิกบานใจ  




ความเปลี่ยนแปลงที่เซ็นเตอร์พ้อยท์  เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาพื้นที่ที่ ดร.บุญสมบอกว่า ได้วาง Positioning ของสยามสแควร์ให้เป็น 'Walking Street Mall' แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีคอนเซ็ปต์ให้ความสำคัญกับคนเดินเท้า หรือที่เรียกว่า Pedestrian Priority โดยการปรับภูมิทัศน์ให้ร่มรื่น และไม่มีรถวิ่งผ่านในพื้นที่ จากเดิมภาพของสยามสแควร์จะมีเพียงตึกแถว และบางมุมเป็นมุมอับ ซอกซอยที่ภูมิทัศน์ไม่ดีนัก เช่น ที่วัยรุ่นเรียกกันว่าตรอกหนูดำ และ ซอยแมลงสาบ  

และส่วนสุดท้ายที่เตรียมประมูลหาผู้รับเหมา คือบริเวณบล็อก L หรือบริเวณร้านสุกี้แคนตัน ก่อสร้างเป็นอาคารจอดรถ 10 ชั้น สำหรับจอดรถได้ 800 คัน งบลงทุน 800 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน มี Sky Walk เชื่อมต่อมาจากรถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งพื้นที่นี้ในอนาคตหลังก่อสร้างอาคารจอดรถเสร็จแล้ว จะประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโรงแรมขนาด 3 ดาวครึ่ง ขนาด 25 ชั้น 400 ห้อง โดย 3 ชั้นล่างจะเป็นร้านค้า และโรงเรียนกวดวิชา
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #162 เมื่อ: 15 มกราคม 2551, 00:34:51 »

P.Jiab ka,

is Centerpoint the high building??it looks more than 6 floors!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #163 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 01:16:10 »

:?  NN ... รูปแรก  ที่หนิงว่า  น่าจะเป็นโรงแรม 25 ชั้น  ในบริเวณที่เป็นบล็อก L  และควรเป็นรูปประกอบของข้อความในย่อหน้าสุดท้ายนี่ นะคะ  ... แฮ่ะ ๆ  คนโพสต์ก็มิได้อ่านให้ละเอียดก่อน  เมื่อคืนง่วงมากค่ะ  !  

ปลาพญานาค

เล็ก-พูลศรี  Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา

พี่ๆ น้องๆ  โปรดใช้วิจารณญานในการชมด้วยนะคะ  ดูๆ แล้วยังกะ model ใน studio ที่เค้าใช้ถ่ายหนังพวก Anaconda  หรือ  Jaws เลยนิ ! ... ถ้านักข่าว-เจี๊ยบจะไม่นำมาเสนอ  เดี๋ยวก็จะผิดพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ซะ ... ha  ha  ha !









เหมือนรูปนี้มั้ย ?


ภาพสเก็ตจากหนังสือพิมพ์เก่า
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #164 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 01:55:58 »

P.Jiab ka,
hohh...that is at least 4-5 meters naka??and nungning,she imagines already what if this fish:salt-dried fish,fry fish,curry fish,fish soup,what do I need as a container?? a barrel tank??
What is a zoology name,P.Jiab??it looks like Barracuda!
nn.(shark)
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #165 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 02:17:11 »

:wink:  ฮั่นแน่   หนิงเก่งเรื่องชื่อปลา ซะด้วย  พี่เปิด Dict. ดูศัพท์คำนี้แล้ว   เจอคำแปลว่า " ปลาทะเลบาราคิวดา  ตระกูล Sphyraena "  ความหมายอื่นๆ  :  ดุร้าย และมีฟันแหลมคม

แต่ปลาพญานาคนี่  เป็นปลาน้ำจืด  ที่พบในแม่น้ำโขง นะ  ชื่อปลาอะไรก็บ่ฮู้  มีจริงๆ รึเปล่าก็ยังบ่ฮู้เลย   เคยอ่านเจอแว้บๆ ที่ไหนน้อว่า  รูปทหารอเมริกันที่ช่วยกันอุ้มปลาน่ะ   เป็นรูปที่ " จัดฉาก " ขึ้นมา  ไม่ใช่ปลาพญานาคจริงๆ  ... เอ๊ !  แล้วเค้าจะลงทุนจัดฉากออกมาให้เหมือนกันเป๊ะๆ  ทั้งสองยุค  สองสมัย เชียวเหรอ ? ... น่าคิดแฮะ !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #166 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 02:22:11 »

P.Jiab,
the picture with the American soldiers and this long fish looks so real...I don't think it is a cheat...
Have you ever heard "Plaa-Juad"??some kind like this :lol:  :lol:
nn.

ps.Mae Kong fish?? I think only Plaa Buek,the giant of Laam Nam Kong only!!
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #167 เมื่อ: 21 มกราคม 2551, 01:10:37 »

รู้ไหมว่า คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ กินไฟประมาณ 400-500 วัตต์

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

ข้อมูลจาก www.maama.com

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ขนาดมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป กินไฟประมาณ 400-500 วัตต์ ส่วนประกอบที่กินไฟในคอมพิวเตอร์มีอยู่ 2 ส่วนคือ จอมอนิเตอร์ กับ CPU และส่วนที่กินไฟมากที่สุดคือ จอมอนิเตอร์ ซึ่งขนาดมาตรฐานทั่วไปที่ใช้กันคือ ขนาด 15 นิ้ว กินไฟประมาณ 330 วัตต์ ( ต่อระยะเวลานานเท่าไร ต้นฉบับก็ไม่ได้บอกไว้ แถมขณะนี้จอภาพที่ขายอยู่ในท้องตลาดน่ะ ใหญ่ขนาด 19-21 นิ้ว แล้วนะคะ จะกินไฟมากขึ้นไปอีกโขเลย ... เจี๊ยบพิมพ์เพิ่มเองแหล่ะ ! ) ส่วน CPU จะกินไฟประมาณ 150 วัตต์ แล้วเจ้าโปรแกรม Screen Saver น่ะไม่ช่วยประหยัดค่าไฟ หรอกนะ

พนักงานส่วนใหญ่ชอบเปิดจอทิ้งไว้ คิดว่าไม่เป็นไร เพราะคอมพิวเตอร์มี Screen Saver คิดว่าพอเราหยุดใช้งานคอมพิวเตอร์ไป 1-3 นาที จอภาพเปลี่ยนเป็น Screen Saver แล้วจอจะกินไฟน้อยลง ... เปล่าเลย จอยังกินไฟเท่าเดิมครับ คือยังกินไฟ 330 วัตต์ อยากจะประหยัดค่าไฟ จำไว้เลยครับว่า ถ้าผละจากหน้าจอไม่ว่าจะไปไหน กินข้าว, ประชุม, เข้าห้องน้ำ หรือไปทำธุระเป็นเวลานานๆ ให้กดสวิตซ์ปิดหน้าจอทุกครั้ง ... ปิดแค่สวิตซ์จอมอนิเตอร์ โดยไม่ต้อง Shut down เครื่อง

ลองมาคำนวณค่าไฟแบบคร่าวๆ โดยสมมติว่าจอ Philipe 15" กินไฟ 180 วัตต์ ( 220V.0.8A ) พนักงานOffice ทำงานเฉลี่ย 22 วันต่อเดือน ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง คิดเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ = (180 x 8 x 22) / 1000 = 31.68 KWh. คิดเป็นค่าใช้จ่าย = 31.68 x 2.83 = 90 บาท / เครื่อง / เดือน คอมพิวเตอร์ในบริษัท เฉพาะส่วน office มีประมาณ 50 เครื่อง รวมเป็นเงิน 4,500 บาท / เดือน หรือ 54,000 บาท / ปี ( นี่เฉพาะค่าไฟฟ้าจากจอมอนิเตอร์นะครับ ยังไม่รวม CPU และ Printer )

สมมติ ถ้าเราช่วยกันปิดจอมอนิเตอร์วันละ 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลาพักกลางวัน สามารถประหยัดเงินไปได้ = [ ( 180 x 1 x 22 ) /1000 ) x 2.83 = 11.20 บาท / เครื่อง / เดือน ถ้า 50 เครื่อง ก็จะประหยัดเงินไปได้ = 50 x 11.20 = 560 บาท / เดือน หรือ 6,720 บาท / ปี

เอ๊ ! ผู้เอามาเล่าต่อ รู้สึกข้องใจแฮะ ! ไหนบอกว่าจอ 15 " กินไฟ 330 วัตต์ แต่เวลายกตัวอย่างเพื่อคำนวณค่าไฟ ทำไมถึงใช้ตัวเลขเพียง 180 วัตต์ล่ะ ... ช่างอิเลคโทรนิคท่านไหนก็ได้ ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #168 เมื่อ: 21 มกราคม 2551, 01:23:51 »

P.Jiab,
and I give up  since I saw a lot of numbers!!...I am tired now...not fit in head...let me reread it again tomorrow! :lol:  :lol:
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #169 เมื่อ: 22 มกราคม 2551, 12:33:01 »

หมายเลขโทรศัพท์ พิเศษ 4 หลัก

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

รู้ไว้ไม่เสียหลายนะคะ ... FYI & R รวบรวมเบอร์โทรศัพท์ 4 ตัว ไว้ ดังนี้

1100 บริการข่าวสารข้อมูลของ ทศท บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
1103 ให้บริการข้อมูลข่าวสารการให้บริการของบริษัทฯ TT&T อัตราปกติ
1111 บริการข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1113 ให้บริการข้อมูลเลขหมายโทรศัพท์และอื่นๆ บริษัทสามารถ นาทีละ 6 บาท
1115 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารออมสิน อัตราปกติ
1120 ศูนย์บริการลูกค้า ทศท บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
1123 ให้บริการข้อมูลข่าวสาร กระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่คิดค่าบริการ
1125 แจ้งน้ำประปาขัดข้องในเขตนครหลวง การประปานครหลวง อัตราปกติ
1128 บริการลูกค้า Hutch อัตราปกติ
1130 ให้ข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า ( Call Center ) การไฟฟ้านครหลวง อัตราปกติ
1133 สอบถามเลขหมายโทรศัพท์ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
1134 รับแจ้งเบาะแสและให้ความช่วยเหลือเด็ก มูลนิธิปวีณา หงสกุล ไม่คิดค่าบริการ
1135 บริการให้ข้ อมูลในเรื่องคดีเศรษฐกิจ กองบังคับการสืบสวนคดีเศรษฐกิจ อัตราปกติ
1136 รับแจ้งเหตุการทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กรมตำรวจป่าไม้ อัตราปกติ
1137 แจ้งข้อมูลการจราจร สถานีวิทยุ จส. 100 ไม่คิดค่าบริการ
1139 ให้บริการข่าวกรองทหาร หน่วยข่าวกรองทหาร ไม่คิดค่าบริการ
1140 รับเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะมายังศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงบประมาณ อัตราปกติ
1142 PAGING ( PACKLINK ) บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1143 PAGING ( PACKLINK ) โดยไม่ผ่าน Operator บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1144 PAGING ( PACKLINK ) โดยผ่าน Operator บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1149 AIS Corporate Call Center บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส อัตราปกติ
1150 ให้บริการสั่งอาหาร บริษัทเคเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อัตราปกติ
1154 สอบถามเลขหมายโทรศัพท์ธุรกิจ ( สมุดหน้าเหลือง ) บริษัทเทเลอินโฟมีเดีย จำกัด อัตราปกติ
1155 ให้ความช่วยเหลือปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่คิดค่าบริการ
1156 ให้ข้อมูลและรับผิดข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร. บ. การศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อัตราปกติ
1157 ให้ข้อมูลด้านกฎหมายทั่วไป สำนักงานอัยการสูงสุด อัตราปกติ
1158 ให้ข้อมูลและคำปรึกษางานคดีแรงงาน สำนักงานอัยการสูงสุด อัตราปกติ
1159 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานบริการของกรมการกงศุล กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศ อัตราปกติ
1160 ให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการเกษตร โครงการวิทยุเพื่อนเกษตร อัตราปกติ
1164 สอบถามการนำเข้าและส่งออก กรมศุลกากร ( กระทรวงการคลัง ) อัตราปกติ
1165 ให้บริการฮอทไลน์แก้ปัญหายาเสพติด กรมการแพทย์ ( กระทรวงสาธารณสุข ) อัตราปกติ
1166 รับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับสินค้าบริโภค คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค อัตราปกติ
1167 ให้แนะนำเผยแพร่และให้คำปรึกษาแก่ประชาชน สภาทนายความ อัตราปกติ
1169 บริการข้อมูลการค้าเร่งด่วนเกี่ยวกับการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก อัตราปกติ
1170 บริการข้อมูลข่าวสารด้านการเกษตร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด( มหาชน ) อัตราปกติ
1173 บริการข้อมูลรายละเอียดของหน่วยงานหรือบริษัทที่ต้องการติดต่อ บริษัทเยลโลว์ เพจเจสโฟนเซิร์ซ จำกัด อัตราปกติ
1174 บริการข้อมู ลเกี่ยวกับข่าวสารยางพารา กรมวิชาการเกษตร อัตราปกติ
1175 บริการข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท AIS บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส อัตราปกติ
1176 TOT SME Call Center บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
1177 แจ้งโทรศัพท์ขัดข้อง บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
1178 รับแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้ายเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าว สำนักตรวจคนเข้าเมือง อัตราปกติ
1179 ให้บริการข้อมูลข่าวสารระดมเงินออมระยะยาว กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ อัตราปกติ
1180 ใช้เป็นเลขหมายสำหรับเรียกไปยังลูกข่ายของ TRUNK PHONE บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1182 ให้ข้อมูลพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา อัตราปกติ
1187 Paging ( Post Tel ) ฝากข้อความโดยไม่ผ่าน Operator กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1188 Paging ( Post Tel ) โดยผ่าน Operator กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1189 Paging ( Post Tel) บริการข้อมูลข่าวสาร กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1190 แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ไม่คิดค่าบริการ
1192 บริการกำกับ ดูแลการป้องกันแบะปราบปรามการโจรกรรมรถ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่คิดค่าบริการ
1193 แจ้งอุบัติเหตุบนทางหลวง กองบังคับการตำรวจทางหลวง ไม่คิดค่าบริการ
1194 รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมข้าราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่คิดค่าบริการ
1195 กองปราบปราม กองบังคับการตำรวจปราบปราม อัตราปกติ
1196 แจ้งอุบัติเหตุทางน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำ ไม่คิดค่าบริการ
1197 ให้ข้อมูลจราจร ตำรวจจราจร อัตราปกติ
1199 รับแจ้งข้อเสนอ ข้อสังเกตและคำร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับกรมเจ้าท่า กรมเจ้าท่า อัตราปกติ


1222 Internet Access ( TOT online ) บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1238 Tip card บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) นาทีละ 2 บาท
1239 บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ( Tip card ) บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) 3 บาท / call ทั่วประเทศ


1318 CALL CENTER นกแอร์ อัตราปกติ
1322 CAT CONTACT CENTER บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด( มหาชน ) อัตราปกติ
1323 โรงพยาบาลนิติจิตเวช อัตราปกติ
1330 โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค กระทรวงสาธารณสุข อ ัตราปกติ
1331 บริการลูกค้า Orange บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด อัตราปกติ
1333 บริการบัวหลวงโฟน ธนาคารกรุงเทพ อัตราปกติ
1355 บริการข้อมูลข่าวสารศาลปกครอง ศาลปกครอง อัตราปกติ
1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม อัตราปกติ
1364 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ( มหาชน )
1365 บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน )


1477 แจ้ง Lease Line ขัดข้อง บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน )

1500 Paging ( Easy Call ) โดยผ่าน Operator บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย) จำกัด อัตราปกติ
1501 Paging ( Easy Call ) โดยไม่ผ่าน Operator บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย ) จำกัด อัตราปกติ
1502 Paging ( Easy Call ) ( ยังไม่เปิดให้บริการ ) บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย ) จำกัด อัตราปกติ
1503 ให้ความช่วยเหลือและประสานงานในสภาวะฉุกเฉินในเขต จ.ระยอง กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อัตราปกติ
1504 ให้ความช่วยเหลือและประสานงานในสภาวะฉุกเฉินในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อัตราปกติ
1505 รับแจ้งเบาะแสผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษี กรมสรรพากร อัตราปกติ
1506 รับเรื่องร้องทุกข์และให้ข้อมูลเก ี่ยวกับการประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม อัตราปกติ
1507 ศูนย์บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ กรมประชาสงเคราะห์ อัตราปกติ
1508 รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการบริการรถโดยสาร บริษัท ขนส่ง จำกัด อัตราปกติ
1509 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย ( School Net ) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1540 บริการรับแจ้งแก๊สรั่ว บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1541 รับแจ้งข้อมูลอาชญากรรมและยาเสพติด มูลนิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย อัตราปกติ
1542 บริการให้คำปรึกษาการแก้ปัญหาฆ่าตัวตาย มูลนิธิสะมาริตัน อัตราปกติ
1543 บริการข้อมูลและรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับบริการทางด่วน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1547 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร บริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส ( ประเทศไทย จำกัด ) อัตราปกติ
1548 บริการข้อมูลเกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎร์ สำนักงานกลางทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง อัตราปกติ
1549 Prepaid Card บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ( มหาชน )
1551 บริการข้อมูลและข่าวสารของ ธ.กรุงไทย ธนาคารกรุงไทย อัตราปกติ
1552 จองห้องพักโรงแรมในสมาคมโรงแรมไทย สมาคมโรงแรมไทย อัตราปกติ
1553 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน อัตราปกติ
1554 บริการให้คำปรึกษาแนะนำผู้ป่วย สำนักงานแพทย์กรุงเทพฯ อัตราปกติ
1555 ให้บริการข้อมูลและบริการของ กทม. กรุงเทพมหานคร ไม่คิดค่าบริการ
1556 ให้คำปรึกษาอาหารและยา สำนักกรรมการอาหารและยา 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1557 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บริษัทวิริยะประกันภัย อัตราปกติ
1558 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารทหารไทย อัตราปกติ
1560 บริการสำรองที่นั่งเครื่องบิน บริษัท การบินไทย อัตราปกติ
1561 บริการข่าวสารและข้อมูลของ ธ.ไทยพาณิ ชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ อัตราปกติ
1566 บริการข่าวสารและข้อมูลของบริษัทการบินไทย บริษัท การบินไทย อัตราปกติ
1567 ให้บริการข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย อัตราปกติ
1569 รับแจ้งการร้องทุกข์เกี่ยวกับราคาสินค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อัตราปกติ
1571 บริการข่าวสารและข้อมูลของ ธ. กสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย อัตราปกติ
1575 ให้ข้อมูลที ่อยู่อาศัย บริษัท ดิจิตอล แอสเซ็ท จำกัด อัตราปกติ
1576 บริการให้คำปรึกษาปัญหาเยาวชนและครอบครัว ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อัตราปกติ
1578 รับแจ้งขอความช่วยเหลือเพื่อดูแลเด็ก กรมประชาสงเคราะห์ ไม่คิดค่าบริการ
1580 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1581 ให้บริการข่าวสารข้อมูลของบริษัท AIA อัตราปกติ
1582 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อัตราปกติ
1584 ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ อัตราปกติ
1585 ให้บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารเอเซีย อัตราปกติ
1588 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพฯ อัตราปกติ
1589 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด อัตราปกติ
1590 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ อัตราปกติ
1591 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ อัตราปกติ
1593 ศูนย์การเกษตรกรให้ข้อมูลข่าวสารเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตร ( ธ.ก.ส.) อัตราปกติ
1595 บริการข้อมูลข่าวสาร ธนาคารแสตนดาร์ด ชาเตอร์ นครธน อัตราปกติ
1598 ร้องเรียนความไม่สะดวกจากหน่วยงานราชการ สำนักงาน กพ. อัตราปกติ
1599 บริการข่าวสารและข้อมูลของตำรวจ ศูนย์อำนวยการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัตราปกติ


1600 ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ผู้ต้องการเลิกสูบบุหรี่ มูลนิธิหมอชาวบ้าน อัตราปกติ
1601 ให้บริการ Internet ศูนย์บริการอินเตอร์เน็ต ประเทศไทย อัตราปกติ
1602 ให้บริการ Internet บริษัทสามารถอินโฟเนต จำกัด อัตราปกติ
1609 เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการผ่านคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อัตราปกติ
1620 Call Center บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1643 ให้บริการ Internet บริษัท เอดีเวนเจอร์ จำกัด อัตราปกติ
1644 ให้บริการข้อมูลข่าวสารการจราจร สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( คจร.) ไม่คิดค่าบริการ
1645 ให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์และให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ อัตราปกติ
1646 บริการประสานงานการรับส่งตัวผู้ป่วย สำนักการแพทย์ กทม. อัตราปกติ
1661 บริการรถแท็กซี่ สหกรณ์แท็กซี่สยาม จำกัด อัตราปกติ
1662 แจ้งน้ำประปาขัดข้องในภูมิภาค การประปาภูมิภาค อัตราปกติ
1663 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคเอดส์ สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1664 บริการข้อมูลเพื่อรณรงค์ขจัดโรคขาดสารไอโอดีน สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1665 ให้คำแนะนำในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้น สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1666 รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1667 ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ไม่คิดค่าบริการ
1668 ให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง กรมการแพทย์ อัตราปกติ
1669 รับแจ้งอุบัติเหตุและให้คำแนะนำฉุกเฉินในการดูแลคนป่วย กระทรวงสาธารณสุข ไม่คิดค่าบริการ
1670 ให้บริการสังคมเพื่อคลายปัญหาดับทุกข์ทางใจ กรมสุขภาพจิตร่วมกับ อ.ส.ม.ท. FM. 95.5 MHz อัตราปกติ
1675 บริการสายด่วนโภชนา ( กรมอนามัย ) กระทรวงสาธารณสุข อัตราปกติ
1677 รับแจ้งเหตุและช่วยเหลือสาธารณะทั่วไป บริษัท UCOM จำกัด อัตราปกติ
1678 ศูนย์บริการข่าวสารและข้อมูลด้านสินค้าของบริษัท บริษัท UCOM จำกัด อัตราปกติ
1679 ให้บริการเคเบิลทีวีของบริษัท การท่าเรือแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1680 ให้บริการ Internet บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) อัตราปกติ
1681 บริการรถแท็กซี่ ศูนย์บริการวิทยุสื่อสารบนรถรับจ้ างสาธารณะ อัตราปกติ
1685 บริการข้อมูล บ้านแสนศิริ อัตราปกติ
1688 รับแจ้งข้อมูลการผลิตและจำหน่ายยาเสพติด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด / ศาลากลางปัตตานี ไม่คิดค่าบริการ
1690 สอบถามข้อมูลฉุกเฉิน การรถไฟแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1691 รับแจ้งอุบัติเหตุ โรงพยาบาลตำรวจ ไม่คิดค่าบริการ
1694 ให้คำปรึกษาด้านการช่วยเหลือการจัดหางาน กรมการจัดหางาน อัตราปกติ
1695 รับแจ้งร้องทุกข์เกี่ยวกับผู้ถูกหลอกลวง กรมการจัดหางาน อัตราปกติ
1696 รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ อุบัติภัยทางน้ำ กรมสื่อสารทหารเรือ ไม่คิดค่าบริการ
1697 ให้คำปรึกษาด้านการช่วยเหลือการจัดหาแรงงาน กระทรวงมหาดไทย อัตราปกติ
1698 ให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างการว่างงาน กระทรวงแรงงานฯ อัตราปกติ
1699 ให้ข้อมูลบริการของโรงแรม โรงแรมดุสิตธานี อัตราปกติ


1719 CALL CENTER โรงพยาบาลกรุงเทพ อัตราปกติ
1772 Call Center โรงพยาบาลพญาไท 2 อัตราปกติ
1777 Call Center Thai Mobile อัตราปกติ


1888 บริการ TOT POSTPAID บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ไม่คิดค่าบริการ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #170 เมื่อ: 28 มกราคม 2551, 13:37:17 »

" ขับห้ามโทร " เริ่ม พ.ค.51 ... แค่ถือก็ผิดแล้ว

พี่วิวิธ 07 ... ส่งมา



ในขณะขับ ... ครั้งแรกประชาสัมพันธ์ก่อนจับเป็นมาตรการสุดท้าย  ส่วนข้อยกเว้นให้ใช้มือถือได้ในรถยนต์ที่ใช้ในราชการยังไม่มีข้อยุติ  ภายหลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) เห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบกให้ออกมาบังคับเป็นกฎหมาย  โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติมบทบัญญัติในการห้ามโทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่  เว้นแต่เป็นการใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้สนทนา  หรือแฮนด์ฟรี  โดยผู้ที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษ  ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท  ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ เมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันที่ประกาศ ในพระราชกิจจานุเบกษา

ความคืบหน้ากฎหมายห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์  หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด  ในขณะที่รถเคลื่อนที่พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้รอพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยลงในประกาศในราชกิจจานุเบกษา  คาดว่าน่าจะเป็นเดือนพฤษภาคม  ช่วงนี้จะเน้นการประชาสัมพันธ์  ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่  ซึ่งตามกฎหมายถือโทรศัพท์ก็ผิดแล้ว  ขอให้ผู้ขับขี่ซื้ออุปกรณ์ไร้สาย  หูฟัง  

มาตรการจับจะเป็นมาตรการสุดท้าย  ตอนนี้จะเชิญชวนประชาสัมพันธ์โดยจะทำเหมือนการประชาสัมพันธ์การคาดเข็มขัดนิรภัย  ส่วนวิธีการสุ่มจับของตำรวจจะใช้วิธีการถ่ายภาพ  เบื้องต้นจะซื้อกล้องธรรมดา  และต่อไปจะใช้กล้องเรดาร์เหมือนกล้องตรวจจับความเร็ว  ซึ่งสามารถ่ายในระยะไกลได้  หลังจากนั้นก็จะส่งหมายเรียกผู้กระทำความผิดไปทางไปรษณีย์ถึงที่บ้านท่าน  จุดมุ่งหมายก็คือเพื่อลดอุบัติเหตุ  ลดการเสียสมาธิในการขับรถ  ส่วนข้อยกเว้นว่าควรผ่อนผันให้ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับขี่รถยนต์บางประเภท  อาทิ  รถยนต์ที่ใช้ในราชการ  นายตำรวจ  นายทหาร  รถโรงพยาบาล  รถป่อเต็กติ๊ง  ดังนั้นจึงให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาออกกฎว่า  รถยนต์ประเภทใดบ้างทีสามารถได้รับการยกเว้นต่อไป
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
บันทึกการเข้า
alayas
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #171 เมื่อ: 28 มกราคม 2551, 13:51:06 »

Interesting and useful krab P Jiab.

YAS
บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #172 เมื่อ: 28 มกราคม 2551, 17:33:41 »

ขอบคุณเจี๊ยบและพี่ชรินทร์ 07 มากๆสำหรับข้อมูลที่เป็นความรู้รอบเอวข้างต้นนี้
ทราย16
บันทึกการเข้า
webmaster
Administrator
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 852

« ตอบ #173 เมื่อ: 29 มกราคม 2551, 12:48:08 »

1188 Paging ( Post Tel ) โดยผ่าน Operator กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ

อัพเดทข่าวค่ะ.....
1188 หมายเลขนี้ถูกยกเลิกจาก posttel แล้ว และได้รับการประมูลไปโดย Thailand Yellow Pages และให้บริการสืบค้นข้อมูลเหมือน BUG 1113 มาตั้งแต่ 2005 ค่ะ
:lol:


แฮ่...แจ้งข่าวมาเพราะว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ก่อตั้ง Call search center ของ 1188 ค่ะ
บันทึกการเข้า

ORKS BEHIND THE SCENE
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #174 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2551, 21:58:50 »

ประวัติของ อภิสิทธิ์ VS สมัคร

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

วันที่ 24 ธันวาคม 2550

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น ส.ส. กทม. 6 สมัย และเป็นอดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  วันนี้คนพูดถึงเขาในฐานะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2507 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรชายคนเดียวในจำนวนบุตร 3 คน ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีต รมช.สาธารณสุข กับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ

ตระกูลเวชชาชีวะ มีบรรพบุรุษเป็นชาวจีน ที่มี “ คุณปู่ใหญ่ ” พระบำราศ นราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีต รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลบำราศนราดูร ขึ้นที่ จ.นนทบุรี เมื่อปี 2492  นามสกุลเวชชาชีวะ เป็นนามสกุลพระราชทานในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากเป็นตระกูลแพทย์ จึงมีคำว่า “ เวช ” อยู่ในนามสกุลด้วย

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีชื่อเล่นว่า มาร์ค เมื่อมีอายุได้ไม่ถึง 1 ขวบ ครอบครัวเวชชาชีวะ ได้เดินทางกลับประเทศไทย อภิสิทธิ์ จึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลยุคลธร ก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จึงได้กลับไปประเทศอังกฤษ และเข้าเรียนที่โรงเรียนสเกตคลิฟ และได้เป็นนักเรียนทุนที่โรงเรียนมัธยมอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนระดับเตรียมอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน

อภิสิทธิ์ จบปริญญาตรี สาขาวิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ด้วยเวลาเพียง 3 ปี และได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งนับเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 ในสาขาวิชานี้จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้

หลังสำเร็จการศึกษา อภิสิทธิ์ ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก จ.นครนายก เป็นเวลาเกือบ 2 ปี และได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยตรี ก่อนที่จะลาออกจากราชการ เมื่อเขาถูกกล่าวหาว่าหนีทหาร จึงสามารถพิสูจน์ได้ ทั้งยังเคยได้รับรางวัลเป็นนายทหารดีเด่น เพียงแต่ว่า อภิสิทธิ์ ไม่เคยได้ใช้คำนำหน้านามว่าร้อยตรี

อภิสิทธิ์ ได้ลาออกจากราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก กลับไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกครั้ง เมื่อสำเร็จการศึกษา จึงได้กลับมาเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ เขายังได้ศึกษาเพิ่มเติมอีก จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

อภิสิทธิ์ เริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน อยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยอาศัยระยะเวลาช่วงปิดภาคเรียนที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาจึงได้เข้าไปช่วยงานวิชาการด้านเศรษฐกิจให้กับ ชวน หลีกภัย ผู้เป็นหัวหน้าพรรค และได้เป็น ส.ส. กทม. เต็มตัว เมื่อปี 2535 ขณะที่มีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส.ที่มีอายุน้อยที่สุดใน ช่วงเวลาดังกล่าว

สิ่งที่น่ารู้ คือ ในช่วง “มหาจำลอง ฟีเวอร์” อภิสิทธิ์ ได้เป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคกลาง ทั้งที่เขาเพิ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก

อภิสิทธิ์ เติบโตมาในครอบครัวแพทย์ โดยก่อนหน้านี้เขาบอกว่า เคยคิดอยากเป็นหมอเหมือนกับครอบครัวเช่นกัน จนกระทั่งได้มาเห็นการชุมนุมครั้งใหญ่ของประชาชนนับแสนในเหตุการณ์ 14 ตุลา อันเป็นแรงกระตุ้นให้เขาหันมาสนใจการเมือง และตัดสินใจเลือกเรียนในสาขาปรัชญาการเมือง และเศรษฐศาสตร์

ในปี 2543 อภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนกระทั่งถึงปี 2548 จึงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับ ดร.พิมพ์เพ็ญ ศกุนตาภัย อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุตรีของ ศ.พงศ์เพ็ญ ศกุนตาภัย นักวิชาการด้านการเมืองการปกครอง กับประภาพิมพ์ ศกุนตาภัย (สุวรรณศร) อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

อภิสิทธิ์ กับ ดร.พิมพ์เพ็ญ ผู้เป็นภรรยา เป็นเพื่อนเก่ากันมาตั้งแต่สมัยชั้นประถมที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ และเมื่อโตขึ้นก็ได้ตกลงคบหากัน ทั้งคู่ได้ติดต่อกันทางจดหมายเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่ง อภิสิทธิ์ สำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกันในขณะที่ อภิสิทธิ์ ยังเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปัจจุบันทั้งคู่มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 2 คน

ลำดับญาติของ อภิสิทธิ์ พอจะเรียงลำดับได้ดังนี้ คือ พญ.สดใส เวชชาชีวะ ผู้เป็นมารดาของ อภิสิทธิ์ เป็นบุตรสาวของ นายนัทธี สูตะบุตร ผู้เป็นบุตรของ หลวงวิพิธพจนการ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลหลายจังหวัด

นัทธี เป็นน้องชายแท้ๆ ของนายหิรัญ สูตะบุตร อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของความสุจริต ที่ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ในยุคสมัยของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อภิสิทธิ์ จึงมีศักดิ์เป็นหลานชายของ ดร.หริส สูตะบุตร ดร.ธีระ สูตะบุตร และนิตยา มาศะวิสุทธิ์ โดยมี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เป็นลุงเขย

พญ.สดใส มีพี่น้องแท้ๆ อีก 2 คน คือ ปริญญา สูตะบุตร อดีตอธิบดีกรมทางหลวง และปรัชญา สูตะบุตร อธิบดีกรมโยธาธิการ กล่าวกันว่า พญ.สดใส เป็นผู้ทุ่มเทออกหาเสียงให้แก่ อภิสิทธิ์ และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกชายตลอดมา

สำหรับภรรยาของ อภิสิทธิ์ ฝ่ายมารดามาจากสกุลสุวรรณศร ที่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวโยงเป็นญาติใกล้ชิดกับสกุลสุขุม ของเจ้าพระยายมราช โดยมีมารดามาจากสกุล ณ ป้อมเพชร ดังนั้น ภรรยาของ อภิสิทธิ์ จึงนับเป็นหลานยายของ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์

นอกจากงานการเมือง อภิสิทธิ์ ยังชอบเล่นกีฬาฟุตบอล โดยมีทีมโปรด คือ นิวคาสเซิล ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลของเมืองที่เขาเกิด สำหรับดนตรี อภิสิทธิ์ ชอบฟังเพลงร็อก และเฮฟวีเมทัล มีวงดนตรีที่ชอบ เช่น R.E.M. U2 ไปจน ถึงศิลปินไทยอย่างพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ และ ฤทธิพร อินสว่าง

อภิสิทธิ์ เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นนักการเมืองที่มีบุคลิก และหน้าตาดี นอกเหนือไปจากความสามารถที่มีอยู่ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาเป็นผู้เสนอ “วาระประชาชน” อันเป็นนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งมีทั้งการพัฒนาคน การกอบกู้เศรษฐกิจ การฟื้นฟูสันติในภาคใต้ และประชาธิปไตย นอกเหนือไปจากแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วัน ที่เขาให้สัญญาว่า สามารถทำ ได้จริง

หลังการเลือกตั้งในวันนี้ ก็จะเป็นที่รู้กันว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะไปถึงดวงดาวได้หรือไม่...


มาดูของสมัครกันบ้าง ….

สมัคร สุนทรเวช เกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2478 เป็นบุตรของเสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับคุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) มีมหา เสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำราชสำนักเป็นคุณตา

สมัคร สุนทรเวช จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนเทเวศน์ศึกษา จบชั้นมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และหลังจากที่จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์ จึงได้ไปศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แม้ว่าจะเกิดมาเป็นลูกขุนนาง ที่มียศถา บรรดาศักดิ์เป็นถึงพระยา แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย สมัคร จึงต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 18 ปี นับว่าเป็นผู้ซึ่งมีประสบการณ์กว้างขวาง และผ่านงานมาหลายประเภท ดังนี้

เมื่อแรกทำงาน เป็นเจ้าหน้าที่สอนการลงบัญชีด้วยเครื่องไฟฟ้าให้กับบริษัท National Cash Registered ต่อมาเป็นเสมียนแผนกรถยนต์ ขายเครื่องอะไหล่ให้กับบริษัทเอกชนหลายบริษัท รวมทั้งบริษัท ล็อกซเล่ย์ ของคุณหญิงรัชนี จาติกวณิช นอกจากนี้ ยังเคยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ให้กับบริษัท เวิลด์ แทรเวิล เซอร์วิส ของนายกุศะ ปันยารชุน ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย

สมัคร ได้ชื่อว่าเป็นทั้งนักพูด และนักเขียน ในด้านนักเขียน เขาเคยเป็นคอลัมนิสต์ที่มีชื่อเสียง ในนามปากกา “นายหมอดี” อยู่ที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ในด้านการเป็นนักพูด กล่าวกันว่า ถ้าบอกว่ากาเป็นสีขาว ก็มีคนพร้อมที่จะเชื่อในคำพูดของเขา

สมัคร เริ่มเข้าสู่วิถีทางการเมืองด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานคร ในปี 2511 เมื่อปี 2514 ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร จนถึงปี 2518 นอกจากจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ยังได้เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ด้วย

สมัคร เป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นนักการเมืองที่มีแนวความคิดขวาจัด และมีบทบาทโดดเด่นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใน ช่วงปี 2519 จากการจัดรายการที่สถานี วิทยุยานเกราะ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อบทบาท และขบวนการของนิสิตนักศึกษา  ในช่วงเวลานั้น  สถานีวิทยุดังกล่าวเป็นเสมือนศูนย์กลางประสานงานในการโจมตี และปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังขบวนการนิสิตนักศึกษา จนกระทั่งนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519

หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อมีอายุเพียง 41 ปี พร้อมกับได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

ในระหว่างดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย สมัคร สั่งปิดหนังสือพิมพ์ไปหลายฉบับ นับได้ถึง 22 ครั้ง ในช่วงเวลา 1 ปี ที่เขาครองอำนาจอยู่ รวมทั้งหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยได้อาศัยเป็นร่มไม้ชายคา เนื่องจากไม่พอใจที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐไปจับผิดรัฐมนตรีมหาดไทย

หลังจากที่พ้นตำแหน่ง รมว.มหาดไทย สมัคร ได้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค เขาได้แสดงบทบาททางการเมืองอย่างโดดเด่นจนถึงที่สุด เมื่อสามารถดึงคะแนนเสียงหลักในกรุงเทพฯ มาเป็นของพรรคประชากรไทย โดยเฉพาะในเขตที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่อย่างหนาแน่น

จะว่าไปแล้ว ในฐานะนักการเมือง สมัคร มีความโดดเด่นเป็นพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ คำพูด และคำพูดของ สมัคร มักจะกลายเป็นชนวนทางการเมืองอยู่เสมอ

มีอดีตที่น่ารู้ว่า ก่อนที่ อ.ภาวาส บุนนาค รองราชเลขาธิการ จะถึงแก่อสัญกรรม ท่านได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ฝังใจไม่รู้ลืมของท่าน กับ สมัคร ให้บรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิด และผู้ที่ท่านไว้วางใจฟัง ซึ่งถึงวันนี้ สมัคร อาจจะจำไม่ได้แล้วว่า ในเหตุการณ์วันที่ 6 ต.ค. 2519 มีใครก็ไม่รู้ วิ่งไปตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกับ อ.ภาวาส เป็นเหตุให้เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของการรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ที่ อ.ภาวาส ต้องก้มกราบแทบพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษที่ฟังคนผิด ผู้ที่รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ คือ นายธรรมนูญ เทียนเงิน อดีต ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งก็ถึงแก่กรรมไปแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 สมัคร ยังได้ร่วมกับผู้ที่มีแนวคิดขวาจัดจำนวนหนึ่ง กล่าวโจมตีนายอานันท์ ปันยารชุน ว่าเป็น “คอมมิวนิสต์” เนื่องจากนายอานันท์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ปฏิบัติตาม นโยบายของรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ไปติดต่อประสานงานกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อหาหนทางสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างประเทศไทย กับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายอานันท์ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์ ในสมัยที่นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเมื่อการสอบสวนพบว่า นายอานันท์ ไม่มีความผิด จึงได้กลับเข้ารับราชการใหม่ในตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสหพันธรัฐเยอรมนี หลังจากนั้น นายอานันท์ จึงลาออกจากราชการ มาทำงานในภาคเอกชนจนประสบความสำเร็จอย่างสูง จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขวิกฤตของชาติถึง 2 ครั้ง

ต่อมาในสมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวาระที่ 2 โดยมีนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็น รมว.อุตสาหกรรม และ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัคร ได้นำเอกสารที่เจ้าตัวอ้างว่า เป็นสเตตเมนต์ของธนาคารในสหรัฐ มากล่าวหาว่า นายจิรายุ มีเงินฝากอยู่ในธนาคารแห่งนั้นเป็นจำนวนหลายสิบล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง และอื้อฉาวมาก แต่ว่าในท้ายที่สุด นายจิรายุ ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า สเตตเมนต์ของธนาคารที่ สมัคร ได้นำมากล่าวอ้าง และกล่าวหา เป็นของปลอม แท้ที่จริงแล้วสเตตเมนต์ปลอมได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยความประสงค์ทางการเมืองของใครบางคนในขณะนั้น และ สมัคร ก็ถูกหลอกใช้ให้ทำงานนี้

กรณีสเตตเมนต์ปลอม ส่งผลให้ต้องเสียนักการเมืองน้ำดีไปอย่างน่าเสียดาย โดย นายจิรายุ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และหันหลังให้กับการเมืองอย่างเด็ดขาด เพราะเบื่อหน่าย และไม่อาจทนรับได้กับเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองที่สกปรก

ต่อมา นายจิรายุ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง แต่ สมัคร ยังคงเล่นการเมืองอยู่จนถึงทุกวันนี้

หลังจากบทบาททางการเมืองที่เคยร้อนแรงได้ลดฮวบฮาบลงไปนาน สมัคร ก็ได้หวนกลับมาใหม่อีกครั้ง คราวนี้ในฐานะผู้ได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ผู้ว่าฯ กทม. นอกจากคำพูดอันเป็นคุณสมบัติพิเศษแล้ว สมัคร แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นผลงานโดดเด่นเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเรื่องอื้อฉาว ในกรณีที่สั่งซื้อรถดับเพลิงอย่างไม่โปร่งใส และ สมัคร ก็ถูกสอบสวน

เป็นเรื่องน่ารู้อีกด้วยว่า กรณีที่กรุงเทพมหานครสั่งซื้อรถดับเพลิงนั้น เป็นการ ซื้อขายที่มีลักษณะเป็นการแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเอกชน โดยแลกเปลี่ยนกับไก่ แช่แข็งของบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดร่วมยุโรปได้

แต่ก็บังเอิญเหลือเกินที่บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ขณะนั้นมีคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ผู้เป็นภรรยาสมัคร สุนทรเวช ทำงานอยู่ด้วย ซึ่งแม้ว่าอายุในขณะนี้จะเกษียณไป แล้ว แต่ก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการเงินของบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์อยู่ จนกระทั่งเมื่อสมัคร สุนทรเวช เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ภรรยาจึงลาออกจากบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์

ยังมีเรื่องน่ารู้อีกว่า หลังจากที่ สมัคร ได้พ้นจากตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. เขาได้มาจัดรายการวิทยุ และโทรทัศน์ร่วมกับนายดุสิต ศิริวรรณ ซึ่งเป็น “ เพื่อนเก่า ” และได้ถูกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรอง ผู้ว่าฯ กทม. ฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท ที่รายการนี้กล่าวหานายสามารถ ว่า ทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานคร
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #175 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2551, 02:34:46 »

ช็อคโลก ! อีสานอินเตอร์ : ตู้กดส้มตำอัตโนมัติ

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา







บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #176 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2551, 02:40:53 »

อยากเป็นคนมีเสน่ห์ มั้ย ? ... ง่ายนิดเดียว

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

สาวสวย หนุ่มหล่อ อยากมีเสน่ห์ให้มีคนมาหลงรักไหม ? วันนี้เรามีบทความเกร็ดความรู้มาฝาก เรื่องการทำเสน่ห์ค่ะ ... อยากรู้แล้วสิ !

ผู้หญิงทุกคนชอบที่จะได้รับคำชมว่า " เป็นคนมีเสน่ห์ " และผู้ชายก็คงจะรู้สึกคล้ายๆ กัน เพราะความมีเสน่ห์นั้น จะทำให้คนคนหนึ่งได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ใครอยู่ใกล้ก็รัก ก็หลง กลายเป็นคนสำคัญ และมีโอกาสดีๆ ในชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ถ้าอยากเป็นคนมีเสน่ห์ ไม่ยากอย่างที่คิดถ้าปฏิบัติดังนี้ ...

1. คนมีเสน่ห์ไม่ตระหนี่รอยยิ้ม

รอยยิ้มไม่ใช่เงินออม ที่จะควักออกมาใช้แต่ละครั้งต้องคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยิ้มเรี่ยราดโดยไม่ทันได้คิด โปรดยึดความพอดีเป็นที่ตั้ง คือมีความยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ในตัวเอง จนกระทั่งสามารถยิ้มให้ใครต่อใครได้อย่างเป็นธรรมชาติ สดใส จริงใจ และยิ้มได้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะรอยยิ้มที่จริงใจคือการทำให้คนอื่นๆ รู้สึกประทับใจ

2. คนมีเสน่ห์ไม่ใช่คนโง่

ความรอบรู้ หรือเป็นคนที่รู้ลึก รู้จริง เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ไม่ว่าใครจะเปิดประเด็นใดขึ้นมาก็สามารถพูดคุย ตอบโต้ได้ คราวนี้แหละ การสนทนาของคุณจะยิ่งออกรส และในโอกาสถัดๆ ไป คุณจะเป็นคนที่เขานึกถึงก่อนใคร การแสวงหาความรู้ และพัฒนาให้เป็นความรู้ลึก รู้จริง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่เพียงจะเพิ่มเติมเสน่ห์ให้แก่ตัวคุณเองเท่านั้น แต่สติปัญญาอย่างนี้จะช่วยผลักดันให้คุณก้าวหน้าในอาชีพ หรือในสังคมได้ด้วย

3. คนมีเสน่ห์มักร่ำรวยความจริงใจ

คนทุกคนย่อมรัก และไว้เนื้อเชื่อใจคนที่จริงใจกับตัวเอง หรือดูแล้วก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนจริงใจ ไม่ใช่พวกกะล่อน หน้าไหว้หลังหลอก ความจริงใจจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะคนมีเสน่ห์มักเป็นคนร่ำรวยความจริงใจ เขาจริงใจกับคนทุกคน แสดงออกด้วยการพูดความจริง ไม่ปิดบัง ไม่เสแสร้ง ไม่ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่นินทาลับหลัง ให้เกียรติ และกล้าที่จะติชมตามความเป็นจริง ด้วยท่าทีที่บริสุทธิ์ใจ และในกาลเทศะที่เหมาะสม ฉะนั้นใครที่เป็นคนเปิดเผยจริงใจ คนๆ นั้นมักจะได้รับเกียรติ ได้รับโอกาส และการนึกถึงเป็นคนแรกๆ และเป็นคนพิเศษเสมอๆ

4. คนมีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

เสน่ห์แรกที่เกิดจากเอกลักษณ์ของคน คือสไตล์ในการแต่งตัว มีเงื่อนไขง่ายๆ คือการแต่งตัวนั้นต้องดูดี เหมาะสมกับบุคลิกภาพ และหน้าที่การงานของตัวเอง โดยแบบฉบับของตัวเอง จะเกิดจากการมิกซ์ แอนด์ แมตช์ หรือปรับปรุงดัดแปลงอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่งแล้วดูสวย หล่อ เท่ห์ มีเสน่ห์ สะดุดตา แต่ไม่ได้ออกไปในแนวประหลาด หรือโอเวอร์

5. คนมีเสน่ห์เป็นผู้มีรสนิยม

รสนิยมที่ดี เป็นเสน่ห์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของคน ไม่ว่ารสนิยมในการเลือกรับประทานอาหาร ร้านที่ไปนั่ง เสื้อผ้าเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า หนังที่เลือกดู หนังสือที่เลือกอ่าน ดนตรีที่เลือกฟัง ไลฟ์สไตล์ในวันหยุด ทุกอย่างล้วนสะท้อนรสนิยมทั้งนั้น แต่ความมีรสนิยมดีอยู่ที่ศิลปะ ต้องกลมกลืน เก๋ไก๋ สมตัว สมวัย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาที่ต้องจ่าย

ง่ายๆ แค่ 5 ข้อ ก็ทำให้คนทุกคนมีเสน่ห์ได้ค่ะ ...

โดย ประณม ถาวรเวช สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #177 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2551, 21:48:23 »

Food for a week

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา

Germany: The Melander family of Bargteheide [4]
Food expenditure for one week: 375.39 Euros or $500.07



United States: The Revis family of North Carolina [4]
Food expenditure for one week $341.98



Italy: The Manzo family of Sicily [5]
Food expenditure for one week: 214.36 Euros or $260.11



Mexico: The Casales family of Cuernavaca [5]
Food expenditure for one week: 1,862.78 Mexican Pesos or $189.09


Poland: The Sobczynscy family of Konstancin-Jeziorna [5]
Food expenditure for one week: 582.48 Zlotys or $151.27



Egypt: The Ahmed family of Cairo [12]
Food expenditure for one week: 387.85 Egyptian Pounds or $68.53



Ecuador: The Ayme family of Tingo [9]
Food expenditure for one week: $31.55



Bhutan: The Namgay family of Shingkhey Village [13]
Food expenditure for one week: 224.93 ngultrum or $5.03



Chad: The Aboubakar family of Breidjing Camp [6]
Food expenditure for one week: 685 CFA Francs or $1.23




เจี๊ยบเศร้าใจ ... " ความเท่าเทียมกัน " สะกดยังไง ... เขียนไม่ถูกเลยเนี่ย  !
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #178 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2551, 17:01:30 »

Amazing Dubai

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Dubai in 1990 prior to the craziness.

 
The same street in 2003

 
Last year

 
The madness. Dubai is said to currently have 15-25% of all the world's cranes ...

 
The Dubai Waterfront. When completed it will become the largest waterfront development in the world ...
 
 
All of this was built in the last 5 years, including that island that looks like a palm tree.

 
The Palm Islands in Dubai. New Dutch dredging technology was used to create these massive man made islands. They are the largest artificial islands in the world and can be seen from space. Three of these Palms will be made with the last one being the largest of them all.

 
Upon completion, the resort will have 2,000 villas, 40 luxury hotels, shopping centers, movie theaters, and many other facilities. It is expected to support a population of approximately 500,000 people. It is advertised as being visible from the moon.

 
The World Islands . 300 artificially created islands in the shape of the world. Each island will have an estimated cost of $25-30 million.

 
The Burj al-Arab hotel in Dubai . The worlds tallest hotel. Considered the only '7 star' hotel and the most luxurious hotel in the world. It stands on an artificial island in the sea.

 
Hydropolis, the world's first underwater hotel. Entirely built in Germany and then assembled in Dubai, it is scheduled to be completed by 2009 after many delays.

 
The Burj Dubai. Construction began in 2005 and is expected to be complete by 2008. At an estimated height of over 800 meters, it will easily be world's tallest building when finished. It will be almost 40% taller than the current tallest building, the Taipei 101.

 
This is what downtown Dubai will look like around 2008-2009. More than 140 stories of the Burj Dubai have already been completed. It is already the worlds tallest man made structure and it is still not scheduled to be completed for at least another year.

 
The Al Burj. This will be the centerpiece of the Dubai Waterfront. Once completed it will take over the title of the tallest structure in the world from the Burj Dubai.

 
Recently it was announced that the final height of this tower will be 1200 meters. That would make it more than 30% taller than the Burj Dubai and three times as tall as the Empire State Building. This is a city on crack.

 
The Burj al Alam, or The World Tower. Upon completion it will rank as the world's highest hotel. It is expected to be finished by 2009. At 480 meters it will only be 28 meters shorter than the Taipei 101.

 
The Trump International Hotel & Tower, which will be the centerpiece of one of the palm islands, The Palm Jumeirah.

 
Dubailand. Currently, the largest amusement park collection in the world is Walt Disney World Resort in Orlando , which is also the largest single-site employer in the United states with 58,000 employees. Dubailand will be twice the size.


 
Dubailand will be built on 3 billion square feet (107 miles^2) at an estimated $20 billion price tag. The site will include a purported 45 mega projects and 200 hundred other smaller projects.


 
Dubai Sports City. A huge collection of sports arenas located in Dubailand.

 
Currently, the Walt Disney World Resort is the #1 tourist destination in the world. Once fully completed, Dubailand will easily take over that title since it is expected to attract 200,000 visitors daily.

 
The Dubai Marina is an entirely man made development that will contain over 200 high rise buildings when finished. It will be home to some of the tallest residential structures in the world. The completed first phase of the project is shown. Most of the other high rise buildings will be finished by 2009-2010.

 
The Dubai Mall will be the largest shopping mall in the world with over 9 million square feet of shopping and around 1000 stores. It will be completed in 2008.

 
Ski Dubai , which is already open, is the largest indoor skiing facility in the world. This is a rendered image of another future indoor skiing facility that is being planned.

 
Some of the tallest buildings in the world, such as Ocean Heights and The Princess Tower , which will be the largest residential building in the world at over a 100 stories, will line the Dubai Marina.

The UAE Spaceport would be the first spaceport in the world if construction ever gets under way. I'm not joking ...

 
 

Some other crazy .. The Dubai Metro system, once completed, will become the largest fully automated rail system in the world. The Dubai World Central International Airport will become the largest airport in size when it is completed. It will also eventually become the busiest airport in the world, based on passenger volume.

There are more construction workers in Dubai than there are actual citizens.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #179 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2551, 10:42:49 »

Giant Living Organism

ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ... ส่งมา













บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #180 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2551, 09:36:35 »

คนญี่ปุ่นนี่เค้าช่างคิดดีนอะ

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา




บันทึกการเข้า
oil414
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171

« ตอบ #181 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2551, 23:45:10 »

เป็นแฟนประจำของ topic นี้นะคะ
ขอบคุณพี่เจี๊ยบค่ะ สำหรับโลกทัศน์ใหม่ๆ เสมอค่ะ
Cheesy
บันทึกการเข้า

-Tomorrow is another day--
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #182 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 15:58:44 »

ยินดีค่ะ ... แล้วน้อง oil414 ต้องเอาเรื่องเด็ดๆ มาแบ่งกันรู้ มั่งนะค้า

ศัพท์ทันสมัย

โดย webmaster Chula-alumni

ศัพท์เด็กแนว

เฟค (Fake) - การสร้างจินตนาการ / การหลอกตัวเอง

สุดตีน - ที่สุดของที่สุด

โออิชิ - เกิดอาการชาตามร่างกาย

หรูไฮ - ดูดีมีฐานะ

สปก. - หนีเอาตัวรอดไปก่อนเพื่อน ( เสือกไปก่อน )

มีองค์ - ใช้เรียกเพื่อนชายที่เป็นเกย์

ด๋อย - เชยๆ เสี่ยวๆ

ชิลๆ - ง่ายๆ สบายๆ

สวยเป๋อ - ผู้หญิงสวยแต่ซุ่มซ่าม

เพียวเค็ม - คนที่งกมากๆ

สะแอ๋ง - ชอบสอดเรื่องชาวบ้าน

ตะไบ - เสริมแต่ง

สลิ่ม - สีสันเสื้อผ้าที่ตัดกันมาก เช่น เขียวกับชมพู

เหียก - หน้าตาขี้เหร่มากๆ


ศัพท์กะเทย

สลัมบอมเบย์ - ต่ำสุดๆ

กระต่ายป่า - ผู้ชายที่ยังไม่รู้อะไร ดูซื่อๆ

แก่นเซี้ยวเยี่ยวราด - กะเทยที่ไม่เรียบร้อย

สะดือด่วน - ไวในเรื่องเพศ

กทม. - กะเทยเก๊กแมน

ดัดจร - เวิร์บช่อง 3 ของดัดจริต

มิสเปรู - มีเงินเท่าไรให้ผู้ชายหมด

ลูกนายก - ถูกผู้ชายยกเค้าไปหมด

ฉ่ำสะมิหลา สงขลาปัตตานี แฟนตาซีภูเก็ต - เริ่ดหรูหาอะไรเปรียบไม่ได้

ช่อราษฎร์ - แย่งแฟนเพื่อน

ปาดหน้าเค้ก - แย่งผู้ชายที่คนอื่นหมายปอง

ซุงแหล - เวิร์บช่อง 3 ของตอแหล

ซิซูกะ - ตะกละ

ออนป้า - แสดงความเป็นเป้า สู่สายตาประชาชน


ศัพท์คุณหนู

ฝนเริ่มตั้งเค้า - มีใจให้กัน หรือตกหลุมรัก

ล็อกอิน ( Login ) - เชื่อมต่อ

คุณพระช่วยกล้วยทอด - คำอุทานเวลาตกใจ

เต่ากัดยาง - ช้ามากๆ


ศัพท์บ้าน

อย่างหรอย - รากศัพท์มาจากภาษาใต้ แปลว่าสุดยอด เยี่ยมยอด

ต๊ะต่อนหยอน - รากศัพท์มาจากภาษาเหนือ หมายถึงชิลๆ ( เวอร์ชั่นคำเมือง )

คุณนายหอยหอม - หญิงวัย 30 ขึ้นไปแต่งตัวเก่ง ไม่ทำงานช็อป ปิ้งอย่างเดียว

กะเทยลุ่มน้ำโขง - สาวประเภทสองที่แต่งกาย แต่งหน้าสีสัน ฉูดฉาด สรีระกล้ามเป็นมัด โหนกแก้มสูง

ปริมณฑล - คนไม่ทันสมัย และบ้านนอก
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #183 เมื่อ: 06 มีนาคม 2551, 00:36:40 »

Top 10 Expensive Cars of the World

พี่ชรินทร์ 07 - ส.ว.จังหวัดตาก ... ส่งมา

10. Aston Martin Vanquish $255,000


9. Lamborghini Murcielago $279,900


8. Rolls-Royce Phantom $320,000


7. Maybach 62 $385,250


6. Mercedes SLR Mc Laren $455,500


5. Porsche Carrera GT $484,000


4. Koenigsegg CCX $600,910


3. Pagani Zonda C12 F $741,000


2. Ferrari Enzo $1,000,000


1. The New Toyota Cowrolla $1,700,000
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #184 เมื่อ: 06 มีนาคม 2551, 03:28:39 »

วนิษา เรซ " ความสุขในชีวิตสร้างได้ "

เกียว-กัญญา บุญสุภาพร ... ส่งมา



" การตั้งคำถามเป็นการฝึกกระบวนความคิดที่ดีกว่าการตอบ เพราะการตอบสามารถอ่านแล้วจำมาตอบ ใครๆ ก็ทำได้ แต่การถามทำให้เราต้องคิดไกลไปอีกขั้นหนึ่ง เคยมีคนบอกว่า ถ้าจะดูว่าคนคนนั้นเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า ต้องดูที่คำถาม และอารมณ์ขัน "

ความเป็นอัจฉริยะนั้น นอกจากติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้ว หลายคนอาจไม่รู้ว่าทุกคนสามารถจะสร้างขึ้นมาได้ ขึ้นอยู่กับการปลูกฝัง การสร้างสภาพแวดล้อม และการเลี้ยงดูของครอบครัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจค่อนข้างใหม่ในเมืองไทย แต่มาวันนี้หลายคนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญและให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพหนึ่งเดียวในเมืองไทยอย่าง “ วนิษา เรซ ” หรือหนูดี ออกมาสร้างกระแสในเรื่องนี้

หนูดีเล่าว่า ตอนเด็กไม่ได้คิดจะเป็นครู แม้ว่าคุณแม่จะสร้างโรงเรียน โดยนำชื่อของเธอมาตั้งเป็นชื่อโรงเรียน หลังเธอลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็ตาม ด้วยความที่เธอมีแววเก่ง ฉลาด และไฮเปอร์มาตั้งแต่เด็ก จึงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ไม่ว่าจะอยากเรียนอะไรคุณแม่ไม่เคยขัดใจ แต่ขอให้เรียนและทำกิจกรรมควบคู่ไปด้วย เพราะไม่อยากให้บ้าเรียนหนังสืออย่างเดียว

" ตอนเด็กแม่เรียนเก่งมาก แต่เรียนอย่างเดียวไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย ซึ่งแม่บอกว่าเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผิด เลยสนับสนุนให้ลูกทำอะไรตามที่ชอบ อย่างการเต้นบัลเลต์ ไม่ได้อ่อนช้อย สวยงามอย่างเดียว ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย ตอนนั้นรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ชอบมาก และอยากเป็นนักเต้นอาชีพ ตอนอายุ 18 เลยไปบอกแม่ว่าจะเอาดีด้านนี้และไม่เรียนต่อ ทำให้คนรอบข้างตกใจกันใหญ่ คุณแม่เลยเตือนสติว่า คนที่ทำอาชีพนี้พออายุเลย 30 ปีโอกาสก็จะลดลง ทำไมไม่ทำอะไรที่มีประโยชน์ในระยะยาว ”

จุดที่ตัดสินใจเลือกอาชีพครู คือเมื่อมานั่งคิดถึงตอนเข้าไปช่วยแม่สอนหนังสือหรือเล่นกับเด็กๆ ที่โรงเรียนวนิษา แล้วรู้สึกมีความสุข เพราะชอบเล่าเรื่อง และถ่ายทอดให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกตื่นเต้น สุดท้ายจึงไปเรียนด้านการศึกษาที่สหรัฐ ส่วนสาเหตุที่ไม่เรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองไทย เพราะเธอมองว่าตัวเองเข้ากับหลักสูตร หรือวิธีการเรียนการสอนของระบบการศึกษาไทยไม่ได้


เด็กและครูต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน

หนูดีบอกว่า เธอเป็นคนชอบถามชอบแสดงความคิดเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่การสอนของสถาบันการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ครูจะเป็นคนให้ นักเรียนเป็นคนรับ ซึ่งเธอมองว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูก เทียบกับสมัยเรียน พอเธอถามมากๆ ก็จะกลายเป็นว่า ถามมากจัง น่ารำคาญ

“ เด็กไม่ใช่แก้วเปล่าที่รอน้ำเทลงมาจนเต็ม เพราะมนุษย์ทุกคนอยากเรียนรู้และมีการเอาตัวรอดติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว สิ่งที่ถูกคือเด็กและครูต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน พูดคุยกันได้และต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้ายังเป็นระบบของผู้ให้แก่ผู้รับต่อไปเด็กจะลำบาก ”

จากแนวคิดนี้ทำให้หนูดีอยากไปเรียนรู้ เพื่อนำมาพัฒนาระบบการเรียนการสอนที่โรงเรียนวนิษาก่อนเป็นอันดับแรก แต่พอเรียนไป 2 ปี เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะช่วงปิดเทอมกลับมาเมืองไทย ลองเอามาใช้ที่โรงเรียนแต่กลับไมได้ผล เพราะพ่อแม่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ จึงเริ่มสับสน กลับไปเรียนมีบางช่วงร้องไห้โทรมาหาแม่ บอกว่าไม่อยากเป็นครูแล้ว ก็เริ่มมานั่งคิดอีกครั้งว่าตัวเองอยากทำอะไร ตอนนั้นชอบศิลปะ อยากวาดรูป มีความสุขกับสิ่งที่ชอบอย่างการเต้นบัลเลต์ แต่หากเลือกทางนี้ก็เท่ากับต้องทิ้งเวลา 2 ปีที่เรียนรู้มาแล้ว คุณแม่เลยให้คิดดูใหม่

พอไปปรึกษาอาจารย์ อาจารย์แนะนำให้ลองไปเรียนด้านครอบครัวศึกษา ซึ่งเกี่ยวกับการทำให้เด็กมีคุณภาพ สอนด้านการสื่อสารในครอบครัว การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เหมือนเป็นจิตแพทย์คอยให้คำแนะนำผู้อื่น จึงสนใจและเรียนด้านนี้แทน เจ้าตัวบอกว่า การเลือกเส้นทางใหม่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเรียนแล้วจะกลับมาทำอาชีพอะไร เพราะเป็นคณะที่เปิดใหม่และไม่เคยมีคนไทยมาเรียน แต่วิชาที่เรียนน่าสนใจ เลยเรียนแบบมีความสุขและมีเวลาที่จะทำกิจกรรมที่ตัวเองรัก ที่สำคัญสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย




เก่งอย่างเดียวเอาตัวไม่รอด

หลังเรียนจบหนูดีอยากรู้ว่าทำไมคนเราถึงคิดแบบนั้นแบบนี้ และพบว่าสิ่งที่ควบคุมพฤติกรรมคนคือ สมอง จึงอยากรู้ว่าสมองคนเรามีการพัฒนา หรือสร้างเซลล์ใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างไร แม้ว่าก่อนหน้านี้คุณแม่จะเคยขอร้องไว้ว่าทำอาชีพอะไรก็ได้ยกเว้นหมอ เพราะกลัวลูกสาวลำบาก แต่ครั้งนี้เธอดึงดันไปเรียนหมอด้านผ่าตัดสมอง แต่เรียนไปเทอมเดียวก็รู้สึกว่าไม่ใช่คำตอบที่ค้นหา และไม่ชอบบรรยากาศการเรียนที่ทุกคนแข่งขันและหวงวิชากันสุดๆ เลยมองหาที่เรียนใหม่ สุดท้ายมาเจอคณะวิทยาการทางสมอง ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เลยตัดสินใจสมัครเข้าเรียนปริญญาโท ซึ่งตอนนั้นโอกาสได้รับเลือกน้อยมาก แต่สามารถฝ่าด่านเข้าไปเรียนจนได้

“ ตอนนั้นดีใจมากที่เข้าฮาร์วาร์ดได้ แม้จะเรียนหนักและซีเรียส แต่ด้วยความเป็นคนชอบถามเลยเอาตัวรอดมาได้ แต่การเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนจีเนียส ทำให้ต้องปรับตัวเองมากเหมือนกัน ต้องวางตัวให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นทั้งน้ำเสียงและท่าทาง แต่ไม่ได้หมายความต้องทิ้งความเป็นตัวตนของตัวเองไป ”

หนูดีบอกว่า การตั้งคำถามเป็นการฝึกกระบวนความคิดที่ดีกว่าการตอบ เพราะการตอบสามารถอ่านแล้วจำมาตอบ ใครๆ ก็ทำได้ แต่การถามทำให้เราต้องคิดไกลไปอีกสเต็ปหนึ่ง เคยมีคนบอกว่า ถ้าจะดูว่าคนคนนั้นเป็นอัจฉริยะหรือเปล่าต้องดูที่คำถามและอารมณ์ขัน

ส่วนการเรียนที่ฮาร์วาร์ด เธอยอมรับว่า ยากสมคำเล่าลือจริงๆ ทุกคนต้องเตรียมตัวพร้อมก่อนจะเข้าคลาส ซึ่งบางคนจะเรียกว่าลานประหาร เพราะหากไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนอาจจะตอบคำถามอาจารย์ไม่ได้ เคยมีบางคนร้องไห้วิ่งออกจากห้องไปเลย เพราะควบคุมสติและอารมณ์ไม่ได้ และสิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องฝึกจัดการกับตัวเองและอารมณ์ที่กดดันได้ คนที่เก่งอย่างเดียวจึงอาจเอาตัวไม่รอด

จากสิ่งที่เธออยากรู้ทำให้แอบหนีไปลงเรียนวิชาในภาคจิตวิทยาด้วย โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ความสุข ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าความสุขทำไมเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ แต่กลับกลายเป็นว่าวิชานี้เป็นคลาสที่ใหญ่และมีคนลงเรียนมากที่สุดในปีนั้น


แสวงหาวิถีสร้างความสุขให้ชีวิต

สาวเก่งคนนี้บอกว่า เธอถือเป็นโชคดีที่ได้เข้าไปอยู่ในกระแสที่มีการเปลี่ยนแปลงและได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้รู้ข้อมูลดีๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง โดยเฉพาะการทำให้ชีวิตมีความสุข จากเดิมที่คนส่วนใหญ่มักวิ่งไล่ตามความสุข ทั้งที่ในชีวิตคนเราอาจจะมีความสุขใหญ่ๆ แค่ 8 ครั้ง เช่น สอบได้ แต่งงาน มีลูก มีบ้าน มีเงิน มีรถ ในช่วงเวลาส่วนใหญ่อาจมีความทุกข์ ถ้าจัดการกับชีวิตไม่ได้ก็อาจถึงขั้นจิตตก เธอจึงคิดว่าระหว่างที่รอความสุขใหญ่ๆ ควรให้ความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับชีวิต หรือรักษาระดับความสุขให้คงเส้นคงวาน่าจะดีกว่า ช่วงนั้นเลยกลับไปเต้นบัลเลต์ เรียนโยคะ และเล่นกีฬา แทนที่จะเครียดกับการเรียนอย่างเดียว

การทำให้ชีวิตมีความสุขนั้น สภาพแวดล้อมที่เป็นบวกก็มีผลด้วยเหมือนกัน เช่น ห้องนอนเราไม่ควรปล่อยให้รกรุงรัง การคบเพื่อนก็มีผลต่อความสุข เพราะเพื่อนบางคนอาจทำให้เราเสียใจ หรือเดือดร้อน เธอจึงมีเพื่อนไม่มากนัก แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกัลยาณมิตร คอยให้คำปรึกษา ชี้แนะ ปลอบใจ รับฟังได้ทุกเรื่อง โดยยกให้คุณแม่เป็นกัลยาณมิตรเบอร์ 1

แม้ว่าหนูดีจะเรียนและคุ้นเคยกับสังคมอเมริกัน แต่เธอกลับให้ความสนใจในศาสตร์ตะวันออกอย่างมาก ทั้งการทำสมาธิ รำมวยจีน และการเล่นโกะ หรือหมากล้อมแบบจีน โดยเฉพาะการนั่งสมาธิทำมาตั้งต่อายุ 18 ปี เพราะครั้งแรกที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ติดอกติดใจถึงขั้นอยากบวชตลอดไปด้วยซ้ำ หากไม่โดนคุณแม่เบรกไว้ แม้เมื่อไปเรียนเมืองนอกก็ยังนั่งสมาธิอยู่เป็นประจำ ประกอบกับเมื่อได้เรียนทางสมอง ทำให้รู้ว่าในแง่วิทยาศาสตร์เองก็มีคำตอบว่า การฝึกสมาธิมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองด้วยเช่นกัน จนทำให้เกิดเป็นกระแสในกลุ่มคนอเมริกันที่ไปเรียนสมาธิกันคอร์สละเป็นหมื่น

“ จริงๆ แล้วหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนาพุทธเป็นวีถีนำไปสู่ความสุข แต่ไม่เคยมีใครอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ของไทยเรามีการนั่งสมาธิไปถึงขั้นไหนๆ และมีพระสอนฟรีด้วยซ้ำ แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเรียน ”




จุดเริ่มต้นของนักเขียนน้องใหม่

หลังเรียนจบที่ฮาร์วาร์ด เธอก็ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน แต่ในใจตอนนั้นมีคำตอบอยู่แล้วว่าจะเอาความรู้กลับเมืองไทย ทั้งที่ด้วยคุณสมบัติของเธอประตูทุกบานพร้อมเปิดรับเข้าทำงาน แต่เธอปฏิเสธการตอบรับเป็นที่ปรึกษาของฮาร์วาร์ด และงานวิจัยด้านสมองที่ญี่ปุ่น เพราะคิดว่าหากไปอยู่ที่อื่นโอกาสที่จะได้กลับเมืองไทยคงมีน้อยเลยตัดสินใจกลับทันทีที่เรียนจบ

“ มาถึงก็นั่งคิดว่าจะทำอะไรดี แม่สนับสนุนให้ทำอย่างอื่น ไม่ต้องช่วยงานที่โรงเรียน ตอนแรกคิดไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ หรือเป็นนักวิจัยพัฒนา แต่แม่บอกว่าการทำงานที่ใดที่หนึ่งก็จะกลายเป็นทรัพยากรของที่นั่นแห่งเดียว อาจทำประโยชน์อย่างอื่นได้น้อย เลยยุให้ลองเขียนหนังสือดู จึงเป็นจุดเริ่มต้นของอัจฉริยะสร้างได้ ”

หนูดีบอกว่า ตอนแรกไม่มีความมั่นใจ แต่คุณแม่ให้กำลังใจบอกว่าน่าจะเอาเรื่องยากมาเล่าให้คนอ่านเข้าใจได้ง่าย และการันตีว่าหากไม่มีคนซื้อจะเหมาเอง เลยใช้เวลาเขียนแค่ 3 วันพอ เสร็จลองเอาไปให้ครูที่โรงเรียนอ่าน ส่วนใหญ่เห็นว่าเนื้อหาหนักออกแนววิชาการเกินไป จึงปรับใหม่เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากเขียนให้นักวิชาการอ่านมาเป็นเล่าให้เพื่อนฟัง มีกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้พิมพ์เป็นแสนเล่มแล้ว

“ ชีวิตของหนูดีเหมือนหลักคำสอนของลัทธิเต๋า ที่บอกว่ายิ่งให้มากยิ่งได้มาก และยิ่งวิ่งหนีก็จะยิ่งเจอ อย่างชื่อเสียงนั้นไม่ได้คิดมาก่อน กลายเป็นว่าตอนนี้มีคนรู้จักหนูดีมากขึ้น ไปวิ่งที่สวนสาธารณะก็มีคนเข้ามาทัก ที่สำคัญรู้สึกปลื้มมากที่หนังสือมีส่วนจุดประกายให้ความหวังหรือทำให้หลายคนมีกำลังใจมากขึ้น ”


ได้เรียนรู้ ยิ่งอยู่สูง ... ยิ่งถ่อมตน

นอกจากงานเขียนแล้ว สาวเก่งคนนี้ยังต้องดูแลบริษัท อัจฉริยะสร้างได้ อีกด้วย โดยจะเน้นบรรยายให้ความรู้และข้อคิดเกี่ยวกับการพัฒนาด้านอัจฉริยภาพ เธอบอกว่าอัจฉริยภาพสร้างและพัฒนาได้ แต่ละคนมีความเป็นอัจฉริยะแต่ละด้านไม่เหมือนกัน ปีที่แล้วเน้นพูดให้ผู้นำองค์กร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชนฟัง เพราะผู้บริหารองค์กรเป็นกลุ่มที่ใช้สมองมากและน่าเป็นห่วงที่สุด ที่สำคัญสามารถนำไปถ่ายทอดต่อให้ลูกน้องได้อีกจำนวนมาก ส่วนปีนี้มีแผนจะเข้าไปพูดให้กลุ่มผู้เกษียณอายุฟัง แม้สมองบางส่วนของคนสูงอายุจะถูกทำลายตามวัย แต่จะมีเส้นใยสมองสร้างใหม่ขึ้นเรื่อยๆ

“ ตอนแรกๆ ที่พูดให้นายแบงก์ กลุ่มนักธุรกิจตระกูลดัง และผู้บริหารแบงก์ชาติฟัง ก็เกร็งเหมือนกัน กลัวว่าจะไปสอนจระเข้ว่ายน้ำ แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่เจอกับกลุ่มคนที่สุภาพ รับฟังสิ่งที่เราพูด เลยค้นพบว่าคนที่ยิ่งอยู่สูงเท่าไรยิ่งถ่อมตัวเท่านั้น ”

ในปีนี้ยังมีเป้าหมายเขียนหนังสืออีก 2 เล่ม โดยเฉพาะการเขียนแนววิทยาศาสตร์ความสุข โดยจะนำเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้เรียนมาถ่ายทอดให้คนอ่านได้เรียนรู้วิธีการสร้างความสุขให้ชีวิตได้มากขึ้น ซึ่งหนูดีมองว่าคนที่อ่านหนังสือเล่มแรกเป็นผู้มีพระคุณ เพราะทำให้หนูดีสามารถหาเงินได้เองเป็นครั้งแรก จึงคิดว่าต้องตอบแทนบุญคุณด้วยการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาให้ผู้อ่าน และที่ทำประจำคือการจัดสัมมนาให้ความรู้ฟรีแก่ผู้ที่สนใจทั่วไป ตอนนี้ก็กำลังสนุกกับการจัดรายการวิทยุ ซึ่งน่าจะเป็นสื่อที่เข้าถึงผู้ฟังได้อีกมาก และอาจขยายไปสู่รายการทีวีในอนาคตด้วย

ส่วนเป้าหมายในอนาคต สาวคนเก่งวางแผนว่า จะไปเรียนต่อปริญญาเอกปีหน้าในด้านการพัฒนาสมองเหมือนเดิม เพราะมองว่าวงการสมองไม่เคยหยุดนิ่ง ส่วนจะกลับมาทำอะไรคงยังบอกไม่ได้ แต่อยากทำประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งไม่จำกัดว่าต้องทำงานในเมืองไทยหรือต่างประเทศ ขอให้เป็นเวทีที่คนไทยได้ประโยชน์มากที่สุด

หนูดี หรือ วนิษา เรซ สาวลูกครึ่งไทยอเมริกันในวัย 30 ปี ผู้มากความสามารถคนนี้มีแววเรียนเก่ง และไฮเปอร์มาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบระดับมัธยมจากโรงเรียนสตรีล้วนในเมืองไทย ก็เหินฟ้าไปเรียนต่อทางด้านครอบครัวศึกษา จนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ คอลเลจพาร์ค สหรัฐอเมริกาพ่วงด้วยเกียรตินิยม และด้วยความสนใจทางด้านการพัฒนาของสมองเป็นพิเศษ เลยตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโททางด้านวิทยาการทางสมอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา แม้จะเป็นสถาบันสุดหินแต่หนูดีก็ยังคว้าเกียรตินิยมมาเชยชมจนได้ แถมยังได้ทุนเรียนดีของมหาวิทยาลัยตลอดการศึกษากว่า 10 ล้านบาท

ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาด้านอัจฉริยภาพเพียงคนเดียวในเมืองไทย ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท อัจฉริยะสร้างได้ จำกัด และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา นอกจากนี้ ยังแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปจัดรายการวิทยุและสอนพิเศษด้วย

หนูดีเริ่มเป็นที่รู้จัก หลังจากเธอถูกเชิญไปร่วมแข่งขันในรายการอัจฉริยะข้ามคืน จนเป็นผู้ชนะคว้าล้านที่ 15 ในรายการ และโฆษณาแบรนด์เม็ดสกัด ที่สำคัญเธอเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยหนังสือเล่มแรก ” อัจฉริยะสร้างได้ ” นั้น มีกระแสตอบรับดีเกินคาด พิมพ์ออกมาแล้วหลายครั้งนับแสนเล่ม นอกจากจะสวย และเก่งแล้ว เธอยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง โดยเริ่มเต้นบัลเลต์มาตั้งแต่เด็กจนเกือบจะหันไปเอาดีทางด้านนี้ ส่วนช่วงที่เรียนอยู่เมืองนอก ก็ทำกิจกรรมเหมือนกับเพื่อนชาวต่างชาติทุกประเภททั้งยิงธนู พายเรือคยัก ปีนเขา รวมไปถึงเล่นโยคะ รำมวยจีน และวาดรูป

ล่าสุดเธอสนใจเล่น ” โกะ ” หรือหมากล้อมของจีน เพราะได้ข้อคิดตามหลักปรัชญาเต๋าที่เธอสนอกสนใจอย่างมาก โดยสาวคนนี้บอกว่าจะพยายามเพิ่มงานอดิเรกใหม่ๆ ทุกปี เพราะสมองคนเรานั้น สามารถเรียนรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยความที่เธอยังเป็นสาวโสด จึงมักไปเที่ยวและทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อนสนิท และน้องสาวสุดที่รัก โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิที่วัดเป็นประจำทุกเดือน และทุกปีเธอกับน้องสาวจะมีทริปฮันนีมูน ซึ่งเป็นการพักผ่อนประจำปีชนิดไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง โดยสถานที่ที่เธอโปรดปรานมากที่สุดคือ จ.เชียงใหม่ นั่นเอง
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #185 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 13:40:19 »

Cheesy   คุณผู้อ่านที่รัก ... อิฉันน่ะ  เป็นฮ้วง  เป็นห่วง  ว่าอาจจะมีบางท่านพลาดโอกาสที่จะได้อ่านเรื่องราวที่น่าอ๊าน  น่าอ่าน  เรื่องดีๆ  เจ๋งๆ  อ่านแล้วได้ความรู้-ข้อคิดที่น่าสนใจ  ได้ความประทับใจ  เก้า  ลอ  เก้า ... ที่เพื่อนๆ  พี่ๆ  น้องๆ  ญาติโยมทั้งหลายส่งมาแบ่งปันกัน

ดังนั้นจึงขอเรียนให้ทราบว่า  นอกจากอิฉันจะนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้ไว่เป็นหมวดหมู่  อยู่ในห้องเรือนรับแขก - สนทนาประสาพี่น้อง  จำนวน 3 topic แล้ว ( อันได้แก่  1. รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ... 2. หาเรื่องมาหัวเราะกันหน่อยน่า นะ ...  3. โลกสวยด้วยศิลปะ ) ... อิฉันยังได้เปิดกระทู้อื่นๆ ไว้ที่ห้อง " สุขภาพและความงาม " อีก 2 topic  คือ  1. เรียนมาเพื่อทราบ  ให้สุขภาพแข็งแรง   กับ  2. ภัยรายวัน ... ตรงนี้นะคะ

http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=1435&start=30

http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=1955

แถมในห้อง " ธรรมะ ... สาธุ ... "  ก็ยังมีเรื่องมาแบ่งปันกันไว้อีก 2 กระทู้  คือ  1. ข้อคิด  คำคม ปรุงผสมเป็นยาใจ  กับ 2. ผู้ใจบุญเชิญทางนี้ค่ะ ... ตรงนี้

http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=1409&start=30

http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=1590

เห็นหนิงบอกว่า " ไปแอบอยู่ในที่ลับตาผู้คน  น้อยคนนักที่จะได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม "  จึงขอนำมาบอกกล่าวกันให้ทราบ ... หวังใจว่าท่านผู้อ่านคงจะมีโอกาสได้แวะไปอ่านกันบ้าง   อ่านแล้ว  หากเกิดประโยชน์กับท่าน  แม้เพียงเล็กๆ  น้อยๆ  ผู้นำมาเสนอก็จะดีใจมากเชียวค่ะ ... แวะไปเยี่ยมเยียนกันบ้างนะคะ  และถ้าท่านจะนำเรื่องดีๆ มาร่วมแบ่งกันด้วย  ก็จะยิ่งยอดเยี่ยมไปเลย !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #186 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 22:39:20 »

อ้างจาก: "Jiab16"




พี่เจี๊ยบ ,หนิงไม่ค่อยแน่ใจภาพนี้ค่ะ...เหมือนแต่งยังไงก็ไม่รู้ค่ะ
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #187 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 22:42:18 »

The world's richest

ข้อมูลจาก Microsoft Internet Explorer

Top Ten ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยเรียงลำดับจากรวยที่สุด ไปจนถึงที่สิบ แต่ละบรรทัดจะแสดงข้อมูลดังนี้ : Name / Age / Country / Net worth / Primary source of wealth

1. Warren Buffett
77
U.S
$62 billion
Berkshire Hathaway

2. Carlos Slim Helú and family
68
Mexico
$60 billion
Telecom industry

3. Bill Gates
52
U.S.
$58 billion
Microsoft

4. Lakshmi Mittal
57
India
$45 billion
Steel industry

5. Mukesh Ambani
50
India
$43 billion
Petrochemicals

6. Anil Ambani
48
India
$42 billion
Diversified investments

7. Ingvar Kamprad and family
81
Sweden
$31 billion
Ikea

8. K.P. Singh
76
India
$30 billion
Real estate

9. Oleg Deripaska
40
Russia
$28 billion
Aluminum industry

10. Karl Albrecht
88
Germany
$27 billion
Aldi supermarkets


โห !  เป็นชาวอินเดีย ซะตั้ง 4 คนแน่ะ  สังเกตประเภทธุรกิจที่ทำแล้วรวย สิคะ ... ท่านที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

http://articles.moneycentral.msn.com/News/GatesDethronedBuffettIsRichest.aspx?GT1=33009
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #188 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 22:44:25 »

อ้างจาก: "Jiab16"



คิดไปไกลถึง...แกงส้มปลาช่อน ยำปลาหมึก...เลี้ยงชาวหอจุฬาได้ทั้งหอ
nn. :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #189 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 22:51:51 »

อ้างจาก: "Jiab16"
ศัพท์ทันสมัย

ด๋อย - เชยๆ เสี่ยวๆ

ชิลๆ - ง่ายๆ สบายๆ

สวยเป๋อ - ผู้หญิงสวยแต่ซุ่มซ่าม

เพียวเค็ม - คนที่งกมากๆ

สะแอ๋ง - ชอบสอดเรื่องชาวบ้าน

สลิ่ม - สีสันเสื้อผ้าที่ตัดกันมาก เช่น เขียวกับชมพู

เหียก - หน้าตาขี้เหร่มากๆ

มิสเปรู - มีเงินเท่าไรให้ผู้ชายหมด

ลูกนายก - ถูกผู้ชายยกเค้าไปหมด

ฉ่ำสะมิหลา สงขลาปัตตานี แฟนตาซีภูเก็ต - เริ่ดหรูหาอะไรเปรียบไม่ได้

ช่อราษฎร์ - แย่งแฟนเพื่อน

ปาดหน้าเค้ก - แย่งผู้ชายที่คนอื่นหมายปอง

ซุงแหล - เวิร์บช่อง 3 ของตอแหล


ศัพท์บ้าน

อย่างหรอย - รากศัพท์มาจากภาษาใต้ แปลว่าสุดยอด เยี่ยมยอด



จะเร่งจำให้ขึ้นใจ

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #190 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 22:53:00 »

NN ... พี่กลับคิดว่าเป็นรูปที่ถ่ายมาจริงๆ  ไม่ได้แต่ง  แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ  ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ทะเลชนิดไหน ?  จะเป็นปลาวาฬยักษ์ ( ปกติก็ยักษ์ที่สุดในโลกอยู่แล้วนี่นะ ... อ้อ !  แต่ก็ยังแพ้ " ปลาวาฬชุปแป้งทอด  กับกะทะที่ใช้ทอดปลาวาฬตัวนั้นแหละ ... ha  ha  ha ! )  หรือปลาโลมายักษ์  หรือ  ปลากระเบนยักษ์  หรือ  ผิดทุกข้อ ... ก็ไม่รู้นิ !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #191 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 23:10:05 »

เอาใจอภิสิทธ์สุดหล่อหน่อยค่ะ...เพลงโปรดของเขาวงนี้ กะลัง on airทุกวันค่า!
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #192 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 23:14:11 »

อีกเพลงนะคะ...สำหรับคุณอภิสิทธิ์..สุดหล่อ
nn. Cool  Cool

บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #193 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 23:29:54 »

-คนมีเสน่ห์...very interesting!....easy to apply!

-อยากได้เครื่องทำส้มตำ...ขนาดหนึ่งคนกิน...ไปตั้งในครัวค่าพี่

-สำหรับคุณสมัคร...ไม่มีเพลงให้..เอาองค์พระพิฆเนศไปก่อนได้มั้ย??

-รูปอาหารรายปีแต่ละภูมิภาค มาจากหนังสือ Geo ของปีที่แล้วค่า ที่บ้านเป็นสมาชิก เดี๋ยวจาคลิกหา ส่งมาลงที่นี่ร่วมแจมค่าา!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #194 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 23:40:03 »

COULD YOU GO IN THIS TOILET ?

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

This is a public toilet in Houston :



Now that you've seen the outside view, take a look at the inside view ...



It's made entirely of one-way glass! No one can see you from the outside, but when you are inside it's like sitting in a clear glass box !

Now would you... COULD YOU... use it ? !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #195 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 23:43:27 »

อ้างจาก: "Jiab16"
The world's richest

ข้อมูลจาก Microsoft Internet Explorer

Top Ten ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยเรียงลำดับจากรวยที่สุด ไปจนถึงที่สิบ แต่ละบรรทัดจะแสดงข้อมูลดังนี้ : Name / Age / Country / Net worth / Primary source of wealth

10. Karl Albrecht
88
Germany
$27 billion
Aldi supermarkets [/color][/size]


พูดแล้วจาหาว่านินทาค่าพี่เจี๊ยบ แต่ตานี่...มัถยัสธ์ ...ประหยัดมากกกก... ขี้เหนียวนั่นแหละ...เก็บตัว ไม่ชอบสังคม...สมถะ...พี่ต้องเห็นออฟฟิตของเค้าแล้วจาตกใจ....เป็น generation world war ค่ะ
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #196 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 00:48:56 »

New products from Brazil

พูลศรี  Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา























บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #197 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:17:07 »

พี่เจี๊ยบคะ,
ที่ถูกไม่ไช่"อย่างหรอย"นะคะ หลังจากถามเพื่อนๆที่ใช้ภาษาใต้ทุกวัน...ต้อง"หยับหรอย"จึงจะสุดยอดจริงค่าาา
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #198 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:24:10 »

ตามที่สัญญาค่ะ ว่าจะขอแจมกระทู้นี้...มาทายกันดีกว่าค่ะ รูปที่เห็นอยู่ที่ไหน?
no.1

a-big sea in Africa
b-big sea in North America
c-Aralsea in Kasachstan/Usbekistan

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #199 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:28:42 »

No.2

a- North Italy
b- Eastern of Africa(Mauritius)
c- Far East

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #200 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:32:35 »

No.3

a-Nigeria
b-Amazon river
c- Elbe river

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #201 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:36:30 »

No.4

a- in America(Grand Canyon)
b- in Egypt(King's valley)
c- on Mars(Valles Marineris)

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #202 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:43:58 »

No.5
เป็นรูปทรงอะไร ทางด้าน Geography?

a-eroded cliff
b-meteorite caldera
c-rounded glacier

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #203 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:50:23 »

No.6
จุดดำนี้คืออะไร?
 
a-cloud from volcan dust
b-eclipse of the sun
c- dark desert sand

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #204 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 02:55:48 »

No.7

a- North eastern strait
b- North western strait
c- Bering street

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #205 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 03:03:39 »

No.8
which ocean/sea in the picture?

a- The Red sea
b-The Baltic sea
c-The Caspian sea

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #206 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 03:08:04 »

No.9
This country belongs to the poorest country of the world!

a- Eritrea
b- Bangladesch
c- Liberia

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #207 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 03:11:52 »

No.10..the last one!
where is it??

a- Maldive
b- Salomon island
c- Bahamas island

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #208 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 13:44:03 »

Cheesy  NN นี่น่าจะไปเป็นครูนะ ... ออกข้อสอบที่มี " ตัวเลือก และ ตัวลวง " เก๊ง  เก่ง  ช่างคิดแบบ fluency จริงๆ ... แต่ข้อสอบที่ดี  และสมควรจะได้รับเลือกมาเป็น " ข้อสอบมาตรฐาน "  จะต้อง :

1. มีความยาก-ง่าย ในระดับปานกลาง ( มีผู้ตอบถูก 50 % )

2. มีอำนาจจำแนก ( Discrimination ) สูง  ซึ่งควรสูงกว่า 80 % ขึ้นไป   คือ  เด็กเก่งตอบถูก  เด็กไม่เก่งจะตอบผิด  จึงเรียกว่ามีอำนาจจำแนกสูง


แฮ่ ! ... แต่ข้อสอบของหนุงหนิง  มีความยากม้าก ก ก ก  และมีอำนาจจำแนกต่ำมาก ... ha  ha  ha !  ... คือ  ไม่มีใครตอบได้ถูกเล้ย  ทั้งเด็กเก่ง ( คือที่เคยไปท่องเที่ยวรอบโลกมาแล้ว  ไม่ว่าจากประสบการณ์จริง  หรือดู TV หรืออ่าน )  และเด็กไม่เก่ง ( ที่ไม่สนใจเรื่องภูมิศาสตร์ และการท่องเที่ยว )  เนื่องจากข้อสอบเหล่านี้เป็นภาพที่ถ่ายในมุมสูงมาก  จากดาวเทียม  เลยเดายาก  ไม่มีตึกรามบ้านช่อง  และผู้คนให้เดาได้เลยเนี่ย

นักเรียนชื่อเจี๊ยบยอมจำนนค่ะ ... รอครูหนุงหนิงมาเฉลยลูกเดียวเลยล่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #209 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 16:49:05 »

พี่เจี๊ยบขา,
ความร้ายกาจของ quizนี้(มาจาก www.geo.de)อยู่ตรงที่...หนิงจะ click ภาพถัดไปได้(เพื่อเก็บรูป) ก็ต่อเมื่อต้องร่วมตอบ(หรือเดา)ภาพปัจจุบันก่อน...ดูเหมือนยาก แต่ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นน่ะ เซียนเดาแหลกอย่างมีหลักการอย่างหนิง...เหอ เหอ.....ถูก ๙จาก ๑๐ค่ะ ผิดข้อเดียวภาพจุดดำ!

1. A...Rift Valley..ทะเลบนคือ Edward sea ,ตรงกลางคือ Kivu sea,ล่างสุด Tanganjika sea ๖๗๖กม. เป็นทะเลสาบนํ้าจืดที่ยาวที่สุดในโลก

2. C...ประเทศ Turkey,Syria,Lebanon,Israel and Irak แม่นํ้ที่เห็นคือ แม่นํ้า Euphratis 2700 km.

3. A....แม่นํ้า Nigerซ้าย,ไหลมารวมกับ แม่นํ้า Benue ที่ปากอ่าว Golf of Ginea ก่อให้เกิด ๑๙๐กม.long delta

4. C....on the Mars!! ถ่ายโดย กล้องของ European  Pedal Position Sensor Mars Express

5. A...eroded Cliff  ในรูปทรงที่เรียกว่า Richat Structure ทางด้านตะวันตกของ Sahara

6. B...eclipse of the sun ถ่ายโดย ยานอวกาศของ รัสเซียชื่อ Mir เมื่อวันที่ ๑๑สิงหาคม ๑๙๙๙

7. B...North Western Strait ที่ช่องแคบ McClure Strait

8. B...The Baltic from abutter country: Sweden, Finnland,Russia,Estland, Lettland, Lituania,Poland and Germany

9. B...Bangladesh

10. C...Bahama...coral reef ที่นี่กินเนื้อที่ ๕%ของ coral reef  ทั้งหมดในโลก

nn. Cool
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #210 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 22:26:11 »

:roll: Unbelievable ! " เซียนเดาแหลกอย่างมีหลักการอย่างหนิง " เดาถูกได้ยังไงตั้ง 9 ใน 10 รูป  หา ?  เก่งผิดปกติแล้วล่ะ   :lol:
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #211 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 02:33:54 »

พี่เจี๊ยบขา,
วันนี้เข้าไปอีกรอบเพื่อเอาคำตอบ...ก็ต้องตอบอีกครั้งนึง...ระบบเดาเหมือนเดิม..ถูก๙จาก๑๐ เพียงแต่เปลี่ยนข้อ จากข้อ๖ ที่รู้แล้ว ไปเป็นข้อสุดท้าย!!เดี๋ยวจาคลิกหาอย่างอื่นมาทายอีกค่ะ...เริ่มสนุก :lol:  :lol:
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #212 เมื่อ: 13 มีนาคม 2551, 09:59:51 »

บทสรุประหว่างน้ำมน E20 , เบนซิน 95 และ Gasohal 95

ประทีป - บัญชี 16 ... ส่งมา

นิตยสาร Auto Build ทดสอบความสิ้นเปลืองของน้ำมัน 3 ประเภท โดยใช้รถเก๋ง Mazda 3 2.0 ลิตร 3 คัน ขับเป็นระยะทาง 360 กม. ได้ผลการทดสอบ ดังนี้

คันที่ 1 ใช้เบนซิน 95 ( 32.69 บาท/ลิตร ) เฉลี่ย 12.3 กม./ล. ใช้น้ำมันไป 29.26 ลิตร เป็นเงิน 956.5 บาท

คันที่ 2 ใช้แก๊สโซฮอล 95 ( 29.69 บาท/ลิตร ) เฉลี่ย 11.8 กม./ล. ใช้น้ำมันไป 30.5 ลิตร เป็นเงิน 905.5 บาท

คันที่ 3 ใช้ E 20 ( 26.69 บาท/ลิตร ) เฉลี่ย 10.5 กม./ล. ใช้น้ำมันไป 34.28 ลิตร เป็นเงิน 915 บาท


รถทุกคันขับตามสภาพปกติใช้ความเร็วระหว่าง 100-140 กม./ชม. ... สรุปได้ว่าแม้ E 20 จะราคาถูกกว่าเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 6 บาท แต่มีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่าถึงเกือบ 20 % ทำให้สูญเงินแตกต่างกันน้อยมาก ส่วนแก๊สโซฮอล 95 ราคาถูกกว่าเบนซิน 95 อยู่ 3 บาท และแพงกว่า E 20 อยู่ 3 บาท แต่ด้วยอัตราสิ้นเปลืองอยู่ระหว่างกลาง พอคิดเป็นเงินกลับประหยัดได้ดีที่สุด
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #213 เมื่อ: 13 มีนาคม 2551, 23:02:22 »

รถเลียนแบบจากจีน

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา








บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #214 เมื่อ: 14 มีนาคม 2551, 01:08:30 »

หลักสูตร Super Advanced Technique in PowerPoint : อบรมวันที่ 24 มีนาคม 2551

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07... ส่งมา

หลักสูตรอบรมที่เปิดในเดือนมีนาคม 2551

Using Advanced Feature in Excel

Using Advanced Function in Excel

Creating Database Analysis Report with Excel

Super Advanced Technique in Excel

Creating Professional Presentation with PowerPoint

Super Advanced Technique in PowerPoint

Organizing and Using Advanced Feature E-Mail in Outlook

Super Advanced Technique in Outlook

MS.Access Intermediate

Building MS.Access Application with Macro

Inside Microsoft Project

Creating Flowchart and Organization Chart with Visio

Creating Animation with Flash 8

Creating Website with Dreamweaver 8


หลักสูตร Super Advanced Technique in PowerPoint อบรมวันที่ 24 มีนาคม 2551

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร

หลักสูตรนี้จะเน้นสุดยอดเทคนิคต่างๆ ของการใช้งาน PowerPoint ในหลายแง่มุมเพื่อให้การ Present ของคุณแตกต่างจากผู้อื่น และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ Power Point ได้ทำงานอย่างรวดเร็ว และแก้ข้อจำกัดบางอย่างของ PowerPoint อาทิ เช่น การแสดงเวลาในปรากฏในสไลด์ให้ผู้บรรยายได้ทราบว่าใช้เวลาบรรยายไปนานเท่าใด กี่ชั่วโมง กี่นาที หรือการลดขนาดของไฟล์ PowerPoint ให้เล็กลง ฯลฯ หากคุณเข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ รับประกันได้เลยว่า การบรรยายของคุณจะมีสีสรรแตกต่างกับผู้อื่นแบบมืออาชีพทีเดียว !!!

เนื้อหาการอบรม

เทคนิคการลดขนาดของไฟล์ Presentation ให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งโดยปกติเมื่อคุณ Save ไฟล์ ขนาดของไฟล์จะใหญ่ขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้ไม่ได้แก้ข้อมูลอะไรเลย ลองทดสอบด้วยตัวคุณเองได้

เทคนิคการ Compress รูปภาพทั้งหมดใน Slide ให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งจะทำให้ขนาดของไฟล์เล็กลงไปอีก

เทคนิคการฝัง Font ไปกับไฟล์ Presentation เพื่อแก้ปัญหาเมื่อนำไฟล์ไป Present กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่มี Font เหมือนเครื่องของคุณ แล้วเกิดเป็น Font ประหลาดขึ้นมา

เทคนิคการใส่ Excel Worksheet เข้าไปใสสไลด์ โดยไม่ต้องทำ Hyperlink และในระหว่างที่ฉายสไลด์ที่มีข้อมูล Excel อยู่นั้น สามารถที่จะแก้ไข หรือใส่ตัวเลขให้ Excel คำนวณได้เหมือนกับการใช้ Excel แบบปกติ ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการปัญหาที่หลายคน Copy ข้อมูล Excel มาใส่ในสไลด์แล้วปรากฏคอลัมน์มาไม่ครบ หรือไม่ก็ตัวอักษรเล็กเกินไป

เทคนิคการนำเสนอสไลด์ที่เป็นหน้าเว็บเพจ โดยให้ฝังอยู่ในสไลด์และสามารถ Update หรือคลิก link ต่างๆ ได้โดยตรง เสมือนกับใช้ Internet Explorer แต่อยู่ในสไลด์ ซึ่่งเป็นสุดยอดเทคนิคที่ไม่สามารถทำได้แบบปกติทั่วไป

เทคนิคการแสดงเวลาให้ปรากฏระหว่างฉายสไลด์ เพื่อให้รู้ว่าได้พูดมาแล้วเป็นเวลากี่ชั่วโมง กี่นาที

เทคนิคการแสดงเวลาในลักษณะของ Bar Scale เพื่อให้ผู้บรรยายทราบว่าได้บรรยายสไลด์มาแล้วถึงไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้ผู้บรรยายทราบว่าได้บรรยายสไลด์มาเกินครึ่งหนึ่งหรือยัง ฯลฯ

เทคนิคการแสดงจำนวนหน้าสไลด์ให้ปรากฏในลักษณะ Page 1 of 5

เทคนิคการสร้างหัวข้อสไลด์อัตโนมัติโดยอาศัยข้อมูลจาก Microsoft Word ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการสร้าง Slide ใหม่อย่างมาก

เทคนิคการสร้างไฟล์แบบ Auto Show เพื่อให้ไฟล์ Presentation ถูกฉายโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้ดับเบิ้ลคลิกไฟล์ เหมาะอย่างยิ่งส่งไฟล์ไปให้ผู้อื่นทางอีเมล์

เทคนิคการเปลี่ยนสีหรือซ่อนเส้นใต้ของข้อความที่สร้าง Hyperlink เพื่อให้การนำเสนอดูสวยงามแบบ

เทคนิคการแก้ปัญหาเมื่อสร้าง Hyperlink แล้วคลิกลิงก์จะพบกับข้อความเตือน " Some files can contain viruses or otherwise be harmful to your computer. It is important to be certain that this file is from a trustworthy source. "

เทคนิคการแก้ปัญหาเมื่อคลิก Hyperlink ไปยังไฟล์ PDF แล้วไม่สามารถเปิดไฟล์ PDF ได้

เทคนิคการป้องกันไม่ให้ไฟล์ Presentation ถูกเปิด หรือถูกแก้ไขโดยไ่ม่ได้รับอนุญาต

เทคนิคการแปลง PowerPoint ให้เป็นไฟล์ EXE เพื่อส่งไปให้ผู้อื่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องมีโปรแกรม PowerPoint ติดตั้ง ก็สามารถดู Presentation ได้ อีกทั้งยังเป็นการ Protect ไฟล์ PowerPoint ไปในตัวด้วย

เทคนิคการแก้ปัญหาการพิมพ์ภาษาไทย และอังกฤษ ที่รูปแบบ Font ชอบเปลี่ยนไปมาระหว่าง Angsana กับ Time New Romans

เทคนิคการแก้ Default ของไฟล์ Presentation เพื่อให้การสร้างใหม่เป็นรูปแบบที่ต้องการโดยอัตโนมัติ เช่น มี Logo บริษัทปรากฏทันที หรือ Font เป็นแบบที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องเสียเวลามาแก้ไข Slide Master หรือเลือกรูปแบบจาก Design Template แต่อย่างไร

เทคนิคการดูดรูปแบบ Template ที่สวยงามจาก Presentation ของผู้อื่นมาใช้งาน เพื่อให้ Presentation ของคุณสวยเหมือนกับของเขา โดยไม่ต้องพิมพ์ข้อมูลหรือ Save As แล้วลบข้อมูลทิ้งแต่อย่างใด

...และเรียนรู้สุดยอดเทคนิคและ Shortcut Keyboard ในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับการทำงานของ Power Point เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างรวดเร็วสุดๆ !!!


หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ

ผู้ที่ใช้งาน Power Point อยู่แล้วทุกคน และต้องการเรียนรู้เทคนิคพิเศษ ผู้ที่ต้องการให้การ Presentation ของตนเองดูแตกต่างจากผู้อื่นแบบมืออาชีพ

ค่าใช้จ่าย

2,500 บาท ( ไม่รวม VAT ) Promotion พิเศษ พิเศษ ! ชำระเงินล่วงหน้าก่อนวันเข้าอบรม 15 วัน รับทันทีส่วนลดอีก 5 %

หลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่่่ยวข้อง

Super Advanced Technique in Word

Super Advanced Technique in Excel

Super Advanced Technique in PowerPoint

Super Advanced Technique in Outlook

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-380-3421-2

รูปแบบการอบรม และสถานที่อบรม เครื่องคอมพิวเตอร์ทันสมัย Pentium 4 จอแบน อบรม 1 คนต่อ 1 เครื่อง

ระยะเวลาอบรม 9:00-16:00 น.

สถานที่อบรมศูนย์ศึกษาสาทรธานี ม.รังสิต ชั้น 8 อาคารสาทรธานี 1 กรณีมารถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี


ความประทับใจของผู้เรียนหลักสูตรนี้ไปแล้วในรุ่นที่ผ่านมา .....

คุณอัญชลี รัตนกังวาล บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด

จากการได้ไปอบรมหลักสูตร Super Advanced Technique in PowerPoint กับสถาบัน NTinfonet รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพในการจัดหลักสูตร ประทับใจตั้งแต่เจ้าหน้าที่ ไปจนถึงอาจารย์ผู้สอนที่มีความรู้ในเรื่องที่สอนเป็นอย่างดี และเอาใจใส่ผู้เรียนเมื่อเกิดคำถามหรือตามไม่ทันในบางช่วง อาจารย์ใจเย็น และเป็นกันเองกับผู้เรียน ความรู้ที่ได้จากหลักสูตรนี้ ทำให้ทราบขั้นตอนลัดมากมาย ช่วยลดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน presentation และทราบเทคนิคในการแก้ปัญหาที่พบบ่อย ที่สำคัญคือ ทราบเทคนิคในการทำ presentation อย่างมืออาชีพค่ะ


น.ส.วิรัลดา สุขประเสริฐ เจ้าหน้าที่สายงานกลยุทธ์องค์กร, บริษัท ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตอล จำกัด ( มหาชน )

ได้มีโอกาสไปอบรมหลักสูตร Super Advance Technique in Power Point ดิฉันประทับใจมากค่ะ เพราะว่าปกติจะใช้ Power Point ในการทำงานส่วนมากอยู่แล้ว ซึ่งทาง NTinfonet ได้สอนเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เรียนรู้เร็วเข้าใจง่าย ประหยัดเวลาในการทำงานมาก และก็มีเป็นเทคนิคที่ใฝ่ฝันอยากจะทำได้มาตั้งนานแล้ว เป็นประโยชน์ในการทำงานอย่างมากเลยค่ะ ห้องเรียนก็สะอาด เครื่องอุปกรณ์ก็ทันสมัย อาจารย์สอนก็เข้าใจง่าย อธิบายชัดเจน ทีละขั้นตอน ทำให้เข้าใจ และช่วยให้เห็นภาพในการทำชัดเจน เข้าใจกว่าอ่านหนังสือเองอีกค่ะ ดิฉันประทับใจมากค่ะ ถ้ามีโอกาสไปอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอีก ก็จะพลาดไม่ได้เลยค่ะ


คุณสุมาลี กำปะนี จนท.ปฏิบัติการ ธปท. ธนาคารแห่งประเทศไทย

จากการที่ได้รับการอบรมจากบริษัท ได้รับความรู้และประโยชน์ในการใช้งานเกี่ยวกับ Super Advanced Technique in Power Point มากขึ้น และได้เทคนิคในการใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เทคนิคต่าง ๆ มีความสำคัญในการใช้งานทำให้ผลงานที่ทำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถแนะนำให้เพื่อร่วมงานทำได้ หลังจากกลับจากอบรมได้เสนอแนะหลักสูตร Super Advance Word ให้กับผู้บริหารที่ดูแลเรื่องการจัดอบรมว่า มีความประสงค์จะขอเข้ารับการอบรมที่บริษัท NTinfonet อีกในหลักสูตร Word เพราะมีเทคนิคมากมาย และสามารถนำมาใช้งานได้ตรงมาก


Hello, คุณผู้อ่านหลายๆ ท่าน  อาจจะไม่สนใจอ่าน " ทะเลตัวอักษร " เหล่านี้เล้ย ... แต่ก็ยังอยากจะนำเสนอค่ะ  เพื่อชวนให้คิดได้ว่า " Presentation ที่เป็น Power Point สวยๆ  ซึ่งจะดึงดูดความสนใจผู้ดูผู้ฟังได้นั้น  เป็น Product  ที่ได้มาจาก Process เบื้องหลัง  ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคต่างๆ  ประกอบกัน  และทำโดยผู้รู้จริง  แบบมืออาชีพ "  ดังนั้น " ความสำเร็จ จึงไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ ... ต้องไขว่คว้า  และฝึกฝน "  .... นี่ !  คมมั้ย ?  ระวังจะบาดหู นะค้า ... เจี๊ยบเองแหละ !
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #215 เมื่อ: 15 มีนาคม 2551, 20:28:54 »

เรื่องนี้ Skywalk in Grand Canyonเพิ่งดูเมื่อวานซืน...in free TV!!แปะได้แหล่ว เย้ๆ



nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #216 เมื่อ: 15 มีนาคม 2551, 20:44:33 »

ไม่เห็นบอกล่ะจ้ะ ว่ากระจกห้าชั้นนั่นน่ะ ขึ้นเครื่องตรงมาจาก Germany!!!


nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #217 เมื่อ: 15 มีนาคม 2551, 20:49:18 »

ลืมไปค่ะ...ค่าตั๋วสำหรับ"ความเสียวใส้"....25 US$
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #218 เมื่อ: 17 มีนาคม 2551, 11:56:27 »

:x  อึ๋ย ! ... ดูแค่ในหนัง  ฝ่ามือ  ฝ่าเท้า  ของอิฉันก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ  ต้องเช็ดแล้ว  เช็ดอีก ... อย่าหวังว่าจะได้ค่าตั๋ว 800 บาท  สำหรับความเสียวสยองตอนขึ้นไปเดินจริงๆ เล้ย ... จ้างก็ไม่เดินหรอก

คน create project นี้  - สถาปนิก - วิศวกร  เก่งๆ กันทุกคนเลยค่ะ ... น่าจะ " สะใจ " นักท่องเที่ยวที่มี gene ชอบเสี่ยง นอะ

หนิงเก่งกว่า  ที่หาวิธีเอาหนังมาแปะได้สำเร็จ  จะได้แบ่งกัน " เสียว " โดยทั่วหน้า ... ha  ha  ha !
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #219 เมื่อ: 17 มีนาคม 2551, 12:05:29 »

เปลี่ยน mood มาดู " คนสวย  คนงาม " กันต่อ  ดีมั้ยคะ ?

Miss Universe

พี่ชรินทร์ 07... ส่งมา





















บันทึกการเข้า
too
ตู้ rcu85
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,281

เว็บไซต์
« ตอบ #220 เมื่อ: 17 มีนาคม 2551, 18:16:51 »

เพิ่งเข้ากระทู้นี้เป็นครั้งแรกครับ ได้รู้อะไรเพิ่มมากมายเลย  :wink:
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #221 เมื่อ: 18 มีนาคม 2551, 00:39:58 »

Cheesy  ยินดีครับ น้องตู้
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #222 เมื่อ: 19 มีนาคม 2551, 00:25:10 »

น้องตู้,
ให้ความรู้พี่หน่อยค่ะ ...เวลาพี่คลิกเข้าไปในเวบไซท์รายการโทรทัศน์ของ Germany แล้วคลิกเข้าไปชม VDO พี่อยากเอามาแปะ และแปลที่นี่ แต่ทำไม่ได้ เป็นเพราะระบบ protectionของเค๊าเหรอคะ แล้วทำไมเวลาพี่เจอะฟิล์มแบบเดียวกันใน googleพี่ถึงแปะได้
พี่พยายามดาวน์โหลดเก็บไว้....มันโหลดมาทั้งหน้าเลยค่ะ...อยากหา http://...wmv.ก็ทำไม่ได้ เวบแบบนี้เราจะโดนจับมั้ย หากเอาภาพยนตร์เขามาแปะ?
p.nn
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #223 เมื่อ: 20 มีนาคม 2551, 08:53:34 »

คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

กระทรวงการต่างประเทศเผย คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ และอยู่ได้นาน 14-90 วัน

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เผยคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา ( วีซ่า ) เพื่อเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 19 และสามารถพำนักอยู่ได้ตั้งแต่ 14-90 วัน เอกสารเผยแพร่ระบุว่ากรมการกงสุลขอแจ้งสถานะล่าสุด ณ วันที่ 14 ม.ค. 2551 เกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าสำหรับคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาว่า ปัจจุปันคนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 19 ประเทศ

ประเทศที่สามารถพำนักอยู่ได้ 90 วัน ได้แก่ อาร์เจนตินา , บราซิล , ชิลี , เกาหลีใต้ และเปรู

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 30 วัน ได้แก่ ฮ่องกง , อินโดนีเซีย , ลาว , มาเก๊า , มองโกเลีย , มาเลเซีย , มัลดีฟส์, รัสเซีย, สิงคโปร์,แอฟริกาใต้ และเวียดนาม

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 21 วัน ได้แก่ ฟิลิปปินส์

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 15 วัน ได้แก่ บาห์เรน

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 14 วัน ได้แก่ บรูไน

จึงเรียนมาเพื่อรับทราบโดยทั่วกัน ... Refer to Division / Department : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #224 เมื่อ: 20 มีนาคม 2551, 09:25:52 »

รู้ไว้ จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

1. ถ้าคุณใช้โทรศัพท์โทร.ไปหามือถือค่าย AIS ไม่มีผู้รับสาย แล้วได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ให้วางสายก่อนสัญญาณเสียงตู๊ด จะไม่มีการคิดเงิน หากวางสายหลังเสียงตู๊ด หรือจนสายตัดไปเอง จะเสียค่าโทร.ตามเวลา 1นาที

2. ถ้าคุณใช้โทรศัพท์โทร.ไปหามือถือค่าย DTAC ไม่มีผู้รับสาย แล้วได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณจะวางสายก่อน หรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียค่าโทร.ตามเวลา 1นาที

3. ถ้าคุณใช้โทรศัพท์โทร.ไปหามือถือค่าย Orange ไม่มีผู้รับสาย แล้วได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณวางสายก่อน หรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียค่าโทร.ตามเวลา 1นาที

ค่าโทร.ที่เกิดขึ้น ทศท.จะแบ่งกับ DTAC, AIS, ORANGE ในอัตราส่วนที่ตกลงกัน โดย 70% จะเป็นของ DTAC, AIS และ ORANGE และอีก 30% เป็นของ ทศท.

4. แต่ที่แย่กว่านั้น หากใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์บ้าน หรือมือถือโทร.ไปยังโทรศัพท์ของ TA หากไม่มีผู้รับสาย แล้วได้ยินเสียงเรียกตู๊ด ... ตู้ด เกินกว่า 3ครั้ง จะเสียค่าบริการทันทีครับ อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆ ด้วยว่า อย่าคอยฟัง จนเกิน 4 ตู๊ด


คุณว่าทุกวันนี้ คุณจ่ายค่าโทรศัพท์แพงเกินไปรึป่าว ?

ผมก็เป็นคนนึงที่ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์ และสงสัยกับค่าโทรศัพท์ที่ปรากฎอยู่ในบิลแต่ละเดือนว่า ทำไมมันมากผิดปกติ ทั้งๆ ที่เรานึกๆ ดูแล้วก็ไม่ได้คุยบ่อยเท่าไหร่ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผมก็เริ่มสังเกตดูจากบิลค่าโทรศัพท์ที่บ้าน ในบิลจะบอกเบอร์มือถือที่เราโทร.ออก ผมก็เห็นว่าทำไมเราถึงโทร.หาเพื่อนคนเดิม เบอร์เดิม ติดต่อกันในช่วงเวลาเดียวกัน คือมันจะขึ้นมาเป็นแถบเลยว่าโทร.เบอร์นี้ เวลานี้ อาจจะห่างกันสัก 5นาที แต่ว่ายังเป็นเบอร์เดียวกันอยู่ แล้วแต่ละครั้งก็จะโทร.นาน 1 นาที คิดเป็นเงิน 3 บาท ผมก็รู้สึกแปลกๆ ว่า เราจะโทร.ติดๆ กันทำไม โทร.ติดแล้ว คุยกันจบแล้ว ก็ไม่ได้โทร.ติดๆ กันหลายครั้งนี่นา เวลาผมโทร. ก็มักจะรอเรียกสาย จนกว่าสายจะตัดทุกครั้ง

จนมีอยู่วันนึง ผมก็บ่นๆ เรื่องนี้อยู่ พี่ผมเค้าได้ยิน เค้าก็เลยบอกว่า ถ้าโทร.ไปไม่มีคนรับสาย แล้วเรารอฟังจนถึงโทรศัพท์เรียกเกิน 4 ตู๊ด มันก็จะคิดตังค์เรา ไม่ว่าจะมีคนรับ หรือไม่มีคนรับก็ตาม ผมก็ ... เฮ้ย ! จริงเหรอ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ยังไม่ได้คุยเลยนะ พอเดือนต่อมาผมก็ทดลองดู โทร.เข้าเบอร์มือถือเรานี่แหละ โทร.เข้าไปแล้วรอจนสายตัดเลย หลายๆ ครั้งติดๆ กัน พอบิลค่าโทรศัพท์มา โอ้โฮ จริงๆ ด้วย เบอร์ผมขึ้นมาเป็นแถบเลย ผมก็เลยเซ็งๆ มากว่า ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ ผมเลยอยากจะมาบอกทุกคนว่าให้ระวังเอาไว้... " อย่าโทร.เกิน 4 ตู๊ดก็แล้วกัน เดี๋ยวเสียตังค์ "
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #225 เมื่อ: 20 มีนาคม 2551, 09:28:08 »

P.Jiab ka,
how about"transfer visa"??
I needed it as I transfered from Germany via Canada to Los Angeles!
I'm asleep now...good night!
nn.(ง่วง)
บันทึกการเข้า


zadako
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #226 เมื่อ: 20 มีนาคม 2551, 22:03:25 »

อ้างจาก: "Jiab16"
คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

กระทรวงการต่างประเทศเผย คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ และอยู่ได้นาน 14-90 วัน

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เผยคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา ( วีซ่า ) เพื่อเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 19 และสามารถพำนักอยู่ได้ตั้งแต่ 14-90 วัน เอกสารเผยแพร่ระบุว่ากรมการกงสุลขอแจ้งสถานะล่าสุด ณ วันที่ 14 ม.ค. 2551 เกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าสำหรับคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาว่า ปัจจุปันคนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 19 ประเทศ

ประเทศที่สามารถพำนักอยู่ได้ 90 วัน ได้แก่ อาร์เจนตินา , บราซิล , ชิลี , เกาหลีใต้ และเปรู

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 30 วัน ได้แก่ ฮ่องกง , อินโดนีเซีย , ลาว , มาเก๊า , มองโกเลีย , มาเลเซีย , มัลดีฟส์, รัสเซีย, สิงคโปร์,แอฟริกาใต้ และเวียดนาม

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 21 วัน ได้แก่ ฟิลิปปินส์

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 15 วัน ได้แก่ บาห์เรน

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 14 วัน ได้แก่ บรูไน

จึงเรียนมาเพื่อรับทราบโดยทั่วกัน ... Refer to Division / Department : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ


ขอบคุณข้อมูลดี ๆ ค่ะ ^^
บันทึกการเข้า
too
ตู้ rcu85
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,281

เว็บไซต์
« ตอบ #227 เมื่อ: 21 มีนาคม 2551, 00:30:21 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
น้องตู้,
ให้ความรู้พี่หน่อยค่ะ ...เวลาพี่คลิกเข้าไปในเวบไซท์รายการโทรทัศน์ของ Germany แล้วคลิกเข้าไปชม VDO พี่อยากเอามาแปะ และแปลที่นี่ แต่ทำไม่ได้ เป็นเพราะระบบ protectionของเค๊าเหรอคะ แล้วทำไมเวลาพี่เจอะฟิล์มแบบเดียวกันใน googleพี่ถึงแปะได้
พี่พยายามดาวน์โหลดเก็บไว้....มันโหลดมาทั้งหน้าเลยค่ะ...อยากหา http://...wmv.ก็ทำไม่ได้ เวบแบบนี้เราจะโดนจับมั้ย หากเอาภาพยนตร์เขามาแปะ?
p.nn


ปัญหาของพี่หนิง ลองดูทีละข้อ
1. พี่อยากเอามาแปะ และแปลที่นี่ แต่ทำไม่ได้ เป็นเพราะระบบ protectionของเค๊าเหรอคะ
ตอบ อันนี้ตู้ต้องลองดูเว็บที่พี่หนิงพูดถึงก่อนครับ ไม่ทราบว่าพี่หนิงอยากโหลดเก็บไว้ที่เครื่องพี่หนิงเอง หรือ เอามาฝังลงบอร์ดนี้แบบ Youtube imeem ijigg? ถ้าเป็นแบบหลังใช้เป็นวางลิงก์ดีกว่าครับ

2. เราจะโดนจับมั้ย
ตอบ เมื่อเขาเอาขึ้นเว็บแล้ว เราก็มีสิทธิโหลดลงเครื่องเรา หรือ แปะลิงก์ไปที่เว็บเขาได้ ไม่น่าจะโดนจับ

แต่ถ้าเอาวิดีโอหรือเพลงที่ติดลิขสิทธ์อัพโหลดขึ้นเว็บ แจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไป คงผิดแน่ๆครับ อยากไรก็ตาม การจะมาตามจับประชาชนแบบนี้อาจไม่คุ้ม เพราะมีมีคนทำแบบนี้มากมายเหลือเกิน ตำรวจน่าจะเน้นที่จับแหล่งใหญ่ๆ หรือเน้นจับคนที่อัพโหลดวิดีโอที่เนื้อหาก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า


ไม่รู้ตอบตรงคำถามรึเปล่านะครับ

ป.ล. พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
http://www.kengkang.ob.tc/-View.php?N=5
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #228 เมื่อ: 21 มีนาคม 2551, 01:42:40 »

น้องตู้,
ขอบคุณมากค่ะ....เดี๋ยวพี่จาลองดู.... link แบบเวลาเราแปะเพลง youtube นั่นเหรอคะ??
เรื่องโดนจับ พี่หาข้อมูลที่โน่น...เค้าว่าถ้าไม่โหลดเพลงเพื่อการค้า เผาลง CD เป็นลํ่าเป็นสัน...แบบฟังเอง...ก็ไม่ต้องกลัวอะไร...ว่าก็ว่าเถอะ พี่ก็แปะอยู่ทุกวันนี่นะ....
good night
p.nn
บันทึกการเข้า


too
ตู้ rcu85
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,281

เว็บไซต์
« ตอบ #229 เมื่อ: 21 มีนาคม 2551, 12:22:03 »

คือการแปะเพลงหรือวิดีโอบนบอร์ดมันมีสองแบบไงครับ

แบบแรกคือวางลิงก์เฉยๆ ให้เข้าไปดูที่เว็บของเขา

ตัวอย่างโค้ด
โค๊ด:
[url]http://www.youtube.com/watch?v=4SHaXOKWB_w[/url]


ผลลัพธ์
http://www.youtube.com/watch?v=4SHaXOKWB_w


อีกแบบคือฝังวิดีโอลงมาที่เว็บ ซึ่งทำได้กับบางเว็บเท่านั้น เช่น youtube imeem ijigg

ตัวอย่างโค้ด
โค๊ด:
<embed src="http://www.youtube.com/v/4SHaXOKWB_w&hl=en" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed>


ผลลัพธ์



ถ้าทำแบบหลังไม่ได้ คงต้องเลือกแบบแรกล่ะครับ
(ตอบตรงคำถามรึเปล่าเนี่ย?)
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #230 เมื่อ: 21 มีนาคม 2551, 17:23:48 »

น้องตู้พี่ชอบอย่างหลังมากค่ะ...ตรง...ไม่ต้องมาทั้งหน้ากระดาน...แปลได้เลย... ขอบคุณมากค่ะ ยิ่งกว่าตรงซะอีก..พี่เป็นนักปฏิบัติ...ไม่รู้ดวยซํ้าว่าอะไรเป็นอะไร...แค่เห็นคนอื่นทำได้ พี่ต้องทำไห้ได้ด้วย...ขี้อิจฉาเนาะ?  
p.nn :lol:
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #231 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 00:51:42 »

ขอลองแปะดูนะคะ คุณภาพจะเป็นไง....ยังไม่แปล..งงไปก่อนนะคะ...รายการนี้พวกเราจ้องตาไม่กระพริบ!
nn.

http://www.prosieben.de/wissen/multimedia/videos/videoplayer/50263/index.php
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #232 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 02:45:48 »

NN ... ได้ดูแล้วค่ะ  คุณภาพของหนังคมชัดมาก  ทั้งภาพและเสียง  เป็นโฆษณารถยนต์ BMW สั้นๆ  แล้วต่อด้วย " การเป่าแก้ว " ( แบบ mouth made นะ  ไม่ใช่ hand made, ha  ha  ha ! ) ... สรุปว่า  เก่งทั้งน้องตู้ผู้สอน  และน้องหนิงผู้เรียน เลยล่ะ  ที่พยายามหาวิธี นำเอาหนังมาแปะจนสำเร็จ

ขอบคุณหนุงหนิงค่ะ  สำหรับ idea และความพยายามดีๆ  ที่จะให้พวกเราได้ " ดูหนัง "  ที่นอกเหนือจาก " การเล่าเรื่องจากภาพ " อย่างสม่ำเสมอ  มาเป็นเวลาปีกว่าๆ แล้ว ( ที่ 2 กระทู้จาก Germany และกระทู้อื่นๆ )  พวกเราจะได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขวางขึ้นอีกทางหนึ่ง ... เจ้าของกระทู้นี้ " เป็นปลื้ม " มากค่ะ  ขอบอก !
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #233 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 03:10:31 »

พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ( อยากให้อ่านกันทุกคน ) มีผล 18 ก.ค. 2550

น้องตู้ - RCU ( รุ่นไหนน้อ ? ) ... แนะนำ link ให้อ่าน

พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์  มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 โดยมีความผิดที่สรุปมาโดยย่อๆ ดังนี้ ( เนื้อหาจาก  http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=31&post_id=9059 )

ความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  ที่ทุกคนควรทราบ  มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 50

1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขา  แล้วเราแอบเข้าไปซะงั้น … เจอคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. แอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้าน แล้วเที่ยวไปประกาศให้คนอื่นรู้ … เจอคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ข้อมูลของเขา  เขาเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ดีๆ แล้วแอบไปล้วงข้อมูลของเขาออกมา … เจอคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. เขาส่งข้อมูลหากันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบบส่วนตั๊วส่วนตัว  แล้วเราทะลึ่งไปดักจับข้อมูลของเขา … เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. ข้อมูลของเขาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเขา เราดันมือบอนไปโม ( modify หรือปรับแก้ ) มันซะงั้น … เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. ระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้านทำงานอยู่ดีๆ  เราดันยิง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรืออะไรก็ตามเข้าไปก่อกวนจนระบบเขาเดี้ยง … เจอคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

7. เขาไม่ได้อยากได้ข้อมูลหรืออีเมลล์จากเราเล้ย  เราก็ทำตัวเซ้าซี้ส่งให้เขาซ้ำๆ อยู่นั่นแหล่ะ  จนทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญ … เจอปรับไม่เกิน100,000บาท

8. ถ้าเราทำผิดข้อ 5. กับ ข้อ 6. แล้ว...
 
- ทำให้เราๆ ท่านๆ บุคคลทั่วไปเกิดความเสียหาย ... จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
 
- ก่อความเสียหายต่อความั่นคงของประเทศ  เศษรฐกิจ  และสังคม .... จำคุกตั้งแต่ 3 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000บาท ถึง 300,000บาท  และถ้าทำให้ใครตายก็จะปรับโทษเป็น ... จำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี

9. ถ้าเราสร้างซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ใครๆ ทำเรื่องแย่ๆ ในข้อข้างบนได้ … เจอคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10.โป๊, โกหก, ปลอมแปลง, กระทบความมั่นคง, ก่อการร้าย, และส่งต่อข้อมูลทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดตามที่กล่าวมาข้างต้น … เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

11. ใครเป็นเจ้าของเว็บ  แล้วสนับสนุน / ยินยอมให้เกิดข้อ 10. ก็โดนเหมือนกัน … เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  เท่ากับคนที่ทำ

12. ใครอยากเป็นศิลปินข้างถนน  ที่ชอบเอารูปชาวบ้านมาตัดต่อแล้วเอาไปโชว์ผลงานบนระบบคอมพิวเตอร์ให้ใครต่อใครดู  เตรียมใจไว้เลยมีสิทธิ์โดน … เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

13. เราทำผิดที่เว็บไซต์ซึ่งอยู่เมืองนอก  แต่ถ้าเราเป็นคนไทย  อย่าคิดว่ารอด  โดนแหงๆ  ฝรั่งทำผิดกับเรา  แล้วอยู่เมืองนอกอีกต่างหาก  เราเป็นคนไทยก็เรียกร้องเอาผิดได้เหมือนกัน


พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับจริง ดูได้ที่นี่ค่ะ
 
http://www.etcommission.go.th/documents/laws/20070618_CC_Final.pdf
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #234 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 16:09:55 »

พี่เจี๊ยบคะ,
ไม่ไช่การเป่าแก้วธรรมดาค่ะ แต่เป็น world records ที่โรงงานนี้ทำได้มาแล้ว...แก้วเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลูกแก้ว christmas ที่สุดเหมือนกัน หรือ ลูกแก้วธรรมดา(marble)ที่ใหญ่ที่สุดในโลก...ครั้งนี้เป็นไข่อิสเตอร์แก้วที่ใหญ่กว่าที่เคยทำสถิติ...เส้นรอบ๘๐ซม....ทำให้ได้๙๐ซม.ค่ะ...เห็นความพยายามทึ่จะทำให้สำเร็จของพวกเค้าแล้วทึ่ง...เพราะแตกหลายครั้ง...ไม่มีที่อบที่ใหญ่กว่า...
รายการนี้ดีตรงที่เราได้ความรู้เรื่องการผลิตแก้วเป็น main ว่ามาจากเศษแก้วเก่า ทราย และเคมีอื่นๆ หลอมรวมออกมาเป็นแก้วใหม่
วันก่อนเรื่อง skywalk หนิงดูมาจากรายการนี้ ละเอียดกว่า มีการแสดงโรงงานกระจกและการทดลองความทนทาน...ให้เห็น บอกแม้แต่โปรเจ็คนั้นน่ะ...ทำเอาห้องวิจัยและพัฒนาสนุกไปด้วยในการทดลองสิ่งใหม่(ความหนา ความทนทานต่อแรงกระแทก อุณหภูมิ)
อยากแปะแบบskywalkได้จะได้แปลตรงไม่ต้องแยกอ่านแบบนี้!
nn.
บันทึกการเข้า


too
ตู้ rcu85
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,281

เว็บไซต์
« ตอบ #235 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 16:48:35 »

น่าสนใจมากครับ เรื่องการทำเป่าแก้วไข่อีสเตอร์ยักษ์ เห็นแล้วชื่นชมความพยายามของคนทำจัง



พี่เจี๊ยบ

ตู้อยู่รุ่น RCU85 (2545) ครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #236 เมื่อ: 22 มีนาคม 2551, 19:44:58 »

โรงแรมประหลาด ๕อันดับ...พอกันทีสำหรับความน่าเบื่อหน่าย...ไปผจญภัย กันดีกว่า:

อันดับท้ายสุด ๕. เคบิน๒คิวบิคเมเตอร์พลาสติคบ๊อกซ์.ในกรุงโตเกียว 30€ ต่อคืนใน 30 million inhabitant metropol!เปลี่ยนชุด เปลี่ยนรองเท้า ไม่ต้องมีสัมภาระใดๆ TV radio

อันดับ๔. ใน Kitzbühler 1600 meter from sea level...Austria นอนใน Igloo ธันวา ถึงเมษา อุณหภูมิภายใน -2 °celcius.cost 99€/night

อันดับ๓..   กรุง Berlin...cost 100-130 € in adventure hotel!!ในคุก ในเทพนิยาย

อันดับ๒. ในป่า somewhere in Germany!!นอนบนบ้านต้นไม้...สำหรับเด็กๆ สนนราคา๒๐๐€/house/4 persons

อันดับ๑.โรงแรม"Everland"นอนใน modul hotel on the roof of Paris!! สนนราคาต่อคืน 300 €

http://www.prosieben.de/wissen/multimedia/videos/videoplayer/49965/index.php


nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #237 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 11:12:43 »

:shock:  Wow !  idea เจ๋ง ... create สุดๆ  อยู่ใน Germany ตั้ง 2 โรงแรมเลยเหรอ ? ...  ถ้ามีโอกาส  ก็จะแวะไปถ่ายรูปสถานที่จริง มาฝากกันด้วยค่ะ

ผู้สื่อข่าวสายการท่องเที่ยวที่ชื่อเจี๊ยบ  ขอลากิจไปทำข่าวที่ยุโรป 1 เดือน นะคะ  ... ไปล่ะ ... See you 1 month later, ... Auf Wiedersechen  Cheesy
บันทึกการเข้า
nuchon
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 419

« ตอบ #238 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 14:59:49 »

ว้าวๆๆๆ  ห้องนี้มีสาระเยอะแยะเลย  

สวัสดีค่ะทุกคน  นู๋ชล วิดยาคอม 2543 ค่ะ เพิ่งเข้ามาห้องนี้ครั้งแรกค่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #239 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 16:59:06 »

พี่เจี๊ยบคะ,
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เที่ยวให้สนุก พักผ่อนให้เต็มที่ ถ่ายภาพกลับมาฝากชาวเวบในมุมมองที่แหลมคม จากสายตาของพี่ อากาศคงยัง unpredictable! เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คล้ายคนจะหมดประจำเดือนนั่นแล!!
อยู่ทางนี้ พวกเราจะคิดถึงพี่ และ เงียบเหงาเศร้าสร้อยด้วย แต่กระทู้นี้จะ move from time to time!ค่ะ...หนิงสัญญา!
เจอกันอีกเดือนข้างหน้า...ยามเหงาในต่างแดน...โทรคุยกะหนิงได้ค่ะ 00-49-7131-744650 นะคะ
Gute Reise und auf Wiedersehen!
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #240 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 17:08:32 »

น้องชล,
พี่เจี๊ยบไม่อยู่ หนูมาเป็นเพื่อนพี่เฝ้าห้องนะจ้ะ...
p.nn
บันทึกการเข้า


nuchon
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 419

« ตอบ #241 เมื่อ: 26 มีนาคม 2551, 14:53:09 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
น้องชล,
พี่เจี๊ยบไม่อยู่ หนูมาเป็นเพื่อนพี่เฝ้าห้องนะจ้ะ...
p.nn


จะดีเหรอค่ะพี่หนิง นู๋น่ะแว๊บไปแว๊บมา อยู่นิ่งไม่ค่อยได้อ่ะค่ะ  :lol:  :lol:  
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #242 เมื่อ: 27 มีนาคม 2551, 01:46:12 »

ใครบอกว่า he เป็น king of Savana??ถ้าเกี่ยวกับปากท้องล่ะก็....ไช่เลย...queen of Savana ตัวจริง....the specialist...ทั้งล่า วางแผนstrategy ,she has a perfect timing ...she ยังสอนเทคนิคต่อไปยังลูกสาว Moja...ยังมีปากท้อง ทารก สาวๆ ให้ต้องดูแลอีกหลาย...แม่กับลูกสาว ทำงานกันเป็นทีม!



nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #243 เมื่อ: 19 เมษายน 2551, 03:17:22 »

พี่เจี๊ยบกำลังรอขึ้นเครื่องที่่ท่าอากาศยาน Frankfurt 6ชม.ไป Abu Dabiจากนั้น 6ชม.ไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพ...
ขอให้พี่เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพค่ะ.
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #244 เมื่อ: 19 เมษายน 2551, 05:07:53 »

ต้อนรับพี่เจี๊ยบกลับบ้าน...เผอิญนั่งดูTVเรื่องclimate change...ตอนพี่เค้าโทรมา!



nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #245 เมื่อ: 22 เมษายน 2551, 03:23:19 »

Cheesy ขอบคุณจ้า NN ... ดีใจอีกละ  ที่ได้ยินเสียงสดใส  แจ้วๆ ของหนิงทางโทรศัพท์ ... ก็ตอนที่ขับรถขึ้นมาจาก Italy  เข้ามาในเมือง Munich  เห็นป้ายบอกว่า Heibronn แยกไปทางซ้ายมือ  ที่ไม่ได้แวะไป say Hello เพราะขณะนั้นน่ะ 3 ทุ่มแหล่ว !

ตามคลิกไปที่นี่นิดนึง น้าค้า ... She's lazy to type again ... ha  ha  ha ! ... ขอไปทำงานก่อนล่ะ

http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=2183&start=90
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #246 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2551, 10:36:48 »

ความจริงเกี่ยวกับ " กำแพงเมืองจีน "

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา



กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นกว่า 2,000 ปี มาแล้ว  ตั้งแต่สมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิ์องค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยกษัตริย์องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีมา



มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนที่หลายๆ คนยังไม่เคยทราบมาก่อน

1. เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยมนษย์แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ ในระดับ low Earth orbit เราสามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้ radar การมองเห็นกำแพงเมืองจีนเป็นไปได้ยาก  เนื่องจากสีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ  ก็คือสีของดิน หิน ( อ่านรายละเอียดเพิ่ม )

2. กำแพงเมืองจีนไม่ไช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร

3. กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง  มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงคราม และทาสกว่า 1 ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน  ซึ่งจำนวนมากเสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย และความหิวโหย  ศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง  นานนับศตวรรษแล้วที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก  เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีน  ก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพง

4. ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริงของกำแพงเมืองจีน  ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า " ว่าน หลี่ ฉาง เฉิน " หรือ " กำแพงยาวหมื่นลี้ " ( หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์ ) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร  ทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง  ความสูงของกำแพงคือ 7 เมตร และกว้าง 5 เมตร

5. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่ การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฎภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก

6. กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง  ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยาม  และใช้เป็นจุดสังเกตุการณ์  นอกจากกนี้ี้ยังมีหอสังเกตุการณ์กว่า 1 หมื่นแห่ง

7. กำแพงเมืองจีนเป็นเส้นทางคมนาคม  ในระยะแรกประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ  ช่วยให้การคมนาคม และขนส่งในเส้นทางทุรกันดาร  เช่น  ตามเทือกเขา  เป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขี้น

8. กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ  ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้าง  กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ  บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง  กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต  บางแห่งก็ใช้ดินเผา  ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า  กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่า เช่น หิน

9. สภาพของกำแพงเมืองจีนในขณะนี้  รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350 กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ  ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแล  และอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีน ไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ
 
ที่มา http://megamisc.blogspot.com/2008/02/blog-post_1929.html
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #247 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2551, 15:28:15 »

พี่เจี๊ยบคะ,
เรื่องนี้เคยออกในรายการอะไรซักอย่าง(ไม่แ่น่ใจว่า Galileo หรือ nationalgeograpgic)ทางทีวีที่โ่น่น โดยเกิดคำถามขึ้นว่าคนโบราณใช้อะไรเป็นส่วนประกอบยึดหินด้วยกัน ในเืมื่อสมัยโน้นยังไม่มีคอนกรีต....โดยนักทดลองเหล่านี้เอาส่วนปรักหักพังมาแยกส่วนประกอบทางเคมี...ผลลัพท์ทึ่งจัดไปตามๆกัน...มันคือส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียว หรือข้าวเจ้า ที่เป็นอาหารพื้นนี่แหละผสมนํ้า ทราย ตามแบบผสมปูนสมัยใหม่...แต่มีความคงทนกว่าหลายเท่าเพราะโมเลกุลของ"กาว หรือ แป้งเปียก"นี้เล็กมากๆ...สู้สภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า...พวกเค้าถึงขนาดจำลองวัตถุดิบแล้วประกอบก่อขึ้นใหม่...วัดความแข็งแรงด้วยเครื่องวัดสมัยใหม่
เดี๋ยวจะลองclickหาดูึ่ค่ะ...เจอแล้วจะขอแปะได้มั้ยคะ??

nn. Cool
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #248 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2551, 13:45:38 »

Cheesy แปะเลยจ้า ... ระหว่างรอหนิงหาหนังอยู่  มาดูของสวย  ของงาม  ไปพลางๆ ก่อนนะ

ผมเกิดมาสวยช่วยไม่ได้ ... " ฟิล์ม " สาวไทยคว้ามงกุฎ " มิสกะเทยโลก "

เล็ก-พูลศรี  algaier - ครุ 16 ... ส่งมา




บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #249 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2551, 14:00:02 »

ดร. ชื่อดังพบภาพนิมิต เตือน 3 ถึง 6 เดือน พิบัติภัยทั่วไทย

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา



ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์  ประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ผู้มีชื่อเสียงจากการใช้พลังจิต และคลื่นพิเศษสร้างกระแสทำนายพิบัต ิภัย !  กล่าวเตือนว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะได้พบภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรงจะเกิดน้ำท่วม แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุดในหลายพื้นที่  ทั่วโทย  โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จะมีตึกสูงถล่มด้วย  ส่วนภาคใต้จะเกิดคลื่นพายุหนักจึงอยากเตือนให้หน่วยงานราชการเตรียมรับกับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น

จากการนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนาปฏิบัติธรรม ได้พบภาพนิมิตล่าสุดว่าภายใน 3-6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินแยก และทรุดในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เห็นภาพแฟลตดินแดงถล่มทรุดลงมากองกับพื้นดินเลย  ทุกวันนี้ตอนนั่งสมาธิรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนระดับลึก จนเชื่อว่ากรุงเทพฯ จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแน่นอน และมีอาฟเตอร์ช็อกด้วย "  คนที่อยู่ในตึกสูงเกิน 30ชั้นให้ระวังตัวไว้เลย " ดร.กัญจีรา กล่าว

ดร.กัญจีราอธิบายเพิ่มเติมว่า  นอกจากนั่งสมาธิเพื่อเห็นภาพด้วยญาณวิถีแล้ว  ยังศึกษาแผนที่โลกและความรู้ด้านภูมิศาสตร์-วิทยาศาสตร์เพิ่มเติมด้วย  อยากเตือนว่าน้ำอาจท่วมปทุมธานี และนครนายกด ้วย  ภาคใต้จังหวัดที่ต้องระวังพายุหนักคือ ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช  ผู้อยู่ภาคเหนือตอนล่างคือ  อุทัยธานี พิษณุโลก อุตรดิตถ์  ก็ต้องเตรียมพร้อมรับภัยธรรมชาติ  " อาจารย์ออกมาพูดวันนี้ ก็กลัวว่าคนจะหาว่าเชื่องมงาย  แต่ถ้าไม่พูดคนก็จะไม่ได้ระวังตัว  โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบเรื่องบรรเทาสาธารณภัย  อาจารย์เคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงคมนาคมมาก่อน  จึงรู้ว่าการป้องกันสามารถทำได้  และเตือนไปที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ให้รู้ข้อมูลนี้แล้ว  อยากให้มีการเตรียมกระสอบทราย  ระบายร่องน้ำ  และเรือช่วยเหลือไว้  เพราะที่ผ่านมาก็เคยเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2547 และในวันที่26 ธันวาคม ก็เกิดคลื่นสึนามิจริงๆ " ประธานชมรมวิถีธรรมฯ กล่าว


พี่กุลแถมท้ายมาด้วยว่า " ก็ไม่อยากให้พลาด  หากเป็นจริงขึ้นมา "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #250 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2551, 09:14:00 »

ไขข้อข้องใจ " กฎหมายไอที " รู้ไว้ห่างไกลคุก

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

ปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต และสารทนเทศ ( ไอที ) ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งด้านการค้า การศึกษา การติดต่อสื่อสาร ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตนั้นมีมากมหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็มีโทษอนันต์ถ้าใช้ผิดวิธี " ข่าวสดหลากหลาย " รวบรวมคำถาม-ไขข้องใจปัญหา
ข้อกฎหมายที่พบบ่อยว่า การใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ผิดรูปแบบไหน ทำให้ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง !
[/size]

การใช้ " ชื่อ " และ " นามแฝง "

โลกอินเตอร์เน็ตเปิดช่องให้ผู้ใช้สามารถตั้งชื่อปลอม นามแฝง โกหกสถาน และอายุได้อย่างง่ายดาย ในกรณีที่ใช้ " นามแฝง " ที่ตั้งขึ้นมาเองหรือไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดและไม่ได้เข้าไปเขียนข้อความให้ร้ายผู้อื่นคงไม่มีปัญหา แต่ถ้านำชื่อของบุคคลอื่นมาใช้โดยเจ้าตัวไม่ได้รับรู้ จนทำให้เกิดความเสียหายจะต้องรับผิด อาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้

การพนันออนไลน์

ตามกฎหมาย แบ่งแยกการพนันออกเป็น 2 ประเภท โดยแยกออกเป็น " บัญชี ก. " และ " บัญชี ข. " กลุ่มที่อยู่ในบัญชี ก. กฎหมายห้ามเล่นโดยเด็ดขาด อาทิ พวกหวย ก.ข. ไฮโล ไพ่ต่างๆ ส่วนประเภทสองที่อยู่ในบัญชี ข. เล่นได้แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน

เว็บไซต์เกี่ยวกับการพนันออนไลน์มีนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะเป็นไพ่ต่างๆ และสล็อตแมชชีน ซึ่งถือเป็นการพนันตามบัญชี ก. ผู้ฝ่าฝืนก็มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 3 ปี อย่างไรก็ตามการเล่นพนันออนไลน์ในขณะนี้ติดตามจับกุมยาก และไม่คุ้มกับทรัพยากรของภาครัฐ จึงยังไม่ค่อยเห็นการดำเนินคดีอย่างจริงจัง


ความผิดของ" เว็บมาสเตอร์ "

" เว็บมาสเตอร์ " คือคำเรียกขานผู้ดูแลเว็บไซต์ต่างๆ ในกรณีมีนักท่องเน็ตเข้ามาเขียนกระทู้ โพสต์ข้อความ หรือโพสต์รูปที่ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย รวมทั้งโพสต์ภาพอนาจาร หรือเขียนเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ตัวนักท่องเน็ตคนนั้นถือว่ากำลังทำความผิดทางอาญา

ส่วนเว็บมาสเตอร์ ถ้าสืบสวนพบว่า เห็นข้อมูลที่สร้างปัญหา แต่ปล่อยปละละเลยไม่สนใจลบข้อความทิ้ง หรือแก้ไขข้อความก็อาจถูกฟ้องร้องฐาน
ร่วมกระทำความผิดด้วย เช่น เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าในเว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีมาตรการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โอกาสต้องรับโทษจะยิ่งสูงขึ้น


" ลิงก์-ไฮเปอร์ลิงก์ " ละเมิดลิขสิทธิ์

โลกอินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้แต่ละเว็บไซต์เชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้อย่างสะดวกง่ายดายผ่านระบบที่เรียกว่า " ไฮเปอร์ลิงก์ " หรือ " ลิงก์ " ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าไปเอาข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นๆ มาเผยแพร่ แม้จะทำลิงก์เชื่อมโยงที่มาเอาไว้ แต่ถ้าไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของเว็บ
ปลายทางโดยตรงก็อาจมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ หรือทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น

ในสหรัฐอเมริกามีข้อถกเถียงกันในประเด็นนี้อย่างแพร่หลาย ถ้าจะเอาเว็บไซต์ของคนอื่นมาลิงก์เข้ากับเว็บไซต์ของเราจะต้องไปขออนุญาตหรือไม่ ในประเทศไทยปัญหานี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่อนาคตอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนจะนำเว็บของคนอื่นมาลิงก์เข้ากับเว็บของเราควรขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อน


การดาวน์โหลดเพลง

" เพลง " ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ใครจะไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของไม่ได้

การอัพโหลดไฟล์เพลงขึ้นไปอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกัน ยิ่งถ้าทำเพื่อการค้าโดยเก็บเงินจากคนที่ดาวน์โหลดเพลงนับเป็นความผิดคดีอาญา สำหรับคนที่ดาวน์โหลดมาฟังเฉยๆ ถือเป็นการทำซ้ำ แต่พอมีช่องทางทางกฎหมายที่จะอ้างได้ว่าไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะถือเป็นการทำซ้ำมา เพื่อใช้ประโยชน์เอง และการดาวน์โหลดมาฟังยังพอมีช่องทางต่อสู้คดีได้ว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการใช้ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะไม่ได้เอาไปขาย


การซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มาก๊อบปี้แจกผู้อื่น

เนื่องจากโปรแกรมลิขสิทธิ์หรือโปรแกรมถูกกฎหมายมีราคาแพงมาก ทำให้ธุรกิจโปรแกรมเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์เฟื่องฟูยิ่งกว่าดอกเห็ด อย่างไรก็ตามแม้เราจะซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มาใช้ แต่ถ้านำโปรแกรมนั้นไปแจกให้เพื่อนฝูง ก๊อบปี้ หรือทำสำเนาไปใช้ต่อ ถือว่ามีความผิดฐาน " ทำซ้ำ " ซึ่งเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ แม้กฎหมายจะมีข้อยกเว้นให้การทำสำเนาโดยเจ้าของโปรแกรมมีลิขสิทธิ์ ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ใช่การยกเว้นโดยไม่มีขอบเขต เพราะกฎหมายจำกัดจำนวนสำเนาว่า ให้มีจำนวนตามสมควร เพื่อวัตถุประสงค์ในการบำรุงรักษา หรือป้องกันการสูญหาย

อีเมล์ขยะ ( สแปมมิ่ง )

ใครที่ใช้ " อีเมล์ " ทุกวันร้อยทั้งร้อยคงรู้สึกเบื่อหน่ายกับ " อีเมล์โฆษณาขยะ " ทั้งหลายที่ส่งมาได้ทุกวัน วันละหลายๆ ฉบับ ทั้งน่าเบื่อ น่ารำคาญ และเสียเวลาอ่าน เจ้าของสินค้าหรือผู้ส่งอีเมล์ขยะเหล่านี้ได้ข้อมูลที่อยู่อีเมล์ของเราผ่านวิธีการหลากหลายรูปแบบ เช่น ฝังโปรแกรม " คุกกี้ " เอาไว้ตามเว็บไซต์ที่เราเข้าไปดู จากนั้นก็ส่งคุกกี้เข้ามาคอยสอดส่องเก็บข้อมูลการใช้คอมพิวเตอร์และอีเมล์ของเรา เพื่อส่งอีเมล์ขยะมาหา

ในสหรัฐ ปัญหาอีเมล์ขยะทำให้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไปร้องเรียนกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เร่งออกมาตรการควบคุม และเคยเกิดคดีดังขึ้นคดีหนึ่ง หลังจากบริษัท " เอโอแอล " ไอเอสพี หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ลงมือฟ้องร้องบริษัทไซเบอร์โปรโมชั่นฐานส่งอีเมล์โฆษณาขยะไปยังอีเมล์ของลูกค้าเอโอแอล นอกจากนั้นยังมีอีกคดีที่ไอเอสพีฟ้องผู้ส่งอีเมล์ขยะฐานะ " บุกรุก " คอมพิวเตอร์ลูกค้า


ส่วนในไทยอาจเข้าข่ายผิดมาตรา 10 ในกฎหมายคอมพิวเตอร์ 2550 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #251 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 21:49:42 »

คณุอาน่ได้มยั้

นายสัตวแพทย์ สากล ... ส่งมา

ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้ คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ

มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้ ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า ฉนเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้ มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน

ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า มนัไม่สคำญเลยว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่ มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำนนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคามคดิของมษุน์ยนนั้ ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ

สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ ใช่เลย แต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #252 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 22:20:35 »

อยากให้ราคาน้ำมันลงมั้ย ? ... มาร่วมมือกันสิ !

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

ไม่เติม Esso, Shell และถ้าจะให้ดีร่วมมือกันไม่ซื้อมากกว่าที่จำเป็นต้องใช้ ถ้าทุกครั้งเราเคยเติม 1,000 บาท หรือเต็มถ้ง คราวนี้เราจะไม่ยอมเติมมากกว่าจำเป็นที่จะใช้ วันนี้จะวิ่ง 30 กม. ก็เติม 4.5 ลิตรหรือ 200 บาท , จะวิ่งอีก 70 กม. ก็เติม 10 ลิตรหรือ 400 บาท , จะวิ่งอีก 100 กม. ก็เติม 14 ลิตรหรือ 500 บาท

อย่าเติมเยอะ ไม่ต้องไปตุน เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้น้ำมันจะขึ้นราคา คราวนี้สต็อกน้ำมันในคลังก็จะล้น เพราะปริมาณที่เคยขายทุกวันก็จะถูกเลื่อนให้ไปขายในอนาคต แทนที่จะเป็นวันนี้ มันอยากขายก็ต้องลดราคาลงมา ให้มันรู้ว่า " ไผคือไผ " เคยมีคนศึกษากรณีไข่ไก่แพง และได้ลองทำล้กษณะนี้ได้ผลมาแล้ว

สั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อย เริ่มลงมือปฏิบัติการได้เลย ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย และช่วยกันกระจายข่าวไปให้มากที่สุด

" สามัคคีคือพลัง " ส่งมาให้อ่านกันเพราะอยากให้ราคาน้ำมันลดลงจริงๆ พวกเราโดนโอเปครวมหัวขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม ก็น่าจะมีมาตรการที่จะต่อสู้ ตอบโต้กลับไปบ้าง ข้อเสนอข้างล่างนี้ก็น่าจะเป็นข้อเสนอหนึ่ง ที่ถ้าร่วมกันทำจริงๆ ก็น่าจะแสดงอะไรออกมาได้บ้าง


Please forward to all your friends in Singapore and Overseas … I am NOT BUYING SHELL & MOBIL from now on till their prices start dropping.

Subject : How to force Oil companies reducing their petrol price !!!!

THIS IS NOT THE ' DON'T BUY ' PETROL FOR ONE DAY, BUT IT WILL SHOW YOU HOW CAR OWNERS CAN GET GASOLINE PRICE DOWN TO US $2.00 PER GALLON BY JUST FORWARDING THIS EMAIL TO 10 PEOPLE !!!

This idea was written out by a retired Coca Cola Executive. It came from one of his engineer buddies who retired from Halliburton, an oil exploration company in U.S. If you are tired of the gasoline price is going up and up, AND it will continue to rise, take time to read this please.

Mr Phillip Hollsworth offered his good idea. This makes MUCH MORE SENSE than the " don't buy gasoline on a certain day " campaign that was going around last year April or May ! It's worth your effort to join the campaign !!!!

I heard that price of petrol going to hit close to US $ 4.00 a gallon by next summer, and it might go up higher !

YOU want gasoline prices to come down ?

All we need to do is we must take some intelligent, UNITED ACTION NOW.

The oil companies laughed at us on last year " Don't Buy Petrol For One day Campaign " because they knew we wouldn't continue to " hurt " ourselves by refusing to buy gasoline. It was more of an inconvenience to us than it was a problem to the oil companies. This time is different, consumers have the power to bring down the price of goods !!! This is a plan that can really work. Please read on and join us !

You're probably thinking that gasoline priced at about $2.00/gallon is normal due to oil price has hit all time high of US $120/barrel !!!

The oil companies and the OPEC nations have conditioned us to think that the only way for the gasoline price is up, medias reporting brisk car sales in China and India, power hungry nations building more power plants to grow their economy, the growth of dragon ( China ) and elephant( India ) will gobble up most of the world resources; oil reserve going down and depleting in 50 years time, this is how we are being conditioned ( brain washed )

NOW we need to act together to show them ( oil companies and OPEC ) that BUYERS can control the marketplace ... not sellers.

The only way we are going to see the price of gas coming down to a reasonable level is if we hit oil companies' revenue by not buying their products ! And, we can do it WITHOUT hurting ourselves.

How ? Since many of us owned and rely on our cars, we can't just stop buying gasoline !!!!

But we CAN have an impact on gas price if we all act together to force a price war among the oil companies !!!

Here's the idea : For the rest of this year, DON'T buy gasoline from the two biggest companies, EXXON-MOBIL and SHELL, some car owners being brain washed to use a particular brand of petrol in order to keep their car engines in tip top condition which is not true, any brand ! will work well for your cars, you can reconfirm this if you have a friend who is a petroleum engineer, If not, just fill up your tank with another brand which you never used before to confirm it.

When the oil companies that we are boycotting are not selling any gas for a week, they will be inclined to reduce their prices. If they reduce their prices, the other companies will have to follow suit ; oil companies work like a cartel !!!!

To have an impact, we need to reach literally millions of Exxon-Mobil and SHELL gas buyers ... In the past, it was an uphill task but now, it's really simple to reach millions even billions of people. Keep reading and I will show you how to do it through the power of internet.

I am sending this note to 30 people. If each of us send it to at least ten more ( 30 x 10 = 300 ) ... and those 300 send it to at least ten more ( 300 x10 =3,000 ) ... and so on, by the time the message reaches the sixth group of people, we will have reached over THREE MILLION consumers. If those three million get excited and pass this on to ten friends each, then 30 million people will have been contacted !

If it goes one level further, you guessed it .... THREE HUNDRED MILLIONs PEOPLE !!! This 300 millions people just email this to 5 of his/her contacts, we reached 1.5 billions people !!!

Are you excited as I am ? All you have to do is send this to 10 people or more if you can, its so simple, isn't it ? Just Do it ! OK Huh?

If you don't understand how we can reach 1500 MILLIONS people and all you have to do is send this to 10 people.

How long would all this take ? If each of us sends! this e- mail out to ten or more people within one day of receipt, all 1,500 MILLIONs people could be contacted within the next 9 days !!!

I'll bet you didn't think you and I had so much power, did you ? Acting together we can make a difference.

If this makes sense to you, please pass this message on. I suggest that we don't buy from EXXON-MOBIL and SHELL UNTIL THEY LOWER THEIR PRICES AND KEEP THEM DOWN. THIS CAN REALLY WORK.

Thank you

Phillip Hollsworth
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #253 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2551, 13:21:01 »

อ้างจาก: "Jiab16"
คณุอาน่ได้มยั้

นายสัตวแพทย์ สากล ... ส่งมา

ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้ คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ

มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้ ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า ฉนเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้ มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน

ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า มนัไม่สคำญเลยว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่ มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำนนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคามคดิของมษุน์ยนนั้ ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ

สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ ใช่เลย แต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ


อาน่ไ้ดละ่พี่แต่สงสยัพี่พมิพ์ได้ไง คนพมิพ์มิสติแตกไปกอ่นเหรอคะ
nn. :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #254 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2551, 17:07:25 »

:wink: NN ... Topic นี้ที่ยาวเหยียดมาจนถึงหน้า 9 แล้ว  พี่เจี๊ยบไม่เคยต้องพิมพ์เองเลยซักแก๊ก  ได้แต่ Copy , Paste , Proof , กำหนดสี-ขนาดตัวอักษร , Upload รูปภาพประกอบ  พี่ไม่ขยันขนาดพิมพ์เองทีละตัวหรอกค่ะ ... ยิ่งพิมพ์ได้คล่องปรื๋อ  ยังกะ " ข้าวตอกแตก " ทีละเม็ด อยู่ด้วย    :lol:

หนิงเก่งกว่าเยอะ  พิมพ์ตัวสะกดแบบ " น่าเวียนหัว " ได้ตั้ง 2 ประโยคแน่ะ !
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #255 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2551, 17:10:10 »

โอ้ ... พระเจ้า จอร์จ เป็นไปได้

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

 

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #256 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2551, 17:15:45 »

Oregon Fish Story

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา

This is a darn interesting story, even if you aren't into fishing. Please show it to anyone you know that likes to fish. This Sturgeon is Still alive, just worn out from the fight. They turned him loose after the photo.



This Sturgeon was caught on the Willamette River just below Oregon City two weeks ago.

It weighed out at over 1,000 lbs and measured out at 11' 1". It was 56" around the girth and took over 6 and a half hours, and 4 dozen beers, for the 4 guys taking turns at the reeling it in.

Any Sturgeon OVER about five feet has to be released unharmed and cannot be removed from the water.

They are brood / breeding stock and probably older than most of us.


โอ้ย !  เห็นแล้ว อยากกิน " ปลา Sturgeon นึ่งมะนาว " จังเลย !  Tongue
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #257 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2551, 17:20:07 »

พี่เจี๊ยบขา,
เมื่อคืนคลิ๊กหาภาพบอลสวยๆของแฟนๆ เจอะภาพพวกนี้ เอามาบรรณาการพี่ค่ะ
Miss EM 2008เป็นนักศึกษาชาว Czech(ผู้เข้าประกวดเฉพาะประเทศที่บอล Euro qualifiedเท่านั้น)



รองทั้งสองก็ชาติที่แข่งบอลแหละค่ะ จำไม่ได้แล้วค่ะ ไม่ไช่เยอรมัน!

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #258 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2551, 01:49:25 »

สวยค่ะ ... การประกวดสาวงามเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ถูกใช้เพื่อ promote ได้ทู้ก ก ก เทศกาลเลยนะ ... ของไทยถึงมี " ธิดาชาวสวน " ... " เทพีกล้วยไข่ " ... " นางงามสวนลำไย " ...

ตำแหน่ง " รองนางงาม " ยุโรปเค้าใช้คำว่า " Vize " ทำนองเดียวกับ Vice President ใน business เหมือนกัน นิ !
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #259 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2551, 02:53:05 »

Mother of the Year

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

( ต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็น HTML จึง copy มาไม่ได้ งั้นเจี๊ยบลงทุนแปลเองเลยละกัน )

ที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งใน California แม่เสือพันธุ์หายากได้ให้กำเนิดลูกเสือ 3 ตัว ซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนด เพราะมีปัญหาในขณะที่กำลังตั้งท้อง ลูกเสือคลอดใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงเสียชีวิตทั้งหมดหลังจากคลอดได้ไม่นาน

เมื่อฟื้นตัวจากการตกลูกแล้ว แม่เสือมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่สัตวแพทย์รู้สึกได้ว่าการสูญเสียลูกไป ทำให้แม่เสือมีอาการซึมเศร้า จึงตัดสินใจที่จะขอลูกเสือจากแม่ตัวอื่นมาให้เลี้ยงเป็นลูกแทน หลังจากสอบถามไปยังสวนสัตว์ทุกแห่ง ทั่วประเทศแล้ว ก็ไม่มีลูกเสือเกิดใหม่เลย ลูกสัตว์กำพร้าที่หย่านมแล้วซึ่งพอจะหาได้ในขณะนั้นก็มีเพียงลูกหมูเท่านั้น สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จึงนำหนังเสือมาสวมใส่ให้ลูกหมูทุกตัว แล้วนำลูกหมูไปวางไว้ใกล้ๆ แม่เสือ


เจ้าลูกหมูเอ๊ย ! เจ้าจะกลายเป็นลูกเสือ หรือ หมูบด ( pork shops ) กันแนะนะ ?

มาดูกัน คุณต้องไม่เชื่อตาตัวเองแน่ !




บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #260 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2551, 23:05:33 »

AURA ของคุณสีอะไร ?

จงรักษ์-อักษร 16 ... ส่งมา



หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า ' รังสีออร่า '  แต่รู้ไหมมันคืออะไร และสามารถบอกถึงอะไรในตัวเราได้บ้าง ?

รังสีออร่า คือสีของความคิด และอารมณ์  จะมีลักษณะเป็นหมอกไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ  เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะ และเหนือบ่า
 
วิธีคิดคำนวณหารังสีออร่าของตัวคุณ  เพียงแต่นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน 


ลองคำนวณเล่นดูกันนะ

EX :: เราเกิดวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1980 ::

1) นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 4 + 11 + 1980 = 1995

2) แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง จะได้เป็น 1 + 9 + 9 + 5 = 24

3) แยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลข 1 ตัวจะได้เป็น 2 + 4 = 6

เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล้ว ขอให้ดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐานสีอะไร มีความหมายว่าอย่างไร ? แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก เพราะเป็นพวกพิเศษกว่าพวกอื่น ...


เลข 1 : สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ

พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์ สามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำแต่อย่าให้ถึงกับว่า คุณวิ่งไม่เร็ว แต่คุณสร้างโครงการท้าทายความสามารถ โดยฝันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม

ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด


เลข 2 : สีส้ม / แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี

คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ


3. สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด

คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่ายปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว

ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง


4. สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค ( สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค )

คุณเป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้

ข้อเสีย ดื้อรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น


5. สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง

คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆไปบ้างแต่ยังยิ้มสู้เสมอ แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอทำให้กระชุ่มกระชวยดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน

ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย


6. สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง

คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว

ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง


7. สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ

คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตร์ ลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้

ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป


8. สีชมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ

คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้นรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสำเร็จ อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตา ขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก

ข้อเสีย มุงานมากเกินไปจนเครียด ควรหางานอดิเรกคลายเครียด


9. สีทองเหลือง ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์

คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง


11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ

คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว

ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ


22. สีทอง ศักยภาพ : ไม่มีขอบเขตจำกัด

คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #261 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2551, 20:43:21 »

ทางด่วนโค่น ที่เกาหลี

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา






บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #262 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2551, 12:06:21 »

Amazing Striped Icebergs

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Icebergs in the Antarctic area sometimes have stripes, formed by layers of snow that react to different conditions.
 
Blue stripes are often created when a crevice in the ice sheet fills up with meltwater and freezes so quickly that no bubbles form.
 
When an iceberg falls into the sea, a layer of salty seawater can freeze to the underside. If this is rich in algae, it can form a green stripe.
 
Brown, black and yellow lines are caused by sediment, picked up when the ice sheet grinds downhill towards the sea.







Antarctica Frozen Wave Pixs - Nature is amazing !

The water froze the instant the wave broke through the ice.  That's what it is like in Antarctica where it is the coldest weather in decades.  Water freezes the instant it comes in contact with the air.  The temperature of the water is already some degrees below freezing.  

Just look at how the wave froze in mid-air !!!




บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #263 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2551, 03:01:20 »

กด submit ครั้งแรก  โปรแกรมไม่ตอบสนอง  เลยกดอีกครั้ง ... ก็ ble สิคะ ...  หนิงส่ง message มาบอกแล้วล่ะ  แต่พี่หาวิธีลบซะ 1 ค.ห. ไม่เจออ่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #264 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2551, 03:10:30 »

คำทำนายจากหมายเลขบัตรประชาชน

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา

เลขรหัสบัตรประจำตัวประชาชนนั้นมี 13 ตัว เลขตัวสุดท้ายที่เกิดจากการเอาเลขแต่ละตัวมาบวกๆ กัน จนกระทั่งได้เลขตัวเดียว ... สามารถทำนายชีวิตเราได้ ... เขาว่าแม่นดีเหมือนกันนะ

ตัวอย่าง : เลขในบัตรประจำตัวประชาชนคือ 5 6485 54823 48 6 นำตัวเลขมาบวกกันดังนี้ 5+6+4+8+5+5+4+8+2+3+4+8+6 = 68 / 6+8 = 14 / 1+4 = 5 ( ต้องทำให้เป็นเลขตัวเดียวก่อนทุกครั้งที่จะอ่านคำพยากรณ์ ) ... ความหมายของเลขศาสตร์ ตามบัตรประจำตัวประชาชนมีดังนี้ :


หมายเลข 1
แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว กล้าทำ กล้าแสดงออก เป็นผู้นำในหน้าที่การงาน อยู่ในจำพวกแนวหน้า และบางครั้งถูกคนอื่นมาขอความช่วยเหลือทั้งทรัพย์สินเงินทอง และคำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร แต่หากไม่พอใจใครแล้ว เขาจะไม่สนใจเลยเด็ดขาด ... เป็นจำพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีฆ่าได้หยามไม่ได้ ไม่ยอมก้มหัวเพื่อลดศักดิ์ศรีให้ใคร หากจำเป็นจริงๆ ยอมให้ได้เพียงกายเท่านั้น ... จะมีนิสัยละเอียดอ่อนในเรื่องความรัก ยอมหมดเปลืองเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อความรัก ... ในอนาคตหากเป็นนักธุรกิจ จะประสบความสำเร็จ และสามารถทำงานได้ดีทุกแขนง


หมายเลข 2
แสดงถึงความสำเร็จ ความอบอุ่นจากมิตร-บริวาร แต่บางครั้งไม่ค่อยมีความเด็ดขาดไปบ้าง เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว หากจะลงทุนทำธุรกิจ ถ้าได้ร่วมทำกับคนอื่นจะดีกว่าทำคนเดียว ... จะมีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม เป็นที่รักใคร่ของเหล่าเพื่อนฝูง แต่บางครั้งจะโดนอิจฉาอยู่บ่อยๆ เพราะเสน่ห์ดีเกินไป ... ตามเลขศาสตร์บ่งบอกว่าหากจะให้ทำงานสำเร็จ โด่งดัง มีชื่อเสียง จะต้องทำงานร่วมกับคู่ครองตนเอง วัยกลางคนจะได้มีความสุขกับครอบครัว ฐานะดี มีความสบายตามลำดับ


หมายเลข 3
แสดงถึงความทุกข์ใจ จะมีปัญหาเรื่องต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่เรื่อยๆ หากจิตใจไม่เข้มแข็ง จะทำให้ทุกข์ใจไม่สบายกายอยู่เรื่อยไป และจะต้องเพิ่มการเอาใจใส่คู่ครอง และครอบครัวให้มากกว่าเดิม ระวังจะมีปัญหากับบุคคลที่ 3 เข้ามาสร้างความแตกแยกในครอบครัว ( หมายเลข 3 นี้เป็นเลขแห่งเงารัก เงาร้าง ) ... ถ้าจะลงทุนทำธุรกิจ ไม่ควรที่จะร่วมหุ้น หรือไว้ใจบริวารให้มากนัก อย่าเป็นนักบุญให้ผู้อื่น จนเกิดเป็นความทุกข์ให้กับตนเอง และหากช่วยเหลือใครแล้ว จะหวังผลคืนได้ยาก เพราะหมายเลข 3 เป็นเลขของผู้ให้ๆอย่างเดียว แต่เมื่อผ่านปัญหาทั้งปวงไปแล้ว อีกไม่นานจะมีความสุขความสบายกับครอบครัว


หมายเลข 4
แสดงถึงเลขแห่งจักรพรรดิ์ จะมีคนคอยเป็นห่วง จะเป็นที่รักใคร่ของผู้สูงอายุ แต่จะมีความเหน็ดเหนื่อยมากอยู่เหมือนกัน เพราะคำว่า " แม่ทัพ " ก็รู้ความหมายอยู่แล้ว ไม่มีแม่ทัพคนใดไม่มีผลงานแล้วจะได้เป็นแม่ทัพหรอกน่ะ ... แต่หมายเลข 4 เป็นเลขแห่งความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ ความก้าวหน้า ความท้าทาย หากจะให้มีความเจริญก้าวหน้าเร็วๆ ก็ต้องกล้าทำ กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ ... แต่ระวังจะมีเพศตรงข้ามหลงรัก และเข้ามาขอสวามิภักดิ์ด้วย และไม่ต้องเป็นห่วง จะทำอะไรก็จะมีคนคอยสรรเสริญเยินยอ แต่ก่อนที่จะมีการเยินยอ ก็จะมีการติฉินนินทาก่อน หากอดทนไม่สนใจ ไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นได้ละก็ ชีวิตนี้รวยใจสบายกายอย่างแน่นอน


หมายเลข 5
แสดงถึงเลขแห่งเวทมนต์ และเสน่ห์หากับเพศทั่วไป มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง ยอมก้มหัวให้ผู้อื่นได้แค่กาย แต่ใจนั้นไม่ยอมใคร เป็นที่ปรึกษาผู้อื่นได้ดี แต่ตนเองยามเดือดร้อนหาใครช่วยปรึกษาด้วยนั้นช่างยากมาก เพราะหมายเลข 5 จะมีความสบายกายแต่ทุกข์ใจอยู่เรื่อย เพราะคิดมากจนเกินเหตุ ... จะเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตร หากดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเอกสาร จะประสบความสำเร็จดี มีชื่อเสียง ไม่ว่างานด้านไหนๆ หมายเลข 5 ทำได้หมด แต่จะต้องมีเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวบ้าง เช่น เรื่องความรักอย่าปล่อยให้นานเกินไป จะได้พึ่งพาอาศัยบุตร-บริวารในภายภาคหน้า จะมีความพอดีกับชีวิต เกิดความสุขตลอดกาล


หมายเลข 6
แสดงถึงคนที่มีดีอยู่ในตัว แต่ไม่ค่อยยอมนำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่าปล่อยเวลากับความคิดให้มากนัก หมายเลข 6 เสน่ห์อยู่ที่ " เงา " ของตนเอง จะมีคนรักใคร่เอ็นดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ต้องแต่งตัวให้เกิดจุดเด่นแก่ตนเอง และมีจิตสัมผัสเหนือธรรมชาติหากได้นั่งสมาธิบำเพ็ญศีลจะมีบารมีสูง ผู้คนจะรักใคร่เอ็นดู จะทำอะไรก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จดีทั้งสิ้น ... หมายเลข 6 ต้องลดโทนเสียงลงอีก เพราะโทนเสียงนั้นบ่งบอกถึงอำนาจ ความยิ่งใหญ่เกินตัว ไม่เพราะแก่ผู้ได้ยิน ... ผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดูสนับสนุนในด้านการงาน เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ตนเองมักจะเอาตัวรอดได้เสมอ จะมีความสุขในบั้นปลาย


หมายเลข 7
อย่างปล่อยเวลาให้เสียไปกับคนอื่นให้มากนัก และอย่ายึดติดอยู่กับที่ เพราะหมายเลข 7 เป็นหมายเลขที่ต้องเดินทางเพื่อทำการค้า เป็นไกด์ หรือทำงานที่ต้องมีการเจรจาอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ประสบความสำเร็จ ... ระวังจะมีปัญหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เกิดขึ้นในครอบครัว หรือเรื่องรัก 3 เส้าเกิดขึ้นในชีวิตคู่ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ ก็ไม่ต้องวิตกให้มากนัก เพราะทุกอย่างจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี ... การเงินถึงจะไม่คล่องบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะหมายเลข 7 เป็นเลขที่ส่งลาภผลอยู่เนื่องๆ หากผู้ใดที่ได้หมายเลข 7 ล่ะก็ ต้องยอมเหนื่อยหน่อยนะในระยะต้นๆ และอีกไม่นานจะมีความสุข โชคลาภเพิ่มพูน และจะได้รับความสุขกับมิตร-บริวาร


หมายเลข 8
แสดงถึงคนมีบุญบารมี และวาสนาดี มีชื่อเสียงให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ แต่ต้องหมั่นเรียนรู้เร่งศึกษา อย่าอยู่นิ่ง กล้าเปิดเผย กล้าทำ กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ รีบไขว่คว้า แล้วหน้าที่การงานที่ทำจะได้ผลดีเป็นที่พอใจ และผู้ใหญ่จะให้ความช่วยเหลือ อย่าหลงใหลมัวเมาในกิเลสตัณหาให้มากนัก อย่าสนุกจนลืมครอบครัว แล้วบั้นปลายชีวิตจะมีฐานะดี เป็นที่พอใจของวงศ์ตระกูล มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือของคนทั่วไป ( แต่ต้องขยันให้มากๆ นะ )


หมายเลข 9
แสดงถึงอำนาจ ความยิ่งใหญ่ หากเป็นผู้นำจะเจริญก้าวหน้า ทำงานด้วยสมอง เป็นนักพูดหรือนักบรรยายจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่หน้าที่ที่เหมาะคือผู้เผยแพร่ศาสนา จะมีผู้คนยกย่องสรรเสริญ และยังมีจิตสัมผัสเหนือคนทั่วไป บางครั้งสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ใครได้หมายเลข 9 จะเป็นผู้อยู่เหนือลิขิตสวรรค์ จะทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง แต่มีข้อเสียเพราะหมายเลข 9 เป็นเลขแห่งคุณความดี หากทำในสิ่งไม่ดี ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะได้รับผลกรรมซึ่งจะหนักกว่าผู้อื่นหลายเท่า ... และจะต้องระวังเรื่องชู้สาวให้มาก อย่าใจอ่อน จะนำไปสู่ความเดือดร้อน เพราะจะมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม และผู้พบเห็น
บันทึกการเข้า
Pikul
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91

« ตอบ #265 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2551, 08:22:45 »

ใครได้เลข 9 บ้างค่ะ  :lol:  นิมนต์ค่ะ... :lol:

พี่ได้เลข 5 อ่ะ... แม่นไหม... ต้องให้คนอื่นช่วยตรวจสอบ  :lol:
บันทึกการเข้า

rinciple?..., stand like a rock.
Taste?..., swim with the current.
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #266 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2551, 15:44:21 »

อ้างจาก: "Jiab16"
กด submit ครั้งแรก  โปรแกรมไม่ตอบสนอง  เลยกดอีกครั้ง ... ก็ ble สิคะ ...  หนิงส่ง message มาบอกแล้วล่ะ  แต่พี่หาวิธีลบซะ 1 ค.ห. ไม่เจออ่ะค่ะ

ก็คอยตั้งกะเมื่อวาน ไม่กล้าเข้ามาตอบ!!
พอมีคนมาreplyต่อท้าย พี่ก็ลบไม่ได้แล้วค่ะ

เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกะอายุขัยของชาย-หญิงในยุโรป
ตามค้นหาข้อมูลในinternetจนเจอ แต่ไปเหวอหาทางดึงข้อมูลนี้ไม่ได้
หนิงจาเอามาแปะที่นี่แหละพี่ ถึงได้pmไปบอกพี่ก่อน...

เดี๋ยวขอปลํ้ากะข้อมูลWHOอีกทีค่ะ!
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #267 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 12:19:49 »

Cheesy   NN ... ยังคอยอ่านความรู้รอบตัวเรื่องอายุไขของชาย-หญิง ชาวยุโรป อยู่นะคะ ... ระหว่างคอย  เราจาพลิกไปอ่านหน้าต่อไป  พลางๆ ก่อนละกัน

ระบบตำรวจ หรือผู้รักษากฎหมาย ในประเทศสหรัฐอเมริกา

วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมาจาก LA , USA

ระบบตำรวจ หรือผู้รักษากฎหมาย ของประเทศสหรัฐอเมริกา ( US Law Enforcements ) มีหลายระดับ

ระดับรัฐบาลกลาง Federal
ระดับรัฐ State
ระดับซิตี้ City
ระดับเคาน์์ตี้ หรือมณฑล County
ระดับกองโรงเรียน Unified School District

ระบบตำรวจหรือผู้รักษากฎหมาย ในระดับรัฐบาลกลาง Federal จะรับผิดชอบ บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐธรรมนูญ หน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น

- FBI หน่วยสอบสวนกลาง
- Secret Service ตำรวจลับ
- U.S. Marshal ตำรวจศาล
- DEA ปราบปรามยาเสพติด
- Border Patrol ตำรวจตระเวนชายแดน
- EPA หน่วยงานสิ่งแวดล้อม
- ICE อิมมิเกรชั่น-ศุลกากร

เจ้าหน้าที่เหล่านี้ มีชื่อเรียกว่า Police Officer, Special Agent, Marshal, Inspetor เป็นต้น

ตัวอย่างหน่วยงาน FBI ซึ่งสังกัดกระทรวงยุติธรรม สหรัฐฯ จะรับสมัครจากนักศึกษา ชั้นปีที่ 3 หรือ 4 จากมหาวิทยาลัย หรือผู้ที่จบแล้ว ผู้สมัครอายุ 21-37 ปี ต้องเป็นพลเมืองอเมริกัน มีคะแนน GPA อย่างน้อย 3.00 ขึ้นไป อายุ 23-37 ปี ต้องจบจากคณะบัญชี วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์-คอมพิวเตอร์ ภาษา และกฎหมาย มีสุขภาพแข็งแรง สภาพจิตใจปกติ มีการทดสอบ และผ่านการอบรมจากสถาบัน FBI Academy เงินเดือนจะเริ่มต้นที่ GS-10 ระดับ 1 ได้ $43,441ต่อปี หรือเดือนละ 119,462 บาท

เจ้าหน้าที่ FBI หรือ Secret เหล่านี้ จะเรียกว่า Special Agent ไม่มียศ ไม่มีเครื่องแบบ การทำงานก็ใส่สูท ธรรมดา จะมีสำนักงานทั่วไปในทุกรัฐ และเมืองใหญ่ๆ

U.S. Marshal ตำรวจศาลของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะใส่มีเครื่องแบบ หรือเสื้อแจ๊คเก็ต แต่ไม่มีดาว ไม่มียศ ผู้สมัครอายุ 21-36 ปี วุฒิการศึกษา คะแนน GPA ต้องได้เกิน 3.00 มีการทดสอบ และผ่านการอบรม เงินเดือนเริ่มต้นที่ระดับ GS-5, GS-7 $36,658 และ $41,729 หรือ 100,809 บาท/เดือน และ 114,754 บาท/เดือน ตามลำดับ

ในระดับรัฐ State ซึ่งมีอยู่ 50 รัฐ ในแต่ละรัฐ มีระบบตำรวจที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ

ตำรวจในระดับรัฐ บางรัฐเรียกว่า State Police บางรัฐเรียกว่า State Patrol, State Trooper อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าการรัฐ Governor ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง State Police จะดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ และสถานที่ของหน่วยงานรัฐบาลในระดับรัฐ

ตัวอย่างเช่น ตำรวจที่รัฐนิวยอร์ค รับสมัครนักศึกษา ที่มีอายุ 20-30 ปี จบชั้นมัธยมปลาย และเรียนในระดับวิทยาลัยมาแล้วอย่างน้อย 60 หน่วยกิต ระหว่างที่เรียนสถาบันตำรวจ จะมีรายได้ $50,374 ต่อปี หรือได้รับเงินเดือน 138,528 บาท เมื่อจบแล้วจะมีรายได้เริ่มต้นที่ $61,525 ต่อปี หรือได้เงินเดือน 169,193 บาท เงินเดือนระดับจ่า Sergeant $90,795 ต่อปี หรือ 249,686 บาทต่อเดือน ระดับนายร้อย Lieutenant $107,967ต่อปี หรือ 296,909 บาทต่อเดือน

ในระดับเมือง City ใหญ่ๆ จะมีหน่วยงานตำรวจของตนเอง เรียกว่า Police Department ตัวย่อ PD เช่น LAPD, NYPD หัวหน้าตำรวจเรียกว่า Chief Police อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนายกเทศมนตรี Mayor ในเมืองนั้นๆ

ตัวอย่างตำรวจที่นครลอสแองเจลิส LAPD – Los Angeles Police Department ผู้ที่จะสมัครเป็นตำรวจ ต้องมีประวัติดี มีอายุมากว่า 21 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยชั้นมัธยมปลาย จบการฝึกอบรมจากสถาบันตำรวจแล้ว เงินเดือนเริ่มต้นที่ $56,522 ต่อปี หรือ 155,435 บาทต่อเดือน ผู้ที่เรียนจบระดับวิทยาลัย 2 ปี เกินกว่า 60 หน่วยกิต จะได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ $58,798 ต่อปี หรือ 161,694 บาทต่อเดือน ผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี เงินเดือนจะเริ่มต้นที่ $61,095 ต่อปี หรือ 168,011 บาทต่อเดือน และให้ค่าเครื่องแบบอีกปีละ $950 สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในภาษาอื่นที่จำเป็น จะได้เงินเดือนเพิ่มอีก 2.75 - 5.5 %

สำหรับเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีนายกเทศมนตรี Mayor ก็ต้องอาศัยตำรวจ หรือผู้รักษากฎหมายจากมณฑล หรือ County ที่เรียกว่า Sheriff ที่คนไทยชอบแปลว่า “ นายอำเภอ ” จริงๆ แล้ว เชอรีฟ Sheriff ก็คือตำรวจที่มาจาก County นี่เอง จะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ County Supervisor ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้ง

ผู้สมัครต้องอายุอย่างต่ำ 20 ปี จบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย เมื่อผ่านการอบรมได้เป็น Deputy Sheriff เงินเดือนจะเริ่มต้น $54,784 ต่อปี หรือ 150, 656 บาทต่อเดือน ผู้ที่เรียนระดับวิทยาลัย 2 ปี เงินเดือนเริ่มต้นที่ $57,840ต่อปี หรือ 159,060 บาทต่อเดือน ผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้นที่ $61,064 ต่อปี หรือ 167,928 บาทต่อเดือน

กองโรงเรียนขนาดใหญ่ Unified School District จะมีตำรวจเป็นตนเอง เช่น ของกองโรงเรียนนครลอสแองเจลิส LAUSD หน่วยงานตำรวจจะอยู่ภายใต้การบริหารของ School District Superintendent ซึ่ง Board of Education ที่มาจากการเลือกตั้ง จะเป็นผู้คัดเลือกตำรวจเหล่านี้จากบรรดาผู้สมัคร

ตำรวจโรงเรียนของกองโรงเรียนนครลอสแองเจลิส จะได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ $41,002 ต่อปี หรือ 112,755 บาทต่อเดือน เงินเดือนจะน้อยกว่าตำรวจทั่วๆไป เพราะมีความเสี่ยงภัยน้อยกว่ามาก เพียงดูแลความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเท่านั้น


สายระดับการบังคับบัญชาของตำรวจสหรัฐฯ Organization Chart มักจะัเป็นแบบนี้

Chief Police
Deputy Chief
Lieutenant
Sergeant
Detective
Senior Police Officer
Police Officer

ในสหรัฐฯ ไม่มีโรงเรียนนายสิบตำรวจ หรือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีเพียงสถาบันฝึกตำรวจ Police Academy ยศตำรวจอย่างมาก Chief หรือ Captain ไม่มียศระดับนายพัน นายพล ให้เอิกเกริก ไม่ติดเข็มที่เสื้อตรงอก ที่ได้จากการอบรมบ้าๆ บ้อๆ ไม่เบ่ง ไม่กร่าง ไม่อวดศักดา ไม่รีดไถ ไม่เรียกค่าไถ่ ไม่ตั้งบ่อน ไม่คุมซ่อง ไม่คุมบาร์ ไม่คุมโรงน้ำชา ไม่คุมดิสโก้เท็ค ไม่โยนเรือใบ ไม่มีคาร์บ๊องส์ ไม่คบค้าสมาคมกับผู้มีอิทธิพล หรือพ่อค้าผิดกฎหมาย

ตำรวจสหรัฐฯ จึงไม่มีตำรวจเพี้ยนๆ อย่าง พ.ต.ท.ดร.... หรือ ร.ต.อ.ดร.... อย่างเด็ดขาด และไม่มีตำรวจเหิมเกริม ที่จะมารื้อเวทีพันธมิตรฯ เยี่ยง พล.ต.ท....

จะสังเกตได้ว่า เงินเดือนของตำรวจ หรือผู้รักษากฎหมายในสหรัฐฯ เงินเดือนจะดีมาก แม้จะรับจากผู้ที่จบจาก มัธยมปลาย คนเหล่านี้จึงไม่คอร์รัปชั่น และไม่กร่าง เพราะกฎหมายที่นี่เคร่งครัด และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน


การเมืองใหม่ของประเทศไทย - คำแนะนำที่เห็นควรจะแยกหน่วยงานตำรวจออก คร่าวๆ ดังนี้

ตำรวจรัฐบาลกลาง อยู่ใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงยุติธรรม
ตำรวจตระเวณชายแดน อยู่ใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงกลาโหม
ตำรวจนครบาล อยู่ใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่า กทม.
ตำรวจภูธร อยู่ใต้การบังคับบัญชาของนายกเทศมนตรี หรือ อบต.

ส่วยยศของตำรวจ ไม่มียศนายพล นายพัน นายร้อย จะมีเพียง หัวหน้าตำรวจ ( หน.ตร. ) จ่า นายสิบ และพลตำรวจ จะได้ลดความเหิมเกริมลง

การเมืองใหม่ของประเทศไทย สามารถให้เงินเดือนตำรวจได้มากๆ หรือทั้งข้าราชการหน่วยงานอื่นๆ ทั้งครู ภารโรง พยาบาล เสมียน ที่ไม่มีโอกาสให้พระเดชพระคุณต่อผู้ที่มาติดต่องาน

การเมืองใหม่ของประเทศไทย จะต้องเก็บภาษีให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้องแก้ไขระบบภาษีที่ดิน ให้เก็บภาษีที่ดินตามราคาประเมิน
- 1% สำหรับที่อยู่อาศัย
- 2% สำหรับพาณิชยกรรม
- 5% สำหรับที่ดินเปล่า ที่เก็งกำไร

การเมืองใหม่ของประเทศไทย จะต้องปรับปรุงหน่วยงานกรมสรรพากร กรมสรรพามิต กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมโรงงาน กรมศุลกากร ฯลฯ ให้เก็บภาษีอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา เพื่อให้ประเทศมีรายได้เพิ่มพูนอย่างแท้จริง

การเมืองใหม่ของประเทศไทย จะต้องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง และลงโทษอย่างรุนแรง


รวบรวมโดย ฝ่ายวิชาการ กลุ่มพันธมิตรฯ สหรัฐอเมริกา-แคนาดา www.PADUSA.org

อ้างอิง

http://www.fbijobs.gov/114.asp
http://www.usmarshals.gov/careers/faq.html#fcip
http://www.nytrooper.com/salary_benefits.cfm
http://www.joinlapd.com/salary.html
http://www.lasd.org/recruitment/deputy-recruit2.html
http://www.laspd.com/faq.htm#salary
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #268 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 20:32:54 »

หาเจอแล้วค่ะพี่เจี๊ยบ ทั้งtextทั้งภาพ
กระดี๊กระด๊าร่าเริง ปรากฏ โปรแกรมกล้องถ่ายภาพ
หมดอายุหลังใช้งานฟรีมาครบเดือน!!
เพิ่งสั่งซื้อโปรแกรมonlineไปเมื่อครู่
พรุ่งนี้ต้องไปbank!!ขอติดไว้ก่อน...ค่ะ

nn. Cheesy
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #269 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 21:27:17 »

กระทาชายนายอิฟส์ รอซซี่,นักบินกองทัพอากาศสวิส ทดลองการบินแบบใหม่ของมนุษยชาติ ใช้ก๊าซฮีเลี่ยมจริงๆด้วยค่ะ


หลังจากล้มเหลวในการทดลองการบินหลายหน ครังนี้ฉลุย ฮุ้ยยย..ที่ Waadtländer Alpen


Fusion man Rossyใช้เวลาทั้งหมด 5นาทีในการบินทดลองด้วยความเร็ว300 km/h.!!!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #270 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 21:36:52 »

โดยอาชีพco-pilot,commandant by Swissair...ในที่สุดฝันที่จะ"บิน"ก็สำเร็จ!


บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #271 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 21:51:44 »

ต้องขึ้นเครื่องบินและกระโดดทิ้งตัวลงมาด้วยความสูง2348เมตร!!!ขวัญอ่อนและกลัวความสูง..รวมทั้งกลัวตายด้วย ถอยไปเลยค่ะ---


การทดลองบินปี2006หลังถูกปล่อยออกจากเครื่องบิน


กลับสู่ภาคพื้นดินโดยสวัสดิภาพ ซึ่งไม่รู้แน่ว่าจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งปล่าว

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #272 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2551, 22:38:42 »

ติดตามเรื่องclimate changeจากhomepage ของwww.spiegel.deเพลิดเพลิน อ่านไปด้วย ดูรูปไปด้วย กะจะเตรียมไว้ลงที่นี่ตอนโปรแกรมกล้องถ่ายภาพมาอาทิตย์หน้า(graphic)เหวอเอารูปกรุงเทพ เมืองฟ้าอมร...ตายแล้ว ดูเถอะค่า เขาหาว่าผู้อยู่อาศัยทำให้มลภาวะเลวร้ายทั้งก๊าซcabon monoxide,greenhouse gas,methane,nitrous oxide...

แถมoriginal textให้ด้วยค่ะ
"Smog über Bangkok: Die Menschheit stößt zuviele Treibhausgase aus. Kohlendioxid ist nicht das einzige darunter, auch Methan und Lachgas treiben den Klimawandel an"
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #273 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2551, 20:51:49 »

New Orleans after Hurrikan "Katrina" (2005)เป็นผลจากโลกร้อนหรือปล่าว???


Alcona (Eastern of Spain) แห้งงงง...


พอโลกร้อน Arkticก็ละลาย
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #274 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2551, 20:59:57 »

Sumatra-Indonesia 2ปีหลัง Tsunami!!


แม้ที่Greenland ก็ละลาย--


Horror climate in Outback-Australia!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #275 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2551, 21:21:34 »

sommer 2003-แม่นํ้าไรน์ by Bingen ลดระดับจนน่ากลัว!


ยอดKilimandscharo ก็ร้อนขึ้น แม้เคยหนาวากในหน้าร้อน


North-Eastsea island--Germanyจะเป็นแบบนี้!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #276 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2551, 21:35:18 »

ก็มันร้อน!!



Think Earth!!

หมดกรุแล้วค่ะพี่เจี๊ยบ พี่ต่อได้เลย!
nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #277 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2551, 19:38:29 »

ตามที่สัญญาค่ะพี่เจี๊ยบ โปรแกรมกล้องมาเมื่อวาน มัวไปเรียนรู้โปรแกรมcamเลยไม่ได้ทำการบ้าน ต่อแต่นี้จะถ่ายด่ะ แปะกันให้กระทู้เดี้ยงกันไปข้าง!!

เขา(จากหนังสือพิมพ์คะwww.die zeit.de)ว่าโดยธรรมชาติ ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย นอกจากใครอยากอายุยืนกว่าก็ต้องไปอยู่ที่ SimbabweหรือเกาะTonga (หุหุ จะเสี่ยงเหรอคะ)
สำหรับในเยอรมันแล้ว ไม่ไช่สาเหตุทางชีวภาพ,บทบาทหน้าที่และสภาพสังคม แต่มองย้อนไปถึงตอนตั้งท้อง เด็กชายแม้จะเป็นembryoมากกว่าเด็กหญิง20%แต่คลอดมีชีวิตเท่าๆกัน(คนดีๆคงdeadลาโลกก่อนเกิด!!)แถมทารก ญ.เกิดปุ๊บ พัฒนาการเท่าทารกชายอายุ 6อาทิตย์(it's true!)แล้วทำไมผู้หญิงถึงอายุยืนกว่าผู้ชาย....วัยเด็กก็ยังไม่ชัด พอวัยรุ่นเห็นชัดถึงช่วงห่างการดูแลสุขภาพ วัยเจริญพันธุ์ยิ่งแล้วใหญ่ ญ.รักษารูปร่าง ทานผัก-ผลไม้มาก ช.โฮกเนื้อมากเพื่อเรี่ยวแรงกำลังในการทำงาน!
เพราะต้องอุ้มท้องเลี้ยงดูทารก ญ.จึงต้องรักษาตัวเองมากขึ้นกว่าปกติ...หาหมอบ่อยขึ้น...ญ.ยังคงรักษาเพื่อนสนิทไว้แม้หลังสมรส ช.เคยมีเพื่อนหญิงรู้ใจไว้คุย จะโทรไปปรับทุกข์หลังสมรส ภรรยาคงไม่ใจกว้าง!!
blablabla....

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #278 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2551, 19:59:00 »


ทีนี้มาดูสาเหตุการตายของชาย-หญิงต่อ
โดยสาเหตุจากภายใน...โรคเกี่ยวกับกระแสทางเดิน(โลหิต-หายใจ)มะเร็ง และทำตัวเอง(sheเริ่มขี้เกียจแปล อิอิ)แต่พอไปสำรวจหลวงพี่ในKlosterกลับพบสุขภาพดีไร้โรคาไม่มีความเครียด ไม่มีบุหรี่ ไม่มีอัลกอฮอล์
การเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมก็มีผลค่ะ จากตัวอย่างการล่มสลายของUSSRส่งผู้ชายรัสเซียลงหลุมก่อนภรรยาถึง12ปีด้วยเหตุalcohol,unemployee การลดระดับทางสังคม....
การเปลี่ยนแปลงส่วนตัว แยกทาง อยู่เองไม่ได้ตกงานกระทันหัน etc.ผู้หญิงมีรายได้อยู่กลางๆไม่สูง ไม่ตํ่า พวกเธอเจียมเน้อเจียมตัวค่ะ!
blablabla...

nn. Cool
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #279 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2551, 20:12:00 »


สาเหตุการตายที่มาจากภายนอก  อุบัติเหตุ และการกระทำจากภายนอกมาอันดับหนึ่ง ฆ่าตัวตาย ชายก็นำ ในสงครามและความวุ่นวาย ผู้ชายก็ชอบจริงที่จะลาโลก ก่อนผู้หญิง โอ,โดยเฉพาะชายที่อยู่โสดหลังเกษียณยิ่งอันตรายต่อการลาโลกก่อนวัย(วัยไหนอีกไม่ทราบ?)
สุขกันเถอะเรา อยู่รบกันนานๆนะคะ หญิง-ชายในโลกหล้า!!

nn. Cool
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #280 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2551, 22:43:57 »

ขอบคุณค่ะ NN  ได้ความรู้เพิ่มอีกแระ

ความรู้รอบตัวที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา

1. ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง ...

2. ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง ...

3. เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม ...

4. เสียงกรนที่ดังที่สุด ดังถึง 87.5 เดซิเบลล์ ...

5. พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน ...

6. เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์ ...

7. หอเอนเมืองปิซา เอนไปทางใต้ ...

8. กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต ...

9. ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย ...

10. ผู้หญิงที่เกาะฮาวาย ถ้าทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว ...

11. เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้ ... ( อ๊ะ อ้าว ! ผู้ชายที่ร้องในเพลงว่า " ... ถ้าหากเธอตาย พี่ขอกลั้นใจตาย ตามเอย " ก็ขี้จุ๊น่ะซี้ ! เจี๊ยบว่าแล้ว )

12. ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน ...

13. ฮิปโปผายลมทางปาก ...

14. ประเทศซาอุดิอาราเบียไม่มีแม่น้ำ ...

15. กังหันทั้งโลก ! มุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์ ...

16. เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า " โกงข้อสอบ " ...

17. ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา ...

18. ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน ... ( ฮึ่ย ! มิหัวล้านกันทหมด หรอกเหรอเนี่ย ? ) ...

19. ตัว " O " เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในภาษาอังกฤษ ...

20. คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที ...

21. ฝ่ามือ และฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้ ... ( จริงอ่ะ ? ... ตอนเก็บกระดูกไปลอยอังคาร ไม่เห็นเหลืออะไรเลย )

22. เม่นชอบช่วยตัวเอง ...

23. ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย ...

24. ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่ ...

25. เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม ...

26. คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด ...

27. ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1,000 คน ...

28. เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที ...

29. มันเป็นไปมะได้อ่ะคับ ที่คุณจะจามโดยไม่หลับตา ...

30. เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว ...

31. ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed ...

32. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย คือลิ้น ...

33. แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์ ...

34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม ...

35. ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น ...

36. ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ ...

37. ใน 4,000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆ ที่ถูกทำให้เชื่อง ...

38. เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination ( การลอบฆ่า ) และ bump ( ชน กระทบ ) ...

39. หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไปได้ไกล 30 ฟุต ...

40. หนูสามารถสืบพันธุ์ได้เร็วมาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว ...

41. การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700 เท่าตัว ...

42. ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา ...

43. เหมือนกับลายนิ้วมือ ลายลิ้นของแต่คนจะแตกต่างกัน ...

44. นิตยสาร time ได้ยกย่องให้ " คอมพิวเตอร์ " เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982 ...

45. สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปี พวกเขาทำสถิติไว้ที่ 30.59.27 ชม...

46. ตอนที่ F4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100 คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2 ...

47. บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต ...

48. โดนัลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน ...

49. ภาพยนต์เรื่อง Nothing Hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15 ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ ( 45 ล้านบาท ) ...

50. หนังอนิเมชันเรื่อง South Park ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128 ครั้ง ...

51. ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่า " ไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู " ...

52. ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม ...

53. จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝัก จะเป็นเลขคู่ ...

54. จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้ ...

55. ยุงชอบเลือดเด็ก มากกว่าเลือดผู้ใหญ่ ...

56. แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว ...

57. ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง ...

58. เม่นทุกตัวลอยน้ำได้ ...

59. หมูมีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ...

60. นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ " เฟรนช์คิส " ได้ด้วย ...

61. คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี ...

62. Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ ...

63. ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิต และโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ ...

64. แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เป็นของเหลว ...

65. สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด ...

66. เลือดของกุ้งมังกรเป็นสีน้ำเงิน ...

67. อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา ...

68. รู้หรือเปล่าว่าเว็บ google ไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ ( ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ ) ...
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #281 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 00:07:34 »

ฮั่นแน่ ! ... เดี๋ยวนี้เวปเรามีของเล่นใหม่แล้วนา ! ... ก็ตุ๊กตาแสดงอารมณ์ ทั้ง 20 หน้านี่ล่ะค่ะ  เห็นตอนแรกก็ " อุ๊ย ! ตุ๊กตาน่ารัก  แปลกตาดี  มี movement "  แต่พอนั่งตีความท่าทางของน้องหนูทีละรูป  ทีละรูป  บางรูปคุณป้าก็ไม่แน่ใจว่า น้องหนูอยู่ในอารมณ์ไหน  บางรูปก็ " หัวเราะเหมือนหยอก  หลอกเหมือนขู่ "  งี้คุณป้าจะกล้าคลิกมั้ยเนี่ย ? ... ให้คิดถึง " ดวงจันทร์หน้ายิ้มกว้างๆ  แสนสดชื่น" ขึ้นมาทันที ...  แล้วต่อด้วย  เออ !  ที่เขาว่า " small is beautiful " ก็ท่าจะจริงนะ ... การ์ตูนบางรูป  มีเส้นเพียงไม่กี่เส้น  แต่ก็ให้อารมร์ของรูปได้อย่างชาญฉลาด  ว่ามั้ยคะ ? ... เฮ้อ !  คุณป้านี่ จะเป็นตัวอย่างของ " คนตกยุค " รึเปล่าเนี่ย ? ... ha  ha  ha !

อ้ะ ! ... ว่าแล้วก็มาดูรูปเก่าๆ  สมัยเมื่อ 24 ปีที่แล้วกันดีกว่า

แฟชั่นวัยรุ่น สยามแสคว์ เมื่อปี 1984

น้อง Rose - เพื่อนณัฐ ... ส่งมา








ปี 2527 หนิงเป็น shy พอดี  บอกหน่อยซิ  ตอนนั้นหนิงแต่งตัว style เหมือนสาวน้อยคนไหน ?
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #282 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 00:18:16 »

สุดเชยคะพี่เจี๊ยบ!
1.ไม่ค่อยมีเงินแต่งตัว
2.she อ้วน!!
3.ยังไม่รู้style ตัวเอง!

nn.

ps.รูปแสดงอารมณ์ใหม่นี่ ประหลาดค่ะ ทำให้บันทัดหลุดจากกัน ไม่มีระเบียบ...
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #283 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 00:23:43 »

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องกลับขึ้นไปดูรูปอีกรอบ!
ปีนั้น ชาวหอดูจะแต่งตัวคล้ายๆกัน...โพรกๆหลวมๆ
แต่เน้นบั้นเอว...ใครสวมกางเกงslackผ้าลินิน เสื้อผ้าลินิน
ดูจะhi-soซะไม่มี...

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #284 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 10:49:52 »

จ้า  แฟชั่นก็บ่งบอก " ค่านิยม " ของแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดีนิ

ของ 10 อย่างที่เราควรจัดหา เพื่อถวายสังฆทาน

ดร.นัยนา Jordan - ครุ 17... ส่งมาจาก USA

เมื่อวันเสาร์ได้ดูรายการ " จุดเปลี่ยน " เค้าไปสำรวจสิ่งของต่างๆ ที่บรรจุอยู่ในถังสังฆทานที่พวกเราเคยซื้อ และนำไปถวายพระ ซึ่งส่วนมากพระสงฆ์จะใช้ไม่ได้ หรือบางอย่างก็ไม่ใช้ เช่น ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เท่ากับผ้าเย็น หรือผ้าอังสะที่บางแจ๋วแหวว เครื่องดื่มชนิดชง อย่างเช่นน้ำขิงผงในกล่องบรรจุจะมีแค่ 1 ซอง เป็นต้น

ทางรายการจึงทำแบบสอบถามพระสงฆ์ ( จากหลายๆ วัด ) จึงได้ 10 อันดับสิ่งของที่เราควรจัดหามาถวายสังฆทาน ดังนี้

1. อุปกรณ์เครื่องเขียน ได้แก่ สมุด ปากา ไม้บรรทัด เป็นต้น

2. ใบมีดโกน ที่เป็นแบบด้ามเหล็ก

3. ผ้าไตรจีวร

4. หนังสือที่มีประโยชน์ เช่น หนังสือสวดมนต์ หนังสือที่เกี่ยวกับธรรมะ หนังสือทางวิชาการ และสารคดีที่ให้ความรู้

5. รองเท้าแตะ สีดำรูปแบบตามความเหมาะสม

6. ยารักษาโรคที่ใช้กันทั่วๆ ไป เช่น แก้ปวด แก้ไข้ ยาลดกรด เป็นต้น

7. ผ้าขนหนูเนื้อดีๆ ขนาดเหมาะสม สีเหลืองนะจ๊ะ

8. อุปกรณเกี่ยวกับไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์

9. อุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น แปรงขัดพื้น เป็นต้น

10. แชมพูสระผม ( ใช้สำหรับสระหนังศรีษะประจำวันวัน และใช้หลังโกนผม )

คิดว่าครั้งต่อๆ ไปถ้าจะถวายสังฆทาน เราควรจะเลือกสิ่งของที่ถวายพระแล้วท่านได้ใช้แน่นอน นะจ๊ะ ... เนี่ย ! แค่บอกต่อก็ได้บุญแล้ว ... สาธุจ้า
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #285 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 20:03:09 »

เพราะต้องหาภาพ Miss Thailand Universe2008จึงได้ภาพนางงามจักรวาลปีนี้ติดมาด้วยคะ..



บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #286 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 20:04:22 »

ต่อค่ะ




nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #287 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 20:46:16 »

NN ... Miss Venezuela สวยเด่นมาก  สมแล้วที่ได้ตำแหน่งนางงามจักรวาล ปีนี้   ประเทศนี้ได้ชื่อว่า  เป็นประเทศที่ผลิตนางงามจักรวาลจริงๆ เลยล่ะ  ก็เข้ารอบเป็น 1 ใน 5 คน ทู้กปี  สงสัยสาวๆ ที่เดินตามท้องถนนในประเทศนี้คงจะสวยหยด ทุกคนเลยมั้งนะ

พี่ดูถ่ายทอดสด  ตอน 9.00 น. เมื่อวานนี้ด้วยล่ะ   น้องแก้มจากประเทศไทย  ได้รางวัล " ชุดแต่งกายประชาติ ยอดเยี่ยม "  เป็นชุดมวยไทยประยุกต์  designer มีความคิดสร้างสรรค์ดีมากค่ะ  น้องแก้มเค้าทำท่าตั้งการ์ด  และตีหน้าขึงขัง  เท่ห์ดีออก

ชุดว่ายน้ำ  ปีนี้  BSC ประเทศไทย  เป็น sponsor ค่ะ

ดูดอกขิงแดง 3 ดอก ในอ้อมแขนของนางงามจักรวาลสิ  ได้ขึ้นหิ้งเป็นดอกไม้นางเอก-ตัวแทนของดอกไม้ในภูมิภาคอินโดจีน เชียวนะ ... สีสวยสดตัดกับชุดราตรีสีเหลือง ... สวย  สวย
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #288 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 20:53:46 »

เดี๋ยวน้องแก้มจะเสียใจ!


บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #289 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 20:56:28 »

หนิงว่าตาเธอไม่สวย!



แต่ในรองด้วยกัน เธอสวยค่ะ

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #290 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 21:07:31 »

ช่างผมฝรั่ง  ทำผมให้ผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาลทุกคนได้สวยมากๆ  ออกมาดูหวาน  โรแมนติก  และเป็นธรรมชาติ  ถูกใจพี่เจี๊ยบเกือบทุกสาวงามเลยล่ะ ...   Wow  wow ! ... ชอบม้าก ... เทียบกับผลงานของช่างผมไทยสิ  คนละ look เลย ... นี่แหละ  เป็น sense ที่ช่างผมไทย ( ส่วนใหญ่ ) จะไม่เข้าใจ

ปีนี้ " ผมสีดำ " ครองเวทีประกวดนางงามจักรวาลค่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #291 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2551, 21:13:29 »

ผิวสีนํ้าตาลด้วยคะ!
ทั้งนางงามทั้งรอง
ผิวนํ้าผึ้งสวย

nn.
บันทึกการเข้า


Junphen Juntana
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 403

เว็บไซต์
« ตอบ #292 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2551, 14:29:55 »

หญิงไทย...ดาบก็แกว่ง เปลก็ไกว... :-)

ชุดแต่งกายประจำชาติ เป็นสีสันดีจัง แปลกตาด้วย  






















บันทึกการเข้า

เพ็ญ อักษร: รหัส 36 & ซีมะโด่ง 76

เว็บไซต์: http://www.tpa.or.th/writer/author_des.php?passTo=98900ed085c9084a2b01bdbd15fa8470&authorID=429

http://www.facebook.com/penfriend

ทำใจให้ดี ทำดีให้ใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #293 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 18:45:47 »

แปดเมืองติดอันดับมีผู้มาท่องเที่ยวมากสุด
คัดมาจาก นสพn.24.de!
ดูรูปไปด้วย ฝึกความเข้าใจภาษาเยอรมันไปด้วย!
เพราะsheขี้เกียจแปล!เรียงลำดับตามภาพค่ะ



ไม่เข้าใจคำไหน....ถาม!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #294 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 18:49:23 »

อันดับสาม!


und so weiter!
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #295 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 18:52:51 »

ต่อค่ะ อย่าหลับ



บางครั้งดูรูปอย่างเดียวก็รู้แล้ว
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #296 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 19:01:06 »

โอ้ลัลล้า...จุ๊บๆ(ฮัมเพลงชาติเยอรมันไปด้วยคะ!)



หมดแล้วค่ะ!
อ้อ เมื่อวานดูรายการของเยอรมันว่าด้วยเรื่องนวด!
นวดไทย นวดเยอรมัน  นวดเตอรกี แข่งกัน..
ไทยชนะที่หนึ่ง คำชมจมหู!

nn.
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #297 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 20:01:52 »

น้องเพ็ญ,
พี่มองภาพที่น้องเพ็ญ โหลดไม่เห็น!
ลองเข้าๆออกๆหลายรอบแล้วค่ะ
เห็นแต่กล่องกากะบาทแดง!
p.nn
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #298 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2551, 21:50:39 »

NN ... พี่ไปเยือนมาแล้ว 3 แห่ง :  หอ Eiffel-กรุงปารีส ฝรั่งเศส , กำแพงเมืองจีน  และ The Colosseum-กรุงโรม อิตาลี ... พี่เกือบจะได้ไปเที่ยวปราสาท Neuschwanstein ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านหนิงแล้วเชี้ยว  แต่เวลาหมดซะก่อน  เลยไปชม The Resident of Wurzburg ซึ่งเป็นมรดกโลก แทน  พวกเศรษฐีชาวญี่ปุ่นนอกจากจะไปซื้อบ้าน ( โบราณ ) ราคาแพงลิบลิ่ว  ที่เมืองเวนิช-อิตาลี  เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองที่ตั้งอยู่บนน้ำทะเล กันแล้ว  ก็ยังสนใจมาเที่ยวที่ Castle นี้กันหลายกลุ่มทีเดียว  ... " การท่องเท่ยว เป็นการเปิดมุมมองสู่โลกกว้าง " เป็นประโยคที่จริงแท้แน่นอนเลยค่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #299 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2551, 15:13:15 »

พี่เจี๊ยบคะ,
อีกสี่แห่ง พี่ทำได้แน่นอน..
พี่มีกำลังค่ะ!
งวดหน้าไปไหนคะ??

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #300 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2551, 21:03:17 »

ยังบ่ฮู้  บ่หันเจ๊า ! ...

ตาต้ามอเตอร์ ... เลิก ใช้ น้ำมัน โดย เด็ดขาด ของแท้ ....

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา





สุดยอด ... คิดได้ไง เนี่ย !!!! เลิก ใช้ น้ำมัน โดย เด็ดขาด ของแท้ ... แค่ 400,000 บาทเอง ...

ตาต้ามอเตอร์ บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประกาศผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน โดยจะทยอยนำส่งเข้าสู่โชว์รูมในปี พ.ศ. 2552 รถยนต์พลังลม หรือ Air Car นี้ใช้การปล่อยอากาศจากระบบบีบอัดอากาศด้วยความดันสูง โดยอากาศที่ปล่อยออกมาจะทำหน้าที่หมุนเพลา ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยการเติมอากาศ สามารถเติมได้ตามสถานีอัดอากาศด้วยราคาไม่แพง โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตร ต่อการเติมอากาศหนึ่งครั้ง บริษัทผู้ออกแบบรถยนต์พลังลมคันนี้ คือ บริษัท MDI จากประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งให้สิทธิบัตรแก่ตาต้าในการผลิตรถยนต์พลังลมในประเทศอินเดีย โมเดลแรกของตาต้า Mini CAT ตั้งราคาไว้ประมาณ 400,000 บาท โดยตาต้าหวังไว้ว่าจุดเด่นของ Mini CAT ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และราคาไม่แพง จะท ำให้รถพลังลมรุ่นแรกนี้ทำยอดขายได้ดีในตลาดอินเดีย
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #301 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2551, 21:38:06 »

Clever people, the Japanese

สุขวสา - บัญชี 16 ... ส่งมา

You will not be able to know what's ahead of you, until you have seen at least 4 pictures and read the explanation of what they are, our future is here, incredible !! .. what an age we live in. ? ? ?

Amazing technology from Japan ...




Look closely and guess what they could be...



Are they pens with cameras ?



Any wild guesses ? No clue yet ?

Ladies and gentlemen ... congratulations ! You've just looked into the future ... yep, that's right !

You've just seen something that will replace your PC in the near future.

Here is how it works :



In the revolution of miniature computers, scientists have made great developments with bluetooth technology ...

This is the forthcoming computers you can carry within your pockets.




This " pen sort of instrument " produces both the monitor as well as the keyboard on any flat surfaces from where you can carry out functions you would normally do on your desktop computer.




Can anyone say, " Good-bye laptops ! " ... Looks like our computers are out of date ... again !!!
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #302 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2551, 22:04:53 »

คุ้นๆอีกแร๊ะ ว่าเคยดูในทีวี--
ยังงี้"Q"เรื่อง James Bondคงตกงานค่าาา

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #303 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2551, 00:00:16 »

10 อันดับบุคคลที่เงินเดือนสูงที่สุดในประเทศไทย

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา

จุ๊  จุ๊  เรื่องนี้เป็นความลับครับ  เราจึงรู้เพียงรายได้ที่เป็นเงินเดือน+โบนัสต่อปีของแต่ละท่านที่ยื่นเสียภาษี  แล้วนำมาเฉลี่ยต่อเดือน ... และนี้คือ 10 อันดับบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือน  ที่เรียกว่าเงินเดือนสูงที่สุดในประเทศ

อันดับ 10  คุณบัณฑูร  ล่ำซ่ำ



นายธนาคาร กสิกรไทย  รั้งอันดับ 10 ด้วยรายได้ 14,300,000 ต่อ ปี หรือราวๆ 1,191,777 บาทต่อเดือนครับ

อันดับ 9  คุณมาเชลลีนัส ไซมอน เฮนดริกัส



ท่านนี้เป็นผู้บริหารของปูนซิเมนต์นครหลวง  หรือปูนอินทรีย์  มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าคุณ บัณฑูร  ล่ำซ่ำ เล็กน้อย คือ 1,194,167 บาทต่อเดือน  มากกว่าอันดับ 10 เพียง 4,000 บาทครับ

อันดับ 8 คุณลินดา  ลีสหะปัญญา



ผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎษ์ครับ  หากคุณเคยไปเยือนที่โรงพยาบาลแห่งนี้  คุณคงเข้าใจได้ดีว่าอันดับหนึ่งด้านการบริการทางการแพทย์แห่งเอเซีย  ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริง  และเธอซึ่งเป็นผู้บริหารมีรายได้ปีละ 15,200,000 บาทต่อปี  หรือเดือนละ 1,268,241 บาท

อันดับที่ 7  คุณแอริค มาร์ค เลอวีน



ผู้บริหาร " แคลิฟอร์เนีย ว้าว ฟิตเน็ต "  ความต้องการการมีสุขภาพที่ดีทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว  และแน่นอนหมายถึงผลตอบแทนผู้บริหารที่ได้รับถึง 1,283,380 บาทต่อเดือน

อันดับ 6 คุณปลิว  มังกรกนก



ผู้บริหารธนาคารทิสโก้  ท่านผู้นี้ได้อันดับ 6 ไปด้วยรายได้ 1,334,287 บาท ต่อเดือนครับ

อันดับ 5 คุณชาติศิริ  โสภณพนิช



หากพูดถึงนามสกุล โสภณพนิช  เราคงเดาถึงกิจการที่ท่านดูแลได้ไม่ยาก   นั่นคือธนาคารกรุงเทพฯ  ซึ่งทางธนาคารจ่ายเงินค่าตอบแทนต่อเดือนเป็นจำนวน 1,363,106 บาทครับ

อันดับ 4  ดร.วิชิต  สุรพงษ์ชัย



ท่านผู้นี้ก็เป็นผู้บริหารธนาคาร  และเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ... ใช่แล้วครับ ธนาคารไทยพานิชย์   และแน่นอนครับนายธนาคารมักจะร่ำรวยเสมอ  โดยท่านมีรายได้ต่อเดือน 1,369,167 บาทครับ

มาถึง 3 อันดับสุดท้าย  สังเกตนะครับไม่มีใครต่ำกว่าล้านเลย

อันดับ 3 คุณมนตรี ศรไพศาล



ผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ กิมเฮง ( ประเทศไทย)   คุณสงสัยไหมท่านได้เท่าไหร่จึงมาถึงอันดับ 3 ... ท่านได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1,424,722 บาทครับ  

อันดับ 2  คุณบุญคลี  ปลั่งศิริ



ผู้บริหารจากชินคอร์ปรายนี้  มีรายได้สูงพร้อมๆ กับความสามารถที่สูงมากพอๆ กัน  ในยุคของการแข่งขันที่รุนแรงด้านการสื่อสาร  ท่านผู้นี้ยังทำให้ชินคอร์ปยังครองตำแหน่งแนวหน้าของประเทศได้ ... และรายได้ของท่านต่อเดือนคือ  1,498,571 บาทครับ

อันดับ 1 ...............

ผมให้ข้อมูลก่อนให้ซื่อดีกว่า  ... ท่านผู้นี้อยู่ในธุรกิจปิโตรเคมีครับ   ท่านเป็นนักการเมืองด้วย  แต่ทำอาชีพการเมืองได้ไม่รุ่งนัก  ครับผมว่าทุกคนทราบแล้ว  ท่านผู้นี้คือ  คุณประชัย  เลี่ยวไพรัช



ท่านมีรายได้จากทีพีไอ เดือนละ 2,666,580 บาท ครับ  สูงที่สุดในประเทศไทย  เป็นท่านเดียวที่มีรายได้เกิน 2 ล้านครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #304 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2551, 00:12:32 »

ไม่รู้ว่าเอาเวลาที่ไหนไปใช้เงินนะคะ
คงเป็นหน้าที่ภรรยา..อาซ้อที่บ้าน...ทำหน้าที่จับจ่าย!
โอ้ววว.....paradise on earth!!!

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #305 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2551, 23:26:09 »

เรื่องสนุกๆ ของคณิตศาสตร์

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

1. คีย์ตัวเลข 3 ตัวแรกของเบอร์มือถือคุณในเครื่องคิดเลข ( เฉพาะเบอร์โทร.นะ ไม่รวมรหัสนำ เช่น 081, 086, 089 )

2. คูณด้วย 80

3. บวก 1

4. คูณด้วย 250

5. บวกด้วยตัวเลข 4 ตัวที่เหลือของเบอร์มือถือ

6. บวกด้วยตัวเลข 4 ตัวที่เหลือของเบอร์มือถือ อีกครั้ง

7. ลบ 250

8. สุดท้ายหารด้วย 2


ใช่เบอร์มือถือของคุณรึเปล่าเอ่ย ?
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #306 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2551, 23:39:08 »

จำเบอร์มือถือไม่ได้ บวก ลบ คูณ หารถอยหลัง กลับไปหาเบอร์ตัวเองได้ป่าวคะ??
เริ่มที่ไหน??

nn.(วอน!)
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #307 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2551, 00:41:15 »

NN ... คำว่า " วอน " ตัวเล็กจิ๋วหลิวที่อยู่ในวงเล็บน่ะ  " พูดอีก ก็ถูกอิฐ "  sure ! ... แต่ศาลก็เห็นใจนะ  เพราะหนิงไม่เคยพกพาโทรศัพท์แบบพกพาเล้ย  ใครจะไปจำเบอร์โทร.ได้ล่ะ

น้ำอะก็ได้

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

 

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #308 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2551, 22:19:16 »

เจี๊ยบพิมพ์ชื่อเรื่องที่แล้วตกไปคำนึง ... ได้ไง ? ... ชื่อเรื่อง " น้ำอะไรก็ได้ " จ้า

คนก่อนจะตาย ... ต้องเห็นนิมิตก่อน

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ " คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต " สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรับตำรา ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ

๑ ) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพระยายมราช

๒ ) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

๓ ) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน

๔ ) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นของที่เราเคยให้ทาน หรือวัดที่เราเคยทำบุญ พระที่เราเคยไหว้จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่าสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ


ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่ต้องการพิสูจน์แต่ได้ไปประสบเข้าโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ " จวน " นามสกุลจำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกณฑ์คนไปทำงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น คุณจวนก็ไปทำงานที่นี่ด้วย เมื่อเลิกสงครามก็เลิกทำงาน กลับมาก็ปรากฏว่าเป็นโรคไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรคคือเป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด

วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พอดีกลับมามีคนเขาบอกว่า " จวนป่วยหนัก " ประมาณ ๔ โมงเย็น อาตมานิมนต์พระไปเป็นเพื่อนอีก ๔ องค์ ที่นำพระไปด้วยก็คิดว่าคนป่วยหนักถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นกุศลคนนั้นจะไปสวรรค์

พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจริงๆ หายใจช้าๆ แล้วก็เบาลงๆ อาตมาไปนั่งข้างๆ เรียกชื่อ
" จวน จำฉันได้ไหม " ท่านเหลียวหน้ามาพยักหน้าตอบว่า
" จำได้ " เสียงเบามาก จึงถามเธอว่า
" เวลานี้เห็นอะไรไหม ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง " ท่านก็ตอบว่า
" เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า " ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟมาก เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่าท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตอย่างนี้ถ้าเห็นตายแล้วไปนรกทันที ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า
" จวน ภาวนาว่าพุทโธได้ไหม " เธอส่ายหน้าบอกว่า
" คิดไม่ออก " อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว่า
" มีสตางค์ไหม " เธอก็ตอบว่า
" มี " ก็เลยบอกว่า
" ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม " เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือแล้วบอกว่า
" จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกับพระ ๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ ให้คิดว่าของต่างๆ ในวัดทั้งหลายที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ก็ดี เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท " ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระ ๔ องค์ว่า
" คุณทั้งหลายถ้าเห็นชอบให้ สาธุ พร้อมกันนะ " พระทั้งหลายก็
" สาธุ " พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า
" จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง " ท่านก็ตอบ
" ไฟหายไปแล้ว " ถามว่า
" เห็นภาพอะไร " ท่านบอก
" เห็นภาพพระประธานในพระอุโบสถวัดบางนมโค " เพราะว่าท่านเคยบวชที่วัดบางนมโคและก็ไปทำวัตรเป็นประจำ ถามว่า
" เห็นชัดไหม " ท่านก็บอก
" เห็นชัด อยู่ใกล้มาก " เลยบอกว่า
" จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ " แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออกเสียงว่า
" พุทโธ ๆ ๆ ๆ " เบาๆ ว่าไปสัก ๓ - ๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลงแต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย ถามว่า
" จวน เวลานี้เห็นพระไหม " ท่านตอบว่า
" เห็นพระ " ถามว่า
" ชัดขึ้นไหม " ท่านก็ตอบว่า
" ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก " เลยบอกว่า
" ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็นคือภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์ " ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า
" พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระท่านก็ชี้บอกว่า วิมานนี้เป็นของเธอ " จึงถามว่า
" เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน " ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า
" ต้องการวิมานครับ " ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่อไปจึงบอกว่า
" ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่าพุทโธ " ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า
" พุทโธ ๆ ๆ ๆ "

ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับคำภาวนาและลมหายใจเข้าออก ... รวมความว่าท่านตายคู่กับพุทโธ เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง อาตมาพบมาเองหลายสิบราย และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือ วิธีนี้ เพราะว่าเวลานั้นอย่างอื่นมันแก้กันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญเขาไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทาน และวิหารทาน รวมความว่าเป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ


เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดี และถูกตัดรอนเพราะกฎของกรรมก็มี ..."
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #309 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2551, 22:53:10 »

คุ ณ คื อ ด อ ก ไ ม้ อ ะ ไ ร

อารียา - ครุ 16 ... ส่งมา






บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #310 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2551, 23:44:25 »

เสียงหัวเราะ บอกนิสัย

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา

คุณเคยรู้ไหมคะว่า เราสามารถบอกนิสัยของเจ้าของเสียงหัวเราะได้ อย่าช้ารีบมาแกะรอยนิสัยจากเสียงหัวเราะกันดีกว่าค่ะ

หัวเราะเสียงดังลั่น : คนที่หัวเราะเสียงดังลั่น ชนิดที่เรียกว่าได้ยินไปสิบบ้านแปดบ้านนั้น ผลจากการวิจัยบอกว่าเป็นคนที่จริงใจ มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว จะเรียกว่ากล้าได้กล้าเสียก็ไม่ผิดนัก เมื่อมีเรื่องคอขาดบาดตายมาให้ตัดสินใจ ก็จะทำได้อย่างรวดเร็ว สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่ง และเป็นคนที่กระตือรือร้นสูง มักมีงานนั่นงานนี่มาให้ทำอยู่เสมอ เสียแต่ว่าไม่มีความรอบคอบเท่าที่ควร

หัวเราะเสียงเบา : สำหรับคนที่หัวเราะเสียงเบา ๆ นุ่ม ๆ ทั้งหลาย บอกถึงนิสัยที่เป็นคนที่มีความระมัดระวังตัวเองสูง ค่อนข้างมีความคิดซับซ้อนอยู่ในใจลึก ๆ และมีความต้องการที่จะให้คนรอบข้างสนใจ และรู้สึกนิยมชอบพอในตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็เป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ และน้ำใจดี พึ่งพาได้ในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ

หัวเราะเสียงสูง : คนที่มีเสียงหัวเราะสูง ๆ นั้น บ่งบอกว่าเป็นคนมีจิตใจกระตือรือร้นอยู่เสมอ เรียกว่ามีไฟอยู่ตลอดเวลา สนใจเรียนรู้เรื่องแปลก ๆ ใหม่ ๆ ทุกประการ โดยเฉพาะเมื่อได้รวมกลุ่มกับคนหนุ่มคนสาว จะมีพลังในการสร้างสรรค์สูง มักทำในเรื่องสร้างความประหลาดใจต่อผู้อื่นอยู่เสมอ ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนจิตใจดี ไว้เนื้อเชื่อใจคนทุกคน และยังเป็นคนที่มีคุณธรรมในจิตใจสูงส่งอีกด้วย จะไม่ยอมทำในเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมโดยเด็ดขาด

หัวเราะเสียงหนักแน่นสม่ำเสมอ : มักเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ คาดหวังเพียงสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน ที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจสูงเพื่อผลของงานที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีจินตนาการแปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับคนอื่นได้มากทีเดียว ทั้งยังเป็นคนมีอารมณ์ขัน ที่ช่วยผ่อนคลายความเป็นคนเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่อง ไม่ให้กลายเป็นคนซีเรียสจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้ดูน่ารักขึ้นอีกมาก

หัวเราะเสียงต่ำ : ผู้ที่เสียงหัวเราะเป็นเสียงในโทนต่ำนั้น อุปนิสัยค่อนข้างเป็นคนเจ้าชู้เอาเรื่องทีเดียว ทั้งยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องความรักมากอีกด้วย ชีวิตมักวนเวียนอยู่กับเรื่องเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่พูดจาหว่านล้อมคนได้เก่ง เข้ากับผู้คนได้ง่าย มีแนวคิดที่ลึกซึ้งน่าเลื่อมใสศรัทธา และมักเผยแพร่อิทธิพลความคิดของตนได้เสมอ ซึ่งสิ่งนี้เองที่จะทำให้คนมารุมล้อมอยู่บ่อย ๆ ด้วยความนิยมรักใคร่

หัวเราะเสียงแห้ง : สำหรับคนที่เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ไม่มีชีวิตชีวานั้น บ่งบอกถึงนิสัยการเป็นคนชอบต่อสู้ และมีชีวิตอยู่ในโลกของความจริง ไม่มีอารมณ์เพ้อฝันในจิตใจเอาเสียเลย แต่ว่าในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ละเอียดลึกซึ้งทีเดียว มองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ใครที่คิดจะมาหลอกลวงอะไรไม่มีทางได้ผล แต่ว่าเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือ และเรียกร้องสิทธิเพื่อคนที่ตกทุกข์ได้ยาก มักมีชีวิตง่าย ๆ สมถะ คบหาคนด้วยเรื่องของจิตใจมากกว่าฐานะ หรือชื่อเสียงของคน ๆ นั้น

หัวเราะแล้วน้ำตาไหล : ส่วนคนที่เวลาหัวเราะแล้วจะมีน้ำตาไหลนั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มีอุดมคติ หรืออุดมการณ์นั่นเอง มักมีจิตใจที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นอย่างมาก เป็นคนเปิดเผย ร่าเริง ชื่นชมชีวิต รักทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่ว่าจะดีหรือเลว เรียกว่าเป็นที่ศรัทธาต่อการดำรงชีวิตที่ไม่ผิดเลยทีเดียว แต่ว่าถ้าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนสูง ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว และยังหวงแหนโลกส่วนตัวของตนเอามาก ๆ

หัวเราะหลายเสียง : ข้อนี้หมายถึงคนที่มีเสียงหัวเราะหลายแบบอยู่ในตัวเอง คือ สามารถหัวเราะเป็นเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ได้อย่างน่าแปลกใจ ซึ่งบ่งบอกถึงการเป็นคนที่มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี เอาใจคนรอบข้างเก่งอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นบุคลิกที่สามารถเข้ากับใครได้ง่าย ๆ ไม่ถือตัว หรือมีฟอร์มใด ๆ ทั้งสิ้น จะทำงานในหน้าที่บริหาร หรือจัดการประสานงานได้ดี
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #311 เมื่อ: 11 สิงหาคม 2551, 21:14:22 »

หัวเราะ ... ทำไม ?

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา

คุณเคยสงสัยเรื่องเสียงหัวเราะบ้างหรือเปล่า ? ทำไมคนเราถึงเปล่งเสียงแปลกๆ เหล่านั้นออกมา เสียงเหล่านั้นมีความหมายว่าอะไร เสียงหัวเราะหึๆ นั้นมาจากไหน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และน่าสนใจมากทีเดียว

เรามักคิดกันเอาเองว่า การหัวเราะเป็นพัฒนาการขั้นสูงของมนุษย์ สมองของเราทำให้เรารู้สึกสนุกเมื่อมีการเล่น หรือผวนคำแบบต่างๆ แม้ว่าการคิด มุขตลกจะคิดได้เฉพาะมนุษย์เท่านั้น แต่การหัวเราะหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งลิงชิมแปนซี กอริลลา หรือแม้แต่หนูก็หัวเราะได้ ถึงแม้ว่าสัตว์เหล่านี้จะไม่ขำกับมุขตลกของโฮเมอร์ ซิมสัน ( การ์ตูนตลกเสียดสีของคนอเมริกัน-ผู้แปล ) แต่พวกมันก็หัวเราะกันมาช้านานกว่ามนุษย์เสียอีก สิ่งนี้ชี้ให้เห็นจุดกำเนิดของการหัวเราะว่า มีอะไรมากกว่าที่คุณคาดคิด

เราอาจจะรู้ว่าอะไรทำให้เราขำจนท้องคัดท้องแข็ง แต่การที่จะรู้ว่าเพราะอะไรคนเราจึงหัวเราะนั้น กลับเป็นปัญหาที่ยากจะหาคำตอบ แทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่า การหัวเราะเป็นกิจกรรมทางสังคม “ เสียงหัวเราะเป็นเสมือนสัญญาณส่งผ่านไปยังผู้อื่น และถ้าคนเราอยู่เพียงลำพัง เสียงหัวเราะนั้นก็มลายหายไป ” โรเบิร์ต โพรวีน นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ผู้แต่งหนังสือ Laughter : A scientific investigation กล่าว และเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานวิจัยชิ้นแรกที่ทำการศึกษาอย่างจริงจังในการค้นหาว่า อะไรทำให้มนุษย์เราหัวเราะ โพรวีนพบว่าโดยทั่วไปแล้วเสียงหัวเราะเกิดจากการตอบสนองอย่างสุภาพต่อเรื่องที่คนเราพูดคุยกันทั่วไป อย่างเช่น “ มันต้อง เกิดขึ้นแน่ ” มากกว่าเรื่องตลกอื่นๆ จากการสังเกตของคณะศึกษาอีกกลุ่มก็พบว่า เสียงหัวเราะทำหน้าที่เสมือนเป็นกาวสมานทางสังคม อย่างเด็กทารกจะเริ่มขำเมื่อมีอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กเริ่มจะแยกแยะและจดจำใบหน้าของแต่ละคนได้ และวิธีที่คนเราหัวเราะก็ขึ้นอยู่กับกลุ่ม เพื่อนที่เราอยู่ด้วย อย่างพวกผู้ชายมักจะหัวเราะยาวๆ ดังๆ เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชายด้วยกัน บางทีการหัวเราะแบบนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน ส่วนผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะหัวเราะเสียงแหลม และหัวเราะบ่อยขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม ซึ่งอาจแสดงถึงความสนใจต่อเพศตรงข้าม หรือแสดงการยอมรับในอำนาจของอีกฝ่าย


 
โดยทั่วไปสิ่งที่ทำให้คนเราหัวเราะก็คือ การเล่นคำ แต่หากต้องการค้นหาต้นกำเนิดของการหัวเราะจริงๆ เราคงต้องค้นให้ลึกกว่านี้อีก โพรวีนพบว่า กุญแจสำคัญของการหัวเราะอยู่ที่การเล่น เขาคิดว่าผู้ที่เป็นเจ้าแห่งเสียงหัวเราะก็คือเด็กๆ และจะเห็นเด็กๆ หัวเราะได้อย่างชัดเจนก็ตอนที่พวกเขากำลังเล่นโหวกเหวกเสียงดังอย่างไม่มีกติกาใดๆ เขากล่าวว่า “ จุดเริ่มต้นของการหัวเราะคือการจี้ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ที่การเล่น ” การหัวเราะประกอบกับการเล่นนี้ช่วยย้อนเวลากลับไปหาบรรพบุรุษของเรา โพรวีน กล่าวอีกว่า “ เมื่อจี้ลิงชิมแปนซี มันจะมีใบหน้าที่อารมณ์ดี และเปล่งเสียงออกมา ” เสียงหัวเราะของมันจะมีลักษณะเหมือน เสียงลมหายใจหอบทางปาก

ผู้สังเกตสิ่งมีชีวิตพวกไพรเมตที่มีชื่อเสียงอย่าง ไดแอน ฟอสซี และ เจน กูดออล ได้เคยตั้งข้อสังเกตว่า ลิงชิมแปนซีหัวเราะขณะที่มีการเล่น และลิงชิมแปนซีก็มีจุดขำเช่นเดียวกับคนเรา แต่ลักษณะของเสียงหัวเราะระหว่างคนกับลิงก็ยังเปรียบเทียบกันไม่ได้ โพรวีนเคยทดสอบโดยให้นักศึกษา 119 คนของเขาฟังเสียงหัวเราะแบบพ่นลมทางปากจากเทปบันทึก มีนักศึกษาเพียงสองคนเท่านั้นที่ตอบถูกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงสัตว์อะไร ส่วนนักศึกษาที่เหลือตอบว่าเป็นเสียงหายใจทางปาก บ้างก็ตอบว่าเป็นเสียงเลื่อยกำลังเลื่อย



ความแตกต่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างการหัวเราะของคนกับลิงชิมแปนซีก็คือ เวลาที่คนหัวเราะ เสียงหัวเราะจะเกิดจากการแบ่งลมหายใจหนึ่งครั้งออกเป็นช่วงๆ เป็นเสียงฮะ ฮะ ฮ่า ในขณะที่ลิงชิมแปนซีไม่สามารถควบคุมจังหวะการหายใจได้ เสียงหัวเราะของมันแต่ละครั้งจะเป็นเสียงที่เกิดจากการหายใจเข้าหรือออกแต่ละครั้ง สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ การหัวเราะหอบทางปากของสัตว์กับการหัวเราะของคนนั้นมีจุดกำเนิดเดียวกันหรือไม่

งานวิจัยชิ้นใหม่ๆ มีแนวโน้มที่สนับสนุนว่าสิ่งที่ทำให้คน และสัตว์หัวเราะนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน การค้นพบนี้เป็นผลงานของ เอลค์ ซิมเมอร์แมน หัวหน้าสถาบันสัตววิทยาแห่งคณะสัตวแพทยศาสตร์ฮานโนเวอร์ ในประเทศเยอรมนี เขาได้เปรียบเทียบเสียงที่เกิดจากการตอบสนองต่อการจั๊กกะจี้ของเด็กทารก และโบโนโบ ( bonobo เป็นลิงชิมแปนซีชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็กกว่า ขนสีดำ เรียกอีกอย่างว่า ชิมแปนซี ปิ๊กมี่ - กองบ.ก. ) ในช่วงเวลาขวบปีแรก โดยใช้เครื่องสเปกโตรกราฟวัดระดับความสูงของเสียง เธอพบว่าทั้งโบโนโบและเด็กทารกมีรูปแบบการหัวเราะที่เหมือนกัน แต่มีระดับเสียงที่แตกต่างกัน โดยโบโนโบมีระดับเสียงที่สูงกว่า

ซิมเมอร์แมนเชื่อว่าความคล้ายคลึงกันระหว่างเสียงหัวเราะของโบโนโบและเด็กทารกสนับสนุนความคิดที่ว่า การหัวเราะถือกำเนิดขึ้นมายาวนานกว่าที่มนุษย์เราจะอุบัติขึ้นมาบนโลกนี้เสียอีก โพรวีนยังยืนยันอีกว่า “ เสียงหัวเราะฟืดฟาดของลิงชิมแปนซีได้กลายมาเป็นเสียงหัวเราะฮะฮ่าของคน ” และจุดเริ่มต้นในการปรับจังหวะผ่อนลมหายใจเกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนาน และบ่งบอกถึงความพึงพอใจ เขาสรุปว่า “ เสียงหัวเราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเล่น และมันอาจเป็นตัวอย่างที่ดีว่า เสียงหัวเราะของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดนั้นมีวิวัฒนาการมาได้อย่างไร ”

การค้นหาว่าการหัวเราะเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ คนและลิงชิมแปนซีมีบรรพบุรุษร่วมกันมาไม่ต่ำกว่า 8 ล้านปี แต่สัตว์ชนิดอื่นๆ อาจจะหัวเราะเสียงดังมาก่อนหน้านั้นก็เป็นได้ สัตว์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกไพรเมต รวมทั้งลิงกอริลลานั้นก็หัวเราะ มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าพวก แคนิดส์ ( canids สัตว์กินเนื้อวงศ์ สุนัข-กองบ.ก. ) และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่กันเป็นกลุ่มก็หัวเราะเป็นด้วย

ซิมเมอร์แมนกับเพื่อนร่วมงานของเธอได้ทดสอบในเรื่องนี้ โดยการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบว่า การหัวเราะในหมู่ฝูงสัตว์เกิดขึ้นได้อย่างไร จวบจนทุกวันนี้หลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการหัวเราะของสัตว์ นอกเหนือจากกลุ่มไพรเมต มาจากการศึกษาของ เจก แพงค์เซปป์ จากมหาวิทยาลัยโบว์ลิง- กรีนสเตต ในรัฐโอไฮโอ เขาได้ศึกษาเสียงร้องสูงแหลม และสั้นซึ่งมีความถี่เหนือเสียงของหนู ซึ่งหนูจะเปล่งเสียงนี้ขณะที่มันเล่น หรือถูกจี้ หากจะพิจารณาถึงบรรพบุรุษของหนู และคนก็จะพบว่า บรรพบุรุษร่วมระหว่างหนูและคนนั้นต่างมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 75 ล้านปีที่แล้ว



อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาที่มีอยู่ในตอนนี้ก็ยังมิได้ตอบคำถามที่ว่า เพราะอะไรคนเราจึงหัวเราะ ความจริงนักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างเพลโต กาลิเลโอ และดาร์วิน ต่างก็เคยได้ขบคิดเรื่องนี้มาอย่างน้อยเมื่อสองพันปีที่แล้ว มีความคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เสียงหัวเราะ และการจั๊กกะจี้มีจุดกำเนิดมาจากการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก ส่วนความคิดอื่นๆ ในเรื่องนี้ก็เชื่อว่า เสียงหัวเราะเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองแบบอัตโนมัติ ( รีเฟลกซ์ ) ต่อการจั๊กกะจี้ ซึ่งเป็นการป้องกันตัว กระตุ้นให้คนเราเกิดความระมัดระวังต่อสัตว์ที่กำลังคลานอยู่ตรงหน้า ที่อาจทำอันตรายต่อเราได้ หรือเป็นการบังคับให้เราปกป้องอวัยวะบางส่วน เช่น ท้อง อันเป็นอวัยวะที่บอบบาง และถูกทำอันตรายได้ง่าย เมื่อมีการต่อสู้กันด้วยมือเปล่า แต่ความคิดที่ได้รับการยอมรับในไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในหมู่นักชีววิทยาด้านวิวัฒนาการก็คือ การหัวเราะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการจั๊กกะจี้ระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงถึงความไว้วางใจในกันและกัน

การจั๊กกะจี้เพียงเล็กน้อยจะทำให้เกิดความสนุกสนาน แต่ถ้าจั๊กกะจี้นานเกินไปก็ทำให้รู้สึกทรมานได้ ความจริงแล้วในยุคกลางจะใช้วิธีจั๊กกะจี้เป็นเครื่องมือในการทรมานนักโทษ สมมติฐานนี้เริ่มจากการสังเกตว่า การจั๊กกะจี้เพียงเล็กน้อยจะทำให้เกิดความสนุกสนาน แต่ถ้าจั๊กกะจี้นานเกินไปก็ทำให้รู้สึกทรมานได้ ความจริงแล้วในยุคกลางจะใช้วิธีจั๊กกะจี้เป็นเครื่องมือในการทรมานนักโทษ ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าการจั๊กกะจี้จะทำให้เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่เรากลับตอบสนองด้วยการหัวเราะ และแสดงสีหน้าที่บอกว่า “ ช่วยจี้ต่อไป ฉันกำลังมีความสุข ” การหัวเราะจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเรารู้ว่า การจั๊กกะจี้นั้นมิใช่การทำร้ายกันแต่อย่างใด การหัวเราะโดยธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจ ทอม แฟล็มสัน นักวิจัยเรื่องการหัวเราะแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมืองลอสแองเจลิส กล่าวว่า “ การหัวเราะเป็นการแสดงโดยอัตโนมัติ และยากต่อการเสแสร้ง เป็นสัญลักษณ์แสดงความซื่อสัตย์ ”

มีข้อสงสัยที่ว่าการจั๊กกะจี้สร้างความไว้วางใจระหว่างผู้จี้กับผู้ถูกจี้จริงหรือ แฟล็มสันกล่าวว่า “ การยอมรับจะเกิดขึ้นตามมาทีหลัง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก เพราะมีผลการศึกษาในสัตว์ที่ไม่ใช่พวกไพรเมตในทำนองนี้ด้วยเช่นกัน ” แม้แต่ในพวกหนู การหัวเราะ การจั๊กกะจี้ การเล่น และความไว้วางใจถือเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ แพงค์เซปป์ บอกว่า “ หนูจะส่งเสียงแหลมสูงและสั้นแทบจะตลอดการเล่น และเสียงแหลมสูงและสั้นนี้สามารถกระตุ้นได้โดยการจั๊กกะจี้ หลังจากนั้นพวกหนูก็จะเริ่มคุ้นเคยและไว้วางใจคน ”



เราไม่มีวันรู้ว่าสัตว์ชนิดใดที่หัวเราะเป็นชนิดแรก และหัวเราะด้วยเหตุอันใด แต่เราก็มั่นใจว่าเสียงหัวเราะนั้นไม่ได้เกิดจากการตอบสนองต่อมุขตลก สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ มันเป็นเรื่องน่าขันที่ว่า จุดเริ่มต้นของการหัวเราะอาจเป็นเรื่องจริงจัง แต่เราก็เป็นหนี้บุญคุณต่อเรื่องตลก หรือการเล่นคำซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของมนุษย์เรา ในขณะที่สัตว์ประเภทอื่น หัวเราะแบบฟืดฟาด มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่สามารถควบคุมลมหายใจได้ดีพอที่จะทำเสียง ฮะ ฮะ ฮ่า ได้ แล้วการหัวเราะครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะหากไม่มีการควบคุมการหัวเราะ หรือมัวแต่หัวเราะอยู่ คนเราก็คงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างแน่นอน

โดย ... มัชฌิมา แปลจาก What are you laughing at, NewScientist, 20/27 December 2004
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #312 เมื่อ: 12 กันยายน 2551, 22:14:28 »

พี่เจี๊ยบ,
ช่วงอยู่เมืองไทย หนิงเอาหนังสือพิมพ์เยอรมันไปอ่านด้วย
เจอcolumnนึงน่าสนใจ ตั้งใจไว้ว่ากลับไป จาclickเข้าไปใน
homepageเพื่อตัดรูปประกอบพร้อมแปล...
ขอเวลาเล็กน้อยคะ..เดี๋ยวจะมาแชร์!
nn.27
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #313 เมื่อ: 12 กันยายน 2551, 22:31:44 »

ฟังเพลงไปก่อนช่วงรอคะ!
<a href="http://www.youtube.com/v/I4TnxOfHinI&amp;hl=en&amp;fs=1.swf" target="_blank">http://www.youtube.com/v/I4TnxOfHinI&amp;hl=en&amp;fs=1.swf</a>
nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #314 เมื่อ: 12 กันยายน 2551, 22:54:55 »

จ้า ... รออ่านอยู่นะเนีย ! ... ว่าแต่ว่า " หนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมัน " น่ะ  อ่านเข้าไปได้ยังไง  แทบสลบ  เพราะเกิดอาการ blur อย่างหนัก  ถึงจะมีบางคำที่ใช้เหมือนภาษาอังกฤษก็เถอะ  เช่น  musiK  salat ... แต่พี่ขอยกธงขาว

พี่ว่าสำเนียงภาษาเยอรมัน  ฟังดูเบากว่า  นุ่มนวลกว่า  แต่พูดเร็วกว่าภาษาอังกฤษนะ  เต็มไปด้วย  อุ่น  อุ๊น  หน่อย  น้อย  ... โอ่ย  โอ๊ย !  ปวดหมอง

ยิ่งภาษาฝรั่งเศสนะ  พอเห็นป้ายบอกถนนหนทางในเมืองล่ะก็  พี่เกิดอาการ " ใบ้กิน " ทันที  ไม่กล้าออกเสียง  แล้วก็หมดความพยายามที่จะอ่านในเวลาอันรวดเร็ว  ha  ha  ha !  ... ก็อารายว้า ?  เห็น Center แท้  เราออกเสียงว่า เซ็นเทอร์  เขาอ่านว่า ซองแทร์ ... เลิกกันเลย !

เอ้อ !  ภาษาอิตาเลียน ค่อยยังชั่วหน่อย  เต็มไปด้วยสระเสียงเดี่ยว  ออกเสียงตรงตามรูปสระที่เห็น  หลักการเดียวกับภาษาญี่ปุ่น  เสียอย่างเดียว  ภาษาอิตาเลียนเนี่ย  ใช้สระเปลืองชมัด  คำๆ นึงต้องมีสระตั้ง 4-5 ตัว  พูดลิ้นรัวเป็นภาษาอินตระเดียเลย

สรุปว่าภาษาอังกฤษ เจ้าเก่า  พูดสนุก  ฟังมันส์ ที่ซู้ด แหละ !  อิ อิ 
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #315 เมื่อ: 12 กันยายน 2551, 23:20:53 »

Inflation and Zimbabwe Money

สุขวสา - บัญชี ... ส่งมา

Just to release your mind and your stress.
In this world, Most people are stress ; rushing and chasing for the money ....
Some ends up fighting and killing others just because of money ...

In Zimbabwe, all the peoples having a lot of money but they're poor ....
WHY ? ?


500 million note, just printed in May 2008 ..... everybody have it .... maybe just nice for 1 breakfast / lunch ( equal to about USD 2 )


Everybody are billionaire .........


To buy food in plastic packet ...... you have to spend at least 10 million.


To buy vegetables ..... 5 million


To buy eggs ........ 6000 million


To buy chicken ..... how many million ?


If you want to eat in restaurant, please prepare the money .........


After eat, have to drinks ........


After getting montly salary ...... you need to rent a taxi or lorry to bring back the money .....


Young kid .... already become millionaire


Nobody want to count the money, just weight it ......


Otherwise, this what you should do everytime you go to shop, market, bus station etc .....


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #316 เมื่อ: 12 กันยายน 2551, 23:31:28 »

ไม่ใช่เพราะไอคิว ... สงครามระหว่างเพศ เหตุจากสมอง

จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา

ทำไมผู้ชายคุยไป-ดูทีวีไป ไม่ได้

ผู้หญิงถนัดนักเรื่องการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน อาทิ เขียนรายการของที่จะซื้อ พร้อมกับทำกับข้าว และบอกสามีให้ดูลูกทำการบ้าน การสแกนสมองบ่งบอกว่า สมองผู้หญิงไม่เคยว่างเปล่าแม้ยามหลับ ในทางตรงข้าม ผู้ชายมักพบว่าเวลาถูกขอให้โทรศัพท์ระหว่างดูทีวีเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง

นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า สมองซีกซ้าย และขวาของคนเราเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยกลุ่มเส้นประสาทที่เรียกว่า corpus callosum โรเจอร์ กอร์สกี้ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในแอลเอ ยืนยันว่าสมองของผู้หญิงมี corpus callosum หนากว่าผู้ชาย 10% และมีการเชื่อมต่อระหว่างสมองสองซีกมากกว่าผู้ชาย 30% ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่าหญิง-ชายใช้สมองคนละส่วนกันเวลาทำงานอย่างเดียวกัน สมองของผู้ชายพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มุ่งเน้นกับงานเพียงงานเดียว ขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำการเชื่อมต่อสมองซีกซ้ายและขวามากขึ้น

ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ยิ่งสมองสองด้านเชื่อมต่อกันมากแค่ไหน คนๆ นั้นยิ่งมีความเป็นเลิศด้านภาษามากขึ้น และยังอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้หญิงจึงสามารถปฏิบัติภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ผู้หญิงจะขอให้สามีทำอะไรให้ ควรเลือกจังหวะให้ดี และมอบหมายภารกิจให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 
ทำไมผู้ชายโกหกไม่สำเร็จ

การศึกษาภาษากายพบว่า ในการสื่อสารแบบเผชิญหน้า สัญญาณที่ไม่ใช่คำพูดมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของสาส์นถึง 60% อีก 30% เป็นหน้าที่ของน้ำเสียง และ 10% ที่เหลือถึงเป็นถ้อยคำ ผู้หญิงมีทักษะในการเลือกสรร และวิเคราะห์ข้อมูลนี้มากกว่าผู้ชาย โดยสมองสองซีกจะส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรวบรวม และถอดรหัสถ้อยคำ ภาพที่เห็น และสัญญาณอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่คือคำอธิบายว่า เหตุใดผู้ชายจึงโกหกผู้หญิงซึ่งๆ หน้าไม่สำเร็จ แต่ผู้หญิงกลับทำพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ได้ง่ายดาย และเนียนเหลือเกิน

ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคิดจะตุกติก หนุ่มควรใช้วิธีโทรศัพท์ ส่งจดหมาย ปิดไฟ หรือคลุมโปงคุยกับแฟนมากกว่า


ทำไมผู้หญิงมีปัญหาเวลาจอดรถขนานฟุตบาธ

งานวิจัยที่มีบริษัทสอนขับรถเป็นสปอนเซอร์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายอังกฤษมีความแม่นยำ 82% ในการถอยรถเข้าจอดขนานกับขอบถนน และ 71% ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ขณะที่ผู้หญิงได้คะแนนเพียง 22% และ 23% ตามลำดับ ทั้งที่เวลาสอบใบขับขี่ผู้หญิงจะได้คะแนนในส่วนนี้ดีกว่าผู้ชาย สาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายในการเรียนรู้ภารกิจ และทำซ้ำภายใต้สภาพแวดล้อม และเงื่อนไขที่เหมือนเดิม ทว่าในสถานการณ์จริงที่การจราจรหมายถึงชุดข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประสิทธิภาพของผู้หญิงจึงด้อยลง ขณะที่ผู้ชายมีทักษะด้านมิติสัมพันธ์สูงกว่าซึ่งเหมาะสมต่อภารกิจนี้ รวมถึงการจดจำแผนที่ในหัว และรู้ว่าต้องเลือกเส้นทางไหน

ถ้าต้องกลับไปที่เดิม ผู้ชายไม่จำเป็นต้องพึ่งแผนที่ เพราะพื้นที่สมองส่วนมิติสัมพันธ์จะบันทึกข้อมูลไว้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจึงลุกจากที่นั่งบนอัฒจรรย์เพื่อลงไปซื้อเครื่องดื่ม และกลับมาโดยไม่หลง ขณะที่เรามักคุ้นตากับภาพนักท่องเที่ยวหญิงยืนทำหน้างงใส่แผนที่ตามสี่แยก


ทำไมผู้หญิงใส่ใจความรู้สึก - ผู้ชายหมกมุ่นกับงาน

ผู้ชายมักตีค่าตัวเองจากหน้าที่การงาน และความสำเร็จ ขณะที่ผู้หญิงมองตัวเองมีค่าโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์กับคู่ครอง

ในอดีตกาล ผู้ชายเป็นผู้หาอาหาร และแก้ปัญหา ซึ่งหมายถึงภารกิจสูงสุดอยู่ที่ความอยู่รอดเฉพาะหน้า ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้าน และสร้างหลักประกันการอยู่รอดของลูกๆ แม้แต่ในยุคนี้ ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่าผู้ชาย 70-80% ยังบอกว่าส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตคืองาน และผู้หญิงในจำนวนเท่าๆ กันยกให้ครอบครัวมีความสำคัญที่สุด ผลลัพธ์คือ ถ้าผู้หญิงไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ ก็จะไม่มีสมาธิกับงาน แต่ถ้าผู้ชายไม่มีความสุขกับงาน จะปล่อยปละละเลยชีวิตคู่

เมื่อเครียด หรือรู้สึกกดดัน ผู้หญิงจะมองว่าการได้พูดคุยกับสามีเป็นรางวัลอันมีค่า แต่ผู้ชายกลับรู้สึกว่าการกระทำแบบเดียวกันรบกวนกระบวนการแก้ปัญหา ผู้หญิงอยากคุย และให้สามีกอด แต่สิ่งที่ผู้ชายอยากทำมากที่สุดคือนอนดูฟุตบอล สำหรับผู้หญิง สามีดูจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด แต่สำหรับผู้ชาย ภรรยาช่างเซ้าซี้กวนใจ หรือบางครั้งอวดรู้มากไปหน่อย

เมื่อรู้แบบนี้ สามี-ภรรยาควรหาทางสายกลางเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ราบรื่น

 
ทำไมผู้หญิงมีสัมผัสที่ 6

เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ผู้หญิงเคยถูกเผาทั้งเป็นเพราะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการทำนายแนวโน้มความสัมพันธ์ และความจริงที่ซ่อนเร้น

ในการทดลองหนึ่งพบว่า ภายในห้องที่มีสามี-ภรรยาอยู่ 50 คู่ ผู้หญิงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ โดยความสามารถนี้วิวัฒนาการมาจากหน้าที่การดูแลบ้านในอดีตกาล ทำให้ผู้หญิงสามารถฟันธงได้ว่าคู่ไหนรักกันดี คู่ไหนมีปัญหา และผู้หญิงคนไหนน่าคบ หรือว่าต้องระวัง

ขณะที่ผู้ชายกลับกวาดสายตาทั่วห้องเพื่อหาทางเข้า-ทางออก ซึ่งมาจากสัญชาติญาณในอดีตในการประเมินแนวโน้มการถูกโจมตี และทางหนีทีไล่ หลังจากนั้น จึงค่อยมองหาคนรู้จัก หรือคนที่อาจเป็นศัตรู แล้วค่อยพินิจพิเคราะห์โครงสร้างห้องเพื่อหาจุดที่มีปัญหา และต้องการการซ่อมแซม


ทำไมผู้หญิงชอบสับสนซ้าย-ขวา

ความที่ใช้สมองทั้งสองด้านไปพร้อมกัน ผู้หญิงหลายคนจึงมีปัญหาเรื่องมือขวา-มือซ้าย ในการศึกษาพบว่า ผู้หญิงราว 50% นึกไม่ออกว่ามือซ้าย หรือมือขวา ถ้าไม่ได้เหลือบตาลงมอง ทว่าผู้ชายที่ใช้สมองทีละซีกตอบโจทย์นี้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงทั่วโลกจึงมักถูกเพศตรงข้ามบ่น เพราะชอบบอกให้เลี้ยวขวา ทั้งที่จริงๆ แล้วหมายถึงเลี้ยวซ้าย

ทำไมผู้ชายไม่ชอบถามทาง

เรื่องนี้เกี่ยวกับทัศนคติที่ฝังรากมาแต่ดึกดำบรรพ์ ที่ผู้ชายต้องออกสำรวจภูมิประเทศรอบๆ ถ้ำ เพื่อจะได้กลับบ้านถูกเวลาออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาเลี้ยงครอบครัว ลูกเมียต่างหิวโหย แต่เชื่อมั่นว่าพ่อบ้านจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จเหมือนเช่นทุกครั้ง ดังนั้นผู้ชายจึงไม่สามารถแสดงอาการกลัวออกมาให้ครอบครัวเห็น และมองว่าการขอความช่วยเหลือหมายความว่าการปฏิบัติภารกิจล้มเหลว

ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผู้ชายขับรถออกไปนอกบ้านคนเดียว เขาอาจจอดถามทาง แต่การทำแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิง จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงต้องระวังไม่ทำให้ผู้ชายรู้สึกผิดเวลาคุยปัญหากัน ขณะเดียวกันผู้ชายก็จะต้องเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษ แต่ต้องการช่วยแบ่งเบา จึงไม่ควรเก็บปัญหาไว้หนักอกคนเดียว
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #317 เมื่อ: 13 กันยายน 2551, 16:38:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 12 กันยายน 2551, 22:54:55
จ้า ... รออ่านอยู่นะเนีย ! ... ว่าแต่ว่า " หนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมัน " น่ะ  อ่านเข้าไปได้ยังไง  แทบสลบ  เพราะเกิดอาการ blur อย่างหนัก  ถึงจะมีบางคำที่ใช้เหมือนภาษาอังกฤษก็เถอะ  เช่น  musiK  salat ... แต่พี่ขอยกธงขาว

พี่ว่าสำเนียงภาษาเยอรมัน  ฟังดูเบากว่า  นุ่มนวลกว่า  แต่พูดเร็วกว่าภาษาอังกฤษนะ  เต็มไปด้วย  อุ่น  อุ๊น  หน่อย  น้อย  ... โอ่ย  โอ๊ย !  ปวดหมอง

ยิ่งภาษาฝรั่งเศสนะ  พอเห็นป้ายบอกถนนหนทางในเมืองล่ะก็  พี่เกิดอาการ " ใบ้กิน " ทันที  ไม่กล้าออกเสียง  แล้วก็หมดความพยายามที่จะอ่านในเวลาอันรวดเร็ว  ha  ha  ha !  ... ก็อารายว้า ?  เห็น Center แท้  เราออกเสียงว่า เซ็นเทอร์  เขาอ่านว่า ซองแทร์ ... เลิกกันเลย !

เอ้อ !  ภาษาอิตาเลียน ค่อยยังชั่วหน่อย  เต็มไปด้วยสระเสียงเดี่ยว  ออกเสียงตรงตามรูปสระที่เห็น  หลักการเดียวกับภาษาญี่ปุ่น  เสียอย่างเดียว  ภาษาอิตาเลียนเนี่ย  ใช้สระเปลืองชมัด  คำๆ นึงต้องมีสระตั้ง 4-5 ตัว  พูดลิ้นรัวเป็นภาษาอินตระเดียเลย

สรุปว่าภาษาอังกฤษ เจ้าเก่า  พูดสนุก  ฟังมันส์ ที่ซู้ด แหละ !  อิ อิ 


จริงคะพี่!
แต่ภาษาดองกันเหมือนญาติพี่น้อง...
ยิ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศส-เยอรมัน-อิตาเลี่ยน...
อุตลุตไปหมด!
nn.27
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #318 เมื่อ: 16 กันยายน 2551, 00:48:35 »

จะขอแปะโป้งรอบสองคะ!
เมื่อครู่ clickเข้าไปแล้ว...
เหวออยู่ตั้งนาน หาไม่เจอ!
แต่หนิงฉีกตัวหนังสือพิมพ์ไว้คะ...ยังไงก็ตามต้นตอได้!
nn.27
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #319 เมื่อ: 16 กันยายน 2551, 01:33:53 »

น้ำดื่มที่แพงที่สุดในโลก

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา
 
น้ำดื่ม  จะว่าไปก็น้ำเปล่าเราดีๆ นี่ละครับ  ที่ผมจะนำเสนอ  ต้องแจ้งก่อนว่า น้ำ เป็นเครื่องดื่มที่มาแรงมากๆ ตามกระแสนิยมเรื่องสุขภาพ  น้ำเปล่าเลยกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ  บรรจุขวดในแบบต่างๆ  มีหลายราคา  วันนี้เรามารู้จักน้ำเปล่าในกลุ่มที่แพงที่สุดในโลกกัน  บอกก่อนนะครับว่าบางขวดแพงพอๆ กับเงินเดือนของคนบางคนทีเดียว  เริ่มจากราคาเล็กๆ ไล่ขึ้นไปนะครับ
 
Iskilde ลิตรละ 567 บาท

 
น้ำดื่มขวดนี้มาจากดินแดนโคนมเดนมาร์คครับ  เป็นน้ำแร่ที่เพิ่งค้นพบใหม่ที่เขตสงวน Messo ซึ่งแน่ละมันสะอาดและบริสุทธิ์มาก  วิธีการได้น้ำขวดนี้มาต้องเจาะลงไปใต้ดิน 50 เมตร  คล้ายน้ำแร่ยี่ห้อหนึ่งของไทย  น้ำแร่ชนิดนี้เหมาะที่จะใช้ดื่มร่วมกับสเต็กครับ  บรรจุในขวดขนาด 1 ลิตร

Finic ลิตรละ 1,312.29 บาท

 
ว่ากันว่าขวดนี้เหมาะสำหรับอาหารประเภทซูชิ  ลือกันว่ารสชาติออกหวานนิดๆ  น้ำดื่มขวดนี้สูบมาจากใต้ภูเขาไฟฟูจิ 600 เมตร โดยแหล่งน้ำนี้จะมีบางส่วนเป็นน้ำพุร้อนอีกด้วย  เชื่อกันว่าในน้ำขวดนี้อุดมไปด้วยซิลิกา ซึ่งช่วยเรื่องความงามของ ผม เล็บ และช่วยร่างกายสร้างคลอลาเจน  ชลอความแก่ชราด้วย

OGO ลิตรละ 1,512 บาท

 
เจ้าขวดกลมขวดนี้ละครับ  มันมาจากเนเธอแลนด์-ดินแดนแห่งดอกทิวลิป และกัญชาในร้านกาแฟ ที่นี่ยังมีแหล่งน้ำพุ Prise d'eau น้ำดื่มนี้ได้รับการรับรองว่ามีปริมาณออกซิเจนตามธรรมชาติสูงมากกว่าน้ำดื่มทั่วไป ดื่มแล้วให้ความสดซื่นครับ  OGO มาจากคำว่า Oxigen To Go

Mahalo Deep Sea Water ลิตรละ 1,764 บาท

 
หลายคนอาจพอรู้แหล่งกำเนิดจากชื่อแล้ว  ครับขวดนี้มาจากฮาวาย USA ครับ  ความเด่นของน้ำนี้เป็นน้ำจืดจากใต้ทะเล  ย้ำนะครับว่าใต้ทะเลไม่ใช่ใต้ดิน  น้ำชนิดนี้เกิดจากภูเขาน้ำแข็งที่ละลายตัวลงไปในทะเล  ด้วยความหนาแน่นที่ต่างกันมาก  น้ำจืดชนิดนี้ไม่ปนกับน้ำทะเลแต่นอนก้นอยู่ใต้ทะเลแทน  นั่นละครับที่มาของมัน  ซับซ้อนสุดๆ

Berg ลิตรละ 1,890 บาท

 
น้ำขวดนี้มาจากแคนาดา  มาจากธารน้ำแข็งโบราณที่กรีนแลนด์แตกตัว แล้วลอยข้ามมหาสมุทรมาให้ทางแคนาดาละลายใส่ขวดครับ  ธารน้ำแข็งแห่งนี้อายุถึง 15,000 ปี และต้องไปสกัดตอนยังไม่เกยฝั่งซึ่งยากมากครับ

ยังครับ พวกนี้น้ำจิ้มเท่านั้น  เมื่อเทียบกับ 2 ขวดสุดท้าย  เริ่มจากขวดนี้
 
420 Volcanic

 
มาฟังคุณสมบัติก่อนราคาดีกว่าครับ  น้ำขวดนี้มาจากนิวซีแลนด์-ดินแดนแห่งธรรมชาติงดงาม ฉากหลังเรื่อง ลอร์ด ออฟ เดอะริง ทั้ง 3 ภาค  น้ำขวดนี้มาจากภูเขาไฟ Tai Tapu โดยเป็นน้ำใต้ดินที่ผ่านการกรองจากหินภูเขาไฟ  แล้วฝังตัวลึกลงไป 200 เมตรครับ  ราคาเบาะๆ 3,150 บาทต่อลิตร

อย่า ........... อย่าเพิ่งอ้าปากค้างล่ะ  มาถึงอันที่แพงที่สุดครับ


Bling H2O

 
น้ำดื่มขวดนี้ได้รับการยอมรับว่าแพงที่สุดในโลก  น้ำดื่มขวดนี้ไม่มีความพิเศษด้านที่มาเหมือนขวดที่ผ่านๆ มาหรอกครับ  ความพิเศษมันอยู่ที่ตัวขวดประดับด้วยคริสตอลชวารอฟสกี้ และจุกไม้ก๊อกแท้  พร้อมด้วยสโลแกนว่า " ขวดน้ำที่คุณถือแล้วแสดงความเป็นตัวคุณเอง "


 
ตัวขวดก็ทำด้วยทรายชนิดพิเศษ  เจ้าของเป็นคนเขียนบทระดับรางวัลเอ็มมี่ที่เดียว  และแน่ๆ


 
ขวดนี้ไม่ถึงลิตร  บรรจุเพียง 750 มิลลิลิตรเท่านั้น  ราคาที่แสดงความเป็นคุณคือ 4,280 บาทครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #320 เมื่อ: 16 กันยายน 2551, 15:08:49 »

โอ,แมน...นํ้าแร่ขวดละมากกว่า20€!!!
สงสารคนปลูกไวน์จริง...เพราะกว่าองุ่นจะสุก
ตัด คั้น กลั่น กรอง บ่มได้เป็นไวนซักขวด...
ที่ให้ได้ราคาเท่าข้างบน...เป็นprocessที่ยาวววววนาน!
nn.27
บันทึกการเข้า


แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #321 เมื่อ: 20 กันยายน 2551, 12:58:20 »

พี่เจี๊ยบขา...
ตามอ่านกระทู้นี้อยู่หลายครั้ง ชอบมากค่ะ
เหมือน "สรรสาระ" ฉบับซีมะโด่ง

ถ้าแจงจะขออนุญาต copy บางเรื่อง ไปแปะที่ห้อง 24 ตามโอกาสอันควร
ไม่ทราบว่าพี่เจ๊ยบจะอนุญาตไหมคะ

รูปพี่เจี๊ยบที่งานเลี้ยงส่งน้องหนิงสวยมากเลยค่ะ
พี่เจี๊ยบใส่สีฟ้าขึ้นจังค่ะ
บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #322 เมื่อ: 20 กันยายน 2551, 20:36:02 »

น้องแจง ขา ... พี่เจี๊ยบอนุญาตแน่นอนค่ะ ( คำว่า อนุญาต ไม่ต้องแถมสระ อิ นะ ... แจงไม่ชม  พี่ก็อนุญาตอยู่แล้วล่ะน่า )  แต่ถ้าแจงจะไปช่วยประชาสัมพันธ์ที่ห้อง 2524  โดยทำ link ชวนเพื่อนๆ ให้เข้ามาอ่านกระทู้นี้  ก็น่าจะ work กว่านะคะ  เพราะแจงจะได้ไม่ต้อง copy เรื่องกะรูปไป  เป็นการทำงานซ้ำซ้อนกันสองรอบ  แถม server ของเวบหอก็ไม่ต้องเก็บรูปหลายๆ รูปเบิ้ลกัน ให้เปลืองหน่วยความจำไปเปล่าๆ  ว่ามั้ยคะ ?

พี่ทายว่าแจงคงจะชอบสีฟ้าล่ะมั้ง  ดูซิ ! แจงพิมพ์ตัวอักษรเสร็จ  ก็ยังเลือกกำหนดให้เป็นสีฟ้าเลยนี่  ขอบคุณนะคะที่ชมว่าพี่ใส่สีฟ้าแล้วขึ้น  สงสัยจะ " ขึ้นอืด " มากกว่า  อิ๊  อิ๊
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #323 เมื่อ: 20 กันยายน 2551, 21:55:11 »

Google Office

วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมาจาก USA

สำนักงาน Google เน้นให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน แบบสุดฤทธิ์สุดเดช ... เราๆ ทุกคนพอจะทราบอยู่แล้วว่า การทำงานที่Google นั้นสุดยอดขนาดไหน แต่เชื่อผมสิ ยักษ์ใหญ่วงการอินเตอร์เน็ตรายนี้เน้นให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานจริงๆ ดูได้จากภาพแคปซูลผ่อนคลายความเครียด ที่เสียง และแสงไม่สามารถผ่านเข้าไปได้


Slider สำหรับพนักงานที่ไม่อยากลงบันได หรือ ลงลิฟท์ เพื่อติดต่องานระหว่างชั้น


อาหารที่พนักงานอยากจะทาน อะไรก็ได้ เมื่อไรก็ได้ ซึ่งมีมากมายมหาศาล


โต๊ะทำงานของพนักงาน จะมีอย่างน้อย 2 จอ wide screen ใหญ่ๆ


white board ขนาดใหญ่ และยาว จะมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในสำนักงาน เพราะ Google เชื่อว่า ไอเดียดีๆ ไม่ได้มาจากการนั่งอยู่กับโต๊ะทำงาน


ห้องพักผ่อนหย่อนใจ จะมีโต๊ะพูล วีดีโอเกมส์ และ อื่นๆ มองมุมไกลๆ ตรงโน้น จะเห็นว่ามีบาร์เครื่องดื่มด้วย


การติดต่อสื่อสาร ในสำนักงานทุกๆ ชั้น จะมีตู้ส่วนตัวให้พนักงานเข้ามาคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น


ถ้าคุณมีปัญหากับคอมพิวเตอร์ของคุณ ก็นำมาที่แผนกนี้ คุณสามารถนั่งดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ระหว่างการรอซ่อม


ถ้าคุณปวดเมื่อย Google ก็จะมีพนักงานนวดเตรียมไว้ให้คุณ


ถ้าคุณต้องการพักผ่อน คุณสามารถเข้าไปห้องพักผ่อนที่มีเก้าอี้นวดไฟฟ้า พร้อมกับดูตู้ปลาที่สวยงาม เพื่อความผ่อนคลาย


มีห้องสมุดให้คุณนั่งอ่านหนังสือ พร้อมกับหนังสือที่เตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ สำหรับการค้นคว้าเรื่องต่างๆ


เป็นอย่างไรบ้างครับ สำนักงานของ Google เห็นแล้วอยากทำงานด้วยจริงๆ เลย


... จ้า ! Boss ที่ชื่อเจี๊ยบก็อยากให้คุณถามตัวเองนี๊ดนึงว่า " คุณมี idea อะไรที่จะไปขายให้ Google เค้าเห็นว่าคุ้มมาก ที่จะจ้างคุณไว้ทำงาน มั่งล่ะจ๊า ? "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #324 เมื่อ: 20 กันยายน 2551, 22:16:59 »

ศาลพระภูมิ สไตล์รีสอร์ท

จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา




บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #325 เมื่อ: 20 กันยายน 2551, 23:25:48 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 20 กันยายน 2551, 20:36:02
น้องแจง ขา ... พี่เจี๊ยบอนุญาตแน่นอนค่ะ ( คำว่า อนุญาต ไม่ต้องแถมสระ อิ นะ ... แจงไม่ชม  พี่ก็อนุญาตอยู่แล้วล่ะน่า )  แต่ถ้าแจงจะไปช่วยประชาสัมพันธ์ที่ห้อง 2524  โดยทำ link ชวนเพื่อนๆ ให้เข้ามาอ่านกระทู้นี้  ก็น่าจะ work กว่านะคะ  เพราะแจงจะได้ไม่ต้อง copy เรื่องกะรูปไป  เป็นการทำงานซ้ำซ้อนกันสองรอบ  แถม server ของเวบหอก็ไม่ต้องเก็บรูปหลายๆ รูปเบิ้ลกัน ให้เปลืองหน่วยความจำไปเปล่าๆ  ว่ามั้ยคะ ?

พี่ทายว่าแจงคงจะชอบสีฟ้าล่ะมั้ง  ดูซิ ! แจงพิมพ์ตัวอักษรเสร็จ  ก็ยังเลือกกำหนดให้เป็นสีฟ้าเลยนี่  ขอบคุณนะคะที่ชมว่าพี่ใส่สีฟ้าแล้วขึ้น  สงสัยจะ " ขึ้นอืด " มากกว่า  อิ๊  อิ๊

ขอบพระคุณค่ะพี่เจี๊ยบ
(แจงแก้คำว่า "อนุญาต" แล้วนะคะ พิมพ์เพลินไปหน่อยค่ะ ขออภัยนะคะ แหะ แหะ)

จริงๆแล้วแจงตั้งใจจะแปะ link นั่นแหละค่ะ พี่เจี๊ยบ
แต่สไตล์ห้อง 24 ต้องมีทีเซอร์ก่อน แล้วถึงแปะ link ให้มาตามอ่านรายละเอียด
ไม่งั้นไม่มากันค่ะ
เลยต้องขออนุญาตมาตัดบางส่วนไปทำทีเซอร์ ล่อเพื่อนๆค่ะ

แจงชอบสีฟ้าจริงๆค่ะพี่เจี๊ยบ แต่ใส่ไม่ขึ้นเลยค่ะ
เห็นใครขาวๆ ใส่สีฟ้าขึ้น แจงชอบโม้ด...ด เลยค่ะพี่
บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #326 เมื่อ: 21 กันยายน 2551, 02:49:13 »

ว่าแต่...ศาลพระภูมิข้างบน พี่ไปเอามาจากไหนคะ??
เห็นแล้วนึกถึง south sea!

nn.
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #327 เมื่อ: 21 กันยายน 2551, 14:02:44 »

6 Babies After Twin Daughters

พูลศรี Algaier - ครุ ... ส่งมาจาก Saipan

This is the true story from the show 'Jon & Kate Plus Eight'. They are cute aren't they ? Ha ha ha …. If you get to, watch Astro during the weekend in channel 733 DH & H. I can't really remember the dates but this show is really cute ! The 6 babies are 3 years old now. Smarter and cheeky ! Haa ha hah …. See how big they are already…









บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #328 เมื่อ: 21 กันยายน 2551, 16:04:04 »

โอยโย๋...ค่าครองชีพยิ่งแพงๆอยู่!
พี่เจี้ยบ เค้าไม่ได้บอกเหรอคะ giftหรือธรรมชาติ??
เสี่ยงชีวิตนะคะนั่น สำหรับคนเป็นแม่!
nn.27
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #329 เมื่อ: 26 กันยายน 2551, 03:34:24 »

Amazing !  คลอด 2 ครั้ง ได้ลูกน่ารัก หน้าตาเหมือนๆ กันมา 3 กลุ่ม = 8 คน ... อุ่นหนาฝาคั่งในเวลาไม่กี่ปีเอง ... เด็กๆ ล้วนเป็นแฝดเหมือน ( identical twin คือ เพศเดียวกัน  หน้าตาเหมือนกัน ) ... ต้องคอยติดตามข่าวว่าครอบครัวนี้จะเข้าวงการบันเทิง หรือวงจรการตลาด เมื่อไหร่ ?

เปลี่ยน mood มาอ่านเรื่องใหม่กันหน่อย นะคะ

เทคนิคการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ ( ที่มีเบอร์ต่อ )

เทคนิคการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ ที่มีเลขให้กดต่อ  เมื่อโทร.ติดแล้ว เพื่อให้โทรศัพท์มือถือของคุณกดเลขต่อนั้นให้โดยอัตโนมัติ ( มือถือของคุณทำได้ทันที ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม )
 
ตัวอย่างเช่น คุณต้องการบันทึกเบอร์ 02-123-4567 ต่อ 101 หากใช้เทคนิคนี้  โทรศัพท์มือถือของคุณจะฉลาดพอที่จะกดที่ไปที่หมายเลข 02-123-4567 ก่อน  จากนั้นเมื่อโทร.ติดแล้วจะเว้นช่วงนิดนึง  และจะกดหมายเลข 101 ให้คุณอัตโนมัติทันที โดยที่คุณไม่ต้องกดปุ่มอะไรเพิ่มเติมเลย  คุณสามารถบันทึกหรือ mem เบอร์โทรศัพท์ที่ต้องกดหมายเลขต่อได้อย่างง่ายๆ โดยการใส่ตัว อักษร p คั่นเอาไว้ ระหว่างเบอร์โทรศัพท์ และเบอร์ต่อ
 
ตัวอย่างเช่น : หากต้องการจะ mem เบอร์ 02-123-4567 ต่อ 101 ก็ให้คุณ mem เป็นเบอร์ 021234567 p 101 เป็นต้น  เมื่อคุณทำการโทร.ออกไปที่เบอร์ที่ mem นี้ โทรศัพท์มือถือของคุณจะโทร.ไปที่หมายเลข 021234567 ก่อน  จากนั้นเมื่อโทร.ติดแล้วจะเว้นช่วงนิดนึง  และจะกดหมายเลข 101 ให้คุณอัตโนมัติทันที





บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #330 เมื่อ: 26 กันยายน 2551, 10:52:33 »

The Parrot Flower

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมาจาก Saipan

THE PARROT FLOWER

This is a flower from Thailand . It is also a protected species and is not allowed to be exported. This will be the only way we will be able to view this flower. Prepare to be amazed :

THE VERY RARE PARROT FLOWER.





บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #331 เมื่อ: 27 กันยายน 2551, 01:38:26 »

พี่เจี๊ยบคะ
ต้องขอโทษอย่างยิ่งที่รับปากจะร่วมแชร์สิ่งน่ารู้ในกระทู้นี้
หลังจากหาข้อมูลจนเจอ พบว่า เกี่ยวข้องกับเยอรมันีที่เดียว
หนิงจึงเก็บไว้ที่กระทู้ GFG IIIดูจะเหมาะสมกว่า.
แต่จะ linkให้ทุกคนที่ผ่านมานี่ เข้าไปอ่านได้เลย.

nn.27

http://www.cmadong.com/board/index.php?PHPSESSID=ti70d3n840uivk1ssb2seevml2&topic=2502.msg150457;topicseen#new
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #332 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2551, 12:30:42 »

จ้า ! ... ตามไปอ่านมาแล้ว ได้ความรู้มากมาย  คน post ก็ช่างมีวิริยะอุตสาหะแท้ๆ เชียว

การส่งต่อ email โดยลด mail ขยะ

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

พี่ น้อง เอ๊ย ย ย ย ย ย ย ...........

คุณส่งต่อ email เป็นไหม ? เป็นเหรอ ? แน่ใจนะครับ ?
 
คุณว่า คุณรู้วิธีการส่งต่อ e-mail ไหม ? เชื่อไหมว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้  แล้วคุณเคยสงสัยไหม ว่าทำไมคุณถึงได้รับไวรัส  หรือเมล์ขยะอยู่บ่อยๆ  คุณไม่ชอบใช่ไหมล่ะ ?
 
ทุกครั้งที่คุณส่ง email มันจะยังมีข้อมูลที่หลงเหลือจากคนที่ได้รับ e-mail นั้นก่อนหน้าคุณอยู่  อย่างพวกชื่อ และ e-mail address นั่นไง  ยิ่งเมล์นั้นถูกส่งต่อไปมากเท่าไร  รายชื่อก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น  มันมีโอกาสเยอะที่เมล์นั้นจะผ่านเข้าไปในเครื่องคอมฯ ที่มีไวรัส  แล้วไวรัสนั้นก็จะถูกส่งไปยังทุก address ที่ผ่านเข้าไปในคอมฯ เครื่องนั้น ... หรือบางคนก็อาจจะเอา address เหล่านั้นไปขาย หรือส่งเมล์ขยะไปให้  โดยหวังว่าคุณจะเข้าไปที่ website นั้น แล้วเขาก็จะได้เงินสัก 5 เซนต์จากการเข้า web ของคุณ ...ใช่แล้ว  ที่คุณต้องมายุ่งยากขนาดนี้  ก็เพียงเพราะบางคนอยากได้เงินไม่กี่ตังค์นั่นแหละ

 
งั้นจะทำยังไงดีล่ะ  ก็มีขั้นตอนง่ายๆ อยู่นะ
 
1. เมื่อคุณจะส่งต่อ email  ให้ลบชื่อและ address ทั้งหมดในตัว body ของ email นั้นออกไปให้หมด  ใช่แล้ว  ก็ที่อยู่ตรงส่วนต้นของ email นั่นแหละ highlight มันซะ  แล้วจะกด delete จะกด backspace หรือจะเลือก cut ทำด้วยวิธีไหนก็ได้ที่คุณรู้ ให้มันหายไปซะ ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเอง ... แต่อย่าลืมว่าก่อนจะลบ คุณต้องกด forward จากตัวเมล์ที่คุณอ่านซะก่อน  ถึงจะเข้าไปลบมันได้เต็มที่นะ
 
2. ถ้าคุณจะส่งให้กับผู้รับมากกว่า 1 คน อย่าใส่ชื่อพวกเขาในช่อง " To : "  หรือ  " Cc : " แต่ให้ไปใส่ที่ช่อง " Bcc : " (Blind Carbon Copy)  เมื่อคุณส่งด้วยวิธีนี้  คนที่ได้รับเมล์ของคุณจะเห็นคำว่า " ไม่เปิดเผยผู้รับ " ( Undisclosed Recipient ) ในช่อง " To : " ของเขา  วิธีการนี้ทำให้คุณไม่ต้องเปิดเผย address ที่คุณมีอยู่ในคนอื่นรู้
 
3. เอาคำว่า " Fw : " ออกจากช่อง subject ซะ  คุณอาจจะเปลี่ยนชื่อหัวข้อซะใหม่  หรือแก้ไขตัวสะกดก็ย่อมได้  

4. ข้อนี้สำคัญมาก  กรุณากดปุ่ม Forward จากหน้าที่คุณได้อ่านเมล์จริงๆ เท่านั้น  คุณเคยได้รับเมล์ที่ต้องเปิดเป็นสิบๆ หน้า  กว่าจะถึงตัวเมล์จริงๆ ไหม  ถ้าคุณกดปุ่ม Forward จากหน้าที่คุณได้อ่านจริง  จะทำให้คนที่ได้รับเมล์ไม่ต้องเปิดเป็นสิบๆ หน้า  กว่าจะถึงหน้าที่เราอยากให้เขาอ่าน  การที่ต้องเปิดกันหลายๆ ชั้นแบบนี้แหละ  เป็นโอกาสอันดีเลยเชียวที่จะทำให้คุณติดไวรัสล่ะ ... ข้อนี้สำคัญจริงๆ นะ
 
5. สิ่งที่น่าเบื่อสุดๆ อีกอย่างหนึ่งคือ  เมล์ที่ชอบเขียนประมาณว่า " ส่งเมล์นี้ต่อให้อีก 10 คนแล้วคุณได้เห็นอะไรน่ารักๆ บนหน้าจอของคุณ "  หรือถ้าไม่ส่งจะโชคร้าย  อะไรทำนองนั้น  บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นมาหรอก  เชื่อเหอะ  อย่าจิตอ่อนไปหน่อยเลย ! ... จนทุกวันนี้ยังเห็นเมล์ที่เคยรอดูอยู่เมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่เลย  ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ... อ้อ !  แล้วพวกความโชคร้ายต่างๆ ผมก็ไม่เคยกลัวหรอกนะ  เจอเมื่อไร  ลบเมื่อนั้น

6. ก่อนจะส่งเมล์เตือนอะไรทั้งหลาย  เช่น  เตือนภัยไวรัส  ช่วยเช็คก่อนส่งต่อสักนิดก็ดี  ถึงบางเรื่องจะจริง  แต่ส่วนใหญ่เป็นเมล์ขยะที่ลอยไปลอยมาอยู่ใน net มาตั้งหลายปีแล้ว

 
เอาล่ะ  ทีนี้ถ้าคุณจะส่งเมล์นี้ต่อ  ก็อย่าลืมเอา Address ของผมออกก่อนนะครับ  ที่จริงมันก็เป็นเมล์ที่ควรจะส่งต่อใช่มั้ยล่ะ ?
 


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #333 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2551, 23:23:54 »

วิธีพิมพ์งานตอนคีย์บอร์ดเสีย

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

คืนนั้นราวๆ ตีสามได้  เรากำลังปั่นงานอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย  พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  อยู่ดีๆ ปุ่ม " ส.เสือ " มันเจ๊ง ... ทำไงดี ... เราพิมพ์สอเสือไม่ได้  ขวัญกระเจิงเลยค่ะ โทรศัพท์ไปถามเพื่อนว่ามีคีย์บอร์ดให้ยืมสำรองไหม  ปรากฎว่าเจ้าเพื่อนใจดีช่วยบอกเคล็ดวิชามาข้อหนึ่ง  ทำให้คืนนั้นเราสามารถพิมพ์สอเสือได้ทั้งๆ ที่คีย์บอร์ดยังเสียอยู่

ก่อนอื่นให้คลิกที่ปุ่มสตาร์ท ( start ) เลือกที่รัน ( run ) เมื่อปรากฏรูปขึ้นมาแล้วให้พิมพ์คำสั่งว่า OSK ( เพื่อนเราบอกว่าย่อมาจาก On-Screen Keyboard ) ผลที่ได้คือคีย์บอร์ดเสมือนบนหน้าจอ  คุณสามารถเลือกคลิกตัวอักษร หรือปุ่มต่างๆ ได้เลย


( รู้แล้วค่ะว่าเอามะพร้าวมาขายสวนหนุงหนิง  ก็หนิงใช้พิมพ์ข้อความเป็นข้าวตอกแตกอยู่นี่ไง  แต่เอามาเผื่อคนที่อยากรู้วิธีพิมพ์แบบหนิงมั่งน่ะซี )
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #334 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2551, 17:52:52 »

อย่าตกยุค

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมาจาก Saipan

นาฬิกาบนเล็บจาก Timex


ไอพอด นาโน ตัวใหม่ และไอพอด ทัช รุ่นล่าสุด


นาฬิกาสำหรับดูตารางเวลารถไฟโดยเฉพาะ ( ของไทยใช้ดูรถเมล์แทนแล้วกัน )


กล้อง DSLR รุ่นใหม่จาก โอลิมปัส มีขนาดเล็กเพียง 4.7 x 2.5 x 1.2 นิ้ว ( ต่างกับกล้องของตากล้องมืออาชีพ ที่เน้นแต่สีดำ บึ้ก และหนักๆ )


ถุงมือเปียโน ราคาประมาณ 2,100 บาท  มันคือถุงมือที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนพื้นที่เรียบๆ ทุกแห่งในโลกให้กลายเป็นเปียโนหลังใหญ่ และใช้ทักษะการฝึกเปียโนไม่ว่าจะแบนด์ไหนก็ตามมาเล่นโชว์ได้ พร้อมจังหวะมาตรฐาoอีก 30 แบบ ชาร์จไฟผ่านสาย USB  ตัวเครื่องทำจากวัสดุที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม  โดยถุงมือจะเชื่อมต่อกับลำโพง  เพื่อให้คุณโชว์ผลงานให้คนทั้งบ้านได้ปรบมือตามกันได้


บอกรักทุกครั้งที่คลิกเม้าส์  เหมาะมากสำหรับคนเริ่มกิ๊กกัน  ทุกครั้งที่คลิก เม้าส์จะพูดว่า " ไอ เลิฟ ยู "


ธัมป์ไดรฟ์ไร้ฝาจากชวารอฟสกี้  Jet Flash V95 C แท่งบันทึกข้อมูลความจุ 8 GB  และสะดุดใจผู้พบเห็นตรงที่คริสตัลเม็ดงามอยู่ตรงกลางแท่งนี่แหละ  เหมาะสำหรับคนที่มีแฟนสาวเป็นโปรแกรมเมอร์อย่างยิ่ง


ฮาร์ดดิสก์รุ่นพก


ที่เห็นนี้คือฮาร์ดดิสก์รุ่นพกพาตรา Buffaro แบรนด์ของญี่ปุ่น แต่ภายในของเกาหลี ( ซัมซุง ) ดูมีตระกูลจากตัวเครื่องที่เงาวับ ขนาดประมาณนามบัตร ราคา 4,000 บาท สำหรับ 30 GB และ 5,600 บาท สำหรับ 60 GB

ผ้าผสานเส้นใยเรืองแสง  หนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดจากฟิลลิปส์  เหมาะกับใช้ในเชิงการค้า เช่น เสื้อพนักงานเสิร์ฟในผับ จะได้มองเห็นได้ชัด  หรือผู้ที่ต้องทำงานกลางดึก เช่น ซ่อมท่อน้ำ

 
หูฟังบลูทูธที่เอาชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบใหม่ ให้ดูออกแบบวิกตอเรีย เท่ไม่ซ้ำใคร


แหล่งเสียบ USB


เครื่องเล่นซีดีรูปพระพิฆเณศสวมอดิดาสนี้พบได้ที่มุมไบ อินเดีย โดยนักเดินทางจากเนชั่นแนล จีโอกราฟิก


สำหรับคนรักแมวมืออาชีพ  นั่งมองมันได้ตลอดเวลา แค่ติดตั้ง " ชั้นวางแมว " ที่โต๊ะทำงานของคุณ  ประโยชน์อีกอย่างของ " ชั้นวางแมว " ก็คือการป้องกันที่มันจะมาทำซ่าส์อะไรแบบนี้ บนโน้ตบุ๊คของคุณด้วย


เซียนโหลดบิทต้องรีบคว้ามาสักเครื่องแล้ว  ฮาร์ดดิสก์พกพาจาก Western Digital รุ่น My Passport Elite เล็ก บาง หรู มีความจุตั้งแต่ 250, 320, 450, 500 กิกะไบท์เลยทีเดียว  มี 4 สีให้เลือก เงิน น้ำตาล น้ำเงิน และแดงเลือดนก


อุปกรณ์แนวร็อกนี้ทำหน้าที่เป็นที่เก็บแฮนดี้ไดรฟ์อย่างเดียว


Peek อุปกรณ์รับส่งอี-เมล์อย่างเดียว


" Scan Toaster " ส่งข่าวตรงบนหนมปัง !

เสียบปลั๊กเครื่องปิ้งขนมปังสุดล้ำเข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสายยูเอสบี ก็จะดาวน์โหลดข่าวเช้า หรือ สภาพอากาศประจำวัน  และพิมพ์ลงหน้าแผ่นขนมปังได้ทันที ( การประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์ของอิเล็กโทรลักซ์ ออกแบบโดย  Sung Bae Chang )


บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #335 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2551, 18:04:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 16 ตุลาคม 2551, 23:23:54
วิธีพิมพ์งานตอนคีย์บอร์ดเสีย

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

คืนนั้นราวๆ ตีสามได้  เรากำลังปั่นงานอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย  พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  อยู่ดีๆ ปุ่ม " ส.เสือ " มันเจ๊ง ... ทำไงดี ... เราพิมพ์สอเสือไม่ได้  ขวัญกระเจิงเลยค่ะ โทรศัพท์ไปถามเพื่อนว่ามีคีย์บอร์ดให้ยืมสำรองไหม  ปรากฎว่าเจ้าเพื่อนใจดีช่วยบอกเคล็ดวิชามาข้อหนึ่ง  ทำให้คืนนั้นเราสามารถพิมพ์สอเสือได้ทั้งๆ ที่คีย์บอร์ดยังเสียอยู่

ก่อนอื่นให้คลิกที่ปุ่มสตาร์ท ( start ) เลือกที่รัน ( run ) เมื่อปรากฏรูปขึ้นมาแล้วให้พิมพ์คำสั่งว่า OSK ( เพื่อนเราบอกว่าย่อมาจาก On-Screen Keyboard ) ผลที่ได้คือคีย์บอร์ดเสมือนบนหน้าจอ  คุณสามารถเลือกคลิกตัวอักษร หรือปุ่มต่างๆ ได้เลย


( รู้แล้วค่ะว่าเอามะพร้าวมาขายสวนหนุงหนิง  ก็หนิงใช้พิมพ์ข้อความเป็นข้าวตอกแตกอยู่นี่ไง  แต่เอามาเผื่อคนที่อยากรู้วิธีพิมพ์แบบหนิงมั่งน่ะซี )

ขอบคุณมากครับคุณครูเจี๊ยบ แต่ถ้าคีย์บอร์ดเสีย จะพิมพ์ OSK ได้อย่างไรน้อ (อันนี้เคยสงสัยนานแล้วครับ) และคอนเฟิร์มครับว่า OSK ย่อมาจาก On screen keyboard จริงๆครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #336 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2551, 18:37:58 »

เอ,พี่ลำบากอีกแล้วสิเนี่ย..แล้วภาษาเยอรมันอะไรอีก!!
p.nn
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #337 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2551, 11:53:23 »

โทรศัพท์มือถือของคุณผลิตจากแหล่งมาตราฐานหรือเปล่า ?
 
พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

ถ้าอยากรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของคุณเป็นของแท้หรือไม่ ? ... ให้กดเครื่องหมาย  *#06#  หมายเลขรหัส ( Serial number ) จะปรากฎขึ้นมา โปรดดูหมายเลขหลักที่ 7 และ 8 ดังนี้  1 2 3 4 5 6 7th 8th 9 10 11 12 13 14 15

- หากหมายเลขที่เจ็ด และแปดเป็น 02 หรือ 20 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบในประเทศจีน ซึ่งมีคุณภาพต่ำ

- หากหมายเลขที่เจ็ด และแปดเป็น 08 หรือ 80 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศเยอรมนี ซึ่งมีคุณภาพปานกลาง

- หากหมายเลขที่เจ็ด และแปดเป็น 01 หรือ 10 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีคุณภาพดีมาก

- หากหมายเลขที่เจ็ด และแปดเป็น 00 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านเป็นของแท้ ที่ผลิตจากโรงงานผลิตโดยตรง ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุด

- หากหมายเลขที่เจ็ด และแปดเป็น 13 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบที่ประเทศอาเซอร์ไบจัน  ซึ่งมีคุณภาพเลว และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #338 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2551, 11:24:34 »

ใช้ยาอะไรกันอยู่ ? ตรวจสอบข้อมูลยา และวิธีใช้ที่ถูกต้องผ่านเว็บไซต์ Ya&You ได้แล้ว

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา



       เปิดใช้งานแล้วเว็บไซต์ " Ya&You " ให้ผู้ป่วยตรวจสอบยาในมือ เพื่อการใช้ยาที่ถูกต้อง-ลดผลข้างเคียงจากยา โดยสามารถสืบค้นได้ทั้งชื่อยาสามัญและการค้า  รวมถึงวิธีใช้  ผลข้างเคียง ระบุมีข้อมูลยาในไทยแล้ว 17,000 เลขทะเบียนยา
      
       ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ( เนคเทค ) ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา ( มูลนิธิ วพย. ) แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ " ยากับคุณ " ( Ya&You ) www.yaandyou.net ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 3 พ.ย.51 หลังจากได้ลงนามความร่วมมือไปก่อนหน้านี้ โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีเป็นประธานในงาน
      
       ผศ.ภญ.ดร.ภูรี อนันตโชติ กรรมการมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ภายในงานแถลงข่าวว่า พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้นมา เนื่องจากไม่มีเว็บไซต์ข้อมูลยาที่เป็นภาษาไทย หรือมีก็เป็นข้อมูลที่น้อยมาก ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับยาเป็นภาษาอังกฤษมีค่อนข้างมาก ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่การกินยาต้องอยู่กับเราอีกนาน จึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับยา
      
      " หลักๆ คือได้ยามาแล้วต้องรู้อะไรบ้าง ต้องกินอย่างไร ถ้ามียาอยู่ในมือแล้วจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม และข้อมูลจากเว็บไซต์จะช่วยเตรียมพร้อมก่อนไปพบแพทย์ว่าต้องถามอะไรกับแพทย์ บ้าง เพราะเรามีช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้คุยกับแพทย์จึงต้องใช้ช่วงเวลานั้นให้เต็มที่ ทั้งนี้มีงานวิจัยของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ในสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้งานถึง 30% จากค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคทั้งหมด " ผศ.ภญ.ดร.ภูรีกล่าว
      
       ทั้งนี้ในความร่วมมือทางมูลนิธิ วพย.เป็นฝ่ายเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยา  ส่วนทางเนคเทคเป็นฝ่ายพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที โดยข้อมูลภายในเว็บไซต์ระบุเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา ชื่อยาสามัญ ชื่อยาทางการค้า วิธีการใช้ โดยเป็นยาที่มีใช้เฉพาะในเมืองไทย  และส่วนใหญ่เป็นยาเม็ด  ส่วนยาสามัญประจำบ้าน อย่างยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดงนั้นไม่ได้ระบุไว้
      
       ผศ.ภญ.ดร.ภูรี ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีข้อมูลชื่อสามัญของยาเดี่ยว 600 รายชื่อแล้ว นับเป็น 60-70% ของยาทั้งหมด และหากรวมรูปแบบยาประเภทยาน้ำ ยาเม็ดนั้นมีทั้งหมด 900 รายชื่อ ทั้งนี้เป็นข้อมูลยาทั้งหมด 17,000 เลขทะเบียนยา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อมูลยาทั้งหมด 30,000 เลขทะเบียนยา
      
      " อนาคตจะเพิ่มเติมในส่วนของรูปภาพ  เพื่อให้ผู้ใช้ได้สืบค้นกรณีไม่ทราบชื่อยาแต่มีตัวอย่างยาด้วย รวมถึงการเพิ่มข้อมูลในส่วนของยาหยอด ทายาและยาน้ำ ส่วนยาฉีดมองว่าเป็นเรื่องของโรงพยาบาลจึงไม่ใส่ข้อมูลในส่วนนี้ ยกเว้น ข้อมูลเกี่ยวกับอินซูลิน ยาฉีดรักษาไตและยาฉีดรักษามะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยทราบว่าใช้ยาแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร " ผศ.ภญ.ดร.ภูรี กล่าว  และย้ำว่าวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ก็เพื่อให้ผู้ใช้ยาสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับยาที่ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยสืบค้นวิธีรักษาด้วยตัวเอง
      
       ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยคลังอนุพันธุ์ความรู้ เนคเทค กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากปัญหาที่ผู้ป่วยได้ยามาแล้วใช้ไม่ถูกต้อง และเห็นว่าเป็นประโยชน์ตรงๆ และเป็นเรื่องพื้นๆ ซึ่งโดยปกติข้อมูลยาภาษาอังกฤษมีเยอะมาก  แต่ไม่มีข้อมูลที่เป็นภาษาไทย  ทางเนคเทคก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีสำหรับสืบค้นข้อมูลได้ตามต้องการ โดยใช้โอเพ่นซอร์ส ( Open Source ) สำหรับสร้างเว็บไซต์
      
      ทั้งนี้เนคเทคและมูลนิธิ วพย. มีความร่วมมือกันตั้งแต่ต้นปีก่อนที่จะลงนามความร่วมมือในการพัฒนา เว็บไซต์นี้ขึ้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 เดือน  จึงพัฒนามาถึงขั้นใช้งานได้จริง และ ดร.จุฬารัตน์ยังระบุด้วยว่าเนคเทคยังมีความร่วมมือในการพัฒนาเว็บไซต์ฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ  อาทิ e-museum ที่ร่วมมือกับสภากาชาดไทยพัฒนาพิพิธภัณฑ์เสมือน e-Health ที่รวมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีนำข้อมูลจากโครงการไซส์-ไทยแลนด์ ( Size-Thailand ) ซึ่งรวบรวมข้อมูลรูปร่างกับข้อมูลทางด้านการแพทย์ เป็นต้น
บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #339 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2551, 12:27:39 »

ขอบคุณมากๆครับสำหรับความรุ้ดีๆ  มือถือผม 01 อิอิ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #340 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 01:12:19 »

ยินดีคร้าบ บ บ บ ... ใกล้ปีใหม่ 2009 แล้ว  ดูดวงกันหน่อยซิ  มีให้อ่านกันตั้ง 3 สำนักเลยเนี่ย ... แล้วถ้า 3 หมอทำนายขัดแย้งกัน  เราก็จะเชื่อหมอที่ทำนายว่าดวงเราจะดี๊ ดี นอะ

ดวงชะตา ปี 2552 โดย หมอลักษณ์

มานิต - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา

ท่านที่เกิดในราศีเมษ ( เกิดระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 พฤษภาคม )

ในปี 2552 นี้ คุณที่เกิดในราศีเมษ ถือว่าเป็นปีทอง เป็นปีที่คุณจะเริ่มต้นชีวิตของคุณ แล้วสามารถนำไปสู่ความสำเร็จคืนกลับมา เรียกว่าโชคดี ชีวิตของคุณจะรุ่งโรจน์ขอให้คุณอย่างอมืองอเท้า ...ฟันธงครับ คนที่เกิดราศีเมษเป็นราศีเดียวกับดวงเมืองประเทศไทย จากการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจเขาบอกว่าดวงประเทศไทยจะแย่ แต่ผมดูแล้วจะมีสิ่งดีๆ อีกหลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะประเทศไทยคือราศีเมษ ส่งผลให้คนที่เกิดราศีเมษจะดีตาม ส่วนจะดีในเรื่องอะไร อย่างไร ต้องติดตามครับ

การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน หากมีการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะสอบได้ ...ฟันธง แปลว่า การเรียนจะประสบความสำเร็จแบบถึงอกถึงใจ

การงาน คุณมีมุมของชะตาชีวิตที่จะได้งาน ใครที่ตกงานจะได้งาน ใครที่มีการงานทำอยู่แล้วจะเจริญก้าวหน้า ใครที่รับราชการ ตำแหน่งก็จะสูงขึ้น ในกรณีที่เป็นลูกน้องลูกจ้าง แน่นอน ... เจ้านายจะเพิ่มเงินเดือนให้ ส่วนใครที่ลงทุนทำการค้า รับรอง ซื้อง่ายขายคล่อง ผมมั่นใจ ... ฟันธง ถ้าเกิดจะขยับขยาย คิดจะลงทุนเพิ่ม จะดีไหม ...ลุย รับรองว่าคุณจะประสบความสำเร็จกับการงานที่คุณทำ ด้วยศักดิ์และสิทธิ์แห่งความเป็นโหร สิ่งนี้จงแม่นยำ

การเงิน เมื่อการงานดี เงินก็ไหลมาเทมา คุณจะมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ใครเป็นหนี้ หนี้สินจะหมดไป น้องๆ หนูๆ ที่อยู่ในวัยเรียน สามารถอ้อนคุณพ่อคุณแม่ ให้ซื้อในสิ่งที่เราต้องการหรือปรารถนา ส่วนใครที่เป็นนักลงทุนทำการค้า คิดจะกู้ยืมเงินจากธนาคารก็กู้ได้ ใครที่คิดจะสะสมเงินให้เป็นกอบเป็นกำ ที่ผ่านมาเก็บเงินไม่อยู่ ปีนี้เก็บอยู่ ผมมั่นใจ ... ฟันธงครับ

ความรัก ปีนี้เป็นปีที่เรื่องของการงานโดดเด่น ความรักก็ไม่แพ้กัน ความรักก็มีความสุขดี ในกรณีที่คุณยังไม่เจอคู่ ปีนี้คุณจะเจอคู่แท้ ... ฟันธง คู่ของคุณจะเป็นคนที่หน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ถ้าเกิดทั้งดำทั้งขี้เหล่ แปลว่าไม่ใช่ ส่วนใครที่มีคู่ครองแล้ว จะมีบุตรไว้สืบตระกูลในปีนี้แน่ๆ ... ฟันธง เรื่องของการงานจะเสริมเรื่องของความรัก โดยเฉพาะใครที่เจอคู่รักจากที่ทำงาน ใครที่มีการทำงานร่วมกับคู่รักหรือคนรัก รับรองว่าจะเสริมดวงชะตาเป็นอย่างดีในปีนี้

สุขภาพและอุบัติเหตุ คุณที่เกิดในราศีนี้เป็นคนคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ซุ่มซ่าม จึงต้องระวังการใช้มีดหรือของมีคม หรือการเดินเหินที่ไม่ระมัดระวังจะเตะโน่น สะดุดนี่ หรือทำให้มีดบาด มีการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นกับคุณได้ตลอดทั้งปีครับ แต่อุบัติเหตุใหญ่ๆ ไม่ปรากฏ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา คือ การไหว้พระเสริมดวงสำหรับปีนี้ คุณควรไปไหว้พระหลักเมือง และพระที่สำคัญ คือ พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร หรือจะขึ้นไปไหว้พระในที่สูง เช่น ไปไหว้พระบนยอดภูเขาทอง วัดสระเกศ พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของคุณขึ้นสู่ที่สูง แล้วมีความรุ่งโรจน์ มีความเจริญก้าวหน้าไปตลอดปี ...ฟันธงครับ อันนี้จะเป็นสิริมงคล เสริมชะตาราศี จะทำให้ดวงชะตาของคุณ เฮงตลอดปี


ท่านที่เกิดในราศีพฤษภ ( เกิดระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน )
 
คุณที่เกิดในราศีพฤษภ ในปี 2552 นี้ ดวงตก โอ้โฮ ... ใจแป้วเลยสิท่า แต่มีทางแก้ อย่ากลัว เดี๋ยวจะบอกให้ว่าจะต้องทำอย่างไร ดาวพฤหัสบดีเป็นมรณะกับดวงชะตา แล้วก็จะคงอยู่แค่ปีเดียว คนเรามีขึ้นมีลง มีทุกข์มีสุข ต้องเข้าใจเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องลำดับต้นก่อน จะได้ไม่ประมาท เพราะฉะนั้นจะทำอะไร จะลงทุนอะไร เดี๋ยวผมจะบอกว่าจะต้องทำอย่างไร
 
การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ช่วงนี้จะอ่านเขียนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง แล้วเพื่อนฝูงมักชวนนอกลู่นอกทาง ต้องระวัง คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้มงวดกวดขันกับบุตรหลานของคุณที่เกิดในราศีนี้ แล้วประการสำคัญ จะเจอวิชาที่ตัวเองเบื่อเซ็ง การเลือกคณะหรือการสอบเอนทรานซ์จะมีความผิดพลาด หรือมีความผิดหวัง วิธีการแก้ไขคือ ถ้าอ่านหนังสือกลางวันแล้วไม่จำ ให้เปลี่ยนมาอ่านกลางคืนแล้วจะจำ หรือไปศึกษาต่อต่างถิ่นต่างแดนในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าทำอย่างนี้ก็สามารถแก้ไขได้
 
การงาน คุณที่อยู่ในวัยทำงาน อย่าเพิ่งน้อยใจประชดเจ้านายแล้วลาออก รับรองว่า จะตกงานเลย แล้วตกงานอยู่ 1 ปี ถ้าเกิดใครมาชวนลงทุน ขยับขยายทำการค้า อย่าเป็นอันขาด มีสิทธิ์เจ๊งมากกว่าเฮง ประคับประคองสิ่งที่ทำไป ส่วนใครที่ไม่ได้ทำงาน แล้วเกาะเขากินอยู่ ถ้าเกิดอยู่ในราศีนี้ ปีนี้จะดี อันนี้เป็นข้อแปลก ปีนี้ใครอยู่ในราศีนี้ ดวงตก แต่ถ้าบังเอิญกำลังตกงานอยู่แล้วขอเงินพี่ชายใช้ คุณกลับจะได้ใช้เงินมากขึ้น แปลกไหม ...

การเงิน สภาพคล่องทางการเงินมีปัญหา ต้องระมัดระวัง อย่าซื้ออะไรเงินผ่อน อย่าวางแผนลงทุนที่จะต้องใช้เงินลงไป อย่าให้ใครหยิบยืมสตางค์ อย่าไปค้ำประกันหรือรับรองใคร เพราะจะมีปัญหาครับ เพราะฉะนั้นต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และไม่ประมาท บัตรเครดิตอย่ารูดปื๊ด รูดปื๊ด มิฉะนั้นจะมีปัญหาแน่ๆ

ความรัก ความรักในปีนี้จะทุกข์ใจ มีสิทธิ์ถูกหลอกฟัน มีสิทธิ์ที่จะพลาดท่ากับคนแปลกหน้าที่เราคิดว่าใช่ เขาอาจจะมีคู่อยู่แล้ว แล้วเขาบอกว่า ไม่มี ระวังเถิด เพราะว่าคู่ของเขานั้นร้ายนัก คุณจะถูกกระทำย่ำยีทางหัวใจ ถ้าคุณยังเป็นโสด ..อย่าคิดลองรัก ส่วนใครที่มีคู่อยู่แล้วต้องประคับประคอง คุณอาจจะผิดหวังแต่ไม่ใช่ผิดพลาด เช่น แฟนคุณไปเรียนต่างประเทศในปีนี้พอดี ก็ต้องติดต่อหรือไปมาหาสู่กันเป็นระยะ มิฉะนั้นคุณจะเสียเขาไป และที่สำคัญอย่าปล่อยให้มีบุตรในปีนี้ เพราะอาจจะแท้งหรือหลุด หรือจะได้ลูกดื้อ
 
สุขภาพและอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เรื่องการเดินทางไกล ถ้าไม่จำเป็น ทั้งทางเครื่องบินและทางน้ำ อันตรายครับ รวมถึงเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะไปไหนในยามวิกาลหรือยามราตรี ต้องระมัดระวัง สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา เดี๋ยวผมจะบอกในช่วงท้ายๆ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ควรไปหาคุณหมอ ตรวจร่างกายทุก 6 เดือน มีอะไรจะได้รีบรักษาเลย
 
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา คุณที่เกิดในราศีพฤษภควรย้ายบ้าน ย้ายที่อยู่ หรือถ้าอยู่ในบ้านเดิม ก็เปลี่ยนห้องนอน จัดมุมห้องใหม่ และควรหาองค์ไฉ่ซิงเอี๊ยะ หรือท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ มาไว้คุ้มครองรักษาตัว ประการสำคัญ สิ่งที่คุณควรจะทำอีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรทำประกันชีวิตเอาไว้ จะได้เป็นหลักประกันที่มั่นคงสำหรับคนรอบตัวของคุณ ถ้าคุณเป็นคนดี คิดดีและทำดี เทวดาจะคุ้มครอง

 
ท่านที่เกิดในราศีเมถุน ( เกิดระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน - 14 กรกฎาคม )
 
สำหรับคนที่เกิดราศีเมถุน ในปี 2552 จะเป็นปีทองผ่องอำไพ ชีวิตสดใส เปรียบประดุจพระอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน ...ฟันธงครับ ดวงชะตาของคุณจะรุ่งโรจน์ ทุกสิ่งอย่างที่หวังและปรารถนา เป็นรอบจังหวะของกาลเวลาที่มีดาวแห่งโชคลาภมาเล็งดวงชะตาของคุณ

การเรียน ใครที่คิดเรียนต่อจะสมหวังตามที่ปรารถนา ใครที่ติดขัด อึดอัด มีปัญหา จะมีข้อสรุปที่เป็นความสำเร็จในปีนี้ ...ฟันธงครับ

การงาน ใครที่เบื่องาน แล้วอดทนมาตลอด ปีนี้คิดอยากเปลี่ยนแปลง จะได้งานที่ดีขึ้น มั่นคงขึ้น …ฟันธง ส่วนใครที่ทำงานแล้วยังชอบใจ ยังมีความรู้สึกดีๆ กับที่เดิม จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น ได้รับเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น จะได้รับโบนัสพิเศษ หรือจะได้รับโอกาสที่ดีๆ ..ฟันธง ส่วนใครที่เป็นพ่อค้า นักลงทุน จะมีเกณฑ์ลงทุนขยับขยาย และประสบความสำเร็จ ให้สังเกตว่าน้ำหนักคุณจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย คนดวงดีนี่นะ เหมือนกับเทพแห่งความสำเร็จคือ พระพิฆเณศวร์ เพราะฉะนั้นในปีนี้งานรุ่งโรจน์ ผมมั่นใจ
 
การเงิน ปีนี้คุณจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ... ฟันธง เพราะฉะนั้นเรื่องการเงินมีความโดดเด่นมาก จะมีลู่ทาง มีช่องทาง คือมีงานทั้งข้างนอก รับทั้งข้างใน และรับทั้งเงินพิเศษและเงินประจำ ใครที่มีกิจกรรมของการงานที่มากกว่างานประจำ รับรองว่าคุณจะมีโชคลาภ คนที่เกิดราศีนี้เป็นราศีที่ต้องพูด จึงจะดี เพราะฉะนั้นในปีนี้รับรองว่าเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี จนหาที่เก็บแทบไม่ทัน ... ฟันธงครับ

ความรัก คุณจะเจอคู่แท้และสมหวังในความรัก ... ฟันธง ที่ผ่านมาถ้าเจอแล้วรู้สึกเซ็ง ไม่ใช่ ปีนี้ ใช่แน่ การที่คนเราจะมีความรักนั้นแปลว่า หวังหรือปรารถนาที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา แต่บางคนไม่ได้ปรารถนา และรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นในปีที่เรามีเกณฑ์จะเจอคู่ก็แปลว่าเจอคู่หู เจอคู่ที่ทำให้เกิดความสุข ที่สามารถพึ่งพาอาศัย เป็นที่ปรึกษาหารือ หรือเป็นคนที่รู้ใจในแทบทุกเรื่อง แล้วทำให้เรามีความสุข ส่วนใครที่มีคู่ครองอยู่แล้ว ในปีนี้คุณมีโอกาสมีบุตรเอาไว้สืบวงศ์ตระกูล และจะเป็นลูกที่มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด นี่คือเรื่องราวของความรัก คุณจะสมหวังในปีนี้อย่างแน่นอน

สุขภาพและอุบัติเหตุ คุณจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับโรคกระดูกและฟัน หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคลม การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อโรคกระเพาะ ลำไส้ และจะเป็นแบบปุบปับฉับพลัน ที่ทำให้ต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นคุณจะต้องระวังเรื่องอาหารการกิน การจัดวินัยของการรับประทานอาหาร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา การไปไหว้พระพิฆเณศวร์ เทพแห่งความสำเร็จ เป็นเทพที่มีพลังที่จะอวยชัยให้คุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น และประการสำคัญ ในปีนี้นั้นดวงชะตาของคุณถือว่าดี ควรทำบุญตลอดทั้งปี หาโอกาสทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ไปทำบุญครั้งหนึ่ง แล้วอุทิศบุญกุศลให้เทพเทวาที่รักษาตัวคุณ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา


ท่านที่เกิดในราศีกรกฎ ( เกิดระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม )
 
คุณที่เกิดในราศีกรกฎ ในปี 2552 นั้น ดวงชะตามีเกณฑ์มีเคราะห์และมีโชค สลับสับเปลี่ยนกันไป เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องติดตาม ดวงชะตาในครึ่งปีแรก มีเคราะห์ ครึ่งปีหลัง มีโชค ... ฟันธง เพราะฉะนั้นต้องติดตาม

การเรียน ในครึ่งปีแรก การสอบ การอ่านเขียนเรียนหนังสือจะไม่สมหวัง จะมีเหตุให้ผิดพลาด ต้องระมัดระวัง ต้องตั้งใจ แปลว่า ถ้าคิดจะทำอะไร คิดจะสอบเรียนต่อ คิดจะไปเรียนต่างประเทศ บางทีสิ่งที่คิดหรือสิ่งที่จะทำนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่ในความเป็นตัวเอง แต่กำลังลองผิดลองถูก แล้วก็จะเสียเวลา นี่คือข้อสรุปครับ

การงาน ชะตาชีวิตครึ่งปีแรก โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนนั้นจะมีปัญหาอย่างมาก แล้วพอพ้นจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป ชีวิตก็จะลงล็อค ลงตัว จะประสบความสำเร็จ ดวงชะตาเป็นช่วงขาขึ้น ขาขึ้นคือช่วงวันที่ 21 เมษายน เป็นต้นไป เวลาประสบความสำเร็จ เหมือนผีจับยัด อะไรก็ดีไปหมด แต่ก็อยู่ในช่วงประมาณ 5-6 เดือน แล้วก็จะกลับมาผันผวนอีกครั้งหนึ่ง ยังไม่คงที่ เพราะฉะนั้นทุกย่างก้าวของรอยต่อของชีวิตในปี 2551 ต้องไม่ประมาท ต้องวางแผนยุทธศาสตร์ของชีวิต ต้องมีการสรุปทางก้าวเดินของชีวิตในเรื่องของการงาน แล้วจะคงที่อีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนธันวาคม แล้วก็ต่อจนถึงปี 2552
 
การเงิน คุณที่เกิดในราศีกรกฎไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจนก็ตามทีจะมีมุมของชะตาชีวิตที่มีเรื่องทุกข์ใจ เกี่ยวกับเรื่องของการเงิน คนที่จนจะจนมากขึ้น จะมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น คนที่รวยจะมีความทุกข์เพราะเงินที่คุณมี คนที่เกิดในราศีกรกฎ จะมีความทุกข์ทั้งที่มีเงินและไม่มีเงิน แปลกดีนะ !!

ความรัก คุณที่เกิดในราศีกรกฎ ครึ่งปีแรก รับประทานแห้ว แต่พอพ้นเดือนมิถุนายนไปแล้ว คุณจะเจอใครบางคนที่รู้ใจ แต่ให้ดูกันไปก่อน ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คุณจะได้คู่ที่หน้าแก่กว่าคุณ 5 - 7 ปี ถ้าเกิดว่าคุณได้คู่เด็กกว่า จะไม่ใช่คู่แท้ เป็นเพียงคู่ผ่าน คุณที่มีคู่แล้ว ในครึ่งปีแรก จะมีปัญหา มีเรื่องระหองระแหง แต่พอหลังเดือนมิถุนายนไปแล้ว คุณจะสมหวัง คุณจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก คุณจะเจอคนที่รู้ใจ แต่ให้คุณดูไปอีกระยะหนึ่ง เพราะว่ายังไม่คงที่ในเรื่องราวของความรัก และปีนี้ไม่ควรมีบุตร ถ้ามีบุตร บุตรจะดื้อ มีปัญหา
 
สุขภาพและอุบัติเหตุ คุณจะต้องดูแลสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะเรื่องความเครียด อุบัติเหตุของการขับยวดยานพาหนะ การเดินทางทางเครื่องบินและทางเรือนั้น ไม่น่ากลัว แต่ทางรถยนต์นั้น น่าเป็นห่วง ทางแก้ไขเรื่องราวของเคราะห์และภัยทางนี้มีอยู่ คือ คุณหาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เอามาแขวนไว้ในรถ
 
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา ปีนี้ควรหาโอกาสไปสักการะหลวงปู่ทวด คุณไปกราบสักการะขอพร และไปเช่าบูชาหลวงปู่ทวดมาแขวนไว้ในรถ รับรองว่าคุณจะแคล้วคลาดปลอดภัยทุกประการ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่คุณทำแล้วเสริมดวงชะตาคือ ควรหาโอกาสไปในต่างถิ่นต่างแดน ในประเทศที่มีเวลาเร็วกว่าประเทศไทยหรือได้ไปเที่ยวทะเลเกาะแก่ง กลับมาแล้วจะทำให้คุณมีพลังชีวิตที่จะจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ของชีวิตได้ดีขึ้นครับ

 
ท่านที่เกิดในราศีสิงห์ ( เกิดระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม - 16 กันยายน )
 
คุณที่เกิดในราศีสิงห์ ในปี 2552 เป็นปีที่ยังเผชิญกับคราวทุกข์และคราวเคราะห์แบบกดดัน ในปีนี้จะมีดาวดวงหนึ่งคือดาวเสาร์ทับราศีเกิด แล้วราหูก็เล็ง  ดวงชะตา ดาว 2 ดวงนี้เป็นดาวร้าย คุณกำลังจะมีสภาพอย่างนี้ คือ มีสภาพเหมือนกับถูกเสาเข็มตอกลงมาบนหัวคุณ แล้วที่พื้นก็เป็นพื้นที่เอาแก้วกระเบื้องทุบเอาไว้ แล้วคุณก็ยืนเหยียบอยู่ นี่แหละ คุณจะมีสภาวะที่ถูกอัดด้วยดาวร้ายทั้ง 2 ดวง เพราะฉะนั้น ชีวิตคุณน่าเป็นห่วง
 
การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จะต้องมีความขยันให้มาก ต้องอ่านหนังสือ ต้องอ่านตำรับตำรา ต้องเรียนพิเศษ กวดวิชา โดยเฉพาะคนที่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัย จะต้องขยันเรียนทั้งในวิชาหลักและวิชาเลือก จะมีความเครียด คุณต้องมีความตั้งใจให้มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 2 เท่า จึงจะผ่านไปได้
 
การงาน ดวงชะตาในปีนี้ มีเกณฑ์ที่จะตกงาน เสียตำแหน่ง ใครที่เป็นข้าราชการ อาจจะเกษียณ อาจจะต้องลาออก อาจจะต้องเออรี่ รีไทร์ หรือถูกให้ออก เศรษฐกิจก็แย่ มีมุมของคราวเคราะห์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครที่ลงทุนค้าขาย ก็จะซื้อไม่ง่าย ขายไม่คล่อง กิจกรรมในเรื่องของการค้าการขาย มีปัญหา นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วง ในปีนี้คุณไม่ควรทำการลงทุนหรือขยับขยายอะไรทั้งสิ้น ประคับประคองในสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด ถ้าคุณตกงานอยู่ คุณควรสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไปเรียนวิชาชีพอะไรก็ตามที่สามารถเริ่มต้นทำงานด้วยตัวเองได้ ที่ไม่ต้องไปพึ่งใคร แล้วทำเล็กๆ แบบเศรษฐกิจพอเพียง คุณจึงจะผ่านวิบากกรรมไปได้

การเงิน คุณมีเกณฑ์ที่จะถูกยืมเงิน มีเกณฑ์ที่จะต้องใช้เงินเพราะญาติพี่น้องหรือคนรอบตัวป่วย รวมถึงตัวคุณป่วย แล้วต้องใช้เงินก้อนใหญ่ไปกับการรักษา ใช้เงินก้อนใหญ่กับการที่คุณจะต้องแก้ปัญหาชีวิต เพราะฉะนั้นปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีเลยเกี่ยวกับเรื่องการเงินของคุณ คุณจะต้องบริหารและจัดการให้ดี

ความรัก ชีวิตรักของคุณนั้นใครเป็นคนโสด คนที่เข้ามาจะหลอกลวงทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจหรือเจ็บปวด ในกรณีที่คุณมีคู่ครองแล้ว คู่ของคุณจะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือพลัดพรากห่างไกล หรือคู่ครองของคุณอาจจะสร้างปัญหา สร้างแรงกดดัน ที่ไม่ได้ทำให้เกิดกำลังใจ คุณจะต้องมีความอดทน ถ้าอดทนไม่ได้หรือว่าไม่ใช่ ก็คือต้องจบ ใครที่เป็นโสด แล้วไม่คิดจะมีใครในปีนี้ ถือว่าโชคดีไปสำหรับการที่ยังอยู่คนเดียว และคุณยังมีเพื่อน ก็คือตัวของคุณเองนั่นแหละ

สุขภาพและอุบัติเหตุ การเจ็บไข้ได้ป่วย จะเกิดขึ้นกับญาติ และคนรอบตัวของคุณ ส่วนอุบัติเหตุนั้น คุณจะต้องระมัดระวังอุบัติเหตุทางอากาศและอุบัติเหตุจากไฟ ชัดเจนมากเลย ทางอากาศก็คือ การเดินทางไกลโดยเครื่องบิน หรือว่าการตกจากต้นไม้หรือที่สูง ควรทำประกันอัคคีภัยหรือทำประกันชีวิตเอาไว้ จะเป็นการดี

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา ในปีนี้ คุณควรหาโอกาสไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม เพราะบุญเท่านั้น ที่จะช่วยคุ้มครองชีวิตของคุณ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือหาโอกาสบวช ในกรณีที่คุณเป็นสุภาพสตรีนั้นก็คือการบวชชีพราหมณ์ ให้นุ่งขาวห่มขาว และรับศีล 8 คุณที่เป็นสุภาพบุรุษ ก็หาโอกาสไปบวชพระหรือบวชเณรสักระยะหนึ่ง และสิ่งสำคัญก็คือ ถ้าหากว่าคุณมีโอกาสที่จะเดินทางไกลไปต่างประเทศได้ แล้วไปอยู่สักระยะหนึ่ง คือ 1 ปี แล้วไปเรียนต่อ ไปทำงาน คุณควรไปทันที เพราะชีวิตของคุณจะดี แล้วพ้นจากเคราะห์นั้น ... ฟันธง


ท่านที่เกิดในราศีกันย์ ( เกิดระหว่างวันที่ 17 กันยายน - 16 ตุลาคม )
 
คุณที่เกิดในราศีกันย์ ในปี 2552 จะมีดาวพฤหัสบดีโคจรเป็นสี่กับดวงชะตา ในทางโหราศาสตร์มีหลักเกณฑ์ดังนี้ครับ “อนึ่ง จันทร์เป็นสิบเอ็ดแท้ แก่ลัคน์ พฤหัสสี่ทรงศักดิ์ แช่มช้อย ศุกร์สามดั่งนี้ จักเจริญยิ่ง ยศนา” แปลว่าคนที่เกิดราศีกันย์มีดาวพฤหัสบดีเป็นสี่กับดวงชะตา ตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับงาน ...ฟันธงครับ

การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน เรื่องของการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะสอบได้ จะสมหวัง จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความปลาบปลื้มใจ
 
การงาน คนที่อยู่ในวัยทำงาน แล้วเป็นลูกน้องลูกจ้าง เจ้านายจะเมตตา รักใคร่คุณมากเป็นพิเศษ แล้วให้โอกาสในการทำงานที่ตรงกับความชอบและตรงกับความรู้ ความสามารถของตัวคุณเอง และเป็นสิ่งที่คุณต้องการ แล้วคุณก็จะมีความสุขกับโลกของการทำงาน ส่วนใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ก็จะมีเกณฑ์ของการขยับขยายและมีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จจากการขยับขยายหรือการลงทุนเพิ่มเติมนั้น ... ฟันธง

การเงิน เมื่อการงานดี ก็จะมีเงินไหลมาเทมาจากการทำงานนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นปีที่คุณสามารถเก็บออม และเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ปีนี้คุณจะทำงานได้เงินมากกว่าเดิม เป็นสิบเท่า ร้อยเท่า จะมีอะไรเกิดขึ้นแบบมหัศจรรย์ พันลึก ถึงอกถึงใจ ก็ขอให้ปีนี้เป็นปีทองผ่องอำไพ กับการเงินที่สดใสตลอดทั้งปี ...ฟันธง

ความรัก เป็นปีที่คุณจะสมหวังกับการได้เพื่อนที่ดี มากกว่าการมีแฟนที่ดี ที่ไม่ใช่ความรักแบบชู้สาว แต่เป็นความรักที่เป็นสัมพันธภาพแบบมิตรแท้ ส่วนใครที่คิดจะมีคู่ ต้องหาคู่ในลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าคุณ 10 ปีขึ้นไป เป็นคนที่มีความรอบรู้ เป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาไม่เป็นผู้ใหญ่กว่าคุณ คุณก็จะรู้สึกว่าเขาเด็ก แล้วรู้สึกว่าไม่รู้จะเอามาเป็นคู่ทำไม คนที่เป็นสุภาพสตรีควรคิดอย่างนี้ ส่วนคนที่เป็นผู้ชาย คุณควรหาคู่ที่แก่กว่า อย่างน้อยเขาก็จะเป็นคนที่ทันคุณ เพราะคุณเป็นคนที่แก่เกินวัย คิดเกินวัย ประการสำคัญ คุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องราวของความรัก ถ้ามี ก็จะเป็นเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ แล้วคุณจะผ่านไปด้วยดีครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ สุขภาพของคุณนั้นดี แข็งแรง ไม่มีปัญหาอะไร แล้วประการสำคัญ จะมีโรคอยู่โรคหนึ่งคือโรครำคาญ เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากเชื้อโรค และอีกโรคหนึ่งคือ โรคขี้บ่น และโรคหลงๆ ลืมๆ แต่คุณไม่ต้องกลัว เพราะว่าจะเป็นแค่ปีเดียวนะ ในปีหน้าก็จะหมดไป แต่คุณอย่าไปมีความสุขกับการเป็นโรคอย่างนี้นะ เพราะว่าเดี๋ยวมันจะอยู่กับคุณแบบไม่ไปไหน

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา การที่คุณได้มีโอกาสให้กำไรให้กับชีวิต ควรไปท่องเที่ยวให้สนุก จะไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร เกาะ ทะเล หรือจะไปเที่ยวต่างประเทศ และเจอสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากการไปท่องเที่ยว ก็ให้ไปกราบสักการะ ขอพร แล้วคุณจะสมหวัง ไม่จำกัดว่าต้องไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพองค์ใด ขอให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่ที่คุณเดินทางผ่าน การทำอย่างนี้จะเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิตของคุณตลอดทั้งปีครับ


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #341 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 01:13:51 »

ท่านที่เกิดในราศีตุลย์ ( เกิดระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน )
 
คุณที่เกิดในราศีตุลย์ มักจะเป็นคนเที่ยงตรง รักอิสระ ในปี 2552 เป็นปีที่คุณจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ... ฟันธงครับ

การเรียน คุณสามารถที่จะประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงและมีความเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะได้รับความสำเร็จจากสอบเข้าศึกษาต่อ
 
การงาน คนที่ทำงานอยู่ในองค์กรหรือหน่วยงานจะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ...ฟันธง และประการสำคัญ ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคม คนที่เกิดในราศีตุลย์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคนให้เกิดขึ้นในชีวิตและทรัพย์สิน จะต้องมีเกณฑ์ของการเดินทางไกล เปลี่ยนแปลง โยกย้าย หลายท่านที่เป็นข้าราชการ ต้องมีการพลัดพราก ย้ายที่ ย้ายถิ่น และประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การงานที่คั่งค้างตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แล้วรอความสำเร็จ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน นำพามาซึ่งเงินทอง ใครที่ตกงานจะได้งาน ใครที่มีการงานอยู่ การงานจะเจริญก้าวหน้า และจะได้รับการยอมรับ มีชื่อเสียง หลายคนที่อยู่ในราศีตุลย์แล้วอยากเข้าวงการบันเทิง คุณจะมีชื่อเสียงในปีนี้ ..ฟันธงครับ

การเงิน คุณมีโอกาสได้เงินก้อนงาม จะได้รับเงินก้อนใหญ่จากธุรกิจที่คั่งค้าง หรืองานที่ทำค้างไว้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ดอกผลจะเกิดขึ้นในปีนี้อย่างแน่ๆ ในปีนี้คุณจะถูกสถาปนาให้เป็นคนที่มีอันจะกิน เป็นเศรษฐีรายใหม่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ...ฟันธง เพราะฉะนั้นเรื่องราวของการเงินก็ไม่มีปัญหาตลอดทั้งปี ในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความมั่นคง เป็นปีแห่งการสะสม

ความรัก คุณอาจจะไม่มีเวลาให้กับคนรัก มีเกณฑ์ของการเลิกรา พลัดพราก หรือหย่าร้าง เป็นปีแห่งความเศร้าสำหรับคุณที่จะมีความรัก คนที่ผ่านเข้ามานั้นจะไม่มีโอกาสที่จะไปสานความสัมพันธ์หรือผูกกันเป็นคู่ยาวในกาลต่อไป เพราะฉะนั้นการที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนที่รู้ใจในระยะเวลาสั้นๆ อาจจะทำให้เกิดความชุ่มชื่นในหัวใจ แต่คุณก็จะเกิดสภาวะที่เหมือนกับเป็นเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวที่กลัวฝน คือพอจะจริงจังปั๊บ คุณก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตของความรักยังไม่ลงตัว คุณจะต้องรอไปอีกสักประมาณ 3 - 4 ปีข้างหน้าครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ เป็นเรื่องราวที่น่าเป็นห่วง สุขภาพของคุณจะมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับช่องท้อง หลอดลม ทางเดินหายใจ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบกระดูก ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเอว กระดูกมีปัญหา ช่องท้องหรือลำไส้จะมีปัญหา เรื่องของโรคร้ายในกระเพาะ ยังมีส่วนที่น่าเป็นห่วง คุณต้องไปตรวจร่างกายกับคุณหมออย่างรัดกุม

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณอยากรู้ ที่จะนำมาซึ่งโอกาสแห่งความสำเร็จที่มากกว่าคนอื่น เพราะว่าฟ้าเปิดให้กับคุณแล้ว ควรหาโอกาสไปกราบสักการะ พ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่หน้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธหรือที่โรงพยาบาลสงฆ์ จะเป็นสิริมงคลสำหรับคุณ ไปขอพรจากฤๅษี จะช่วยทำให้คุณมีพลังความคิด มีพลังชีวิตที่ดีเกิดขึ้นแบบอัศจรรย์ใจ นี่คือสิ่งที่อยากจะแนะนำให้คุณได้ทำ แล้วเสริมชะตาราศี สำหรับในปีชวดนี้ครับ ขอให้คุณโชคดี


ท่านที่เกิดในราศีพิจิก ( เกิดระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม )
 
คุณที่เกิดในราศีพิจิก ในปี 2552 นี้ เป็นปีแห่งความร่ำรวย ความร่ำรวยจะปรากฏขึ้นในชีวิตของคุณ ...ฟันธง ชีวิตของคุณตั้งหลักตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นคุณมีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องของความรัก การเรียน การงานและการเงิน และมีโอกาสรวยอย่างเห็นได้ชัดตามมุมของดวงชะตา

การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ในปีนี้จะสมหวังในเรื่องของการเรียนทุกประการ ความตั้งใจในปีนี้ จะเป็นผลดี คือทำให้คุณสอบได้ ทำให้ได้รับคะแนนดี ทำให้ได้รับชัยชนะในการแข่งขันอันเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเรียน ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับวงศ์ตระกูล ทำให้คุณชื่นใจ และทำให้คนที่คุณรักชื่นใจ

การงาน ถ้าเกิดคุณเป็นลูกน้องลูกจ้าง การที่จะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง หรือมีโอกาสได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากเจ้านาย ในปีนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงครับ ส่วนใครที่ทำธุรกิจ ทำการค้า แล้วเริ่มต้นทำตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ในปีนี้คุณจะประสบความสำเร็จ แล้วนำไปสู่ความร่ำรวย ... ฟันธง เพราะฉะนั้นในสิ่งที่คุณทำ จะประสบความสำเร็จอย่างสูง ขอให้คุณมีความตั้งใจ คนที่เกิดในราศีนี้ ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง ของสวยงาม ของกินของใช้ จะไปได้ดีครับ

การเงิน เป็นรอบที่ดีที่สุดในรอบ 12 ปี ซึ่งในปีนี้ คุณจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ได้รับเงินก้อนใหญ่ จะมีความมั่นคงในเรื่องของการเงิน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 จนถึงประมาณเดือนเมษายน ปี 2551 คุณจะมีโอกาสได้รับเงินก้อนงาม ขอให้คุณมีความขยัน ขยัน ขยัน แล้วคุณจะรวย ... ฟันธงอีกทีครับ

ความรัก คุณจะมีคู่ที่รู้ใจ ให้กำลังใจ ช่วยเหลือเกื้อกูล ถ้าคุณยังไม่เจอ ก็จะพบเจอในปีนี้ แล้วมีโอกาสจะพบเจอในช่วงต้นปี คนที่มีคู่แล้ว คู่ครองจะช่วยเหลือในเรื่องการงานของคุณได้เป็นอย่างดีครับ เรื่องความรักจะมีความสุขตลอดทั้งปีตามที่ปรารถนา หรือจะมีบุตรเอาไว้สืบวงศ์ตระกูลก็สามารถมีได้ในปีนี้ แล้วคุณจะโชคดีเช่นเดียวกัน

สุขภาพและอุบัติเหตุ ในปีนี้ ไม่มีปัญหาอะไร สุขภาพของคุณมีความแข็งแรง แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เมื่อกายดี ใจก็ดี ทุกอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรให้ทุกข์ใจ อุบัติเหตุก็ไม่มี ดวงคนจะดี อะไรก็หยุดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้คุณโชคดีไปตลอดทั้งปีครับ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา เมื่อดวงชะตาของคุณดีแล้ว คุณควรหาโอกาสไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดวงดี นั้น แปลว่า สดใส เป็นสีทองผ่องอำไพ คุณควรไปกราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย หรือหาโอกาสไปกรวบหลวงพ่อพระทองคำที่วัดไตรมิตร สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของคุณมีความรุ่งโรจน์ รุ่งเรือง และมีความสดใสตลอดไป ... ฟันธง นี่คือเรื่องราวของคุณที่เกิดในราศีพิจิกตลอดทั้งปีครับ


ท่านที่เกิดในราศีธนู ( เกิดระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม - 15 มกราคม )
 
คุณที่เกิดในราศีธนู ดวงชะตาของคุณในปี 2552 นี้ เป็นปีที่คุณจะต้นพบตัวเอง ว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณก็จะเจอและพบในสิ่งที่คุณรอคอย คุณจะสมหวังในทุกอย่างที่คุณปรารถนา ...ฟันธง เพราะฉะนั้นนี่คืออาญาสิทธิ์แห่งฟ้า อาญาสิทธิ์แห่งดิน
 
การเรียน คนเรานั้นบางคนก็ยังไม่รู้ว่าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเปล่า เพียงแต่ว่ามีงานทำ มีเพื่อนที่คิดว่าเป็นเพื่อน แล้วก็มีชีวิตที่ดำเนินไปเพียงแค่สว่างแล้วก็มืด แต่คุณที่เกิดในราศีธนู ในปี 2552 นี้ คุณจะเจอตัวเองว่า จริงๆ แล้วคุณชอบอะไร แต่ถ้าเกิดอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็มีข่าวดี เช่น ประสบความสำเร็จในการเรียน ต่อให้ทำข้อสอบมั่วๆ กาข้อสอบมั่วๆ ก็ยังกาถูก เพราะฉะนั้นเป็นปีที่เรียกว่า เหมือนกับผีจับยัด คือโชคดี ทำอะไรก็ฟลุ๊คไปหมด
 
การงาน คนที่ทำงานแล้วจะได้เจอในสิ่งที่ใช่สำหรับตัวคุณเอง คนที่เป็นลูกน้องลูกจ้าง แน่นอน การได้รับการเลื่อนขั้นหรือการได้งานที่คุณปรารถนาหรือถนัดกับความรู้ ความสามารถ คุณจะสนุกกับงาน มีความสำเร็จเกิดขึ้นให้ได้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงต่างประเทศ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการลงทุนค้าขายระหว่างประเทศ เกี่ยวข้องกับไฮเทค เทคโนโลยี การสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงหรือจะเป็นประเทศไกลๆ ก็ได้ คุณจะเจอในสิ่งที่ใช่ แล้วถ้าหากคุณตั้งใจทำ คุณก็จะประสบความสำเร็จ แล้วความสำเร็จนี้จะนำพามาซึ่งความมั่นคง และมีความสุขจากการทำงานในปีนี้ ... ฟันธงครับ

การเงิน เมื่อการงานดี เงินทองก็ไหลมาเทมา คุณมีโอกาสที่จะรับเงินก้อนใหญ่ แต่คุณมีภาระของรายจ่ายที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้สักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามที คุณจะได้เงินมาค้ำจุนรายจ่าย แล้วเพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น มีสภาพคล่องที่ดี ไม่มีปัญหา ขอให้คุณมีความสุขกับการได้ใช้เงิน และมีความสุขกับการได้เงินครับ

ความรัก ในปีนี้ คุณจะได้พบเจอคู่แท้ คุณจะสมหวังในความรัก คนที่เป็นคู่ครองของคุณนั้น จะเป็นคนที่ช่างพูด ช่างเจรจา เป็นคนช่างเอาใจ เป็นคนที่มีอายุน้อยกว่าคุณ แต่เป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุข เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นใช่คู่แท้หรือเปล่า เวลาคุณอยู่ใกล้ชิดใครสักคนหนึ่ง แล้วคุณรู้สึกว่ามีความสุขโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร คุณรู้สึกว่าคุณมีความรู้สึกคิดถึงเมื่อคุณห่างไกล
 
สุขภาพและอุบัติเหตุ ปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ปัญหาสุขภาพทางกายของคุณจะหมดไป ความสุขทางกาย ความสุขทางใจที่เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่เอาชนะต่อวิบากชะตากรรม ในปีนี้จะไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามคุณได้ ขอให้คุณทำบุญเพิ่ม แล้วจะเป็นพลังที่สำคัญ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา ในปีนี้ขอให้คุณทุ่มเทเวลาให้กับเรื่องของการงาน ความรัก แล้วจะเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคุณ ทำให้คุณสมหวัง และมีความสำเร็จเกิดขึ้น ปีนี้เป็นปีทองที่โดดเด่นที่สุดในรอบ 12 ปี แล้วก็จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ขอเพียงแต่คุณเป็นคนดี และตั้งใจทำในสิ่งที่ดี ฟ้าและดินจะประทานความสำเร็จให้กับคุณครับ


ท่านที่เกิดในราศีมังกร ( เกิดระหว่างวันที่ 16 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ )

คุณที่เกิดราศีมังกร ในปี 2551 คุณจะมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเป็นห่วงสำหรับชาวราศีมังกรครับ
 
การเรียน คนที่เกิดในราศีมังกร ในปี 2552 นั้น เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ดวงจู๋ แต่พอผ่านเดือนเมษายนไปแล้ว ดวงคุณจะรุ่ง ดวงเจ๋ง มีโอกาสที่จะสมหวังในเรื่องของการเรียน ในเรื่องของการสอบ น้องๆ ที่อยู่ในราศีนี้จะสมหวังจากการสอบ และในเรื่องของการเรียนก็จะเป็นไปตามที่ปรารถนา ... ฟันธงครับ

การงาน ในปี 2552 จะเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงการงานของคุณ ชีวิตจะเปลี่ยนไป แต่การที่จะเปลี่ยนไปนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพ เพราะเรื่องสุขภาพของคุณนั้นน่าเป็นห่วง จะมีมุมที่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากผู้ใหญ่และคนรอบตัว บริวารดีขึ้น ได้อย่างใจขึ้น และในปีนี้คุณจะโชคดี คุณจะได้รับการส่งเสริมจากคนรอบตัวให้เจริญก้าวหน้าและมีความสำเร็จ โดยเฉพาะหลังจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป การงานของคุณจะรุ่งโรจน์ ... ฟันธงครับ
 
การเงิน สภาพคล่องทางการเงินในปีนี้ คุณจะมีรายจ่ายมากขึ้น แต่ก็มีรายรับมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คุณจะมีเกณฑ์ของรายจ่ายกับการลงทุน กับการขยับขยายหรือกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิต แปลว่า ในปีนี้ ได้มากกว่าเสียออกไป แต่เหลือเก็บนั้นไม่มากเท่าไร ถ้าหากว่ามีหนี้สินจะเป็นผลดีต่อชีวิต ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดี เพราะว่าดาวราหูค้นทรัพย์ในเรือนการเงิน แล้วเดี๋ยวรอปีหน้าฟ้าใหม่ คือปี 2552 คราวนี้แหละ เงินทองจะไหลมาเทมา จากหนี้สินในครั้งนี้ คือหนี้จะคงอยู่ยาวๆ อย่างนี้เลยนะ แล้วบางทีไม่ใช่ดูวันสองวัน เดือนสองเดือน หรือปีเดียว จะต้องดูล่วงหน้าด้วย
 
ความรัก คุณที่เกิดในราศีมังกรที่ยังเป็นโสดอยู่ คุณควรจะโสดต่อไป ดวงชะตาของคนที่เกิดในราศีมังกร ถ้าคิดจะมีคู่หรืออยากจะสมหวังในความรัก หลังจากวันที่ 21 เมษายน ล่วงไปไม่เกิน 3 เดือน จะเจอคนๆ นั้นเข้ามาในชีวิต แล้วคุณจะมีความชุ่มชื่นในหัวใจ ส่วนคุณจะรั้งเขาเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเสน่ห์ และขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของคุณกับคนๆ นั้น ส่วนใครที่มีครอบครัวแล้ว ต้องระมัดระวัง จะมีเกณฑ์มีปัญหาในเรื่องชู้สาว มีความอีรุงตุงนัง วุ่นวาย ให้คุณใส่ใจกับเรื่องของการงานจะดีกว่า

สุขภาพและอุบัติเหตุ คุณจะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและฟัน มีปัญหาแน่ๆ ก็คือ มีปัญหาเกี่ยวกับการปวดข้อ ปวดกระดูก มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกรับน้ำหนักของคุณไม่ไหว มีปัญหาสะบักจม ไหล่ติด หรือฟันมีปัญหา เพราะฉะนั้นคุณควรจะไปหาหมอและตรวจร่างกายให้ดี เรื่องอุบัติเหตุ ดูแล้ว ก็มีความน่ากลัวอยู่เหมือนกัน จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณจะต้องมีความระมัดระวังในการเดินทางทางรถยนต์ให้ดี

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา ช่วยทำให้คุณพ้นเคราะห์คือ การไปกราบสักการะหลวงปู่ทวด ควรหาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาแขวนเอาไว้ในรถ จะทำให้คุณแคล้วคลาดปลอดภัย และสิ่งที่จะทำให้คุณมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จ คือคุณควรไปกราบสักการะพระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู ซึ่งประดิษฐานที่อยู่ที่หน้าพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยาราม จะเป็นสิริมงคล เสริมชะตาชีวิตของคุณครับ

 
ท่านที่เกิดในราศีกุมภ์ ( เกิดระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม)
 
คุณที่เกิดในราศีกุมภ์ เป็นคนที่มีชีวิตแบบแปลกๆ แปลกในเพศ แปลกในอาชีพ แปลกในความคิด แปลกในจิตวิญญาณ คนที่เกิดราศีนี้ ในปี 2551 - 2553 นี้จะมีชีวิตที่มีความรุ่งโรจน์ ... ฟันธงครับ
 
การเรียน ในขณะนี้มีจังหวะของดวงชะตาที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องของการเรียน ถ้าเกิดคิดสอบหรือศึกษาต่อ จะสมหวังตามที่ปรารถนา แล้วในปีนี้ เป็นปีที่ดวงชะตากำลังจะเริ่มต้นตั้งหลัก หลายคนต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วเจอสิ่งที่ใช่ ทั้งเรื่องการงาน ทั้งเรื่องการเรียน ทั้งเรื่องคนที่คุณรัก

การงาน คนที่เกิดราศีนี้ ถ้าทำงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติ เรื่องของการตรวจสอบ เรื่องของการเมือง ทำงานในวงการบันเทิง เป็นนักแสดง ก็จะประสบความสำเร็จมาก ในปี 2552 เป็นปีทองของชีวิตในเรื่องของการงาน จะมีความรุ่งโรจน์ที่สุด ... ฟันธงครับ เพราะฉะนั้น เมื่อดวงชะตาของคุณเป็นอย่างนี้ ก็ขอให้คุณมีความขยัน เพราะฟ้าเปิดโอกาสให้กับคุณแล้ว
การเงิน คุณจะได้เงินก้อนงาม เงินทองไหลมาเทมา เงินก้อนใหญ่จะเกิดขึ้น แล้วในปี 2552 จะมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ได้เงินก้อนงาม อาจจะได้รับเงินก้อนใหญ่จากโปรเจคใหญ่ หรืออาจจะได้รับเงินจากโบนัสพิเศษ หรืออาจจะถูกลอตเตอรี่ ..ฟันธง เพราะฉะนั้นคนที่เกิดในราศีกุมภ์ ถือว่าโชคดีเหลือเกิน นี่เป็นอีก 1 ปี ที่คุณสามารถจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และเป็นปีทองเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ครับ

ความรัก เป็นเรื่องที่น่าเศร้า คุณมีเกณฑ์ผิดหวัง มีเกณฑ์ถูกทิ้ง มีเกณฑ์ที่จะทิ้งเขา ไม่ว่าจะทิ้งเขาหรือเขาทิ้งเรา หรือเจอแล้วไม่ใช่ เศร้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องความรักยังไม่ลงตัว อาจจะพลัดพรากห่างไกลกัน เพราะการที่เขาไปเรียนต่อ หรือตัวคุณอาจจะต้องไปเรียนต่อ หรืออะไรก็ตามที ดังนั้นคุณอย่าใส่ใจในเรื่องของความรักให้มาก เป็นปีที่ความรักยังไม่ลงตัว คู่ครองของคุณเป็นคนหน้าตาดี เป็นผู้นำ เป็นคนที่ได้ที่ 1 ตลอด เป็นคนที่เด่น เพราะฉะนั้นมีคนเข้ามาจีบคุณ ถ้าเขาไม่เด่น ไม่ใช่ ... ฟันธงครับ

สุขภาพและอุบัติเหตุ สามารถชี้ชัดได้เลยในดวงชะตา กับโรคซุ่มซ่าม เป็นแผลเล็กๆ น้อยๆ ส่วนเรื่องใหญ่ๆ นั้นไม่น่ากลัว อุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทางรถยนต์นั้นไม่มี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามทีในทางโหราศาสตร์ กล่าวเอาไว้ว่า “อสุรินทร์ถึงลัคนาใน บาปพระเคราะห์จรไปมาต้องทับกัน อีกทั้งจันทร์มาทับลัคน์ ท่านทายว่าตัดชีวาถึงอาสัญ” จะมีเกณฑ์ของการสูญเสียหรือพลัดพราก และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันในเดือนเมษายน จะต้องระมัดระวังอยู่เดือนเดียว อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นกับคุณ ต้องมีความระมัดระวังครับ

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา คุณควรหาจตุคามรามเทพ จะเป็นรุ่นใดก็ตามที ที่คุณมีความเคารพศรัทธา มาห้อยคอหรือมาแขวนเอาไว้ที่คอของคุณ แล้วไปกราบสักการะองค์จตุคามรามเทพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปไหว้วัดพระบรมธาตุ ไปไหว้ศาลพระหลักเมืองที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปไหว้แม่นางพระยา ที่วัดนางพระยา ปากนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งนี้จะช่วยเสริมชะตาชีวิตของคุณ ทำให้คุณมีความเจริญรุ่งเรือง

 
ท่านที่เกิดในราศีมีน ( เกิดระหว่างวันที่ 14 มีนาคม - 12 เมษายน )
 
ราศีนี้เป็นราศีของคนที่จะประสบความสำเร็จในปีชวด เป็นปีที่สวยหรู ชีวิตของคุณจะรุ่งโรจน์ ..ฟันธงครับ เมื่อเริ่มต้นอย่างนี้ คุณก็จะสบายใจ

การเรียน น้องๆ ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนก็จะสามารถอ่านเขียนเรียนหนังสือ รู้เรื่องทุกประการสอบเข้าศึกษาต่อได้ตามใจที่ปรารถนา ขอฟ้าดินจงประทานพร

การงาน การงานจะมีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ คุณจะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เพราะฉะนั้นในเรื่องของการงาน จะไปได้สวย ขอให้คุณมีความตั้งใจ ใครที่ลงทุนทำการค้าขาย ก็จะมีลู่ทาง มีช่องทางในการขยับขยาย ที่มีการพัฒนาให้เกิดเป็นความเจริญก้าวหน้าและมีความมั่นคง ผมมั่นใจ

การเงิน คุณจะมีรายจ่ายมากสักหน่อย แต่คุณก็จะหาเงินมาพอดีกับรายจ่าย รวมถึงการลงทุน อาจจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ สำหรับคนที่ทำการค้าหรือทำธุรกิจ อาจจะต้องเป็นหนี้เป็นสินในการลงทุน ไม่ต้องกลัว พอปีหน้าฟ้าใหม่ คือปี 2552 พอปี 2552 – 2553 ทุกอย่างก็จะกลับคืนมา เพราะฉะนั้น ในปีนี้ เงินทองจะไหลมาเทมา ถ้าเก็บเอาไว้ ไม่ได้ใช้ ก็ถือว่ามีเงินเยอะ แต่ถ้าเกิดนำเงินไปลงทุน ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเงินก็จะงอกเงยกลับคืนมาในปีต่อๆไป สรุปว่า การเงินคล่องตลอดทั้งปี ... ฟันธงครับ

ความรัก ในปีนี้ เรื่องของความรักนั้น เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าไปใส่ใจให้ความสำคัญนัก เพราะคุณเป็นคนอาภัพรัก เป็นคนที่ครองคู่กับใครได้ยาก ขอให้คุณใส่ใจกับเรื่องของการงาน ใส่ใจกับเรื่องของการหาเงินจะดีกว่า คู่ครองของคุณนั้นจะเป็นช่างพูด ช่างเจรจา และมีอายุน้อยกว่าคุณ 4 – 5 ปี แต่ถ้าเกิดว่าคุณเจอคนๆ นั้นในปีนี้ ก็รอไปอีกสักระยะหนึ่ง สัก 3-4 ปี ถ้าคบกับใครไม่เกิน 5 ปี อย่าแต่งงาน มิฉะนั้นคุณจะมีปัญหาตามมา อย่าแต่งงานแบบปุบปับ เพราะจะมีปัญหา อย่าปุบปับป่อง เพราะจะมีปัญหา ต้องระมัดระวังตัวเอง

สุขภาพและอุบัติเหตุ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะคุณมีสุขภาพแข็งแรง เรื่องอุบัติเหตุก็ไม่มี ไม่ต้องกังวล

สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา ในปีนี้ คุณควรหาโอกาสไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในต่างถิ่นต่างแดน เช่น ในประเทศจีน ในธิเบต ในพม่า อาจจะไปไหว้พระธาตุชเวดากอง หรือพระธาตุมุเตา หรือจะไปไหว้พระทันใจ ที่วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน หรือจะเดินทางไปต่างประเทศที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือจะไปที่ไหนก็ได้ แต่ให้ไปในประเทศที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของศาสนาพุทธ สำหรับคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ อาจจะไปแสวงบุญตามแนวทางของคุณ ทำให้คุณมีความรุ่งโรจน์และประสบความสำเร็จครับ เทวดารักษา คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง ขอให้โชคดีครับ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #342 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 01:39:42 »

ดูดวงปี 2552

มานิต - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา
 
ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีชวด

         ปีนี้ค่อนข้างสดใสรุ่งเรือง จะได้รับการส่งเสริม สนับสนุน อย่างดีจากผู้คนรอบข้าง ความสัมพันธ์อันดีนี้จะชักนำไปสู่การลงทุนและโครงการดีๆ ต่างๆ ในอนาคต
         ปี 2552 ผู้ที่เกิดปีชวด  ต้องขยันหมั่นเพียรทั้งในเรื่องการเรียน หรือการงาน จะทำให้ประสพผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แต่ให้ระวังผู้ไม่หวังดีคอยอิจฉาริษยา และอาจสร้างอุปสรรค ปัญหาให้แก่ท่านได้ จึงต้องระมัดระวังให้มาก ไม่ว่าจะทำการสิ่งใด ต้องใช้สติปัญญา ไตร่ตรองและรอบคอบให้มาก
        ด้านการงาน ในปีนี้ถือว่าราบรื่นมั่นคง หากจะลงทุน หรือขยายกิจการใดๆ ก็จะเจริญก้าวหน้าดี ระวังผู้ไม่ประสงค์ดีจะหาทางกลั่นแกล้ง  ทำการใดๆ ต้องรอบคอบ หัดสังเกต ผู้ที่ทำงานด้านการผลิต หรือสัญญาการซื้อขายต่างๆ ต้องเพิ่มความระวังเป็นสองเท่า อย่าประมาทเด็ดขาด
       ด้านการเงิน  อยู่ในเกณฑ์ที่ดี การค้าการลงทุนได้ผลตอบแทนคุ้มค่า แต่ระวังการใช้จ่าย ห้ามสุรุ่ยสุร่าย ควรตรวจสอบการบริหารจัดการ เรื่องเงินทองให้ดี ควบคุมดูแลบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้รอบคอบ อย่าได้ประมาท ส่วนโชคลาภไม่มี ไม่ควรเสี่ยง
        ด้านความรัก ในปีนี้ ความรักของท่านเต็มไปด้วยสีสัน สดใสเบ่งบานมีชีวิตชีวา หากคิดจะผูกมิตร หรือสร้างสัมพันธไมตรีกับเพศตรงข้ามก็จะราบรื่น แต่ไม่ควรใจร้อนรีบเร่งเกินไป หากเป็นเพศหญิงต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ รักนวลสงวนตัวให้ดี มิฉะนั้นจะพลาดท่าได้ง่าย
         ด้านสุขภาพ  ปีนี้ต้องระมัดระวังดูแลสุขภาพให้ดีเป็นพิเศษ พยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกาย มิฉะนั้น มีเกณฑ์เจ็บไข้ได้ป่วยจนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อแน่


ดวงชะตาของท่านที่เกิดปีฉลู

        ท่านที่เกิดปีฉลู  ปี 2552 นี้ เป็นปีที่มาบรรจบตรงกับปีเกิดของท่านพอดี ถึงแม้ว่าดวงชะตาจะไม่ได้ชงหรือปะทะกับเทพผู้คุ้มครองดวงชะตา  แต่ในเรือนชะตาของท่านมีดาวอัปมงคลหลายดวงปะปนอยู่ ส่งผล ทำให้มีอุปสรรคมาขัดขวางความสำเร็จ  จึงควรเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ   หรือหาผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อเป็นที่ปรึกษาในยามที่เกิดปัญหาเข้ามา อีกทั้งยังต้องมีความอดทน มุมานะอุตสาหะในการทำงานเป็นสองเท่า จึงจะสามารถขจัดอุปสรรคปัญหาต่างๆได้  
        ด้านการงาน  ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นให้มากๆ หลีกเลี่ยงการมีปัญหากับเจ้านาย ลูกน้อง และลูกค้า ใช้วิธีประนีประนอม และยืดหยุ่นในการทำงาน
        ด้านการเงิน   ดวงการเงินเสียหาย เงินทองรั่วไหลออกไปโดยง่าย  ต้องวางแผนการจับจ่ายใช้สอยยึดหลักความพอเพียง ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ระวังภัยที่จะเกิดในที่พัก และ เก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองไว้ในที่ปลอดภัย
        ด้านสุขภาพ  ระวังเคราะห์ภัยจากของแหลมคม จนเลือดตกยางออก  และระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเดินทางสัญจรไปในที่ต่างๆ
        ด้านความรัก   ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวไม่ดี  อันเกิดจากอารมณ์ที่ฉุนเฉียวง่ายของตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ทำให้คนใกล้ตัว ตลอดจนเพื่อนฝูงหนีหายไป


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีขาล

        โชคชะตาของผู้ที่เกิดปีขาล ในปีนี้เนื่องจากมีดาวอัปมงคลหลายดวงเข้ามาก่อกวนอยู่ในเรือนชะตา ทำให้ดวงชะตาผันผวนขึ้นๆ ลงๆ  จะทำสิ่งใดมักติดๆชัดๆ  แต่ก็ยังดีมีดาวให้โชคอยู่บ้าง  เพราะฉะนั้นควรระมัดระวัง ดูแลตัวเองให้ดี จะทำอะไรต้องรอบคอบ หมั่นทำบุญ ทำกุศล ให้มาก ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นไปด้วยดี
        ด้านการงาน ในปี 2552 นี้ ...เนื่องจากในพื้นดวงมีดาวมงคลเข้ามาช่วย โคจรเข้าสู่เรือนชะตา โดยเฉพาะดาวมงคลพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงแรงกล้า  เปรียบเสมือนเป็นดาวส่องสว่างนำทางโชคชะตาให้มีความเจริญก้าวหน้า การงานคลี่คลาย แก้ไขฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามที่ขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าของท่านให้หมดไปได้ พลิกผันดวงชะตาให้กลายเป็นดีในที่สุด แต่ต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญให้รอบคอบ
        ด้านโชคลาภ การเงิน  ปีนี้มีดาวอัปมงคลทำให้เงินทองรั่วไหลได้ง่าย  ต้องอดออมเป็นพิเศษ ต้องควบคุมและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น  ระมัดระวังผู้ที่เข้ามาหาผลประโยชน์ หากคิดจะลงทุนทำการใดๆ ต้องพิจารณา และหาผู้รอบรู้มาช่วยหลายๆ ทาง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร
           ด้านความรัก  จะมีเรื่องมงคลที่น่ายินดีเกิดขึ้น ชาวปีขาลปีนี้จึงถูกตาต้องใจกับเพศตรงข้าม ฉะนั้นท่านที่ยังเป็นโสดเป็นไปได้ว่าจะพบคนถูกใจ ได้ปลูกต้นรักกับเขาสักที ส่วนท่านที่มีคู่แล้วความรักความสัมพันธ์หวานชื่นดี
        ด้านสุขภาพ ในปีนี้ไม่ค่อยแข็งแรง  ระวังการเจ็บป่วยที่เกิดจากการกินอาหาร เป็นผลต่อลำไส้ และความเครียด ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ควรพักผ่อน ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ฝึกจิตใจให้สงบด้วยการนั่งสมาธิบ้างก็จะเป็นการดีมาก


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีเถาะ

             ผู้ที่เกิดปีเถาะ ปี 2552 นี้ โชคชะตาไม่ค่อยราบรื่น มีอุปสรรคขัดขวางตลอดทั้งปี โชคชะตาชีวิตไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ต้องดำเนินชีวิตอย่างราบเรียบ และระมัดระวัง จะทำสิ่งใด ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
        ด้านการงาน  ต้องประสานงานกับเพื่อนร่วมงานให้ดี  ยึดหลักความสามัคคี  และหาวิธีเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ให้ดี  โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับหัวหน้า ผู้บริหาร ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน อย่าโต้เถียงหรือพยายามหาเหตุผลสนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง และไม่ควรขัดแย้งทางความคิดกับผู้บังคับบัญชา มิฉะนั้นงานจะชะงัก และแก้ไขไม่ได้ ปีนี้ตลอดทั้งปี คุณต้องยอมอ่อนข้อให้กับคนอื่น การแข็งข้ออาจมีผลกระทบต่อการงานได้
         ด้านการเงิน ไม่ดีเลย รายได้ลด ต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มีรายจ่ายที่ไม่คาดคิดเข้ามาอยู่เสมอ ดังนั้นต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินให้ดี เก็บเงินให้มาก มิฉะนั้นท่านอาจจะพบกับสถานการณ์เงินทองติดขัดได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ไม่ควรให้ใครหยิบยืมเงินเด็ดขาด รวมทั้งไม่เหมาะที่จะลงทุนทำกิจการใดๆ เพราะมีเกณฑ์เสียเงินเปล่า
       ด้านความรัก ปีนี้ความรักความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี มีเรื่องที่ต้องขัดแย้งกันเสมอ ความคิดเห็นไปกันคนละทาง เป็นเหตุให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกัน จึงต้องอดทนให้มาก อย่าถือทิฐิดื้อรั้นเอาแต่ใจตนเอง เพราะจะทำให้ความสัมพันธ์กับคู่รักร้าวฉาน ควรมีความอดทน โอนอ่อนผ่อนตามเป็นฝ่ายถอยบ้าง ชีวิตรักจะได้ยั่งยืนยาวนาน
        ด้านสุขภาพ  ปีนี้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ควรเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตัวเองให้มาก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ..อย่าทำงานหักโหมเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป ถ้าเจ็บป่วยรีบหาหมอทันที  นอกจากนี้ควรดูแลสุขภาพของผู้ใหญ่ในครอบครัวให้มากเป็นพิเศษด้วย


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีมะโรง

        ในปี 2552 นี้ ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีมะโรงโดยรวม มีทั้งดีและร้ายปนกัน  หน้าที่การงานถึงแม้มีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ดำเนินรุดหน้าไปได้ด้วยดี  ไม่ว่าจะทำการใดๆ อย่าใจร้อนบุ่มบ่าม ใช้สติปัญญาใคร่ครวญให้มาก เพื่อที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ให้พ้นทาง ด้านดวงโชคลาภและสุขภาพปีนี้ไม่สู้ดีนัก จึงควรระวังให้มาก ระวังจะเสียทรัพย์สินเงินทองโดยไม่รู้ตัว  สุขภาพอนามัยอาจต้องเจ็บป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ
        ด้านการงานปีนี้  ต้องประสานการทำงานกับเพื่อนร่วมงานให้ดี  ยึดหลักความสามัคคีกลมเกลียว เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างาน อย่าโต้เถียงโดยเด็ดขาด ต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้กับผู้อื่น มิฉะนั้นจะกระทบกับงานได้ ระวังคนให้ร้ายด้วยเพราะฉะนั้น นิ่งเฉยอย่ามีเรื่องกับใคร ดีที่สุด  
        ด้านโชคลาภ ระวังจะถูกหลอกลวงหรือตกหลุมพรางที่ผู้อื่นวางไว้ จะคบใครเชื่อใคร หรือให้ใครช่วยทำอะไร ต้องวิเคราะห์พิจารณาคนให้ทะลุปรุโปร่ง  ระวังอย่าให้เกิดเรื่องมีคดีความขึ้น เพราะจะทำให้เสียชื่อเสียงและทรัพย์สินเงินทอง
        ด้านความรัก ปีนี้ความรักความสัมพันธ์ไม่สู้ดีนัก มีเรื่องที่ต้องขัดแย้งเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง  เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะมีปากเสียงกัน ต้องอดทนให้มาก อย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ หรือดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเอง มิฉะนั้นความสัมพันธ์จะขาดสะบั้น  
        ด้านสุขภาพ  ระวังการเจ็บป่วยที่เกิดจากกินอาหารสกปรก  หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีมะเส็ง

        ดวงชะตาของท่านในปี 2552 นี้ ...มีทั้งอุปสรรคและความสำเร็จปะปนกัน  ต้องพยายามช่วยเหลือตนเองให้มาก ต้องมีสติ ระมัด ระวังตัว แก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยความรอบคอบ อย่าประมาทและหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่จะทำให้เสื่อมเสีย โดยเฉพาะคนพาล การพนัน อบายมุข หรือการทุจริตในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ หากเกิดอุปสรรคปัญหาใดๆ ขึ้นมา ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว  หากท่านพยายามอย่างเต็มความสามารถแล้ว เรื่องทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่นอน
        ดวงชะตาปีนี้ เนื่องจากมีดาวอัปมงคลอยู่เหนือเรือนชะตา ส่งผลให้ได้พบเจอคนพาล คนไม่ดี ทั้งในที่ทำงานและวงการธุรกิจ ซี่งคอยจ้องหาโอกาสใส่ร้ายป้ายสี ปล่อยข่าวลือทำให้เสียหาย จึงต้องระวังคนที่เข้ามาทำความรู้จัก ซึ่งภายนอกดูดีแต่ลับหลังคิดร้าย  ดังนั้น ควรหาทางหลีกให้ห่างไกลจากคนกลุ่มนี้
        ด้านการงาน ปีนี้ไม่โดดเด่น แต่ก็พอไปได้  แม้ว่าจะเกิดอุปสรรคใดๆ ก็จะสามารถแก้ไขฝ่าฟันอุปสรรคเปลี่ยนจากเคราะห์ร้ายเป็นดีและจะผ่านพ้นปัญหานั้นๆ ไปได้ด้วยดี  ทั้งนี้เนื่องจากมีดาวมงคลปรากฏอยุ่เรือนชะตา  ขอเพียงให้มีความขยันหมั่นเพียร อดทน และใช้สติปัญญาให้ดี  ก็จะประสพผลสำเร็จในธุรกิจการงานเป็นที่ยอมรับ สิ่งที่ควรระวัง คือ การขัดแย้งกับผู้อื่น  ควรหลีกเลี่ยงซะ อย่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผิดกฎหมายเป็นอันขาด
        ด้านโชคลาภ การเงิน  ปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี การค้าการลงทุนได้ผลตอบแทนคุ้มค่า แต่ต้องระวังอย่าใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย  ควรตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทอง อย่าให้รั่วไหล ควบคุมดูแลบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้รอบคอบ อย่าประมาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ไม่เช่นนั้นจะเสียใจในภายหลัง  และควรระวังจะถูกผู้อื่นหลอกลวงเอาทรัพย์สินเงินทองไป
        ด้านความรัก  ในปีนี้ความรักของท่านเต็มไปด้วยสีสันสดใส เบ่งบานมีชีวิตชีวา หากคิดจะผูกมิตรหรือสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับเพศตรงข้ามก็จะราบรื่นดีแบบค่อยเป็นค่อยไป
        สุขภาพร่างกาย  อยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ พักผ่อนให้เพียงพอ   ระมัดระวังอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ควรไปไหนในที่เปลี่ยวในเวลากลางคืน


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีมะเมีย

     ดวงชะตาของท่านที่เกิดปีมะเมีย (รอข้อมูล)
     ในด้านการงาน  
     ด้านโชคลาภการเงิน  
    ด้านความรัก    
    ด้านสุขภาพปีนี้

ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีมะแม

        ดวงชะตาของท่านที่เกิดปีมะแมในปี 2552 เนื่องจากปีนี้เป็นปีฉลู ซึ่งเป็นคู่อริกับปีมะแมโดยตรง และยังชง (ปะทะ) กับเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา  ทำให้ปีนี้ดวงชะตาต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคนานาประการ  จึงต้องเตือนตนเองให้มีสติระมัดระวัง เตรียมพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ควรอดทน สุขุมรอบคอบ ใคร่ครวญให้ดีก่อนจะทำการใดๆ  หลีกเลี่ยงการมีปากเสียง ทะเลาะกับผู้อื่น หมั่นทำบุญทำกุศลให้มากก็จะแคล้วคลาดไปได้อย่าลืม
        ในด้านการงาน  ต้องมีสติ ใจเย็น รู้จักประนีประนอม  และรักสันติ เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับท่านในปีนี้ อย่าได้ทำการใดๆ ที่เป็นการขัดแย้งกับบุคคลอื่น ต้องอดทน ยอมอ่อนข้อลดราวาศอกลงในทุกๆ เรื่อง ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องยุ่งยากต่างๆ จึงจะไม่เกิดความเครียดและโทสะ เมื่ออารมณ์ของท่านนิ่งสงบก็จะมีสติ สามารถมองทะลุปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา และหาทางคลี่คลายไปด้วยดี  นอกจากนี้ในดวงมีเกณฑ์ว่า มีแนวโน้มที่จะทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะถึงชั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ดังนั้นต้องประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด
        ด้านโชคลาภการเงิน   เนื่องจากมีดาวอัปมงคลครอบงำอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้ทรัพย์สินเงินทองรั่วไหลการลงทุนผิดพลาดล้มเหลว จึงควรหลีกเลี่ยง รวมทั้งต้องงดการเสี่ยงโชค เล่นการพนัน ดูแลทรัพย์สินเงินทองให้ดี อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย มีการวางแผนด้านการเงินให้เหมาะสม อย่าปล่อยให้มีแต่จ่ายออกเพียงอย่างเดียว ต้องหารายรับเข้ามาด้วย ต้องเก็บออมเงินไว้บ้างเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน  
        ด้านความรัก   ปีนี้อารมณ์หงุดหงิดง่าย เมื่อมีสิ่งใดมากระทบก็จะอ่อนไหว และมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย มักจะทำอะไรหุนหันพลันแล่น เป็นเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกับผู้อื่นง่าย โดยเฉพาะคนใกล้ตัวเช่น คนรัก หรือญาติสนิท ทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหินไป ปรับปรุงตัวซะก่อนที่จะสายไป
        ด้านสุขภาพปีนี้  ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จะเจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ต้องดูแลและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พยายามพักผ่อนให้มากๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด และต้องระวังอย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากเกินไป  นอกจากนี้ห้ามปีนป่ายที่สูงเด็ดขาด เพราะมีเกณฑ์ว่าจะตกลงบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีวอก

        ท่านที่เกิดปีวอก  ตลอดทั้งปี 2552 นี้ ...จะบังเกิดแต่สิ่งดีๆ เข้ามามากมาย แม้ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นบ้างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปีนี้หากตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว จะได้รับความสำเร็จมีผลงานที่โดดเด่นเหนือผู้อื่นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีดาวมงคลหลายดวงโคจรมาเสริมส่ง โชคชะตาจึงมีความสดใสเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ก็มีดาวอัปมงคลโคจรเข้ามาคอยบั่นทอนเช่นกัน จึงต้องระวังเอาไว้บ้าง
        ดวงการงานในปีนี้ เนื่องจากมีดาวมงคลหลายดวงโคจรเข้ามาปรากฏบนเรือนชะตา จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ดังนั้นถ้าคิดจะลงทุนทำกิจการใหม่ หรือขยายกิจการในช่วงปีนี้ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด ควรรีบฉวยโอกาสทองนี้ไว้  ปีนี้จะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ และผลงานจะโดดเด่นกว่าผู้อื่น จะได้รับความชื่นชมยินดีจากคนรอบข้าง ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ส่วนท่านที่ทำงานประจำหรือรับราชการ ก็จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือน ดังนั้นปีนี้ถือเป็นปีทองของท่าน
   นอกจากนี้ ต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง อย่าได้หลงลำพองหยิ่งผยองเป็นอันขาด  แม้จะเป็นปีแห่งความสำเร็จ แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะในดวงชะตายังมีดาวอัปมงคล เพ่งเล็งอยู่เช่นกัน ยามใดที่ประมาท ก็จะเพลี่ยงพล้ำเสียหายได้
   ด้านโชคลาภในปีนี้ ดาวโชคลาภเปล่งประกายสดใส ถือว่าเป็นปีที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินหรือการลงทุนก็จะได้รับผลกำไรคุ้มค่า กิจการรุ่งเรืองเงินทองไหลมาเทมา แต่ว่าต้องรู้จักระวังตัว อย่าลงทุนจนเกินกำลังความ สามารถของตนเอง และระวังผู้ไม่ประสงค์ดี หรือศัตรูที่คอยแต่ฉวยโอกาสกลั่นแกล้งหลอกลวง ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายให้แก่ท่านอย่างมาก สิ่งสำคัญ คือการคบคนอย่าหลงเชื่อใจใครง่ายๆ ควรไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจทำการใดๆ
        ด้านความรัก  ปีนี้ความรักหอมหวานสดชื่น และมีหลากหลายรูปแบบ ความสัมพันธ์ของท่านกับคู่รักได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ในปลายปีจะเป็นโอกาสในการดองเป็นทองแผ่นเดียว จึงควรสานสายใยแห่งรักให้แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น และเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับคู่รักที่จะลั่นระฆังวิวาห์ในปีนี้
   ในปีนี้สุขภาพร่างกาย  อยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ ระวังเรื่องอาหารการกินให้ดี จะมีผลให้เกิดการเจ็บป่วยของกระเพาะและลำไส้  ดูแลสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวให้ดีโดยเฉพาะผู้อาวุโส และระวังอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขับขี่ให้ดี


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีระกา

        ท่านที่เกิดปีระกา  ดวงชะตาของท่านในปี 2552 นี้ มีดาวมงคลและอัปมงคลรายล้อม กล่าวได้ว่า มีทั้งเรื่องดีและร้ายปะปนกัน สิ่งร้ายที่จะทำให้ท่านเดือดร้อน คือ ถูกปองร้าย หรืออุบัติเหตุเคราะห์ภัยทั้งทางบกและทางน้ำ  จึงต้องระมัดระวังให้ดี อย่าประมาท นอกจากนี้ให้ระวังเรื่องการพูดจา ที่อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดมีปากเสียงกันได้  แต่ก็นับว่าโชคดีที่มีดาวมงคลมากมายมาช่วยส่งเสริมแก้ไข  ส่งผลให้แม้มีอุปสรรคปัญหา ก็สามารถแก้ไขสิ่งร้ายให้กลายเป็นดีได้ ทำให้อาชีพการงานมีความเจริญก้าวหน้า ไปที่ไหนก็มีคนรักและเมตตา  
        ด้านหน้าที่การงาน ในปีนี้เนื่องจากในพื้นที่ดวง มีดาวมงคลหลายดวงโคจรเข้าสู่เรือนชะตา ถือได้ว่าเป็นลางที่ดี เปรียบเสมือนเป็นดาวส่องแสงสว่างนำทางโชคชะตาให้เจริญก้าวหน้า การงานจะมีผู้คนคอยช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ำจุน จึงส่งผลให้ทำสิ่งใดก็ล้วนราบรื่น สามารถคลี่คลายฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี  
        ด้านโชคลาภ การเงิน  ดวงทางการเงินมีดาวโชคลาภมาส่องแสงเจิดจรัสในเรือนชะตา จึงมีรายได้เข้ามาหลายทาง ทั้งลาภทางตรงและลาภลอย การลงทุนต่างๆ ให้ผลกำไรอย่างคุ้มค่า อาจจะมีเงินก้อนโตที่คาดไม่ถึงเข้ามา จึงนับเป็นปีที่เศรษฐกิจการเงินดี สิ่งสำคัญคือ อย่าละโมลโลภมาก เพราะอาจนำไปสู่การได้ไม่คุ้มเสีย ต้องใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และเก็บเผื่ออนาคตด้วย
         ด้านความรัก ในปีนี้ ชีวิตคู่ไม่โดดเด่น จืดชืดไร้รสชาติ อย่าได้ใช้อารมณ์เป็นอันขาด มิเช่นนั้นอาจจะนำพาไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง หรือยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ก็อาจจะขาดสะบั้นลงไปเลย ..ควรประคับประคองทะนุถนอมไว้ให้ดี สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจซึ่งกันและกัน  นึกถึงความดีที่ได้ทำต่อกัน ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  
         ด้านสุขภาพ  ในปีนี้ไม่สู้ดีนัก ระวังอย่าให้ร่างกายอ่อนแอ ทานอาหารมีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ และหมั่นออกกำลังกาย มีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ภัยอันตรายจากทางน้ำ  ถ้าหากจะไปท่องเที่ยวทางเรือ ต้องเตรียมการและระวังตัวให้มาก  และระวังเหตุทะเลาะวิวาทอาจถูกทำร้าย ถึงขั้นเลือดตกยางออก

 
ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีจอ

         ท่านที่เกิดปีจอ โชคชะตาโดยรวมของปี 2552 นี้ ...นับว่าดีมาก เนื่องด้วยมีดาวมงคลแห่งความร่ำรวย และดาวคุณธรรม โคจรเข้ามาช่วยส่งเสริม ส่งผลทำให้การงานรุ่งโรจน์ โชคลาภสดใส สมองปราดเปรื่อง จะทำอะไรก็สำเร็จสมหวังทุกประการ อุปสรรคเคราะห์ภัยอันตรายต่างๆ จะถูกคลี่คลายไปในทางที่ดี  สิ่งที่ต้องระวัง คือ เรื่องการพูดจา คิดให้ดีก่อนพูด ระวังการมีปากเสียงทะเลาะกับผู้คนรอบข้าง นอกจากนี้ต้องดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเองและผู้อาวุโสในครอบครัวให้ดี อย่าให้เจ็บไข้ได้ป่วย
         ด้านการงาน ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ และสามารถก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ทำอะไรก็จะสำเร็จสมหวัง สิ่งสำคัญที่ควรคำนึง คือ ยิ่งพบความสำเร็จมากเท่าไร ก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ให้บุคคลรอบข้างให้มากขึ้นเท่านั้น จะได้มีคนคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนมากๆ ความสำเร็จก็จะอยู่ในกำมือ สิ่งเดียวที่จะบั่นทอนสร้างปัญหา คือ เรื่องของการใช้คำพูด คิดก่อนพูด อย่านินทาใครลับหลังหรือพูดจาโดยขาดการไตร่ตรอง มิฉะนั้นคำพูดของท่านจะย้อนกลับมาทำร้ายท่านอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นอาจเกิดการทะเลาะวิวาทเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก
        ด้านโชคลาภ การเงิน ปีนี้ รายได้หลักดี แต่รายได้เสริมที่เคยมีเข้ามาจากหลายๆ ทาง ได้ลดน้อยถอยลงอย่างมาก จึงต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เพราะมีเรื่องที่ทำให้ต้องจ่ายอยู่เสมอ ทำบัญชีรับ จ่าย และเก็บเงินออมให้ดี  ปีนี้ไม่เหมาะกับการเสี่ยงโชค เล่นการพนันใดๆ รวมทั้งไม่เหมาะจะประกอบกิจการที่ใช้เงินลงทุนมาก เพราะอาจสูญเสียเงินไปโดยไม่ได้กลับมา
         ด้านความรักในปีนี้ คนโสดมีโอกาสได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หากคิดผูกมิตรหรือสร้างสัมพันธไมตรีกับเพศตรงข้ามก็จะราบรื่นดี ส่วนคนที่มีคู่รักแล้ว ความรักของท่านเต็มไปด้วยสีสันสดใส เบ่งบานมีชีวิตชีวา
         ด้านสุขภาพร่างกาย  อยู่ในเกณฑ์พอใช้  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และไม่ควรหักโหมตรากตรำทำงานจนเหน็ดเหนื่อยเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การล้มหมอนนอนเสื่อ ถ้าหากเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่าได้ชะล่าใจปล่อยปละละเลยทิ้งเอาไว้ โดยไม่ได้จัดการอะไรใดๆ เพราะท้ายสุดอาจเกิดการติดเชื้อร้ายแรงก็จะยากแก่การเยียวยารักษา  ระวังสุขภาพของผู้อาวุโสในครอบครัวด้วย ควรดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ


ดวงชะตาของผู้ที่เกิดปีกุน

        ดวงชะตาท่านที่เกิดปีกุนปี 2552 นี้ มีดาวไม่เป็นมงคลอยู่ในเรือนชะตา ซึ่งส่งผลต่อหน้าที่การงานและธุรกิจการค้า ให้มีอุปสรรค  และคู่แข่ง แย่งชิงผลประโยชน์  ต้องดูแลเอาใจใส่สุขภาพรวมทั้งความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัวทุกคนทั้งเด็กและผู้อาวุโส อีกทั้งต้องระวังความปลอดภัยในการเดินทางสัญจรบนท้องถนน โดยเฉพาะการขับขี่ยวดยานพาหนะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด
    
   ด้านการงาน ในปี 2552 นี้  มีอุปสรรคเข้ามาจากการร่วมงานกับคนอื่น ถูกโจมตี วิพากษ์วิจารณ์ นินทาจากผู้ไม่หวังดี  จงวางตัวนิ่งเฉย อย่าทำตัวเป็นจุดเด่น และต้องหมั่นผูกมิตรไมตรีกับคนรอบข้าง จึงจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน  ธุรกิจการค้าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าประมาทเลินเล่อเป็นอันขาด มิฉะนั้นผลเสียที่เกิดขึ้นอาจเลวร้ายจนยากต่อการแก้ไข  นอกจากนี้ให้ระวังคู่แข่งปรปักษ์ที่จะคอยกลั่นแกล้งมุ่งร้าย ทำลายความเจริญก้าวหน้าของท่าน อย่าได้ไว้วางใจใครง่ายๆ เป็นอันขาด
    แต่เนื่องจากในปีนี้ มีดาวมงคลม้าเดินทาง โคจรเข้ามา จึงเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวหรือไปทำการค้ายังต่างถิ่นต่างแดน ดังนั้นสิ่งที่ชาวปีกุนควรตระหนักไว้คือ ต้องเพิ่มความขยันและกระตือรือร้นในการทำธุรกิจให้มากขึ้น ทางออกที่ดี คือ ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การติดต่อหรือเดินทางไปทำการค้ายังต่างถิ่นต่างแดนจึงจะให้ผลตอบแทนกลับมาดี
   ด้านโชคลาภการเงิน   ของท่านในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ดวงลาภลอยไม่มี ดังนั้นไม่ควรคิดหวังรวยจากการเสี่ยงโชค โดยเฉพาะเรื่องการพนันขันต่อ เพราะท่านจะเสียมากกว่าได้ แต่ยังนับว่าโชคดีอยู่ที่ท่านมีรายได้ประจำจากงานที่ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ท่านต้องรู้จักอดออมไว้ให้มากระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ต้องประหยัดมัธยัสถ์ไว้ เผื่อฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากยามคับขัน
   ด้านความรัก ปีนี้มักมีอารมณ์ไม่คงที่ หงุดหงิดง่าย เมื่อมีสิ่งใดมากระทบมักจะอ่อนไหว และมีอารมณ์ฉุนเฉียว มักพูดจาไปกระทบกระทั่งผู้อื่น จนทำให้คนรอบข้างโดยเฉพาะคนรัก ญาติมิตรเบื่อหน่าย ฉะนั้นระวังควบคุมอารมณ์ให้จงดี
   ด้านสุขภาพ  ในปีนี้สุขภาพพลานามัยไม่แข็งแรง  จะมีโรคแทรกซ้อนเข้ามาไม่ขาดสาย เจ็บออดๆ แอดๆ เป็นประจำ เนื่องจากภูมิต้านทานโรคในร่างกายลดลง จึงเป็นเหตุให้โรคต่างๆ แทรกแซงได้ง่าย ดังนั้นเมื่อรู้สึกไม่สบาย ผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ตรวจรักษาทันที อย่าปล่อยไว้นาน แล้วคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก เพราะอาจลุกลามจนยากที่จะรักษาได้ นอกจากนี้ยังต้องดูแลเด็กๆ และผู้อาวุโสในครอบครัวให้ดี อย่าได้ละเลยเป็นอันขาด
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #343 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 01:56:01 »

เทพธิดาพยากรณ์ 2552 ( ราศีเกิด )

พี่วิวิธ - วิศวะ7 ... ส่งมา

ราศีมังกร Capricorn ( 15 มค.-14 กพ. )

ปีแห่งรัก สังคม และความก้าวหน้า ปีนี้ คุณมังกรทั้งหลายคงเจอแต่เรื่องที่ว่ามานี้เยอะหน่อยนะครับ ไพ่เลิฟเวอร์ขึ้นในตำแหน่ง เพื่อนฝูงมิตรสหายบอกได้เลยว่า ชาวมังกรปีนี้ อาจจะต้องพัวพันในเรื่องรักค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ไม่มีคนรักนะครับ แต่เลิฟเวอร์ไม่ได้แปลว่า รักเพียงอย่างเดียว แปลถึงอารมณ์อันสุนทรีย์ก็ได้ ดังนั้น ชาวมังกรที่ไม่ค่อยอยากวุ่นวายกับรักเพราะอะไรก็แล้วแต่ ก็ควรจะได้รับความรู้สึกในเชิงอารมณ์สุนทรีย์อย่างเต็มเปี่ยม อาจจะได้ทำงานด้านศิลป์ หรือไปสัมผัสกับสิ่งที่เป็นสุนทรีย์ก็ได้ บางคนอาจจะได้ใช้เวลาไปกับเรื่องความสุขส่วนตัวมากขึ้น ได้สัมผัสงานศิลป์ที่ตัวเองชื่นชอบอย่างเต็มเปี่ยม คุณมังกรอาจจะได้พบปะกับคนรู้จักที่หลากหลาย สามารถผูกมิตรภาพไว้ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคตก็ได้ ถึงได้บอกยังไงว่า ปีนี้ เป็นปีแห่งรัก และสังคม ศักยภาพของชาวมังกรจะได้ใช้อย่างเต็มที่มากขึ้น

ไพ่เอ็มเพอเรอร์ออกทั้งใบ ซึ่งไพ่ใบนี้ สามารถแปลได้ถึงการคอนแทคกับชาวต่างชาติก็ได้ ความคิดของชาวมังกรจะค่อนข้างเด่นในเชิงศิลป์ หรือสร้างสรรค์ อาจจะมีอะไรที่แหวกแนวออกมาให้คนฮือฮาได้ตลอดเวลาเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างจะนำไปสู่สิ่งหนึ่ง คือ ความก้าวหน้าพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ ดีไหมล่ะ ข้อด้อยของชาวมังกรในปีแพะนี้ ดูไปดูมาก็เห็นจะเป็นเรื่องของการเงินนี่แหละไม่เด่นเท่าไหร่ หากใช้ไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรมาก ก็คงไม่มีปัญหา แต่ก็จะเก็บหอมรอมริบได้ลำบากเหมือนกัน แต่ชาวมังกรจะไม่ค่อยเก็บเงินหรอก เพราะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ นั่นคือ การปูฐานให้กับชีวิต โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว แก่ๆ อย่างพ่อหมอ นี่คงไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะ

ภาระหน้าที่ การงาน การเรียน จะเข้ามาชุกชุมยังกะยุง บางคนอาจจะมีแผนไปต่างประเทศอย่างยุโรป อเมริกา ก็คงได้ไปสมใจ แต่ถ้าใครไม่มีแผน ก็รบกวนไปแถวๆ อินโดจีนก่อน คนที่ยังเรียนอยู่ จะให้เวลากับกิจกรรมมากขึ้น และมีอะไรใหม่ๆ ให้ทำได้ตลอดซีน่า ไม่มีเบื่อหรอก แต่อาจจะเหนื่อยมากหน่อย เหนื่อยแล้วดี ก็น่าเหนื่อยหรอกนะครับ ความเครียด และสุขภาพอาจจะมีผลต่อชาวมังกรค่อนข้างเยอะในปีนี้

ไพ่ที่แสดงถึงความเจ็บป่วยขึ้นถึงสองใบทีเดียว จึงควรรักษาสุขภาพไว้ให้มาก อาจจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อเยอะหน่อย แต่แรงใจยังคงดีอยู่ อย่างน้อย ก็มีไพ่ถ้วยเด่นๆ ขึ้นในตำแหน่งแรกล่ะน่า ก็มาว่าถึงความรักเลยก็แล้วกัน

ความรักของชาวมังกรปีนี้จะโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ก็ควรระวังไว้สำหรับคนที่พื้นดวงดั้งเดิม ( หรือนิสัยดั้งเดิมก็ได้ ) เป็นคนเจ้าชู้ เพราะปัญหามันอาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอารมณ์สุนทรีย์ และอารมณ์รักเหลือเฟือเกินไปนั่นเอง วางแผนแต่งงานสมควรจะเป็นครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะใกล้ๆ ปลายๆ ปีน่าจะเหมาะ คนที่ไม่มีแฟน ก็มีโอกาสจะหาคู่ได้เหมือนกัน มีโอกาสเยอะเสียด้วย แต่ก็ระวังว่าจะหาคู่ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่มีปัญญา หรือไม่มีโอกาส แต่เพศตรงข้ามอาจจะมีเข้ามาเยอะจนไม่สามารถตัดสินใจเลือกใครสักคนได้เลย  มันดูดีไปหมด กล่าวโดยสรุป คือ ปีนี้ เป็นปีที่ถือว่า ดีปีหนึ่งของชาวมังกรเชียวนะครับ ( เว้นแต่เรื่องเงิน ) แต่อย่าลืมเรื่องสุขภาพกับความเครียดด้วยล่ะ ปัญหาหนักทีเดียว

ราศีกุมถ์ Aquarius ( 15 กพ.-14 มีค. )

ปีแห่งการวางแผน ปีนี้ ชาวกุมภ์ คงไม่ต้องกุมขมับเหมือนปีที่แล้วหรอกนะครับ ไพ่ 2 ไม้เท้าที่ขึ้นในตำแหน่งแรก บ่งบอกถึงการมองไปในอนาคตข้างหน้า ชาวกุมภ์อาจจะมีโครงการอะไรบางอย่างในหัวสมองแล้วก็ได้ เพราะดูๆ แล้วหลายอย่างจะค่อยๆ โปร่งขึ้นเป็นลำดับ จังหวะชีวิตจะค่อยๆ หมุนไปตามครรลองของมัน ผันมาเป็นจังหวะขาขึ้นบ้างล่ะ หลังจากปีที่แล้ว อาจจะเจออะไรที่ไม่สบอารมณ์มาตลอด ไพ่พระขึ้น ในตำแหน่งหนุนเสริม แสดงว่า จะมีคนช่วยดึงเราขึ้นมา และจะชงจะปั้นให้เจริญก้าวหน้าอยู่ ใครที่มีผู้บังคับบัญชาดีๆ ก็น่าจะมีโอกาสในการสนับสนุนให้เราก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ แต่อย่างว่าแหละ มันก็ต้องวางแผนด้วยว่าจะก้าวไปอย่างไร จุดพลิกผันให้เราเกิดสะดุด ก็มีเหมือนกันไม่ใช่ไม่มี ไพ่ 3 ดาบขึ้นในตำแหน่งราวๆ กลางปี ค่อนไปทางปลายปี น่าจะสักประมาณ กรกฎาคม ถึง กันยายน ไม่เกินนั้นหรอก อย่าเพิ่งท้อแท้ครับ ทำอะไรจะให้ราบรื่นไปหมด ชีวิตก็หมดรสชาติกันพอดี ช่วงนั้น จะหงุดหงิดมาก มากจนรู้สึกว่า มันไม่ค่อยได้ดั่งใจไปเสียทุกเรื่อง แต่พอพ้นไปแล้ว ทีนี้ล่ะ อะไรๆ ก็จะฉลุยไปกันใหญ่โตระเบิดเถิดเทิง ชิงร้อยชิงล้าน ทไวไลท์โชว์ กันทีเดียว อาจจะมีการปรับแต่งชีวิตกันสักนิดหน่อย แล้วก็ฉลุยจนกระทั่งถึงปลายปี

ในแง่การเงิน ชาวกุมภ์ปีนี้ มีเกณฑ์ที่ดีอยู่หลายช่วงเหมือนกัน และเป็นปีที่เหมาะในการสร้างความเจริญงอกงามในรายรับเป็นอย่างยิ่ง ธุรกิจซื้อมาขายไปจะคล่องตัว ทำให้รายรับเข้ามาเยอะ ช่วงต้นปีกับปลายปีนี่แหละ เป็นช่วงที่ดี กลางๆ ปี บอกแล้วไง ว่าอาจจะไม่ได้ดั่งใจ หลายคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้าน ที่ดิน รถ ก็ขอให้ทำไป เพราะจะประสบผลสำเร็จดีมาก ดูแค่งานมอร์เตอร์โชว์ก็ได้ยอดจองรถทะลักจนงงว่า ขาย หรือแจกกันแน่ ปีนี้ รายได้มากกว่ารายจ่ายค่อนข้างเยอะครับ เก็บเงินน่าจะอยู่ฟู่ฟ่าไปเลยล่ะ

มาดูการงานกันบ้าง บางคนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปสู่งานใหม่ที่ดีกว่า  หรือถ้าไม่คิดเปลี่ยนงาน ก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการทำงาน หรือเปลี่ยนหัวโขนมั่งล่ะ บางคนใส่หัวยักษ์มาเหนื่อยแล้ว มาใส่หัวลิงบ้างก็ดี คนรอบข้างอาจจะทำให้กังวลใจ หรือไขว้เขวในการทำงานอยู่บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงนักแรงหนุนจากผู้ใหญ่ก็ดี อย่างที่บอกมาแล้วล่ะ ความกดดันจะไม่มากเหมือนปีก่อน บางคนอาจจะสร้างงานให้มั่นคงขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งและอาจจะวางแผนในการขยายงานให้กว้างขวางขึ้นในปีถัดไป

คนที่ยังเรียนอยู่ ก็คงมีการวางแผนจะเรียนต่อเป็นเรื่องเป็นราว ไพ่พระออกด้วย แสดงว่า ปีนี้ การเรียนจะรุ่งกว่าปีที่แล้ว

มาดูความรักกันบ้างนะครับ ปีนี้ ไพ่ที่แสดงถึงความรักออกมาแค่ใบเดียว คือ เลิฟเวอร์ แต่ใบเดียวก็เกินพอแล้วล่ะ อารมณ์รักคงสดชื่นมีความสุขมากกว่าเดิม ที่น่าสังเกตคือ มีไพ่วีลออฟฟอร์จูนขึ้นในตำแหน่งความรักด้วย แปลว่า ปีนี้ อาจจะมีการผลักดันชีวิตรักให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น คนที่ไม่มีแฟนมีเกณฑ์จะเจอคู่ที่ส่งเสริมในด้านการทำมาหากินหรืออาจจะเจอคู่ที่รวยกว่าก็ได้ สรุปคือ ปีนี้ จุดเสียมีน้อยกว่าจุดดีมากครับ คงได้ถึงเวลาเฮงๆ กันซะทีนะครับ

ราศีมีน Pisces ( 15 มีค.-14 เมย. )

ปีแห่งความเหน็ดเหนื่อย และกดดัน ฟังดูแล้วอย่าเพิ่งท้อครับ ไพ่ใบแรกได้ไพ่ 8 ไม้เท้า บ่งบอกถึงภาระต่างๆ ที่โถมทับเข้ามามาก การขยายตัวของงานจะเพิ่มมากขึ้น จนทำให้เราอดจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยๆ ไม่ได้ เหนื่อยเพราะ การขยายตัวของงานมันมีอุปสรรคขัดขวางอยู่ แม้จะไม่มากนัก แต่มันก็จะจุกจิกรำคาญใจ จนอาจจะรู้สึกเครียดขึ้นมาได้เหมือนกัน ไพ่ทาวเวอร์ปรากฏชัดเจน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันวูบเดียว ซึ่งถ้าจะมองเป็นการงาน หรือการดำรงชีวิตก็มองได้ แต่ก็อย่าประมาทว่า มองในแง่อุบัติเหตุก็มองได้ ให้ระวังในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไว้ให้ดีก็แล้วกัน เพราะตำแหน่งไพ่แสดงถึงช่วงดังกล่าวอยู่พอดี

ชาวมีนควรหาทางเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ อย่าประมาท ปีนี้ เป็นปีที่ชาวมีนจะเจอความกดดันในเรื่องต่างๆ มากที่สุดเหมือนกัน บางครั้ง ตัวเราเองนั่นแหละนำเอาเรื่องมาคิดมาเครียดซะเอง จริงๆ มันอาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่จะแย่ไปเสียทั้งหมด

การขยายตัวของงาน และภาระ มันจะวุ่นสักหน่อย กลุ้มสักนิด แต่มันก็จะสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นได้ อย่างน้อย สิ่งที่แลกมามันก็คุ้ม ไม่ใช่ไม่คุ้ม

การเงินในรอบปีนี้ ได้ไพ่ 10 เหรียญ แสดงว่าก็ไม่ใช่เล่นๆ เห็นมั้ย บอกแล้วว่า คุ้ม อาจจะมีการนำเงินมาลงทุน หรือต่อขยายงานให้มากขึ้นไปอีก เรียกว่า มีเงินก็ไม่ค่อยได้เก็บหรอก เอามาทำให้มันงอกเงยต่อไป เพียงแต่ ผลสะท้อนอาจจะยังมองไม่ชัดเจนในปีนี้สักเท่าไหร่ การงานจะโดดเด่นมาก เพียงแต่กว่าจะลงตัวก็ต้องอึดอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่หมูๆ เลย อย่างที่บอกมาแล้วนั่นแหละ

ไพ่ใบสุดท้าย ได้ไพ่แฮงค์แมนซะอีก ความอดทนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก บางทีต้องยอมให้เรื่องมันสุมๆ อยู่กับตัวเราจะสะสางไปเสียทีเดียวก็ลำบาก แต่แฮงค์แมนก็เป็นไพ่บูชายัญ ทนทรมาณตัวเองไปเหอะแล้วจะดีในภายหลัง

มาดูในเรื่องของความรักบ้าง ตำแหน่งของความรัก ได้ไพ่ 4 ถ้วย แสดงถึงการตัดสินใจ และชั่งใจอยู่พอสมควร สำหรับคนที่กำลังจะแต่งงาน หากแต่งงานไปแล้ว ก็ไม่ทราบว่า จะใช้ชีวิตร่วมกันได้สักแค่ไหน ใครมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจในตัวคนรักแล้วล่ะ หากมีคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะรู้สึกไขว้เขวได้ การพยายามผลักดันความรักให้เป็นรูปธรรม ดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ช่วยกันทำมาหากิน ไม่ต้องคิดเรื่องจุกจิกอะไรมากจะดีกว่า คนไร้แฟนก็คงหาทางจีบใครได้ลำบากเหมือนกัน เพราะดูๆ แล้วยังไม่ถูกใจซะทีเดียว คิดอยู่นั่นแหละว่า น่าจะมีคนอื่นที่ถูกใจกว่า เป็นอย่างนั้นไป สงสัยต้องอยู่บนคานรอไปอีกปีซะล่ะมั้ง

สรุปเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาจะได้เขียนให้ราศีอื่นๆ เขาต่อ ปีนี้ ให้ตั้งหลักรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ให้ดี อึดอัดหน่อย เหนื่อยหน่อย แต่เป็นการ “สังเวย“ ที่คุ้มค่า ปีหน้าคงจะเห็นผลแล้วล่ะ โชคดีนะคร้าบ

ราศีเมษ Aries ( 15 เมย.-14 พค. )

ปีแห่งจังหวะชีวิต และการเปลี่ยนแปลง ไพ่ดีสำหรับชาวเมษขึ้นหลายใบครับ แต่ไพ่ใบแรกเป็นไพ่ 1 ดาบ ซึ่งบางคนเห็นว่า เป็นไพ่ดาบ ก็สยองแล้ว อย่าเพิ่งสยองครับ ไพ่ดาบอย่าง 1 ดาบ ท่าจะว่าไป ก็เป็นไพ่ดาบที่ดีใบหนึ่งนะครับ ทำไมล่ะ ไพ่ดาบไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอก เหมือนไพ่ถ้วย ไพ่เหรียญ ก็ใช่ว่าจะดีทุกใบเสียที่ไหน ไพ่ดาบแสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ชาวเมษคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ้างล่ะ ในปีนี้ คงมีการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งดูๆ แล้วการตัดสินใจนั้นจะส่งผลทั้งบวก และลบ แต่ชาวเมษก็ยินดี ที่จะรับผลลบนั้นไว้ และค่อยๆ แก้ไขปัญหากันไป ดีกว่าจะย่ำอยู่กับที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือ สัจจธรรมของการเปลี่ยนแปลงนะครับ ชาวเมษจะมองอะไรด้วยความละเอียดรอบคอบมากขึ้น ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหามากขึ้น ตลอดจนคิดถึงตัวเองมากขึ้น ไม่พาตัวเองไปสู่สิ่งที่ดูไร้สาระไร้ประโยชน์

ไพ่วีลออฟฟอร์จูน กับไพ่เดอะซัน ออกในตำแหน่งที่ดี สภาพแวดล้อมจะเกื้อหนุนให้เกิดจังหวะในการพัฒนาขึ้นมาเองแหละ สังคม และคนรอบข้าง จะค่อยๆ นำสิ่งที่ดี หรือโอกาสที่ดีมาให้เราได้ฉกฉวย ถือเป็นปีแห่งจังหวะชีวิตที่ดีปีหนึ่งนะครับ ในเรื่องการเงิน ชาวเมษปีนี้ ถือว่า อู้ฟู่พอสมควรทีเดียว รายได้จะผันเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มากนัก แต่มีให้เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ แต่ในช่วงหนึ่ง อาจจะได้ก้อนใหญ่ๆ หล่นตูมมาเลยก็ได้

ไพ่ใบสุดท้ายได้ไพ่ 9 เหรียญ แสดงถึง ความสมบูรณ์พูนสุข คงมีเงินใช้ไม่ขาดแน่ ถ้าเป็นคนที่เก็บเงินเก่ง ปีนี้ น่าจะเก็บได้เยอะอยู่เหมือนกันแหละ บางคนอาจจะมีโครงการจะซื้อรถ หรือบ้านใหม่ (บ้านเก่าคงไม่ซื้อหรอกครับ สมมติตอนเย็นๆ มีคนถามว่าไปไหน ตอบเค้าว่า กลับบ้านเก่า มันจะเป็นลางยังไงๆ อยู่) ก็น่าจะสมหวัง แต่ต้องรอแป๊บนึง ไม่ใช่ว่า จู่ๆ จะได้มาวันนี้พรุ่งนี้เลย

มาดูการงานกันบ้าง จังหวะที่ดีของการงานกำลังเข้ามา คนที่กำลังหางานมีแนวโน้มจะได้งานทำ ให้มองๆ ดูช่วงต้นๆ ปีเถอะครับ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก คนที่มีงานทำอยู่แล้ว งานจะขยายตัวมากขึ้น แม้ว่า จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็แฮบปี้ ชื่อเสียงเกียรติยศจะเพิ่มพูนขึ้น และการคาดการณ์แนวทางหากคิดมากปวดหัวนัก ลองนั่งสงบๆ ใช้ลางสังหรณ์เข้าช่วยสิครับ จะช่วยได้มาก และไม่ค่อยพลาด

มาดูเรื่องความรักกันบ้าง คนเรามันจะดีหลายอย่าง ก็กระไร ในแง่ความรัก ควรตระเตรียมใจให้พร้อม เพราะได้ไพ่ ราชินีดาบ ไพ่แห่งความแข็งกระด้าง เหมือนอ่อนหวาน แต่จริงๆ แข็ง คนที่อยากมีแฟน ในปีนี้ คงหาได้ลำบากหน่อย เพราะเพศตรงข้ามจะมองว่า เราไม่เปิดช่องทางให้เขาเลย กระทั่งลงทุนจีบกันตรงๆ เค้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่นั่นแหละ คนที่มีแฟนอยู่แล้ว ควรทะนุถนอมความรู้สึกกันให้ดี เพราะในปีนี้ อาจจะดูแลความรู้สึกซึ่งกันและกันน้อยลง หากแฟนเราค่อนข้างเปราะบาง อาจจะกลายเป็นปัญหาได้เหมือนกัน พวกที่คบกันนานๆ กลัวว่า ปีนี้จะหลุด จะแต่งงานผูกมัดไว้ก่อน ก็ยังพอมีช่วงให้แต่งงานอยู่นะครับ เมษา กรกฎา และสิงหา นี่แหละทำได้ดีนักเชียว ตำแหน่งเดือนดังกล่าวตกที่ไพ่เดอะซันพอดี คงช่วยได้เยอะ สรุปคือ ปีนี้ ชาวเมษจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแน่นอนครับ

ราศีพฤษภ Taurus ( 15 พค.-14 มิย. )

ปีแห่งการสร้างสรรค์ ปีนี้ ชาวพฤษภจะมีไอเดียแหวกแนวค่อนข้างเยอะทีเดียว ไพ่ที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ปรากฏอยู่ถึงสองใบตำแหน่งเกี่ยวกับตัวเองเสียด้วยสิ สิ่งเหล่านี้ เมื่อปรากฏขึ้นแล้ว ชาวพฤษภก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่าให้มันสูญไปเปล่าๆ นะครับ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่ความคิดพิลึกนะครับ เพราะสร้างสรรค์แสดงว่า แปลกใหม่ และใช้การได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับการนำมาประยุกต์กับการทำงานเป็นยิ่งนัก คนที่ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ปีนี้ ไอเดียจะกระฉูดดีนัก อาจจะผลิตงานที่มีคุณภาพ และแปลกใหม่ออกมาก็ได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึง จุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตไว้ด้วย

มีไพ่ทาวเวอร์ออกครับ ช่วงตำแหน่งราวๆ ต้นปี อาจจะเจอเหตุการณ์พลิกผัน ซึ่งหมายถึงอุบัติเหตุได้เหมือนกัน ช่วงต้นๆ ปี ไม่เกินมีนาคม ไปไหนมาไหนควรระวังตัวไว้ให้มาก โอกาสที่จะสร้างไอเดียจะค่อยๆ ผ่านเข้ามาในช่วงกลางปีครับ เริ่มสนุกกันช่วงนั้นแหละ ที่น่าสังเกต คือ มีไพ่เดอะเวิร์ลปรากฏในตำแหน่งที่เป็นแบ็คอัพ หรือรากฐานของความมั่นคงของเราอยู่ ตัวเราคงจะสามารถตั้งหลักสร้างสิ่งที่ดีขึ้นมาให้กับตัวเอง พอเป็นรากฐานได้ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ปีนี้ ก็จะมีผู้หนุนหลังที่ดี ซึ่งควรจะให้เค้าหนุนเราไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังไงครับ

การเงินปีนี้ จะมีช่วงถอยอยู่เหมือนกัน ช่วงประมาณ กรกฎา สิงหา แต่มันอาจจะส่อเค้ามาตั้งแต่เมษายนก็ได้ โดยทั่วไป หากมองดูรวมๆ แล้ว การเงินของชาวพฤษภยังคงพอจะสะพัดให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง อย่างน้อยปลายปี ก็ยังคงสะพัดได้คล่องอยู่ หลังจากสะดุดมาช่วงหนึ่ง แต่ถึงสะดุดก็ยังเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องห่วง เพียงแต่จะเกิดภาวะคล้ายๆ หายใจรดต้นคออยู่เหมือนกัน

การงานปีนี้จะชุก หนัก แต่ก้าวหน้า มีช่วงให้เครียดก็ช่วงกันยายนถึงตุลาคมนี่แหละ เพื่อนร่วมงานจะช่วยเหลือเราได้ดี มีลูกน้อง เขาก็จะเก็บงานเล็กๆ น้อยๆ เป็นหูเป็นตาแทนเราได้อย่างลงตัวเหมือนกันแหละ แต่อย่าลืมใส่ความแปลกใหม่ลงไปในการทำงานด้วย ซึ่งสามารถทำได้ ไม่ว่างานไหนๆ ก็ตาม

ความรักในปีนี้ ถือว่า ดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมา คงแทบอ้วกแตกอ้วกแตนกันไปตามๆ กัน พ้นมาได้ก็เฮงสุดๆ แล้ว ปีนี้จะโปร่งขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีเรื่องที่จะน้อยใจแฟนอยู่บ้างเหมือนกันแหละ ตามธรรมดา เพียงแต่ปีนี้อาจจะงอนเยอะหน่อย ระวังในช่วง กันยา ตุลา นี้ไว้ให้ดีก็แล้วกัน คนไม่มีแฟน ก็พอจะหาได้บ้าง แต่ก็ควรมองดูให้ดี บางคนเค้ามีแฟนแล้วมาบอกว่า ยังโสดให้เราตายใจก็มีเหมือนกัน จีบๆ ไปอาจจะกินแห้วไม่รู้ตัว บางคนอาจจะเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยของคนอื่น เค้าเองก็อยากจะหาเรามาช่วยทำให้เขาเป็นอิสระ ก็ต้องดูกันเยอะๆ นะครับ เดี๋ยวจะผิดหวังเสียใจก็ได้ หากความจริงปรากฏขึ้นมาในภายหลัง กล่าวโดยสรุป ปีนี้ ชาวพฤษภ ผ่านฉลุยครับ

ราศีเมถุน Gemini ( 15 มิย.-14 กค. )

ปีแห่งการพัฒนา เขาบอกว่า ปัญหาจะทำให้เราก้าวหน้า ซึ่งน่าจะจริงสำหรับชาวเมถุนในปีนี้นะครับ ไพ่ 10 ดาบปรากฏในตำแหน่งสภาพแวดล้อม แสดงว่า ปีนี้ ชาวเมถุนคงเจออะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ หนักๆ ทั้งนั้นเชียวแหละ แต่มันจะทำให้ชาวเมถุนพยายามปรับปรุงตนเอง หรือสนทนากับผู้รู้มากขึ้น ไพ่พระปรากฏอยู่ในตำแหน่งสังคม และเพื่อนฝูง ปีนี้ คงจะได้เจอกับคนเก่งๆ ซึ่งจะให้คำแนะนำ และความช่วยเหลือที่ดีแก่เราในหลายๆ เรื่องทีเดียว ชาวเมถุนควรจะหาจังหวะสงบๆ มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง คิด และพยายามหาแนวทางวางกรอบสำหรับเรื่องต่างๆ เนื่องจากไพ่ฤๅษีขึ้นในตำแหน่งที่เป็นจุดยึดเหนี่ยว บางคนอาจจะอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าช่วยเหลือ นั่นก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน มันจะมีข้อสรุปไปสู่การพัฒนาตัวเองของเราทั้งสิ้น เนื่องจากปีนี้ มีทั้งไพ่พระ และไพ่ฤๅษี

ชาวเมถุนที่ยังเรียนอยู่ จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะไพ่ทั้งสองใบจะเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง คนที่เรียนคาราคาซังมานาน ก็วางแผนเรียนให้จบในปีนี้ได้เลย

มาดูในเรื่องการเงินกันดีกว่าครับ การเงินในปีนี้ ชาวเมถุนได้ไพ่ 10 เหรียญเป็นไพ่ใบแรก ปัญหาทางการเงินคงไม่มีให้ปวดหัวใจอีกแล้วล่ะ เพราะเงินจะมีเข้ามาให้ใช้ทั้งปีเหมือนกัน ไม่ต้องอดๆ อยากๆ เหมือนที่ผ่านๆ มาอีก มีไพ่ราชาเหรียญขึ้นด้วย แสดงว่า ฉลุย

การงานปีนี้มีไพ่ดีๆ ขึ้นหลายตัวเหมือนกัน ไพ่เดอะซันขึ้นด้วย แสดงว่า ชื่อเสียงเกียตริยศจะปรากฏ เครดิตในการทำงานจะยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่คงต้องเจออะไรหนักๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเองมากพอสมควรเหมือนกัน เรียกว่า ต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนไปบ้างล่ะ ไม่งั้น ชื่อเสียง และความศรัทธาที่แท้จริงจากคนรอบข้างจะไม่เกิดขึ้น หลายอย่างที่อยากจะทำ แต่ไม่ได้ทำซักที ปีนี้คงได้มีโอกาสได้สมใจอยาก ชาวเมถุนจะใช้สมองมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้ทำงานเป็นวัวเป็นควายเหมือนที่ผ่านมา อย่าลืมใช้อำนาจของไพ่ฤๅษี และไพ่พระให้เป็นประโยชน์ด้วยล่ะ ไพ่สองใบนี้ กับการใช้ความคิดล่ะดีนัก หลายต่อหลายคนอาจจะได้มีโอกาสพบปะกับคนในหมู่วงกว้าง

งานด้านสาธารณชนจะเด่นมาก ในแง่ความรัก ปีนี้ ไพ่เดอะซันก็เหมือนจะครอบคลุมทุกอย่าง พวกที่มีแฟนดีๆ กันอยู่แล้ว ก็คงไม่สู้กระไรนัก แฟนมักยอมอ่อนข้อให้หลายๆ เรื่อง อ้อ ระวังหน่อย ปีนี้อาจจะเจอคนเยอะ บางคนที่เราเจอ ก็เป็นคนที่แฟนมาเห็นแล้วอาจจะรู้สึกหึงหวงขึ้นมาได้เหมือนกัน ถ้าจะมีปัญหาก็อาจจะแง่งอนในเรื่องนี้แหละ แต่ยังปรับความเข้าใจกันได้ ไม่ยากเย็นอะไร แต่คนที่ไม่มีแฟนน่ะซิ ปีนี้

ไพ่ตำแหน่งความรักขึ้นแต่ไพ่งาน แสดงว่ายังคงสนุกกับงานสำราญกับชีวิตโสดอยู่ คงหาจังหวะไปจีบ หรือถูกจีบเป็นเรื่องเป็นราวยากสักหน่อย ก็คงคบหากันไปเรื่อยๆ แหละ แต่ยากที่จะยึดถือเป็นตัวเป็นตนไปซะทีเดียว ก็งานมากออกอย่างนั้นน่ะนะ จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ปีนี้ จึงถือว่า เป็นปีทองอีกปีหนึ่งของชาวเมถุน พยายามรักษาไว้ให้ดีเถอะ

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #344 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 01:57:17 »

ราศีกรกฎ Cancer ( 15 กค.-14 สค. )

ปีแห่งความมั่นคงทางการเงิน ที่พูดอย่างนี้ได้ ก็เพราะชาวกรกฎมีไพ่เงินที่ดีขึ้นถึงสามใบ เด็ดๆ ทั้งนั้น และเยอะกว่าของราศีอื่นๆ ด้วยนะครับ เริ่มจากตำแหน่งแรก ได้ไพ่ราชาเหรียญ กษัตริย์ถือเงิน ไพ่ร่ำไพ่รวยอยู่แล้ว ตามมาด้วยไพ่ 10 เหรียญ โห อะไรจะเยอะปานนั้น ไพ่ใบนี้ไพ่เศรษฐีครับ ตบท้ายด้วยไพ่วีลออฟฟอร์จูนอีก เงินไม่ดีก็ไม่รู้จะว่ากันยังไงแล้ว ในทางโหราศาสตร์ ปีนี้ ดาวพฤหัสซึ่งถือเป็นดาวโชค ดาวที่ให้คุณสูง ปรากฏ ณ ตำแหน่งเรือนการเงินพอดี ซึ่งถือว่า ดาวพฤหัสนั้น หากอยู่ในเรือนชะตาเรือนไหน จะให้คุณในเรือนนั้น เข้าเรือนการเงิน เงินจะไม่ดีได้ยังไงล่ะ ไพ่กับโหราศาสตร์ตรงกันซะอย่างนี้ ก็เลยต้องบอกให้ชาวกรกฎเก็บเงินเก็บทองให้ดีก็แล้วกัน ปีนี้ ความคิดของชาวกรกฎจะเป็นเงินเป็นทองไปหมด คิดอ่านอะไรออกมา สามารถนำไปแปรสภาพเป็นผลประโยชน์ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ความคิดในเชิงศิลปะ หรือจินตนาการ ปีนี้จะเอาไปขายได้เลย คนกรกฎอาจจะนำเงินที่ได้ไปซื้อบ้าน หรือรถใหม่ เอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวได้อีก สบายไปเลย แต่ไพ่ชาริออตออกอยู่เหมือนกัน แสดงว่า ปีนี้ต้องเหน็ดเหนื่อย หรือเดินทางเยอะ เอาน่า งานคือเงินเงินคืองานบันดาลสุข ความตั้งใจในการทำงานจะสูง และอาจจะตั้งความหวังไว้มาก จนอาจจะอารมณ์เสียบ่อย หากไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา คนอุปถัมภ์มีเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นเพศตรงข้ามนั่นแหละ จะให้การอุปถัมภ์ที่ดีมาก สิ่งที่ต้องระวังก็มีเหมือนกัน คือ วามเหน็ดเหนื่อยกับความเคร่งเครียด ซึ่งของพรรค์นี้ มันต้องแลกกันครับ ได้สิ่งที่ดีๆ มาเปล่าๆ ก็กระไรอยู่  การเงินคงไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้

หันมาดูการงานกันบ้าง ปีนี้ ถือว่า การงานก้าวมาสู่ในระดับที่มั่นคงมากขึ้นแล้ว จะทำงานด้วยความสนุกมากขึ้น แม้ว่า จะมีช่วงที่เครียดๆ อยู่ ก็จะยังสนุก เพราะมีอะไรที่แปลกใหม่ท้าทายเกิดขึ้นหลายอย่าง งานด้านบันเทิงเริงใจก็จะดี พวกศิลปิน นักร้อง นักแสดงชาวกรกฎจะรุ่งเรืองขึ้น พวกที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ ก็ลองหาเปิดสถานเริงรมณ์ พักผ่อนหย่อนใจดู จะดีมาก ความเครียดจะลดลงช่วงปลายปี แสดงว่า เริ่มเห็นผลของสิ่งที่ได้ทำไป มันย้อนกลับคืนมาแล้วสินะ

ความรักปีนี้ ไม่มีไพ่ที่แสดงออกอย่างเด่นชัด มีแต่ไพ่ ไฮเพรสเทส ซึ่งให้คุณด้านความรักสำหรับผู้ชาย สาวๆ จะอุปถัมภ์ค้ำชูดี แฟนจะช่วยเหลือเกื้อหนุนเราหลายอย่าง คนที่เป็นผู้หญิง หากมีแฟนแล้ว ก็ไม่สู้กระไรนัก เว้นแต่หากแฟนเจ้าชู้ ก็ต้องระวัง เรื่องช้ำใจจะตามมา แต่ดวงปีนี้ คู่จะเกื้อหนุนดีครับ หากผู้หญิงคนไหนไม่มีแฟน ระวังคนที่มาใกล้ชิด เป็นคนที่เขามีเจ้าของแล้วเอาไว้ด้วย ก็พยายามบริหารเสน่ห์ แบบไม่ต้องผูกมัดกันมากนักก็แล้วกัน เดี๋ยวจะยุ่งในภายหลัง กล่าวโดยสรุป ปีนี้ชาวกรกฎจะเด่นมากเรื่องการเงิน เพียงแต่ในทางโหราศาสตร์ ความโดดเด่นยังคงไม่มาทันทีในช่วงต้นปีหรอก อดใจรอสักนิดนะครับ

ราศีสิงห์ Leo ( 15 สค.-14 กย. )

ปีแห่งความมั่นคงทางความคิด และจิตวิญญาณ ชาวสิงห์ปีนี้ จะเย็นขึ้นสุขุมขึ้น ความคิดจะแตกฉานขึ้น แต่อารมณ์จะเยือกเย็นลง ซึ่งถือเป็นผลดีของชาวสิงห์เลยทีเดียวล่ะ ปีนี้ไพ่ร้ายไม่ค่อยปรากฏ ไพ่ดาบมีอยู่ใบเดียว ก็เป็นไพ่ดาบที่ดีเสียอีกสิ คือ ไพ่ 6 ดาบ แสดงว่า อะไรวุ่นๆ หลายๆ อย่างเริ่มลงตัวมากขึ้นแล้ว ทำให้วางใจไปได้หลายเปลาะอยู่เหมือนกัน

ในเรื่องการเงินกันดีกว่าครับ ชาวสิงห์จะมีส่วนคล้ายชาวเมถุนมาก ในเรื่องของการได้รับการชี้แนะที่ดีจากเพื่อนฝูงที่มีคุณภาพ และเป็นผู้รู้ที่พร้อมจะช่วยเหลือเราอย่างจริงใจ แต่ข้อได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง คือ อุปสรรคที่จะเผชิญมีน้อยกว่า ความสงบมีมากกว่า ดังนั้น การพัฒนาของชาวสิงห์จะเห็นไม่เด่นชัดในเชิงรูปธรรมนักเหมือนชาวเมถุน แต่จะไปเด่นชัดในด้านจิตวิญญาณ เพราะไพ่ฤๅษีไปออกในส่วนที่แสดงถึงอารมณ์ภายใน ชาวสิงห์จะสามารถจัดการเรื่องกลุ้มๆ ที่มีอยู่ได้ดี ทำงานได้อย่างสบายใจขึ้น และผู้ชี้แนะก็มักจะชี้แนะในด้านส่วนตัวมากกว่าด้านของการงาน ชาวสิงห์จะเลือกคบคนมากขึ้น ไม่เลือกคบคนที่จะพาเราไปสู่ความวุ่นวายมากนัก เรื่องสุขใจหลายเรื่องจะเกิดขึ้น แม้ภาระของงานจะเยอะยังไง ก็ยังทำด้วยหัวใจที่เป็นสุข และสงบ ในแง่การเงินในปีนี้ ชาวสิงห์ได้ไพ่ ราชาเหรียญขึ้นในใบแรก ยังไงเสียปีนี้ชาวสิงห์ก็คงไม่อดอยากปากแห้ง คงมีเงินทองให้กินให้ใช้อย่างสม่ำเสมอ งานด้านสาธารณชนจะเด่นมาก

ในแง่การงานปีนี้ ชาวสิงห์จะมีงานชุกอยู่เหมือนกัน แต่จะค่อยๆ ทำด้วยความสบายใจ อาจจะมีความรับผิดชอบเข้ามามากขึ้น อาจจะได้เป็นหัวหน้า หรือได้มีกิจการเป็นของตัวเองก็ปีนี้ เพียงแต่จะไม่ค่อยเร่งร้อน แบบอยากรวยเร็วเข้าว่า ชาวสิงห์จะค่อยเป็นค่อยไป ช้าแต่มั่นคง ยึดความสบายใจเป็นหลัก ชาวสิงห์จะยึดหลัก ทำในสิ่งที่อยากทำ มากกว่าทำเพราะอยากรวย แต่ชาวสิงห์ในปีนี้ก็ไม่จน บางครั้ง ลางสังหรณ์ก็จะมีประโยชน์ ชาวสิงห์จะรู้ว่า ทำอะไรแล้วจะเกิดปัญหา ก็จะยับยั้ง หรือเปลี่ยนทิศทางได้ทันท่วงที ฟังดูแล้วท่าทางจะดีหลายอย่างนะครับ

ในเรื่องความรักนั้น ชาวสิงห์จะมีรักที่แจ่มใส สบายๆ ไม่เครียด คนรักก็ไม่ค่อยสร้างความวุ่นวายให้ แต่ก็มีบางขณะ ที่ชาวสิงห์อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน และอาจจะทำให้คนรักเกิดการเข้าใจผิด น้อยอกน้อยใจไปโน่น แต่ก็ไม่ยากครับ แค่งอนง้อหน่อยเดียวก็ไม่มีปัญหา ปีนี้ คนรักพูดง่ายจะตายไป แต่ก็ควรระวังเวลาเขาเงียบ เพราะเราเองก็อาจจะไม่รู้ว่า ลึกๆ แล้ว เขาจะคิดอะไรของเขาอยู่นะครับ คนที่ไม่มีแฟน ปีนี้โดดเด่นมาก ในเรื่องการหาคู่ เพราะมีไพ่ 1 ถ้วยปรากฏในตำแหน่ง สรุป อาจจะได้เจอคนที่ถูกใจบ้างล่ะ แต่ความรู้สึกที่อยากอยู่สงบๆ อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญ คือ คบกันไว้ แต่อาจจะยังไม่สถาปนาให้เป็นแฟน หรือแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ ก็คงต้องเป็นปีหน้าค่อยว่ากันอีกที เจอคนถูกใจ แต่ยังไม่วางไว้ในตำแหน่งแฟน จะว่าไปก็ไม่เลวเหมือนกันนะ เพราะมีแฟนแล้วอาจจะปวดหัวกว่าไม่มีก็ได้ ยังไงเสีย ก็ถือว่า ปีนี้ชาวสิงห์จะมีความสุขมากกว่าปีที่แล้วก็แล้วกันนะครับ

ราศีกันย์ Virgo ( 15 กย.-14 ตค. )

ปีแห่งความผันผวน ในทางโหราศาสตร์ ปีนี้ ดาวพฤหัส ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของชาวกันย์อย่างลึกซึ้ง จะเดินมุดเข้าสู่เรือนวินาศนะ เรือนแห่งความพลิกผัน ผันผวน เอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้ ในทางไพ่ยิบซี ปรากฏว่า ปีนี้ ขึ้นไพ่ดาบหลายใบอยู่เหมือนกันนะครับ แถมยังมีไพ่ทาวเวอร์ขึ้นเสียด้วย ซึ่งขึ้นในตำแหน่งปัญหาเลยทีเดียวแหละ ชาวกันย์คงต้องเตรียมรับเหตุพลิกผันให้ดี หลายต่อหลายเรื่องจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด ก่อร่างสร้างมาดีๆ ไม่คิดว่า มันจะเกิดเหตุพลิกผันตูม ไพ่ 3 ดาบ ไพ่ผิดหวัง ก็ปรากฏขึ้นในตำแหน่งของผู้บังคับบัญชา หรือผู้ใหญ่ ปัญหาอาจจะมาจาก “เบื้องบน“ ก็ได้ ใครที่หวังให้ผู้ใหญ่เกื้อหนุน
ระวังจะกลายเป็นหวังลมๆ แล้งๆ

มีไพ่ 5 ดาบปรากฏอยู่ในตำแหน่งขยายผลของปัญหา แสดงว่าชัด ปีนี้ บางคนอาจจะโดนดองไว้แน่ ไพ่ทาวเวอร์ปรากฏขึ้นทั้งที อย่ามัวระวังแต่ความผันผวนในเรื่องงานเพียงอย่างเดียว จนลืมดูอุบัติเหตุนะครับ ช่วงระหว่าง มีนาคม ถึง มิถุนายน ให้ระวังไว้ให้มากที่สุด สิ่งที่พอจะปลอบประโลมชาวกันย์ได้ดีที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องของรายได้ผลประโยชน์ หรือการเงินนั่นแหละ เอ แปลกจัง ดูมาหลายราศีแล้ว การเงินค่อนข้างจะดีมาหลายราศี หรือปีนี้ จะเป็นปีที่เศรษฐกิจจะพุ่งขึ้นอีกรอบเสียก็ไม่รู้ ปีนี้ ชาวกันย์ได้ไพ่ 10 เหรียญที่ตำแหน่งแรก และไพ่วีลออฟฟอร์จูนเป็นตำแหน่งสุดท้าย ดูๆ แล้ว แม้จะไม่เด่นเท่าชาวกรกฎเขา แต่ก็ถือว่า ไม่เลวทีเดียวล่ะ การเงินในปีนี้ น่าจะสะพัดมากขึ้นกว่าเดิม และอาจจะมีจังหวะได้แจ๊คพอตกับรายรับเด่นๆ ในช่วงปลายปี เงินก้อนใหญ่อาจจะกำลังรอท่านอยู่ แม้ว่า จะเจอเรื่องปวดหัวมากขนาดไหนก็ช่างมันเถอะ

การงานในปีนี้ อาจจะมีเหตุขลุกขลักเยอะหน่อย ทั้งเบื้องบน ( นาย)  เบื้องล่าง ( ลูกน้อง ) ตลอดจนเบื้องข้าง ( เพื่อนร่วมงาน ) สร้างปัญหาให้เราจนครบถ้วน ชาวกันย์ควรจะหาจังหวะพัฒนางานที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครเขามากนักจะดีกว่า งานอะไรทำคนเดียวได้จะดี แม้จะผิดหลักของการทำงานในยุคใหม่ ซึ่งเน้นการทำงานเป็นทีมเป็นสำคัญก็ตาม แต่งานก็จะชุกนะครับ เหนื่อยอีกปี ไพ่ 7 ดาบปรากฏขึ้นเหมือนกัน ให้ระวังว่า เราอาจจะถูกลอบกัด ลอบแทงข้างหลังไว้ด้วยก็ดี

ในเรื่องความรักปีนี้ ชาวกันย์มีเกณฑ์จะพบเจอความรักเก่าๆ ที่เคยหวานชื่น อาจจะกลับมาอีกครั้ง ระวังไว้หน่อย หากชาวกันย์มีแฟนแล้ว มันจะวุ่นในภายหลัง ตำแหน่งความรักได้ไพ่ 9 ดาบ ความรู้สึกไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้น ในความรัก อาจจะมีข้อระแวงไม่เชื่อใจกัน มองว่า อีกฝ่ายตอแหลเก่ง เป็นงั้นไปอีก แต่งงานปีนี้ยังไม่ค่อยดีนะครับ คนบางคนอาจจะเจอคนรักที่อายุน้อยกว่า ซึ่งถ้าไร้แฟนก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าไม่ใช่คนตัวเปล่า คงจะซวยหลายเด้งทีเดียว ความคิดที่หลบเร้น ตามลักษณะไพ่ 7 ดาบ แสดงว่า ปีนี้ ความรักที่ซุกซ่อน ไม่เป็นที่เปิดเผยจะดีกว่า “อยากจะร้องดังๆ พูดให้ใครต่อใครเค้ารู้ทั่วกัน“ ตามลักษณะเพลงของปาล์มมี่นะครับ ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกัน

ราศีตุลย์ Libra ( 15 ตค.-14 พย. )

ปีแห่งศักยภาพ ไพ่ที่ขึ้นมาเป็นใบแรกของชาวตุลย์ คือไพ่เอ็มเพอเรอร์ ไพ่จักรพรรดินั่นแหละ ไพ่จักรพรรดิ เป็นไพ่แห่งความสามารถ และศักยภาพส่วนตัว ดังนั้น ปีนี้ หากจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อความก้าวหน้าจะทำได้ดี และแน่นอน อาจจะมีคนสนับสนุน เพราะเขาเห็นความสามารถเราก็ได้ ดังนั้น เป็นปีที่ควร “โชว์ออฟ“ เยอะๆ หน่อย อย่าไปหลบมุมเป็นจอมยุทธพเนจรในที่ๆ ไม่มีคนเห็น แต่อย่างไรเสีย ไพ่ 10 ดาบก็ยังขึ้นมาประกบ น่าจะบอกได้ว่า ชาวตุลย์บางคน “จำเป็นต้องโชว์“ เพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นตัวยึดเกาะอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว บางคนอาจจะตกกระป๋องจากสิ่งหนึ่ง เลยต้องไปแสวงหาสิ่งใหม่ งานอดิเรกอาจจะกลายมาเป็นอาชีพเต็มตัว เพราะไม่มีทางเลือก บางคนยังไม่ถึงกับอยู่ในสภาพหลังพิงฝาขนาดนั้น แต่การจะ “โชว์“ จำเป็นต้องเจอด่านทดสอบหลายอย่าง พูดง่ายๆ คือ ปีนี้ ต้องมีอะไรเป็นข้อติดขัดเสียก่อนสักอย่างหนึ่ง ไม่งั้น มันจะง่ายไป

การเงินในปีนี้ ชาวตุลย์ก็คล้ายๆ กับราศีอื่นๆ คือ ได้ไพ่เงินที่ดีอย่างไพ่ 10 เหรียญออกมา หรือปีนี้ จะเศรษฐกิจดีจริงๆ นั่นแหละ มาถึงตุลย์เข้าไปแล้ว ยังหาราศีไหนย่ำแย่ชัดๆ ไม่มีเลยแฮะ ปีนี้ การเจรจาติดต่อด้านการเงินจะออกมาเป็นที่พึงพอใจ ใครจะต่อรองทางการค้า จะได้ราคาที่งดงามเป็นส่วนใหญ่ ผลกำไรจะมากขึ้นเสียด้วย การงานในปีนี้ เหมาะกับการโกอินเตอร์ ใครใคร่จะคอนแทคกับบริษัทต่างชาติ จะได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ
 
ระวังเรื่องความขัดแย้งในด้านการประสานงานสักหน่อยก็ดีนะครับ ปีนี้ อาจจะมีข้อขัดแย้งเยอะ คุยกันในเรื่องผลประโยชน์ลงตัวแล้ว แต่พอลงรายละเอียดที่จะปฏิบัติ กลับมีปัญหาขึ้นมาซะอีกนี่ การประสานงานบางเรื่องจะมีปัญหาเพราะตัวเราเองนั่นแหละ คือ อยู่เฉยๆ เสียให้มันเป็นไปตามครรลองของมันก็ดีอยู่แล้ว ไปๆ มาๆ เราเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการเสียนี่ แทนที่มันจะดีขึ้นมันกลับจะแย่ลง ปีนี้ พยายามอย่าเข้าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องนักจะดีกว่า

มีไพ่เดอะฟูลออก แสดงว่า ปีนี้ ชาวตุลย์ที่ชอบทางด้านบันเทิงน่าจะส่งผลดีเหมือนกัน พวกดารานักแสดงนักร้องชาวตุลย์คงโกยกันกระฉูด ชาวตุลย์คนไหน อยากจะเป็นนักร้อง ทำเทปเดโมไว้แล้ว ลองเดินเสนอดูตามค่ายเพลงต่างๆ สิ อาจจะจับพลัดจับผลูออกเทปมาเป็นนักร้องกะเขามั่งก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ ตำแหน่งที่ขึ้นเคียงเดอะฟูล คือ ไพ่ 1 ดาบ คงต้องออกเรี่ยวออกแรงกันพอสมควรแหละ

ความรัก ปีนี้ ชาวตุลย์บางคนอาจจะรักฟุ่มเฟือยไปบ้าง จนยังไม่ลงล็อคกับใครเสียทีเดียว รักเก่ารักใหม่นัวเนียไปหมด สำหรับคนที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ปีนี้ คงจะเป็นปีที่ช่วยกันทำมาหากิน เก็บเงินเก็บทองกันได้ดีปีหนึ่ง แต่คุณผู้ชายระวังหน่อย อาจจะมีใครบางคนแทรกเข้ามาให้วุ่นวายใจได้ หากไม่หนักแน่นพอ ข้อสังเกตสำหรับดวงชาวตุลย์ปีนี้ คือ ของเก่าๆ จะขายดี สิ่งที่เราไม่เคยคิดว่า มันจะขายได้ มันก็จะขายได้ ฉะนั้น หมั่นสำรวจความสามารถของเราให้รอบด้านเข้าไว้ รวมถึงสำรวจสิ่งที่เรามีอยู่เป็นทุนรอน หรือความรู้เดิมๆ ไว้ด้วย โชว์ออฟเข้าไว้นะครับ แล้วจะดีเองแหละ

ราศีพิจิก Scorpio ( 15 พย.-14 ธค. )

ปีแห่งการแสวงหา ปีนี้ ชาวพิจิกคงโปร่งขึ้นแล้วนะครับ เพราะในทางโหราศาสตร์ ดาวบาปเคราะห์สองดวงก็จะออกจากการเล็งราศีเกิด คงผ่อนคลายขึ้นบ้างล่ะ ในแง่ของไพ่ยิบซี ไพ่ใบแรก ได้ไพ่ 4 ไม้เท้า ไพ่ที่แสดงถึงความมั่นคงในระดับหนึ่ง และทับด้วยไพ่เดอะฟูล ซึ่งเป็นไพ่ที่อยากทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ให้กับชีวิตบ้าง นี่แหละการแสวงหา ชาวพิจิกจะมีจังหวะที่ดี ไหลเข้ามา แรงกระตุ้นจากความต้องการสิ่งแปลกใหม่ จะทำให้เราโดดลงไปคว้า แม้ว่า เราจะยังไม่ค่อยรู้อะไรลึกซึ้งสักเท่าไหร่

ไพ่เดอะซัน คอยหนุนนำอยู่ด้านหลัง แสดงว่า ชาวพิจิกคงมองแล้วว่า อะไรที่เข้ามานั้น มันน่าเล่น น่าลองอยู่ไม่น้อยทีเดียวการแสวงหาจำเป็นต้องอาศัยความเหน็ดเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ต้องแกร่งพอ เพราะคงไม่ทำอะไรเล่นๆ หรอก ซึ่งไพ่สเตรนจ์ก็ปรากฏ แสดงว่า ยอมลุยแบบไม่กลัวอะไรแล้ว ซึ่งทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง ชาวพิจิกจะรู้ว่า “คิดถูก“ หลายๆ อย่างในชีวิตจะดีขึ้นเป็นลำดับ

การเงินในปีนี้ มีไพ่วีลออฟฟอร์จูนปรากฏ แสดงว่า จังหวะเงินเข้า ก็มีอยู่เหมือนกัน แล้วก็เข้าเยอะเสียด้วย พอจะใช้จ่ายไปทั้งปีแหละครับ แต่ก็ต้องระวังเพราะไพ่เดอะฟูลประกบตัวไพ่ใบแรกอยู่ อาจจะต้องใช้จ่ายไปกับการผ่อนคลายเยอะอยู่เหมือนกัน การลองอะไรใหม่ๆ อาจจะต้องใช้เงินทั้งนั้น ซึ่งก็ใช้ไปเถอะ เพราะรีเทิร์นกลับมาคุ้มค่าแน่

การงานในปีนี้ ชาวพิจิกจะไม่หนักในงานชิ้นเดียว แต่งานหลายๆ อย่าง จะเข้ามาอย่างละนิดอย่างละหน่อย จนกระทั่งดูหนัก เลยต้องอาศัยวินัยในตัวเอง และการแบ่งเวลาที่มีประสิทธิภาพ เข้าช่วยเหลือ ซึ่งก็คงจะเหนื่อยหัวหมุนเหมือนกัน เอาเถอะน่า ก็มันอยากลองนี่คนเรา การต่อสู้แข่งขันจะได้รับชัยชนะ คู่หู เพื่อนร่วมงานจะช่วยให้เราสร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น ดีไปหมด

ในแง่ความรัก ปีนี้ อาจจะมีปัญหาหน่อย เพราะได้ไพ่ 8 ถ้วย บางคนอาจจะว้าเหว่ เพราะคนรักไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน หรือเราไม่ได้อยู่ติดบ้าน เลยไม่ค่อยได้เจอคนรักเสียก็ไม่รู้ และบางคนอาจจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันได้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องวิตก ตำแหน่งความรักได้ไพ่ เดอะซัน ยังไงเสียก็ไม่มีปัญหามากนักหรอก ไพ่เดอะซันยังบอกด้วยว่า คนรักอาจจะประสบความสำเร็จอะไรบางอย่าง เป็นที่น่าชื่นชมดีไม่น้อยเหมือนกัน ไพ่เดอะซัน ยังส่งผลดีในเรื่องการแต่งงาน หรือการมีบุตร ใครที่อยากสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กว่าที่เป็นอยู่ ก็ให้รีบๆ ทำเสียในปีนี้ คนไม่มีแฟน มีเกณฑ์จะมีคู่ได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องระวังหน่อย มีปุ๊บอาจจะทะเลาะกันปั๊บเลยก็ได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ เคลียร์กันไม่ยาก ปีนี้ คงผ่อนคลายกับปัญหามากขึ้น แต่ก็เหนื่อยเหมือนเดิมแหละครับ

ราศีธนู Sagittarius ( 15 ธค.-14 มค. )

ปีแห่งการฝ่าฟันปัญหาส่วนตัว ฟังดูแล้ว ค่อนข้างน่ากลัว แต่ความจริง ไม่น่ากลัวหรอก ไพ่ใบแรกได้ไพ่ราชาดาบ เอาแล้วไง ใบแรกก็เจอดาบเลย แต่ราชาดาบ เป็นไพ่แห่งการต่อสู้กับอุปสรรคนะครับ คิดถึงพระราชาเวลาครองราชย์ ราชาถ้วย ราชาไม้เท้า ราชาเหรียญ อาจจะขึ้นแบบที่เขาเรียกว่า “ราชาภิเษก“ แต่ราชาดาบ จะขึ้นแบบ “ปราบดาภิเษก“ ซึ่งคนละคนกับปราบดา หยุ่น ปราบดาภิเษกแสดงว่า ต้องสำแดงเดช ทั้งรบ ทั้งฟาดฟันมาเยอะ กว่าจะขึ้นได้ ชาวธนูก็เหมือนกัน กว่าจะแก้ไขปัญหา หรือพบกับความสำเร็จในปีนี้ได้ คงต้องฟาดฟันอุตลุดเหมือนกัน

หันมาดูไพ่งานโดยรวม ยังไม่ถือว่า เสียหาย งั้นก็แสดงว่า การฝ่าฟัน คงหนักไปทางปัญหาส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน ไพ่ดาบยังขึ้นอีกสองใบ คือ ไพ่ 9 ดาบ และไพ่ 2 ดาบ แสดงให้เห็นถึงความกลัดกลุ้มภายใน หลายเรื่องไม่ค่อยได้ดั่งใจ และน่าจะหนักไปในทางเรื่องส่วนตัวมากกว่าไม่มีเรื่องอื่นหรอก มีไพ่จัดเมนท์ปรากฏอยู่แสดงว่า ปีนี้ ชาวธนูคงต้องทำอะไรด้วยความประมาณตน ไม่ประมาท อะไรหลายๆ อย่าง ควรมีการประเมินตนเอง แล้วค่อยๆ แก้ไขไปทีละเรื่อง บางเรื่องที่หวัง อาจจะไม่เป็นไปตามที่หวัง ที่ไม่หวัง กลับจะได้ เป็นเพราะกรรมดีกรรมชั่วจะส่งผลให้เห็นในปีนี้ ซึ่งใครทำกรรมดีมาเยอะ อาจจะได้รับผลตอบสนองในทางที่ดีก็ได้

การเงินปีนี้ ยังจัดว่า ไม่สะพัดนัก แต่พอมีไพ่เมจิคเชี่ยนเข้าช่วยเหลือ คงพอหมุนได้ แต่ก็วุ่นวายหัวปั่นกันพอดู ปีนี้ การเงินจะเข้ามา แต่ก็หมดไปเร็ว ในทางโหราศาสตร์ ดาวประจำตัวของเรือนการเงินปีนี้จะถดถอยอยู่สองช่วง แต่ละช่วงก็ยาวๆ ทั้งนั้น พยายามเก็บเงินเก็บทองไว้บ้างเถอะครับ แต่ก็ไม่รู้เอาเข้าจริงๆ จะเก็บได้ หรือเปล่านะครับ การงานปีนี้ จะไปเรื่อยๆ มีจังหวะก้าวหน้าอยู่หลายช่วงเหมือนกัน งานด้านการค้า การเจรจา การพูด หรือการติดต่อกับต่างประเทศจะได้ผลดีมาก ผู้สนับสนุนเราก็จะค่อนข้างเด่นชัด แต่เสียตรงที่ เราอาจจะสะสางเรื่องส่วนตัวได้ไม่เรียบร้อย อาจจะทำให้ไม่กล้ารับงาน หรืออะไรใหญ่ๆ โตๆ มาทำ ตามที่ผู้ใหญ่เขาต้องการ

ในแง่ความรัก ปีนี้ เหมาะกับการหวนคืนดี ของคนที่มีปัญหากัน และยังตัดกันไม่ขาด อาจจะมีการเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ให้อภัยในเรื่องที่ผ่านมาแล้ว คนที่อยากจะมีคู่ ปีนี้ คงจะมีการหมั้นหมาย หรือสู่ขอกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที แต่ก็มีเหมือนกัน ที่ท้ายสุด อาจจะปรากฏผลว่า ไม่แต่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องของกรรมอีกนั่นแหละ คนที่ไม่มีใครเลย ครอบครัวก็ยังไม่ได้สร้าง แฟนก็ยังไม่มี ปีนี้ ลองหาคนอายุน้อยกว่า ท้วมหน่อย อาจจะเป็นคนที่เราเคยเจอมาแล้วก็ได้ หรือเป็นคนรักเก่าก็ได้ อาจจะมีงานที่ต้องเกี่ยวเนื่องกัน แล้วเจอกัน ลองจีบดูเผื่อสำเร็จ แต่อย่างว่าแหละ ใครทำกรรมดีไว้มากในเรื่องนี้ ก็มักจะสำเร็จ คนที่ชอบหลอกล่อ หักอกเพศตรงข้ามโดยตั้งใจบ่อยๆ อาจจะแห้วก็ได้ เพราะไพ่จัดเมนท์กำกับอยู่อย่างมั่นคง ในแง่คนที่มีครอบครัวแล้ว ปีนี้ คนรักจะเป็นคู่คิดที่ดี ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ แต่เราเองนั่นแหละ จะรับฟัง หรือไม่ เพราะดูเหมือนปีนี้ ชาวธนู ไม่ค่อยอยากจะรับฟังอะไรสักเท่าไหร่  ฟังความเห็นเป็นความกลุ้มใจไปเสียทั้งหมด ลองไตร่ตรองดูใหม่นะครับ  บางทีอาจจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นก็ได้
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #345 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 07:43:27 »

เชื่อ ไม่เชื่อ
เชื่อ ไม่เชื่อ
ขอบคุณคะพี่เจี๊ยบ!
เชื่อพี่ดีกว่า...

nn.27
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #346 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2551, 00:05:29 »

คำพยากรณ์ ของ ดร. อาจอง‏ ชุมสาย

เกือบทั้งปีที่ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของโลกที่แปลกขึ้นเรื่อยๆ  เราว่าคำเตือนของท่านเป็นสิ่งที่ดี ควรรับฟัง  และหาแนวทางป้องกันแก้ไข ขอแนบท้ายด้วยภาพที่เคยเก็บไว้ในปีนี้ มาดูประกอบกัน

ดร.อาจองเผย " หิมะตก " ในเประเทศไทย ม.ค. ปีหน้า  ชี้ห่วงคนเมืองกาญจน์ตายยกจังหวัด  เขื่อนมีสิทธิแตก ต้องลดปริมาณน้ำในเขื่อนด่วน  พร้อมระบุอีก 30 ปีน้ำท่วมภาคกลาง  ผลจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายต้องย้ายเมืองหลวง  แนะพื้นที่เหมาะสมอีสานตอนใต้  เพราะสูงกว่าระดับน้ำทะเล  วอนรัฐออก ก.ม.ก่อสร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหว 6 ริคเตอร์

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา และผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะโลกร้อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์
ถึงความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศของประเทศที่ส่งสัญญาณมาทางพายุหมุนทอร์นาโดขนาดเล็ก ณ บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ และพัทยาว่าปกติแล้วพายุทอร์นาโดมีให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา  ในต่างประเทศ แต่ประเทศไทยไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากอุณหภูมิสูงขึ้น  และขณะนี้ทั่วโลกอุณหภูมิสูงขึ้นเกือบ 1 องศาแล้ว แม้ภาพรวมจะไม่เห็นชัดเจนนัก  แต่ที่ผ่านมาก็ส่งผลให้ประชากรในยุโรปเสียชีวิตแล้ว 20,000 คน  จากความร้อนที่สูงขึ้นมีผลกระทบโดยตรง ประเทศที่อยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเยอะ ที่ผ่านมามีหิมะตกครั้งแรกในเวียดนาม เคนยา และมีความเป็นไปได้ที่ในเดือน ม.ค. 2552 นี้จะมีหิมะตกในภาคเหนือของประเทศไทย

ดร.อาจอง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ภาวะ โลกร้อนยังส่งผลให้ภาวะน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ละลายเร็วกว่าที่คิด ขณะนี้มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ากับเมืองนิวยอร์ก ไหลสู่ทะเล หมายความว่าน้ำในทะเลจะค่อย ๆ กินชายฝั่งทะเลบ้านเราไปเรื่อย ตอนนี้เราสูญเสียแผ่นดิน 1 กม. ที่ชายทะเลบางขุนเทียน และทั่วโลกเจอปัญหาเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ สหรัฐอเมริกา ออกมาพูดแล้วว่า ต่อไปเมืองไมอามี่ ซึ่งเป็นเมืองติดทะเลจะไม่เหลือ ทั้งนี้กรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นมาเกินกว่า 1 เมตร กรุงเทพฯ พร้อมกับ จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม  นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และลพบุรี ครึ่งจังหวัดจะจมอยู่ใต้น้ำ และนั่นหมายความว่าพื้นที่ผลิตข้าวในภาคกลางจะหมด ราคาข้าวในตลาดโลกจะสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะแหล่งปลูกข้าวในภาคกลางเลี้ยงคนเกือบทั้งโลก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของแผนที่นาซาว่า ภายใน 30 ปี น้ำทะเลจะสูงขึ้น 6 เมตร

ดร.อาจอง กล่าวอีกว่เพื่อรับมือกับปัญหานี้จำเป็นต้องย้ายเมืองหลวงตั้งแต่เดี๋ยวนี้เพราะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ในการย้ายเมือง และภายใน 6 ปี  จะเริ่มเห็นระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในระดับท่วมขังแล้ว จะสูบออกได้ยาก นอกจากสร้างเขื่อนกั้นน้ำเหมือนกับประเทศเนเธอร์แลนด์ จะป้องกันได้ แต่ล่าสุดตนไปประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อเดือนที่แล้ว เขาบอกว่าจะรับไม่ไหวแล้วเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การสูบน้ำออกจากเขื่อนทำได้ลำบาก สถาปนิกของประเทศเริ่มออกแบบบ้านอยู่บนแพกันแล้ว อย่างไรก็ตาม การย้ายเมืองใหม่อันดับแรกต้องย้ายรัฐสภาไปก่อน เพราะเป็นศูนย์กลางของเมืองใหม่ เมื่อย้ายไปหน่วยราชการต่าง ๆ จะตามไป จุดเหมาะสมที่จะย้ายเมืองหลวงคือ อีสานตอนใต้ ขณะที่ภาคใต้จะเจอพายุรุนแรงมากขึ้น จะเกิดสตอม เซอจมาถึงกรุงเทพฯ อย่างที่ ดร.สมิทธ บอกไว้ ส่วนภาคตะวันตกจะมีพายุไซโคลนเข้ามา โชคดีที่ผ่านมาพายุนาร์กีสเข้าไปที่พม่ายังมาไม่ถึง ประเทศไทย

อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา กล่าวต่อว่าก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนแล้วว่าเขื่อนใหญ่ 2 เขื่อน ใน จ.กาญจนบุรี อยู่ใต้รอยร้าวของเปลือกโลก แต่วิศวกรแย้งว่าได้ออกแบบการก่อสร้างเขื่อนให้ทนต่อแผ่นดินไหวได้ 8 ริคเตอร์ แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง อย่างไรก็ตาม ถ้าเอาเขื่อนมาเขย่าในความแรง 8 ริคเตอร์ เขื่อนก็สามารถทนได้ แต่ถ้ารอยร้าวเคลื่อน ที่สลับกัน จะทำให้เขื่อนแตก และน้ำจะไหลลงมาท่วม จ.กาญจนบุรี ที่อยู่ใต้เขื่อน และจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

รัฐบาลต้องให้นักธรณีวิทยาไปศึกษาดู เบื้องต้นต้องรีบปล่อยน้ำออกจากเขื่อนให้เหลือน้อยลง แม้ว่าเขื่อนแห่งนี้จะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำคัญของพื้นที่ภาคกลางก็ตามที จำเป็นต้องเสียสละไฟฟ้าเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ และต่อไปการสร้างบ้าน สร้างอาคารในแนวที่มีรอยร้าวแผ่นดินไหวไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ กรุงเทพฯ อีสานตอนเหนือ ต้องออกฎหมายรับรอง การทนทานต่อแผ่นดินไหวอย่างน้อย 6 ริคเตอร์

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #347 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2551, 09:58:39 »

โครงการสมัครใจลาออก ของ TOYOTA

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

TOYOTA ( Samrong ) ประกาศโครงการสมัครใจลาออก จ่ายค่าตกใจ 54 เดือน พร้อมรับโบนัส และสวัดิการอื่น ประกันสังคม สะสม และสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยโครงการนี้ต้องการผู้เข้าร่วม 800 คน แต่ตอนนี้มีผู้สมัครลงชื่อแล้ว 1,200 คน

ทั้งนี้สหภาพแรงงานไทยโตโยต้า กำลังเจรจาขอให้จ่ายเป็น 60 เดือนอยู่ ( อัตราฐานเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานที่เข้าโครงการต่ำๆ อยู่ที่ 22,000 บาท ถึง 45,000 บาท )
  เฉลี่ยแล้วจะได้รับกันคนละ 1.3 ล้านบาท ถึง 1.5 ล้านบาท ต่อคนเลยทีเดียว
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #348 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2551, 11:56:07 »

อ๊ะ  อ้าว ... ลืม upload รูปประกอบเรื่องของ ดร.อาจอง  ชุมสาย อ่ะค่ะ









บันทึกการเข้า
TAE2540
Full Member
**


ไม่มีคำว่าสายเสียแล้ว สำหรับความรักที่แท้จริง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2540
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 507

เว็บไซต์
« ตอบ #349 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 11:17:01 »

กระทู้นี้ขอปักหมุดครับ

พี่เจี๊ยบช่างเลือกสรร สิ่งที่ดี สำหรับพี่น้องจริงๆ  รักนะ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #350 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2551, 17:24:21 »

เป็นปลื้ม ม ม ม เลยล่ะครับ ... " สำหรับเพื่อนพ้อง น้อง พี่ ชาวซีมะโด่ง  น้อยกว่านี้ได้ยังไง ? " ... ว่าแต่ โอ้ลั่นทม นี่คือ " น้องเต้ " ใช่ป่าว ?
บันทึกการเข้า
TAE2540
Full Member
**


ไม่มีคำว่าสายเสียแล้ว สำหรับความรักที่แท้จริง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2540
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 507

เว็บไซต์
« ตอบ #351 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2551, 19:07:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 01 ธันวาคม 2551, 17:24:21
ว่าแต่ โอ้ลั่นทม นี่คือ " น้องเต้ " ใช่ป่าว ?

ขอรับ  ปิ๊งๆ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #352 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2551, 23:21:43 »

Brand Loyalty อายุสั้นลง

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

ชฎาพันธุ์ มลิพันธุ์ จาก Positioning Magazine - ตุลาคม 2551

ท่ามกลางสินค้ามากมายเต็มท้องตลาด อัดแน่นด้วยสารพัดแคมเปญแข่งกันขายในปัจจุบัน ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ของผู้บริโภคเริ่มมี " อายุสั้นลง " อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะพฤติกรรมการซื้อสินค้าซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และสนใจ " ความรู้สึกต่อแบรนด์ " มากกว่า " คุณประโยชน์ " ดังนั้นนักการตลาดควรเรียนรู้ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ รวมทั้งประเภทสินค้า และปัจจัยที่ส่งผลต่อการซื้อซ้ำแบรนด์เดิมอย่างต่อเนื่อง ( Brand Loyalty ) เพื่อตรึงลูกค้าให้ติดอยู่กับตนนานที่สุดเท่าที่จะมากได้

ผู้บริโภคปัจจุบันมี 8 กลุ่ม

ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 8 กลุ่ม โดยกลุ่มผู้เสียเปรียบ และเพิกเฉยต่อสังคม ( Disadvantage and Indifferent ) มีสัดส่วนสูงสุด 18 % ขณะที่กลุ่มอื่นมีสัดส่วนเฉลี่ย 12% ต่อกลุ่ม ดังนี้

18% - สัดส่วนกลุ่มผู้เสียเปรียบ และไม่กระตือรือร้น ( Disadvantage & Indifferent ) กลุ่มนี้จะมีทัศนคติเชิงลบ ไม่สนใจครอบครัว สังคม หรือแบรนด์สินค้าต่างๆ รับสื่อจากทีวีเป็นหลัก และชอบดูการ์ตูน

14% - สัดส่วนกลุ่มกลุ่มที่รู้สึกว่าถูกปิดกั้น และไม่ก้าวหน้า ( Trapped ) เป็นพวกทำงานประจำ มีครอบครัวแล้ว ความคิดซับซ้อน แต่ไม่ชอบแสดงออก

13% - สัดส่วนนักค้นหาตัวตน / ใส่ใจภาพลักษณ์ ( Image Conscious / Status Seekers ) ส่วนใหญ่อายุ 14 -24 ปีมีทัศนคติทางบวก สนใจเทรนด์ ชอบสังสรรค์และดูหนังบ่อย

12% - สัดส่วนกลุ่มการศึกษาสูง และมีความคิดก้าวหน้า ( Educated Progressives ) ทำงานประจำ ยังไม่มีครอบครัวหรือลูก สนใจเรื่องสังคมและการเมือง แต่ยอมรับแนวคิดใหม่ๆ ชอบอ่านนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ติดตามเทรนด์ และแฟชั่น

11% - สัดส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการความมั่นคง ( Young Pragmatics ) อาศัยอยู่ในเมือง มีความทะเยอทะยาน เข้าถึงข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และชอบค้นหาข้อมูลเป็นหลัก

11% - สัดส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความคาดหวัง ( Young Aspirers ) อายุ 14 -29 ปี เป็นคนเมือง มีการศึกษาสูง และส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ต้องการความก้าวหน้าในสังคม เกิดจากความคาดหวังจากครอบครัว มักรับข่าวสารจาก และใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก

11% - สัดส่วนคนเมืองที่ยึดมั่นขนบประเพณีเก่า ( Urban Traditionals ) อายุ 50-65 ปี แต่งงานและมีลูกแล้ว ชอบอยู่บ้านกับครอบครัว เทคโนโลยีมีบทบาทกับชีวิตน้อยมาก

10% - สัดส่วนคนต่างจังหวัดที่ยึดติดกับขนบประเพณีเก่า ( Rural Traditionals ) ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์วัตถุนิยมชอบสังคม และมีความสุขกับชีวิต รับสื่อส่วนใหญ่จาก Cable TV และวิทยุ


กำลังซื้อเป็นคนรุ่นใหม่ หัวก้าวหน้า และห่วงภาพลักษณ์

เมื่อพิจารณาจากรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนและต่อคน พบว่ากลุ่มที่มีกำลังซื้อ ( Spending Power ) มากที่สุดคือ Educated Progressives และ Young Aspirer ขณะที่กลุ่ม Urban Traditional มีกำลังซื้อน้อยที่สุด

กลุ่ม Educated Progressives
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 26, 869.60
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 10,538.40

Rural Traditionals
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 23,181.20
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 7,828.80

Disadvantage & Indifferent
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 16,330.20
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) :5,420.10

Urban Traditionals
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 14,798.50
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 4,454.20

Trapped
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 17,136.10
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 6,923.60

Image Conscious Status Seekers
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 15,645.60
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 4,679.20

Young Aspirers
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 27,985.80
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 9,599.10

Young Pragmatics
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/เดือน (บาท) : 17,887.10
รายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือน (บาท) : 9,164.40


คนไทยยังจงรักภักดีกับแบรนด์ แต่อายุสั้นลง

ผู้บริโภคส่วนมากยังคงยืนกรานว่าซื้อตราสินค้าเดิมซ้ำๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนต่างจังหวัด ทว่าช่วงเวลาซื้อสินค้าเดิมซ้ำลดลงครึ่งหนึ่ง
67 % - สัดส่วนผู้บริโภคที่บอกว่าซื้อสินค้าแบรนด์เดิมซ้ำอยู่เสมอ
6 เดือน – ช่วงเวลาการจงรักภักดีของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคหนึ่งๆ ในปัจจุบัน เช่น ยาสีฟัน เมื่อเทียบกับอดีตที่เคยยาวนานถึง 12 เดือน


พร้อมลองเครื่องดื่ม และขนมใหม่ ๆ

หมวดสินค้าที่ผู้บริโภคมีความมั่นคงต่อแบรนด์สูง คือธนาคาร และบริการโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคมี Brand Loyalty ต่ำคือเครื่องดื่มพร้อมดื่ม ( RTD beverages ) และของกินเล่น ( Snack ) เนื่องจากมองว่าราคา และคุณภาพของแต่ละแบรนด์ไม่แตกต่างกัน มีแคมเปญโฆษณาชวนลองอยู่เสมอ
3% - สัดส่วนผู้บริโภคที่บอกว่าจะซื้อสินค้าเครื่องดื่ม และของกินเล่น ( RTD beverages and snacks ) เพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น


ราคาเปลี่ยน กลุ่มต่างจังหวัดหัวเก่างดซื้อก่อน

ราคาก็เป็นตัวทำลายความจงรักภักดีในแบรนด์ กลุ่มที่มีเห็นว่าราคาเป็นปัจจัยในการซื้อมากที่สุดคือ กลุ่มดั้งเดิมทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยที่กลุ่มในต่างจังหวัด ( Rural traditionalists ) อ่อนไหวกับราคาสูงสุf เพราะมีรายได้น้อยที่สุด ทว่าเป็นพวกที่ได้รับอิทธิพลจากโฆษณามากที่สุด โดยมักเชื่อว่าสินค้าที่เห็นในโฆษณาบ่อยที่สุด และมีพรีเซ็นเตอร์เป็นคนดัง จะเป็นสินค้าที่ดีที่สุด

กลุ่มเก่าในเมือง ภักดีต่อแบรนด์แน่นเหนียว

แม้ว่ากลุ่มหัวเก่าทั้งต่างจังหวัด หรือคนเมืองจะมีความอ่อนไหวเรื่องราคาสูงกว่ากลุ่มอื่น ทว่ากลุ่มคนเมืองหัวเก่า ( Urban Traditionalists ) มีความจงรักภักดีในแบรนด์ ( Brand Loyalty ) สูงสุด ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่มีความคาดหวัง ( Young Aspirers ) มีความจงรักภักดีในแบรนด์ต่ำที่สุด เพราะแสวงหาความแปลกใหม่ไม่สิ้นสุด
83% ของกลุ่ม Urban traditionalists บอกว่า " มีแนวโน้มซื้อสินค้ายี่ห้อเดียวสม่ำเสมอ "
19% ของกลุ่ม Young Aspirers ไม่เห็นด้วยกับการซื้อสินค้ายี่ห้อเดียว

 
กลุ่มเน้นภาพลักษณ์ ( Image Conscious Status Seeker ) เป็นผู้ทรงอิทธิพล

กลุ่มที่อ่อนไหวในเรื่องแบรนด์มากที่สุดคือกลุ่ม Image Conscious Status Seeker เพราะค้นหาตัวตน/ใส่ใจภาพลักษณ์ ทำให้ตื่นตัวในการเลือกสรรตราสินค้า และมีทัศนคติต่อแบรนด์ต่างๆ อย่างเข้มข้น และชัดเจน พวกเขาอาจซื้อสินค้าบางอย่างเพื่อประหยัดเงินก็จริง แต่ก็ยินดีจ่ายแพงหากมองว่าสินค้ามีคุณภาพ นอกจากนี้จะเป็นผู้บอกต่อแนะนำสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ แก่เพื่อนฝูงและคนรู้จัก จึงถือได้ว่ามีอิทธิพลสูงในการทำตลาด ส่วนกลุ่มที่ไม่อ่อนไหวเรื่องแบรนด์ คือกลุ่ม Disadvantaged and indifferent ที่มองว่าตัวเองด้อยโอกาสในสังคม และไม่ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของกระแสต่างๆ

ที่มา : การวิจัยข้อมูล 3 มิติมุมมอง ( 3D Research ) เป็นเครื่องมือวัดผลวิจัยเชิงปริมาณของมายด์แชร์ ( Mindshare ) บริษัทให้บริการวางแผนและซื้อสื่อ เป็นการศึกษาผู้บริโภค 3 ด้านคือความสัมพันธ์กับตราสินค้า ทัศนคติและพฤติกรรมทางสังคม รวมทั้งการรับสื่อ โดยเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545 ในกลุ่มตัวอย่างประมาณ 2,200 คน อายุ 14-65 ปี จาก 5 ภาค คือ กรุงเทพฯ และจังหวัดตัวแทนของภาคต่างๆ ได้แก่ นครสวรรค์ สงขลา ( หาดใหญ่ ) เชียงใหม่ และขอนแก่น โดยการนำเสนอผลการศึกษาครั้งนี้เป็นรอบที่ 4 ( ข้อมูล ณ กันยายน 2551 )
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #353 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2551, 09:21:17 »

ดวงชะตาปี 2552

โดย หมอทรัพย์สวนพลู

ราศีเมษ  13 เมษายน – 14 พฤษภาคม

      ในปี 2552 นี้  ท่านที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวรักความก้าวหน้าจะสร้างตนเองอย่างทะมัดทะแมงแข็งขัน  ไม่ว่าจะมีพื้นฐานของชีวิตระดับไหน  จะพบลู่ทางไปสู่อนาคตอันสดใสเพราะวันเวลาที่ผ่านมา  มีคุณค่าเท่ากับท่านได้สะสมวัสดุก่อสร้างและเงินค่าจ้างไว้พร้อมที่จะจ้างช่างมาลงมือดำเนินการตามความมุ่งหมายได้เลย  ถ้าองค์ประกอบของกิจนี้สมบูรณ์  บ้านหรืออาคารที่ท่านปรารถนาย่อมสำเร็จโดยประสงค์ใครได้มาเห็นอาจคิดว่าต้องกับรสนิยมอุดมคติของตนเอง  ไม่ยินดียินร้ายในความสำเร็จหรือล้มเหลวที่เข้ามาก่อวินาศกรรมแก่เจตนารมณ์ของท่านและหมู่คณะ  ชีวิตอันเป็นกำไรของท่านไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยต้อยต่ำเพียงไร  จึงเฉิดฉันท์สง่างามตามความหมายในความรู้สึกฝ่ายสูงของมนุษย์เรา  และสามารถเล่าให้ลูกหลานฟังได้อย่างวีรบุรุษกับยุวชน

       ดาวพฤหัสบดีพระเคราะห์สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ  ย้ายราศีจากธนูขึ้นมังกรตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมปีกลาย  (2551)  และโคจรในราศีมังกรถึง 20 เมษายน  2552  จึงย้ายขึ้นสู่ราศีกุมภ์  ส่งผลให้วงการเมืองเกิดกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาพักหนึ่ง  ท่านได้รับเชิญชวนให้สมัครรับเลือกตั้งหรือมีตำแหน่งที่ปฏิเสธมาได้  แต่ท่านก็อย่างเดียวกับเจ้าป่าจะยอมอยู่ใต้กฎของป่าและธรรมชาติเท่านั้น  ถ้าต้องแกร่วอยู่ในเขาดินหรือเขาเขียวคงทนไม่ได้  เพราะท่านถือว่ามนุษย์คือเสรีภาพ  แต่ดาวพฤหัสบดีจะย้ายกลับลงมาในราศีมังกรอีกในวันที่ 15  สิงหาคม  มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆในสังคม  พวกที่อยู่คนละฝั่งกับท่านจะข้ามมาผูกมิตร  โดยอาจใช้วิธีการตามวิธีชนะมิตรและจูงใจคน

      ปีใหม่นี้ดาวเสาร์ซึ่งย้ายเข้าราศีสิงห์ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550  จะย้ายเข้าราศีกันย์วันที่ 30 กันยายน 2552  ตลอดเวลา 2 ปีเศษที่เสาร์โคจรในราศีสิงห์ท่านมีเรื่องยุ่งยากวิตกกังวลมากน้อยต่าง ๆ ที่บริวารก่อขึ้น  แต่บางเรื่องก็ร้ายแรงมากแต่ที่ไม่แตกหักเพราะท่านไม่ทราบ  ทั้ง ๆ ที่มีบริวารบางคนของท่านเอางูเห่ามาเลี้ยงไว้ในห้องนอนของเขา  ในโลกนี้มีเรื่องเสียหายเป็นอันมากที่ไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่และอารมณ์ความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้องเพราะไม่รู้เหมือนของหายแต่เราไม่รู้และตราบเท่าที่เราไม่รู้ก็ไม่มีอะไรใดๆ ทั้งสิ้น  ยิ่งของนั้นเราทอดทิ้งจนลืมแล้วก็ยิ่งไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์แต่ประการใด  เมื่อดาวเสาร์ย้ายไปราศีกันย์หรือภพที่ 6 (อริ)  ท่านอาจมีโรคเรื้อรัง  เช่นโรคกระเพาะลำไส้หรือโรคไต  เงินจำนวนหนึ่งของท่านจะจ่ายเพื่อบำบัดโรคของคนมีเงิน  และสามารถหายเป็นปกติได้  แต่อย่างไรก็ตามเคราะห์ร้ายที่จะมาจากดาวเสาร์เป็นอริ  อาจทุเลาเบาบางได้มากในกรณีที่ท่านมีชื่อจริงตัวแรกเป็นอักษรในวรรคจันทร์ (ก ข ค ฆ ง) ซึ่งเปลี่ยนเสาร์ให้เป็น  “ศรี”  หรือใช้ผ้าปูที่นอนเป็นสีของวันจันทร์  (เหลืองขาวนวล)  ก็คงพอฟาดเคราะห์ไปได้บ้าง หรือบูชาพระนาคปรกซึ่งผู้เป็นประธานการสร้างเป็นผู้มีบุญและบริสุทธิ์ยิ่งประเสริฐสำหรับบรรเทาทุกข์โทษภัยอันจะเกิดจากดาวเสาร์ ซึ่งอาจให้โทษแก่ดวงของท่านในช่วงเดือนตุลาคม 2552  เพราะเล็งฉกาจกับดาวมฤตยู  ซึ่งหมายถึงอุบัติเหตุจากเครื่องยนต์กลไกและจากเรือที่แล่นเร็ว  คำทำนายในเรื่องเคราะห์ร้ายต่าง ๆ นี้เป็นเพียงเตือนให้ท่านดำรงชีพโดยไม่ประมาทเท่านั้น  ผู้ใดมีความรู้สึกระลึกตัวอยู่เสมอ  ผู้นั้นเป็นคนมีสติ  และปลอดภัยเสมอ

      วันที่ 4 พฤศจิกายน  2552  ราหูซึ่งโคจรในราศีมังกรมาปีเศษ  ย้ายลงราศีธนู  ท่านจะเดินทางไปต่างประเทศหรือเดินทางไกลในประเทศบ่อยขึ้น  โดยมีผลประโยชน์ที่สำคัญเป็นเหตุผลที่ท่านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  แต่ปลอดภัยทุกเส้นทางและทุกภารกิจ  เว้นแต่จะทำให้เป็นการเอิกเกริกก็เกิดปัญหาที่นึกไม่ถึงขึ้นได้  และแม้ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรให้ปกติซ้ำซากจำเจเกินไป  ควรมีการเดินทางที่ไม่กำหนดล่วงหน้านานๆ  ไม่มีใครรู้ที่หมายของท่านแบบเดียวกับทหารเรือไม่รู้ว่าจะไปไหนแม้เรือเดินอยู่ในทะเล  นอกจากผู้บังคับการเรือและผู้ที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น

      ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2552  ท่านได้ลาภยิ่งใหญ่มโหฬาร  เป็นการยากที่จะระบุให้ว่าท่านจะได้อะไร  จึงปลาบปลื้มดื่มด่ำถึงเพียงนั้น  แต่ขอให้ท่านมีความสุขกับความสำเร็จและโชคดีโดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้ใด  ศัตรูจงพินาศไป  ด้วยอำนาจกุศล


ราศีพฤษภ  15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน

      ในปี  2552  นี้  ท่านมีความสุขกว่าหลายปีที่แล้วมา  ต้นไม้มีดอกหอมไกลซึ่งเพื่อนบ้านปลูกไว้  เมื่อออกดอกครั้งใดท่านจะมีอาการแพ้รุนแรงทุกครั้ง  โดยไม่สามารถที่จะขอร้องอะไรจากเขาได้นั้นก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป  เพราะไม้ต้นนั้นตาย  หรือมีคนโรคจิตทรามมาอยู่ใกล้บ้านแล้วพูดจากหยาบโลนกันวันยังค่ำ  เรื่องเหล่านี้จะจบสิ้นลงอย่างไม่มีปี่ขลุ่ยเหมือนลิเกหอบเครื่องทรงและดนตรีหนีค่าเช่าวิก  ดวงของท่านก็ดีขึ้นเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ  แต่

      ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม – 31 พฤษภาคม ศกนี้ ท่านจะมีโชคดีเป็นอันมาก เป็นโชคที่เกิดจากได้ลาภใหญ่โตมโหฬารโดยสุจริตจากบุญของท่านที่สร้างไว้โดยไม่ประสงค์สิ่งตอบแทนใดๆ  อนึ่งในช่วงเวลาอันดีแสนดีนั้น  มีอาทิตย์พุธและมฤตยูจรย้ายเข้าราศีมีน  ท่านจึงคงจะได้ลาภโดยมีการเสนอหลายทางและหลายๆข้อผูกพัน  นอกจากทางหนึ่งที่ว่าท่านจะได้โดยวาสนาบารมีของตนเอง  จึงไม่มีพันธะอะไร  ท่านอย่ารับเงินที่ได้โดยเหตุผลทางการเมือง  ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ  เงินที่ได้จากญาติของท่านไตหาย  เช่น  ท่านพาเขาไปผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบก่อนผ่าตัดยังมีไต 2 ก้อน  หลังจากนั้นเหลือก้อนเดียว  เพราะตอนดึก ๆ  คืนนั้นพวกของซีอุยแอบลักตัดไปกิน  เพราะถ้าท่านรับเงินก็เท่ากับท่านขายไตเพื่อนโดยทุจริต  เงินที่พ่อตาแม่ยายพี่เมียน้องเมียของมหาเศรษฐีแอบนำมาฝากไว้กับท่าน  จะเพื่ออะไรก็ตาม  จงตัดความเกรงใจทิ้งเสีย  อย่ารับฝาก  เพราะกิจกรรมอย่างนี้ไม่ถูกโฉลกกับโชคชะตาของท่านไม่ว่าจะบริสุทธิ์แค่ไหน

      ชาวราศีพฤษภมีดาวประจำราศีคือดาวศุกร์  เป็นดาวที่สวยงามที่สุด  ท่านจึงเพศตรงข้ามคอยเอาอกเอาใจเสมอ  ถูกกับพี่น้องและเพื่อนฝูงที่เป็นเพศตรงข้าม  หมายถึงการขอความช่วยเหลือและหยิบยืมสตุ้งสตางค์ตามอัตภาพด้วย  เช่น  ท่านได้เงินเดือน 2,000 บาท  แต่ท่านมีเพื่อนเป็นมหาเศรษฐี  ท่านจะไปยืมเงินเขาเป็นล้านเขาคงไม่ให้  หรือเกินเงินเดือนของท่านก็อาจไม่ได้ด้วยซ้ำไป  ความรักก็เหมือนกัน   ควรพิจารณาท่านเป็นใคร เขาเป็นใคร  บางคนกล้าที่จะกล่าวว่าถึงเขาจะยากจนเข็ญใจอย่างไร  แล้วดาราฮอลีวูด อลิซาเบธ เทย์เลอร์ มาขอแต่งงานด้วย เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด  ด้วยเชื่อว่าดวงไม่สมพงษ์กัน ยกเว้นผู้มีบุพเพสันนิวาสกันมาในชาติก่อน

      กลางเดือนธันวาคม 2552  พฤหัสบดีย้ายไปราศีกุมภ์  ชีวิตและงานของท่านเจริญรุ่งเรือง  ความดีความชอบที่ทำไว้ในทางการงานและนิสัยความประพฤติส่วนตัวของท่านยิ่งส่งเสริมให้มีโอกาสทำงานให้สำเร็จในระดับสูงยิ่งๆ ขึ้นไป  

      ดาวเสาร์ย้ายไปราศีกันย์ตั้งแต่ 30 กันยายน และโคจรอยู่เป็นเวลาประมาณ 2 ปีเศษ  ถ้าท่านรับอาหารเรื่อยเปื่อย  ไม่ออกกำลังกายและไม่รักษาอารมณ์ให้แจ่มใสสดชื่นเสมอแล้วจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดเสียว  ญาติมิตรที่ไม่ได้พบท่านเพียงปีเดียวอาจจำท่านไม่ได้  เรื่องเช่นนี้ไม่มีผลร้ายใดๆ  ถ้าท่านซื่อตรงต่อตนเองในการรักษาพลานามัยและสุขภาพจิตให้จริง

      ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552  ราหูย้ายลงสู่ราศีธนู  ศัตรูในที่ซุ่มซ่อนและภัยมืดต่าง ๆ ที่เคยเขย่าขวัญสั่นประสาทหรือสร้างความรำคาญความอัปยศอดสูหดหู่ใจให้ท่านมานาน ๆ จะจบสิ้นไปเอง  โดยธรรมดา


ราศีมิถุน  15 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม

      ในปี 2552  นี้  ท่านอยู่ในวัยใดก็ตาม  จะเกี่ยวข้องกับไร่นาสวนและการช่างไม้ต่าง ๆ  สะสมไม้ดอกไม้ใบไม้ประดับเป็นงานอดิเรก  หาความสุขความชื่นใจจากธรรมชาติและไมตรีจิตมิตรภาพที่ปราศจากเลศนัย  ซึ่งนับวันมีแต่จะหายากยิ่งขึ้น  เป็นหนึ่งในร้อยที่โชคดีโดยไม่ต้องต่อสู้แข่งขันหรือขวนขวาย  มีลาภโดยไม่มีศัตรู

      การเงินรายได้และผลประโยชน์ของท่านจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วๆ มา  หรือแม้ได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายลดลงมาก  เคยซื้ออะไรก็ไม่ต้องซื้อมีผู้นำมาให้โดยเคารพ  ไม่มีเงื่อนไขและข้อเรียกร้อง  ต้นไม้ที่ท่านปลูกทิ้งๆ ไว้เพื่อช่วยให้ร่มรื่นก็ออกผลให้นำไปรับประทานและแบ่งปันญาติมิตรได้  เหลือก็ขาย  ท่านจึงมั่งคั่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว  และเงินนั้นเป็นของแปลก  ใครยิ่งมีก็ยิ่งมีมากขึ้นเพราะสามารถเรียกร้องหรือดึงดูดกันมารวมกันได้มาก ๆ  คนที่รู้จักเก็บออมจึงมีเงินมากเสมอ  เว้นแต่เล่นการพนัน  ลุ่มหลงเพศตรงข้ามแบบทาสเทวี  มีเท่าไรก็หมด  แต่ท่านหาเป็นเช่นนั้นไม่  จัดการกับเงินได้ดีเสมอ

      ในปี 2552  ญาติมิตรที่ห่างเหินไปเพราะความจำเป็นในงานอาชีพ  หรือระแวงแหนงใจกับท่านด้วยเหตุผลข้อใดๆ ก็ตาม  จะเข้าใจท่านและมาคืนดีเหมือนเดิม  จะมีการเดินทางไปมาหาสู่พี่น้องและเพื่อนๆ ที่อยู่ห่างไกล

      แต่หลังจากวันที่ 30 กันยายน 2552  แล้ว  เพื่อนฝูงพี่น้องของท่านจะอพยพมาอยู่ใกล้ ๆ  กันโดยบังเอิญและชื่นชมยินดีต่อกันเป็นอย่างยิ่ง    

      ท่านจะไม่ยุ่งยากเดือดร้อนหรือวิตกกังวลเพราะบริวารหรือเด็กในปกครองบังคับบัญชา  พวกเขาจะอยู่ในโอวาทและปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในตัวท่าน แต่ท่านจะเจ็บไข้ไม่ได้เป็นอันขาด  งานที่ท่านทำเองหรือจ้างวานใช้สอยใครก็ตาม  ท่านต้องอยู่ดูแลโดยใกล้ชิดจึงเรียบร้อย    ท่านที่มีบุตรหรือน้องๆ ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของผู้อื่น

      ความรักของท่านเป็นสิ่งสวยงาม  คนรักของท่านรูปร่างหน้าตากิริยาดี  มีความรู้ในกิจการงานอาชีพของท่านพอสมควร  โดยมากท่านปรึกษาหารือเขาได้  แต่ท่านไม่ค่อยมีความคิดเห็นให้เขา   นอกจากความรักที่ท่านไม่มีเหลือไว้สำหรับผู้ใดในโลกนี้  คือท่านเป็นคนใจเดียวตลอดกาล  คนรักของท่านก็ไม่ชอบเบ่ง ชอบอยู่เงียบๆ  รักความสงบและยุติธรรม  แต่กล้าหาญ   แต่ความรักของท่านมักมีต้นเหตุมาจากความสงสารเห็นใจ  แล้วจึงเกิดเป็นความรักและความเข้าใจต่อกัน  อันเป็นรักที่ยืนยงคงทนตลอดไป

      ปลายปีนี้อาจแต่งงานแบบรักแรกพบ  คู่สมรสของท่านอาจเป็นหม้าย  คนที่มีสถานภาพทางความรักเช่นนี้  ควรมีทัศนคติว่า “หัวเราะทีหลังดังกว่า”


ราศีกรกฎ  16 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม    

      ในปี 2552 นี้  ท่านยังดำเนินชีวิตและทำงานด้วยการเล็งผลเลิศ  วางแผนอย่างละเอียดลึกซึ้งและรอบคอบ  2 ชั้นขึ้นไป  ถ้าชั้นแรกพลาดยังมีชั้นที่ 2 รองรับ  เป็นเหตุให้ท่านคาดการณ์ได้แม่นยำ  ไม่ค่อยมีข้อบกพร่อง  และท่านก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2538  คือชะตาชีวิตของท่านรุ่งโรจน์ด้วยการใช้วาทศิลป์  

      วันที่ 10 สิงหาคม 2550  ดาวเสาร์ย้ายจากราศีกรกฏลงราศีสิงห์  ท่านมีความคล่องตัวมากในเรื่องของงาน  เงินและความรัก  ท่านอาจเปิดสาขาร้านค้าขึ้นเป็นอันมาก  มีแหล่งทรัพยากรที่จะตักตวงเอามาใช้จ่ายได้ไม่รู้จักหมด   แต่ดาวเสาร์นี้ก็จะต้องย้ายราศีในวันที่ 30 กันยายน 2552  และเล็งกับดาวมฤตยูซึ่งย้ายเข้าราศีมีนก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2552  การที่ดาวเสาร์ย้ายราศีและเล็งมฤตยู  อาจช่วยให้ท่านได้เดินทางบ่อยขึ้น  อาจย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ หรือเป็นผู้จัดรายการทัศนาจรนำเที่ยวในประเทศต่างประเทศ  นั่นเป็นอิทธิพลของดาวมฤตยูในภพที่ 9  ของชาวราศีกรกฎซึ่งนับเป็นอาทิตย์ลัคนา ถ้าท่านยังไม่ใช้รถยนต์เห็นจะซื้อหลังเดือนกันยายน 2552  ไปแล้ว  และได้รับความสุขสบายตามอัตภาพของผู้ที่มีรถเอง

      26  มกราคม 2552  เป็นวันจันทร์ดับเล็งราศีกรกฎ  ท่านอาจเกิดเข้าใจผิดกับหุ้นส่วนผู้ร่วมงานหรือคู่หมั้นคู่สมรสถึงขั้นแตกร้าวกันได้โดยไม่มีเหตุผล  และวันที่ 22 กรกฎาคม 2552  จันทร์ดับในราศีกรกฎราว 4 องศาเล็งราหู  อาจเกิดสุริยคราสที่มองเห็น  ใน 2 ช่วงเวลาดังกล่าวท่านอย่าไปดู  โปรดอยู่ในบ้าน

      ชาวราศีกรกฎมีดวงจันทร์เป็นดาวประจำราศี  ชีวิตความเป็นอยู่จึงเหมือนดวงจันทร์ คือ เป็นจุดสนใจของสังคม  ท่านเด่นในหมู่พี่น้อง  

      ในปีใหม่นี้ดาวพฤหัสบดีซึ่งเล็งราศีกรกฎมาตั้งแต่ 4 ธันวาคมปีกลาย (2551)  นี้  โคจรในราศีธนูถึง 19 เมษายน ระยะหนึ่ง  กับถอยจากราศีกุมภ์ลงมาโคจรในราศีมังกรตั้งแต่ 15 สิงหาคม ถึง 14 ธันวาคม 2552  อีกช่วงหนึ่ง  เวลาที่พฤหัสบดีเดินหน้าถอยหลังในราศีมังกรก็เล็งราศีกรกฎ  ซึ่งน่าจะอำนวยโชคดีแก่ราศีนี้ตามวาสนา (ดวงเดิม)  โดยมากดาวดีเดินปกติก็ให้คุณในเรื่องปกติ  ถ้าเดินถอยหลังมักให้คุณในเรื่องงานอดิเรก  งานนโยบาย  งานแก้ไขสถานการณ์คับขันที่ผู้อื่นก่อขึ้นไว้แล้วทิ้งให้ญาติมิตรรับผิดแทน  ดาวพฤหัสบดีเล็งราศีของผู้ใด  ผู้นั้นมักโชคดี  ชาวราศีนี้ที่รักษาความเป็นโสดมานานๆ  มักสละโสดในช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดีเล็ง  เพราะถูกผู้ใหญ่บังคับบ้างหรือบางทีก็เกรงใจคนที่จะต้องแต่งด้วย

      อนึ่งตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ถึงสิ้นปี 2552  ดาวอังคารเข้ามาโคจรในราศีกรกฎ  บางช่วงเล็งราหูและดาวพฤหัสบดี  ควรระวังไฟและการเป็นคดีความ   วันที่ 4 พฤศจิกายน 2552  ราหูย้ายลงธนู  ปัญหาสำคัญจะจบลง  ศัตรูลึกลับต่าง ๆ ก็ลาโรงม้วนเสื่อกลับภูมิลำเนา


ราศีสิงห์ 17 สิงหาคม – 16 กันยายน  

     ท่านชาวราศีสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่ผ่านปี 2551  มาอย่างมหัศจรรย์  ได้แก่ราศีของท่านมีดาวเสาร์มาโคจรอยู่ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550  ให้โทษมากน้อยตามสภาพ  

      นับแต่ 17 สิงหาคม 2551  แม้ดาวอังคารจะย้ายไปจากราศีสิงห์แล้ว  ยังมีอาทิตย์ยกลงมาร่วม  เป็นอาทิตย์  พุธ  ศุกร์  เสาร์  และพระเกตุรวม  5 องค์  ทั้งนี้โดยมีดาวมฤตยูและพระราหูเล็งจากราศีกุมภ์  เสาร์เล็งราหูกามเทพคงส่งแฟนให้อย่างลึกลับหรือเป็นเรื่องที่ต้องปิดๆ บังๆ  ด้วยถ้าท่านอายุเยาว์มักได้แฟนเป็นผู้อาวุโสสูง   ถ้าท่านชราแล้วคงได้แฟนละอ่อน  บางทีก็ได้ไร่นาสวน  อาคารบ้านเรือนที่เหมาะแก่ฐานะที่แท้จริงของท่าน  17 กันยายน 2551  ราศีสิงห์เหลือเสาร์ดวงเดียว  โดยมีมฤตยูเล็ง  2  มีนาคม 2552  ดาวมฤตยูย้ายขึ้นราศีมีน  ไม่เล็งเสาร์ในราศีสิงห์อีก  ชีวิตและงานของท่านมั่นคงแน่นอนยิ่งขึ้น   30 กันยายน 2552  เสาร์ย้ายลงราศีกันย์  ท่านเหมือนจันทร์เพ็ญบนเวหาซึ่งไม่มีเมฆบดบัง

      ต้นปี 2552  การเงินของท่านอ่อนแอ  เพราะมีรายจ่ายพิเศษจำนวนมาก  

      ท่านจะถูกโฉลกกับการย้ายสถานที่ทำงานบ่อยๆ หรือทำงานไม่อยู่เป็นที่  ซึ่งวิถีชีวิตนี้กลับถูกโฉลกกับชะตาของท่าน การดำรงชีวิตแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ เป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัว

      การเป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง  มีรากฐานที่แข็งแรงในการดำรงชีพและมีความรู้มีสติปัญญา  จะทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อผู้ที่ท่านคิดว่าโง่หรือไร้เดียงสาได้  ท่านทำคุณกับใครก็ทำไป  แต่อย่าเป็นหนี้บุญคุณใคร  อย่ารับความช่วยเหลือโดยไม่จำเป็น


ราศีกันย์ 17 กันยายน – 16 ตุลาคม

      ในปี 2552  นี้  ท่านจะอายุสักเท่าไรก็ตาม  จะอยู่ในสมาคมที่มีสมาชิกมาก  มีการติดต่อกับญาติมิตรอย่างกว้างขวาง  มีชื่อเสียงแพร่หลาย  ได้มีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถอันมีอยู่เฉพาะของท่าน  วิถีชีวิตของท่านจะมีการเปลี่ยนแปลงที่โลดโผนพิสดารพอสมควร  แต่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในหลักสำคัญเหมือนกับเป็นคนช่างคิดช่างอ่าน กล้าริเริ่มทำความคิดเห็นของตนเองด้วยความจริงใจ  ข้อควรระวังคือเมื่อท่านทำผิดจะไม่มีใครแนะนำตักเตือน นับว่าเป็นความอาภัพของท่านอย่างรุนแรง แต่ปัญหาในใจของท่านที่แก้ไขยากคือ เมื่อญาติมิตรที่เคยตกทุกข์ได้ยากและท่านช่วยเหลือเต็มที่นั้นกลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นโดยวาสนาของเขาเอง  ท่านกลับไม่พอใจและเป็นศัตรูกับผู้นั้นอย่างแรง  

      ท่านจะได้ลาภจากผู้ใหญ่  หรือได้ร่วมงานกับกลุ่มชนหรือสมาคมที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคม   วันที่ 2 มีนาคม 2552  ดาวมฤตยูย้ายจากราศีกุมภ์ขึ้นราศีมีน  และอาจมีดาวหรือพระเคราะห์อื่นอีกซึ่งมีคุณและโทษตามสภาพของดาวในดวงกำเนิดนั้น  แต่สภาพในครอบครัวของท่านจะผันแปรพอสมควร  ท่านจะมีกำลังเงินสูงขึ้นกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา  

      บ้านท่านจะมีผู้ย้ายเข้าย้ายออก  แฟนท่านอาจไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ  ท่านยังไปด้วยไม่ได้  ระหว่างที่ย้ายแยกกันความไว้ใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

      ท่านที่ย้ายบ้านบ่อยๆ ซึ่งย่อมหมายถึงผู้ที่ไม่มีบ้านของตนเอง  ปีใหม่นี้ท่านจะพร้อมยิ่งขึ้นในการหาบ้านที่เหมาะสม    ราหูซึ่งโคจรในราศีมังกรช่วยให้ท่านได้ลาภจากบริวารบุตรหลานมาเป็นเวลานาน  บางทีปีใหม่นี้ท่านอาจไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา  เพราะท่านช่วยตัวเองได้อย่างเต็มที่  ท่านจะอยู่ที่ไหนทำงานอะไรก็ตาม  คนที่มาอาศัยท่านอยู่อาจเป็นเหตุให้ท่านย้ายบ้านบ่อย ๆ  ก็ได้  

      ราศีกันย์มีพุธเป็นดาวประจำราศี  ทุกครั้งที่ดาวนี้โคจรถึงราศีกันย์ก็มีฐานะเป็นมหาอุจ  คือ  ท่านทำอะไรไม่นานก็เบื่อ  และทอดทิ้งงานที่ทำนั้น จนกว่าจะมีผู้อื่นมาเก็บไปทำได้ผลดีท่านจึงรู้สึกเสียดายว่าไม่ทำให้ตลอดรอดฝั่ง    ถ้าท่านทำอะไรจริง ๆ ก็จะประสบความสำเร็จอยู่ในแถวหน้าของผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง  

      4 พฤศจิกายน 2552  พระราหูย้ายลงมาโคจรในราศีธนูปีเศษ  อย่ารับคนจรเข้าบ้าน  และถ้าจะซื้อบ้านปลูกบ้านต่อเติมบ้าน  ควรไตร่ตรองให้ดี  แล้วท่านจะมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #354 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2551, 09:22:08 »

ราศีตุล 17 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน

      ในปี 2552  ท่านจะได้รับความพอใจในสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวัน  มีดาวมฤตยูย้ายจากราศีกุมภ์ไปราศีมีน 2 มีนาคม  ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับผลกระทบจากดาวมฤตยูตามวาสนา  สิ่งใดที่คิดว่าจะได้กลับไม่ได้  แต่ถ้าได้มาจริง ๆ ก็ไม่ดี  และสิ่งใดที่คิดว่าไม่ได้กลับได้และเป็นประโยชน์อย่างมาก  

      ดาวพฤหัสบดีจะย้ายข้ามราศีไปมาระหว่างราศีมังกรกับราศีกุมภ์  และขณะที่โคจรในราศีมังกรก็ร่วมกับราหู  ให้ผลในเรื่องความมืดมนของปัญหาชีวิต   ซึ่งท่านจะรักษาตัวให้พ้นภัยได้ด้วยคุณงามความดี  มีความจริงใจต่อตนเองและผู้อื่น

      ดาวเสาร์ซึ่งโคจรอยู่ในราศีสิงห์ตั้งแต่  วันที่ 10 สิงหาคม 2550  ก็จะย้ายในปี 2552  นี้ด้วยเช่นกัน  คือวันที่ 30 กันยายน 2552  เข้าราศีกันย์ นับว่าเป็นวินาศแก่ราศีตุล   เสาร์จะเป็นวินาศกับชาวราศีตุลไปเป็นเวลา 2 ปีเศษ ดาวเสาร์จะเป็นอุปสรรคขัดข้องในด้านความอืดอาดไม่ทันเหตุการณ์ เบื่อง่าย มีใครมารักมาชอบก็เข้มงวดจนเปิดหนีไปหมด  แต่ในด้านดีคือท่านจะไม่ผลีผลาม  ไม่ตื่นเต้น  

      ชีวิตการงานของท่านในปีใหม่นี้มีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองรวดเร็วเกินความคาดคิด  และมีช่วงเวลาแห่งความสงบสุข    ชาวราศีตุลมีดาวประจำราศีคือศุกร์  เป็นดาวที่สวยงามที่สุดในบรรดาดาวดีๆ ด้วยกัน  ชาวราศีนี้จึงสวยหรือมีเสน่ห์   ท่านจึงเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง  ไม่ว่าท่านจะมาจากภาคส่วนใดย่อมไปสู่จุดสุดยอดแห่งความปรารถนาของมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น  สุดแท้แต่ท่านจะเลือก

      ในวันที่  24  พฤษภาคม ถึง 5 กรกฎาคม 2552  จะมีเรื่องขัดแย้งกับหุ้นส่วนผู้ร่วมงานในระดับเดียวกัน  แต่ไม่เป็นไร  เพราะสามารถชำระสะสางให้เรียบร้อยได้  แต่ท่านที่มีคนรักหรือคู่สมรสอาจพูดกันให้เข้าใจไม่ได้และเกิดทิฐิมานะ  ไม่มีใครยอมใครเป็นเหตุให้ต้องแยกย้ายกันไปคนละทางไม่มีวันพบกันได้อีกต่อไป  แต่ปกติแล้วชาวราศีตุลมีสถานภาพความรักและการสมรสที่มีเสถียรภาพ  รักกับใครก็ดูกันนาน ๆ  แน่ใจแล้วจึงแต่ง  และแต่งแล้วก็อยู่กันไปจนหลงจำหน้ากันไม่ได้เพราะแก่หง่อม  

      4 พฤศจิกายน 2552 ราหูย้ายลงมาราศีธนู ท่านมีลาภลอยก่อนสิ้นปี  จึงสรุปได้ว่าปีใหม่นี้ท่านมีชีวิตและงานราบรื่นแจ่มใส  ร่ำรวย  และเกลียวกลมกับคนรักอย่างมาก


ราศีพิจิก 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม

      ในปี 2552  นี้  ท่านโชคดีตั้งแต่ต้นปี  ได้มรดกตกทอดจากเพื่อนสนิทยกให้ท่านครอบครองดูแลต่อไปในขณะที่เขาเดินทางไปต่างประเทศหรือมีภาระมากเกินกว่าจะจัดการได้  ท่านก็เหนื่อยหน่อย   มีเกณฑ์ว่าท่านจะรับภาระหน้าที่แทนเพื่อน  หรือเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปรักษาการแทนนายซึ่งเกษียณหรือย้ายไปกินตำแหน่งสูงกว่าเก่า  ท่านอาจขยายกิจการงานโดยวิธีลัด  เช่น  รับเซ้งกิจการของผู้อื่น  และท่านทำแล้วก็รุ่งเรืองดี  ไม่ใช่การหัวเราะทีหลังดังกว่า  แต่เป็นเรื่องของการงานหรืออาชีพ  ซึ่งอาศัยปัจจัยต่าง ๆ เป็นอันมาก  และรวมถึงโชควาสนาด้วย

      ท่านได้ลาภสำคัญอย่างหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2551  และสิ่งนั้นก็ยังอำนวยโชคแก่ท่านจนปัจจุบัน  ทำให้ท่านสดชื่นเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง  และอาจรู้สึกว่าในบรรดาผู้ที่โชคดีด้วยกันแล้ว  ท่านเหนือชั้นกว่าเยอะ  ท่านเป็นผู้มีโชควาสนาชะตาชีวิตน่าพิศวง  ท่านเป็นบุคคลที่ดีของสังคม  รวมถึงในยามที่ญาติมิตรของท่านแก้ปัญหาไม่ได้  ท่านก็มีคำตอบให้ชนเหล่านั้น  ถ้าท่านคนเดียวแนะนำไปแล้ว  คนทั้งหมดก็ทำตาม  ท่านย่อมระงับความโกรธทุกกรณี

      รายได้การเงินและผลประโยชน์ของท่านราบรื่นไปอีกนาน  แต่จะมีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้นตั้งแต่ 30 กันยายนถึงปลาย ๆเดือนตุลาคม  ดาวเสาร์ย้ายเข้าราศีกันย์  ท่านจะได้ลาภลอยซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงฐานะความเป็นอยู่จากหน้ามือเป็นหลังมือหรือจากคนเดินดินกินข้าวแกงเป็นเศรษฐีได้  

      วันที่ 2 มีนาคม 2552  ดาวมฤตยูย้ายขึ้นราศีมีน   มีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับบริวารที่เป็นสิ่งที่ยากแก่การคาดหมาย

      ท่านที่ยังเรียนอยู่ไม่ว่าระดับใด  จะมีความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป  ถ้าต้องชิงทุนไปทำปริญญาในต่างประเทศก็จะสมความประสงค์  

      ท่านที่ยังอยู่ในวัยที่มีความรัก  หรือยังโสด  ความรักของท่านปีนี้แปลก  คือท่านอาจไปรักกับแฟนเพื่อนซึ่งเลิกกันแล้วมาอยู่กับท่าน  เพราะท่านไม่รู้มาก่อนว่าใครเป็นใคร  จนได้กันแล้วเพื่อนมาเจอจึงรู้เรื่อง  แต่แก้ไขอะไรไม่ได้  คนที่รักจริงหวังแต่งจึงควรให้เวลาความรักได้พิสูจน์ตัวเองและหัวใจนานพอสมควรว่าคนที่ท่านรักไม่ได้มาหาท่านเพราะโกรธกับแฟนเก่าหรือประชดแฟนเก่า   ถ้าท่านแต่งงานกับคนที่เคยมีแฟนมาแล้ว  ก็ต้องทำใจให้หนักแน่น  คิดถึงพรหมลิขิตไว้บ้าง

      ดาวเสาร์ย้ายจากราศีสิงห์  การงานของท่านจะมั่นคงและรุ่งเรืองขึ้นมาก  ท่านที่ยังไม่ได้ทำงานจะได้งานทำ  และชีวิตแจ่มใสมีโชคดีตั้งแต่ 30 กันยายน 2552  เป็นต้นไป


ราศีธนู 16 ธันวาคม – 14 มกราคม

      ในปี 2552 นี้ ท่านพบการเปลี่ยนแปลงในด้านความเป็นอยู่ซึ่งส่งผลถึงจิตใจด้วย  หมู่บ้านหรือชุมชนอันเป็นที่อยู่อาศัยอย่างสงบสุขมานาน  จะมีห้างสรรพสินค้าหรือตลาดสดมาอยู่ใกล้ๆ  เป็นเหตุให้ระบบนิเวศน์ผันแปรไป  

      ท่านมีรายรับรายจ่ายและเงินออมเป็นปกติมานานนับ 10 ปี  แต่ในปีหนึ่งหรือสองปีที่แล้วมานี้ตลอดจนปี 2552 นี้ด้วย  ท่านมีรายจ่ายพิเศษมากผิดปกติ  ค่าครองชีพของท่านสมดุลจริงแต่ค่าสังคมของท่านสูงขึ้นมาก  ท่านอาจมีผู้ที่ต้องช่วยเหลือตามฐานานุรูปของเขา  ต้องรับธุระให้แก่พวกพ้องเพื่อนฝูงที่มาขอให้ช่วยหรือแม้มิได้ขอก็ตาม  ท่านจึงเป็นผู้หนึ่งที่สดชื่นอยู่ในหัวใจของญาติมิตร  แต่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาท่านอาจเสียเพื่อนหลายคน  และเสียพี่น้องสนิทไปตามธรรมดาของโลก   และหมายถึงรายจ่ายจรสูงขึ้นด้วย

      ราหูอยู่ในภพการเงินของท่านตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2551  จะย้ายลงราศีธนูซึ่งเป็นราศีเกิดของท่าน  ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2552  ท่านจะจ่ายน้อยและรับมากขึ้นตามอัตภาพ  แต่การที่ท่านเมตตาผู้น้อยและเอื้อเฟื้อเรื่องการเงินตามมีตามเกิด  อาจเป็นเรื่องที่คนระดับเดียวกับท่านหรือสูงกว่าในสังคมเดียวกันทำไม่ได้  รับไม่ได้  ท่านย่อมถูกริษยาและต่อต้าน  โดยส่งบริวารที่เจ้าเล่ห์มาขอสตางค์ท่าน  ถ้าท่านให้ก็ไปพูดว่าท่านอ่อยเหยื่อ  ปีใหม่นี้ท่านจะช่วยเหลือผู้น้อยที่เป็นเพศตรงข้ามต้องคิดให้ดี

      ท่านชาวราศีนี้ที่ทำงานในฐานะผู้ใหญ่ที่มีผู้อยู่ในบังคับบัญชา  หรือมีบุตรหลานคนรับใช้  ปีใหม่นี้หลังวันที่ 2 มีนาคม 2552  ไปแล้ว  ดาวมฤตยูขึ้นไปโคจรในราศีมีนหลายปี  ท่านอาจผจญกับการทรยศหักหลังคดในข้องอในกระดูกของผู้น้อยบางคน  แม้คนในบ้านก็อาจจะละเลยไม่สนใจดูแลบ้านเรือนให้เรียบร้อย  แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าท่านระวังตัวดี

      งานอาชีพของท่านเป็นภาระมากขึ้น  ใช้แรงงานไม่มากแต่ใช้ความคิดหนัก  เงินมากขึ้น   ท่านอาจถูกกล่าวหาเรื่องเงิน  จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับเงินของผู้อื่น  จึงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มิใช่ธุระของท่าน  รวมถึงพรหมลิขิตของผู้อื่นด้วย  

      ท่านที่ยังโสดหรือไม่รักใครหรือไม่มีใครรักก็ตาม  ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2552  ดาวศุกร์ย้ายเข้าราศีมีนเป็นมหาอุจ  อยู่ไปจนถึง 1 มิถุนายน 2552  ระหว่างเวลานี้  กามเทพจะยิงลูกธนูเกสรดอกไม้อาบน้ำผึ้งวิเศษเข้ามาทางหน้าต่างบ้านท่าน  คนที่ท่านจะรักคงเป็นคนในบ้าน  อาจเป็นญาติห่าง ๆ ที่มาอาศัยอยู่จนเห็นใจกัน  หรือคนที่มาอาศัยอยู่ในบ้านท่าน    แม้ในระหว่าง 28 เมษายน ถึง 1 มิถุนายน จะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น  แต่ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม 2552  ท่านก็จะพบรักหรือมีการสมรสอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้  แต่ท่านควรพิจารณาไตร่ตรองให้คู่ควรหน่อย  ท่านจะพบรักอย่างสายฟ้าแลบ   นานมาแล้วท่านเคยอกหักนิดหนึ่งแต่เวลาเป็นโอสถวิเศษรักษาท่านให้หายและลืมความชอกช้ำระกำใจได้  ถึงกระนั้นท่านก็ไม่กล้ารักใครเพราะเข็ดหลาบ  แต่ปีนี้เวลาดังกล่าว  ดวงดาวบีบคั้นให้มีเรื่องรักใคร่

      ท่านที่ถูกย้ายไปทำงานในต่างถิ่น  เพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบหน้า  แต่ปีใหม่นี้  ดาวเสาร์ย้ายวันที่ 30 กันยายน ท่านหมดเคราะห์ที่เคยมี  กลับสู่สถานะเดิมและดีขึ้นอย่างผู้หมดเคราะห์


ราศีมังกร 15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์

      ในปี 2552 ชีวิตและงานที่เคยมีอุปสรรค จะเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมผันแปรไปไม่มีใครแก้ไขได้ หลายปีที่ผ่านมาศัตรูของท่านเข้ามาอยู่ใต้โต๊ะทำงาน ในลิ้นชักหรือแม้แต่เพดานห้องได้โดยความช่วยเหลือของใครก็ตามที่ไม่อยากเห็นท่านได้ดี  หรือเป็นพวกที่คิดว่า  ถ้าเขาทำร้ายใครไม่ได้ก็ทำร้ายพวกพ้องของท่าน  เพื่อให้เจ็บร้อนถึงกัน  แต่ในเมื่อท่านเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า  หรือไม่รู้สึกสะเทือนใจเอาเสียเลย  แผนของพวกนั้นก็ล้มเหลว

      ใครที่ปรารถนาดีต่อท่านบังอยู่ไม่ได้นาน  ด้วยถูกข่มเหงรังแก   คำทำนายในข้อที่กล่าวถึงศัตรูและผู้ประสงค์ร้ายต่อท่านจะย้ายภูมิลำเนาเป็นการถาวรหลายคน  ดาวมฤตยูเนปจูนและพลูโตรักษาท่านให้ปลอดภัยมาได้หลายสิบปี ศัตรูที่ยังอยู่เย็นเป็นสุขจะมีอาการผิดปกติขึ้นเอง ท่านอย่าคิดบัญชีกับเขาให้เป็นหน้าที่ของพรหมลิขิต  แล้วตัวท่านก็จะปลอดภัยด้วย  คนที่ไปเร่งความพินาศหายนะของผู้อื่น  มักพินาศเอง

      การเงินของท่านจะดีขึ้นในเวลาสั้น  ๆ  ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนสิงหาคม 2552  จนกลางเดือนธันวาคม 2552  การเงินของท่านจะมั่นคงดี  

      มีความเป็นไปได้ที่ท่านอาจย้ายบ้านหรือภูมิลำเนา  ทั้ง ๆ ที่ท่านอาจเพิ่งย้ายเมื่อเร็วๆ  นี้ หรือแม้จะไม่ได้ย้ายเลยก็ตาม  ต้นเหตุอาจมาจากแมวของท่านไปกินปลาในบ่อของเพื่อนบ้านเท่านั้นเอง

      ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2552  ราหูจากราศีมังกร  ชาวมังกรที่เคยเชื่ออะไรง่าย ๆ กลับกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อถือหรือนับถืออะไรง่าย ๆ อีกต่อไป  คือมีและใช้วิจารณญาณของตนเองเต็มที่  ไม่เป็นเครื่องมือของใคร  

      ดาวเนปจูนย้ายจากราศีธนูมาราศีมังกรวันที่ 6 ธันวาคม 2538  ย้ายไปราศีกุมภ์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552  ก่อนที่ดาวเนปจูนที่เคยให้โทษเมื่อย้ายมาใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2538  จะให้คุณแก่ท่านก่อนที่จะจากไปคือ ท่านจะมีลาภใหญ่ก่อนสิ้นปี  2552  นี้  คำทำนายนี้อาจผิดเพราะดาวเนปจูนนั้นลึกลับ  ถ้าท่านขาดจริยธรรมแม้เล็กน้อยดาวนี้ก็อาจกลับให้โทษก่อนย้ายได้อีก  

      ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2552  ดาวอังคารโคจรในราศีกรกฎ  และจะอยู่ต่อไปจนสิ้นปียังไม่ย้าย  ดังนั้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ท่านจึงมีเรื่องยุ่ง ๆพอสมควร  อาจเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านเดือดร้อนถึงที่สุด  แต่ก็ทำร้ายท่านได้ไม่มากนัก
 
 
ราศีกุมภ์ 13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม

      ในปี 2552 นี้ ท่านจะพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตและงาน 2 แบบคือเป็นไปโดยกะทันหันแบบหนึ่ง  หรือนำท่านไปสู่สิ่งแวดล้อมที่มหัศจรรย์แบบหนึ่ง  หรือบางทีก็ทั้ง 2  เพราะดาวมฤตยูเป็นเรื่องของความไม่นึกไม่ฝัน  แต่เป็นความจริงที่จำต้องรับโดยหลีกเลี่ยงไม่พ้น

      ชาวราศีกุมภ์ตามปกติเป็นผู้ที่เอาใจยาก  เดาใจก็ยาก  มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนใคร  และใครๆ ก็จะทำให้เหมือนก็ยาก  ท่านไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดเลย  ดวงท่านแข็งแรงพอที่จะยืนหยัดตามลำพัง

      ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึง 15  สิงหาคม 2552  ท่านจะได้ทำงานทางวิชาการ  ได้รับตำแหน่งแทนหรือรักษาการแทนผู้ที่ย้ายไป  งานที่ท่านทำตามใจเพื่อน ๆ หรือคิดว่าเป็นงานอดิเรกจะให้ผลดีอย่างงานอาชีพโดยแท้จริง  แต่เรื่องของงานวิชากรและความเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของท่านจะมีอุปสรรค  หลังวันที่ 15  สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป  บางทีเป็นเพราะงานที่ท่านทำมีการเปลี่ยนผู้บริหาร  และผู้บริหารต้องการเก้าอี้ของท่านไปให้คนของเขาทำ  แต่ท่านก็ยังได้รับการนับถือและเชื่อถือจากโลกของการงานอยู่  และจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นหลังวันที่ 14 ธันวาคม 2552  เป็นต้นไปจากระยะเวลายาวนาน

      ดาวเสาร์ซึ่งเล็งราศีเกิดของท่านตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550  ซึ่งเท่ากับเล็งอาทิตย์กำเนิดซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความระแวงกันในครอบครัว  และคนใดคนหนึ่งระหว่างท่านกับแฟนต้องแยกกันอยู่เพราะหน้าที่การงาน  แบบออกร่อนเร่ในกลางทะเลทรายหลาย ๆวัน  จึงจะได้กลับบ้านเสียที  มิใช่ทิ้งขว้างร้างหย่ากัน  แต่การพลัดพรากจากกันบ้างของคู่สมรสเป็นการสะเดาะเคราะห์โดยอัตโนมัติ    แต่เมื่อดาวเสาร์ย้ายเข้าราศีกันย์จึงเล็งดาวมฤตยูซึ่งย้ายขึ้นไปราศีมีนก่อนตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2552 แล้ว  ราศีมีนเป็นตัวแทนแห่งการเงินรายได้ประโยชน์ของท่าน  ในปีใหม่นี้ท่านคงมีรายจ่ายสูง  ถ้าท่านมีลูกซึ่งเรียนจบแล้วเขาก็ต้องดิ้นรนขวนขวายให้ท่านส่งไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้  ซึ่งคงเป็นไปในปีนี้  เว้นแต่เขาจะสมรสก่อน  แต่ก็มีคู่สมรสบางคู่  พอแต่งเสร็จก็ขึ้นเครื่องบินไปทำงานเมืองนอกเลย  

      ปีนี้อังคารโคจรในราศีเกิดของท่านโดยวิถีปกติ  ตั้งแต่ 7 มีนาคม ถึง 15 เมษายน 2552  คือเดินหน้าลูกเดียว  จะให้โทษให้คุณก็เป็นไปตามปกติ  จะผ่าตัดก็ผ่าหนเดียวจบ  ดาวอังคารเป็นดาวร้ายเมื่อมีจังหวะสัมพันธ์กับราศีใดก็ทำให้คนราศีนั้นมุทะลุดุเดือด  ใครร้ายมาจะร้ายตอบทันที  และข้อสำคัญจะถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่   แม้แต่การสารภาพหรือขอความรักก็มิได้มีความนุ่มนวลเสียเลย ดังนั้นในระยะเวลาเดือนเศษแค่นั้น  ถ้าท่านสำรวจวาจาอารมณ์ให้ราบรื่นได้ก็จะเป็นการดี

      ท่านเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  มีคู่ครองเป็นคนดี  แม้จะลึกลับนิดหนึ่งก็ยังอยู่ในเงื้อมมือหรือโอวาทของท่าน  ลูก ๆ แม้จะพึ่งได้หรือไม่ค่อยได้  ก็มีวิชาติดตัวพอที่ท่านจะไม่ต้องห่วงว่าจะอยู่ในโลกอันยอกย้อนและลึกลับนี้ไม่ได้  ไม่ทันคนอื่น เป็นปีที่ดีมากของท่านด้วย

 
ราศีมีน 15 มีนาคม – 12 เมษายน

      ในปี  2552 นี้  ท่านสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามาก  ชีวิตและงานของท่านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหลายครั้ง  ดาวประจำราศีชองท่าน “พักร์” ในราศีมังกรอันเป็นราศีที่พฤหัสบดีอับแสงซึ่งกลับให้คุณแก่ดวงของท่านในกรณีเกิดวิกฤตในทางวิชาการหรือจริยธรรม  ซึ่งท่านจะออกมาแก้ไขให้ทุเลาเบาบางลงได้หรือกลับสู่สภาพปกติ   วันที่ 4 ธันวาคม 2551 ดาวพฤหัสบดีย้ายเข้าราศีมังกร คืออับแสงร่วมกับราหู  จนวันที่ 20 เมษายน 2552 พฤหัสบดี ย้ายขึ้นราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2552  ถอยกลับมาราศีมังกรอีกจนถึง 14 ธันวาคม 2552  จึงย้ายไปราศีกุมภ์อีก  ท่านจึงออกจะมีชีวิตความเป็นอยู่และความคิดจิตใจที่โลดโผน  มีเพื่อนใหม่ ๆ หรือเพื่อนเก่าแต่เขามาในมาดใหม่ชี้นำให้ท่านทำธุรกรรมที่ต้องลงทุนด้วยเงินหรือความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงของท่าน  ซึ่งถ้าเป็นกรณีเช่นนี้มักถอนทุนไม่ขึ้น  แล้วพวกเพื่อนๆตัวดีเหล่านี้จะหายเข้ากลีบเมฆไปหมด  แต่ดาวดวงนี้ก็ให้คุณแก่ท่านตลอดชีวิต  

      วันที่ 30 กันยายน 2552  ดาวเสาร์ย้ายจากราศีสิงห์ลงมาราศีกันย์ในฐานะดาวร้ายธรรมดา ๆ ดวงหนึ่ง  แม้จะเล็งราศีเกิดของท่านก็ให้ร้ายแบบสามัญไม่รุนแรงเหี้ยมโหดอย่างที่ดาวเสาร์มักจะกระทำเมื่ออยู่ในราศีที่ทำให้เด่นหรือเสื่อม  

      ชาวราศีมีนได้ผ่านการถูกราหูทับมาแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2548  ถึง 29 กันยายน 2549 ในช่วงเวลาปีกว่า ๆ เช่นนั้นท่านได้อะไรมาและต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง  ถ้าจำได้ก็อาจช่วยให้วินิจฉัยสถานการณ์ที่จะเกิดจากราหูเข้าราศีที่เป็นภพกรรมะ (งาน) ของท่านได้พอสมควร  หรือบางทีก็ไม่ได้อะไรเลย  

      ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2552  ดาวศุกร์ย้ายเข้าราศีมีนเป็นมหาอุจ  ดาวศุกร์นี้เป็นดาวแห่งความรักเสน่หายาใจ  เป็นดาวที่นำความปลาบปลื้มดื่มดำมาสู่ผู้คน  เป็นดาวแห่งความกลมเกลียวสมสนิทในไมตรีจิตภาพ  ดาวศุกร์นี้จะโคจรในราศีมีนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2552  ชาวราศีนี้และราศีที่มีศุกร์เป็นดาวประจำราศีคือพฤษภและตุลจะมีความสุขอย่างมาก  แม้คนที่อาภัพที่สุดก็จะรื่นรมย์สมหวังในความปรารถนาต่าง ๆ อย่างนึกไม่ถึง  ช่วยให้คนยากจนเป็นคนมั่งคั่งได้โดยสุจริต  และโชคดีเรื่องความรักอย่างพระสังข์ทองได้รจนา  ไม่มีใครริษยาและต่อต้านได้

      ท่านชาวราศีมีนเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดสุขุมประณีต  รักษาอนามัยดีและเป็นคนสะอาดทั้งใจและกาย  มีระเบียบวินัยดูแลตนเองได้  สุภาพต่อผู้อื่นแม้จะเป็นผู้อาภัพอับวาสนา  แต่ราศีที่อยู่ข้างหน้าราศีมีนเป็นราศีเมษ  ท่านจึงโกรธเก่งที่สุด  ถ้าเป็นมิตรก็เป็นกัลยาณมิตร  ถ้าเป็นศัตรูก็หฤโหดและไม่อภัยให้แก่ใครใด ๆทั้งสิ้น  เหมือนคนไม่มีหัวใจ  บทจะรักก็รัก  ไม่รักก็เกลียดเลย  เป็นเพื่อนกันก็ไม่เอา  ปีใหม่นี้ท่านดวงดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา  ไม่พูดให้ร้ายผู้อื่นแล้วจะดีที่สุด


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #355 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2551, 23:12:22 »

12 ธ.ค. 51 นาซาชวนชม " จันทร์เต็มดวง " ขนาดโตที่สุดในรอบปี

 

คืนวันพระจันทร์เต็มดวงที่ 12 ธ.ค. 51 นี้ เป็นคืนที่เราจะได้เห็นจันทร์เต็มดวงโตที่สุด และสว่างที่สุดในรอบปี แม้จันทร์จะโตไม่พอให้มองเห็นรอยเท้าของ " นีล อาร์มสตรอง " แต่นาซาก็เชิญชวนให้ทุกคนออกไปชมปรากฏการณ์พิเศษนี้ โดยเฉพาะช่วงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า

องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ ( นาซา ) ชวนชมปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงคืนวันที่ 12 ธ.ค.51 นี้ ที่จะเห็นเป็นดวงโต และสว่างที่สุดในรอบปีนี้ โดยเราเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เพราะดวงจันทร์โคจรเป็นรูปวงรี ทำให้มีด้านที่อยู่ใกล้โลกมากกว่าด้านอื่นๆ 50,000 กิโลเมตร ซึ่งในภาษาของนักดาราศาสตร์ ด้านที่อยู่ไกลสุดคือ " อะโพจี " ( apogee ) และด้านที่ใกล้สุดคือ " เพริจี " ( perigee )

ในคืนวันศุกร์นี้ดวงจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งเพริจี ซึ่งส่งผลให้ดวงจันทร์ในคืนปลายสัปดาห์ดูใหญ่กว่าจันทร์เต็มดวงเมื่อช่วงต้นปี ถึง 14 % และสว่างมากกว่า 30%

แต่เราจะบอกความแตกต่างของดวงจันทร์ดวงกลมๆ ที่ใหญ่ขึ้นได้หรือไม่ ? แน่นอนว่าไม่มีไม้บรรทัดลอยกลางอากาศให้เราวัดขนาดของดวงจันทร์ที่ใหญ่ และบนฟ้าก็ไม่มีจุดให้เปรียบเทียบ ดังนั้นจันทร์เต็มดวงครั้งนี้ก็คงเหมือนกับทุกๆ ครั้ง

นาซาแนะนำว่าช่วงเวลาดีที่สุดที่จะชมดวงจันทร์คือ ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เมื่อภาพจริงผสานกับภาพมายา สิ่งที่เราคือภาพที่ชวนตะลึงงัน ทั้งนี้นักดาราศาสตร์ หรือแม้กระทั่งนักจิตวิทยาก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลแน่ชัดนัก ที่ดวงจันทร์จะดูใหญ่กว่าปกติเมื่อฉายแสงทาบต้นไม้ อาคารบ้านเรือน และทัศนียภาพที่อยู่เบื้องหน้าของดวงจันทร์

อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่คาดหวังว่าจะได้มองเห็นรอยเท้าของ " นีล อาร์มสตรอง " ( Neil Armstrong ) คงจะต้องผิดหวัง เพราะดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้จากโลกโดยเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร อันเป็นระยะที่แม้แต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ( Hubble ) ซึ่งออกไปโคจรรอบโลกบันทึกความแตกต่างได้เพียงแค่ 60 เมตรเท่านั้น แต่ของชิ้นใหญ่สุดที่ยานอะพอลโล ( Apollo ) ทิ้งไว้บนดวงจันทร์มีขนาดเพียง 9 เมตร ซึ่งเมื่อบันทึกด้วยกล้องฮับเบิลจะเห็นเป็นจุดเล็กกว่าความละเอียด 1 พิกเซลเสียอีก

หากแต่สิ่งที่จะเห็นพิเศษสุดคือบรรยากาศรอบๆ ตัวเราที่ทุกอย่างจะสว่างไสวที่สุดจากแสงจันทร์ ส่วนผู้คนในซีกโลกเหนือยังได้เห็นสิ่งที่พิเศษอีกอย่างคือ ตำแหน่งของดวงจันทร์เต็มดวงอยู่ที่สูงสุดในรอบปี และรอบตัวจะยิ่งสว่างมากขึ้น หากเต็มไปด้วยหิมะ

ผลพวงจากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้โลกนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้น แต่ไม่มีอะไรน่ากังวลนัก เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์จะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นกว่าปกติไม่กี่เซนติเมตร และสภาพภูมิประเทศจะขยายผลของปรากฏการณ์น้ำขึ้นไปถึงแค่ 15 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งนาซาระบุว่าไม่ถึงขั้นทำให้เกิดน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 51 รศ.ดร.บุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ( สดร. ) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เปิดเผยว่าในคืนวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะเกิด ปรากฎการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงที่มองเห็นได้โต และสว่างที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นวันที่ดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้โลกมากที่สุด และเป็นช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวงพ อดี ทำให้เราเห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ และสว่างมากกว่าในช่วงเดือนอื่น ๆ ทั้งนี้แนะนำให้ผู้สนใจดูในช่วงดวงจันทร์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ซึ่งดวงจันทร์ที่มองเห็นจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม 14% และสว่างมากกว่า 30% และจะค่อย ๆ เล็กลงตามการมองเห็นของสายตามนุษย์เมื่อเคลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยจะมองดูใหญ่อีกครั้งตอนกำลังจะลับจากขอบฟ้าประมาณตี 4 ถึง ตี 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถถ่ายภาพดวงจันทร์ได้อย่างสวยงาม


นอกจากนี้ในวันที่ 13-14 ธ.ค. 51 นี้ ยังมีอีกปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญอีก คือ ฝนดาวตกเจมินิดส์ ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มดาวคนคู่ มีอัตราการตกเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่า 60 ดวงต่อชั่วโมง ปกติจะเห็นได้ตั้งแต่คืนวันที่ 6-19 ธ.ค. แต่จะมีมากที่สุดในช่วงคืนวันที่ 13 ธ.ค. ก่อนฟ้าสางของวันที่ 14 ธ.ค. แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันแรม 1 ค่ำซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์เกือบเต็มดวง และส่องแสงสว่างมาก จึงอาจทำให้เห็นเฉพาะฝนดาวตกในดวงที่มีความสว่างมากเท่านั้น ส่วนฝนดาวตกที่มีแสงสว่างน้อยอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งการเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ ในปีนี้จะสามารถสังเกตเห็นได้ทางทิศตะวันออกตั้งแต่ 21.30 น. เป็นต้นไป
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #356 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2551, 23:29:18 »

สุภาษิต-คำพังเพย-สำนวน ไทย / อังกฤษ

กันไว้ดีกว่าแก้ : Prevention is better than cure.

กินปูนร้อนท้อง : Conscience does make cowards of us all.

แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ : You never miss the water till the well runs dry.

ไกลตา ไกลใจ : Long absent, soon forgotten. หรือ Out of sight, out of mind.

ขวานผ่าซาก : Call a spade a spade.

อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ : Nothing ventured, nothing have.

ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง : All are not thieves that dogs bark at. หรือ Appearances are deceptive. หรือ Never judge by appearences.

เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม : When in Rome do as the Romans do.

คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล : Keep not ill man company lest you increase the number.

คมในฝัก : Hide your light under a bushel.

ความรักเหมือนโรค บันดาลตาให้มืดมน : Love is blind.

งานเลี้ยง ต้องมีวันเลิกรา : All good things come to an end.

ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก อย่าได้ไว้ใจนัก : Never trust a sleeping dog, a swearing Jew, a praying drunkard, or an sweeping woman.

ตบมือข้างเดียวไม่ดัง : It takes two to make a quarrel.

ที่แล้วมา ก็แล้วกันไป : Forgive and forget. หรือ Let bygones be bygones. หรือ To err is human to forgive divine.

นารีงามสรรพเมื่อดับเทียน : All cats are grey in the dark.

มีเมียผิดคิดจนตัวตาย : Marry in waste and repent at leisure.

รักสนุก จะทุกข์ถนัด : No joy without annoy. หรือ No pleasure without repentance.


ที่มา http://www.saranair.com/article.php?sid=1139
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #357 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2551, 00:44:16 »

Traffic camera with fine‏

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

เรียน ทุกท่าน เพื่อทราบ

ตั้งแต่วันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2551 ป็นต้นไป จะมีกล้องจับภาพตามสี่แยกต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยจะมี การจับ 3 กรณี ดังนี้

1. ผ่าสัญญานไฟแดง ส่วนพวกที่ฝ่าไฟเหลือง ก็มีโทษเช่นเดียวกับฝ่าไฟแดง แต่จะไม่ตัดแต้ม

2. จอดรถติดสัญญานไฟแดง ทับเส้นขาวด้านหน้า ... " อย่าทับหนู "

3. จอดรถติดสัญานไฟ คล่อมช่องทางซ้ายสุด ... " จระเข้ขวางคลอง "


( ข้อความใน " XXX " น่ะ เจี๊ยบเดาเอาเอง โดยอิงกับป้ายรณรงค์ไม่ให้ผู้ขับขี่ทำผิดกฏจารจร ที่เราเคยเห็นตามท้องถนน เมื่อหลายปีก่อนโน้น น่าจะถูกต้องนา ... ว่ามั้ย ? )

แยกไฟแดงที่มีกล้อง มีดังต่อไปนี้

1. แยกรัชดาฯ - ลาดพร้าว
2. แยกบ้านม้า
3. แยกคลองตัน
4. แยกอโศก - เพชร
5. แยกวิทยุ -เ พลินจิต
6. แยกซังฮี้
7. แยกพญาไท
8. แยกโชคชัย 4
9. แยกนิด้า
10. แยกอุรุพงษ์
11. แยกประดิพัทธ์
12. แยกรัชดาฯ - พระราม 4
13. แยกลำสาลี
14. แยกบ้านแขก
15. แยกบางพลัด
16. แยกศรีนครินทร์
17. แยกราชประสงค์
18. แยกอโศก - สุขุมวิท
19. แยกสาทร
20. แยกตากสิน
21. แยกโพธิ์แก้ว
22. แยกพัฒนาการ - รามคำแหง 24
23. แยกร่มเกล้า
24. แยกศุลกากร
25. แยกเหม่งจ๋าย
26. แยกท่าพระ
27. แยกประเวศ
28. แยกอังรีดูนังต์
29. แยกประชานุกูล
30. แยกบางโพ

ค่าปรับมีอัตราเดียวคือ 500 บาท เป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ข้อหาขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง มาตรา 22 ( 2 ) มีโทษตามมาตรา 152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตัดแต้ม 40 คะแนน ใครเลี่ยงบาลีเอากระดาษไปปิดป้ายทะเบียนรถ หวังหลบเลี่ยง โดนปรับเพิ่ม
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #358 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2551, 13:06:26 »

ตำรวจจราจรเอาจริง จัดตั้งกล้องถ่ายภาพผู้กระทำผิดผ่าสัญญาณไฟจราจร เริ่มดีเดย์ 30 ธ.ค.51 นี้

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งรายละเอียดมาเพิ่มให้อีกคนนึง ... ขอบคุณมากคร้าบ บ บ
    
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6588 ข่าวสดรายวัน " ติดกล้อง 30 แยกกรุง-จับจอมฝ่าไฟแดง ใช้รูปถ่าย ส่งทางปณ. ปรับ500บ. ตร.ดีเดย์ ! 30ธันวา นี้ "

     นักซิ่ง-โชเฟอร์มักง่ายชอบขับ ฝ่าไฟแดงหนาว ตำรวจจราจร ติดตั้งเครื่องมือไฮเทคเซ็นเซอร์ตรวจจับรถล้ำเส้นจราจร จากนั้นถ่ายภาพเอาผิดคนชอบทำผิดฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ดีเดย์วันที่ 30 ธ.ค.นี้ ใน 30 สี่แยกกรุงช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ เผยจะส่งภาพถ่ายหลักฐานทำผิดพร้อมให้ไปจ่ายค่าปรับ 500 บาท ใครเลี่ยงบาลีเอากระดาษปิดป้ายทะเบียนหวังหลบเลี่ยง โดน ปรับเพิ่ม

      เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ซึ่งดูแลงานด้านการจราจร เปิดเผยว่า กองบังคับการตำรวจจราจร ( บก.จร. ) ได้ติดตั้งกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ( เรด ไลท์ คาเมร่า)  ไปติดตามสี่แยกต่างๆ โดยวันเดียวกันนี้ เป็นวันตรวจรับงวดสุดท้ายของงาน มีพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. เป็นประธาน จากการทดสอบใน 30 ทางแยกปรากฏว่าในรอบ 1 วันมีผู้ฝ่าฝืนกว่า 5,000 ราย เมื่อตรวจรับเสร็จแล้ว ทดลองผ่านแล้ว ช่วงนี้จะประชาสัมพันธ์ โดยเริ่มใช้บังคับในวันที่ 30 ธ.ค. ตรงกับวันเริ่มรณรงค์ 7 วันอันตรายปีใหม่ ทั้งนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงตามแยกต่างๆ นั้นจะถูกบันทึกภาพ ซึ่งภาพที่ได้จะแนบไปกับหมายเรียกกระทำความผิดส่งไปให้ผู้ที่ฝ่าฝืนและกระทำความผิดถึงที่บ้าน

พล.ต.ต.ภาณุกล่าวต่อว่า ภาพที่จะส่งไปให้ผู้กระทำความผิด มีจำนวน 3 ภาพ คือ
                
     - ภาพก่อนการกระทำความผิด
     - ภาพขณะกระทำความผิด และ
     - ภาพเฉพาะทะเบียนรถ ในภาพจะปรากฏชื่อแยก วันเวลากระทำความผิด ความเร็วของรถ เห็นทั้งตัวรถและไฟ
              
     โดยจะส่งให้ใน 7 วันหลังกระทำความผิด  และจะให้มาชำระค่าปรับที่กำหนดไว้ในหมาย โดยค่าปรับมีอัตราเดียว 500 บาท เป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ข้อหาขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง มาตรา 22 (2) มีโทษตามมาตรา 152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตัดแต้ม 40 คะแนน

     แต่ละทางแยกจะมีเครื่องหมายติดไว้เป็นป้ายพื้นขาว และตัวกล้องสีดำ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
          1. กล้อง
          2. ตัวเซ็นเซอร์ และ
          3. ตัวคอมพิวเตอร์ประเมินผล


วิธีการทำงานของกล้อง

     เมื่อไฟแดงทำงาน ตัวเซ็นเซอร์ทำงาน มีการฝ่าไปกล้องจะถ่ายภาพ  จากนั้นจะประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โคนเสา ตัวคอมพิวเตอร์ก็จะส่งข้อมูลมาที่ บก.02 ก็จะมาขึ้นที่จอมอนิเตอร์ใน บก.02 ซึ่งเครื่องจะอ่านอัตโนมัติว่าเป็นรถของใคร โดยได้เชื่อมกับกรมการขนส่งทางบก ที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์ เพื่อบอกสีรถ ยี่ห้อรถ ชื่อเจ้าของรถ เมื่ออ่านออโต้ออกมาก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบ เพราะรถอาจติดทะเบียนไม่ตรงกัน เมื่อตรวจพบตรงกันก็มาพิมพ์หมาย มีค่าใช้จ่ายแผ่นละ 3 บาท ไม่รวมค่าส่ง

      หากไม่ชำระค่าปรับใน 7 หรือ 15 วัน เครื่องก็จะประมูลผลออกมาอีกว่าใครยังไม่ชำระค่าปรับบ้าง ก็จะมีใบปะหน้าไปที่กรมการขนส่งทางบก ว่ารถเหล่านี้ไม่มาชำระภาษี พอไปชำระภาษีขนส่งก็ไม่ต่อให้ แต่ต้องส่งไปเสียค่าปรับก่อน เมื่อส่งมาที่ตำรวจแทนที่จะปรับ 500 บาท ก็ต้องปรับข้อหาไม่มารายงานตัวตามกำหนดระยะเวลา เพิ่มอีก 200 บาท " รองผบช.น.กล่าว

      พล.ต.ต.ภาณุกล่าวต่อว่า เริ่มทดลองวันที่ 9-11 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ทำผิดกว่า 4,000 รายต่อวัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเวลากลางคืน รถที่พบว่าทำความผิดมากคือ รถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์ สำหรับประโยชน์จากกล้องนี้ คือ

        1. ลดความขัดแย้ง
        2. ลดอุบัติเหตุ เพราะผู้ขับขี่รู้ว่าแยกนี้มีกล้อง จึงไม่กล้าทำ
        3. หากมีอุบัติเหตุก็รู้ว่าใครเป็นผู้ฝ่าฝืน แต่ที่เราหวังมากที่สุดคือ ชาวบ้านจะไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง สถิติที่ผ่านมามีผู้ถูกจับคดีไฟแดงในปี 2549 จำนวน 2,411 ราย  ปี 2550 จำนวน 2,213 ราย  และปี 2551 ถึงเดือนตุลาคม จำนวน 1,494 ราย นอกจากนี้พวกที่ฝ่าไฟเหลืองก็มีโทษเช่นเดียวกับฝ่าไฟแดง แต่จะไม่ตัดแต้ม กล้องนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ สำหรับผู้ขับขี่รถอย่างถูกกฎหมาย และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ

     ด้านพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. กล่าวเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังของรถ หรือนำวัสดุที่บดบังการมองเห็นเลขทะเบียนออกไป เพราะตำรวจจราจร จะเร่งกวดขันความผิดในลักษณะนี้ ซึ่งมีโทษปรับสูงกว่า 1,000 บาท  ซึ่งจะไม่คุ้ม  หากต้องการหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายภาพที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท จะเริ่มโครงการในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ ตามแยกต่างๆ 30 แยกสำคัญทั่วกรุงเทพฯ


       NN จ๋า ... ที่ Germany ใช้เทคโนโลยีตรวจจับรถที่ขับเร็วเกินกำหนดมานานหลายปีแล้วนอะ  แล้วเค้าจับเรื่องฝ่าไฟแดงแบบนี้ด้วยรึเปล่า ?  ค่าปรับของเรา-ถ้าถูกถ่ายรูปก็เท่ากับ 10 Euro ซึ่งถือว่าถูกกว่าที่เมืองเบียร์มากๆ  ที่นั่นน่ะ จะถูกปรับครั้งละหลายร้อยยูโรใช่มั้ยคะ ? ... ได้ผลชงัดดี  มีผู้ทำผิดกฏจารจรน้อยมาก

     แต่เรื่องนึงที่กรุงเทพฯ มี  แต่ที่ Germany ไม่มีก็คือ  ตัวเลข digital นับเวลาถอยหลังตามสี่แยก ให้รู้ว่าอีกกี่วินาทีจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว  ดีมากๆ เลย  มีประโยชน์หลายอย่างเลยล่ะ  เช่น :

       1. ถ้าต้องจอดรอไฟเขียวนานเกิน 2 นาทีขึ้นไป  ก็จะได้ดับเครื่องยนต์  ประหยัดน้ำมัน  ลดมลภาวะ  ลดโลกร้อน
       2. มีเวลาทำธุระเล็กๆ น้อยๆ ได้  หรือเตรียมตัวออกรถได้ทัน
       3. สุขภาพจิตดีขึ้น ที่ได้รู้ว่าต้องรอนานเท่าไหร่

    ใครนึกประโยชน์อื่นๆ ได้อีก  ก็มา share กันหน่อย น้าค้า
 
 
 
 
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #359 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2551, 09:55:52 »

ทำเนียบรัฐบาลของประเทศต่างๆ

รวิวรรณ - ถาปัด 16 ... ส่งมา

เรียงลำดับตามอักษรนำหน้าชื่อในภาษาไทย นะจ๊ะ

กัมพูชา


เกาหลีใต้


แคนาดา


โครเอเชีย


เซอเบีย


ญี่ปุ่น


ไทย


นอร์เวย์


นิวซีแลนด์


บัลกาเรีย


ฝรั่งเศส


ฟินแลนด์


มาเลียเซีย


สโลวาเกีย


สิงคโปร์


ออสเตรเลีย


ออสเตรีย


อังกฤษ


อินเดีย


เอสโทเนีย


ฮังการี


บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #360 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2551, 04:17:24 »

New A 380‏

รวิวรรณ - ถาปัด 16 ... ส่งมา

business class cabin


business class seat


first class private area


first class seat


first class water feature
 

lounge area for first and business class


lounge area


purser work station


rear stairs to business class cabin


shower


shower


stairs to first class

บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #361 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2551, 13:05:55 »

วิธีตรวจสอบแบงค์ปลอม โดยธนาคารแห่งประเทศไทย

นิรา - วิทยา 16 ... ส่งมา










บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #362 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2551, 22:43:18 »

เอารูปโฆษณาสมัยก่อน มาให้ดู

วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมาจาก USA

ท่านใดมีอาวุโสพอที่จะรู้สึกคุ้นๆ ตา บ้างมั้ยเอ่ย ? ... ประมาณ พ.ศ. ไหนเนี่ย ?











โห !  จัดได้ว่าเป็นตำรา " ประวัติศาสตร์การโฆษณา " ในเมืองไทย  สำหรับชาวนิเทศฯ ได้สบายๆ เลย
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #363 เมื่อ: 15 มกราคม 2552, 08:09:41 »

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ หลังบ้านนายกรัฐมนตรีคนที่ 27

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07... ส่งมา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

     เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลานับสิบปีบนเส้นทางสายการเมือง เรื่องส่วนตัวรวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของ " มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ " หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก เพราะเขาเคยกล่าวว่า " ต้องการใช้ชีวิตครอบครัวด้วยความเป็นส่วนตัว "

     แต่ทันทีที่เขาได้สวมหมวกนายกรัฐมนตรี พร้อมๆ กับภาพภริยาที่ยืนเคียงคู่กันวันที่ได้รับตำแหน่ง  ทำให้ใครหลายๆ คนอยากจะรู้จักกับสาวสวยที่มักจะหลบฉาก มองดูความสำเร็จของคู่ชีวิตอยู่ด้านหลังเงียบๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเธอคนนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันค่ะ ...




     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พิมพ์เพ็ญ หรือ แตงโม ( แต่ส่วนใหญ่คนจะเรียก แตง ) เวชชาชีวะ หรือนามสกุลเดิมคือ ศกุนตาภัย เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ขณะนี้อายุ 44 ปี เป็นบุตรสาวของ ศาตราจารย์ (พิเศษ) พงษ์เพ็ญ ศกุนตาภัย กับ นางประพาพิมพ์ ศกุนตาภัย อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคุณแตงเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , ปริญญาตรี จากคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทและปริญญา เอก จาก สาขาวิชาคณิตศาสตร์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



     คุณแตงรู้จักกับคุณอภิสิทธิ์ ตั้งแต่สมัยเป็นเพื่อนนักเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่อยู่กันคนละห้อง จากนั้นพอจบชั้นประถมปีที่ 6 คุณอภิสิทธิ์ก็ไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ ในขณะที่คุณแตงเรียนอยู่เมืองไทย ซึ่งในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์อายุ 18 ปี ประมาณปี 2526 ช่วงปิดเทอมคุณอภิสิทธิ์ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน พอดีเพื่อนๆ สมัยเรียนที่สาธิตจุฬาฯ จัดงานวันเกิด คุณอภิสิทธิ์จึงได้พบกับคุณแตงโมอีกครั้ง

     นับจากนั้นคุณอภิสิทธิ์ก็ติดต่อกับคุณแตงเรื่อยมา แม้ทั้งสองจะอยู่กันคนละทวีป แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค โดยส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางจดหมาย นานๆ จึงจะใช้โทรศัพท์สักหนหนึ่ง นานนับ 6 ปี จนกลายมาเป็นคนรู้ใจ ครั้นปี 2529 คุณอภิสิทธิ์เรียนจบกลับมา และไปสอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ความสัมพันธ์แบบคนรู้ใจ ก็เพิ่มทวีขึ้นทีละขั้นจนทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน

     ทั้งนี้คุณแตงได้กล่าวถึงคุณอภิสิทธิ์ว่า ในวันเกิดเพื่อนที่เจอยังไม่เคยคุยเลย เพราะยังไม่รู้จักกัน ได้แต่มองหน้า แต่เราจำได้ว่าคนนี้เป็นคนเก่ง เพราะว่าตอนเรียนอยู่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาได้ที่หนึ่งตลอด คือเขามีชื่อเป็นที่ฮือฮาของชั้นเรียน แล้วก็จำได้ว่าออกไปเรียนเมืองนอก ในตอนนั้นก็รู้สึกสนใจและชื่นชอบที่เขาเป็นผู้ชายเก่ง และพอรู้จักกัน ได้พูดคุยกัน ก็ชื่นชอบนิสัยใจคอเขาก็ดี น่ารัก แล้วเขามีความจริงใจกับเรามาก ความคิดความอ่านก็สอดคล้องกันเกือบทุกเรื่อง อย่างเรื่องการเมืองก็แนวเดียวกัน คือถ้าคนละเรื่องก็คงจะคบกันไม่ได้ ( หัวเราะ ) แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะคบกับเราหรือเปล่า ( หัวเราะ )

     " ส่วนจุดที่ชอบเขามากที่สุดคือ เขารักเราจริง คือเขามีความจริงใจมาก ประทับใจมาก ใหม่ๆ ยังไม่สนิทกัน แต่ตั้งแต่สนิทกันดูออกว่าเขาเป็นคนเปิดเผย แล้วเขาคิดอะไรเขาเป็นคนตรงไปตรงมา เสมอต้นเสมอปลายสำหรับจิตใจเขาเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นตลอด ตอนที่คบกันใหม่ๆ มาร์คเขาจะเขียนจดหมายมาคุยด้วย เฉลี่ยอาทิตย์ละฉบับ ตอนหลังๆ ก็ถี่เข้าเป็นวันเว้นวัน " คุณแตง กล่าว




     กระทั่งถึงยามที่รักสุกงอม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2531 หนุ่มอภิสิทธิ์กับคุณแตงได้เข้าเข้าพิธีสมรสพระราชทาน ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่มีอายุ 24 ปี และหลังจากแต่งงานคุณอภิสิทธิ์ได้กลับไปเรียนปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เนื่องจากได้ทุนเรียนต่อ โดยมีคุณแตงบินตามไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วย และเมื่อเรียนจบปริญญาโท พอดีกับที่คุณแตงตั้งครรภ์ลูกคนแรก ทั้งคู่เดินทางกลับมาถึงเมืองไทย ในปี 2533 ( ทั้งคู่มีบุตร 2 คน คือ น้องมะปราง-ปราง เวชชาชีวะ (บุตรสาว) เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 และ 3 ปีต่อมา น้องปัณณ์-ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บุตรชาย) ก็ถือกำเนิดขึ้น เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2536

     อย่างไรก็ตามจุดที่ทำให้ชีวิตของคุณอภิสิทธิ์ พลิกผลันจากนักวิชาการหนุ่มในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มมีบทบาททางการเมือง เนื่องจากเหตุการณ์ รสช. ยึดอำนาจ ระหว่างที่สอนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ได้ปีกว่า และเมื่อมีการเลือกตั้งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 ตอนนั้นอายุย่างเข้า 27 ปี เขาก็ได้ตัดสินใจสวมเสื้อประชาธิปัตย์มาจวบจนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลาการหาเสียง เขามักมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยลง ด้วยภารกิจหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่การดูแลภรรยาและลูก ก็ยังถือเป็นสิ่งสำคัญที่เขาปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

     คุณแตงกล่าวอีกว่า ระหว่างหาเสียงเขาจะกลับมาตอนช่วง 4-5 ทุ่ม ซึ่งน้องปราง-ลูกสาว ก็จะตื่นพอดี พ่อกับลูกก็จะเล่นกันไปจนถึงตี 1 ตี 2 จึงพากันหลับไปทั้งคู่ ก่อนหน้านี้เขาจะใช้เวลาที่เหลือจากงานสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมาอยู่บ้าน ตามนิสัยคนรักครอบครัว สมัยก่อนไม่มีสาวคนไหนมากรี๊ด ไม่มีเลย ตอนที่เขาสอนนักเรียนนายร้อย ก็ไม่มีสาวๆ มากรี๊ด เพราะมีแต่นักเรียนทหาร เพิ่งเริ่มตอนที่เขาสอนธรรมศาสตร์ ที่คนอื่นชอบมาเล่าให้ฟัง คนที่รู้จักเราก็ชอบมาเล่าว่าเป็นที่ฮือฮา นักเรียนสาวชอบ เคยถามเขา เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ไก๋หรือเปล่า ( หัวเราะ ) แต่เขาเคยเอาการ์ดวาเลนไทน์ที่ได้รับจากลูกศิษย์สาวๆ มาให้ดู คือเขามีอะไร เขาไม่ปิดบังเรา แต่ระยะหลังๆ นี้ไม่มีอีกแล้ว




     " เขาเป็นคนโรแมนติกพอสมควร อย่างวันเกิดเรา เขาก็จะสั่งดอกไม้มาให้ คือไม่ให้เราเอง ให้คนมาส่งทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่คนชอบพูดหวาน เป็นคนชอบพูดตรงไปตรงมา แต่เขาไม่มีนิสัยเจ้าชู้ ไม่มีเลย ( หัวเราะ ) นี่เป็นเหตุผลที่เบาใจอย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงแย่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีปัญหา ที่สำคัญเขาค่อนข้างเป็นคนรักเดียวใจเดียว ( หัวเราะ ) ก็รู้จักเขาดี เลยไม่หนักใจเท่าไร " คุณแตง กล่าวถึงคู่ชีวิต

     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์เพ็ญ กล่าวต่อว่า ตอนที่เขาคิดจะลงลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก เราก็คิดนะว่าจะมีเวลาว่างหรือเปล่า แต่ก็ยอม ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน คือคิดว่าเขาทำอย่างนี้แล้วประสบความสำเร็จ มันก็จะเป็นความสุขของเขา แล้วเราก็สุขไปด้วย ก็คงจะเป็นประโยชน์ขึ้นเยอะ ที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้ดีที่สุด การที่เขาทำงานตรงนี้อาจทำให้เราห่างกันบ้าง แต่เราก็เข้าใจว่าเขาไปทำงานจริงๆ ไม่ใช่ไปที่ไหน คือไม่มีเวลาออกไปที่อื่นเลย มีแต่เวลางาน

     " ภายนอกคนจะมองว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ สุขุม แต่จริงๆ เขาเป็นไม่เงียบหรอกค่ะ คือดูภายนอกเป็นคนเงียบ สุขุม แต่จริงๆ เป็นคนพูดเก่ง ขี้เล่น รักเด็ก ชอบเล่น เป็นคนรักลูก เป็นคนสนุก ไม่ขรึมอย่างที่คิด ลูกบอกว่าพ่อใจเย็นทุกเรื่อง ยกเว้นติวลูก เรื่องการติว จะวิ่งหาแม่ทั้งคู่เลย เรื่องใจดี พ่อกับแม่พูดยากนะ บางทีแข่งกันประชานิยมทั้งคู่ แต่ว่าเราถือมากในเรื่องความรับผิดชอบ ความสุภาพ ความซื่อตรง เพราะฉะนั้นเราจะไม่เคี่ยวเข็ญว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่เขาทำกับครอบครัว คือไม่ใช่การทำอะไร แต่ว่าเขาให้ความเอาใจใส่มาก ให้ความรัก ความอบอุ่นมากคือเขาทุ่มเทเวลาให้กับเรามาก ไม่รู้ว่าอย่างนี้เรียกว่าหัวหน้าหรือเปล่า คือเขาเป็นคนรักครอบครัวมาก ให้ความสำคัญไม่แพ้งาน " คุณแตงกล่าว




     คุณแตงกล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของการทำงานเขาไม่ค่อยบ่นให้ฟัง คงเป็นเพราะเขาสนุกกับงานตรงนี้ และเขาชอบอยู่แล้ว แต่เราต้องช่วยให้กำลังใจเขา คือพยายามไม่ให้เขาท้อถอย แต่ปกติเขาก็ไม่ท้อถอย คือไม่ว่าจะมีข่าวอะไรมาเขาจะเฉย ไม่รู้สึกท้อถอย เขาสู้ตลอด เราก็เลยรู้สึกไม่ค่อยลำบากใจ เราก็ไปช่วยบ้างแล้วแต่กรณี ณ ตอนนี้รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเขา แต่ยอมรับว่าหนักใจ เพราะประเทศไทยมีปัญหายากลำบากในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวจะทำหน้าที่ให้กำลังใจและให้คำปรึกษา ถึง แม้ว่าเขาจะมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยลงก็ไม่เป็นไร และจะให้กำลังใจในการทำงานอย่างเต็มที่ และไม่มีเคล็ดลับดูแลนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ นอกจากกำลังใจ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #364 เมื่อ: 08 เมษายน 2552, 17:39:46 »

พี่เจี๊ยบขา,
กลับมา repeatได้ป่าวคะ,
หายไปเยอะเลย.
ยังอ่านไม่หมดเลยคะ...
เหอๆ


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #365 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2552, 11:57:43 »

NN ... repeat ไม่ได้จ้า  เพราะลบต้นฉบับไปแล้วตามกาลเวลา  ว่ากันเรืองใหม่ต่อละกัน ...

เมื่อวานนี้ สกอ. ได้ประกาศผลการสอบแอดมิดชั่น ผ่าน 17 website  เมื่อเวลา 18.00 น. ... ลูกๆ หลานๆ ชาวซีมะโด่งได้เรียนต่อที่ไหนกันบ้างคะ ?


เปิดใจสุดยอด “เด็กเก่ง” แอดมิชชัน 2552
 
วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมาจาก USA ( โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2552 18:36 น. )
 
       วานนี้ ( 7 พ.ค. ) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ( สกอ. )  นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาธิการ ( กกอ. ) แถลงผลการคัดเลือกในระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือ แอดมิชชัน ประจำปีการศึกษา 2552
      
       ทั้งนี้ ผู้ผ่านการคัดเลือกที่มีคะแนนรวมสูงสุดในระบบแอดมิชชั่น ได้แก่ นายรวินท์ เหราบัตย์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 89.24 สูงสุดในคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.กัญญารัตน์ อาจชน จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ได้คะแนนร้อยละ 88.41 สูงสุดในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ นายธัชพล เพชรศิริพันธุ์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ได้คะแนนร้อยละ 87.71 สูงสุดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.บุญญาดา ปลั่งศิริ โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ได้คะแนน 87.54 สูงสุดในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.ศศิลดา ศิริรุ่งเรือง จากโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ได้คะแนนร้อยละ 87.07 สูงสุดในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
      
       น.ส.นันทิชา เรืองชัยนิคม จากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ได้คะแนนร้อยละ 83.07 สูงสุดในคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ นายกรกวิน พิชญโยธิน จากโรงเรียนบดินทรเดชา ( สิงห์ สิงหเสนี ) ได้คะแนนร้อยละ 82.21 สูงสุดในคณะพาณิชศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ นายธีรวีร์ กุระเดชภพ จากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ได้คะแนนร้อยละ 82.12 สูงสุดในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นายศศิพงศ์ ลียวัฒนานุพงศ์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ได้คะแนนร้อย 81.97 สูงสุดในคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และ น.ส.พูนทรัพย์ อารีกิจ จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ได้คะแนนร้อยละ 81.55 สูงสุดในคณะจิตวิทยา จุฬาฯ

      
1.นายรวินท์ เหราบัตย์ หรือ “ต้น”  ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา  ที่ 1 นิติศาสตร์ จุฬาฯ  ได้คะแนนสูงสุดแอดมิชชัน 52


      
       นายรวินท์ เหราบัตย์ หรือ “ต้น” จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 89.24 สูงสุดในคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นคะแนนสูงสุดของการคัดเลือกระบบแอดมิชชัน กล่าวว่า รู้สึกยินดีหลังจากได้รับทราบผลคะแนน โดยตนมีความตั้งใจอยากเรียนด้านกฎหมาย และอยากเข้าไปทำงานในบริษัทกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเป็นงานที่สนใจ ท้าทาย และได้ใช้ความรู้ด้านภาษาอยู่ตลอดด้วย สำหรับจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.99 ส่วนเคล็ดลับในการเรียนของตน จะให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือให้มากที่สุด โดยเฉพาะที่คิดว่าสำคัญ และพยายามวางแผนการอ่านหนังสือ และพยายามทำได้ให้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนการเรียนพิเศษนั่นตนก็เรียนทุกวิชาที่ต้องสอบ อาทิ ภาษาไทย สังคม ฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือแม้จะเรียนพิเศษเสริมด้วย แต่ก็ตัวเราเองก็ต้องตั้งใจและขยันอ่านหนังสือทบทวนด้วยตนเองด้วย
      
       “สำหรับระบบแอดมิชชันนั้น ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นระบบที่วุ่นวาย มีการเปลี่ยนแปลงไปมาตลอด เหมือนไม่มีจุดหมายที่สิ้นสุด ทำให้นักเรียนเองก็งงว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรแน่ อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นน้องที่จะต้องเข้าสู่ระบบแอดมิชชันในปี 2553 ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบใหม่อีกนั้น ก็อยากฝากให้รุ่นน้อง ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ และคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอ” นายรวินท์ กล่าว

      
       2. นายกรกวิน พิชญโยธิน หรือ “อะตอม”  ร.ร.บดินทรเดชา ( สิงห์ สิงหเสนี ) ที่ 7 แอดมิชชัน  คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ


      
       นายกรกวิน พิชญโยธิน หรือ “อะตอม” จากโรงเรียนบดินทรเดชา ( สิงห์ สิงหเสนี ) ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 82.21 สูงเป็นลำดับ 7 ในการแอดมิชชัน ติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ กล่าวว่า วิธีการเรียนหนังสือและการเตรียมตัวสอบของตนเองนั้น จะทบทวนบทเรียนที่เรียนมาแล้วอย่างสม่ำเสมอ และฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะ โดยไม่เคร่งเครียดกับการเรียนและการอ่านหนังสือมากเกินไป ที่สำคัญ ต้องรู้จักแบ่งเวลา อยู่โรงเรียนเมื่อถึงเวลาเรียนก็ต้องตั้งใจเรียน แต่ก็เล่นสนุกกับเพื่อนด้วย ส่วนที่เลือกเรียนบัญชี เพราะอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี และฝากถึงเพื่อนๆ ที่อาจจะพลาดโอกาสจากการแอดมิชชันว่าขอให้พยายามต่อไป อย่าท้อถอยเพราะสนามี้ไม่ใช่สนามเดียวของชีวิต ชีวิตย่อมมีอุปสรรคที่อต้งฝ่าฟันอยู่เสมอ
      
       3. นายธัชพล เพชรศิริพันธุ์  ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา  ที่ 3 แอดมิชชัน  ที่ 1 วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ


      
       นายธัชพล เพชรศิริพันธุ์ นักเรียนจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 87..71 หรือลำดับที่ 3 ในการแอดมิชชัน กล่าวว่า รู้สึกดีใจ แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำคะแนนได้สูง ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนคณะนี้นั้น เพราะชอบและมีความถนัดในวิชาคณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ โดยพ่อแม่ไม่ได้บังคับให้เลือกแต่ตนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง สำหรับเคล็ดลับการเรียนเก่งไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ตั้งใจ และพยายามทำความเข้าใจกับการเรียนในห้องเรียน และหมั่นทบทวนบทเรียนอยู่เสมอ แต่ก็มีบ้างที่ไปเรียนพิเศษเพื่อให้มีความรู้ที่แน่นขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในระบบแอดมิชชัน เพราะการกำหนดค่าน้ำหนักขององค์ประกอบในการแอดมิชชันไม่สามารถคัดผู้ที่มีความสามารถในด้านนั้นๆ ได้จริง เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ค่าน้ำหนักไปเน้นที่คะแนนโอเน็ตเยอะมาก ดังนั้นจึงอยากให้ปรับค่าน้ำหนักให้มีความสอดคล้องกับสาขาวิชาต่างๆ ให้มากขึ้น
      
       4. นายศศิพงศ์ ลียวัฒนานุพงศ์ หรือ “เบียร์”  ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา  ที่ 9 แอดมิชชัน  คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ


      
       นายศศิพงศ์ ลียวัฒนานุพงศ์ หรือ “เบียร์” จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 81.79 สูงเป็นลำดับ 9 ของการแอดมิชชัน ติดคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หลังทราบว่าสอบติดรู้สึกดีใจมาก เพราะตนเป็นเด็กซิลมาจากคณะวิศวะ จุฬาฯ ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำคะแนนได้สูง โดยผลคะแนนที่ใช้ยื่นสมัครแอดมิชชันก็เป้นคะแนนเดิมที่สมัครครั้งที่แล้ว ส่วนสาเหตุที่สมัครสอบใหม่นั้น เนื่องจากเมื่อเรียนไปแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบ และไม่มีความสุขเลย จึงคิดว่าควรจะเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบจะดีกว่า
      
       “ผมเรียนวิศวะไปได้สักพักก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว มันไม่มีความสุขเลย ผมเลยไม่เข้าเรียน และเกเรไปเลย ซึ่งความรู้สึกไม่ชอบมันเริ่มเป็นมาตั้งแต่ ม.ปลาย ที่ผมลือกเรียนสายวิทย์-คณิต แต่ตอนนั้นหลังจากที่จบ ม.3 จาก จังหวัดปัตตานี ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเลือกเรียนอะไร ไม่รู้ว่าผมชอบอะไร เลยเลือกเรียนสายวิทย์ เพราะเห็นว่ามีทางเลือกมากกว่าสายศิลป์ และไม่รู้ว่าเรียนสายศิลป์จบออกไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง จนได้เข้าเรียนจึงรู้ว่าไม่ใช่ตนเอง ซึ่งผมคิดว่ากระทรวงศึกษาฯ ควรให้ความสำคัญกับการแนะแนวการศึกษา ทั้งในช่วง ม.3 และเน้นหนักในช่วง ม.ปลาย ซึ่งควรมีกิจกรรมหรือสิ่งที่จะทำให้เด็กค้นหาตัวเองเจอว่าอยากเรียนอะไร ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาเหมือนผม ที่สำคัญระบบแอดมิชชันไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อย เพราะเด็กจะวางแผนไม่ได้”
      
       นายศศิพงศ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่คิดว่าจะไม่เรียนวิศวะและสมัครแอดมิชชันใหม่ ตนได้ไปเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นข้อด้อยของตนเองเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่าหากจะเปลี่ยนไปเรียนเศรษฐศาสตรก็ควรจะเติมเต็มเรื่องภาษาอังกฤษ หลังทราบว่าสอบติดรู้สึกมีความสุขมากและตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียน

      
       5. น.ส.ศศิลดา ศศิรุ่งเรือง หรือน้องพัย  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  ที่ 1 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ


      
       น.ส.ศศิลดา ศศิรุ่งเรือง หรือ น้องพัย นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนสูงสุดของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ร้อยละ 87.07 กล่าวว่า ตนทราบว่าคะแนนรวมค่อนข้างดี แต่ไม่คิดว่าจะติดคณะวิทยาศาสตร์ด้วยคะแนนที่สูงสุดขนาดนี้ ดีใจมาก ที่เลือกคณะวิทยาศาสตร์ เพราะชอบเคมี มีแรงบันดาลใจจากอาจารย์เคมีที่สอนสนุก เข้าใจง่ายโดยเฉพาะอาจารย์เคมีในค่ายศูนย์ส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ศึกษา (สอวน.)ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มีส่วนอย่างมาก ทำให้ประทับใจ อีกทั้งวิชาเคมีสอนให้เป็นคนใช้จินตนาการบวกกับการคิดอย่างมีเหตุผล เนื่องจากต้องเรียนในสิ่งที่เล็กมากมองด้วยตาไม่เห็น ต้องอาศัยการจิตนาการ สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โตขึ้นอยากเป็นอาจารย์เคมี เนื่องจากคิดว่าประเทศไทย มีอาจารย์เคมีน้อย ประกอบกับรัฐบาลกำลังส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ จึงคิดว่าหลังตนเรียนจบ งานวิทยาศาสตร์ก็คงเฟื่องฟูและน่าจะมีองค์กรมาสนับสนุนงาน
      
       อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ตนกวดวิชาช่วงก่อนสอบ แต่คิดว่าคงไม่มีผลถ้าไม่ตั้งใจเรียนในชั้นเรียน และหมั่นทบทวนเนื้อหาความรู้ตลอด 3 ปีที่เรียนมาเพราะเนื้อหาชั้นม.ปลายเยอะมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวดวิชาให้หมดภายใน 2-3 เดือนสุดท้าย ดังนั้น เคล็ดลับจึงอยู่ที่การตั้งใจเรียนในห้องเรียน

      
       6. น.ส.นันทิชา เรืองชัยนิคม หรือน้องโบว์  โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี  ที่ 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ


      
       น.ส.นันทิชา เรืองชัยนิคม หรือ น้องโบว์ นักเรียนโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี คะแนนสูงสุดของคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ 83.07 กล่าวว่า ดีใจมากที่ติดคณะทันตแพทยศาสตร์ด้วยคะแนนสูงสุด เพราะใฝ่ฝันอยากเป็นทันตแพทยศาสตร์ สำหรับตนคิดว่าการตั้งใจเรียนในชั้นเรียนมีผลอย่างมาก ประกอบกับโรงเรียนมีโครงการกวดวิชาให้กับนักเรียนนอกเวลา มีการให้ฝึกทำข้อสอบ ทบทวนเนื้อหา ดังนั้นอยากให้โรงเรียนอื่นๆ มีโครงการนี้บ้าง คิดว่า จะเพิ่มโอกาสให้กับนักเรียนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ส่วนตัวเรียนหนังสือแบบไม่เครียด เพียงแต่ต้องรู้จักจัดสรรเวลาระหว่างเรียนกับการทำกิจกรรมกับเพื่อน
      
       7. น.ส.กัญญารัตน์ อาจชน  ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย  ที่ 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ


      
       น.ส.กัญญารัตน์ อาจชน ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย ซึ่งสอบได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก แค่สอบติดก็ดีใจแล้ว แต่เมื่อทราบว่าได้อันดับที่หนึ่งก็ยิ่งดีใจมากยิ่งขึ้น โดยคณะอักษรฯ ใช้วิชาภาษาอังกฤษ จีน ภาษาไทย สังคมศึกษา ในการสอบเข้า ซึ่งเป็นวิชาที่ชอบ จึงรู้สึกสนุกกับการเตรียมตัว ไม่กดดัน และที่เลือกเรียนภาษาจีนเพราะเป็นภาษาสำคัญ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลกก็มีคนจีนอาศัยอยู่ เราจะได้ใช้เพื่อติดต่อการค้า เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยในอนาคต
      
       “ส่วนเคล็ดลับการเรียนนั้น ยึดหลักว่า การทบทวนสิ่งที่เรียนมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และจะค่อยๆ อ่านหนังสือสะสมความรู้ และทบทวนตลอดเวลา ไม่โหมหรืออัดแน่นในช่วงใกล้สอบ จัดเวลาเรียนพิเศษให้เหมาะสมรู้จักขีดจำกัดของตนเอง โดยเน้นเรียนตอนปิดเทอม ส่วนช่วงเปิดเทอมก็จะเรียนพิเศษให้น้อยลงและใช้เวลาในการทบทวนเนื้อหา สำหรับเพื่อนๆ ที่พลาดหวังจากการแอดมิชชัน ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ แต่อยู่ที่การปฏิบัติตัวเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม ขอให้เรามั่นใจว่าเรามีศักยภาพ ไม่ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยใด ก็ประสบความสำเร็จได้แน่นอน”

      
       8. น.ส.พูลทรัพย์ อารีกิจ  โรงเรียนเบญจมราชูทิศ  ที่ 1 คณะจิตวิทยา จุฬาฯ


      
       น.ส.พูลทรัพย์ อารีกิจ หรือน้องสาม นักเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี คะแนนสูงสุดของคณะจิตวิทยา จุฬาฯ ร้อยละ 81.55 กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ส่วนตัวอ่านและทบทวนเนื้อหาในห้องเรียนอย่างดี โดยเฉพาะตอนเรียนม.6 จะปรับตัวแบ่งเวลาระหว่างเรื่องเรียนกับกิจกรรม นอกจากนี้การที่โรงเรียนจัดโครงการติวหนังสือให้กับเด็กม.6 ทุกคน ก็ส่วนอย่างมากกับการที่ตนทำคะแนนสูงขนาดนี้ โตขึ้นตนอยากเรียนจิตวิทยา เพราะเป็นอาชีพที่สามารถเข้าไปทำงานได้กับทุกอาชีพ อีกทั้งเป็นคนที่ชอบให้คำปรึกษาคนด้วย

      
       9. นายธีรวีร์ กุระเดชภพ  โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม  ที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ



       นายธีรวีร์ กุระเดชภพ หรือ ม่อน จากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ได้คะแนนร้อยละ 82.12 สูงสุดในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หรือทำคะแนนได้สูงเป็นอันดับ 8 ของแอดมิชชัน กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่สอบติดและทำคะแนนได้สูง ซึ่งการเตรียมตัวสอบนั้นจะทยอยอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ทั้งปี โดยไม่กดดันตนเอง พร้อมเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่าน ค่อยๆ อ่านไล่ไปทีละรายวิชา เมื่ออ่านจบแล้วก็อ่านใหม่อีกรอบ จะไม่กดดันตัวเองเกินไป เพราะหากกดดันตนเองอาจจะทำให้จำไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาพ่อและแม่คอยส่งเสริมด้านการเรียนอย่างเต็มที่ หากอยากซื้อตำราเรียนพ่อกับแม่ก็จะสนับสนุน อนาคตอยากเป็นนักการทูต กระทรวงต่างประเทศ หรือทำงานกับองค์กรระหว่างประเทศ เพราะจะมีโอกาสได้พบเจอผู้คนที่หลากหลาย
      
       “อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ต่างหวัด ผมคิดว่าการเรียนอยู่ใน กทมม. หรือต่างจังหวัด ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะทำให้ทำคะแนนได้ดี ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนว่าจะขวนขวายแค่ไหน เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีไปทั่วถึง เพียงแต่ กทม.อาจจะมีโอกาสมากกว่าบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าศักยภาพของนักเรียนทั่วประเทศไม่ด้อยไปกว่ากัน และขอฝากว่าองค์ประกอบแอดมิชชันไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะจะทำให้เด็กเกิดความวิตกกังวลมาก”


       10. น.ส.บุญญาดา ปลั่งศิริ  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  ที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ


      
       นางวิระดา ปลั่งศิริ มารดา น.ส..บุญญาดา ปลั่งศิริ นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนสูงสุดคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ร้อยละ 87.54 กล่าวว่า ตนและนายบุญคลีไม่ได้มีส่วนต่อการตัดสินใจเลือกคณะของลูกสาว แต่ลูกสาวตัดสินใจเลือกเองโดยตนและนายบุญคลีให้การสนับสนุนทุกเรื่อง ที่ให้ลูกคนเล็กตัดสินใจเอง เพราะลูกคนโตก็เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งจบและเป็นวิศวะแล้ว และคนรองก็กำลังจะจบคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งสองคนก็ได้สมใจดังที่นายบุญคลีต้องการ ดังนั้นในส่วนของลูกสาวคนเล็กจึงให้ตัดสินใจว่าอยากจะเรียนทางด้านไหน ส่วนครอบครัวก็ไม่ได้วางแผนว่าลูกสำเร็จการศึกษาแล้วจะทำงานอะไร ให้อำนาจตัดสินใจแก่ลูก อย่างไรก็ตามดีใจและภูมิใจในตัวลูกมากที่ทำคะแนนสูงสุดของคณะนิเทศาสตร์ จุฬาฯ เพราะครอบครัวก็จบจุฬาฯ ทุกคนทั้งพ่อแม่และพี่ๆ รู้ว่าลูกสาวต้องติดคณะนิเทศาสตร์แน่ เพราะคะแนนรวมดีแต่ไม่คิดว่าจะสูงเป็นอันดับหนึ่ง สิ่งที่ภาคภูมิใจในส่วนลูกสาวคนนี้มากที่สุด คือรู้จักแบ่งเวลาระหว่างการเรียนและกิจกรรม โดยเป็นประธานลีดเดอร์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แข่งลีลาศได้ถ้วยรางวัล แต่ก็ยังคงตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนดีมาโดยตลอด ทั้งนี้ลูกสาวสอบได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เรียนมหาวิทยาลัยโตได ระดับปริญญาตรี โดยเป็นทุนที่ไม่มีข้อผูกมัด ได้เบี้ยเลี้ยงแสนเยน และถ้าเรียนได้ผลการเรียนดีก็สามารถได้ทุนต่อไปจนถึงปริญญาเอกด้วย ซึ่งตอนนี้ลูกสาวตนก็อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ตนได้โทรไปแจ้งข่าวแล้ว ก็ดีใจมากและบอกว่าหลังจากกลับจากญี่ปุ่นแล้วจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเลือกอะไรระหว่างทุนรัฐบาลญี่ปุ่นกับคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ( เนื่องจาก น.ส.บุญญาดา เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น )
 
 
 
 
 

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #366 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2552, 13:35:58 »

ส่วนหนุ่มน้อย " บิน " คนนี้  ไม่ได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งฉบับไหนทั้งนั้น  แต่พ่อกะแม่คอยช่วยลุ้นว่าเค้าจะได้เรียนต่อที่ไหนน้อ !






ปรากฏว่าเจ้าตัวต้องตัดสินใจเลือก  ระหว่าง " จิตวิทยา จุฬาฯ " กับ " ดนตรีเชิงพาณิชย์ - Electric guitar คณะดุริยางคศาสตร์  ม.ศิลปากร " ซึ่งคะแนนสอบคัดเลือกอยู่ในระดับสูง-ได้รับทุนการศึกษา ... ตัดสินใจดีๆ นะลูก ... แม่คิดว่าถ้าเราเป็นนักจิตวิทยาที่เล่นดนตรีได้  ต่อไปเราก็อาจจะสนใจเรื่อง " ดนตรีบำบัด "  ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์มากๆ ในวงการนี้ ... ต้องลุ้นกันอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #367 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2552, 16:00:24 »

พี่เจี๊ยบขา,
เข้ามาเชียร์น้องบิน...
ให้เลือก....จุฬา!
บอกน้าหนิง(แม่น้องไก่ฟ้าคนสวย)
กระซิบมา. (sheมีแผน ยังงัยไม่รุ!)


nn.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #368 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2552, 16:04:27 »

เดี๋ยวค่ะพี่เจี๊ยบ,
เดี๋ยวนี้เค้าไม่เรียก"เอ็นทรานส์"แล้วเหรอคะ?
เรียก"แอดมิชชัน" ??
อ่านผ่านๆคิดว่าใครต้องเข้าโรงพยาบาล!


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #369 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2552, 09:43:23 »

NN ... ขอบคุณที่มาเชียร์  ตกลงบินเลือกเรียนที่จุฬาฯ ค่ะ  ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงรับน้องใหม่

รุ่นพวกเรา  การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ( Entrance )  ใช้คะแนนจากข้อสอบที่ออกโดยคณะกรรมการกลางเพียงอย่างเดียว  และให้เลือกคณะที่อยากเรียนได้ 6 อันดับ  แต่เดี๋ยวนี้มารุ่นลูกๆ คะแนนการสอบ admission พิจารณาจาก GPA 30%  บวกคะแนนจาก ONET และ / หรือ ANET ด้วย ( ซึ่งจัดสอบวัดผลโดยสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ) โดยให้เลือกคณะที่อยากเรียนเพียง 4 อันดับ

สกอ. ก็ได้พยายามพัฒนาวิธีการคัดเลือกนักเรียน ม. ปลายเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยให้มีอำนาจจำแนกสูง และมีความยุติธรรมให้มากที่สุด  แต่ทุกๆ ครั้งที่มีการประกาศหลักเกณฑ์ใหม่  ก็มักจะกระทันหัน  นักเรียนก็จะเครียดกันมาก  เพราะเตรียมตัวไม่ทัน  นักเรียน ( และผู้ปกครอง ) ก็จะบ่นกันอุบ ... โอ้ !  ถ้าจะคุยกันเรื่องนี้  ก็มีเรื่องให้อภิปรายกันได้เป็นวันๆ เลยค่ะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #370 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2552, 10:07:19 »

มาชวนกันไปฟังเพลงให้คลายเครียดดีกว่า ...

Concert ... Yesterday Once More‏

ทิพพดี - ครุ 16 ... ส่งมา






โรงแรมใบหยก สกาย ขอเชิญท่านร่วมงานคอนเสิร์ตการกุศล “Yesterday Once More...รำลึกเพลงดังยุค 60s – 70s” เพื่อเป็นการอนุรักษ์เพลงเก่าในอดีตทั้งเพลงไทย และเพลงสากล ในวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2552 เวลา 13.30 – 18.00 น. ณ ห้องเรนโบว์ ฮอลล์ ชั้น 17 โรงแรมใบหยก สกาย

ในคอนเสิร์ตจะได้พบกับ

·  คุณรุ่งฤดี แพ่งผ่องใส นักร้องแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ที่จะหวลกลับมาจับไมค์ร้องเพลง ร่วมกับวงสุนทราภรณ์อีกครั้ง พร้อมนักร้องดาวรุ่งสุนทราภรณ์

·  คุณเศรษฐา ศิระฉายา กับบทเพลงแห่งความทรงจำของ The Impossibles

·  Elvis Presley เมืองไทย อาทิ คุณเล็ก เพรสลี่ย์, คุณศตวรรษ ตุงคะรัต ลูกชายคุณวิสูตร ตุงคะรัต

·  วง Bangkok Band กับบทเพลงของ The Beatles

·  และการแสดงโชว์เพลงดิสโก้ชื่อดังในยุค 70s

พร้อมบูธนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปิน และเพลงดังยุค 60s – 70s

บัตรราคา 699 บาทสุทธิ  รวมรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ และชมวิว ชั้น 77, 84  โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงและศิลปินอาวุโส

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 0-2656-3000 ต่อ 72134

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #371 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2552, 19:01:48 »

เจี๊ยบ คะ

     ถ้าใครไปซื้อบัตรในวันเสาร์ที่ 23 และอาทิตย์ที่ 24 นี้จะได้ลดราคา 20 เปอร์เซ็นต์  น่าสนใจมากคะ ..... ทิพพดี
 
      บันทึกการเข้า
พศินน์
Full Member
**

ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2535
คณะ: วิศวฯ
กระทู้: 511

« ตอบ #372 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2552, 12:15:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 20 พฤษภาคม 2552, 16:04:27
เดี๋ยวค่ะพี่เจี๊ยบ,
เดี๋ยวนี้เค้าไม่เรียก"เอ็นทรานส์"แล้วเหรอคะ?
เรียก"แอดมิชชัน" ??
อ่านผ่านๆคิดว่าใครต้องเข้าโรงพยาบาล!


nn.

           
           พี่หนิง กระทรวงศึกษาฯ (เดี๋ยวนี้ไม่มีทบวงมหาวิทยาลัยแล้ว)  เขาเปลี่ยนวิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จากแค่ก่อน ใช้คะแนนสอบ ตอนสอบ Entrance อย่างเดียม มาเป็นใช้ คะแนน ตอนเรียน ม.ปลายด้วย เห็นว่า มีสอบสอง ครั้ง ถึงจะเอาคะแนน มายื่น ขอเทียบคะแนน เพื่อเข้า คณะและมหาวิทยาลัย ที่ต้องการ รายละเอียด ผมก็งงๆๆ เหมือนกัน คงต้อง รอความรู้จาก ท่านอื่นๆๆ มาเพิ่มเติม
      บันทึกการเข้า

sound mind in sound body
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #373 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2552, 02:37:32 »

งงพอสมควรคะพี่เจี๊ยบ น้องพศินน์
แต่เข้าใจคร่าวๆว่าคล้ายๆระบบ "Abitur"
(อ่าน อะ-บิ-ทัว)ของเยอรมันคะ.

ตายล่ะ..ให้กลับมาสอบอีกรอบ ไม่รู้จะติด
จุฬามั้ยนี่...ดีจัง ผ่านมาแล้ว!


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #374 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2552, 00:01:30 »

World's Most Unique 5 Strangely Coloured Beaches‏

Panalu'u Beach
เป็นหาดทรายสีดำอยู่ที่เกาะฮาวาย ทรายสีดำเกิดจากหินภูเขาไฟเย็นตัวลงเมื่อเจอกับน้ำทะเล เล่ากันว่าหากใครนำทรายสีดำกลับบ้านไปด้วย ก็จะถูกสาปแช่งจากเทพแห่งภูเขาไฟ นามว่าเปเล่






Papakolea Beach
เป็นหาดทรายสีเขียวแห่งหนึ่งจากหาดทรายสีเขียวสองแห่งบนโลกนี้  หาดทรายแห่งนี้อยู่ที่เกาะฮาวาย หินทรายสีเขียวที่เห็นเป็นผลึกคริสตัลเกิดจากการกัดเซาะของน้ำ และการกัดกร่อนจากธรรมชาติ






Hyams Beach
หาดทรายสีขาวแห่งนี้อยู่ที่ South Wales ประเทศออสเตรเลีย ได้รับการบันทึกการกินเนสบุ๊คว่าเป็นหาดทรายที่ขาวที่สุดในโลก





Pfeiffer Beach  
หาดทรายแห่งนี้อยู่ที่ Big Sur รัฐแคลิฟอร์เนีย ทรายอุดมไปด้วยแร่แมงกานีสจึงมีสีม่วงปนชมพูอย่างที่เห็นในรูป






Kaihalulu Beach
หาดทรายสีแดงแห่งนี้อยู่ที่เกาะ Maui ฮาวาย สีของดินและทรายจากบริเวณรอบๆ ก็มีสีแดงเช่นกัน ซึ่งลักษณะแบบนี้หาไม่ได้ง่ายนัก









      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #375 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2552, 00:16:57 »

ซาลาเปารูปแบบใหม่ ที่ไต้หวัน

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา ( ยั่วให้น้ำลายหยด 3 ติ๋ง  ซะงั้น ! )








[




      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #376 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2552, 00:47:27 »

ยลโฉมห้องพักผู้ป่วยระดับอัครเศรษฐี คืนละแสนสอง โรงพยาบาลกรุงเทพ

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

เห็นราคาห้องพักผู้ป่วยของ รพ.กรุงเทพ แล้วอาจมีอาการหนักขึ้นเวลาต้องจ่ายเงิน  แต่สำหรับคนรวย หรือ ผู้มีอำนาจทั้งหลาย คงเห็นว่าเล็กน้อยเพื่อซื้อความสะดวกสบายของพวกท่านๆ ทั้งหลาย  เตียงคนไข้ราคา 1.3 ล้านบาท

เปิดตัวห้องพักผู้ป่วยที่แพงที่สุดของเมืองไทย ตกคืนละ 1.2 แสนบาท ราคานี้ยังไม่รวมค่าบริการทางการแพทย์ จะหรูหรา หรือว่าอลังการงานสร้างขนาดไหน ใครคือผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายที่จะมีกำลังซื้อมากขนาดนี้ .... ผู้จัดการ LITE มีคำตอบ



ภาพในใจของใครหลายคนเมื่อก้าวเข้าไปภายในโรงพยาบาล  สิ่งแรกคือกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อที่โชยมาแต่ไกล เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับร้านกาแฟชื่อดัง เพราะนั่นมันเป็นกลิ่นที่ทำให้เราอยากไปนั่งจิบกาแฟสักถ้วย แต่กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อหลายคนส่ายหน้า เป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เอาเสียเลย

ภาพของผู้ป่วยสารพัดโรค การนั่งรอคิวที่สุดแสนทรมาน หรือว่าจะเป็นความหดหู่เมื่อเห็นภาพเปลคนไข้เข็นไปมา สิ่งเหล่านี้คือความคุ้นเคยเมื่อคุณนึกถึงโรงพยาบาล  แต่ภาพของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของเมืองไทยในปัจจุบัน  มันเป็นภาพมุมกลับ 360 องศา ก้าวแรกที่คุณเดินเข้าไปแทบจะไม่พบกลิ่นอายของโรงพยาบาลเลยแม้แต่น้อย




การออกแบบอาคารสถานที่ และการประดับประดาห้องพักอยู่ในระดับโรงแรมห้าดาว  การลงทะเบียนคนไข้เสมือนหนึ่งการเช็คอินเข้าโรงแรมดีๆ นี่เอง  เท่านั้นยังไม่พอ  การบริการที่คุณจะได้รับก็เปรียบได้กับการโดยสารในสายการบินระดับโลก

'สิ่งเหล่านี้มันมีความสำคัญกับคนไข้ แค่เพียงคุณเจอสภาพแวดล้อมอย่างนี้ คุณจะหายป่วยไปครึ่งหนึ่งเลย'  นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวกับ 'ผู้จัดการ LITE'

และสิ่งพิเศษสุดที่ทางโรงพยาบาลกรุงเทพนำเสนอกับ 'ผู้จัดการ LITE' เป็นฉบับแรกคือ  ความพิเศษของห้องพักโรงพยาบาลที่แพงที่สุดในสังกัดโรงพยาบาลกรุงเทพ หรืออาจจะแพงที่สุดในบรรดาโรงพยาบาลของเมืองไทย




เป็นห้องพักใหม่แกะกล่องที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า 'Royal Suite' สนนราคาอยู่ที่ 120,000 บาทต่อคืน ( ไม่รวมค่าบริการทางการแพทย์ )  เป็นราคาที่ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย  แต่ราคาเป้าหมายจริงๆ คงบวกลบไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่นัก

เพื่อให้การบริการเหมาะสมกับราคาขนาดนี้  กรณีลูกค้าต่างประเทศ นับตั้งแต่ก้าวลงจากสนามบิน ทางโรงพยาบาลก็จะจัดบริการเฮลิคอปเตอร์ไปรับผู้ป่วยถึงที่ เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างสมฐานะ  ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ตกราวๆ 50,000 บาทต่อครั้ง  เป็นต้นทุนที่ทางโรงพยาบาลต้องรับภาระ

ในส่วนของห้องพัก  ทางโรงพยาบาลได้เนรมิตพื้นที่กินอาณาบริเวณกว่าครึ่งหนึ่งของชั้น เพื่อจัดทำเป็นห้องพิเศษสุดหรูนี้ ฉากภายนอกจะเป็นกระจกใส  มองเข้าไปจากภายนอกห้องแรกเห็นโต๊ะลงทะเบียนเยี่ยมพร้อมเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ 2 คน




ถัดจากห้องลงทะเบียนเยี่ยม จะเริ่มมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปจากภายนอกได้ ต้องเปิดจากข้างในเท่านั้น  ห้องนี้เหมือนห้อง Security สำหรับบอดี้การ์ด  มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการรักษาความปลอดภัย

พอเดินเข้าไปอีกห้องจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ขนาดเท่ากับสนามตะกร้อ 1 สนาม ใช้สำหรับเป็นห้องรับแขก การประดับประดาภายในห้องไม่ต่างจากคฤหาสน์ของคหบดี  มีเปียโน โซฟา โทรทัศน์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน  สุขภัณฑ์เครื่องใช้ไม้สอย ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับพรีเมี่ยมเกรด

ติดกับห้องโถงมีห้องพักสำหรับญาติ หรือผู้ติดตาม  เทียบได้กับห้องพักของโรงแรมห้าดาว  มีห้องครัวขนาดเล็ก 1 ห้อง สำหรับจัดเตรียมอาหารหรือ เครื่องดื่มไว้คอยให้บริการผู้ป่วย หรือแขกที่มาเยี่ยม

อีกฟากหนึ่งของห้องพักสำหรับผู้ติดตาม เป็นห้องทำงานสำหรับผู้ป่วยที่พอจะลุกขึ้นมาทำงานได้  มีโต๊ะทำงาน พร้อมโต๊ะประชุม มีเก้าอี้สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมรองรับได้ 8-10 คน  ออกแบบมาให้เหมือนกับที่ห้องทำงานจริงทุกอย่าง




 
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #377 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 07:58:02 »

ขออนุญาต พี่เจี๊ยบ นำเรื่อง รู้ไว้ใช้ว่า ใส่บ่าแบกหาม มาแจม ด้วย



อยากให้ผู้หญิงได้อ่านกัน

1. ศิลปะป้องกันตัวต่างๆ ร้อยละเก้าสิบ ผู้หญิงหมดสิทธิ์ใช้คับ

เพราะคนร้ายจะซุ่มรอทีเผลอคับ ที่โดนบ่อยๆคือ

ล็อคแขนไขว้หลัง มืออุดปากแล้วกระชาก

หรือลากเข้าข้างทาง

ถ้าเตรียมตัวมาดีก็อาจจะมีอาวุธจี้เพื่อไม่ให้เหยื่อขัดขืน

แน่นอนว่าน้อยคนที่เห็นมีด ปืนแล้วจะกล้าใช้แท็คติคที่เรียนมา

2. เมื่อโดนลากเข้าข้างทาง คุณก็จะโดนต่อยท้องเพื่อให้จุก

จนไม่มีแรงดิ้นและตบปากหรือต่อยหน้า

เพื่อให้กลัวเจ็บหรือกึ่งๆหมดสติ

จากนั้นถ้าคนร้ายหื่นแบบชาญฉลาดก็จะหาของมาอุดปากคุณไว้

ถ้าโชคร้ายคุณนุ่งกระโปรงมาอาจจะเจอกกน.ตัวเอง ซวยแท้ๆ

3. เมื่อคนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออก

โดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ทำให้

ไม่มีแรงมากพอจะผลักแถมยังจุกอยู่อีกตะหาก ฮิๆ

4. จากนั้นเมื่อฐานยิงโล่งโจ้ง คนร้ายก็จะงัดจรวดออกมาเตรียม

ปฏิบัติการ จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติอยู่ให้พยายามเซฟแรงไว้

รอข้อต่อไป

5. เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่ ให้คุณรวบรวพลังที่มี "ขมิบ" ไว้ครับ

ตะบองแข็งหรือจะสู้แรงโล่เนื้อ คนร้ายก็จะเริ่มเสียสมาธิ

เพราะจ้องจะลงรูอย่างเดียว

ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน

คว้าลูกป๋องแป๋งเลยคับ โดนลูกเดียวไม่เป็นไร

อย่าตกใจปล่อยมือเพื่อกำใหม่ให้โดนสองลูก

เดี๋ยวจะหมดโอกาส จากนั้นบีบให้เต็มที่เลยคับ

เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิดจะฆ่าคุณ

ในตอนนี้หรอกคับ รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

6. หลังจากนั้น อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดหนีคับ พิจารณาดูคนร้ายให้ดีก่อน

รีบประเมินสถานภาพคนร้ายว่า ที่เราทำลงไปหยุดเขาได้ไหม

ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ละคับ

เพราะจะหนีอย่างเดียว ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมา

ตามทุบหัวเอาได้

ดังนั้นหากเห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ๆและชุมชนอยู่ไม่ไกล

จึงค่อยหนีคับ

7. ทีนี้ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะคืออาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่

แป๊บเดียวและมีทีท่าจะลุกขึ้นมา สิ่งที่คุณต้องทำคือ

รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุดคับ ไม้ ก้อนหิน ปากกา(ใช้เสียบได้) คัตเตอร์

สเปรย์ ปืน ครกที่จะเอาไปจำนำฯลฯ

ถ้าไม่มีจริงๆก็ส้นตรีนนี่แหละคับ หวดเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้คับ

- ที่เดิม (ไอ้นั่นแหละคับ) แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะ

คนร้ายมักจะกุมไว้

- หน้าแงหรือกลางแสกหน้า คนตัวโตๆตายเพราะส้นตรีน

ผู้หญิงๆมีเยอะคับ ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย อู๊ย....

- กกหู ขมับ ทุบรัวๆเลยคับ(ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง โดนยาก)

- ถ้ามีก้อนหินโตๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลยครับ รับรองเดี้ยง

ร้องสามบ้านแปดบ้าน

- ที่สุดท้าย อาจจะโหดหน่อยแต่ถ้าทำได้ เวิร์คคับ "นิ้วเท้า"

โดยเฉพาะนิ้วเล็กๆ ตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ละคับ

หินทุบผัวะเข้าไป อย่าใจอ่อนคับ

เอาให้เละไปเลย ถ้าทำดีคนร้ายอาจจะเจ็บถึงสลบคับ

- จากนั้นรีบจัดเครื่องแต่งกาย คว้าสิ่งของมีค่าพาตัวเองออกไป

ให้ไวที่สุดคับ กรี๊ดๆ กรู รอดแล้ว เจ้าข้าเอ้ย

 เค้าไม่ยอม เค้าไม่ยอม เค้าไม่ยอม

ได้รับเมลล์จาก narongsak.com สมัครสมาชิกแล้วส่งเมลล์มาให้

 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #378 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 08:38:14 »

ยินดีมากๆ ครับ น้องหมอสำเริง 17  ขอเชิญร่วมแจมได้ตลอดเวลา  เรื่องความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ที่มีประโยชน์  ถ้าสมาชิกช่วยกันหามาแบ่งปัน  เจ้าของกระทู้ก็ดีใจ๊  ดีใจ  จริงๆ ครับ

เรื่องศิลปะการป้องกันตัวสำหรับผู้หญิงนี่  ก็มีประโยชน์มากๆ  พี่เจี๊ยบได้รวบรวมคำแนะนำประเภทเดียวกันนี้ไว้อยู่ในกระทู้ " ภัยรายวัน "  ห้อง " สุขภาพและความงาม " แล้ว  ขอเชิญแวะเยี่ยมชมนะครับ ....


http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1955.0.html
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #379 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 08:47:38 »

รถจะติดหนึบ เน้อ ! ... เดือนกรกฎาคมนี้น่ะ

ชะนะ ครองรักษา - เภสัช 16 ... ส่งมา

จราจรเตือนเลี่ยงเส้นทาง 13 สะพานข้ามแยก ทั่วกรุงเทพฯ  

       พล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ผู้รับผิดชอบงานด้านการจราจร ตำรวจนครบาล แจ้งเตือนประชาชน โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง 13 สะพานข้ามแยกทั่วกรุงเทพมหานครในชั่วโมงเร่งด่วน  เช้า-เย็น  เนื่องจากจะมีการ “ ปรับปรุงพื้นผิวจราจร - ทุบทิ้งสร้างใหม่  ”  มีกำหนดเริ่ม เดือน กรกฏาคม 2552 นี้  จึงประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน  โดยจะเริ่มจากปรับปรุงพื้นผิวจราจร  ซึ่งใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 7 วัน เริ่มจาก
 
       1. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด ถนนประชาชื่น และบริเวณสี่แยกประชานุกูล
       2. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด บริเวณแยกวงศ์สว่าง
       3. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด บริเวณสี่แยกรัชโยธิน
       4. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง บริเวณสี่แยกพงษ์เพชร
       5. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกท่าพระ
       6. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกบางพลัด
       7. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกคลองตัน
       8. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกพระราม 9 - รามคำแหง
       9. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกพระราม 9 - อสมท.
     10. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สี่แยกอโศก - เพชรบุรี
     11. ปรับปรุงพื้นผิวที่ชำรุด สามแยกสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการจราจรคับคั่งทั้งวัน
     12. ทุบสะพานข้าม แยกเกษตร
     13. ทุบสะพานข้ามแยกพระราม 4 ไทยเบลเยี่ยม

โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานประมาณ 30 วัน  ซึ่งการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าว  เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรจ้า .....

      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #380 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2552, 15:57:07 »



พรบ. ว่าด้วยการอยู่ร่วมกัน
ระหว่างหญิงและชาย

มาตรา 1
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
"พระราชบัญญัติว่าด้วยการอยู่ร่วมกัน ระหว่างหญิงและชาย"


มาตรา 2
กฎข้อบังคับใดๆ ในพระราชบัญญัตินี้ ท่านว่า
ให้มี ผลย้อนหลัง และ เดินหน้า บังคับได้ทุกกรณี
ไม่ว่าจะใน อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต
ไม่ว่าจะใน หรือ นอกราชอาณาจักร
ไม่ว่าชาตินี้ หรือ ชาติหน้า


มาตรา 3
ในพระราชบัญญัตินี้

"ท่าน" หมายถึง ผู้หญิง
"ท่านว่า" ก็หมายถึง ผู้หญิงว่า อ้ะดิ

"หญิง" หมายถึง ผู้ที่พึงได้รับความเคารพสักการะจากผู้ชายอย่างถึงที่สุด
ชายผู้ใดจะละเมิดมิได้

"ชาย" หมายถึง ผู้ที่ต้องเคารพสักการะคนข้างบน

"สัญญา" หมายถึงข้อตกลงที่ผู้ชาย และ ผู้หญิงตกลงกัน
ซึ่งผู้หญิงเปลี่ยนแปลงข้อตกลงใดๆ ก็ได้
โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เช่นเดียวกับบัตรเครดิต

"สัญญิง" หมายถึง คำที่เอาไว้นำหน้าคำว่าสัญญาเล่นโก้ๆ
เช่น "สัญญิง สัญญา"

"การคบหา" หมายถึงการที่หญิง "คบ"
แล้วคอยให้ชายคอยตาม "หา"

"การแต่งงาน" หมายถึง การหาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว

"การหมั้น" หมายถึง การเตรียมหาเรื่องใส่ตัวน่ะสิ

"สินสอด" หมายถึง ค่าโง่

"ชู้" หมายถึง ตำแหน่งผู้ช่วยสามี

"เหตุผล" หมายถึง สิ่งที่ชายต้องเข้าใจ ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่
และ หญิง อาจจะไม่เข้าใจก็ได้ แม้ว่าจะเข้าใจก็ตาม

"นอกใจ" หมายถึง ความตายของชาย ความอับอายของหญิง

"การฟ้องร้อง" หมายถึง อยาก "ร้อง" ก็ลอง "ฟ้อง" สิคะ


มาตรา 4
ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า
ผู้ชายเป็นฝ่ายผิด ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกเสมอ


มาตรา 5
ในกรณีที่เกิดปัญหาหรือข้อสงสัย ให้ย้อนกลับไปดูมาตรา 4


มาตรา 6
ถ้าการคบหาก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้พึงสันนิษฐานว่า
ชายต้องจ่าย....

อเมริกันแชร์ ท่านว่าเป็นเรื่องหยาบคายมาก หากเริ่มคบหากัน


มาตรา 7
ในการตัดสินใจเรื่องใดเกี่ยวกับการคบหาก็ดี
ให้ถือเสียงข้างมากเป็นหลัก
แต่ให้หญิงมีสิทธิสามารถออกเสียงได้สองครั้ง

การตัดสินใจที่ว่านั้น หญิงจะถอนเสียเมื่อไรก็ได้


มาตรา 8
การผิดนัด การสาย การผิดเงื่อนไข
หรือ เงื่อนเวลาใดๆ ที่ชายเป็นฝ่ายทำ
ท่านว่าอาจเรียกเบี้ยปรับได้
โดยให้หญิงเป็นผู้กำหนดเบี้ยปรับนั้น
การเรียกเบี้ยปรับไม่ทำให้ความผิด
และ โทษนั้นสิ้นผล หรือ ลดน้อยถอยลง แต่ประการใด
และ ชายยังคงผูกพันปฏิบัติตามสัญญานั้นอยู่ต่อไปด้วย

การผิดนัด การสาย การผิดเงื่อนไขตามวรรคแรก
ถ้าเป็นความผิดของ ฝ่ายหญิง
ให้กล่าวคำว่า "ขอโทษ" และให้เลิกแล้วกันไป


มาตรา 9
โทษที่หญิงอาจลงต่อชายได้
หากไม่ปฏิบัติตามสัญญามี ห้าประการคือ

1)     งอน
2) ไม่พูดด้วย
3) ไม่ให้เข้าบ้าน
4) ไม่ยอมรับฟังคำแก้ตัว
5) ไม่รู้ไม่ชี้


มาตรา 10
โทษที่ชายอาจลงต่อหญิงได้
หากไม่ปฏิบัติตามสัญญา
( ถูกยกเลิกไปแล้วทั้งมาตรา โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล )


มาตรา 11
มาตรา 10 หายไปไหนหว่า


มาตรา 12
ดูเหตุผลในมาตรา 3 มาตรา 4 และ มาตรา 5
ให้ดีๆ สิยะ


มาตรา 13
การทำร้ายหญิงไม่ว่าจะโดยทางร่างกาย หรือ ทางจิตใจ
รวมทั้งการขัดใจใดๆ ก็ดี เป็นโทษมหันต์
แม้จะล่ารายชื่อคนมาครบห้าหมื่นชื่อ
ก็ไม่อาจเป็นเหตุให้นิรโทษกรรมได้

ยกร่างโดย : ผู้ชาย
ภายใต้ความยินยอมและการบังคับของ : ผู้หญิง

 

นำมาจากอีเมลล์ที่ได้รับจาก narongsak.com
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #381 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2552, 12:29:14 »



เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

555555555
 
หัวเราะเปิดงานก่อนเลยครับ

ไม่ได้จะมาตั้งกระทู้ล่อเป้า ให้พวกสาวๆเขามายำ
 
แต่วันนี้ดูรายการ แมนเม้าท์ ทาง true inside (ไม่ได้โฆษณา) ครับ

แล้วน้าเน็กมาเป็นแขกรับเชิญ ... คำถามของพิธีกรก็มีประมาณว่า
 
"ทำไมเราต้องกลัวผู้หญิง? ในเมื่อเขาก็ไม่ได้จะทำร้ายเราซะหน่อย

ตัวก็เล็กกว่าเราอีก แล้วทำไมเราถึงกลัวเค้านะ?"
 
"พอเราไม่ได้ทำอะไรผิด...แต่ถ้าเค้าโทรมาน้ำเสียงโกรธๆ

คือเราบริสุทธิ์ในเลยนะ ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราจะเริ่มออกอาการลุกลี้ลุกลน 

เออ..ทำไมนะ?"
 
"สังเกตมั้ย บางทีเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องโกหกกับเค้า

ไม่อยากให้เค้ารู้อะไรหรือเปล่า?"
 
ผมฟังแล้วขำดีครับ มันเป็นเรื่องแบบโคตรจริงเลยให้ตายสิ!

ไม่รู้นะครับว่ามีใครดูบ้าง แต่ขำมากว่า เออ! มันก็จริงนะ

ขนาดไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถ้าสาวๆเค้าโทรมาน้ำเสียงโกรธๆนี่

เราจะเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที แบบไม่ค่อยเข้าใจ

ขนาดนั่งกับเพื่อนนะ เพื่อนทั้งนั้นเลย

ไม่มีกิ๊ก ไม่มีสาว ไม่มีอะไรเลย แต่ก็ลุกลี้ลุกลนจนนั่งไม่ติดที่
 
ผมแต่ไม่ได้กลัวครับ แค่ออกจะเกรงๆ เฮ้ย!

เปล่าหรอกครับ ... เข้าใจว่าตัวก็เล็กกว่า อ่อนแอกว่า

ทำร้ายอะไรตัวเราไม่ได้หรอกครับ แต่ที่เค้าจะทำร้ายเราคือ

ใจ เรามากกว่า

เวลาเค้างอนนี้ อื้อหือ อย่าให้พูดเลย มันง้อยากยิ่งนักกว่าจะหาย

พูดแทงใจเราแต่ละทีก็อื้อหือ แอปสแตรกนามธรรมคำว่า

"ใช่ซี้! ทีแต่ก่อน..." ก็มาได้เรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ต้องงอนจริงๆ จะได้คุยดีๆ

นี่เป็นเหตุผลสำหรับผมว่า ทำไมถึงกลัว ไม่ใช่กลัวผู้หญิงครับ

กลัวเค้าจะงอน 55
 
อภิปรายกันครับ ! ... ทำไมเราต้องกลัวผู้หญิงด้วยนะ  gek   
 
Name : เดอะ โขกวิญญาณ !!

 จากไทยคลินิกดอทคอม

http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1246333348

OOOOOOOOOOOOOO

 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #382 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2552, 17:07:39 »

หมอสำเริง  อย่าเพิ่งบ๊าย  บาย ไปไหนนะคะ  เราต้องช่วยกัน " หาเรื่อง " มาลงอีก ก ก ก ก ...

Time magazine ที่อเมริกาวิจัยพบว่า คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คือ ....

กิตติกรณ์-วิศวะ 16 ... ส่งมา



หนังสือ time magazine บอกว่าที่อเมริกา ได้มีงานวิจัยพบว่า คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ก็คือ " พระ " ในพุทธศาสนา  ทดสอบด้วยการสแกนสมองของพระที่ทำสมาธิ  และได้ผลลัพธ์ ออกมาว่าเป็นจริง ...

หลักความเชื่อของศาสนาพุทธก็คือ  เหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้นก็คือ  อยู่กับปัจจุบันขณะ  ปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว  ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด  ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ  และใช้หลัก เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร  ให้อภัยตัวเอง และผู้อื่น  มีจิตใจเมตตากรุณา  และเสียสละเพื่อผู้อื่น

อริยะสัจ 4  สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และ บอกไว้ว่าด้วย  ทุกข์ สมุทัย มรรค นิโรธ  แท้จริงก็คือ  ทางเดินไปหาคำว่า " ความสุข "  เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด " ความทุกข์ " ได้แล้ว  ความสุขก็จะเกิดขึ้นทันที

อุปสรรคของความสุข ก็คือ แรงปรารถนา และตัณหา  พระอาจารย์บอกว่า  คนเราจะมีความสุขมันไม่มีขึ้นอยู่กับว่า " มีเท่าไร " แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา " พอเมื่อไร " ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนสิ่งของที่เรามีหรือเราได้ ...

ท่านสังเกตเอาจากชาวนาที่ จ. อุบล  ถ้าบ้านไหนมีควายไว้ช่วยทำนา 1 ตัว  บ้านนั้นจะมีความสุข  แต่เมื่อไรที่ชาวนาคนไหนอยากจะได้ควายตัวที่สองปั๊ป  ชาวนาคนนั้นจะไม่มีความสุขเลย  เพราะต้องเริ่มคิดว่าจะทำไงดีถึงจะได้ควายอีกสักตัว  เราก็เหมือนกัน  เมื่อไรที่เราอยากได้รถคันใหม่  อยากได้บ้านใหม่  อยากไปเที่ยว  อยากจะมัดใจไอ้หมอนั้นให้ได้ ( อิ อิ ) ฯลฯ  เราจะเริ่มเป็นทุกข์  เพราะเราต้องคิดหาทางที่จะเอามันมาให้ได้  มาเป็นของเรา ...




ดังนั้นวิธีจะมีความสุข  อันดับแรก ต้อง " หยุดให้เป็น และพอใจให้ได้ "  ถ้าเราไม่หยุดความอยาก ( ที่มากเกินไป ) ของเราแล้วละก็  เราก็จะต้องวิ่งไล่ตามหลายสิ่งที่เรา " อยากได้ "  แล้วนั่นมัน เหนื่อย ! ! !  และความทุกข์ ก็จะตามมา ...

ข้อต่อมาที่ทำให้เราเป็นสุข คือ การมองทุกอย่างในแง่บวก  เมื่อเสร็จงานแล้วกลับถึงบ้าน  คนที่บ้านถามว่า วันนี้เป็นไงบ้าง ?  ส่วนใหญ่เราจะตอบว่า " โดนบอสด่ามา วุ่นวาย ลูกค้า งี่เง่า ฯลฯ "  ทำไมเราถึงชอบคิดถึงแต่เรืองไม่ดี

ในชีวิตแต่ละวัน  แน่นอนเราต้องเจอทั้งเรื่องดี และไม่ดี  แต่ถ้าเราอยากจะมีความสุขเราต้องเริ่มด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ  มองให้เป็นบวก  เพื่อที่ใจเราจะได้เป็นบวก  คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้  สิ่งดีๆที่เราได้ทำ ....

ข้อต่อมาคือ การให้  หมายรวมถึงการให้ในรูปแบบสิ่งของ หรือเงิน เรียกว่าบริจาค  และการให้ความเมตตา กรุณาต่อกัน  ให้อภัยทั้งตัวเอง และคนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีความสุข ....

การปล่อยวางให้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว  และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต  ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรง และเศร้าโศกเพียงใด  จำไว้ว่ามันจะถูก " เวลา " พัดพามันไปจากเรา ไม่ช้าก็เร็ว  เราจะผ่านพ้นไปได้ ....

และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเพียงใด  ไม่ว่าจะผิดหวัง  สูญเสีย  เจ็บป่วย  ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา  เราทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น  ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ...




ขอให้เรารักษาใจเราให้เป็นสุขอยู่เสมอ  เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง  แค่ที่ใจของเรานี่เองแหละ ...
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #383 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2552, 17:37:27 »

ลิลี่แพด ( Lilypad City ) เมืองลอยน้ำ

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา



สมใจคนชอบ Experimental Design  สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ " ลิลี่แพด" ( Lilypad City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อนที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ  จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม

การออกแบบเมืองนี้  คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย  ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝน และฟอกน้ำให้สะอาด  โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 ลูก  เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้  ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ ไม่ซ้ำซากจำเจ




สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น  วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติ

ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี  มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบก ที่ไม่จำเป็นต้องมีรถ หรือมีถนนใดๆ  สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น  ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี  โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด  กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์  หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก




ที่สำคัญคือ  พลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่  รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์  พลังงานความร้อน  พลังงานลม  พลังงานน้ำ  และพลังงานคลื่น  โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้  แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก  รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด  ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล

แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครองได้เป็นผลสำเร็จ  ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า  น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน  ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร ( เกือบ 3 ฟุต ) ภายในปี 2643  และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง  รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ ของโลก  เช่น  กรุงลอนดอนในอังกฤษ  นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ  และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น




โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์  ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร  พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ  หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้  แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู  เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืดอันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย

นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง  เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอีกประมาณ 30 ปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ  และจังหวัดใกล้เคียง  งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว







      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #384 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2552, 21:22:13 »

ช่างคิดจริงๆ
ขอบคุณเจี๊ยบที่เอามาโพสท์ให้ดูนะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #385 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 11:30:10 »

จ้า ป้อม ... โปรดติดตามเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ

SEARS Tower in Chicago ...

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Terrifying view from glass box balcony jutting out from skyscraper's 103rd floor

If you're scared of heights, it may be time to look away now. Not content with having the tallest building in America, the owners of Sears Tower in Chicago have installed four glass box viewing platforms which stick out of the building 103 floors up.

The balconies are suspended 1,353 feet in the air and jut out four feet from the building's Skydeck.



Floating on air : Visitors get their first view from The Ledge, four glass balconies suspended from the 103rd floor of Chicago's Sears Tower
 
Designers say the platforms - collectively dubbed The Ledge - have been purposely designed to make visitors feel as they are floating above the city.
The reward is unobstructed views of Chicago from the building's west side and a heart-stopping vista of the street and Chicago River below - for those brave enough to look straight down.
'It's like walking on ice,' visitor Margaret Kemp, from Bishop, California said. ' The first step you take you think " Am I going down ? "



Fearless : Anna Kane, five, spreads out on the floor of the 10ft square box which is 1,353ft up


Spectacular : She also enjoyed amazing views out across the city
 
'At first I was kind of afraid but I got used to it,' 10-year-old Adam Kane from Alton, Illinois, said as clouds drifted by below.
'Look at all those tiny things that are usually huge.'
John Huston, one of the owners of the Sears Tower, even admitted to getting 'a little queasy' the first time he ventured out on to the balcony. However, after 30 or 40 trips, he seems to have got used to it.



Thrillseekers : The boxes jut out four feet from the building and were specifically designed to make visitors feel as if they are floating



' The Sears Tower has always been about superlatives - tallest, largest, most iconic,' he said.
' The Ledge is the world's most awesome view, the world's most precipitous view, the view with the most wow in the world. '
The balconies are 10ft high and 10ft wide, can hold five tons, and have glass which is 1.5 inch thick.



Unfazed : Although some adults felt dizzy after experiencing the Ledge, children seemed to take it in their stride


Long way up: Even the floor of the platforms are glass - few were brave enough to look straight down

Inspiration came from the hundreds of forehead prints visitors left behind on Skydeck windows every week. Now, staff will have a new glass surface to clean : floors.
Architect Ross Wimer said : ' We did studies that showed a four-foot-deep (1.2 metres) enclosure makes you feel like you're floating since there's only room for one row of people, not two. '
The Skydeck attracts 25,000 visitors on clear days. They each pay $15 to take an elevator ride up to the 103rd floor of the 110-story office building that opened in 1973.




 
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #386 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 15:30:45 »

ขาสั่นคะ...
แค่ดูรูป


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #387 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 20:13:51 »

แบงค์ 100 บาทรุ่นใหม่  ออกใช้เร็วๆ นี้  สวยมาก

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #388 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 21:12:18 »

เงินเงิน ทองทอง
 
นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา
 
1. ทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก  
    ปริมาตรเท่ากับขนาดกล่องรองเท้าเบอร์ใหญ่ๆ  ทองก้อนนี้หนัก 551.15 ปอนด์  ส่วนเรื่องมูลค่านั้นก็แค่ 130 ล้านบาทเอง


  
2. ธนบัตรใบละ 10,000 ดอลล่าห์
    อเมริกาออกมาเพื่อใช้ในการย้ายเงินระหว่างธนาคาร  แต่ไม่เคยออกมาให้ประชนใช้กัน  ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่โอนเงินกัน  ก็ตอนนั้นมันปี 1945  ระบบคอมพิวเตอร์ยังไม่ดีเท่าปัจจุบันไง !

 

    ธนบัตรใบละ 100,000 ดอลล่าห์  ออกเมื่อปี 1934

 

3. โฆษณาท้าโจร
    นี่เป็นการโฆษณากระจกนิรภัยของจริง ใช้เงินจริงมาใส่  เพื่อยืนยันว่าป้องกันขโมยได้แน่ๆ


 
4. ชุดราคาสามล้านกว่าบาท
    ทำด้วยแบงค์ 50,000 ปอนด์สเตอริง  ชุดนี้ทำมาเพื่อโปรโมทการขายล๊อตเตอรี่ ในประเทศอังกฤษ


 
5. คลังทองคำของสหรัฐอเมริกา
    นี่เป็นภาพในมุมหนึ่งของคลัง ... กำแพงทองคำของจริงเลยนะเนี่ย !

 

มุมหนึ่งในคลังทองคำในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

 

ภาพจากคลังทองแท่งของกองทุน AMEX GOLD  



6. แร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ก้อนแร่ทองคำที่พบตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ถูกค้นพบในปี 1872  หนัก  630 ปอนด์  คนเจอรวยไปเลย ... จะแบ่งให้คนหามเท่าไหร่นี่สิ  อยากรู้



7. พีรมิดเหรียญ
    ใช้เหรียญทั้งหมด 289,318 เหรียญ


 
8. เงินเหรียญหนึ่งล้านเพนนี
    ตั้งรับบริจาคกันกลางแจ้งเห็นๆ  " Penny Harvest Field " นี้เป็นการวบรวมเงินเพื่อการกุศล ... ลองมาทำที่กรุงเทพมั้ย ?  บริจาคคนละบาทสอง  บาทสร้างรถไฟฟ้า


 
9. เงินล้นห้อง
     ภาพนี้ถ่ายในประเทศเม็กซิโก เป็นของกลางจากการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ... 2 กองด้านหน้า  สีแบงค์คล้ายๆ แบงค์ 1,000 กับแบงค์ 500 ของไทยเลย  งี้ก็แสดงว่าต้องค้าขายกับคนไทยแหงๆ


  
10. Dollar Artist
      นาย Marc Sky จาก New Jersey ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร  เอามาพับเล่นดีกว่า  ออกมาเป็นสิ่งของมากมาย  นับร้อยแบบ



 11. ทิปบนเพดานผับ
       ภาพที่เห็นคือทิปในผับแห่งหนึ่ง  เริ่มต้นจากพนักงานคนหนึ่งเอาทิปไปติดเพดาน  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็กลายเป็นประเพณีของร้านไอริชผับแห่งนี้  ปัจจุบันรวมกันได้สองล้านบาทแล้ว



      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #389 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 23:10:27 »

Hiroshima 64 Years Later

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

THE AFTER PICTURES ARE VISUALLY EXTRAORDINARY  
 
Hiroshima,  Nagasaki  1945






We all know that Hiroshima and Nagasaki were destroyed in August 1945 after explosion of atomic bombs.
However we know little about the progress made by the people of that land during the past 64 years.

Here are some photos ...


THE COLOURFUL CITY

Now








Hard to believe isn't it ? ? ?
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #390 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 20:48:33 »

100 ข้อ ที่เด็กจุฬาฯ ควรรู้

ภัทรพรรณ - บัญชี 16 ... ส่งมา

ใครอ่านจบแล้ว  สารภาพมาซะดีๆ ว่าได้กี่คะแนนเต็มร้อย



1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย

2. เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศ ที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยคำว่า " มหาวิทยาลัย "

3. เป็นมหาวิทยาลัยเดียวที่ไม่มีป้ายชื่อมหาวิทยาลัย  มีแต่เพียงป้ายบอกอาณาเขต

4. เป็นมหาวิทยาลัยที่สถาปนาโดยพระมหากษัตริย์  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาลงเสาเอกด้วยพระองค์เอง

5. จุฬาฯ เป็นสถานที่ที่เกิดขึ้นจากความรักของ 2 พระองค์ที่มีแก่กัน  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระประสงค์อยากให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นอนุสรณ์ในพระราชบิดาของพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

6. เมื่อก่อนชื่อ " จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย " ไม่มีการันต์ เป็นคำสมาสที่ไม่ได้อ่าน กะ-ระ-นะ  อ่านว่า" กอน " เฉย ๆ  แต่มาสมัยจอมพล ป. รัฐบาลชุดนั้นก็ได้มาเปลี่ยนให้มีตัวการันต์  เพราะท่านบอกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องอ่าน " กะ-ระ-นะ " ก็เลยต้องมีตัวการันต์จนถึงปัจจุบันนี้ -_-

7. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระบรมราชูปถัมภกแห่งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ  และเป็นพระราชปฏิบัติว่าพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเป็นพระบรมราชูปถัมภกของสถาบันนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบันและตลอดไป ( ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยแรกแห่งกรุงสยามได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมราชูปถัมภกแห่งจุฬาฯ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน 5 พระองค์ )

8. เงินที่นำมาสร้างจุฬาฯ คือ เงินบริจาคของประชาชนที่เหลือจากการบริจาคสร้างพระบรมรูปทรงม้า เรียกว่า " เงินหางม้า "

9. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานที่ดินของพระคลังข้างที่ จำนวน 1,309 ไร่  ซึ่งอยู่ที่อำเภอปทุมวันให้เป็นสถานที่ตั้งของจุฬาฯ  นอกจากนี้ยังได้พระราชทานเงินทุนเป็นทุนก่อสร้างโรงเรียน

10. ถ้าจะนับเวลาที่จุฬาฯ เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว โดยที่ไม่นับรวมว่าใช้ชื่อสถาบันว่าอะไร  ก็ตั้งแต่ปี พ.ศ.2442 ในขณะนั้นยังใช้ชื่อว่า " สำนักวิชาฝึกหัดข้าราชการฝ่ายพลเรือน " ( ร้อยกว่าปีผ่านมา... )

11. คณะในสมัยที่ก่อตั้งจุฬาฯ 4 คณะแรก คือ รัฐศาสตร์  วิศวะ  แพทย์  อักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์

12. คณะรัฐศาสตร์มีเค้ากำเนิดมาตั้งแต่โรงเรียนฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2442 ( ร.ศ.118 )  ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนมหาดเล็กในสมัยรัชกาลที่ 5  และได้ยกเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนในสมัยรัชกาลที่ 6  จนกระทั่งเป็น 1 ใน 4 คณะแรกของจุฬาฯ โดยใช้ชื่อว่า " คณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ " ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ” ในปี พ.ศ. 2476  ต่อมารัฐบาลได้ให้คณะดังกล่าวไปขึ้นต่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง  ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่  ครั้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2491 ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง  และคณะเศรษฐศาสตร์ก็เคยเป็นแผนกหนึ่งในคณะพานิชยศาสตร์และการบัญชีมาก่อนที่จะจัดตั้งเป็นคณะด้วย

13. เมื่อก่อน ศิริราช คือ คณะแพทย์ของจุฬาฯ  ต่อมาเมื่อมีการตั้งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์  คณะแพทย์ เภสัช ทันตะ ก็ไปสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์  จึงเป็นการสิ้นสุดคณะแพทย์ที่สังกัดจุฬาฯ  ต่อมารัชกาลที่ 8 ทรงพระราชดำริสมควรมีคณะแพทย์แห่งใหม่  จึงเลือกตั้งคณะแพทย์ ร.พ. จุฬาลงกรณ์  ดังนั้นคณะแพทย์ที่สังกัดจุฬาจึงกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ( พ.ศ. 2490 )  และนับเป็นรุ่นที่ 1 ( พ.ศ. 2496 ) ตั้งแต่นั้นมา

14. จะเห็นได้ว่า ชาวคณะรัฐศาสตร์ กับนิติศาสตร์ จุฬาฯ มีความผูกพันกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  แต่ชาวคณะแพทยศาสตร์ / ทันตะ / เภสัช จุฬาฯ  จะมีความผูกพันกับมหาวิทยาลัยมหิดล

15. “ พระเกี้ยว ” พระพิจิตรเลขาประจำรัชกาลที่ 5 เป็นตราสัญลักษณ์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของนิสิตจุฬาฯ ทุกคน

16. เข็มพระเกี้ยวต้องติดที่อกเบื้องขวา  เพราะเป็นของพระราชทาน ( ของพระราชทานจะติดที่เบื้องขวา )

17. เพลงพระราชนิพนธ์ มหาจุฬาลงกรณ์ เพลงประจำมหาวิทยาลัย แต่ก่อนเคยใช้เป็นเพลงมหาฤกษ์

18. สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีชมพู เป็นสีประจำวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 5  อัญเชิญมาใช้ครั้งตอนงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

19. จามจุรี เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย  มีอยู่ 5 ต้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาปลูกด้วยพระองค์เอง  โดยพระองค์ทรงนำต้นจามจุรีทั้ง 5 ต้นมาจากพระราชวังไกลกังวล  หัวหินด้วยพระองค์เอง  และมิได้แจ้งทางมหาวิทยาลัยล่วงหน้า  นำความปลาบปลื้มมาสู่ชาวจุฬาฯ ทุกคน  และยังได้พระราชทานพระราชดำรัสถึงความผูกพันระหว่างชาวจุฬาฯ กับจามจุรีว่า  มีมานานตั้งแต่สร้างมหาวิทยาลัย  ทรงเน้นว่า “ ดอกสีชมพู ” เป็นสัญลักษณ์สูงสุดอย่างหนึ่งของจุฬาฯ  พระองค์ทรงเห็นว่าจามจุรีที่นำมานั้นโตขึ้น  สมควรจะเข้ามหาวิทยาลัยเสียที  และสถานที่นี้เหมาะสมที่สุด  จึงขอฝากต้นไม้ไว้ห้าต้น ให้เป็นเครื่องเตือนใจตลอดกาล "

20. เครื่องแบบการแต่งกายของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เป็นเครื่องแบบแห่งแรก และเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยที่ได้รับพระราชทานมาจากองค์พระมหากษัตริย์  และเป็นแห่งแรกที่มีการสวมใส่เครื่องแบบนิสิต  นอกจากนี้เครื่องแบบนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเครื่องแบบของมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยที่ถูกตราไว้ในพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2498  ( เป็นเกียรติ  เป็นศรี  เป็นศักดิ์ - - เป็นเอกลักษณ์งามสง่า - - สวมชุดนิสิตจุฬาฯ - - ประกาศค่า “ จุฬาลงกรณ์ ” )
 
21. จีบด้านหลังของเสื้อนิสิตหญิง  เป็นสัญลักษณ์แทนสไบ ( สะ-ไบ ) แปลว่า ผ้าแถบ, ผ้าห่มผู้หญิง  ส่วนที่ตลบกลับตรงท้องแขนของเสื้อนิสิตหญิง  เป็นสัญลักษณ์แทนพาหุรัด  แปลว่าเครื่องประดับ, กำไลแขน, ทองต้นแขน  ซึ่งเป็นเครื่องประดับชั้นสูง

22. พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย  เกิดขึ้นที่จุฬาฯ  โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระองค์พระราชทานให้แก่นิสิตคณะแพทยศาสตร์เป็นที่แรก

23. ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อหลายสิบปีผ่านมาแล้ว  ผู้ร่วมเหตุการณ์หลาย ๆ คนคงยังจำได้แม่นยำขึ้นใจ โดยเฉพาะนิสิตชายคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ปี 5 ที่โดนคัดชื่ออกจากจุฬาฯ ในปีการศึกษาสุดท้ายของคนๆ นั้น ... ในขณะรถยนต์พระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคลื่อนที่ผ่านพิธีตั้งซองรับเสด็จฯ ของนิสิตปี 1 ... นิสิตชายคนนั้นได้วิ่งเข้ามาขวางรถยนต์พระที่นั่ง และหมอบกราบลงกับพื้นถนน ... ท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกคน ณ ตรงนั้น ... นิสิตชายคนนั้นได้ถวายฎีกาแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องจากเขาถูกคัดชื่อออกเพราะมีเรื่องวิวาทกับนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งโดนคัดชื่อออกจากจุฬาฯ เช่นกัน ... เขาขอศึกษาต่อ เพราะเป็นปีสุดท้ายแล้ว ในปีนี้เพื่อน ๆ ร่วมชั้นปีได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกันหมด  แต่เขาถูกเพิกถอนสิทธิ์ศึกษาต่อในจุฬาฯ ... ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำความนี้เข้าที่ประชุม  และให้นิสิตชายคนนั้นได้ศึกษาต่อ ... ในปีการศึกษาถัดมา เขาได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ... เขาได้เข้าถวายตัวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมมหาราชวัง  เป็นสถาปนิก  ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีตลอดอายุการทำงานของเขา ... เมื่อปลายปี 2547 เขาคนนี้เพิ่งเกษียณอายุงานจากการเป็นสถาปนิกในพระบรมมหาราชวังตลอดมา

24. จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ใช้คำว่า " นิสิต-นิสิตา"

25. จุฬาฯ เป็นสถาบันเดียวที่มีสมเด็จเจ้าฟ้าอาจารย์ 4 พระองค์ ได้แก่
 
- 4 ตุลาคม 2461 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย เสด็จมารับราชการที่จุฬาฯ นับเป็นเจ้าฟ้าอาจารย์พระองค์แรกของจุฬาฯ ในครั้งนั้นท่านทรงสอนวิชาภาษาอังกฤษที่คณะรัฏฐประศาสนศาสตร์
 
- พ.ศ. 2467-2468 สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงสอนวิชา vertebrate anatomy แก่นิสิตคณะแพทยศาสตร์  ทรงริเริ่มและสอนวิชาอารยธรรมและประวัติศาสตร์แก่นิสิตทุกคณะที่ลงทะเบียน  ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าอาจารย์องค์ที่ 2

- มิถุนายน 2495-2501 สมเด็จพระพี่นางฯ ทรงเคยเป็นอาจารย์สอนนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะอักษรศาสตร์ วิชาวรรณคดีฝรั่งเศส และ phone'tiquie สำหรับนิสิตปี 3 และ conversation ให้แก่นิสิตชั้นปีที่ 2  เมื่อพระองค์ท่านมีทรงงานเยอะขึ้น  จึงต้องล้มเลิกการสอนไป ( ถ้านิสิตคนไหนอยากดูพระฉายาลักษณ์ตอนที่ท่านเคยสอนนิสิตคณะอักษรศาสตร์  ลองไปดูที่หอประวัติจุฬาฯ ชั้นสองได้ มีรูปและคำบรรยายประกอบด้วย )  พระองค์ท่านทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าอาจารย์องค์ที่ 3

- พ.ศ. 2522 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอนวิชาอารยธรรมแก่นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนตามโครงการการศึกษาทั่วไป  ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าอาจารย์องค์ที่ 4

26. พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเข้าศึกษาในคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ในปีการศึกษา 2548

27. พระยาอุปกิตศิลปสาร เป็นอาจารย์สอนคณะอักษรศาสตร์  และได้สร้างกฎไว้ว่า  ก่อนที่ท่านจะเข้ามาสอน-หลังจากสอนเสร็จ-พบกันในเวลาอื่น ๆ ให้นิสิตทุกคนไหว้ท่าน  เพื่อเป็นการเคารพผู้เป็นอาจารย์ที่ให้วิชาแก่ตน  และแสดงความนอบน้อมต่อผู้อาวุโสกว่า  ซึ่งเป็นคณะแรกที่สอนแบบนี้

28. จุฬาฯ มี 5 ฝั่งนะ ได้แก่
- ฝั่งแรก คือ ฝั่งอนุสาวรีย์สองรัชกาล หน้าหอประชุมใหญ่  เป็นที่รวมของหลายๆคณะ ...
- ฝั่งที่ 2 คือ ฝั่งหอกลาง เป็นที่ตั้งของคณะอีก 3 คณะ คือ นิเทศฯ  นิติฯ  ครุฯ ...
- ฝั่งที่ 3 คือ ฝั่งสยามสแควร์ เป็นที่ตั้งของคณะทันตะ สัตวะ เภสัช ...
- ฝั่งที่ 4 คือ ฝั่งหลังมาบุญครอง เป็นที่ตั้งของคณะสหเวช  จิตวิทยา วิทย์ฯ กีฬา  และคณะพยาบาล
- ฝั่งสุดท้าย คือ ฝั่ง ร.พ. จุฬาฯ คือ ที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์

 
29. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไม่ใช่ของจุฬาฯ  แต่เป็นของสภากาชาดไทย  ว่างๆ ก็ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดนะ

30. เพียงท่านพลิกแบงค์ 100 บาท  ท่านก็จะเห็นพระบรมรูป 2 รัชกาล คือ รัชกาลที่ 5 และ ที่ 6 ที่ประดิษฐานที่จุฬาฯ ( เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในไทยด้วยที่มีพระบรมรูปแบบเดียวกับในธนบัตร )

31. จุฬาฯ ยึดธรรมเนียมปฏิบัติไว้ว่า  ก่อนที่จะเข้ามาศึกษาชั้นปีที่ 1 ต้องมีพิธีการถวายสัตย์  และพอเรียนจบปริญญาตรี ก็ต้องมีพิธีการถวายบังคมลา  นิสิตปี 1 ที่ได้มาถวายสัตย์จะรู้สึกว่าเริ่มต้นชีวิตนิสิตใหม่อย่างสมบูรณ์ และภาคภูมิใจในจุฬาฯ และสถาบันกษัตริย์  ในปีการศึกษา 2548 พิธีการถวายสัตย์นั้น  พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์เป็นผู้นำถวายสัตย์

32. เทวาลัย  หอประชุมใหญ่จุฬาฯ  เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานทั้งแบบตะวันออก และตะวันตก  ผู้ออกแบบเป็นชาวต่างชาติ

33. เคยสงสัยกันไหมว่า  ทำไมอาคารหลังแรกของจุฬาฯ นั้น ( คืออาคารมหาจุฬาลงกรณ์ ) ต้องสร้างให้เป็นแบบไทยผสมตะวันตก  ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นค่านิยมการสร้างอาคารต้องสร้างให้ทันสมัยแบบตะวันตก  ก็เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น  มิได้สร้างวัดประจำรัชกาลของพระองค์  จึงมีพระประสงค์สร้างอาคารมหาจุฬาลงกรณ์เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบไทยผสมตะวันตก  เพื่อแทนการสร้างวัดประจำรัชกาล  และพระองค์มีพระประสงค์ให้ " เรียนศาสตร์ใหม่ การศึกษาก้าวหน้า รักษาภูมิปัญญาตะวันออก "

34. หอกลาง ไว้นอนหลับ อ่านหนังสือ เล่นเน็ท ดูหนัง ฟังเพลง MSN  และจะกลายเป็นตลาดนัดในช่วง Midterm กับ Final

35. หอพักนิสิตจุฬาฯ มี 5 หอ คือ  จำปี  พุดตาล  พุดซ้อน  เฟื่องฟ้า  ชวนชม  หอนอก  หอพักพวงชมพู ยูเซ็นเตอร์ แอบไฮโซ

36. อาคารหลังแรกของจุฬาฯ หนีไม่พ้นตึกอักษรศาสตร์ 1  ศิลปะงดงามแบบตะวันออกผสมตะวันตก  สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6

37. ตึกที่สูงที่สุดในจุฬาฯ คือ ตึกมหามกุฎ หรือที่เรียกติดปาก sci 26 ที่คณะวิทยาศาสตร์

38. ตึกขาว ( ชีววิทยา 1 )  ถ้าปี1 เดินขึ้นบันไดกลางตึกขาวจะซิ่วหรือไม่ก็ไทร์ ... แต่ความจริงแล้วเมื่อก่อนนี้  เดิมตึกขาวเป็นตึกปฏิบัติการวิทยาศาสตร์แห่งแรกในประเทศไทย  ผู้ที่เป็นอาจารย์สมัยนั้น ไม่ใช่คนสามัญธรรมดาแต่เป็นพระบรมวงศานุวงษ์  เด็กปี 1 ไม่รู้ถ้าขึ้นตรงนั้นจะเป็นห้องพักอาจารย์ทำให้เป็นการรบกวนอาจารย์ +ไม่ได้ทำความเคารพอาจารย์ที่เป็นพระบรมวงศานุวงษ์ด้วย. . .ซ้ำตรงนั้นด้านล่างยังเป็นที่เก็บอาจารย์ใหญ่สำหรับนิสิตแพทย์ในสมัยนั้นด้วย

39. ตึกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์  มีตุ๊กแก ( ตัวใหญ่มาก )  ถูกสตัฟฟ์ไว้  แล้วถูกเอาไปแปะไว้มุมบนขวาของตึก

40. คณะสถาปัตย์ มีธรรมเนียมที่ว่า  ห้ามนิสิตคณะเดินเหยียบ " สถ " บนพื้นถนน

41. คณะครุศาสตร์ ห้ามนิสิตชั้นปีที่ 1 เดินบันไดกลาง  เพราะว่ากันว่าจะเรียนไม่จบ

42. คณะวิศวกรรมศาสตร์ ห้ามนิสิตชั้นปีที่ 1 ใช้ลิฟท์ตรงติดกับห้องทะเบียน ให้เดินขึ้นบันไดเท่านั้น

43. ปราสาทแดง หรือ ตึกแฝด ที่สร้างเลียนแบบให้เหมือนกัน ( สร้างตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจุฬาฯ เชียวนะ )  ถึงแม้จะเป็นแฝด  แต่ก็มีอะไรที่แตกต่างกันคือ ปูนที่อยู่ที่อิฐแต่ละก้อน  ตึก 1 จะแบบเว้าเข้า ตึก 2 จะนูนออก  ของเจ๋ง ๆ แบบนี้ไปชมได้ที่คณะหนุ่มหล่อ  พ่อรวย  แถมฉลาดเป็นกรด --- > วิศวะเท่านั้น

44. อย่าถ่ายรูปคู่กับพญานาคตรงหัวบันไดที่คณะอักษร ( ยกเว้นพี่บัณฑิต )  และอย่าขึ้นไปบนสี่เสาเทวาลัยเชียว  เพราะมีเรื่องเล่าว่าจะทำให้เรียนไม่จบ

45. คณะสหเวช ตกบันไดคณะแล้วจะโชคดี  แต่มันตกง่ายมากอ่ะ

46. วิดยา ตอนสอบฟิ หรือแคว ให้เอาขนมปังไปเลี้ยงปลาหน้าตึกฟิ แล้วจะดี  และจะมีคนเลี้ยงข้าวด้วย

47. วิดวะ ถ้าตั้งใจมองบ่อเห็นเต่าในบ่อได้ a  เห็นตะพาบในบ่อได้ f  เห็นกี่ตัวได้เท่านั้นตัว

48. เหมือนจะเคยอ่านเจอในหนังสือเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกของสมเด็จพระปิยมหาราช ( Premier voyage en Europe ) ว่าท่านเคยเสด็จฯ ประเทศฝรั่งเศส  ทางการของเขาเลยให้เกียรติท่านโดยการใช้ชื่อ " Chulalongkorn " เป็นชื่อถนนหนึ่งในกรุงปารีส ( จริง ๆ ถนนนั้นมีชื่ออื่นมาก่อน  แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นชื่อ " Chulalongkorn " ภายหลังจากที่ท่านเสด็จฯ   

49. วันที่ 23 ต.ค. ของทุกปี  นิสิต-คณาจารย์-บุคลากรจุฬาฯ จะไปทำพิธีเคารพสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า ( เหมือนอยู่ในรั้วในวังกลายๆ  เลย ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ  และทั้งสามพิธีการนี้  จะออกข่าวทางสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ทุกปี) 

50. เมื่อถึงวันงานประเพณีต้อนรับน้องใหม่ทุก ๆ ปี  นิสิตรุ่นพี่จะนำใบหรือกิ่งจามจุรีเล็ก ๆ มาผูกริบบิ้นสีชมพูคล้องคอให้นิสิตใหม่  เพื่อเป็นการต้อนรับเข้าสู่จุฬาฯ อาณาจักรแห่งจามจุรีสีชมพู

51. การรับน้องใหม่ของจุฬาฯ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี  ในปลายเดือนพฤษภาคม  น้องใหม่ทั้งหลายจะได้รับการคัดสรรเข้าบ้าน  ซึ่งชื่อบ้านรับน้อง  ก็จะมีหลากหลาย แต่กว่าครึ่งจะแปลได้สองแง่สองง่าม

52. เรื่องรับน้องก้าวใหม่ยังไม่จบ  กิจกรรมที่ทำกันก็จะเน้นการเต้น กิน เต้น และก็เต้น  เพลงฮิตในการสันทนาการที่เด็กจุฬาฯ เต้นเป็นกันทุกคนคือ  เพลง " หอยจี้ลี่ "

53. ประเพณีการโต้วาทีน้องใหม่ของชมรมวาทศิลป์ เรียกสั้น ๆ ว่า " โต้ชี่ " = โต้วาทีของเฟรชชี่  อาจารย์แม่มาเป็นกรรมการการโต้วาทีของน้องใหม่ของจุฬาฯ ติดกันมา 25 ปีแล้ว

54. คำว่า " SOTUS " มีมานานประมาณปี 2462  โดยนิสิตจุฬาฯ รุ่นนั้นสรรหาคำที่มีความหมายลึกซึ้ง มาประกอบกันเป็นคำว่า SOTUS

55. เน็คไทด์ของวิศวะนั้น เป็นธรรมเนียมที่น้องปี 1 จะได้รับต่อๆ มาจากพี่ปี 2  ใช้ตกทอดไปเป็นรุ่น ๆ ไปเรื่อย ๆ

56. นิสิตหญิงคณะนิเทศศาสตร์ใส่กระโปรงพลีตสีดำตลอดปี 1  แต่นิสิตหญิงคณะครุศาสตร์ใส่พลีตสีกรมท่าตลอดปี 1 ส่วนนิสิตชายคณะวิศวะและครุศาสตร์  ให้ใส่กางเกงสีกรมท่า ( แต่ถ้าปีอื่น ๆ ใส่สีดำก็ไม่ว่ากัน )

57. โทษทัณฑ์ที่หนักที่สุดในคณะรัฐศาสตร์สมัยก่อนที่รุ่นพี่ใช้ลงโทษน้องคือ " การโยนนํ้า "  ซึ่งบรรยากาศของคณะในสมัยก่อนก็เอื้ออำนวย  โดยบริเวณหน้าคณะฝั่งอังรีดูนังต์  จะมีคลองอรชรและมีสะพานข้ามมีชื่อว่า สะพานวรพัฒน์พิบูลย์  นอกจากนี้หน้าตึก 3 ยังมีบ่อนํ้าขนาดใหญ่ของสภากาชาด และเมื่อน้อง ๆ กระทำความผิดกฎที่รุ่นพี่บัญญัติไว้ เช่น ขึ้นบันไดหน้าตึก1  นั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ senior ในโรงอาหาร  ก็จะถูกชำระโทษโดยการจับโยนลงนํ้า  ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 แห่งถูกถมเพื่อสร้างตึก  การโยนนํ้าจึงสิ้นสุดไปโดยปริยาย

58. สถานีรถไฟใต้ดินที่สามย่าน เขียนว่า " สิ่งปลูกสร้างนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "

59. การเดินจากฝั่งคณะวิทยาศาสตร์ไปฝั่งคณะนิเทศฯ ไปง่ายๆโดยไม่ต้องขึ้นสะพานลอย  เพราะจุฬาฯ หรูกว่านั้น คือ มีอุโมงค์เชื่อมสองฟากถนนด้วย

60. รู้ไหมว่าในจุฬาฯ ( ฝั่งในเมือง )  ถนนมีชื่อ NickName อยู่สองสาย คือ Art Street = ตั้งแต่คณะสถาปัตย์มาศิลปกรรมจนถึงอักษรฯ ( เกี่ยวกับศิลป์ )  ส่วนอีกถนนหนึ่งก็คือ Hi-So Street = ตั้งแต่รัฐศาสตร์ไปถึงเศรษฐศาสตร์ไปสุดที่คณะบัญชีไง  ส่วนสามแยกปากห-ม-า ก็ต้องที่วิศวะเท่านั้น !!!!!

61. โรงอาหารที่ขึ้นชื่อในความอร่อย  คงเป็นโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์  มีเมนูหลักจากร้านก๋วยเตี๋ยวอดทน  ด้านโรงอาหารคณะอักษรฯ ไม่แพ้กัน  งัดเมนูเด็ดๆ ... ทั้งนั้น คณะวิศวะ มีความหลากหลายในอาหาร  หนุ่มๆ หล่อเพียบ โรงอาหารบัญชี & เศรษฐศาสตร์ อยู่ที่ตึกใหม่ สีขาว โปร่งโล่งสบาย ลมเย็นมาก ๆ ด้วย  แต่พอฝนตกทีก็ ... โรงอาหารคณะทันตะ แหล่งรวมอาหารอร่อยๆ มากมายเช่นกัน  ฝั่งครุฯ ก็มีเครื่องดื่มขึ้นชื่อ คือ โอริโอ้ปั่นใส่วีปครีม ( ข้าวเหนียวไก่ย่าง อักษรฯ  น้ำปั่น ครุฯ  ไอติม บัญชี )

62. กว่าร้อยละ 60 ของนิสิตจุฬาฯ ต้องเคยกินเวเฟอร์ ที่สหกรณ์จุฬาฯ ศาลาพระเกี้ยว ... เพราะกลิ่นที่ชวนไปลิ้มลองแน่ๆ เลย

63. หนุ่มที่สาวคณะต่างๆ หมายปองมักจะอยู่ฝั่งในเมือง เช่น สถาปัตย์ วิดวะ หรือ แม้กระทั่งหนุ่มๆ สิงห์ดำ ( รัฐศาสต ร์)  สาวๆ ก็ไม่แพ้กัน  สาวสวยที่ขึ้นชื่อในจุฬาฯ ก็ต้องยกให้อักษรฯ รัดสาด บัญชี ... ทั้ง สวย รวย เก่ง ... อืม !
 
64. มีเรื่องเล่าขานว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนเดินสะดุดลานเกียร์  จะได้แฟนเป็นเด็กวิศวะ ( ต้องรีบไปซะแล้ว ! ! )

65. สถานที่ที่เหมาะแก่การไปนั่งสวีทกัน คือ หอกลาง ( อาคารมหาธีรราชานุสรณ์ : หอสมุดกลาง )  ด้วยวิวที่ดูเป็นเมืองนอกมาก  มีวิวตึกหอพักหญิงสีน้ำตาล ยิ่งดูยิ่งโรแมนติก

66. เด็ก self จัดในจุฬาฯ ต้องยกให้ นิเทศฯ  ศิลปกรรมฯ ( สินกำ ) ... แรงมากๆ ... ขอบอก  สาวสวย - อักษรฯ บัญชี สาวหรู ไฮโซ - รัดสาด  สาวเปรี้ยว - นิเทศ  สาวแรง - สินกำ  สาวห้าว - วิดวะ  สาวดุ - ครุ  สาวเคร่ง - นิติ

67. คนภายนอกชอบมองว่าเด็กจุฬาฯ เป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ  แต่จริงๆ ควรมองเด็กจุฬาฯ จากภายใน และความสามารถมากกว่า

68. คู่รักคู่แค้นของเด็กจุฬาฯ คือ เด็กธรรมศาสตร์  งานบอลแต่ละครั้ง  ต้องประชันกันให้เหนือกว่ากัน  ซึ่งค่าใช้จ่ายจากงานบอล แต่ละครั้ง สามารถซื้อบ้านหรูๆ ได้มากกว่า 3 หลัง

69. เพลงที่จุฬาฯ กับธรรมศาสตร์มีเหมือนกัน คือ " เดินจุฬาฯ - เดินมธ. " ( แต่เนื้อเพลงไม่เหมือนกัน  ชื่อเพลงเหมือนกัน )  เพลง เดินจุฬาฯ เป็นเพลงปลุกใจให้ฮึกเหิม ในการต่อสู้ที่ดีที่สุด   เอ้า .... เดิน เดิน เถอะรา นิสิต มหาจุฬาลงกรณ์

70. มีเพลงหนึ่งที่บอกเล่าการใช้ชีวิตในจุฬาฯ คือ เพลงจามจุรีศรีจุฬาฯ ... ตอนช่วงสุดท้ายของเพลงถือเสมือนการเตือนเรื่องการเรียนที่ฟังแล้วซึ้งจริงๆ

71. เพลงท่อนที่บอกความเป็นจุฬาฯ ได้ดีที่สุด คือ
 
- นํ้าใจน้องพี่สีชมพู ทุกคนไม่รู้ลืมบูชา พระคุณของแหล่งเรียนมา จุฬาลงกรณ์
- พระนามจุฬาฯ สูงส่ง ยืนยง ตราบชั่วดินฟ้าเอย
- ณ อุทยานนี้งามด้วยจามจุรี ... เขียวขจี แผ่ปกพสกจุฬาฯ
- สีชมพู เชิดชูไว้คู่แดนไทย  แสนยิ่งใหญ่ และเกรียงไกรในวิทยา
- ชโย ชโย จุฬาฯ สถานศึกษาสง่าพระนาม

72. เพลงท่อนที่บอกความเป็นนิสิตจุฬาฯ ได้ดีอีกเหมือนกัน คือ
- นิสิตพร้อมหน้า สัญญา...ประคอง ความดีทุกอย่างต่างปอง
- น้องจุฬาฯ พี่จุฬาฯ พร้อมกันมารื่นฤดี รักเราพูนเพิ่มทวีนิจนิรันดร์
- หมายเอาจามจุรี เป็นเกียรติเป็นศรี ของชาวจุฬาฯ

 
73. หลายคณะ ไปไหว้พระบรมรูป 2 รัชกาลตอนวันเริ่มสัปดาห์สอบ  ถ้าเป็นวันอังคารเอากุหลาบชมพูไปถวาย  วันอื่นธูป 9 ดอก “ ขอพรได้แต่ห้ามบน ”

74. บูม Baka เป็นบูมที่ไม่เคยมีใครให้เหตุผลได้ว่า  ทำไมต้อง baka  ทำไมต้อง bow bow ....

75. Boom ของจุฬาฯ มี Boom 2 แบบด้วยกันคือ
1. Boom Ba La Ka...Bow Bow Bow…Chik Ka La Ka ...Chow Chow Chow…Boom Ba La Ka Bow…Chik Ka La Ka Chow…Who are we ?...CHULALONGKORN…Can you see Laaa…..

2. Baka..Bowbow..Cheerka..Chowchow..Babow..Cheerchow..Who are we ?.. CHULALONGKORN..Can you see Laaa…
* แบบที่ 2 จะเป็นที่นิยมมากกว่า แบบที่ 1 จะมาจากเพลง C.U. Polka

76. ที่คณะบัญชี มีการ Boom ดำ / Boom กลางสนามด้วย ( แปลก ๆ ดี )

77. Boom ของคณะวิศวะนั้นที่เกือบจะเป็นแฝดกับBoom ของจุฬาฯเลย ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า เป็นเพราะเมื่อนานมากหลายสิบปีที่แล้วมีนิสิตชายวิศวะคิด Boom Baka ได้ เลยเอามาใช้กับวิศวะ ( Who are we? - Intania )  แต่เขาเป็นแฟนกับนิสิตหญิงที่เป็นประธานเชียร์ของจุฬาฯ  เลยเอา Boom Baka มาใช้ของจุฬาฯ ( Who are we? - Chulalongkorn ) < - - - ฟังต่อ ๆ มา ไม่รู้ว่าถูกผิดยังไงนะ

78. คณะรัฐศาสตร์หรือชาวสิงห์ดำ เป็นคณะเดียวในจุฬาฯ ที่ไม่ใช้ คำว่า "Boom" แต่พวกเขาใช้คำว่า "ประกาศนาม" แทน >>> นี่....นัก..รัฐศาสตร์

79. ที่จุฬาฯ สามารถใช้พาหนะได้หลายอย่าง และสะดวก คือ BTS, MRT, รถป็อป, รถยนต์, เฮลิคอปเตอร์ ( สภากาชาด )< - - - แต่อันนี้คงไม่สะดวกมั้ง และเรือ ( ที่สะพานหัวช้าง )

80. เมษายน 2548  นิตยสารไทม์ได้เสนอผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก 100 แห่งคือ จุฬาฯ อยู่ในอันดับที่ 60 ด้านการแพทย์ และวิทยาศาสตร์การแพทย์  อยู่ในอันดับที่ 46 และ 50 ในสายสังคมศาสตร์ ( รัฐศาสตร์, นิติศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, อักษรศาสตร์ )  และมนุษยศาสตร์ ( คณะอักษรศาสตร์ และครุศาสตร์ )
 
81. จุฬาฯ มีทุนเล่าเรียนฟรี แบบไม่ต้องใช้ทุนคืนด้วยนะ  เพราะจุฬาฯ พยายามที่จะไม่ให้นิสิตไม่ได้เล่าเรียน  เนื่องจากปัญหาทางทุนทรัพย์ และยังมีทุนอาหารกลางวันฟรีให้นิสิตได้ทานฟรี ๆ ด้วย  ... แบบนี้ล่ะ  สมกับเป็นสถาบันชั้นนำ  ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม

82. แทบจะไม่มีนิสิตจุฬาฯ คนใดที่จำเลขประจำตัวนิสิตไม่ได้  และการลืมบัตรประจำตัวนิสิตในวันหนึ่ง ๆ เหมือนกับว่าเราแทบจะหมดสิทธิ์ทำอะไรหลาย ๆ อย่างไปเลย  แอบเห็นเด็กจุฬาฯ หลายคนแล้วนะ ที่พอจะเข้า BTS, MRT แต่สอดบัตรผิด ใช้บัตรนิสิตสอดเข้าไป ต่อไปคงต้องขอทางกรมขนส่งให้เด็กจุฬาฯ ใช้บัตรนิสิตแทนบัตรรถไฟฟ้าแล้วล่ะมั้ง  ! ! !

83. บุตรของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กำลังศึกษาอยู่ที่จุฬาฯ คือ แพทองธาร เรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ ภาคสังคมฯ

84. จุฬาฯ มีสถานีวิทยุของจุฬาฯ เป็นของตัวเองที่ คลื่น 101.5 FM
 
85. ศูนย์หนังสือ จุฬาฯ ยังได้มีการร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จัดตั้งศูนย์หนังสือขึ้นมาร่วมกันด้วย  ทั้งในต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ

86. อักษร "ฬ" ที่ใช้เรียกสั้น ๆ แทนจุฬาฯ นั้น ยังเป็นตัวอักษรลำดับที่ 42 ใน 44 ตัวอักษรไทยด้วย  สื่อมวลชน และคนทั่วไปชอบใช้คำว่า " รั้วจามจุรี - พี่พระเกี้ยว - ลูกพระเกี้ยว - รั้วสีชมพู " แทนจุฬาฯ

87. เขาว่ากันว่า ถ้าคู่รักมาลอยกระทงที่จุฬาฯ แล้วจะมีอันเลิกรากัน ( จึงนิยมไปลอยที่โรงเรียนเตรียมฯ แทน )  แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันมาลอยด้วยกันก็จะเป็นแฟนกัน

88. จุฬาฯ ทำดินสอไม้ยี่ห้อ จุฬาฯ เองแล้วนะ  นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าหลายรูปแบบหลายสี สมุด เสื้อ หมวก ร่ม ผ้าขนหนู กรอบรูป แฟ้ม นํ้าดื่ม ที่ทับกระดาษ ฯลฯ  ที่เป็นตราจุฬาฯ

89.“ จีฉ่อย ” มีทุกสิ่งในโลก  หุหุ อยากได้ไร มาร้านนี้

90. ร้านสเต็กสามย่านที่ใช้โต๊ะเหล็ก  เขียนตัวนูนบนโต๊ะว่า " จุฬาฯ "

91. บัตรจอดรถสยามสแควร์ มีตราองค์พระเกี้ยวอยู่บนบัตรด้วย  แสดงถึงความเป็นเจ้าของที่ดิน

92. คะแนนอังกฤษ FE ในจุฬาฯ  คณะที่คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก ( โดยส่วนมาก ) คือ 1. แพทย์  2. วิศวะ  3. อักษร

93. โรงเรียนเตรียมอุดมฯ แต่ก่อนผู้ที่จะเข้าจุฬาฯ ต้องมาศึกษา ณ ที่นี่  แต่ก่อนชื่อว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และโรงเรียนเตรียมฯ ยังใช้ตราสัญลักษณ์พระเกี้ยว ( น้อย ) - ต้นจามจุรี - สีชมพู - การบูม Baka เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันเหมือนกับชาวจุฬาฯ อีกด้วย

94. ฯพณฯ ศ. ม.ล.ปิ่น มาลากุล เคยแต่งบทกลอนเอาไว้  เรียกจุฬาฯเป็น " แม่ "  ส่วนเตรียมอุดมศึกษาเป็น " ลูก " ( เนื้อหากลอนนี้ประมาณว่า  ตอนที่เตรียมฯ จะถูกตัดสร้อยชื่อ " แห่งจุฬาฯ " ออก  ท่านก็ได้แต่งกลอนเพื่อเป็นการระลึกถึงว่ามีความผูกพันกันแค่ไหน  ถึงขนาดว่าจบม.ปลายที่นี่แล้ว  มีการเดินแถวเข้าจุฬาฯ ได้ทันทีเลย  เมื่อก่อนเด็กเตรียมฯ ก็มาทำพิธีประดับพระเกี้ยวน้อยที่หอประชุมจุฬาฯ ด้วย  ส่วนสาเหตุที่เตรียมฯ ถูกตัดสร้อยชื่อออกเพราะประชาชนตอนนั้นก็มีเสียงพูดกันว่า

๑. ทำไมจึงให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย  ผูกขาดการเข้าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยเพียงโรงเรียนเดียว
๒. ขอให้โรงเรียนอื่น ๆ เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาด้วย  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๘ ก็เคยสอนมาแล้ว  ถ้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยสอนดี  นักเรียนเตรียม ฯ ก็คงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้หมดตามเดิม  ไม่เดือดร้อนอะไร
๓. อยากให้นักเรียนที่จบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ได้เรียนต่อ  จะได้มีความรู้สูงขึ้น  มากกว่าที่จะมุ่งเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

ดังนั้น โรงเรียนเตรียม ฯ จึงได้โอนไปสังกัดกรมสามัญ  และได้ตัดสร้อยชื่อ " แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย " ออก  เหลือเพียงแต่ " โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา " เฉย ๆ ) <--- เหมือนโรงเรียนเตรียมฯ ถูกอิจฉายังไงไม่รู้อ่ะนะ  ยังไงเด็กที่นี่ก็เก่งอ่ะ


95. คะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย  จุฬาฯ มีคะแนนนำมาตลอดทุกคณะ / สาขาวิชา ... และที่นี่เปรียบเสมือนที่รวมหัวกะทิของประเทศ  เด็กมัธยมทั่วประเทศ ... กว่าร้อยละ 70 ของเด็กมัธยม  กำลังกวดวิชาเพื่อความหวังในการเข้าศึกษาในสถาบันแห่งนี้ ... แต่การเรียนในจุฬาฯ หนักยิ่งกว่าการเอ็นทรานซ์เท่าตัว

96. ในปีการศึกษา 2548 ไม่เคยมีคะแนนตํ่าสุดที่สูงมากเป็นประวัติศาสตร์ขนาดนี้  คือ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เอกภาษาญี่ปุ่น มีคะแนนตํ่าสุดที่สูงที่สุดในประเทศในการสอบ 4 วิชาแบบสายศิลป์ ( ไทย , eng , สังคม , ภาษาต่างประเทศที่ 2 หรือ เลข 2 ) คือ 351คะแนน จาก 444.44  และรองลงมาคือ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ภาค IR คือ 330 คะแนน จาก 444.44 คะแนน

97. ภาพยนตร์เรื่อง " มหา'ลัย เหมืองแร่ " เกี่ยวข้อง และเกิดขึ้นกับอดีตนิสิตวิศวะ จุฬาฯ โดยตรงในปีพ.ศ. 2492  พร้อมประโยคหนึ่งที่มาพร้อมกับเรื่องนี้ " เลือดสีชมพูไม่มีวันจาง  แต่สีชมพูจะจางด้วยนํ้าลาย " / "จุฬาฯ ไม่ต้องการผม "

98. จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่เวลามีเสด็จฯ  ต้องมีการตั้งซองรับเสด็จ  นิสิตหญิง-ชาย นั่งพับเพียบกับพื้นถนน และก้มกราบบนพื้นเวลามีรถยนต์พระที่นั่งผ่าน  และสาเหตุของการตั้งซองรับเสด็จฯ เกิดจาก
 
<<" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ ที่ 20 กันยายน 2506 ณ 15.00น. ยังจารึกอยู่ในความทรงจำผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือทราบเรื่องราวโดยตลอด  โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ขณะที่รถยนต์พระที่นั่ง แล่นออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน จะเลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระราม 5  มีนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่งเรียงรายรอเฝ้ารับเสด็จอยู่  ได้คุกเข่าลงและเข้าหมอบแทบประตูพระที่นั่ง  ซึ่งทำให้จำต้องหยุดรถชั่วขณะ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส  ถามถึงความประสงค์ที่มารอดักหน้ารถพระที่นั่งครั้งนี้ว่า  มีความประสงค์อย่างไร  นิสิตซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มได้กราบบังคมทูลโดยย่อ  แล้วนำฎีกาขึ้นทูลถวาย  เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฎีกาแล้ว  ทรงมีพระราชดำรัสแก่นิสิตเหล่านั้นเล็กน้อย แล้วรถยนต์พระที่นั่งก็เคลื่อนที่ต่อไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยใกล้ชิด ดั่งเช่นทุกปีมา  ฎีกาที่กลุ่มนิสิตทูลเกล้าฯ นั้น ได้ขอพระราชทานอภัยโทษ  อันสืบเนื่องมาจากสาเหตุเกิดการพิพาทกันระหว่างนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ 9 คน กับรองอธิการบดีฝ่ายปกครอง  ซึ่งโดยสาเหตุอันแท้จริงนั้น  ไม่อาจสืบทราบได้ถ่องแท้  เพียงแต่ทราบว่านิสิตวิศวะ2 คน ถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนมหาวิทยาลัย  นอกนั้นมีความผิดหนักเบาลดหลั่นกันลงไป  โดยได้รับโทษให้พักการเรียนมีกำหนด และเพิกถอนสิทธิในการสอบไล่  ซึ่งปรากฏว่าภายหลังที่ทางมหาวิทยาลัยได้ออกคำสั่งลงโทษดังกล่าวแล้ว  ก็ได้มีการอุทธรณ์  การประท้วง  และการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง  ซึ่งมีทีท่าว่าไม่อาจจะยุติลงได้
 
ครั้นถึงเวลาดังกล่าวข้างต้น  ด้วยพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม  เหตุการณ์อันทำท่าจะรุนแรง และลุกลามไปใหญ่โต ได้กลับคืนสู่สภาพปกติ  เมื่อนิสิตทั้ง 9 คนได้ถวายฎีกาแล้ว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสทรงตักเตือนนิสิตว่า “ ในการที่จะถวายฎีกานั้น จะต้องมีความนึกผิดจริงๆ ทางใจด้วย  ต้องยอมรับว่ากระทำไปแล้วเป็นความผิดจริง  จึงจะให้อภัยกัน  มิใช่เป็นการถวายฎีกาแต่เพียงโดยลายลักษณ์อักษร ”  เมื่อรถยนต์พระที่นั่งแล่นคล้อยไป  นิสิตทั้ง 9 คนก็แยกย้ายกันกลับ  ไม่ตามเสด็จไปทางมหาวิทยาลัย  เนื่องจากอยู่ในระหว่างลงโทษ ... ทรงมีพระราชดำรัสให้ที่ประชุมทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นหน้าตำหนักจิตรลดารโหฐาน  เกี่ยวกับนิสิตทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา  พร้อมทั้งนำฎีกาออกไปให้ที่ประชุมดู  รวมทั้งคำสั่งของมหาวิทยาลัย “ ฎีกานี้นิสิตทั้งหลายที่ถูกทำโทษ  เขียนมารับว่าทำผิดจริง  การรับว่าทำผิดนี้แสดงว่าเขารู้ตัวว่าทำผิด  คนเราทำผิดครั้งเดียวนับว่าเก่ง  นิสิตพวกนี้ไม่เคยบอกว่าทำผิดมาก่อน  การที่เขาทำผิด และฎีกาบอกมาวันนี้  จึงอยากจะให้อธิการบดี และคณะอาจารย์อภัยเขาเสีย  เนื่องในงานวันนี้ ”
 
... ภายหลังที่กระแสพระราชดำรัสให้อภัยโทษแก่นิสิตจบลง  บรรดานิสิตที่มีจำนวนล้นหอประชุมและคณาจารย์  ได้พากันปรบมืออยู่เป็นเวลานาน  รวมทั้งอธิการบดีด้วย  บรรยากาศภายใน และภายนอกห้องประชุมมีแต่ความสดชื่น ร่าเริง  เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษไม่มีโอกาสได้รู้เห็น  ซึ่งคงจะก่อให้เกิดความปิติปราโมทย์  ยิ่งกว่าจะได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนฝูง ">>

 
99. สมัยก่อน รู้หรือไม่ว่า นิสิตชายคณะรัฐศาสตร์ และวิศวะไม่ถูกกัน  ถึงขนาดยกพวกตีกันในวันไหว้ครูในปี พ.ศ. 2504  รัฐศาสตร์เสียเปรียบตรงกำลังคนน้อยกว่า 4 ต่อ 1  จนร้อนไปถึงจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกฯ ในสมัยนั้นต้องออกมาไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง  มีคนว่ากันว่า “ วิศวะชนะด้านยุทธวิธี  แต่รัฐศาสตร์ชนะด้านยุทธศาสตร์ ”

100. เกียรติประวัติของจุฬาฯ ริเริ่ม สร้างสรรค์ และได้รับการยอมรับนับถือคือ
 
- วันที่ 24 เม.ย. 2472 จุฬาฯ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ เกี่ยวกับสมุทรศาสตร์ที่ศาลาวิทยาศาสตร์  ตึกขาว คณะวิทยาศาสตร์  นับเป็นครั้งแรกที่มีการประชุมระดับโลกจัดที่เอเชีย
 
- พฤษภาคม 2470  จุฬาฯ รับนิสิตหญิงจำนวน 7 คน  เข้าเรียนสาขาแพทยศาสตร์ ( เตรียมแพทยศาสตร์-ผู้เขียน )  ในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ " นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่จัดสหศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา "

- พ.ศ. 2492  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลง " มหาจุฬาลงกรณ์ " เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย  นับเป็นสถาบันอุดมศึกษาแรกที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้  และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายเทวาประสิทธิ์  พาทยโกศล ดัดแปลงเพลงมหาจุฬาลงกรณ์เป็นเพลงโหมโรง " จุฬาลงกรณ์ " ขึ้น  เพื่อให้นิสิตใช้บรรเลงในการแสดงดนตรีไทย  นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณพิเศษ  ซึ่งได้พระราชทานเพลงประจำมหาวิทยาลัยรวม 2 เพลงซึ่งเป็นเพลงมหาจุฬาลงกรณ์  ทำนองสากล  และเพลงโหมโรงมหาจุฬาลงกรณ์
 
- พ.ศ. 2494  รัฐบาลได้มอบให้จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม UNESCO ขึ้นที่ตึกอักษรศาสตร์ 1 หรือเทวาลัย  หรืออาคารมหาจุฬาลงกรณ์ในปัจจุบัน  นับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่มีการจัดประชุม UNESCO
 
- 14 ก.พ. 2529  จุฬาฯ ได้จัดตั้งสำนักบริหารวิชาการขึ้น  เพื่อเป็นศูนย์กลางของการเผยแพร่ผลงานวิจัย และการประดิษฐ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของคณาจารย์และนิสิต  เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานภาคเอกชนนำไปใช้เชิงอุตสาหกรรม และเชิงพาณิชย์  เป็นสถาบันแรกของไทยที่จัดบริการดังกล่าวได้
 
- 27 มี.ค. 2529 จุฬาฯ ได้จัดตั้งโครงการพิเศษ หรือรับนักเรียนผู้มีความสามารถดีเด่นทางกีฬาเข้าศึกษาในจุฬาฯ  เป็นสถาบันอุดมศึกษาแรกที่จัดบริการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้มีความสามารถพิเศษ

- 28 ก.ย. 2529  คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการฝังตัวอ่อนในวัวนม และสุกร  เป็นครั้งแรกของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการพัฒนาปศุสัตว์ในเอเชียอาคเนย์
 
- 2 ส.ค. 2530 จุฬาฯ จัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา  เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของคณาจารย์และนิสิตผู้ประดิษฐ์ผลงานค้นคว้าวิจัย  นับเป็นสถาบันแรกที่คุ้มครองสิทธิประโยชน์ของการประดิษฐ์คิดค้นผลงานอันเป็นสิทธิบัตรของชาวจุฬาฯ ได้
 
- 21 ธ.ค. 2530  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

- ธันวาคม 2531  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเปลี่ยนตับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
 
- 29 ก.ค. 2534  คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีถ่ายภาพและการพิมพ์เป็นแห่งแรกของเอเชีย

- 1 ต.ค. 2542  จุฬาฯ ได้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติขึ้นที่คณะวิทยาศาสตร์เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย
 
- พ.ศ. 2543  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการช่วยให้เกิดการปฏิสนธิของเด็กนอกครรภ์มารดาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
 
- คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นแห่งแรกที่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ปอด ตับ และทดลองเด็กหลอดแก้วได้สำเร็จเป็นแห่งแรกของเอเชีย
 
- 20 ต.ค. 2543  มูลนิธิสนทนาธรรมนำสุขของท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ในพระสังฆราชูปถัมภ์  มอบพระไตรปิฎกจำนวนมากให้จุฬาฯ จัดตั้ง " คลังพระไตรปิฎกนานาชาติ "
 
- - พ.ศ. 2548  นิสิตแพทย์ จุฬาฯ พิชิตรางวัลชนะเลิศการแข่งขันโครงการวิจัยของนิสิตนักศึกษาแพทย์ในเอเชีย  จากการศึกษาตรวจหาเชื้อไวรัสไข้เลือดออกในยุงลาย ในฤดูแล้ง ก่อนที่โรคไข้เลือดออกจะระบาด
 
- กรกฎาคม 2548  สถาบันวิจัยวัสดุและโลหะแห่งจุฬาฯ เสนอเสื้อนาโนดับกลิ่นกายได้ตัวแรกของไทย

 
อ่านจบแล้วได้กี่คะแนนกันบ้างจ๊ะ  พี่ น้อง

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #391 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 21:40:53 »

ผ่าแตงโม  ยังไงถึงไม่มีเมล็ด ?

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา

กินแตงโมมาตั้งแต่เด็กจนแก่  เพิ่งจะรู้ว่าผ่ายังไงถึงจะเขี่ยเมล็ดออกง่าย ... เฮ้อ !




      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #392 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2552, 13:33:34 »

ความฝัน กับ งู : ความฝันที่บอกล่วงหน้าว่าคุณจะพบคู่‏

ฟังหูไว้หู - ดูตาไว้ตา - อ่านเล่นสนุกๆ นะพี่น้อง



คนมากมายคิดว่าการนอนหลับเป็นเรื่องเสียเวลา และความฝันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ  แต่ผู้ศึกษาวิชา dream analysis รู้ว่ามีกลไกทางจิตวิทยาที่ผลักดันชีวิตคนเรา  และมนุษยชาติถูกร้อยรัดเข้าด้วยกันกับ universal intelligence  หรือภูมิปัญญาจักรวาล  ส่วน 'เสียงภายใน' ที่มนุษย์รู้สึก เรียกว่า inner intelligence หรือภูมิปัญญาภายใน  สองภูมิปัญญานี้สื่อสารสู่กันผ่านทางความฝัน  ความผันจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสะสางแก้ไขปัญหาชีวิตและช่วยพาเราไปสู่ self-growth การเติบโตของตัวเราเอง
 
ตลอดเวลาที่ฉันใช้หลักวิชาวิเคราะห์ความฝันในการช่วยคนรอบข้างตีความ message จากฝัน  เพื่อช่วยพวกเขาคลี่คลายปมปัญหา และนำทางชีวิตนั้น  คำถามยอดอมตะที่ฉันโดนถามอยู่เสมอคือ  " ฝันแบบไหนถึงจะรู้ว่าเรากำลังจะเจอความรัก "  และ " ฝันถึงงู เราจะเจอเนื้อคู่หรือเปล่า ? "
 
คุณอย่ากลัวว่าจะเป็นคำถามปัญญาอ่อนเลยนะคะ  ขอบอกเลยว่าในคลังวิชาการวิเคราะห์ความฝัน  ทั้งแบบเก่าแก่โบราณ ( Traditional dream analysis ) ที่เน้น ' ทำนายดวง ( fortune-telling ) ' กับแบบความฝันยุคใหม่ ( Modern dream analysis ) ของ 2 อภิปรมาจารย์ทางวิชาความฝัน คือ ท่านซิกมุนด์ ฟรอยด์  ที่เน้นกลไกทางจิตวิทยา ( Psychological meanings )  และคาร์ล จัง ที่เน้นการแก้ไขความรู้เชิงจิตวิญญาณ ( Spiritual meanings ) ต่างมีการบันทึกความฝันที่เป็นสารบอกเหตุล่วงหน้าเกี่ยวกับคู่ในอนาคตทั้งนั้นค่ะ  ก็เพราะเรื่องความรัก และเนื้อคู่นี่เป็นเรื่องยอดฮิตที่คนเกือบทั้งโลกอยากรู้นะสิคะ  แล้วเราจะละเลยได้อย่างไรเล่า

ความฝันที่บอกว่าคุณจะได้พบคู่หรือกำลังจะเจอความรัก

1. ฝันถึงงู ( งูรัด ถ้างูกัดต้องเป็นงูใหญ่เท่านั้น )
2. ฝันถึงเครื่องประดับสวยงาม โดยเฉพาะอย่างแหวน
3. ฝันถึงน้ำหอม
4. ฝันถึงดอกไม้
5. ฝันถึงฝนตก

* ฝันถึงงู *

' งู'  ในหลายๆ วัฒนธรรมหมายถึง กามารมณ์  ' ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ' ให้ความหมายว่าเป็นอวัยวะเพศชาย  บางวัฒนธรรมหมายถึงปัญญาแบบเซียนหรือหมายถึงเทพเจ้า  แต่พี่ไทยบ้านเราฟันธงมาตลอดว่าฝันถึงงูรัดจะเจอเนื้อคู่แน่นอน  และฉันขอคอนเฟิร์มว่าจริง !  แต่การฝันถึงงูที่เป็นการบอกเหตุล่วงหน้าว่าคุณจะเจอคู่แน่นอนนั้น  ต้องมีลักษณะเฉพาะตรงตามนี้ค่ะ

1. ต้องเป็นงูรัด  หรืองูไล่เพื่อจะมารัดเท่านั้น  ถ้างูนอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ โดยเฉพาะนอนในบ้านคุณ หรือกลางป่าเขาลำเนาไพร  จะหมายถึงเจ้าที่เจ้าทาง ไม่ใช่เนื้อคู่ค่ะ  ลืมไปได้เลย  ตัวอย่าง มีคนฝันเห็นงูใหญ่นอนใต้บ้าน เช่น ใต้ดิน ใต้ถุน ใต้พื้นบ้าน ฯลฯ ใต้บ้านเป็นสัญลักษณ์ของระดับ subconscious หรือจิตใต้สำนึก  แสดงว่าเจ้าที่เจ้าทางที่มีภูมิปัญญาประจำบ้านคุณ  มาบอกให้ขุดค้นพลังจิตใต้สำนึกออกมาใช้ค่ะ  ไม่ใช่หมายถึงว่าจะเจอคู่   ถ้างูกัด จะไม่หมายถึงเนื้อคู่โดยตรง  แต่หมายถึงการมีเรื่องกวนใจ มีปากเสียง  งูนั้นต้องมีการสัมผัสร่างกายคุณเท่านั้น เช่น รัดรอบคุณ พันมือ หรือแข้งขาก็ได้ ถ้าไม่สัมผัสถูกเลย  ก็ไม่ใช่คู่
 
2. ขนาดของงูมักจะปานกลางถึงใหญ่  ถ้างูตัวเล็กจะไม่หมายถึงคู่  โดยเฉพาะถ้าตัวเล็ก และมาเป็นฝูง  ตัวอย่าง เพื่อนฉันเคยฝันว่าถูกรุมไล่กัดโดยฝูงงูเล็กๆ ยั้วเยี้ย  จนต้องหนีขึ้นตลิ่ง  ปรากฏว่าเธอมีปัญหากับทีมงานทั้งทีมเลยค่ะ  ขนาดงูยิ่งใหญ่  จะหมายถึงความสัมพันธ์ที่เข้มข้นขึ้นตามขนาดงู  และถ้างูสวยงาม  หรือเป็นงูใหญ่มีฤทธิ์ เช่น พญานาค จะหมายถึงระดับฐานะทางสังคม และชื่อเสียงของคนที่จะเจอ
 
3. สีของงู  จะบอกสภาพอารมณ์ของความสัมพันธ์

สีแดง หมายถึงรักอันร้อนแรงแบบ sexual
สีเหลืองนวลถึงเผือก หมายถึงความรักแบบกัลยาณมิตร เอื้ออาทร เป็นรักแบบ spiritual
สีดำ คือรักแบบคาดหวังและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ หึง งอน แบบมนุษย์ earthy
สีเขียวอ่อน หมายถึงสดชื่น เป็นธรรมชาติ
สีเหลื่อมเลื่อมพิเศษ เช่น สีเขียวมรกต สีทองอร่าม สีเงินประกาย จะหมายถึงระดับฐานะของคู่มากกว่ารูปแบบความสัมพันธ์ เป็นต้น ( เราจะเรียนเรื่อง 'สีในความฝันบอกอะไร' กันละเอียดอีกทีนะคะ )
 
ตัวอย่าง ฉันฝันว่างูตัวปานกลางค่อนข้างใหญ่ ประมาณงูแสงอาทิตย์ สีดำแดงสลับกัน เข้ามารัดและกัดฉันหลายครั้ง  ต่อมาฉันเจอชายหนุ่มที่ฉันหมั้นหมายด้วย  ความสัมพันธ์ของเราเต็มไปด้วยอารมณ์ทุกประเภท ทั้งจี๋จ๋า โรแมนติก เคือง งอน ร้องไห้ ราวกับมิวสิกวิดีโอเพลงอาร์เอส ไม่มีช่วงสงบสุขเลย  แต่ก็มันดีค่ะ ( ฝันตรงเลยเนอะ )

4. ลักษณะการที่งูเข้ามาหาคุณ  บอกสภาพการที่คู่เข้ามาในชีวิต

เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว = เขาเข้ามาแบบรวดเร็วปุบปับ ไม่ตั้งตัว
ค่อยๆ เลื้อยช้าๆ มาคลอเคลีย = ใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์
งูไล่แล้วคุณหนีไม่คิดชีวิต = เขาเป็นฝ่ายรักหรือจู่โจมคุณก่อน ( บางกรณีอาจมีปล้ำ อันนี้ไม่ล้อเล่นค่ะ เรื่องจริง มันเกิดขึ้นมาแล้ว )

 
5. สภาพอารมณ์คุณตอนเจองู  สำคัญมากๆ  โบราณว่า ' ยิ่งกลัวงูมากเท่าไร ความรู้สึกในความสัมพันธ์ยิ่งเข้มข้น '  แหม !  แต่จะบอกว่าความรู้สึกในฝันนี่เฟคไม่ได้นะเจ้าคะ  พอรู้ว่ายิ่งกลัวยิ่งเข้มข้น  คุณก็เฟคกลัวกลั๊วกลัวงูในฝันซะเลย ไม่ด้ายค่า !

6. คุณทำอย่างไรกับงู  บอกว่าคุณพร้อมแค่ไหนที่จะมีคู่  ปฏิกิริยาคลาสสิกในการฝันว่างูรัดหรืองูไล่มาพันตัว คือ

- พยายามปัดหรือวิ่งหนี  แต่ไม่พ้น  งูตามมาจนได้ ( เสร็จงู ว่างั้นเถอะ ) = คุณจะได้คบเป็นแฟนกับคนนี้แน่นอน

- ทำร้ายงู  หรือกระทั่งฟันงูขาด  กระทืบๆ งูจนตาย = ไม่ว่าปากคุณจะบอกว่าอยากมีแฟนกับเขาซะทีแค่ไหน  ในจิตใต้สำนึกจริงๆ  คุณกลัวความรักมากๆ ค่ะ  และความกลัวการมีคู่  กลัวมีความสัมพันธ์นี้มาแสดงออกในฝัน  ยิ่งทำร้ายงูบอบช้ำรุนแรงเท่าไหร่  ยิ่งบอกความกลัวมากเท่านั้น (โถ !  งูผู้น่าสงสาร )  เพราะฉะนั้นคุณอาจเจอคนถูกใจ  แต่เขาจะผ่านคุณไปในชีวิตจริง  โดยที่คุณจะนึกว่า ' ฝันไม่แม่นเลย '  แต่ที่จริงเป็นเพราะ subconscious คุณไม่พร้อมเปิดใจรับความสัมพันธ์ต่างหาก
 
- วิ่งหนีสุดชีวิต  งูก็ไล่ไม่ลดละ  จนสะดุ้งตื่น = subconscious บอกความไม่พร้อมที่จะมีแฟนของคุณ หรือบอกความกลัวที่คุณรู้สึกลึกๆ ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับคุณ  จึงแสดงออกในฝันว่าคุณหนีงูสุดๆ  และถ้างูตามไม่ลดละ ( มุ่งมั่นมาก )  อาจไม่ได้หมายถึงว่าคู่ของคุณตามตื๊อคุณอย่างเดียว  แต่หมายถึงว่าแม้จะไม่มีความสัมพันธ์กัน  เขาก็จะยังคงยืนยันที่จะอยู่ในชีวิตคุณอีกนาน  ไม่หายหัวไปง่ายๆ ( แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปคบกันอย่างอื่น เช่น  เป็นพี่เป็นน้อง  เป็นเพื่อน  หรือทำธุรกิจด้วยกัน )
 
- สงบสุขท่ามกลางงูรัด = เอ๊ะ มีด้วยหรือเนี่ย ?  มีค่ะ  ฉันไง  นอนหลับปุ๋ยสบายเลย  งูนุ่มดี  เหมือนเตียงนุ่ม และผ้าห่มห่มฉันให้หายหนาวเลย  แสดงว่าสำหรับคู่คนนี้  คุณพร้อมให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่แล้ว  และสภาพความสัมพันธ์ก็จะสบายๆ  อบอุ่น  ปลอดภัย  แต่ไม่หวือหวานะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #393 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2552, 20:00:55 »

เรื่องเข้าใจผิดของผู้ใช้ " รถ "

Poomping Praison - ส่งมา

1. " สตาร์ทแล้วออกรถได้เลย ไม่ต้องอุ่นเครื่อง "

       อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า  เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง " เย็น " อยู่  เช่น  ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ  และละลายปนกับฟีล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่  ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ  สร้างความสึกหรอในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ  นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมด  และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้  ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง  ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
 
2. " รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้องรันอิน "

       รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อต้องรันอิน  รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตาม  แต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้องผ่านการรันอิน  และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งานอย่างเต็มที่  เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป  การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก  โดยในช่วง 1,000 กม. แรก  ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง  หรือใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงมากๆ  ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 ร.ต.น. ได้ก็จะดี  และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด  พูดถึงเรื่องนี้  เคยมีผู้ใช้รถบางคนไม่นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเชค  โดยให้เหตุผลว่าเสียเวลา  เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทำที่ไหนก็ได้  อย่างนี้ " น่าเสียดาย " แทนจริงๆ  เพราะถ้าเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์จะเรียกร้องเอากับใคร

3. " ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอด ช่วยยืดอายุใบปัด "

       สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น  ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วย ใบปัด  และแผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า  ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี  หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด  ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม  อีกส่วนคือก้านใบปัดที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก  ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์  ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด  การยกก้านเมื่อจอดตากแดด  สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา  อายุการใช้งานสั้นลง  ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด

4. " รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้ ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง "

       หยุดรถก็โอเค  แต่ถ้าติดไฟแดงนานก็ต้องระวังชนคันหน้า  ในกรณีรถติดไฟแดง  ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่าง  และเหยียบเบรคป้องกันรถไหล  คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ ให้เมื่อยขา  ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติ  กลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน  กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยค้างเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง "D"  กลุ่มที่ 2 เบรคเหมือนกัน  แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง "N"  กลุ่มสุดท้าย ดันคันเกียร์มาอยู่ที่ "P" ไม่เหยียบเบรค  ถ้าติดไฟแดงนานๆ  กลุ่มแรก  ต้องระวังมากที่สุด  เพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค  รถอาจพุ่งไปชนคันหน้า  กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย  ส่วนกลุ่มสุดท้าย สบายใจได้  แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน  วิธีดีที่สุด คือ ใช้เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ

5. " เดินทางไกล ลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง "

       ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิดได้มาก  คู่มือการใช้ และดูแลรักษายางรถยนต์  ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน  ก็แนะนำตรงกันว่าผู้ใช้รถควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้  และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2- 3 ปอนด์  เมื่อต้องเดินทางไกล  ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด  นอกจากจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว  ยังอาจส่งผลเสียกับโครงสร้างยางได้  และมีโอกาสเกิด "ยางระเบิด" มากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด  เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี

6. " ฝนตกใส่เกียร์ขับ 4 ล้อ เกาะถนนมากกว่า 2 ล้อ "

       อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ  ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ  แต่สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ "ตามต้องการ" ในรถพิคอัพ หรือพีพีวี ที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่งกำลังไปยังล้อหน้า  กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า  อาการท้ายปัด  หรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง  แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี  เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง  ล้อหน้าที่ถูกล็อคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง  ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้น  จึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ  ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดานได้ง่ายขึ้น  ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ "ตลอดเวลา"  ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน

7. " ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ "

       ทุกล้อมีความสำคัญ  ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ  เชื่อหรือไม่ว่าศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอๆ กับศูนย์ล้อหน้า  หรืออาจจะมากกว่าเพราะมุมที่ล้อหลังเอียงไปเพียงเล็กน้อย  ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลย์เมื่อเบรค หรือเลี้ยว  และทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด  รถยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า / หลัง  ยกเว้นรถขับเคลื่อนล้อหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อหน้าเพียงอย่างเดียว  ไม่สามารถตั้งศูนย์ล้อหลัง  ก็ต้องทำใจ

8. " ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เวลาข้ามแยก "

       เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง  และไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน  ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน  รถทั้งด้านซ้าย/ขวา  ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น  รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป  แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้  อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิด  จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่...ผิดทาง

9. " ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด ต้องเปิดไฟฉุกเฉิน "

       อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง  ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนวิสัยแย่มาก  จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า  การชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น  เป็นสิ่งที่ควรทำ  แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน  ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ทางซ้ายริมถนน  และหักหลบไปทางขวา  ซึ่งเป็นไหล่ทาง  กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป  ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน  หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ  การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก  ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสีย  และต้องจอดอยู่ริมถนน  เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา  ให้ใช้ความระมัดระวัง  และชะลอความเร็วในจุดที่รถจอดเสียอยู่

10. " ผ้าเบรคแข็ง หรือผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี "
 
       ไม่แน่เสมอไป  ขึ้นอยู่กับความต้องการ  ความเข้าใจผิดๆ เรื่อง "ผ้าเบรค" ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็ง  เกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ  การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี  เป็นศาสตร์ชั้นสูง  ใช้วัสดุนานาชนิด  และมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน  ซึ่งจะมีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค  และมักจะขัดแย้งกันเอง  ถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมา  ก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี  ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด  หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว  พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่  หรือมีเสียงรบกวน  ส่วนผ้าเบรค "เนื้ออ่อน" ที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค  ก็จะมีข้อด้อยตรงจุดอื่น

11. " เอนนอนขับแบบนักแข่ง สบายที่สุด "

       นั่งขับแบบไม่ต้องชะเง้อ จะได้ไม่เมื่อย และไม่อันตราย  ท่าขับแบบนักแข่ง ตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมาก  การนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่งทุกครั้งที่เบรคแรงๆ  แขนที่เหยียดตึงตลอดเวลา  นอกจากจะทำให้เมื่อยล้า  ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยว  เพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัย  และมองทางข้างหน้าไม่เห็น  เช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด  สายเข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าการนั่งขับแบบปกติ  อาจจะรั้งคอแทนที่จะเป็นไหล  เมื่อเกิดอุบัติเหตุ  ท่านั่งที่ถูกต้องคือ เอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัยแล้ว ตรงกับข้อมือ  ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจม  โดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเล่ท์  ส่วนใต้ของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้า  จนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี  และยังสัมผัสกับพนักพิง

12. " นั่งชิดพวงมาลัย เพื่อให้มองเห็นหน้ารถ "

       อันตราย ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ  ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป  มักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถนัก  และได้รับการสอนท่านั่งมาแบบผิดๆ  ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัย  นอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัด เพราะแขนงอมากเกินไป  ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตัวผู้ขับ  ที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย  และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัย

13. " สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย "

       ไม่ถนัดจริง และอันตราย ไม่ควรทำ  การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถ  เป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว  จึงทำให้รู้สึกว่าออกแรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน  แต่การทำแบบนั้นมี "อันตราย" มาก  ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน  และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย  ดึงมือออกมาไม่ทันก้านพวงมาลัยจะตีมืออย่างแรง  การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรจับในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา  ซึ่งแขนจะงออยู่เล็กน้อย  และเพียงพอที่หมุนพวงมาลัยได้จนครบรอบ  เมื่อต้องเลี้ยวรถมากกว่าหนึ่งรอบ  จะปล่อยมือที่อยู่ด้านหลัง  เพื่อมาจับในตำแหน่งเดิม  โดยทำในลักษณะนี้ทั้งเลี้ยวซ้าย/ขวา

14. " เกียร์ ซีวีที ขับยาก และกินน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป "

       ขับง่ายและประหยัดน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป  การไม่สามารถเข้าใจเหตุผลก็กลายเป็นปัญหาใหญ่  ผู้ที่ขับรถใช้เกียร์ ซีวีที บอกว่าขับแล้วรู้สึกเหมือนขับรถที่เกียร์ หรือระบบขับเคลื่อน "มีปัญหา" ให้ความรู้สึกที่ไม่ดี  โดยเฉพาะตอนที่ขับด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งเพิ่ม  เกียร์จะเลือกอัตราทดที่เหมาะ  ทำให้ความเร็วเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นทันที  แต่ความเร็วรถยังเท่าเดิม  ให้ความรู้สึกเหมือนรถคลัทช์ลื่น  การขับแบบประหยัดเชื้อเพลิง ให้เหยียบคันเร่งไม่ลึกนัก ขณะออกรถ และรักษาระยะที่เหยียบไว้  ช่วงแรกเครื่องยนต์จะส่งกำลังผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์  พอล้อรถหมุนเร็วพอสมควร และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทอร์คคอนเวอร์เตอร์แล้ว  ระบบต่อตรงส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังจานทรงกรวยตัวขับก็จะทำงาน  จากนั้นระบบควบคุมจะลดระยะห่างของจานทรงกรวยคู่ที่เป็นตัวขับ  เป็นการลดอัตราทด เพื่อเพิ่มความเร็วรถ  โดยที่ความเร็วของเครื่องยนต์ค่อนข้างคงที่  ยกตัวอย่างเช่น  ประมาณ 1,800 ร.ต.น.  ความเร็วจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนเดียวกับที่อัตราทดของเกียร์ลดลง  จนได้ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม.  ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของการเหยียบคันเร่งของเราเท่านี้ เยี่ยมไหมครับ ?

15. " ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้ง ที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง "

       ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง  แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี  ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปแนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง  แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยแนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุกๆ ครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง  ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว  น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้ว  ในหม้อกรองน้ำมันเครื่องจำนวนหนึ่งปนเปื้อน  ไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์  แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้ว  ควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่องสะอาดที่สุด  และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า

16. " ควรเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง เพื่อถนอมเครื่องยนต์ "

       อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว  เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง  และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง  น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่างๆ อยู่ในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม  จึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลายสัดส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุล  และกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์  ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น  ส่วนหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืด  อาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง  แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว  ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้  และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย  วิธีที่ถูกต้องคือ การซ้อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ

17. " เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไป จะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น "

       การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น  ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า  การนำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตร  มาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพปานกลาง  ก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้  เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่า  เช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปน้ำมันเครื่องชั้นดีราคาสูง  ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่องเสียสมดุลไป  เท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป  การเติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น  ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพื่อแลกกับการใช้งานเพียงระยะสั้น  ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า

18. " ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม. "

       ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่อง และความต้องการของเครื่องยนต์  ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายกำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละรุ่นต้องการใช้อยู่ในคู่มือประจำรถ  และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย  รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่นจะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นระยะทางที่สั้นกว่ารถยุโรป  เช่น  ทุกๆ 5,000 กม.  และ 10,000 กม.  ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ  และมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง  เช่น  ระดับ SJ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน  จะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม.  หรือมากกว่านั้น  ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด  เป็นของรถเปอโยต์ คือ ทุกๆ 30,000 กม.  แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย  เพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควรเท่านั้นเอง  ผู้ใช้รถควรใช้วิจารณญาณในการร่นระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามสภาพการใช้งาน  เช่น  กรณีที่ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่ เหลือ 70 % ที่กำหนดในคู่มือ  หรือถ้าต้องสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ  และ "รถติด" เป็นประจำด้วย  เหลือเพียง 50 %  ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" คุณภาพสูง  แล้วใช้งานหนักมาก  เปลี่ยนทุก 5,000 กม.  ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % เปลี่ยนทุก 10,000 กม.  หากใช้งานเบากว่านี้ เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม  ไม่ใช่กำหนดที่ปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการฯ  ลดทอนเพราะต้องการขายน้ำมันเครื่อง

19. " เครื่องยนต์ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน "

       อุณหภูมิภายในไม่เท่ากัน อายุการใช้งานก็ต่างกันด้วย  การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลก่อให้เกิดเขม่ามากกว่าในเครื่องยนต์เบนซิน  ผงเขม่าขนาดเล็กสามารถลอดผ่านกระดาษกรองของหม้อกรองน้ำมันเครื่องได้  เมื่อสะสมแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเครื่องมากขึ้น  จะทำให้น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืดสูงขึ้น  คุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงลดลง  เครื่องยนต์ดีเซลระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หรือไดเรคท์อินเจคชันยุคใหม่มีเขม่าน้อยกว่าแบบพรีแชมเบอร์มาก  เราจึงสังเกตได้ว่ากำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์แบบนี้ ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซินแล้ว

20. " น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา "

       ราคาแพงกว่า ใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ  จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ  จึงไหลไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว  ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส  ซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย  ข้อดีประการที่ 2 คือ ทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า  จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา"  อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอาจน้อยกว่าเล็กน้อย  จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง  จึงไม่ "ใส" เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด  น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา  เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งาน  น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก  เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % กับราคาน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา"  ระดับคุณภาพสูงสุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4 เท่า  จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า " คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา "  ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง  ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข  ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด  โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่

21. " ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด "

       ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม หรือไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย  ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม. แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด  เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม  และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย  แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมา  ก็อาจเป็นของปลอมที่กรอง และฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้  วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ  เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุด  ก่อนอื่นต้องเลือก "ยี่ห้อ" และสถานที่จำหน่ายที่น่าไว้วางใจได้  เลือกระดับคุณภาพ  แล้วจึงดูระดับความหนืด หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย  เช่น 10W-40/15W-40/15W-50  หรือ 20W-50 ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย คือ ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API ( AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE )  ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ควรใช้น้ำมันเครื่อง ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH  ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG - 4  หรืออย่างน้อย CF - 4

22. " เปลี่ยนแบตเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย "

       แบตเตอรีขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม  ใหญ่ไปก็หนักรถ  การใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม  ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเครื่องยนต์ ไดสตาร์ท และไดชาร์จ ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำเป็น  เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว  ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต  แบตเตอรีที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป  ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแทนวางแบตเตอรีใหม่เท่านั้น  ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา  เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี  ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็ม

23. " ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว "
 
       ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง  ช่วยยืดอายุตู้แอร์  ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถ และอาคาร  อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน  ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน  โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม  การปิดพัดลมหลังดับเครื่อง  ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ  ตู้แอร์จึงชื้น และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก  เกิดการอุดตัน และตู้รั่ว  การปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5 -10 นาที จะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์  ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น  นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์  ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์  ที่มักเกิดพร้อมๆ กับความชื้นอีกด้วย
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #394 เมื่อ: 01 กันยายน 2552, 21:48:03 »

ตึกสูงที่สุดในประเทศไทย ที่จะมาชิงตำแหน่งแทนตึกใบหยก

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

a Star is Born ... OCEAN 1 Tower









ตึก " โอเชี่ยน 1 "  จะสร้างที่อ่าวพัทยา
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #395 เมื่อ: 23 กันยายน 2552, 02:09:21 »

เทคนิคการทำ " ไข่เจียวธรรมดา " ให้ฟูแล้วไม่แฟ้บ แถมกรอบนอกนุ่มใน แบบไม่พึ่งตัวช่วยใดๆ

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา



บ่อยครั้งที่เรามักจะเจอคำถามเกี่ยวกับการทำไข่เจียวให้อร่อย  เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียว  ผมเองก็เป็นคนชอบกินไข่เจียวมาก  เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำให้อร่อยได้ง่าย  ถ้ารู้จักเทคนิคเล็กๆ น้อยครับ  ซึ่งในกระทู้นี้เราจะว่ากันด้วยการทำ " ไข่เจียวธรรมดา " คือไม่ใส่เนื้อสัตว์ หรือผักอะไรใดๆ ให้วุ่นวาย  ให้เป็นไข่เจียวที่ " ทำง่ายมาก และ อร่อย "

ผมเคยลองทำมาหมดแทบจะทุกวิธีแล้ว  ไม่ว่าจะเป็น

- บีบมะนาว = ไข่ฟูตอนเจียว แล้วจะแฟ้บภายหลังจากตักขึ้นมา

- ใส่แป้ง , ผงฟู = ไข่ฟูแล้วไม่แฟ่บ ตั้งอยู่ได้จริง แต่เนื้อไข่เจียวจะด้านไปนิด

- น้ำมันมากๆ โรยไข่จากที่สูงแล้วคนๆตีๆในกระทะ = ไข่ฟูฟ่องเป็นสายๆ ค่อนข้างอมน้ำมันเวลากินจะไม่ค่อยได้เนื้อไข่เท่าไหร่ เพราะมันจะฟู

- แยกไข่แดง ไข่ขาวตีให้ตั้งยอด = ฟูจริง แต่เสียเวลาทำมาก มีข้อด้อยคือกำหนดรูปร่างไข่ได้ลำบากด้วย

- ฯลฯ


จะเห็นได้ว่าเทคนิคต่างๆ มีข้อดีแตกต่างกันไป  แต่ผมได้พบเทคนิคหนึ่งซึ่งทำให้การทำไข่เจียวให้ฟูนุ่มแล้วไม่แฟ้บ  แถมยังง่ายดายมากๆ  สมกับการเป็น "ไข่เจียว " อาหารประจำชาติของคนไทย  ... มาดูกันครับว่ามันจะง่ายแค่ไหน




เทคนิคที่ว่านั้นคือการใช้ " หม้อ " ในการเจียวไข่  ย้ำว่าหม้อนะครับ ไม่ใช่กระทะ  นอกจากเราจะไม่ต้องกลัวรูปร่างไข่จะไม่สวยแล้ว  เรายังสามารถทำให้มันฟู และหนาได้ตามความต้องการโดยไม่ใช่ตัวช่วย หรือสารประกอบใดๆ ทั้งสิ้น  ตามปกติแล้วการใส่หมูสับ หรือใส่แป้งลงไป  จะทำให้ไข่หนาขึ้นมาได้มากขึ้น  แต่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นเนื้อไข่ไก่ล้วนๆ

เครื่องมือ+เครื่องปรุงของผม วันนี้มีแค่ 3-4 อย่างเท่านั้น
 
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ซีอิ้วขาว
- หม้อ + น้ำมันสำหรับทอด



สิ่งที่ยังขาดไม่ได้ก็คือ " ไฟ " ต้องมีความแรงอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงกับต้องแรงจัด  คนที่ไม่มีเตาเร่งหรือเตาฟู่  ก็ยังพอทำได้ครับ


นำหม้อใส่น้ำมันพืช  แล้วนำไปตั้งไฟ  พอให้เริ่มมีควันเล็กน้อย ไม่ถึงกับควันโขมงนะ


สำหรับหม้อขนาดนี้ใช้ไข่ 2 ฟองกำลังเหมาะครับ  ถ้าใช้ 3 ฟองก็ยังพอได้อยู่  แต่มันจะฟูขึ้นมาจนเกือบล้นเวลาทอด


ปรุงรสด้วยซีอิ็วขาวเพียงอย่างเดียว  แล้วตีเร็วๆ ให้เข้ากัน


ตีเสร็จแล้ว  อย่าวางทิ้งไว้  รีบเอาลงกระทะเลย  ฟองอากาศมันจะได้ยังแฝงตัวอยู่ในเนื้อไข่  ไม่ลอยขึ้นมาจนหมด


จำไว้ว่า  ถ้าอยากได้ไข่ที่ฟูกรอบ  น้ำมันจะต้องมากพอ  แต่ก็ต้องไม่มากเกินไป  และต้องร้อนระดับควันขึ้นฉุยๆ แต่ไม่ใช่ควันโขมง  นับ 1 ...


นับ 2


นับ 3


เมื่อเทไข่ลงไป  ก็จะได้ผลอย่างที่เห็นในรูป  มันฟูออกมาพอดีๆ หม้อ  เป็นไข่เจียวกลมๆ หนาๆ ที่แสนน่ากิน


กลับแล้ว 1 รอบ  ทอดไปสักครู่  จนเริ่มเห็นว่าผิวด้านบนของไข่เริ่มแห้ง


ผมพลิกอีกครั้งหนึ่ง  เพราะไข่เจียวด้านแรก  มักจะสวยกว่าอีกด้านเสมอ


เสร็จแล้วช้อนขึ้นมาโลด


เอามาวางไว้บนตะแกรงเพื่อสะเด็ดน้ำมัน  ถ้าเป็นไข่แบบบีบมะนาว  รับรองแฟ้บตั้งแต่ตักขึ้นจากกระทะ


ด้านข้างของเจ้าไข่เจียวทอดหม้อะจะฟูแล้วไม่แฟ้บ


การใช้หม้อทอดไข่เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ทุกข้อเลยครับ  ทั้งความง่ายในการทอด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับไข่  ที่ทุกคนเป็นห่วง  เพราะดูแล้วหม้อมันจะคับแคบ และกลับยาก  แต่ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดครับ  เพราะไข่จะลอยอยู่บนน้ำมัน และไม่ได้แตะก้นหม้อแต่อย่างใด  ดังนั้นการกลับก็แค่ใช้ตะหลิว หรือแม้กระทั้งช้อนกินข้าวนี่ล่ะ  ตลบมันกลับอีกด้าน ไม่ต้องกลัวมันแตก หรือขาดอย่างเวลาใช้กระทะทอดด้วยครับ  คือทำอย่างไรมันก็จะเป็นรูปกลมๆ หนาๆ น่ากินเช่นนี้เสมอๆ

นอกจากจะฟูแล้วไม่แฟ่บ  มันยังมีเนื้อไข่สีเหลืองๆ นุ่มๆ ให้เราได้สัมผัสด้านในด้วย  ไม่ใช่ว่าฟูกรอบจนไม่เหลือเนื้อไข่นะ

แบบนี้สิ ไข่เจียวในฝันเลย ย ย ... เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมม

เป็นไข่เจียวที่ทำง่าย  อร่อย  และพลาดยากมากๆ  ขอเพียงมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม และใกล้เคียง  ส่วนเทคนิคในการทำนั้น  แทบไม่มีอะไรเลยครับ  เป็นไข่เจียวที่ทอดทีไร  ก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง  แบบไม่ต้องลุ้นเลย  เนื้อไข่ฟูด้านนอก นุ่มนิ่มด้านใน  ไม่อมน้ำมันด้วยน้า  บอกลาไข่แบนๆแฟ้บๆ  ขาดรุ่งริ่ง  อมน้ำมันไปได้เลย

 
ไข่เจียว in the pot ! !

 



      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #396 เมื่อ: 23 กันยายน 2552, 15:34:32 »

พี่เจี๊ยบ,
สุดยอดพี่.
ง่ายๆ...
ถึงว่าเด็กๆชอบถามถึง!
"เอาไข่ที่ตี เทลงในหม้อนํ้ามันน่ะแม่"
หนิงทำไข่ไข่เจียวแบบนี้เวลานํ้ามันเหลือ
ทอดข้าวเกรียบทอดไก่ค่ะ...
พี่ชรินทร์ทำเหรอคะในภาพ?
มหัศจรรย์!!


บ้านหนิงเป็นเตาไฟฟ้าคะ,
ต้องตั้งนํ้ามันนานหากจะให้ได้ที่อย่างในรูป
การทอดตอนท้าย มีข้อเสียตรงนํ้ามันไม่ใสสะอาดค่ะ
แต่ความร้อน ความฟู ได้คะ.
หนิงใช้หม้อทอดของในครัวด้วยเหตุผลเดียวคะ...
กันกระเด็น!!ขี้เกียจเช็ดนํ้ามันค่ะ


nn.
      บันทึกการเข้า


มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #397 เมื่อ: 25 กันยายน 2552, 19:58:25 »

...สวัสดีค่ะน้องเจี๊ยบ พี่อ่านเทคนิคการเจียวไข่แล้วไปลองทำตาม
มารายงานว่าได้ผลดีกว่าที่เจียวโดยใช้กระทะ  แต่ยังไม่สวยงาม
น่าทานเหมือนที่พี่ชรินทร์ส่งมาค่ะ  ต้องลองทำใหม่ให้ได้ใกล้เคียง

....ขอบคุณทั้งพี่ชรินทร์และน้องเจี๊ยบค่ะ รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามจริงๆ
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #398 เมื่อ: 25 กันยายน 2552, 20:07:27 »

...สวัสดีค่ะน้องหนิง  พี่ตามอ่านรายการทำอาหารของหนิงเหมือนกัน
ว่าจะลองทำเค้กแอปเปิ้ลเหี่ยวๆซะหน่อย 
      บันทึกการเข้า
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #399 เมื่อ: 26 กันยายน 2552, 11:57:32 »


        สวัสดีครับน้อง Jiab 16

                  ขอบคุณที่แนะนำวิธีทอดไข่เจียวที่อร่อยมาให้ทราบ ได้ทดลองทำแล้วกรอบนอก นุ่มใน

       อร่อย  เรื่องทอดไข่เจียวให้อร่อยนี้เคยสารพัดทดลองทำมาแล้วทุกรูปแบบตั้งแต่หนุ่มจนแก่ไม่เคยได้ผลเลย เพิ่ง

      มาทราบในวันนี้เองทั้งที่เป็นเรื่องไม่ยากในการทำ ( ที่ผ่านมาอยากทานไข่เจียวอร่อยต้องไปทานที่ร้านอาหาร เคย

      เข้าไปถามวิธีทำ แม่ครัวไม่ยอมบอก ) 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #400 เมื่อ: 26 กันยายน 2552, 23:24:58 »

Wow ! ... เพราะ " ไข่เจียว " จาก forwarded mail ของพี่ชรินทร์แท้ๆ เชียว  ที่ทำให้ได้รับรายงานข่าวกลับมาจากหนิง  พี่มีนา  และพี่ปรีชาว่าทำแล้วได้ผลดี  มีไข่เจียวอร่อยๆ กิน  พรุ่งนี้เช้าเจี๊ยบจะลองทำดูมั่ง ... ขอขอบคุณทุกเสียงที่มาบอกเล่าเก้าสิบสู่กันฟังนะคะ

แถมรูป " ไข่ต้ม " น่ารัก น่ากิน ให้อีกรูปด้วยค่ะ ...

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #401 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 03:30:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 25 กันยายน 2552, 20:07:27
...สวัสดีค่ะน้องหนิง  พี่ตามอ่านรายการทำอาหารของหนิงเหมือนกัน
ว่าจะลองทำเค้กแอปเปิ้ลเหี่ยวๆซะหน่อย 
พี่มีนาอย่าลืมกล้วยบวดชีจำเป็นด้วยนะคะ
กล้วยหอมนี่ล่ะค่ะ หวานอร่อย
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #402 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 03:34:09 »

พี่เจี๊ยบขา,
วันนี้ลองอีกแล้วคะ
แต่Robinขอ 3 ฟอง
ปรากฏว่าหนักไปคะสำหรับนํ้ามันน้อย
ต้องช่วยตะแคงให้ส่วนที่ไม่สุก ได้ออกนํ้ามัน
เด็กๆราด ketchup บอกให้ทำอีกวันหลังค่ะ

nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #403 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 16:16:04 »

จ้า !  ... ดีใจจังที่ " ไข่เจียว " เป็นเรื่องที่ทุกบ้านคุยกันได้ไม่รู้เบื่อ  พี่เจี๊ยบก็ทดลองทำ " ไข่เจียวทอดในหม้อ " แล้ว  สมาชิกแย่งชิมกันหนุบหนับ  บอกว่าอร่อย ... ใครมีเคล็ดลับอะไรดีๆ ก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังมั่งนะคะ ...

" มหานคร " อาคารสุดฮิปที่จะสูงที่สุดในเมืองฟ้าอมร‏

มานิต - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา

ที่จริงโครงการนี้งุบงิบกันทำเงียบๆ มาเกือบปีแล้ว แต่เพิ่งประกาศ และมีรูปร่างหน้าตาให้เห็นอย่างเป็นทางการเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง

ก่อนอื่น ทบทวนความรู้วิชาสังคมหน่อยซิว่าตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยตอนนี้คือ ตึกใบหยก 2  แต่อีก 3 ปีข้างหน้าจะมีตึกที่ทำลายสถิติใบหยกแล้วค่ะ  ตึกนี้ชื่อ มหานคร ( MahaNakhon ) ... พิกเซล หรูลอยฟ้า  สถาปัตย์ใหม่สูงสุดแห่งกรุงเทพฯ
 


แม้ว่าจะมีปัจจัยลบมากมาย  การเมืองยังไม่นิ่ง  การเงินโลกยังอ่อนแอ  แต่เมืองไทยก็ยังมีข่าวดีด้วยการลงทุนจากต่างประเทศ  ที่เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาจากตลาดได้ไม่น้อย
 
มหานคร  เป็นโครงการถูกวางแผนให้เป็นพื้นที่ผสมผสาน ทั้งที่อยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์ ( Mixed Use Concept )  สูง 310 เมตร  มี 77 ชั้น  ประกอบด้วย 3 โปรเจค  ส่วนที่เป็นพลาซ่า เรียกว่ามหานครแสควร์  เป็นพวกร้านค้า ภัตตาคารหรู เชื่อมต่อกับเมืองอยู่บริเวณโพเดียมด้านล่าง  ถัดมาชั้นกลางๆ เป็นคอนโดมิเนียมหรู ( บริหารโดย The Ritz Carlton Residences  เคาะราคาขายออกมาแล้ว  ตร.ม.ละ 250,000 บาทฮ่ะ )  ด้านบนสุดเป็นโรงแรม Boutigue  และสุดท้ายภัตตาคารบนดาดฟ้า sky bar นั่นเอง
 


สำหรับห้องชุดพักอาศัย  มีทั้งแบบ Unit ( ชั้นเดียว )  และแบบ Duplex ( 2 ชั้น )  มีจุดเด่นที่ผนังกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน  และบานหน้าเป็นแบบ cassette ที่สามารถพับเปิดโล่งได้  สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่จากภายในสู่ภายนอกได้อย่างสะดวกสบาย  เปลี่ยนบรรยากาศที่พักอาศัยได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor ( ตรงนี้ส่วนตัวแอบกลัวเรื่องแรงลมเหมือนกัน  ยิ่งสูง ลมยิ่งแรงนะฮ้า )


 
โครงการนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมันชื่อ Ole Scheeren ( ซึ่งเป็นผู้ออกแบบอาคาร CCTV หนึ่งในอาคารที่เด่นสุดๆ ของงานโอลิมปิค 2008  ที่กรุงปักกิ่ง นั่นเอง )  เชียเรนเป็นหุ้นส่วนกับออฟฟิศออกแบบระดับโลกจากเนเธอแลนด์  Office for Metropolitan Architecture หรือ OMA  ( ถ้าใครเรียนถาปัด  ก็น่าจะคุ้นชื่อ Rem Koolhaas ละน้อ - คนเขียนหนังสือเล่มใหญ่ ทุบหัวหมาแบะ )  Rem เป็นเจ้าของออฟฟิศนี้ค่ะ
 

  
อายุแค่ 38  แต่ได้ทำงานสเกลหมื่นล้านทั้งนั้นเลยนะ  เชียเรนออกแบบอาคาร " MahaNakohon " โดยคาดหวังให้เป็น landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ  ไม่ใช่อาคารที่สูงที่สุดแห่งใหม่เท่านั้น  แต่จะเป็นอาคารที่โดดเด่น  ทันสมัย  เสมือนถูกโอบล้อมด้วยริบบิ้นสามมิติ หรือ พิกเซล  ซึ่งล้อมด้วยกระจกใส  ให้ความรู้สึกราวกับลอยอยู่บนฟ้า  เปิดมุมมองสัมผัสทิวทัศน์แบบ panorama รอบกรุงเทพฯ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด


 
แต่ไม่ใช่ว่าสร้างตึกใหญ่ขนาดนี้แล้วจะไปข่มเมืองรอบด้านหมด  ผู้ออกแบบเลยลดทอนความใหญ่ยักษ์ลงมา  ด้วยการสร้างกลิตเตอร์จากแสงไฟเล็กๆ


 
มีการยื่น - หดตัวผิวหน้าของอาคารให้เป็น pattern แบบไม่สมำเสมอ ( irregularity )  ของส่วนที่พักอาศัยทำให้เกิด terrace  และประโยชน์ใช้สอยแบบ outdoor




 
มหานคร ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงาม  เนื้อที่กว่า 9 ไร่  ริมถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ( ฝั่งใต้ )  ติดกับสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี  ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าสัญญา 30 ปี ต่อ 30 ปี  โดยโครงการจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้  และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2012

เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ มหานคร ”
 
* เจ้าของโครงการชื่อ PACE Development

* มูลค่าโครงการ 18,000 ล้านบาท  เป็นการร่วมทุนระหว่างเพซ ดีเวลลอปเมนท์ : บริษัทผู้ประกอบการคนไทย กับกลุ่มทุนอสังหาฯ รายใหญ่จากอิสราเอล
 
* ห้องที่ถูกที่สุดราคา 30 ล้าน  แพงที่สุด 300 ล้าน ...

* โอเล เดตกะ แม้กกี้ ชุง


* OMA ค่าออกแบบแพงมาก ก ก ก ก
 
* ไม่ใช่แค่สถาปนิก  วิศวกรก็ใช้ระดับ TOP 3 ของโลก  ARUP วิศวกรสนามกีฬารังนกที่ปักกิ่ง
 
* เจ้าของก็เปรี้ยวมาก กล้าจ่าย
 
* ที่ดินเป็นที่ป่าช้าฝรั่งเก่า ( ของมิสซังคาทอลิค )  เลยว่าง ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรมานาน  เพราะเค้าว่าที่แรงมาก ก ก  เจ้าของโครงการคงคิดว่าขายฝรั่ง ( มั้ง ) ... แต่ผีก็ฝรั่งนะ

* ขณะนี้ทางโครงการทำสำนักงานขายแล้ว  ใครอยู่แถวนั้น ไปแอบเมียงมองจากทางรถไฟฟ้าได้
 
ส่วนตัวดีใจที่มีงานของผู้ออกแบบ Global Scale มาอยู่ในเมืองไทยซะทีค่ะ ( จริงๆ รอเซ็นทรัลชิดลม 2 ของ future system เหมือนกัน  แต่อันนั้นนิ่ง .... )

มี landmark ใหม่ๆ สวยๆ บ้างก็ดีนะ  บางกอก




ป.ล. ถ้าเทียบความสูงกับตึก Ocean 1 Tower ที่พัทยา แล้วล่ะก็  ตึกมหานครจะสูงน้อยกว่าเพียง 57 เมตรเท่านั้นเอง ( คนโพสต์สรุปให้เองแหละ )
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #404 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 20:43:44 »




ชาวนากลุ้ม คิดว่าลืมปิดไฟกลางดึกหลายครั้ง ตลอดระยะเวลา 5 ปี

ในที่สุดจึงรู้ว่าเป็นฝีมือของควายที่เลี้ยงไว้ ลุกขึ้นมาเปิดไฟกินหญ้าเองตอนดึก

หลังกินเสร็จปิดไฟและนอนตามเดิม กลายเป็นเรื่องฮือฮา

ชาวจีนจากทั่วประเทศแห่มารอดูควายเปิด-ปิดไฟเอง...

สำนักข่าวเดอะซันรายงานวันนี้ ( 29 ก.ย. ) ว่า

โม เฉากวง ชาวนาจากเมืองจีน เป็นกังวลมาตลอดระยะเวลา 5 ปี

เนื่องจากไฟที่ยุ้งฉาง เปิดเองในตอนกลางคืน

แต่เมื่อสืบดูพบว่าคู่กรณีที่เปิดปิดไฟตลอดช่วงกลางดึกเป็นควายที่เลี้ยงไว้

ชาวนา และภรรยา ถกเถียงกันเป็นระยะเวลานาน โดยผลัดกันโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้ามว่า

ใครเป็นคนลืมปิดไฟ แต่เมื่อทราบว่าเป็นฝีมือของควายที่ตนเลี้ยงจึงคอยลอบดูพฤติกรรม

จนทราบว่าควายสามารถใช้ฟันดันสวิสไฟให้เปิดเมื่อตื่นมากินหญ้าแห้งและน้ำ ในช่วงกลางดึก

จากนั้นจึงใช้ฟันดันให้ไฟดับ และล้มตัวลงนอนตามเดิม


อย่างไรก็ตามนายเฉากวงนำเรื่องประหลาดนี้ไปบอกกับชาวบ้านในละแวกเดียวกัน

แต่ไม่มีใครเชื่อ ทั้งยังพนันว่า

ถ้าควายลุกขึ้นมาเปิดไฟเองจริงจะให้เงินนายเฉากวงจำนวน 10 หยวน หรือราว 50 บาท

หลังท้าพนันจึงพากันมาพิสูจน์ที่ยุ้งฉางปรากฏว่า

ตลอดทั้งคืนควายลุกมาปิดเปิดไฟเพื่อกินหญ้าแห้งและน้ำเอง 5 ครั้ง

นายเฉากวงจึงรับเงินไป 50 หยวน หรือ 250 บาท

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ควายของครอบครัวเฉากวง เป็นที่โด่งดังในประเทศจีน

มีผู้คนให้ความสนใจ เดินทางมาดูควายเปิดปิดไฟเพื่อนกินหญ้ากลางดึกเองเป็นจำนวนมาก

นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ.2552

http://www.thairath.co.th/content/oversea/36308

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #405 เมื่อ: 30 กันยายน 2552, 18:13:27 »




 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

คนแคระจีนเจ๋งสร้างชุมชนหมู่บ้านของตัวเอง หนีปัญหาถูกคนทั่วไปรังเกียจ

จนเกิดกระแสฮิตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว


โดยเหล่าคนแคระแห่แต่งบ้าน-แต่งกายเป็นตัวละครในนิยาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่า

คนแคระจีนได้สร้างหมู่บ้านชุมชนคนแคระของตัวเอง ในเมืองคุนหมิง

เพื่อหนีปัญหาถูกคนปกติธรรมดาทั่วไปคอยรังเกียจ มีประชากรราว 120 คน

แต่ละคนมีขนาดความสูงไม่ถึง 4 ฟุต 3 นิ้ว

โดยคนแคระเหล่านี้ยังได้จัดตั้งกฎเกณฑ์ของพวกเขาขึ้นมา เช่น

การตั้งหน่วยตำรวจ และหน่วยยิงกระสุน

ขณะที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว

เมื่อชุมชนคนแคระได้สร้างบ้านพวกเขาเป็นบ้านเห็ด และ

แต่งกายเหมือนคนแคระในนิยาย

ด้านโฆษกคนแคระบอกว่า ปกติแล้ว คนตัวเล็กจะถูกคนตัวโต

กลั่นแกล้งอยู่บ่อย ๆ แต่ที่นี่จะไม่มีคนตัวโต และเราจะทำทุกอย่าง

เพื่อช่วยเหลือชุมชนคนแคระของเราเอง

นำมาจากสนุกดอทคอม

http://news.sanook.com/%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%88-830923.html

 win win win

นำมาให้พวกเราเห็นการเปลี่ยนจุดด้อยมาเป็นจุดเด่นได้สุดยอด

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #406 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2552, 16:52:40 »




พังงาแห่เก็บขาย อำพัน วาฬหัวทุย

จาก น.ส.พ.ข่าวสด  วันพฤหัส ที่ 1 ต.ค. 52

พังงาแห่เก็บขาย อำพัน วาฬหัวทุย

ชาวประมง อ.คุระบุรี จ.พังงา พบ อำพัน ก้อนไขมันขนาดใหญ่ สีเหลืองมีกลิ่นหอม

จำนวนมากลอยมาติดชายหาด

นักวิชาการระบุเป็นมูลของวาฬหัวทุย นิยมนำมาทำน้ำหอม และมีราคาแพง

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผวจ.พังงา พร้อมด้วย

ดร.สุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ นักวิชาการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฯ

เดินทางไปยังบ้านหินลาด ซอยสุเหร่า ต.คุระ อ.คุระบุรี หลังรับแจ้งว่า

มีชาวประมงพบ "อำพัน" ที่เกิดจากวาฬหัวทุย สัตว์ทะเลหายากที่

ชายหาดเกาะพระทองและกลางทะเลลึก เมื่อไปถึงพบชาวบ้านแห่มุงดู

อำพัน ลักษณะคล้ายแท่งน้ำมันสีขาวปนสีเงิน บางส่วนมีสีเหลืองอร่าม

ส่งกลิ่นหอม เมื่อสัมผัสจะรู้สึกลื่น

นายชัยรัตน์ โต๊ะหลี อายุ 52 ปี ชาวประมงคุระบุรี เปิดเผยว่า

ตนเองพร้อมเพื่อนชาวประมงพบอำพันที่ชายหาดเกาะพระ จึงเก็บกลับบ้าน

จากนั้นทราบว่ามีราคาสูงมาก จึงกลับไปที่บริเวณดังกล่าวพบอำพันอีก

หลายสิบกิโลกรัม มีคนมาขอซื้อราคากิโลกรัมละ 25,000 บาท แต่ยังไม่ขาย

ผู้รู้บอกว่าอำพันทองมีราคาเป็นแสน นำไปทำเป็นยาแก้เคล็ดขัดยอกได้

ดร.สุพจน์ กล่าวว่า อำพันเป็นไขมันหรือเป็นส่วนหนึ่งในกระเพาะวาฬหัวทุย

จะขับถ่ายออกมาพร้อมกับมูล มีลักษณะเป็นมันก้อนโตสีเข้มข้น บางส่วนมีสีเหลือง

เกิดจากอาหารที่วาฬกินแล้ว สะสมอยู่ในช่องกระเพาะอาหารนานๆ

จึงจะปล่อยออกมา มีลักษณะเป็นมันมีกลิ่นหอมคล้ายกานพลู


สามารถสกัดเป็นหัวน้ำหอมหรือผลิตเป็นส่วนผสมยาจีน

อำพันที่พบในครั้งนี้รวมกว่า 300 กิโลกรัม เป็นเครื่องยืนยันว่า

ชายทะเล จ.พังงา มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งสัตว์น้ำนานาชนิด

ดูจากขนาดและความสมบูรณ์ของอำพันที่พบเชื่อว่ามาจากวาฬหัวทุยขนาดใหญ่

ความยาวไม่น้อยกว่า 20 เมตร น้ำหนักมากกว่า 15 ตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีพ่อค้าจากประเทศมาเลเซียมาติดต่อขอซื้อในราคา

กิโลกรัมละ 70,000 บาท แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจขาย

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

นำข่าวส้่มหล่น มาให้ชาวบ้าน

มาให้พวกเราร่วมดีใจกับเขาด้วย


นำมาจาก

http://news.sanook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A2-831121.html

 gek gek gek


 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #407 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2552, 19:09:47 »

อ้าว,
อึปลาวาฬหรอกหรือคะพี่หมอสำเริง?
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #408 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2552, 23:07:09 »

น้องหมอสำเริงคร้าบ บ บ บ ...  " หาเรื่อง " มาเล่าแล้ว  ก็ต้องมาเล่าต่ออีกน้า  อย่าทิ้งกันเชียว  กะลังหนุกเลย

รัฐสภาแห่งใหม่ ที่เกียกกาย ... 5 แบบสุดท้ายที่เข้ารอบการประกวด

ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ... ส่งมา































มหาชนจะ vote ให้แบบไหนดีจ๊ะ ?





      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #409 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2552, 16:12:56 »


น้องหมอสำเริงคร้าบ บ บ บ ...  " หาเรื่อง " มาเล่าแล้ว 

ก็ต้องมาเล่าต่ออีกน้า  อย่าทิ้งกันเชียว  กะลังหนุกเลย 


ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ



คร้าบ บ บ บ พี่เจี๊ยบ

       การเข้ามาโพทส์ เป็นงานอดิเรก ของวัยพวกเรา วัยฟิฟตี้ / สว.(สูงวัย)

การเข้าเนต ทำให้ได้ความรู้ ถ้าพบเนื้อหาดี ๆ ก็อยากเก็บไว้ พร้อมเผยแพร่

ให้พวกเราชาวซีมะโด่งได้ดูด้วย และ สามารถนำมาใช้ภายหลังได้

ผมจึงต้องเข้ามาโพสท์ ฝากไว้ที่กระทู้พี่ด้วย  เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

หมายเหตุ รูปรัฐสภาสวยทุกแบบ เลือกไม่ถูก ว่าแบบใดจะชนะการประกวด

ต้องรอผลการตัดสิน คร้าบ บ บ บ ...

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #410 เมื่อ: 05 ตุลาคม 2552, 01:36:25 »

อย่าเรียกว่า " โพสต์ฝาก " เลยน่า  อยากให้เป็นหุ้นส่วนเลยล่ะ ...

สำหรับแบบอาคารรัฐสภา  พี่เจี๊ยบ vote ให้แบบสุดท้าย  ที่เป็นอาคารแบบไทยๆ ทรงมณฑปยอดแหลม  ที่ผู้ส่งเข้าประกวดให้ slogan ว่า " รัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทย ... สืบสานมรดกชาติ กัมปนาทแห่งสถาปัตยกรรมไทย ... The Pride of Rattanakosin "

ลองจินตนาการไปถึงยามค่ำคืน  ถ้าเราแล่นเรือล่องเจ้าพระยา ผ่านมาถึงเกียกกาย  ก็คงจะเห็นตัวอาคาร และภูมิทัศน์ที่งดงามจับตา  สวยสง่าน่าภาคภูมิใจ  แล้วก็คงจะยืด อก ชี้ชวนให้แขกชาวต่างชาติดู  พร้อมกับแนะนำว่า " This is The Parliament of Thailand. " ... บรรดาแขกก็จะทำตาโตเท่าไข่ห่าน  และออกอุทานว่า " Wow ! so elegance ! " ... ว่าแล้วก็พากันชักรูปไว้เป็นที่ระลึก

Oh !  ช่างจินตนาการไปได้ไกลถึงขนาดนี้เลยนะ ...[color]
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #411 เมื่อ: 05 ตุลาคม 2552, 02:17:29 »

แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก : Caño Cristales อยู่ในประเทศโคลัมเบีย

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

Caño Cristales หรือที่คนนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า " The River of the Five Colors " ได้รับการยกย่องว่าเป็นแม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก







แม่น้ำสวยสายนี้ เป็นแม่น้ำที่สวยด้วยตัวของมันเอง คือไม่ได้สวยด้วยสภาพแวดล้อม หรือทิวทัศน์สองฟากฝั่ง และภาพที่เห็นก็มิได้ตกแต่งสีด้วยเทคนิคใดๆ เป็นของจริงล้วนๆ







ตัวสายน้ำสวย  เพราะสิ่งที่อยู่ในน้ำเป็นพืชน้ำหลากหลายชนิดที่มีสีสันสวยงาม  ส่วนใหญ่เป็นสีม่วง หรือแดงอมม่วง และมีสีเขียวปะปนอยู่บ้าง ทำให้แม่น้ำมีหลากสีสัน





แม่น้ำนี้อยู่ในตอนเหนือของประเทศโคลัมเบีย ในเมือง la Macarena ซึ่งเป็นต้นน้ำ ที่มีลักษณะเป็นธารหินตื้นๆ ไม่มีดินโคลน น้ำจึงใส ให้แสงแดดส่องถึงพืชน้ำทั้งหลาย เช่น moss และ algae ที่มีสีน้ำตาล หรือเขียวเกือบตลอดปี


 




ในฤดูฝน น้ำจะมาก และลึกเกินไป  ส่วนในฤดูร้อนน้ำก็จะตื้นเขิน และร้อนเกินไป ฤดูออกดอกจึงเป็นช่วงที่น้ำได้ระดับกำลังดี  พืชน้ำแต่ละชนิดก็มิได้ทำให้ผิดหวัง  ต่างออกดอกหลากสีสันอยู่เต็มท้องน้ำเกือบทั้งสาย  จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่บรรดานักท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ หรือ ecotourism ทั้งหลายต่างใจจดจ่อ  รอคอยวันเวลามาเยี่ยมชม



อ๊ะ อ้าว !  งั้น " แม่น้ำ 5 สี " บนภูเขาที่จิ่ว จ้าย โกว  มณฑลเสฉวน  ประเทศจีน บวกกะนางแบบแล้ว ก็ยังสวยน้อยกว่าจมเลยสิ  ได้ไงเนี่ย ?
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #412 เมื่อ: 05 ตุลาคม 2552, 08:53:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 03 ตุลาคม 2552, 23:07:09
น้องหมอสำเริงคร้าบ บ บ บ ...  " หาเรื่อง " มาเล่าแล้ว  ก็ต้องมาเล่าต่ออีกน้า  อย่าทิ้งกันเชียว  กะลังหนุกเลย

รัฐสภาแห่งใหม่ ที่เกียกกาย ... 5 แบบสุดท้ายที่เข้ารอบการประกวด

ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ... ส่งมา

คมชัดลึก วันจันทร์ที่ 5 ต.ค.2552:

หลังล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่ปี 2535 กับแนวคิดที่จะก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่

สาเหตุเพราะความไม่มั่นใจในความโปร่งใสของการจัดหาสถานที่ การก่อสร้าง

โดยทุกครั้งมักจะมีข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองในรั้วสภาหินอ่อน

จนกระทั่งปี 2551 ก็มีการฟื้นโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง



โดยคณะกรรมการจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่

ได้ดำเนินการหาสถานที่ และสุดท้ายได้มีมติเลือก

“รัฐสภาแห่งใหม่"

บนที่ดินราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต จำนวน 119 ไร่

มูลค่าโครงการถึง 1.2 หมื่นล้านบาท

ล่าสุด...คณะกรรมการก็เดินหน้าเต็มสูบ...

“แบบอาคารรัฐสภาใหม่”

ก็ได้คลอดออกมาแล้ว จำนวน 5 แบบ

หลังคณะกรรมการตัดสินการประกวดออกแบบแนวความคิด

"อาคารรัฐสภาแห่งใหม่”

ได้ดำเนินการเปิดให้สถาปนิกไทยส่งแบบเข้าประกวด เน้น

"เอกลักษณ์ความเป็นไทย” ผสมผสานกับความทันสมัย ประหยัดพลังงาน

ภูมิทัศน์สวยงามที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม

ที่สำคัญ สถาปนิกที่ออกแบบประกวดนั้น คณะกรรมการได้

"ล็อกสเปก” เขียนทีโออาร์ว่า เฉพาะ “สถาปนิกไทย” เท่านั้น และไม่จำกัดประสบการณ์

นำมาจาก

http://www.komchadluek.net/detail/20091003/31023/รัฐสภาแห่งใหม่:ความจริงหรือแค่ความฝัน.html

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #413 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2552, 19:04:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 รุ่น 57 เมื่อ 29 กันยายน 2552, 20:43:44



ชาวนากลุ้ม คิดว่าลืมปิดไฟกลางดึกหลายครั้ง ตลอดระยะเวลา 5 ปี

ในที่สุดจึงรู้ว่าเป็นฝีมือของควายที่เลี้ยงไว้ ลุกขึ้นมาเปิดไฟกินหญ้าเองตอนดึก

หลังกินเสร็จปิดไฟและนอนตามเดิม กลายเป็นเรื่องฮือฮา

ชาวจีนจากทั่วประเทศแห่มารอดูควายเปิด-ปิดไฟเอง...

สำนักข่าวเดอะซันรายงานวันนี้ ( 29 ก.ย. ) ว่า

โม เฉากวง ชาวนาจากเมืองจีน เป็นกังวลมาตลอดระยะเวลา 5 ปี

เนื่องจากไฟที่ยุ้งฉาง เปิดเองในตอนกลางคืน

แต่เมื่อสืบดูพบว่าคู่กรณีที่เปิดปิดไฟตลอดช่วงกลางดึกเป็นควายที่เลี้ยงไว้

ชาวนา และภรรยา ถกเถียงกันเป็นระยะเวลานาน โดยผลัดกันโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้ามว่า

ใครเป็นคนลืมปิดไฟ แต่เมื่อทราบว่าเป็นฝีมือของควายที่ตนเลี้ยงจึงคอยลอบดูพฤติกรรม

จนทราบว่าควายสามารถใช้ฟันดันสวิสไฟให้เปิดเมื่อตื่นมากินหญ้าแห้งและน้ำ ในช่วงกลางดึก

จากนั้นจึงใช้ฟันดันให้ไฟดับ และล้มตัวลงนอนตามเดิม


อย่างไรก็ตามนายเฉากวงนำเรื่องประหลาดนี้ไปบอกกับชาวบ้านในละแวกเดียวกัน

แต่ไม่มีใครเชื่อ ทั้งยังพนันว่า

ถ้าควายลุกขึ้นมาเปิดไฟเองจริงจะให้เงินนายเฉากวงจำนวน 10 หยวน หรือราว 50 บาท

หลังท้าพนันจึงพากันมาพิสูจน์ที่ยุ้งฉางปรากฏว่า

ตลอดทั้งคืนควายลุกมาปิดเปิดไฟเพื่อกินหญ้าแห้งและน้ำเอง 5 ครั้ง

นายเฉากวงจึงรับเงินไป 50 หยวน หรือ 250 บาท

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ควายของครอบครัวเฉากวง เป็นที่โด่งดังในประเทศจีน

มีผู้คนให้ความสนใจ เดินทางมาดูควายเปิดปิดไฟเพื่อนกินหญ้ากลางดึกเองเป็นจำนวนมาก

นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ.2552

http://www.thairath.co.th/content/oversea/36308

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ



สวัสดีครับ พี่หมอสำเริง 17
เรื่องนี้จะสรุปได้ว่า ที่จริงควายไม่ได้ โง่ แต่ แกล้งโง่ ได้ไหมครับ? พี่หมอ



 บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #414 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2552, 12:07:32 »

น้อง SC Vow ครับ ... ที่จริง " ควาย " เค้าไม่ได้โง่  และไม่ได้แกล้งโง่ ด้วยนะ  เค้าแค่ขยัน อดทน ทำแต่งาน ไม่มีปากมีเสียง  เป็นเอนกเนื้อนาบุญของชาวนาในประเทศแถบเอเซียมานานแสนนาน  จวบจนกระทั่งมี " ควายเหล็ก " เข้ามาแทนที่  หลายๆ บทเพลงของไทยยังได้เอ่ยถึง " เจ้าทุย " ไว้ในหลายเนื้อหา  หลายท่วงทำนอง  ล้วนไพเราะทั้งสิ้น ...

อ่านเรื่อง " เจ้าทุยแสนฉลาด " ของหมอสำเริงแล้ว  พี่เพียงแต่ติดใจเล็กๆ ว่า  ทำไมชาวนาจีนเค้าเพิ่งจะรู้ความจริง  หลังจากที่เก็บความสงสัยเรื่องปิดไฟแล้ว ทำไมไฟยังสว่างอยู่ ไว้ยาวนานถึง 5 ปี  แค่อาทิตย์เดียว  เจ้าของทุยก็น่าจะ alert มาแอบดู เพื่อพิสูจน์ความจริงได้แล้ว  หรือไม่ก็  น่าจะบังเอิญมีคนมาเห็นวีรกรรมของเจ้าทุยพอดีๆ  และรู้สาเหตุได้เร็วกว่า 5 ปี นา ...


อ้ะ !  มา update กันต่อเรื่อง Hi Technology ดีกว่า ...

สุดยอดโทรศัพท์ล้ำสมัย เจ๋งกว่า i phone ... ราคาเท่าไหร่เนี่ย ?

น้องโรส ... ส่งมา

Window Phone ตัวนี้เป็น concepted design โดย Seunghan Song ครับ  ซึ่งออกมาเพื่อดูความเป็นไปของสภาพภูมิอากาศรอบตัว  แถมยังเป็นโทรศัพท์ได้ด้วย  สุดยอดความล้ำสมัยจริงๆ

วันนี้ อากาศดี  ท้องฟ้าแจ่มใส


วันนี้หิมะตก


วันนี้ฝนตก


Mode การโทร.


แค่เป่าลม  เครื่องก็พร้อมจะให้คุณเป่าเป็นตัวอักษร


เป่าลมเป็นรูปหัวใจสิ  เครื่องจะส่ง message บอกผู้รับว่า " Hi friend !  I'm dying to see you. " ... อยากเจอเพื่อนจะตายอยู่แล้วนะ

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #415 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2552, 20:53:22 »

พี่เจี๊ยบ,
วันนี้อ่านเรื่องจุฬาน่ารู้ จบ...
ไม่บอก ว่าได้กี่คะแนน
แต่อยากชกพวกวิดวะ...เหอๆ


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #416 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2552, 22:37:20 »

แล้วสาวเจ้าที่หัวเราะ เหอ ๆ ๆ ๆ  เสียงเหมือนแม่มดหัวเราะเนี่ย  จาไม่อธิบายหน่อยเหรอว่า ทำไมถึงอยากชกพวกปราสาทแดงเค้าง่ะ

ความหมายของอักษรย่อ ในภาษาอังกฤษ

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

บางทีหลายๆ ครั้ง ที่เราคุย หรือเมล์ติดต่อกับชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ  เค้าอาจจะพิมพ์คำแปลกๆ มาในเมล์  ที่มักเจอกันบ่อยๆ ก็ เช่น ASAP, BTW, FYI  อะไรแบบนี้ครับ  แต่เราก็ควรใช้คำที่ดูแล้วเป็นทางการหน่อยแล้วกันนะครับ

ASAP = As soon as possible = เร็วสุดเท่าที่จะเร็วได้

ATM = At the moment = ในตอนนี้



BC = Because = เพราะว่า

BG = Big grin = ( ยิ้มอยู่ )

BOTOH = But on the other hand = แต่ในทางกลับกัน

BTDT = Been there, done that = ไปมาแล้ว ทำเรียบร้อยแล้ว

BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม



COZ = Because = เพราะว่า

CU = See you = แล้วเจอกัน

CUL or CUL8R = See you later = แล้วเจอกัน



EZ = Easy = ง่าย



FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่ถามบ่อย

FYI = For your information = แจ้งเพื่อรับทราบ



GJ = Good job = ทำได้ดีมาก !

GL = Good luck = โชคดีนะ

GRT = Great = เยี่ยม !

GW = Good work = ทำได้ดีมาก



HAND = Have a nice day = โชคดีนะ



IC = I see = เข้าใจล่ะ

IMO = In my opinion  ฉันคิดว่า...

IMPOV = In my point of view = ฉันคิดว่า ....

IOW = In other words = ถ้าจะพูดอีกอย่างก็คือ ...

IRL = In real life = ในชีวิตจริง



JIC = Just in case = เผื่อไว้

JTLYK = Just to let you know = แค่บอกให้รู้ไว้



KIS = Keep it simple = เอาง่ายๆ

KIT = Keep in touch = ติดต่อกันอีกนะ



LOL= Laughing out loud = หัวเราะ 555+



NBD = No big deal = ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อย

NP = No problem = ไม่มีปัญหา

NVM = Never mind = ไม่เป็นไร



OMG = Oh my god = พระเจ้า จอร์จ จ จ



PCM = Please call me = โทร. มาหาที



PLS = Please = ได้โปรด

PLZ = Please = ได้โปรด



Q = Question = คำถาม



SIT = Stay in touch = แล้วติดต่อกันใหม่

SOZ, SRY = Sorry = ขอโทษที

SYS = See you soon = แล้วพบกันใหม่



THX = Thanks = ขอบใจจ้า

TIA = Thanks in advance = ขอบคุณล่วงหน้า

TY = Thank you = ขอบคุณ



U = You = คุณ



WB = Welcome back = ขอต้อนรับกลับมา

WFM = Works for me = สำหรับฉันแล้วได้ผลนะ



XOXO = Hugs and kisses = รักนะจุ๊บ ๆ



Y = Why = ทำไมล่ะ ?

YW = You are welcome = ด้วยความยินดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #417 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 12:27:19 »

อ่านไม่ทันแล้วพี่เจี๊ยบขา
กลับบ้านก่อนค่อยมาตามเก็บ!

พี่หายไข้หวัดรึยังคะ?


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #418 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 13:12:41 »

NN ... พี่เจี๊ยบยังงอมพระรามอยู่เลยเนี่ย  หมอบอกว่า " ไม่ใช่หวัด 2009 หรอก  ไม่งั้นคุณก็จะต้องมีไข้สูงกว่านี้  ปวดเมื่อยเนื้อตัวมากกว่านี้อีก "

ขอบคุณจ้าที่เป็นห่วง  พอผู้ป่วยได้ยินเสียงใสๆ ของหนุงหนิง  พูด  เล่า  พูด  เล่า  พูด  เล่า  ไม่หายใจหายคอ  ผู้ป่วยก็แทบจะหายไข้หวัด เป็นปลิดทิ้งเลย  ha  ha  ha ! ... อากาศที่ภูเก็ต ดี๋ ม้าย ย ย ย ย  ?
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #419 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 13:32:17 »

วิวัฒนาการของ " บัตรประชาชน "

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา





















ใครเกิดทันได้ใช้ " บัตรประชาชน สมัยพระเจ้าเหา " มั่งคะ ?
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #420 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 13:39:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 24 ตุลาคม 2552, 13:12:41
NN ... พี่เจี๊ยบยังงอมพระรามอยู่เลยเนี่ย  หมอบอกว่า " ไม่ใช่หวัด 2009 หรอก  ไม่งั้นคุณก็จะต้องมีไข้สูงกว่านี้  ปวดเมื่อยเนื้อตัวมากกว่านี้อีก "

ขอบคุณจ้าที่เป็นห่วง  พอผู้ป่วยได้ยินเสียงใสๆ ของหนุงหนิง  พูด  เล่า  พูด  เล่า  พูด  เล่า  ไม่หายใจหายคอ  ผู้ป่วยก็แทบจะหายไข้หวัด เป็นปลิดทิ้งเลย  ha  ha  ha ! ... อากาศที่ภูเก็ต ดี๋ ม้าย ย ย ย ย  ?
หนิงลงรถถึงกรุงเทพเมื่อเช้ามืดคะตอนตี 5
จาโทรปลุกชาวบ้านชาวหอตอนนั้นก็พอดี
โทรศัพท์หมดแรงข้าวต้มต้องเติมเงินด่วนมาก
หนิงเลยยังไม่ได้นอนพักทีคะพี่เจี๊ยบ
เดี๋ยวกลับที่พักแล้วหนิงจะคุยกับชาวประชาให้...
นํ้าลายแตกฟอง!

รักษาตัวคะพี่


nn
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #421 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 13:43:51 »

บัตรใหม่smart cardที่ทำมานะคะพี่เจี๊ยบ
ส้วยสวยค่ะ...
ทันสมัยเฉียบ..

เดี๋ยวหนิงทำ thai passportใหม่ ไว้ให้ดูนะคะ
สวยclassicมากค่ะ...เห็นแล้ว


แล้วใบขับขี่ตลอดชีพใหม่นะคะพี่ ยิ้มได้ด้วยยยย
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #422 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 13:56:54 »

อยากรู้นิสัยของตัวเราเอง ม้าย ย ย ย  ?

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

ให้คุณเลือกรูปภาพที่คุณชอบ เพียง 1 รูป จาก 9 รูปต่อไปนี้ ... จำหมายเลขไว้นะ  แล้วดูเฉลยนิสัยของคุณที่ด้านล่าง



คำเฉลย

1. Carefree / Playful / Cheerful
- คุณรักชีวิตอิสระและความเป็นธรรมชาติ คุณยึดคติในการใช้ทุกช่วงเวลาของชีวิตว่าฉันเกิดมามีชีวิตแค่ครั้งเดียว ดังนั้นฉันจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
- คุณกระตือร้นและเปิดกว้างที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับคุณ และสิ่งที่แย่ที่สุดก็คือการดูถูกตัวเอง
- คุณชอบสิ่งที่ทำให้คุณแปลกใจอยู่เสมอ


2. Independent / Unconventional / Unfettered
- คุณชอบชีวิตอิสระ และทำในสิ่งที่คุณรัก ไม่ยึดติดกับใคร
- คุณเป็นคนที่มีทักษะในด้านศิลปะทั้งในด้านการทำงานและกิจกรรมอดิเรก
- คุณมักจะทำสิ่งต่างๆ ตามความต้องการของตัวคุณ โดยไม่เอนเอียงไปกับเทรนด์แฟชั่น
- คุณมักทำตามควา มรู้สึกตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าผิด

 
3. Introspective / Sensitive / Reflective
- คุณสนใจตัวเองมากกว่าคนอื่น
- คุณเกลียดการเสแสร้ง และชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าการที่ต้องทนกับการซุบซิบนินทาของผู้อื่น
- คุณไม่แคร์กับการที่ต้องอยู่คนเดียว และไม่รู้สึกเบื่อกับการอยู่คนเดียว


4. Harmonious / Balanced / Down to Earth
- คุณให้ความสำคัญกับความรักที่เรียบง่ายเป็นไปอย่างธรรมชาติ และไม่ซับซ้อน
- ผู้คนชื่นชมที่คุณเป็นคนที่มีจุดยืน ไม่โอนเอียงไปกับสิ่งต่างๆ ได้ง่าย และสามารถเอาคุณเป็นแบบอย่างได้
- ผู้คนมองว่าคุณเป็นคนที่อบอุ่น เพราะคุณชอบช่วยเหลือและปกป้องผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับคุณอยู่เสมอ
- คุณปฏิเสธสิ่งที่ดูฉูดฉาด และมองข้ามสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามสมัย แต่คุณชอบที่จะแต่งกายแบเรียบง่ายและหรูหรา

 
5. Pragmatic / Confitent / Professional
- คุณเป็นคนที่ยืนอยู่บนความจริง ไม่หวังพึ่งโชคชะตา และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ไม่ใช่เพียงแค่คิด
- คุณมองโลกและชีวิตบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ไม่โอนเอียงไปตามกระแส
- คุณเป็นคนที่ไว้วางใจในหน้าที่การงาน เพราะเจ้านายคุณรู้ว่าคุณสามารถรับมือกับมันและทำมันได้ดี


6. Peaceful / Discreet / Non-Aggressive
- คุณเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดี รักอิสระ ไม่ต้องการเป็นศูนย์กลางของเพื่อนๆ แต่กลับต้องการให้เพื่อน เป็นศูนย์กลางให้คุณ
- คุณเป็นคนที่ไม่ชอบการวางแผน ปล่อยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นไปตามสถานการณ์ และใช้สัญชาตญาณเป็นเครื่องตัดสินสิ่งต่างๆ
- คุณเป็นคนของสังคม มีชื่อเสียง มีความมั่นใจอยู่ในตัวเสมอ และมีความสุขที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวและทำตามสิ่งที่ตนเองรัก


7. Analytical / Trustworthy / Self-Assured
- คุณชื่นชมสิ่งที่มีคุณภาพและใช้ได้นานอย่างเช่นถ้าเป็นเครื่องประดับคุณเลือกที่จะใส่เพชร
- คุณมักจะทำให้ผู้อื่นคาดไม่ถึงอยู่เสมอ
- วัฒนธรรมและประเพณีสำคัญกับตัวคุณมาก
- คุณค้นพบสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งก็คือการแต่งตัวให้ดูสง่า มีระดับ และไม่ยึดติดกับแฟชั่น


8. Romantic / Dreamy / Emotional
- คุณเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และไม่เห็นด้วยกับการตัดสินสิ่งต่างๆ โดยยึดเพียงหลักเหตุผลเพียงอย่างเดียว
- คุณมักจะใส่ความรู้สึกของคุณลงไปกับสิ่งต่างๆ ที่คุณทำ
- ความฝันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคุณ
- คุณไม่ชอบคนที่ไม่มีความโรแมนติกในชีวิต


9. Dynamic / Active / Extroverted
- คุณยอมรับและสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้
- สิ่งต่างๆ ที่ทำเป็นกิจวัตรเป็นสิ่งที่คุณทำได้ไม่นาน เพราะมันจะสร้างความเบื่อหน่ายให้คุณไม่น้อย
- สิ่งที่คุณภูมิใจมากที่สุดคือการที่คุณมีบทบาทสำคัญในหน้าที่การงาน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลื่อนไปสู่งานที่ก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น


      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #423 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2552, 21:21:07 »

พี่เจี๊ยบคะ
ไม่รู้จาตามขอบคุณพี่ที่ไหน ขอใช้ที่นี่เป็นที่แสดงความขอบคุณพี่
ที่แม้ร่างกายเพิ่งฟื้นก็อุตส่าห์ไปร่วมงาน รักพี่ที่สุด.


nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #424 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2552, 10:10:49 »

NN ... อ่านแล้ว " ซึ้งใจ " จ้า ...

ดูดวงแบบปู โลกเบี้ยว ( อ่านเล่นๆ ... ไม่เห็นเป็นไร )

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

แบไต๋ ... จนรู้ใจ เห็นนิสัย ตามวันเกิด :
 
คนวันอาทิตย์
 
ดวงอาทิตย์ คือ สิ่งที่มักจะเริ่มต้นหรือก่อเกิด เช่น เริ่มต้นวันใหม่ คนเกิดวันอาทิตย์ จึงเป็นคนที่ชอบทำอะไรใหม่ ๆ เสมอ พระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้ามืด คนเกิดวันอาทิตย์ก็มักจะเป็นคนที่ชอบตื่นเช้าเป็นส่วนใหญ่ ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟ ลูกมหึมา ร้อนแรงมาก ให้พลังงานมาก

คนเกิดวันอาทิตย์ก็มักจะเป็นคนใจร้อนเป็นหลักเลย ถึงแม้ข้างนอกจะดูสุขุมนุ่มลึก แต่เชื่อเถอะภายในจิตใจร้อนระอุเชียวล่ะ และก็มีพลังในการทำอะไรต่อมิอะไรมากด้วย จริงจัง บ้าอำนาจ เผด็จการ ค่อนข้างเป็นคนดุ โกรธง่ายแต่ก็หายเร็วนะ โออ่าหรูหรา สง่างามสงบนิ่งน่าเกรงขาม เพื่อนฝูงเยอะ เพราะเป็นผู้ให้ ใจคอกว้างขวาง หาเงินเก่งและก็ใช้เงินเก่งด้วย รักชื่อเสียงเกียรติยศเป็นอย่างยิ่ง เสียอะไรไม่ว่าเสียหน้าข้าไม่ยอม จะทำอะไรต้องมีมาดมีฟอร์ม และไม่ชอบที่จะอยู่นิ่ง ๆ มันร้อน ฉลาดเจ้าความคิด จัดระบบเก่ง ไม่ค่อยยอมคน ชอบเป็นผู้นำมากกว่าคล้อยตาม แต่จะชอบความเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับใครหรือไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หยิ่งทะนงหรือมักจะเดินเชิด ๆ หน่อย
  
หน้าที่การงาน
ก็มักต้องทำงานที่มีเกียรติ หรืองานที่ได้เป็นใหญ่ เป็นเจ้าของ เป็นผู้นำ หรือ งานที่ทำแล้วดูน่าภาคภูมิใจ หรือทำงานในสถานที่ที่หรูหรา ใหญ่โตเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
 
สีที่เกี่ยวข้อง
ก็พวกสีแดง สีขาว สีเงิน สีที่ร้อนแรง ก็ดวงอาทิตย์เป็นไฟขนาดนั้นน่ะ
 
สุขภาพ
มักเป็นโรคเครียด ระบบประสาท ความดัน หัวใจ ระบบหายใจ สายตา ตระคริว ลมชัก และ ปวดสันหลัง

คนวันจันทร์
 
บอกแล้วว่าดวงจันทร์ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไง มืดกับสว่างแต่ไม่ใช่ว่าคนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น
 
คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์
 
คนเกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมองหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก

หน้าที่การงาน
มักจะทำงานอะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก
 
สุขภาพ
โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง


คนวันอังคาร

ดาวอังคารแต่โบราณถือว่าเป็นดาวแห่งสงคราม เพราะถ้าเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเราจะเห็นว่าดาวอังคารมีสีแดง เรียกว่าสู้รบกันจนเลือดสาด
คนที่เกิดวันอังคารก็เช่นกันจึงมักเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดมีโทสจริตง่าย ชอบทะเลาะวิวาท สีหน้าแสดงออกเลยถึงความรู้สึก เลือดร้อน อารมณ์ร้อน บุ่มบ่ามมุทะลุ ชอบเสี่ยงภัย ชอบใช้กำลัง บ้าขยันทำงาน กล้าหาญและอดทนมาก ชอบอาหารยังมีรสชาติที่ร้อนแรงเลย มีความคิดสร้างสรรค์เป็นนักกีฬา อยู่นิ่งไม่เป็น เป็นคนคล่องมาก ... มาก

ถ้าเป็นผู้หญิงสวยแค่ไหนก็มักจะซุ่มซ่าม ทำอะไรเสียงดังไม่ว่าจะเปิดปิดประตู หรือเดินเสียงดัง ไม่ค่อยเป็นผู้หญิง นิสัยโผงผาง กล้าหาญไม่กลัวใคร ในบางครั้งกลายเป็นคนก้าวร้าวก็มี แถมยังหยิ่งผยอง อยู่ตลอด เป็นคนจริงจังเปิดเผยไม่ค่อยท้อแท้ ปากกล้าวิชาดีฉลาด แก้ปัญหาได้ดี แต่ในบางครั้งก็ยอมหักไม่ยอมงอ ในบางครั้งคนเกิดวันอังคารก็น่ารัก ปรับตัวได้เก่ง อดทนสูง ควบคุมตัวเองได้ดี รักสงบ มีจิตใจดี พวกแข็งนอกอ่อนใน สามารถพึ่งลำแข้งของตัวเองได้ ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ
 
หน้าที่การงาน
เนื่องจากดาวอังคารเปรียบเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม อาชีพหนีไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นั่นเอง หรืออาชีพที่มักจะใช้กำลังมากกว่าสมอง หรืองานที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ งานกลางแจ้งแต่ไม่ถึงกับ เป็นกรรมกรแบกหาม พ่อค้า นักกีฬา วิศวกรรม หรืองานที่ทันสมัยทันเหตุการณ์ เทคโนโลยีใหม่ ๆ พวกงานคอมพิวเตอร์

สีที่เกี่ยวข้อง
สีชมพูเกือบแดง สีชมพูอ่อน ๆ
  
สุขภาพ
ต้องระวังโดนของมีคม ฟืนไฟ ซุ่มซ่ามโดนโน่นโดนนี่ โรคที่เกี่ยวกับสมอง

คนวันพุธ
 
ดาวพุธเป็นดาวที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดโบราณว่าไว้ว่าคนที่เกิดวันพุธมักหมายถึงปัญญา ความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดี คล่องแคล่วว่องไวมาก เอาตัวรอดได้ตลอดเวลา ช่างพูด ช่างเจรจา จนในบางพุธกลายเป็นคนกะล่อน ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิง เป็นนักธุรกิจได้ดี
 
ดาวพุธเป็นดาวที่ค่อนข้างเกเรเอาแน่ไม่ค่อยได้ เป็นดาวที่เดินเร็วและยังไม่ค่อยแน่ว่าเมื่อไรจะหยุด เดินหน้าหรือถอยหลัง

คนที่เกิดวันพุธเป็นคนที่ในบางครั้งเราจับทางไม่ถูกรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะตัดสินใจเร็ว พูดเร็ว ทำอะไรเร็ว และปรับตัวได้เก่งมากไม่ว่าจะอยู่สภาวะใดก็ตาม ไม่ค่อยขัดแย้งใคร มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทำมาหากินเก่งแต่มักจะมีความโลเลไม่แน่นอน อยู่ในตัวตลอดเวลา ยิ่งถ้าเกิดกลางคืนแล้วล่ะก็ จะเข้มแข็งห้าวหาญไม่ค่อยเกรงกลัวอะไร บางครั้งก้าวร้าว พูดจาไม่ค่อยคิดมักขัดหูคนฟัง เจ้าอารมณ์ คนวันพุธมัก เรียนรู้อะไรได้เร็ว เชื่อคนง่าย รักใครรักจริงและขี้หึงด้วย เป็นคนสนุกสนานร่าเริง เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีเมตตาไม่ชอบความรุนแรง
 
หน้าที่การงาน
ด้วยความที่คนเกิดวันพุธมักพูดเก่ง งานที่ถนัดก็เป็นพวก พี อาร์ ประชาสัมพันธ์ นักพูด นักคิดนักเขียน นักการทูต ครู นายหน้า แม่ค้าพ่อค้า เลขา ทนายความ นักการเมือง งานที่ใช้สมองและปากในการหากิน
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีเขียวมรกต สีธรรมชาติ
 
สุขภาพ
ระบบประสาท ระบบหายใจ โรคที่เกี่ยวกับลำคอ หวัด หอบหืด ระบบเสีย และระบบการฟัง


คนวันพฤหัสบดี

ดาวพฤหัสเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่อย่างที่เรารู้ ๆ กัน โบราณท่านว่าคนที่เกิดวันพฤหัสบดีเป็นคนที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไร คนที่ได้ยินได้ฟังก็จะเคารพนับถือ เชื่อฟัง เลยยกให้เป็นวันครูไง ทางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสยกให้เป็นประธานของความดีงาม มีคุณธรรมสูง มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง เป็นที่น่าชื่นชมและน่ายกย่อง
 
คุณสมบัติของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี จึงมักหมายถึงผู้ที่มีปัญญาดีเฉลียวฉลาด เป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ เป็นคนที่มักไม่ค่อยตกอับ เพราะเป็นคนดี แม้ในบางพฤหัสก็มีที่ผิดแผกแตกต่างจากพี่น้องไปบ้าง เช่นอาจดูเป็นพวกมีเล่ห์เหลี่ยม หรือทำอะไรไม่ค่อยเหมือนที่ชาวบ้านชาวช่องเขาคิด เขาทำกันไปบ้างแต่ยังไงก็จะเป็นคนที่มีเหตุมีผล พอจะมีสติยั้งคิดได้และมีคุณธรรมประจำใจอยู่ดีนั่นแหล่ะ
 
คนวันพฤหัสมักเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา การศึกษา มีความเพียร มีความมุ่งมั่นที่ดี สงบสันโดษ มีคุณธรรม มองโลกในแง่ดี ใจอ่อน ขี้เกรงใจ รักบ้านรักครอบครัว แต่กลับเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด ขี้เบื่อ ขี้เหงา ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าดื้อจะดื้อหัวชนฝาเลยล่ะ ชอบเป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านชาวช่อง ชอบพูดชอบสอนแนะนำ มองการณ์ไกล แต่ก็มีนะที่อะไรใกล้ ๆ หรื่อเรื่องของตัวเองกลับนึกไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาของตัวเองไม่ค่อยได้
 
หน้าที่การงาน
ครูบาอาจารย์ ทนายความเพราะเป็นคนที่รอบรู้ อาชีพอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ศาสนา การใช้ความคิด ความดีงามช่วยเหลือชาวบ้าน ความเลื่อมใส หรือ เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม สังคม
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีแสด สีส้ม สีน้ำตาล น้ำตาลแดง สีเหลืองแก่
 
สุขภาพ
ตับ ม้าม ปอด สมอง และเท้า การทรงตัวไม่ค่อยดี

คนวันศุกร์

ดาวศุกร์เป็นดวงดาวที่เราจะรู้จักในนามดาววีนัส ดาวแห่งความรักเป็นดาวที่เราสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และมักจะส่องแสงสุกสกาวบนท้องฟ้าให้เราเห็นเสมอ ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้า แต่ถ้าเป็นบนทางโหราศาสตร์ถือว่าดาวศุกร์เป็นดาวแห่งกิเลสตัณหา ราคะจริต
สมบัติ หมายถึ ทรัพย์สมบัติ ความสวยสดงดงาม ความสนุกสนาน ศิลปะบันเทิง ความฟุ้งเฟ้อ มีเสน่ห์มาก มีความรักได้บ่อย ๆ มีคนอยากเข้ามาให้รัก และก็อยากให้คนอื่น ๆ มารักตน เลยกลายเป็นคนเจ้าชู้มากรักหลายใจ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วมีรักหลายครั้งก็จริง แต่ก็อกหักหลายหนเหมือนกัน ถ้ารักใครรักจริง รักเกิน ๆ จนกลายเป็นขี้หึง เรื่องมากและเลือกมากในความรัก
 
ค่อนข้างเป็นคนที่รักสวยรักงามมีระเบียบ สะอาด มารยาทงาม อ่อนหวานได้ มีความรู้รอบตัวฉลาด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่ง พลิกแพลงทุกอย่างด้วยมันสมอง ไม่ค่อยชอบใช้กำลั บางทีก็คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน แต่ก็อนุรักษ์นิยมนำ ชอบเดินทางท่องเที่ยวรักธรรมชาติ ศิลปะ ดนตรี ในเรื่องการเงินก็ไม่ค่อยขัดสน จึงทำให้เป็นคนใช้เงินไม่ค่อยคิดสักเท่าไร
 
หน้าที่การงาน
พ่อค้าแม่ค้า นักดนตรี นักร้อง ดาราหนัง นักบัญชี ธนาคาร อาชีพอะไร ก็ได้ที่เกี่ยวข้อง กับ งานฝีมือ ศิลปะ งานที่ใช้สมองความคิดสร้างสรรค์ มีรสนิยม งานที่ให้ความบันเทิงใจแก่ประชาชน งานที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีฟ้า สีขาว สีน้ำเงิน สีคราม สีเขียวน้ำทะเล
 
สุขภาพ
โรคที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ มดลูก กระเพาะปัสสาวะ บั้นเอว ริดสีดวง และ ลำไส้


คนวันเสาร์
 
ดาวเสาร์เป็นดาวที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มาก และก็เดินช้ามากด้วย ทางโหราศาสตร์ดาวเสาร์จะหมายถึดาวที่มีความเป็นโทษและทุกข์ การพลัดพราก ตายจาก รกร้าง ยากจน เหงาเปล่าเปลี่ยว จนใคร ๆ ก็ไม่อยากยุ่งกับดาวเสาร์
 
แต่แท้ที่จริงแล้ว ดาวเสาร์ก็มีความน่ารักและความดีของดวงดาวอยู่นะจ๊ะ เพราะในความหมายที่ดี ก็คือ ดาวเสาร์เป็นดาวที่โคตรอดทนเลยมีความสุขุมรอบคอบและสงบ ถึงแม้จะเชื่องช้าและเนินนานก็ตาม แต่มั่นคงนะจะบอกให้
 
คนที่เกิดวันเสาร์มักเป็นคนที่ตระหนี่ มัธยัสถ์ ขี้เหนียว งก จริง ๆ แล้วดีออกมักรวยมีทรัพย์สินและก็หมายความไปถึงขี้หึงและหวงของเป็นที่สุด จู้จี้ขี้บ่นก็เท่านั้น เพราะความที่เป็นคนที่ขี้ระแวงและวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ทำอะไรก็ชอบย้ำคิดย้ำทำไม่ค่อยจบง่าย ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ฉลาดมาก เพราะเป็นคนที่ชอบคิดอะไรลึกซึ้งและช่างสังเกตเสมอ คิดแล้วก็มักจะทำเอง เพราะไม่ค่อยยอมไว้ใจใคร ใครทำก็ไม่ได้ดั่งใจเลยต้องมาเหนื่อยซะเอง งานหนักเอางานเบาสู้ ดุจกรรมกรยังไงยังงั้นแหล่ะ เป็นคนที่จริงจังกับชีวิตจนดูหน้าดุ หรือยิ้มยาก หรือหน้าแก่ไปเลยก็มี ทำอะไรคิดอะไรดูเหมือนจะช้า เพราะมัวแต่ประณีตอยู่นั่นแหล่ะ กลัวการผิดพลาดคิดมากตลอดเวลา จึงไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรได้ทันทีทันการณ์
 
หน้าที่การงาน
งานที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบสูง งานที่ใช้กำลัง งานที่ต้องจัดระเบียบ งานที่เกี่ยวกับที่ดิน เกษตร หรื่อ งานเร้นลับความตาย อย่างสัปเหร่อ กรรมการแบกปัญหาชาวบ้าน งานที่ต้องรอและใช้ความอดทน หาเช้ากินค่ำ
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีดำ สีเทา สีเงิน สีม่วง สีคราม
 
สุขภาพ
โรคกระดูก ปวดตามข้อ โรคผิวหนัง โรคเครียด และระบบประสาท


แบไต๋ ... รู้ใจ เห็นนิสัย คนใกล้ตัว 12 คนในโลก

คนเดือนมกราคม
 
เป็นคนค่อนข้างรอบคอบ ระมัดระวังวิตกจริต คิดมากตลอดเวลา ในบางคนก็ชอบเก็บสะสมของเก่า ของโบราณ รู้จักเก็บ มัธยัสถ์ งก ขี้เหนียว เสียดายของ ประหยัด ชอบที่จะแชร์ค่าใช้จ่าย มองกำไรขาดทุนไว้ก่อนเสมอ ดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จริง ๆ แล้วฉลาดจึงสามารถเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ ทะเยอทะยาน ชอบเอาชนะ บางทีก็คิดเล็กคิดน้อยอะไรไม่รู้ เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ทรหดอดทนเป็นยอดเลยล่ะ โดยเฉพาะในเรื่องงานแล้วล่ะก็บ้างานมาก บ้านจนทำให้บางทีความรักที่มีอยู่จืดไปเลย จะแต่งงานช้าก็เพราะมัวแต่เลือกมากคิดมากอยู่ นั้นแหละ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความรักสักเท่าไหร่ ถ้างานที่ต้อรับผิดชอบนั้น ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นนักปฏิบัติ
 
แต่ในด้านความรัก ก็ใช่ย่อยมีเสน่ห์ล้ำลึกนัก มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็ขี้หงุดหงิดเอาแต่ใจตัวเอง แต่ทำเป็นขรึมเย็นชาซะอย่างนั้นแหล่ะ บางทีก็ชอบเก็บตัวชอบสร้ากำแพง ทำเป็นหยิ่งแต่จริง ๆ กลับเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร สงบนิ่ง เจ้าระเบียบซะอีกแน่ะ รักเกียรติยศชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ ทำอะไรไม่ค่อยพึ่งใครชอบทำเอง แต่ก็เป็นคนมีบุญ มักได้คู่ดี

 
คนเดือนกุมภาพันธ์

มักเป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริง เพื่อนฝูงมากมาย เพราะเป็นคนที่ตองการมิตรที่แท้จริง แต่ก็มักไม่ค่อยมีเพื่อน และที่สำคัญมีเพื่อนแท้น้อยมาก ชอบอยู่ในแวดวงสังคมที่ดี เพราะเป็นคนที่สามารถยิ้มแย้มแจ่มใสได้กับทุกสถานการณ์ ถึงแม้ว่าตนเองจะทุกข์อยู่ก็ตาม ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เป็นคนที่ช่างพูดช่างคุย ตีหน้าได้เก่ง มีนิสัยช่างคิดช่างจำแถมยังมีแผนการมากอีกด้วย เชื่อมั่นและมีความเห็นเป็นของตัวเอง ซื่อตรงดี ชอบอิสระไม่ชอบขึ้นกับใคร หรือให้ใครบังคับขู่เข็ญให้ทำ หรืออยู่ใต้การควบคุมของใคร อยากทำอะไรทำเองไม่ต้องมาสั่ง ชอบชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่าถึงแม้ว่าตัวจะต้องอยู่ในสังคมก็ตาม เป็นคนที่มีหัวคิดริเริ่มมีไอเดียอะไรดี ๆ และแปลกใหม่อยู่เสมอ เพราะเป็นคนที่ใส่ใจเรียนรู้และสร้างสรรค์ ตามยุคตามสมัยทันเหตุการณ์ของโลกอยู่เสมอ ชอบเปลี่ยนแปลงจนคนรอบข้างตามไม่ทันหรือคิดไม่ถึงก็มี

จริงใจเปิดเผยตรงไป ตรงมา นิสัยไม่ดีคือมักเอาแต่ใจและดื้อรั้นมาก ในบางครั้งก็ดูก้าวร้าวขวานผ่าซากและขี้งอนขี้น้อยอกน้อยใจ เป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ชอบช่วยเหลือเพื่อน  ทั้งที่ทำคุณกับใครไม่ค่อยขึ้นหรอก คบกับใครก็ได้ ช่างเลือกด้วย แถมไม่ชอบผูกมัดหรือมีพันธะติดกับใคร จึงหาคู่ที่ถูกใจยากออกสักหน่อย

คนเดือนมีนาคม

เป็นคนที่ชอบเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือคนอื่นแล้วก็ไปรับแบกภาระซะอย่างนั้นแหล่ะ เข้ากับคนง่าย ปรับตัวได้ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารี มีคุณธรรมสูง ชอบสร้างบุญสร้างกุศล แต่มักเป็นคนที่ขี้เหงา ว้าเหว่ หรือไม่ชอบอยู่ในที่แคบ ๆ มักชอบที่จะอยู่ในที่โล่งแจ้งมากกว่า แต่อารมณ์มักอ่อนไหวง่ายมาก ๆ ในบางครั้งก็ขี้หงุดหงิด จิตใจไม่แน่นอน อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนน้ำ ที่วันนี้ไม่รู้จะอยู่ในโอ่งหรือว่าขวดกันแน่ บางครั้งก็ดูแข็ง  บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน ด้วยความใจอ่อนนี่แหล่ะมักทำให้สูญเสียโอกาสดี ๆ ไปเสมอ ดูอ่อนโยนสุภาพแต่ก็มีอารมณ์ที่ก้าวร้าว และปากร้ายได้เหมือนกัน เพราะเป็นคนที่เย็นก็ได้ ร้อนก็ได้ เสียใจง่าย ดีใจง่าย คล้อยตามคนอื่นได้ ไม่ค่อยแข่งขันอะไรกับใคร มักพอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลางสิ่งลี้ลับ และชอบที่จะจดจำเรื่องเก่า ๆ หลงรักใครได้ง่าย ๆ และมักจะจมอยู่กับรักเก่า ๆ นั้น แบบพวกมีรักฝังใจไม่ยอมลืม แต่กับบางเรื่องกลายเป็นคนที่ขี้ลืมบ่อย ๆ เหมือนคนแก่ และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจใฝ่หาอะไรที่มันใหม่ ๆ ซะด้วยซิ ยกเว้นชอบที่จะซื้อรองเท้าใหม่ๆ อยู่เรื่อยเลย  ว่ากันว่าใครที่เกิดในเดือนนี้ เท้าสวยแล้วจิตใจจะดีแถมเป็นคนชอบชิมชอบกินเสียด้วยซิ

คนเดือนเมษายน
 
เป็นคนที่มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ อยากรู้ อยากเห็น อยากได้อยากเป็นไปเสียหมด พอรู้พอเห็นแล้วก็เบื่อ ไม่เอาแล้ว อยากได้ของใหม่อีกแล้ว คือ เป็นคนขี้เบื่อเหมือนเด็ก ๆ ไม่ค่อยยอมฟังใครง่าย ๆ กล้าได้กล้าเสียไม่ค่อยกลัวอะไร ลุยลูกเดียว แล้วก็เจ็บ แถมเจ็บไม่รู้จักจำอีกด้วย ชอบกลับไปทำซ้ำใหม่แล้วก็เจ็บอีก บางทีก็ชอบทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยากได้ จู้จิ้จุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ได้

แต่เป็นคนที่น่าคบนะเพราะเป็นคนที่จริงใจตรงไปตรงมา ไม่ชอบเอาใจใครหรือเยินยอใคร ชอบไม่ชอบบอกกันตรง ๆ เลย แบบว่าถือของให้ใครก็ไม่เป็น ไม่ชอบผูกมัดชอบอิสระ ชอบที่จะให้คนมาเอาใจมากกว่า และมักจะหึงและหวงคนรักนะ เพราะถ้ามีรักเมื่อไร จะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักแบบบริสุทธิ์ใจซะด้วยซิ และมักเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงอยู่เหมือนกันนะจ๊ะ
 
ทะเยอทะยานใจร้อน ทำอะไรก็รวดเร็วทันใจ เดินยังดูรีบ ๆ เลย มีอารมณ์รุนแรงขี้โมโหหงุดหงิดง่าย แต่ก็หายเร็ว ทำอะไรหุนหันพลันแล่น อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นจะอึดอัดหงุดหงิด เครียด ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น ชอบออกกำลังกาย หรือทำอะไรที่มันดูเป็นภาคสนามสักหน่อย จะสบายใจกว่าให้นั่งเฉย ๆ ใครอยากเป็นแฟนต้องเข้าใจและเอาใจ อย่าปล่อยให้เหงาเชียวแหล่ะ
 
คนเดือนพฤษภาคม
 
เราจะเห็นว่าเดือนนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปวัวเพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนเลยว่า คนที่เกิดในเดือนนี้มักต้องทำเพื่อคนอื่นและต้องอดทนอย่างมาก เหมือนวัวนั่นแหล่ะ ดื้อรั้นเงียบแบบสงบเสียด้วยซิ มักเป็นคนที่ดูจะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ เป็นคนที่โกรธใครยาก แต่ถ้าโกรธนานเชียว แล้วถ้ามีใครมาแหย่ ให้โกรธเข้าล่ะก็ คุณแกจะกลายเป็นวัวกระทิงทันทีเลยล่ะ

เป็นคนที่รักสวยรักงาม สะอาด รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำอะไรถูกกาลเทศะ ความคิด ความอ่านมักค่อนข้างหัวโบราณสักหน่อย เป็นบุคคลที่เปลี่ยนแปลงอะไรยากมาก ๆ เช่น การกิน หรือความเชื่อ ใครบอกก็ไม่เปลี่ยน นอกจากตัวเองจะเปลี่ยนแปลงความคิดหรือการกระทำเอง ไม่ค่อยยืดหยุ่นกับชีวิต ชอบคิดว่าฉันเป็นฉันเอง เป็นคนที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ สงบ ๆ อยู่คนเดียวก็ได้ อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ได้

โคตรอดทนและบึกบึนมาก งานทำได้ทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ได้หมด แถมเป็นคนมัธยัสถ์ ประหยัด ชอบเก็บสะสมทรัพย์สินอีกด้วย เรียกว่าเศรษฐีได้เลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เองหรอกชอบให้คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ตัวเองรักแล้วล่ะก็...เต็มที่ไปเลย เป็นคนที่อ่อนไหวต่อความรักมาก รักแล้วทุ่มเทเกินเหตุ มักถือดีเรื่องความรักเสมอ หรือจะชื่นชม ให้กำลังใจหน่อยก็จะดี คนเดือนนี้ชอบให้ชมบ่อย ๆ พวกบ้ายอไง

 
คนเดือนมิถุนายน
 
เป็นคนที่ฉลาดมาก มักคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าชาวบ้าน คือ มีความถนัดในการใช้สมองมากกว่ากำลัง ชอบคิดชอบพูด ชอบเขียน อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง ต้องการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อความอยู่รอด จึงมักเป็นคนที่ดูทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

และในชีวิตมักมีอะไรเข้ามาทีละสองอย่างเสมอ ทำให้ต้องลำบากใจที่จะต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือ การงาน ความคิดก็มักลังเล รักพี่เสียดายน้องอยู่นั่นแหล่ะ เป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง สามารถทำอะไรหรือคิดอะไรได้ หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน บางทีกลายเป็นคนสองบุคลิก หรือ คนสองหน้าได้เหมือนกัน สามารถแก้ปัญหาให้ใครต่อใครได้ในพริบตาเชียวล่ะ เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจที่ดีเลยคนเดือนนี้น่ะ ชอบท่องเที่ยวไม่ชอบอยู่กับที่นาน ๆ

ชอบเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเป็นคนที่ขาดความอดทน เป็นคนที่ค่อนข้างตรงและเอาแต่ใจตนเอง ไม่ค่อยเก็บความสงสัยเอาไว้ จะถามให้รู้เรื่องไปเลย จะทำอะไรก็เหมือนกันจะต้องทำให้มันสำเร็จ ชนิดไม่เสร็จไม่เลิก มีความว่องไวใจร้อนมากโดยเฉพาะเรื่องงาน ไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้ขี้บ่น หรือซักถามยิ่งเวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องถาม ถ้าอยากบอกจะบอกจะเล่าเอง ด้วยความทันสมัยและชอบเที่ยวจึงเป็นผู้ที่ใช้เงินเปลืองมาก

คนเดือนกรกฎาคม
 
นับได้ว่าเป็นคนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก ระมัดระวังตัวหวาดระแวงตกใจง่ายไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ รักษาผลประโยชน์รู้จักเก็บออมเงินเก่ง (ปูมักจะลากทุกอย่างเข้ารู) ถ้าเจอปัญหาเศร้าทุกข์อะไร จะขอหลบไปก่อน ไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับแขก ไม่ยอมเจอใคร แต่พอตั้งสติได้จะค่อย ๆ กลับมาแก้ไขและกลับมาเป็นคนเดิมเอง เป็นคนรักบ้าน

รักครอบครัวมาก ชอบอยู่กับบ้านและทำกิจกรรมที่บ้านมากกว่าให้ออกนอกบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวกรกฎรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น มีความสุขที่สุด ดูจากภายนอกออกจะแข็งกร้าว ปากแข็งแต่จริง ๆ ภายในอ่อนปวกเปียกมาก ลองดูจากสัญลักษณ์ที่คนโบราณเปรียบเทียบไว้เป็นปูไง มีกระดอง แต่ข้างในนิ่มเชียว มีความอดทนต่อความยากลำบาก ชอบใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายมักมีความเป็นแม่อยู่ในตัว มีสัญชาตญาณในการให้ ห่วงใยเอื้ออาทร ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เอาอกเอาใจ (เฉพาะ) คนที่ตัวรัก เก็บรายละเอียดได้ดีไม่ว่าจะเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ หรือพวกรักฝังใจ ไม่ยอมลืม

แต่เจ้าอารมณ์ชะมัดเลยล่ะ จู้จี้จขี้บ่น เจ้าระเบียบ ต้องปล่อยให้บ่นไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเองแหละ ต้องระวังเรื่องเครียด เพราะเป็นคนวิตกจริตคิดมาก รักใครแล้วไม่ค่อยปล่อยง่าย ๆ แถมขี้หึงถึงตายเลยล่ะ ( ปูหนีบ )

 
คนเดือนสิงหาคม
 
คนที่เกิดในเดือนนี้เหมือนจ้าวป่าจึงมักจะเริ่ดเชิดหยิ่งไว้ก่อนเดินยังเอาหน้าไปก่อนเลย ไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ไม่ง้อใครถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ชอบที่จะเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำมากกว่าคล้อยตาม ชอบความเป็นอิสระทั้งด้านงานและการใช้ชีวิต

ไม่ชอบขึ้นอยู่กับใคร เชื่อมั่นในตัวเองมาก ใจใหญ่ถึงไหนถึงกัน เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ รักเกียรติยศชื่อเสียง เสียอะไรไม่ว่า เสียหน้าข้าไม่ยอม ใจร้อนหงุดหงิด ขี้โมโห จริงจังกับชีวิตมากจนกลายเป็นพวกบ้าอำนาจ หรือจอมเผด็จการ ฉลาดหลักแหลม เจ้าปัญญา เจ้าความคิด คิดโน่นนี่ได้ตลอดเวลา แต่บางทีก็ไม่ยอมทำเอง ชอบใช้คนอื่นทำแทน จึงควรเป็นที่ปรึกษานั่นแหล่ะดี เพราะเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อใจหรือไว้ใจใครเลย และไม่ค่อยชอบพึ่งใครด้วย รักเฉพาะพวกพ้องพี่น้องและครอบครัวของตัวเอง สามารถเสียสละให้ได้ทุกอย่าง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนมารัก อยากให้ทุกคนยอมหรือยกย่องตัวเอง อย่าไปขัดใจหรือโต้แย้ง

ปกติใครอยู่ด้วยจะน่ารักมาก เพราะจริง ๆ เป็นคนที่ขี้สงสารและชอบให้อภัย หรือให้โดยไม่ค่อยหวังผลตอบแทน เพียงแต่ไม่ชอบที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเท่านั้นเอง เป็นคนที่หาเงินเก่งและก็ใช้จ่ายเก่งด้วย ถ้าพอใจอยากได้อะไรต้องได้จะจ่ายไม่อั้น ยังไงก็ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน จะหาคู่ครองต้องเป็นคนใจเย็นเป็นผู้ใหญ่กว่า มีปัญญาที่เหนือกว่าจึงจะอยู่กันได้ หรือไม่ก็อยู่ใต้เท้าคุณสิงหาคมแกไปเลยหมดเรื่อง

คนเดือนกันยายน

นับว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาด คล่องแคล่วว่องไว มีเสน่ห์ ไม่ว่าเป็นชาย หรือ หญิงมักมีแต่เรื่องหยุมหยิม มีข้อสงสัย หรือ วิเคราะห์ ทุกอย่างจนเกินเหตุ เป็นคนที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย เพราะชอบเอาแต่ใจทำอะไรตามอารมณ์เหมือนผีเข้า ผีออก ไม่แน่นอน คนอื่นอาจจะงง ๆ เหมือนจะประสาทหลอน แต่จริง ๆ แล้วเพราะเป็นคนที่ละเอียดลออ เอามาก ๆ ชอบสังเกต พิถีพิถันออกแนวหัวโบราณ วิตกจริตคิดมากเท่านั้นเอง

ช่างคิดช่างฝันช่างจินตนาการ มินิสัยชอบเปลี่ยนแปลงหรือพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นเขาทำทิ้งไว้ ค้างไว้ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือชอบ จู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ชอบจับผิดคนเก่งมาก แต่ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะ ถึงจะชอบจับผิดก็เถอะ แล้วชอบที่จะช่วยเหลือชาวบ้านหรือดันไปแบกรับภาระคนอื่นมา จะดูเหมือนเรื่องมาก และเลือกมากไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวต้องดูดีก่อนออกจากบ้านหรืออาหารการกินต้องสะอาด โดยเฉพาะเรื่องความรักมักจะใช้เวลาเลือกค่อนข้างนาน แต่ถ้าได้รักแล้วมักจะรักนานเลยเช่นกัน

เป็นคนที่ขยันทำมาหากินมาก บางครั้งประหยัดจนดูเหมือนขี้เหนียว ช่างพูดช่างเจรจา พูดเก่งและแก้ตัวเก่งอย่างมีเหตุผลเสียด้วยซิ ผิดกับการบอกรักกลับเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ปากแข็งมาก ถ้าคิดจะเอ่ยปากบอกรักใครสักคน เวลารักใครชอบรักจนหมดหัวใจ จึงมักโดนคนที่ตนรักหลอกหรือเอาเปรียบอยู่เสมอ

 
คนเดือนตุลาคม
 
คนเดือนนี้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล สะอาดน่ารัก เป็นนักการทูต มีพรสวรรค์ในการเจรจา แต่ประนีประนอม หรือ โน้มน้าวจิตใจคนได้ดี เป็นคนค่อนข้างตรงและเอาจริงเอาจัง คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น สามารที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม คล้อยตามมากกว่าขัดใจ ใครว่าอะไรก็ว่าด้วย

เป็นคนที่มีเสน่ห์ อยู่ในตัวเอง ถ้าไม่หน้าตาดี บุคลิกก็ต้องดูดีมีราศี สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาหาได้อย่างง่ายดาย ในบางคนก็รักสวยรักงานศิลปะ ชอบเข้าสังคมทำอะไรเพื่อสังคม ชอบความสนุกสนานร่าเริง ฟุ้งเฟ้อ ชอบความหรูหรา เป็นคนที่ถ้ารู้จักใคร ถูกชะตาจะรักมาก รักเร็วและทุ่มเทซะเกินเหตุ แต่ถ้านึกอยากจะเลิกก็เลิกเลยแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน เรียกได้ว่ารักง่าย หน่ายเร็ว เป็นคนที่รักพวกพ้องเพื่อนฝูงเอามาก ๆ ใครไม่เป็นพวกข้า ไม่ดีด้วย

จนในบางครั้งดูเหมือนดื้อและก้าวร้าวมาก อารมณ์บางครั้งก็ขึ้น ๆ ลง ๆ จะตัดสินใจทำอะไรได้แต่ละอย่างคิดอยู่นั้นแหล่ะ (ลังเล) ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง มักต้องรอจังหวะ เหมือนตาชั่ง (สัญลักษณ์) กว่าตาชั่งที่เอียงไปเอียงมาจะตรงหรือสมดุลกันได้ก็เล่นเอานานเหมือนกัน ขยันทำงานฉลาดในการทำธุรกิจ มีความสุขุมรอบคอบและเยือกเย็นได้แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือมักเชื่อคนง่าย จึงมักมีสิทธิ์โดนหลอกใช้ได้เหมือนกัน

คนเดือนพฤศจิกายน

คนเดือนนี้เป็นคนที่ดูแล้วค่อนข้างจะลึกลับ ถ้าไม่สนิทกันจริงไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง ค่อนข้างไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ มีความระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง เก็บความลับเก่ง ชอบทำตัวลึกลับ มีความในใจซ่อนเร้น มีความสงสัยอยู่ตลอดเวลา มีความทิฐิมานะ วางท่า ไว้ตัว ทำตัวเหมือนหยิ่ง อดทน อดกลั้น แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธฉุนเฉียวขึ้นมาล่ะก็ กล้าเผชิญกับทุกสิ่ง จะหนาไหนหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่ค่อยกลัว

ช่างประชดประชัน เหน็บแนมเก่งมาก คำพูดคำจาบางทีชอบพูดแรง ๆ ตรงเกินกว่าที่คนรอบข้างจะรับได้ แต่ก็พูดออกมาจากใจจริงของตัวเองนะ เป็นคนขี้งอนใจน้อย อารมณ์แปรปรวน เอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจใส่ใจใคร ดูเหมือนดุร้าย ไม่น่าเข้าใกล้ จนบางครั้งคนรอบข้างจะคิดว่าเป็นบ้า แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำไปเพื่อจะป้องกันหรือปิดบังอะไรบางอย่าง ที่เป็นปมด้อยในตัวเองที่ไม่อยากให้ใครรู้ เป็นคนฉลาดเจ้าความคิดจะตายไป ชอบพลิกแพลงเอาชนะด้วยมันสมอง ไม่ค่อยชอบใช้กำลังสักเท่าไร มักมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงในการทำธุรกิจ

ด้านความรักก็มักแต่งงานช้า หรือหาคนถูกใจยากสักหน่อย เพราะมัวแต่ขี้ระแวงอยู่นั่นแหล่ะ และไม่ค่อยชอบให้ใครมาจู้จี้มากนัก มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็เข้าได้กับทุกคนนะ เพียงแต่คนอื่นอ่านไม่ค่อยออก ก็เท่านั้นเอง

 
คนเดือนธันวาคม
 
ด้วยความชอบผจญภัยให้อยากอยู่บ้านแทบตาย ยังไงก็ต้องมีเหตุอันให้ต้องออกจากบ้านจนได้ ในชีวิตมักต้องไปได้ดีเอาไกลบ้าน ไกลเมือง ไกลถิ่นฐานที่เกิด หรือได้คนรักในแดนไกลแล้วชีวิตจะดีกว่า เป็นคนที่มักโชคดีเรื่องการเงิน เป็นคนอารมณ์ ... อ๊าว !  กุดอยู่แค่เนี๊ย ?  จาไปหาอ่านต่อได้ที่ไหนล่ะเนี่ย ?  ไม่ยอมหรอก ....


      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #425 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 08:22:50 »

แม่นอะไรเช่นนี้คะ.
โอ้ววว.....
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #426 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 19:00:23 »

คนวันจันทร์
 
บอก แล้วว่าดวงจันทร์ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไง มืดกับสว่างแต่ไม่ใช่ว่าคนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น
 
คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์
 
คน เกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมองหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก

หน้าที่การงาน
มักจะทำงาน อะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก
 
สุขภาพ
โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง

เหมือนผมเลยพี่เจี๊ยบ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #427 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 20:00:02 »

พี่เกิดวันจันทร์เรอะพี่ตุ๋ย?
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #428 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552, 19:59:51 »

ครับผม  ผมเกิดวันจันทร์  ครับน้องหนุงหนิง
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #429 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552, 20:14:26 »

ศุกร์ปากหวาน-อังคารรับเอา..
ว้า,ม่ายสมพงศ์!
(แต่อย่าห่วงคะ...แควนหนิงพฤหัส ก็เห็นอยู่กันได้นิ)
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #430 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2552, 10:41:01 »

อันดับประเทศไทย ... ในอันดับโลก ! !

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

-อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน  ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6,000 แห่ง  อยู่ในสหรัฐ 3,000 แห่ง  มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน ( 2545 )

- คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ( 2546 )  

- ไทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์ ( 2546 )

- ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก  มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท  เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีน และไต้หวัน ( 2546 )

- ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด อันดับ 32 ของโลก จากการจัดอันดับของธนานคารโลก  ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย ( 2547 )  

- ไทย ติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แซงหน้ามาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35 ( 2548 )

- ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการเผยแพร่เว็บลามก ( 2549 )  

- กรุงเทพ มหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย  และเป็นอันดับ 3 ของโลก  รองจากฟลอเรนซ์ และโรม ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 ( 2549 )  

- สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด เป็นอันดับ 11 ของโลก ( ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด ) ( 2549 )  

- ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขที่ 44 ของโลก  ในเอเชียนั้น ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23  อินโดนีเซียอันดับที่ 31  จีนอันดับที่ 32  ไทยอันดับที่ 44  มาเลเซียอันดับที่ 66  อินเดียอันดับที่ 64  ฮ่องกงอันดับที่ 89 ( 2549 )

- วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลกในการเล่นเว็บแคมฟร็อก โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง ( 2550 )  

- ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก  จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย  และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม  ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก ( 2550 )

- ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก  ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร

อันดับ 1. ซาอุดิอาระเบีย
อันดับ 2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อันดับ 3. ฮ่องกง
อันดับ 4. รัสเซีย
อันดับ 5. ตุรกี
อันดับ 6. เม็กซิโก
อันดับ 7. ยูเครน
อันดับ 8. ไทย
อันดับ 9. สิงคโปร์ ( 2550 )

- ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก  คือมีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน

- ในการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิก 2550  เด็กไทยคว้ารางวัล คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก ( 2550 )

- ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก  สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน  จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก  มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก  มูลค่า 1 แสนล้านบาท  แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97  และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7  แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก  แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย ( 2550 )  

- ไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก  เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน ( 2550 )

- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  จ.เชียงราย  เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด  เป็นอันดับ 2 ของโลก ( 2550 )  

- ไทยจับปลาได้เป็นอันดับ 9 ของโลก

-รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3,000 ของโลก
 
อันดับที่
505    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
577    มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
721    สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย ( เอไอที )
861    มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
894    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
896    มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
909    มหาวิทยาลัยมหิดล
1009  มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1195  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
1419  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
1460  สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ
1735  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
1801  มหาวิทยาลัยรามคำแหง
1811  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
2068  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2109  มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
2125  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  
2180  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2181  มหาวิทยาลัยบูรพา
2196  มหาวิยาลัยศิลปากร
2204  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
2374  มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
2602  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
2635  มหาวิทยาลัยรังสิต
2922  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร


- จริงๆ ประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ ( แต่ว่าถูกจับไปแล้ว )

- ไทยมีพิพิธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก

- ทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก

- ไทยมีดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ที่อันดับที่ 63 ของโลก ( 2549 )

- ไทยมีจํานวนผู้ป่วยโรคเอดส์มากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ( 2549 )
      บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #431 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2552, 18:09:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 30 สิงหาคม 2550, 12:16:32
:) NN, Never mind, please feel free to enjoy talking anything you want, our DJ of the webboard.

ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือ ( ที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ )

ใช้เป็นไฟฉายก็ได้ครับ...เช่นกรณีส่องหาของที่ตกหล่นในที่มืด แต่ไม่รกมาก
มือถือบางรุ่น ไฟจากหน้าปัดสว่างมากพอจะใช้ส่องของในที่มืดได้ครับ
  gek
      บันทึกการเข้า

...
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #432 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2552, 18:11:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2552, 19:00:23
คนวันจันทร์
 
บอก แล้วว่าดวงจันทร์ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไง มืดกับสว่างแต่ไม่ใช่ว่าคนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น
 
คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์
 
คน เกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมองหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก

หน้าที่การงาน
มักจะทำงาน อะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด
 
สีที่เกี่ยวข้อง
สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก
 
สุขภาพ
โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง

ใกล้เคียงครับ ราวๆ 75 % (ผมก็เกิดวันจันทร์ครับ)
      บันทึกการเข้า

...
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #433 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2552, 20:00:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ Aj.O เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2552, 18:09:58
อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 30 สิงหาคม 2550, 12:16:32
:) NN, Never mind, please feel free to enjoy talking anything you want, our DJ of the webboard.

ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือ ( ที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ )

ใช้เป็นไฟฉายก็ได้ครับ...เช่นกรณีส่องหาของที่ตกหล่นในที่มืด แต่ไม่รกมาก
มือถือบางรุ่น ไฟจากหน้าปัดสว่างมากพอจะใช้ส่องของในที่มืดได้ครับ
  gek

โห,น้องโอ
ไปขุดมาจากไหนเนี่ย?
ตั้งกะปี 2550
      บันทึกการเข้า


Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #434 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2552, 15:34:33 »




ขี้ชะมด มีเม็ดกาแฟที่กินเข้าไปออกมา

อินโดนีเซียถือเป็นประเทศต้นกำเนิดของกาแฟขี้ชะมด เพราะถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวอินโดนีเซียที่บังเอิญไปเดินป่าแล้วพบเห็นขี้ชะมดมีเมล็ดกาแฟที่ไม่ถูกย่อยติดอยู่ นึกเสียดายจึงเก็บเอาเมล็ดกาแฟเหล่านั้นมาล้างน้ำและนำไปลองคั่วชงดื่มดู ปรากฏว่าได้รสชาติและกลิ่นที่หอมหวานเกินห้ามใจ จึงมีการเพาะเลี้ยงชะมดในไร่กาแฟเพื่อผลิตกาแฟขี้ชะมด และ กลายเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรให้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ทำไมถึงมีราคาแพง นั่นเป็นคำถามพื้นฐานที่ใครๆ ต่างก็งงงวย คำตอบง่ายมาก เพราะหายากเนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ทั้งยังรสดีหาตัวจับยาก ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นขณะที่เมล็ดกาแฟอยู่ในท้องของชะมด เอนไซม์และกรดที่อยู่ในกระบวนการย่อยอาหารจะทำปฏิกิริยาทางเคมี คล้ายการหมักทำให้เมล็ดกาแฟมีกลิ่นและลักษณะเฉพาะตัว เมื่อเก็บเมล็ดมาแล้วต้องล้างทำความสะอาดให้ดีก่อนนำไปตากและสีเอาเปลือกออก เสร็จสรรพแล้วก็คั่วและนำไปชง ขั้นตอนยุ่งยากขนาดนี้กาแฟขี้ชะมดจึงถูกซื้อ-ขายกันอยู่ในท้องตลาดด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว



ในประเทศไทยพบ ชะมด หรือ อีเห็น (Civet) อยู่ในทุกภาคของประเทศ ชะมดเป็นสัตว์กินเนื้อที่เลี้ยงลูกด้วยนม ชอบออกหากินเวลากลางคืน รูปร่างค่อนข้างปราดเปรียวของมันทำให้การเคลื่อนตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม้จะชอบกินเนื้อสัตว์เล็กจำพวกแมลง มด กบ เขียด นก หนู ฯลฯ แต่ชะมดก็พิสมัยในรสชาติของส้มสูกลูกไม้อยู่พอสมควร กาแฟเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อใดก็ตามที่กาแฟสุกได้ที่ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟก็จะต้องมีอาการเจ็บหัวใจ เพราะกาแฟในไร่มักถูกเจ้าวายร้ายขโมยกินจนเกลี้ยง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเกษตรกรในสวนกาแฟส่วนใหญ่จึงต้องกำจัดชะมดให้หมดไป เพราะไม่รู้ว่ากาแฟขึ้ชะมดมีราคา

นำมาจาก

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20091207/89726/%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

นำเรื่อง กาแฟขี้ชะมด มาให้พวกเรารู้จักกัน ว่า คือ กาแฟใน อึชะมด  

เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #435 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2552, 17:58:47 »

หนิงจะเลิกดื่มกาแฟเอาน่ะสิคะ
พี่หมอ.
      บันทึกการเข้า


jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #436 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2552, 14:21:41 »

ฟังไว้ ฟังไว้ นะคะ

เหตุใด คนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด
เรื่องจริงที่คนไทยไม่รุ้...............

ชาเขียว เป็นชาที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี
ในขณะที่คนไทยเพิ่งรู้จัก กันไม่เกิน 10 ปีมานี้เอง คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวร้อนร้อนกัน

เพราะได้พิสูจน์ แล้วว่าชาเขียวร้อนมีคุณสมบัติลดอนุมูลอิสระที่เป็นพิษในร่างกายคนเราให้ขับออก
มาทางอุจจาระ และขับไขมันส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ ชาเขียวชึ่งทำให้ร่างกายสามารถขับพิษ
และลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของชาเขียวร้อน ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันตั้งแต่เด็กจนแก่


แต่.... คนไทย นิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น
ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักคุณสมบัติที่แท้จริง ของชาเขียวเลย
ทำให้คนญี่ปุ่นรุ้สึกขบขันในใจแถมหัวเราะเยาะในใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้
คนไทยจะมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนญี่ปุ่น



เพราะอะไรงั้นหรือ...เพราะว่า
ชาเขียวที่มีคุณอนันต์นั้น ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะชาเขียว จะมีประโยชน์
ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันหากดื่มชาเขียวตอนที่เย็น
แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วย
ในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของ
สารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง นอกจากนี้ ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันใน ร่างกายก่อตัว
มากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้าย ตามมา
 อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นต้น

  เหนื่อย เหนื่อย
เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าว
มาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่ง
เห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่
เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยว
ทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้า ไป...........สยองไหมละ

ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวเย็น
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #437 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 02:00:01 »

อาจารย์แจ่มใส ขา ... ดีใจจังที่ได้พี่น่ารักๆ มาร่วมแบ่งปันความรู้สู่กันฟัง เพิ่มขึ้นอีกคนนึงค่ะ ...

ครั้งแรกที่อ่านเรื่องนี้  ในใจก็คิดหาสารพัดเหตุผลมาโต้แย้งข้อความทั้ง 5 paragraph นี่ ... ยังไงๆ ครูวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ชื่อ " เจี๊ยบ " ก็ยังไม่ยอมปักใจเชื่อ  คิดหาทางจะพิสูจน์ความจริงยังไงดีน้อ ... จา mail ไปถามเภสัชกรเหยง " คุณหลวงรอบรู้ " ประจำรุ่น 16 ดี  หรือจาถาม Dr.Masatoshi-ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง " ลดโลกร้อน " หรือจาถาม Dr.Iwata-อดีตศาสตราจารย์ทางเคมี ที่ ม.ช. ดีน้อ  แล้วชาวญี่ปุ่นที่เรารู้จักเนี่ย  เค้าก็คงจะตอบเราในฐานะผู้บริโภคชาเขียวเท่านั้น  คงจะไม่มีเวลาไปค้นคว้าเรื่อง " ชาเขียวร้อน-เย็น " มาให้เราแหงเลย

นึกขึ้นได้  ถามอาจารย์ Google ก่อนดีกว่า ... โป๊ะเช๊ะ !  เจอข้อเขียนข้างบนนี้ เผยแพร่ในปี พ.ศ.2548  ซึ่งต่อมาคุณหมอบรรจบ และคุณสง่าได้ลงข้อเขียนอธิบายไว้ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ  เมื่อกลางปี 2550 ไว้ ความว่า ...
 
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ชาเขียว ” กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม เพราะการโหมโฆษณายกย่องสรรพคุณแสนวิเศษว่าเป็นน้ำมหัศจรรย์ดีเลิศ ช่วยยับยั้งป้องกันสารพัดโรค ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง หัวใจ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล แม้กระทั่งป้องกันฟันผุ จนชาเขียวถูกนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อีกมากมายหลายชนิดทั้งเค้กชาเขียว ยาสีฟัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง ... ผ้าอนามัย

ความจริงที่หลายคนยังไม่รู้คือ การดื่มชาเขียวอาจไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรต่อร่างกายเลยหากดื่มไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ธรรมชาติบำบัด ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข จะช่วยแนะนำและไขข้อข้องใจในการดื่มชาเขียวให้กระจ่างยิ่งขึ้น

นพ.บรรจบอธิบายว่า ทราบกันดีว่าชาเขียวมีสารแคซิทิน ( catecihns ) ซึ่งเป็นสารแทนนิน ( tannin ) ชนิดหนึ่งในชาเขียว  มีฤทธิ์เป็นสารต้านการเกิดมะเร็ง แต่สารดังกล่าวไม่ได้มีเฉพาะในชาเขียวเท่านั้น ชาแดง ชาอังกฤษ ก็มีสารนี้เหมือนกัน แต่การที่ชาเขียวโด่งดังมาก เป็นเพราะในช่วงปี 2540 กองทุนวิจัยมะเร็งโลก สหรัฐอเมริกา ได้มีการรวบรวมงานวิจัยกว่า 4,000 ชิ้น เกี่ยวกับอาหารที่สามารถป้องกันมะเร็ง ซึ่งมีรายงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่าชาเขียวป้องกันมะเร็งได้

อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วการกินชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ จะต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่น และต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 20 แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะสามารถป้องกันมะเร็งได้  ซึ่งในทางปฏิบัติอาจทำได้ยาก

นพ.บรรจบบอกต่อว่า การดื่มชาเขียวในปัจจุบัน เป็นการฉวยโอกาสทางการค้า เป็นการสร้างกระแสความนิยมในวัยรุ่นให้ดื่มเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวด ซึ่งเกิดประโยชน์น้อย เพราะน้ำชาเขียวที่ดื่มกันนั้น เป็นชาเขียวเจือจางที่ร้ายกว่านั้นคือ การปรุงรสแต่งกลิ่นใส่น้ำตาล แทนที่จะได้ประโยชน์ อาจทำให้เกิดโรคอ้วน ดื่มมากๆ อาจทำให้สมาธิสั้น ประโยชน์จึงได้แค่เพียงชื่นใจ และดับกระหายเท่านั้น

ขณะที่สง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขให้ความรู้ว่า ในญี่ปุ่นและจีนมีการดื่มชาเขียวมานานนับพันๆ ปี  มีพิธีชงชาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่าดื่มกันแทนน้ำ แต่ชาของญี่ปุ่นเป็นน้ำชาเข้มข้น ที่ดื่มกันร้อนๆ หลังมื้ออาหาร ทำให้คนญี่ปุ่นสุขภาพแข็งแรง มะเร็งบางชนิดไม่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสารโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในยอดใบชาเขียว  ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็ง

“ แต่คนไทยฟังไม่ได้ศัพท์ จับบางประโยคมาแล้วกินตาม แถมกินร้อนก็ไม่ได้ เพราะประเทศไทยอากาศร้อน แล้วก็ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มรสชาติให้อร่อยถูกใจ กินกันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยที่ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติตามที่มีการกล่าวอ้างจริงหรือไม่  ซึ่งจากการวิเคราะห์หาคุณประโยชน์แล้วก็พบว่า ชาเขียวมีค่าเท่ากับการดื่มน้ำเปล่า และไม่มีสารอาหารวิตามินแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ถือเป็นน้ำเปล่าที่มีราคาแพงด้วยซ้ำ ”

อาจารย์สง่าบอกอีกว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ กาเฟอีนในขวดชาเขียว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการประกาศควบคุมกาเฟอีนในชาเขียวพร้อมดื่มจะสามารถมีกาเฟอีนได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อ 1 ขวด  แต่ในท้องตลาดที่มีการสำรวจกลับพบว่า มีกาเฟอีนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมากถึง 65%  ขณะที่ร่างกายของคนเราสามารถรับกาเฟอีนได้ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน  แต่กาเฟอีนมีอยู่ในเครื่องดื่มหลายประเภททั้งชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มน้ำอัดลม ดังนั้น ถ้าได้รับกาเฟอีนเกินที่ร่างกายรับได้ ก็อาจทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

อย่างในรายที่เกิดเป็นข่าวก่อนหน้านี้ นอกจากจะมีผลต่อการทำงานของหัวใจ และไตแล้ว  ยังมีผลต่อโรคกระเพาะอักเสบ ซึ่งในส่วนประกอบของชาเขียวนอกจากจะมีกาเฟอีนแล้ว  ก็มักจะผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งที่ให้ความหวานสูง เทียบได้กับการดื่มน้ำอัดลมที่เป็นสาเหตุให้เกิดไขมันสะสมเป็นโรคอ้วนได้  ดังนั้นการบริโภคชาเขียวเพื่อมุ่งหวังประโยชน์ด้านสุขภาพ ควรตระหนักในเรื่องปริมาณกาเฟอีน และน้ำตาลมากที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยที่สะพัดทั่วอินเทอร์เน็ตซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ คือ การที่ระบุว่า การดื่มชาเขียวเย็นไม่เกิดประโยชน์แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย  กล่าวคือการดื่มชาเขียวแช่เย็น  ก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันใน ร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้  ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน  มะเร็งลำไส้  เส้นเลือดตีบ ฯลฯ นั้น

นักโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การดื่มชาเขียวเย็นแล้วจะทำให้เกิดพิษภัยต่างๆ นานา ที่กล่าวมานั้น  ขณะนี้ไม่มีหลักฐานการวิจัยยืนยัน หรือแม้แต่การดื่มชาเขียวร้อน  แม้ว่ายอดใบชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้จริง  แต่ก็ไม่มีผลวิจัยที่ชัดเจนว่าการดื่มชาเขียวในคนจะช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้

ขณะที่นพ.บรรจบ เสริมว่า  ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มชาเขียวร้อน หรือเย็นก็ไม่ต่างกัน  เนื่องจากวิธีการดื่มของคนไทยเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ไม่ใช่ดื่มแล้วจะเป็นมะเร็งหรือก่อโรคนั้นโรคนี้  อย่าเชื่อข่าวลือ หรือข่าวทางอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีที่มาที่ไปมากเกินไป  ควรจะใช้วิจารณญาณ  ซึ่งผู้บริโภคสมัยนี้ควรจะศึกษาข้อมูลความรู้มากๆ  เพราะกระแสโฆษณา หรือข่าวลืออาจทำให้ไขว้เขวได้เหมือนกัน

“ ดังนั้น หากมีเงิน แล้วอยากกิน ก็กินไปไม่มีปัญหาอะไร  แต่ถ้าต้องการดื่มเพื่อสุขภาพ แค่น้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว หรืออยากให้มีรสชาติก็แนะให้ดื่มชาสมุนไพรไทยๆ ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ต้องเห่อของต่างชาติ ซึ่งในการรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด มักจะให้ข้อมูล และศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด ว่าดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง แล้วเลือกดื่ม เช่น ถ้ามีปัญญาทางเดินปัสสาวะอักเสบ ซึ่งผู้หญิงที่ชอบอั้นปัสสาวะเป็นกันมากให้ดื่มชาหญ้าหนวดแมว  หรือถ้านอนไม่หลับก็ลองดื่มชาชุมเห็ดไทย  หากความดันเลือดสูง ให้ดื่มชาตะไคร้ใบเนียม  และหากอาหารไม่ย่อย ชาตะไคร้ก็จะได้ผลดี  ที่สำคัญคือ ความเข้มข้นของน้ำ และไม่ควรเติมน้ำตาลจนหวานเกินไป "


ที่มา...หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2550
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #438 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 02:11:23 »

และที่แน่นอน  นอนแน่  ยิ่งกว่าแช่แป้ง  " ชาเขียวเย็น " ได้เนรมิตรทรัพย์สินมหาศาลให้นักธุรกิจไทย  กลายมาเป็นเจ้าของโครงการ resort หรู  แสนสวย สไตล์โมร็อคโค ที่ปราณบุรี ... ดูรูปแล้วอยากไปดื่มด่ำบรรยากาศของประเทศเล็กๆ แต่หรู ในยุโรป ซัก 2-3 คืน อ่ะค่ะ ... อยากไปดู  อยากไปพัก  อยากไปจังเล้ย ...

http://www.marketatnation.com/Gallery/ShowGallery.aspx?ID=2612
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #439 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 03:30:22 »

เปิดทำเนียบอาหาร " แพงที่สุดในโลก "

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

1. เครื่องเทศแพงที่สุดในโลก - แซฟฟรอน



แซฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย ( สีแดงอมส้ม ) ของดอกแซฟฟรอน โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ ( 0.45 ก..ก. ) จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว

ดอกโครคัส พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ ประเทศสเปน กรีซ อิหร่าน อินเดีย โมร็อกโก เป็นต้น แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องเทศแซฟฟรอนได้มากที่สุดในโลกก็คือ อิหร่าน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 94 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก

ประเทศที่นิยมใช้แซฟฟรอนเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้แก่ อิหร่าน และประเทศอาหรับอื่นๆ รวมถึงประเทศในแถบเอเชียกลาง อินเดีย ตุรกี ยุโรป ฯลฯ



ราคาขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ระหว่าง 500-5,000 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์ (ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก)  หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 37,400 - 374,000 บาท/ก.ก.)


2. ถั่วแพงที่สุดในโลก - แมคคาเดเมีย



ถั่วที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป ซึ่งการปลูก ให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ มีฝนตกชุก

ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ ที่นิว คาเลโดเนีย 1 สายพันธุ์ และ ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย  อีก 1 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ และมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย

ไร่แมคคาเดเมียที่ปลูกขึ้นเพื่อการค้าเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในช่วงต้นของยุคปี ค.ศ.  1880 (พ.ศ. 2423) ในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ ของประเทศออสเตรเลีย อีก 2 ปีต่อมาได้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์แมคคาเดเมียจากออสเตรเลียไปทดลองปลูกที่ฮาวาย  นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463) เป็นต้นมาจึงเริ่มมีการปลูกแมคคาเดเมียในเชิงการค้าที่ฮาวาย

นอกจาก ออสเตรเลีย และฮาวายแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ปลูกแมคคาเดเมียเป็นพืชเศรษฐกิจอีก ได้แก่แอฟริกาใต้ บราซิล  สหรัฐอเมริกา  (แคลิฟอร์เนีย ) คอสตา ริก้า  อิสราเอล เคนย่า โบลิเวีย นิวซีแลนด์ และมาลาวี  โดยมีออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก  

สำหรับราคาขายของถั่วชนิดนี้จะอยู่ที่มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. ( มากกว่า 1 พันบาท / ก.ก.)



3. ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก - เบลูก้า คาเวียร์

ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก ไม่ได้มีสีดำอย่างที่หลายท่านคุ้นเคย  แต่เป็นชนิดที่มีสีเทาอ่อนๆ ไล่ลงมาจนเกือบขาว ตามอายุของปลา ยิ่งปลาอายุมากไข่ก็จะมีสีอ่อนลง และมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ

ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาส ( ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า " เพชร " ) ที่ได้มาจากปลา " เบลูก้า สเตอเจี้ยน " อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป  ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. ( ประมาณ 850,000 บาท/ก.ก. )  ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000-10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก.  (ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)  



ปลา " เบลูก้า สเตอเจี้ยน " มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลแคสเปียน  ซึ่งเป็นทะเลปิดที่อยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป อันเป็นพรมแดน ของประเทศรัสเซีย อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน และประเทศคาซัคสถาน บางครั้งอาจพบปลาดังกล่าวอาศัยอยู่ ในแถบทะเลดำ นานๆ ครั้งจึงโผล่ให้เห็นในทะเลอาเดรียติก ปลาชนิดนี้จะถือว่าโตเต็มที่พร้อมให้ผลผลิต ( ไข่ ) เมื่อมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป


4. เห็ดแพงที่สุดในโลก - ทรัฟเฟิลขาว



เห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลกคือ เห็ดทรัฟเฟิลขาว ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ  Langhe แห่งแคว้นปีเอมอนเต  ทางตอนเหนือของ ประเทศอิตาลี ในอดีตคนเก็บเห็ดทรัฟเฟิลจะใช้ " หมู " อู๊ดๆ ช่วยดมกลิ่นค้นหา แต่ระยะหลังๆ มักนิยมใช้สุนัขมากกว่า เพราะสุนัขจะไม่กินเห็ดเหมือนหมู  เห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 - 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. ( ราว 82,000 - 183,502 บาท/ก.ก )

เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เห็ดทรัฟเฟิลสีขาว น้ำหนัก 1.08 กก. จากอิตาลี ถูกนายสแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า ประมูลไปในราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.8 ล้านบาท แต่สถิติเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาสูงสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าเก่า เป็นผู้ชนะประมูลเมื่อปี ค.ศ.2007



5. มันฝรั่งแพงที่สุดในโลก - La Bonnotte



มันฝรั่งราคาแพงที่สุดในโลก คือ “ La Bonnotte ” ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น  แถมปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน ทั้งยังบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก. ด้วยเหตุนี้ มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว


6. เนื้อแพงที่สุดในโลก - เนื้อที่มาจากวัววากิว ( Wagyu ) ประเทศญี่ปุ่น



เนื้อแพงที่สุดในโลก คือ เนื้อที่มาจากวัววากิว ( Wagyu ) ประเทศญี่ปุ่น วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลาย กล้ามเนื้อให้วัว  หรือไม่ก็ผสมสาเก หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร

เนื้อวัวหลายชนิดที่คนรักเนื้อในบ้านเรารู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน  แต่สาเหตุที่เรียกชื่อต่างกันเป็นเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง ( เนื้อโกเบ มาจากฟาร์มในเมืองโกเบ ส่วนเนื้อมัตสึซากะมาจากฟาร์มในเมืองมัตสึซากะ เป็นต้น )



เนื้อจากวัววากิวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก - ที่ยุโรป  เนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท



7. แซนด์วิชแพงที่สุดในโลก - คลับแซนด์วิช " von Essen Platinum "  



นี่คือโฉมหน้าแซนด์วิช " แพงที่สุดในโลก " ฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู " von Essen " ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ  หลังจากสังเกตุส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน เขาจึงคิดรวบรวม ส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ “von Essen Platinum Club Sandwich” ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น  ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet de Bresse ของฝรั่งเศส)  แฮม Iberian ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายาก  คุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี  ไข่นกกระทาต้มสุก และขนมปังที่ผลิตจากแป้งชนิดพิเศษ

แซนด์วิช " von Essen Platinum " ของเชฟพาร์คินสัน จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์ หรือกว่า 5.5 พันบาท  ถ้าใครอยากลองทานว่าจะเด็ดสักแค่ไหน ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร " Cliveden’s Waldo "  ของโรงแรม " von Essen "


8. พิซซ่าแพงที่สุดในโลก - พิซซ่า Luis XIII
  


พิซซ่าที่แพงสุดในโลก คือ พิซซ่า "Louis XIII"  ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ " เรนาโต้  วิโอล่า "

พิซซ่า "Louis XIII"  มีขนาด 8 นิ้ว ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม. ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่า ล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento ( ในอิตาลี ) และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray ในประเทศออสเตรเลีย ฯลฯ



" เรนาโต้  วิโอล่า "

พิซซ่าแพงสุดในโลก " Louis XIII " จำหน่ายในราคาอันละ 8,300 ยูโร หรือเกือบ 4 แสนบาท ( ราคานี้รวมค่าตัวเชฟและผู้ช่วยอีก 2 คน ที่จะหอบข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ไปทำพิซซ่าถึงบ้านลูกค้า )


9. ออมเล็ตแพงที่สุดในโลก - ออมเล็ตของภัตตาคาร Le Parker Meridien ในกรุงนิวยอร์ค



" ออมเล็ต " หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร " Le Parker Meridien " ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา

ที่นั่นเขาขายออมเล็ต (ภาพบน) จานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ ( sevruga)  น้ำหนัก 10 ออนซ์ กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น ( เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท )


10. ขนมหวานแพงที่สุดในโลก - ไอศครีม ซันเด ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน



ไอศครีมช็อคโกแลตซันเดย์ถ้วยนี้ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ด ว่าเป็น " ขนมหวานแพงที่สุดในโลก " มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยสนนราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท
 
“ Frrrozen Haute Chocolate ” คือ ชื่อของช็อคโกแลต ซันเดย์แพงระยับถ้วยนี้  ส่วนสาเหตุที่มีราคาแพงเนื่องมาจากไอศครีมมีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดี และหายากมากๆ จำนวน 28 ผล  ( ในจำนวนนี้มีอยู่ 14 ผลที่เป็นโกโก้ชนิดแพงที่สุด ) และทองคำ 23 เค ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม  

ไอศครีมดังกล่าวจะถูกบรรจุลงในถ้วยทองคำ ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย  นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต

เท่านั้นยังไม่พอ ไอศรีมถ้วยนี้ยังถูกแต่งหน้าด้วยวิปครีม โรยทับอีกชั้นด้วยทองคำ ประดับด้วยช็อคโกแลต " La Madeline au Truffle " จากร้าน Knipschildt Chocolatier ที่ขายในราคาปอนด์ละ 2,500 เหรียญ ( 85,000 บาท/0.45 กก. )

สำหรับช้อนทองที่เห็นในภาพว่า ประดับด้วยเพชรสีขาว และสีช็อคโกแลต  ลูกค้าสามารถนำกลับไปดูเล่นที่บ้านได้ ... แต่ถ้วยและสร้อยทองคล้องเพชร 1 กะรัต ห้ามเอาไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ออกจากร้านแน่นอน


Oh ! man !  ตาโตเท่าไข่ห่าน  กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ... " ไม่อร่อยล่ะ น่า ดู "



      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #440 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2552, 14:37:29 »

นกสวยติดอันดับ

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา










ดร.ทราย 16 จ๋า ... เจี๊ยบรู้จักชื่อแค่ นกยูง กะ นกเป็ดน้ำ  อีก 6 ตัวเป็นนกอารายกันมั่งล่ะ ? ( ห้ามตอบว่า นกสีสวย / นกมีปีก / นกบินได้ / นกจริงๆ ไม่ใช่น้องนก / นะ ... ฮึ่ม ! )
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #441 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2552, 17:45:33 »

พี่เจี๊ยบ,
หนิงขอขอบคุณพี่ในนามเวบบอร์ด
ที่มีเรื่องดีๆมาให้พวกเราทึ่งได้ตลอดปี.
ขอให้ปี 2553 คงรูปแบบเดิมที่ทุกคนคุ้นเคย
ไว้นะคะพี่....

ขอสวัสดีปีใหม่ 2553แด่พี่และพี่ๆผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #442 เมื่อ: 01 มกราคม 2553, 22:52:27 »

จ้า  หนุงหนิง  ขอบคุณสำหรับ " คำขอบคุณ " นะคะ ... มาชนแก้วกันหน่อย  Cheer !

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #443 เมื่อ: 04 มกราคม 2553, 10:31:55 »

17 ภูมิประเทศแปลกๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ16 ... ส่งมา    

โลกใบนี้มีสถานที่แปลกๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากมาย และในจำนวนนี้มีบางแห่งที่เห็นภาพแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีอยู่จริง...
 
1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา


" เดอะเวฟ " คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน  เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก  เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก  ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน  และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้

 
2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย ( รัฐหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย )


นี่คือภาพลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บนเกาะแทสมาเนีย  ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล  บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็นแนวเส้นตรงนั้น  เกิดจากแรงตึงของผิวโลก  ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย  

  
3. หินรูปทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว ( White Desert ) ประเทศอียิปต์


ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสีขาว และครีม  ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย  อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

      
4. บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด ( Blood Pond Hot Spring )  ที่เบปปุ  ประเทศญี่ปุ่น


น้ำพุร้อนสีเลือด ( Chinoike Jigoku ) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ  ในจังหวัดโออิตะ  บนเกาะคิวชู  สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง


5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ


Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา  ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยม และหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง  องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.  1986 ( พ.ศ. 2529 )

 
6. ทะเลเกลือ ( salt flats ) ที่ Salar de Uyuni  ประเทศโบลิเวีย


จริงๆ แล้วที่ราบเกลือ หรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน  แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศโบลิเวียนั้น  มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  โดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร

  
7. ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน


อุทยานป่าหิน ( Shilin National Park ) ในเมืองคุนหมิง  จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  โดยมีพื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร  แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น  เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ผิวโลก  แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก  เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้านปีเลยทีเดียว


8. ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตาร์คติกา ( ขั้วโลกใต้ )


ธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้  มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสีแดงส้ม  ตัดกับน้ำแข็งส่วนอื่นๆ  ซึ่งมีสีขาวโพลน  เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยออกไซด์ของเหล็ก  (iron oxide )  ซึ่งก็คือ " สนิม " นั่นเอง  ด้วยเหตุนี้บริเวณดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามตามลักษณะทางกายภาพว่า " น้ำตกเลือด " ( Blood Falls )  

  
9. ทะเลสาปสปอท เลค ( Spotted Lake ) ประเทศแคนาดา


“ สปอท เลค ” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาปที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ  อาทิ  แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก  แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาปแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน  นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น ( ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้ )


10. ทะเลทรายแบล็ค ร็อค ( Black Rock Desert ) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา


ทะเลทรายแบล็คร็อค คือ ก้นทะเลสาปที่แห้งสนิท  ครั้งหนึ่งดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาปในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า " Lahontan "  ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัย 18,000-7,000 พันปีก่อนคริสตกาล  ในช่วงที่ทะเลสาปโบราณแห่งนี้มีระดับน้ำสูงสุด ( เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน ) ทะเลทรายแบล็คร็อคเคยอยู่ใต้น้ำที่มีความลึกถึง 150 เมตรเลยทีเดียว

  
11.ถ้ำคริสตัล ( Crystal Cave ) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


ถ้ำคริสตัล เป็น 1 ใน 240 ถ้ำ ( ที่ถูกค้นพบ ) ภายในอุทยานแห่งชาติ Sequoia  ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย  ถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำ " หินอ่อน " ธรรมชาติ ที่ภายในมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 9 องศาเซลเซียส  ซึ่งการจะเข้าไปชมภายในถ้ำ  ต้องอาศัยไกด์ทัวร์เป็นผู้นำทางเท่านั้น

 
12. ทุ่งหินรูปรังผึ้ง Bungle Bungles ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย


ทุ่งหินทรายที่มีรูปทรงคล้ายรังผึ้ง หรือ Bungle Bungles นี้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Purnululu ที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1987 ( พ.ศ. 2530 )  กลุ่มหินดังกล่าวประกอบด้วยหินทราย และหินกรวดมน  ซึ่งเมื่อประมาณ 375-350 ล้านปีก่อนหินเหล่านี้เคยเป็นตะกอนในลุ่มน้ำ " Ord "


13. ภูเขาไฟ Redoubt ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา  


Redoubt เป็นภูเขาไฟมีพลัง ( active volcano ) อายุนับพันๆ ปี ที่ยังคงคุกรุ่น และเกิดการปะทุหรือระเบิดขึ้นบ่อยครั้ง  โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา  


14. ดินแดนโบราณ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี


คัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 ( พ.ศ. 2528 )  ดินแดนดังกล่าวมีภูมิประเทศที่แปลกตาซึ่งเกิดจากจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่  เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน ได้เป็นตัวแปรที่ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม  บางส่วนมีประชาชนอาศัยอยู่ภายใน

  
15. ทะเล ( สาป ) เดือด Boiling Lake ประเทศโดมินิกา ( Commonwealth of Dominica )


“ Boiling Lake ” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ( รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์ )  มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร  อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส  ระดับน้ำภายในทะเลสาปแห่งนี้มีลักษณะขึ้น-ลงตลอดเวลา  โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 ( พ.ศ. 2549 ) น้ำในทะเลสาปแห่งนี้ได้แห้งเหือดหายไป  และเพิ่งกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

  
16. แม่น้ำสีแดง ( Rio Tinto ) ที่ประเทศสเปน
 

บริเวณพื้นที่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำ Río Tinto มีการทำเหมืองทองแดง เงิน ทอง และแร่ธาตุอื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ( ราว 5 พันปีก่อน )  ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูงมาก  ส่วนสาเหตุที่น้ำมีสีแดงก็เนื่องมาจากก้อนหินที่อยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ประกอบด้วยธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้นนั่นเอง  เหมืองในแถบนี้ถูกปิดมานานนับ 10 ปี  แต่เนื่องจากทองแดงมีราคาสูงขึ้น  เจ้าของเหมืองจึงมีแผนเปิดเหมืองทองแดงอีกครั้งในปีหน้า


17. หุบเขาโลกพระจันทร์ ( Vale de Lua ) ที่ประเทศบราซิล


หุบเขาโลกพระจันทร์ หรือ " The valley of the moon " เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี  โดยพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินจะมีน้ำจากแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่  ภายในดินแดนประหลาดแถบนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros  ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 ( พ.ศ. 2544 ) ที่ผ่านมา


      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #444 เมื่อ: 06 มกราคม 2553, 18:28:21 »


              

จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่

มีประโยชน์มาก และ ช่วยกันบอกต่อ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้

1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง

2. ถอนคันเร่งออก

3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง

4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะว่า จะทำให้รถหมุน

5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะ เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ จากเพลา

6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน


7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ

8.  เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ

เหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็ คือ ยางระเบิดขณะรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ    

รถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING

                

กรณีที่ 2   เมื่อรถตกน้ำ

ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม
 
รถจะไม่ตกลงไปใน น้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ

จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้  

ควรตั้งสติให้ดี และ ปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
 
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด

3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
 
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน

5.หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน!ในรถและนอกรถให้เท่ากัน

มิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก น้ำจากภายนอกจะดันประตูไว้

หมายเหตุ ควรมีฆ้อน ที่เคาะกระจกให้แตกได้ติดไว้ในรถ เป็นทั้งอาวุธป้องกันตัว

และ ไว้ใช้ทุบกระจกหน้า หรือ หลังรถให้แตก เพื่อออกจากรถ เพราะ เมื่อรถจมน้ำ
ระบบไฟฟ้า จะขัดข้องใช้การไม่ได้
 เหนื่อย

6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด

แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของ รถได้


7.  จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ
 
หรือ จะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้

         ในกรณีนี้หาก น้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำ  

ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะ อาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ

         กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ ก็จะไม่มี อาการ หลงน้ำ


หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็ก อาจจะหนีบเด็กนั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน

         ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้
 
อยากให้ ทุกคน ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ

เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา สามารถช่วยลดอัตราการตายและ

การบาดเจ็บได้แน่นอน

         สำหรับเรื่องรถตกน้ำและออกไม่ได้คนอยู่ในรถเสียชีวิตนี้ ขอเชิญชวนพวกเรา

ร่วมไว้อาลัยให้ หมอเคมี โฉมโสภา แพทย์จุฬาฯ ชาวหอฯ รุ่นเดียวกันผม เข้าปี 17
มือกีต้าร์ วงหอพักซีมะโด่ง ได้เสียชีวิตพร้อมกับจิตแพทย์ รวมเป็น 4 คน  sorry

                

Re: ชนใดไม่มีดนตรีกาล : สมชาย17 ที่ 29 เมษายน 2552, 10:08:27 ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php?action=printpage;topic=3182.0

         ทำให้จิตแพทย์ ร.พ.ขอนแก่น ขาดจิตแพทย์พร้อมกัน 4 คน  ฮือๆ
หวังว่าคงไม่เกิดขึ้นอีก นะพวกเรา

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #445 เมื่อ: 06 มกราคม 2553, 19:17:28 »

พี่หมอสำเริง,

สวัสดีปีเสือคะ.

ถามว่า:ปลดกระจก,ปลดsafety belt,เปิดประตู
ตอนรถกำลัง"ลอย"ยังไม่จม...จะง่ายกว่ามั้ยคะ?


nn.
      บันทึกการเข้า


Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #446 เมื่อ: 06 มกราคม 2553, 19:31:57 »


พี่หมอสำเริง,

         สวัสดีปีเสือคะ.

         ถามว่า:ปลดกระจก,ปลดsafety belt,เปิดประตู

ตอนรถกำลัง"ลอย"ยังไม่จม...จะง่ายกว่ามั้ยคะ?

          ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         ถ้าทำได้ ก็จะเป็นการดี ใช้ได้ดีที่สุด แต่เวลาตกใจอาจทำไม่ทัน

แต่ถ้าจมน้ำแล้ว แรงดันน้ำข้างนอกจะดันไว้ ทำให้เปิดประตูไม่ได้ และ

ระบบไฟฟ้าอาจจะเสียเมื่อรถจมน้ำ

         อย่างไรก็ตามถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องทำตามที่แนะนำ ครับ น้องหนิง

           

                            รักนะ รักนะ รักนะ



      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #447 เมื่อ: 06 มกราคม 2553, 23:02:02 »

พยากรณ์ชีวิต ปี พ.ศ.2553

มานิต - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา
 
คำพยากรณ์ของอาจารย์นพ

ดวงความผันผวนปั่นป่วนย่อมต้องมีมากมายในปีศักราช 2553  เช่น  การแตกแยกของความคิด คำพูด และการกระทำใดๆ ของผู้คนในแผ่นดิน  เกือบจะทุกชาติทุกภาษาแหละหนา  ทั้งเศรษฐกิจความเป็นอยู่ อากาศ อาหาร ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปผิดแผกจากธรรมดาที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน  เราท่านหากปลงไม่ตก  หรือปรับตัวได้ไม่ทันกาลอาจเดือดร้อนแสนสาหัสได้

ตำแหน่งดวงดาวเป็นเครื่องชี้บอก ทั้งเวรกรรมและธรรมชาติทั้งปวงในจักรวาล ข้าพเจ้ายึดถือปฏิทินโหราศาสตร์ของ " อาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว " เป็นบรรทัดฐานในการพยากรณ์เสมอมา และขอพยากรณ์ในปีพุทธศักราช 2553 ดังต่อไปนี้

**********************

ราศีเมษ  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 มี.ค.-20 เม.ย.

ปีนี้ น่าจะต้องเป็นปีทองของท่านบ้าง ทั้งเรื่องของกิจการงาน ความหวังและเป้าหมายที่ดิ้นรนต่อแต่ปีกลายมา หากแต่ว่าโลกร้อนหรือสิ่งแวดล้อมรอบกายมันไม่อำนวยนัก เช่น พี่น้องคนเกี่ยวข้อง คนรักคู่ครองหึงหวงไร้จุดหมายหรือคนหวังดีแต่ประสงค์ร้ายมันจ้องบ่อนทำลายทั้งทางตรงด้านอ้อม หนำซ้ำ สุขภาพพลานามัยไม่ช่วยอารมณ์แจ่มใสเช่นเก่าก่อนมา จิตใจและสติปัญญาอ่อนล้าไม่กระฉับ กระเฉงเช่นเคยเป็นมา ผู้ใหญ่คนเหนือกว่าตกปากรับคำมาไม่ดูดำดูดีเท่าที่ควรเป็น ไปได้ เรื่องง่ายก็เกิดยากลำบากใจจัง

การเงิน ทั้งเข้าและออกไม่ลื่นมือเช่นปีก่อนมา ลาภฟลุกหรือเงินจรที่เคยมีประจำก็หดหาย และบางจำนวนกว่าจะได้หรือถึงมือมาแทบน้ำตาตกใน หรือต้องเหนื่อยยากกว่าแต่ก่อน กิจการเราเป็นพนักงานใครเขาก็หาได้ชื่นใจหรือคล่องตัวดั่งเก่าก่อนไม่ ซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือเดินนายหน้าหวังได้มาก็แสนยากต้อง จำใจเดินทางทั้งขึ้นเหนือและล่องใต้บ่อย  แต่ละคราวความหวังที่รออยู่ข้างหน้าพอ มีมาบ้าง

เรื่อง ของความรักท่านมาถูกทางหรือต้องเจอคนถูกใจ ความเป็นไปได้เรื่องการครองคู่มี ช่วงนี้ชาตาชีวิตงอมทั้งสองฝ่าย หรือต้องมีการแต่งหรือต้องตามกันไปอยู่กิน เนิ่นนานปานใดขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจ และศีลธรรมประจำตัว หรือต้นแบบของกรรม เวรแต่หนหลัง เรื่องวัยและฐานะมีมาแต่ก็ไม่เป็นปัญหา  เนื่องแต่เป็นจังหวะที่ท่านต้องสะดุดรักเข้าอย่างแรง และทุกอย่างก็ต้องสมใจนึกบางลำภูแน่นอนด้วยหนา.

ราศีพฤษภ  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 เม.ย.-20 พ.ค.

ปีนี้  มากด้านหลายปัญหามีมาทับถม หรืออาจล่มจมลงได้ด้วยบาปกรรมมันซ้ำเติม ปีนี้ทำคุณเป็นโทษโปรดสัตว์ได้ บาป ยุ่งยากลำบากใจตัวเองมากด้าน งานบุญการกุศลต้องเสาะหาเข้าใส่ตนบ้างหนา กรรมแต่ปางก่อนมันตามมาทันเจอแต่ วิบากกรรมซ้ำซ้อนและซ่อนเงื่อน บางเรื่อง บางอย่างนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นหน แต่มีคนหยิบยื่นโยนใส่ตนต้องรับกรรม ท่านคงต้องผิดหวังอย่างมากจากที่กำหนดไว้มิเป็นธรรมกับท่านนัก

การเงิน แม้นมีเงินทองคล่องหรือสะดวกมือจับจ่ายซื้อหา หรือเงินนั่นแหละ คือตัวปัญหาที่ต้องผูกรัดให้เราต้องสะเทือนใจ ตนได้ คดีความโรงศาลที่เรามิปรารถนาก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงด้านอ้อม เงินเราให้เขายืมก็ต้องสูญหรือยากได้คืน อาจผิดพ้องหมองใจแม้นเป็นญาติและเพื่อนรักปานใด แต่โชคจากผีสางนางไม้ผลักดันให้ก็พอจะมีมา แบบซื้อลอตเตอรี่ถูกหรือแทงหวยรวยเดินนายหน้าสำเร็จได้เงิน

เรื่อง ของความรักอาจพลัดพรากหรือต้องจำจากเป็นครั้งเป็นคราว อาจวังเวงบ้างเป็นช่วงเป็นตอน สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเลย เรื่องรักน่าจะต้องเจอแล้วเกิดอกหักก่อนวัยอันควร หรือตกบ่อแล้วขึ้นได้ยากจากที่อีกฝ่ายขุดล่อ สำหรับท่านที่มีมากรายก็คงต้องจำหน่ายแบ่งปันใครอื่นไปครองมั่ง เรื่องวัยและฐานะก็ยังคงเป็นตัวปัญหาที่ความรักเปราะบาง หรืออาจจมก่อนจอดฝั่งแม้นจะมั่งคั่งปานใดก็ซื้อหารักให้สมใจได้ยาก.

ราศีเมถุน  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 พ.ค.-20 มิ.ย.

ปีนี้  ยังคงอึดอัดจิตใจ  หรือทุกอย่างยังไม่คลี่คลายไปในทางโปร่งใสช่วงต้นและกลางปี ต่อเมื่อปลายปีทุกอย่างจึงโปร่งใส และคลี่คลายมลายลงได้ ทั้งกิจการงานการแบกภาระหนี้ทั้งสิ่งสินและบุญคุณกันมานั้นด้วย แม้แต่สุขภาพก็ต้องสดใส หรือเจอคนหมอที่รักษาตรงโรคภัย เดินทางห่างเรือนไปจึงได้โชคมีลาภทั้งแบบฟลุก หรือบังเอิญเสมือนฝัน ปลายปีดูเหมือนทุกอย่างจะดีไปเกือบทั้งสิ้น งานบุญการกุศล หรือสร้างความดีเข้าใส่ตนก็ต้องเป็นไปได้สมใจ เรื่อง ราวยาวก็ต้องสั้นลงมา ความเป็นจริงก็เกิดขึ้นเห็นผลสมประสงค์ทุกเรื่อง

การเงิน ก็จักต้องคล่องมือมากขึ้น หรือ มีการรับเข้าแบ่งปันมา ซื้อขายแลกเปลี่ยนก็สะดวกและคล่องสมจริง ซื้อลอตเตอรี่แทงหวยต่อให้หลับตาหยิบมามันยังถูกรางวัล ขั้นตอนของรายได้แบบเงินเดือนหรือซื้อขายแลกเปลี่ยนก็ต้องสะดวกใจและเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ  โอกาสทองที่จะต้องได้ปลูกบ้านสร้างเรือน  หรือซื้อรถออกเรือก็ต้องทำได้มาก หนี้เก่าที่ใครเอาไปก็ต้องได้คืนเหมือนฝันกลางวันทั้งทางตรงด้านอ้อม

เรื่อง ของความรัก คงต้องมีการเข้าใจผิดหรือคิดมากเรื่องของความหึงหวงห่วงหา ความเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจตนจะต้องหัดปรับปรุงและสร้างอารมณ์ตัวเองให้หนักแน่นเพื่อการอยู่รอดของความรักที่หายากนักหนานั่น สำหรับผู้ที่เพิ่งสะดุดรักเมื่อไม่นานมา กำลังอบอุ่นก็ต้องเจอมรสุม หรือคนเข้ามาแย่งแข่งขันหากท่านไม่เก่งจริงอาจหลุดลอยตามลมไป เมื่อช่วงเกือบจะท้ายของปีเสือนั่นหนา คนข้างกายใกล้ชิดคิดไม่ซื่อต้อนวัวเราเข้าคอกเขา.

ราศีกรกฏ  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 มิ.ย.-20 ก.ค.

ปีนี้ ค่อยโล่งโปร่งใสสะดวกกายสบายใจขึ้นมาบ้างบางเรื่อง ในช่วงต้นปีถึงกลางปี มักมีสิ่งแปลกใหม่ไหลเข้ามาให้ได้ขบคิด ชื่นชม ท่านที่รายได้ยังต่ำแต่รสนิยมสูง โชคสองสามต่อก็เข้ามาช่วยผลักดันให้สมใจ หรือความเป็นจริงมีมาอาสาเขารับปากใครก็แก้ไขหรือเดินหน้าเห็นผลได้ด้วยดี กิจการท่านหรือเป็นพนักงานใครก็ทำท่าไหลลื่นเข้าเป้า เรื่องของสุขภาพกายหรือพลานามัยก็แจ่มใส โรคภัยเกิดแพ้หยูกยา หรือเจอหมอ เทวดามาช่วยเยียวยาให้โรคหาย

การเงิน  ก็ต้องคล่องมือและสะดวกใจ ซื้อขายแลกเปลี่ยนก็เข้าเป้า ซื้อลอตเตอรี่แทงหวยต่อให้หลับตาหยิบยังถูกรางวัล ทั้งต้นปีกลางปี หรือปลายปีโอกาสทองต้องเป็นของท่าน ทั้งเรื่องของเงินทองลาภผล ความสำเร็จของกิจการงาน เดินทางไม่ว่าจะขึ้น เหนือหรือล่องใต้มักเจอคนคอยช่วยค้ำชูดูแลใส่ใจ ปัญหาเก่าแก้ไขได้เกือบจะทุกเรื่อง

ความรัก ยังคงขัดข้องหรือเจออุปสรรค ปัญหา เนื่องแต่กรรมเก่ามันตามรามา ท่านอาจหงุดหงิดจิตใจหรือถูกขัดจังหวะที่กำลังจะเป็นจริงเรื่องรักทั้งต่างวัยและฐานะ แม้นมีอยู่แต่นานมาก็จะต้องถูกคู่แข่งหรือเจอคนคิดแย่งแบบด้านๆ   เอาเป็นอันว่าเรื่องของความรักจักเจอปัญหาโลกแตกยากแก้ไขไหว   ต้องปล่อยตามดวงไปก่อนเถิดหนา พี่น้องคนเกี่ยวข้องผูกพันรักกันชอบกันก็ยังเป็นตัวปัญหาปวดขมอง เป็นปีที่ความรัก มัวหมองนั่นแล.

ราศีสิงห์  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 ก.ค.-21 ส.ค.

ปีนี้ นับแต่ต้นปีเป็นต้นมาหลายอย่าง ทำท่าดีแต่มันไม่ดีไม่ได้ดอกหนา โทษตนเอง ก็ไม่ได้ต้องโทษเทวดาฟ้าดินไม่เกื้อหนุนทำดีแต่ละอย่างออกไปก็เสมือนไฟตกน้ำ ต่อเมื่อถึงกลางปีจึงค่อยคลี่คลายมองเห็นความสมจริงมันสมใจได้บ้าง ทั้งกิจการท่านเองหรือเป็นพนักงานใครเขาด้วยหนา  หากรับราชการก็ยิ่งต้องหนักแน่น คนเหนือกว่ามันเหยียบไหล่เราไปหาความดีงามของมัน ท่านที่ตกงานอยู่หรือคิดเปลี่ยนแนวทางของกิจการงานใหม่ ความเป็นมาได้สูงและต้องเร่งทำเถิด ชาตาดีเด่นเป็นจริงสมใจได้เมื่อเกือบปลายปีทุกอย่างดีไปทุกด้านแล

เงินทอง แลลาภผลต้องตั้งเป้าเอาไว้ให้กว้างและสูงส่ง แม้นจะหล่นลงมาน้อย แต่ก็ได้จำนวนโข ท่านที่เพิ่งสร่างจากการล้มลุกคลุกคลานเมื่อไม่นานมานั้น ตอนนี้ปีนี้ต้องเป็นทีของท่านบ้างแล้วละหนา ว่าแต่ว่าจะต้องขยันเพิ่มขึ้นอีกสองสามต่อ หรือต้องหัดเป็นคนไม่มัวแต่เกรงใจเขาอายใครอยู่ สู้น้า สู้เดินหน้าออกสู้ต้องรวยหรูโดยมิต้องสงสัยเลย  เดินนายหน้าเป็นคนกลางหลับตาซื้อหวยก็โอกาสรวยได้ไม่ยากนี่นา

เรื่อง ของความรักมันทั้งเปราะแบบ บางแต่ต้นปีมา ตกตอนกลางปีหรือเมื่อถึงปลายปีเป็นทีของท่านอย่างแรง แกล้งไม่นำ พาอีกฝ่ายก็ต้องตามง้อหรือต้องต่อจนจบเกมรักละน่า หากยังไม่เคยเลยเรื่องรักก็ต้องเจอเข้าอย่างจังเมื่อออกเดินทางขึ้นเหนือ ท่านที่สุขภาพกายไม่ค่อยจะอำนวย ต้องได้ หยูกยาทำลายโรคร้าย สภาวะจิตใจต้องสดใสแลแจ่มจ้าเป็นที่มาของความรักที่จักต้องสมประสงค์เมื่อช่วงปลายปีนั่นหนา.

ราศีกันย์  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  22 ส.ค.-22 ก.ย.

ปีนี้ นับแต่ปีกลายเป็นต้นมา ถึงเกือบกลางปีเสือ อาการป่วยไข้ หรือความไม่มีสุขเจอแต่เรื่องทุกข์และเศร้าหมอง เงินทองก็หดหายหาได้ไม่ค่อยจะพอจ่าย ทางออกมากกว่ารับเข้าอยู่ร่ำไป  เรื่องญาติและคนเกี่ยวข้องก็ยังเป็นต้นตอให้ต้องคิดมากคำนึง หลาย เลือดลมในกายก็โคจรไม่สม่ำเสมอ ต้องเข้าหาหมดยาหมอเส้นหมอเอ็น แสนจะต้องทนทุกข์เรื่องของสุขภาพพลานามัย ต่อเมื่อปลายปีชีวิตจึงแจ่มใสไปมาหนใดก็โปร่ง

เงินทอง ลาภผลและความสำเร็จต้องเกิดขึ้นเสมือนประหนึ่งเทวดาชดเชย ทำน้อยก็ได้มากหรือไหลมาเทมามิขาด สิ่งที่น่าจะต้องผิดพลาดก็กลายเป็นถูกต้อง ผู้คนยกย่องมองเห็นเป็นดีงาม เรื่องของเราปัญหาของใครเขาอื่นก็แก้ไขให้เขาได้ด้วยดี ซื้อถูกขายแพงก็ยังไหลลื่น คนเอาเงินทองคาดว่าสูญก็ยังได้คืนแบบหน้าชื่น  หนำซ้ำถูกหวยรวยเบอร์ หรือมีคนชักจูงผลักดันให้เข้าหุ้นลงทุนร่ำรวยแบบไม่คาดฝันตอนกลางวันนั่นแหละหนา

เรื่อง ของความรักแม้นจะเคยปวดใจมานักหนา และเจอกับความสาหัสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้แต่ปีกลายมา ถึงตอนนี้เป็นทีของ เราบ้างแล้วหนา เจ้าเก่าตามงอนง้อรายใหม่ ที่เพิ่งเจอก็เอาใจเสมือนว่าเราเป็นเทวดามาเกิด เขาจึงตามเอาใจให้ความรักความสนใจ จนเราเองแอบอายตัวเอง เดินทางทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ต้องเจอคนถูกใจอย่างมากให้ระวังอย่า เผลอพึงรู้ไว้ลูกเขาไม่เป็นไร ผัวเมียใครอื่นอย่ามันเกิดกรรมตามมาแล.

ราศีตุล  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  23 ก.ย.-22 ต.ค.

ปีนี้ ความยุติธรรมกับท่านมันห่างเหินกันจัง ความเป็นจริงที่ดีงามก็หายหัวไปหดตัว หนแห่งใดตามยาก หนำซ้ำโรคภัยไข้เจ็บก็ตามรามา หรือกำเริบขึ้นมาต้องตามเยียวยากันหนัก อาจผิดหวังบางอย่างในสายงานแลความเป็นอยู่ ผู้คนทั้งน้ำคำน้ำใจหาได้ยากยิ่ง ทั้งตอนต้นปีและปลายปีนั่นหนา แต่ช่วงกลางปีมันดีสุดพรรณนา เงินทองก็เข้าขวาเข้าซ้าย คนนิยมชมชื่นจนหลงระเริงระวังปลาตายน้ำตื้น คนสมัยนี้ปากอย่างใจอย่างแบบนักการเมืองน่ะ

เงินทอง แลลาภผลความสำเร็จบางอย่างเกินเป้า บางเรื่องบวกความเศร้าหมองจนไม่อยากมองหน้าเทวดาองค์ใด เรื่องสั้นก็ยังยาวออกไป หรือเจอกับความยุ่งยากจนบางเวลาเกิดท้อหมดความอดกลั้นไหว ต่อเมื่อปลายปีจึงคลี่คลายและสมใจนึกเกือบทุกด้านทุกประการมา สัญญาที่เคยเปลี่ยนไปก็ชะงักลงตัวสมใจ สิ่งที่คาดหวังก็หล่นลง ถึงมือมา ชื่อเสียงก็มีคนยกย่องงานก็ลงตัวสำเร็จตามเป้า สะดวกใจเกือบทุกด้านด้วยดี

เรื่อง ของความรักแม้นจะเปราะบางปานใดแต่ก็ลงตัวสมใจ หรือเข้าเป้าลงเอยไปได้ไม่ยาก อุปสรรคขวากหนามที่เคยมีมันก็หดหายกลายเป็นสุขสมบรมสำราญยิ่ง ว่าแต่ว่าท่านเองก็ต้องรักษาความเป็นจริงไปตลอดรอดฝั่ง อย่าเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจ หรือมองเห็นรายอื่นเข้ามาใหม่มันสดใสกว่าเก่านั่นหนา ฟ้าดินจักไม่ปรานีท่านเช่นที่เป็นมาน่ะ ท่านที่มีคนรักอยู่มากมายคงถูกแบ่งหรือต้องมีคนคิดแย่งไปบ้างก็น่าปล่อยเปิดทางเถิดหนา.

ราศีพิจิก  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  23 ต.ค.-22 พ.ย.

ปีนี้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายด้าน ทั้งกิจการงานบ้านเรือนความเป็นอยู่ การดิ้นรนต่อสู้เพิ่มมากขึ้นเป็นสี่ห้า เท่า  หนำซ้ำเรื่องเก่าก็ยังย้อนมารุงรังสมองมากหลาย ท่านอาจพลาดผิดหรือต้องคิดมากกับสายงานแลความเป็นอยู่ผู้คนที่เกี่ยวข้อง การตกลงใจหรือต้องต่อรองกับใคร ต้องมีคนกลางลงมาช่วยแก้ไขจึงลงตัวได้ เดินทางมักเกิดขึ้นมากครั้งตลอดทั้งปีนั่นหนา หากขืน หยุดอยู่กับที่มักป่วยไข้หรือเจอปัญหาทุกข์ใจ

เงินทอง และลาภผลเป็นปีทองของท่าน บ้างแล้วหนา ว่าแต่ว่าความโลภหลายบางทีก็หลุดหายได้ง่าย แบบจับปลาทั้งสองมืออาจหลุดจับไม่อยู่เหมือนมือเดียวกำ ปีนี้เงินทองลาภผลดีแต่ก็มักทุกข์ใจอยู่ร่ำไป หรือได้มาแต่มันมักเป็นแบบทุกขลาภนั่นหนา งานบุญการกุศลท่านต้องทำไว้ใส่ตนบ้างเป็นดี บุญทานการเกื้อกูลกันมันเป็นตัวช่วยให้ชีวิตท่านสดใสก้าวไกลได้สมใจและอยู่ได้นานแห่งความดีงามทั้งหลายทั้งปวงพึงทำเถิด

เรื่อง ของความรัก วัยและฐานะที่แตกต่างกันมากจักเป็นตัวแปรให้เกิดปัญหาในสังคมคนหมู่มาก ลมปากของใครต่อใครก็ยังเป็นปัญหาใหญ่หลวงที่ต้องปลงและสะสาง สำหรับท่านที่มีคนรักอยู่แล้วต้องเจอคนใหม่เข้ามาแทรกแซงปวดขมองตอน หลัง หรือเป็นขี้ปากของคนในสังคมที่หวังดีประสงค์ร้ายทั้งหลายนั่น หากยังไม่เคยเลยเรื่องรักหากได้เดินทางห่างเรือนขึ้นเหนือก็ต้องเจอคนถูกใจ  เข้าทำนองเรื่องรักแสนสุกใสในปีนี้แล.

ราศีธนู  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  23 พ.ย.-2 ธ.ค.

ปีนี้ มากมายหลายปัญหากำลังมีมารุมเร้า ทั้งเรื่องเก่าและปัญหาใหม่ งานการก็ ไม่เป็นมาดั่งใจ คาดหวังเรื่องใดก็ต้องเต้นต่อจึงเป็นจริงมาบ้าง ความหวังบางอย่างยิ่งทำท่าเลือนลางลงไป ท่านเองต้องหัดเป็นคนเข้มแข็งกว่าเก่าก่อนมาจึงรอดตัวได้ หรือยืนบนโลกกว้างอย่างสง่าได้มั่ง ปัญหารุงรัง จิตใจยังสะสางได้ยาก ความร่วมมือจากใครก็ไม่ง่ายเช่นเคยเป็นมา ช่วงนี้ต้องช่วยตัวเอง เอาไว้ก่อนเป็นดี สุขภาพกายก็ไม่ค่อยจะสดใสนัก

ความรัก เคยสดใสซาบซ่ามาช่วงนี้ต่างก็คิดเห็นไม่ค่อยจะตรงกันเช่นเก่า และเป็นคนเอาแต่ใจตนร่ำไปทั้งเขาแลเรา หากยังไม่เคยเลยเรื่องรักก็คงเจอเข้าอย่างจัง หรือแค่สบตาก็เกิดความรักเข้ามาแล้วหนา เมื่อเดินทางห่างเรือนไปทั้งขึ้นเหนือล่องใต้ ท่านที่มีคนรักอยู่แล้วอาจแปรผันหรือคิดปรับใจตนอีกหน ดูเหมือนทุกอย่างปีนี้เป็นปีแห่งการเริ่มต้นกันใหม่เกือบจะทุกเรื่องทุกปัญหานั่นแหละหนา คำนินทาว่าร้ายของคนรอบข้าง หรือขี้ปากใครต่อใครก็มีมาให้ช้ำใจตนเสมอ เรื่องของความรักกันชอบกันของเราเองนั่นหนาพึงรู้ไว้

เงินทอง ลาภผลต้องมีและต้องได้เป็นช่วงเป็นตอนด้วยดี หรือเงินทองไหลลื่นเข้าออก ซื้อขายแลกเปลี่ยนอันใดก็จบลงตัวได้ไม่ยาก ความหวังจากการต่อรองกันไว้ หรือต้องได้จากมรดกตกตอนแต่ปางก่อน โชคฟลุกลาภผลจรแบบถูกหวยรวยม้ามวยก็มักอยู่บ่อยครั้งตลอดทั้งปี เรื่องเงินทองปีนี้เป็นปีของท่านอันแท้จริงแหละหนา ว่าแต่ว่าจักต้องทำทานก่อการกุศลเพื่อความยั่งยืนแห่งลาภผลอันต่อเนื่องบ้างหนาท่านหนา.

ราศีมังกร  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  21 ธ.ค.-19 ม.ค.

ปีนี้ เป็นปีทองที่ท่านจักต้องเร่งรัดแก้ไข หรือต้องเต้นเข้าแก้ไขเรื่องเก่าให้มันลงตัวสมใจ และก่อสิ่งแปลกใหม่ให้เป็นมาดั่งใจนึก ทั้งกิจการท่านเองหรือเป็นพนักงานใครด้วยซี หากรับราชการก็ต้องได้ขั้นมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ สารพันปัญหาแม้นมาก็แก้ไขได้สะดวก ทั้งต้องมีคนช่วยอุ้มชูดูแลสนับสนุน ด้วยดี ทั้งปัญหาของใครอื่นเราเองก็แก้ไขให้เขาได้อย่างดี แม้นตกงานอยู่ก็ต้องได้ง่ายทำเป็นล่ำเป็นสัน สุขภาพกายก็สดใสซาบซ่ามากกว่าปีผ่านมา

เงินทองลาภผลการซื้อขายแลกเปลี่ยนอันใดก็ต้องสมใจนึกบางลำภู ลาภฟลุกเงินจรแบบถูกหวยรวยจากพนันขันต่อ หรือได้จากนายหน้าคนกลางก็มีมา ว่าแต่ว่า จักต้องไม่มัวแต่เกรงใจใครเขานัก ถึงยังไงก็คงต้องมีการชักออกจ่ายหนักมือมากกว่าปีกลายเรื่องเงินทอง นอกจากพี่น้องรบกวนยังถูกคนหยิบยืมแล้วสูญ ลงทุนร่วมหุ้นกับใครก็คงมลาย ถึงยังไงก็ตามทีปีนี้ต้องดีกว่าปีกลายที่ล่วงเลยผ่านมาเรื่องเงินทองนั่นหนา

ความรัก หากไม่มัวแต่คิดมากก็ยังคงอบอุ่นด้วยดีต่อกัน หรือต้องเจอคนถูกใจอีกหนเมื่อเดินทางห่างเรือนไปทางใต้ของถิ่นที่อยู่อาศัย แม้นวัยและฐานะแตกต่างเรื่องของความรักก็ไม่เป็นอุปสรรคปัญหานี่นา เว้นแต่ว่าจงยึดมั่นถือมั่นคำโบราณบ้างว่า "ลูกเขาไม่เป็นไรผัวเมียใครอย่ามันเกิดบาปเป็นกรรม" แต่ก็ต้องมีปัญหาร้อนใจตนตอนหลังเรื่องรักแบบสองสามเส้า หรือจะเอาแต่ได้ถ่ายเดียวคงต้องปวดใจตนตอนหลังแน่แล.

ราศีกุมภ์  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  23 ก.ย.-22 ต.ค.

ปีนี้ เป็นปีที่ต้องระวังเรื่องโรคภัยป่วยไข้ได้ง่าย หยูกยาต้องเอาไว้ใกล้ตัวเสมอ เป็นสำคัญ เดินทางบ่อยแต่ก็ไม่ดีไม่เด่นหรือสำเร็จผลพวงอันใดนัก แต่ละเรื่องแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นมีมามันใหญ่หลวงระวัง หนี้หากไม่จำเป็นนักหนาอย่าก่อขึ้นมาป่วยกับใครบางคนไม่ค่อยจะรักษาคำพูดคำจา อาจเสียรู้คนได้ง่ายหากยังขืนหูเบาใจอ่อน บาปกรรมแต่ปางก่อนหรือไรต้องตามแก้ไขเรื่องราวให้ใครปัญหาเรายังค้างคาใจจัง

เงินทอง ลาภผลแม้นมีมาแต่มันก็อยู่ด้วยไม่นานนัก จำใจจับจ่ายใช้สอยหรือต้องเต้นออกหาเงินทองจนหูตาลายช่วงนี้ทุกอย่างยังคงหลวมๆหรือหวังอันใดได้ยาก ต่อเมื่อเกือบปลายปีโชคดีจึงมีมาหรือต้องถูกหวยรวยม้ามวยหรือมีคนช่วยให้ได้หยิบ ยืมมาจับจ่ายสมใจ การซื้อขายแลกเปลี่ยนก็ยังคงเสมือนจับแพะชนกับแกะแต่ละวัน เดินทางไปในทิศตะวันตกต้องมีโชคสองต่อหรือลาภผลสามขั้นตอนแต่มันก็เป็นแบบทุกขลาภ

ความรัก ไม่วายที่จะต้องเกิดปัญหาหึงหวงหรือต้องพลัดพรากจากกันเป็นช่วงเป็นตอน ทั้งเราและเขาต้องเจอคนเข้ามาแทรกซ้อนอยู่ร่ำไป บุตรหลานบริวารก่อแต่ ปัญหาปวดขมองให้แต่ละวัน เรื่องเก่าแต่ หนหลังก็ยังย้อนมารังครวญให้เกิดอารมณ์ บูด สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเลยเรื่องรักก็จักต้องเจอเข้าอย่างจัง หรือแบบบังเอิญแต่ มันเป็นจริงสมใจ.

ราศีมีน  ท่านที่เกิดระหว่างวันที่  19 ก.พ.-20 มี.ค.

ปีนี้ อาจจำใจล้มเลิกบางอย่างไป แต่ก็ต้องมีการเริ่มต้นเรื่องใหม่ขึ้นมา ทั้งในเรือนชานและสายงานความเป็นอยู่ การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดก็หนักหน่วงมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ละอย่างพอจะลงมือก็มักมีคนขวางอยู่ร่ำไป ทั้งเรื่องราวตนเองและเป็นพนักงานใครเขาด้วย สุขภาพพลานามัยก็ไม่ค่อยจะสดใสเท่าใดนัก เดินทางก็แสนจะขลุกขลักห่วงหน้าพะวงหลัง การต่อรองบางอย่างยังคงต้องพึ่งพาใครเขาช่วยลุ้นบ้างเป็นดี

เงินทอง ลาภผลสิ่งอันควรต้องได้ หรือมีมามันมักเป็นแบบทุกขลาภเกือบทั้งนั้น เวลาและสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นตัวตั้งที่ต้องขึ้นกับวาสนาและความสามารถ สิ่งสินเงินทองที่เคยคล่องมือช่วงนี้ฝืดเคืองชอบกล ผู้คนที่เกี่ยวข้องชอบผลักดันกันท่าพอจะมีลาภผลเงินทองกับเขามั่งก็ขวางแบบหวังดีประสงค์ร้ายอยู่ร่ำไป แต่ถึงยังไงช่วงเกือบปลายปีต้องมีโชคได้ลาภถูกหวยรวยม้ามวยอันเนื่องจากการเสี่ยงต่อสู้กันนั่นหนา

เรื่องรัก ปัญหาใคร่ไม่วายต้องคิด มากและคำนึงหลาย กรรมเก่าตามมาทันพาให้ต้องวุ่นวายใจตนมากด้าน เพื่อนพ้องญาติพี่น้องก็เป็นตัวตั้งที่ต้องร้อนหนาวกับเราทั้งที่มิใช่ปัญหาของเขา ท่านที่เพิ่งสะดุดรักเมื่อไม่นานมานั้น ต้องได้เจออุปสรรคปัญหา และคนปรารถนาดีแบบอิจฉาตาร้อนต้อนเราเข้าคอกเขา หากยังไม่เคยเลยก็ต้องได้เจอเข้าอย่างจัง แม้นวัยและฐานะจะแตกต่างกันมากหน่อยแต่ก็ตกลงใจกันได้ง่ายนี่นา.

                                                                                                                                    อาจารย์นพ

คำพยากรณ์ของอาจารย์ภิญโญ

เปิดลิขิตฟ้า-ชะตาคน ดวง ' 12 ราศี ' ปี พ.ศ. 2553
 
“ การรู้อนาคตมีประโยชน์  ทำให้สามารถเตรียมพร้อมทั้งกายใจในการรับมือกับอนาคต  จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของอนาคต คือ รับมือได้ทั้งในทางที่ดี และไม่ดี  สิ่งที่ไม่ดี จะได้เตรียมพร้อมในการป้องกันแก้ไข และลดโอกาสความล้มเหลวอันไม่พึงประสงค์  สิ่งที่ดี จะได้ช่วยเพิ่มโอกาสให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์  เมื่อสำเร็จแล้ว  จะได้ใช้ความสุขุมรอบคอบในการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชาญฉลาด ”

... นี่เป็นการระบุของ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  และวันนี้ ณ ที่นี้ก็มีคำทำนายอนาคตในปี 2553 ของผู้ที่เกิดในราศีต่าง ๆ ตามหลักโหราศาสตร์ โดย อ.ภิญโญ มานำเสนอให้พิจารณา .....

ราศีเมษ ( เกิด 13 เม.ย.-14 พ.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 พฤหัสบดี (5) อยู่เรือนลาภะ ประสบความสำเร็จในการแสวงหาลาภผล มีโอกาสได้ทำงานสังคมมากขึ้น มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือ มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น มีการวิ่งเต้นติดต่อเจรจาประสานงานมากขึ้น จะได้รับเกียรติมอบหมายงานสำคัญที่รับผิดชอบสูงจึงควรอยู่บนหลักการและเหตุผล รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวตามความจำเป็น ควรรอบคอบและระวังอารมณ์ของตนให้ดี ควรรับฟังคำแนะนำของคนรอบข้างไว้บ้าง มีโอกาสได้เดินทางไกล เป็นห้วงเวลาที่มีความเพียรพยายามและตั้งใจทำงานสูง จึงทำให้มีผลงานมากขึ้น

ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่หลังราศีเกิด จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งลี้ลับ ผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลัง มีโอกาสเดินทางไกลกะทันหัน ได้ดีในต่างถิ่น ระวังมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง มีเรื่องความลับที่ต้องปกปิด

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนการงานโคจรในภพอริ มีศัตรูคู่แข่ง โรคภัยไข้เจ็บ และหนี้สิน ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จะกลุ้มใจเรื่องงาน ผู้บังคับบัญชาเพ่งเล็ง การงานมีความสับสนวุ่นวาย มีปัญหาและอุปสรรคต้องแก้ไขมาก ต้องอาศัยความอดทนหนักแน่นรอบคอบจึงจะสามารถแก้ปัญหาฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
 
ราหู (Cool อยู่เรือนศุภะ มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย หรือสำนักงาน หน้าที่การงานเปลี่ยนแปลง มีปัญหาครอบครัว คนในบ้านมักไม่ลงรอยกัน อยู่บ้านแล้วอึดอัด ระวังเรื่องไฟ ไฟฟ้า ของร้อน โชคดีเรื่องเพศตรงข้าม
    
วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ อังคาร (3) ดาวประจำราศีเกิดโคจรวิปริตอยู่เรือนพันธุ วุ่นวายกับเรื่องครอบครัวญาติพี่น้องบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ซื้อหาข้าวของยวดยานพาหนะเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์เข้าบ้าน จะมีการตกแต่งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ระวังเรื่องโทสะทำให้มีปากเสียงความขัดแย้งและ   อุบัติเหตุได้ง่าย ระวังมีปากเสียงกับคนในบ้าน มีอุบัติเหตุที่ศีรษะและปลายมือปลายเท้า ญาติมิตรจะเจ็บป่วย เงินทองบางส่วนถูกใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพ คนรอบข้างดูแลเอาใจใส่ด้วยดี มีความเคร่งเครียดในการทำงานสูง พักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วย จึงควรเอาใจใส่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอนามัยบ้าง

ราศีพฤษภ ( เกิด 15 พ.ค.-14 มิ.ย. )

ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรอยู่ในเรือนกัมมะ จะจัดตั้งองค์กร มีงานทำมากขึ้น งานอยู่ในเกณฑ์ดี ผู้ใหญ่เพื่อนร่วมงานสนับสนุนดี มีมิตรสหายชักชวนเข้าหุ้นส่วน จะประสบความสำเร็จด้านการงาน ความรู้ที่สุขุมรอบคอบ ความเพียรพยายาม จะทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคเกี่ยวกับการงานไปได้
 
ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่เรือนลาภะ มีโชคลาภ รายได้เพิ่มขึ้น ทำงานสังคมมากขึ้น มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือ มีเพื่อนใหม่เพิ่มหลายคน มีการวิ่งเต้นติดต่อเจรจาประสานงานมากขึ้น ได้รับเกียรติมอบหมายให้ทำงานสำคัญที่รับผิดชอบสูง  ควรรับฟังคำแนะนำของผู้ใหญ่ผู้รู้คนรอบข้างไว้บ้าง มีโอกาสเดินทางไกล เดินทางไปร่วมกิจกรรมสำคัญ ได้รู้จักบุคคลระดับสูง บุคคลแปลกหน้าต่างแดนหลายคน เป็นห้วงเวลาที่มีผลงานมากขึ้น

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนศุภะ อยู่เรือนปุตตะ จะได้บริวาร แต่บริวารมักออกนอกแถวทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ โชคลาภกว่าจะได้มาก็แสนลำบาก ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้พบคนรักที่รู้ใจอดทนพากเพียรรอบคอบละเอียดลออ ช่วยเหลือกันด้านการงาน พึ่งพาอาศัยกันได้ ทำให้ใกล้ชิด เห็นอกเห็นใจกันและกัน จนก่อเกิดความรัก
 
ราหู (Cool อยู่ในภพมรณะ ระวังโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มีปัญหาเรื่องเก่า ๆ มรดกพินัยกรรม มีการเดินทาง แล้วจะมีโชค ได้เครื่องรางของขลังอิทธิมงคลโบราณวัตถุ ลาภผลที่ได้มาถูกเบียดเบียนไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
 
วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ โคจรอยู่ในเรือนสหัสชะ จะมีการเดินทาง ได้คบหาสมาคมกับผู้คนมากขึ้น มีเพื่อนใหม่เป็นคนในเครื่องแบบ วิศวกร ช่างเทคนิค มีการลงทุน แต่ควรระวังมีปากเสียงทะเลาะวิวาทขัดแย้งกับพี่น้องเพื่อนฝูงคนใกล้ชิด ได้เครื่องใช้วัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ควรดูแลสุขภาพให้ดี หากละเลยจะเจ็บป่วย ควรระมัดระวังการหกล้มและอุบัติเหตุ ความเครียด การดื่มและการกิน

ราศีมิถุน ( เกิด 15 มิ.ย.-15 ก.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) เจ้าเรือนคู่ครองโคจรในเรือนศุภะ มีโอกาสเดินทางไกลไปทำกิจกรรมร่วมกันนอกสถานที่ ทำให้เข้าใจกับคนรักที่เหมาะสมกันทั้งความรู้ความสามารถ การเงิน การงาน สังคม เป็นโอกาสดีที่จะแต่งงานหรือเปิดเผยคนรักในสังคม จะสนใจศึกษาด้านปรัชญา โหราศาสตร์ ศาสนา สิ่งลี้ลับ ได้ปรับปรุงตกแต่งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น จะโชคดีมีเกียรติยศชื่อเสียง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
 
ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนกัมมะ จะประสบความสำเร็จโชคดีเรื่องการงาน ได้จัดตั้งองค์กร มีงานทำมากขึ้น การงานอยู่ในเกณฑ์ดี ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงาน มีมิตรสหายชักชวนเข้าหุ้นส่วน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ความรู้ที่สุขุมรอบคอบความเพียรพยายามจะทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคเกี่ยวกับงานไปได้ แม้จะมีปัญหาบ้างก็คลี่คลายได้ มีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน ทำอะไรสำเร็จลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว มีโอกาสได้ศึกษาอบรมมีความรู้เพิ่มเติม

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนมรณะจรอยู่ในเรือนพันธุ ได้บ้านที่ดินยานพาหนะ กังวลเดือดร้อนเรื่องญาติพี่น้องและหลักทรัพย์ มีการซื้อขายซ่อมแซมโยกย้ายที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ ผู้ใหญ่ญาติพี่น้องจะเจ็บป่วย

ราหู (Cool เจ้าเรือนศุภะอยู่เรือนปัตนิ ระวังสุขภาพตนเองและคู่ครอง จะมีการเดินทางไกลกับคู่ครองหุ้นส่วนเพศตรงข้ามคนต่างถิ่นโดยกะทันหัน ท่านกำลังเนื้อหอมเป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม ได้พบรักจากการเดินทาง เป็นคนต่างถิ่น จะได้เป็นหุ้นส่วนลงทุนร่วมกัน ราหู (Cool เล็งราศีเกิดเป็นพินทุบาทว์จร ควรระวังปัญหาเรื่องความรักและหุ้นส่วน คนที่มีครอบครัวแล้วควรระวังการครองรักให้ดี มีการพาไปท่องเที่ยวพักผ่อนและให้สิ่งของมีค่าแก่กัน

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ ดาวอังคาร (3)   เจ้าเรือนลาภะโคจรในเรือนกดุมภะ โชคดีมีรายได้หลายทาง มีรายได้จากการงานที่ทำไว้ ดอกเบี้ยเงินตอบแทนเงินปันผล การเสี่ยงโชค การบริหารจัดการทางการเงินและทรัพย์สินที่ดีทำให้มีเงินทองไหลมาเทมา มีโอกาสได้ช่วยเหลือบุคคลอื่นบ้าง แต่ดาวอังคาร (3) โคจรวิปริตทำให้อุปกรณ์ข้าวของชำรุดเสียหายต้องซ่อมแซม มีการใช้จ่ายเงินมากผิดปกติ เก็บเงินไม่อยู่ ระวังเกิดความเสียหายทางด้านการเงิน ไม่ควรให้ใครกู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกันที่มั่นคง เอกสารทางการเงินควรตรวจดูให้เรียบร้อย หลีกเลี่ยงการค้ำประกันเพราะจะนำความเดือดร้อนมาให้ภายหลัง ควรประหยัดและเก็บออมบ้าง หากเจ็บ ป่วยจะได้พบหมอดีรักษาให้หาย จะเจ็บป่วยจากการปวดศีรษะ เครียด ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี

ราศีกรกฎ ( เกิด 16 ก.ค.-16 ส.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนมรณะ มีความเห็นขัดแย้งกับผู้ใหญ่ มีปัญหาจากเรื่องเก่า ๆ ต้องแก้ไขสะสาง ระวังสุขภาพเจ็บป่วยง่าย ใช้วิชาการผิดพลาด เกิดอาการท้อแท้
 
ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนศุภะ มีโอกาสได้เดินทางไกล สนใจศึกษาด้านปรัชญา โหราศาสตร์ ศาสนา สิ่งลี้ลับ ได้ปรับปรุงตกแต่งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น จะโชคดี มีเกียรติยศชื่อเสียง ได้เครื่องเชิดชูเกียรติ ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จในชีวิต
ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนปัตนิอยู่เรือนสหัชชะ ได้คบมิตรสหายแดนไกลคนต่างถิ่นต่างแดน มีการสมาคมกับเพศตรงข้าม แอบรักคนใกล้ตัวเพื่อนฝูงคนใกล้ชิด ด้วยไมตรีจิตที่ดีงามจะทำให้คนใกล้ตัวหลงรักท่านเช่นกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้รู้ถึงคุณค่าของความรักที่ยั่งยืน มิตรสหายชักชวนเข้าหุ้น แต่เนื่องจากดาวเสาร์ (7) เป็นดาวบาปเคราะห์ ความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มิตรสหายจะทำให้กลุ้มใจ ทุกข์ใจเรื่องญาติพี่น้อง เกิดความหวาดระแวง ขี้หึง อารมณ์ร้ายอาจทำให้ความรักมีปัญหาสลายลงไปได้ ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราและยับยั้งชั่งใจให้ดี

ราหู (Cool อยู่ภพอริ มีคู่แข่ง แข่งขันแล้วประสบชัยชนะ มีศัตรูลับ ๆ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ระวังมีหนี้สิน สุขภาพทรุดโทรม มีรายได้เพิ่มขึ้น ระวังความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ จะถูกหลอกลวงและเสียรู้เรื่องการเงิน ไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รายจ่ายส่วนมากจะเป็นค่าภาษีสังคมและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ การบริหารเงินถูกที่ถูกทางจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ การลงทุนและการสำรองจ่ายควรพิจารณาให้รอบคอบ ท่านมีรายได้พิเศษหรือได้เงินคืน ราหู (Cool อยู่ภพอริ ระวังโรคเก่ากำเริบ ขาเข่าตะโพกท้ายทอยจะมีปัญหา ระวังพิษจากสุรายาเสพติด อุบัติเหตุ เจ็บป่วยเพราะสิ่งแวดล้อม สิ่งปลูกสร้าง ฝุ่นละออง แต่หากเจ็บป่วยก็จะพบหมอดีและการรักษาที่ถูกทาง หายเร็ว

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ ทับราศีเกิด มีความกล้าแข็ง ขยัน อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องหาเรื่องมาทำเรื่อยไป แต่ควรระวังเรื่องโทสะ ควร   ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ มิเช่นนั้นจะมีปากเสียงกับคนรอบข้าง เกิดความวุ่นวายยุ่งยากรุ่มร้อนใจ เป็นปีที่ต้องใช้ความรอบคอบ ท่านจะมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จะได้ที่ปรึกษาดี มีผู้ให้ความช่วยเหลือ งานเก่าที่คั่งค้างอยู่จะถูกสะสางลง แต่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงตามการยั่วยุของผู้อื่นโดยไม่รู้แนวทางอนาคต ควรรักษาผลงานเก่า ๆ วิถีทางเก่า ๆ มาตรฐานที่ดีไว้ ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน

ราศีสิงห์ ( เกิด 17 ส.ค.-16 ก.ย. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนปัตนิ ได้หุ้นส่วนคู่ครองเพศตรงข้าม ได้ศึกษาหาความรู้สำคัญเพิ่มเติม ผู้ใหญ่คนดีมีความรู้ความสามารถให้การสนับสนุนช่วยเหลือ มีการเดินทาง ได้ลงทุนเข้าหุ้นส่วนทำงานร่วมกันกับคนแดนไกล ได้พบเพศตรงข้ามที่ถูกใจ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ

ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนมรณะ ขัดแย้งกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่สนับสนุนเหมือนเก่า ผู้ใหญ่จะเจ็บป่วยพลัดพราก มีปัญหาเก่า  ๆ ต้องแก้ไข เจ็บป่วยได้ง่าย ใช้วิชาการผิดพลาด ท้อแท้
 
ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) อยู่เรือนการเงิน มีเรื่องวิตกกังวลเรื่องการเงิน รายรับรายจ่าย จำเป็นต้องใช้เงิน มีคนช่วยใช้เงิน มีการขายของเก่าหรือนำเงินเก่ามาใช้ เสียเงินเพราะหุ้นส่วนเพศตรงข้าม เงินทองส่วนใหญ่จะถูกใช้เกี่ยวกับการงานการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค การลงทุนไม่เป็นผล จัดการทางการเงินได้ดีตามจังหวะที่เหมาะสม แม้จะหาเงินเก่งแต่ก็สิ้นเปลืองมาก มักหมดไปอย่างรวดเร็วกับการสมาคม สังคมสงเคราะห์ จึงไม่ค่อยมีเงินเก็บ

ราหู (Cool เจ้าเรือนปัตนิอยู่ในเรือนปุตตะ ลุ่มหลงสิ่งใหม่ ๆ มีโชคลาภ ได้บุตรบริวาร ได้พบคนรักที่ถูกใจ คนอ่อนวัยกว่าจะเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วยแต่จะมีปัญหาต้องแก้ไข ร้อนใจเพราะบุตรบริวาร มีเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นแปลกใหม่และหวาดเสียวเกี่ยวกับท่านและคนรักหลายครั้ง การที่ท่านเป็นคนสดใสร่าเริง จึงทำให้ไม่ขาดคนรัก แต่อย่าคาดหวังหรือยึดมั่นจริงจังนักเพราะเป็นรักที่แตกต่างกัน ซับซ้อนวุ่นวายแอบแฝง การที่เป็นคนอ่อนไหวต่อความรักจึงควรยับยั้งชั่งใจให้ดี เพราะมักจะวุ่นวายในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อยู่เสมอ ราหู (Cool อยู่เรือนปุตตะ ให้ระวังอุบัติเหตุ บุตรบริวารเจ็บไข้ได้ป่วย การแท้งบุตร   ท่านเองอาจเจ็บป่วยตามกระดูกและไขข้อ  ไข้หวัด  ไอเจ็บคอ  แน่นหน้าอก เป็นต้น

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ อยู่ภพวินาศ จะมีการเดินทางไกล มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ปลงได้ เป็นปีที่จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นงานที่ชอบและเหมาะกับวุฒิภาวะ งานที่ทำอยู่จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดีขึ้น ความรู้ความสามารถเป็นที่ไว้วางใจของผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงาน ได้ตำแหน่งที่ดีมีความก้าวหน้า แต่สุขภาพไม่ดี ระวังโรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ส่วนการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่วไปที่มีบ้างไม่นานก็หาย

ราศีกันย์ ( เกิด 17 ก.ย.-16 ต.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนอริ กระทำการใดควรรอบคอบ จะขัดแย้งกับผู้ใหญ่ผู้บังคับบัญชา ผู้ใหญ่จะคอยจับผิด ต้องแก้ปัญหาเรื่องการงาน งานเก่าที่คั่งค้างเป็นภาระที่หนักอึ้งจะได้รับการแก้ไขทำให้จบลงโดยเร็ว มีปัญหาทางวิชาการ การใช้วิชาการควรรอบคอบ

ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนปัตนิ ได้ศึกษาอบรมแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ได้คบหาสมาคมกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่คนดีมีความรู้ความสามารถให้การสนับสนุนช่วยเหลือ มีการเดินทาง ได้ลงทุนเข้าหุ้นส่วนทำงานร่วมกับคนแดนไกล ได้พบเพศตรงข้ามที่ถูกใจเป็นคนมีความรู้ความสามารถ คู่ครองคนรักหุ้นส่วนและเพศตรงข้ามจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ได้ทำงานที่ตรงกับความรู้ความสามารถ มีโอกาสทำงานพิเศษด้านบริการสังคม ส่วนรวม มีการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น มีโอกาสได้เดินทางเพราะหน้าที่การงานไปพบปะกับผู้คนมากมาย
 
ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) ทับราศีเกิด จะทำงานหนักขึ้น เกิดความเครียดวิตกกังวล ตรากตรำ มีปัญหาต้องสะสางให้เข้าที่เข้าทาง การงานเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง บริวารจะมีอิทธิพลต่องานและชีวิตส่วนตัว มีรายจ่ายมากขึ้นในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ การศึกษาต่อ ขอความช่วยเหลือเรื่องการเงินจากผู้อื่นจะได้รับการตอบสนองดีตามสมควร แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ภายในเงื่อนเวลาที่เหมาะสม แก้ปัญหาได้ด้วยตนเองในทุกสถานการณ์ การที่เป็นคนช่างคิดช่างหวาดระแวงและจริงจังเข้มงวดจนเกินไป จะทำให้เกิดอาการเคร่งเครียดทางประสาทได้ง่ายจนมีผลกระทบต่อการทำงานของกระเพาะอาหาร ปวดหัว ปวดไมเกรน ปวดหลัง ควรระมัดระวังอุบัติเหตุและความปลอดภัยเกี่ยวกับการเดินทาง การปีนป่ายที่สูง สิ่งปลูกสร้าง ไฟ ของร้อน  การหกล้ม เป็นต้น

ราหู (Cool อยู่เรือนพันธุ กลุ้มใจเรื่องหลักทรัพย์ บ้านที่ดินยวดยานพาหนะ มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นภายในครอบครัว อาจมีการซ่อมแซมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโยกย้าย ญาติพี่น้องเจ็บป่วยสูญเสีย
 
วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) ยังโคจรอยู่ในราศีกรกฎ อยู่เรือนลาภะ คิดและได้ลาภได้ผลประโยชน์ ทำอะไรกะทันหันดุเดือดรุนแรง ระวังขัดแย้งเรื่องรายได้และผลประโยชน์กับเพื่อนร่วมงานและคู่แข่ง

ราศีตุลย์ ( เกิด 17 ต.ค.-15 พ.ย. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) จรอยู่เรือนปุตตะ จะ ได้บุตรบริวารคนใต้บังคับบัญชา ได้สัตว์เลี้ยง โชคดีด้านการงาน มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีงาน ใหม่ ๆ การงานจะฟื้นตัว มีคนงานเพิ่มขึ้น ได้ลาภจากผู้ใหญ่คนมีความรู้ ได้ศึกษาวิชาการ กำลังโชคดีเรื่องความรัก บางคนกำลังพบรักใหม่ ได้ของใหม่ ๆ มีบุตรบริวารใหม่ ๆ เกิดความลุ่มหลงในความรัก  รักกำลังสดชื่น หอมหวานมีความสุขอยู่กับคนรัก คนรักของท่านจะเอาอกเอาใจท่านมากเป็นพิเศษ และมีโอกาสดีได้อยู่เป็นส่วนตัวกับคนรักมากกว่าช่วงใด ๆ

ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) โคจรในเรือนอริ มีโอกาสใช้วิชาความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคอย่างเต็มที่ กระทำการใดควรรอบคอบ ระวังจะขัดแย้งกับผู้ใหญ่ผู้บังคับบัญชา ผู้ใหญ่จะคอยจับผิด ต้องแก้ปัญหาเรื่องการงาน งานเก่าที่คั่งค้างเป็นภาระที่หนักอึ้งที่ต้องแก้ไขให้จบลงโดยเร็ว มีปัญหาทางวิชาการ คู่แข่ง   ทางการงานที่เจ้าเล่ห์จะเข้ามาขอคืนดี ไม่ควรไว้วางใจเพราะจะทำให้ท่านเสียหายในภายหลัง
 
ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนปุตตะ อยู่ในภพวินาศ เกิดเบื่อหน่าย วิตกกังวล ซุ่มเก็บตัวเติมพลัง ความรับผิดชอบที่มากเกินไปทำให้เครียด มีปัญหาสุขภาพ จึงควรหาเวลาพักผ่อนเสียบ้าง แต่ไม่ควรเที่ยวดึกมากจนเกินไปเพราะอาจทำให้เจ็บไข้ไม่สบายได้ ควรควบคุมอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ คนรักและบริวารจะเจ็บป่วยหรือมีปัญหาตกลงกันได้ยาก ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่งจึงจะสามารถฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคไปได้
ราหู (Cool อยู่เรือนสหัชชะ มีการเดินทาง คนใกล้ชิดจะเจ็บป่วยพลัดพราก ได้คบหาสมาคมกับคนต่างถิ่นต่างแดนต่างชาติต่างภาษา คนแปลก ๆ ผู้มีอิทธิพล นักเลง นักการเมือง มีผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน แต่เนื่องจากราหู (Cool เป็นบาปเคราะห์ร้าย จึงควรระมัดระวังปัญหา จะถูกฉ้อโกงหลอกลวงตามมา

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ อยู่เรือนกัมมะ กระตือรือร้นต่องาน ขยายงานกะทันหัน ระวังปัญหาและอุบัติเหตุเกี่ยวกับงาน แต่คู่แข่งจะพ่ายแพ้ หุ้นส่วนเพศตรงข้ามเข้ามามีอิทธิพลเรื่องการงาน

ราศีพิจิก ( เกิด 16 พ.ย.-15 ธ.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่เรือนพันธุ จะโชคดีมีหลักฐานได้ศึกษาต่อ ได้บ้านที่ดินยวดยานพาหนะ มีโอกาสได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ได้สมาคมกับญาติพี่น้อง ศัตรูกลายเป็นมิตร ญาติพี่น้องชักชวนเข้าหุ้นส่วนหรือทำงานร่วมกัน

ระหว่าง 26 เม.ย.ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) จรอยู่เรือนปุตตะ จะได้พบคนรักที่เชิดหน้าชูตา เป็นความรักที่บริสุทธิ์เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เป็นรักที่ลึกซึ้งจริงจังมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ได้บุตรบริวารคนใต้บังคับบัญชา ได้สัตว์เลี้ยง โชคดีด้านการงาน มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีงานใหม่ ๆ เข้ามาให้ทำ การงานจะฟื้นตัว มีคนงานเพิ่มขึ้น ได้ลาภจากผู้ใหญ่คนมีความรู้ ได้ศึกษาอบรมแสวงหาความรู้ทางวิชาการ

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนสหัชชะ จรอยู่เรือนลาภะ ประสบความสำเร็จมีลาภจากการทำงาน แต่ต้องเหนื่อยยากมีอุปสรรคเสียก่อน พี่น้องเพื่อนฝูงจะนำโชคมาให้หรือชักชวนเข้าร่วมลงทุน เกิดความวิตกกังวล ต้องทำงานหนัก มีปัญหาที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้เข้าที่เข้าทาง การเจรจาติดต่อทางธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี สมองปลอดโปร่งคิดทำการสิ่งใดก็สำเร็จสมความปรารถนา มีงานหลายอย่างให้ทำ เป็นปีที่เพลิดเพลินกับการได้ทำงานที่ชอบ ปัญหาจากการทำงานจะแก้ไขให้สำเร็จได้โดยความรู้ความสามารถและอุปกรณ์การทำงานที่ทันสมัย มีโอกาสได้ร่วมงานสังคมหลายครั้ง ระวังเกิดศัตรูจากสาเหตุเล็กน้อย แต่ดาวเสาร์อยู่เรือนลาภะทำให้มีรายได้หลายทาง สิ่งที่ลงทุนหรือทำไว้จะประสบผลสำเร็จทำให้มีรายได้มากขึ้น แต่เงินทองถูกใช้ไปหลายทางเช่นกัน ก็ควรวางแผนทางการเงิน รู้จักบริหารทรัพย์สินเงินทองให้ดี ไม่ฟุ่มเฟือยตามใจตนเองการเงินก็จะดีขึ้นไปพร้อม ๆ กับตำแหน่งหน้าที่การงาน

ราหู (Cool อยู่เรือนการเงิน เรียกว่าราหูค้นทรัพย์ ใช้จ่ายเงินมากขึ้นผิดปกติ มีการซื้อขายทรัพย์สินของเก่า ๆ ราหูคือเจ้าเรือนพันธุ ญาติพี่น้องบ้านเรือนที่อยู่อาศัยจะทำให้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ระวังโจรภัย ทรัพย์สินเงินทองสูญหาย
 
วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. 2553 ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ ดาวประจำราศีเกิดโคจรในเรือนศุภะ จะมีการเดินทางไกลบ่อยครั้ง มีการซ่อมแซมตกแต่งบ้านเรือนให้ดีขึ้น จัดหาซื้อสิ่งของวัสดุอุปกรณ์เข้าบ้าน ระวังโทสะจะนำมาซึ่งความขัดแย้งและอุบัติเหตุภายในบ้าน อังคารดาวประจำราศีเกิดโคจรวิปริตในราศีกรกฎควรรักษาสุขภาพให้ดี การลุยงานหนักหรือเที่ยวหนักจนเกินไป ประกอบกับสภาพอากาศ อาจทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยได้

ราศีธนู ( เกิด 16 ธ.ค.-14 ม.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่เรือนสหัชชะ มีการสมาคมมากขึ้น ได้พบพระสงฆ์องค์เจ้า ครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่คนดีมีความรู้ บุคคลชั้นสูงจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่มิตรสหายให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้วยดี มีการเดินทางไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) จรอยู่เรือนพันธุ จะโชคดี ได้ศึกษาต่อ ได้บ้านที่ดิน ยานพาหนะ ได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ได้สมาคมกับญาติพี่น้อง ศัตรูกลายเป็นมิตร ญาติพี่น้องชักชวนทำงานร่วมกัน

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนการเงินอยู่เรือนการงาน เงินทองถูกใช้ลงทุนหรือใช้แก้ปัญหาที่คั่งค้างเรื่องการงาน มีงานมากขึ้นทั้งเก่าและใหม่ แต่ละชิ้นล้วนต้องทุ่มเทแก้ปัญหาและอุปสรรค แต่จะได้เพื่อนหรือหุ้นส่วนที่ถูกใจไว้คอยให้คำปรึกษาหารือ การ  ทำนิติกรรมสัญญาสำคัญเกี่ยวกับการงานจะสำเร็จในไม่ช้า มีรายได้จากผลงานเข้ามาเป็น   ระยะ ๆ ควรเก็บออมไว้ปรับปรุงการงานเดิมดีกว่าลงทุนในงานหรือธุรกิจใหม่ที่ไม่แน่นอน ท่านที่ยังไม่มีงานทำจะได้ทำงานที่เหมาะสมกับวุฒิภาวะและความถนัด เป็นงานใช้ความคิดจินตนาการการคาดการณ์และรับผิดชอบสูง ไม่ควรให้ใครหยิบยืมเงินในช่วงนี้เพราะมีโอกาสที่จะไม่ได้รับการชำระหนี้สูง การเงินยังคงแปรปรวน หามาได้มากก็ใช้ไปมาก จึงควรมีความระมัดระวังการใช้จ่ายให้ดี

ราหู (Cool เจ้าเรือนสหัชชะ ทับราศีเกิด มีทุกขลาภ อย่าหูเบา มีคนต่างถิ่นต่างแดนคนแปลก ๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาคบหาสมาคมด้วย เป็นที่สนใจของผู้มีอิทธิพล นักเลง นักการเมือง นักเสี่ยงโชค นักพนัน ควรระวังจะถูกหลอกลวง มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่การงาน สำนักงาน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย มีโอกาสเดินทางไกลโดยกะทันหัน เดินทางมักจะหลงทาง ราหูทับราศีเกิดให้ระวังสุขภาพ โรคเก่ากำเริบ อุบัติเหตุถามหา การลุยงานและความรักมากจนเกินไปจะทำให้เจ็บไข้ไม่สบายได้ ระวังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด ลมพิษ ไขข้ออักเสบ เป็นต้น แต่เมื่อได้รับการบำบัดรักษาที่ถูกต้องแล้วก็จะหายและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ โคจรในภพมรณะ บุตรบริวารจะเจ็บป่วยหรือพลัดพราก มีการเดินทางไกลอย่างกะทันหัน แต่ควรระวังอุบัติเหตุและความยุ่งยากใจ ส่วนความรักมีคนมาหลงรักท่านหลายคน แต่ละคนก็มีดีกันคนละแบบ อีกทั้งยังพบรักที่ตรงกับจินตนาการและอุดมการณ์ มีการคบหาสมาคมไปมาหาสู่กันมิได้ขาด เป็นความรักที่อบอุ่น ลุ่มหลงและตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา จากการที่มีคนมาสนใจหลายคนและเป็นคนหวั่นไหวได้ง่าย จึงทำให้ถูกคนรักคุมเข้มจนหมดความสุข แต่ถ้าใครให้อิสระก็จะมัดใจได้อย่างแน่นอน

ราศีมังกร ( เกิด 15 ม.ค.-12 ก.พ. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่เรือนการเงิน ทำให้โชคดีได้ลาภเป็นทรัพย์สินเงินทอง ได้ของเก่าซึ่งมีผลทางจิตใจ ผู้ใหญ่ญาติหรือเพื่อนสนิทให้ความช่วยเหลือ มีเงินทองไหลเข้ามาหลายสาย แม้ท่านจะได้เงินมามากก็ใช้เงินมาก ทั้งรายจ่ายที่จำเป็นและที่จำใจ การที่ท่านมีความละเอียดถี่ถ้วนทำให้สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดี มีโอกาสได้ซื้อหรือ จัดหาที่อยู่อาศัย สำนักงานที่ดิน และยวดยานพาหนะใหม่ได้
ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่เรือนสหัชชะ มีการสมาคมมากขึ้น ได้คบหาสมาคมกับพระสงฆ์องค์เจ้า ครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่คนดีมีความรู้ บุคคลชั้นสูงจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่มิตรสหายให้การสนับสนุนด้วยดี มีการเดินทางไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
 
ตลอดปี 2553 เสาร์ (7) ดาวประจำราศีเกิด ไปอยู่เรือนศุภะ การเดินทางจะมีปัญหาอุปสรรค ศัตรูคอยขัดขวาง แต่สุดท้ายจะประสบความโชคดีเรื่องการงาน ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง มีงานใหม่เข้ามาหลายชิ้น มีบริวารเพิ่มขึ้น มีโอกาสเดินทางไกลได้พบปะคนต่างถิ่นต่างแดนต่างภาษาต่างอาชีพ ด้วยการแผนงานที่ดีและมีบริวารให้การสนับสนุน ประกอบกับความรู้ความสามารถที่มี ทำให้การงานประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก คนที่ยังไม่มีงานทำก็จะได้ทำงานที่ชอบและเหมาะสมกับวุฒิภาวะ เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถพิเศษเฉพาะตัว จะทุ่มเทให้เวลากับการทำงานมากขึ้น ได้ทรัพย์สินเงินทอง

ราหู (Cool เจ้าเรือนการเงินอยู่ภพวินาศ ได้ลาภไม่เปิดเผย ได้ ลาภทางไกล มีเงินควรปิดบังซ่อนเร้นไว้ให้ดี ระวังจะถูกหลอกลวง เสียหายเรื่องการเงิน มีรายจ่ายสูง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การลงทุนการทวงหนี้ไม่เป็นผล และเนื่องจากราหูอยู่ภพที่ 12 อังคาร (3) เล็งราศีเกิด ควรระวังสุขภาพของตนเองและเด็ก ๆ คนใต้ปกครองให้ดี โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารและอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ไม่สบายบ่อย ๆ ควรระวังโรคภูมิแพ้ โรคเกี่ยวกับปอด หลอดลม หัวใจ และดวงตา ตลอดจนระบบการย่อยอาหาร

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) เจ้าเรือนลาภะโคจรอยู่ในราศีกรกฎเรือนปัตนิ จะโชคดีเรื่องคู่ครองหุ้นส่วนเพศตรงข้าม แต่เนื่องจากดาวอังคารเป็นบาปเคราะห์ให้ระวังเรื่องคู่ครองหุ้นส่วนเพศตรงข้าม ประคับประคองชีวิตรักให้ดีอย่าใช้อารมณ์โทสะเพราะจะเกิดอุบัติเหตุและความขัดแย้งได้ง่าย คนที่ยังไม่มีคนรักจะได้พบกับคนรักที่ถูกใจ เป็นคนดีมีความรู้ แต่ต้องอาศัยคนอื่นเป็นสื่อ ท่านจะมีความรักที่แปลกใหม่ต่างวัย สนใจของใหม่ ๆ มีกิจกรรมใหม่ ๆ ถึงแม้ท่านจะเจ้าชู้แต่ก็เป็นคนรักคนยาก เพราะเป็นคนเลือกมาก แต่หากมีความรักแล้วก็จะเป็นรักจริงที่มีความมั่นคงจริงใจ รักเดียวใจเดียว คนรักที่ทำผิดก็จะได้รับการให้อภัย สำหรับท่านที่มีคู่แล้วจะมีลาภที่สำคัญ

ราศีกุมภ์ ( เกิด 13 ก.พ.-14 มี.ค. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) เจ้าเรือนลาภะทับราศีเกิด จะประสบความสำเร็จได้โชคลาภ ผู้ใหญ่เอ็นดูรักใคร่สนับสนุน ได้พบคนดีมีความรู้ความสามารถ ได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เครื่องรางของขลัง ตั้งใจอะไรไว้สิ่งที่รอคอยจะสำเร็จสมความปรารถนา ประสบความสำเร็จด้านการงานได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง มีงานใหม่ ๆ ให้ทำหลายชิ้น พี่น้องเพื่อนฝูงจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือด้านการงาน ชอบทำอะไรตามลำพังมากขึ้น ผลงานที่ทำไว้เป็นที่นิยมชมชอบ มีโอกาสได้ศึกษาวิชาการที่แปลกใหม่ ได้ร่วมงานในองค์กรการกุศล สวัสดิการและการสังคมสงเคราะห์ ได้พบปะสังสรรค์กับผู้คนมากมาย งานที่ทำต้องใช้จินตนาการและการวิเคราะห์เป็นสำคัญ ท่านจะมีความสุขเพลิดเพลินอยู่กับการทำงาน ส่วนท่านที่ยังไม่ได้งานทำก็จะได้งานที่พึงพอใจ

ระหว่าง 26 เม.ย.ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) เจ้าเรือนลาภะจรอยู่เรือนการเงิน จะโชคดีทางการเงิน ได้ลาภเป็นทรัพย์สินเงินทอง ผู้ใหญ่ครูอาจารย์มิตรสหายช่วยเหลือเรื่องการเงิน มีรายได้หลายทาง ได้รับเงินจากผลงานที่ทำไว้ทำให้มีเงินทองมากขึ้น บัญชีการเงินเดินสะพัดดี
ตลอดปี 2553 เสาร์ (7) อยู่ภพมรณะ สุขภาพอ่อนแอ ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี การลงทุนไม่เป็นผล มีเรื่องเก่า ๆ สะสางไม่ลงตัว มีอุปสรรคทำให้กลุ้มใจ ความอดกลั้นลดน้อยลง มีภาระความรับผิดชอบมากทำให้เครียด ควรหาเวลาออกกำลังกายและพักผ่อนบ้าง ควรระวังโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบเลือด และอุบัติเหตุ

ราหู (Cool ดาวประจำราศีเกิดเข้าเรือนลาภะ จะมีโชคลาภ ราหูมักให้คุณตอนต้น แต่ถ้าไม่ระมัดระวังรอบคอบจะเกิดปัญหาภายหลัง จะลุ่มหลงเรื่องรายได้ผลประโยชน์ มีโชคฟลุกโดยไม่คาดฝัน มีลาภทางไกลเดินทางแล้วได้ลาภ แต่ควรระวังการใช้จ่ายเพราะอาจเสียเงินโดยไม่จำเป็น เสียรู้ทางการเงิน ได้ลาภมาก็เก็บไม่อยู่ รายจ่ายก็มีมาก ได้ของเก่าวัตถุโบราณเครื่องรางของขลัง หากมีความเพียร สุขุมรอบคอบ ก็จะก้าวสู่จุดหมายที่ดีได้แน่นอน
 
วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ ในภพอริ ควรควบคุมอารมณ์ให้ดี ระวังจะมีปากเสียงและเกิดขัดแย้งได้ง่าย ด้านความรักจะได้พบรักที่ถูกใจ ข่าวลือเรื่องรักวุ่น ๆ เบาลง ความคลางแคลงใจถูกขจัดออกไป ความรักสดชื่นแจ่มใสดี เนื่องจากเป็นคนรักอิสระจึงไม่ค่อยหึงหวงหรือวิ่งตามตื๊อใคร แม้จะมีความรักก็เป็นรักแบบเพื่อนสนิทคอยช่วยเหลือและเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน มีโอกาสจะได้เรือนหอหรือของมีค่าสำคัญร่วมกัน

ราศีมีน ( เกิด 15 มี.ค.-12 เม.ย. )
    
ตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2552-26 เม.ย. 2553 ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่หลังราศีเกิด จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งลี้ลับผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลัง มีโอกาสเดินทางไกลกะทันหัน ระวังมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง มีความลับที่บอกใครไม่ได้ มีโอกาสได้ดีในต่างถิ่นต่างแดน

ระหว่าง 26 เม.ย. ถึงวันสิ้นปี ดาวพฤหัสบดี (5) ทับราศีเกิดได้มาตรฐานเกษตร มีโชคลาภและประสบความสำเร็จ ผู้ใหญ่ครูอาจารย์สนับสนุนช่วยเหลือ ความลับถูกเปิดเผย มีความคิดและสติปัญญาในทางสร้างสรรค์ที่ดี มีงานใหม่ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้น มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก การเจรจาเกี่ยวกับงานได้ผลดี มีการริเริ่มโครงการใหม่ ๆ เพื่อนฝูงแนะนำงานใหม่ให้ แต่ควรระวังการคบเพื่อนเพราะอาจถูกหลอกลวงให้เกิดความเสียหายได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานควรปรับความเข้าใจโดยเร็ว มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการงานมากขึ้น ด้วยเหตุที่เป็นคนมีสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ จึงทำให้ประสบความสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ทำอยู่ได้ไม่ยาก

ตลอดปี 2553 ดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนลาภะโคจรเข้าเล็งราศีเกิด ทำให้โชคดีมีลาภเกี่ยวกับคู่ครองเพศตรงข้าม เพศตรงข้ามชักชวนลงทุน จะหลงรักเพื่อนฝูงคนใกล้ตัว คู่ครองคนรักปฏิบัติกับท่านเหมือนเพื่อนสนิทมีปัญหาอะไรก็ควรปรึกษากัน คนที่มีคู่แล้วควรพาคนรักไปเที่ยวต่างถิ่นต่างแดนบ้างจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น มิเช่นนั้นจะมีเหตุให้ต้องพลัดพราก ท่านที่ยังไม่มีคู่จะมีเพื่อนต่างเพศเข้ามาสนใจและท่านสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง มีโอกาสได้พบรักอีก ในขณะที่จิตใจยังสับสนระหว่างคนสองคน จนทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์
 
ราหู (Cool อยู่เรือนการงาน การงานเกิดความสับสนวุ่นวาย จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ได้ทำงานกับคนต่างถิ่นต่างแดนต่างชาติต่างภาษา ให้ระวังจะเกิดปัญหาขัดแย้งเกี่ยวกับการทำงาน งานเก่าสะสางไม่เสร็จงานใหม่ประดังเข้ามาทำให้ปวดหัว ได้อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยแต่มีตำหนิ

วันที่ 1 ม.ค.-28 พ.ค. ดาวอังคาร (3) โคจรอยู่ในราศีกรกฎ อังคารดาวการเงินอยู่เรือนปุตตะ มีโชคลาภ มี ผลประโยชน์เกิดขึ้นจากการทำงานและการเสี่ยงโชคทำให้มีรายได้มากขึ้น เงินทองหมุนเวียนดีขึ้น ได้เครื่องมือเครื่องใช้วัสดุอุปกรณ์ ระวังบุตรบริวารเจ็บป่วยเดือดร้อนทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จะได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ มีคดีเกี่ยวกับทรัพย์ก็จะชนะคดี มีเงินทองมักไม่ได้ใช้จ่ายเพื่อตนเองแต่ถูกนำไปใช้เพื่อคนอื่นบ้าง ซื้อขายปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยตลอดจนยวดยานพาหนะบ้าง ดาวการเงินโคจรวิปริตก็ทำให้มีเรื่องผันผวนด้านการเงินด้วย ส่วนสุขภาพระวังอุบัติเหตุหกล้ม ถูกสิ่งของตกหล่น ถูกของร้อนของมีคม อาหารการกินและการดื่มควรระวังให้ดีจะส่งผลถึงสุขภาพ สุรายาเสพติดควรจะละเว้นเสียบ้างเพราะจะนำมาซึ่งโรคภัยหรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #448 เมื่อ: 07 มกราคม 2553, 07:41:51 »

ทายนิสัยจากเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่คุณชอบ

จาก marketatnation.com



บางคนกินเส้น บางคนไม่กินเส้น แต่วันนี้เรามาลอบทายใจคนกินเส้นกันดู ว่าคุณชอบกินเส้นอะไรกันเอ่ย ?
 
เส้นใหญ่

ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ คุณเป็นคนหนักแน่น ทำอะไรทำจริง แบบไม่ดีไม่ได้ไม่เลิก เป็นคนอ่อนไหว อะไรที่มากระทบกับความรู้สึกจะครุ่นคิด วิเคราะห์หาที่มา และบางครั้งทำให้เครียด ไม่ค่อยพูด เงียบขรึม ตรึกตรอง ทบทวน รักเพื่อน รักสัตว์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และยังชอบแก้ปัญหาให้คนอื่นอีกด้วย
 

เส้นเล็ก

ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก คุณเป็นคนรวยอารมณ์ขัน เพื่อนฝูงมากมาย มีมุขฮาตลกๆ ให้คนรอบข้างได้ขำเสมอ เป็นศูยน์รวมของเพื่อน ไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อย และแม้มีปัญหาเข้ามาในชีวิตคุณก็ยังยิ้มเสมอ แต่ค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นในตัวเองในบางครั้ง ไม่กล้าชนปัญหา แต่ยิ้มกับปัญหา ค่อนข้างเจ้าช ู้เสน่ห์แรงพอตัว รักเพื่อนมากบางครั้งอาจลืมคนใกล้ตัวไปบ้าง


เสันหมี่ ( ขาว )

ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ คุณเป็นคนเก็บตัว แต่เรียนเก่งชะมัด ใฝ่รู้ รักการอ่าน ชอบค้นคว้าชนิดหนอนหนังสือเลยทีเดียว ร้านหนังสือตามห้างมักได้เงินจากคุณอย่างสม่ำเสมอ โรเเมนติกอยู่คู่กับคุณ คุณเป็นคนปราณีตกับแฟน เอาใจใส่ทุกเรื่อง ทุกรายละเอียด แต่แฟนของคุณอย่าลืมวันเกิดเชียว คุณจะงอนไปเลย แฟนคุณกว่าจะเดาอาการคุณออก คุณก็งอนเรื่องใหม่ซะแล้ว


เส้นบะหมี่

ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่ คุณเป็นคนที่ชอบโลดโผนผจญภัย ท่องเที่ยวไปทุกที่ แต่จะมักไม่ค่อยโรแมนติก หากมีแฟน แฟนของคุณจะต้องเข้าใจคุณเป็นอย่างมาก คุณมักมุ่งไปข้างหน้า ไม่มองข้างหลัง มีความฝัน ค้นหา ท้าทาย แต่ไม่ชอบวางแผนชีวิต คุณเป็นคนรักของครอบครัวและเพื่อนฝูง อีกทั้งคุณยังเป็นคนใจดี
 

เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ( หรือเส้นมาม่า )

ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่กี่งสำเร็จนี้ คุณเป็นคนถือตัวชะมัด ไม่ชอบง้อใคร ไม่ชอบขอใคร พึ่งพาตนเอง ไม่มีใครรู้สถานะที่แท้จริงของคุณหรอก ชอบและรักเสียงเพลง ละเมียดละมัยพอประมาณ เป็นคนฟุ่มเฟือย แต่ทำงานเก่ง การเรียนไม่เท่าไหร่ กิจกรรมเด่น แต่ออกจะเจ้าอารมณ์ บางครั้งพาลไม่มีเหตุผลเอาดื้อๆ


เส้นขนมจีน ( ข้าวปุ้น )

ถ้าคุณชอบทานเส้นขนมจีน เขาว่าคุณเป็นคนขี้เหนียว แต่คุณบอกเพื่อนว่าคุณถูกสอนให้รู้จักใช้เงิน คุณไม่ชอบซื้อของพร่ำเพรื่อ แต่ชอบซื้อของดี แพงไม่ว่า ถ้าถูกใจคุณคุณสามารถเททั้งกระเป๋าแบบไม่สนใจใคร คุณขี้รำคาญคน แต่ชอบช่วยเหลือสังคม อาชีพ ส.ส. น่าจะเหมาะกับคุณ คุณเป็นคนช่างเลือกแฟนต้องดูดีเสมอ ถ้าไฮโซยิ่งดี มีสีหน่อยคุณจะภูมิใจมาก คุยทั้งวันไม่หยุด
 

เส้นสปาร์เก็ตตี้

ถ้าคุณชอบทานเส้นสปาร์เก็ตตี้ คุณเป็นคนดุ น่าจะเป็นครูปกครอง หรือเป็นตำรวจสายปราบปราม ทำงานด้านกฎหมายยิ่งดีใหญ่ ใครอย่ามาเอาเปรียบคุณเชียว คุณเอาเรื่องไม่เลิก แต่คุณไม่ชอบก้าวก่ายใคร ไม่ชอบการเมือง ส่วนตัวคุณเป็นคนโอบอ้อม อารี แต่ไม่แสดงออก เวลาน้ำท่วมไฟใหม้ที่ไหนไปดูซิ มีของที่คุณนำไปบริจาคเพียบ แต่คุณไม่ติดชื่อของคุณไปด้วยหรอก



      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #449 เมื่อ: 07 มกราคม 2553, 07:51:15 »

คุณจะยืนอยู่ตรงไหน ในรูปถ่ายที่ถ่ายกับเพื่อนคุณ
  
จาก marketatnation.com


                                         1     2      3     4      5


ตำแหน่งที่คุณยืน สื่อถึง บทบาทของคุณในกลุ่มเพื่อน
  
ตำแหน่งที่ 1,5 สื่อถึง คุณเป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆ หรือสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี  และยังเก็บความรู้สึกได้ดี  ในสายตาของเพื่อนๆ คุณเป็นคนใจดี  ไม่ค่อยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
  
ตำแหน่งที่ 2 สื่อถึง คุณมีความเป็นตัวของตัวเองสูง สนุกสนานร่าเริง  และมักจะนำเรื่องสนุกสนานมาให้เพื่อนๆ เสมอ
  
ตำแหน่งที่ 3 สื่อถึง คุณเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะ  และบางครั้งจะเป็นคนคอยปลอบใจ  หรือให้กำลังใจเพื่อนๆ ในกลุ่ม
  
ตำแหน่งที่ 4 สื่อถึง คุณเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ เสมอ  และยังสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เพื่อนๆ ได้ในทุกๆ เรื่อง

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #450 เมื่อ: 07 มกราคม 2553, 08:26:09 »

ราเมศวร์ ศิลปพรหม นักปั้นโปรแกรมเมอร์พันธุ์ไทย

จาก marketatnation.com และ bangkokbiznews.com

ราเมศวร์ ศิลปพรหม ผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอฟต์สแควร์ 1999 จำกัด กับรางวัล " Software Park Thailand : Hall of Fame "







เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งประเทศไทย ( ซอฟต์แวร์พาร์ค ) มอบรางวัล " Software Park Thailand : Hall of Fame " เป็นปีที่ 2 โดยปีนี้มุ่งเชิดชูเกียรติองค์กรซอฟต์แวร์ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม และประเทศชาติ  ไม่มุ่งเน้นสร้างผลประกอบการทางธุรกิจเท่านั้น  เพื่อทำให้ธุรกิจซอฟต์แวร์ดำเนินอย่างสร้างสรรค์ และช่วยกันสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคมมากขึ้น 5 ราย

หนึ่งในนั้น คือ บริษัท ซอฟต์สแควร์ 1999 จำกัด ที่มีนายราเมศวร์ ศิลปพรหม เป็นผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัทแห่งนี้เป็นแหล่งสร้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เกิดและเติบโตจากคนเพียง 3 คน  ด้วยเงินลงทุน 3 แสนบาท  ด้วยนโยบายโตแล้วแตก  ทำให้เกิดบริษัทลูกกว่า 40 บริษัท  มีบุคลากรกว่า 1,000 คน

ซอฟต์สแควร์ ไม่ใช่เพียงผู้สร้างโปรแกรมสำหรับห้างสรรพสินค้าชื่อดังระดับโลก ที่ผูกติดไปกับแบรนด์ของห้างใหญ่ ที่กำลังขยายไปสู่ประเทศต่างๆ  สามารถเอาชนะซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ จากฝรั่งเศส อินเดีย เยอรมนี กลายเป็นหนึ่งในตำนานการรุกตลาดซอฟต์แวร์โลกด้วยซอฟต์แวร์ไทย  หากภาพที่โดดเด่นที่สุด คือ การเป็น " เส้าหลินซอฟต์แวร์ "

สถาบันการผลิตนักซอฟต์แวร์  ทั้งการจ้างแรงงานซอฟต์แวร์ของบริษัทเอง และเป็นที่ฝึกฝีมือแบบมีรายได้ของนักเรียน นักศึกษา ก่อนออกสู่ตลาดแรงงานจริงกว่า 3,000 คน ตลอดระยะเวลา 14 ปี

เพาะต้นกล้าไอที


ราเมศวร์ บอกว่า 1 ปีมานี้เขาได้เป็นตัวตั้งตัวตีในโครงการนอร์ธเทิร์นไอทีคลัสเตอร์ ( Northern IT Cluster ) ที่สร้างต้นกล้าไอทีทำให้เกิดการฝึกคนซอฟต์แวร์ตั้งแต่เยาวชน โดยเน้นการเป็นไอที วัลเลย์ ที่แม่ฮ่องสอน  เพราะเป็นจังหวัดเล็กพอที่จะลงทุนเองได้ทั้งหมด  ถือเป็นการต่อยอดจากปี 2538 ที่เริ่มมีผู้นำพีซีไปบริจาค  ครูและนักเรียนผ่านการเรียนรู้มาหลายปี เมื่อที่นี่สำเร็จจะขยายไปน่าน และสกลนครต่อไป เพราะเป็นจังหวัดที่มีผู้ยากจน และเด็กด้อยโอกาส

เขาตั้งศูนย์บ่มเพาะในโรงเรียน 3 แห่ง  เริ่มจากมัธยมศึกษาตอนปลาย เริ่มจากตัวเมือง และจะขยายครอบคลุม 12 แห่งทั่วจังหวัดต่อไป  อาจเป็นที่ อ.ปาย แม่ลาน้อย หรือแม่สะเรียง และทั้งปี 2553 จะขยับสู่โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

" เท่ากับเด็กๆ จะได้ฝึกอาชีพ 6 ปี  ทำให้มีเป้าหมายในชีวิตว่า  ต้องการเดินมาบนเส้นทางสายโปรแกรมเมอร์หรือไม่ ก่อนจะเลือกเรียนระดับปริญญาตรีต่อไป  แถมเรียนไปยังมีรายได้ด้วย  จากการที่บริษัทส่งงานไปให้ทำ หรือการเป็นครูสอนเพื่อนๆ น้องๆ และการสร้างศูนย์บ่มเพาะนี้  ก็ไม่ต้องพึ่งราชการ "  บริษัทร่วมกับซอฟต์แวร์พาร์ค และบริษัทท้องถิ่น 2 แห่งบ่มเพาะโปรแกรมเมอร์ และตั้งเป้าจะขยายเป็น 10 แห่งใน 3 ปี โดยลงทุนเบื้องต้นแล้ว 8 ล้านบาท

เขายังจัดทุนการศึกษาแก่นักเรียนโรงเรียนนวมินทร์การอาชีพที่แม่ฮ่องสอน  ซึ่งเพิ่งเปิดสอนหลักสูตรคอมพิวเตอร์ธุรกิจระดับ ปวส.  คัดเลือกเด็ก 5 คนเข้าเรียน และให้ทุนการศึกษาคนละ 4 หมื่นบาทต่อปี  เมื่อจบการศึกษายังรับเป็นพนักงานของบริษัทที่แม่ฮ่องสอน

ทั้งยังให้ทุนแก่นักศึกษาปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยนอร์ท จำนวน 4 ทุนๆ ละ 5 หมื่นบาทต่อปี  ถ้านักศึกษาเรียนด้วยทำงานด้วย  โดยเป็นพนักงานในศูนย์บ่มเพาะ  รวมเท่ากับให้ 1 แสนบาทต่อปีต่อคน

เขาบอกว่า ระบบที่นำมาใช้เป็นการทำควบคู่กับการทำให้วงจรเศรษฐกิจหมุนไป  จากที่เคยมีปัญหาขาดแคลนครู  ก็นำพนักงานไปเป็นครูอาสา ทั้งยังจ้างครูที่โรงเรียน และนักเรียนมาสอน  หรืออบรมคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนนั้นๆ ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน  โดยให้ค่าตอบแทนครูเดือนละ 5 พันบาท  นักเรียน 1 พันบาท

" แนวคิดที่นำมาใช้กับโรงเรียนต่างๆ นี้  เป็นการฝึกให้เด็กๆ รู้จักเศรษฐกิจฐานความรู้  เมื่อมีความรู้ก็นำไปสร้างเงินได้  ผมทำซอฟต์สแควร์ เริ่มเปิดมาด้วยคน 3 คน มีเงิน 3 แสน  ไม่เคยพึ่งรัฐ  จะต้องสอนให้คนอยู่ได้ด้วยตัวเอง "

สูตรรวย 50 ปีมีเงิน 30 ล้าน

เขาบอกด้วยว่า  ทุกวันนี้เขามีหุ้นบริษัทในกลุ่มซอฟต์สแควร์อยู่ 12 บริษัท  อีกกว่า 20 บริษัทไม่มีหุ้นอยู่เลย  แต่ละบริษัทมีพนักงานแห่งละ 10-20 คน  แล้วนำมาคลัสเตอร์กัน  ถือเป็นการเฉลี่ยความรวย  ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ

ปัจจุบัน ซอฟต์สแควร์ทำรายได้ปีละประมาณ 300 กว่าล้านบาท  แต่เมื่อรวมทั้งกลุ่มมีประมาณ 700-800 ล้านบาท  บริษัทแม่ทำหน้าที่หางานป้อนบริษัทต่างๆ การเติบโตเป็นไปตามความสามารถของคน

" การสร้างบริษัทให้มีรายได้ปีละประมาณ 10-20 ล้านบาทนั้น  เป็นขนาดกำลังดี  เพราะอยู่ได้โดยไม่เอาเปรียบใคร  เป็นการสร้างจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่างหนึ่ง "

การเฉลี่ยความรวยของเขา รับประกันว่า เมื่ออายุ 50 ปี จะมีเงิน 30 ล้านบาทแน่  เริ่มจากสร้างประสบการณ์เงินเหลือก่อน  แล้วใช้เงินทำงานตามสูตร 747

สูตรที่ว่า 7 ปีแรกต้องทำกำไรบริษัทให้ได้ 1.5 ล้านบาท  7 ปีถัดไปเพิ่มเป็น 10 ล้านบาท  และอีก 7 ปี เป็น 30 ล้านบาท  เมื่อถึงรอบ 7 ปีสุดท้ายไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้จากหุ้น

หยุดได้ แต่ไม่หยุด

เขา ยกตัวอย่างตัวเองว่า มาถึงวันนี้ ไม่ได้มุ่งมั่นจะทำธุรกิจเท่านั้น  แต่ออกมาช่วยสังคมด้วยโครงการต่างๆ ที่ทำ  หากยิ่งทำกลับยิ่งได้ ยิ่งส่งงานป้อนเด็กๆ กลับยิ่งได้งานใหม่เข้ามามากขึ้น

" ไม่รู้จะเป็นการใช้แรงงานเด็กหรือเปล่านะ  แต่ก็ไม่หรอก  ผมไม่ได้ค้ากำไรจากพวกเขา  มันเป็นอีกไซเคิลหนึ่งของชีวิต  ที่ฝึกสอนเด็กๆ ให้เห็นทางเลือกของตัวเอง  และมองออกถึงเศรษฐกิจฐานความรู้ที่ตลาดซอฟต์แวร์มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท  มีหลายงานที่เกี่ยวพันกัน ทั้งออกแบบ เขียนแบบ ทดสอบ ฝึกอบรมการเขียนโปรแกรม  มีความรู้แล้วต้องมีครีเอทีฟ  ถึงจะได้ตังค์  ต้องคิด work to learn don't work for money  แล้วภายใน 3 ปี ก็จะเห็นผล "

ผลงานที่เขาทำขึ้น ยังแปรผันไปสร้างงานเกี่ยวเนื่องได้อีก  จากการที่จะมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ( เนคเทค ) และซอฟต์แวร์พาร์ค ไปดูงานกันเดือนละ 2 ทีม  เป็นเทคโนฯ ทัวริสต์ที่เอื้อต่อเศรษฐกิจข้างเคียง


      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #451 เมื่อ: 08 มกราคม 2553, 20:49:46 »



ขอร่วมชื่นชมพี่ราเมศวร์ ศิลปพรหม ผู้ก่อตั้ง และ กรรมการผู้จัดการ บ.ซอฟต์สแควร์ 1999 จำกัด กับรางวัล " Software Park Thailand : Hall of Fame " ที่ประสบความสำเร็จ และ ,มีความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมของธุรกิจ ครับผม

เวบไซด์ของ บ.ซอฟต์สแควร์ 1999   http://www.softsquaregroup.com/

 
             หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #452 เมื่อ: 10 มกราคม 2553, 19:08:45 »

ยังงงๆอยู่คะ
แต่พี่เค้าคิดถึงสังคมด้วย
คิดว่าต้องดีแน่ๆ...เฉลี่ยและแบ่ง
ไม่งำไม่กอบ...ให้คนอื่น แบ่งปัน
ตรงนี้คะที่เตะตา
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #453 เมื่อ: 23 มกราคม 2553, 11:44:32 »

10 อันดับ คนอัจฉริยะที่สุดของโลก

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

10. Eliana Smith : ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต อายุ 7 ขวบ



สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina  เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง  คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อน และก็ดื่มนมสักแก้วนึงโต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน  เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร  จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน  ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน  

ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา  หนูน้อยบอกไปว่า " ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง  ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว "


9. Willie Mosconi : เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ



William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา " Mr. Pocket Billiards " ( pocket billiard = พูล )  หนูน้อยจาก Philadelphia , Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูล  แต่พ่อกลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล  Willie ก็ไม่ยอมแพ้  โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่  ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ  จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น  และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุ และประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้  ทั้ง ๆ ที่เขายังต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม

ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf  แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมาก  และทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น  และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool ( พูล 15 ลูก ) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี  และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ใน ช่วงปี 1941-1957  Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA ( Billiard Congress of America ) World Championship ถึง15 สมัย  เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด  สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย  ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool


8. Fabiano Luigi Caruana :  แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด



Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ ( อเมริกัน-อิตาลี ) ปัจจุบันอายุ 16 ปี  เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007  ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี  11 เดือน 20 วัน  ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา  และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก ( World Chess Federation ( FIDE ) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2,649  ทำให้เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี


7. Michael Kevin Kearney : รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์



หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในโลก  และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17 ปี  ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire ?  นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง

Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน  เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า " ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ "   อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน  อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม  เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ  และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ

ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก


6. Saul Aaron Kripke : Harvard ( มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก ) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล



Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha  รัฐ Nebraska  เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4  และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิต และแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง  และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา

Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ ( semantics ) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี  และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้น  ทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด  เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์  ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า " แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูล และมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า "  และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล  ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่


5. Aelita  Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ



ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก  เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne's Fitzroy

Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดู  และเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะจัดการแสดงภาพเหล่านั้น  จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว  เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน  คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง  และมีอายุเพียง 22 เดือน  แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย  แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป


4. Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง ( 47,000-48,000 บาท )



Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม  2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา  เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย  เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า " At the age of 3 "  และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก  เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด  เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV  และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมาเนีย
 
http://www.youtube.com/watch?v=GDq-E708lHU ( ลองเข้าไปฟังเพลงของเธอได้ ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ ^^ )
 
 
3. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ
 

 
Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า " เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก " เพราะมี IQ ถึง 146  และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย  ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน  

Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000  เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ  คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ  มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้  มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน   Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการ และยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น  แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้  และใช้มือได้เป็นปกติอีกครั้ง  ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่วิทยาลัย Chandigarh  และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน
  
 
2. Gregory Smith : ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี
 

 
Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ  และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ  ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้  เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิเด็ก  

Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates  ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพ และความเข้าอกเข้าใจในระหว่างเยาวชนทั่วโลก  เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachov  และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย

จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้  ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง  แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ .... มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ซะทีนั่นเอง
 
 
1. Kim Ung-Yong : เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ  จบปริญญาเอกตอนอายุ 15  และมี IQ สูงที่สุดในโลก
 

 
Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962  และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่  โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี  เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ  ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ  เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส ( differential and integral calculus ) ที่ซับซ้อนได้  หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน  สเปน  เวียดนาม  ตากาล็อก  เยอรมัน อังกฤษ  ญี่ปุ่น และเกาหลี

คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 - 6 ขวบ  พออายุ 7 ขวบ  NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974  จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์  ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก  ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย  และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978  และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธา  และได้ศึกษาจนได้รับปริญญาเอกอีกเช่นกัน
 ‏
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #454 เมื่อ: 23 มกราคม 2553, 20:48:40 »

พี่เจี๊ยบ,
คนสุดท้ายผมทอง คอเคเซี่ยนจ๋า
ชื่อคิม อุง ย็อง (Kim Ung-Yong) จริงเหรอพี่?
ฉักพันพรื้อซะแหล่ว...
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #455 เมื่อ: 23 มกราคม 2553, 23:28:20 »

NN ... เป็น " ลูกเล่น = มุก " ที่จะคอยเช็คว่า " จะมีคนสนใจอ่าน จริงๆ จังๆ รื้อ ? "

ก็หนิงนี่ไง  ที่ช่างสังเกต และทักท้วงมา  พี่ลองถามลุง Google ดู  ปรากฏว่าต้นฉบับใส่รูปมาผิดคนจริงๆ ด้วย  เลยรีบแก้ไขรูปให้ตรงกับชื่อของอัจฉริยะแต่ละคนแล้วนะ ... ขอบคุณความช่างสังเกตของหนิงนะคะ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #456 เมื่อ: 24 มกราคม 2553, 08:24:07 »


การมี ร.พ.ออนไลน์ ที่นำ เทคโนโลยี่ คอมพิวเตอร์ มาอำนวยความสะดวก

         เลือก ร.พ.เองได้ ตามคุณภาพของ ร.พ.ที่เราพอใจ ไม่ถูกบังคับให้รักษาตามที่ระบุให้

ยังสามารถมีจองคิวตรวจทางอินเตอร์เนต ผ่านทางคอมพ์เหมือนจองตั๋วหนังอีกด้วย

ไม่ต้องมานั่งรอคิว ให้เสียเวลาเลือกเวลามาตรวจตามความพอใจ เหมือนดูหนัง

                          

จะเกิดได้ท่าน ร.ม.ต.จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ต้องให้ทางกระทรวงสาธารณสุข จัดทำ

โปรแกรมจองคิวตรวจ ทางเนตเหมือนโรงหนังเพิ่มอีกด้วย
            
                                      

         สปสช.ติดตั้งระบบเทเล-เมดิซีน เพิ่มศักยภาพ10โรงพยาบาลใต้

         สำนัก งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ติดระบบเทเล-เมดิซีน 10 โรงพยาบาลพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง แก้ปัญหาแพทย์น้อย พื้นที่ห่างไกล ไม่ต้องส่งต่อผู้ป่วย

                        

         นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

         เมื่อวันที่ 1 กันยายน นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (รองเลขาธิการ สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สปสช. ได้เริ่มติดตั้งระบบเครือข่ายการตรวจรักษาสื่อสารเพื่อให้คำปรึกษาและประสาน งานการส่งต่อผู้ป่วยทางไกลผ่านระบบเทคโนโลยีการสื่อสาร (Tele-medicine) ในโรงพยาบาล 10 แห่ง ของพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง รวม 11 จุดสื่อสาร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 8 ล้านบาท ทั้งนี้การติดตั้งระบบดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดด้านบุคลากรและความห่าง ไกลของพื้นที่ โดยระบบเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหาของโรงพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วย การให้คำปรึกษาและการส่งต่อผู้ป่วย ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

         นพ.วีระวัฒน์กล่าวว่า ระบบเทเล-เมดิซีน มีมานานแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายสูง จึงไม่เป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันค่าใช้จ่ายลดลงจึงคุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งในอนาคต สปสช. มีโครงการจะขยายการติดตั้งระบบเทเล-เมดิซีน ไปในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยเช่นกัน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาความห่างไกลมาก

         "ระบบเทเล-เมดิซีน อำนวยความสะดวกให้โรงพยาบาล สามารถขอคำปรึกษาการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างกันได้ทั้งภาพเคลื่อนไหว เสียง และข้อมูลอื่นๆ ของผู้ป่วย เช่น คลื่นหัวใจ เป็นต้น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่ข่าย ซึ่งแพทย์ที่ให้คำปรึกษาสามารถเห็นสภาพจริงของผู้ป่วย ซึ่งเหมาะกับกรณีการรักษาผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ ห่างไกล หรือการเดินทางลำบาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีปัญหาความไม่สงบอยู่ในปัจจุบัน" นพ.วีระวัฒน์กล่าว

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สปสช.จะได้ติดตั้งระบบเทเล-เมดิซีน ที่ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาล (รพ.) สงขลานครินทร์ (2 จุดสื่อสาร) และ รพ.หาดใหญ่ ทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย คอยให้คำปรึกษาในการรักษาผู้ป่วย ส่วนโรงพยาบาลอีก 8 แห่ง จะเป็นโรงพยาบาลลูกข่าย ได้แก่ รพ.ควรขนุน จ.พัทลุง รพ.เบตง จ.ยะลา รพ.นราธิวาส รพ.ปัตตานี รพ.สงขลา รพ.สตูล รพ.ตรัง และ รพ.พัทลุง (กรอบบ่าย)

          ที่มา:

http://hia.anamai.moph.go.th/?name=news&file=readnews&id=25          

จาก "สปสช.การกระจายบริการที่มีคุณภาพ สู่ ร.พ.ห่างไกล ขาดแคลนแพทย์"

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3276.0.html

นำมาจาก    
Re: จุดเปลี่ยนการแพทย์ด้วย ร.พ.ออนไลน์ รักษาฟรีได้ทุกที่ ที่เข้าโครงการเหมือนธนาคารออนไลน์
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2552, 07:42:28

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4040.0.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

Re: จุดเปลี่ยนการแพทย์ด้วย ร.พ.ออนไลน์ รักษาฟรีได้ทุกที่ ที่เข้าโครงการเหมือนธนาคารออนไลน์
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2552, 07:42:28 »

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4040.0.html

                    

         เรามี วิศวะคอมพ์ จุฬาฯ ที่จะช่วยสร้างซอฟแวร์ ของคนไทยที่จะทำให้มี ร.พ.ออนไลน์ รักษาได้ทุกที่ ดึงประวัติมารักษา เหมือน ที่ ธนาคาร ออนไลน์ที่เบิกถอนต่างสาขาได้ สามารถรักษากับแพทย์ประจำครอบครัว ที่ ร.พ.อำเภอ ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาพบ แต่พบทางเทเลเมดดิซิน ที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ใกล้บ้าน

         นอกจากนี้ยังจองคิวตรวจโดย นัดตรวจทางเนต เหมือนจองตั๋วหนังทางเนตได้อำนวยความสะดวกกับผู้ป่วยได้มาก
         ขอพวกเรา ที่ติดต่อ พี่ราเมศวร์ รักนะ ได้ เสนอพี่ ให้พิจารณาสร้างซอฟแวร์ พันธุ์ไทย ขึ้นใช้ พร้อม บริการให้กับ กระทรวงสาธารณสุขไว้ใช้ทั้งประเทศ ให้คนไข้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทุกที่ ที่สะดวกแทนต้องมานั่งรอตรวจที่ ร.พ.ดัีง ๆ เป็นตรวจที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ใกล้บ้านพบแพทย์ทางเทเลเมดดิซิน กับแพทย์ที่ต้องการพบได้ ไม่ต้องง้อซอฟแวร์ ต่างชาติ ครับผม


          รักนะ รักนะ รักนะ

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #457 เมื่อ: 25 มกราคม 2553, 10:23:41 »

 
คร้าบ บ บ บ ... น้องหมอสำเริง  พี่เค้าชื่อ " ราเมศวร์ " นะครับ  พี่เจี๊ยบส่ง link หน้านี้ไปให้พี่เค้าอ่านแล้ว  เมื่อเช้านี้

ตั๋วเครื่องบิน รุ่นใหม่

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา







ถ้าเครื่องบินตก .... คงพิสูจน์ศพง่ายขึ้นนะ  ถ้าสายรัดมันไม่หลุดจากข้อมือซะก่อน .... ดูๆ เหมือนแผ่นข้อมูลที่เอาไว้ระบุตัวบุคคลเลย


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #458 เมื่อ: 25 มกราคม 2553, 10:31:39 »

คนชื่อ-นามสกุลแปลกๆ ที่มีอยู่จริง

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา





      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #459 เมื่อ: 25 มกราคม 2553, 17:45:53 »

โห พี่เจี๊ยบ
ขำจนกระเพื่อมคะ
กะลังจาเปลี่ยนนามสกุล !!
ไม่ใช้แร้ะมึลเลอร์  เกร่อยังกะอะไร
ขอยืม " ปรปักเป็นจุล " กะ " ชอบนอนหงาย "
มาพิจารณาก่อนนะพี่....เก๋ดี

แต่ " จ้องผสมพันธุ์ " นี่สิ
ดูจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่คะ


ลงชื่อ
น้องหนุงหนิง หวังกระแทกคาง
      บันทึกการเข้า


gearnoi
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #460 เมื่อ: 25 มกราคม 2553, 23:05:52 »

หมอสำเริง :  " ขอพวกเรา ที่ติดต่อพี่ราเมศวร์ได้  เสนอพี่ให้พิจารณาสร้างซอฟแวร์พันธุ์ไทยขึ้นมาใช้  พร้อมบริการให้กับกระทรวงสาธารณสุขไว้ใช้ทั้งประเทศ  ให้คนไข้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทุกที่ๆ สะดวก  แทนที่จะต้องมานั่งรอตรวจที่ ร.พ.ดัีง ๆ  เป็นตรวจที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน  พบแพทย์ทางเทเลเมดดิซิน กับแพทย์ที่ต้องการพบได้  ไม่ต้องง้อซอฟแวร์ต่างชาติครับผม "

กรณีนี้เรื่องค่อนข้างยาว  หากต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ให้หมอสำเริงติดต่อผมหลังไมค์ดีกว่า  ทางเมล์ หรือโทรศัพท์ก็ได้ครับ

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #461 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 09:08:03 »

Yeh ! ... Yippy !  ขอต้อนรับ " ราเมศวร์ 16 " สู่เวปบอร์ดของหอซีมะโด่ง เป็นครั้งแรกค่ะ ... หลังจากแอบอ่านอย่างเดียว มา นม นาน  แล้วทำไมคราวนี้พิมพ์เป็นภาษาไทยได้แล้วล่ะคะ  เพื่อนชักสงกะสัยซะแล้วว่า  ราเมศวร์พิมพ์เอง รึเปล่าเนี่ย ? ... ha  ha  ha !

ต้องเข้ามาพิสูจน์ว่าเป็น " ราเมศวร์ ตัวจริง เสียงจริง " บ่อยๆ นะเออ !
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #462 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 17:22:14 »

เอ ! ... แปลก  ผมทำไมไม่เคยเข้าห้องนี้นะ พี่เจี๊ยบ  ต่อไปนี้จะแวะมาบ่อยๆ ครับ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #463 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 18:22:52 »

พี่ราเมศวร์มาแล้ว !
yippy !
มาบ่อยๆ ค่ะ  ทึ่งจัดพี่มานาน
ตั้งกะอ่านงานที่พี่ทำ,
งงๆ ก็ตรงตัวเลขนั่นแหละพี่.
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ราเมศวร์


nn.27
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #464 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 21:36:01 »

อ้าว ! กระทู้นี้ตกสำรวจจากเรดาห์ของครูตุ๋ยได้ไงคร้าบ บ บ บ   เค้าเปิดกันไปถึง 19 หน้าแระ  มีคนมาอ่านตั้ง 34,900 ครั้งแล้วด้วย

พระราชวังไทย แห่งใหม่ สร้างเสร็จแล้ว‏

พรชัย - นิติ 16 ... ส่งมา

        เนื่องด้วยเหล่าพสกนิกรชาวปากพนังรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง  ประชาชนชาวปากพนังจึงพร้อมใจกันจัดสร้างพระตำหนักปากพนัง  เพื่อเป็นพระตำหนักแปรพระราชฐานเสด็จทรงงาน ณ ลุ่มน้ำปากพนัง
 
        พระตำหนักประกอบด้วยห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ  พระตำหนักพระบรมวงศานุวงศ์  ท้องพระโรง  ห้องจัดพระราชทานเลี้ยง  และบ้านพักรับรองสำหรับเหล่ามหาดเล็ก  และข้าราชบริพาร  ผู้ตามเสด็จ
 
        พระตำหนักปากพนังตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง  ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ  มีลักษณะสถาปัตยกรรมของภาคใต้อย่างโดดเด่นชัดเจน  โดยใช้หลังคาทรง " บรานอร์ " และใช้หลังคาสีน้ำเงิน  ซึ่งเป็นสีอันเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์  โดยในอนาคตทางจังหวัดจะพัฒนาพระตำหนักให้มีความสวยงาม  โดยการจัด " สวนดอกไม้เมืองร้อน " ( เหมือนสวนดอกไม้เมืองร้อนที่สิงค์โปร์  มาเลเซีย ) ให้พระตำหนักมีความงดงามเช่นเดียวกับภูพิงค์ราชนิเวศ  ซึ่งเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว
 
 *** " บรานอร์ " คือลักษณะหลังคาบ้านไทยถิ่นใต้  มาเลย์  อินโด  บรูไน  และฟิลิปปินส์




















      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #465 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 19:07:56 »

อาจจะเก่าไปแล้ว แต่คิดว่ามีประโยชน์ค่ะ
.....
 ถึงทุกๆท่าน
                   ดิฉันมีเรื่องอยากเตือนทุกท่านให้ระวังเอาไว้  ถึงการหลอกลวงรูปแบบใหม่
                  เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552  เวลาประมาณ 09.15 น.  ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +886226994823
        เป็นระบบเสียงอัตโนมัติอ้างว่าโทร."จากศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร  แจ้งว่ามีหมายส่งถึงดิฉัน  แต่ไม่สามารถส่งหมายได้
        ให้ติดต่อไปยังศาลอาญา    มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับไป   กด 1 หากต้องการฟังซ้ำ  กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่"
                   ด้วยความที่ดิฉันเป็นทนายความ  จึงสงสัยและจับพิรุธได้ดังนี้
                        1. เกิดมาไม่เคยกระทำความผิดใดๆ ตามกฏหมายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา
                        2. เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ  เหมือนโทร.มาจากต่างประเทศ
                        3. ในประเทศไทยไม่มีศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร
                        4. ศาลไม่มีบริการติดตามคู่ความ หรือตรวจสอบข้อมูลทางโทศัพท์ (ยกเว้นท่านจะโทร.ไปที่ศาลเพื่อขอข้อมูลเองหรือตรวจสอบจากเว็บไซด์)
                   ดิฉันจึงตัดสินใจกด 9 เพราะอยากรู้มีเขามีลูกเล่นอย่างไร  สักพักก็จะมีเสียงผู้หญิงรับสาย (มีเสียผู้ชายดังเข้ามาเหมือนกำลังเจรจาเกี่ยวกับคดีความกับคนอื่นอยู่ ซึ่งทำให้เหมือนจริงว่าโทร.มาจากศาล)  แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอาสาจะตรวจสอบข้อมูลให้  ขอทราบชื่อ-นามสกุล    ดิฉันก็แจ้งชื่อ-นามสกุลให้ทราบ  จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็จะขอหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก  ดิฉันไม่ให้  เขาก็บอกว่าการติดต่อราชการจะต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชน  ดิฉันจึงบอกไปว่าการตรวจสอบข้อมูลของศาลนั้นไม่ต้องใช้เลขบัตรประชาชนก็ได้  ตรวจจากชื่อนาม-นามสกุ! ลก็ได้แล้ว  ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยืนยันว่าต้องใช้เลขบัตรประชาชน  ดิฉันจึงแจ้งว่าจะไปติดต่อศาลเอง ขอทราบชื่อเจ้าหน้าศาลที่จะต้องติดต่อ   ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ตอบมาด้วยเสียงดุๆ ว่าให้ไปติดต่อได้ที่ศาลอาญารัชดา แล้วก็รีบวางสาย  ไม่ยอมแจ้งชื่อให้ทราบ
                   ดิฉันได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวพบว่า
                       -  ไม่ใช่หมายเลขของศาลอาญารัชดาฯ
                       - เป็นรหัสทางไกล 886  ซึ่งโทร.มาจากไต้หวัน
                  ดังนั้นจึงขอเตือนทุกๆท่าน ได้โปรดระวังการหลอกลวงแบบใหม่นี้ไว้ด้วย  เพราะหากท่านให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักไป  ไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำอะไร  เลขบัตรประชาชนของท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆของท่าน เช่นข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ  ได้มากมาย
                  นอกจากนี้ขอให้เตือนเพื่อนๆ  ญาติสนิท มิตรสหายของท่านให้ทราบด้วย
                                                                                         ขอบคุณค่ะ
                                                                                   ธิดาพร   วณิชย์รุจี
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #466 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 19:31:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ jamsai เมื่อ 27 มกราคม 2553, 19:07:56
อาจจะเก่าไปแล้ว แต่คิดว่ามีประโยชน์ค่ะ
.....
 ถึงทุกๆท่าน
                   ดิฉันมีเรื่องอยากเตือนทุกท่านให้ระวังเอาไว้  ถึงการหลอกลวงรูปแบบใหม่
                  เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552  เวลาประมาณ 09.15 น.  ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +886226994823
        เป็นระบบเสียงอัตโนมัติอ้างว่าโทร."จากศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร  แจ้งว่ามีหมายส่งถึงดิฉัน  แต่ไม่สามารถส่งหมายได้
        ให้ติดต่อไปยังศาลอาญา    มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับไป   กด 1 หากต้องการฟังซ้ำ  กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่"
                   ด้วยความที่ดิฉันเป็นทนายความ  จึงสงสัยและจับพิรุธได้ดังนี้
                        1. เกิดมาไม่เคยกระทำความผิดใดๆ ตามกฏหมายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา
                        2. เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ  เหมือนโทร.มาจากต่างประเทศ
                        3. ในประเทศไทยไม่มีศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร
                        4. ศาลไม่มีบริการติดตามคู่ความ หรือตรวจสอบข้อมูลทางโทศัพท์ (ยกเว้นท่านจะโทร.ไปที่ศาลเพื่อขอข้อมูลเองหรือตรวจสอบจากเว็บไซด์)
                   ดิฉันจึงตัดสินใจกด 9 เพราะอยากรู้มีเขามีลูกเล่นอย่างไร  สักพักก็จะมีเสียงผู้หญิงรับสาย (มีเสียผู้ชายดังเข้ามาเหมือนกำลังเจรจาเกี่ยวกับคดีความกับคนอื่นอยู่ ซึ่งทำให้เหมือนจริงว่าโทร.มาจากศาล)  แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอาสาจะตรวจสอบข้อมูลให้  ขอทราบชื่อ-นามสกุล    ดิฉันก็แจ้งชื่อ-นามสกุลให้ทราบ  จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็จะขอหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก  ดิฉันไม่ให้  เขาก็บอกว่าการติดต่อราชการจะต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชน  ดิฉันจึงบอกไปว่าการตรวจสอบข้อมูลของศาลนั้นไม่ต้องใช้เลขบัตรประชาชนก็ได้  ตรวจจากชื่อนาม-นามสกุ! ลก็ได้แล้ว  ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยืนยันว่าต้องใช้เลขบัตรประชาชน  ดิฉันจึงแจ้งว่าจะไปติดต่อศาลเอง ขอทราบชื่อเจ้าหน้าศาลที่จะต้องติดต่อ   ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ตอบมาด้วยเสียงดุๆ ว่าให้ไปติดต่อได้ที่ศาลอาญารัชดา แล้วก็รีบวางสาย  ไม่ยอมแจ้งชื่อให้ทราบ
                   ดิฉันได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวพบว่า
                       -  ไม่ใช่หมายเลขของศาลอาญารัชดาฯ
                       - เป็นรหัสทางไกล 886  ซึ่งโทร.มาจากไต้หวัน
                  ดังนั้นจึงขอเตือนทุกๆท่าน ได้โปรดระวังการหลอกลวงแบบใหม่นี้ไว้ด้วย  เพราะหากท่านให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักไป  ไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำอะไร  เลขบัตรประชาชนของท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆของท่าน เช่นข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ  ได้มากมาย
                  นอกจากนี้ขอให้เตือนเพื่อนๆ  ญาติสนิท มิตรสหายของท่านให้ทราบด้วย
                                                                                         ขอบคุณค่ะ
                                                                                   ธิดาพร   วณิชย์รุจี
เป้นเราคงหลงเอาหมายเลขประจำตัวให้ไปแล้ว  เพราะคิดซับซ้อนอารายไม่ค่อยจะเป็น
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #467 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 21:23:23 »

พี่อาจารย์แจ่มใสคะ,
หมายเลข -886 มาจากใต้หวันค่ะ





nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #468 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 22:16:03 »

ปฏิทินสาวเบียร์พม่า Myanmar Beer‏

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


















      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #469 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 22:52:59 »

พี่เจี๊ยบ,
หนิงไวค่ะ...clickต่อทันที
ความจริงอยากทราบที่มามากกว่า
ว่าบริษัทเบียร์นี้ของใครเป็นเจ้าของ


      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #470 เมื่อ: 28 มกราคม 2553, 11:20:58 »

จ้า  หนุงหนิง  ขอบคุณที่ช่วยพี่เจี๊ยบทำมาหากิน  น้องเราน่ารักจริงๆ ... ตกลงวัฒนธรรมดื่มเบียร์ เคล้าเสียงเพลงจากนักร้องสาว ที่บาร์  ก็ยังคงจำกัดอยู่ในแวดวงของผู้ใหญ่ที่มีสะตุ้งสตางค์อยู่อ่ะนะ  แล้วรัฐบาลหรือเอกชนล่ะ ที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ?  ถ้ารัฐบาลเป็นเจ้าของสัมปทานเบียร์ซะเอง  ก็คงยากที่เบียร์จากประเทศเพื่อนบ้านจะเข้าไปตีตลาด  เรียกว่า  อาฟต้าไร้เอฟเฟค  อ่ะจิ !  


NINE WORDS WOMEN USE - เก้าคำกำกวมของผู้หญิง

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

(1) Fine : This is the word women use to end an argument when they are right and you need to shut up.

(1) ดี, โอเค : คำนี้ผู้หญิงใช้ปิดการโต้เถียงตอนที่เธอมั่นใจว่าเป็นฝ่ายถูก  และคุณต้องหุบปากซะ



(2) Five Minutes : If she is getting dressed, this means a half an hour. Five minutes is only five minutes if you have just been given five more minutes to watch the game before helping around the house.

(2) ห้านาทีนะ : ถ้าหล่อนกำลังแต่งตัว นี่จะหมายถึงชั่วโมงครึ่ง แต่ห้านาทีก็คือห้านาทีถ้าเธอเพิ่งยอมให้คุณดูบอลต่ออีกห้านาทีแล้วค่อยไปช่วยเธอทำงานบ้าน



(3) Nothing : This is the calm before the storm. This means something, and you s houl d be on your toes. Arguments that begin with nothing usually end in fine.
 
(3) ไม่มีไร : นี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า มันแปลว่า " มีอะไร " แน่ ๆ  ขอให้เตรียมตัวได้เลย  การโต้เถียงที่เริ่มด้วย "ไ ม่มีไร " มักจะไปจบลงที่ " ดี, โอเค "

 

(4) Go Ahead : This is a dare, not permission. Don't Do It !

(4) ก็เอาดิ , เอาเลย  : นี่เป็นคำท้า  ไม่ใช่คำอนุญาต  อย่าทะลึ่งทำเป็นอันขาด !



(5) Loud Sigh : This is actually a word, but is a non-verbal statement often mis understood by men. A loud sigh means she thinks you are an idiot and wonders why she is wasting her time standing here and arguing with you about nothing. ( Refer back to # 3 for the meaning of nothing. )

(5) ทำเสียง ชิ, ฮึ, จึ๊ ฯลฯ ออกมาดัง ๆ : มันมีความหมายแน่นอน  แต่อวจนภาษามักทำผู้ชายเข้าใจผิด  เสียงพวกนี้หมายความว่าเธอกำลังคิดว่าคุณแม่งซื่อบื้อเหลือทน  และไม่เข้าใจว่าจะมาเสียเวลายืนเถียงกับคุณเรื่อง " ไม่มีไร " แบบนี้ทำไม ( กลับไปดู " ไม่มีไร " ที่ข้อ 3 )



(6) That's Okay : This is one of the most dangerous statements women can make to a man. That's okay means she wants to think long and hard before deciding how and when you will pay for your mistake.

(6) ไม่เป็นไร : นี่คือสถานะอันตรายสุด ๆ ที่ผู้หญิงจะมีต่อผู้ชายแล้ว  " ไม่เป็นไร " แปลว่าเธอต้องคิดดูก่อนอย่างนาน และอย่างหนักว่า  คุณต้องชดใช้อะไร  อย่างไร  และเมื่อไหร่  ในความผิดที่คุณก่อไว้



(7) Thanks : A woman is thanking you, do not question, or faint. Just say you're welcome. (I want to add in a clause here - This is true, unless she says ' Thanks a lot ' - that is PURE sarcasm and she is not thanking you at all. DO NOT say ' you're welcome ’. That will bring on a ' whatever ' ).
 
(7) ขอบคุณ : ถ้าผู้หญิงขอบคุณ  อย่ามีคำถาม  อย่ามัวทำเฉย  ตอบรับคำเขาไปดี ๆ  ( แต่ขอเพิ่มหน่อยว่า  ถ้าผู้หญิงพูดว่า " ขอบคุณมาก " อันนี้ประชดเต็มดอก  เธอไม่ได้ขอบคุณอะไรเลย  อย่าได้ทะลึ่งตอบรับ  ไม่งั้นคุณจะเจอกับ " เออ เอาเหอะ " )


 
(Cool Whatever : Is a woman's way of saying F-- YOU !
 
(Cool เออ เอาเหอะ : เป็นวิธีที่เจ้าหล่อนจะพูดกับคุณว่า  แม่ง !

 

(9) Don't worry about it, I got it : Another dangerous statement, meaning this is something that a woman has told a man to do several times, but is now doing it herself. This will later result in a man asking ' What's wrong ? ' For the woman's response refer to # 3.
 
(9) อย่าห่วงเลย, อือ เข้าใจละ : อีกหนึ่งสถานะอันตราย  หมายความว่านี่คือบางอย่างที่เธอบอกให้คุณทำมาหลายครั้งละ  แต่คราวนี้เธอจะทำเอง  ซึ่งเดี๋ยวคุณก็จะถามว่า " เป็นไรอะ " แล้วคุณก็จะเจอกับข้อ 3.

 

Send this to the men you know, to warn them about arguments they can avoid if they remember the terminology.

ส่งให้ผู้ชายทุกคนที่คุณรู้จัก  เขาจะได้เลี่ยงอันตรายจากการโต้เถียง  ถ้าเขาจำความหมายเหล่านี้ได้.


Send this to all the women you know to give them a good laugh, cause they know it's true ! ! !
 
ส่งให้ผู้หญิงทุกคนที่คุณรู้จัก  เธอต้องฮาแน่ ๆ เพราะเธอรู้ว่ามันจริงทั้งนั้น ! ! !
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #471 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 06:55:44 »


                                    วันหมดอายุ

                                    

                  Business&Society : ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม  

กรุงเทพธุรกิจ  วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

วรภัทร โตธนะเกษม : นักกฏหมาย Vs นักเศรษฐศาสตร์

ข้อมูลบุคคล

ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่น จำกัด (ทริส)

เกิด วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2492

สถานภาพ สมรสกับ นางกิตติยา โตธนะเกษม มีธิดา 1 คน

ประวัติการศึกษา :

- ปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ University of Illinois Urbana- Champaign สหรัฐอเมริกา
- ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ University of Illinois Urbana – Champaign สหรัฐอเมริกา
- ปริญญาโทบริหารธุรกิจ Kellogg School of Management Northwestern University Evanston Illinois สหรัฐอเมริกา
- ปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมดีมาก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

http://thaiprofile.blogspot.com/2006/01/vs.html

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา สำหรับผม ก็เหมือนทุกปี คือไม่ได้เดินทางไปไหน เพราะไม่อยากจะไปแออัดกับผู้คนจำนวนมาก และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้อยู่กับบ้าน นำสิ่งของหรือหนังสือหนังหาทั้งหลาย ออกมาจัดระเบียบ เมื่อพบว่ามีอะไรที่ไม่เคยหยิบมาใช้ประโยชน์เลย ก็นำไปบริจาคให้แก่คนที่เขาจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเรา

         นอกจากนั้น ยังได้มีโอกาสออกมานั่งสงบๆ ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน มองดูนกบิน อ่านหนังสือที่อยากจะอ่านมานานแล้ว และดื่มเบียร์เย็นๆ แค่นี้ก็สุขเหลือหลาย แต่เบียร์จะออกรสชาติ ก็ต้องมีกับแกล้ม ทำให้ผมต้องไปขุดหาของขบเคี้ยว ที่ซื้อมาเก็บสะสมไว้ และทำให้มีเรื่องต้องเขียนถึงจนได้

         เรื่องของเรื่องก็คือ วิธี ที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าเขาบอกกับผู้บริโภคอย่างเราว่า สินค้าหมดอายุเมื่อใด นั้น แม้ว่าส่วนมากจะชัดเจนดี แต่บางครั้ง ก็เป็นปัญหาที่ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้าได้ไม่น้อยเลย

        ประการแรก ก็คือ ตำแหน่ง ที่เขาระบุ วันหมดอายุ ไว้นั้น บางครั้งหายากมาก เพราะแทนที่จะพิมพ์ลงบนฝา กล่องหรือใต้กล่องหรือข้างกล่อง ตรงจุดที่มองเห็นได้ง่ายๆ กลับไปพิมพ์แทรกไว้ในคำบรรยายสรรพคุณสินค้า หรือ คำอธิบายส่วนประกอบของสินค้า ซึ่งก็มีตัวเลขและตัวหนังสืออื่นๆ ปะปนไปกับวันหมดอายุด้วย ทำให้ต้องใช้ความพยายามแยกแยะพอสมควร

บางกรณี ก็พิมพ์ไว้ตัวเล็กนิดเดียว แบบว่าต้องหมุนหากันหลายรอบ และเกือบจะต้องร้องเพลง หากันจนเจอ เพื่อฉลอง การค้นพบวันหมดอายุ ด้วยซ้ำไป

         ประการต่อมา ก็คือ เมื่อพบวันหมดอายุแล้ว บางครั้ง ปัญหาก็ยังไม่ได้หมดไป เพราะผู้ผลิตได้พิมพ์วันหมดอายุ ทับลงไปบนตัวหนังสืออื่นๆ ทำให้สีหมึกกลืนกัน จนอ่านไม่ออก หรือมองไม่เห็นบางส่วน เช่น เห็นเฉพาะวันที่และเดือน แต่ปีนั้นกลืนหายไป บางแห่งก็พิมพ์ลงไปบนฝากระป๋อง ทับลงไปบนส่วนที่เป็นวงกลม ที่มีไว้สำหรับให้เราใช้นิ้วง้างเปิดฝากระป๋องออก ทำให้ตัวเลขวันหมดอายุ บางส่วนหายไปกับส่วนโหว่ของวงกลม อย่างนี้ก็มี

                      ทำไมหนอ ผู้ผลิตจึงขาดสามัญสำนึกได้ถึงขนาดนี้...หรือว่า ตั้งใจ

         เอาเถอะ สมมติว่า เราได้ใช้ความพยายามจนพบวันหมดอายุ ที่อ่านออกชัดเจน ก็แล้วกัน ปัญหาก็ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะบางกรณี เรายังจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มเติม เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า ไอ้ที่เขาพิมพ์วันหมดอายุไว้นั้น หมายถึงวันที่เท่าไรกันแน่

ตัวอย่าง เช่น กระป๋องหนึ่งที่ผมหยิบขึ้นมา ระบุ วันหมดอายุ ไว้ว่า "08.04.10" อย่างนี้ คุณจะอ่านว่าอย่างไร สินค้านั้นหมดอายุ วันที่ 8 เม.ย. 2010 ตามที่เราใช้กัน แบบไทยๆ คือเรียงตาม วัน- เดือน- ปี หรือว่า หมดอายุวันที่ 4 ส.ค. 2010 แบบอเมริกัน ซึ่งมักจะใช้แบบ เดือน- วัน - ปี หรือว่า หมดอายุวันที่ 10 เม.ย. 2008 แบบญี่ปุ่น ซึ่งใช้แบบ ปี -เดือน- วัน

         ถ้ากระป๋องที่ผมถืออยู่นั้น อ่านแบบไทยหรือแบบอเมริกัน ก็แปลว่ายังไม่หมดอายุ สามารถรับประทานได้ด้วยความสบายใจ แต่ถ้าอ่านแบบญี่ปุ่น ก็แปลว่า หมดอายุไปแล้วหมาดๆ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2008 อย่างนี้ผมก็คงไม่กล้ารับประทาน หรือรับประทานด้วยความรู้สึกว่ามีความเสี่ยงนิดๆ

         ถ้าสินค้าที่วางจำหน่ายในไทยทุกรายการ ต่างใช้มาตรฐาน วัน-เดือน-ปี เหมือนกันหมด ปัญหาก็คงหมดไป แต่สินค้าที่วางจำหน่ายในบ้านเราในยุคโลกาภิวัตน์นั้น มีทั้งสินค้าที่เราสั่งเข้ามาจากอเมริกาหรือญี่ปุ่น รวมทั้งจีน ยุโรป ตะวันออกกลาง ฯลฯ ซึ่งใช้มาตรฐานเรื่องการเขียน วัน เดือน ปี ที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดความสับสนต่อผู้บริโภคในการตีความหมายของวันหมดอายุได้ไม่น้อยทีเดียว

        นอกจากนั้น บางรายแม้จะพิมพ์ วันที่ ไว้อย่างชัดเจน แต่เขาพิมพ์เพียง วันผลิต เท่านั้น หา วันหมดอายุ กี่รอบ ก็ไม่พบ อย่างนี้จะเกิดประโยชน์อันใดต่อผู้บริโภคครับ เพราะต้องไปใช้จินตนาการเอาเอง ว่าสินค้าที่ตนกำลังจะบริโภคนั้น น่าจะหมดอายุ เมื่อใด

         มีอยู่รายหนึ่ง พิมพ์ไว้ชัดเจนที่ฝาขวดว่า 071114 และบรรทัดต่อมาพิมพ์ว่า 20.09 อย่างนี้ น่าจะแปลว่าผลิตวันที่ 14 พ.ย. 2007 แต่ปัญหาก็คือไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเลยว่า หมดอายุเมื่อใด แล้วเจ้า 20.09 ก็น่าจะหมายถึง สองทุ่ม เก้านาที ซึ่งผู้บริโภคก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร เพราะสาระที่เขาต้องการทราบก็คือ หมดอายุเมื่อใด ต่างหาก

        แต่ผู้ผลิตที่ดี ก็มีอยู่มากนะครับ พิมพ์ไว้ชัดเจน ตัวใหญ่ หาง่าย และไม่สับสน เช่นรายหนึ่งพิมพ์ไว้ว่า MFD 18.03.2008 EXP 18.03.2009 อย่างนี้ชัดเจนดี อีกรายก็พิมพ์ไว้ว่า Best Before 01 May 2008 นอกจากนั้น ยังมีอีกรายที่พิมพ์เป็นภาษาไทยชัดเจนว่า หมดอายุวันที่ 15 ต.ค. 2551 อย่างนี้สิครับที่ถือว่า ดีมาก และอยากจะฝากถามผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าบางรายว่า ทำไมไม่ช่วยทำให้ชีวิตผู้บริโภคง่ายขึ้นแบบนี้นะ

         เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ทำให้สับสนไปทำไมครับ จึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้บริโภค ช่วยรับไปพิจารณาหน่อย เพื่อให้ข้อมูลพื้นฐานที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคนี้ มันมีมาตรฐาน อ่านง่าย และไม่สับสน และอย่าให้ผู้ผลิตจงใจสร้างความสับสน หรือหลอกลวงผู้บริโภคก็แล้วกัน เพราะผมเคยเห็น มาแล้ว เมื่อผมเข้าไปร้านผลิตขนมปังชื่อดังแห่งหนึ่งในอดีต แล้วเหลือบไปเห็นขนมปังกองใหญ่ที่กำลังรอการบรรจุกล่องเพื่อส่งออกไปจำหน่าย แต่เมื่อผมหยิบมาดู ปรากฏว่า วันที่ผลิต ซึ่งเขาระบุไว้บนกล่องนั้น คือ อีกสองวันถัดมาครับ!

         ผู้ผลิต ต้องบริสุทธิ์ใจต่อผู้บริโภค สินค้าอยู่ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น อะไรที่หมดอายุแล้ว ก็ต้องยอมรับ เอากลับมาทำลายเสีย ไม่ใช่พยายามดื้อดึง ปล่อยให้ผู้บริโภคนำไปรับประทาน เพราะจะเกิด ความเสี่ยง จากการที่อาหารเป็นพิษ และ อาจลามปาม ใหญ่โตได้

         ความจริง เรื่องวันหมดอายุนี้ ผมว่าใช้ได้กับ หลายเรื่อง เหมือนกันนะครับ ไม่เฉพาะเรื่อง อาหารการกิน เท่านั้น เช่น

         เอามาประยุกต์ใช้กับผู้คนในวิชาชีพต่างๆ ก็ได้ อย่าง นักการเมือง เป็นต้น เพราะถ้ามองไปรอบๆ เราก็ยังเห็นนักการเมือง รุ่นเก่าๆ ลีลาเก่าๆ ที่ผู้คนเขาเบื่อหน่ายเต็มที ยังวนเวียนให้เห็นกันอยู่ทั่วไป ถ้าท่านเหล่านั้น ลองหาเวลามองดูตนเองในกระจกบ้าง ก็อาจจะเห็น ป้ายหมดอายุ ของตนว่า ได้ผ่านยุคสมัยไปหลายปีแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็วางมือเถอะครับ

         อย่าดื้อดึงต่อไปเลย เพราะมันจะลามปาม ทำให้เป็นพิษต่อบ้านเมืองได้นะครับ

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2008q2/2008april25p4.htm

                  

         นำเรื่องวันหมดอายุ มาให้พวกเราได้รู้ และ ช่วยกันผลักดัน ให้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ให้เปลี่ยนเป็น ภาษาที่เข้าใจง่าย เป็นสากลไม่ขึ้นกับกลุ่มประเทศใด เช่น พิมพ์ไว้ว่า MFD 18.03.2008 EXP 18.03.2009 อย่างนี้ชัดเจนดี อีกรายก็พิมพ์ไว้ว่า Best Before 01 May 2008      

         นอกจากนั้น ยังมีอีกรายที่พิมพ์เป็นภาษาไทยชัดเจนว่า หมดอายุวันที่ 15 ต.ค. 2551 อย่างนี้สิครับที่ถือว่า ดีมาก และอยากจะฝากถามผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าบางรายว่า ทำไมไม่ช่วยทำให้ชีวิตผู้บริโภคง่ายขึ้นแบบนี้นะ


         เตือน เตือน เตือน
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #472 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 19:16:50 »

ช่างคิดนะคะพี่หมอสำเริง.
ที่โน่น การแจ้งข้อความอายุสินค้า
เค้าเคร่งครัดมากคะ...หาได้ง่ายๆ
ส่วนใหญ่ข้างใต้ ข้างบน ที่แน่นอน
สินค้าใกล้หมดอายุเค้าจะรวมกองไว้มุมๆ
ติดป้ายลดราคาเกินครึ่งคะพวกอาหารจะอายุสั้นกว่า
โดยเฉพาะในตู้แช่ ช็อปกันเดี๋ยวนั้นแล้วบริโภคเลย
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #473 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 17:20:39 »

Top Ten Hybrid Animals

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา







      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #474 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 21:32:03 »

น่ามหัศจรรย์อะไรเช่นนี้.
พี่เจี๊ยบ,การเบี่ยงของ"พันธุ์ทาง"นี้(?)
มีผลต่อการผสมต่อๆไปมั้ยพี่?
รึจะทำให้ยีนส์อ่อนด้อยไม่แข็งแรง
สูญพันธุ์ที่รุ่นนี้?

ฮึม,แล้วจะรู้ด้ไงล่ะเนี่ย
คงต้องรอรุ่น 3?


nn.(therman)
      บันทึกการเข้า


pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #475 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 21:47:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ ราเมศวร์ เมื่อ 25 มกราคม 2553, 23:05:52
หมอสำเริง :  " ขอพวกเรา ที่ติดต่อพี่ราเมศวร์ได้  เสนอพี่ให้พิจารณาสร้างซอฟแวร์พันธุ์ไทยขึ้นมาใช้  พร้อมบริการให้กับกระทรวงสาธารณสุขไว้ใช้ทั้งประเทศ  ให้คนไข้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทุกที่ๆ สะดวก  แทนที่จะต้องมานั่งรอตรวจที่ ร.พ.ดัีง ๆ  เป็นตรวจที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน  พบแพทย์ทางเทเลเมดดิซิน กับแพทย์ที่ต้องการพบได้  ไม่ต้องง้อซอฟแวร์ต่างชาติครับผม "

กรณีนี้เรื่องค่อนข้างยาว  หากต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ให้หมอสำเริงติดต่อผมหลังไมค์ดีกว่า  ทางเมล์ หรือโทรศัพท์ก็ได้ครับ


สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับ RCU2516
เข้ามารีแลกซ์บ่อยๆนะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #476 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2553, 16:54:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 31 มกราคม 2553, 21:47:32
อ้างถึง
ข้อความของ ราเมศวร์ เมื่อ 25 มกราคม 2553, 23:05:52
หมอสำเริง :  " ขอพวกเรา ที่ติดต่อพี่ราเมศวร์ได้  เสนอพี่ให้พิจารณาสร้างซอฟแวร์พันธุ์ไทยขึ้นมาใช้  พร้อมบริการให้กับกระทรวงสาธารณสุขไว้ใช้ทั้งประเทศ  ให้คนไข้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทุกที่ๆ สะดวก  แทนที่จะต้องมานั่งรอตรวจที่ ร.พ.ดัีง ๆ  เป็นตรวจที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน  พบแพทย์ทางเทเลเมดดิซิน กับแพทย์ที่ต้องการพบได้  ไม่ต้องง้อซอฟแวร์ต่างชาติครับผม "
กรณีนี้เรื่องค่อนข้างยาว  หากต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ให้หมอสำเริงติดต่อผมหลังไมค์ดีกว่า  ทางเมล์ หรือโทรศัพท์ก็ได้ครับ
สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับ RCU2516
เข้ามารีแลกซ์บ่อยๆนะคะ

        ผม ได้ส่งหลังไมค์ไปหาแล้ว แต่พี่ราเมศวร์ ยังไม่ตอบกลับมา

                gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #477 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 10:45:31 »

Bet you did not know this ! : Welcome February 2010 ... once in 11 Years ...

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #478 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:20:02 »

รถเมล์ไทยในอนาคต ... น่าทึ่งจริงๆ

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา











Wow !  ฝันจะเป็นจริงเมื่อไหร่เนี่ย ? ... จะทันได้ใช้ในชาตินี้มั้ย ?  ตื่นเต้น  ตื่นเต้น !
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #479 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 16:49:05 »

ตัดภาพเก่งจังคะพี่
ดูผ่านๆคิดว่าจริง
เอ๊ะ,ทำไมการจราจรไม่แน่นเลยคะ?
คนไปไหนกันหมด.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #480 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 12:36:32 »

ทำนายโลกแห่งเทคโนโลยีในอนาคต

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา



การทำนายลักษณะโลกแห่งเทคโนโลยีในอนาคต ได้ตีพิมพ์ในวารสารเทคโนโลยีของประเทศอังกฤษ ชื่อว่า วาร์ยด์ ( Wired ) ซึ่งวางตลาดแล้วในประเทศอังกฤษ เมื่อไม่นานมานี้

อันดับที่ 1 มีสัญญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ( Wi-Fi ) ทั่วทั้งเมือง ( ปี 2010 )

ซู ปาค์กเกอร์ นักมานุษยวิทยากล่าวไว้ว่า  อีกไม่นานไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็ก หรือเมืองใหญ่  ก็จะมีสัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล  ที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ซึ่งจะถือเป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ก้าวหน้าอีกขั้น

อันดับที่ 2 การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านชีวภาพ ( ปี 2013 )

การศึกษาผลกระทบของยาปฏิชีวนะต่อร่างกาย  สามารถทำได้โดยง่าย และมีความรวดเร็ว  เนื่องจากความแม่นยำ และคงที่ของคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถมากขึ้น

อันดับที่ 3 หุ่นยนต์เริ่มเข้ามามีบทบาท ( ปี 2014 )

ในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น  และจะสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้  โดยในบางชิ้นงานยังจะสามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์  ประเทศเกาหลีใต้เพิ่งเปิดตัวเมืองหุ่นยนต์เมื่อไม่นานมานี้  โดยทั้งเมืองจะมีประชากรหุ่นยนต์ และอาจจะมีประธานาธิบดีที่เป็นหุ่นยนต์อีกด้วย  โดยลงทุนเป็นเงินมหาศาลในการพัฒนาเมืองหุ่นยนต์ขึ้นมา
 
อันดับที่ 4 โปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทุกอย่าง ( ปี 2014 )

อิริค ฮอร์เวส นักวิจัยของไมโครซอร์ฟ กล่าวว่าจากการที่เรามีการเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์  ที่ไม่ใช่เป็นแบบกระดาษเหมือนสมัยก่อน  ทำให้มีการนำเอาข้อมูลต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อนำไปใช้งานในด้านต่างๆ  ซึ่งข้อมูลที่เก็บในฐานข้อมูลจะมีการถูกออกแบบโครงร่างความสัมพันธ์ของข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน  สิ่งที่มนุษย์ต้องพัฒนา คือหาความสัมพันธ์ที่เหมาะสมในการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้น  และเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อกัน  ก็จะทำให้การเรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นไปได้ไม่ยาก และง่ายต่อการทำงาน

อันดับที่ 5 โปสเตอร์โฆษณาแสนฉลาด ( ปี 2015 )

การใช้งานโปสเตอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ และตำแหน่งเหมือนกับจอโทรทัศน์ได้  จะถูกพัฒนา และนำมาใช้ในไม่ช้า  และการที่ป้ายลักษณะนี้สามารถเปลี่ยนสิ่งที่แสดงผลเหมือนจอโทรทัศน์  ก็จะทำให้มันมีมูลค่า และมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น

อันดับที่ 6 หน้าต่างไฮเทค ( ปี 2017 )

ลักษณะพิเศษของหน้าต่างนี้คือ  สามารถที่จะทำความสะอาดตัวเองได้  โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์

อันดับที่ 7 เครื่องบรรจุสิ่งของไฮเทค ( ปี 2017 )

เครื่องบรรจุสิ่งของที่สดแสนจะทันสมันนี้  จะมีการทำงานโดยใช้ชิปที่มี RFID ( การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อระบุลักษณะเฉพาะของวัตถุแต่ละชิ้น )  สิ่งนี้จะช่วให้การบรรจุสิ่งของทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น
 
อันดับที่ 8 อาคาร-สิ่งก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูง ( ปี 2017 )

อาคารที่ประกอบด้วยไปด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่  น่าสนใจ  พร้อมทั้งการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานมากมาย  นอกจากนั้นอาคารที่มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยสูง และช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน  ก็ถือเป็น 1 ใน 10 สิ่งที่จะมีในโลกอนาคต

อันดับที่ 9 อุปกรณ์ไฮเทคสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ Teledildonics ( ปี 2018 )

อุปกรณ์ที่กล่าวถึงนี้  เป็นอุปกรณ์รีโมทคอนโทลจำลอง  เสมือนการมีเพศสัมพันธ์  คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น

อันดับที่ 10 คอนเทคเลนส์ไฮเทค ( ปี 2018 )

การพัฒนาคอนแทคเลนส์ในขณะนี้มีความก้าวหน้าไปมาก  และในการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีก็ระบุว่า  คอนเทคเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้  สามารถที่จะแสดงคำ หรือภาพให้เห็นบนดวงตาได้  อีกทั้งยังสามารถที่จะดาวน์โหลดโปรแกรมที่สามารถกำหนดความฝันได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม  ในบางสื่ออาจจะมีการทำนายที่แตกต่างกันออกไป  แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลข้างบนก็ช่วยทำให้เราเห็นภาพของโลกเทคโนโลยีในอนาคต  และรับรู้สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า  โดยการทำนายเทคโนโลยีในอนาคตนี้  รวบรวมโดย ชาร์ลี เบร์นตัน


ที่มา  http://www.telegraph.co.uk/scienceandtechnology/technology/technologynews/5090296
 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #481 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2553, 09:01:27 »

ทายนิสัยจากตัวอักษรที่ขึ้นต้นอี-เมล์ของคุณ

จาก  http://www.marketatnation.com/Gallery/ShowGallery.aspx?ID=2672

         เชื่อแน่ๆ ว่าคุณๆ คงมี อีเมล์ กันอย่างน้อยก็คนละชื่อล่ะค่ะ  จะอยู่@อะไรประเด็นนี้ไม่เกี่ยว  ที่เกี่ยวคือชื่ออีเมล์ของคุณที่ใช้อยู่เป็นประจำน่ะ  ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใด  ซึ่งสามารถทำนายได้  เพราะมันเป็นชื่อที่คุณคัดสรรเอง
 
ขึ้นต้นด้วย A J S  แสดงว่าคุณเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์  ชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ  ถ้าจะทำงานสักชิ้นต้องเป็นงานที่โดดเด่น  ได้แสดงออกถึงความสามารถของตน  นอกจากนั้นจะเป็นพวกชอบเดินทาง  ผจญภัย  ถ้ามีแฟนจะเป็นคนที่ไม่ให้คำสัญญาใดๆ ที่เป็นการผูกมัด ( เอ …. ดีมั๊ยเนี่ย ? )
 
ขึ้นต้น B K T  เป็นคนร่าเริงกระฉับกระเฉง  ชอบโต้แย้งความคิดเห็น  ชีวิตของคุณจะดำเนินไปตามความรู้สึก และอารมณ์  ไวต่อสิ่งรอบข้าง  ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน  ค่อนข้างไฮเปอร์  แต่เป็นคนที่ไม่ยอมย่อท้อต่อปัญหาที่เข้ามาในชีวิต
 
ขึ้นต้น C L U  เป็นคนมองโลกในแง่ดี  อ่อนโยน  เข้ากับคนง่าย  มีความสามารถพิเศษในการติดต่องาน  แต่มีโลกที่ผู้อื่นยากเข้าถึง  ไม่ค่อยเผยแพร่ความต้องการของตัวเองให้คนอื่นรู้  ชอบทำงานศิลปะ  ให้ความสำคัญกับจิตนาการ
 
ขึ้นต้น D M V  ค่อนข้างมีระเบียบในชีวิต  ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว งาน  ทำอะไรก้อต้องเรียบร้อยหมด  ไม่ขอบขีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหรนัก  เป็นคนขยัน หนักแน่น อดทน  เหมาะกับการเป็นผู้นำ
 
ขึ้นต้น E N W  มีนิสัยซอกแซก  เห็นทุกเรื่องน่าสนใจไปหมด  ชอบทดสอบ  ทดลองทุกอย่างด้วยตนเอง  เป็นพวกอยากรู้อยากลอง  แต่ถ้าเป็นเรื่องของคุณใครอย่ามายุ่ง  จะปิดบังไว้อย่างดี  เป็นคนขี้ระแวงไปนิด  ไม่เชื่อใครง่าย  จนกว่าจะได้พิสูจน์ว่าเค้าดีจริง
 
ขึ้นต้น F O X  เป็นคนอ่อนโยน  มีน้ำใจกับทุกคน  ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง  เกลียดการกระทำที่หยาบคาย  ให้ความสำคัญกับครอบครัวอันดับหนึ่ง  อยากให้คนใกล้ชิดมีความสุขรักใคร่กัน  แต่ข้อเสียคือไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง  ชอบหนีปัญหา
 
ขึ้นต้น G P Y  เป็นคนรักความปราณีต  จะต้องให้สมบูรณ์ทุกกระบวนความ  ชอบความหรูหราเริ่ดหรู  รสนิยมดี  รักศักดิ์ศรี  ไม่ยอมใครง่ายๆ  แตถ้าเจอคนถูกใจแล้ว  เท่าไหรก็เท่ากัน  ยอมได้ทุกอย่าง
 
ขึ้นต้น H Q Z  มีน้ำอดน้ำทนสูงกับทุกเรื่อง  ไม่ว่าเป็นปัญหาส่วนตัวหรือเรื่องอื่น  เข้าใจโลก และเข้าใจชีวิต  เป็นนักแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบ  อย่างมีเหตุผล  ไม่ค่อยวางใจคนอื่น  เพราะมีความเชื่อมั่นเป็นหลัก
 
ขึ้นต้น I R  เป็นนักอุดมคติ  มีความคิดทันสมัย  บางครั้งถึงขั้นล้ำสมัย  ชอบหาเหตุ และผลให้กับทุกเรื่อง  ชอบทำงานเพื่อส่วนรวม  มีน้ำใจ  ใจเปิดกว้าง  เปิดโอกาสให้คนอื่นแสดงความคิดเห็น  แม้ตัวเองจะไม่เห็นด้วย
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #482 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 19:32:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 10:45:31
Bet you did not know this ! : Welcome February 2010 ... once in 11 Years ...

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา



พี่เจี๊ยบ,
เมื่อวานในโต๊ะกินข้าว,คุยเรื่องนี้
สายตา 3 คู่จ้องกลับพร้อมยิงคำถาม:
"แล้วกุมภาทุกปีๆ เป็นยังไงเหรอ?
ที่ไม่ไช่ ทุก11 ปีนี่น่ะ"
เอิ่ม...keine Ahnung!
ไม่รุ...จำไม่ได้...ไม่เคยสังเกตคะ
คือคำตอบจากหนิง.

nn.
      บันทึกการเข้า


Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #483 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 19:48:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553, 09:01:27
ทายนิสัยจากตัวอักษรที่ขึ้นต้นอี-เมล์ของคุณ

จาก  http://www.marketatnation.com/Gallery/ShowGallery.aspx?ID=2672
         
ขึ้นต้น B K T  เป็นคนร่าเริงกระฉับกระเฉง  ชอบโต้แย้งความคิดเห็น  ชีวิตของคุณจะดำเนินไปตามความรู้สึก และอารมณ์  ไวต่อสิ่งรอบข้าง  ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน  ค่อนข้างไฮเปอร์  แต่เป็นคนที่ไม่ยอมย่อท้อต่อปัญหาที่เข้ามาในชีวิต
 
ขอผม เป็น tsumruang ขึ้นด้วย t ดูว่า เป็นคนร่าเริง.... น่า จะตรงนะ พวกเรา


           รักนะ รักนะ รักนะ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #484 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 20:03:21 »

หนิงไม่ตรงคะพี่หมอ!
ตัว k เขาว่า hyper
ไม่จิ๊ง ไม่จริง
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #485 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553, 16:04:05 »

อืม ม ม ม !  ที่เค้าทายหมอสำเริง  ก็ แม่น นะคะ ... ยิ่งทายหนุงหนิง ยิ่ง แม่น เป๊ะ เป๊ะ !  ยังกะตาเห็นเลย  เจ้าตัวจะปฏิเสธพัลวันยังไง  ก็ฟังไม่ขึ้น  อิ๊  อิ๊ ...


รู้ไว้ ... เวลาจะขึ้นเครื่องบิน

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า  เครื่องบินในประเทศไทยได้ใช้สัญลักษณ์การลงทะเบียนอากาศยาน
ที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย HS  หรือที่เรียกกันว่า Hotel Sierra กันนั้น มีประวัติมาจากหนใดกัน ?

ทำไมเครื่องบินในประเทศไทยถึงใช้คำว่า HS

ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆ กับประเทศไทยก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศ
ตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA  ส่วน Germany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำ
ว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร ?

ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษ เขียนไว้ว่า " เรื่องนี้พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์
ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน  เล่าให้ฟังว่าในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว
HS ที่ทรงเลือกอักษร HS  เพราะจะให้มีความหมายว่า His Majesty The King Of SIAM "  ในสมัยนั้น
ประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่

เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศ
ไทยจึงมีสัญญาณเรียกขานว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา  สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มี
สัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ "

ทำไมต้องวางกระเป๋า หรือของใช้ส่วนตัวที่พกขึ้นเครื่องบินไว้ใต้ที่นั่งของคนข้างหน้า ?

เป็นเหตุผลทางด้านความปลอดภัยค่ะ  เพราะว่าหากวางเกะกะหรือวางไว้ตรงปลายเท้าพอดี
แล้ว  เกิดมีเหตุฉุกเฉินกระเป๋า หรือสัมภาระที่ถูกวางไว้เกะกะ  ไม่เป็นระเบียบอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โอกาส
รอดชีวิตของเราลดลงก็เป็นได้  เพราะจะขัดขวางทางเดินของการวิ่งหนี  หรือวิ่งแล้วไปสะดุดล้ม

ทำไมต้องเปิดหน้าต่างขึ้น เวลาที่เครื่องบินจะขึ้นหรือลง ?

เป็นเหตุผลทางด้านความปลอดภัยอีกเช่นกัน  เพราะช่วงที่เครื่องบินขึ้นหรือลงนั้น  เป็นช่วงที่เกิด
อุบัติเหตุได้ง่ายมากๆ  เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้ผู้โดยสารได้ช่วยกันดูว่า  ภาย
นอกมีเหตุอะไรไม่ปกติหรือเปล่า  เช่น ไฟไหม้ปีกเครื่องบิน  เพราะจะได้รีบแจ้งลูกเรือได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ทำไมควรสวมเสื้อแขนยาว หรือแจ็คเกต และกางเกงขายาวเวลาขึ้นเครื่องบิน ?
 
เป็นเหตุผลทางความปลอดภัยค่ะ  ซึ่งมักเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามกันเพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วเกิด
ไฟไหม้นั้นเสื้อผ้า หรือกางเกงจะได้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากไฟไหม้ที่อาจไหม้ผิวหนัง  รวมถึงเวลาวิ่งหนี
ในเหตุฉุกเฉิน  จะช่วยป้องกันการถลอก หรือบาดแผลจากการล้มด้วยค่ะ  จริงๆ

ทำไมควรปิดฝาชักโครก ( ในห้องน้ำ ) ก่อนกดชักโครก ?

ส้วมบนเครื่องบินเป็นระบบ Vaccum ( ระบบสูญญากาศ )  ดังนั้นเวลาที่ทำธุระ เสร็จแล้ว
ควรจะปิดฝาชักโครกก่อนกด  จะทำให้ส้วมสามารถสร้างแรงดึงดูดได้ มากขึ้น โดยจะดูด
ของเสียไปไว้ที่ถังเก็บรวมท้ายเครื่อง  และเมื่อถึงสนามบินปลายทาง จะมีรถมาดูดไปทิ้งค่ะ
เคยแอบอ่านข่าวเจอว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง  กดชักโครกโดยที่ยังนั่งอยู่บนโถ ปรากฏว่าก้นติดกับ
ชักโครก  ลุกขึ้นไม่ได้  จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆหรอก แต่ยังไงก็ต้องระวังกันด้วยนะ

ทำไมควรดื่มน้ำมากๆ เวลาอยู่บนเครื่องบิน ?

เนื่องจากบนเครื่องบินมีอากาศที่แห้งมาก ( ว่ากันว่าแห้งพอๆ กับทะเลทรายเลยค่ะ )เ  พราะเครื่องบินบินอยู่
ในระดับความสูงที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก  อากาศภายในห้องโดยสารจึงเปรียบเหมือนอยู่บนภูเขาสูง  มี
อากาศที่แห้ง และเบาบาง  ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำ 1 แก้ว / 1 ชั่วโมง

      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #486 เมื่อ: 12 เมษายน 2553, 14:03:31 »

เนื่องในวันปีใหม่ 13  เมษา  2553 ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้ชาวซีมะโด่งทุกท่านประสบความเร็จและ ความสุขตลอดไปครับ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #487 เมื่อ: 12 เมษายน 2553, 16:56:36 »

พี่เจี๊ยบขา,
มีสิ่งต้องรู้เกี่ยวกับสงกรานต์ปีนี้มั้ยคะ
ฤกษ์ ยาม นางสงกรานต์ชื่ออะไร
und so weiter...


น้องเมขลา
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #488 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 00:06:14 »

        จัดให้หนุงหนิงจ้า ... โดยขอ copy มาจากที่คุณเหยง 16 หามาฝากเพื่อนๆ ที่กระทู้ของรุ่น 2516 ตรงนี้  ตรงนี้ ...

        http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3178.1425.html




ประกาศสงกรานต์ปีพุทธศักราช 2553 ปีขาล เป็นเทวดาผู้หญิงธาตุไฟ โทศก จุลศักราช 1372 ทางจันทรคติเป็นอธิกมาส ( ปีทางจันทรคติที่มีเดือน 8 สองหน ) ทางสุริยคติเป็นปกติสุรทิน วันที่ 14 เม.ย. เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ
เดือน 6 เวลา 07 นาฬิกา 19 นาที 19 วินาที  นางสงกรานต์ทรงนามว่า " มณฑาเทวี " ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้ว
ไพฑูรย์ ภักษาหารนม เนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืนมาเหนือหลังคัสพะ ( ลา )
เป็นพาหนะวันที่ 16 เม.ย. เวลา 11 นาฬิกา 18 นาที 36 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1372

ปีนี้ วันอังคารเป็นธงชัย วันพฤหัสบดีเป็นอธิบดี วันจันทร์เป็นอุบาทว์ วันเสาร์เป็นโลกาวินาศปีนี้ วันอังคารเป็นอธิบดีฝน
บันดาลฝนให้ตก 300 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า
นาคให้น้ำ 7 ตัว เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ 5 ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดกิมิชาติ ( ด้วงกับแมลง ) จะได้ผลกึ่ง
เสียกึ่งเกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีเตโช ( ไฟ ) น้ำน้อย

นอกจากนี้ คำทำนายโบราณ กล่าวไว้ว่า วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ วันเนาตรงกับวันพฤหัสบดี วันเถลิงศก ตรงกับวันศุกร์
ทำนายว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ  ผลไม้จะแพง  พ่อค้าคหบดีจะทำมาค้าขึ้น มีผลกำไรมาก
นางสงกรานต์ยืนมา  จะทำให้เกิดความเดือดร้อน เจ็บไข้
      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #489 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2553, 08:34:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2553, 16:04:05
รู้ไว้ ... เวลาจะขึ้นเครื่องบิน

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

..........................
ทำไมควรดื่มน้ำมากๆ เวลาอยู่บนเครื่องบิน ?

เนื่องจากบนเครื่องบินมีอากาศที่แห้งมาก ( ว่ากันว่าแห้งพอๆ กับทะเลทรายเลยค่ะ )เ  พราะเครื่องบินบินอยู่
ในระดับความสูงที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก  อากาศภายในห้องโดยสารจึงเปรียบเหมือนอยู่บนภูเขาสูง  มี
อากาศที่แห้ง และเบาบาง  ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำ 1 แก้ว / 1 ชั่วโม

สวัสดีครับพี่เจี๊ยบ..

ผมนึกว่า...เวลานั่ง Low Cost Airline แล้ว

เขาขายน้ำแพง...เลยต้องดื่มตุนไว้ก่อนนะครับ  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #490 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2553, 15:08:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 23 เมษายน 2553, 00:06:14
       จัดให้หนุงหนิงจ้า ... โดยขอ copy มาจากที่คุณเหยง 16 หามาฝากเพื่อนๆ ที่กระทู้ของรุ่น 2516 ตรงนี้  ตรงนี้ ...

        http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3178.1425.html




ประกาศสงกรานต์ปีพุทธศักราช 2553 ปีขาล เป็นเทวดาผู้หญิงธาตุไฟ โทศก จุลศักราช 1372 ทางจันทรคติเป็นอธิกมาส ( ปีทางจันทรคติที่มีเดือน 8 สองหน ) ทางสุริยคติเป็นปกติสุรทิน วันที่ 14 เม.ย. เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ
เดือน 6 เวลา 07 นาฬิกา 19 นาที 19 วินาที  นางสงกรานต์ทรงนามว่า " มณฑาเทวี " ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้ว
ไพฑูรย์ ภักษาหารนม เนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืนมาเหนือหลังคัสพะ ( ลา )
เป็นพาหนะวันที่ 16 เม.ย. เวลา 11 นาฬิกา 18 นาที 36 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1372

ปีนี้ วันอังคารเป็นธงชัย วันพฤหัสบดีเป็นอธิบดี วันจันทร์เป็นอุบาทว์ วันเสาร์เป็นโลกาวินาศปีนี้ วันอังคารเป็นอธิบดีฝน
บันดาลฝนให้ตก 300 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า
นาคให้น้ำ 7 ตัว เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ 5 ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดกิมิชาติ ( ด้วงกับแมลง ) จะได้ผลกึ่ง
เสียกึ่งเกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีเตโช ( ไฟ ) น้ำน้อย

นอกจากนี้ คำทำนายโบราณ กล่าวไว้ว่า วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ วันเนาตรงกับวันพฤหัสบดี วันเถลิงศก ตรงกับวันศุกร์
ทำนายว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ  ผลไม้จะแพง  พ่อค้าคหบดีจะทำมาค้าขึ้น มีผลกำไรมาก
นางสงกรานต์ยืนมา  จะทำให้เกิดความเดือดร้อน เจ็บไข้


พี่เจี๊ยบ,
อ่านผ่านๆที่ห้อง 16แล้วคะ
ถึงบอกพี่เหยงให้ repeatที่นี่อีกรอบ
ขอบคุณพี่ค่ะ
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #491 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 03:27:50 »

YA นะ ... เที่ยวแซวพี่ แซวเชื้อ ซะจน ' ยิ้มกว้าง ' เลย ! ... จริงเร้อ ? ที่สายการบินแบบประหยัด เค้าใช้เทคนิคขายน้ำแพงๆ เหมือนร้านหมูกะทะ น่ะ ... น้ำที่เสริ์ฟบนเครื่อง เค้ารวมอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินแล้วจ้า  ยกเว้นว่า YA อยากจะดื่มแบบ Extra อ่ะดิ !  ถึงแพง

เชียงใหม่แตกตื่น ลูกเห็บตกราวหิมะ ... 100 ปีเพิ่งจะมี

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

ฮือฮาลูกเห็บตกขาวโพลนทั้งดอยราวหิมะ ที่ ต.แม่แรม อ.แม่ริม เชียงใหม่  ข้ามวันก็ยังละลายไม่หมด  ผู้เฒ่าผู้แก่เผย 100 ปีเพิ่งเคยเห็น  หนุ่มสาวตื่นตาถ่ายรูปกันสนุกสนาน ...



เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 มี.ค. 53  ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากประชาชนใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีพายุลูกเห็บในพื้นที่ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จนถึงวันนี้ ก็ยังละลายไม่หมด  จึงไปตรวจสอบ  พบลูกเห็บตกปกคลุมหลายจุดของ ต.แม่แรม  ทำให้พื้นขาวโพลนไปทั้งดอย  มองดูลักษณะคล้ายหิมะตก  ขณะที่บางจุดลูกเห็บจับตัวเป็นก้อนอยู่ตามต้นไม้  สร้างความตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น  ส่วนผู้สูงอายุต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ในรอบ 100 ปี เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก



ขณะเดียวกัน นายชนะ แพ่งพิบูลย์ นายอำเภอแม่ริม  และนายสมพงษ์ สิงห์ชัย นายก อบต.แม่แรม ได้ออกสำรวจความเสียหายจากพายุลูกเห็บใน ต.แม่แรม  พบว่าบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายถึง 300 หลัง  ต้องให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน



นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ มี 7 หมู่บ้านจำนวนกว่า 300 หลังคาเรือนของ ต.แม่แรม ได้รับความเสียหายจากพายุลูกเห็บ  ซึ่งตกหนักสุดที่บ้านหมู่ 3 หมู่ 6 และหมู่ 8  แต่ในหมู่ 1 และหมู่ 5 ลูกเห็บตกหนา และนานผิดปกติ  สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น  เชื่อว่าในรอบ 100 ปีไม่เคยปรากฏมาก่อน  ทำให้พื้นที่กว้างเหมือนหิมะขาวโพลน  และเป็นเรื่องน่าแปลกแม้ข้ามวันไปแล้ว แต่ลูกเห็บก็ยังละลายไม่หมด



นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่เห็นลูกเห็บตก  แม้จะเม็ดใหญ่แต่ไม่มาก  แตกต่างจากครั้งนี้เป็นลูกเห็บขนาดเล็ก  แต่ตกมากและนานกว่ า 30 นาที  จนเกิดการทับถมหนาแน่นสวยงามราวหิมะ  ผู้สูงอายุต่างออกมาดูกัน ส่วนหนุ่มสาวพากันมาถ่ายรูปเป็นที่สนุกสนาน

ป.ล. คนโพสต์ก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยจ้า ... แต่กะลัง รอ  ร้อ  รอ  ให้หิมะตกในกรุงเทพฯ ตามคำทำนายของนักวิชาการอุตุนิยมวิทยาไทย  มาตั้งกะกลางปีที่แล้ว  ก็ยังไม่เห็นตกเลย  ปีนี้บอกว่าจะเกิดสินามิขนาดมโหฬารกว่าครั้งที่แล้วอีก  Let's see.
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #492 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 04:11:55 »

ตื่นเช้าจังพี่
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #493 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 09:34:13 »

 
         อ๊ะจ๊ะ !  กะลังจะเข้านอนตะหาก ... โพสต์ก่อนป๋าทูแค่ 44 นาทีเอง  ป๋าน่ะแหละ ตื่นเช้าจัง ( ตัวจริง เสียงจริง )
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #494 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 13:10:35 »

ดอกไม้ประจำเดือนเกิด‏

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

" ว่ากันว่าสีและรูปทรงของดอกไม้นั้นเกี่ยวพันกับการเคลื่อนที่ของดวงดาว  ไม่ว่าจะเป็นสี ทรวดทรง รอยหยัก แม้กระทั่งลักษณะเกสรของกลีบดอก ก็บ่งบอกถึงคนที่เกิดในเดือนนั้นๆ  มีตำนานแห่งพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า  หากเราได้เข้าใจความมหัศจรรย์แห่งดอกไม้เพียงหนึ่งดอกอย่างชัดเจน ก็จะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปในทิศทางที่กลับกันได้เลยทีเดียว "
 
( โห !  แค่ย่อหน้าแรก  ครูวิทยาศาสตร์ก็ไม่ยอมเชื่อเลยซ้าก ก ก ก ประโยคนึง  แต่ก็เอามาเล่าสู่กันฟังแบบหนุกๆ ... พออ่านเสร็จปุ๊บ ก็ลืมปั๊บ !  ตรงข้ามกับฮิตาชิ อ่ะนะ ... ท่านที่เกิดปลายๆ เดือน  คำทำนายในเดือนนั้นอาจจะไม่แม่น  ต้องข้ามไปอ่านของเดือนถัดไป  ค่อยแม่นหน่อย  อิ๊  อิ๊ )

ใครเกิดเดือนไหนก็เชิญเลือกอ่านดูได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ

1. เดือนมกราคม - ดอกเบญจมาศ



" ดอกเบญจมาศ " นั้น ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งความสูงส่ง ในบางแห่งใช้ดอกเบญจมาศนี้แทนสัญญลักษณ์ของกษัตริย์ หรือราชวงศ์ที่สูงศักดิ์ ดอกเบญจมาศมักบานเป็นเวลานานก่อนที่จะโรยรา ซึ่งแอบแฝงความนัยว่า มีหลักแหลมแฝงอยู่ตัวตนเป็นพิเศษผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงฉลาดหลักแหลม มีความสำเร็จในชีวิต และมีเพื่อนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา เช่นเดียวกับกลีบที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ หลายชั้นมีคนอุ้มชู เกื้อหนุนตลอดเวลา แถมยังเป็นนักฟังที่ดีด้วย

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนมกราคม ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักจะเป็นนักอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับประเพณี และมักจะหัวโบราณกว่าชาวเดือนอื่น

2. เดือนกุมภาพันธ์- ดอกกล้วยไม้



" ดอกกล้วยไม้ " นั้น ถือว่าเป็นที่ต้องการดูแลการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ต้องปลูกในที่ร่มในเรือนเพาะชำคำนวนอัตราสัดส่วนของน้ำและแสงให้พอเหมาะ ถึงจะงอกงามสวยงาม เช่นกัน ผู้ที่เกิดในนี้ จึงเป็นต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก และยังเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์มีความใฝ่ฝันที่จะผลักดันความฝันตัวเองให้เป็นจริง และเต็มไปด้วยความเอื้ออาทรและเอาใจใส่ทุกๆสิ่งทุกอย่างรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ มีความฉลาดหลักแหลม รักธรรมชาติ และใจกว้าง แต่เนื่องจากกล้วยไม้นั้นเป็นดอกไม้มีกลีบดอกที่ค่อนข้างหนา บานได้นานกว่าดอกไม้อื่นๆ จึงต้องดูแลในระยะยาวนานและจริงจัง เพื่อให้มันคงความงดงามอยู่ตลอดไป

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนกุมภาพันธ์ คุณเป็นคนที่มีความสนใจในด้านปราชญาศาสนา ประวัติศาสตร์ สถูปโบราณ แต่ก็สนใจความรู้สมัยใหม่ร่วมไปด้วย เพื่อผสมผสานศาสตร์เก่าและใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน

3. เดือนมีนาคม - ดอกคาร์เนชั่นแดง



" ดอกคาร์เนชั่นแดง " นั้น ถือว่าเป็นดอกไม้โปรดของบรรดาเหล่าศิลปิน เพราะเป็นดอกไม้แห่งความผันอันลึกลับ เป็นแรงบันดาลใจที่ปรากฏขึ้นให้เห็นในโลกแห่งตัวตนของคนในเดือนนี้ เมื่อความฝันนั้นถูกนำเข้าสู่ความจริง ไม่ว่าจะด้วยงานเขียนภาพแนวสร้างสรร หรืองานบริการต่างๆ ก็ตาม ผู้ที่เกิดในเดือนนี้ ส่วนใหญ่จึงมีบุคลิกเป็นไปในทางอาร์ท ศิลปิน ออกแนวเซอร์ กันให้เห็นอย่างชัดเจน

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนมีนาคมนั้น มีสัมผัสพิเศษในการติดต่อกับโลกแห่งวิญญาณ มีใจฝักใฝ่ในหลักธรรมคำสอนเป็นการส่วนตัว

4. เดือนเมษายน - ดอกลิลลี่



" ดอกลิลลี่ " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติอยู่แล้ว สังเกตได้ว่าดอกลิลลี่จะโดดเด่นกว่าดอกไม้อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดจัดช่อหรือการจัดซุ้มดอกไม้ และก็เป็นที่ประทับใจให้กับทุกๆคนที่ได้รับมันด้วย

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนเมษนั้น มีความสนใจในด้านปราชญาที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะและภาพเขียนแนวสัจนิยม

5. เดือนพฤษภาคม - ดอกลีลาวดี



" ดอกลีลาวดี " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้บ่งบอกถึงความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ บอกถึงความเป็นตัวตนของผู้ที่เกิดเดือนนี้ ด้วยลักษณะของดอกลีลาวดีมีสีขาว มองดูแล้วให้ความสงบสุข ผู้ที่เกิดเดือนนี้ส่วนใหญ่จะมีบุคลิกที่รอบคอบ สุขุม และจะมองการณ์ไกล สุขุมรอบคอบ และเต็มไปด้วยความรักในมวลมนุษย์ ดอกลีลาวดีนี้มักถูกปลูก หรือแต่งแต้มสีสันลงในภาพวาดภาพเขียนเพื่อนชื่นชม และใช้ประโยชน์ตั้งแต่แกลอรี่งานศิลปะ ไปจนถึงการนำไปปรุงแต่งเป็นน้ำมันหอมระเหยหรืออะไรมาเธอราพี เพื่อบำบัด นอกจากนั้นยังนำมาปรุงอาหารได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพราะฉะนั้นคนที่เกิดเยี่ยงดอกลีลาวดีนี้มักโกรธยากและมีความจำเป็นเลิศ

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนพฤษภาคมนี้ คือเป็นผู้ชื่นชมความงามของธรรมชาติอย่างมาก และมีสัมผัสพิเศษในเรื่องของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

6. เดือนมิถุนายน - ดอกเล็บมือนาง



" ดอกเล็บมือนาง " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน เพราะมักจะบานบ่อยๆ ด้วยเสน่ห์แบบง่ายๆ และความเฉลียวฉลาด เป็นดอกไม้ที่มีความงามแบบเฉพาะตัวเมื่อปลูกอยู่ริมรั้ว ผู้ที่มีดอกไม้นี้เป็นดอกประจำเดือน มักจะเป็นคนที่มีความคิดเปิดกว้างและยืดหยุ่น แต่อารมณ์แปรปรวนง่าย โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนมิถุนายน ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะสนใจเรื่องศาสนาและนิกายแปลกๆ

7. เดือนกรกฎาคม - ดอกบัว



" ดอกบัว " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่บ่งบอกถึงความอ่อนหวานในสระน้ำลึก บรรยากาศที่ดีเป็นสิ่งที่จะทำให้ดอกไม้นี้ผลิบานงดงามเต็มที่ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ก็เช่นกันเค้าต้องการสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น สวยงาม เรียบร้อยและมีระเบียบ ผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงมักจมอยู่กับห้วงแห่งความฝัน มักคาดหวังในชีวิตสูง

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนกรกฎาคม ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักฝักใฝ่ที่จะแก้ไขปัญหาในทุก ๆ เรื่อง และชอบที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีความกรุณาเอื้ออาทรสูง และเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดี

8. เดือนสิงหาคม - ดอกทานตะวัน



" ดอกทานตะวัน " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่บ่งบอกถึงความเป็นมิตร และความสดใสร่าเริง ที่สำคัญยังงามโดดเด่น ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่อารมณ์ดีที่สุดในหมู่ดอกไม้ทั้งหมด ดอกไม้ชนิดนี้มีใจกลางดอกที่งามเด่น แสดงถึงความมั่นใจและไม่ค่อยเรื่องมากในเรื่องของความรัก แม้จะเด่นก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากเป็นพิเศษ กลับชอบที่จะอยู่อย่างสันโดษหาความสนุกสนานใส่ตัวมากกว่า

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนสิงหาคม ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักมีความนับถือในพระอาทิตย์ ชื่นชมแสงแดดเป็นพิเศษ และที่สำคัญรักธรรมชาติเป็นที่สุด

9. เดือนกันยายน - ดอกทิวลิป



" ดอกทิวลิป " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่บ่งบอกถึงความนุ่มนวลและถูกขัดเกลามาอย่างดี ดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น ๆ มากกว่าระดับปกติ มีหัวใจที่ลึกซึ้งด้วยความเห็นอกเห็นใจคนรอบข้างแสดงถึงความฉลาดหลักแหลม ชอบที่จะใช้วิธีในทางธรรมชาติบำบัด ดอกทิวลิปเป็นดอกไม้แห่งความรู้สึก " ซาบซึ้ง " โดยจะสังเกตเห็นได้จาก เป็นคนเจ้าระเบียบ ตรงระเบียบ ตรงต่อเวลา แต่ก็มักวิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ ได้ง่าย

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนกันยายน ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะชอบเข้าวัดและผูกพันลึกซึ้งกับศาสนา เชื่อเรื่องโชคลางโหราศาสตร์เป็นพิเศษ

10. เดือนตุลาคม - ดอกกุหลาบ



" ดอกกุหลาบ " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความโดดเด่น อ่อนหวาน เข้าได้กับทุกสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี แถมชอบบรรยากาศที่สวยงาม อากาศที่บริสุทธ์ ดังนั้นผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงหลงไหลกับบรรยากาศรอบข้างไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่คนมีระเบียบมากนัก ออกจะรกกว่าคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำไป และเนื่องจากดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม จึงมี อิทธิพล ให้ชาวเดือนนี้มักเป็นคนที่มีเสน่ห์ในวงสนทนาเป็นพิเศษ

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนตุลาคม ผู้ที่เกิดในเดือนนี้เชื่อมั่นในความรัก และศรัทธาในศาสนาอย่างลึกซึ้ง รักความสงบเป็นพิเศษ

11. เดือนพฤศจิกายน - ดอกตะบองเพชร



" ดอกตะบองเพชร " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้ที่แอบแฝงด้วยความลึกลับในกำเนิด และเกสร รวมทั้งในทุก ๆ กลีบดอก ผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงมักมีความลับนับร้อย ๆ อยู่ในการดำเนินชีวิตของเขา แต่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูงเพศตรงข้ามได้อย่างล้ำลึก เนื่องจากน่าสนใจและน่าค้นหาไม่รู้จบนั่นเอง ชาวเดือนนี้จึงมักชอบอยู่เงียบ ๆ ในออฟฟิตมากกว่าจะออกไปสังคมข้างนอก และมักจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่เสมอ

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนพฤศจิกายน ผู้ที่เกิดเดือนมักมีสัมผัสเร้นลับเกี่ยวกับความเชื่อโชคลางและศาสนา

12. เดือนธันวาคม - ดอกพุทธรักษา



" ดอกพุทธรักษา " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งความสนุกสนาน ความโชคดีของชีวิต มีความสว่างไสวอยู่ในมุมที่น่าเบื่อที่สุดของสวน ดังนั้นผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงมีความประพฤติดี ๆ และมีระเบียบวินัยที่ผ่อนคลายยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา จึงมักที่จะเป็นแรงกำลังใจให้กับเพื่อนฝูงในเวลาตกต่ำของชีวิต ทำให้คนอื่นรอบข้างมองโลกในทางที่ดีขึ้น เบิกทางสู่เสรีภาพ และมักนำคนรอบข้างไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่เสมอ

จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนธันวาคม มีบุคลิกโดดเด่น ร่าเริงและมีความสามารถในการปลอบโยนให้กำลังใจคนได้ดี และที่สำคัญมีความศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องการก่อตั้งองค์กรทางศาสนา

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #495 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 18:24:26 »

พี่เจี๊ยบ,
เค้าแจ้งความเสียหายเรื่องลูกเห็บมั้ยคะ?
ตกลงบนรถยนตร์ดูไม่จืดคะ ปุๆน่าเกลียด.
ที่เยอรมันก็หนาวคะ..7-8°cจาเรียก winterดีมั้ยนี่
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #496 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 18:27:56 »

ดอกลิลลี่พิมพ์ผิดค่ะ.
เค้ากำกับใต้รูปว่าเป็นดอกไม้เดือนมีนา
แต่บรรยายเป็นเมษา!


เอ๊ะ,แก็กพี่เจี๊ยบป่ะเนี่ย???
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #497 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 20:18:20 »

NN ... เรียกว่า Cold Spring ดีมั้ย ?  หนิงอยู่ในบ้าน ยังต้องเปิด heater รึเปล่าคะ ?  ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าหนาวแล้วเนี่ยนะ ?

Lilly เป็นดอกไม้ประจำเดือนเมษายน จ้า  ในรูปเค้าพิมพ์ผิด  แถมในรูปยังพิมพ์ชื่อเดือน " กุมภาพันธ์ " ตัวสะกดการันย์ก็ผิดอีกด้วย  ก็เป็นวิธีเช็คว่าหนิงไม่ได้ง่วงเหงาหาวนอน ตอนกะลังอ่านคำทำนายอยู่ไง !  ... ว่าแต่เค้าทำนายเดือนเกิดของหนิงไม่เห็นจะแม่นเลยนอะ !
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #498 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 20:31:43 »

แฮพทั้งสองเดือนที่พิมพ์มาเลยละกันคะ.
ตอนแรกยังดีใจเขาให้มีนาตั้งสองดอก.


heater (Fußbodenheizung)ตั้งเวลา/โปรแกรมไว้ค่ะพี่
ปิดไปนานแล้ว แถมหนิงเก็บเสื้อผ้าหน้าหนาว
สวมใส่ชุดหน้าร้อน...นี่เดินหนาวสั่นในบ้าน
มาหลายวันแล้วค่ะ วันนี้ 6 °cคะ
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #499 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 20:59:17 »

... " โอ้ !  เมืองไทย  อยู่ตรงไหน  เหมือนใกล้วิมาน ... "  คนสแกนดิเนียเวียก็เลยต้องแห่กันมาซื้อบ้านชายหาดที่เมืองไทย ไว้หนีหนาว เหมือนนกคุณแอ่นจากไซบีเรีย ...

NN ... heater เนี่ยเหรอ  ภาษาเยอรมันว่า Fußbodenheizung  ทำไมถึงยาวเหยียดตั้ง 5 พยางค์  มิต้องออกเสียงกันเหนื่อยแย่เรอะ ?  ว่าไงนะ ? ฟัส-โบ-เดน-ไฮ-ซุง  รึเปล่า ? ... สลบกันพอดี



นักสืบ ' พันทิป ' ถอยไป  นักข่าว ' เฟซบุ๊ก ' มาแล้ว … !

จาก ไทยรัฐ ออนไลน์  วันพฤหัสที่ 6 พฤษภาคม 2553  ... http://www.thairath.co.th/content/life/80240

ถ้าเว็บไซต์ดังอย่าง " พันทิปดอทคอม " มี " นักสืบพันทิป " ที่ตามหาและไล่ล่าความจริงกระจายตัวอยู่มากมายแล้วล่ะก็  อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ควรจะบันทึกเอาไว้ในยุคทองของ " เฟซบุ๊ก " ขาขึ้นสุดๆ  ก็คนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า " นักข่าวเฟซบุ๊ก "

ซึ่งแตกหน่อขยายกอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง ....

ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยโดยใช้เฟซบุ๊กตอบโต้ นายศาสตรา โตอ่อน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้รับทุนไปศึกษาต่อปริญญาโทควบปริญญาเอก สาขาวิชากฎหมายมหาชน ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี  เจ้าของ http://www.facebook.com/sattra.toaon  เขาเรียกตัวเองว่า " นักข่าวเฟซบุ๊ก " สายต่างประเทศ

นายศาสตรา เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักข่าวเฟซบุ๊กก็คือความสนใจในโลกของ " โซเชียลเน็ตเวิร์ค " อีกทั้งยังชอบติดตามข่าวสารทั่วโลก โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองไทย ประจวบกับตอนที่อยู่เมืองไทยได้มีโอกาสรู้จักกับนักข่าวทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ จึงมีการแอดลิสต์รายชื่อนักข่าวเหล่านี้ไปในเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นก็ได้แลกข่าวสารเหตุบ้านการเมืองผ่านเฟซบุ๊กของกันและกันนับจากนั้นเป็นต้นมา  

นายศาสตรา บอกว่า หน้าที่หลักๆ ของเขาคือการประสานงาน ส่งและแลกเปลี่ยนข่าวสารเหตุบ้านการเมืองประจำวันผ่านเฟซบุ๊กพร้อมกับแปล 3 ภาษา ภาษาไทย-อังกฤษ-เยอรมัน อีกทั้งยังมีการเพิ่มเติมบทวิเคราะห์-วิจารณ์ทางกฎหมายเพิ่มเติม ( ศาสตราบอกจุดเด่นของเฟซบุ๊กที่เขาชอบมากกว่าทวิตเตอร์เพราะ เนื้อหาข่าว และข้อความที่พิมพ์ในเฟซบุ๊กลงได้มากกว่า )  โดยเป็นสิ่งที่เขาเรียนมาโดยตรงอีกด้วย หลังจากนั้นก็จะมีเครือข่ายที่ร่วมกันทั้งนักวิชาการ และบุคคลที่มีความสนใจในเรื่องการเมือง มาร่วมเป็นอาสานักข่าวและนักวิชาการรวมกันกระจายข่าวสาร ซึ่งจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้การตอบรับน่าพอใจมากๆ

" ยกตัวอย่างเหตุการณ์การเมืองที่มันรุนแรงมีการต่อสู้กัน มีการให้ข้อมูลข่าวสารมุมต่างๆ ในปัจจุบันข่าวที่เข้ามาในเฟซบุ๊กผมเร็วมาก เรียกว่าวันๆ แทบจะไม่ได้ทำอะไรโพสต์แต่ข่าวขึ้นไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าคนก็เริ่มเฮ … เข้ามา ภายในไม่กี่วันผมรับ add คนเพิ่มเกือบ 300 คน แต่ 300 คนอาจหมายถึงเครือข่ายที่ส่งข้อความไปอีกเท่าไรไม่อาจคำนวณได้  ผมเลยกลายเป็นนักข่าวที่เป็นเสมือนที่เก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพื่อกระจายต่อไปยังผู้เสพข่าวในเวลาอันรวดเร็ว  แต่ถ้าถามว่าพลังจากเฟซบุ๊กที่ผลักให้คนออกมาชุมนุมจะส่งผลถึงความรุนแรงเป็นแบบ 6 ตุลา ที่ประชาชนเข้าห่ำหั่นกัน หรือเปล่าผมว่าไม่  เพราะจากการร่วมตัวหลายครั้งที่ผ่านมา คนที่มามากมายถือว่ามีการศึกษา ที่สำคัญไม่ชอบความรุนแรง "

ถามว่าการชุมนุมของคนเสื้อหลากสีที่เร่ิมต้นจากเครื่อข่ายทางเฟซบุ๊กสู่ท้องถนน กับการชุมนุมของเสื้อเหลือง-แดงที่ดูเคเบิลทีวีนั้นๆ มีแตกต่างกันอย่างไร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต มองว่า เสื้อแดงเป็นการจัดตั้งตามรูปแบบ การชุมนุมไม่ต่างจากกลุ่มเสื้อเหลือง แต่สำหรับเสื้อชมพูและกลุ่มคนเสื้อหลากสีนั้นเกิดขึ้นจากความไม่พอใจ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมันกระทบชีวิตประชาชนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหนจนเป็นวงกว้าง ซึ่งการกระทำแบบนี้มันผลักให้ผู้คนเหล่านี้ และคนที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องความคิดทางการเมือง จนกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในการจัดตั้งการชุมนุมทางสังคมออนไลน์เกิดขึ้น

" เมื่อมีการส่งผ่านข้อมูล ความคิด ความเห็นไปสู่กัน เมื่อความคิด ความเห็นตรงกัน พลังทางสังคมก็เกิดขึ้น อีกอย่างปัจจุบันเฟซบุ๊ก นั้นได้กลายเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ จึงมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการส่งผ่านความคิดและผลักพลังบริสุทธิ์ของจากหน้าจอคอมพ์ไปสู่ถนนอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ส่วนกระแสของ "นักข่าวเฟซบุ๊ก" จะมาเร็วไปเร็วไหม ทุกๆ อย่างมีขึ้นมีลง ซึ่งถ้าอนาคตสถานการณ์จริงๆ มันกดดันคนอยู่แบบนี้ทุกๆ วัน เฟซบุ๊กเป็นที่รวมที่ประสานความคิดความเห็นซึ่งเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ อาจจะมีหรืออาจจะหายไปขึ้นกับเทคโนโลยี แต่อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนของกลุ่มคนเล็กๆ แต่ทว่าก็พิสูจน์ได้ว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ หรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่าทฤษฎีบัตเตอร์ไฟล์เอฟเฟก นั่นเอง " นักข่าวเพซบุ๊กกล่าวในที่สุด

" ผึ้ง " เจ้าของเฟซบุ๊ก  http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=781325397 เป็นอีกหนึ่งคนที่เรียกตัวเองว่า นักข่าวเฟซบุ๊กสายในประเทศ  ปัจจุบันเธอทำงานอยู่ที่สถาบันการเงินชื่อดังแห่งหนึ่งเล่าให้ฟังว่า  เริ่มเล่นเฟซบุ๊กประมาณ 1-2 ปีพร้อมกับ add ชื่อ " นักวิชาการ " เอาไว้มากมายเพื่อติดตามข่าวสารการวิเคราะห์ของพวกเขา  จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์พลิกผันของการเมืองไทยเมื่อวันที่เข้ายึดพื้นที่คอกวัว และมีการยิงกันตาย  คืนนั้นข่าวสารการเมืองที่มีมาปล่อยข่าวโคมลอยให้ประเทศไทย-สถาบันกันวุ่นวายมากๆ จากแค่ผู้ตามข่าวสาร จึงตัดสินใจอยากจะนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนให้เขาได้รับทราบข่าวสารการวิเคราะห์รอบด้าน  ทั้งมุมแดง มุมเหลือง มุมของรัฐบาล และมุมของต่างประเทศ

" วันหนึ่งๆ ข่าวหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ รายการฟรีทีวี เคเบิลทีวีทั้งนอก และในประเทศเราดูหมด  ซึ่งบางบทความดีมากๆ แต่คนพวกนี้จะไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊ก  พอนำมาลง  ก็เหมือนช่วยเขาเผยแพร่เป็นประจำวันละหลายเวลา  อย่างเช่นข่าวเมื่อวันที่มีการยิงเอ็ม 79 ที่สีลมเราก็มอนิเตอร์ว่า  เหลืองว่าไง  แดงว่าไง  ฟรีทีวีว่าไง  เคเบิลทีวีว่าไง  ต่างประเทศว่าไง  แล้วเอามาประมวลผลว่าข้อมูลการตาย  สาเหตุทั้งหมดว่าตรงกันไหม  แล้วทำการเผยแพร่ด้วยข้อมูลรอบด้านแบบนี้  ปัจจุบันจึงมีคนแอดชื่อเฟซบุ๊กของเราเข้าหลักพันคนแล้ว "

ผึ้ง บอกด้วยว่า ปัจจุบันคนที่เป็นนักข่าวเฟซบุ๊กกำลังบูมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการรวมกลุ่มกันแชร์ข้อมูลข่าวสารมากถึงกว่าพันคน

" ถามว่าได้อะไรจากตรงนี้  เงินเดือนก็ไม่ได้  เหนื่อยก็เหนื่อยเครียดก็เครียด ( หัวเราะ )  แต่ก็ได้ความภูมิใจ ที่เราได้ทำหน้าของคนไทยคนหนึ่งที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแบบรอบด้าน  ไม่ใช่การให้ข้อมูลมอมเมาอย่างจอเหลือง  หรือจอแดง อย่างเดียว  สิ่งที่เหนืออื่นใดเราเชื่อว่าว่าไม่ต้องเป็นองค์กรใหญ่  เราเชื่อในทฤษฎีที่คนเล็กก็สามารถมีสิทธิเปลี่ยนแปลงอะไรได้  และเฟซบุ๊กก็กำลังจะเป็นแบบนั้น " นักข่าวสาวสายเฟซบุ๊กสรุป

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #500 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 13:23:16 »

เรื่องนี้น่าจะเหมาะกับ" รู้ไว้ใช่ว่าฯ "  คงไม่มีในบ้านเรามั้ง
http://hilight.kapook.com/view/48374
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #501 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2553, 11:58:31 »

จ้า น้องเริง ... เรื่องนี้เป็นข่าวที่เมืองนอก  ก็ตรงตามทฤษฎีที่ว่าด้วย " เรื่องที่ควรเป็นข่าว "  เพราะเป็นเรื่องของคุณยายวัย 72 มีลูกกับคุณหลานชายวัย 26  แต่ถ้าเรื่องกลับกัน  เป็นคุณตาวัย 72 มีลูกกับคุณหลานสาววัย 26 ก็คงจะไม่เป็นข่าว อ่ะนะ  พี่ว่า ...

ชิสุ เทรนด์เกาหลีกำลังมาแรง

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา















      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #502 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2553, 18:58:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 06 พฤษภาคม 2553, 20:59:17
... " โอ้ !  เมืองไทย  อยู่ตรงไหน  เหมือนใกล้วิมาน ... "  คนสแกนดิเนียเวียก็เลยต้องแห่กันมาซื้อบ้านชายหาดที่เมืองไทย ไว้หนีหนาว เหมือนนกคุณแอ่นจากไซบีเรีย ...

NN ... heater เนี่ยเหรอ  ภาษาเยอรมันว่า Fußbodenheizung  ทำไมถึงยาวเหยียดตั้ง 5 พยางค์  มิต้องออกเสียงกันเหนื่อยแย่เรอะ ?  ว่าไงนะ ? ฟัส-โบ-เดน-ไฮ-ซุง  รึเปล่า ? ... สลบกันพอดี


พี่เจี๊ยบขา,
เค้ากำลังถกกันเรื่องEuro crisis
ที่ประเทศยุโรปใต้:กรีส-ปอร์ตุเกส-สเปน
กำลังประสบขณะนี้...กู้มาก-เก็บน้อย
กำลังจะพากันล้มละลาย...ใครๆก็ว่าประเทศ
แข็งแรงไม่ช่วย...พี่ต้องได้ฟังการวิเคราะห์ค่ะ
อร่อยเหาะ!!คนที่มาพูดเค้าว่าประชาชนคนเดินถนน
ในเยอรมันเก็บกัน ประหยัดกันมาตั้งนมนานก่อน
จะเปลี่ยนค่าเงินด้วยซํ้า...พอเป็นยูโร เฮฮาเพราะกู้ดอกตํ่า
อยู่กินไม่ระวัง...เฮ้วๆกันจนลืมว่าพื้นฐานที่สำคัญคือการเก็บ
ถึงจุดนึงขาดเงินมาหมุนเวียน...มีเหรอผ้าขี้ริ้วเค้าจะอือออ
พอนายกเยอรมันออกมาติงก็ไปว่าว่าsheขี้เหนียว....ก็เอ๋า
เงินไม่ไช่จะได้มาจากถูกlottoนี้จ้ะ...


Fußbodenheizungอ่าน ฟู้ส-โบเด็น-ไฮซุงค่ะ
3 คำคะพี่..มียาวกว่านี้แยะคะ...ฝึกสมาส-สนธิ
กันตลอดคะ
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #503 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2553, 00:43:43 »


จ้า หนุงหนิง ... พี่ก็อยากฟัง Euro crisis ฉบับสมบูรณ์ด้วย  ถ้าหนิงมีโอกาส  ก็วิเคราะห์มาฝากกันเป็นภาษาไทย เพิ่มเติมให้ด้วยนาจ๊ะ ... เรามาดูของสวย ของงาม ให้สบายลูกกะตากันหน่อยดีกว่า ...


" ผู้ชาย " ที่สวยที่สุดในโลก โยมีคิม ฮันเตอร์‏

ลัลลนา - ครุ 16 ... ส่งมา










      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #504 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 23:00:13 »

เด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ผู้ก่อตั้ง facebook.com‏

เศรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

ความเป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์ทั่วไป ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วัยหนุ่มด้วยอายุเพียง ๒๐ ปี เท่านั้น  เขาสร้างเนื้อสร้างตัว รวยเร็วที่สุด เท่าที่นิตยสาร Forbes เคยทำการสำรวจมาในหมู่ผู้ที่สร้างความร่ำรวยด้วยตนเอง ! !

ราคาหุ้นมีมูลค่าสูงกว่า ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท  ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดอันดับหนึ่งของโลก ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้งของตนเอง โดยใช้เวลาเพียงแค่ ๖ ปี เท่านั้นเอง ! !

หนุ่มผู้ที่กล่าวถึงนี้ คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ! !   ผู้สร้าง Facebook.com ให้โลกได้รู้จัก และเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้ใช้กันมากที่สุดในโลกขณะนี้


มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook.com

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ( Mark Elliot Zuckerberg ) มีเชื้อสายยิว - อเมริกัน  เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๗  ปัจจุบันอายุ ๒๖ ปี  ( คนเก่งระดับโลก  เช่น ไอน์สไตน์, ฟอน บราวน์ เป็นต้น มักมีเชื้อสายยิว - ผู้เขียน )  เติบโตในย่าน Dobbs Ferry นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา  เข้าศึกษาระดับมัธยมที่ Ardsley High School และจบมัธยมปลายที่ Phillips Exeter Academy ในปี ๒๕๔๕

สมัยเรียนไฮสกูล ซักเคอร์เบิร์กหัดเป็นโปรแกรมเมอร์ตั้งแต่อยู่ชั้น ป. ๖  เขากับเพื่อนสร้างโปรแกรมสำหรับเรียนรู้นิสัยการฟังเพลงของผู้ใช้ Winamp และ MP3 และเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทางอินเตอร์เน็ต ( คนเก่ง ๆ มักเรียนรู้ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก  ตรงกันข้ามกับเด็กไทยบางคน  สนใจแต่เล่นเกมส์  และมีแนวโน้มจะมากขึ้น - ผู้เขียน )

ซัคเกอร์เบิร์กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด  หยุดเรียนไปกลางคัน  และกลับมาลงทะเบียนเรียนอีกครั้งในปี ๒๕๔๙  ที่ฮาร์เวิร์ด  ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มต้นโครงการวิจัย หรือโปรเจ็กต์ชิ้นแรกกับเพื่อนร่วมห้อง Arie Hasit ชื่อของโปรเจ็กต์นี้คือ Coursematch เป็นบริการที่เปิดให้นักศึกษาสามารถดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้

โปรเจ็กต์ต่อมาคือ Facemash.com เว็บไซต์โหวตรูปนักศึกษา ม. ฮาร์เวิร์ดว่าใครได้รับความนิยมชมชอบมากหรือน้อย   แต่แล้วเมื่อโปรเจ็กต์นี้ให้บริการจริงบนโลกออนไลน์เพียง ๔ ชั่วโมง  มหาวิทยาลัยก็ลงดาบระงับการใช้อินเทอร์เน็ตของซัคเกอร์เบิร์ก  ด้วยข้อหาว่าโปรเจ็กต์นี้ของซัคเกอร์เบิร์กละเมิดนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้  และเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย

ซัคเกอร์เบิร์กคลอดบริการนาม Facebook จากห้องพักตัวเอง  ในมหาวิทยาลัยด้วยฤกษ์วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗  บางแหล่งข่าวระบุว่าซัคเกอร์เบอร์เขียนโปรแกรม FaceBook ชุดดั้งเดิมในเวลาไม่ถึง ๒ สัปดาห์  คราวนี้ไม่ใช่บริการโหวตรูป หรือบริการแสดงรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น  แต่เป็นบริการที่ให้นักศึกษาสามารถโพสต์ข้อมูลของตัวเองได้เท่าที่ต้องการ


Dustin Moskovitz เืพื่อนและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook.com กับ Mark Zuckerberg

แน่นอนว่าเฟสบุ้กได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในฮาร์เวิร์ด  นักศึกษาราว ๒ ใน ๓ แห่ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่ ๒ สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ต่อมาซัคเกอร์เบิร์ก และเพื่อน Dustin Moskovitz เริ่มขยายบริการเฟสบุ้กไปยังมหาวิทยาลัยอื่น เช่น สแตนฟอร์ด โคลัมเบีย และเยล  โดยราว ๔ เดือนสถานศึกษาที่ใช้บริการ Facebook มีจำนวนราว ๓๐ แห่ง  เมื่ออะไรก็ไปได้สวย  ซัคเกอร์เบิร์กตกลงใจเดินทางไป Palo Alto แคลิฟอร์เนียพร้อม Moskovitz และกลุ่มเพื่อน  ช่วงฤดูร้อนปี ๒๕๔๗ ทั้งกลุ่มวางแผนกลับฮาร์เวิร์ดให้ทันฤดูใบไม้ร่วง  แต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อไป  และขาดเรียนที่ฮาร์เวิร์ดตั้งแต่นั้น

Facebook นั้น เป็นที่รู้จักในนามบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้ใช้แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียวกัน แบบรวดเร็วทันใจ  และเข้าถึงทั้งข้อมูล  แฟ้มภาพถ่ายตอนไปเที่ยว  ภาพยนตร์ที่ชอบ  และประวัติส่วนตัวทั่วไป

ต่างจากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่ Facebook เป็นชุมชนในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง  ใช้ชื่อ Email เดียวกัน  และต้องการทำความรู้จักคนอื่นๆ ในสังคมเดียวกัน  ทั้งหมดนี้โดนใจชาวอเมริกันที่กระตือรือร้นอยากจะรู้จักคนอื่นในสังคมเดียวกันให้มากขึ้น

ซัคเกอร์เบิร์กได้พบกับ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์  PayPal ซึ่งให้ทุนก้อนแรกมา ๕ แสนเหรียญ  สำนักงาน Facebook แห่งแรกจึงกำเนิดขึ้นที่ University Avenue ในตัวเมือง Palo Alto นับจากนั้นไม่กี่เดือน  ปัจจุบัน Facebook มีอาคารสำนักงานในเมือง Palo Alto จำนวน ๔ อาคาร  ซึ่งซัคเกอร์เบิร์กเรียกว่า " urban campus " หรืออาณาจักรวิทยาลัย

Facebook เปิดตัวในปี พ.ศ. ๒๕๔๗  โดยมาร์ก ซักเกอร์ เบิร์ก ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยแค่ ๒๐ ปี จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง " ฮาร์วาร์ด " เขาร่วมมือกับเพื่อนอีก ๒ คน คิดค้นสร้างเครือข่ายภายในรั้วมหาวิทยาลัย  โดยให้นักศึกษาที่สนใจสามารถเข้ามาอัพเดตและ แบ่งปันข้อมูลส่วนตัวและรูปภาพได้  จนได้รับความนิยมมากขึ้น  จากภายในมหาวิทยาลัยกระจายสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ  และขยายกลุ่มขึ้นเรื่อยๆ  ปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วโลกเข้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า ๒๔ ล้านคน  เฉลี่ยมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า ๑๐๐,๐๐๐ รายต่อวัน

ลักษณะการทำงานของ Facebook

มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหา และถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของ Facebook ทันที  ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ต่อไปได้  โดยใน Facebook จะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน  อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกันมา  พูดคุย  ติดต่อ  เมาท์  หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้

บางคนอาจคิดว่า Facebook เหมือนกับ My space เว็บไซต์เครือข่ายออนไลน์ที่ฮอตอยู่ในขณะนี้  แต่ Facebook มีมากกว่านั้น  ความโดดเด่นของ Facebook คือผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริง และอีเมล์เดียวกันในการลงทะเบียน  และมีความต้องการที่จะรู้จักคนอื่นที่มีตัวตนจริง ๆ บนโลกใบนี้

นักวิจัยจากสถาบันแห่งหนึ่งจากอังกฤษกล่าวว่า Facebook ยอดเยี่ยมกว่า My space เพราะเหมาะสำหรับ " เด็กดี "  ขณะที่ My space เหมาะสำหรับ ขาร็อก  ฮิปฮอป  ศิลปิน  หรือคนทำงาน



ความร้อนแรง และความหอมหวานของ Facebook ทำให้บริษัทออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Yahoo.com เสนอซื้อกิจการด้วยมูลค่าสูงลิ่วถึง $ ๑.๖ พันล้าน  แต่ได้รับการปฏิเสธจาก Mark Zuckerberg ก่อนหน้านี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ยักษ์ใหญ่ Search Engine อย่าง Google ก็อยากได้ Facebook มาไว้ในครอบครองด้วยการยื่นข้อเสนอทุ่ม ๒.๖ พันล้านดอลล่าสหรัฐ  ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา  แต่ดูท่าทีของ CEO Zuckerberg แล้ว  ยังอยากเก็บหุ้นส่วน และบริษัทของตัวเองไว้มากกว่า

จากการทุ่มเสนอซื้อ Facebook ของ Google ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าราคาสูงกว่าที่เคยซื้อ Youtube มากทีเดียว  ซึ่งเดิมที Google ได้ซื้อ Youtube มาด้วยราคา $ ๑.๖๕ พันล้าน

ขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์

บิลล์ เกตส์ ผู้สร้างตำนานลาออกจากมหาวิทยาลัย  เพื่อมาก่อตั้งไมโครซอฟท์  เป็นนักลงทุนรายแรกที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกกับหุ้นเฟชบุ๊กเพียงแค่ ๑.๖ % เมื่อปลายปี ๒๕๕๐  ตั้งแต่เฟซบุ๊กให้บริการมาได้แค่ ๓ ปี  และมีผู้ใช้บริการเพียง ๕๐ ล้านคน  ขณะนั้นรายได้ของเฟซบุ๊กก็ยังไม่มากมายเท่าทุกวันนี้  โดยสามารถทำเงินได้เพียง ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และมีสินทรัพย์รวมไม่ถึง ๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระนั้น การตัดสินใจของไมโครซอฟท์หนุนส่งให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในชั่วข้ามคืน

ช่วงเวลานั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไมโครซอฟท์คงกินยาผิดขนาน  ถึงได้ตัดสินใจขี่ช้างจับตั้กแตนขนาดนั้น  แต่นักวิเคราะห์ที่รู้จริงกลับเดาทาง
ถูกว่า  เงินแค่ ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ไมโครซอฟท์หมายมั่นปั้นมือ  นั่นคือการแลกกับสินทรัพย์มหาศาลที่มองไม่เห็นในงบดุล  จากการเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนหลายสิบหลายร้อนล้านคนของ Facebook  โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ  และลูกค้าในวัยหนุ่มสาว  ซึ่งไมโครซอฟท์ยังเข้าไม่ถึง

ขายหุ้นให้กับ DST สัญชาติรัสเซีย

นอกจากนี้ ดีลประวัติศาสตร์อีกครั้งของ Facebook ก็คือ  ตกลงขายหุ้นนิดหน่อยให้กับกลุ่มนักลงทุนอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่สัญชาติรัสเซีย " ดิจิตอล สกาย เทคโนโลยีส์ " หรือ DST  เพื่อแลกกับการเจาะตลาด Facebook ในแถบรัสเซีย และยุโรปตะวันออก  ซึ่ง DST เป็นเจ้าของธุรกิจ และนายทุนใหญ่คุมตลาดอินเตอร์เน็ตทั้งภูมิภาคดังกล่าว

ดีลประวัติศาสตร์นี้  ตกลงกันสำเร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว  โดยฝ่ายนายทุนหมีขาวใจป้ำยินดีจ่ายเงิน ๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกเปลี่ยนกับหุ้นบุริมสิทธิแค่ ๑.๙๖ % ของหุ้น Facebook  ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่ารวม ๑๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  พร้อมรับปากว่าจะไม่มีตัวแทนในบอร์ดบริหาร และไม่ก้าวก่ายเรื่องการบริหาร  ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญของ Facebook ตลอดมา



ชีวิตส่วนตัว ของ Mark Zuckerberg

ถึงแม้จะร่ำรวยทั้งเงินทอง และชื่อเสียงชนิดหาตัวจับยาก  แต่ทุกวันนี้ CEO หนุ่มแห่ง Facebook ยังคงใช้ชีวิตสมถะไม่แตกต่างจากเดิม  เขาชอบสวมสเวตเตอร์เชิ้ตสีน้ำตาล กับกางเกงสแล็กสีกากีง่าย ๆ  และรองเท้าแตะอาดิดาสคู่โปรด  ยังคงเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่ใกล้ออฟฟิศทำงานย่าน พาโล อัลโต  ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เหมือนเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้ง Facebook ใหม่ ๆ  ภายในห้องมีแค่ฟูกนอนราคาถูก  โต๊ะทำงานตัวเดียวกับเก้าอี้สองตัว

ส่วนอาหารเช้าของมหาเศรษฐี  ก็ยังเป็นซีเรียลใส่นมในชามกระดาษ กับช้อนพลาสติก  และใครจะเชื่อว่าเขายังขี่จักรยาน  หรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน ! ! !


เห็นไหมครับว่า  คนรวยระดับโลกตั้งแต่หนุ่ม  โดยไม่โกงใคร  ใช้เวลาสร้างตัวด้วยสมองเพียง ๖ ปีเท่านั้นก็ยังมี  แถมยังใช้ชีวิตสมถะ  เช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่  และขี่จักรยาน  หรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #505 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 00:34:11 »

มหาเศรษฐีไทยใจบุญ เปิดโรงพยาบาลรักษาตาฟรี

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

 Source : http://www.thaicareer.com/3_403_0.html

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551 รายการเจาะใจ ได้เชิญ บุคคลที่น่าทึ่งท่านหนึ่งมาสัมภาษณ์

เค้าผู้นี้คือ คุณ ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ
 
เรื่องย่อ .....

คุณธานินทร์ออกจากเรียนในมหาลัยขณะที่เรียนได้แค่ 9 หน่วยกิจ  มาทำธุรกิจติดต่อกับญี่ปุ่นครั้งแรก  ตอนนั้นไม่มีสตางค์ซักเท่าไหร่  เมื่อวันที่นักธุรกิจญี่ปุ่นคนแรกที่ดิวด้วยจะต้องกลับประเทศ  ก็ดันพลาดเที่ยวบิน  เค้าถูกขอตังค์ค่าเครื่องบินใบใหม่  แต่ไม่มีให้  จึงนำรถปิกอัพตนเองไปขาย  วันรุ่งขึ้นเค้าจึงนั่งแท๊กซี่ไปรับนักธุรกิจคนเดิมที่โรงแรม  เพื่อไปสนามบิน  พร้อมตั๋วเครื่องบินใบใหม่  นักธุรกิจญี่ปุ่นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อทราบวิธีได้เงินมาซื้อตั๋วให้  แถมเค้ายังให้ตังค์ไปอีก 1 หมื่นบาทติดตัว  ตังค์ก็ไม่มี  แต่ช่วยคนอื่นแบบโคตรจริงใจ สุดตัว
 
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ภรรยาของนักธุรกิจญี่ปุ่นคนเดิม โทร.มาถามบัญชีธนาคาร  เค้าได้รับเงินโอนมา 1 ล้านบาท  ย้ำว่า 1,000,000 บาท เข้าบัญชี  เค้านำเงินไปซื้อรถบรรทุกคันใหม่  แล้วชีวิตการทำธุรกิจจากการช่วยเหลือเพื่อนของนักธุรกิจคนนี้ก็เริ่มขึ้น
 
กำไรครั้งละ 30 ล้านบาท ต่อการขนลงเรือ 1 ครั้ง  วันละหลายลำ  ทำมาหลายปี  จนน่าจะถูกเรียกว่า " รวย " ( ด้วยการซื้อขายรถมอไซค์เก่าจาก ญี่ปุ่น  จากการเพื่อนนักธุรกิจญี่ปุ่นคนเดิม  เพื่อนำไปขายให้คนจนที่ไม่มีโอกาสขับรถใหม่  ทั้งในไทย ลาว เขมร เวียตนาม ในราคาถูกสุดๆ เพียง คันละ 600 บาท  ไปขายต่อในราคาคันละ 16,000 บาท  กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายเหลือ 11,000 บาท   ทั้งหมด 3,000 คันต่อลงเรือ 1 ลำ  ขายมาตั้งแต่เรียน ม. ราม )  ปัจจุบันอายุมากแล้ว  เลิกทำทุกอย่าง  รับค่าเช่าจากธุรกิจเพียงเท่านั้น
 
เมื่อไม่นานมานี้  ต้องการหันหน้ามาทำบุญอย่างจริงจัง  ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้  จึงได้เริ่มจากการบริจาคที่ดินในซอยสุขุมวิท 24 จำนวน 3 ไร่ 130 ตรว. ( มูลค่าที่คนมาขอซื้อคือ 700,000 บาท ต่อ ตรว. ) ได้เงินมา 6,000 ล้านบาท  มาก่อตั้ง บริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด  เพื่อดำเนินกิจการโรงพยาบาลสำหรับคนจน  มารักษาผ่าตัดตา และฟอกไต ฟรี ! ! ! ! ! ! !  ! ! !  ใครจะขอซื้อที่แปลงนี้ก็ไม่ขาย  จะให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ... อึ้ง ! ! ! ! !  
 
คุณธานินทร์รักในหลวงมาก  อยากให้คนจนสุขภาพดี  ทุกวันนี้ทำเพราะอยากได้บุญ ( ก็ไม่รู้ว่าถูกต้องรึเปล่านะ ? )  แต่ก็ช่วยคนจนคนป่วยให้หายจากการเจ็บป่วยมามากมายหลายปีแล้ว
 
ลอง search ชื่อเค้าดู น่าทึ่งและน่าเลื่อมใสมาก  พิธีกรถามว่า " ถ้ามีตังค์น้อย  เราจะช่วยอะไรใครได้บ้าง ? "  เค้าบอกว่า " คนจนช่วยเหลือกันได้มากกว่าคนรวย  เพราะคนจนลงแรง  แต่คนรวยเอาเงินซื้ออำนาจ  การช่วยเหลือเลยไปไม่ถึงคนเดือดร้อนตัวจริง  ควรจะลงแรงซะก่อน  แล้วค่อยลงทุน "


ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน ... ผู้ถวายไม้จันทร์หอม สร้างพระโกศสมเด็จพระพี่นางฯ

เปิดใจครั้งแรกกับธานินทร์ พันธ์ประภากิจ - ผู้ถวายท่อนไม้จันทน์หอม สร้างพระโกศสมเด็จย่า  และสมเด็จพระพี่นางฯ  พร้อมเจริญรอยตามในหลวง ด้วยการเปิดบริษัท ทาสของแผ่นดิน รักษาต้อกระจกฟรีให้กับคนจน



ความจงรักภักดี แปลว่า " ความยอมสละตนเพื่อประโยชน์แห่งท่าน " คือถึงแม้ว่าตนจะต้องได้รับความเดือดร้อนรำคาญ  ตกระกำลำบาก  หรือจนถึงต้องสิ้นชีวิตเป็นที่สุด  ก็ยอมได้ทั้งสิ้น  เพื่อมุ่งประโยชน์อันแท้จริงให้มีแก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ .... ความจงรักภักดีแท้จริงนี้เอง คือความรักชาติ  ซึ่งคนไทยสมัยใหม่พอใจพูดอยู่จนติดปาก  แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างแท้จริง …

วันนี้ WhO ? จะพาไปรู้จัก ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ประธานกรรมการบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด ผู้ประกาศความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  และหวังที่จะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง  

เข้าเฝ้าในหลวง คือที่สุดในชีวิต

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตของคนธรรมดาสามัญที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับคุณธานินทร์นั้นไม่เพียงการได้เข้าเฝ้าที่สร้างความประทับใจ  แต่พระราชดำรัส " ขอบใจ " ยิ่งทำให้เขามีความสุขจนไม่อาจลืม... สีหน้า และแววตาแห่งความปลื้มปีติปรากฏบนใบหน้าชายวัย 51 ปี  ขณะเดียวกันเขาชี้ไปยังจดหมายที่ใส่กรอบอย่างดีซึ่งติดบนผนังห้องทำงานอันมีใจความว่า " ตามหมายแจ้ง ความประสงค์ถวายท่อนไม้จันทน์หอม  เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  สำนักพระราชวังได้นำถวายความกราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงขอบใจ หจก.เอ็ม.เอ.ที. อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต …"

คุณธานินทร์ เล่าถึงที่มาของไม้จันทร์หอมดังกล่าวว่า เกิดจากเมื่อครั้งไปทำธุรกิจในประเทศพม่า จึงได้ซื้อท่อนไม้จันทน์นี้กลับมาเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในหลวง  จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสวรรคต  เขาจึงน้อมเกล้าฯ ถวายท่อนไม้จันทน์หอมอีกครั้ง  พร้อมเป็นผู้อัญเชิญท่อนไม้จันทน์หอมมาสร้างพระโกศถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ  ดังใจความในจดหมายอีกฉบับที่สร้างความภาคภูมิใจให้เจ้าตัวไม่น้อย

ตามที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มอบหมายให้ อ.กุยบุรีรับผิดชอบดำเนินการนำไม้จันทน์หอม จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นำส่งสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร วันจันทร์ 11 ก.พ. 51  เพื่อนำไปสร้างพระโกศในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ

ตามหนังสือที่อ้างถึง บ.ทาสของแผ่นดิน ได้เสนอเรื่องการนำช้าง 12 เชือก เป็นพระราชพาหนะในเคลื่อนพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ไปเพื่อสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาคณะกรรมการฝ่ายจัดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีมติเห็นสมควรให้ดำเนินการจัดงานพระราชพิธี โดยอัญเชิญพระศพสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามแบบโบราณราชประเพณี

" แค่ผมได้หนังสือของพระองค์ท่านที่ทรงขอบใจมา กระดาษ 1 แผ่นนี้   ผมว่ายิ่งกว่าได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นกระดาษที่มีคุณค่ามากกว่าเงินตราเสียอีก  ถึงมีเงินเป็นแสน เป็นล้านก็ไม่สามารถมีหนังสือฉบับนี้ได้  แล้วก็เป็นหนังสือที่ประทับอยู่ในหัวใจ ในชีวิตของ  ผมจะปิดทองใต้ฐานองค์พระปฏิมา  แม้คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม  เพียงแค่ให้พระองค์ท่าน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ก็พอแล้ว " รางวัลชีวิตอันยิ่งใหญ่ของคุณธานินทร์ที่น้อยคนนักจะได้รู้

ธานินทร์ ทาสของแผ่นดิน



แม้เจ้าตัวจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวแห่งความดีที่เคยทำ แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่หลายคนควรรู้ โดยเฉพาะช่วงชีวิตกว่าจะเป็นธานินทร์ ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ทาสของแผ่นดิน และผู้ก่อตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรี แก่ประชาชนในเวลานี้

คุณธานินทร์ เรียนจบจาก ปวช. พาณิชย์วิทยาลัย สีลม  จากนั้นได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ แต่เรียนได้เพียง 9 หน่วยกิตก็เลิกเรียน  เพราะรู้สึกว่าการเรียนก็ได้แค่เรียนรู้เท่านั้น  สู้ทำงานเองจะดีกว่า  เขาจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจกับเพื่อน จำหน่ายสินค้าประเภทรถยนต์ มอเตอร์ไซด์  หนังสัตว์  กระดูกสัตว์  เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ กับต่างประเทศ  อาทิ  ญี่ปุ่น อเมริกา ลาว เขมร เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ในนาม หจก.เอ็ม.เอ.ที อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต

จวบจนกระทั่งได้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา บริษัท เพรสซิเดนท์ ปาร์ค ( President Park ) พร้อมกับเป็นผู้ควบคุมดูแลอาคารทั้งหมด  จากนั้นจึงก่อตั้งบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด  เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว  เพื่อจัดตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อแก่ประชาชน โดยเขาเล่าถึงที่มาของชื่อบริษัทว่า ต้องการให้เห็นอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะแก้ไขในสิ่งผิด  

" ในอดีตชาติ หรือปัจจุบันเราทำผิดมาก็มาก ทำถูกมาก็มาก  อยากให้มองว่าระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ไม่ควรมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ หรือแบ่งเชื้อชาติศาสนา  แต่ให้ยึดมั่นในองค์พระมหากษัตริย์  ประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่ และเป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นมาก "    

" พ่อแม่ผมอยู่ในประเทศไทย  แล้วผมก็เกิดในแผ่นดินนี้  ทุกคนอาจเห็นผมตัวดำ สีผิวผมที่ดำนี้คือ สีดิน  แล้วถ้าตัวผมไม่ดำผมจะเป็นทาสของแผ่นดินได้ยังไง  เคยมีอุธาหรณ์สอนใจผมว่า  ผมน่าจะเกิดเป็นลูกของคุณทักษิณ  เพราะผมจะได้เป็นคนรวย  มีเงินเยอะๆ  ผมจะเดินทางไปหาประชาชน เดินตามรอยพระยุคลบาทของในหลวง  พ่อผมจะเป็นอะไรก็เป็นไปไม่เกี่ยวกับผม  แต่ผมจะเดินออกไปหาคนจนในถิ่นทุรกันดาร  คิดว่าน่าจะเป็นความสุขใจในชีวิต  วันนี้ผมจึงกล่าวขนานนามต่างๆ ในชีวิตของผมว่า  ขอถวายชีวิตเป็นราชพลีแด่พระองค์วงศ์จักรี  ธานินทร์- ทาสของแผ่นดิน "

ศูนย์ผ่าตัดต้อเกิดจากลมหายใจสุดท้าย

ศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรี ดังกล่าว เกิดขึ้นจากพลังแห่งศรัทธาในบุญและบาป  โดยครั้งหนึ่งคุณธานินทร์เคยถูกลอบยิงเกือบเอาชีวิตไม่รอด  สาเหตุเกิดจากสองสามีภรรยาซึ่งเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม  เอาภาพถ่ายของตัวเองขณะยืนอยู่หน้าทัชมาฮาลวางติดไว้ด้านบนผนังด้านบน และเอารูปเจ้าแม่อุมาเทวี วัดแขกไว้ด้านล่าง  เมื่อคุณธานินทร์เห็นเข้า จึงรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สมควร  พร้อมกับเขียนเรื่องนี้ลงในหนังสือของตัวเองเพื่อบอกให้ประชาชนได้รับรู้

ประเด็นนี้เองอาจสร้างความโกรธแค้น และกลายเป็นชนวนลอบสังหาร  โดยเขาถูกมือปืนยิงบริเวณหน้าบ้านย่านสีลม  ลูกปืนเข้าที่ศรีษะ  ทำให้ต้องรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.กรุงเทพคริสเตียน  ในห้องไอซียู  นานถึง 45 วัน  และต้องทำการผ่าตัดถึง 6 ครั้ง  " เป็นช่วงเวลาที่ได้เห็นคนเสียชีวิตมากมายมหาศาล  สัจธรรมเกิดขึ้นมาทันทีว่า  ภาพที่เห็นคนตาย  คิดในทางบวก ก็ถือเป็นความสุข  เพราะไม่ได้นอนกับคนที่รักเราอย่างเดียว  แต่ได้นอนกับคนที่ต้องตายทุกวัน  คิดว่าน้อยคนนักที่จะได้มานอนกับคนตายแบบนี้  ระหว่างที่อยู่ไอซียูยังได้ยินเสียงทุกคนพูดถึงผมตรงกันว่า  " คงอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง "  แต่ครึ่งชั่วโมงนั้น ทำให้รอดตายมาได้  นับว่าโชคดี และเป็นบุญอย่างหนึ่ง  ถามว่าสะทกสะท้านกับความตายไหม  บอกได้เลยว่าไม่มี เลยได้คารมเด็ดๆ ในชีวิตว่า " ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา  ไม่เสียดายเวลาถ้าสิ้นไป  เพราะว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว "  

เหตุนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่  เขาจึงขอแทนคุณแผ่นดินด้วยการตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกขึ้น  เพื่อรักษาผู้ยากไร้ " วันนั้นคิดว่าถ้าผมกลับมาได้  จะตอบแทนบุญคุณให้กับแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ได้ยังไง  ถ้าไปกิน-นอนอยู่กับใครสักคนโดยไม่ทำอะไรให้  แต่อยู่อย่างสุขสบายไม่ช่วยเหลือ และเกื้อกูล  ไม่ทำอะไรให้เลย  เขาจะเรียกว่าเนรคุณไหม  และถ้าผมอยู่ในแผ่นดินนี้  ไม่ช่วยเหลือแล้ว  ยังกอบโกยโกงกินผืนแผ่นดิน  เขาจะเรียกผมว่าทรราชของแผ่นดินหรือเปล่า "   ชีวิตเฉียด ตายทำให้เข้าใจในความเป็นมนุษย์ และบุญคุณที่ต้องทดแทนแผ่นดิน

เมื่อแนวคิดในการเปิดศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกทำท่าว่าจะเป็นจริง  คุณธานินทร์จึงปรึกษากับ นพ.วิทิต อรรณเวชกุล ผอ.โรงพยาบาลบ้านแพ้วในขณะนั้นทันที  แม้คุณหมอจะถามย้ำถึงความเชื่อมั่นว่าทำแน่หรือ  เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล  แต่เขากลับมั่นใจว่าต้องทำได้

" เมื่อปรึกษาหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  จึงสั่งซื้ออุปกรณ์การผ่าตัดดวงตาจากต่างประเทศ และสั่งซื้อรถห้องผ่าตัดเคลื่อนที่หลายสิบล้านบาท โดยเงินทั้งหมดในการซื้อ อุปกรณ์เป็นเงินส่วนตัวของผมที่ได้เก็บสะสมตลอดทั้งชีวิต ผมต้องการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยาก ไร้คนไทยในแผ่นดินด้วยกัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "

จากนั้นเขาได้จัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลบ้านแพ้วลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยครั้งนั้นมีผู้ป่วยถึง 200 ราย  หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดต้อกระจก และสามารถมองเห็นอีกครั้ง  ทุกคนต่างร้องไห้ดีใจ วิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความซาบซึ้ง

 

ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา  ศูนย์แห่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ประมาณ 600,000 ราย  และในปี 2549 พบผู้ป่วยตกค้างสะสมกว่า 100,000 ราย  ณ วันนี้หากถามว่าเหนื่อยไหม  คุณธานินทร์ตอบกลับทันทีว่า " ไม่เหนื่อยเลย " เพราะแม้กำลังกายจะสู้คนอื่นไม่ได้ หรือกำลังเงินอาจสู้ประชาชนคนรวยไม่พอ  แต่เขาเชื่อว่ากำลังใจของเขาใหญ่กว่าคนรวยในแผ่นดินไทย มากมายมหาศาล

" ผมมาช่วยเหลือชาวบ้าน  เพราะผมแบกความจนเอาไว้  การแบกความจนจะทำให้รู้ว่า เกิดเป็นคนอย่าลืมตัว เกิดเป็นวัวอย่าลืมตีน  ดังนั้นถ้าเราแบกความจนเอาไว้จะไม่ลืมความจนเลย  วันนี้เราแบกความจนเอาไว้ก็จะพาประชาชนพ้นทุกข์ได้ และหากเราแบกความรวยเอาไว้เมื่อไร  เราจะกลายเป็นคนลืมตัว  ถ้าตายไปแล้วขึ้นสวรรค์  ขณะเดียวกันก็ยังมีคนยากจนอยู่ในแผ่นนี้  ขอกลับลงมาเกิดในแผ่นนี้ดีกว่า  ผมไม่ได้คิดที่จะเปิดศูนย์นี้เท่านั้น  แต่มีความตั้งใจจะสร้าง ร.ร.อนุบาลเรารักในหลวง  เพื่อต้องการปลูกรากแก้วให้กับเด็กๆ "  เขาเล่าถึงสิ่งที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้านให้หมดทุกข์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเช่นเดิม

ชีวิตที่เหลืออยู่ของธานินทร์ พันธ์ประภากิต  เขาขอเดินรอยตามพระยุคลบาทองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่  เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้แบกไว้  ไม่ใช่ความรวย  ไม่ใช่ความดี  แต่คือ " ความจน " ที่เขาจะแบกไปตลอดชีวิต ...
  
ผู้ที่ประสงค์ผ่าต้อกระจกฟรี !  ติดต่อไปยังโรงพยาบาลบ้านแพ้ว  และนายชูศักดิ์ แก้วสุริยอร่าม  บริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด  อาคารพระมหากรุณาธิคุณ  เลขที่ 98  ซอยสุขุมวิท 24  ถ.สุขุมวิท  แขวงคลองตัน  เขตคลองเตย  กทม.  10110  สอบถามรายระเอียดได้ที่ โทร. 02-262-9454-5, 02-261-8213-7 เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ 08.00-17.00 น.  ( ติดตามเรื่องราวดี ๆ ใน  WhO ? Magazine  ฮู แมกกาซีน ได้ทุกวันอังคารของเดือนครับ )  

++ รักษาตาฟรี ! ! ผ่าตัดต้อกระจก , ต้อเนื้อ นำมาบอกต่อ ++

รักษาตา ฟรี ! ถวายในหลวง

( บอกต่อ ๆ กันไป  เผื่อจะได้ช่วยคนที่เค้าเดือดร้อนค่ะ )

โครงการคืนแสงสว่างให้ผู้ป่วยต้อกระจก และต้อเนื้อ

ขอเรียนเชิญผู้ป่วยทุกท่านมารับบริการผ่าตัดต้อกระจก และต้อเนื้อ  ฟรี โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

โดยมีแพทย์ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ( องค์การมหาชน ) จะคอยดูแลให้อย่างดี

 
 
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #506 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 14:50:35 »


พญานาคโผล่! เกยตื้นตาย ชายฝั่งสวีเดน
ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพฤหัสบดี ที่ 13 พ.ค.53
http://www.thairath.co.th/content/oversea/82658



'ปลาเฮอร์ริ่งยักษ์' ตัวยาว 11 ฟุต หรือที่ชาวไทยมักทึกทักกันว่าเป็น 'พญานาค'
พบเกยตื้นตายที่ชายฝั่งสวีเดน โบราณเชื่อหากพบปลาพวกนี้ที่ไหนแสดงว่า
อาจเกิดแผ่นดินไหวในไม่ช้า...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ว่า ชาวเลสวีเดนพบ
เจ้าแห่งปลาเฮอร์ริ่ง หรือปลาขนาดยักษ์รูปร่างหน้าตาเหมือนสัตว์น้ำ
ที่บ้านเรามักทึกทักกันไปว่าเป็น 'พญานาค' เกยตื้นตายอยู่บริเวณชายฝั่ง
ลำตัวยาว 11 ฟุต ซึ่งนับว่าเป็นปลากระดูกแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับพื้นที่ที่ปลายักษ์ ปรากฏคือ หมู่บ้านชาวเล โบวัลล์สตรองด์
บริเวณชายฝั่งสวีเดน ห่างจากชายแดนนอร์เวย์ราว 140 ไมล์



ปลาเฮอร์ริ่งยักษ์ พบครั้งแรกในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เมือ 130 ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เคิร์ต โอวี อีริคสัน ผู้เชี่ยวชาญท้องทะเลกล่าวว่า

ในอดีตกาลมีความเชื่อว่า หากปลายักษ์พวกนี้โผล่ให้เห็นนั้น เป็นสัญญาณเตือนว่า
จะเกิดความเคลื่อนไหวรุนแรงใต้ทะเล หรือเหตุแผ่นดินไหว เพราะ
ปลาพวกนี้อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกกว่า 3,000 ฟุต

แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่า การปรากฏของปลาจะทำให้แผ่นดินไหวจริง

ขณะนี้เจ้าแห่งปลาเฮอร์ริ่งตัวดังกล่าว ถูกแช่แข็งและจัดโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็น
ที่เรียบร้อย รวมถึงอาจจะนำมาโชว์ในนิทรรศการสัตว์ประหลาดในท้องทะเลในปลายนี้ด้วย

งง งง งง งง งง งง

นำข่าวมาเก็บไว้ และ ให้พวกเราได้ดูด้วย

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #507 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 20:57:40 »

ไหนๆ หมอสำเริงก็เล่าเรื่อง " ปลา " ให้ฟังแล้ว  พี่ขอเลาเรื่องปลาๆ ต่ออีก 2 เรื่อง  ให้ครบ " สามใบเถา " เลยละกัน !

Pink DOLPHIN .... awesome !‏

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

Think pink ... you're not seeing the world through rose-colored glasses : This albino dolphin is pink.



Unique ... the bottlenose - first spotted in Lake Calcasieu, an inland saltwater estuary in Louisiana, by boat captain Erik Rue, 42, in 2007 - has surfaced again.



Attraction ... tourists are flocking to the lake in hopes of seeing the rare mammal.



Rare sight ... " Pinky " is believed to be the only pink dolphin in the world, and has " reddish " eyes. It is usually spotted with its dark grey mother.



One of a kind ... there are only 14 other known albino dolphins in the world, all of them white.



Healthy glow ... " The dolphin appears to be healthy and normal other than its coloration, which is quite beautiful and stunningly pink," said Mr Rue, who estimates he has spotted Pinky more than 40 times.




      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #508 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 22:58:46 »

กว่าจะมาเป็นอาหารอร่อย ราคาแสนแพง  ... คาเวียร์ ( Caviar )

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

คาเวียร์ แปลว่า ไข่ปลา  มาจากท้องปลา Sturgeon












































      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #509 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 00:16:06 »

คาเวียร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C


 
คาเวียร์สีดำบรรจุในกระป๋องคาเวียร์ หรือบางทีเรียก ไข่ปลาคาเวียร์ ( caviar ) เป็นไข่ปลาที่ผ่านการปรุงรส  โดยได้มาจากปลาหลากหลายประเภท  โดยส่วนมากนิยมนำมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน  คาเวียร์ได้มีการโฆษณา และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก  คำว่า คาเวียร์ มาจากภาษาเปอร์เซีย ว่า خاگ‌آور ( Khag-avar ) ซึ่งมีความหมายว่า " ไข่ปลาที่ปรุงรส "  โดยในแถบเปอร์เซียจะใช้ปลาสเตอร์เจียน

ในปัจจุบัน คาเวียร์ที่มีชื่อเสียงจะมาจากฝั่งทะเลแคสเปียน ในแถบอาเซอร์ไบจัน อิหร่าน และ รัสเซีย  คาเวียร์มีหลายประเภท และหลายสี  โดยคาเวียร์สีทอง ที่มาจากปลาสเตอร์เลต ( sterlet, ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acipenser ruthenus ) เป็นคาเวียร์ที่หายาก  นิยมรับประทานกันในหมู่กษัตริย์  โดยในปัจจุบันคาเวียร์ชนิดนี้แทบจะหาไม่ได้  เนื่องจากมีการล่ามากจนเกินไป  และทำให้เกิดการสูญพันธุ์


คาเวียร์ - ไข่ที่แพงที่สุดในโลก ( Most expensive caviar )

จาก :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:qzu8v4EPBnIJ:wowboom.blogspot.com/2009/04/most-expensive-caviar-eggs.html+%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th



คงไม่มีไข่ของสัตว์อะไรที่นำมาทำอาหาร แพงไปกว่าคาเวียร์ ยี่ห้อ " Almas " แปลว่า เพชร ที่ผลิตจากปลา Beluga Sturgeon ที่จับได้จากทะเลแคสเปียน ( Caspian Sea ) จากประเทศอิหร่าน ( Iran )

Almas เป็นไข่ปลาคาเวียร์สีเหลืองสุกสว่าง จำนวนน้อยที่จะพบปนในไข่ปลาคาเวียร์สีดำ ที่ผลิตจากประเทศอิหร่าน  มีวางจำหน่ายเพียงในร้าน Caviar House & Prunier ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ  โดย Almas จะบรรจุในตลับทองคำ 24 กะรัต  ขายตลับละ 768,000 บาท ( หรือ 24,000 USD )  โดยทั่วไปแล้วไข่ปลาคาเวียร์บีลูก้า ( Beluga caviar ) จะมีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว ( pea-sized ) และมีสีเทา  สีอ่อนหายาก  สียิ่งอ่อนจึงยิ่งมีราคาแพง  ไข่ปลาคาเวียร์ของ Almas จะเป็นสีเหลืองสุกสว่าง ( lighter color ) จึงมีราคาแพงมาก


และ  http://most-expensive.net/caviar-world

Most Expensive Caviar in the World

( Written by : tom Filed Under : Food, Luxury, World on January 2nd, 2007 by, Hunter Davis )

The word ‘Almas’ means diamond, a fitting name for the world’s most expensive caviar. This Beluga caviar is white in appearance. The most expensive caviar comes from the Beluga Sturgeon, native to the Caspian Sea. Generally, the lighter the color of Beluga caviar the older the fish is. The word caviar comes from the Persian word “Khag-avar,” meaning “the roe-generator.” In Medieval Russia, caviar was a peasant food, but by the time Shakespeare wrote the famous, “twas caviary to the general,” caviar had gained its association with connoisseurship and luxury. An important fact about caviar is that the older the fish, the more elegant and exquisite is the flavor.

Almas caviar comes from Iran making it extremely rare and extremely expensive. The only known outlet is the Caviar House & Prunier in London England’s Picadilly that sells a kilo of the expensive Almas caviar in a 24-karat gold tin for £16,000, or about $25,000. Coincidentally, it is also where you can find the most expensive meal in Britain. The Caviar House also sells a £800 tin for those on a smaller budget.

Beluga caviar is composed of pea-sized, gray eggs. In general, the lighter the color, the more expensive it is. The grades are: 0 (darkest color), 00 (medium toned), and 000 (lightest color). The 000 grade is the most expensive and is sometimes referred to as “royal caviar”. In terms of texture, royal caviar is often described as rich and silky.

All caviar has an extremely short shelf life, so if you’re able to afford it, make sure you eat it all !



เกร็ดความรู้เรื่องคาเวียร์

1. คาเวียร์หมดอายุเร็ว  ถึงแม้คุณจะมีปัญญาซื้อ  ก็ควรแน่ใจว่าจะต้องกินให้ทันก่อนหมดอายุ

2. คาเวียร์แบ่งได้เป็น 3 เกรด  เกรด O ( สีเข้ม darkest color )  เกรด OO ( สีเข้มปานกลาง medium toned ) และเกรด OOO ( สีอ่อนที่สุด lightest color ) ซึ่งแพงที่สุด จัดเป็น royal caviar

3. คาเวียร์ ไม่ได้ผลิตจากปลาคาเวียร์  แต่คำว่าคาเวียร์เป็นชื่อเรีัยกรวม  หมายถึงไข่ปลาแซลมอน และไข่ปลาสเตอร์เจียน ที่ผ่านการแช่ในน้ำเกลือ

ปลาแซลมอน ( Salmon ) ให้คาเวียร์สีแดง ... ปลาสเตอร์เจียน ( Sturgeon ) ให้คาเวียร์สีดำ


ปลาบีลูก้า สเตอร์เจียน ที่ให้คาเวียร์สีดำ และสีเหลืองเกรด OOO


ปลาแซลมอน ที่ให้คาเวียร์สีแดง

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #510 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 00:52:18 »

ปลาสเตอร์เจียน ( Sturgeon )

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99

สเตอร์เจียนขาวขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ยาวกว่า 10 ฟุต หนักกว่า 222 กิโลกรัม ที่ถูกจับได้ในแม่น้ำในแคนาดา


ปลาสเตอร์เจียน ( Sturgeon ) ปลากระดูกแข็งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในอันดับปลาฉลามปากเป็ด หรืออันดับปลาสเตอร์เจียน ( Acipenseriformes )  อาศัยอยู่ได้ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และทะเล  เมื่อยังเล็กจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด  ทะเลสาบ หรือตามปากแม่น้ำ  แต่เมื่อโตขึ้นจะว่ายอพยพสลงสู่ทะเลใหญ่  และเมื่อถึงฤดูวางไข่ก็จะว่ายกลับมาวางไข่ในแหล่งน้ำจืด

สเตอร์เจียน เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ปลา ที่เรียกว่า คาเวียร์ ( Caviar )  นับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

สเตอร์เจียน มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม  มีหนามแหลมสั้นๆ บริเวณหลัง และเส้นข้างลำตัว ( Llateral line)   มีหนวด 2 คู่อยู่บริเวณปลายจมูก  ปลายหัวแหลม  มีปากอยู่ใต้ลำตัว  หากินตามพื้นน้ำโดยอาหาร ได้แก่  สัตว์น้ำขนาดเล็กต่าง ๆ  สเตอร์เจียนจะพบแต่เฉพาะซีกโลกทางเหนือซึ่งเป็นเขตหนาวเท่านั้น ได้แก่ ทวีปเอเชียตอนเหนือ  ทวีปยุโรปตอนเหนือ  ทวีปอเมริกาเหนือตอนเหนือ  สถานะปัจจุบันของปลาชนิดนี้ในธรรมชาติใกล้สูญพันธุ์เต็มที  แต่ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในบางชนิด

สเตอร์เจียน มีทั้งหมด 27 ชนิด ใน 3 สกุล โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ สเตอร์เจียนขาว ( Huso huso ) พบในรัสเซีย  สามารถโตเต็มที่ได้ถึง 5 เมตร หนักกว่า 900 กิโลกรัม  และมีอายุยืนยาวถึง 210 ปี  นับเป็นปลาที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก  เท่าที่มีการบันทึกมา  และเป็นชนิดที่ให้ไข่รสชาติดีที่สุดและแพงที่สุดด้วย  ส่วนชนิดที่เล็กที่สุดคือ  สเตอร์เจียนแคระ ( Pseudoscaphirhynchus hermanni ) ที่โตเต็มที่มีขนาดไม่ถึง 1 ฟุตเสียด้วยซ้ำ

นอกจากนี้แล้ว สเตอร์เจียนยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย


และจาก  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=lekkykenny



ปลาเสตอร์เจี้ยนนี้ จะพบได้ตามชายฝั่งทะเลของยุโรปตอนเหนือ และทวีปอเมริกาเหนือ  ปลาชนิดนี้จะเข้ามาผสมพันธุ์ และถือกำเนิดในแหล่งน้ำจืด เมื่อโตพอควรก็จะอพยพไปอาศัย และเติบโตในทะเล  ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยพบยาวกว่า 11 ฟุต น้ำหนักกว่า 400 กิโลกรัม  เป็นปลาที่มีอายุยืนมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก  มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าปลาบางตัวมีอายุยืนยาวกว่า 100 ปี ( ข้อมูลนี้อ้างอิงจากหนังสือ THE GUINNESS BOOK OF ANIMAL FACTS AND FEATS )

ปลาสเตอร์เจี้ยนจัดได้ว่าเป็นปลาดึกดำบรรพ์พวกหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมากว่า 200 ล้านปี  ซึ่งปลาในทุกวันนี้ก็มีรูปร่างคล้ายคลึงกับบรรพบุรุษ  มีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก



ปลาสเตอร์เจี้ยนมีรูปร่างหนาตัวยาวเรียว  มีเกล็ดซึ่งเรียงกันเป็นหนามอยู่ 5 แถว ทำให้ลำตัวเป็นเหลี่ยม  ส่วนหัวขนาดใหญ่ค่อนข้างยาวแบนลง  ส่วนปลายสุดค่อนข้างแหลมงอนขึ้นเล็กน้อย  มีลักษณะคล้ายพลั่วตักดิน  ตามีขนาดเล็กสีดำกลมกลืนกับสีลำตัว  ที่ด้านหน้าตอนใต้ของตามีช่องเปิด 2 ช่อง  ช่วยในการหายใจ และดมกลิ่น  ปากอยู่ด้านใต้ที่ส่วนหน้าของปากมีหนวด 4 เส้น  ซึ่งเป็นประสาทสัมผัสที่ไวมาก  ปากสามารถยืดหดออกมาเพื่อดูดอาหาร  มีครีบ 7 ครีบ  ครีบหลังอยู่ค่อนไปทางโคนหางมีขนาดเล็ก  หน้าครีบหลังมีแถวหนามเรียงกัน  โดยเริ่มตั้งแต่ด้านหลังส่วนหัวเป็นต้นไป  ครีบหางเป็นแฉกเว้ายาวไม่เท่ากัน  ครีบหางตอนบนจะยื่นยาวออกไปมากกว่าครีบหางตอนล่างซึ่งสั้นมาก  ลักษณะคล้ายหางของปลาฉลาม  ครีบท้องและครีบก้นอยู่ค่อนมาทางตอนท้ายของลำตัว  สีลำตัวเป็นสีเทาเข็ม หรือสีดำ  ส่วนใต้ท้องมีสีขาวจาง  ไข่ของปลาชนิดนี้เป็นเม็ดสีคล้ำ  เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ " ไข่ปลาคาเวียร์  "





      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #511 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 12:38:04 »

ข่าวดี ! ลดหย่อนภาษีได้ หากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา



หน้า ๗๕

เล่ม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีเงินได้ ( ฉบับที่ ๑๘๐  )

เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้
จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร
ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘๗) พ.ศ. ๒๕๕๒ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มา
ซึ่งทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ต้องซื้อทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน
ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกำหนด
ซึ่งกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้รับรองว่า เป็นวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร
ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน โดยเป็นค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริงตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และต้องมีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานในการซื้อ
ทรัพย์สินดังกล่าว  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดทำรายงานแสดงรายละเอียดการซื้อวัสดุ
อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน โดยต้องมีรายการและข้อความอย่างน้อย
ตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ และเก็บรักษารายงานดังกล่าวรวมทั้งเอกสารประกอบกับการลงรายการ
ในรายงานไว้ ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้

ข้อ ๒ ในกรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
ต้องเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งต้องเสีย
ภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๘ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดาคำนวณหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร

หน้า ๗๖

เล่ม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒

การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
นำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อได้หักตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว

ข้อ ๓ ในกรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน
จำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้ว แต่ปฏิบัติไม่เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย
การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘๗) พ.ศ. ๒๕๕๒ และตามข้อ ๑ และข้อ ๒ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้
ดังกล่าว ไม่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และต้องนำเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้ว ไปรวม
เป็นเงินได้ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือไปรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ
เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นั้น ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้
เพิ่มเติมของปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นั้น ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้
ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร

ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒

วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #512 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 12:36:08 »

" สัตว์เลี้ยงแสนรัก " บ่งบอกนิสัย

จาก  :  http://www.jobbkk.com/th/relax/webboard/viewtopic.php?id=14380

แมว: ถ้ารักแมวเป็นชีวิตจิตใจ  ลักษณะนิสัยจะเป็นคนทีรักอิสระเสรี รักตัวเอง  ตามใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง  เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง  มักจะไม่ชอบอยู่ใต้การบงการของใคร  บางครั้งดูเป็นคนหยิ่งจนน่าหมั่นไส้  เป็นคนช่างเอาอกเอาใจ ขี้อ้อน ( เมื่อ อารมณ์ดีหรือเมื่อต้องการสิ่งใด )  เป็น คนทำงานมีระเบียบเรียบร้อย พิถีพิถัน มีรสนิยมดี  เครื่องประดับหรือของใช้มักจะต้องมีแบรนด์เนม  หรือถ้าไม่ใช่ก็ต้องมีคุณภาพดีไว้ก่อน  บางครั้งคนที่ไม่สนิทอาจมองว่าเป็นคนไม่ค่อยจริงใจ  เนื่องมาจากความรักอิสระและความเป็นตัวของตัวเอง

สุนัข : ไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่บ้าน หรือที่ไหนก็ขอเข้าไปลูบหัว ลูบหางเล่นกับมันสักหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็จะบ่งบอกถึงความรักที่จริงใจ  รักเพื่อนพ้อง  มีน้ำใจโอบอ้อมอารี  เต็มใจช่วยผู้ที่เดือดร้อน  เป็นคนรักความเป็นธรรมดั่งท่านเปา  ซื่อสัตย์สุจริต  เป็นคนไม่ย่อท้อ หรืออ่อนแอต่ออุปสรรคต่างๆ ง่ายๆ  กล้าเผชิญกับปัญหาต่างๆ  ข้อเสีย คือ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย  เพราะความไม่รู้จักยืดหยุ่นนั่นเอง

ปลา : ใครที่ชอบเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้  บ่งบอกว่าเป็นคนโรแมนติก ช่างฝัน  เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์  สืบเนื่องมาจากการชอบนำความคิดของตัวเองมาจัดตู้ปลาอยู่บ่อยๆ  เป็นคนสุภาพเรียบร้อย อาจถึงขั้นขี้อาย  โกรธง่ายแต่หายเร็ว  เป็นคนไม่ทะเยอทะยานมากนัก  มักมองโลกในแง่ดี  แต่เห็นน่ารักๆ อย่างนี้เถอะ  เวลาจะร้ายก็ร้ายนัก  ช่างประชดประชันก็ต้องยกให้ที่หนึ่ง  ก้าวร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อโมโห

หนู : บ่งบอกได้ถึงความฉลาดเฉลียว  ปรับตัวง่าย  มีมนุษย์สัมพันธ์เยี่ยม  ไหวพริบเป็นเลิศ  มักเป็นคนพูดน้อย  ขยัน  รักความก้าวหน้า  มีความกระตือรือร้นในสิ่งที่ตนกำลังกระทำเป็นอย่างดี  เป็นคนขี้ระแวง  ไม่มองโลกด้านเดียว  รักอิสระ  ประหยัดอดออม  ชอบดูแลงานบ้านงานเรือน  ตกแต่งบ้านให้น่าอยู่เสมอ  และมักจะเป็นนักจอมวางแผน  ไม่ว่าการใดมักจะวางแผนล่วงหน้าเสมอ

นก : สำหรับคนรักนก  เป็นคนรักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด  ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ชอบการผูกมัดหรือการอยู่กับที่ หรือทำอะไรแบบเดิมนานๆ  เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว  มีความกระตือรือร้น  เป็นคนรักสวยรักงาม  ข้อเสียของ คือ ขี้หงุดหงิด  จู้จี้  ขี้บ่น  เบื่อง่าย  ไม่เก็บอารมณ์

กระต่าย : เป็นคนประเภทคมในฝัก  ข้างนอกขรุขระข้างในสุกใส  ประมาณนั้น  เป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม  พลิกแพลงสถานการณ์เก่ง  จึงสามารถเอาตัวรอดได้ดี  เป็นคนสุภาพ อ่อนโยน  รักสวยรักงาม  รักความสะดวกสบาย  คล่องแคล่วว่องไว  เป็นคนมีจิตใจมั่นคง  โรแมนติก
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #513 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 00:36:26 »

Bangkok BRT เปิดซิงวันนี้แล้วจ้า เสาร์ที่ 29 พ.ค. 2553

ที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังไว้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2553  ในหน้า 20  เรื่อง " รถโดยสารด่วนพิเศษ ของกรุงเทพมหานคร " ว่า ...

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:20:02
รถเมล์ไทยในอนาคต ... น่าทึ่งจริงๆ

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา



Wow !  ฝันจะเป็นจริงเมื่อไหร่เนี่ย ? ... จะทันได้ใช้ในชาตินี้มั้ย ?  ตื่นเต้น  ตื่นเต้น !

พอ 4 เดือนให้หลัง ( ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า ตอนบ่ายๆ )  พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ก็มีโอกาสได้ใช้บริการ Bangkok BRT ( Bangkok Bus Rapid Transit ) เป็นครั้งแรกในวันนี้เอง  โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 น. ถึง 24.00 น. ทุกวัน  ทดลองวิ่งให้โดยสาร ฟรี 3 เดือน ( ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม 53 )  จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร 10 บาท ตลอดสาย ตั้งแต่เดือนกันยายน จนถึงสิ้นปีนี้  ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2554 จะเริ่มเก็บค่าโดยสารตามระยะทาง  เริ่มต้นที่ 12 บาท จนถึง 20 บาท ... กทม. บอกว่าว่ารถเมล์ BRT จุผู้โดยสารได้ 80 คน  ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางลงให้เหลือน้อยกว่าขับรถส่วนตัวถึง 1 - 1.5 เท่า  คือเดิมในชั่วโมงเร่งด่วน  รถวิ่งได้ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  แต่รถเมล์ BRT จะวิ่งได้ 16-20 ก.ม./ช.ม. บนทางที่จัดให้วิ่งเฉพาะ  ซึ่งชิดเกาะกลางถนน

วันนี้มีชาว กทม. ไปทดลองใช้บริการกันแน่นขนัด ทุกเที่ยวเมล์  โดยพากันไป shopping ที่ถนนคนเดิน สีลม น่ะเอง  วันแรกเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถเมล์ BRT  เพราะรถเก๋งวิ่งสวนเข้ามาในเส้นทางพิเศษ  เนื่องจากไม่รู้ ( คุณตำรวจจราจรน่าจะยืนประชาสัมพันธ์ ประจำจุดซัก 1 สัปดาห์  และ/หรือทำเครื่องหมายบอกไว้ นะคะ - ผู้โพสต์ )

แถมไปค้นเจอข่าวใน " ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ " ฉบับวันที่ 2 เมษายน 2553 ( เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว )  เสนอข่าวเรื่องนี้ ไว้ดังนี้

กทม. เตรียมเปิดซิง BRT ช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ เอาใจคนกรุงขึ้นฟรี 3 เดือน

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1270193990&grpid=00&catid=no

กทม. ดีเดย์ 15 พ.ค. เปิดใช้รถบีอาร์ทีสายแรก ( อ้าว !  เปิดจริงๆ ล่าช้ากว่าแผนงานไป 2 สัปดาห์นี่นา - ผู้โพสต์ ) ช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ระยะทางเกือบ 16 กิโลเมตร รวม 12 สถานี  พร้อมเร่งทำพีอาร์ เปิดให้ขึ้นฟรี 3เดือน  คาดคนใช้บริการ 3 หมื่นคน/วัน  หลัง1ก.ย. เก็บค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย  มั่นใจช่วยลดเวลาเดินทางเร็วกว่าปกติ 1 เท่า

ยังไม่รู้ว่าเมื่อเปิดให้บริการจริงจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้หรือไม่  แต่โครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ ( BRT ) สายแรก  ช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ โปรเจ็กต์หาเสียงของ ′อภิรักษ์ โกษะโยธิน′ อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ( กทม. ) จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกทอดมาถึง ′ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร′ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน ก็ใกล้จะดีเดย์เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว



ด้วยความใหม่ของระบบที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย  จึงไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย  ทั้งเรื่องการจราจรที่กองบังคับการตำรวจจราจรยังกังขาว่า จะช่วยคลี่คลายปัญหา หรือทำให้รถติดมากขึ้น  เพราะต้องกันช่องจราจรไว้เป็นเลนพิเศษสำหรับให้รถบีอาร์ทีวิ่ง  ดังนั้นเมื่อโครงการเปิดใช้  จะทำให้ถนนในเส้นทางหายไป 2 ช่องจราจร  จาก 8 ช่อง เหลือ 6 ช่อง  แถมตลอดเส้นทางมีสัญญาณไฟ 4 แยก เป็นอุปสรรค  ทำให้รถบีอาร์ทีวิ่งได้ไม่ฉิวอย่างที่คิด  ไล่ไปตั้งแต่แยกถนนจันทน์  แยกถนนรัชดาภิเษก สามแยกพระรามที่ 3  และสี่แยกราชพฤกษ์  ซึ่งปัญหาดังกล่าว กทม. ก็มีความกังวลใจอยู่ลึกๆ เช่นกัน  จึงปรับประมาณการผู้โดยสารจาก 5 หมื่นคน/วัน เหลือ 3 หมื่นคน/วัน  พร้อมกับลดจำนวนรถโดยสารจาก 45 คัน เหลือ 25 คัน

ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร  วันที่ 15 พฤษภาคมนี้คนกรุงก็จะได้ยลโฉม และสัมผัสรถบีอาร์ทีสายใหม่แกะกล่องเป็นครั้งแรก  ตามคำมั่นสัญญาของ′ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์′ แน่นอน



@ระยะทาง 15.9 ก.ม. มี 12 สถานี

เส้นทางรถเมล์บีอาร์ทีสายแรกระยะทาง 15.9 กิโลเมตร  เริ่มต้นจากถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บริเวณสี่แยกนราทร  ผ่านสี่แยกถนนจันทน์ สี่แยกรัชดาภิเษก-พระรามที่ 3 เลี้ยวขวาที่สี่แยกนราธิวาสฯ-พระรามที่ 3 เข้าสู่ถนนพระรามที่ 3  ขึ้นสะพานข้ามแยกสาธุประดิษฐ์, แยกสะพานพระราม 9 และแยกถนนเจริญราษฎร์



ก่อนขึ้นสะพานพระราม 3  ข้ามสี่แยกถนนตก แม่น้ำเจ้าพระยา  ข้ามสี่แยกบุคคโล และสี่แยกมไหสวรรย์  เข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ  สิ้นสุดที่ถนนราชพฤกษ์  บริเวณใต้สะพานข้ามสี่แยกรัชดาภิเษก-ตลาดพลู  ฝั่งห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ

มีทั้งหมด 12 สถานี คือ  1. สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี  2. สถานีอาคารสงเคราะห์  3. สถานีเทคนิคกรุงเทพ อยู่หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ  4. สถานีถนนจันทน์ ใกล้วัดโพธิ์แมนคุณาราม  5. สถานีนราราม 3 หน้าโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง  6. สถานีวัดด่าน  7. สถานีวัดปริวาศ ใกล้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม  8. สถานีวัดดอกไม้  9. สถานีสะพานพระราม 9  10. สถานีเจริญราษฎร์  หน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์มาร์ท พระราม 3  11. สถานีสะพานพระราม 3 หน้าสำนักงานเขตบางคอแหลม และ 12. สถานีรถไฟฟ้ารัชดา-ราชพฤกษ์

จะมีลานจอดรถบริเวณใต้สะพานข้ามแยกรัชดา-ตลาดพลู  และในอนาคตจะเชื่อมต่อกับบีทีเอสตากสิน-บางหว้า

ทุ่ม 20 ล้านบาท โปรโมตดึงคน 3 หมื่นคน/วัน

เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ใช้บริการ ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้คือ 3 หมื่นคน/วัน  งานนี้ กทม.ยอมทุ่มงบประมาณ 20 ล้านบาท ประชาสัมพันธ์โครงการทุกรูปแบบ  ทั้งสื่อกลางแจ้ง  ขึ้นคัตเอาต์  สื่อทีวี  วิทยุ  หนังสือพิมพ์  เพื่อให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความคุ้นเคย  

ล่าสุด ′ธีระชน มโนมัยพิบูลย์′ รองผู้ว่าฯ กทม.ที่ดูแลโปรเจ็กต์โดยตรง  เริ่มคิกออฟแผนประชาสัมพันธ์แล้ว  ประเดิมที่โรงเรียนวัดดอกไม้  เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา  โดยจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการแก่ประชาชนในพื้นที่  ถัดมาวันที่ 2 เมษายนจะเปิดงาน ′ชาวกรุงเทพฯ กับการเดินทางในทศวรรษหน้า′ ที่โรงแรมอิสติน  ต่อด้วยคิวเปิดตัวรถต้นแบบในวันที่ 28 เมษายน และวันที่  9 พฤษภาคมจะทดลองเดินรถเป็นครั้งแรก  ก่อนเปิดบริการอย่างไม่เป็นทางการ 15 พฤษภาคมนิ้
 
@ให้บริการฟรี 3 เดือน

รองผู้ว่าฯ ธีระชนบอกว่า  ช่วงแรก กทม. จะให้บริการรถเมล์บีอาร์ที ฟรี 3 เดือน  ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม- 31 สิงหาคม 2553  จากนั้นเมื่อคนกรุงเทพฯ เริ่มคุ้นเคยแล้ว  วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นไปจะเก็บค่าบริการ 10 บาทตลอดสาย  ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2554  เมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 2 มกราคม 2554 จัดเก็บค่าโดยสารตามระยะทางเริ่มต้น 12 บาท สูงสุด 20 บาท

′ หลังบีอาร์ทีเปิดใช้จะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น จากต้นทางไปปลายทางใช้เวลา 30 นาที เร็วกว่าปกติ 1 เท่าตัว ใจจริงอยากให้วิ่งฉลุยรวดเดียวเหมือนรถไฟฟ้า แต่สภาพถนนพระรามที่ 3 ที่มีหลายแยก  จึงต้องรอสัญญาณไฟ  แต่ประสานงานกับตำรวจจราจรแล้ว  ให้หยุดรอประมาณ 300 วินาที ′

รองผู้ว่าฯ กทม.บอกว่า ภายในรถจะมีการติดตั้งระบบขนส่งอัจฉริยะ หรือ ITS ระบบควบคุมการเดินรถ  ระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจร  ระบบข้อมูลสำหรับผู้โดยสาร และระบบการเดินรถ ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรให้รู้ว่ารถบีอาร์ทีกำลังจะวิ่งไปถึงทางแยก  เพื่อจะได้ให้สัญญาณไฟเขียวเร็วขึ้น  ซึ่งส่วนนี้ต้องปรับปรุงไปเรื่อย ๆ

งานก่อสร้างโดยรวมคืบหน้า 87%

ขณะที่ กทม.เริ่มนับถอยหลังเปิดใช้บริการ  เพราะเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษ  ภาพรวมงานการก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 87%  งานสถานีที่ 2-11 งานโครงสร้างโยธาคืบหน้า 99%  งานสถาปัตยกรรม 96%  จะแล้วเสร็จวันที่ 30 มีนาคม  งานก่อสร้างสถานีที่ 1 และ 12  งานโครงสร้างโยธา 75% งานสถาปัตยกรรม 60%  กำหนดแล้วเสร็จ 30 เมษายนนี้

ส่วนงานปรับปรุงผิวการจราจร และเครื่องหมายจราจรในเส้นทางคืบหน้า 20%  จะแล้วเสร็จพร้อมติดตั้งคันกั้นเลนภายในวันที่ 1 พฤษภาคม งานอู่จอดซ่อมบำรุง ( รวมสถานีเติมก๊าซ )  และศูนย์ควบคุมกลางคืบหน้า 30%  กำหนดแล้วเสร็จพร้อมต่อการเปิดเดินรถวันที่ 15 พฤษภาคม

งานปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก  คนพิการหรือทุพพลภาพ และคนชรากำลังจัดหาผู้รับจ้าง  จะลงนามในสัญญาภายในกลางเดือนเมษายนนี้  แล้วเสร็จวันที่ 1 กันยายน 2553  และงานก่อสร้างจุดเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณแยกนราธิวาส-สาทร เป็น Sky Walk เชื่อมกับบีทีเอส ที่สถานีช่องนนทรี คืบหน้า 25%  แล้วเสร็จวันที่ 1 กันยายน 2553 พร้อม  การเปิดบริการเต็มรูปแบบพอดี

ขณะที่งานจัดหาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ ( AFC ) อยู่ระหว่างจัดหาระบบ  ตั๋วโดยสารอัตโนมัติ มี 3 รายที่เสนอตัว คือ ′ สิงคโปร์เทค-ยูเทล-ทาลาส ′ จะลงนามในสัญญาจ้างวันที่ 10 เมษายนนี้  หากได้ " สิงคโปร์เทค " เจ้าเดียวกับที่บีทีเอสใช้บริการ ในวันที่ 1 กันยายน  อาจจะได้ใช้ระบบตั๋วอัตโนมัติร่วมรถไฟฟ้า บีทีเอส เป็นครั้งแรก

รถผลิตจากจีน-เครื่องเมดอิน USA

ส่วนการจัดหารถโดยสาร ′ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ′ หรือบีทีเอสซี ที่ได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ให้เป็นผู้จัดหาวงเงิน 535 ล้านบาท  โดยให้เดินรถ 7 ปี  ล็อตแรกรถป้ายแดง 10 คัน จากประเทศจีนมาถึงวันที่ 24 เมษายนนี้  ส่วนที่เหลืออีก 15 วัน จะตามมาวันที่ 1 พฤษภาคม  

รูปโฉมบอดี้เป็นสีเหลืองคาดเขียวผลิตจากจีน แต่เครื่องผลิตจากอเมริกา  การันตีตรงกับสเป็กที่ กทม.กำหนด 100%  เป็นรถตอนเดียวความยาว 12 เมตร  พื้นแบบ High Floor  ประตูขวา 1 ประตู  ประตูซ้าย 1 ประตู  ความกว้าง 1.5 เมตร  จุผู้โดยสารได้ 80 คน/คัน  เครื่องยนต์ NGV ใช้ก๊าซธรรมชาติมาตรฐานยูโรทรี

หากสายแรกผ่านฉลุย สายที่ 2 หมอชิต-ศูนย์ราชการ-เมืองทองธานี    คงจะตามมาเร็วขึ้น

Yeh !  วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ออกวิ่งให้บริการเป็นวันแรกแล้ว จ้า ...
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #514 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 11:44:10 »

from twitter


...
หนูเจี๊ยบไม่ใส่ใจไปเปิดการแสดงบ้างเหรอครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #515 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 13:34:28 »

จ๊าก !  พี่ป๋อง เที่ยวแซวน้อง แซวนุ่ง นะ ... ขืนไปแสดงจริงๆ  ใครเค้าจะมายืนดูล่ะคะ ?
พอเค้าปลงอนิจจังเสร็จ ก็เดินไปดูอย่างอื่นต่อดีกว่า ... ha  ha  ha !





ยังไงๆ คุณป้าก็แสดงคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ... โน่น !  ต้องไปอ้อนคุณลุงจ๋าย-ท่านผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟผ. ให้มาแสดงด้วย ...
เห็นๆ อยู่ว่า impossible !  sure.
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #516 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 17:58:04 »

เหลืองคน แดงคน ทันสมัยซะไม่มีอ๊ะ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #517 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553, 14:57:33 »



       ช่าย....และอีตอนจบ ก็ต้องมารับดอกไม้จากสีชมพู ( คิ๊กๆ ๆ ๆ )
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #518 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553, 20:40:41 »

               อายจัง


Top Ten สัตว์ที่อายุยืน น น น น น ...

โสภินันท์ - ครุ 16 ... ส่งมา

อันดับ 10  :  กุ้งมังกร Lobster   อายุขัย 140 ปี


กุ้งมังกร เป็นสัตว์เศรษฐกิจอาหารทะเลส่งออก  โดยทั่วโลกจัดให้เป็นอาหารมีราคาสูง  ในบรรดากุ้งมังกรด้วยกันดูเหมือนว่า จอร์จ จะถูกพูดถึงมากที่สุด จอร์จถูกจับขึ้นมาจากชายฝั่งนิวฟาวแลนด์ในเดือนธันวาคม ปี 2008  และถูกนำไปขายยังภัตตาคารอาหารทะเลด้วยราคา 100 เหรียญ  แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ยักษ์ของมัน  ทางภัตตาคารจึงตัดสินใจไม่นำมันมาปรุงเป็นอาหาร  แต่ปล่อยมันไว้ในตู้ให้ลูกค้าดู และถ่ายรูปเล่น  ซึ่งสิบวันต่อมา  ลูกค้าจำนวนหนึ่งได้แจ้งไปยังศูนย์คุ้มครองสัตว์  เพื่อทำเรื่องขอให้ปล่อยจอร์จกลับทะเล  ซึ่งในตอนแรกทางภัตตาคารไม่ยอม  แต่ในที่สุดแล้วเจ้าของภัตตาคารก็ใจอ่อนยอมปล่อยมันไป  ซึ่งมันถูกปล่อยในเขตคุ้มครองสัตว์น้ำเพื่อไม่ให้ใครจับมันได้อีก  ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าจอร์จน่าจะเกิดราวปี 1869  รวมอายุได้ 140 ปี

อันดับ 9  :  หอยกูอี้ดั๊ก Geoduck   อายุขัย 160 ปี


ด้วยหน้าตาอันเฉพาะตัวของมัน  คนไทยจึงนิยมเรียกมันว่า " หอยจู๋ " แต่แท้จริงแล้วมันคือหอยกูอี้ดั๊ก อย่างไรก็ดี duck ตัวนี้ไม่ได้แปลว่า เป็ด แต่แปลว่า ขุด ซึ่งคำนี้มาจากภาษาพื้นเมืองอเมริกัน แปลว่า ขุดลึก ทั้งนี้เพราะตามธรรมชาติ หอยชนิดนี้มันจะอยู่ในทรายที่น้ำท่วม ถึงตามริมฝั่ง โดยฝังตัวลงไปในทราย ยิ่งโตก็ยิ่งขุดลึกลง และยืดงวงขึ้นมาบนผิว ด้วยอายุขัยถึง 160 ปี มันจึงเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง

อันดับ 8 : หนอนท่อ Lamellibrachia   อายุขัย 170 ปี


หนอนท่อที่มีรูปทรงละม้ายคล้ายดอกไม้ปลอมนี้  อาศัยอยู่ในทะเลลึก และพึ่งพาแบคทีเรียสายพันธุ์หนึ่งในการผลิตอาหารดำรงชีวิต  แม้ดูว่ามันจะทำอะไรไม่ได้มากมาย  แต่เจ้าหนอนท่อสายพันธุ์นี้มีความยาวได้ถึง 3 เมตร  และมีอายุมากได้ถึง 170 ปี เลยทีเดียว

อันดับ 7 : เต่าเรเดียต้า Radiated Tortoise  อายุขัย 180 ปี


อย่างที่ทราบกันดีว่าเต่านั้นเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน  และในบรรดาเต่าด้วยกันนั้น  เต่าเรเดียต้านั้นมีอายุยืนที่สุด  เต่าเรเดียต้านั้นจัดเป็นเต่าบกที่มีสีสัน และลวดลายสวยงามมาก  มันมีถิ่นกำเนิดที่มาดากัสก้า อัฟริกา และด้วยสีสันอันสวยงามของมัน  มนุษย์จึงนิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง  เต่าเรเดียต้าที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้นชื่อว่า ตูอิมาลิลา ซึ่งกัปตันคุกได้นำมันไปถวายกษัตริย์แห่งตองกาเมื่อราวปี ค.ศ.1777  ตูอิมาลิลามีชีวิตอยู่เรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ.1965  ซึ่งหมายความว่ามันมีอายุไม่น้อยกว่า 188 ปี เลยทีเดียว

อันดับ 6 : หอยเม่นแดง Red Sea Urchin   อายุขัย 200 ปี


หอยเม่นแดงนี้พบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิค  อาศัยอยู่ตามโขดหินใต้ทะเลที่ความลึก 90 เมตร  ไม่ค่อยมีศัตรูทางธรรมชาติเท่าใดนัก  สภาวะทางธรรมชาติของมันเอื้อให้มันมีชีวิตยืนยาว  เนื่องจากการเจริญเติบโตของมันแทบจะหยุดชงักลงเมื่อมันอายุได้ 10 ปี  ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามันสามารถอายุยืนได้ถึง 200 ปีเลยทีเดียว

อันดับ 5 : วาฬ Bowhead Whale   อายุขัย 210 ปี


วาฬพันธุ์นี้ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอายุยืนที่สุดในโลก  นอกจากนี้มันยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีปากกว้างที่สุดในโลกด้วย  แม้ช่วงอายุจะยืนยาวถึง 210 ก็ตาม  แต่มันมีประชากรเพียง 24,900 ตัวทั่วโลกเท่านั้น  เนื่องมาจากการล่าของมนุษย์นั่นเอง

อันดับ 4 : ปลาคาร์ฟ Koi-โคอิ   อายุขัย 220 ปี


ปลาคาร์ฟสายพันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นจากปลาคาร์ฟญี่ปุ่น  ตามความเชื่อปลาโคอินั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรัก และ มิตรภาพ  ซึ่งปลาโคอิที่มีชื่อเสียงสุดนี้ได้แก่ " ฮานาโกะ " ที่มีอายุยืนยาวถึง 226 ปี  ฮานาโกะเกิดเมื่อปี 1751  และอยู่มาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1977
 
อันดับ 3 : หอยทะเล Arctica islandica   อายุขัย 410 ปี


หอยทะเลพันธุ์นี้ เราสามารถหาได้ไม่ยากในภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น  ด้วยความที่มันเป็นอาหารยอดนิยม  หลายคนจึงไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมีอายุยืนยาวอะไรมากมาย  แต่ผลการวิจัยสรุปออกมาว่ามันสามารถมีอายุยืนได้ถึง 410 ปีเลยทีเดียว
 
อันดับ 2 : ฟองน้ำ Cinachyra antarctica   อายุขัย 1,550 ปี


ฟองน้ำทะเลสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอนตาร์คติกในความลึกหลายร้อยเมตร  มันมีอัตราในการเติบโตที่ช้ามากๆ  จากการตรวจวิจัยพบว่ามันมีอายุขัยได้ถึง 1,550 เลยทีเดียว
 
อันดับ 1 : แมงกระพรุน Turritopsis nutricula   อายุขัย  อมตะ


Turritopsis nutricula เป็นแมงกระพรุนที่มีวงจรชีวิตแปลกประหลาดมาก  คือหลังจากที่ย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว  มันก็จะเติบโตแบบถดถอยกลับสู่วัยเด็กอีกครั้ง  ซึ่งหลังจากเป็นเด็กได้สมบูรณ์แล้ว  มันก็จะเติบโตใหม่ และก็กลับเป็นเด็กใหม่  เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งสรุปได้ว่า  ช่วงชีวิตของมันเป็น...อมตะ  ทำลายสถิติสัตว์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก ทุกสถาบัน

อ๊ะ  อ้าว !  งี้เวลาอวยพรวันเกิดให้ใคร  ก็ต้อง " ขอให้มีอายุยืนยาว อยู่นานเท่าแมงกระพรุน " อ่ะดิ !
      บันทึกการเข้า
Kittiwit Pk
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281

« ตอบ #519 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553, 21:12:49 »

Happy Turritopsis Nutricula...
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #520 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2553, 03:15:58 »

ปอกมังคุดอย่างง่ายๆ

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #521 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2553, 03:56:17 »

นาฬิกาข้อมือสุด dern ... ดูเวลาก็ยาก ... แพงก็แพง

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

































อีนี้ฉานคงจาไม่ซื้อมาใส่หรอกนะ นายจ๋า  แค่ดูเวลาก็งงจะแย่ ... สงสัยคงได้ตกรถไฟ  ตกเครื่องบิน  แหงแก๋ ... ลองนั่งศึกษาดู  ก็หมดเวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่งแระ !


      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #522 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2553, 13:02:49 »

ทางออกสังคมไทยหลังวิกฤติ 19 พฤษภาคม 53

เสวนาทางวิชาการ ประจำปี 2553 เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของการสถาปนาสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทางออกสังคมไทยหลังวิกฤติ 19 พฤษภาคม 53

จัดโดย

กลุ่มจับกระแสเอเชีย  สถาบันเอเชียศึกษา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2553  เวลา 13.00-16.00 น.

ณ ห้องประชุมจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์  ตึกประชาธิปก-รำไพพรรณี  ชั้น 4  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

        จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553  และในอีก หลายๆ ครั้งตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา  ทำให้สังคมไทยต้องเผชิญกับความขัดแย้ง และความแตกแยกของคนในสังคมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  อย่างไรก็ตามสังคมไทยยังมีจุดแข็งในหลายเรื่อง  อาทิ  ความเป็นคนไทยที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อ และรักสงบ  ความเจริญทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรอยู่มากเมื่อเปรียบเทียบกับนานาประเทศ  ดังนั้น ความหวังของสังคมไทยที่จะก้าวพ้นวิกฤตสังคมในครั้งนี้  จึงอยู่ที่การหันหน้ามาทำความเข้าใจ และร่วมกันทั้งคนในเมืองและ ชนบท  กลุ่มจับกระแสเอเชีย  สถาบันเอเชียศึกษา  จึงได้จัดการเสวนาทางวิชาการครั้งนี้  เพื่อเป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม  ของหลายภาคส่วนจากวิกฤตที่เกิดขึ้น

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

ที่มา
http://www.chula.ac.th/cuth/cic/oldnews/CU_P007411.html
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #523 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2553, 05:05:59 »

ฮั่นแน่!
ใครจิ๊กปลาทูออกมาจากครัว27,ฮึ?
จำกะทะได้นะ...
เดี๋ยวจะทอดให้เกรียมทั้งปลาทู ทั้งคนจิ๊ก



ลงชื่อ
น้องแมงกระพรุน(ไฟ)Turritopsis nutricula   
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #524 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2553, 19:06:33 »

1 กันยายน 2553  กทช. ปรับค่าโทรมือถือเท่ากันทั่วประเทศ / เริ่ม 3G / เริ่มเบอร์เดิม ระบบใหม่

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

กทช. กำหนดให้คิดค่าบริการการใช้โทรศัพท์มือถือทั้งในเครือข่าย และนอกเครือข่าย ในราคาเท่ากันทั่วประเทศ  เริ่มวันที่ 1 กันยายน 2553 นี้  ส่วนโปรโมชั่นค่าโทร. เดิมของผู้ให้บริการแต่ละรายจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 นี้



คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กทช. ) มีมติกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ คิดค่าโทร. ทั้งในเครือข่าย และนอกเครือข่ายในราคาเท่ากัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้  ซึ่งเป็นการเลื่อนจากมติเดิมที่กำหนดไว้เมื่อต้นเดือน พ.ค.

ส่วนการประกาศคงสิทธิ์หมายเลข ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการโดยใช้หมายเลขเดิมได้นั้น  จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ก.ย. 53 เช่นเดียวกัน   โดยผู้ใช้บริการทุกเครือข่ายในขณะนี้จะใช้โปรโมชั่นเดิมได้จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 53  เพื่อให้การคงสิทธิ์เลขหมายไม่เกิดความสับสน  นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการ กทช. เปิดเผยว่าจากการหารือกับผู้ประกอบการ 8 ราย  ยังมีความเห็นที่ต่างกันเกี่ยวกับการคิดค่าบริการ  ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่นาทีละ 1 บาท

ส่วนกรณีที่ผู้ให้บริการบางค่ายไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าโทรศัพท์นอกเครือข่าย และในเครือข่ายให้เท่ากัน  สามารถทำหนังสืออุทธรณ์มายัง กทช. ได้ แต่หากมีมติยืนยันเช่นเดิม  ผู้ประกอบการก็ต้องใช้ช่องทางในการเรียกร้องผ่านศาลปกครอง



ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 G  คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้  โดยจะใช้เทคโนโลยี 3.9 G ซึ่งเร็วกว่าระบบ 3 G ถึง 20 เท่า  ซึ่งการใช้ 3 G จะเกิดขึ้นได้หลังจากที่มีการประกาศใบอนุญาต  เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่ให้เรียบร้อยก่อน  โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนก.ย. 53 นี้

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #525 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2553, 10:14:48 »

ดูนิสัยคน จากเดือนเกิด

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา
 
มกราคม
 
* ทะเยอทะยาน จริงจัง อดทน
* ชอบสั่งสอน รักการเรียนรู้ ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว
* มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด เจ้าระเบียบ ทำอะไรเป็นแบบแผนขั้นตอนไม่มีนอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย
* อ่อนไหว ช่างคิดรู้วิธีทำให้คนอื่นมีความสุข
* ปกติจะเงียบขรึมถ้าไม่ได้กำลังตื่นเต้น หรือ เข้าสู่ภาวะคับขัน
* สงบเสงี่ยม กระตือรือร้น โรแมนติกแต่ไม่ค่อยยอมแสดงออกเท่าไร
* ห่วงใยใส่ใจคนอื่น แต่ไว้วางใจใครง่ายไปหน่อย
* ติดบ้าน
* ซื่อสัตย์ ขี้อาย
* ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม แถมขี้ หึงอีกต่างหาก
 
 
กุมภาพันธ์
 
* ช่างฝัน รักทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งความฝัน
* ไหวพริบปฏิภาณดี ฉลาด หากแต่บุคลิกภาพแปรปรวนไปนิด
* เจ้าอารมณ์ เงียบ ขี้อาย สุภาพ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง
* ซื่อสัตย์
* ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต
* รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด
* ขบถได้ง่ายถ้าถูกบีบคั้น แอบก้าวร้าวบ้างบางครั้ง แต่ที่จริงอ่อนไหวมาก เสียใจง่าย ! โกรธก็ง่าย
* ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ชอบคบเพื่อนฝูงใหม่ๆ น่ารักๆ
* รักกิจการงานบันเทิงทุกชนิดโรแมนติกลึกๆ แต่ไม่แสดงออก
* เชื่อถือโชคลาง
* ใช้จ่ายเงินเก่ง
 
 
มีนาคม
 
* มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น
* ขี้อาย สงบเสงี่ยม ลึกลับ
* ซื่อตรง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ รักสันติและความสงบ
* อ่อนโยน ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น
* ใจเย็น ไว้ใจได้
* เห็นค่าคนอื่น ใจดี
* เคร่งศีลธรรม แต่ติดนิสัยชอบประเมินคนอื่น
* เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังเพ้อฝัน ชอบสร้างจินตนาการ
* รักการเดินทาง
* รักการเป็นจุดสนใจ
* ใจเร็วไปนิดถ้าคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร
* ชอบตกแต่งบ้านเอง
* มีพรสวรรค์ เรื่องดนตรี รักข้าวของแปลกๆ
* ข้อควรระวังคืออารมณ์หงุดหงิดง่าย
 
 
เมษายน
 
* กระตือรือร้น ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่
* เข้มแข็งเด็ดขาด แต่กลับใจอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อกับคำขอโทษ
* ดึงดูดใจและเป็นที่รักของผู้คน ใจแข็ง
* รักการเป็นจุดสนใจ
* พูดจาฉลาดถนอมน้ำใจทุกฝ่าย
* ชอบปลอบโยน
* มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบเสนอแนะแก้ปัญหาให้คนอื่น
* กล้าหาญ ชอบผจญภัย
* สุภาพ เอื้อเฟื้อ แต่เจ้าอารมณ์ ชอบกระตุ้นทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง  และขี้หึงมากเช่นกัน
 
 
พฤษภาคม
 
* ดื้อดึง ใจแข็ง กล้าแกร่ง
* ตั้งใจมั่น แรงจูงใจสูง
* หลักแหลม
* โกรธง่าย อารมณ์แปรปรวน
* ชอบการเป็นจุดสนใจ
* นิ่ง ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก
* มีจุดยืนของตัวเอง แข็งนอก อ่อนใน
* มีอิทธิพล แต่ก็มีเสน่ห์
* ชอบปลอบโยนผู้อื่น
* มีระบบระเบียบ เพ้อฝัน ถือโชคลาง
* มีสัมผัสพิเศษ เข้าอกเข้าใจจินตนาการกว้างไกล
* รักการเดินทาง ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ชอบหยุดนิ่ง
* ทำงานหนัก ความรับผิดชอบสูง แต่สุรุ่ยสุร่ายไปหน่อย
 
 
มิถุนายน
 
* คิดการณ์ไกล หัวก้าวหน้า
* ใจอ่อนกับคนใจดี
* สุภาพ พูดจาเบามีความคิดสร้างสรรค์มากมาย
* อ่อนไหว ชอบคิดค้น เสียตรงที่ขี้ลังเล
* ไม่รักษาเวลา
* สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบเรื่องตลก
* มีทักษะดีในการโต้แย้ง ช่างพูดช่างคุย ชอบฝันกลางวัน
* เป็นมิตร รู้ว่าจะหาเพื่อนได้อย่างไร
* อดทน
* ชอบแสดงออก เสียใจง่าย ชอบแต่งตัว
* ขี้เบื่อ นานๆ จะแสดงอารมณ์ออกมาซักที ถ้าเสียใจต้องใช้เวลานานในการเยียวยา
* ชอบการบริหาร
* หัวรั้น
* ถือคติแปลกๆ ว่าใครประจบประแจงคือศัตรู  ส่วนเพื่อนแท้ต้องไม่กลัวที่จะขัดใจ
 
 
กรกฎาคม
 
* อยู่ด้วยแล้วสนุก มีเสน่ห์
* เก็บความลับได้ แต่ยากที่จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง
* เงียบถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น
* หยิ่งทะนงในตัวเอง ช่างเลือก
* มีความรับผิดชอบ ชอบปลอบโยนคนอื่น
* ซื่อตรง ซื่อสัตย์
* สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง
* มีไหวพริบ
* ใจดี ไม่ผูกใจเจ็บใคร
* ไม่ชอบเรื่องไร้สาระทั้งหลาย
* มีอิทธิพลต่อคนอื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
* อ่อนไหว ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ
* ห่วงใยใส่ใจคนอื่น ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเท่าเทียม เห็นอกเห็นใจ
* แย่ตรงที่ชอบตัดสินคนอื่นเพียงเพราะสิ่งที่สังเกตเอาเอง
* รักการเดินทาง ศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม
* เรียนดี !
* ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย
* เสียใจง่ายแถมต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย
* ทุ่มเททุกอย่างให้งาน

 
สิงหาคม
 
* ชอบเรื่องตลก
* มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยน
* ใส่ใจคนอื่น
* กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรทั้งสิ้น
* มั่นคงเด็ดเดี่ยว เป็นผู้นำเต็มตัว
* รู้ว่าต้องดูแลปลอบโยนคนอื่นอย่างไร แต่เสียตรงที่เอื้อเฟื้อเกินไป
* มั่นใจตัวเองเกินไป
* เรียกร้อง ต้องการการยกย่องนับถือ  มุ่งมั่นแรงกล้าสุดๆ  แถม โกรธง่ายเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อถูกแหย่หรือกระตุ้น
* ขี้หึง
* เคร่งศีลธรรม
* หุนหันพลันแล่น
* ความคิดอิสระไม่ค่อยเหมือนใคร
* รักทั้งการเป็นผู้นำและถูกนำ
* ช่างฝัน มีพรสวรรค์เรื่องศิลปะดนตรี และกลไกการป้องกันตัว
* อ่อนไหวเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตลอดเวลา
* โรแมนติค  รักใคร่ และห่วงใยคนอื่น
* ชอบคบหาเพื่อนฝูงใหม่ๆ
 
 
กันยายน
 
* สุภาพอ่อนโยน ประนีประนอม
* ระวังตัวแจ
* วางขั้นตอนชีวิตอย่างเป็นแบบแผน
* ชอบตอกย้ำจุดอ่อนคนอื่น
* ชอบการวิพากษ์วิจารณ์
* เยือกเย็นและสงบ
* ใจดี เห็นอกเห็นใจคนอื่น
* รอบรู้เรื่องต่างๆ
* ซื่อตรง
* ทำงานเก่ง
* อ่อนไหว
* ช่างคิด
* ความจำดี สนใจใฝ่รู้
* ชอบการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
* มีแรงจูงใจ เข้าอกเข้าใจ
* เก็บความลับอยู่
* รักกีฬากิจกรรมยามว่าง และการเดินทาง
* ไม่แสดงอารมณ์เสียจนเกือบจะเป็นคนเก็บกด
* ช่างเลือก โดยเฉพาะเรื่องแฟน

 
ตุลาคม
 
* รักการพูดคุยเป็นชีวิตจิตใจ
* รักทุกคนที่รักตัวเอง
* รักการเจาะเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่องต่างๆ
* มีเสน่ห์
* สุภาพนุ่มนวล
* จิตใจ และรูปร่างสวยงาม
* ไม่โกหกเสแสร้ง
* เห็นอกเห็นใจคนอื่น
* ให้ความสำคัญกับเพื่อน ชอบคบหาเพื่อนใหม่อยู่เรื่อย
* เสียใจง่ายก็จริง แต่ไม่ต้องห่วง  แป๊บเดียวก็หายเศร้า
* ชอบช่วยเหลือคนอื่น
* ชอบฝันกลางวัน ความคิดบรรเจิด
* มีสัมผัสพิเศษ
* รักการเดินทาง ศิลปะ และวรรณกรรม
* พูดจานุ่มนวล รักและใส่ใจคนอื่น โรแมนติก ขี้หึง
* เป็นห่วงเป็นใย รักความยุติธรรม
* เชื่อคนง่าย เพราะมองโลกสวยงาม
* สูญเสียความเชื่อมั่นง่ายมาก
 
 
พฤศจิกายน
 
* ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า
* โดดเด่นหัวไว ใส่ใจและชอบให้คำแนะนำ
* อยากรู้อยากเห็น
* รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ
* ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา
* พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี
* กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อ
* อดทน หัวรั้น ใจแข็ง ถือคติ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ
* มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
* โกรธยากมากถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ
* ชอบอยู่คนเดียว
* มีแรงจูงใจในตัวเอง โดยไม่สนใจการยอมรับนับถือจากคนอื่น
* มั่นคง เด็ดเดี่ยว
* รักใครรักจริง
* เจ้าอารมณ์
* โรแมนติก แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก
* รักบ้าน
* ทำงานหนัก
* มีความสามารถสูง
* ไว้ใจได้
 
 
ธันวาคม
 
* ซื่อสัตย์ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
* กระตือรือร้นในการแข่งขัน และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น  แต่ไม่ค่อยมีความอดทน
* ทะเยอทะยาน มีอิทธิพลในสังคม
* รักการเข้าสังคมมาก
* รักการได้รับการยอมรับ การเป็นจุดสนใจ
* รักการที่มีคนอื่นมารักตัวเอง
* ซื่อตรง และไว้ใจได้  ไม่เสแสร้ง แต่อารมณ์เสียง่าย
* เกลียดการถูกบีบบังคับ
* รักเรื่องตลก  มีอารมณ์ขัน และมีเหตุผล
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #526 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553, 09:26:23 »

Vuvuzela ... วูวูเซล่า เสียงสวรรค์กาฬทวีป เสียงนรกของผู้มาเยือน ?

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

เสียงของมันทั้งสุดยอด และน่ารำคาญจริงๆ
 


เมื่อคืนได้ดูฟุตบอลโลกนัดเปิดสนามคู่แรก  ระหว่างทีมเจ้าภาพกับเม็กซิโก  แต่ดูไปก็รู้สึกรำคาญไปกับเสียงคล้ายแมลงวัน หรือแมลงบินหึ่งๆ กวนประสาทตลอดเวลา  ดูไป บ่นไป จนต้องลดเสียงจากโทรทัศน์จนค่อยที่สุด  เลยต้องไปสืบดูว่าเจ้าอาวุธลับชีวภาพของเจ้าภาพ มีที่มาที่ไปอย่างไร ...



วูวูเซลา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ " เลปาตาตา " เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองประเภทแตร  มีความยาวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1 เมตร  เริ่มมีการนำมาใช้ในวงการกีฬาของแอฟริกาใต้เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1990  จากการที่กลุ่มกองเชียร์ของสโมสรฟุตบอล "  ไกเซอร์  ชีฟส์  เอฟซี " ในลีกของแอฟริกาใต้  เริ่มนำมาใช้เป็นอุปกรณ์การเชียร์ทีมรักของตนในสนามฟุตบอล  แต่ชื่อเสียงของวูวูเซลาก็ยังจำกัดอยู่แต่เฉพาะภายในแอฟริกาใต้เท่านั้น  จนกระทั่งมันถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายระหว่างการแข่งขันฟุตบอลรายการ  " ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ  2009 " ที่จัดขึ้นบนแผ่นดินแอฟริกาใต้เมื่อปีที่แล้ว  ที่ถือเป็นครั้งแรกที่ " แตรนรก " ชนิดนี้ได้แผลงฤทธิ์เขย่าโสตประสาทบรรดากองเชียร์ต่างชาติ ที่เข้าไปชมเกมในสนามจนทำให้ชาวโลกได้รู้จักมันอย่างเต็มตัว และทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ  รวมถึงเสียงเรียกร้องจากประเทศตะวันตกที่ต้องการให้ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ " ฟีฟ่า " สั่งแบนการใช้เครื่องดนตรีชนิดนี้ในสนามฟุตบอลเป็นการถาวร ...



อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกร้องดังกล่าวดูเหมือนจะไร้ผล  เนื่องจากประธานฟีฟ่าชาวสวิตเซอร์แลนด์อย่างโจเซฟ " เซ็ปป์ " แบล็ตเตอร์กลับออกโรงคัดค้านการแบนวูวูเซลาแบบ " หัวชนฝา "  พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการแบนวูวูเซลาโดยเด็ดขาด  เพราะทางฟีฟ่าตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเคารพในสิ่งใดก็ตามที่เป็น " วัฒนธรรมพื้นเมือง " ของประเทศสมาชิกฟีฟ่าทั้ง 208 ประเทศอย่างเท่าเทียมกัน  ไม่ว่าจะเป็นประเทศสมาชิกจากทวีปแอฟริกา  เอเชีย  หรือยุโรป  พร้อมระบุว่าหากฟีฟ่าสั่งแบนการใช้วูวูเซลาในสนามฟุตบอลขึ้นมาจริงๆ  ก็จะต้องมีเสียงเรียกร้องให้มีการแบนเครื่องดนตรีพื้นเมืองอีกหลายชนิดตามมาอีกอย่างไม่สิ้นสุด ...



วูวูเซล่า ผู้เริ่มต้นทำให้มันเป็นที่รู้จักแพร่หลาย คือแฟนบอลสโมสร ไกเซอร์ ชีฟส์ ยักษ์ใหญ่ของประเทศคนหนึ่งนามว่า เฟรดดี้ มาเค่ ที่เอาของจำพวกแตรรถจักรยานซึ่งทำด้วยอะลูมิเนียมมาเป่าในสนามเมื่อราวปี 1965  เขาพบว่าแตรรถพวกนี้สั้นเกินไปให้เสียงไม่สะใจนัก  เลยลองทำอุปกรณ์ชิ้นใหม่ด้วยท่อยาวๆ มาแทน  และมันให้เสียงดังสนั่นสะท้านทรวงเหลือหลาย



มาเค่ เอาเจ้าวูวูเซล่า เป่าไปทั่วบ้านทั่วเมืองครับ  ระหว่างทศวรรษที่ 70-80  มีภาพถ่ายของเขากับวูวูเซล่ารุ่นบุกเบิกซึ่งทำด้วยอะลูมิเนียม  ตระเวนเป่าในเกมฟุตบอลลีกของแอฟริกาใต้มากมาย  จากนั้นเขาจึงเริ่มใช้กับเกมระดับชาติทั้งโอลิมปิก เกมส์ 1992, 1996 หรือบอลโลก1998



ปัญหาที่มาเค่พบไม่ใช่เรื่องเสียง  แต่เป็นเพราะเจ้าวูวูเซล่า อะลูนิเนียมของเขาโดนห้ามนำเข้าสนามหลายครั้ง  เพราะมันอาจใช้เป็นอาวุธได้  ก็แหมมันทำจากอะลูมิเนียมน่ะสิ  ภายหลังเขาเลยต้องดัดแปลงมาทำด้วยพลาสติกแทน  และจากนั้นก็มีบริษัทหัวหมอผลิตวูวูเซล่าหลากสีสัน  หลากสไตล์ออกขาย  จนได้รับความนิยมทั่วบ้านทั่วเมือง



อานุภาพของเจ้าวูวูเซล่า จะทรงพลังที่สุดตอนช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมครับ  เพราะแฟนบอลจะเป่าพวกมันพร้อมกันเพื่อ '' ฆ่าศัตรู '' ให้เหมือนกับนิทานพื้นบ้านที่ว่า '' ลิงบาบูนถูกฆ่าด้วยเสียงดังสนั่น ''
 


สำหรับชื่อ วูวูเซล่า ยังเป็นที่ถกเถียงว่ามาจากอะไร  บ้างเชื่อว่ามาจากภาษาซูลู  ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกาใต้  แปลว่าสร้างเสียงวูวู  บ้างก็ว่าเป็นศัพท์สแลงของพวกคนเมือง  โดยตอนนี้มีคนใช้คำว่า วูวูเซล่า เพื่อความหมายประเภทปลุกใจปลุกเร้า หรือกระตุ้นจิตใจ ประมาณนั้นด้วย



แตรวูวูเซลา ( vuvuzela )  นี่คือวัฒนธรรมพื้นเมืองเพียงอย่างเดียวที่เป็นสิทธิของคนท้องถิ่น  ทว่าเสียงแตรของชนพื้นเมืองนี้เป็นที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างยิ่ง  แต่ถึงอย่างไรเวลานี้มันกลับได้รับความนิยมไปทั่วโลกแล้ว  ha  ha  ha ! ...
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #527 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553, 13:52:51 »

Amazing Tiny Apartment ... very interesting  

มนุญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

In Hong Kong, because of the space, apartments are small and expensive. Gary Chang, an architect, decided to design a 344 sq. ft. apartment to be able to change into 24 different designs, all by just sliding panels and walls. He calls this the " Domestic Transformer. "

This is worth watching.

http://www.flixxy.com/apartment-transformation.htm

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #528 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553, 13:42:55 »

ไปเที่ยวบ้าน ตาน ฉ่วย กัน

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

This Mansion is in Nay pyi Taw, the new capital of Myanmar and belongs to : The Senior General of Myanmar.























      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #529 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553, 14:42:33 »

หลุมยุบ ( Sinkhole ) คืออะไร ?  ประเทศไทยตรงไหนเสี่ยง ?

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

หลุมยุบ ( Sinkhole) คืออะไร ?



หลุมยุบ หรือ Sinkhole เป็นธรณีพิบัติภัยประเภทหนึ่งเกิดตามธรรมชาติ  แต่กิจกรรมของมนุษย์ก็สามารถเร่งให้เกิดเร็วขึ้นได้  ทั่วไปในภูมิประเทศที่ใต้ผิวดินเป็นหินปูน  หินโดโลไมต์ และหินอ่อน  ซึ่งหินเหล่านี้ละลายได้ในน้ำใต้ดิน  ทำให้เกิดโพรง หรือถ้ำใต้ดินขึ้น  และเมื่อเพดานต้านทานน้ำหนักของดิน และสิ่งก่อสร้างที่กดทับด้านบนไม่ไหว  จึงพังกลายเป็นหลุมยุบ

กระบวนการเกิดหลุมยุบ

หลุมยุบ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ดินยุบตัวลงเป็นหลุมลึก  และมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 - 200 เมตร  ลึกตั้งแต่ 1 ถึงมากกว่า 20 เมตร  เมื่อแรกเกิดปากหลุมมีลักษณะเกือบกลม และมีน้ำขังอยู่ก้นหลุม  ภายหลังน้ำจะกัดเซาะดินก้นหลุมกว้างมากขึ้น  ลักษณะคล้ายลูกน้ำเต้า  ทำให้ปากหลุมพังลงมา  จนเหมือนกับว่าขนาดของหลุมยุบกว้างขึ้น

โดยปรกติหลุมยุบจะเกิดในบริเวณที่ราบใกล้กับภูเขาที่เป็นหินปูน  เนื่องจากหินปูนมีคุณสมบัติละลายน้ำที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนได้  ประกอบกับภูเขาหินปูนมีรอยเลื่อน และรอยแตกมากมาย  ดังจะสังเกตเห็นได้ว่าภูเขาหินปูนมีหน้าผาชัน  หน้าผาเป็นรอยเลื่อน และรอยแตกในหินปูนนั่นเอง  บริเวณใดที่รอยแตกของหินปูนตัดกัน  จะเป็นบริเวณที่ทำให้เกิดโพรงได้ง่าย

โพรงหินปูนถ้าอยู่พ้นผิวดินก็คือถ้ำ  ถ้าไม่โผล่เรียกว่าโพรงหินปูนใต้ดิน  ซึ่งจำแนกเป็น 2 ระดับคือ  โพรงหินปูนใต้ดินระดับลึก ( ลึกจากผิวดินมากกว่า 50 เมตร )  และโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น ( ลึกจากผิวดินไม่เกิน 50 เมตร )  ส่วนใหญ่หลุมยุบจะเกิดบริเวณที่มีโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น

สาเหตุของการเกิดหลุมยุบ



ลักษณะของหลุมยุบ



รูปร่างของหลุมยุบแตกต่างกันไปตามลักษณะการเกิด  ส่วนใหญ่มีรูปร่างวงกลม หรือวงรี  หลุมยุบที่เกิดจากการพังถล่มของเพดานโพรงหรือถ้ำใต้ดิน จะมีขอบหลุมชัน  แต่หลุมยุบที่เกิดเนื่องจากการละลายของหินเป็นหลัก  จะมีขอหลุมเอียงลาด  ขนาดของหลุมขึ้นอยู่กับขนาดของโพรง หรือถ้ำใต้ดิน  มีตั้งแต่ไม่กี่เมตรถึงหลายร้อยเมตร และลึกหลายสิบเมตร

หลุมยุบในประเทศไทย

หลุมยุบเกิดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  กรมทรัพยากรธรณีได้รับแจ้ง และเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่มากกว่า 45 แห่ง  โดยพบว่าพื้นที่ที่เกิดหลุบยุบอยู่ในพื้นที่ราบใกล้ภูเขาหินปูนภาย  หลังการเกิดธรณีพิบัติภัยแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์  เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547  พบว่ามีหลุมยุบเกิดขึ้นมากกว่า 19 ครั้ง  โดยเกิดใน 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากธรณีพิบัติภัยครั้งนี้คือ  จังหวัดสตูล  พังงา  กระบี่  และตรัง  ถึง 14 ครั้ง เกิดในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 4 ครั้ง  และเกิดในภูมิภาคอื่นคือ จังหวัดเลย 1 ครั้ง

แผนที่แสดงโอกาสเกิดหลุมยุบในประเทศไทย



ปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมยุบ



1. เป็นบริเวณที่มีหินปูนรองรับอยู่ในระดับน้ำตื้น
2. มีโพรงหรือถ้ำใต้ดิน
3. มีตะกอนดินปิดทับทาง ( ไม่เกิน 50 เมตร )
4. มีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน
5. มีรอยแตกที่เพดานโพรงใต้ดิน
6. ตะกอนดินที่อยู่เหนือโพรงไม่สามารถคงตัวอยู่ได้
7. มีการก่อสร้างอาคารที่ที่มีโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น
8. มีการเจาะบ่อบาดาลผ่านเพดานโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น  ทำให้แรงดันน้ำ และอากาศภายในโพรงถ้ำเปลี่ยนแปลง
9. มีผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเกิน 7 ริกเตอร์

สาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมยุบ หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์

แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรง 9 ริกเตอร์  ทำให้หินปูนที่มีคุณสมบัติแข็งแต่เปราะ  ได้รับการกระทบกระเทือนเป็นบริเวณกว้าง  เพดานโพรง หรือถ้ำใต้ดินที่อยู่ในระดับตื้น และมีความไม่แข็งแรงอยู่เดิมมีโอกาสยุบตัว และถล่มลงมาได้ง่าย

นอกจากนี้คลื่นยักษ์ ( สึนามิ ) ที่กระหน่ำเข้ามามีแรงกระแทกมหาศาล  ทำให้ระดับน้ำใต้ดิน และบนดินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  จากปัจจัยที่กล่าวมาบวกกับปัจจัยที่มีอยู่เดิม  ทำให้เกิดหลุมยุบขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทั้งในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์โดยตรง  และในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเพียงอย่างเดียว

สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมยุบ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์ คือ

1. เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากการเกิดคลื่นยักษ์  ทำให้แรงดันของน้ำ และอากาศภายในโพรงเสียสมดุล

2. เกิดการขยับตัวของพื้นที่  ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยร้าวของเพดานโพรง  สืบเนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง

ข้อสังเกตก่อนเกิดหลุมยุบ

1. ดินทรุดตัวทำให้กำแพง รั้ว เสาบ้าน ต้นไม้โผล่สูงขึ้น
2. มีการเคลื่อนตัว / ทรุดตัวของกำแพง รั้ว เสาบ้าน ต้นไม้ ประตู / หน้าต่างบิดเบี้ยว  ทำให้เปิดยากขึ้น
3. เกิดแอ่งน้ำขนาดเล็ก ในบริเวณที่ไม่เคยเกิดแหล่งน้ำมาก่อน
4. มีต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และพืชผัก เหี่ยวเฉาเป็นบริเวณแคบๆ หรือเป็นวงกลม  เนื่องจากการสูญเสียความชื้นของชั้นดินลงไปในโพรงใต้ดิน
5. น้ำในบ่อ สระ เกิดการขุ่นข้น หรือเป็นโคลน โดยไม่มีสาเหตุ
6. อาคาร บ้านเรือนทรุด มีรอยปริแตกบนกำแพง พื้น ทางเดินเท้า และบนพื้นดิน

หลุมยุบในต่างประเทศ

หลุมยุบที่ประเทศ Guatemala ลึก 330 ฟุต


หลุมยุบที่ Winter Park, Florida ( 1981 )


หลุมยุบที่ Daisetta, Texas, 2008


หลุมยุบที่ Winkler, Texas




หลุมยุบ Devil’s Sinkhole, Texas





      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #530 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2553, 23:21:28 »

สุดยอดสระว่ายน้ำ จากทั่วโลก

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

super swimming pool around the world



โรงแรม : Park Hyatt Tokyo

ความพิเศษ : สระว่ายน้ำบนชั้นที่ 47 ที่พื้นจรดเพดานเป็นหน้าต่างที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองโตเกียว และอาจเห็นไปถึงภูเขาไปฟูจิ  เหล็กและกระจกทรงปิรามิดที่ทำให้สระดูเหมือนลอยอยู่ท่ามกลางแสงธรรมชาติ  ความยาว 65 ฟุต 4 เลน ที่ดูเหมือนจะเลื่อนได้ในเวลากลางคืนเมื่อตึกสูงต่างๆ เปิดไฟ




โรงแรม : San Alfonso del Mar, Algarrobo, Chile

ความพิเศษ : คุณสามารถแล่นเรือใบเล็กๆ ในสระน้ำเค็มที่ได้บันทึกลงในกินเนสส์บุ๊คว่าเป็น " สระที่ใหญ่ที่สุดในโลก " ได้  มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร และด้วยความใหญ่โตจึงต้องมีห้องหลายๆ ห้องที่ใช้ทำทรายเทียมสำหรับชายหาด  ในเวลากลางคืนจะมีการปรับอุณหภูมิของน้ำ
ภายในโดมกระจกทรงปิรามิดกลางสระ  เพื่อให้น้ำอุ่นขึ้นด้วย




โรงแรม : Hotel Caruso Belvedere, Ravello, Italy

ความพิเศษ : โรงแรม Caruso Belvedere สร้างขึ้นบนจุดที่สูงที่สุด ของ Amalfi Coast town ใน Ravello  สระกลางแจ้งที่เปิดโล่ง  เห็นวิวกว้างขวางของชายหาดที่สวยงาม  และทะเลที่อยู่ไกลออกไป  ทำให้ดูเหมือนสระไม่มีที่สิ้นสุด  ด้านข้างของสระตกแต่งแบบโรมันในช่วงศษตวรรษที่ 11




โรงแรม : Umaid Bhawan Palace, Jodhpur, India

ความพิเศษ : ความใหญ่โตที่มีถึง 347 ห้อง มองลงไปเห็นเมืองสีฟ้า อากาศที่ปลอดโปร่ง ภายใต้แสงเทียน  กลีบดอกไม้ที่โปรยลงในน้ำ โรงแรมที่ดำเนินการโดย Taj Hotels Resorts and Palaces  ซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกับเจ้าของวัง มหาราชาแห่ง Jodhpur




โรงแรม : Viceroy Miami

ความพิเศษ : เมืองที่เต็มไปด้วยสระว่ายน้ำสุดพิเศษ  เมื่อไม่นานมานี้ที่ Viceroy ได้เปิดสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าขนาด 2 เอเคอร์  ตกแต่งด้วยต้นบลูเบอรี่ญี่ปุ่น  เตียง  และรถม้าโบราณ โดดเด่นด้วยสระ 3 ชนิด คือ  สระน้ำอุ่นสำหรับ 80 คน  สระน้ำตื้น  และสระขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลอยู่สูงจากพื้น 15 ชั้น  และในช่วงกลางสามารถชมวิวของเมือง Miami และ Biscayne Bay




โรงแรม : InterContinental Hong Kong

ความพิเศษ : สระว่ายน้ำ 3 สระ บนชั้น 3 ของโรงแรม  เป็นน้ำอุ่น 2 สระ และสระน้ำเย็น  แต่ทั้งสามสระจะมีท่อเพลงใต้น้ำ  ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในอ่าว Victoria  หลังจากว่ายน้ำแล้วก็มาพักผ่อนสายตา  จะเห็นวิวเส้นขอบฟ้าของฮ่องกงได้ที่ห้องแต่งตัว




โรงแรม : Golden Nugget, Las Vegas

ความพิเศษ : คุณสามารถว่ายน้ำกับฉลาม 5 สายพันธุ์ ( 16 ตัว )  สระมูลค่ากว่า 30 ล้านเหรียญ  มีแท้งค์เป็นเหมือนบ้านสามชั้น  และท่อให้คุณสไลด์ผ่านเข้าไปในแท้งค์น้ำตก  ซึ่งฉลาม  ปลากระเบน จะถูกกั้นด้วยแผ่นอะคลิลิคใสหนา 4 นิ้ว




โรงแรม : Quincy Hotel, Singapore

ความพิเศษ : สระว่ายน้ำที่ล้อมไปด้วยกระจกบนชั้นที่ 12 ของโรงแรม  ตอนกลางคืนแสงไฟจะทำให้สระดูเรืองรอง  อาบแดด  ว่ายน้ำ  แล้วก็มางีบที่เก้าอี้หวายข้างสระ




โรงแรม : Al Bustan Palace InterContinental Muscat, Muttrah, Oman

ความพิเศษ : หลังจากที่โรงแรมได้ปิดปรับปรุงไป 18 เดือน  ก็ได้เปิดให้บริการอีกครั้งด้วยการปรับสระหลักให้ด้านข้างมีร่มเงาของต้นปาล์มตลอดความยาว 164 ฟุต  ควบคุมอุณหภูมิของน้ำในสระได้ให้เหมือนอยู่ในโอเอซิส




โรงแรม : Anantara Koh Samui Resort & Spa, Samui, Thailand

ความพิเศษ : สามารถมองออกไปไกลๆ ในอ่าวไทย  ชื่นชมทิวทัศน์จากสระที่มีความยาว 98 ฟุตของรีสอร์ทที่เกาะสมุย  ถ้าแค่นั้นยังไม่พอ  ลองสั่งเครื่องดื่ม  แล้วหัวเราะกับรูปปั้นลิงพ่นน้ำตามข้างสระ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #531 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553, 11:57:50 »

ลัดดา ดั๊คเวิร์ท สาวไทย-อเมริกันที่โอบามาจ่อตั้งเป็นผู้ช่วย รมต. มะกัน
 
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


 
Obama appointed Thai Female US Army pilot to over see US Veterans ( ตั้งแต่ กรกฏาคม 2552 แล้วนี่นา ! )
  


Ladda -Tammy Duckworth  สาวไทยสร้างชื่ออีกแล้ว " โอบามา "เล็งตั้ง " ลัดดา หรือแทมมี่ ดั๊คเวิร์ท " สัญชาติไทย-อเมริกัน  นักบินเสียขา 2 ข้างในสงครามอิรัก เป็นผู้ช่วย รมต. กระทรวงทหารผ่านศึก



แถลงการณ์ของทำเนียบขาว สหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ จะเสนอชื่อ " ลัดดา หรือ



แทมมี่ ดั๊คเวิร์ท " คนไทย-อเมริกัน หัวหน้ากระทรวงทหารผ่านศึก ประจำรัฐอิลินอยส์ และอดีตนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐ ที่สูญเสียขาทั้งสองข้างระหว่างทำสงครามที่อิรัก เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทหารผ่านศึก



เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอม เมื่อปี 2549 ที่มลรัฐอิลลินอยส์  เธอเป็นตัวแทนพรรคในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายอิรัก ของประธานาธิบดีจอร์จ ดัลเบิลยู บุชหลายครั้ง  ผลการเลือกตั้งเธอพ่ายแพ้คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันไปอย่างสูสี



ลัดดาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรคเดโมแครต ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์ที่ว่างลง  หลังบารัก โอบามา  ไปดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา  ในต้นปี พ.ศ. 2552  แทมมี ดักเวิร์ธ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของประเทศสหรัฐอเมริกา  ทำหน้าที่กำกับดูแลโครงการให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึกที่ไร้บ้าน  กิจการด้านผู้บริโภค  และกิจการฟื้นฟูพิเศษด้านอื่น ๆ



สำหรับ พต.หญิงลัดดา แทมมี่ ดั๊คเวิร์ธ เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1968 ที่กรุงเทพฯ  เป็นลูกสาวของนายแฟรงก์ แอล.ดั๊กเวิร์ธ และนางลำไย สมพรไพรินทร์  มีน้องชายชื่อทอม  ครอบครัวดั๊กเวิร์ธโยกย้ายอยู่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดมา  เพราะคุณพ่อของเธอเป็นเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ



ค.ศ. 1985  เมื่อแทมมี่อายุได้ 16 ปี  ครอบครัวนี้ย้ายมาอยู่ที่ฮาวาย  จบไฮสคูลด้วยคะแนนเกียรตินิยมที่ McKinley High School  จากนั้นเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาวายจบในปี 1989  สาขาวิชารัฐศาสตร์  และเรียนจบปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย George Washington University  ต่อมาแทมมี่ทำปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Northern Illinois University  โดยสนใจค้นคว้าเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเมือง และสาธารณสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  พร้อมกันนั้นยังทำงานเป็นซูเปอร์ไซเซอร์ให้กับโรตารีสากล สำนักงานใหญ่ ที่เมืองเอฟแวนสตัน  รัฐอิลลินอยส์
 


ในปี 1990 ระหว่างที่เรียนปริญญาโทอยู่นั้น  แทมมี่ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยฝึกกำลังสำรองของกองทัพบก ( the Reserve Officers′ Training Corps = ROTC )  จากนั้นในปี 1992  ได้รับการบรรจุเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังสำรองกองทัพบก  แทมมี่ได้เลือกที่จะเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์  เพราะเป็นตำแหน่งหนึ่งในไม่กี่ตำแหน่งที่ผู้หญิงในกองทัพสามารถออกรบได้  ต่อมาเรียนฝึกบิน และร่วมกับกองกำลังสำรองกองทัพบก แห่งรัฐอิลลินอยส์ ในปี 1996



หลังจากเข้าร่วมในสงครามอิรัก  เธอต้องสูญเสียขาทั้ง 2 ข้างเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2004  เพราะเฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk ซึ่งเธอเป็นนักบินร่วม  ถูกยิงด้วยจรวดจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอิรัก  นอกจากนี้เธอยังสูญแขนขวาเกือบหมด  เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2004  เธอได้รับเหรียญกล้าหาญ a Purple Heart  และได้รับการเพิ่มยศเป็นพันตรีในวันที่ 21 ธันวาคม ระหว่างรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลวอเตอร์ รีด  และแทมมี่ยังได้รับเหรียญประดับเกียรติอีก 2 เหรียญคือ an Air Medal และ Army Commendation Medal





ในระหว่างรักษาตัว 6 เดือนที่โรงพยาบาลนั้น  แทมมี่เริ่มฝึกการเดินด้วยขาเทียม  นอกจากนั่งวิลแชร์แล้ว  เธอยังจัดระดมทุนเพื่อสร้างศูนย์ฟื้นฟู ช่วยเหลือทหารพิการจากสนามรบอีกด้วย











ขอบคุณข้อมูลจาก :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:QkGGPyjcQd4J:th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2_%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B5_%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%98+%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2+%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th   เพิ่มเติมค่ะ

เมื่อประเทศไทย สังคมไทย ชื่นชม ผู้หญิงคนนี้แล้ว  หวังว่าคงมีนโยบายที่จะฟื้นฟูทหารผ่านศึกที่พิการด้วยนะ  โดยเฉพาะทหารตำรวจภาคใต้ที่ได้รับบาดเจ็บ
  
อ่านแล้วรู้สึกดีๆ ....
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #532 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553, 22:30:56 »

คุณเห็นภาพนี้หมุนทวนเข็ม หรือตามเข็มนาฬิกา

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

... ให้ตัดสินใจเร็วๆ นะ  อย่าใช้เวลาดูนานมากไป



พอได้คำตอบแล้วมาเฉลยกันดีกว่า


คนเห็นตามเข็ม  แสดงว่าใช้สมองซีกขวา มากกว่าซีกซ้าย

ในทางกลับกัน หากเราเห็นทวนเข็มแสดงว่า  เราใช้สมองซีกซ้าย มากกว่าซีกขวา …


 
สำหรับคนที่ใช้สมองซีกซ้ายมากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ ...

* ตัดสินใจโดยใช้เหตุผล
 
* สนใจรายละเอียด
 
* อยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าการคาดการณ์
 
* มีความสามารถในการเลือกใช้ศัพท์ และมีความสามารถทางภาษาศาสตร์
 
* สนใจในอดีตมากกว่าอนาคต
 
* มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
 
* มีความสามารถในการทำความเข้าใจเรื่องที่มีความซับซ้อนได้เร็ว
 
* รอบรู้
 
* ยอมรับผู้คนหรือเรื่องราวใหม่ๆ ได้ง่าย

* มีระเบียบวินัย
 
* จดจำชื่อต่างๆ ได้ดี
 
* อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง
 
* วางกลยุทธ์ต่างๆได้ดี

* เน้นผลในทางปฎิบัติ
 
* ปลอดภัยไว้ก่อน

 
สำหรับคนใช้สมองซีกขวามากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ …

* ให้ความสำคัญกับอารมณ์ และความรู้สึก
 
* ตัดสินใจจากภาพรวมมากกว่ารายละเอียด
 
* มีจินตนาการสูง
 
* มีความสามารถในทางตรรกศาสตร์
 
* สนใจอนาคตมากกว่าอดีต
 
* สนใจในทางปรัชญา และศาสนา
 
* เข้าใจประเด็นที่คนอื่นต้องการสื่อสารได้ดี
 
* ลึกซึ้งต่อเรื่องต่างๆ
 
* เป็นที่นิยมชมชอบ
 
* โยงประเด็น และความเกี่ยวเนื่องของเรื่องราวต่างๆ ได้ดี
 
* ชอบฝันเฟื่อง
 
* ประเมินผลกระทบสำหรับทางเลือกต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
 
* คึกคะนอง .... หรือในบางกรณีมุทะลุ
 
* เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน



อะพิโถ !   ผู้โพสต์ชื่อเจี๊ยบอ่านข้อวิเคราะห์จนจบ  เป็นจริง  เป็นจัง ... นึกเอะใจ  ย้อนกลับไปจ้องดูรูป อีกครั้ง  นานๆ ... สาวคนนี้หมุนตามเข็มนาฬิกาอยู่พักนึง  แล้วก็ต่อด้วยหมุนทวนเข็มนาฬิกา แบบเนียนๆ  เดี๋ยวก็ตามเข็ม  เดี๋ยวก็ทวนเข็ม ... อ๊ะ  อ้าว !  เพื่อนเราเล่นต้มหมู ที่อยู่หน้าจอ ซะสุกเลยเนี่ย !

มิน่า  ถึงต้องสำทับว่า " ... ให้ตัดสินใจเร็วๆ นะ  อย่าใช้เวลาดูนานมากไป "

ha  ha  ha !   น่าจะเอาไปลงที่กระทู้ขำขันมากกว่านอะ  ! ... ขำคนอ่านน่ะสิ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #533 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 10:08:20 »

Help Call 1669

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร 07... ส่งมา

ญาติเคยโทร. ตอนเค้าไปเมืองกาญจน์กัน ...

พอตี 2 เศษ ๆ พ่อเค้ามีอาการหัวใจล้มเหลว ... ลนลานไม่รู้ทำไงกันดี ... พี่สาวนึกได้ เลยโทร 1669
 
มาไว ช่วยเร็ว ... ให้เงินก็ไม่เอา ... เป็นหน่วย นเรนทร ... base @ โรงพยาบาลวชิระ

เมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน  นอกจากช่วยเหลือตนเองแล้ว  ขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. ) ได้จัดระบบช่วยเหลือผู้ประสบภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินดังกล่าวนี้  เพียงกดโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1669  จะมีคำแนะนำให้  และหากจำเป็น  จะมีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินไปช่วยเหลือคุณถึงที่เกิดเหตุ ( ฟรี)    ทั่วประเทศไทย  ตลอด ๒๔ ชั่วโมง  ทั้งวันทำการ และวันหยุด แล้วนะจ๊ะ

ป่วยฉุกเฉินโทรหมายเลข 1669

นพ. สุรจิต สุนทรธรรม
  
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #534 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2553, 23:27:20 »

ประโยชน์ ( ทางการแพทย์ ) ของการสวดมนต์

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

จาก นิตรสารชีวจิต  ฉบับแรกของเดือนมกราคม 2551  เรื่อง Vibrational Therapy : สวดมนต์บำบัด โดย : ชมนาด
 
เชื่อหรือไม่ว่า  หากเราสวดมนต์ ( ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม ) เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย  แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก  แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยาความเจ็บป่วยของเขาได้ ? ? ?  เพราะการสวดมนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมอง  และคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกลๆ ได้



การสวดมนต์บำบัด  คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ Vibrational Medicine  คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่นมาบำบัดความเจ็บป่วย  ซึ่งมีหลากหลายวิธี  อาทิ  เก้าอี้ไฟฟ้า  เครื่องนวดต่างๆ  ก็เป็นVibrational Therapy เช่นกัน  แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ต่างจาก  สวดมนต์บำบัดซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต
 
ดังนั้นมาดูพลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ? ? ?
 
คลื่นแห่งการเยียวยา

การสวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ  เพื่อเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา  ซึ่งหากคลื่นเสียงที่มากระทบดังแบบไร้ระเบียบ  คือประกอบด้วยเสียงที่มีความถี่ต่างๆ กัน  ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการบำบัด  กลไกดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อหูของเราได้ยินเสียงบทสวด  ก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับ  ก่อนส่งไปบริเวณก้านสมอง  ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้าๆ  สม่ำเสมอประมาณ 15 นาที  ก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย


 
เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา : ให้ผลกับร่างกายเอนกอนันต์
 
รองศาสตราจารย์ ดร. สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี  หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข  คณะสาธารณสุขศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายเพิ่มเติมดังนี้
 
“ สมองของเรา เมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15 นาทีขึ้นไป  จะทำให้เซลล์ประสาทของระบบประสาทสมองสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายๆชนิด  บริเวณก้านสมองจะหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ ซีโรโทนิน ( serotonin ) เพิ่มขึ้น  ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ  ช่วยการเรียนรู้  ลดความเครียด  ลดอาการซึมเศร้า  ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ  เช่น  เมลาโทนิน  ซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ  เพราะจะช่วยยึดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท  เซลล์ร่างกาย  ให้ชีวิตยืนยาวขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับ  เพิ่มภูมิต้านทาน  ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้น  รวมถึง โดปามีน มีฤทธิ์ลดความก้าวร้าว และอาการพาร์กินสัน  นอกจากนี้ปริมาณของซีโรโทนินมีความสัมพันธ์ต่อการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทอื่นๆ  เช่น  อะเซทิลโคลีน  ช่วยในกระบวนการเรียนรู้ และความจำ  ช่วยขยายเส้นเลือด  ทำให้ความดันลดลง และยังช่วยลดปริมาณ อาร์กินิน วาโซเปรสซิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความก้าวร้าว  ความสมดุลของน้ำ  และซีโรโทนินยังเข้าไปลดปริมาณของสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่เป็นตัวกระตุ้นของการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง  ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง  ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง  และไม่เครียด  ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ”
 
ดังนั้น จุดสำคัญจึงอยู่ที่ร่างกายจะสามารถสร้างสารสื่อประสาทได้หรือไม่  อาจารย์สมพรเสริมว่า
 
“ หลักการสำคัญอยู่ที่หากมีสิ่งเร้าหลายๆ ประเภทเข้ามารบกวนกระบวนการทำงานของคลื่นสมองพร้อมๆ กัน  ทำให้สัญญาณคลื่นสมองเปลี่ยนไป  การหลั่งสารสื่อประสาทจะสับสน  ไม่มีผลในการเยียวยา  สิ่งเร้านี้มาจากหลายส่วน  ทั้งตัวเอง  เช่น  บางคนปากสวดมนต์  แต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น  ก็ไม่ได้ประโยชน์  และการเกิดเสียงดังอื่นๆ เข้ามารบกวนขณะสวดมนต์  เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์รับรู้ได้ไว และอ่อนไหวมาก  เรามีตัวประสาทรับสัญญาณมากมาย  เรารับสิ่งเร้าได้ทั้งจากทางปาก  ตา  หู  จมูก  การเคลื่อนไหว  และใจ  เหล่านี้ทำให้สัญญาณคลื่นสมองสับสน และเปลี่ยนไป  ร่างกายก็จะสร้างซีโรโทนินได้ไม่มากพอ ”
 
และไม่ใช่เฉพาะสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์เท่านั้นที่เราจะได้จากการสวดมนต์  แต่การสวดมนต์ยังทำให้อวัยวะต่างๆ ได้รับการกระตุ้น  คล้ายกับการนวดตัวเองจากการเปล่งเสียงสวดมนต์


 
สวดมนต์กระตุ้นอวัยวะ
 
อาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายหลักการนี้ว่า
 
 “ เวลาเราสวดมนต์นานๆ  คำแต่ละคำจะสร้างความสั่นสะเทือนไม่เท่ากันตามฐานที่เกิดของเสียง  หรือตามวิธีเปล่งเสียง  แม้ว่าเสียงจะออกมาจากปากเหมือนกัน  แต่ว่าเสียงบางเสียงออกมาจากริมฝีปาก  บางเสียงออกมาจากปุ่มเหงือก  บางเสียงออกมาจากไรฟัน  บางเสียงออกมาจากคอ  ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ถูกต้องตามฐานกรณ์  จึงเกิดพลังของการสั่น”

และเมื่อเกิดพลังของการสั่น  การสั่นนี้จะเข้าไปเยียวยาอาการป่วยได้อย่างไร  อาจารย์เสถียรพงษ์อธิบายต่อว่า
 
“ เวลาเราสวดมนต์  เสียงสวดจะไปช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ  ซึ่งจะช่วยปราบเชื้อโรคบางชนิด  เช่น  การวิจัยของฝรั่งพบว่า อักษร เอ บี ซี ดี จะช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อย  ส่วนบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา  เสียงอักขระแต่ละตัวมีคำหนักเบาไม่เท่ากัน  บางตัวสั่นสะเทือนมาก  บางตัวสั่นสะเทือนน้อย  ทำให้ต่อมต่างๆในร่างกายถูกกระตุ้น  เมื่อต่อมที่ฝ่อถูกกระตุ้นบ่อยๆ เข้า  ก็คงคืนสภาพ อาการป่วยก็จะดีขึ้น ”
 
นอกจากนี้ยังมีบทความที่อธิบายเกี่ยวกับการฝึกเปล่งเสียงเพื่อรักษาโรคจากเสียงต่างๆ  เช่น

โอม ...... กระตุ้นหน้าผาก ฮัม ....... กระตุ้นคอ
 
ยัม ....... กระตุ้นหัวใจ ราม .......กระตุ้นลิ่นปี่
 
วัม ....... กระตุ้นสะดือ ลัม ....... กระตุ้นก้นกบ เป็นต้น
 
แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น  การสวดมนต์ให้ประโยชน์ทางใจที่มีคุณค่ากับผู้สวด
 
รองศาสตราจารย์จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี  ภาควิชาปรัชญาและศาสนา  คณะศิลปะศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  สรุปว่ามี 2 ข้อคือ
 
1. การสวดมนต์เป็นเครื่องช่วยให้เกิดสมาธิ  โดยต้องสวดเสียงดัง  ให้หูได้ยินเสียงตัวเอง  และจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับเสียงสวด  เมื่อใจไม่ฟุ้งไปที่อื่น ใจอยู่กับเสียงเดียว  จึงเกิดสมาธิ

2. ถ้าเข้าใจความหมายของบทสวดนั้นๆ  จะทำให้เรามีความเลื่อมใสศรัทธา เพราะบทสวดของทุกศาสนาเป็นเรื่องของความดีงาม  จิตใจก็จะสะอาดขึ้น  บริสุทธิ์ขึ้น  เป็นการยกระดับจิตใจของผู้สวด
 
เมื่อร่างกายที่รับสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์ และการกระตุ้นระบบอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานเป็นปกติ  เท่ากับว่าเราได้ผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ  ย่อมทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเป็นลำดับ  ความป่วยก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ  ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่อาจารย์สมพรสรุปให้ฟังว่า  การสวดมนต์ช่วยบำบัดอาการป่วย และโรคร้ายดังต่อไปนี้
 
1. หัวใจ   2. ความดันโลหิตสูง   3. เบาหวาน   4. มะเร็ง   5. อัลไซเมอร์   6. ซึมเศร้า   7. ไมเกรน   8. ออทิสติก   9. ย้ำคิดย้ำทำ   10. โรคอ้วน   11. นอนไม่หลับ   12.พาร์กินสัน


 
สวดมนต์อย่างไรให้หายจากโรค  สวดมนต์บำบัดมีวิธีการ และจุดประสงค์ที่หลากหลาย  สรุปออกมาได้ 3 แบบ
 
1. การสวดมนต์ด้วยตัวเอง
 
เป็นการเหนี่ยวนำตัวเอง  จึงเป็นที่มาของคำว่า Prayer Therapy  ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด  เพราะหากใครสักคนคิดที่จะสวดมนต์  นั่นหมายความว่าเขากำลังมีความปรารถนาดีต่อตนเอง  วิธีการที่อาจารย์สมพรแนะนำคือ
 
- ควรสวดด้วยตัวเอง  และไม่ควรสวดมนต์หลังกินอาหารทันที  ควรทิ้งช่วงให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย  อาจเป็นเวลาก่อนเข้านอน
 
- หาสถานที่ ที่สงบเงียบ
 
- สวดบทสั้น ๆ 3-4 พยางค์  โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีขึ้นไป  จะทำให้ร่างกายได้หลั่งสารซีโรโทนิน  แต่หากสวดมนต์ด้วยบทยาวๆ  จะได้ความผ่อนคลาย และความศรัทธา
 
- ขณะสวดมนต์ให้หลับตา  สวดให้เกิดเสียงดัง  เพื่อให้ตัวเองได้ยิน
 
2. การฟังผู้อื่นสวดมนต์
 
เป็นการเหนี่ยวนำโดยคลื่นเสียงจากผู้อื่น  เช่น  การฟังเสียงพระสวดมนต์  เสียงผู้นำสวดในศาสนาต่างๆ  หากผู้สวดมีสมาธิ  เสียงสวดนั้นจะนุ่ม  ทุ้ม  ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยา ( healing ) ผู้ฟัง  แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิ  ไม่มีความเมตตา  เสียงสวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นคลื่นขึ้นๆ ลงๆ  นอกจากจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วยแล้ว  อาจทำให้เสียสุขภาพได้
 
3. การสวดมนต์ให้ผู้อื่น
 
ปรากฏการณ์มากมายที่เราเห็นในสังคม  เมื่อใครสักคนเจ็บป่วย  เรามักสวดมนต์อธิษฐานขอให้ความเจ็บป่วยของเขาหายไป  บางครั้งอยู่ห่างกันคนละซีกโลก  เสียงสวดมนต์เหล่านี้จะมีผลทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นจริงหรือไม่  อาจารย์สมพรอธิบายดังนี้
 
คลื่นสวดมนต์ เป็นคลื่นบวก  เพราะเกิดจากจิตใจที่ดีงาม  ปรารถนาดีต่อผู้ป่วย  และเมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกลๆ  มันจะเดินทางไปในรูปของคลื่นไฟฟ้า  ซึ่งมนุษย์มีเซลล์สมองที่สามารถส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้า และสารเคมีได้ถึงสิบยกกำลังสิบ  คลื่นนี้จึงเดินทางไปได้ไกลๆ
 
บางทีพ่อกำลังป่วยหนักอยู่ที่นี่  แต่ลูกอยู่ต่างประเทศ  ก็สามารถรับคลื่นนี้ได้ และรู้ว่ามีใครกำลังไม่สบาย  ที่เราเรียกว่า ลางสังหรณ์ หรือสัมผัสที่หก
 
การรับรู้ได้หรือไม่  ขึ้นอยู่กับผู้รับผู้ส่งด้วย  ถ้าคนไหนรับสัญญาณคลื่นแห่งบทสวดมนต์ได้จึงได้ผล  เหมือนเราเปิดวิทยุ  ถ้าคนฟังปิดหูก็จะไม่ได้ยิน  ดังนั้นถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดรับคลื่นบวกที่เราส่งไป  ผู้ป่วยก็จะได้รับ  และทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้  ไม่ใช่เรื่องของความมหัศจรรย์  แต่เป็นหลักธรรมชาติทั่วไป


 
เลือกสวดมนต์อย่างไรดี
 
แล้วบทสวดที่เลือกควรใช้บทไหนดี  อาจารย์สมพรแนะนำว่า
 
“ น่าแปลกที่บทสวดในศาสนาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ เหมือนจังหวะเพลง  จะมีโทนเสียงแค่ไม้เอกไม้โทเท่านั้น  สักสามสี่พยางค์มาสวดซ้ำไปมาได้ทั้งนั้น ”
 
พระพุทธศาสนามีบทสวดมากมายหลายบทให้เลือกใช้ตามความชอบ  ยกตัวอย่างเช่น  อิติปิโส  หรือนะโมตัสสะ  นะโมพุทธายะ  หรือสัพเพสัตตา ฯลฯ  เลือกท่อนใดท่อนหนึ่ง  แล้วสวดวนไปวนมา  หรือโพชฌงค์ 7 ที่หลายคนนิยมสวดให้ตัวเอง หรือคนไข้หายป่วย
 
“ ข้อที่น่าสังเกตคือ  บทสวดโพชฌงค์ 7 จะมีความแตกต่างจากบทสวดอื่นๆ คือ  คลื่นเสียงของบทสวดจะมีแค่เสียงสระ  มีแค่สองจังหวะ  คลื่นเสียงจากบทสวดจึงทำให้เกิดคลื่นที่เยียวยาได้ดีที่สุด ”
 
อยากให้ตัวเอง และผู้อื่นมีสุขภาพกายใจเป็นสุข และยังน้อมนำกุศลจิต  เริ่มจากการสวดมนต์เป็นประจำด้วยสมาธิ


โพชฌงค์ 7

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:c7YD-ACUajEJ:th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C_%E0%B9%97+%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C7&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th

โพชฌงค์ หรือ โพชฌงค์ 7 คือ ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้  หรือองค์ของผู้ตรัสรู้  มีเจ็ดอย่างคือ

1. สติ ( สติสัมโพชฌงค์ ) ความระลึกได้ สำนึกพร้อมอยู่ ใจอยู่กับกิจ จิตอยู่กับเรื่อง

2. ธัมมวิจยะ ( ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ) ความเฟ้นธรรม ความสอดส่องสืบค้นธรรม
 
3. วิริยะ ( วิริยสัมโพชฌงค์ ) ความเพียร
 
4. ปีติ ( ปีติสัมโพชฌงค์ ) ความอิ่มใจ
 
5. ปัสสัทธิ ( ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ) ความสงบกายใจ
 
6. สมาธิ ( สมาธิสัมโพชฌงค์ ) ความมีใจตั้งมั่น  จิตแน่วในอารมณ์

7. อุเบกขา ( อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ) ความมีใจเป็นกลาง เพราะเห็นตามเป็นจริง
 
โพชฌงค์ 7 เป็นหลักธรรมส่วนหนึ่งของ โพธิปักขิยธรรม 37 ( ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค อันได้แก่ สติปัฏฐาน4  สัมมัปปธาน4  อิทธิบาท4  อินทรีย์5  พละ5  โพชฌงค์7  และมรรคมีองค์ 8 )

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว  ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก  ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญสติปัฏฐาน 4 ให้บริบูรณ์ได้  ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน 4 แล้ว ทำให้มากแล้วย่อมบำเพ็ญโพชฌงค์ 7 ให้บริบูรณ์ได้  ภิกษุที่เจริญโพชฌงค์ 7 แล้ว ทำให้มากแล้ว  ย่อมบำเพ็ญวิชชา และวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ ฯ "
  
— อานาปานสติสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔

โพชฌงค์ปริตร ( โพชฌงค์ 7 )

ฉบับสวดมนต์แปลของพระศาสนโสภณ  (แจ่ม )  วัดมกุฎกษัตริยาราม

จาก   :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:oXmrddWE8wEJ:zayyes.com/index.php%3Ftopic%3D1688.0+%E0%B8%9A%E0%B8%97+%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94+%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C+%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3+%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C+7&cd=2&hl=th&ct=clnk&gl=th

โพชฌังโค สติสังขาโต ธัมมานังวิจโย ตถา วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตถาปเร สมาธุ เปกขโพชฌังคา สัตเตเต สัพพทัสสินา มุนินา สัมมทักขาตา ภาวิตา พหุลีกตา สังวัตตันติ อภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตน สัจจวัชเชน โสตถิ เต โหตุ สัพพทา

เอกัสมึ สมเย นาโถ โมคคัลลานัญจะกัสสปังคิลาเน ทุกขิเตทิสวา โพชฌังเค สัตตะเทสยิเต จะ ตัง อภินันทิตวา โรคา มุจจึสุ ตังขเณ เอเตนะสัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา

เอกทา ธัมมราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะตัญเญวะ ภณาเปตวาน สาทรัง สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฎฐาสิ ฐานโส เอเตนะสัจจวัชเชนะโสถติ เต โหตุ สัพพทา

ปหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มเหสินัง มัคคาหตกิเลสา วะ ปัตตานุป ปัตติธัมมตังเอเตนะ สัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา

คำแปล
 
" โพชฌงค์เจ็ดประการ  คือ  สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพฌงค์วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์เหล่านี้ อันพระมุนีเจ้าผู้เห็นธรรมทั้งสิ้น ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลมาเจริญ ทำให้มาก ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อนิพพานและเพื่อความตรัสรู้ ด้วยความสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ

ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้าทอดพระเนตร พระโมคคัลานะและพระกัสสปะ เป็นไข้ถึงทุกขเวทนาแล้ว ทรงแสดงโพชฌงค์เจ็ดประการ ท่านทั้งสองก็เพลิดเพลินนั้น หายโรคในขณะนั้น ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ

ครั้งหนึ่ง แม้พระธรรมราชาอันความประชวรเบียดเบียนแล้ว รับสั่งให้พระจุนทเถระแสดงโพชฌงค์นั้นโ่ดยยินดี ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายประชวรไปโ่ดยฐานะ ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ

ก็อาพาธทั้งหลายนั้น อันพระมหาฤาษีทั้งสามองค์ละได้แล้ว ถึงความไม่บังเกิดเป็นธรรมดา ดุจกิเลสอันมรรคกำจัดแล้ว ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ "
 
เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประชวร ได้รับสั่งให้พระจุนทเถระเจริญพระพุทธมนต์ "โพชฌงค์ปริตร" ถวาย จนพระอาการดีขึ้นจวบเป็นปกติ ทำให้พระพุทธมนต์บทนี้เป็นบทสวดเพื่อระงับอาการอาพาธ ขจัดปัดเป่า โรคาภัยและทุกขเวทนาทั้งปวง

เมื่อพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่อาพาธ หรือเจ้านายพระราชวงศ์ประชวร มักนิมนต์พระสงค์ไปเจริญพระพุทธมนต์บทนี้ ควบคู่กับพระพุทธมนต์ " อนัตตลักขณสูตร " เพื่อให้หายจากอาการเหล่านั้น

Credit : http://www.rr10.com/katha.html
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #535 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 00:34:21 »

KEEPING FRUITS & VEGETABLES FRESH‏

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

อ๊าก !  ต้องฝืนใจเป็นที่สุด  ถ้าต้องอ่านข้อความที่เป็น capital letter ล้วนๆ  แต่เพราะความอยากรู้  ก็เลยจำยอมต้องอ่าน ... โห !  Amazing แท้ๆ  คุณพ่อบ้าน-คุณแม่บ้านต้องพิสูจน์กันหน่อยล่ะ ...

AN INDONESIAN MAID SHARED WITH ME A WEEK AGO A WAY TO PRESERVE FRUITS AND VEGETABLES WHICH SHE LEARNED FROM THE FAMILY SHE BABY-SAT FOR IN KL. THAT FAMILY WAS USING " ALUMINUM COATED PLASTIC BAGS " TO KEEP THEIR FRUITS AND VEGETABLES FRESH FOR WEEKS ! ! !

HERE IS THE TYPE OF ALUMINIUM COATED PLASTIC BAG FROM QUAKER THAT THEY USED. YOU CAN USE ANY OTHER SIMILAR TYPE - IT DOESN'T HAVE TO BE FROM QUAKERS.



YOU CAN PUT PLENTY OF FRUITS AND/OR VEGETABLES IN IT..



EVEN AFTER A WEEK THE VEGETABLES WILL REMAIN FRESH. NO DEHYDRATION AT ALL.

LOOK AT THESE OCRAS. THEY ARE STILL VERY, VERY FRESH WITHOUT ANY DEHYDRATION AT ALL.



BUT DON'T FOLD OR SEAL THE OPENING OF THE BAG. JUST LEAVE THE BAG OPEN AND IT WILL DO THE MAGIC WORK FOR YOU ALREADY. .....TRY IT OUT.....

YOU WOULD SURE LIKE IT VERY MUCH TOO.

INSTEAD OF THROWING THESE USEFUL THINGS AWAY, RE-USE IT AGAIN AND YOU WILL BE INHERENTLY JOINING THE GROUP OF " SAVING THE MOTHER-EARTH " CAMPAIGN TOO.
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #536 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2553, 02:49:15 »

World's Strangest Buildings‏

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Top 33 World’s Strangest Buildings ( sorted by 4,520 visitors votes )  จาก : http://www.boredpanda.com/top-33-worlds-strangest-buildings/

Strangebuildings.com. has a wonderful collection of the world’s most unusual architecture and together with Bored Panda presents you an incredible list of 33 strangest buildings in the world, and best of all, it’s not just another random list, but it is based on 4.520 unique visitor votes. So don’t blame panda for this exact order, blame yourself for voting this way, or for not voting at all. ( the voting took place here. )

Well enough of those boring talks, prepare your hand for scrolling down the list, while bored panda eats another bamboo leaf.

P.S. :  if you want to find out more information about the building ( date it was built, architect, interior shots ) don’t forget to visit Strangebuildings.com.

1. Mind House ( Barcelona, Spain )

( Bamboo leaf for angelocesare via www.boredpanda.com )

2. The Crooked House ( Sopot, Poland )

( Bamboo leaf for brocha via www.boredpanda.com )

3. Stone House ( Guimarães, Portugal )

( Bamboo leaf for Jsome1 via www.boredpanda.com )

4. Lotus Temple ( Delhi, India )

( Bamboo leaf for MACSURAK via www.boredpanda.com )

5. Cathedral of Brasilia ( Brazil )

( Bamboo leaf for = xAv = via www.boredpanda.com )

6. La Pedrera ( Barcelona, Spain )

( Bamboo leaf for joe_aesmorga via www.boredpanda.com )

7. Atomium ( Brussels, Belgium )

( Bamboo leaf for /*dave*/ via www.boredpanda.com )

8. Museum of Contemporary Art ( Niteroi, Rio de Janeiro, Brazil )

( Bamboo leaves for 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 via www.boredpanda.com )

9. Kansas City Library ( Missouri, USA )

( Bamboo leaf forjonathan_moreau via www.boredpanda.com )

10. Low impact woodland house ( Wales, UK )

( Bamboo leaf for Simon via www.boredpanda.com )

11. Guggenheim Museum ( Bilbao, Spain )

( Bamboo leaf for disgustipado via www.boredpanda.com )

12. Rotating Tower ( Dubai, UAE )


( Bamboo leaf for Dynamic Architecture ™ all rights reserved to Dr. David Fisher )

Have you ever seen a building in motion that actually changes its shape? Sounds unbelievable but not to Dr. David Fisher. This building will never appear exactly the same twice.

It is amazing but you will have the choice of waking up to sunrise in your bedroom and enjoying sunsets over the ocean at dinner.

In addition to being such an incredible engineering miracle it will produce energy for itself and even for other buildings because it will have wind turbines fitted between each rotating floor (picture 2). So an 80-story building will have up to 79 wind turbines, making it a true green power plant.

13. Habitat 67 ( Montreal, Canada )

( Bamboo leaf for ken ratcliff via www.boredpanda.com )

14. Casa da musica ( Porto, Portugal )

( Bamboo leaf for Osvaldo Gago – fotografar.net )

15. Olympic Stadium ( Montreal, Canada )

( Bamboo leaf for Wikipedia via www.boredpanda.com )

16. Nautilus House ( Mexico City, Mexico )

( via www.boredpanda.com )

17. The National Library ( Minsk, Belarus )

( Bamboo leaf for ledsmagazine.com via www.boredpanda.com )

(Bamboo leaf for .magullo. via www.boredpanda.com)

18. National Theatre ( Beijing, China )

( Bamboo leaf for Azure Lan via www.boredpanda.com )

19. Conch Shell House ( Isla Mujeres, Mexico )



( Bamboo leaf for Mark Stadnik via www.boredpanda.com )

20. House Attack ( Viena, Austria )

( Bamboo leaf for Dom Dada via www.boredpanda.com )

21. Bibliotheca Alexandrina ( Egypt )

( Bamboo leaf for Bibliotheca Alexandrina )

22. Cubic Houses ( Kubus woningen ) ( Rotterdam, Netherlands )

( Bamboo leaves for sarmax via www.boredpanda.com )

23. Ideal Palace ( France )

( Bamboo leaf for Mélisande* via www.boredpanda.com )

24. The Church of Hallgrimur ( Reykjavik, Iceland )

( Bamboo leaf for Stuck in Customs via www.boredpanda.com )

25. Eden project ( United Kingdom )

( Bamboo leaf for wikipedia via www.boredpanda.com )

26. The Museum of Play ( Rochester , USA )

( Bamboo leaf for Mike.Hanlon via www.boredpanda.com )

27. Atlantis ( Dubai, UAE )

( Bamboo leaf for Tom Olliver via www.boredpanda.com )

28. Montreal Biosphere ( Canada )

( Bamboo leaf for: wikipedia via via www.boredpanda.com )

29. Wonderworks ( Pigeon Forge, TN, USA )

( Bamboo leaf for Rusl?k via www.boredpanda.com )

30. The Basket Building ( Ohio, USA )

( Bamboo leaf for addicted Eyes via www.boredpanda.com )

31. Kunsthaus ( Graz, Austria )

( Bamboo leaf for watz via www.boredpanda.com )

32. Forest Spiral ( Darmstadt, Germany )

( Bamboo leaf for Kikos Dad via www.boredpanda.com )

33. Wooden Gagster House ( Archangelsk, Russia )

( Bamboo leaf for deputy-dog.com via www.boredpanda )
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #537 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2553, 14:21:24 »

เลิศ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #538 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2553, 18:38:24 »

ชอบเรื่อง ลัดดาคะ.
ไม่รู้ผลเป็นไงนะคะพี่เจี๊ยบ
เพราะข่าวตั้งแต่ปี2552??
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #539 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2553, 21:49:09 »

NN ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีกนะจ๊ะ ... คำตอบที่หนิงถามอยู่ที่ย่อหน้าอักษรสีแดงนะ ...

ด่วน ... มนุษย์ล้อหญิงเหล็ก ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ มาเยือนเมืองไทยแล้ว

โดย  อ๋อย กฤษณะ ไชยรัตน์  OK Nation Blog  วันอาทิตย์ ที่ 10 มิถุนายน 2550

หญิงเหล็กมนุษย์ล้อ อีก 1 หญิงเก่ง ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

เมื่อช่วงสายวันเสาร์ที่ผ่านมา ( ๙ มิย. ๕๐ ) ผมได้ไปต้อนรับมนุษย์ล้อหญิงเหล็ก ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังช่วงปลายปีที่แล้ว เมื่อเธอลงสมัคร ส.ส.รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งเธอแพ้ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันเจ้าถิ่นไปอย่างเฉียดฉิว



เธอคนนี้ มีชื่อว่า "พ.ต.หญิง ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ" เธอมีอาชีพเป็น "ทหาร" ประจำกองทัพอเมริกา โดยทำหน้าที่เป็นนักบินร่วม การขับเครื่องบินเฮลิปคอปเตอร์แบล็คฮอคลาดตระเวณทั่วน่านฟ้ากรุงแบกแดดเมื่อช่วง 3-5 ปีก่อน เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ เพราะนั่นคือ..หน้าที่งานประจำวัน

เมื่อหลายปีก่อน ลัดดาคนนี้ ถูกกองทัพสหรัฐฯ ส่งตัวไปร่วมรบในสมรภูมืเดือด ประเทศอิรัก โดยเธอประจำการอยู่ในกรุงแบกแดด  อาหารประจำวันของเธอ ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย ที่คุณแม่ละไม  สมพรไพลิน คุณแม่ของเธอบรรจงจัดเตรียมใส่กระป๋อง และหีบห่อ ส่งไปให้เธอที่แบกแดดเสมอ ๆ



เพียงแต่วินาทีนั้น เธอยังไม่รู้ว่าขาทั้ง 2 ขาดหายไปแล้ว  เนื่องเพราะชา-หนึ่ง แล้วเพราะความเป็นห่วงชีวิตของลูกน้องทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน รวมตัวเธอด้วย

เธอ และเพื่อนนักบินกัดฟันตั้งสติ พยายามประคับประคองเอาเครื่องลงจอดได้สำเร็จ โดยมีเฮลิปคอปเตอร์แบล็คฮอร์คอีกลำที่บินประกบตามหลังมา และคอยยิงต่อสู้อารักขาให้ จนกระทั่ง ลัดดานำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย  รอดชีวิตมาได้อย่างเหลือเชื่อ !

"วินาทีนั้น คิดแต่เพียงว่า ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จอย่างเดียว คือ จะต้องนำเครื่องลงจอดให้ได้ และขอให้ทุกคนในเครื่องปลอดภัย"  ลัดดากล่าว พร้อมทั้งหยิบสร้อยในคอออกมาโชว์ ซึ่งเป็นสร้อยสำหรับคล้องพระเครื่องที่คุณแม่ของเธอมอบให้ไว้ติดตัวก่อนออกไปรบในสมรภูมิอิรัก

"คุณแม่ให้เหรียญ ลป.แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ คล้องติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา  ยังนึกว่า ถ้าไม่มีท่าน ลัดดาอาจไม่มีชีวิตรอดมาถึงวันนี้แล้วก็ได้  แต่คุณแม่ แรก ๆ ก็บ่นน้อยใจ และก็โมโหท่าน ว่า ทำไมไม่ช่วยลูกลัดดาเลย" เธอเล่าให้ฟัง พร้อมเสียงหัวเราะอารมณ์ดี  



ตัดกลับไปทีวินาทีสยองขวัญ บนน่านฟ้ากรุงแบกแดด หลังจากเฮลิปคอปเตอร์ฯทื่คุณลัดดาขับถูกยิง กระทั่งเธอตั้งสติกัดฟันฝ่าวิกฤตนำเครื่องลงจอดได้สำเร็จ  เท่านี้นแหละครับ ลัดดาก็เป็นลมฟุบ หมดสติไปในทันทีทันใด เนื่องจาก เธอสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก จากขาที่ขาดจากร่างไปทั้ง 2 ข้างนั่นเองครับ

ลัดดามาฟื้น รู้สึกตัวอีกที ก็เมื่อ 11 วันผ่านไป  ถึงได้รู้ว่า..ขาทั้ง 2 ข้างของเธอขาดหายไปแล้ว แต่ก็คิดว่า ยังดีที่เอาชีวิตรอดมาได้ และได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในวินาทีสยองนั้น โดยที่ทุกคนปลอดภัย ยกเว้นตัวเธอที่ต้องเสียขาไป 2 ข้าง และแขนข้างขวา ซึ่งเนื้อ และกระดูกแหลกเละเกือบทั้งแถบ   คณะแพทย์ในโรงพยาบาลที่ชิคาโก้ ผ่าตัดตกแต่งแผล ทั้งที่ขาทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาของเธอ ซึ่งต้องตัดเนื้อจากตรงท้อง มาปะเอาไว้แทนเนื้อจริงที่หายไปจากแรงจรวดที่เธอโดนยิงถล่ม

เธอนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 6 เดือน ก่อนจะกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน แล้วก็ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านกับ รพ. เป็นเวลาอีกหลายเดือนต่อมา กว่าร่างกายจะหรับสภาพได้ โดยเธอต้องใส่ขาเทียม เป็นเหล็ก ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ไฮเธคทั้ง2 ข้าง สลับกับการใช้รถเข็นวีแชล์ เป็น "มนุษย์ล้อ" บ้าง ในบางเวลา



กระทั่ง เมื่อช่วงเดือน พย.2549 หลังจากเธอโดนยิงถล่มทางอากาศที่รัก เป็นเวลาประมาณ 2 ปี เธอฟื้นตัวได้เร็วมาก และก็เธอยังตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.ที่รัฐอินลินอยส์ เขต 6 ตามคำเชิญชวนของแกนนำพรรคเดโมแครต ซึ่ง 1 ในนั้น คือ "ฮิลลารี่ คลินตัน" อดีตสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา และว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของ USA.

ลัดดาลงพื้นที่เดินสายหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกัน มีคนเอเชียน้อยมาก แค่ไม่ถึง 5 % อีกทั้ง คู่แข่งของเธอ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม และคนของรีพับลิกัน ก็เป็น สส.ผูกขาดมายาวนานกว่า 30 ปี ศึกนี้ จึงเป็นศึกใหญ่ที่โหดหินมากสำหรับลัดดา หนักหนาสาหัสไม่แพ้สมรภูมิเดือดในอิรักเลยล่ะครับ

 แต่ลัดดาก็ไม่เคยย่อท้อ และไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา เธอเดินสายลงพื้นที่อย่างหนัก ด้วยขาเหล็กทั้ง 2 ข้าง สลับล้อรถเข็นวีลแชล์ ในบางโอกาส ซึ่งในทุกเมืองในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะต้องมีการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ทางลาดขึ้นลงฟุตบาททางเท้า ที่จอดรถ ห้องน้ำคนพิการ เอาไว้รองรับอย่างทั่วถึงเพียงพอ เพราะเป็น กม.ที่ทุกคน ทุกหน่วยงานจะต้องปฏิบัติตาม   ตรงนี้  ผมว่าเมืองไทยจะต้องนำมาทำบ้างให้ได้ โดยเร็วที่สุด  เพื่อที่คนพิการในเมืองไทยจะได้มีสิทธิเสรีภาพ มีโอกาส มีบทบาททัดเทียมคนปกติทั่วไปเหมือนในนานาอารยประเทศซะทีนะครับ



เพราะ "สิ่งอำนวยความสะดวก" ไม่ว่าจะเป็นทางลาด  ลิฟท์ ห้องน้ำ ที่จอดรถ ฯลฯ นั้น  เป็นเหมือน "ปัจจัยที่ 5" ในการดำเนินชีวิตของคนพิการ นอกเหนือจาก อาหาร เครือ่งนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค  

จะเปรียบเป็นเหมือน "อากาศบริสุทธิ์" ที่มนุษย์ททุกคนใช้หายใจ เพื่อมีชีวิตอยุ่ต่อไปได้ ก็ได้ครับ  เพราะถ้าไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก  คนพิการ ก็ออกจากบ้านไปไหนไม่ได้ หรือถ้าออกไป ก็จะต้องตกเป็นภาระของคนอื่นอยู่ร่ำไป  ต้องมาคอยยก คอยแบก คอยหามอยู่ร่ำไป  นี่ไงครับ..ที่ผมพูดเสมอว่า..คนพิการ ไม่มี  ความพิการก็ไม่มีครับ จะมีก็แต่เพียงสภาพแวดล้อมที่ยังพิการ  และความคิดจิตใจของผู้มีอำนาจหน้าที่ (บางคน) ที่ยังพิการอยู่เท่านั้นล่ะครับ  ตรงนี้ล่ะครับ ที่เป็นสาเหตุ และเป็นที่มาของคำว่า "คนพิการ" และ "ความพิการ" ในสังคมไทยครับ



ตัดกลับไปที่การหาเสียงของคุณลัดดากันต่อครับ  ไม่ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคถั่งโถมขนาดไหน ไม่ว่าเธอจะถูกพรรคคู่แข่งกล่าวหาโจมตีเพียงใดก็ตาม เช่น โจมตีว่าเธอเป็นคนไทย เป็นคนเอเชีย ไม่ใช่คนอเมริกันแท้ อย่าไปลงคะแนนเลือกเธอ อย่างนี้ก็มี เป็นต้น (บางที การเมืองการหาเสียงในอเมริกัน ก็มีน้ำเน่า มีสาดโคลนใส่กันเหมือนการเมืองบ้านเราเนอะ)

แต่เธอก็เดินหน้าหาเสียงต่อไปไม่ย่อท้อ โดยชูประเด็นใหญ่เรื่องสิทธิโอกาสคนพิการ และสิทธิความเสมอภาคเท่าเทียมกันทั้งในสังคมการเมือง และด้านต่าง ๆ ในอเมริกา   นอกเหนือจากนโยบายด้านต่าง ๆ ที่เดโมแครตมีให้เป็นแนวทางหาเสียงอยู่แล้ว

ผลการนับคะแนนการเลือกต้งออกมา  ปรากฎว่า คุณลัดดาเกือบได้ครับ เธอแพ้ให้กับผู้สมัครเจ้าถิ่นอย่างรีพับลิกันไปอย่างเฉียดฉิว แค่ 2 พันคะแนน  จากคะแนนรวมที่เธอได้ทั้งหมดกว่า 1 แสนคะแนน  แม้ว่าจะแพ้ แต่ก็ถือเป็นการแจ้งเกิดในสนามการเมืองของหญิงเหล็กมนุษย์ล้อลูกครึ่งไทย-อเมริกันคนนี้ได้เป็นอย่างดีครับ



ผมถามคุณลัดดาว่า เลือกตั้งที่รัฐอิลลินอยส์สมัยหน้า อีกประมาณ 2 ปีจากนี้ไป เธอจะลงสมัครแข่งขันอีกหรือไม่ ? เธอตอบว่า ต้องขอปรึกษาสามีดูก่อน  อ้อ..ลืมบอกไป  สามีคุณลัดดา ก็เป็นทหารด้วยกันนะครับ และที่สำคัญ ตอนนี้ สามีของเธอ ซึ่งเป็นฝรั่งชาวอเมริกันจ๋า ก็ถูกส่งตัวไปร่วมรบในประเทศอิรักเช่นเดียวกับที่เธอเคยไปมาก่อน  ผมคิดในใจว่า ขอให้องค์พ่อจตุคามรามเทพช่วยคุ้มครองสามีของเธอด้วย...สาธุ

เรื่องการลงสู่สนามการเมืองในหรัฐอเมริกานั้น ผมเชียร์คุณลัดดาสุดใจขาดดิ้นเลยครับ  ผมบอกคุณลัดดาว่า ขอให้ลงสมัคร ส.ส.อีกเถอะครับ  จะได้เป็นปากเป็นเสียงให้กับคนพิการ และมนุษย์ล้อ ไม่เฉพาะในอเมริกา แต่เพื่อคนพิการทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วยครับ  เพราะคุณลัดดาเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ และเป็นมนุษย์ล้อที่มีวิชาความรู้ความสามารถที่โดดเด่น ได้ดำรงสถานะตำแหน่งต่าง ๆ ก็ด้วยฝีมือจริง ๆ ครับ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย

ปัจจุบัน  คุณลัดดา ทำหน้าที่เป็น ผอ.องค์การทหารผ่านศึกในรัฐอิลลินอยส์ รัฐที่มีขนาดเล็กกว่าเมืองไทยเพียงเล็กน้อย  เธอทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของทหารผ่านศึกกว่า 1.2 ล้านคนในอิลลินอยส์ โดยมีงบประมาณแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท



ล่าสุด  คุณลัดดา เดินทางกลับมาเมืองไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อกลางดึกวันศุกร์ที่ผ่านมา (๘ มิย.)  โดยคุณแม่ของเธอเดินทางมาถึงล่วงหน้าเมื่อสัปดาห์ก่อน  ซึ่งมี จนท.จากสถานฑูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย มาทำหน้าที่ดูแลต้อนรับเธออย่างเต็มที่

ในเย็นวันอังคารนี้ (๑๒ มิย.) ท่านฑูตราฟบอยส์ฯ (คนที่ไว้หนวดน่ารัก และพูดภาษาไทยเก่งๆนั่นล่ะครับ) จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณลัดดาอย่างเป็นทางการ ที่บ้านท่านฑูตฯ  ผมก็ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย และผมก็จะไม่พลาดงานนี้อย่างแน่นอนครับ

คุณลัดดา มีกำหนดการเดินทางไปบรรยายเรื่องสิทธิเสรีภาพ และงานที่เธอทำ ก็จะไปพูดให้กับบรรดานักศึกษา ปัญญาชนในหลายสถาบันการศึกษาฟัง ทั้งที่เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ และอีกหลายๆแห่ง

เธอจะอยู่เมืองไทยประมาณ 1 สัปดาห์  ก่อนจะบินกลับไปสหรัฐอเมริกา เพื่อทำงานในหน้าที่ของเธอต่อไป

หวังว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า เวทีการเมืองสหรัฐฯ จะมี ส.ส.หญิงมนุษย์ล้อ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน คนนี้  เข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคให้กับคนพิการทั่วโลก ผ่านสภาคองเกรส  สภาของประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ครับ...

ขอบคุณข้อมูลจาก  :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:x2dZ8zjYbQYJ:www.oknation.net/blog/krisana/2007/06/10/entry-1+%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2+%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97&cd=4&hl=th&ct=clnk&gl=th
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #540 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2553, 22:12:33 »

Most Beautiful News Caster ... ผู้ประกาศข่าว...ที่สวยที่สุดในโลก

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา



ผู้หญิงคนนี้ ถูกเรียกว่า " ผู้อ่านข่าวที่สวยที่สุดในโลก " เธอคนนี้ชื่อ * เมลิซ่าา เตอรีโอ  *( Melissa Theuriau ) อายุ 32ปี  เป็นผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แอลซีไอ ของฝรั่งเศส  ที่เคยถูกส่ง Fw เมลเยอะที่สุดคนหนึ่ง โดยในอีเมลระบุว่าผู้อ่านข่าวที่สวยที่สุดในโลก



ก่อนหน้านี้  มีเรื่องแซวกันว่ารถยนต์บนท้องถนนในปารีสช่วงเช้าไม่ติดมาก  เพราะเวลาประมาณ 06.40 น.เป็นเวลาที่เมลิซ่านั่งอ่านข่าว  ทำให้หนุ่มๆ ชาวปารีเซียงพร้อมใจกันซดกาแฟในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหน รอจนเธอประกาศ " ข่าวเช้า " จบ .. จึงออกจากบ้านตอนนั้นจะรีบร้อนก็ไม่เป็นไร  เพราะก่อนไปทำงาน ได้เห็นหน้าสาวงามชื่อเมลิซ่า ..เรียบร้อยแล้ว



เมลิซ่า เริ่มเป็นนักข่าวในปี 2003  ได้มาอ่านข่าวทีวีเริ่มจากข่าวพยากรณ์อากาศ  ท่องเที่ยว  จนในปี 2006เมลิซ่าได้ขยับมาอ่านเป็นผู้ประกาศข่าวช่วงหัวค่ำค่ะ  และมีช่วงสัมภาษณ์คน  ดังนั้นทำให้คนรู้จัก และจดทำเธอได้เป็นอย่างมาก



เมลิซ่ามีแฟนคลับที่โพสรูปของเธอ และวิดีโอคลิปการอ่านข่าวในยูทูป  ซึ่งแต่ละเทปของเธอมีผู้กดเข้าชมนับแสนๆครั้ง  และมีจำนวนคลิปเป็นร้อย



เมลิซ่าา เตอรีโอ ด้วย รูปร่างหน้าตา ความสวย ที่ดูจะสวยระดับนางงาม เวลาเธออ่านข่าวก็จะมีลักษณะดึงดูดบางอย่าง จากทั้งรูปปาก รูปคาง สีหน้าแววตา มัดใจคนดูทำให้หลายๆ คนส่งต่อ FW mail และลงความเห็นว่า เมลิซ่าเป็นผู้ประกาศข่าวที่สวยยย.. ที่สุดในโลก..  



และในปี 2006 หนังสือ The Daily Expressก็โหวตให้เมลิซ่าเป็นสุดยอดผู้ประกาศข่าวที่สวยที่สุดในโลกไปอีกตำแหน่งหนึ่งค่ะ



เมลิซ่า แต่งงานแล้วค่ะ และมีลูกชาย 1 คน  นอกจากนี้เธอยังรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการเป็นนักเขียนให้กับนิตยสารทีวีโซน เธอรวบรวมแรงกำลังกับผู้ประกาศข่าว และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และข่าวโทรทัศน์ท่านอื่นๆ โดยรับหน้าที่เป็นผู้รณรงค์สนับสนุนการศึกษาแก่เด็กหญิง ให้กับองค์กรยูนิเซฟด้วยละค่ะ



เมลิซ่าา เตอรีโอ * ทั้งสวย  ทั้งเก่ง  ทั้งฉลาด *





      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #541 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2553, 00:31:01 »

พี่เจี๊ยบ ขอบคุณค่ะ
เฮ้อออ ... ปลื้มคุณลัดดา
ช่างมีโลกทัศน์ที่สว่างไสว
สดชื่นแก่คนที่ได้อ่าน ได้ฟัง
เข้มแข็งมากค่ะ น่าชมเชย
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #542 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2553, 13:26:11 »

เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับ NN ค่ะ


10 Ways Facebook Can Ruin Your Life

จาก  :  http://www.newsweek.com/blogs/the-human-condition/2010/07/20/10-ways-facebook-can-ruin-your-life.html?GT1=43002

This week Facebook will register its 500 millionth member. It's a milestone both significant and meaningless : yes, it's a reminder of just how big the social-media giant has become, but really—did we need reminding? That Facebook is a part of many Americans' daily lives is clear.  But how it's affecting those lives is still being examined. We know that Facebook can be good for your health, and that it can make everything from networking to sharing photos easier. But there's also a potentially sinister side, even aside from dubious privacy issues. Below, 10 ways that Facebook can do more harm than good.

1. You'll be reunited with your biological parents. This can be good news, but it's not always. Take Prince Sagala, who found her biological children on Facebook—children she alleges were kidnapped more than a decade ago by her ex-husband. The mom and kids are now reunited. The only problem: the kids grew up with their dad and don't want anything to do with the parent who now has custody. And in an even more horrifying story, Aimee Sword was sentenced to nine to 30 years in prison recently for sexually abusing her 15-year-old biological son, whom she tracked down on Facebook.

2. Your creditors can track you down. Creditors use Facebook as a way to both track the movements of debtors and keep their eyes on any potential assets that could be seized to cover those debts. At first, lenders may use Facebook to determine whether you're a worthy candidate for a loan. But should you come to owe a creditor money, the company can track you down and discover your assets by monitoring your Facebook feed.  

3. Your insurers can deny your claims. Remember the woman who was receiving workers' compensation for depression, only to be "outed" by Facebook pictures of her smiling? Her insurance benefits were cut off, with insurers saying that her photos showed she was ready to return to work. That's left attorneys who argue for disability benefits concerned. Many now advise against giving away too much on Facebook.

4. Your ex can use it against you in a divorce. Facebook is a popular tool for divorce attorneys, who comb pages of their clients' spouses for evidence of neglect, infidelity, or deception. (One study suggests that Facebook comes up in one out of five new divorce petitions). Mashable says a woman lost custody of her children after her ex proved she was spending time tending her crops on Farmville instead of spending quality time with her kids, while divorce lawyers have given multiple interviews extolling the site's virtues as a way to air damaging dirty laundry.

5. It could make you depressed. Researchers from Stony Brook University in New York found that teenage girls who spend the most time discussing their lives with friends were more likely to be depressed. Apparently, spending too much time dwelling on gossip and your problems can make you feel worse, not better. The researchers didn't study Facebook in particular, but they indicated that social-networking sites such as Facebook made it easier for people to be in constant contact with friends and perpetuate the unhealthy discussions.  

6. It can cost you a job. A British survey of employers found that half of those polled had turned down job candidates once something unsavory about that candidate surfaced on Facebook. (Examples include tales of drunkenness, photos of illegal activity, and bad grammar.) In the U.S., 20 percent of employers admit to scoping out the Facebook pages of potential job candidates, while 9 percent say they're going to start soon.

7. It can out you to your family.  Even if you're discreet on Facebook, your loose-lipped friends might not be and could post comments on your wall that betray your secrets. But there are also more insidious outings going on: MIT students designed an algorithm that successfully pinpointed gay users by analyzing how many of their friends were gay.

8. It can make it easier for your stalker or abusive partner to follow your movements. Let's be honest : if there weren't Facebook, abusers would find another trigger to set off their rage. But Facebook has made it easier for these people to keep tabs on their victims and respond to their movements, even after the victim has tried to sever ties. In one particularly sad case, a woman who changed her Facebook status to "single" was killed by her husband, from whom she had separated. After seeing her status, he broke into her home and stabbed her repeatedly.

9. You can be sued for libel. There are already several cases of libel suits over content posted on Facebook. In Britain, where libel is easier to prove than in the U.S., a businessman won £22,000 when a former classmate created a fake profile full of defamatory information. Stateside, an Ohio-area band sued a Facebook "hate group," and a Michigan towing company sued a student who created a Facebook page alleging that the company tows legally parked cars. (The company says those claims are false.) So far, the law appears to be on the poster's side. But it's still a hassle.

10. Your kids could be targeted by predators.  After a teenage girl in England was murdered by a sex offender who posed as a teenager on Facebook, the British version of the site added a "panic button" that allows teens to report any unwanted attention—including cyber-bullying—directly to the authorities. But the button is not yet on U.S. or other international versions of Facebook, and it's unclear whether the company plans to add it.

ถ้าผู้อ่านสนใจ  ก็สามารถคลิกอ่าน comment อีก 145 ความคิดเห็น ที่มาโต้แย้ง  เห็นด้วย  และ share ประสบการณ์ของตน ได้เพิ่มเติมอีกนะ ...
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #543 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2553, 18:52:47 »

Sick of Social Network  :  ปัญหา " รัก " หลังคีย์บอร์ด

16.07.10  by Pakamon  Viradeja  จาก  :  http://www.chicministry.com/categories/Chic_Career_&_Relationship/love_ministry/index.php?art_id=3736

ปัจจุบันโลกเราที่ดูเหมือนอะไรๆ ก็ง่ายขึ้นมากกว่าแต่ก่อน  สะดวกสบายไปซะทุกเรื่อง  โดยเฉพาะการทำความรู้จักกับคนหน้าใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป  จากที่เคยขอเบอร์บ้าน หรือฝากข้อความทางเพจจอร์  รอกว่าจะได้คุย หรือเจอกันที  ช่างนานแสนนาน  แถมยังยากเย็นแสนเข็ญอีกตั้งหาก

เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปค่ะ  เพียงอยู่บ้านเปิดคอมพ์. ต่อเข้าอินเตอร์เน็ต  แค่นี้ก็สามารถหาแฟนกันได้แล้วววว !  ง่ายๆ  แค่เป็นสามาชิกจากพวก Social Network ทั้งหลาย  ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Hi5, Twitter, MySpace, Friendster และอื่นๆ อีกมากมาย  แค่นี้ก็เป็นอันเกิดปลื้มกันได้  บรรดาคู่รักทั้งหลายรับรองว่าหากใครได้เล่นพวกนี้  เป็นต้องมีปัญหากันทุกคู่ชัวร์


เหตุการณ์ที่เรานั่งอยู่บ้าน  เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ  อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าอยากกดเข้าไปดูหน้าเพจของแฟนตัวเอง  แต่เมื่อเห็นเป็นต้องตกใจ  เพราะบรรดาหญิงนิรนามเข้ามาเขียนข้อความเรียงกันเป็นตับ  บ้างก็ “ ขอบคุณที่รับแอดค่ะ ”  “ ทานข้าวรึยังคะ ”  “ฝันดีนะคะ ”  หรือว่าจะเป็น “ ไม่ได้คุยกันตั้งนานเป็นยังไงบ้าง  คิดถึงๆ ”  มากขึ้นก็เป็น “ คืนนี้ไปเที่ยวไหนไหมเอ่ย ?  ถ้าไปบอกกันบ้างนะ  อยากไปด้วย ”  แบบนี้ก็มีนะ !

ได้เห็นแบบนี้แฟนสาวอย่างเราๆ  เป็นได้ใจหายใจคว่ำกันทุกราย  เกิดอาการ งงว่ าอะไรเนี้ยยย … เธอเป็นใคร  ทำไมมาเขียนแบบนี้ เหมือนจะรู้จักมักจี่กันมาก่อน  หรือจะเป็นกุ๊กกิ๊กของคุณผู้ชาย  หรือพวกเขาเคยไปเจอกันมาก่อนแล้ว  โอ้ย ย ย ย ย ย ย ย …. เครียดสุดพลังรีบคว้าโทรศัพท์กดเบอร์แฟน  แล้วถามกันไปให้รู้แล้วรู้รอดว่า  คุณนางชะนีคนนี้เป็นใครกันยะ ?

เชื่อมั้ยค่ะว่า  คำตอบที่ได้รับจากพ่อหนุ่มของเราเหมือนจะเป็นแพทเทิร์นที่ดูคล้ายกันไปหมดทุกคู่  รับรองว่าเขาคนนั้นต้องทำเสียงงงๆ  ก่อนเอ่ยว่า อะไร  ใคร  ตอนไหน  ไม่รู้ !  ต่อมาอีกขั้นจะเป็นประโยคที่ว่า “ อ้ออ … เขามาขอแอด  ก็รับแอดไปงั้นแหล่ะ  ไม่รู้จัก  ไม่ได้คุยเลย ”  ไอ้เราก็นั่ง งง ไปซิว่า  ไม่รู้จักแล้วจะมาคุยอะไรขนาดนี้  เมื่อถามต่อ  คำตอบที่ได้คือ  ก็ผู้หญิงพิมพ์มาเอง  ผมไม่รู้เรื่อง  เป็นแบบนั้นไป  แต่สำหรับบางคน  ดูจะยังไม่จบอยู่แค่นั้น  เราสาวรักแฟนมีต้องได้กดเข้าไปดูหน้าเพจของคุณผู้หญิงนิรนามกันบ้าง  บางคนก็ดูไม่ได้เ  พราะไม่อนุญาติให้คนที่ไม่ใช่เพื่อนเข้าก็มี  แต่สำหรับบางคนที่ดูได้ก็เอากันใหญ่  เช็คมันซะหมดทุกอย่าง  รูปทุกรูป  เพื่อนเป็นใคร  ข้อความจากเพื่อนนู่น นี่ นั่น  บลาๆ ๆ  และที่สำคัญจะแอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่า  มีแฟนเราเข้าไปเขียนไรไว้บ้างมั้ย

ถือว่าโชคดีของหญิงบางคนที่คำตอบจากพ่อหนุ่มกับสิ่งที่เห็นไม่มีอะไรขัดแย้ง  เพราะแฟนไม่มีการเขียนข้อความตอบกลับจริงๆ อย่างที่พูดไว้  แบบนี้ก็สบายใจขึ้นไปหนึ่งเปราะ  แต่สำหรับบางคนที่เมื่อเข้าไปดูแล้วเป็นต้องใจสั่น  เมื่อเห็นรูปหน้าแฟนตัวเองเข้าไปเขียนข้อความไว้ต่างๆ นาๆ  แบบนี้เป็นได้เศร้าโศกทั่วหน้า

เมื่อไม่มีซึ่งความไว้ใจ  เราจะอยู่อย่างมีความสุขได้เช่นไร  มีเวลาเป็นได้ต้องเข้าไปเช็คๆ ดูๆ ของแฟนหนุ่ม และคุณเธอคนนั้นตลอดเวลา  บางคนถึงขนาดนั่ง Refresh หน้าเพจกันเลยก็มี  แหม ม ม ม ม … ก็ดูเธอซิคะ  แค่รูปยังขนาดนั้นแล้วของจริงจะขนาดไหน  ต่างก็คิดกันไปคนละทาง  กลัวจะถูกนอกใจเป็นที่สุด

เรื่องราวแบบนี้เหมือนจะทำให้ความสุขของชีวิตคู่ขาดหายไปมากกว่าครึ่ง  แทนที่อยู่บ้านแล้วจะสบายใจ  เดี่ยวนี้ไม่มี  บางคนรู้สึกหนักใจมากกว่าออกไปข้างนอกซะอีก  เพราะต้องคอยมานั่งเพ่งดูหน้าคอมพ์. ว่าจะมีอะไรอีกมั้ย  เป็นแบบนี้ทุกครั้งไป

ใครกำลังประสบณ์สถานการณ์แบบนี้อยู่บ้าง … ถ้ารู้ตัวแล้วว่าเป็นเรา  ขอให้รีบเตือนตัวเองด่วนเลยนะคะว่า  ชีวิตคู่ถ้าจะอยู่ด้วยกันได้ต้องมีความไว้ใจมาเป็นอันดับแรก  หากใครหมดซึ่งความเชื่อในตัวของฝ่ายตรงข้ามแล้วละก็  ไม่นานหรอกค่ะ  เป็นได้เดินกันคนละทางอย่างแน่นอน


 
คุณคะ  ลองถามตัวเองซิว่า  เวลาที่เราใช้เอามานั่งจับผิด  ดูนู่น ดูนี่ มันนานแค่ไหนแล้ว  ก่อนหน้านี้เราสามารถใช้ชีวิตรักของเรากันแบบสบายๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร  แต่เดี๋ยวถ้ามีเวลาว่างแทนที่จะได้นั่งทำอะไรที่เป็นสุข  กลับต้องทำในสิ่งที่รู้สึกเศร้าหมองตลอดเวลา  ChicMinistry ขอแนะนำให้คุณเอาเวลาเหล่านี้ไปสร้างความสุขให้กับชีวิตแบบเก๋ๆ เปรี้ยวๆ ตามปะะสาสาวสวยยุคใหม่จะดีกว่า  เพื่อสร้างให้โลกของคุณให้น่าอยู่มากขึ้น  จะทำงาน  อ่านหนังสือคลายเครียด  ก็แล้วแต่ความชอบใจ

เชื่อเถอะค่ะว่า  คนเราถ้าเป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน  แต่ถ้าไม่ใช่จะให้นั่งทำเล็บเสริมสวยอยู่ดีๆ  เดี๋ยวก็มีเหตุให้ต้องแยกทางกันเอง  ไม่ต้องไปค่อยนั่งจับผิด  จ้องมองอะไรทั้งนั้น  เรื่องแบบนี้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเป็นดีที่สุด  ความลับไม่มีในโลกค่ะคุณ  ถ้าแฟนหนุ่มตัวดีเขาคิดจะมีใครจริงๆ แล้วล่ะก็  ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวได้รู้เอง
 
เรื่องแบบนี้ประสบการณ์ตรงที่เคยโดนมาแล้วทั้งนั้น  เรื่องบางเรื่องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี  แต่ถ้าถึงขนาดที่ต้องหลับหูหลับตาเหมือนหลอกตัวเองทั้งที่รู้ทั้งรู้แบบนั้นซิ ไม่ดีแน่นอน !
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #544 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2553, 20:33:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553, 23:21:28
สุดยอดสระว่ายน้ำ จากทั่วโลก

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

super swimming pool around the world



โรงแรม : Park Hyatt Tokyo

ความพิเศษ : สระว่ายน้ำบนชั้นที่ 47 ที่พื้นจรดเพดานเป็นหน้าต่างที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองโตเกียว และอาจเห็นไปถึงภูเขาไปฟูจิ  เหล็กและกระจกทรงปิรามิดที่ทำให้สระดูเหมือนลอยอยู่ท่ามกลางแสงธรรมชาติ  ความยาว 65 ฟุต 4 เลน ที่ดูเหมือนจะเลื่อนได้ในเวลากลางคืนเมื่อตึกสูงต่างๆ เปิดไฟ

พี่เจี๊ยบขราาาา ... ประมาณ 2 ปีก่อน  ไปญี่ปุ่นค่ะ  พักที่ Hyatt Tokyo ค่ะ  ไปช่วง ธ.ค. ค่ะ  เฉยมาก ไม่รู้ว่าที่นี่สระสวยมาก  คิดว่าอากาศหนาว เลยไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำค่ะ  กลับมารู้สึกเสียดายจังค่ะ ( พี่อ้อไปดูงานกะ n.e.c ค่ะ )
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #545 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2553, 23:27:25 »

น้องอ้อย ... เป็นบุญตานะ ที่ได้ไปเห็น 1 ใน " สุดยอดสระว่ายน้ำระดับโลก " มาแล้ว  ยามค่ำคืนสระนี้คงจะสวยมาก  เพราะแสงสีที่ออกแบบไว้  ตอนกลางวันก็คงจะสวยไปอีกแบบ  เพราะมองเห็นท้องฟ้า  เหมือนเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง  ทั้งๆ ที่อยู่ในอาคาร

สถาปนิกชาวญี่ปุ่นหลายๆ คน มีชื่อชื่อเสียงระดับปรมาจารย์ทางด้านการออกแบบ  นิสิตนักศึกษาคณะสถาปัตย์  เรียนทฤษฏีแล้วก็มักจะอยากไปดูผลงานการออกแบบของจริงๆ ให้เห็นกะตา ที่ญี่ปุ่นอ่ะค่ะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #546 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2553, 23:23:57 »

15 Websites that Changed the Internet ! ! !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

There are millions of websites out there. Many of them are unique, either in small ways or in large ones. But the individual impact of any particular site on the overall Internet is generally negligible, if there’s any impact at all.

Not so with the fifteen sites here. These sites changed the Internet, mostly for good, in substantial ways. Included here is everything from Geocities ( which could probably be blamed entirely, either directly or indirectly, for every ugly web design “ trend ” that’s ever been ) to Wikipedia ( which has made information almost universally accessible ) to Google ( which has changed or influenced virtually everything online ).

1. Wikipedia
Changed the way we find information. Before Wikipedia, most online encyclopedias were either sorely lacking in information, or required you to have a paid subscription to access their content. Wikipedia changed all that by not only allowing anyone to view the content for free, but also by allowing individual users to review and update content, making it more complete and accurate overall. Wikipedia also brought crowdsourcing and user-generated content to the mainstream online, making both much more viable and valuable.

2. Amazon.com
Changed the way we shop. Prior to Amazon.com, online shopping wasn’t much different than shopping out of a mail-order catalog, except it wasn’t nearly as popular. While Amazon started out selling just books and related items, it has expanded to sell virtually anything you can think of, either directly or through partner sites large and small. Amazon also made free shipping a standard on orders over a certain dollar value, which has impacted the shipping rates and policies of many other online retailers.

3. Hotmail
Changed the way we use email. Before Hotmail came along, email was basically tethered to a single computer. When you checked your email, it was pulled and deleted from the remote server, meaning the only place you could view it was at your computer. Need an email at home that you received at work? Too bad. There was no way to access it unless you went back to the office. Hotmail changed all that by providing webmail that could be accessed from any computer with an Internet connection. Now, web-based email is widely used and provided by a huge variety of providers. Even though Hotmail is no longer the primary provider of webmail ( and is now owned by Microsoft ), they were still pioneers in the technology.

4. Facebook
Changed the way friends connected. While Facebook wasn’t the first social network, it has definitely become the most popular and has really changed the way friends interact with one another. Sure, people use FB to talk online, but they’re also increasingly using it as a way to plan get-togethers offline. They’re using it to follow and interact with their favorite bands, actors, and other personalities. People use it to keep in touch with business contacts, friends, family, and acquaintances. Facebook has made social networking mainstream, across a variety of demographics and virtually worldwide.

5. Project Gutenberg
Changed the way we read. Project Gutenberg has a much longer history than most people realize. They created the first ebooks, and gave them away for free. You can now read virtually every major book in the public domain, sometimes in multiple languages on their site. Without the pioneering steps the founders of Project Gutenberg took, ebooks would not be where they are today.

6. Twitter
Changed the way we communicate. Twitter has made one of the biggest impacts on the Internet in recent memory. The idea that 140-character messages, broadcast publicly ( for the most part ), would change the way people communicate with one another would have been hard to believe ten years ago. But Twitter has become not just a powerhouse in the way individual communicate with one another, but also in the way businesses communicate with their customers. Complaining about poor customer service on Twitter can often result in almost instant messages from the company in question, and often results in a satisfactory resolution. Twitter has also made celebrities more accessible, with hundreds of celebs now using the service to interact with their fans.

7. Pandora
Changed the way we find new music. Before Pandora, if you wanted to listen to music online, you usually turned to a streaming radio station with pre-programmed content. Sure, you might get lucky and find a station that had mostly music you liked, but maybe it wasn’t diverse enough, or it still kept playing that one song you HATED. Pandora changed all that. Now, you can program your own radio station by just entering the name or a song or artist and then giving the thumbs up or down to music played. With a minimal amount of user input, Pandora has gotten surprisingly good at creating playlists that reflect one’s musical taste. The bonus is that songs or artists you might not have heard of are often thrown into the mix, based on what you already like.

8. Apple
Made minimalist web design cool. Apple had one of the first corporate websites designed with a minimalist aesthetic. As far back as the late 90s, Apple was starting to show a more minimalist take on web design than many other corporate sites, and by early 2000, they’d adopted the white and gray color scheme and top navigation they still employ today.

9. YouTube
Changed entertainment. Before YouTube, there weren’t many options if you wanted to watch a video online. You could sometimes find a video here or there, but with bandwidth costs, they were few and far between. Website owners just didn’t want to pay the extra costs associated with video content. Then YouTube came along and made it free to post any video you wanted ( as long as it wasn’t copyrighted or over ten minutes long ). Web users now had a centralized place to go to watch video online. And because of YouTube’s pioneering effort, online video is now enjoyed by millions every day.

10. Craigslist
Changed classifieds. Online classified sites used to be nearly unusable. Between the huge number of spam postings and the fact there were few if any local listings in most areas, there wasn’t much point in using them. But then Craigslist caught on and suddenly there was an online classifieds site that rivaled most local newspaper classifieds. Now you can use Craigslist to find almost anything, no matter where you live.

11. The Drudge Report
Changed the stature of online news. When the Monica Lewinsky/President Clinton story broke in 1998, it wasn’t a mainstream news source that first reported it. Instead, The Drudge Report held those honors, forever changing the standing of online news sources. Now, online news sources break stories on a regular basis, and are considered by most to be just as reliable as television or print news sources.

12. GeoCities
Made the web more accessible. In the early days of the Internet, the only people online ( for the most part ) were scientists, academics, and those involved in technology. It wasn’t a very exciting place. Then came GeoCities, and suddenly anyone could set up their own webpage for free. Sure, GeoCities spawned a legion of horrifically ugly websites, but it also got a lot of regular people involved in the Internet for the first time and was likely the first design experience of many early web designers.

13. Digg
Changed the way we find and share news. Digg was originally set up as an experiment, but it has completely changed the way many people find news online. The idea of users determining which news was important, relevant, and interesting rather than editors or executives at big news organizations was revolutionary. Now, user-generated news sites are all over the place, both for mainstream news and for individual industries and niches.

14. LiveJournal
Hooked millions on blogging. Blogging wasn’t invented by LiveJournal, but they were the first site to offer free blogs to their members. Millions now use LiveJournal, and tens of millions more blog elsewhere, either through other blog hosts or on their own websites. If it weren’t for LiveJournal and similar free blogs hosts that came later, blogging might not have caught on as the global phenomenon it has become.

15. Google
Changed everything. This one might seem a bit dramatic, but it really is true. Google has invaded virtually every aspect of the Internet. No matter what you do online, you probably interact with one Google service or another multiple times every day. And most people use at least one Google product or service one a regular basis personally. Whether it’s a Blogger blog, a Picasa photo album, a Google search, or even a YouTube video ( or any of the dozens of other services Google owns ), Google-controlled sites are everywhere.


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #547 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2553, 03:25:02 »

' World's oldest Twitter user ' Ivy Bean dies at 104

by Helen A.S. Popkin

จาก  :  http://www.msnbc.msn.com/id/38450442?gt1=43001

With more than 57,000 followers, Bean's oft-described 'cheeky' tweets were the most delightful

Ivy Bean met pop star Peter Andre through Twitter, after confessing she was a fan of his music.   ... ( คนโพสต์ซึ้งจังเลย ! ) ...

Ivy Bean, the Internet-famous centenarian heralded as world's oldest Twitter user, passed away last night at her retirement home in Branford England. She was 104.

" Ivy passed away peacefully at 12.08 this morning, " Pat Wright, manager of the care home wrote via Bean's Twitter account, @IvyBean104. " I'm sorry it took me so long to tell you but it was a very difficult thing to do "

Charming netizens with her upbeat posts about life in the retirement home, Bean moved to Twitter from Facebook in 2008, soon after she reached Facebook's 5,000-friend limit. Fitting right in with the Twitterverse, Bean was typically casual on caps and punctuation.

" I was on facebook before twitter but i find this easier, i have 25'000 friend requests but have reached my limit of friends, " she responded to one follower in March 2009. Bean linked the two social networks so her updates on Twitter also posted to her Facebook account.


" Hello everyone, are you enjoying the sunshine today?" was the cheerful type of tweet Bean often posted at the start of her Twitter day. One or two posts would follow throughout. Bean might interact with one or two of her more than 57,000 followers — wishing one well or thanking another for his or her kind words. And like any proud great-grandparent, she'd occasionally post a picture of her family.

It was Bean's oft-described " cheeky " tweets that were most delightful – winning her the following of U.S. stars such as Ashton Kutcher and UK celebrities, including one of her favorite pop stars, Peter Andre, whom she eventually met.

Tweeting about how the retirement home staff urged residents to stay hydrated in the hot weather, " if the staff make me drink any more i will be floating, " she posted in May. It was soon followed with a report about how residents were being served juice, but " some have had a drink of lager while sat in the garden. "

Bean, a former mill worker, was one of eight children, reports the UK Daily Mirror. She was born in 1905, seven years before widespread telephone service, when the telegram was the speediest way to communicate.


Bean married Harold Gibson Bean in 1945, and gave birth to her only child, Sandra in 1947. According to the Daily Mirror, the couple worked " in service " to Lord and Lady Guiness at Greens Norton Hall in Northampton until they both retired when Ivy was 73 and Harold, 75. Her husband died soon after, and Ivy never remarried.

The last tweet written by Bean appeared on July 6, when she posted " going to have my lunch now will be back later." It's followed on July 12 by a post from care manager Wright, letting Bean's followers know that she had taken ill. Regular posts on Bean's failing condition continued over the weeks until last night, when Wright let Bean's loyal following know that she had passed. There is no word yet on what will become of Bean's Twitter account.

Among the many mourners noting Bean's death on Twitter, Sarah Brown, wife of former Prime Minister Gordon Brown, tweeted today: " Sad to hear the news of Ivy Bean's passing. A great spirit and sense of humor; highly respected senior ambassador for Twitter. "

The microblogging service also noted Bean's passing on it's official Twitter feed: " RIP to the delightful Ivy Bean. Thank you, @ ivybean104, for making Twitter a better place in your 104th year. "


      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #548 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2553, 22:48:34 »

สวัสดีครับพี่เจี๊ยบ

ดูนิสัยคน จากเดือนเกิด

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พฤศจิกายน
  
*ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า                     
   ตอนนี้ปรับเป็นล้านเก้าแล้วครับ

* โดดเด่นหัวไว ใส่ใจและชอบให้คำแนะนำ
* อยากรู้อยากเห็น                                                
     คนละอย่างกับสอดรู้สอดเห็นใช่ไหมครับ  บ่ฮู้บ่หัน

* รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ
* ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา
* พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี
  แถมน่ารักอีกต่างหาก..เหอๆๆๆ  หลั่นล้า

* กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อ
* อดทน หัวรั้น ใจแข็ง ถือคติ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ
* มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
* โกรธยากมากถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ    
     เด็กมันยั่ว..ยังไม่หลวมตัวเลยครับ
* ชอบอยู่คนเดียว
* มีแรงจูงใจในตัวเอง โดยไม่สนใจการยอมรับนับถือจากคนอื่น
* มั่นคง เด็ดเดี่ยว
* รักใครรักจริง
* เจ้าอารมณ์
* โรแมนติก แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก
* รักบ้าน
* ทำงานหนัก
* มีความสามารถสูง    
       ไม่สามารถที่จะ...สูง..กว่านี้แล้วครับ  เหอๆๆ
* ไว้ใจได้
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #549 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2553, 08:08:53 »

YA เกิดเดือนพฤศจิกายน เหรอครับ ? ... แล้ว " คนราศรีพิจิก " ที่แซวหมอดูอยู่เนี่ย  คิดว่าคำทำนายนี้แม่นซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ ?
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #550 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2553, 09:08:40 »

Bangkok’s 12th International Festival of Dance & Music 2010

ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

พรชัย - นิติ 16 ... ส่งมา

เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจจะไปฟังเพลง และชมการแสดงนานาชาติ  ซึ่งจัดให้มาให้ชมกันถึงที่  ไม่ต้องไปตีตั๋วชมกันถึงเมืองนอกเมืองนานะคะ

          วัน เวลา                 รายการ                   บัตรราคา / บาท

เดือนกันยายน 2553

เสาร์ 11 กย. 19.30 น.   Prince Igor, opera    4,000 / 3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,000

อาทิตย์ 12 กย. 19.30 น.   Symphony Concert, conducted by Theodor Currenzis   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

จันทร์ 13 กย. 19.30 น.   La Boheme, opera   4,000 / 3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,000

พุธ 15 กย. 19.30 น.   La Bayadere, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

พฤหัส 16 กย. 19.30 น.   Serenade/Whispers in the Dark/Who Cares ?   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

ศุกร์ 17 กย. 14.30 น.   Cinderella, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

เสาร์ 18 กย. 19.30 น.   Cinderella, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 19 กย. 19.30 น.   Sangre Flamenco   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

พุธ 22 กย. 19.30 น.   Swan Lake by Zurich Ballet   2,500 / 2,000 / 1,800 / 1,200 / 600

พฤหัส 23 กย. 19.30 น.   Swan Lake by Zurich Ballet   2,500 / 2,000 / 1,800 / 1,200 / 600

เสาร์ 25 กย. 14.30 น.   A Christmas Carol by Northern Ballet Theatre   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 26 กย. 19.30 น.   A Christmas Carol by Northern Ballet Theatre   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อังคาร 28 กย. 19.30 น.   Fiesta the Night Away King of Salsa   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

พุธ 29 กย. 19.30 น.   Fiesta the Night Away King of Salsa   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600


เดือนตุลาคม 2553

เสาร์ 9 ตค. 19.30 น.   Fruit of the Earth/Flock/Cherche, Trouve, Perdu/Trama   2,000 / 1,600 / 1,300 / 1,100 / 600

อังคาร 12 ตค. 19.30 น.   Tango Feeling    2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

ศุกร์ 15 ตค. 19.30 น.   Swedish Jazz Kings   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

อาทิตย์ 17 ตค. 19.30 น.   Dance, Ritu Samhara   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

พุธ 20 ตค. 19.30 น.   Carmina Burana by Daejeon Philhamonic Choir   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

ศุกร์ 22 ตค. 14.30 น.   Whereabouts Unknown/Bella Figura   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

เสาร์ 23 ตค. 19.30 น.   Whereabouts Unknown/Bella Figura   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 24 ตค. 19.30 น.   Zubin Mehta & Israel Philhamonic Orchestra
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #551 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2553, 01:53:02 »

พี่แก้ว กรุณาไปเสาะแสวหาตัวอย่างของการแสดงในเทศกาลนี้มาเรียกน้ำย่อย ไว้ที่กระทู้ฟังเพลงเก่าจากภาพยนตร์และละคร  เจี๊ยบขอนุญาต " ชุบมือเปิบ " มาไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ

โปรแกรม " เทศกาลแสดงดนตรี และการแสดงนานาชาติ ครั้งที่ 12 "  ที่จะจัดแสดงในปีนี้ เท่าที่ดูโปรแกรมมีรายการที่น่าสนใจที่จะขอนำมาแปะเป็นนํ้าจิ้มตัวอย่าง 2-3 โปรแกรม คือ

         1) อุปรากร เรื่อง prince Igor  ประพันธ์โดยคีตกวีชาวรัสเซีย Alexander Borodin ในปี คศ. 1869  เรื่องละครดัดแปลงมาจากตำนานในประวัติศาสตร์ในช่วง คศ.1185  ที่เป็นเรื่องราวของชนเผ่าสล๊าฟตะวันออกต่อสู้ปกป้องแผ่นดินจากการรุกรานของชนเผ่าชาว Polovtsian  เป็นละครร้องตลอดทั้งเรื่อง แต่ที่เป็นเพลง Highlight ของเรื่องนี้คือบทเพลงชื่อ  Polovtsian Dance

        
                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=t8C8frqCKKg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=t8C8frqCKKg</a>


               ต่อมาได้มีการนำทำนองของเพลงนี้มาใส่เนื้อร้องเป็นเพลงที่เราได้ยินคุ้นเคยกันชื่อ  Stranger in Paradise เป็นเพลงประกอบในละครเวทีที่บอร์ดเวย์เรื่อง Kismet

               <a href="http://www.youtube.com/watch?v=PZN42w0S4HI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PZN42w0S4HI</a>


          2) บทเพลงชุด Carmina Burana  เป็นบทเพลงที่เรียบเรียงมาจากบทกวีโบราณ ( ภาษาลาติน )  ประพันธ์ทำนองบทเพลงโดยคีตกวีชาวเยอรมัน Carl Orff   บทเพลง Carmina Burana ที่นำมาแสดงมีหลายบทแต่ที่เป็น Highlight  เป็นที่รู้จักกันคือบทเพลงชื่อ  O' Fortuna

                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=7HMQOX3h7ZI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=7HMQOX3h7ZI</a>


               เพลงบทนี้เป็นที่นิยมนำมาเป็นเพลงประกอบในภาพยนต์เรื่องต่างๆ, ภาพยนต์สารคดี, ภาพยนต์โฆษณา ฯลฯ

                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=timwAIQOPZk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=timwAIQOPZk</a>

    
          3)  ตัวอย่างเพลงในอุปรากรเรื่อง La  Boheme  บทที่เป็น  Highlight จะนำมาแปะให้ฟังต่อไป
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #552 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2553, 11:40:31 »

40 เศรษฐีพันล้านมะกันให้คำมั่น บริจาคทรัพย์ครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล

วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
 
        อภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายสิบราย ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (4 ส.ค. ) ว่าจะบริจาคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของทรัพย์ศฤงคารของพวกตนให้แก่การกุศล  ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการรณรงค์ในชื่อว่า The Giving Pledge ( คำมั่นสัญญาที่จะบริจาค ) ของสองบุรุษผู้รุ่มรวยที่สุดของโลก คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับบิล เกตต์  ในการนี้ หากประเมินตามตัวเลขของนิตยสารฟอร์บส์สินทรัพย์ที่จะถูกเทไปสู่หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ต่างๆ ว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์


บิล เกตส์ ( ซ้าย ) และ วอเรน บัฟเฟตต์ ... 2 อภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญของสหรัฐอเมริกา
      
       กลุ่มผู้ร่วมมหกรรมการบริจาค The Giving Pledge ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ประกอบด้วย 40 อภิมหาเศรษฐีระดับร่ำรวยเกินพันล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ จากบรรดา 70-80 เศรษฐีระดับนี้ของประเทศที่คาดว่าจะสนใจ หรือเทียบเป็นสัดส่วนเท่ากับประมาณ 20% ของลิสต์รายชื่อมหาเศรษฐีพันล้านทั้งสิ้น 403 รายทั่วสหรัฐฯ ตามการสำรวจ และจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์
      
       ทั้งนี้ ในกลุ่มผู้เข้าร่วมแล้วมีคนชื่อคุ้นหูมากมาย อาทิ ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีแห่งนครนิวยอร์ก, เท็ด เทอร์เนอร์ กับแบร์รี ดิลเลอร์ สองเจ้าพ่อด้านสื่อมวลชน, แลร์รี่ เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งออราเคิล, จอร์จ ลูคัส ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงอย่าง “ สตาร์ วอร์ ” และ ที. บูน พิคเกนส์ เจ้าพ่อด้านอุตสาหกรรมพลังงาน
      
       การรณรงค์ดังกล่าวเป็นการเชื้อเชิญบรรดามหาเศรษฐีพันล้านในสหรัฐฯ ให้ร่วมบริจาค อย่างน้อยสักครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินแก่การกุศล  โดยอาจทำกันในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้  หรือให้การบริจาคหลังสิ้นใจแล้วก็ได้  และในการนี้ ผู้รณรงค์ขอให้ผู้เข้าร่วมได้ประกาศเจตนารมย์ออกสู่สาธารณะในรูปของหนังสือชี้แจงเบื้องหลังการตัดสินใจ
      
       กิจกรรม The Giving Pledge นี้ไม่ได้ขอรับเงิน  อีกทั้งไม่ได้ไปบอกมหาเศรษฐีเหล่านี้ว่าให้บริจาคเงินกันอย่างไร  แต่เป็นการขอให้ประกาศคำมั่นสัญญาที่จะมอบทรัพย์สินแก่การกุศลเท่านั้น  วอร์เรน บัฟเฟตต์ อธิบายแนวคิดของกิจกรรมไว้อย่างนั้น
      
       ที่ผ่านมา เจตนารมณ์ของการบริจาคของมหาเศรษฐีเหล่านี้ กระจายไปในประเด็นดีๆ ที่สร้างสรรค์สังคมอย่างมากมาย อาทิ ไปในเรื่องของการวิจัยด้านพันธุกรรม และโรคมะเร็ง  ไปจนถึงเรื่องของการศึกษา การควบคุมอาวุธปืน  ห้องสมุด  และศิลปะ
      
       บัฟเฟตต์ย้ำด้วยว่า กิจกรรมตรงนี้มิได้มุ่งหวังจะหาช่องทางหักลดภาษี  โดยบัฟเฟตต์บอกว่าเท่าที่สนทนากับบรรดามหาเศรษฐีพันล้าน  ไม่มีสักรายที่ยกประเด็นเรื่องผลประโยชน์จากการหักลดภาษีเลย
      
       “ ถ้าใครมีสิทธิ์จะไปลดภาษีได้  ก็ทำกันไป  แต่ผมเชื่อว่าแรงจูงใจเรื่องนี้มันไปไกลเกินกว่าเรื่องภาษีครับ ”  บัฟเฟตต์ผู้ได้รับการจัดอันดับความร่ำรวยไว้ที่หมายเลข 3 ของโลก กล่าวไว้อย่างนั้น
      
       สำหรับแผนงานข้างหน้า บัฟเฟตต์และเกตส์เตรียมจะเดินทางไปเชิญชวนมหาเศรษฐีพันล้านในจีน และอินเดียให้เข้าร่วมโครงการด้วยกัน  ในเวลาเดียวกันก็ยังเดินสายนัดหารือสนทนากับเพื่อนมหาเศรษฐีพันล้านอเมริกันอย่างต่อเนื่อง
      
       รายชื่อมหาเศรษฐีพันล้าน และจดหมายแสดงเจตจำนงค์การบริจาคทั้งหมด ติดตามดูได้ที่ www.thegivingpledge.org
 
http://givingpledge.org/#warren_buffett

จาก  http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000108723
 
 
ความคิดเห็นที่ 15 +1      
 
 รอวันที่นักธุรกิจคนไทยจะประกาศแบบนี้บ้าง  ขอแค่ 6 คน จาก 40 คนที่รวยที่สุดของเมืองไทย

1. นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง
2. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เบียร์ช้าง
3. นายธนินทร์ เจียรวนนท์ เครือซีพี
4. นายวิชัย มาลีนนท์ BEC & ช่อง 3
5. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ บริษัทไทยซัมมิท
6. นายประยุทธ มหากิจศิริ เนสกาแฟ

อ้างอิงจาก นิตยสารฟอร์ป   http://www.forbes.com/2007/07/12/biz_07thailand_Thailands-Richest_land.html

40 The Richest Thais

Chaleo Yoovidhya
Charoen Sirivadhanabhakdi
Dhanin Chearavanont & family
Vichai Maleenont & family
Somporn Juangroongruangkit & family
Prayudh Mahagitsiri & family
Sunsurn Jurangkool & family
Vanich Chaiyawan & family
Sasithorn Ratanarak & family
William Heinecke
Anant Asavabhokin
Nis**ta Shah
Wanida Chirathivat & family
Thaksin Shinawatra
Praneetsilpa Vacharaphol
Thongma Vijitpongpun
Prasert Prasarttong-Osoth
Niti Osathanugrah
Yinglak Vacharaphol
Saravut Vacharaphol
Vichai Raksriaksorn
Vicha Poolvaraluck
Boonchai Bencharongkul
Surat Osathanugrah & family
Vanchai Chirathivat & family
Premchai Karnasuta
Vikrom Kromadit
Anek Sithiprasasana
Chamnong Bhirombhakdi & family
Wit Viriyaprapaikit & family
Kraisorn Chansiri & family
Surang Prempree
Chalerm Yoovidhya
Nijaporn Charanachitta
Porndee Lee-Issaranukul & family
Suthichai Chirathivat
Suthikiati Chirathivat
Nantha Chinthammit & family
Suchitra Mongkolkiti
Kamol Vongkusolkit

ชาตินี้จะได้ยินไหม  
 
http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE&feature=related
 

We Are the World lyrics

Artist : Michael Jackson Lyrics

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE</a>

There comes a time
When we head a certain call
When the world must come together as one
There are people dying
And it's time to lend a hand to life
The greatest gift of all

We can't go on
Pretneding day by day
That someone, somewhere will soon make a change
We are all a part of
God's great big family
And the truth, you know love is all we need

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

Send them your heart
So they'll know that someone cares
And their lives will be stronger and free
As God has shown us by turning stone to bread
So we all must lend a helping hand

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

When you're down and out
There seems no hope at all
But if you just believe
There's no way we can fall
Well, well, well, well, let us realize
That a change will only come
When we stand together as one

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me
      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #553 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 20:43:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 02 สิงหาคม 2553, 08:08:53
YA เกิดเดือนพฤศจิกายน เหรอครับ ? ... แล้ว " คนราศรีพิจิก " ที่แซวหมอดูอยู่เนี่ย  คิดว่าคำทำนายนี้แม่นซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ ?

ใช่ครับพี่เจี๊ยบ

Scorpion แมงป่อง ผยองเดช

ส่วนคำทำนาย ... ถ้าไม่ใช่  ก็ใกล้เคียงครับพี่  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #554 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553, 09:09:03 »




บิลเกตต์ เป็นผู้ริเริ่มกล่าวว่า ทุนนิยม จะต้อง ปรับปรุงให้เข้ากับสังคม จากทำเพื่อส่วนตัว
เป็น ทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ ที่ต้องทำเพื่อส่วนรวมด้วย เพื่อจะอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างเป็นสุข

  หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #555 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 01:00:04 »

ป้ายวงกลม ฝังชิพ RFID ตามรถหายได้ ! ! !

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

ฮือฮาป้ายภาษีรุ่นใหม่ฝังชิพ " RFID Chip " ตามรถหายได้-จ่ายเพิ่มอีก 120 บาท เริ่มใช้ ส.ค.นี้ อีกส่วนจะเป็นสติกเกอร์ " SMART PASS " สำหรับติดบริเวณโคมไฟหน้ารถ ...



21 ก.ค. นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมได้พัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีรถยนต์ ( ป้ายวงกลม ) รูปแบบใหม่ Radio Frequency Identification ( RFID ) เป็นทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของรถยนต์  รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ สามารถตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวของรถ

ทั้งนี้ โครงการนี้ไม่ได้บังคับ แต่ให้ทำตามสมัครใจ โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เมื่อชำระภาษีรถยนต์ประจำปีจะเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 120 บาท จะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีรถยนต์  ซึ่งภายในจะบรรจุ RFID Chip เป็นข้อมูลเกี่ยวกับรถทั้งหมด สำหรับติดไว้ที่กระจกหน้ารถ  อีกส่วนจะเป็นสติกเกอร์ หรือ SMART PASS ซึ่งมี RFID บรรจุไว้เช่นกัน สำหรับติดบริเวณโคมไฟหน้ารถ

สำหรับการทำงานของระบบ RFID นั้น จะมี Transceiver ซึ่งเป็นเครื่องอ่านที่เชื่อมต่อด้วยระบบคลื่นวิทยุ  มีทั้งการรับ และส่งสัญญาณวิทยุ สำหรับตรวจสอบ และติดตามรถยนต์ที่ใช้ระบบ RFID ระยะความเร็วรถไม่เกิน 200 กม.ต่อ ชม.  โดยจะมีการติดตั้งเครื่องอ่านสัญญาณตามจุดต่างๆ บนถนนสายหลัก  เบื้องต้นกำหนดอย่างน้อย 450 จุดทั่วประเทศ  กรณีพบรถที่มีปัญหา เช่น รถที่ถูกโจรกรรม หรือรถที่สวมทะเบียนวิ่งผ่านจะมีระบบแจ้งเตือนให้ทราบทันที  เพื่อความสะดวกต่อการตรวจสอบ และติดตามรถสะดวกรวดเร็วขึ้น  โดยจะเริ่มให้บริการที่กรมการขนส่งทางบก วันที่ 11 ส.ค.นี้เป็นต้นไป  และจะขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ภายในเดือน ก.ย. 2553  สำหรับการชำระภาษีรถยนต์แบบเดิมยังให้บริการตามปกติ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวกรมได้เชิญชวนเอกชนมาลงทุน  มีเอกชนยื่นข้อเสนอ 3 ราย  ปรากฏว่าบริษัท กลกร จำกัด เสนอเงื่อนไขดีที่สุด ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #556 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 01:23:07 »

ที่ปิดปากถุงขนม ที่หม่ำไม่หมด ... เจ๋งจริง คิดได้ไง

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

เชื่อว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ฉีกถุงขนมแล้วกินไม่หมด  พวกเราจะเก็บขนมที่เหลืออย่างไร  ให้ขนมยังคงกรุบกรอบ  ไม่ชื้น  มดไม่ขึ้น จนถึงเวลากินครั้งหน้า ? ... แต่ก่อนฉันจะเก็บในขวดสูญญากาศ  หรือขวดฝาเกลียว  หรือไม่ก็เอาคลิปหนีบ  แต่รู้สึกว่าจะไม่เวอร์ก  สู้สิ่งที่ประดิษฐ์เองอันนี้ไม่ได้  ข้อสำคัญไม่ต้องจ่ายตังค์ซึ้อด้วย

แค่เอากรรไกรตัดหัวขวดเพ็ทออก ตามรูป


แล้วรวบปากถุงสอดขึ้นทางด้านล่างของหัวขวด  คลี่ปากถุงแบะออกโดยรอบ
หมุนจุกปิด  แค่นี้ก็เสร็จแล้ว


เพราะเกลียวจุกขวดป้องกันน้ำไหลออกได้  ย่อมจะแน่นหนากว่าคลิปหนีบที่มีขายตามท้องตลาด
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #557 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 02:29:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 22 สิงหาคม 2553, 01:23:07
ที่ปิดปากถุงขนม ที่หม่ำไม่หมด ... เจ๋งจริง คิดได้ไง

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

เชื่อว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ฉีกถุงขนมแล้วกินไม่หมด  พวกเราจะเก็บขนมที่เหลืออย่างไร  ให้ขนมยังคงกรุบกรอบ  ไม่ชื้น  มดไม่ขึ้น จนถึงเวลากินครั้งหน้า ? ... แต่ก่อนฉันจะเก็บในขวดสูญญากาศ  หรือขวดฝาเกลียว  หรือไม่ก็เอาคลิปหนีบ  แต่รู้สึกว่าจะไม่เวอร์ก  สู้สิ่งที่ประดิษฐ์เองอันนี้ไม่ได้  ข้อสำคัญไม่ต้องจ่ายตังค์ซึ้อด้วย

แค่เอากรรไกรตัดหัวขวดเพ็ทออก ตามรูป


แล้วรวบปากถุงสอดขึ้นทางด้านล่างของหัวขวด  คลี่ปากถุงแบะออกโดยรอบ
หมุนจุกปิด  แค่นี้ก็เสร็จแล้ว


เพราะเกลียวจุกขวดป้องกันน้ำไหลออกได้  ย่อมจะแน่นหนากว่าคลิปหนีบที่มีขายตามท้องตลาด
ยืนยันว่าดี และได้ผลโดยเฉพาะข้าวสาร ใช้ได้ดีมาก
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #558 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 14:11:00 »

ป๋าทู ... ถุงข้าวสารเป็นพลาสติกอย่างหนา นี่นา  จุกขวดน้ำจะบิดเกลียวได้แน่นเหรอครับ ?  พี่ว่าไปซื้อถังพลาสติกแบบมีฝาปิดล็อค แน่นหนา มาใส่ข้าวสารดีกว่า ม้าง ง ง ง ง !  ... หนูไม่กัดถุงจนรั่ว ก่อนจะได้ตักข้าวมาหุงครั้งหน้า รื้อ ?   หนู ( ตัวเท่าแมว ) ยิ่งยกทัพบุกถล่ม กทม. อยู่ด้วย

ป.ล. ขอขอบคุณ " ท่านผู้ตรวจฯ กล้ามใหญ่ " อีกครั้ง  ที่ช่วยพี่หิ้วกระเช้ากาแฟมาส่งถึงที่รถ เมื่อคืนวันพุธ ที่มีเสวนาน่ะ 
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #559 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 14:27:06 »

บังเอิญของผมเป็นข้าวสารถุงเล็ก ไม่หนาครับ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #560 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2553, 12:26:30 »

รู้เบอร์โทรศัพท์เรา ได้ไง ?‏

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #561 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2553, 21:28:13 »

OLYMPIC Tower 2016‏

พูลศรี - ครุ 16 ... ส่งมาจากเกาะ Saipan



This vertical structure will be placed in Cotonduba Island.  It will be both a observation Tower , and a welcome sign for the visitors arriving by air and by Sea at Rio de Janeiro, where the Olympic Games 2016 will take place.

The project is from Zurique, and utilizes solar energy during the day with its solo Power panels, to pump the sea water as seen in the model. The movement of the water will be also utilized to turn the turbines. And produce the power to work the system at night time.



In the Solo City Tower is the Cafe anfiteatre, auditórium, shops etc. E lifts will take the visitors to the top, where the view will be fantastic, and bungee jumping will have a special platform.







      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #562 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 20:20:57 »

จันทร์ 2 ดวง ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553 Don't forget to watch !

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา



27 สิงหาคม 2553 ... วันที่โลกรอคอย

Planet Mars will be the brightest in the night sky starting in August. It will look as large as the full moon to the naked eye. This will cultivate on Aug. 27 when Mars comes within 34.65M miles off earth. Be sure to watch the sky on Aug. 27 12:30 am. It will look like the earth has 2 moons. The next time Mars may come this close is in 2287. Share this with your friends as NO ONE ALIVE TODAY will ever see it again.

ดาวอังคารจะสว่างที่สุดในตอนกลางคืน  เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม  มันจะโตเท่ากับจันทร์เต็มดวง เมื่อมองด้วยสายตาเปล่า  มันจะโตเต็มที่ในวันที่ 27 สิงหาคม 2553  เมื่อดาวอังคารจะอยู่ห่างจากโลกเพียง 34.65 ไมล์  อย่าลืมชมท้องฟ้าในคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2553  เวลาเที่ยงคืนครึ่ง  มันจะดูเหมือนโลกมีดวงจันทร์สองดวง

ครั้งต่อไปที่ดาวอังคารจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ปาเข้าไปปี ค.ศ. 2287 โน่น  ( เอา 543 บวกเข้าไป ก็จะได้เท่ากับ พ.ศ. 2830 ... อีกอีก 277 ปีข้างหน้า ) คงไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้จะได้เห็นมันอีก ... ถ้า พลาด ดู ล่ะ ก็ ... แม้ !  เซี้ย ดาย จัง
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #563 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2553, 22:33:53 »

หมอนอัจฉริยะ จดจำสรีระของต้นคอผู้ใช้ได้ ด้วยหลอดกาแฟ ! ! !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

ถ่ายรูปแล้วเมื่อย / ทำงาน เล่นคอมพ์. มาเหนื่อยล้า / นอนไม่หลับ / โรคภูมิแพ้  เราแก้ได้จ้ะง่ายๆ แต่มันไฮเทค ! !

ผมมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เมื่อยคอเป็นประจำครับ ไปเดินหาซื้อหมอนที่เหมาะกับตัวก็ไม่ค่อยได้ที่ถูกใจ  มีครั้งนึงไปดูที่ห้าง เจอหมอนอัจฉริยะ ( ตลกจัง เกิดเป็นหมอนยังฉลาดได้ด้วยแฮะ )  อ่านดูทำจากยางพิเศษที่ใช้กับเบาะนักบินอวกาศนาซ่า ลองนอนดู อืมก็ดีนะ คือมันยุบนุ่ม แต่ไม่คืนตัวในทันใด  ทำให้รับข้อต่อของกระดูกได้พอดีกับสรีระ  แต่แม่เจ้า ราคามันใบละสามพันกว่า ซื้อไม่ลงจริงๆ ครับ

จนกระทั่งน้องสาวกลับมาจากญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า  ที่นั่นเค้ามีหมอนที่ทำจากหลอดกาแฟ  เอามาหั่นๆ นอนสบายมากๆ เลย  อืม ... น่าสนสิงานนี้ ไม่ยากนี่นา  บ้านเราหลอดเยอะแยะ  ปัญหาคือใครละจะตัด เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าเราตั้งใจ



หลอดที่ใช้แนะนำ หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน คืนตัวได้ดีกว่าหลอดใสราคาถูก  หลอดสีซื้อได้ที่แมคโครครับ  ยกห่อมาเลย  แล้วก็ตัดครับ  ดูหนัง ดูละคร ดูข่าว ก็นั่งตัด จะมีด หรือ กรรไกร ก็ว่ากันไป ยาวซัก 1 เซนติเมตรก็พอ  แล้วหาปลอกหมอน เลือกที่มีซิปรูดปิด เผื่อเติม เผื่อเอาออก ถ้ามันสูงไป



เสร็จแล้วครับ  ใบใหญ่  นอนกันสองคนเลย ( เทียบขนาดกับ PDA )



นี่เป็นอีกใบ  ใบเล็กลง  หนุนได้คนนึงสบายๆ



ใบแบบนี้ทำให้คุณพ่อตาใบนึง  ท่านติดใจมากๆ  ไปที่ไหนก็ต้องเอาไปด้วย  เพราะนอนหนุนสบายหัวดี

หลักการทำงาน ก็คือ หลอดกาแฟเมื่อมันรวมตัวกันมากๆ  จะกลายเป็นช่องว่างอากาศอย่างดี  เมื่อถูกกดทับ จะยุบตัว และไม่มีการพองกลับในทันใด  เวลาเรานอนแล้วขยับ  จะรู้เลยว่ามันพอดีกับต้นคอ  คล้ายๆ กับการปั้มป์กุญแจบนก้อนดินน้ำมัน  มันจะทิ้งร่องรอยกระดูกไว้  แถมไม่มีใยนุ่นให้เป็นที่อาศัยของไรฝุ่น  อาการภูมิแพ้ของผมจึงดีขึ้นไปด้วยครับ

( รำพึง ) ... เอ !  จะใช้หลักการเดียวกับ bean bag ที่ภายในบรรจุเม็ดโฟม  เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เอาไว้ใช้นั่งเล่น นอนเล่น รึเปล่า ? ... แต่หมอนนี่ น่าจะหนุนนอนดีกว่าบรรจุด้วยเม็ดโฟมนะ  เพราะหลอดกาแฟมีช่องกลวงตรงกลางด้วย ... คนโพสต์ขี้สงสัย อีกแระ !


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #564 เมื่อ: 01 กันยายน 2553, 00:30:51 »

อันดับประเทศไทย ... ในอันดับโลก ! !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

•  อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก  ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน
ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6,000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3,000 แห่ง  มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน ( ปี 2545 )

•  คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ( ปี 2546 )

•  ไทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์ ( ปี 2546 )

•  ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก  มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท  เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีน และไต้หวัน ( ปี 2546 )

•  ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด  อันดับ 32 ของโลก  จากการจัดอันดับของธนาคารโลก
ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย ( ปี 2547 )

•  ไทย ติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ  ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง  แซงหน้ามาเลเซีย และเกาหลีใต้  ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35 ( ปี 2548 )

•  ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก ( ปี 2549 )  

•  กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยว อยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย  และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฟลอเรนซ์ และโรม  ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 ( ปี 2549 )

•  สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด อันดับ 11 ของโลก ( ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด ) ( ปี 2549 )

•  ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขอันดับที่ 44 ของโลก  ในเอเชียนั้น  ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23  อินโดนีเซียอันดับที่ 31  จีนอันดับที่ 32  ไทยอันดับที่ 44  มาเลเซียอันดับที่ 66  อินเดียอันดับที่ 64  ฮ่องกงอันดับที่ 89 ( ปี 2549 )

•  วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลก ในการเล่นเว็บแคมฟร็อก  โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง ( ปี 2550 )

• ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก  จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย  และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก ( ปี 2550 )

• ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก  ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร
 
อันดับ 1 ซาอุดิอาระเบีย
อันดับ 2 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อันดับ 3 ฮ่องกง
อันดับ 4 รัสเซีย
อันดับ 5 ตุรกี
อันดับ 6 เม็กซิโก
อันดับ 7 ยูเครน
อันดับ 8 ไทย
อันดับ 9 สิงคโปร์   ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก  มีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน

•  ในการแข่งขัน ชีววิทยาโอลิมปิก 2550  เด็กไทยคว้ารางวัลคะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก  สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน  จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก  มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก  มูลค่า 1 แสนล้านบาท  แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97  และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7  แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก  แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก  เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน ( ปี 2550 )

•  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  จ.เชียงราย  เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด อันดับ 2 ของโลก ( ปี 2550 )

•  ไทยจับปลาได้เป็นอันดับ 9 ของโลก

• รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3,000 ของโลก

อันดับที่
 
505  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
577  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
721  สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย ( เอไอที )
861  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
894  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
896  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
909  มหาวิทยาลัยมหิดล
1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ
1735 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2109 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2181 มหาวิทยาลัยบูรพา
2196 มหาวิยาลัยศิลปากร
2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
2602 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
2635 มหาวิทยาลัยรังสิต
2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

•  จริงๆ ประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ ( แต่ว่าถูกจับไปแล้ว )

•  ไทยมีพิพิทธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก

•  ทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก

•  ไทยมีดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ที่อันดับที่ 63 ของโลก ( ปี 2549 )

•  ไทยมีจํานวนผู้ป่วยโรคเอดส์มากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ( ปี 2549 )

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #565 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 10:43:51 »

สัปปะรดที่กินได้ โดยไม่ต้องปอกเปลือก

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


 
“ สัปปะรด พันธุ์เพชรบุรี "
  
พาเพื่อนๆ ไปชิมสัปปะรดสายพันธุ์ใหม่



ราคาลูกละ 100 บาท  มีมาขายให้เห็นไม่มาก  ถึงขนาดต้องแย่งกันซื้อนะคะ  ดูเหมือนว่าสัปปะรดพันธุ์เพชรบุรีมีราคาสูง  แต่แม่ค้าผลไม้หลายรายบอกว่าไม่แพง


 
สัปปะรด พันธุ์เพชรบุรีมีต้นตระกูลอยู่ที่ใต้หวัน  ภายใต้สายพันธุ์เดิมชื่อ " Tainan 41 "  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรีได้นำจุกของมันมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อขยายพันธ์



สัปปะรดสายพันธุ์ใหม่ “ เพชรบุรี ” นั้น  มีไฮไลท์เด่นคือไม่ต้องปอกเปลือก  สามารถแกะผล หรือที่เรียกว่าตากินได้เป็นชิ้นๆ เหมือนน้อยหน่าหรือขนุน  รสดชาติดีจริงๆ


  
หน้าตาของสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีเหมือนสับปะรดทั่วไป  ขนาดใหญ่สุดหนักประมาณอยู่ที่ 1 กิโลกรม  ดีไซน์สับประรดเพชรบุรีจะเป็นทรงเจดีย์ คือป่องตรงก้น  ส่วนด้านหัวจะมีขนาดลีบเรียวลงไป  ลักษณะของตาค่อนข้างใหญ่ และโปน  ทำให้ดึงออกมารับประทานทีละตาได้สะดวก



มือใหม่หัดแกะค่อนข้างลำบากนิดหนึ่ง  เราจะเจาะนำร่องเพื่อให้ได้พื้นที่โล่งๆ กันก่อน  จากนั้นจึงทยอยฉีกทีละตามารับประทาน  ลูกแรกเราเจาะตรงกลางลูกเลย  แต่ลูกนี้เรานำมาตัดจุกออกไปก่อน  ซึ่งจะทำให้ปาดไปโดนตาสับปะรดติดไปด้วย



ถ้าที่เปลือกมีสีส้ม หรือออกเหลืองแปลว่าสุกแล้ว  จะมีรสหวานจัด หรือหวานมากๆ  ส่วนหัวจะมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย  กลิ่นหอมแรงตามคำโฆษณาไว้เลย


 
แกนสับปะรดทั่วไปมักจะมีรสจืด  ยิ่งตรงกลางสุดๆ จะจืดสนิทเลย  แต่แกนสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีสุดยอดมาก  เมื่อแกะตาวนไปทีละชั้นจะเหลือแกนโผล่อยู่ตรงกลาง  รสชาติอร่อย สุดยอดเลย
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #566 เมื่อ: 06 กันยายน 2553, 00:26:10 »

15 เรื่องจริง เกี่ยวกับญี่ปุ่น
 
ประภาพรรณ - ครุ 16 ... ส่งมา

1. ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน  คนญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย  แต่จะเดินไปจนเจอทางม้าลาย และรอไฟเขียวให้คนข้าม ถึงจะข้าม ( เป็นระเบียบสุดยอดเลย )
 

2. การให้บริการลูกค้าในญี่ปุ่น เน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก  หากไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านต่างๆ ก็จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ  หลังจากซื้อของเสร็จ  พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา  เพราะถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาท


3. คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง  หนึ่งในวิธียอดนิยมคือ  การกระโดดให้รถไฟทับตาย  แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย  พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล  เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง  เพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟ  และต้องสูญเสียรายได้ ( จะตายทั้งที  ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ  ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า )  


4. ห้ามฟังเพลงจากหูฟังในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน  เพราะทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง  ถ้าตำรวจพบจะถูกปรับ

 
5. รวมถึงการซ้อนจักรยาน  ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน เพราะตำรวจอาจเรียกได้  เบาะซ้อนมีไว้วางของ  ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้ แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก ( หนุ่มสาว อดซ้อนสวีทกันเลยล่ะสิ )

 
6.ที่ญี่ปุ่นไม่มีหมาจรจัด  มีแต่แมวจรจัด  ซึ่งก็มีน้อยมากๆ  เพราะหมาจรจัด หรือที่ถูกทอดทิ้ง  จะถูกเทศบาลจับไปหมด  ได้ยินว่าถูกเอาไปฆ่าด้วย สงสารน้องหมาอ่ะ

 
7. ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหารหรือข้างทาง  ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย  สองวันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม ( หรือทางร้านจะเก็บไว้ให้ )  เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าไปญี่ปุ่นแล้วเห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า แขวนตามต้นไม้  เพราะคนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆ กับที่มีคนทำตก  เพื่อให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ ( ที่ไทย  สองวินาทีหายเรียบ 5555 )


8. ของแฮนด์เมดที่ญี่ปุ่น ราคาแพงมาก ก ก ก ก ก ก ก  คนจะยกย่อง และฮือฮามาก  ถ้าคุณทำของแฮนด์เมดได้ เพราะถือว่ามีฝีมือสุดยอด

 
9. คนท้องจะมี Tag จากโรงพยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน  เพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ  เช่น  ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน ( เพราะบางคนก็อ้วนไง )


10. ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น  จะไม่มีห้องหมายเลข 4  เพราะถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล  เนื่องจากอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า ตาย
 
 
11. ร้านอาหารที่ญี่ปุ่น  ไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านอื่นมาทานในร้าน  แม้กระทั่งน้ำเปล่าจาก 7-11

 
12.  7-11 หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี ( ดีจัง)

 
13. เวลาทิ้งขยะที่เป็นขวดกล่องน้ำหรือนม  จะต้องล้างขวดหรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง  เพราะหากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น  ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น ( สุดยอดๆ )

 
14. สามารถยืนอ่านหนังสือโป๊ หรือการ์ตูนโป๊ได้แจ่มๆ  ไม่มีใครมองด้วยสายตาแปลกประหลาด ( 555555 จะดีเหรอ ) โอ้..... ในฝันเลย

 
15. ผู้ชายญี่ปุ่นแทบทุกคน ชอบกันคิ้ว  เพราะผู้ชายที่นี่รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิง  ถ้าไปทำผมในร้านเสริมสวย  ช่างทำผมจะถามแน่นอน  ว่าจะกันคิ้วเพิ่มด้วยมั้ย

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #567 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 00:38:02 »

" @ "  สัญลักษณ์นี้มีที่มา

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

เรย์ ทอมลินสัน วิศวกรคอมพิวเตอร์ได้รับการบันทึกว่า เป็นบุคคลแรกที่นำ @ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่ออีเมล ในปี 1971 เพียงเพราะเขาต้องการหาสัญลักษณ์บางอย่างบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์  ซึ่งแน่ใจว่าจะไม่มีปรากฏในชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง

โดยหลังจากนั้นมา การใช้ @ ( arroba ) ในชื่ออีเมล เพื่อบอกสังกัดอีเมลของผู้ใช้ ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

ทว่า หากจะถามถึงที่มาของ @ ก่อน ที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีเมลนั้น ไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนแรกที่นำมาใช้  เนื่องจากมีหลากหลายทฤษฎีอธิบายเอาไว้แตกต่างกันออกไป

ทฤษฎีแรกนั้นสันนิษฐานว่า @ ปรากฏให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในยุคกลางของยุโรป  ซึ่งในสมัยนั้นคนยุโรปจะชอบเขียนตัวหนังสือแบบลากหางของตัวอักษรขึ้นหรือลงยาวๆ  ซึ่งตัว @ มาจาก a นั่นเอง

ขณะที่ อีกทฤษฎีหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไประบุว่า @ มาจากคำว่า ' ad ' ซึ่งเป็นคำบุพบทในภาษาลาติน หมายถึง " ที่ " ในทำนองเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่คล้ายๆ กันอธิบายว่า @ เป็นตัวย่อของ ' ana ' ( ava )  คำบุพบทในภาษากรีก ซึ่งมีหมายความว่า ในอัตรา ... ( ตามด้วยคำบอกจำนวน ) โดยมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเชิงการพาณิชย์

แต่จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของ จิออร์จิโอ สตาบิล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากโรม  มีการเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับที่มาของ @ โดยเขาอ้างว่าสัญลักษณ์ดังกล่าว  เคยมีร่องรอยปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยเรอเนสซองซ์ของอิตาลี ในเอกสารการค้าแห่งเวนิส  ซึ่งลงนามโดย ฟรานเซสโก ลาปี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1536  เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายไวน์  โดย @ ที่ปรากฏในเอกสารนี้มีความหมายว่า โถ หรือ เหยือก  ซึ่งใช้เป็นภาชนะบรรจุไวน์ในสมัยนั้น  อาทิเช่น  @ of wine หมายถึง ไวน์ 1 เหยือก เป็นต้น

สัญลักษณ์ @ ที่พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายในตะวันตก  มีที่มาจาก à ซึ่งเป็นบุพบทในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง " ที่ "  ทว่าเมื่อนำมาใช้ในเชิงการค้าจะหมายถึง " ราคาชิ้นละ... "  ตัวอย่างเช่น 2 books@ 10 F. หมายถึง หนังสือ 2 เล่ม ราคาเล่มละ 10 ฟรัง เป็นต้น

ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลากหลายทฤษฎีที่อธิบายที่มาที่ไปของการใช ้ @ มาตั้งแต่อดีตแล้ว  แต่การใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวเพิ่งจะได้รับความนิยมสุดๆ ในแวดวงคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันนี่เอง
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #568 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 23:07:47 »

ปลายนิ้วทั้งห้า บอกดวงชะตา และอุปนิสัย

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

อืม !  อ่านแล้วแม้น แม่น แฮะ !

ผู้ชายให้ดูที่มือซ้าย  ผู้หญิงให้ดูที่มือขวา - เรียงลำดับจากนิ้วโป้ง  ชี้  กลาง  นาง  และก้อย นะคะ





      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #569 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 20:37:26 »

An Apple Red as a Rose, Through and Through

July 19, 2010 at 11:04AM by Eric Steinman

จาก  :  http://www.delish.com/food/grocery-products/an-apple-red-as-a-rose-through?gt1=47001


For years, maybe centuries, the red apple has stood as the emblem of everything from goodness to sin. The red apple is a stand in for desire as well as the nickname for New York City ( OK, it is the "Big Apple" but everyone knows it is a decidedly red apple and no Granny Smith ) . Now comes news from the UK ( by way of Switzerland ) that apple breeder Markus Kobelt has lovingly developed a red-skinned and red-fleshed apple called the Redlove Era.

Unlike the white flesh you may have grown accustomed to, the Redlove Era has a sort of reddish-pink marbled flesh ( with a bit of white flesh thrown in for the sake of contrast ) and as a result ( maybe not a direct result ) the Redlove Era ( an alleged cross-pollination of Royal Gala and Braeburn apples ) has a higher antioxidant content ( there still exists a bit of mystery around this particular variety ). Another key selling point for this red apple is that the flesh purportedly doesn't go brown after being sliced and left out in the open. Also, the Redlove Era is supposedly sweet, tangy and amazingly delicious.

The sad news is that, while UK shoppers can look forward to biting the Redlove in the coming months, we Americans, hungry for red flesh, may have to wait a year or longer for the import. For those of you that are enormously curious ( or impatient ) and just can't wait for a taste, you could order a sapling and possibly grow your own.

Redlove Era apples are being marketed by Suttons in the UK, and will hopefully make their U.S. debut in the coming year.

หลังจากเจ้าของกระทู้ได้นำข่าวนี้จาก MSN Today มาเล่าสู่กันฟังไว้ในกระทู้นี้ ตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ( เมื่อ 19 กรกฎาคม 53 )  ระยะนี้จึงได้มีข่าวของ " Redlove Aple " version ภาษาไทยมา-วนเวียนอยู่ใน internet บ้านเรา  และวันนี้เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ส่งมาให้อ่านด้วยค่ะ  เค้าว่าไงบ้าง ? ...

Redlove apple

เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล เป็นผลไม้สายพันธุ์ใหม่ ที่จะถูกนำออกมาจำหน่ายในอังกฤษเร็วๆ นี้  เนื้อภายในของแอ็ปเปิ้ลจะมีสีแดงเหมือนแตงโม

 

เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล เป็นผลงานการค้นคว้าวิจัยของนักพฤกษศาสตร์ ( Botanist ) ชาวสวีดีสที่ชื่อ Markus Kobert  เกิดจากการถ่ายละอองแบบผสมข้ามพันธ์ ( Cross-pollinated ) ระหว่าง แอ็ปเปิ้ล กับ ผลไม้ปริศนา ( ปิดเป็นความลับ เพื่อผูกขาดสายพันธุ์ไว้แต่เพียงผู้เดียว )
 
การศึกษาวิจัยแอ็ปเปิ้ลสายพันธุ์ใหม่นี้  ใช้เวลากว่า 20 ปี กว่าจะได้แอ็ปเปิ้ลที่มีเนื้อสีแดงดุจ ' แตงโม '  แต่มีรสชาติคล้ายผล ' เบอรี่ '  แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) ในปริมาณที่สูง  เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล มีจุดเด่นคือ ยังคงมีสีแดงสด แม้จะผ่านการปรุงอาหาร โดยจะไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  จึงเหมาะที่จะนำไปทำสลัด  เพราะมีสีสันที่สวยงาม
 
ประเทศอังกฤษได้นำเข้าเมล็ดพันธุ์ และต้นอ่อนมาปลูกมากกว่า 1,500 ต้น  วางแผนไว้ว่าจะมีผลิตผล เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล จำหน่ายในอังกฤษได้อีกใน 2-3 ปีข้างหน้า  ผลไม้ชนิดใหม่นี้ได้ชื่อว่าเป็น ' แอ็ปเปิ้ลที่อร่อยที่สุดในโลก '  ทั้งหอม หวาน เข้มเข้นด้วยรสชาติแบบเบอรี่  ไม่ว่าจะกินสด หรือนำไปปรุงเป็นอาหาร  และไม่ต้องกังวลเรื่องเป็นผลไม้ GMO  เนื่องจากการผสมพันธุ์ จะใช้วิธีทางธรรมชาติเท่านั้น  ไม่มีการใช้เทคโนโลยี่ตัดแต่งพันธุ์ใดๆ ทั้งสิ้น  จึงปลอดภัย
 
เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล มี 2 สายพันธุ์  โดยสายพันธุ์ Era จะออกผลตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงช่วงคริสต์มาส  และสายพันธุ์ Sirena ที่จะออกผลตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม  ราคาขายต้นอ่อนของ เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล ราคาต้นละ 1,300 บาท ( 25 ปอนด์ ) เชียวนะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #570 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 12:26:46 »

รวมคนดัง ไว้ในภาพเดียว

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

นึกออกมั้ย  มีใครบ้างเอ่ย ?





รูปกว้างใหญ่ไพศาล ซะจนต้อง crop แบ่งออกเป็น 2 รูป ... ช่วยจินตนาการเอารูปมาต่อกัน เป็นแบบ panorama หน่อยนะพี่น้อง ...

นับซิ  เรียกชื่อได้ถูกต้องกี่คน ?

*

*

*

*

*

*

เฉลยล่ะนะ !





001 Aristotle
002 Cui Jian
003 Vladimir Lenin
004 Bill Gates
005 Pele
006 Kublai Khan
007 Adolf Hitler
008 Audrey Hepburn
009 Ludwig van Beethoven
010 Benito Mussolini
011 Saddam Hussein
012 Charlie Chaplin
013 Henry Ford
014 Lei Feng
015 Rudyard Kipling
016 Mike Tyson
017 Vladimir Putin
018 Sigmund Hillary
019 Burrhus Skinner
020 General Custer
021 Deng Xiaoping
022 Chiang Kai-shek
023 Sun Yat Sen
024 Merriwether Lewis
025 Ramses II
026 Lin Biao
027 Bill Clinton
028 Christopher Colombus
029 Charles de Gaulle
030 Margaret Thatcher
031 Bruce Lee
032 John Sousa
033 Franklin Roosevelt
034 Winston Churchill
035 Henri Matisse
036 Lu Xun
037 Ernest Hemingway
038 Queen Elizabeth II
039 Shirley Temple
040 Leo Tolstoy
041 Albert Einstein
042 Sun Tzu
043 Stalin
044 Galileo Galilei
045 Karl Marx
046 Friedrich Nietzsche
047 pablo Picasso
048 Elvis Presley
049: Indiana Jones
050: William Shakespeare
051: Mozart
053: Gengis Khan
054: Napoleon
055 marc Anthony
056 Deng Xiaoping
057 Abraham Lincoln
058 Mao Zidong
059 Chi Guevara
060 Fidel Castro
061 Marlon Brando
062 Yasser Arafat
063 Julius Caesar
064 Johann Wolfgang
065 Mozi
066 Marylin Monroe
067 Moses
068 Confucius
069 Mahatma Gandhi
070 Benjamin Franklin
071 Claude Monnet
072 Vincent van Gogh
073 Dwight Eisenhower
074 Marcel Duchamp
075 Gustave Courbet
076 Michael Jordan
077 Salvador Dali
078 George Peck
079 Luciano Pavarati
080 Empress Dowager Cixi
081 Ariel Sharon
082 George Bush
083 Osama bin Laden
084 Liu Xiang
085 Prince Charles
086 Kofi Annan
087 Hideki Tojo
088 Michaelangelo
089 Guan Yu
090 Plato
091 Qin Shihuang
092 St. Peter
093 Jet Li< BR>094 Isaac Newton
095 Otto von Bismarck
096 Mikhail Gorbachev
097 Deng Xiaoping
098 Mother Theresa
099 Ferdinand Marcos
100 Yul Brynner
101 Dante Alighieri
102 Kim Jong Il
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #571 เมื่อ: 27 กันยายน 2553, 01:36:22 »

40 เศรษฐี รวยที่สุดในประเทศไทย ( ปี 2553 )

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา
และจาก :  http://www.forbes.com/2010/09/01/thailands-richest-dhanin-wealth-thailands-rich-10_lander.html


รูปภาพประกอบจาก :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:QN94BEh1dv4J:dek-d.com/board/view.php%3Fid%3D1735069+%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2+2553&cd=5&hl=th&ct=clnk&gl=th  และจาก Google จ้า

ฟอร์บส์จัดอันดับ 40 เศรษฐี รวยที่สุด ในประเทศไทย " ธนินท์ เจียรวนนท์ " รวยสุด  มีทรัพย์สินกว่า 2.17 แสนล้านบาท " ทักษิณ " ยังไม่หลุดโผ  อยู่อันดับ 23
 
ฟอร์บส์ บริษัทจัดอันดับชื่อดังของโลก จัดอันดับ " บุคคลที่รวยที่สุดของไทย 40 อันดับ " ในปี 2553
ดังนี้

1. ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ( ซีพี ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 217,000 ล้านบาท



2. เฉลียว อยู่วิทยา หรือ " โกเหลียว " เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง หรือ เรดบูล มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 130,000 ล้านบาท



3. เจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ ( เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้างฯลฯ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



4. ครอบครัว " จิราธิวัฒน์ " เจ้าของกิจการหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก เครือข่าย เซ็นทรัล กรุ๊ป มูลค่ารวมทรัพย์สิน 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



5. กฤตย์ รัตนรักษ์ ประธาน และ ซีอีโอ ของบริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี ( บีบีทีวี ) โดยมีทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



6. Aloke Lohia Chief Executive Officer บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด ( มหาชน ) และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี มูลค่า รวมทรัพย์สิน 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( นายอาลก โลเฮีย )



7. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ( เบียร์สิงห์ , ลีโอเบียร์ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



8. ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศ มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



9. วิชัย มาลีนนท์ เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิลด์ และไทยทีวีสี ช่อง 3 มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



10. อิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผล ( น้ำตาลมิตรผล ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



11. คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภรรยา นายกำพล วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์หัวสีใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ร่วมมูลค่าทรัพย์สิน 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



12. นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต



13. นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( BTS )



14. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ใน เนชั่น มัลติมีเดีย



15. นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี ( ช่อง7 )



16. นายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส



17. นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์



18. นายไกรสร จันศิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋อง ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก


19. วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร , สปา , โรงแรม  มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ



20. นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตรมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์



21. นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัวผู้ก่อตั้ง บริษัทโทรคมนาคม ดีแทค



22. คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้



23. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี Thaksin Shinawatra ทรัพย์สิน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



24. นิชิต้า ชาห์ สาวโสด เจ้าของกิจการพรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด ( มหาชน ) ที่สืบทอดจากบิดา



25. นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด ( มหาชน )



26. นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด ( มหาชน )



27. น.พ.ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส



28. นางนิจพร จารนะจิตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี


29. นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย



30. นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้น บริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ใน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล



31. นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด ( มหาชน  )



32. นายเฉลิม อยู่วิทยา ( ลูกชาย นายเฉียว อยู่วิทยา ) เป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด



33. นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด ( มหาชน )



34. นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า โดยเฉพาะ ชุดชั้นใน ซาบีน่า



35. นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิง เพาเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี



36. นางพรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผล จากนายวิทยา ผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์



37. นายวิชา พูลวรลักษ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ



38. นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง



39. นายเพชร ( นักร้อง และนักดนตรี เจ้าของผลงานเพลง " เพียงชายคนนี้ .. ไม่ใช่ผู้วิเศษ " ที่โด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2530 ) และนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ซึ่งทั้งสองเข้ารับช่วงการบริหารบริษัทในเครือโอสถสภา และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ



40. นายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้ง โรงพยาบาลกรุงเทพ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #572 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 12:25:16 »

ทำอย่างไรให้ Flash Drive ปลอดไวรัส

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา‏

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #573 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 11:29:51 »

ทำไมถึงเรียกว่า " ร้อนตับแตก‏ "

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา‏



ตับจากที่ใช้มุงหลังคา : สิ่งที่เปรียบเทียบ " ร้อนตับแตก "

         คำว่า " ร้อนตับแตก " นี้  ไม่ได้หมายถึง ตับที่เป็นอวัยวะ เครื่องในของเรานะ  แต่มันหมายถึง ใบจาก ที่เราใช้มุงหลังคาบ้าน  ซึ่งเมื่อเวลาตอนที่มันโดนแดดจัดๆ  ร้อน จนร้อนมากๆ  ใบจากที่ถูกเย็บเรียงติดๆ กัน ( เรียกว่าเป็น ตับ ) มันจะแตก  หรือโก่งตัว เบียดกันระหว่างใบในตับ  จนเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ( อันนี้คาดว่าน่าจะเป็นใบจากที่ใบหนามากๆ  หรือแก่จัด และแห้งมากๆ )
 
         จนคนสมัยโบราณเอามาเป็น indicator ว่า  ถ้าวันไหนได้ยิน หรือรู้ได้ว่า " ตับจาก " ที่มุงหลังคาบ้าน แตก เมื่อไหร่  วันนั้นเราจะถือว่าร้อนมากๆ  ร้อนจน " ตับแตก "  และไม่ใช่  " ร้อนตับแลบ " นะเออ  !

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #574 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2553, 22:53:50 »

ตำลาว … เด้อค่ะเด้อ !

Poomping Praison ... ส่งมา

พาไปล้วงลึกที่มาของ ' ตำลาว ' อาหารสุดหย่อย  ยิ่งใส่ปลาร้า โอ๊ย !  แซ่บหลาย  นอกจากไปชิมร้านตำลาวขนานแท้แล้ว  ยังพาไปเข้าครัวร้านตำแหลกของดาราสาวที่คุณคิดถึง  พร้อมนางเอก-นางร้ายที่ปรารถนาจะมาเล่าว่าทำไมชอบปลาร้ากันนัก



" แซบอีหลี แซบนัวหลาย " วลีสั้นๆ นี้ได้กลายเป็นวลีฮิตติดปากเหล่านักชิมทั้งหลายไปแล้ว  โดยเฉพาะเมื่อได้ลิ้มรสอาหารอีสานรสจัดอย่าง “ ตำลาว ” ส้มตำลาวของอีสาน ขนานแท้นั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า และปูนาดองเท่านั้น  ไม่ใส่น้ำตาลทรายโดยเด็ดขาด  เพราะยิ่งใส่ก็จะทำให้กลิ่นเหม็นคาวของน้ำปลาร้าโชยออกมาได้  นอกจากนี้ยังเพิ่มรสเปรี้ยว และความกลมกล่อมด้วยผักผลไม้พื้นบ้านนานาชนิด  ทั้งมะกอกป่า มะนาว และมะเขือเหลือง

ตำลาวจะแซบ แสบ นัวขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับ ' รสมือคนตำ ' เป็นสำคัญ

ร้านน้ำตกสีดา ส้มตำลาวกาฬสินธุ์



“ ขายส้มตำอยู่ที่นี่มาเกือบ 40 ปีแล้ว  แรก ๆขายส้มตำอย่างเดียวจานละไม่กี่บาท  จนปัจจุบันนี้ตำลาวจานละ 25 บาท ” คุณป้าสีดา กำแหงพล อายุ 68 ปี เจ้าของร้านน้ำตกสีดา  บอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์

ส้มตำลาว รวมถึงอาหารประเภทอื่น  ดัดแปลง และปรับปรุงสูตรเพื่อให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ  มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร - ตำลาวที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ และใช้ ' ปูแสมเค็ม' แทน ปูนา
“ ปูแสมเค็มอร่อย และมีเนื้อมากกว่าปูนา  และที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ ด้วยนั้น  ก็เพื่อความน่ากินมากขึ้น ”
“ ปลาร้าของที่นี่จะใช้ปลาร้าภาคกลาง ที่เน้นปลาร้าตัวโตๆ  ไม่เค็มจนเกินไปเหมือนปลาร้าที่นำมาจากอีสาน  แล้วจึงนำมาต้ม และปรุงรสตามสูตรเฉพาะของร้าน ”



อาหารแนะนำอื่น - น้ำตกหมู เนื้อรสจัดจ้านถึงเครื่อง , ไก่ย่าง, ปลาดุกย่าง เนื้อนุ่มๆ , ซุปหน่อไม้ที่ใช้หน่อไม้สด , ต้มแซบหมู เนื้อ , ลาบวุ้นเส้น , น้ำตกปลาดุกฟู



ชื่อร้าน ร้านน้ำตกสีดา
ที่ตั้ง บริเวณตลาดนัด วังหลัง
เปิดบริการ 10.00 - 13.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2412-7180



ครกไม้ ไทยลาว ... ของผู้คนสองฝั่งโขง



“ ซำได้เมื่อยามเล้า กินข้าวอยู่เฮือน ” หมายความว่า “ ถ้ามาที่นี่แล้วเหมือนกับได้กลับไปกินข้าวที่บ้านเกิด ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเน้นบรรยากาศอีสานเมืองอุบลฯ ที่เรียบง่าย  ปลอดโปร่งเย็นสบายด้วยลมธรรมชาติ
“ ส้มตำลาวของทางร้านมีรสชาติที่จัดจ้านเผ็ด เค็มนำ เป็นรสชาติแบบคนอีสานแท้ๆ  ปลาร้าส่งตรงมาจากเมืองอุบลฯ  ปลาร้าที่ร้านนี้จะต้มสุกเพื่อสุขอนามัยของคนกิน  อาหารของที่นี่ไม่ใส่ผงชูรสเลย  แต่จะชูรส และกลิ่นด้วยน้ำปลาร้าที่ปรุงรสแล้ว ตามสูตรเฉพาะของร้าน  และน้ำปลาดี  เส้นมะละกอดิบ  ใช้มีดสับเป็นเส้น  ความสดกรอบของมะละกอ ” สุชาติ ผาธรรม เจ้าของร้านครกไม้ไทยลาวบอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์



อุปกรณ์หลัก ครกไม้

“ ครกไม้เป็นวัฒนธรรมร่วมของการทำกับข้าวของผู้คนสองฝั่งโขง  เพราะชาวอีสาน และชาวลาวฝั่งซ้าย  จะทำกับข้าวอะไรก็ตามจะต้องใช้ครกเป็นอุปกรณ์สำคัญ  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของชื่อร้านครกไม้ไทยลาวในวันนี้ ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้ว  มีอาหารอีสานสไตล์เมืองอุบลฯ นานาชนิด  อาทิ  ไก่อบกะละมัง ( หนังกรอบเนื้อนุ่ม ) เข้าได้ดีกับตำลาว , ลาบ น้ำตก หมู เนื้อ , ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้ม

ชื่อร้าน ครกไม้ไทยลาว
ที่ตั้ง เลขที่ 6/257 หมู่ 1 ซอยลาดปลาเค้า 24 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
เปิดบริการ เวลา 11.00-23.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2570-6234-5



ตำแหลก ส้มตำรสแซบ
เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์




ร้าน “ ตำแหลก ” เกิดจากความชื่นชอบในรสชาติของส้มตำ  กลิ่นมะนาว กลิ่น กระเทียม น้ำปลา ปูเค็ม ปลาร้า เสียงครกทักทายปลายสากของเจ้าของร้าน...เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์  หากดูในมิติของนักชิม และนักทดลอง  วีนัสถือว่าหาตัวจับยากในมิติของผู้ประกอบการ  เธอก็ไม่ได้ขาดหรือพร่องที่จะรับผิดชอบลูกค้าในด้านความสะอาด และใช้วัตถุดิบอย่างดี

ตำส้มตำขายเหมือนกับทำกินเอง  เรียกง่ายๆ ว่าตำแหลกใจป้ำว่างั้นเถอะ  วัตถุดิบที่นี่คุณภาพดี  ซื้อมาแบบวันต่อวัน  ถั่วก็คั่วเอง  ตำปูม้าต้องเผ็ดมากกว่าตำไทย  เอาความเผ็ดกับความเปรี้ยวไปลดกลิ่นปูม้าดอง ( ที่ดองเองกับมือ )  เพราะบางคนอาจจะไม่มั่นใจ  เกรงว่าจะเหม็นคาว



ร้านนี้ครก 5 ใบ - ใบแรก สำหรับยำหอยดอง ปูม้า  ใบที่สองสำหรับปูจืด  ใบที่สามสำหรับตำมั่วมะกอกใส่กะปิ  ใบที่สี่สำหรับตำปลาร้า  และใบที่ห้าสำหรับตำไทย ตำผลไม้
ก่อนลงสาก หนึ่ง. ใช้มะละกอดำเนินฯ  สอง. ตำไทย เส้นขูด , ตำลาวเส้นสับ  สาม.ตำลาวใช้ครกหิน , ตำผลไม้ต้องใช้ครกไม้  สี่. แต่ละครกจะมีวิธีลงสากไม่เหมือนกัน  เพื่อให้เส้นมันกรอบ และไม่แหลกจนเกินไป

เคล็ดลับความอร่อย

มะละกอ - ต้องดำเนินสะดวกเท่านั้น  แช่เย็นธรรมดา “ ถ้าเป็นมะละกอที่อื่นจะตีกลับเลยไม่อร่อย  เส้นเหนียว ”
ปลาร้า - ปลาร้าแดง กับปลาร้าดำผสมกัน  สูตรอยู่ที่การต้ม  ซึ่งจะใส่พวกใบหม่อน และเครื่องเคียงอื่นๆ ลงไปผสมผสาน  ซึ่งรับประกันความอร่อยแซบ และแปลกแน่นอน

ไม่หวงสูตร

“ บางทีลูกค้ามาสั่งตำผลไม้ไปแช่เย็นเพื่อกินตอนเช้า  เปิ้ลบอกว่า พี่ เดี๋ยวเปิ้ลสอนให้  ดูนะว่าเปิ้ลใส่อะไรบ้าง  แต่เขาก็กลับมาอีก  เขาบอกว่า ไม่ได้รสอย่างที่เปิ้ลทำให้กินที่ร้าน  เปิ้ลสอนหมด  เปิ้ลไม่หวง  นิตยสารต่างๆ มาขอสูตรส้มตำ  เปิ้ลก็ให้หมด  แม้แต่วิธีดองปูม้าบอกหมดเลย ”
ส้มตำมากกว่า 20 เมนู  และยังมีอาหารแนะนำอย่างอื่นที่หลากหลาย  อาทิ  ไก่ทอดสมุนไพร , ยำปลาดุกฟู , ตำมะม่วงปลากรอบ , ลาบเป็นคั่วสมุนไพร , แกงหน่อไม้เปรี้ยวไก่บ้าน , ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน , ปลาทอดสมุนไพร , ปลาแรดแดดเดียว , ปลากะพงผัดฉ่า ฯลฯ

ชื่อร้าน ร้านตำแหลก
ที่ตั้ง ปากซอยรามคำแหง 120 ถ.สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ 10240
เปิดบริการเวลา 11.00 น. - 21.30 น. ( หยุดทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน )
สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2728 – 1190 - 1
หมายเหตุ  มื้อเที่ยงและเสาร์ - อาทิตย์  กรุณาโทร. จองโต๊ะก่อนล่วงหน้า


ของแท้ ! ! จับสากมือซ้าย

ไม่เชื่อก็ต้องนิดนึงนะ  เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์ เกิดวันพุธ  ราศีกันย์  จึงใช้สีเขียวเป็นสีหลัก  เป็นสีของมะลอกอดิบด้วย  แล้ววงกลมสีแดง  ก็เป็นสีของพริก
จับสากมือซ้าย - เป็นเคล็ดว่า ใช้มือขวาตำจนเมื่อย  เพราะขายดี  จึงต้องเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายแทน ! ?
เปรียบตัวเองเป็นส่วนผสมส้มตำ - พริก คือ ความแสบและเผ็ดร้อน

นางเอก VS ปลาร้า
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ




เมื่อก่อนเธอไม่กินปลาร้า  จนมาเปิดร้านอาหารอีสานก็เลยต้องลองลิ้มความอร่อย  จนติดอกติดใจ  จนถึงวันนี้  เป็นเวลาสักปีกว่าๆ มานี่เอง  “ อั้มกินส้มตำรสจัดมาก  ใส่พริกทีละ10 เม็ด  ชอบกินน้ำปลาร้า  อั้มไม่ได้เลือกร้านไหน  เฉพาะ ร้านรถเข็น  หาบเร่  ตามกองถ่ายกินได้หมด  นี่ก็เพิ่งกินส้มตำปลาร้าที่สยามฯ ไป 3 จานรวด  อั้มก็ตำเป็นนะทำอร่อยด้วย  แต่คนที่ไม่กินเผ็ดจะกินของอั้มไม่ได้  เพราะอั้มตำทีใส่ปลาร้า พร้อมขยุ้มพริกเป็นกำมือ ”

เคล็บลับหลังอาหารกลิ่นแรง  ลูกอมดับกลิ่นปาก และพยายามพูดให้น้อยที่สุด

นางร้าย VS ปลาร้า
เปิ้ล ไอรีณ ศรีแก้ว



 
“ ส้มตำเป็นอาหารบิวตี้สำหรับเปิ้ล  เพราะเวลาจะลดน้ำหนักทีไร  จะนึกถึงและเดือดร้อนส้มตำเป็นอันดับแรกทุกทีเลย  แคลลอรีต่ำ ไม่มีเนื้อสัตว์ และได้แคลเซียมจากปลาร้าสูงที่สุด ( ข้อมูลโภชนาการด้านปลาร้าที่เปิ้ล ไอรีณ บอกนี้  โปรดใช้วิจารณญาณ  ห้ามอ่านเกินวันละ 2 รอบเพราะจะอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ) ”
ส้มตำแบบว่าปลาร้าใส่ปู  และใส่น้ำตาลหวานๆ ไม่รับค่ะ
“ ต้องถึงพริกถึงขิงจริงๆ  แบบที่ชาวอีสานเขากิน  ถึงจะได้รู้ถึงรสชาติ  และคำว่า แซบหลาย ใส่พริกสัก 20 เม็ด  ตามด้วยปู และปลาร้าเป็นต่อนโตๆ ด้วย สำคัญที่สุด ”
ร้านประจำของเปิ้ล ไอรีณ  คือ ร้านตำลาวของสามีกิ๊ก-สุวัจนี (ไ ชยมุสิก ) อยู่ตรงซอยลาดพร้าว 35
“ รสชาติที่โดดเด่นของร้านนี้ก็คือ  ส้มตำที่มีรสชาติอีสานดั้งเดิม  ปลาร้าใส่ต่อนโตๆ  กินแกล้มกับสเต๊กปลาบึกร้อนฉ่า และพวกอาหารแปลกๆ  กุ้งเต้นกินทั้งๆ ที่ไม่ตาย  ร้านส้มตำแถวข้างทาง  เปิ้ลก็กินนะ  ร้านประจำอยู่แถวทาวน์อินทาวน์  ซึ่งมันจะปิดดึกมาก ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง”

ขั้นตอนตำลาวให้อร่อย



วิธีทำตำลาวให้แซบนัว นั้น

1. มะละกอจะต้องนำมาสับโดยใช้มีดเท่านั้น  ห้ามใช้เครื่องขูดโดยเด็ดขาด  เพราะจะได้เส้นมะละกอที่เล็กบางเกินไป

2. พืชผักรวมถึงเครื่องปรุงทุกอย่าง จะต้องสดใหม่

3. ขั้นตอนของการตำ  เริ่มด้วยการตำพริกขี้หนูสดกับกระเทียมให้แหลกละเอียดในครก  เพื่อให้ได้รสเผ็ดจัดจ้าน

4. เติมพืชผักที่ให้รสเปรี้ยว คือมะเขือเทศ  มะกอกป่าทั้งเปลือก  ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน  มะนาวทั้งเปลือกที่ช่วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน  ทีสำคัญจะลืมไม่ได้เลยในส้มตำลาว  นั่นคือมะเขือเหลือง  รสขื่นของมะเขือจะช่วยลดความเค็มของปลาร้า  ทำให้รสชาติของตำลาวกลมกล่อมขึ้น

5. การปรุงรส  เริ่มด้วยใส่น้ำปลาร้าต้มสุกที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว  ตามด้วยน้ำปลาดี ตามปริมาณชอบใจ

6. ตำลาวจะให้ถึงเครื่อง  ต้องห้ามใส่น้ำตาลโดยเด็ดขาด  เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นให้ปลาร้าเกิดกลิ่นที่รุนแรงยิ่งขึ้น

7. คลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสตามชอบ  ต้องเผ็ด เปรี้ยว และเค็มนำ  จากนั้นจึงใส่เส้นมะละกอ  ถั่วฝักยาวหั่น  และปูนาดองต้มสุก  ตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จพิธี

หมายเหตุ - รสชาติดั้งเดิมของตำลาวจะเน้นเผ็ด เค็ม ไม่เปรี้ยวมาก  มีน้ำขลุกขลิกจากน้ำปลาร้า และพืชผักต่างๆ

รู้ไหมตำลาว 1 จาน  มีประโยชน์อะไรบ้าง ?



ตำลาว 1 จาน  มีพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย  โดยเฉพาะ

มะละกอ  ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก  มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอด  ขับพยาธิ  แก้บิด  แก้เลือดออกตามไรฟัน  ริดสีดวงทวาร  ทั้งช่วยย่อยอาหาร  ขับน้ำดี และน้ำเหลือง

มะเขือเทศ  ช่วยระบาย  อุดมด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ

มะกอกป่า  แก้ธาตุพิการ  ทำให้ชุ่มคอ  พริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยขับลม และเจริญอาหาร

กระเทียม  ช่วยขับลมในลำไส้  ลดน้ำตาลในเลือด

มะนาว  ช่วยฟอกโลหิต  แก้ไอ

ผักแกล้มทั้งหลาย อาทิ กะหล่ำปลี ผักบุ้ง กระถิน ถั่วฝักยาว  มีคุณสมบัติทางยาที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร  ทั้งยังเป็นยาระบายอ่อนๆ

ถ้าปลาที่นำมาทำปลาแดกนั้น  หากมีตัวโตๆ หรือค่อนข้างโต  จะต้องสับให้เป็นชิ้นๆ ก่อน  เพื่อให้ความเค็มแทรกซึมเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการหมักปลาแดกนั้น ประมาณ 8 -12 เดือน  จึงจะสามารถนำออกมารับประทานได้  หากเร็วเกินไปปลาแดกจะมีกลิ่นคาว  หากหมักต่ออีกนานๆ  ปลาแดกจะมีสีแดงๆ  เมื่อเปิดไหจะส่งกลิ่นหอม  แต่ถ้าใส่เกลือไม่พอกลิ่นของปลาแดกจะแปลกไปเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง  คนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะบอกว่าเหม็นคาว  แต่คนอีสานจะเรียกปลาแดกชนิดนี้ว่า “ ปลาแดกต่วง ” จะเหมาะมากกับการนำไปปรุงรสส้มตำ  หรือรับประทานกับเส้นขนมจีน  แต่ไม่เหมาะกับการนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารอย่างอื่น

ปลาแดกต่วง ถือว่าเป็นปลาแดกคุณภาพต่ำ  ประโยชน์ใช้สอยน้อย  ไม่นิยมซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือเป็นของฝาก  อีกทั้งราคามูลค่าก็ต่ำด้วย  ปลาแดกสามารถเก็บไว้ได้นานตลอดทั้งปี  แต่คนอีสานโดยมากจะนำไปรับประทาน  ปรุงอาหาร หรือนำมาขายจนหมด  เมื่อมีปลาแดกรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่  ปลาแดกที่มีอายุข้ามปีจึงเป็นสิ่งที่มีราคาแพง และหาได้ยาก

“ ปลาแดก ”
 


คำว่า “ แดก ” ในภาษาอีสาน หรือภาษาลาวเป็นคำกิริยาที่แสดงอาการ มีความหมายถึงการดัน  การยัดสิ่งหนึ่งเข้าไปในภาชนะ หรือสิ่งของอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อคำว่า “ แดก ” มารวมกับคำว่า “ ปลา ” จึงหมายถึงว่า การดัน หรือยัดปลาเข้าไปในไห

“ แดก ” มาจากคำว่า “ แหลก ” คือปลาที่นำมาทำปลาแดกนี้ จะเป็นปลาเล็ก ปลาน้อย  หรือปลาชิ้นใหญ่ ก็จะนำมาสับหรือตำให้ “ แหลก ” เพื่อให้เกลือซึมซับเข้าเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ส่วนประกอบหลักของการทำปลาแดกนั้น  มี 3 อย่างด้วยกันคือ ปลา , รำข้าว หรือข้าวคั่ว และเกลือสินเธาว์

ชนิดของปลาแดก

1.ปลาแดกปลาใหญ่  คือปลาแดกอย่างดี ใช้ปลาตัวใหญ่  หมัก 1 ปีขึ้นไป  สนนราคาจะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อ 1 กิโลกรัม  แหล่งผลิตคืออุบลราชธานีกับกาฬสินธุ์

2.ปลาแดกผสม  ทำมาจากปลาหลายๆ ชนิดรวมกัน  หมัก 8 - 12 เดือน  สนนราคาจะรองลงมาหน่อย  ชาวบ้านทั่วไปจะทำไว้เพื่อรับประทานเองในครอบครัว

3.ปลาแดกปลาน้อย  ทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อย  รวมทั้งกุ้งฝอย  ใช้เวลาหมักน้อยที่สุดไม่เกิน 1-2 เดือน  รสชาติของปลาร้าชนิดนี้จะออกเปรี้ยว  ชาวอีสานเรียก “ ส้มปลาน้อย ”

4.ปลาแดกต่วง  คือปลาแดกที่ใส่เกลือน้อยๆ ในตอนหมัก  มีกลิ่นแรง  เป็นสิ่งที่โปรดปรานสำหรับบางคน

5.ปลาแดกอึ่ง  ทำมาจากอึ่งอ่าง  เป็นปลาแดกอีกประเภทหนึ่งซึ่งหากินยากที่สุด  พบเฉพาะในท้องถิ่นที่อึ่งอ่างชุกชุมเท่านั้น
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #575 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2553, 12:49:30 »

Modern Home Utensils‏

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Mostly new designs and probably useable by younger homemakers while old-timers could shun as gimmicks.
  
Whatever the case ... it's exciting & so cool  !








































ที่มีใช้กันอยู่ตามบ้านแล้ว  ก็เช่น  รังไข่ ( พลาสติก ) / ที่คว้านไส้ผัก-ผลไม้ ( แอ๊ปเปิ้ล , แตงกวา ) / ส้อมพลาสติกแบบพับได้ ( ใน cup noodle ) ... อ่ะนะ

คนช่างคิดประดิษฐ์ของใช้ในครัวเรือนพวกนี้  เค้ากินข้าวกับอะไร ?  ถึงได้ creative ซะจริงๆ เชียว !
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #576 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2553, 01:06:22 »


10 โรงแรม เจ้าของสถิติ " ที่สุด " ในโลก‏

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
 
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้นิยมชมชอบในโรงแรมที่มีสถิติเป็น " ที่สุดของโลก " ในด้านต่างๆ  เว็บไซต์ www.hotels.com ได้จัดอันดับโรงแรมในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีสถิติของความเป็นที่สุดใน 10 ด้านไว้  ได้แก่

1. โรงแรมที่สูงที่สุดในโลก  คือ โรงแรม " เบิร์จ อัล อาหรับ " ในรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  โดยโรงแรม 7 ดาวแห่งนี้มีความสูงอยู่ที่ 321 เมตร  และสร้างอยู่บนเกาะที่ถมสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือมนุษย์  ณ ท้องทะเลของรัฐดูไบ
 



2. โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ( พิจารณาจากจำนวนห้องพัก ) คือ " เดอะ พาลาซโซ่ รีสอร์ต โฮเทล แอนด์ คาสิโน " ในเมืองลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงแรมนี้มีจำนวนห้องพักเป็นจำนวนมากถึง 8,108 ห้อง




3. โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก  คือ โรงเตี๊ยม " โฮชิ เรียวกัน " ที่เมืองโคมัตสึ ประเทศญี่ปุ่น  เปิดให้บริการมานานกว่า 1,300 ปี  โรงเตี๊ยมขนาด 100 ห้องแห่งนี้ ดำเนินกิจการโดยคนในครอบครัวเดียวกัน มาถึง 46 ชั่วอายุคนแล้ว ... โห !  Amazing สุดๆ





4. โรงแรมที่มีห้องพักราคาแพงที่สุดในโลก  คือ ห้องพัก " รอยัล วิลล่า " ของ " แกรนด์ รีสอร์ต ลาโกนิสซี " ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ  โดยผู้เข้าพักในห้องพักจะมองเห็นวิวของทะเลอีเจียนจากสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่มีเครื่องมือนวดในระบบพลังน้ำ  ห้องนี้จะต้องจ่ายค่าห้องพักในราคา 50,000 เหรียญสหรัฐ  หรือประมาณ 1,600,000 บาท ต่อหนึ่งคืน
 


อ่ะจ๊าก !  แค่งีบหลับไป 1 คืน ไม่กี่ชั่วโมงเนี่ยนะ ... สู้เอาตังค์มาซื้อคอนโดมิเนียมติด BTS ใจกลางกรุงเทพ อยู่ได้ตลอดชีวิต  จนชั่วลูกชั่วหลาน ดีก่า ... Oh My God !
 
 
5. โรงแรมที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากที่สุดในโลก คือ โรงแรม " เอมิเรตส์ พาเลซ " ในกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  โรงแรมนี้เปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ. 2005 ( พ.ศ.2548 )  ใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาท  ใช้เงิน ทอง และหินอ่อน เป็นวัสดุในการก่อสร้าง  และยังติดตั้งโคมไฟระย้าที่ทำจากแก้วคริสตัลของ " สวารอฟสกี้ " เป็นจำนวนมากถึง 1,002 ชิ้น
 







6. โรงแรมที่มีห้องพักขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ ห้อง " รอยัล สูท " ของ " เดอะ แกรนด์ ฮิลส์ โฮเทล แอนด์ สปา " ในเมืองบรวมมานา ประเทศเลบานอน  ห้องพักที่ว่ามีขนาด 8,000 ตารางเมตร  กินพื้นที่ 6 ชั้น อันประกอบด้วยห้องพัก  สระว่ายน้ำ 2 สระ  สวน  ระเบียง  และกระโจมส่วนตัวของผู้เข้าพัก




7. โรงแรมที่หนาวเย็นที่สุดในโลก  คือ " ไอซ์ โฮเทล " ในเมืองจุคคาสจาร์วิ  ประเทศสวีเดน  ห้องพักทั้งหมดของโรงแรมนี้สร้างจากน้ำแข็ง และหิมะ ... อึ๋ย !  เย็นยะเยือก
 













8. โรงแรมที่อยู่บนสถานที่ที่สูงที่สุดในโลก ( พิจารณาจากความสูงของชั้นตึก ) คือ โรงแรม " พาร์ค ไฮแอตต์ " ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน  โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 79-93 ของอาคาร " เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ ไฟแนนซ์ " ซึ่งสูง 101 ชั้น






9. โรงแรมที่อยู่บนจุดที่สูงที่สุดในโลก ( พิจารณาจากที่ตั้งเหนือระดับน้ำทะเล )  คือ " โฮเทล เอเวอเรสต์ วิว " ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาเอเวอเรสต์ ประเทศเนปาล  อยู่บนความสูง 3,880 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
 



10. โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก  คือ " เดนทรี อีโค ลอดจ์ แอนด์ สปา " ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย  ตั้งอยู่ในเขต " ป่าหนาทึบ เขตร้อน ซึ่งมีฝนตกชุก "  มีอายุเก่าแก่ที่สุด  ได้รับคำชื่นชมที่พยายามสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์  ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน  และมีไร่นาชีวภาพ ที่ใช้เพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง
 




 


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #577 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 14:02:23 »

อยากมีลูก ต้องกินกล้วย  ห้ามกินเหล้า สูบบุหรี่ และอาบอบนวด

จาก : http://www.thairath.co.th/content/life/119520



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินปัสสาวะของสิงคโปร์ สั่งให้ผู้ชายที่อยากได้ลูกหากล้วยหอมมากินทุกๆ 3 วัน รวมทั้งกินถั่ว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มะเขือเทศ สปาเกตตี และอาหารทะเลเข้าไปมากๆ

หนังสือพิมพ์รายวันของสิงคโปร์ รายงานว่า หมอเจ้าตำรับเรื่องนี้ชี้แจงว่า เพราะกล้วยหอมมีแมกนีเซียมสูง จะช่วยบำรุงเซลล์อสุจิ พร้อมกันนั้นก็ได้สั่งห้ามกินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ และลงไปแช่ในน้ำร้อน เพราะสิ่งเหล่านี้จะแสลงกับการสร้างตัวอสุจิของผู้ชาย.

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #578 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 21:01:45 »

ขอบคุณครับ น้องเริง ที่หาเรื่อง มาช่วยกันเล่า ...


วิธีเขียน " หมายเลขโทรศัพท์ " ตามหลักสากล

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

ตั้งแต่นี้ไป ถ้าพิมพ์นามบัตรใหม่ หรือพิมพ์หัวกระดาษจดหมายใหม่  ต้องพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ตามหลักสากลดังข้างล่างนี้ คือ

เบอร์โทรศัพท์บ้าน  0   2123 4567   ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ +66  2123 4567

เบอร์มือถือ           08 1123 4567   ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ +668 1123 4567

เบอร์บ้านเชียงใหม่  0  5312 3456   ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ  +66  5312 3456

คำอธิบายโปรดอ่านข้างล่างนี้

คำแนะนำในการเขียน " เลขหมายโทรศัพท์ " ให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล

อ้างถึง จากคำถามที่ว่า ควรจะเขียนเลขหมายโทรศัพท์บนนามบัตรหรือโบชัวร์อย่างไร ให้ตรงตามมาตรฐาน ซึ่งถ้าคุณยังเขียนเป็น 02-xxx-xxxx หรือ (02) xxx xxxx ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว

การเพิ่มเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานทั่วประเทศจาก 7 หลักเป็น 8 หลัก ในปี พ.ศ. 2544 นั้น  ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเขียนเลขหมายโทรศัพท์  เพื่อใช้ในนามบัตร โบรชัวร์ หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ

ทีโอทีได้แนะนำรูปแบบการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( International Telecommunication Union: ITU )  เพื่อให้เป็นที่เข้าใจได้ง่าย ตรงตามมาตรฐานสากล โดยมีแนวทาง ดังต่อไปนี้

แบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูก

เลขหมายโทรศัพท์ในประเทศ  ให้เขียนเลขศูนย์นำหน้า  ตามด้วยเลขหมาย 8 หลัก ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน
Trunk prefix + Subscriber numbers เช่น 0 2345 6789 หรือ 0 5345 6789

เลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ  ให้เขียนรหัสประเทศตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์  ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Country code + Subscriber numbers เช่น +66 2345 6789 หรือ +66 5345 6789

หลายคนอาจจะมีปัญหากับการเขียนเลขหมายระบบใหม่ เพราะเคยชินกับระบบเดิมอยู่ แต่ก่อนเราเขียน (02) 345 6789
เพื่อแยกรหัสพื้นที่ออกจากเลขหมายโทรศัพท์ ในเมื่อระบบเลขหมาย 8 หลัก ไม่มีรหัสพื้นที่แล้ว การที่เรายังคงเขียนเป็น 02 345 6789 นั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดไปได้บ้าง  แม้ว่าผลลัพธ์ของการโทรนั้นไม่แตกต่างกัน  แต่ในการพูดคุณสามารถที่จะบอกเบอร์โทรของคุณเป็น “ ศูนย์สอง สามสี่ห้า หกเจ็ดแปดเก้า ” ได้เหมือนเดิม  ก็ไม่มีใครว่าอะไร

ที่จริงแล้ว บ้านเราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของ ITU เสียทั้งหมด  รูปแบบบางอย่างเราก็ยังคงใช้ตามนิยมที่ทุกคนเข้าใจ  เช่น  การเขียนเบอร์โทรที่ประกอบด้วยหลายเลขหมาย ( Multiple numbers ) นั้น มาตรฐาน ITU-T Recommendation E.123 แนะนำให้ใช้เครื่องหมายทับ ( / ) ระหว่างตัวเลข เช่น

    * เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2123 4567 / 3456 7890 / 4567 8901
    * เลขหมายที่ติดกัน สามารถย่อเป็น 0 2123 4567 / 8 / 9

แต่เราแทบจะไม่เคยเห็นรูปแบบนี้ในประเทศไทยเลย  ที่นิยมใช้และเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป

จะใช้เครื่องหมายขีด “ - ” ระหว่าง เลขหมายที่ติดกัน หรือคั่นด้วย “ , ” สำหรับเลขหมายที่ไม่ติดกัน เช่น

    * เลขหมายติดกัน 0 2123 4567-9 หรือ 0 2123 4567-71
    * เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2134 4567, 0 2345 6789

การเขียนเลขโทรศัพท์ตามแบบใหม่นี้ยังมีข้อดีคือ  เลขหมายของคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะมีรูปแบบเหมือนกันทั้งประเทศ เช่น เลขหมายของชาวกรุงเทพฯ 0 2345 6789 กับเลขหมายของชาวเชียงใหม่ 0 5345 6789  ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างเมืองกรุง กับภูมิภาคได้อีกระดับหนึ่ง

แบ่งกลุ่มตัวเลขด้วยช่องว่าง

มาตรฐาน ITU E.123 แนะนำให้มีการแบ่งกลุ่มตัวเลขของหมายเลขโทรศัพท์  โดยใช้ สัญลักษณ์ช่องว่าง ( Spacing symbols ) เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และความสะดวกในการบอกกล่าว  สัญลักษณ์ที่ควรใช้ที่สุดก็คือ ช่องว่าง ( space ) หรือการเว้นวรรค  ไม่ควรใช้เครื่องหมายอื่นอย่าง เช่น เครื่องหมายขีด “ - ” โดยเฉพาะเลขหมายระหว่างประเทศ  เพราะอาจสร้างความสับสนได้  โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้รวมกับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน เช่น 0-2123-4567-8 หรือ 0-2123-4567-70

ด้วยเหตุนี้ เราควรใช้ “ ช่องว่าง ” ในการแบ่งกลุ่มตัวเลขเท่านั้น  ใครที่เคยเขียนเบอร์โทรเป็น 02-123-456
นั้นก็ควรเปลี่ยนมาเขียนเป็น 0 2123 4567 ซึ่งถูกต้องกว่า  

เลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) กับเบอร์โทร

เครื่องหมายวงเล็บ ( ) นั้นใช้แสดงว่า ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้ในการโทร  ดังเช่น  รหัสพื้นที่ (02) สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งแต่ก่อนสามารถโทรถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องกดรหัส 02 ก่อน  เราจึงสามารถเขียนเลขหมายเป็น (02) 123 4567 หรือ (053) 123 456 ได้  เพื่อแสดงให้ทราบว่าถ้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันไม่ต้องกดรหัสพื้นที่  แต่หลังจากการเปลี่ยนระบบเลขหมายโทรศัพท์จาก 7 หลักมาเป็น 8 หลัก ทำให้ในปัจจุบัน  เราต้องกดรหัสพื้นที่ก่อนเสมอ

ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ในเลขหมายโทรศัพท์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อีกต่อไป
คำแนะนำในการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล Part 2/6
ใช้ +66 สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ ( International number )

เครื่องหมายบวก “ + ” เป็น International prefix symbol ที่ใช้นำหน้ารหัสประเทศ  และแสดงให้ทราบว่าเลขหมายโทรศัพท์ที่ตามมานั้นเป็นเบอร์โทรระหว่างประเทศ  สำหรับตัวเลข “ 66 ” นั้นก็คือ รหัสประเทศ ( Country code ) ของไทยนั่นเอง  ในการกดเบอร์โทรไปต่างประเทศด้วยเครื่องโทรศัพท์ธรรมดา  เราไม่ต้องกดเครื่องหมายบวก “ + ” แต่ถ้าโทรออกด้วยโทรศัพท์มือถือ  เราถึงจะสามารถกดเครื่องหมายบวก “ + ” ได้จริงๆ

แต่ถ้าเป็นการโทรระหว่างประเทศ  เลข 0 ซึ่งเป็น Trunk prefix นี้จะถูกละเว้นไป  นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับการโทรระหว่างประเทศ เป็น +66 2345 6789  และไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) และเครื่องหมายขีด (-) ในเลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ  ซึ่งจะสร้างความสับสนได้ง่าย

หมายเลขต่อ ( ext. )

สำหรับ เบอร์ต่อนั้น  ITU แนะนำให้เขียนโดยใช้คำว่า “ ext. ” ซึ่งย่อมาจาก extension  ตามด้วยเลขหมาย เช่น 0 2345 6789 ext. 1234 แต่ของไทยเรานั้นใช้คำว่า “ ต่อ ” แทน  จึงเขียนได้เป็น 0 2345 6789 ต่อ 1234  บางทีก็เห็นใช้เครื่องหมายชาร์ป (#) แทนอย่าง 0 2345 6789 # 1234 ก็เป็นที่เข้าใจได้เช่นกัน


สรุปแนวทางการเขียนเลขหมายโทรศัพท์

จากหลักการเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับสิ่งพิมพ์ และสื่อต่างๆ  ซึ่งได้แก่  การแบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง การใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข, การเลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ และการใช้ “ +66 ” สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ  เราจึงมีแนวทางการเขียนเบอร์โทรศัพท์ดังนี้

เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับโทรในประเทศ

เลิกใช้วงเล็บ                                                            ไม่ควรเขียนว่า (02) 345 6789
เลิกใช้เครื่องหมายขีด (-)                                   ไม่ควรเขียนว่า 02-345-6789
เลิกใช้ช่องว่างรวมกับเครื่องหมายขีด (-)                    ไม่ควรเขียนว่า 02 345-6789              
ใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข                                  เขียนได้เป็น 02 345 6789
แยกกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง                                             เขียนได้เป็น 0 2345 6789

การเขียนเลขหมายโทรศัพท์อย่างถูกต้องนั้น  อาจจะดูแปลกในตอนแรก  หากเราลองฝืนใจทำตามคำแนะนำไปสักระยะหนึ่ง
ไม่นานก็จะรู้สึกดีขึ้น  ที่เราเขียนเบอร์โทรได้ตรงตามมาตรฐาน  ไม่ทำให้คนอื่นสับสน

สำหรับเลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ

ไม่ควรเขียน     (662) 3456789             เพราะไม่ควรใช้วงเล็บ และขาดเครื่องหมาย +
ไม่ควรเขียน     +66 23 456789            เพราะแบ่งกลุ่มตัวเลขไม่เหมาะสม
ไม่ควรเขียน     +66(0) 23456789         เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 ให้สับสน
ไม่ควรเขียน     +66 (0) 2 345 6789      เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 และยังแบ่งกลุ่มไม่ถูก  ยิ่งทำให้ดูสับสน
ไม่ควรเขียน     +66-2345-6789            เพราะไม่ควรใช้เครื่องหมายขีด (-) ที่ทำให้ดูสับสนเมื่อมีทั้งเครื่องหมายบวก (+) และลบ (-) อยู่ร่วมกัน

ควรเขียนเป็น +66 2345 6789 ซึ่งเรียบง่าย และเป็นที่เข้าใจในระดับสากล

การเขียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่

สำหรับติดต่อในประเทศ

ให้เขียนโดยแยก 08 ไว้ข้างหน้า  เว้นวรรคด้วยช่องว่าง  ตามด้วยเลขอีก 4 ตัว  เว้นวรรคด้วยช่องว่าง  แล้วจึงตามด้วย
เลขที่เหลืออีก 4 ตัว  เช่น  08 1234 5678

ไม่ควรเขียนเป็น (081)-234-5678, (081) 234 5678, (081) 234 5678, 081-234-5678,
081 234 5678, 08-1234-5678, (08) 1234 5678 เพราะไม่ควรใช้เครื่องหมายขีด (-) และวงเล็บ ( ) ในเลขหมาย

เนื่องจากเครื่องหมายขีดนั้นอาจทำให้สับสน  เมื่อใช้กับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน  ส่วนเครื่องหมายวงเล็บนั้น มีความหมายว่า
ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นไม่จำเป็นต้องกด เมื่อโทรในพื้นที่เดียวกัน

สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ

ให้เขียนแบบโดยแยก +668 ไว้ข้างหน้า แล้วตามด้วยเลขอีก 8 ตัว  ซึ่งแบ่งกลุ่มด้วยช่องว่าง เช่น +668 1234 5678
โดยมีเครื่องหมายบวก (+) นำหน้า  ตามด้วยรหัสประเทศไทย  ซึ่งก็คือ 66 พร้อมตัดเลข 0  ซึ่งไม่จำเป็นในการโทรเข้าจากต่างประเทศ ออกไป

ไม่ควรเขียนเป็น +66 (0) 8 1234 5678, +66 (08) 1234 5678, +6608 1234 5678, +66 08 1234 5678, +66-08-1234-5678 เนื่องจากมาตรฐาน ITU ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องหมายขีด (-) และวงเล็บ ( ) ในเลขหมายระหว่างประเทศ

ต้องยอมรับว่าการเขียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใหม่นั้น  ขัดกับความรู้สึกพอสมควร  จากเดิมที่เคยบอกเบอร์โทรว่า “ ศูนย์หนึ่ง สองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด ” เมื่อต้องเปลี่ยนมาพูดว่า “ ศูนย์แปด หนึ่งสองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด ” ก็รู้สึกไม่ถนัด  เพราะคนส่วนใหญ่ยังเคยชินกับเลขหมายเดิม หลายๆ คนจึงยังคงพูดว่า “ ศูนย์แปดหนึ่ง สองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด ” ที่จำได้ง่ายกว่า

สรุปว่าคุณจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีใครมาว่าอะไร  แต่ถ้าเป็นการเขียนลงในนามบัตร หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ  การเขียนเลขหมายในรูปแบบใหม่ก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้คนอื่นๆ รวมถึงชาวต่างชาติเข้าใจระบบเลขหมายโทรศัพท์ของเราได้อย่างถูกต้อง  และยังแสดงถึงความเป็นสากลของหน่วยงานคุณอีกด้วย
เพิ่มรายละเอียดให้ทราบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์  โทรสาร  และโทรศัพท์เคลื่อนที่ อย่างเต็มรูปแบบ

เลขหมายโทรศัพท์ในประเทศ

โทรศัพท์ (Tel.) 0 xxxx xxxx ต่อ xxx
โทรสาร (Fax) 0 xxxx xxxxx
โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile) 08 xxxx xxxx

เลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ

Tel. +66 xxxx xxxx ext. xxx
Fax +66 xxxx xxxx
Mobile +668 xxxx xxxx



การเขียน Electronic Mail Address & Web Address

จาก มาตรฐาน E.123 ของ ITU ยังได้แนะนำวิธีการเขียนที่อยู่อีเมล ( Electronic Mail Address )  และที่อยู่เว็บ ( Web Address ) ไว้ด้วย  เลยถือโอกาสแนะนำให้ทราบในที่นี้ด้วย  เพื่อที่จะได้เขียนควบคู่ไปกับเลขหมายโทรศัพท์ ได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

    * สำหรับอีเมลนั้น  ให้เขียนกำกับด้วยคำว่า “ E-mail ”, “ email ” หรือ “ อีเมล ” ตามด้วยที่อยู่อีเมล เช่น
      E-mail : me@mysite.com
    * ส่วนที่อยู่เว็บนั้น  ให้เขียนกำกับด้วยคำว่า “ Web ” หรือ “ เว็บ ” แล้วตามด้วยที่อยู่เว็บโดยไม่มี http:// นำหน้า เช่น
      Web: www.mysite.com

บทความจากหนังสือ ฉลาดโทร โทรประหยัดทั่วไทย โทรถูกทั่วโลก โดย ธวัชชัย ศรีสุเทพ

      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #579 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 21:39:21 »

ขอบคุณครับพี่เจี๊ยบ ... ขออนุญาตเพิ่มเติมนิด นะครับพี่

การโทรทาง ไกลระหว่างประเทศ ... สมัยก่อนเราต้องโทรผ่าน CAT โดยการกด 001 หรือ 009 แล้วตามด้วยรหัสประเทศ แล้วตามด้วยเบอร์โทร (ถ้า 001 จะ Rate ปกติ แต่ 009 จะRate ประหยัด) ซึ่งถ้ากด + บนมือถือจะแปลงค่าเป็น 001 โดยอัตโนมัติ อัตรา่ค่าโทรปกติ ไม่ประหยัด

ปัจจุบันหลังจากเปิดโทรคมนาคมเสรีแล้ว ... นอกจาก CAT แล้ว จะมีผู้ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอีกหลายราย ....ดังนั้น นอกจาก 001 และ 009 แล้ว จึงมี 006, 007, 008, 102 ฯลฯ ซึ่งเป็นรหัสโทรทางไกลระหว่างประเทศของผู้ให้บริการในแต่ละราย

คราว นี้ค่ายมือถือ หัวใส ... หากกดเครื่องหมาย + นำหน้ารหัสต่างประเทศ แทนที่จะเป็น 001 ของ CAT เหมือนสมัยก่อน  ก็จะ Run หมายเลข ของค่ายมือถือแต่ละค่ายแทน 001 ของ CAT

ดังนั้นการโทรระหว่างประเทศ ด้วยมือถือ ถ้ากดเครื่องหมาย + แล้วตามด้วยรหัสประเทศและเบอร์โทร ก็จะได้ Rate ของค่ายมือถือแต่ละราย โดยอัตโนมัติ

เพราะฉนั้น ... email หรือ นามบัตรของผมจะไม่ใส่เครื่องหมาย + ไว้เพื่อที่ผู้โทรหาจะได้ไม่เผลอกด + ... แต่ให้กดเป็นรหัสแทน ส่วนจะเลือกเป็น รหัสใด ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวก หรือ Rate ที่ประหยัดของแต่ละค่าย ในช่วงขณะนั้นๆ ครับ


----------

Dr. Montri Charoensri
WiMAX Project Director

TT&T Public Company Limited

Mobile:  668 4874 8405
Tel:       66 2693 2100 ext. 3403
Fax:      66 2693 2400 ext. 6214
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #580 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 22:21:09 »


ได้ความรู้ใหม่เพิ่มอีกแล้วครับ น้องมนตรี


ชาติหน้ามีจริงหรือ ? ... วิสัชนาโดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา  

ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา ( หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี )  เรื่องชาติหน้าภพหน้า  เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่ ?

      ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม ?
      ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ ?
      ผู้ถาม : เชื่อ
      ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ .... คุณก็โง่
      ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?
      ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ ?  ถ้าเชื่อ .... คุณโง่ หรือฉลาด ?



แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า

หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้  อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า  ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม ?  ถ้าเชื่อคุณก็โง่  เพราะอะไร  ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้  ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา  คนเขาว่าอย่างไร  คุณก็เชื่ออย่างนั้น  คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง  คุณก็โง่อยู่ร่ำไป  ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า  คนตายแล้วเกิด หรือว่าชาติหน้ามี  อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า  ถ้ามี  พาผมไปดูหน่อยได้ไหม ?  เรื่องมันเป็นอย่างนี้  มันหาที่จบลงไม่ได้  เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม ?  อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม ?  ถ้ามีพาไปดูได้ไหม ?  อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้  ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่  แต่ก็พาไปดูไม่ได้  อย่างนี้เป็นต้น  ถ้าวันนี้มี  พรุ่งนี้ก็ต้องมี  แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้



ความจริงแล้ว  พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น  ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี  ไม่ต้องไปถามว่า  คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด  อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา  มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา

หน้าที่ของเราคือ  เราจะต้องรู้จักเรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน  เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ?  ถ้าทุกข์  มันทุกข์เพราะอะไร ?  นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้  และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง  เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต  คือถ้าวันนี้ผ่านไป  วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้  นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้  มันจะมีได้ ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ  ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน  หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป  มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว  นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน  เท่านี้ก็พอแล้ว  ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี  อนาคตมันก็จะดีด้วย  อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป  มันย่อมดีด้วย  และที่สำคัญที่สุดคือ  ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว  อนาคตคือ ชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง



คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด

ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี  กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป



ในครั้งพุทธกาล  สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่  มีพราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า  คนตายแล้วไปไหน ?  คนตายแล้วเกิดหรือไม่ ?  ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย  แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ  แกก็จะไม่บวช  แกว่าของแกอย่างนั้น

พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า  มันเป็นเรื่องอะไรของฉันเล่า  พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช  นั่นเป็นเรื่องของพราหมณ์  ไม่ใช่เรื่องของฉัน

พระองค์ตรัสว่า  ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมีความเห็นว่า  มีคนเกิดหรือมีคนตาย  คนตายแล้วเกิด  หรือคนตายแล้วไม่เกิด  ถ้าพราหม์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้  พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์  ทางที่ถูกนั้น  พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้

พระพุทธเจ้าท่านว่า  ความจริงแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย  พราหมณ์คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง  และจนกว่าแกจะได้เรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ  จึงจะเข้าใจคำพูดของพระองค์ได้

นั่นจึงจะเรียกว่า  การรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา  เป็นการเชื่อด้วยปัญญา

พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้  ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด  ชาติหน้ามีหรือไม่มี  อย่างนั่นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ  จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้  จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้
    
ดังนั้น ที่คุณถามว่า  ชาติหน้ามีไหมนั้น  อาตมาจึงถามคุณว่า  ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม ?  ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด ?  อย่างนี้เข้าใจไหม ?  ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #581 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 09:23:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 22:21:09

ได้ความรู้ใหม่เพิ่มอีกแล้วครับ น้องมนตรี


ชาติหน้ามีจริงหรือ ? ... วิสัชนาโดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา  

ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา ( หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี )  เรื่องชาติหน้าภพหน้า  เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่ ?

      ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม ?
      ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ ?
      ผู้ถาม : เชื่อ
      ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ .... คุณก็โง่
      ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?
      ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ ?  ถ้าเชื่อ .... คุณโง่ หรือฉลาด ?



แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า

หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้  อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า  ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม ?  ถ้าเชื่อคุณก็โง่  เพราะอะไร  ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้  ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา  คนเขาว่าอย่างไร  คุณก็เชื่ออย่างนั้น  คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง  คุณก็โง่อยู่ร่ำไป  ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า  คนตายแล้วเกิด หรือว่าชาติหน้ามี  อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า  ถ้ามี  พาผมไปดูหน่อยได้ไหม ?  เรื่องมันเป็นอย่างนี้  มันหาที่จบลงไม่ได้  เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม ?  อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม ?  ถ้ามีพาไปดูได้ไหม ?  อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้  ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่  แต่ก็พาไปดูไม่ได้  อย่างนี้เป็นต้น  ถ้าวันนี้มี  พรุ่งนี้ก็ต้องมี  แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้



ความจริงแล้ว  พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น  ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี  ไม่ต้องไปถามว่า  คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด  อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา  มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา

หน้าที่ของเราคือ  เราจะต้องรู้จักเรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน  เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ?  ถ้าทุกข์  มันทุกข์เพราะอะไร ?  นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้  และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง  เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต  คือถ้าวันนี้ผ่านไป  วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้  นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้  มันจะมีได้ ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ  ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน  หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป  มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว  นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน  เท่านี้ก็พอแล้ว  

ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี  อนาคตมันก็จะดีด้วย  อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป  มันย่อมดีด้วย  

และ ที่สำคัญที่สุดคือ  ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว  

อนาคตคือ ชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง




คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด

ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี  กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป



ในครั้งพุทธกาล  สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่  มีพราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า  คนตายแล้วไปไหน ?  คนตายแล้วเกิดหรือไม่ ?  ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย  แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ  แกก็จะไม่บวช  แกว่าของแกอย่างนั้น

พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า  มันเป็นเรื่องอะไรของฉันเล่า  พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช  นั่นเป็นเรื่องของพราหมณ์  ไม่ใช่เรื่องของฉัน

พระองค์ตรัสว่า  ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมีความเห็นว่า  มีคนเกิดหรือมีคนตาย  คนตายแล้วเกิด  หรือคนตายแล้วไม่เกิด  ถ้าพราหม์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้  พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์  ทางที่ถูกนั้น  พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้

พระพุทธเจ้าท่านว่า  ความจริงแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย  พราหมณ์คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง  และจนกว่าแกจะได้เรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ  จึงจะเข้าใจคำพูดของพระองค์ได้

นั่นจึงจะเรียกว่า  การรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา  เป็นการเชื่อด้วยปัญญา

พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้  ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด  ชาติหน้ามีหรือไม่มี  อย่างนั่นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ  จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้  จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้
    
ดังนั้น ที่คุณถามว่า  ชาติหน้ามีไหมนั้น  อาตมาจึงถามคุณว่า  ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม ?  ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด ?  อย่างนี้เข้าใจไหม ?  ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ

                 ขออนุญาต เข้ามาจับข้อความที่เป็น หัวใจ ของกระทู้นี้  win  

                

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน  เท่านี้ก็พอแล้ว  

ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี  อนาคตมันก็จะดีด้วย  อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป  มันย่อมดีด้วย  

                                      และ ที่สำคัญที่สุด คือ  

ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว  อนาคต คือ ชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง

                       รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #582 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 17:46:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 03 ตุลาคม 2553, 22:53:50
ตำลาว … เด้อค่ะเด้อ !

Poomping Praison ... ส่งมา

พาไปล้วงลึกที่มาของ ' ตำลาว ' อาหารสุดหย่อย  ยิ่งใส่ปลาร้า โอ๊ย !  แซ่บหลาย  นอกจากไปชิมร้านตำลาวขนานแท้แล้ว  ยังพาไปเข้าครัวร้านตำแหลกของดาราสาวที่คุณคิดถึง  พร้อมนางเอก-นางร้ายที่ปรารถนาจะมาเล่าว่าทำไมชอบปลาร้ากันนัก



" แซบอีหลี แซบนัวหลาย " วลีสั้นๆ นี้ได้กลายเป็นวลีฮิตติดปากเหล่านักชิมทั้งหลายไปแล้ว  โดยเฉพาะเมื่อได้ลิ้มรสอาหารอีสานรสจัดอย่าง “ ตำลาว ” ส้มตำลาวของอีสาน ขนานแท้นั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า และปูนาดองเท่านั้น  ไม่ใส่น้ำตาลทรายโดยเด็ดขาด  เพราะยิ่งใส่ก็จะทำให้กลิ่นเหม็นคาวของน้ำปลาร้าโชยออกมาได้  นอกจากนี้ยังเพิ่มรสเปรี้ยว และความกลมกล่อมด้วยผักผลไม้พื้นบ้านนานาชนิด  ทั้งมะกอกป่า มะนาว และมะเขือเหลือง

ตำลาวจะแซบ แสบ นัวขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับ ' รสมือคนตำ ' เป็นสำคัญ

ร้านน้ำตกสีดา ส้มตำลาวกาฬสินธุ์



“ ขายส้มตำอยู่ที่นี่มาเกือบ 40 ปีแล้ว  แรก ๆขายส้มตำอย่างเดียวจานละไม่กี่บาท  จนปัจจุบันนี้ตำลาวจานละ 25 บาท ” คุณป้าสีดา กำแหงพล อายุ 68 ปี เจ้าของร้านน้ำตกสีดา  บอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์

ส้มตำลาว รวมถึงอาหารประเภทอื่น  ดัดแปลง และปรับปรุงสูตรเพื่อให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ  มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร - ตำลาวที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ และใช้ ' ปูแสมเค็ม' แทน ปูนา
“ ปูแสมเค็มอร่อย และมีเนื้อมากกว่าปูนา  และที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ ด้วยนั้น  ก็เพื่อความน่ากินมากขึ้น ”
“ ปลาร้าของที่นี่จะใช้ปลาร้าภาคกลาง ที่เน้นปลาร้าตัวโตๆ  ไม่เค็มจนเกินไปเหมือนปลาร้าที่นำมาจากอีสาน  แล้วจึงนำมาต้ม และปรุงรสตามสูตรเฉพาะของร้าน ”



อาหารแนะนำอื่น - น้ำตกหมู เนื้อรสจัดจ้านถึงเครื่อง , ไก่ย่าง, ปลาดุกย่าง เนื้อนุ่มๆ , ซุปหน่อไม้ที่ใช้หน่อไม้สด , ต้มแซบหมู เนื้อ , ลาบวุ้นเส้น , น้ำตกปลาดุกฟู



ชื่อร้าน ร้านน้ำตกสีดา
ที่ตั้ง บริเวณตลาดนัด วังหลัง
เปิดบริการ 10.00 - 13.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2412-7180



ครกไม้ ไทยลาว ... ของผู้คนสองฝั่งโขง



“ ซำได้เมื่อยามเล้า กินข้าวอยู่เฮือน ” หมายความว่า “ ถ้ามาที่นี่แล้วเหมือนกับได้กลับไปกินข้าวที่บ้านเกิด ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเน้นบรรยากาศอีสานเมืองอุบลฯ ที่เรียบง่าย  ปลอดโปร่งเย็นสบายด้วยลมธรรมชาติ
“ ส้มตำลาวของทางร้านมีรสชาติที่จัดจ้านเผ็ด เค็มนำ เป็นรสชาติแบบคนอีสานแท้ๆ  ปลาร้าส่งตรงมาจากเมืองอุบลฯ  ปลาร้าที่ร้านนี้จะต้มสุกเพื่อสุขอนามัยของคนกิน  อาหารของที่นี่ไม่ใส่ผงชูรสเลย  แต่จะชูรส และกลิ่นด้วยน้ำปลาร้าที่ปรุงรสแล้ว ตามสูตรเฉพาะของร้าน  และน้ำปลาดี  เส้นมะละกอดิบ  ใช้มีดสับเป็นเส้น  ความสดกรอบของมะละกอ ” สุชาติ ผาธรรม เจ้าของร้านครกไม้ไทยลาวบอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์



อุปกรณ์หลัก ครกไม้

“ ครกไม้เป็นวัฒนธรรมร่วมของการทำกับข้าวของผู้คนสองฝั่งโขง  เพราะชาวอีสาน และชาวลาวฝั่งซ้าย  จะทำกับข้าวอะไรก็ตามจะต้องใช้ครกเป็นอุปกรณ์สำคัญ  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของชื่อร้านครกไม้ไทยลาวในวันนี้ ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้ว  มีอาหารอีสานสไตล์เมืองอุบลฯ นานาชนิด  อาทิ  ไก่อบกะละมัง ( หนังกรอบเนื้อนุ่ม ) เข้าได้ดีกับตำลาว , ลาบ น้ำตก หมู เนื้อ , ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้ม

ชื่อร้าน ครกไม้ไทยลาว
ที่ตั้ง เลขที่ 6/257 หมู่ 1 ซอยลาดปลาเค้า 24 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
เปิดบริการ เวลา 11.00-23.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2570-6234-5



ตำแหลก ส้มตำรสแซบ
เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์




ร้าน “ ตำแหลก ” เกิดจากความชื่นชอบในรสชาติของส้มตำ  กลิ่นมะนาว กลิ่น กระเทียม น้ำปลา ปูเค็ม ปลาร้า เสียงครกทักทายปลายสากของเจ้าของร้าน...เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์  หากดูในมิติของนักชิม และนักทดลอง  วีนัสถือว่าหาตัวจับยากในมิติของผู้ประกอบการ  เธอก็ไม่ได้ขาดหรือพร่องที่จะรับผิดชอบลูกค้าในด้านความสะอาด และใช้วัตถุดิบอย่างดี

ตำส้มตำขายเหมือนกับทำกินเอง  เรียกง่ายๆ ว่าตำแหลกใจป้ำว่างั้นเถอะ  วัตถุดิบที่นี่คุณภาพดี  ซื้อมาแบบวันต่อวัน  ถั่วก็คั่วเอง  ตำปูม้าต้องเผ็ดมากกว่าตำไทย  เอาความเผ็ดกับความเปรี้ยวไปลดกลิ่นปูม้าดอง ( ที่ดองเองกับมือ )  เพราะบางคนอาจจะไม่มั่นใจ  เกรงว่าจะเหม็นคาว



ร้านนี้ครก 5 ใบ - ใบแรก สำหรับยำหอยดอง ปูม้า  ใบที่สองสำหรับปูจืด  ใบที่สามสำหรับตำมั่วมะกอกใส่กะปิ  ใบที่สี่สำหรับตำปลาร้า  และใบที่ห้าสำหรับตำไทย ตำผลไม้
ก่อนลงสาก หนึ่ง. ใช้มะละกอดำเนินฯ  สอง. ตำไทย เส้นขูด , ตำลาวเส้นสับ  สาม.ตำลาวใช้ครกหิน , ตำผลไม้ต้องใช้ครกไม้  สี่. แต่ละครกจะมีวิธีลงสากไม่เหมือนกัน  เพื่อให้เส้นมันกรอบ และไม่แหลกจนเกินไป

เคล็ดลับความอร่อย

มะละกอ - ต้องดำเนินสะดวกเท่านั้น  แช่เย็นธรรมดา “ ถ้าเป็นมะละกอที่อื่นจะตีกลับเลยไม่อร่อย  เส้นเหนียว ”
ปลาร้า - ปลาร้าแดง กับปลาร้าดำผสมกัน  สูตรอยู่ที่การต้ม  ซึ่งจะใส่พวกใบหม่อน และเครื่องเคียงอื่นๆ ลงไปผสมผสาน  ซึ่งรับประกันความอร่อยแซบ และแปลกแน่นอน

ไม่หวงสูตร

“ บางทีลูกค้ามาสั่งตำผลไม้ไปแช่เย็นเพื่อกินตอนเช้า  เปิ้ลบอกว่า พี่ เดี๋ยวเปิ้ลสอนให้  ดูนะว่าเปิ้ลใส่อะไรบ้าง  แต่เขาก็กลับมาอีก  เขาบอกว่า ไม่ได้รสอย่างที่เปิ้ลทำให้กินที่ร้าน  เปิ้ลสอนหมด  เปิ้ลไม่หวง  นิตยสารต่างๆ มาขอสูตรส้มตำ  เปิ้ลก็ให้หมด  แม้แต่วิธีดองปูม้าบอกหมดเลย ”
ส้มตำมากกว่า 20 เมนู  และยังมีอาหารแนะนำอย่างอื่นที่หลากหลาย  อาทิ  ไก่ทอดสมุนไพร , ยำปลาดุกฟู , ตำมะม่วงปลากรอบ , ลาบเป็นคั่วสมุนไพร , แกงหน่อไม้เปรี้ยวไก่บ้าน , ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน , ปลาทอดสมุนไพร , ปลาแรดแดดเดียว , ปลากะพงผัดฉ่า ฯลฯ

ชื่อร้าน ร้านตำแหลก
ที่ตั้ง ปากซอยรามคำแหง 120 ถ.สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ 10240
เปิดบริการเวลา 11.00 น. - 21.30 น. ( หยุดทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน )
สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2728 – 1190 - 1
หมายเหตุ  มื้อเที่ยงและเสาร์ - อาทิตย์  กรุณาโทร. จองโต๊ะก่อนล่วงหน้า


ของแท้ ! ! จับสากมือซ้าย

ไม่เชื่อก็ต้องนิดนึงนะ  เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์ เกิดวันพุธ  ราศีกันย์  จึงใช้สีเขียวเป็นสีหลัก  เป็นสีของมะลอกอดิบด้วย  แล้ววงกลมสีแดง  ก็เป็นสีของพริก
จับสากมือซ้าย - เป็นเคล็ดว่า ใช้มือขวาตำจนเมื่อย  เพราะขายดี  จึงต้องเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายแทน ! ?
เปรียบตัวเองเป็นส่วนผสมส้มตำ - พริก คือ ความแสบและเผ็ดร้อน

นางเอก VS ปลาร้า
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ




เมื่อก่อนเธอไม่กินปลาร้า  จนมาเปิดร้านอาหารอีสานก็เลยต้องลองลิ้มความอร่อย  จนติดอกติดใจ  จนถึงวันนี้  เป็นเวลาสักปีกว่าๆ มานี่เอง  “ อั้มกินส้มตำรสจัดมาก  ใส่พริกทีละ10 เม็ด  ชอบกินน้ำปลาร้า  อั้มไม่ได้เลือกร้านไหน  เฉพาะ ร้านรถเข็น  หาบเร่  ตามกองถ่ายกินได้หมด  นี่ก็เพิ่งกินส้มตำปลาร้าที่สยามฯ ไป 3 จานรวด  อั้มก็ตำเป็นนะทำอร่อยด้วย  แต่คนที่ไม่กินเผ็ดจะกินของอั้มไม่ได้  เพราะอั้มตำทีใส่ปลาร้า พร้อมขยุ้มพริกเป็นกำมือ ”

เคล็บลับหลังอาหารกลิ่นแรง  ลูกอมดับกลิ่นปาก และพยายามพูดให้น้อยที่สุด

นางร้าย VS ปลาร้า
เปิ้ล ไอรีณ ศรีแก้ว



 
“ ส้มตำเป็นอาหารบิวตี้สำหรับเปิ้ล  เพราะเวลาจะลดน้ำหนักทีไร  จะนึกถึงและเดือดร้อนส้มตำเป็นอันดับแรกทุกทีเลย  แคลลอรีต่ำ ไม่มีเนื้อสัตว์ และได้แคลเซียมจากปลาร้าสูงที่สุด ( ข้อมูลโภชนาการด้านปลาร้าที่เปิ้ล ไอรีณ บอกนี้  โปรดใช้วิจารณญาณ  ห้ามอ่านเกินวันละ 2 รอบเพราะจะอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ) ”
ส้มตำแบบว่าปลาร้าใส่ปู  และใส่น้ำตาลหวานๆ ไม่รับค่ะ
“ ต้องถึงพริกถึงขิงจริงๆ  แบบที่ชาวอีสานเขากิน  ถึงจะได้รู้ถึงรสชาติ  และคำว่า แซบหลาย ใส่พริกสัก 20 เม็ด  ตามด้วยปู และปลาร้าเป็นต่อนโตๆ ด้วย สำคัญที่สุด ”
ร้านประจำของเปิ้ล ไอรีณ  คือ ร้านตำลาวของสามีกิ๊ก-สุวัจนี (ไ ชยมุสิก ) อยู่ตรงซอยลาดพร้าว 35
“ รสชาติที่โดดเด่นของร้านนี้ก็คือ  ส้มตำที่มีรสชาติอีสานดั้งเดิม  ปลาร้าใส่ต่อนโตๆ  กินแกล้มกับสเต๊กปลาบึกร้อนฉ่า และพวกอาหารแปลกๆ  กุ้งเต้นกินทั้งๆ ที่ไม่ตาย  ร้านส้มตำแถวข้างทาง  เปิ้ลก็กินนะ  ร้านประจำอยู่แถวทาวน์อินทาวน์  ซึ่งมันจะปิดดึกมาก ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง”

ขั้นตอนตำลาวให้อร่อย



วิธีทำตำลาวให้แซบนัว นั้น

1. มะละกอจะต้องนำมาสับโดยใช้มีดเท่านั้น  ห้ามใช้เครื่องขูดโดยเด็ดขาด  เพราะจะได้เส้นมะละกอที่เล็กบางเกินไป

2. พืชผักรวมถึงเครื่องปรุงทุกอย่าง จะต้องสดใหม่

3. ขั้นตอนของการตำ  เริ่มด้วยการตำพริกขี้หนูสดกับกระเทียมให้แหลกละเอียดในครก  เพื่อให้ได้รสเผ็ดจัดจ้าน

4. เติมพืชผักที่ให้รสเปรี้ยว คือมะเขือเทศ  มะกอกป่าทั้งเปลือก  ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน  มะนาวทั้งเปลือกที่ช่วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน  ทีสำคัญจะลืมไม่ได้เลยในส้มตำลาว  นั่นคือมะเขือเหลือง  รสขื่นของมะเขือจะช่วยลดความเค็มของปลาร้า  ทำให้รสชาติของตำลาวกลมกล่อมขึ้น

5. การปรุงรส  เริ่มด้วยใส่น้ำปลาร้าต้มสุกที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว  ตามด้วยน้ำปลาดี ตามปริมาณชอบใจ

6. ตำลาวจะให้ถึงเครื่อง  ต้องห้ามใส่น้ำตาลโดยเด็ดขาด  เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นให้ปลาร้าเกิดกลิ่นที่รุนแรงยิ่งขึ้น

7. คลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสตามชอบ  ต้องเผ็ด เปรี้ยว และเค็มนำ  จากนั้นจึงใส่เส้นมะละกอ  ถั่วฝักยาวหั่น  และปูนาดองต้มสุก  ตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จพิธี

หมายเหตุ - รสชาติดั้งเดิมของตำลาวจะเน้นเผ็ด เค็ม ไม่เปรี้ยวมาก  มีน้ำขลุกขลิกจากน้ำปลาร้า และพืชผักต่างๆ

รู้ไหมตำลาว 1 จาน  มีประโยชน์อะไรบ้าง ?



ตำลาว 1 จาน  มีพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย  โดยเฉพาะ

มะละกอ  ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก  มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอด  ขับพยาธิ  แก้บิด  แก้เลือดออกตามไรฟัน  ริดสีดวงทวาร  ทั้งช่วยย่อยอาหาร  ขับน้ำดี และน้ำเหลือง

มะเขือเทศ  ช่วยระบาย  อุดมด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ

มะกอกป่า  แก้ธาตุพิการ  ทำให้ชุ่มคอ  พริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยขับลม และเจริญอาหาร

กระเทียม  ช่วยขับลมในลำไส้  ลดน้ำตาลในเลือด

มะนาว  ช่วยฟอกโลหิต  แก้ไอ

ผักแกล้มทั้งหลาย อาทิ กะหล่ำปลี ผักบุ้ง กระถิน ถั่วฝักยาว  มีคุณสมบัติทางยาที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร  ทั้งยังเป็นยาระบายอ่อนๆ

ถ้าปลาที่นำมาทำปลาแดกนั้น  หากมีตัวโตๆ หรือค่อนข้างโต  จะต้องสับให้เป็นชิ้นๆ ก่อน  เพื่อให้ความเค็มแทรกซึมเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการหมักปลาแดกนั้น ประมาณ 8 -12 เดือน  จึงจะสามารถนำออกมารับประทานได้  หากเร็วเกินไปปลาแดกจะมีกลิ่นคาว  หากหมักต่ออีกนานๆ  ปลาแดกจะมีสีแดงๆ  เมื่อเปิดไหจะส่งกลิ่นหอม  แต่ถ้าใส่เกลือไม่พอกลิ่นของปลาแดกจะแปลกไปเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง  คนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะบอกว่าเหม็นคาว  แต่คนอีสานจะเรียกปลาแดกชนิดนี้ว่า “ ปลาแดกต่วง ” จะเหมาะมากกับการนำไปปรุงรสส้มตำ  หรือรับประทานกับเส้นขนมจีน  แต่ไม่เหมาะกับการนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารอย่างอื่น

ปลาแดกต่วง ถือว่าเป็นปลาแดกคุณภาพต่ำ  ประโยชน์ใช้สอยน้อย  ไม่นิยมซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือเป็นของฝาก  อีกทั้งราคามูลค่าก็ต่ำด้วย  ปลาแดกสามารถเก็บไว้ได้นานตลอดทั้งปี  แต่คนอีสานโดยมากจะนำไปรับประทาน  ปรุงอาหาร หรือนำมาขายจนหมด  เมื่อมีปลาแดกรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่  ปลาแดกที่มีอายุข้ามปีจึงเป็นสิ่งที่มีราคาแพง และหาได้ยาก

“ ปลาแดก ”
 


คำว่า “ แดก ” ในภาษาอีสาน หรือภาษาลาวเป็นคำกิริยาที่แสดงอาการ มีความหมายถึงการดัน  การยัดสิ่งหนึ่งเข้าไปในภาชนะ หรือสิ่งของอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อคำว่า “ แดก ” มารวมกับคำว่า “ ปลา ” จึงหมายถึงว่า การดัน หรือยัดปลาเข้าไปในไห

“ แดก ” มาจากคำว่า “ แหลก ” คือปลาที่นำมาทำปลาแดกนี้ จะเป็นปลาเล็ก ปลาน้อย  หรือปลาชิ้นใหญ่ ก็จะนำมาสับหรือตำให้ “ แหลก ” เพื่อให้เกลือซึมซับเข้าเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ส่วนประกอบหลักของการทำปลาแดกนั้น  มี 3 อย่างด้วยกันคือ ปลา , รำข้าว หรือข้าวคั่ว และเกลือสินเธาว์

ชนิดของปลาแดก

1.ปลาแดกปลาใหญ่  คือปลาแดกอย่างดี ใช้ปลาตัวใหญ่  หมัก 1 ปีขึ้นไป  สนนราคาจะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อ 1 กิโลกรัม  แหล่งผลิตคืออุบลราชธานีกับกาฬสินธุ์

2.ปลาแดกผสม  ทำมาจากปลาหลายๆ ชนิดรวมกัน  หมัก 8 - 12 เดือน  สนนราคาจะรองลงมาหน่อย  ชาวบ้านทั่วไปจะทำไว้เพื่อรับประทานเองในครอบครัว

3.ปลาแดกปลาน้อย  ทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อย  รวมทั้งกุ้งฝอย  ใช้เวลาหมักน้อยที่สุดไม่เกิน 1-2 เดือน  รสชาติของปลาร้าชนิดนี้จะออกเปรี้ยว  ชาวอีสานเรียก “ ส้มปลาน้อย ”

4.ปลาแดกต่วง  คือปลาแดกที่ใส่เกลือน้อยๆ ในตอนหมัก  มีกลิ่นแรง  เป็นสิ่งที่โปรดปรานสำหรับบางคน

5.ปลาแดกอึ่ง  ทำมาจากอึ่งอ่าง  เป็นปลาแดกอีกประเภทหนึ่งซึ่งหากินยากที่สุด  พบเฉพาะในท้องถิ่นที่อึ่งอ่างชุกชุมเท่านั้น
พี่เจี๊ยบขราาาาาา  มาดูตอนนี้น้ำลายสอเลยค่ะ...
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #583 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2553, 12:50:31 »

จ้า  น้องอ้อย ... วันนี้  วัน Halloween นะ ...


Wish you all a scary and horrible Halloween

 บรึ๋ยยย






      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #584 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2553, 21:26:43 »


ย้อนเจาะแผนช่วยคนงานเหมืองชิลี ความมหัศจรรย์ .. สร้างได้

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

ความมหัศจรรย์จากความมุ่งมั่นของปฏิบัติการช่วยคนงานติดในเหมืองถล่มที่ชิลี  ทำให้ผมอยากรู้ว่าเขามีวิธีการวางแผนอย่างไร  ยิ่งรู้ก็ยิ่งทึ่งมากขึ้นครับ

รูปแสดงระดับความลึก และผังเส้นทางหลักลงเหมือง ก่อนเกิดการถล่ม



ลองนึกดูนะครับ  เหมืองมีเส้นทางลงสู่ก้นเหมืองลึกมาก  ถูกดินถล่มปิดทางออกเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม  ติดต่อใครไม่ได้  จนเวลาผ่านไป 17 วัน  หน่วยกู้ภัยพบกระดาษจากท่ออากาศของเหมืองเขียนข้อความว่า " มีคนติดอยู่ข้างในเหมือง 33 คน  อยู่ในพื้นที่หลบภัยฉุกเฉิน ( refuge ) "  ทำให้รู้ว่าคนเหล่านั้นอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 700 เมตร

ความน่าทึ่งคือ คนเหล่านี้อยู่ในอุโมงค์ยาว 1.25 ไมล์ ใต้ดินได้อย่างมีวินัยตลอด 17 วัน  ประมาณว่าแต่ละคนน้ำหนักตัวน่าจะลดลงคนละ 10-20 ปอนด์  อาหารที่แต่ละคนได้กิน ทุก ๆ 48 ชั่วโมง  คือปลากระป๋องคนละสองช้อน  นมครึ่งถ้วย  บิสกิตครึ่งชิ้น

รูปนี้แสดงตำแหน่งที่เจาะรูลงไปหาคนงานในเหมือง




ผมชอบภาพข้างล่างนี้  เห็นชัดเจนว่าการขุดเจาะมุ่งไปยังพื้นที่ที่คนงานติดอยู่
 


มาดูแผนการขุดเจาะภาพรวมก่อน  มีการเจาะ 3 แผน  เริ่มงานต่างเวลากัน  การเจาะที่ทำให้การช่วยชีวิตสำเร็จคือ การเจาะรูขนาดเล็ก 33 ซ.ม.
ลงไปถึงบริเวณคนงานอยู่ ( การเจาะ A )

ขั้นต่อมา  ขยายรูให้กว้างขึ้นเป็น 70 ซ.ม.  การเจาะนี้จะมีเศษดิน และหินร่วงลงไป  บริเวณอุโมงค์เหมือง ( ย้อนไปดูที่รูปแรกสุด )  คนที่ติดอยู่ใต้ดินต้องใช้รถบรรทุก  รถเครน  ตักเศษดิน หิน ออกจากบริเวณปลายรู  น้ำมันเชื้อเพลิงส่งผ่านท่อลงไปให้ตามความจำเป็น

นึกดูนะครับ  ลำพังอากาศหายใจยังอึดอัดเลย  นี่ยังมีรถเพื่อขนย้ายดินปล่อยควันอีกต่างหาก

เมื่อได้รูขนาดใหญ่พอ  ก็จะใส่แคปซูล " ฟีนิกซ์ " ขนาดบรรทุกคนได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น  แคปซูลถูกสร้างขึ้นมาสามตัว โดยวิศกรนาวี ( Navy Engineer )  แคปซูลนี้มีล้อรอบตัวลดแรงกระแทก  ในแคปซูลมีระบบสื่อสารไร้สาย  มีถังอากาศอัดความดันสำรองไว้  และถ้าเกิดอุบัติเหตุแคปซูลผ่านขึ้นมาไม่ได้  ผู้โดยสารข้างในสามารถปล่อยแคปซูลให้ค่อยๆ เลื่อนลงไปยังอุโมงค์ได้อย่างช้าๆ  แคปซูลบรรทุกคนงานขึ้นมาจากระดับ 700 เมตร  ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที



จากข่าวทราบว่า วิศวกรไทยมีบทบาทในการเชื่อมต่อท่อที่วางไปในรูลึกลงไปประมาณ 100 เมตรแรก  มีเรื่องตื่นเต้นคือ  เจ้าแคปซูลฟินิกซ์เกิดมีเหตุประตูติดขัดในช่วงทดสอบก่อนปฏิบัติการ  ต้องเลื่อนการเริ่มขนย้ายคนออกไปเล็กน้อย

การขนย้ายเริ่มด้วยการส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่การแพทย์ลงไป  เมื่อเตรียมตัวคนงาน  จำแนกกลุ่ม  และจัดลำดับก่อนหลังเรียบร้อย  จึงเริ่มขนส่งคนงานขึ้นมา

ช่วงแรก เป็นกลุ่มคนแข็งแรงที่สุดขึ้นมาก่อน  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการยืนยันให้แน่ใจว่าระบบใช้การได้ดี  หากมีเหตุฉุกเฉินก็จะแก้ไขได้  ต่อมาจะเป็นกลุ่มคนที่ร่างกายอ่อนแอ  หรือเจ็บป่วย  และกลุ่มที่เหลือตามมาในช่วงที่สาม  รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มคนงานขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม   แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยขึ้นสู่พื้นดินเป็นคนท้ายที่สุด


ขอบคุณรูปและข้อมูลของสำนักข่าว บี_บี_ซี
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #585 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 11:46:43 »

เปิดตัว เก้าอี้ยืน บนเครื่องบิน‏

มนูญ- วิศวะ 16 ... ส่งมา



บริษัทอิตาเลียน โชว์ " เก้าอี้ตั๋วยืน " สำหรับชั้นประหยัด

รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยภาพ เก้าอี้ยืน ในโครงการตั๋วยืนบนเครื่องบินของบริษัท Aviointeriors ที่นำมาจัดแสดงในงาน Aircraft Interiors Expo ที่ ลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ เก้าอี้ดังกล่าวมีพื้นที่กว้างประมาณ 30 นิ้ว จะเป็นที่นั่งแบบล็อคตัวในแนวตั้ง แต่อยู่ในท่าทางการยืน  ซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาใช้กับตั๋วผู้โดยสารชั้นประหยัด ของสายการบินต้นทุนตํ่า

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้คงต้องผ่านการพิจาราณาของของหลายฝ่าย  ในเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัยของผู้โดยสาร ที่ต้องยืนตลอดการเดินทาง

ถ้าให้ยืนไม่เกิน 2 ชั่วโมง  แต่ค่าโดยสารถูกม้าก เหมือนไป ฟรี ... ก็ไม่เลว นะ


โลก หนอ โลก ... ทำไม๊ จะต้องประหยัด " ที่ " กันซะขนาดนี้ ?


พ้มจาไปห้องน้ำครับ


แล้วอิชั้น จะโดยสารได้เหรอยะเนี่ย ?






ขอบคุณภาพข่าว จากสำนักข่าวรอยเตอร์


      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #586 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 14:31:41 »

พี่เจี๊ยบขา,
วันก่อนดูสารคดีภาคค่ำ
เค้าพูดถึงตึกในกรุงเทพ
ที่สร้างโดยสถาปนิกชาวสิงคโปร์
เกี่ยวกับแนวคิดใหม่ที่ว่าตึกที่พักอาศัย
ไม่ควรดูทึบ-แท่ง-เป็นบล็อก เหมือนกันหมด
เค้าจึงออกแบบมีช่องลอดของลม
โปร่ง และ เหมือนอาศัยบนดิน!
คือปลูก วางต้นไม้ได้

ในหนังตึกเสร็จแล้วคะ
สวยทีเดียว!
จำได้แน่ๆว่าเคยผ่านตามาจากกระทู้พี่
ไม่รู้หน้าไหนคะ
ฟังชื่ออาคารไม่ทันค่ะเพราะเปลี่ยนช่องทีวีไปเจอะพอดี
ว่าอะไรBangkok Bangkokให้สะดุดหู
เลยนึกถึงพี่ขึ้นมา


nn.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #587 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 22:34:46 »

ยังหา Sendungที่เป็นฟิล์มไม่เจอคะ
แต่เจอข่าว!

ตึกนี้ชื่อ The Met สูง 230 ม.
โอ,ได้รับรางวัล  Der 4.Internationalen Hochhauspreis
ออกแบบก่อสร้างโดยสถาปนิกชาวสิงคโปร์ชื่อ Wong Mun Summ
วันนี้คะ...ที่ Frankfurt เค้าจะได้รับรางวัล
global trend setting เพราะทั้งอาคารในสภาพอากาศร้อน
แต่ไม่ต้องใช้แอร์...เพราะทั้ง 4 ด้านของ 370 อพาร์ตเม้นต์
เปิดรับลม ผ่านโกรก...สบาย!

รางวัลชนะเลิศนี้...เป็นเงินรางวัล 50,000 €
Wong Mun Summกล่าวว่าสำนักงานของเค้า
อำลาแนวคิดที่จะสร้างตึกสูงเลียนแบบต่างประเทศ
แต่จะสร้างเข้ากับสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ
กรรมการผู้ตัดสิน Spencer de Grey ว่า The Met
เป็นอาคารที่"หายใจ"ได้.

รางวัลนี้มีขึ้นครั้งแรก ปี 2004
และจัดต่อเนื่องทุก 2 ปี,อาคารที่ส่งเข้าประกวด
ต้องสูงไม่ต่ำกว่า 100 ม.และแบบสวย
เร้าใจ ใช้ประโยช์ได้จริง
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #588 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 22:39:59 »



The Met...เติบโตสร้างสีเขียว...ขึ้นข้างบน!


Quelle: http://www.kleinezeitung.at/allgemein/bauenwohnen/2554079/hochhauspreis-innovativster-wolkenkratzer-welt-steht-bangkok.story
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #589 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 22:45:46 »

International Highrise 2010 คะชื่อรางวัล



http://www.international-highrise-award.com/de/index2.html
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #590 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 22:54:20 »

เจอฟิล์มแล้ว!
ยิ้ปปี้!!
แฮพก่อนคะ
รอแผล็บคะพี่น้อง


ชมรูป The Met (Metropolitan)ไปพลางๆคะ





      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #591 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 23:05:21 »

แฮพไม่ได้คะ

http://www.zdf.de/ZDFmediathek/beitrag/video/1182934/Der-Gewinner-des-intern.-Hochhauspreises#/beitrag/video/1182934/Der-Gewinner-des-intern.-Hochhauspreises
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #592 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 23:11:35 »

ก็ดูกันชัดๆอีกที
นานๆจะได้รับรางวัล









Quelle: http://www.international-highrise-award.com/the_met_slides.htm
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #593 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2553, 23:24:49 »

รางวัลนี้ประกาศตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกาแล้วคะ
เจ้าของรางวัล บริษัท WOHA สิงคโปร์
Mun Summ Wong วันแถลงข่าวที่ Frankfurt
งั้นก็ศุกร์ที่แล้วคะ ไม่ไช่ศุกร์นี้





กะคู่สถาปนิก เจ้าของWOHAทั้งคู่



Quelle: http://www.art-magazin.de/architektur/35151/hochhauspreis_2010_auszeichnung?bid=35148&cp=8
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #594 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2553, 01:02:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2553, 14:31:41
พี่เจี๊ยบขา,
วันก่อนดูสารคดีภาคค่ำ
เค้าพูดถึงตึกในกรุงเทพ
ที่สร้างโดยสถาปนิกชาวสิงคโปร์
เกี่ยวกับแนวคิดใหม่ที่ว่าตึกที่พักอาศัย
ไม่ควรดูทึบ-แท่ง-เป็นบล็อก เหมือนกันหมด
เค้าจึงออกแบบมีช่องลอดของลม
โปร่ง และ เหมือนอาศัยบนดิน!
คือปลูก วางต้นไม้ได้

ในหนังตึกเสร็จแล้วคะ
สวยทีเดียว!
จำได้แน่ๆว่าเคยผ่านตามาจากกระทู้พี่
ไม่รู้หน้าไหนคะ
ฟังชื่ออาคารไม่ทันค่ะเพราะเปลี่ยนช่องทีวีไปเจอะพอดี
ว่าอะไรBangkok Bangkokให้สะดุดหู
เลยนึกถึงพี่ขึ้นมา


nn.

NN ... อาคารที่หนิงบอกว่าเคยผ่านตามาก่อนน่ะ ชื่อ " อาคารมหานคร "  เรื่อง และรูปอยู่ที่หน้านี้ ของกระทู้นี้แหละ

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1408.400.html

ขอบคุณหลายๆ ที่เล่าเรื่องตึก The Met สู่กันฟัง  ได้ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมทันสมัย และประหยัดพลังงานเยอะเลยค่ะ

แต่ผู้อ่านเป็นฮ้วง เป็นห่วงว่า  อาคารที่ไม่ติดเรื่องปรับอากาศ และเปิดโล่ง  สร้างแล้วจะอยู่อาศัยได้จริงๆ เร้อ ?  ผู้อยู่อาศัยเค้าจะมีปัญหาเรื่องฝุ่นมาจับข้าวของจนหนาเตอะมั้ย ? ( แม่บ้านทำความสะอาดกันสลบพอดี )  พวกกระดาษ และทรัพย์สมบัติต่างๆ มิปลิวว่อน หายหมดรึ  เพราะยิ่งสูง ลมยิ่งแรง  นกบินเข้ามาอึ  ยุงบินมารบกวนทั้งวัน ทั้งคืน  และอีกสารพัดปัญหา  เค้าวางแผนป้องกันไว้ล่วงหน้า รึเปล่า ?  อ๊ะ  อ้าว !  แล้วเราจะต้องไปห่วงเค้าทำไมล่ะนี่ ?
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #595 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2553, 19:30:08 »

เอ,พี่เจี๊ยบ
ยิ่งสูงลมยิ่งเย็น
ยิ่งสูงยิ่งไม่มียุง
ยิ่งสูงฝุ่นยิ่งน้อย
ยิ่งสูงยิ่งเงียบนี่คะ?

เลยค้นกันอีกรอบคะ สำหรับ... The Met

ติดหูตรงที่สถาปนิกบอกว่า...
อาคารลักษณะนี้ไม่ไช่จะสร้างเพื่อ
คนมีเงินจ่าย (อาคารมหานคร 30-300ล้าน/unit
โห,พี่ คนชั้นกลางทำยังไงล่ะเนี่ย??มิต้องแหงน
เป็นตูบมองเครื่องบินเหรอคะนี่?)
แต่ควรเป็นconceptสำหรับอาคารที่อยู่อาศัย
ที่คนทั่วไปมีกำลังซื้อหาได้ในชั่วชีวิตนี้........

Bravo!










หาราคาไม่เจอคะว่า unitละเท่าไหร่
clickหากันมือเป็นระวิงแล้วเนี่ย....




Quelle: http://www.archdaily.com/40378/the-met-woha/
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #596 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2553, 23:25:30 »


ท่านรองนายกรัฐมนโท แห่งสภาโจ๊ก  ฝากข่าว " พี่บวร " ให้เจี๊ยบมาบอก มาเล่า ค่ะ



Date: Tue, 16 Nov 2010 21:23:22 +0700
Subject: ฝากข่าวพี่บวร ให้ชาวหอทราบ
From: tavonchote@gmail.com
To: r_nantika@hotmail.com

เจี๊ยบ

       คงพอว่างจากการเตรียมงานจุฬาฯ รุ่น16 นะ   ขอช่วยแจ้งข่าวให้ชาวหอทราบ
 
รายการ Money Talk  สัมภาษณ์ " ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTAR "

จะออกอากาศ 22.00 - 23.00 วันอาทิตย์ที่ 21 พ.ย. 2553  ช่อง 178  ทรูวิชั่น

และออกอากาศซ้ำอีก วันอังคาร และวันศุกร์
 
      ขอบคุณมาก

            ถาวร


จ้า ... จะคอยจ้องอยู่หน้าจอ แบบหูตั้ง ตาไม่กระพริบ แน่น้อน !
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #597 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2553, 14:22:47 »

9 อาหารชวนหนุ่มหลับฝันดี  http://health.kapook.com/view16857.html
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #598 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2553, 10:14:23 »

ขอบคุณครับ น้องเริง ที่นำข่าวดีเรื่องอาหารที่มีประโยชน์มาฝากหนุ่มๆ ... พออ่าน comment ต่างๆ ที่ตามมาจากข่าวความรู้นี้ ก็ให้หงุดหงิดกับหลายๆ ความเห็นที่ " กวน กวน " นะ


เกิดวันที่เท่าไหร่ เหมาะกับงานแบบไหน ... ดู ขำ ขำ นะจ๊ะ  อ่านซิว่า แม่นมั้ย ?

น้องสืบศักดิ์ - บัญชี xx ... ส่งมา

คนเกิดวันที่ 1
คนที่เกิดวันนี้จะเป็นคนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชอบความท้าทายตลอดเวลา
 
สไตล์การทำงาน :
เป็นที่ชอบคิดในสิ่งต่างๆ แปลกใหม่ตลอดเวลา สามารถแก้ไขปัญหาให้กับคนอื่นได้ดี ด้วยเหตุผลที่ว่า " สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จะมีทางเป็นไปได้ " ในการทำงานคุณชอบเป็นคนวางแผนอนาคตไว้ด้วยตัวเอง
 
อาชีพที่เหมาะสม :
คุณเหมาะกับอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ความคิดของตนเองในการนำเสนอออกมา อาจจะเป็น ดีไซน์เนอร์ ครีเอทีฟ หรือศิลปิน
 
คนเกิดวันที่ 2
เป็นคนที่มีความประนีประนอม มีเหตุผลในด้านความคิด
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนรู้จักในการวางตัว และวาจาในการพูดคุยกับคนอื่นเป็นเยี่ยม แต่ลักษณะงานของคุณนั้นจะเป็นลักษณะที่ร่วมมือกับผู้อื่นมากกว่าที่จะทำคนเดียว
 
อาชีพที่เหมาะสม :
ที่ปรึกษา นักสังคมสงเคราะห์ หรือเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านหนังสือ นักกฎหมาย สถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง พยาบาล แพทย์
 
คนเกิดวันที่ 3
เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ และมีความเป็นตัวของตัวเองมาก จะไม่ค่อยสนใจและแคร์ใคร
 
สไตล์การทำงาน :
ชอบทำงานประเภทพบปะกับผู้คนมากๆเหมาะกับทำงานเป็นทีม คือ ในเรื่องติดต่อประสานงานกับบุคคลภายในและภายนอกองค์กร และคุณยังเป็นคนที่จุดประกายความคิดที่ดีเสมอ ทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณพอใจ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานประชาสัมพันธ์ งานบริการดูแลลูกค้า หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการประสานงาน เช่น งานออร์แกไนเซอร์ พนักงานต้อนรับโอเปอเรเตอร์
 
คนเกิดวันที่ 4
เป็นผู้ที่มีความฉลาด ไหวพริบ เบิกบาน ไม่ยอมใคร แต่ก็ไม่โกงใครด้วย เอาง่ายๆว่าเป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนใจกว้างมากเลยทีเดียว ทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณหาคนมาช่วยเหลือคุณ อาจจะหาได้ไม่เหมาะสมก็ได้ ทำให้การทำงานของคุณต้องพึ่งตัวเองป็นส่วนใหญ่
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรดิวเซอร์ ที่ปรึกษาด้านการเงินทนายความ สถาปนิก ผู้รับเหมา วิศวกร ศิลปินแขนงต่าง ๆ
 
คนเกิดวันที่ 5
คุณเป็นคนที่ฝักใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ รักการค้นหาและศึกษา เป็นคนที่ช่างสังเกต สามารถเป็นผู้นำได้
 
สไตล์การทำงาน :
เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เมื่อได้รับงานที่มอบหมายมาใหม่ แต่ถ้าคุณทำงานในแบบเดิมๆคุณจะเบื่อหน่ายเร็ว และยังมีความสามารถในการสื่อสารที่ดีด้วย
 
อาชีพที่เหมาะสม :
วงการโทรทัศน์ หรืองานประชาสัมพันธ์ เช่น นักเขียน นักบรรยาย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการศึกษา นักโฆษณา
 
คนเกิดวันที่ 6
คุณเป็นคนคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว ไม่กล้าขัดใคร เป็นคนที่ชอบอยู่แวดวงสังคม
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก ชีวิตของคุณจะก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น  แต่เมื่อคุณได้ทำอะไรบ้างอย่างแล้วนั้น และเป็นสิ่งที่ตนเองถนัด คุณก็จะทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว และในทางกลับกันถ้างานไหนคุณไม่ชอบ  คุณก็จะไม่ฝืนที่จะทำมัน
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อาชีพเพื่อสังคม งานบริการต่างๆ  งานที่ต้องใช้อารมณ์ และความสุนทรีภาพสูง ๆ
 
คนเกิดวันที่ 7
คุณเป็นคนที่ทะเยอทะยานเกินกว่าที่จะเป็น และยังเป็นคนที่ช่างแสวงหาอีกด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
เป็นคนมีหลักการมาก คิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองรอบคอบมากๆ เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว มีความเป็นส่วนตัวสูง ชอบความสันโดษ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักบำบัด นักเขียน นักกฎหมาย ช่างถ่ายรูป นักวิจัย นักวิเคราะห์ ครูบาอาจารย์
 
คนเกิดวันที่ 8
เป็นผู้นำ ประเภทที่ว่ากล้าได้กล้าเสีย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หากแพ้หรือมีข้อผิดพลาด จะขอแก้ตัวอยู่เสมอ
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนที่ทำงานได้ดี และไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งๆ นานๆ มักจะย้ายๆไปโน้นไปนี่บ่อยๆ เพื่อได้เป้าหมายที่ท้าทายกว่าเดิม คุณเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว จนคนรอบข้างคุณปรับตัวไม่ทัน  แต่คุณก็ดูมีความสุขกับการทำงานไม่เครียด และยังคงอยู่ในสภาพการทำงานได้นานโดยไม่เหนื่อยกับงานมากเกินไป
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทางด้านการเงิน ฝ่ายติดต่อประสานงานต่าง ๆ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา นักกฎหมาย นักบุญ และธุรกิจบันเทิง
 
คนเกิดวันที่ 9
คุณจะปราดเปรื่องเรื่องจิตวิทยา เพราะจะเข้าใจในคนใกล้ตัวด้วยการสังเกตการณ์
 
สไตล์การทำงาน :
การประสบความสำเร็จของคุณ ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไร  แต่ว่าคุณจะมองเห็นอะไรต่างได้เด่นชัดกว่าผู้อื่น จึงทำให้คุณก้าวก่อนคนอื่นเสมอ แต่คุณยังเป็นคนที่ทำตามใจตัวเองอยู่
 
อาชีพที่เหมาะสม :
ครูบาอาจารย์ นักปราชญ์ นักเขียน ช่างภาพ ศิลปิน นักบำบัด นักวางกลยุทธ์ นักแต่งหนังสือ นักขาย นักบริหาร
 
คนเกิดวันที่ 10
คุณเป็นคนที่ดิ้นรนด้วยตัวคุณเอง จนสำเร็จได้  นับถือตัวเองมากกว่าใคร
 
สไตล์การทำงาน :
มีความเชื่อมั่นสูง และศรัทธาในตัวเองอยู่ด้วย จึงทำให้คนรอบข้างของคุณอุ่นใจเมื่อมีคุนอยู่ใกล้ๆ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักวิทยาศาสตร์ นักบิน นักการศึกษา นักสื่อสารมวลชน ศิลปิน เทรนเนอร์ นักสิ่งแวดล้อม
 
คนเกิดวันที่ 11
ผู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จะดิ้นรนเพราะไม่พอใจกับสถานภาพที่เป็นอยู่ของตนเอง  แต่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ จะริเริ่มในสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตเสมอ
 
สไตล์การทำงาน :
คุณจะทำทุกอย่างในสิ่งที่คุณชื่นชอบ เพราะคุณจะสนุกสนานกับการทำงาน โดยคุณจะมีเอกลักษณ์การทำงานไม่เหมือนใคร เพราะคุณจะก้าวหน้ากว่าใครก็ด้วยในสิ่งนี่แหล่ะจะบ่งบอกความเป็นตัวคุณ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักเขียน นักแสดง ศิลปิน นักปรัชญา นักศาสนา นักธุรกิจ นักประพันธ์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ หรือด้านต่าง ๆ
 
คนเกิดวันที่ 12
เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดในตัวของคนเอง เพื่อให้ไปสู่ความประสบความสำร็จ
 
สไตล์การทำงาน :
เรื่องที่เค้าว่ายากกัน แต่คุณสามารถสรุปมันให้ง่ายต่อการคิดและการปฏิบัติได้ อย่างกระชับ ชัดเจน สามารถนำไปทำได้ทันที ทำให้คุณทำงานได้รวดเร็วและถูกต้องอยู่เสมอๆ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานที่เกี่ยวข้องกับติดต่อกับคนที่มากๆ
 
คนเกิดวันที่ 13
เป็นคนที่คิดรอบคอบในการแก้ไขปัญหา เพื่อความยุติธรรม มั่นคง และแน่นอน และเอกลักษณ์ของคนที่เกิดวันนี้คือเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์มากคนหนึ่ง
 
สไตล์การทำงาน :
บอกได้คำเดียวว่า " ช้าแต่ชัวร์ "
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทางด้านเงิน นักสังคมสงเคราะห์ งานก่อสร้าง งานประชาสัมพันธ์ ผู้กำกับ
 
คนเกิดวันที่ 14
คุณเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน มุ่งมั่นอย่างมาก แต่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากกว่าเหตุผล
 
สไตล์การทำงาน :
เรื่องการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ เพราะคนเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูง คุณเป็นคนที่มีความเข้าใจและการเรียนรู้ที่รวดเร็ว สามารถรู้ความเป็นไปของสถานการณ์ได้ดีเยี่ยม
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักเจรจาต่อรอง นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี นักสังคมวิทยา นักประมูลผู้จัดการฝ่ายขาย โค้ชกีฬา เทรนเนอร์ นักข่าว นักพาณิชยศิลป์
 
คนเกิดวันที่ 15
มีความพยายาม ความเพียร เพื่อให้เกิดความสำเร็จ คุณจึงคิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณ แต่ก็มีความคิดแบบเห็นแก่ตัวบ้าง
 
สไตล์การทำงาน :
ความเด็ดเดี่ยวของคุณ ทำให้คุณคุณวางเป้าหมายอย่างแน่ชัดเพื่อความสำเร็จ คุณยังกระหายการเรียนรู้เสมอ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ใหม่ๆ คุณเป็นคนที่มีความสามารถมาก
 
อาชีพที่เหมาะสม :
สถาปนิก ครูอาจารย์ นักวิชาการ มัณฑนศิลป์ บรรณารักษ์ นักวิจัยนักบำบัด นักออกแบบ
 
คนเกิดวันที่ 16
น่าสงสารคนเกิดวันนี้ที่ยากลำบากในชีวิตต้องสะสมประสบการณ์ด้วยตนเองมากมาย ถึงจะประสบความสมเร็จ แต่ความพิเศษก็มีเช่นกัน เพราะเป็นคนที่มีไหวพริบ และมนุษยสัมพันธ์ดีมาก
 
สไตล์การทำงาน :
การทำงานของคุณจะนำไปสู่เป้าหมายให้เร็วที่สุด เพราะสิ่งที่วกวนอ้อมไปอ้อมมาคุณจะไม่ถนัดเลย และยิ่งทำให้คุณเสียเวลา คุณจึงตรงไปตรงมารวมถึงวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คุณคิด
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักประพันธ์เอก วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย นักสืบ
 
คนเกิดวันที่ 17
เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีมาก และยังมีความเป็นผู้นำ ไม่ชอบเดินตามใครหรือให้ใครบงการ
 
สไตล์การทำงาน :
สิ่งที่คุณถนัดคือเรื่องการเมืองในบริษัท และยังถนัดเรื่องการประสานงานไม่ว่าเรื่องความคิดเห็น คุณจะทำได้ดีมาก
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักแสดง นักการเมือง ทนาย นักเอนเตอร์เทน นักบริหาร นักการเงิน การธนาคาร ผู้นำทางศาสนา นายหน้า
 
คนเกิดวันที่ 18
คุณเป็นคนเด็ดขาดและชอบงานอิสระ คุณยังสามารถควบคุมบรรดาลูกน้องของคุณได้ เพื่อคุณเป็นผู้นำที่มีอำนาจ
 
สไตล์การทำงาน :
ชอบการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วอีกด้วย คุณยังสามารถจัดการหรือฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปด้วยดี เพราะความเป็นนักสู้ของคุณนั้นเอง
 
อาชีพที่เหมาะสม :
การจัดการ นักกฎหมาย อัยการศาล นักปรัชญา หรือปรากฏการณ์ บรรณาธิการ นักสื่อสารมวลชนหัวก้าวหน้า นักกีฬานักกรีฑา
 
คนเกิดวันที่ 19
คุณเป็นคนชังสังเกต และมีความเป็นผู้นำสูง จึงเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
 
สไตล์การทำงาน :
คนเป็นคนที่ชอบการร่วมมือกับคนอื่น ไม่ว่าเป็นเรื่องเวลา การลงทุน ลงแรง คุณจะพร้อม และมีความมั่นใจยิ่งขึ้น และคุณยังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีศัตรูอีกด้วย
 
อาชีพที่เหมาะสม :
ผู้กำกับฯ นักดนตรี นักเขียน ที่ปรึกษา ผู้กำกับศิลป์ แดนเซอร์ นักเคมี เภสัชกร
 
คนเกิดวันที่ 20
เป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริงใจ ไม่คดโกงใคร ไม่เอาเปรียบใคร ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบคุณเช่นกัน
 
สไตล์การทำงาน :
การทำงานของคุณ เป็นคนที่ฉกฉวยโอกาศจากช่องว่างต่างๆ ได้ดีเยี่ยม
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทุกอย่างที่ต้องทำกันเป็นทีม เพราะคุณจะถนัดงานทางด้านนี้  ที่ปรึกษาสุขภาพ ที่ปรึกษาทางด้านบุคลิกภาพ ครูบาอาจารย์ นักการทูต นักบริหาร
 
คนเกิดวันที่ 21
คุณเป็นคนที่ลังเล  โลเล จนทำให้เสียโอกาสทองไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนที่ช่างฝันอยู่ เพื่อสู้ที่จะทำจริง ความสำเร็จเลยไม่ยากเกินความต้องการของคุณ
 
สไตล์การทำงาน :
คุณมักจะเลือกงานที่ใช้ความคิด และจินตนาการอย่างเต็มที่ เพราะงานทุกชิ้นของคุณออกมาจากใจจริง นับว่าคุณเป็นศิลปินด้วยจิตวิญญาณ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานที่เกี่ยวข้องกับทางสื่อโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ถ้าคุณทำงานทางด้านสายนี้จะดีเอามากๆเลย เช่น วงการดารา นักร้อง นางแบบ นักสื่อสารมวลชน วงการโฆษณา
 
คนเกิดวันที่ 22
เป็นคนที่แสวงหาความสุขให้ตัวเองพร้อมกับเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ และยังเป็นคนที่วางแผนชีวิตอย่างซีเรียสเสมอ
 
สไตล์การทำงาน :
คุณพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ให้หมด เพื่อจะได้ฉกฉวยมาได้ก่อนคนอื่น จริงๆ คุณไม่ได้เป็นคนที่โลภะหรอกนะ  เพียงแต่ว่าคุณไม่อยากที่จะเสียเวลาในการทำอย่างอื่น เป็นเพียงเพราะคุณเป็นคนที่กระหายความสำเร็จเท่านั้น
 
อาชีพที่เหมาะสม :
สถาปนิก ครูบาอาจารย์ นักบริหาร ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ทนาย หรือทำงานทางด้านการเงิน
 
คนเกิดวันที่ 23
คนเกิดวันนี้เป็นคนที่คล่องแคล่วในตัดสินปัญหาทุกๆ อย่าง และยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามีเหตุการณ์บางอย่างทำให้คุณถึงจุดสุดขีดขึ้นมา คุณก็สามารถระเบิดสิ่งนั้นออกมาได้ทันที
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนชั่งสังเกต และมีความรู้สึกพิเศษที่ว่า ใครที่ดีกับคุณ หรือช่วยเหลือคุณได้
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักสังคมสงเคราะห์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักเขียน ศิลปิน
 
คนเกิดวันที่ 24
เป็นคนที่ชอบความชัดเจน ตรงไปตรงมา มีความอดทน และยังเป็นนักปกครองที่ดีอีกด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
คุณเป็นคนที่ทำงานไม่รวดเร็ว แต่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้น จะเหนือความคาดหมายที่วางไว้ตอนแรกเสมอ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานที่ต้องเขียนออกมา หรืองานนักดนตรี ผูนำทางด้านศาสนา
 
คนเกิดวันที่ 25
เป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมากเกินไป คุณเป็นคนที่ใจร้อนในการทำงาน เพื่อให้ผลงานออกมาอย่างรวดเร็ว

สไตล์การทำงาน :
คุณต้องทำงานที่เริ่มต้น หรืองานประเภทบุกเบิกตั้งแต่แรก เพื่อคุณชอบที่จะพยายาม ใช้ความสามารถในการวางแผนหรือคิดค้นอะไรๆ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทางด้านการเงิน หรืองานที่จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
 
คนเกิดวันที่ 26
คนเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง เอาแต่ใจตัวเองบ้าง สมองไหวพริบดี ชอบทำงานที่ท้าทายกับตัวเอง เพื่อความประสบความสำเร็จ
 
สไตล์การทำงาน :
เรียนรู้อะไรได้ถูกต้อง เพื่อให้บรรลุความสำเร็จได้เร็ว และก่อนใครคนอื่น แต่งานของคุณต้องเป็นงานที่ทำคนเดียว เพราะคุณชอบที่ทำตั้งแต่เริ่มวางแผนยันลงมือทำงานหมดเลย
 
อาชีพที่เหมาะสม :
ครูบาอาจารย์ นักเจรจา นักไกล่เกลี่ย นักสืบ นักตกแต่ง งานการตลาด วานทางด้านการตัดต่อ
 
คนเกิดวันที่ 27
เป็นคนที่วางแผน คิดรอบคอบ รู้ทันเกม เจรจาเป็นเลิศ แต่ก็ตรงไปตรงมา
 
สไตล์การทำงาน :
คุณก็เป็นคนที่คิดรอบคอบ คือ คิดแล้วคิดอีก ก่อนที่จะลงมือทำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ มิให้เกิดความผิดพลาดในอนาคต แถมคุณยังเป็นคนที่รักงานเอามากๆ  ไม่ชอบให้ใครทำงานที่ชุ่ยๆ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักอบรม นักจัดงานสัมมนา นักบริหาร นักแสดง นักดนตรี นักวาดรูป วาทยกร
 
คนเกิดวันที่ 28
จัดว่าคนเป็นเจ้าระเบียบจัดเลยก็ว่าได้ ชอบที่จะคิดปฏิวัติแก้ไขแนวคิดด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
เอาง่ายๆ เลยว่า งานที่ยากๆ เป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ
 
อาชีพที่เหมาะสม :
ศิลปิน นักแสดง นักออกแบบเสื้อผ้า งานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ นักพัฒนาพื้นที่ นักพัฒนาองค์กร
 
คนเกิดวันที่ 29
เป็นคนที่มีความเชื่อมั่น ขยันหมั่นเพียรสูง พยายามที่จะสร้าความคิดใหม่ๆออกมา ชอบคิดวางแผนเสมอ เหมาะที่จะเป็นผู้นำ หัวหน้าคน เพราะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น และยังมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
คุณชอบที่จะทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกัน ประมาณว่าทำงานหลายอย่างพร้อมกัน บางทีคุณก็มีความสับสนอยู่บ้าง แต่คุณก็มีทักษะที่สามารถที่ทำหลายอย่างพร้อมกันได้
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทางด้านการทำหนังสือ หรืองานช่วยเหลือสังคม ทางด้านการเงิน
 
คนเกิดวันที่ 30
จะเป็นคนที่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำ เพราะตนเองได้วางแผนในการทำงานไว้อย่างรอบคอบแล้ว และเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปินสูงด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
การทำงานที่คุณควรทำคือ มีความอดทน เข้าใจกับผู้อื่น เพราะคุณมีความสามารถทางด้านจิตวิทยาสูงทำให้เข้าใจอื่นได้ดี แต่ไม่ค่อยเข้าใจกับตัวเองเท่าไหร่
 
อาชีพที่เหมาะสม :
งานทางด้านการทำหนังสือ อาชีพการบริการ งานเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
 
คนเกิดวันที่ 31
เป็นคนที่แสวงหาทุกอย่าง พยายามที่จะทะเยอทะเยานให้ไปได้ไกลๆ แถมยังใฝ่สูงอีกด้วย
 
สไตล์การทำงาน :
เป็นคนที่ตัดสินใจแล้ว ต้องทำให้ได้
 
อาชีพที่เหมาะสม :
นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักระดมทุน นักกายภาพบำบัด นักกฎหมาย งานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ หรือที่เกี่ยวข้องทางด้านสื่อสารมวลชน
 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #599 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2553, 10:59:19 »

เมืองที่ " ของแพง " ที่สุดในโลก

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

" ออสโล ” ครองแชมป์เมือง ( ของ ) แพงที่สุดในโลก ... “ มุมไบ ” ครองแชมป์เมือง ( ของ ) ถูกที่สุดในโลก "

“ ออสโล ” ขึ้นแท่น “ เมือง ( ของ ) แพงที่สุดในโลก ”  จากผลการสำรวจและเปรียบเทียบราคาสินค้าในประเทศต่างๆ ของเว็บไซต์ชื่อดังเมืองผู้ดี “ ไพรซ์รันเนอร์ ”

“ ไพรซ์รัน เนอร์ ” เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าชนิดต่างๆ สำหรับนักช้อปปิ้ง ( อัพเดทรายวัน ) ได้ทำการสำรวจและเปรียบเทียบราคาสินค้าชนิดต่างๆ ใน 32 ประเทศอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน เป็นปีที่ 8  โดยสินค้าที่นำมาเปรียบเทียบราคา มีตั้งแต่สินค้าอุปโภค-บริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น นม น้ำมัน ผ้าอ้อม ไปจนถึงสินค้าหรูหราราคาแพง เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าประเภทไอที เป็นต้น

ในปีนี้ เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์อย่าง “ ออสโล ” ยังคงครองแชมป์เมือง ( ของ ) แพงที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 4  โดยราคาเฉลี่ยของสินค้าที่วางจำหน่ายในเมืองนี้ มีราคาแพงกว่าเมืองอื่นๆ มากกว่าหนึ่งในสาม  ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มโค้ก จำหน่ายในราคากระป๋องละ 86 บาท ( &pound;1.80), นมสดขนาด 1 ลิตรจำหน่ายในราคา 74 บาท ( &pound;1.56 )  ขณะที่บิ๊กแมค จำหน่ายในราคาชิ้นละ 223 บาท ( &pound;4.70 )



10 อันดับเมืองที่สินค้ามีราคา “ แพงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วโลก ” มากที่สุด

อันดับที่ 1  เมืองออสโล  ประเทศนอร์เวย์ ( 35.3% )
อันดับที่ 2  เมืองเซาเปาโล  ประเทศบราซิล ( 27.1% )
อันดับที่ 3  เมืองซิดนีย์  ประเทศออสเตรเลีย ( 20.5% )
อันดับที่ 4  เมืองสตอกโฮล์ม  ประเทศสวีเดน ( 15.5% )
อันดับที่ 5 เมืองเรคยาวิก  ประเทศไอซ์แลนด์ ( 14.9% )
อันดับที่ 6  เมืองเฮลซิงกิ  ประเทศฟินแลนด์ ( 11.5% )
อันดับที่ 7  เมืองโคเปนเฮเกน  ประเทศเดนมาร์ก ( 10.6% )
อันดับที่ 8  กรุงโตเกียว  ประเทศญี่ปุ่น ( 9.8% )
อันดับที่ 9  กรุงปารีส  ประเทศฝรั่งเศส ( 8.3% )
อันดับที่ 10 กรุงโรม  ประเทศอิตาลี ( 4.4% )


10 อันดับเมืองที่สินค้ามีราคา “ ถูกกว่าราคาเฉลี่ยทั่วโลก ” มากที่สุด

อันดับที่ 1  เมืองมุมไบ  ประเทศอินเดีย ( -26.9% )
อันดับที่ 2  กรุงเทพฯ  ประเทศไทย ( -19.8% )
อันดับที่ 3  ดูไบ  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( - 16.2% )
อันดับที่ 4  เมืองซานฟรานซิสโก  สหรัฐอเมริกา ( - 16.2% )
อันดับที่ 5  เมืองเซี่ยงไฮ้  ประเทศจีน ( -14.8% )
อันดับที่ 6  กรุงนิวยอร์ก  สหรัฐอเมริกา ( - 14.5% )
อันดับที่ 7  เมืองวิลนีอุส  ประเทศลิทัวเนีย ( - 13.3% )
อันดับที่ 8  กรุงปราก  สาธารณรัฐเช็ก ( - 8.1% )
อันดับที่ 9  กรุงวอร์ซอ  ประเทศโปแลนด์ ( - 7.8% )
อันดับที่ 10 กรุงเบอร์ลิน  ประเทศเยอรมนี ( - 6.7% )

เว็บ ไซต์ “ ไพรซ์รันเนอร์ ” ระบุว่า ถ้าอยากได้ มาสคาร่า หรือกระเป๋าถือ ( ของดีมียี่ห้อ) ราคาถูกที่สุด  ก็ต้องมุ่งหน้าไปยังกรุงนิวยอร์ก  แต่ถ้าอยากได้รองเท้าอาดิดาส ( แท้ ) ราคาถูกๆ สักคู่  ให้ลองมองหาดูที่เมืองมุมไบ  ส่วนใครชื่นชอบนาฬิกาสวอตช์  เมืองดูไบมีให้เลือกในราคาถูกที่สุด
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #600 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2553, 18:01:29 »

พี่เจี๊ยบ,
อย่าลืมพยากรณ์ทุกราศีปี 2554นะคะ
รออ่านค่ะ


nn.
      บันทึกการเข้า


พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #601 เมื่อ: 01 มกราคม 2554, 00:36:15 »

      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #602 เมื่อ: 01 มกราคม 2554, 11:45:12 »


ขอบคุณป๋าทู และหวานใจ มากๆ นะคะสำหรับกลอนอวยพรปีใหม่ที่บรรจงแต่ง " ได้ใจ " จริงๆ ... ขอให้ท่านผู้ตรวจฯ และครอบครัวจงประสบแต่ความสุข สดชื่น สมหวัง ตลอดปีใหม่ 2554 นี้ เช่นกัน ...
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #603 เมื่อ: 01 มกราคม 2554, 11:51:32 »


" สวัสดีปีใหม่ครับพี่เจี๊ยบ และพี่น้องชาวซีมะโด่งทุกท่าน "

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #604 เมื่อ: 01 มกราคม 2554, 11:57:01 »


สวัสดีปีใหม่ 2554 ครับ น้องแหลม ... " ช่อบูเก้ สีม่วง " สวย  หวาน  ถูกใจมาก ก ก ก ก ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #605 เมื่อ: 01 มกราคม 2554, 12:02:50 »


ดีใจ ที่พี่ชอบ.....แล้วจะหามาให้เรื่อยๆในโอกาสอันควรครับ
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #606 เมื่อ: 25 มกราคม 2554, 15:59:22 »

      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #607 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2554, 20:36:45 »

      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #608 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2554, 22:24:15 »

.....พี่เจี๊ยบ ครับ  ซิงเซียอยู่อี่ ซิงนี้เพ่งอัง ครับ.....


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=0VFF-BSIA2M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=0VFF-BSIA2M</a>
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #609 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2554, 02:51:24 »


ซิงเจียหยู่อี่ คร้าบ บ บ บ บ ... ครูตุ๋ย  ป๋าทู และน้องตี๋
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #610 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2554, 22:22:34 »

      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #611 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2554, 17:38:42 »

พระธรรมโครินธ์ 13:4-8 กล่าวไว้ว่า  ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ชอบจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
Happy Valentine Day ค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #612 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 19:06:25 »

พี่เจี๊ยบขราาาา...สวัสดีปีใหม่  และสุขสันต์วันวาเลนไทน์พี่ย้อนหลังนะคะ....
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #613 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2554, 03:59:35 »


สวัสดีปีใหม่สากล - จีน และสุขสันต์ในวันแห่งความรัก แบบรวบยอดนะคะ ครูตุ๋ย  ป๋าทู  น้องตี๋  ป้อม  น้องอ้อย ... แถมสวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าด้วยค่ะ  ... จุ๊บ  จุ๊บ !


เคาะราคาโดยสาร High Speed Train ไทย ... น่านั่ง ... คาดน๊อคสายการบินโลว์คอสต์

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

        ผมคิดว่าในอนาคตรถไฟความเร็วสูงในไทยเกิดขึ้นแน่นอน ไม่เกิน 5 ปี  เพราะว่าภูมิรัฐศาสตร์ของไทยคือหัวใจเชื่อมต่ออาเซียน และจีนย่อมจะไม่ปล่อยให้เกิด Missing Links ที่จะต่อท่อนำคนและสินค้าออกสู่ทะเลแน่นอน  แผนแรกคือการเข้าที่หนองคาย ลงสู่กรุงเทพฯ-ภาคใต้  แผนที่สองจีนทะลุพม่าเข้าที่กาญจนบุรี ลงสู่ใต้  และแผนที่สามที่น่าจะเกิดขึ้นคือผ่านทางภาคเหนือของไทยเพื่อไปสู่ Hub ที่หัวลำโพง ก่อนที่จะแตกสายไปสู่ภาคใต้  สู่ตลาดอาเซียน หรือไปทาง ตะวันออก หรือข้ามไปกัมพูชา, เวียดนาม



ล่าสุดทาง ดร. จุฬา สุขมานพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานย่อยเพื่อดำเนินการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงร่วม ( เอ็มโอยู ) ระหว่างไทย-จีน ฝ่ายไทย เปิดเผยว่า ทางประเทศจีนขอใช้สัญญาสัมปทานจำนวน 50 ปี  ซึ่งขัดกับข้อกฎหมายไทยที่กำหนดให้สัมปทานสูงสุดเพียง 30 ปีเท่านั้น  รวมทั้งต้องพิจารณาเกี่ยวกับการแบ่งสัดส่วนการลงทุนด้วยว่าจะใช้รูปแบบใด สัดส่วนการลงทุนจะเป็น 50% หรือ 51 ต่อ 49% หรือไม่  เพราะโครงการดังกล่าวไม่ใช่แค่เดินรถระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว  แต่ยังมีการเดินทางภายในประเทศด้วย  ทั้งนี้จะได้ร่างเอ็มโอยูใหม่ในปลายปีนี้  ก่อนที่จะหาข้อสรุปในต้นปี 2554  ก่อนสรุปรายละเอียดก่อนจัดทำเอ็มโอยูฉบับสมบูรณ์ เสนอไปยังที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ  จากนั้นจึงมีการลงนามกับจีนต่อไป





ขณะที่ช่วงต้นปีหน้าเหมือนกัน ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ จะส่งผลรายงานสรุปหลังจากทดสอบความสนใจภาคเอกชนในการลงทุน ( Market Sounding ) ในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง 221 กิโลเมตร และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 754 กิโลเมตร เพื่อเสนอให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปแบบพีพีพี  ชุดที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานภายในเดือนธันวาคมนี้  เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือนมกราคม 2554





ซึ่งเบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสนใจลงทุนในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มากกว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง  เนื่องจากมองว่าเส้นระยองมีระยะทางสั้นเกินไป  โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่น  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะประเทศจีนให้ความสนใจลงทุนเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ตอนนี้พูดง่าย ๆ คือรถไฟความเร็วสูงใช้ไทยเป็นเวทีต่อรอง และคานอำนาจทางเศรษฐกิจไปเสียแล้วระหว่างจีน และญี่ปุ่น



อย่างไรก็ตามทาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ร่างกำหนดค่าโดยสาร + เวลาเดินทาง สำหรับเครือข่ายไฮสปีดเทรน ไว้แล้ว และคาดหวังไว้ว่า ราคาน่าจะลดลงอีก






สายเหนือ :  

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - นครสวรรค์ ( หนองปลิง ) เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 12 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 384 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - พิษณุโลก เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 54 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 611 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - เด่นชัย เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 38 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 845 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - เชียงใหม่ เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 43 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 1,190 บาท



สายตะวันออกเฉียงเหนือ :

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - นครราชสีมา เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 16 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 410 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - ขอนแก่น เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 13 นาที 12 วินาที ค่าโดยสาร 709 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หนองคาย เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 4 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 984 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - สุรินทร์ เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 3 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 661 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - อุบลราชธานี เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 51 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 912 บาท



สายใต้ :  

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หิวหิน เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 6 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 360 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - แม่กลอง - หัวหิน เวลาเดินทาง 0 ชั่วโมง 55 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 295 บาท    

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - สุราษฎร์ธานี เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 14 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 1,037 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หาดใหญ่ เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 41 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 1,499 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - ปาดังเบซาร์ เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 54 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 1,571 บาท



สายตะวันออก :  

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - ระยอง เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 6 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 350 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - บางปะกง - ระยอง เวลาเดินทาง 0 ชั่วโมง 58 นาที 12 วินาที ค่าโดยสาร 305 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - จันทร์บุรี เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 39 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 530 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - อรัญประเทศ เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 400 บาท    



ถ้าราคาเป็นอย่างนี้จริง  ผมคิดว่าในอนาคตสายการบินโลว์คอสต์อาจจะต้องกระอัก เพราะราคาน่าสนเฉพาะเส้นทางเชียงใหม่ 4 ชั่วโมงราคาพันนิด ๆ  ตอนนี้ก็อยากให้เกิดขึ้นดีกว่า และสายการบินในไทยจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกระลอก  แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่าต้องกำกับตรวจสอบโครงการอย่างเข้มงวด  เพราะวงเงินสูงเหลือเกิน ตัดเปอร์เซนต์ 20-30% ก็ไม่เบาเหมือนกันครับ !





อ้างอิง : “ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ” สคร.
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #614 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2554, 13:45:45 »


Climbing The Devils Tower

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา





Devils Tower ( Lakota: Mato Tipila, which means “ Bear Lodge ” ) is a monolithic igneous intrusion or volcanic neck located in the Black Hills near Hulett and Sundance in Crook County, northeastern Wyoming, above the Belle Fourche River. It rises dramatically 1,267 feet ( 386 m)  above the surrounding terrain and the summit is 5,112 feet ( 1,558 m ) above sea level.













Devils Tower was the first declared United States National Monument, established on September 24, 1906, by President Theodore Roosevelt. The Monument's boundary encloses an area of 1,347 acres ( 5.45 km2 )











In recent years about 1% of the Monument's 400,000 annual visitors climb Devils Tower, mostly through traditional climbing techniques.








จาก :  http://www.funzug.com/index.php/adventures/climbing-the-devils-tower.html
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #615 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2554, 14:11:06 »


Are we GETTING TOO old to DRIVE this Car ?
 
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

No joke !  Scary, but true ?



Presenting the New Mercedes Benz SCL600



Pretty, isn't it ?
 
 

So ?

What's different about this car ?
 
Not this ...


  


? ? ? ?

Here is the real difference  



Wow !

No Steering Wheel

No Pedals either  



You drive this car with a joystick

Do you think that you can drive with a joystick ?

Your kids and grandkids can.



The influence of video games in our lives has really arrived, wouldn't you say ?

But there is more !

The SCARY THOUGHT is :

NOW a 3-YEAR-OLD can STEAL your car

AND DRIVE IT BETTER THAN YOU CAN !
 

Yep - Start checking the senior bus schedule ! ! ! !

 
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #616 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2554, 23:40:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2554, 03:59:35

สวัสดีปีใหม่สากล - จีน และสุขสันต์ในวันแห่งความรัก แบบรวบยอดนะคะ ครูตุ๋ย  ป๋าทู  น้องตี๋  ป้อม  น้องอ้อย ... แถมสวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าด้วยค่ะ  ... จุ๊บ  จุ๊บ !


เคาะราคาโดยสาร High Speed Train ไทย ... น่านั่ง ... คาดน๊อคสายการบินโลว์คอสต์

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

        ผมคิดว่าในอนาคตรถไฟความเร็วสูงในไทยเกิดขึ้นแน่นอน ไม่เกิน 5 ปี  เพราะว่าภูมิรัฐศาสตร์ของไทยคือหัวใจเชื่อมต่ออาเซียน และจีนย่อมจะไม่ปล่อยให้เกิด Missing Links ที่จะต่อท่อนำคนและสินค้าออกสู่ทะเลแน่นอน  แผนแรกคือการเข้าที่หนองคาย ลงสู่กรุงเทพฯ-ภาคใต้  แผนที่สองจีนทะลุพม่าเข้าที่กาญจนบุรี ลงสู่ใต้  และแผนที่สามที่น่าจะเกิดขึ้นคือผ่านทางภาคเหนือของไทยเพื่อไปสู่ Hub ที่หัวลำโพง ก่อนที่จะแตกสายไปสู่ภาคใต้  สู่ตลาดอาเซียน หรือไปทาง ตะวันออก หรือข้ามไปกัมพูชา, เวียดนาม



ล่าสุดทาง ดร. จุฬา สุขมานพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานย่อยเพื่อดำเนินการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงร่วม ( เอ็มโอยู ) ระหว่างไทย-จีน ฝ่ายไทย เปิดเผยว่า ทางประเทศจีนขอใช้สัญญาสัมปทานจำนวน 50 ปี  ซึ่งขัดกับข้อกฎหมายไทยที่กำหนดให้สัมปทานสูงสุดเพียง 30 ปีเท่านั้น  รวมทั้งต้องพิจารณาเกี่ยวกับการแบ่งสัดส่วนการลงทุนด้วยว่าจะใช้รูปแบบใด สัดส่วนการลงทุนจะเป็น 50% หรือ 51 ต่อ 49% หรือไม่  เพราะโครงการดังกล่าวไม่ใช่แค่เดินรถระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว  แต่ยังมีการเดินทางภายในประเทศด้วย  ทั้งนี้จะได้ร่างเอ็มโอยูใหม่ในปลายปีนี้  ก่อนที่จะหาข้อสรุปในต้นปี 2554  ก่อนสรุปรายละเอียดก่อนจัดทำเอ็มโอยูฉบับสมบูรณ์ เสนอไปยังที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ  จากนั้นจึงมีการลงนามกับจีนต่อไป





ขณะที่ช่วงต้นปีหน้าเหมือนกัน ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ จะส่งผลรายงานสรุปหลังจากทดสอบความสนใจภาคเอกชนในการลงทุน ( Market Sounding ) ในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง 221 กิโลเมตร และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 754 กิโลเมตร เพื่อเสนอให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปแบบพีพีพี  ชุดที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานภายในเดือนธันวาคมนี้  เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือนมกราคม 2554





ซึ่งเบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสนใจลงทุนในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มากกว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง  เนื่องจากมองว่าเส้นระยองมีระยะทางสั้นเกินไป  โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่น  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะประเทศจีนให้ความสนใจลงทุนเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ตอนนี้พูดง่าย ๆ คือรถไฟความเร็วสูงใช้ไทยเป็นเวทีต่อรอง และคานอำนาจทางเศรษฐกิจไปเสียแล้วระหว่างจีน และญี่ปุ่น



อย่างไรก็ตามทาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ร่างกำหนดค่าโดยสาร + เวลาเดินทาง สำหรับเครือข่ายไฮสปีดเทรน ไว้แล้ว และคาดหวังไว้ว่า ราคาน่าจะลดลงอีก






สายเหนือ :    

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - นครสวรรค์ ( หนองปลิง ) เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 12 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 384 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - พิษณุโลก เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 54 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 611 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - เด่นชัย เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 38 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 845 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - เชียงใหม่ เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 43 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 1,190 บาท



สายตะวันออกเฉียงเหนือ :

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - นครราชสีมา เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 16 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 410 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - ขอนแก่น เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 13 นาที 12 วินาที ค่าโดยสาร 709 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หนองคาย เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 4 นาที 48 วินาที ค่าโดยสาร 984 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - สุรินทร์ เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 3 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 661 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - อุบลราชธานี เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 51 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 912 บาท



สายใต้ :  

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หิวหิน เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 6 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 360 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - แม่กลอง - หัวหิน เวลาเดินทาง 0 ชั่วโมง 55 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 295 บาท     

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - สุราษฎร์ธานี เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 14 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 1,037 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - หาดใหญ่ เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 41 นาที 24 วินาที ค่าโดยสาร 1,499 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีบางซื่อ ) - ปาดังเบซาร์ เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 54 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 1,571 บาท



สายตะวันออก :  

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - ระยอง เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 6 นาที 36 วินาที ค่าโดยสาร 350 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - บางปะกง - ระยอง เวลาเดินทาง 0 ชั่วโมง 58 นาที 12 วินาที ค่าโดยสาร 305 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - จันทร์บุรี เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 39 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 530 บาท

· กรุงเทพ ( สถานีมักกะสัน ) - ฉะเชิงเทรา - อรัญประเทศ เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที 0 วินาที ค่าโดยสาร 400 บาท     



ถ้าราคาเป็นอย่างนี้จริง  ผมคิดว่าในอนาคตสายการบินโลว์คอสต์อาจจะต้องกระอัก เพราะราคาน่าสนเฉพาะเส้นทางเชียงใหม่ 4 ชั่วโมงราคาพันนิด ๆ  ตอนนี้ก็อยากให้เกิดขึ้นดีกว่า และสายการบินในไทยจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกระลอก  แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่าต้องกำกับตรวจสอบโครงการอย่างเข้มงวด  เพราะวงเงินสูงเหลือเกิน ตัดเปอร์เซนต์ 20-30% ก็ไม่เบาเหมือนกันครับ !





อ้างอิง : “ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ” สคร.

พี่เจี๊ยบขราาาา...ฝันน้ำอ้อยเป็นจริงแล้วค่ะ....
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #617 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554, 00:42:15 »


สายตะวันออก  ขบวนไหนจะผ่านหน้าบ้านน้องอ้อยคะ ? ... วูบเดียวถึงที่ !

นี่ก็รถไฟฟ้าเหมือนกัน  แต่เป็นรถเก๋งค่ะ ...


รถไฟฟ้าเพียวๆ อีก 2 ปี คงมาเมืองไทย ราคา 6 แสน อัพ

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
 
แต่คุ้มนะ - ช่างไฟฟ้าคอนเฟิร์ม
       


เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ Nissan โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง Nissan Leaf
นี้เป็นรถ hatchback 5 ประตู มาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ทีให้พลัง 107 แรงม้า  ซึ่งถือว่าเยอะ
มากสำหรับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แถมชาร์จไฟ 1 ครั้งวิ่งได้ประมาณ 160 กิโลเมตร



ตัวถังมีขนาดใหญ่กว่า Tiida เล็กน้อย ไฟหน้าถูกดีไซน์ให้เปลี่ยนทิศทางลม
ไม่ให้กระทบกระจกข้างที่ประตู เพื่อลดเสียงรบกวน



แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ให้พลังงาน 80 KW ที่มีระบบชาร์จอย่างเร็ว ภายใน 30 นาที
จะได้พลังงานถึง 80 % แต่ว่ากว่าจะชาร์จเต็มต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง



ห้องโดยสารล้ำสมัย  เพรียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นต่างๆมากมาย Nissan Leaf มีระบบ
เชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลกลาง เพื่อรับข่าวสาร  รวมถึงสื่อด้านความบันเทิงตลอด 24 ชั่วโมง



Nissan Leaf ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นอีกขั้นของการพัฒนา
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่น่าจับตามอง











      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #618 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2554, 09:49:20 »


10 อันดับสุดยอดอาชีพ ' ฟรีแลนซ์ ' มาแรงติดอันดับโลกประจำปี 2011 ... ไม่ทำไม่ได้แล้ว

คุณ Peter Pan ลงไว้ใน  http://old.jobbkk.com/th/relax/webboard/viewtopic.php?id=20565

จัดทำโดย BusinessWeek ที่เก็บข้อมูลจากความเคลื่อนไหวในตลาดงานของประเทศเศรษฐกิจ  การเปลี่ยนแปลงของการงานอาชีพ และการว่าจ้างงานประจำ  งานอิสระ  งาน outsource  ได้ผลดังนี้ครับ

10 อันดับสุดยอดอาชีพ ' ฟรีแลนซ์ ' มาแรงติดอันดับโลกประจำปี 2011

1. Massage Therapist รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 90,000 บาท
    อาชีพนวดบำบัด คนไทยรู้จักดีและน่าจะเห็นกับตนเองด้วย บ้านเราโรงนวดบำบัด นวดสปาเกิดใหม่กันมาก คนออกไปทำอาชีพนวดมากขึ้น ไม่ว่าจะแบบเปิดสปาส่วนตัวน้อยใหญ่ หรือนวดแผนไทยแบบไปหาลูกค้าเอง หรือลูกค้ามาหาถึงบ้านก็มี


2. Athletic trainer รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 110,000 บาท
    เทรนเนอร์กีฬา เมืองไทยส่วนมากเป็นลูกจ้างประจำ แต่เมืองนอกโดยเฉพาะอเมริกา การกีฬาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้ว นักเทรนเนอร์อิสระมีมากมาย รายได้อย่างเทพแถมได้สุขภาพไปในตัว ชิวซ๊าา


3. Interpreter / Translator รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 115,000 บาท
    ล่ามและนักแปล ติดอันดับด้วย ผมรอดตัวแล้ว ทำอาชีพติดอันดับโลกกับเขาด้วย งานนี้สำหรับคนรู้สองภาษา มีทักษะการอ่านเขียน รู้หลักการแปล เรียบเรียงสวยงาม และรู้จักศัพท์เทคนิคเฉพาะทางก็ทะยานสู่วงการล่ามและนักแปลได้เลย
 

4. Computer Support Specialist รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 118,000 บาท
    นักสนับสนุนงานคอมพิวเตอร์ อันนี้ไม่รู้ว่ายังไง เพราะไม่ค่อยคุ้น เดาว่าน่าจะเหมือน IT Support แต่ที่อเมริกานิยมทำเป็น freelance/ outsource กัน บ้านเราจบ IT กันเยอะ ลองรับไปพิจารณา


5. Meeting Planner รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 120,000 บาท
    นักจัดงาน น่าจะเหมือนออกาไนเซอร์บ้านเรา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าเป็นอาชีพที่กำลังมาแรงอันดับต้นๆของประเทศในปี 2011 นี้ คนไทยก็น่าจะเหมาะ นัด จัด พบ คนมาประชุมกัน ท่าทางสนุกดี


6. Court Reporter รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 130,000 บาท
    นักจัดรายงานการพิพากษา ต้องมีประสาทการฟังที่ไว และความสามารถพิมดีดเร็วเทพ สมาธิดีมาก ฟังดูเป็นงานที่โหดหินขั้นเทพ แต่รายได้ก็เทพเช่นกัน สำหรับผมขอบาย ไม่ชอบๆ


7. Public Relations Specialist รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 148,000 บาท
    PR บ้านเราคุ้นเคย ออกแนว marketing communication ออกสื่อ ประชาสัมพันธ์ การสื่อสารมวลชนต้องขั้นเทพ รักการพบปะ  ต้องชอบ PR


8. Mediator รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 160,000 บาท
    นักไกล่เกลี่ยทางธุรกิจ บ้านเราไม่คุ้น แต่บ้าน ( เมือง ) นอกคุ้นแล้ว ไกล่เกลี่ยธุรกิจให้ลงนามกันโดยชอบ โดยมากเป็นเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ รายงานบอกว่า นักไกล่เกลี่ยขั้นเทพ ทำเงินปีละ 3 ล้านบาท ... หูยยย ...


9. Film & Video Editor รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 160,000 บาท
    นักตัดต่อหนังและวิดีโอ บ้านเราคุ้นแล้ว เป็นอาชีพเก่าแก่ไม่ต้องอธิบาย บ้านเราตลาดยังแคบนัก เพราะวงการภาพยนต์ตายด้านอยู่


10. Financial Analyst รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 210,000 บาท
     นักวิเคราะห์การเงิน บ้านเราทำงานให้กับสถาบันการเงิน และรัฐที่เกี่ยวกับการคลังและเศรษฐกิจ  แต่บ้าน ( เมือง ) นอกมีทำเป็น Outsource และ Freelance ด้วย  ต้องเป็นคนที่เก่งตัวเลข อยู่กับเลข ๆ ๆ ๆ และเลข  รายได้เทพสุดๆ  แต่ผมขอบายเพราะคงจะเบื่อตายกับตัวเลข

หมายเหตุ รายได้เฉลี่ยที่ได้รับอิงจากภูมิลำเนาสหรัฐอเมริกา
 

แนวทางทั้งสิบน่าสนใจ ผมเชื่อว่าหลายอย่างคนไทยทำได้ หลายคนก็เรียนมาโดยตรง  อย่าง finance  PR  และ IT คนจบกันเยอะ  แต่ไม่ได้ต่อยอดไปทำเป็นอาชีพส่วนตัว

อนาคตที่สดใส  ทำไม่ได้  หรือ ไม่ได้ทำ ?

แถมอีกนิด ... โพลนี้ทาง Bloom Berg BusinessWeek แพลนเผื่อไปอีก 5-8 ปีเลยนะครับ  อาชีพสุดฮ็อตเหล่าไม่ได้จะมอดหายไปในปีสองปีนี้  ใครอยากเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ก็มีเวลาเหลือเฟือ  แต่ต้องเริ่มเดี๋ยวนี้เท่านั้น คือ Now !  
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #619 เมื่อ: 01 มีนาคม 2554, 02:54:50 »


Are you sleeping ?

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งรูปมา
คำบรรยาย Retrieved from " http://en.wikipedia.org/wiki/Portaledge "

Portaledges - Hanging Tents เต๊นท์แขวนสำหรับนักปีนเขา



A portaledge is a deployable hanging tent system designed for rock climbers who spend multiple days and nights on a big wall climb. An assembled portaledge is a fabric-covered platform surrounded by a metal frame that hangs from a single point and has adjustable suspension straps. A separate cover, called a stormfly, covers the entire system in the event of bad weather.



The first portaledges used in Yosemite were non-collapsable cots purloined from Housekeeping Camp, a Yosemite Valley campground that featured primitive metal framed bunks for the campers. These heavy cots were used on multi-day climbs on granite monoliths like El Capitan, and then sometimes tossed off the summit for later retrieval.



Mike Graham is credited with the first collapsible portaledge models available for retail purchase under the name of his company, Gramicci Products based in Ventura California. The Gramicci Portaledge appeared in the very early 80's and revolutionized multi day big wall comfort.



There were a few minor manufacturers that also dabbled in portaledge design in the early 80's but could not get any traction in this niche market and soon faded from sight.



In late 1984 a small California based company called Fish Products started to manufacture portaledges, designed by Russ Walling, the company founder. Fish Products is still manufacturing these portaledges some 25 years later and also produces many other items for big wall climbing.



In 1986, A5 Adventures was founded, headed up by Stanford-trained mechanical engineer John Middendorf who was the chief designer and founder. A5 portaledges were constructed of highly weatherproof fabrics and engineered to be structurally stable and strong.



The A5 portaledges were the first portaledges that could withstand the severe weather conditions in remote areas such as the Himalayas, enabling climbers to expand their horizons to the largest rock faces in the world. The A5 Portaledge was sold worldwide and was featured in Abitare ( magazine ), an Italian design magazine.



The assets of A5 Adventures, including the A5 portaledge, were acquired by The North Face in 1998. Middendorf continued to steer the product for an additional two years at TNF before moving on to other pursuits outside of the climbing industry.



ACE ( Anker Climbing Equipment ) owned by Conrad Anker, acquired the A5/TNF portaledge design from TNF in 2005 and continued to manufacture this portaledge design under the ACE brand. The ACE Portaledge design was subsequently transferred to Black Diamond LTD of Salt Lake City Utah. Metolius Mountain Products of Bend Oregon has also launched an innovative portaledge design.
















      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #620 เมื่อ: 01 มีนาคม 2554, 17:24:58 »

ผมชอบนอนเต้นท์มาก แต่แบบนี้ขอบาย เสียวเกินไป
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #621 เมื่อ: 02 มีนาคม 2554, 18:22:44 »

ดูแล้วเสียวครับพี่เจี๊ยบ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
meseo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #622 เมื่อ: 07 มีนาคม 2554, 19:29:09 »

อบคุณมากค่ะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #623 เมื่อ: 17 มีนาคม 2554, 10:40:41 »


อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 01 มีนาคม 2554, 17:24:58
ผมชอบนอนเต้นท์มาก แต่แบบนี้ขอบาย เสียวเกินไป

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 02 มีนาคม 2554, 18:22:44
ดูแล้วเสียวครับพี่เจี๊ยบ

ป๋าทู - ครูตุ๋ย คร้าบ บ บ บ ... แค่ดูรูป ก็เหงื่อชื้นฝ่ามือ-ฝ่าเท้าขึ้นมาทันที ด้วยความเสียวสยอง  นักปีนเขาพวกนี้คงจะมี gene ชอบเสี่ยงภัยมากกว่าคนปกตินะ ... ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้ เราก็นึกไม่ถึงว่า นักปีนเขาเค้าต้องรอนแรมอยู่บนภูเขา และหน้าผาที่สูงชัน เป็นเวลาหลายวัน หรือเป็นเดือนๆ ... ชะอึ๋ย !
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #624 เมื่อ: 17 มีนาคม 2554, 11:01:17 »


IMPORTANT ! ! ! WHERE TO GO DURING AN EARTHQUAKE‏

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

Save your life with " The Triangle of Life "

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมาก่อนเลยก็ตาม  แต่เราก็ไม่ควรประมาท  ผมจึงอยากจะให้ทุกคนได้ศึกษาเรื่องที่อาจจะช่วยชีวิตของคุณ หรือคนที่คุณรักไว้ได้หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น
 
สามเหลี่ยมแห่งชีวิต คือ พื้นที่ๆ ปลอดภัยหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง  อาจจะไม่ได้ปลอดภัย 100%  แต่ก็สามารถช่วยลดความรุนแรงจากการถูกสิ่งของต่างๆ หล่นทับได้
 
หลักสำคัญก็คือ การที่หลบอยู่ข้างๆ วัตถุที่มีความแข็งแรงเพียงพอ  เนื่องจากเมื่อมีสิ่งของชิ้นใหญ่ตกลงมา วัตถุที่แข็งแรงนั้นจะสามารถสร้าง " สามเหลี่ยมแห่งชีวิต " ซึ่งจะช่วยชีวิตคุณได้

Without listening or reading, simply by looking at the following self-explanatory photos, you can learn more than in a thousand words about how to protect yourself during a major earthquake ...

คุณจะสามารถมองหา " สามเหลี่ยมแห่งชีวิต " ได้จากที่ใดบ้าง ... ตัวอย่างจริงของพื้นที่ " สามเหลี่ยมแห่งชีวิต "

รูปด้านซ้าย คือ " สามเหลี่ยมแห่งชีวิต " ... รูปด้านขวาคือ พื้นที่ๆ ไม่ควรไปหลบอยู่


โต๊ะและตู้เก็บเอกสารทั้งสองชิ้นนั้นทำให้เกิดพื้นที่ " สามเหลี่ยมแห่งชีวิต "
เมื่อรวมกันจะสร้างความแข็งแรงพอที่จะช่วยคุณได้ แม้ว่าพื้นจากชั้นบนจะหล่นลงมาทั้งชั้นก็ตาม
แต่ก็ควรระวังการบวมของผนังตู้จากแรงกดทับ !


If you are inside a vehicle, come out and sit or lie down next to it.
If something falls on the vehicle, it will leave an empty space along the sides. See below :
ถ้าคุณนั่งอยู่ในรถ ให้คุณออกมาจากรถนั้น และนอนลงข้างๆ ตัวรถ
เพราะถ้ามีอะไรหล่นลงมาทับที่ตัวรถ  จะมีพื้นที่ว่างข้างๆ ตัวรถให้คุณ ... ไม่แนะนำให้หลบไปอยู่ใต้ท้องรถ ! ! !






พื้นที่ "สามเหลี่ยมแห่งชีวิต" ในห้องนอนของคุณ


พื้นที่ "สามเหลี่ยมแห่งชีวิต" จากวัตถุต่างๆ




นอนลงกับพื้น ตะแคงข้าง งอตัว เก็บศรีษะ และมือ


ความเชื่อ และความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องสำหรับ พื้นที่ๆ ใช้ในการหลบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว






Source  http://www.amerrescue.org/

American Rescue Team International ARTI is said to be the World's most experienced rescue team and disaster management-mitigation organization.



Where to Go During an Earthquake

This is the text version of my earlier email styled. Save your life with " The Triangle of Life " ( see below ) further elucidating on the life-saving concept of " The Triangle of Life " ....

Remember that stuff about hiding under a table or standing in a doorway ? Well, forget it !  This is a real eye opener. It could save your life someday.

EXTRACT FROM DOUG COPP'S ARTICLE ON ' THE TRIANGLE OF LIFE '

My name is Doug Copp. I am the Rescue Chief and Disaster Manager of the American Rescue Team International ( ARTI ), the world's most experienced rescue team. The information in this article will save lives in an earthquake.

I have crawled inside 875 collapsed buildings, worked with rescue teams from 60 countries, founded rescue teams in several countries, and I am a member of many rescue teams from many countries. I was the United Nations expert in Disaster Mitigation for two years, and have worked at every major disaster in the world since 1985, except for simultaneous disasters.

The first building I ever crawled inside of was a school in Mexico City during the 1985 earthquake. Every child was under its desk. Every child was crushed to the thickness of their bones. They could have survived by lying down next to their desks in the aisles. It was obscene -- unnecessary.

Simply stated, when buildings collapse, the weight of the ceilings falling upon the objects or furniture inside crushes these objects, leaving a space or void next to them - NOT under them. This space is what I call the 'triangle of life'. The larger the object, the stronger, the less it will compact. The less the object compacts, the larger the void, the greater the probability that the person who is using this void for safety will not be injured. The next time you watch collapsed buildings, on television, count the 'triangles' you see formed. They are everywhere. It is the most common shape, you will see, in a collapsed building.

TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY

1) Most everyone who simply 'ducks and covers' when building collapse are crushed to death. People who get under objects, like desks or cars, are crushed.

2) Cats, dogs and babies often naturally curl up in the fetal position. You should too in an earthquake. It is a natural safety/survival instinct. You can survive in a smaller void. Get next to an object, next to a sofa, next to a bed, next to a large bulky object that will compress slightly but leave a void next to it.

3) Wooden buildings are the safest type of construction to be in during an earthquake. Wood is flexible and moves with the force of the earthquake. If the wooden building does collapse, large survival voids are created. Also, the wooden building has less concentrated, crushing weight. Brick buildings will break into individual bricks. Bricks will cause many injuries but less squashed bodies than concrete slabs.

4) If you are in bed during the night and an earthquake occurs, simply roll off the bed. A safe void will exist around the bed. Hotels can achieve a much greater survival rate in earthquakes, simply by posting a sign on the back of the door of every room telling occupants to lie down on the floor, next to the bottom of the bed during an earthquake.

5) If an earthquake happens and you cannot easily escape by getting out the door or window, then lie down and curl up in the fetal position next to a sofa, or large chair.

6) Most everyone who gets under a doorway when buildings collapse is killed. How? If you stand under a doorway and the doorjamb falls forward or backward you will be crushed by the ceiling above. If the door jam falls sideways you will be cut in half by the doorway. In either case, you will be killed !

7) Never go to the stairs. The stairs have a different 'moment of frequency' (they swing separately from the main part of the building). The stairs and remainder of the building continuously bump into each other until structural failure of the stairs takes place. The people who get on stairs before they fail are chopped up by the stair treads - horribly mutilated. Even if the building doesn't collapse, stay away from the stairs. The stairs are a likely part of the building to be damaged. Even if the stairs are not collapsed by the earthquake, they may collapse later when overloaded by fleeing people. They should always be checked for safety, even when the rest of the building is not damaged.

Cool Get near the outer walls of buildings or outside of them if possible - It is much better to be near the outside of the building rather than the interior. The farther inside you are from the outside perimeter of the building the greater the probability that your escape route will be blocked.

9) People inside of their vehicles are crushed when the road above falls in an earthquake and crushes their vehicles; which is exactly what happened with the slabs between the decks of the Nimitz Freeway. The victims of the San Francisco earthquake all stayed inside of their vehicles. They were all killed. They could have easily survived by getting out and sitting or lying next to their vehicles. Everyone killed would have survived if they had been able to get out of their cars and sit or lie next to them. All the crushed cars had voids 3 feet high next to them, except for the cars that had columns fall directly across them.

10) I discovered, while crawling inside of collapsed newspaper offices and other offices with a lot of paper, that paper does not compact. Large voids are found surrounding stacks of paper.

Spread the word and save someone's life ...

The entire world is experiencing natural calamities so be prepared!

' We are but angels with one wing, it takes two to fly '

In 1996 we made a film, which proved my survival methodology to be correct. The Turkish Federal Government, City of Istanbul, University of Istanbul Case Productions and ARTI cooperated to film this practical, scientific test. We collapsed a school and a home with 20 mannequins inside. Ten mannequins did 'duck and cover,' and ten mannequins I used in my 'triangle of life' survival method. After the simulated earthquake collapse we crawled through the rubble and entered the building to film and document the results. The film, in which I practiced my survival techniques under directly observable, scientific conditions , relevant to building collapse, showed there would have been zero percent survival for those doing duck and cover.

There would likely have been 100 percent survivability for people using my method of the 'triangle of life.' This film has been seen by millions of viewers on television in Turkey and the rest of Europe, and it was seen in the USA , Canada and Latin America on the TV program Real TV.

ภัยธรรมชาติเกิดถี่ขึ้น และใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน  ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือโคลนถล่มที่ภาคใต้  เพื่อความไม่ประมาทเราควรเตรียมตัวให้พร้อมรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ดังนี้

1. ทุกคนควรมีไฟฉายที่ใส่ถ่านเต็มอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา คนละ 1 กระบอก

2. มีกระเป๋าใส่น้ำสะอาด ( เปลี่ยนทุกวัน)  วางไว้ใกล้ตัวให้หยิบฉวยได้ทันตลอดเวลา

3. มีนกหวีดพกไว้กับตัวตลอดเวลา  มีรองเท้าพร้อมใส่ทันที แม้เวลานอน

4. มีของใช้จำเป็นอื่นๆ / ยา / ของมีค่าใส่กระเป๋าไว้ให้พร้อม --อื่นๆ แล้วแต่ใครจะคิดได้

5. นัดแนะกับคนในบ้าน หรือญาติพี่น้อง ผองเพื่อน ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด  หลังจากปลอดภัยแล้ว จะไปพบกันที่จุดนัดพบใด

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #625 เมื่อ: 17 มีนาคม 2554, 11:48:56 »

earthquakeไม่ค่อยน่ากลัวคะพี่เจี๊ยบ
พอมาเห็นภาพหลังearthquake
ก็Tsunamiน่ะสิ!
พัดบ้านเป็นหลังๆล้มกำแพงสูง10เมตร
เมื่อคืนชมภาพเมือง Taroแล้ว..
สยองจนเดี๋ยวนี้
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #626 เมื่อ: 19 มีนาคม 2554, 00:56:42 »


NN ... ยิ่งดูก็ยิ่งเศร้าใจ ในโชคชะตาของชาวญี่ปุ่น ... เพื่อนๆ ก็ช่างระดมกันส่งมาให้ดูกันอุตลุด  พี่ไม่เปิดดูซ้ำสองเลย  ลบโลด ...

นี่ก็ผลกระทบจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลอีกอย่างนึงค่ะ

ตะลึง ! ปลานับแสนลอยคอล้นหาดเม็กซิโก

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พบจำนวนฝูงปลาซาร์ดีนนับแสนตัว จับกลุ่มลอยคออยู่บริเวณ
ชายหาดของอ่าวอะคาปุลโก ประเทศเม็กซิโก


จากจำนวนปลาที่มากมาย ทำให้ชายหาดเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน คล้ายคราบน้ำมันรั่วไหลลอยอยู่ในทะเล

 
จำนวนปลาซาร์ดีนนับแสนตัว ทำให้นักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดดังกล่าวต้องตกตะลึง


และนับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ประหลาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีเหตุการณ์ฝูงปลาซาร์ดีน
นับหมื่นลอยตายบริเวณชายหาดแคลิฟอร์เนีย  ซึ่งต่อมาตรวจสอบพบว่าพวกมันตายเพราะสารพิษในทะเล

 
ทั้งนี้หลายคนได้วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเป็นผลพวงมาจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิ
ที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ส่งผลให้ปลาซาร์ดีนหลงทิศ และยังจับกลุ่มกันว่ายมาถึงชายหาดดังกล่าว



      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #627 เมื่อ: 20 มีนาคม 2554, 00:03:01 »


มาตราริกเตอร์  

จาก  http://rss.pointthailand.com/rss/view.asp?nid=7392
 
มาตราริกเตอร์ ( Richter magnitude scale ) เป็นมาตรที่ใช้กำหนดขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหว เสนอขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1935 โดยนักวิทยาแผ่นดินไหวสองคน คือ เบโน กูเทนเบิร์ก ( Beno Gutenbrg ) และชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์ ( Charles Francis Richter )
 
เดิมนั้นมีการกำหนดมาตรานี้เพื่อใช้วัดขนาดของแผ่นดินไหวในท้องถิ่นทางใต้ของแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา ที่บันทึกได้ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องวัดความไหวสะเทือน ( seismograph )  แผ่นดินไหวที่มีขนาดน้อยที่สุดในเวลานั้น ถือเป็นค่าใกล้เคียงศูนย์  มาตราดังกล่าวแบ่งเป็นระดับ โดยทุกๆ 1 ริกเตอร์ที่เพิ่มขึ้น  แสดงว่าแผ่นดินไหวแรงขึ้น 10 เท่า
 
มาตราริกเตอร์ไม่มีขีดจำกัดว่ามีค่าสูงสุดเท่าใด  แต่โดยทั่วไปกำหนดไว้ในช่วง 0 - 9  ภายหลังเมื่อเครื่องวัดความไหวสะเทือนมีความละเอียดมากขึ้น สามารถวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ละเอียด ทั้งในระดับที่ต่ำกว่า 0 ( สำหรับค่าที่ได้น้อยกว่า 0 ถือเป็นค่าติดลบ ) และที่สูงกว่า 9

ตารางมาตราริกเตอร์

ตัวเลขริกเตอร์   จัดอยู่ในระดับ                     ผลกระทบ                                       อัตราการเกิดทั่วโลก
 
1.9 ลงไป  ไม่รู้สึก ( Micro )     ไม่มี                                                                    8,000 ครั้ง / วัน
2.0-2.9      เบามาก ( Minor )  คนทั่วไปมักไม่รู้สึก แต่ก็สามารถรู้สึกได้บ้าง และตรวจจับได้ง่าย       1,000 ครั้ง / วัน
3.0-3.9      เบามาก ( Minor)   คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ และบางครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้บ้าง  49,000 ครั้ง / ปี
4.0-4.9      เบา ( Light )        ข้าวของในบ้านสั่นไหวชัดเจน สามารถสร้างความเสียหายได้ปานกลาง  6,200 ครั้ง / ปี
5.0-5.9  ปานกลาง (Moderate) สร้างความเสียหายยับเยินกับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่นคง แต่ไม่มีปัญหากับสิ่งก่อสร้างที่มั่นคง 800 ครั้ง/ปี
6.0-6.9      แรง ( Strong )      สร้างความเสียหายที่ค่อนข้างรุนแรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร       120 ครั้ง / ปี
7.0-7.9      รุนแรง ( Major )     สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงในบริเวณกว้างกว่า                   18 ครั้ง / ปี
8.0-8.9      รุนแรงมาก ( Great )  สร้างความเสียหายรุนแรงได้ในรัศมีเป็นร้อยกิโลเมตร                   1 ครั้ง / ปี
9.0-9.9      รุนแรงมาก ( Great )   " ล้างผลาญ '' ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีเป็นพันกิโลเมตร                 1 ครั้ง / 20 ปี
10.0 ขึ้นไป ทำลายล้าง ( Epic )   ไม่เคยเกิด จึงไม่มีบันทึกความเสียหายไว้                                  0


ที่มา :  วิกิพีเดีย
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #628 เมื่อ: 22 มีนาคม 2554, 11:07:39 »

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ?

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา





ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว

1. อย่า ตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติอยู่อย่างสงบ ถ้าท่านอยู่ในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน ถ้าท่านอยู่นอกบ้านก็ให้อยู่นอกบ้าน เพราะส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเพราะวิ่งเข้าออกจากบ้าน
 
2. ถ้าอยู่ในบ้าน ให้ยืน หรือหมอบอยู่ในส่วนของบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง ที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียง และหน้าต่าง  หากอยู่ในอาคารสูง ควรตั้งสติให้มั่น และรีบออกจากอาคารโดยเร็ว หนีให้ห่างจากสิ่งที่จะล้มทับได้
 
3. ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า และสิ่งห้อยแขวนต่างๆ ที่ปลอดภัยภายนอก คือ ที่โล่งแจ้ง
 
4. อย่าใช้ เทียน ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวหรือประกายไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่บริเวณนั้น

5. ถ้าท่านกำลังขับรถ ให้หยุดรถ และอยู่ภายในรถ จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด
 
6. ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด ขณะเกิดแผ่นดินไหว
 
7. หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง

หลังเกิดแผ่นดินไหว

1. ควรตรวจตัวเอง และคนข้างเคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่  ให้ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นก่อน
 
2. ควรรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที เพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมา อาคารอาจพังทลายได้
 
3. ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพราะอาจมีเศษแก้ว หรือวัสดุแหลมคมอื่นๆ และสิ่งหักพังแทง
 
4. ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟ หรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว

5. ตรวจสอบว่ามีแก๊สรั่วหรือไม่ ด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่น ให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบาน
 
6. ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาด และวัสดุสายไฟพาดถึง
 
7. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ นอกจากจำเป็นจริงๆ
 
8. สำรวจดูความเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้

9. อย่าเป็นไทยมุง หรือเข้าไปในเขตที่มีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง
 
10. อย่าแพร่ข่าวลือ


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #629 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 13:42:13 »


ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศไทย

จาก  http://rss.pointthailand.com/rss/view.asp?nid=7476
 
ข้อมูลทางธรณีวิทยารายงานว่า สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดจากภายนอกประเทศ ส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย โดยมีแหล่งกำเนิดบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน พม่า ลาว ทะเลอันดามัน ตอนเหนือของเกาะสุมาตรา โดยบริเวณที่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ได้แก่ ภาคเหนือ  ภาคใต้  ภาคตะวันตก  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  และกรุงเทพฯ



โดยบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อภัยแผ่นดินไหวสูงในประเทศไทย ได้แก่

1. บริเวณอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว ตามแนวรอยเลื่อนทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคเหนือ และตะวันตก

2. บริเวณที่เคยมีประวัติ หรือสถิติแผ่นดินไหวในอดีต และมีความเสียหายเกิดขึ้น จากนั้นเว้นช่วงการเกิดแผ่นดินไหวเป็นระยะเวลานานๆ จะมีโอกาสการเกิดแผ่นดินไหว ที่มีขนาดใกล้เคียงกับสถิติเดิมได้อีก

3. บริเวณที่เป็นดินอ่อนซึ่งสามารถขยายการสั่นสะเทือนได้ดี เช่น บริเวณที่มีดินเหนียวอยู่ใต้พื้นดินเป็นชั้นหนา บริเวณที่ลุ่มหรืออยู่ใกล้ปากแม่น้ำ เป็นต้น โดยเฉพาะแถบจังหวัดนนทบุรี อยุธยา ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา เนื่องจากชั้นดินมีความอ่อนตัวมากกว่าแถบอื่น



สมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บของเปลือกโลกที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีโอกาสที่จะขยับตัวได้ แต่ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไร และจากการสำรวจทำแผนที่บริเวณเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในปี 2548 ของกรมทรัพยากรธรณี พบว่า มี 4 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมากที่สุด คือ กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงราย โดยมีความเสี่ยงที่ 7-8 เมอร์คัลลี่ เพราะเป็นพื้นที่ใกล้รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ที่สำคัญ ผลกระทบอาจทำให้อาคารที่มั่นคงตามปกติเสียหายได้

ส่วนจังหวัดรองลงมา ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ และภาคใต้ อาทิ สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน ลำปาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร โดยจะมีความเสี่ยงที่ 5-7 เมอร์คัลลี่  ซึ่งจะทำให้อาคารที่สร้างอย่างมั่นคงตามปกติเสียหายเล็กน้อย ส่วนที่ปลอดภัยมากที่สุด คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ที่มา :  oknation.net
 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #630 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 13:59:55 »


ย้อนประวัติศาสตร์การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย  
 
จาก  http://rss.pointthailand.com/rss/view.asp?nid=7475
 

 
สมัยก่อนสุโขทัย ( ก่อน พ.ศ.1781 )
 
* เมืองแถน ( เมืองเดียนเบียนฟู ในเวียดนามเหนือ )
* หริภุญไชย ( ลำพูน ) พ.ศ.500 พระมหาปราสาทโอนไปเป็นหลายที
* โยนกนคร พ.ศ.480, 481, 510, 515, 1003, 1077
 
เมื่อ พ.ศ.1003 มีบันทึกไว้ว่า "....สุริยะ อาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงเหมือนดั่งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว ประดุจดังว่าเวียงโยนกนครหลวงที่นี้จักเกลื่อนจักพังไปนั้นแล  แล้วก็หายไปครึ่งหนึ่ง  ครั้นถึงมัชฌิมยามก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสองแล้วก็หายนั้นแล  ถึงบัวฉิมยาม ก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสาม  หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวงที่นั้นก็ยุบจมลงเกิดเป็นหนองอันใหญ่ "

สมัยสุโขทัย ( พ.ศ.1781-1893 )

" .... เมื่อพญาลิไทตั้งจิตอธิษฐานออกผนวชมีจารึกว่า อธิษฐานดังนี้แล้ว จึงรับสรณาคมต่อพระอุปัชฌาย์  ขณะนั้นแผ่นดินไหวทั่วทุกทิศเมืองสุโขทัย ครั้นทรงผนวชแล้ว เสด็จลงมาจากพระมหาสุวรรณเหมปราสาท  ทรงไม้ เท้าจรดจรดลด้วยพระบาทสมเด็จพระราชดำเนินไปป่ามะม่วง ขณะประดิษฐานฝ่าพระบาทลงยังพื้นธรณี ปฐพีก็หวั่นไหวทั่วทุกทิศหินสาธา  เข้าพรรษาวันนั้นจึงเสด็จออกเสวยพระโชรศ ขณะนั้นไม่ควรเลยสรรพ ไม่เสบยเสพยนานาอากาศดาษ สุริยะเมฆาจันทร์ปรายต์กับดาราฤกษ์ทั้งปวงยิ่งกว่าทุกวันด้วยฉะนั้น  จึงเสด็จบรรพชาเป็นภิกษุในระหว่างพัทธสีมานั้น  ขณะนั้นนาคราชตนหนึ่งอยู่โดยบุรพทิศเมืองสุโขทัยนั้น ยกพังพานขึ้นสูงพันคน แปรตาไปเฉพาะป่ามะม่วงนั้น  เห็นรอยผลุดพลุ่งกลางอากาศลงต่อแผ่นดิน อนึ่งเวลานั้นได้ยินเสียงระฆังดนตรีดุริยางค์ ไพเราะใกล้โสตสของชนเป็นอันมาก จะพรรณานับมิได้  แต่ บรรดามหาชนที่มาสโมสรสันนิบาตในสถานที่นั้น ย่อมเห็นการอัศจรรย์ประจักษ์ทุกคน เหตุด้วยเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระบารมี เมื่อทำอัษฎางติกศีล เมื่อฤดูคิมหันต์ไม่มีฝน ด้วยอำนาจศีลและความอธิษฐานพระบารมีด้วย  ปถวีก็ประวัติกัมปนาทหวาดหวั่นไหว เพทธาราวิรุณหกก็ตกลงมาในฤดูแล้ง แสดงอัศจรรย์สรรเสริญในการสร้างพระบารมี .... " 

สุโขทัย  พ.ศ.1860 สมัยพญาลิไท
สุโขทัย  พ.ศ.1905, 1909
เชียงใหม่  พ.ศ.2025,พ.ศ. 2088 ยอดเจดีย์หลวงสูง 86 เมตร พังลงมาเหลือ 60 เมตร
อยุธยา  พ.ศ.2048, 2070, 2089, 2127, 2131, 2132, 2228
น่าน  พ.ศ.2103เจดีย์หลวง สูง 17 วา กว้าง 10 วา หักพังลง
ย่างกุ้ง, พม่า  พ.ศ.2111, 2172พระเจดีย์เมืองร่างกุ้งเกิดความเสียหาย
เชียงใหม่  พ.ศ.2088ยอดเจดีย์หลวงสูง 86 เมตร พังลงมาเหลือ 60 เมตร

สมัยอยุธยา ( พ.ศ.1893-2311 )

กำแพงเพชร  พ.ศ.2127
เชียงแสน  พ.ศ.2247, 2258, 2260 พ.ศ.2258 พระเจดีย์วิหารหักพังทลาย 4 ตำบล
หงสาวดี, พม่า  พ.ศ.2300 ฉัตรยอดพระเจดีย์มุตางหักลงมา

สมัยกรุงธนบุรี ( พ.ศ.2311-2325 )

กรุงเทพฯ  พ.ศ.2311, 2312
เชียงใหม่  พ.ศ.2317

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ( พ.ศ.2325-ปัจจุบัน )

สมัยรัชกาลที่ 1 - หลวงพระบาง  พ.ศ.2335 น่าน พ.ศ.2336, 2342, 2344
สมัยรัชกาลที่ 2 - มณฑลยูนาน  พ.ศ.2367 ประชาชนชาวจีนเสียชีวิต 2,000 คน ,น่าน พ.ศ.2363 ยอดมหาธาตุเจ้าภูเวียงแช่แห้ง ก็หักลงห้อยอยู่
สมัยรัชกาลที่ 3 กรุงเทพฯ  พ.ศ.2375, 2376, 2378 น้ำในแม่น้ำกระฉอกออกมา, พม่า พ.ศ.2382
สมัยรัชกาลที่ 4 กรุงเทพฯ  พ.ศ.2417
สมัยรัชกาลที่ 5 กรุงเทพฯ  พ.ศ.2429, 2430 น่าน พ.ศ.2422
สมัยรัชกาลที่ 6 กรุงเทพฯ  พ.ศ.2455
สมัยรัชกาลที่ 7 กรุงเทพฯ, อยุธยา, จันทบุรี, พิษณุโลก, ราชบุรี, ปราจีนบุรี  พ.ศ.2473 ศูนย์กลางอยู่ประมาณเมืองพะโค, พม่า
 

 
ส่วนสถิติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตรวจวัดโดย กรมอุตุนิยมวิทยา มีขนาดอยู่ในระดับเล็ก ถึงปานกลาง ( ไม่เกิน 6.0 ริคเตอร์ ) หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่พอ ก็จะส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย  ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยต่อสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง โดยมีรายละเอียดดังนี้

แผ่นดินไหวเมื่อ 17 ก.พ. 2518  ขนาด 5.6 ริคเตอร์  บริเวณ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
แผ่นดินไหวเมื่อ 15 เม.ย. 2526  ขนาด 5.5 ริคเตอร์  บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
แผ่นดินไหวเมื่อ 22 เม.ย. 2526  ขนาด 5.9 ริคเตอร์  บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
แผ่นดินไหวเมื่อ 22 เม.ย. 2526  ขนาด 5.2 ริคเตอร์  บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
แผ่นดินไหวเมื่อ 11 ก.ย. 2537  ขนาด 5.1 ริคเตอร์  บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย
แผ่นดินไหวเมื่อ 9 ธ.ค. 2538  ขนาด 5.1 ริคเตอร์  บริเวณ อ.ร้องกวาง จ.แพร่
แผ่นดินไหวเมื่อ 21 ธ.ค. 2538  ขนาด 5.2 ริคเตอร์  บริเวณ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
แผ่นดินไหวเมื่อ 22 ธ.ค. 2539  ขนาด 5.5 ริคเตอร์  บริเวณพรมแดนไทย-ลาว

เหตุการณ์แผ่นดินไหวรู้สึกได้ในประเทศไทย ( 2542 - สิงหาคม 2543 )
 
31 ส.ค. 2542  ใกล้พรมแดนไทย - ลาว  ขนาด 4.8 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.น่าน
3 เม.ย. 2542  ใกล้พรมแดนไทย - พม่า  ขนาด 3.2 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ อ.เชียงแสน จ. เชียงราย
29 มิ.ย. 2542  ในประเทศพม่า  ขนาด 5.6 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.เชียงราย
15 ส.ค. 2542  ตอนใต้ของประเทศพม่า  ขนาด 5.6 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่
17 ส.ค.2542  บริเวณทะเลอันดามัน  ขนาด 2.1 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา
29 ส.ค. 2542  บริเวณทะเลอันดามัน  ขนาด 2.1 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา
20 ม.ค. 2543  ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ขนาด 5.9 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย มีความเสียหายที่ จ.น่านและแพร่
14 เม.ย. 2543  ที่พรมแดนลาว - เวียดนาม  ขนาด 4.9 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ จ.สกลนคร
29 พ.ค. 2543 บริเวณอ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่  ขนาด 3.8 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่ อำเภอเมือง อ.สันกำแพง และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
7 ส.ค. 2543  บริเวณพรมแดนไทย - พม่า  ขนาด 3.0 ริคเตอร์  รู้สึกได้ที่บริเวณอำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน

สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว แบ่งเป็น 2 อย่าง  คือ

1. เกิดจากธรรมชาติ  ( NATURAL  EARTHQUAKE) 

2. เกิดจากการกระทำของมนุษย์  ( INDUCED  SEISMICITY )  เช่น

-  การเก็บกักน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่

- การทดลองระเบิดปรมาณู / ระเบิดนิวเคลียร์

-  การระเบิดจากการทำเหมืองแร่

- การสูบน้ำใต้ดินมาใช้มากเกินไป

- การผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

- การเก็บขยะนิวเคลียร์ใต้ดิน


ที่มา :  oknation.net
 
      บันทึกการเข้า
icyd19
Newbie
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4

เว็บไซต์
« ตอบ #631 เมื่อ: 03 เมษายน 2554, 08:48:40 »

ขอบคุณมากค่ะ.. .
      บันทึกการเข้า

Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #632 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 12:17:21 »


แจ้งเตือนภัยธรรมชาติ

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Just remind, may coming.










 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #633 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 12:35:05 »


สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ สมาชิกชาวเวป cmadong.com ทุกท่าน

      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #634 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 18:59:32 »

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับพี่เจี๊ยบ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #635 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 19:03:31 »


สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า ... ครูตุ๋ยสบายดีนะ  สงกรานต์นี้ จะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนกันมั่งน้อ  มาเที่ยวที่กรุงเทพฯ มั้ย ?
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #636 เมื่อ: 14 เมษายน 2554, 14:20:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 13 เมษายน 2554, 19:03:31

สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า ... ครูตุ๋ยสบายดีนะ  สงกรานต์นี้ จะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนกันมั่งน้อ  มาเที่ยวที่กรุงเทพฯ มั้ย ?
ไปทำบุญ  ภาวนาอยู่บ้านครับ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #637 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2554, 22:47:48 »


มายากล " เปลี่ยนหน้ากาก พร้อมเปลี่ยนชุด "

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ ... ส่งมา

Commonly, the Mask Changing Shows does not involve changing the gowns at the same time. This is Chinese Version of the Dance of the 7 Veils with changing Moods !

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=qVKrKA_HLYY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=qVKrKA_HLYY</a>

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #638 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2554, 21:36:11 »


ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป อีก 60 วันต้องไปทำบัตรประจำตัวประชาชน

พูลศรี - ครุ 16 ... ส่งมา

ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป อีก 60 วันต้องไปทำบัตรประจำตัวประชาชน

สาระสำคัญของ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2554

ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้าน ต้องมีบัตรตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้

มีผลบังคับใช้ 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ( ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2554 )

อัตราค่าธรรมเนียม

(1) การออกบัตรตามมาตรา 6 จัตวา ฉบับละ 100 บาท

(2) การออกใบแทนใบรับ ฉบับละ 10 บาท

(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตร ฉบับละ 10 บาท
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #639 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2554, 23:49:01 »


กาญจนบุรี : กาแฟขี้ชะมด ผลิตในไทยแก้วละ 500 - 1,500 บาท  กิโลกรัมละ 1 แสนบาท

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
 
     ตะลึง ! ชาวเมืองกาญจนบุรีแห่ชิมกาแฟสดผลิตจากขี้ชะมดแก้วละ 500-1,500 บาท  พบลูกค้าเข้าชิมจำนวนมาก บ างรายยอมซื้อไปปรุงเองที่บ้านกิโลกรัมละ 1 แสนบาท เจ้าของร้านเผยค้นพบสูตรรสชาติเข้มข้นสำเร็จแห่งแรกของประเทศไทย  และมีเพียงแห่งเดียวที่เมืองกาญจน์  ขณะที่ลูกค้าบอกรสดี หอม จึงยอมควัก 500 บาทต่อแก้ว

       
      เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ ( 7 มี.ค.54 ) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริเวณร้านกาแฟสดจากไร่คุณหญิง เลขที่ 105 หมู่ 1 ถ.แสงชูโต ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังจากทราบข่าวว่ามีคอกาแฟทยอยเดินทางมาที่ร้าน เพื่อดื่มกาแฟสดที่ผลิตจากขี้ชะมดในราคาแก้วละ 500-1,500 บาท  บางรายขอซื้อกลับบ้านเพื่อนำไปชงดื่มเองในราคากิโลกรัมละ 1 แสนบาท  เมื่อไปถึงพบนายสุรเชษฐ์ ยุทธสุนทร และนางสุจิตรา ยุทธสุนทร สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน และพนักงานกว่า 10 คนกำลังทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าอย่างขะมักเขม้น
     
     นายสุรเชษฐ์ ยุทธสุนทร เจ้าของร้านกล่าวว่า ลูกค้าที่เดินทางมาที่ร้านมีทั้ง ข้าราชการ นักธุรกิจ รวมทั้งถึงประชาชนทั่วไป  ส่วนใหญ่จะมีรสนิยมชอบดื่มกาแฟสดทั้งหมด  ที่สำคัญลูกค้าจะสั่งกาแฟสดที่ผลิตขึ้นจากมูลของตัวชะมด ( หรืออีเห็น )  โดยกาแฟชนิดนี้ขายราคาแก้วละ 500 บาทถึงแก้วละ 1,500 บาท อยู่กับลูกค้าว่าต้องการกาแฟรสชาดแบบไหน  ส่วนปริมาณเท่ากับแก้วกาแฟตามร้านทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงแต่ลูกค้าก็พร้อมจะควักกระเป๋าจ่ายอย่างเต็มใจ และมีลูกค้าบางรายขอซื้อกาแฟสดซึ่งเป็นวัตถุดิบเพื่อนำไปชงดื่มที่บ้าน ในราคากิโลกรัมละ 100,000 บาท เหตุที่กาแฟชนิดนี้มีราคาแพงก็เพราะว่า วัตถุดิบนั้นหายาก และขั้นตอนการผลิตก็มีความละเอียดอ่อน  ใน 1 ปี ถึงจะมีกาแฟชนิดน ี้ให้บริการลูกค้า

     

          จุดเริ่มต้นคือเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาในความที่ตนเป็นคนชอบค้นหาสูตรกาแฟที่มีรสชาติที่แปลกใหม่ และได้ค้นพบในเว็ปไซต์ของประเทศอินโดนีเซีย จึงรู้ว่าประเทศนี้มีวิธีการผลิตกาแฟที่แปลกมาก คือผลิตกาแฟจากมูลของตัวชะมด ซึ่งหลังจากที่ตนได้อ่านรายละเอียดในเว็บไซด์ จนเข้าใจ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าน่าจะลองทำดูบ้างจึงปรึกษากับภรรยา ซึ่งก็เห็นด้วย และเป็นความโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ก่อนหน้านั้นมีชาวบ้านนำตัวชะมด 2 ตัวเพื่อมาขายให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตนเห็นเข้าเกิดความสงสารจึงขอซื้อชะมดทั้ง 2 ตัว และนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน จนในที่สุดก็ออกลูกเพิ่มมาอีก 4 ตัว รวมเป็น 6 ตัว ปัจจุบันมีตัวชะมดอยู่ประมาณ 20 ตัว
     
     สำหรับกาแฟที่ตนปลูกไว้มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ เป็นสายพันธุ์ โรบัสต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ตัวชะมดชอบกินเมล็ดสุกเป็นอาหาร ตนจึงได้ทดลองนำตัวชะมดไปปล่อยใน ไร่กาแฟ โดยใช้สูตรชะมด 1 ตัว ต้นกาแฟ 4 ต้น ใช้ตาข่ายกั้นเอาไว้กันการหลบหนี ปรากฏว่าหลังจากตัวชะมดได้กินเมล็ดกาแฟเข้าไปจากนั้นได้ถ่ายมูลออกมามีลักษณะเป็นแท่งที่มีเมล็ดกาแฟติดกันเป็นเกรียว จะสังเกตเห็นว่าโดยรอบจะมีเอมไซม์และสารเคมีที่มีอยู่ในกระบวนการย่อยอาหารของมันติดออกมาด้วย และนั่นคือวัตถุดิบที่ต้องการนำมาผลิตเป็นกาแฟสด

     
        แต่อย่างไรก็ตามกระบวรการการผลิตนั้นตนและภรรยาได้ลองผิดลองถูกมานานกว่า 3 ปี จึงสามารถนำออกมาจำหน่ายให้กับลูกค้าได้ ซึ่งสรรพคุณของกาแฟที่ผลิตจากมูลของตัวชะมด นอกจากมีรสชาดที่เข้มข้นเป็นที่ติดใจของบรรดาคอกาแฟทุกคนแล้วยังเชื่อว่าจะสามารถบำรุงรักษาอวัยวะภายในของคนเราได้
     
     นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนแรกของประเทศไทยที่สามารถคิดสูตรการปรุงกาแฟผลิตจากมูลชะมดที่มีรสชาติแปลกใหม่ และเข้มข้นได้สำเร็จ แต่ปัจจุบันได้กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ แต ่ยังไม่มากนัก โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ และภาคกลาง ส่วนจังหวัดกาญจนบุรีมีที่ร้านของตนเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีกาแฟชนิดนี้ไว้บริการลูกค้า โดยกาแฟชนิดนี้เป็นความต้องการของชาวต่างชาติเป็นอย่างมากโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เกหลีใต้ และทวีปยุโรป


   
        " สำหรับตัวชะมด เป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แต่มีกฎหมายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมออกมาเมื่อ พ.ศ.2546 ให้ ชะมดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเพาะพันธุ์ได้ ในอนาคตตัวชะมดถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างดี และจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศมูลค่ามหาศาล ซึงปัจจุบันสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.) จะมีโครงการส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงตัวชะมดในเชิงพาณิชย์ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้ประชาชนเป็นอย่างดี " นายสุรเชษฐ์ เจ้าของร้านกาแฟสดจากไร่คุณหญิงกล่าว
     
      ด้านนายยุตติ บุญสวัสดิ์ ลูกค้าประจำร้านดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนชอบดื่มกาแฟและเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งหลังจากทางร้านผลิตกาแฟ ที่ทำจากมูลตัวชะมด ครั้งแรกก็ไม่กล้าดื่มเท่าไหร่นัก  แต่เมื่อเริ่มเห็นบรรดาคอกาแฟดื่มกันมากขึ้น  จึงตัดสินใจควักกระเป๋าสตางค์ 500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุด แต่แพงที่สุดเท่าที่ตนเคยซื้อกาแฟดื่มมาในชีวิต แต่หลังจากได้ทดลองดื่ม รู้สึกว่า กาแฟมีกลิ่นที่หอมหวน รสชาติแปลกใหม่ และเข้มข้นขึ้น ทำให้เงิน 500 บาทที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #640 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2554, 23:28:52 »


King จิ๊กมี่ ... very impressive !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา



รุ่นน้องคนนึง ทำงานที่ UN ส่งภาพนี้มาให้ดู ...

ภาพจากประเทศ ภูฏาณ  ดุแล้วประทับใจ ซาบซึ้งใจ ...

ที่กษัตริย์จิกมี่ ทรงนับถือในหลวงของเรา และทรงเอาเป็นแบบอย่างของพระองค์ในการปกครองประเทศ


นางสาวเจตซัน เปมา ( Jetsun Pema ) พระคู่หมั้น " ราชินีในอนาคต " ของ กษัตริย์จิกมี แห่งภูฏาน

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา



หลังจากที่แอบไปซับน้ำตาที่ตกใน แบบลึกสุดใจอยู่หลัดๆ  ความฮึด อึด ถึก และทน ( คาคานมานานวัน ) ก็หวลกลับมาใหม่  จากนั้นก็ตั้งหน้า ตั้งตา ตั้งตัว ร่วมถวายความยินดี แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือที่คนไทยรู้จักในพระนาม " เจ้าชายจิกมี " และพระคู่หมั้น นางสาวเจตซัน เปมา ( Jetsun Pema )



เชื่อว่าสาวไทยหลายผู้หลายนามต้องแอบอิจฉา เอ๊ย ! ! !  แอบอยากรู้ประวัติ และความเป็นมาของสาวน้อยรองเท้าแก้วนางนี้แน่นอน  เอาหละ เรามารู้จักเธอกันซักหน่อย  ก่อนที่จะถึงวันแห่งความเปรมปรีด์ของราชวงศ์แห่งภูฏาน วันอภิเษกสมรส และแต่งตั้งราชินีอย่างเป็นทางการ



นางสาวเจตซัน เปมา ( Jetsun Pema ) เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2533 ในกรุงทิมพู เมืองหลวงของประเทศภูฏาน  เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 5 คนของนายโทนทับ ดียัลเซน ( Dhondup Gyaltshen ) และนางโซนัม สุกี ( Sonam Chuki)  ในข่าวของสื่อภูฏานไม่ได้บอกว่า คุณพ่อคุณแม่ประกอบสัมมาอาชีวะใดๆ บอกเพียงว่า นางสาวเจตซัน เปมา จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ในโรงเรียนที่ประเทศภูฏาน  ก่อนจะเดินทางไปเรียนต่อที่ลอว์เรนซ์ สคูล ในซานาวาร์ หิมาจัลประเทศ ( รัฐนี้อีฉันเคยไป สวยมากขอบอก )  และที่เซนต์โจเซฟ คอนแวนต์ ในกาลิมพง ประเทศอินเดีย  และขณะนี้กำลังศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์ คอลเลจในลอนดอน ประเทศอังกฤษ  ซึ่งบ่งบอกได้ถึงฐานะระดับดีของเธอได้เป็นอย่างดี



สำหรับ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523  พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และสมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551  โดยในขณะนั้นพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์ที่สุดในโลก  แม้ว่าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารกิจการบริหารประเทศ  เนื่องจากสมเด็จพระราชบิดาได้ทรงวางระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว  แต่พระองค์เองก็ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการสร้างเอกภาพ และเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 650,000 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ



ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ยังได้ตรัสถึงว่าที่พระราชินีของพระองค์อย่างเป็นทางการว่า " แม้ เจตซัน เปมา จะมีอายุน้อย  แต่เธอเป็นผู้มีบุคลิก และจิตใจที่อบอุ่นอ่อนโยน  มีเมตตา  ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เมื่อผนวกเข้ากับภูมิปัญญาที่เธอจะได้รับในอนาคต เมื่อเธอมีวัยวุฒิ และสั่งสมประสบการณ์ได้มากขึ้น  เธอจะเป็นข้ารับใช้ที่ดีของแผ่นดินภูฏาน "  ซึ่งก็จะช่วยงานพระองค์ และประเทศได้เป็นอย่างดี

ขณะที่นายอูเกน นิดับ ( Ugyen Nidup ) องครักษ์ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ซึ่งเดินทางมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต ประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ชาวภูฏานทุกคนรู้สึกปลาบปลื้ม และตื่นเต้นกับข่าวดีนี้เป็นอย่างมาก และเฝ้ารอคอยพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะทำให้ชาวภูฏานภาคภูมิใจ

แน่นอนค่ะ เชื่อว่าชาวไทยทั้งหลายก็คงร่วมปลาบปลื้ม และยินดีกับพระองค์  โดยเฉพาะคนที่เห็นรับใช้ใกล้ชิด หรือรับเสด็จพระองค์ แม้นแต่ได้พบเห็นพระองค์  เพราะพระจริยวรรตอันงดงาม อ่อนน้อม และรอคอยพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์นี้เช่นกัน ... แม้นว่าบางคนจะแอบเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา  ก็ตาม ม ม ม ...


" เราจะมีภรรยาเพียงคนเดียว " กษัตริย์จิกมีตรัส

คำกล่าวสั้นๆ ที่เปี่ยมด้วยความหมาย ... ยิ่งเมื่อประโยคดังกล่าวเป็นรับสั่งจากกษัตริย์หนุ่ม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือ K5 อันหมายถึง The Fifth King หรือกษัตริย์พระองค์ที่ 5  ก็ยิ่งสร้างความปีติเป็นล้นพ้นแก่ผู้ได้ยิน



นิตยสาร Who ? ฉบับล่าสุด นำภาพกษัตริย์จิกมี และว่าที่พระชายา ที่มีนามออกเสียงตามภาษาท้องถิ่นว่า "เจตซัน เปมา" วัย 21 ปี ในพระอิริยาบถสบายๆ ขึ้นปก พร้อมนำเสนอเรื่อง " อินไซด์ เลิฟ สตอรี่ กษัตริย์จิกมี และพระคู่หมั้น "

แม้กษัตริย์จิกมีจะเพิ่งแนะนำ เจตซัน เปมา ต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่สำหรับพระองค์แล้ว เธอมิใช่คนแปลกหน้า เนื่องจากทรงเคยพบปะกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เจตซันเป็นลูกหลานเจ้าผู้ครองนครแห่งหนึ่งของภูฏาน พระบิดาพระมารดาของพระองค์เองก็ทรงคุ้นเคยกับครอบครัวของเจตซันเป็นอย่างดี ในหมู่พระสหายจึงได้ยินเรื่องเล่าหวานระหว่างทั้งคู่ที่ไม่ต่างกับคำมั่นสัญญามาแต่วัยเยาว์ว่า " โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ "

กรชนก พิทักษ์บุรี หรือคุณปุ๊ก อายุ 38 ปี พระสหายชาวไทยขององค์จิกมีนานนับ 10 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความงามที่คนทั้งโลกได้ยลโฉมภาพของว่าที่พระชายาไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 54
  


" ประมาณปลายเดือนเม.ย.  ปุ๊กได้รับโทรศัพท์จากราชเลขาฯ ของพระองค์ว่าให้ช่วยหาช่างแต่งหน้าทำผมให้พระคู่หมั้น ซึ่งต้องถ่ายรูปสำหรับการเปิดตัวในวันที่ทรงประกาศข่าวการอภิเษกสมรส  ก็คัดเลือกคนที่คิดว่าดีที่สุด และส่งรายละเอียดไปให้สำนักพระราชวังภูฏานเป็นคนเลือก

เขาตอบกลับมาว่าเลือก คุณป๊อก พรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์ ช่างแต่งหน้า และ คุณใหม่ รัชดา พ่วงพวงงาม ช่างทำผม นับเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้ถวายงานอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ตอนพระราชพิธีราชาภิเษก ปุ๊กได้ช่วยทำเสื้อยืดที่ระลึก ซึ่งพระองค์นำไปแจกแก่ประชาชนชาวภูฏาน "

คุณปุ๊กเผยว่า พระองค์ท่านเคยรับสั่งถึงเจตซันให้ฟังว่า ในวันแรกที่เจอกัน คุณเจตซันยังเด็กมาก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลากลางคืน ท่านจะเสด็จออกไปข้างนอก แต่ทรงแวะเข้าไปดูว่าเจตซันหลับหรือยัง เธอยังไม่หลับ และทูลถามพระองค์ท่านว่าจะไปไหน ท่านก็มีรับสั่งว่าจะไปเดินป่า คุณเจตซันในวัยเยาว์ซักถามท่านต่อพร้อมขอไปกับท่านด้วยและว่า " ฉันจะไปกับพระองค์ท่านในทุกๆ ที่ที่เสด็จฯไป "


ส่วนเรื่องคำสัญญาในวัยเยาว์ " โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ " ก็เป็นเรื่องจริงที่พระองค์ท่านรับสั่งให้ฟัง

ในเรื่องที่กษัตริย์ภูฏานสามารถมีพระชายาได้ 4 พระองค์เช่นพระบิดา คุณป๊อกเล่าว่า กษัตริย์จิกมีรับสั่งว่า " ไม่ ฉันได้เลือกคนที่ดีที่สุดแล้ว และคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่กับฉันตลอดไป เขาสามารถซัพพอร์ตฉันได้ทั้งด้านการงาน และจิตใจ "

เธอเป็นผู้หญิงที่มีรัศมีบางอย่างเปล่งประกายมาก วางตัวได้ดีเยี่ยม มีความน่ารักกุ๊กกิ๊กอยู่ในตัว เวลาที่สองครอบครัวนัดรับประทานอาหารร่วมกัน คุณเจตซันจะชวนให้ทรงฉลองพระองค์สีเดียวกัน จะได้เป็นคู่รักที่เหมือนกัน

องค์จิกมีทรงให้เกียรติพระคู่หมั้นของพระองค์มาก มีพระราชดำริว่าอยากจัดปาร์ตี้สละโสดที่ประเทศไทย แต่พระคู่หมั้นทูลว่า " จะจัดก็ได้ แต่จะไม่มีงานแต่งงานนะ "  พระองค์ท่านก็เลยรับสั่งว่า " ไม่จัดก็ได้ "

ระหว่างทรงคบหาดูใจ ทรงประสงค์ให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ  เพราะทรงตั้งพระราชหฤทัยว่า ผู้หญิงของพระองค์จะต้องเป็นผู้หญิงที่มีประวัติขาวสะอาด และเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว ที่สำคัญต้องเป็นชาวภูฏานเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคนทั้งโลกจะต้องถามว่าแล้วผู้หญิงภูฏานเป็นอย่างไร ทำไมไม่ทรงเลือกเป็นคู่ครอง

หลังจากราชเลขาฯ ตอบกลับมาว่าเลือกช่างแต่งหน้า-ทำผมคนไหน  ปุ๊กก็จัดแจงนัดพี่ป๊อกกับพี่ใหม่แล้วเดินทางไปภูฏาน ในวันทำงานกษัตริย์จิกมีประทับอยู่ด้วยตลอด จึงทูลให้ท่านฉายพระรูปคู่กันเลย เมื่อถ่ายรูปออกมาเสร็จเรียบร้อย  ทั้งพระองค์ท่านและพระคู่หมั้นต่างพอพระทัยมาก วันนั้นฉายพระรูปทั้งหมด 6 ชุด ได้ภาพทั้งหมด 2,500 ภาพ จากกล้อง 5 ตัว พระองค์ทรงคัดเลือกภาพที่จะนำไปประกาศอย่างเป็นทางการด้วยพระองค์เอง

หลังเสร็จงานมีรับสั่งกับปุ๊กว่าดีมาก  ปุ๊กเองก็ปลื้มใจ ส่วนพระคู่หมั้นก็ชอบฝีมือการแต่งหน้า-ทำผมของพี่ป๊อกและพี่ใหม่มาก  ก่อนจะกลับประเทศไทย สมเด็จพระราชาธิบดีรับสั่งว่า " เธอต้องกลับมางานฉันให้ได้ " ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรับสั่งกับคุณป๊อก และคุณใหม่ด้วย

คุณปุ๊กเล่าด้วยว่า ตอนนี้ประเทศเล็กๆ กลางหุบเขาเต็มไปด้วยความคึกคัก และการตระเตรียมงานพระราชพิธีสำคัญที่จะมีถึงในเดือนตุลาคมนี้  กำลังบูรณะพระราชวังเก่าที่อยู่นอกเมืองหนึ่ง ไม่ใช่เมืองหลวง  เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสซึ่งน่าจะมี 2 วัน วันแรกเป็นพิธีทางศาสนา อีกวันเป็นพิธีสำหรับพระประยูรญาติ ส่วนชุดเจ้าสาวตอนนี้กำลังทออยู่  น่าจะมี 2 ชุด เป็นชุดประจำชาติทั้งคู่ และน่าจะเป็นชุดทอมือทั้งชุด

พระราชพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระประมุขแห่งดินแดนเทือกเขามังกรสายฟ้าจะยิ่งใหญ่อลังการ หรือจะเป็นเพียงพระราชพิธีเล็กๆ ดังพระราชประสงค์ ยังคงเป็นเรื่องที่ผู้ชื่นชมต่างเฝ้ารอ และติดตาม  ไปพร้อมกับความรักอันแสนหวาน และงดงามราวเทพนิยาย


กรชนก พิทักษ์บุรี ... พระสหาย

หนึ่งในความประทับใจที่คุณปุ๊กมีต่อสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี คือ ทรงรักและทรงเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่น้อยกว่าคนไทย  ในวันที่นำช่างแต่งหน้า และช่างทำผมไปถวายงานเปิดตัวว่าที่พระชายานั้น  คำถามแรกที่มีรับสั่งถามคือ พระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในช่วงที่เสด็จมาทรงร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี  ระหว่างเสด็จเสวยพระกระยาหารในเรือ  มีพนักงานโรงแรมอยากขอถ่ายรูปพระองค์  ทรงอนุญาต และยังเสด็จไปฉายพระรูปกับพนักงานคนนั้นด้วย  ทรงมีรับสั่งกับคุณปุ๊กว่า " พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้เกียรติเชิญฉันมาร่วมงาน  แล้วทำไมฉันจะให้เกียรติประชาชนของพระองค์ท่านบ้างไม่ได้ "

รัชดา พ่วงพวงงาม ... แฮร์สไตลิสต์

" ทรงผมพระคู่หมั้นทำไม่ยากเลย  เพราะท่านสวยอยู่แล้ว ทำอย่างไรก็ได้  ท่านให้ทำตามสบายเลย  มีรูปหนึ่งในเฟซบุ๊ก หรือยูทูบ ที่เป็นทรงผมปล่อยเป็นลอนๆ และดูมีวอลลุ่มซึ่งท่านชอบมาก  รู้สึกท่านจะชอบทรงผมที่ดูสบายๆ ไม่ตึง และไม่ต้องเนี้ยบมาก และโชคดีที่ได้มีโอกาสแต่งพระเกศาถวายสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีด้วย  พระเกศาท่านยาว ตัดสั้นขึ้นมาหน่อย  มีรับสั่งให้เตรียมกรรไกรมาตัดผม  ท่านจะได้ทรงหวีง่ายๆ  ทรงเป็นกันเองมาก "

พรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์ ... เมกอัพอาร์ติสต์

" สไตล์ของคุณเจตซัน หรือคุณเลดี้ ( ชื่อที่เธอเรียกติดปาก )  พอเห็นปุ๊บก็อมยิ้มเลย เป็นสไตล์ที่เราถนัดอยู่แล้ว โดยปรับตามชุด ทั้งสี และความสดชื่น  วันนั้นท่านไม่ได้แต่งหน้าเลย ท่านสวยมาก มีรัศมีออกมาเลย  เราเพียงเสริมเท่านั้น สไตล์การแต่งหน้าเป็นลักษณะของผู้หญิงที่รู้จักแฟชั่นแล้วแต่งหน้าเองมากกว่า  ภาพที่ออกมา กษัตริย์จิกมีทรงรับสั่งชื่นชมทีมงานทุกคน "
  

..... ภูมิใจกับ เมกอัพ " จิกมี-เจตซัน " พระสหายจากไทย เป็นที่สุดครับ

 ... หน่อย - ตั้ม
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #641 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2554, 03:18:26 »


อึ้ง ! .. เด็กจีนเรียนภาษาไทย

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีคนจีนที่จะพูด เขียน อ่าน ออกเสียง และรู้ขนบธรรมเนียมไทยดีกว่าคนไทยส่วนใหญ่
 
จะอายไหมที่จะต้องให้คนจีนมาสอนการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง  ภาษาราชการ  ภาษาของผู้มีการศึกษา หรือผู้ดี ( ไม่รู้ว่ายังมีเหลืออยู่บ้างไหม ) ให้กับคนไทย  แต่คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คงจะไม่มีความอายเหลืออยู่  เพราะทุกวันนี้คนไทยไม่รู้หรอกว่าความเป็นไทยคืออะไร  เอกลักษณ์ของไทยคืออะไร  ทุกวันนี้มีอะไรเหลือให้ภูมิใจว่า กูนี้เป็นคนไทย











      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #642 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 01:44:32 »


ยลโฉมสุนัขราคา 45 ล้านบาท

พี่ชรินทร์ - รัฐสาสตร์ 07 ... ส่งมา

ถึงใครจะบอกว่าเงินซื้อความรัก และความสุขไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เงินก็ซื้อเพื่อนที่แพงที่สุดได้ และเพื่อนที่ว่านั่นก็คือ " สุนัข " เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์นี่เอง

   
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ เศรษฐีเหมืองถ่านหินรายหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศจีนได้ซื้อเจ้าสุนัขชื่อ Big Splash หรือชื่อภาษาจีนว่า ฮง ตง ( Hong Dong ) ไปในราคาย่อมเยาว์ แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงแค่ สิบล้านหยวน หรือประมาณ 45,900,000 บาท แค่นั้น !
   
เจ้า Big Splash เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟ สีแดง ( Red Tibetan Mastiff ) และดูไปดูมาก็เหมาะที่จะมาอยู่กับเจ้าของมหาเศรษฐีรายนี้จริงๆ  เพราะเพียงแค่น้ำหนักของเเจ้า Big Splash อย่างเดียวก็ปาไป 82 กิโลกรัมแล้ว แถมยังกินจุใช่ย่อแต่ละวันมันกินทั้งไก่ ทั้งเนื้อ ยิ่งไปกว่านี้เจ้าของยังจะต้องปรนเปรอด้วยอาหารเหลาชั้นดีทั้งหลาย ซึ่งรวมไปถึงหอยชั้นเลิศต่างๆ และหอยเปาฮื้ออีกด้วย
   
นอกจากอาหารชั้นเลิศแล้ว น้อง Big Splash ยังต้องการบ้านของตัวเองหลังใหญ่อีกหนึ่งหลัง  เพราะขนาดของมันใหญ่มาก และน้ำหนักก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกจนถึงประมาณ 129 กิโลกรัมตามขนาดของอายุ
   
ผู้เพาะพันธุ์เจ้าสุนัขตัวนี้บอกว่า Big Splash เป็นแม่แบบของสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟอย่างดี และค่าตัวมหาศาลของมะหมาวัย 11 เดือนตัวนี้  จริงๆ แล้วก็ถือว่าเหมาะสมแบบสุดๆ  เพราะกว่าจะเลี้ยงมันมาจนขายได้ขนาดนี้ก็จ่ายเงินเดือนลูกน้องไปหลายอยู่  แถมผู้เพาะพันธุ์สุนัขรายนี้ยังแนะอีกด้วยว่า หากเจ้าของสุนัขตัวเมียตัว ไหนอยากให้ Big Splash ไปผสมพันธุ์กับสุนัขของตน ให้เจ้าของปัจจุบันของ Big Splash คิดเงินเจ้าของสุนัขตัวเมียได้เลย เต็มที่ถึงครั้งละประมาณ 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 486,000 บาท
   
การที่สุนัขตัวหนึ่งมีราคาแพงหูฉี่ถึงขนาดนี้ ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างหนึ่ง ว่าสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟ สีแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกฐานะของพวกรวยมหาศาลในประเทศจีนไปแล้ว แทนที่การซื้อจิวเวลรี่ และรถยนต์ ซึ่งดูจะธรรมดาเกินไป
   
ยิ่งไปกว่านั้นสีแดงยังเป็นสีที่นำโชคสำหรับคนจีน และสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟยังถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะคอยช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และ นำความปลอดภัย และความมั่นคงมาให้เจ้าของ
   
ชาวทิเบตมีความเชื่อว่าเจ้าสุนัขพันธุ์นี้มีจิตวิญญาณของพระและชี ผู้ซึ่งจริงๆ แล้วขณะที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถปฏิบัติตนได้ดีเพียงพอที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้ง  ในสมัยอดีต บุคคลประวัติศาสตร์ที่เคยมีสุนัขพันธุ์นี้เป็นเจ้าของ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และ เจง กีส ข่าน
   
ปัจจุบันประเทศอังกฤษมีสุนัขพันธุ์นี้อยู่ประมาณ 300 ตัว โดยที่ลูกสุนัขแต่ละตัวราคาประมาณ 850-1,000 ปอนด์ ( 41,000-48,000 บาท )
   
ผู้เพาะพันธุ์สุนัขทิเบทัน แมสทิฟชาวอังกฤษผู้หนึ่งเล่าว่า สุนัขพันธุ์นี้คิดเองได้ และสามารถมีประสาทสัมผัสรับรู้อันตรายได้อย่างมีไหวพริบ อีกทั้งพวกมันยังคอยดูแลฝูงสัตว์ และยังรักเด็กอีกด้วย
   
เมื่อปีที่แล้ว สุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟก็เป็นสุนัขที่แพงที่สุดในโลก โดยที่ขายไปในราคา 915,000 ปอนด์ หรือประมาณ 44 ล้านบาท... เท่านั้นเอง

      บันทึกการเข้า
gring11
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #643 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2554, 12:28:33 »

^_^  ...ขอบคุณมากมาย มากมาย เลยค่ะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #644 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2554, 19:00:30 »


ปิดถนนสร้างรถไฟฟ้า 5 ปี " คนกรุง ... อดทนหน่อยนะจ๊ะ "
 
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา 

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะเริ่มสร้างกันแล้ว แถวๆ เจริญกรุง กับ ฝั่งธนฯ  คนย่านนั้นเตรียมตัวเตรียมใจวางแผนเดินทางใหม่กันได้เลยจ๊ะ  เพราะเขาจะปิดถนน จนกว่าจะสร้างเสร็จ  อดทนกันไป 5 ปีต่อจากนี้ ( หรืออาจจะมากกว่านั้น )  เริ่มปิดจราจร 24 มิ.ย.นี้

เนื้อข่าวจาก ... ประชาชาติธุรกิจ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม. ) ร่วมกับตำรวจจราจร ได้จัดทำแผนจัดระเบียบจราจรในพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 27 กิโลเมตร โดยจะเริ่มทำการปิดถนน 4 สายที่อยู่ในแนวเส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2554 จนถึงปี 2559 เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าไซต์ และเริ่มลงมือก่อสร้าง

แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ

1.โครงสร้างทางยกระดับ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 13 ก.ม.  เริ่มต้นที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ วิ่งตรงมาแยกเตาปูน เข้า ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านสี่แยกบางโพ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังถนนจรัญสนิทวงศ์ที่โรงเรียนเทคโนโลยีพระราม 6  ผ่านแยกบางพลัด แยกบรมราชชนนี สิ้นสุดที่แยกท่าพระ

2.โครงสร้างใต้ดิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค 14 ก.ม. เริ่มต้นที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีหัวลำโพง วิ่งเข้า ถนนเจริญกรุง ผ่านวัดมังกรกมลาวาส วังบูรพา สนามไชย ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณปากคลองตลาด ลอดใต้คลองบางกอกใหญ่ เข้าสู่ ถนนอิสรภาพ จากนั้นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นโครงสร้างทางยกระดับแล้ววิ่งเข้าสู่แยกท่าพระ ถนนเพชรเกษม ผ่านบางไผ่ บางแค มาสิ้นสุดที่แยกตัด ถนนกาญจนาภิเษก

เริ่มปิดจราจร 24 มิ.ย. 54 นี้

โดยงานก่อสร้างมีผู้รับเหมาแบ่งเป็น 4 สัญญา คือ 1.งานอุโมงค์ ( หัวลำโพง-สนามไชย ) ของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ 2.งานอุโมงค์ ( สนามไชย-ท่าพระ ) ของ บมจ.ช.การช่าง 3.งานทางยกระดับ ( เตาปูน-ท่าพระ ) ของ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ 4.งานทางยกระดับ ( ท่าพระ-หลักสอง ) ของ บมจ.ซิไน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้จะเริ่มปิดการจราจรงานทางยกระดับของสัญญาที่ 3 และ 4 บน ถ.จรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษมก่อน โดยจะปิดเกาะกลางถนนฝั่งละ 1 ช่องจราจรในเวลากลางคืนตั้งแต่ 22.00-05.00 น. เพื่อทำการรื้อย้ายต้นไม้และสาธารณูปโภค

จากนั้นจะเริ่มปิดจราจรถาวรในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจนถึงปี 2559  โดยปิดจราจรบริเวณเกาะกลาง 2 ช่องจราจรทั้ง ถ.จรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม จากเดิม 6 ช่อง เหลือ 4 ช่องจราจร เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้างตลอด 24 ชั่วโมง ก่อสร้างฐานรากและวางคานโครงสร้าง

โดยบริษัทยูนิคฯแจ้งว่า จะเริ่มงานช่วงสามแยกเตาปูน-แยกบางโพ บน ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 จะเริ่มปิดด้านซ้าย 1 ช่องจราจร ฝั่งมุ่งหน้าแยกบางโพตั้งแต่ 1 ก.ค. 2554-1 มี.ค. 2555 ส่วนฝั่งที่มุ่งหน้าแยกเตาปูนจะเริ่มปิดด้านขวา 1 ช่องจราจรตั้งแต่ 1 ก.ย. 2554- 1 มี.ค. 2555 เพื่อทำการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค

ส่วนบริษัทซิโน-ไทยฯ แจ้งจะเริ่มงานช่วงปลาย ถ.วงแหวนรอบนอกแล้วไล่มาจนถึงแยกท่าพระ  งานอุโมงค์สัญญาที่ 1 และ 2 ผู้รับเหมาจะเข้ารื้อย้ายสาธารณูปโภควันที่ 4 ก.ค.นี้เป็นต้นไป  มีกำหนดเสร็จในปี 2559

" ถ.เจริญกรุง การจราจรเป็นวันเวย์ ช่วงก่อสร้างจะปิด 2 เลนด้านซ้ายให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่เปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้างสถานี ส่วน ถ.อิสรภาพเป็นไซต์ก่อสร้างของ ช.การช่างตั้งแต่ช่วงสนามไชยถึงท่าพระ  ระยะแรกเป็นงานขุดเจาะสำรวจโบราณสถานจะเริ่มเข้าวันที่ 4 ก.ค.นี้ เบื้องต้นผู้รับเหมาแจ้งจะปิดเลนช่องซ้าย 1 ช่องจราจร เหลือ 3 ช่องจราจร จากเดิม 4 ช่องจราจร "


ปิดถาวร 5 ปี ห้ามจอด 24 ช.ม.

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( บช.น. ) รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยว่า เบื้องต้นผลหารือกับ รฟม.เกี่ยวกับการลดผลกระทบด้านการจราจรช่วงระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเริ่มปิดการจราจรชั่วคราว ถ.เพชรเกษมและ ถ.จรัญสนิทวงศ์ในบางช่วงก่อนในเวลากลางคืน เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้ารื้อย้ายสาธารณูปโภค

หลังจากนั้นตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไปจะปิดการจราจรเป็นการถาวร 4 ถนน ได้แก่ ถ.เพชรเกษม จรัญสนิทวงศ์ เจริญกรุง และพระรามที่ 4 ( แยกหัวลำโพง ) โดยจะปิดระยะยาวจนกว่าโครงการรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ ใช้เวลา 4-5 ปี

" ช่วง ถ.เพชรเกษมและ ถ.จรัญฯจะปิดเกาะกลางฝั่งละ 1 ช่องจราจร  พร้อมกับจะออกกฎเพื่อจัดจราจร  โดยจะห้ามจอดรถทั้งสองฝั่งถนนตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมจะให้จอดได้ถึง 4 ทุ่ม "

เว้นช่วง " แยกบรมราชฯ-ไฟฉาย "

ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาการจราจรบน ถ.จรัญฯ ที่ปัจจุบันมีปัญหาการจราจรติดขัดจากงานก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด 2 โครงการของกรุงเทพมหานคร ( กทม. ) คือ อุโมงค์แยกบรมราชชนนี ( ถ.จรัญสนิทวงศ์-บรมราชชนนี ) และอุโมงค์สามแยกไฟฉาย ( ถ.พรานนก-จรัญสนิทวงศ์ ) แนวทางคือ จะยังไม่ให้ผู้รับเหมารถไฟฟ้าเข้าพื้นที่บริเวณนี้ ให้รอจนกว่า กทม.จะสร้างอุโมงค์ทั้ง 2 โครงการนี้แล้วเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี

รอง ผบ.ช.น.กล่าวว่า ส่วนงานก่อสร้างช่วงใต้ดิน 5 ก.ม.เศษ บนแนว ถ.เจริญกรุงมาถึง ถ.อิสรภาพ แม้ว่าจะเป็นการก่อสร้างแบบเปิดหน้าดินเพื่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า โดยใช้หัวเจาะเครื่องจักรในการขุดเจาะที่ใต้ดิน แต่ยังมีความกังวลเรื่องปัญหาการจราจรที่อาจจะวิกฤตได้เช่นกัน

" จะเริ่มปิดจราจรชั่วคราวช่วงแยกหัวลำโพงถนนพระรามที่ 4 ตั้งแต่ 4 ก.ค.-ส.ค.นี้ เพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคเวลา 4 ทุ่มถึงตีห้า ซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุดเพราะเป็นพื้นที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่น " รอง ผบ.ช.น.กล่าวและว่า

" จุดกลับรถที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะไปยูเทิร์นรถไกล ทั้ง ถ.จรัญฯ และเพชรเกษมที่ต้องปิดเกาะกลางถนนนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะยังคงเดิมไว้ แต่ในช่วงก่อสร้างอาจจะมีปิดบ้างบางจุดตามความจำเป็น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่จะไม่ให้ประชาชนที่ใช้ทางลำบากแน่นอน "

สำหรับเส้นทางหลีกเลี่ยงพื้นที่ก่อสร้าง  อาทิ  ให้หันไปใช้ ถ.ราชพฤกษ์ วงแหวนรอบนอก พุทธมณฑลสาย 1 ถ.กัลปพฤกษ์ บำรุงเมือง ถ.สี่พระยา เยาวราช  เป็นต้น
 
 
 
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #645 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 20:45:22 »

พี่เจี๊ยบขา,
วันนี้นั่งเคลียร์mail box
ได้รับเมล์นี้มาจากน้องหนึ่ง-อักษร28
ที่ใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ...
จะลบก็เสียดาย...ขอส่งมาให้"ว๊าว"กันต่อ
ไม่แน่ใจว่าจะแปะกระทู้ไหนของพี่ดี..
เพราะ หัวเราะก็ไม่กล้า...เสริมความงามก็ไม่เชิง
สร้างสรรมั้ย หนิงก็ทะแม่งๆอยู่ค่ะ!


เค้าจั่วหัวข้อเรื่องว่า"Wow,ชายไทยเกณฑ์ทหาร"

ต้องขออภัยน้องๆในรูปด้วยนะคะ
ไม่ได้ตั้งใจจะนำภาพน้องๆมาเป็นตัวตลก
ขอให้น้องยึดมั่นถือมั่นในทางที่เลือก
ทางนี้ แน่ใจว่าไม่ง่ายค่ะ!
เพราะชีวิตมีเวลาของมันเอง
ตอนเด็กแบบนี้ อีก40ปีข้างหน้าแบบไหน?

ชายไทยก็สัดส่วนน้อยกว่าหญิงอยู่แล้ว
ไม่ส่งเสริมนะคะ...
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #646 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:17:39 »

ช้าไปโขค่ะ
เครื่องรวน ต้องrestartใหม่

มาดูชายไทยเขาเกณฑ์ทหารกันเถอะ!
ว๊ายยย




      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #647 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:19:36 »

ว๊าววว




      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #648 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:25:42 »

ต้องขอชมทุกคน
พวกเค้าไม่โดดร่ม
ไม่หนีการเกณฑ์
ทำหน้าที่ชายไทยที่..
พวกเธอไม่อยากเป็น!





      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #649 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:29:44 »

ต้องปฏิบัติต่อเค้าๆเธอๆเท่าเทียมกันมั้ย?
ห้าวไม่ได้นะคะเดี๋ยวน้องเค้าตกใจ






nn.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #650 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 15:45:26 »


NN ... พี่เจี๊ยบไปค้นหาเหตุผลที่เป็นทางการว่า ทำไมทหารเค้าถึงไม่เลือกบรรดาหนุ่มสวยๆ เหล่านี้ไปเป็นทหาร ... พบว่า เค้าระบุในผลการตรวจคัดเลือกว่า " ร่างกายผิดรูปแบบ " หรือ " หน้าอกผิดรูป " ... เอ้อ !  เป็นเหตุผลทางร่างกายนะ  ไม่ใช่ทางด้านจิตใจ  ก็ simple ดี ไม่ต้องอธิบายความกันให้ซับซ้อน มากความ ...

ขอบคุณหนุงหนิงจ้า ที่นำมาแบ่งกันดู


Did you know ?

รุจิตร - ครุ 16 ... ส่งมา
 
    People who ride on roller coasters have a higher chance of having a blood clot in the brain.

 
     People with blue eyes see better in dark.

 
     Money isn’t made out of paper, it is made out of cotton.

 
   A tiny amount of liquor on a scorpion will make it go mad instantly and sting itself to death.

 
     Chewing gum while peeling onions will keep you from crying.

 
    A huge underground river runs underneath the Nile, with six times more water than the river above. 


   The USA uses 29% of the world's petrol and 33% of the world's electricity.

 
    Wearing headphones for just an hour will increase the bacteria in your ear By 700 times.


    The animal responsible for the most human deaths world-wide is the mosquito.

 
    Right handed people live, on average, nine years longer than left-handed people.

 
    We exercise at least 30 muscles when we smile.

 
    Our nose is our personal air-conditioning system: it warms cold air, cools hot air and filters impurities.

 
    Our brain is more complex than the most powerful computer and has over 100 billion nerve cells.


    When a person dies, hearing is usually the first sense to go.


    There is a great mushroom in Oregon that is 2,400 years old. It covers 3.4 square miles of land and is still growing.

 
     German Shepherds bite humans more than any other breed of dog.

 
   The pupil of the eye expands as much as 45 percent when a person looks at something pleasing

 
    Men's shirts have the buttons on the right, but women's shirts have the buttons on the left.

 
    The reason honey is so easy to digest is that it's already been digested by a bee.


    It cost 7 million dollars to build the Titanic and 200 million to make a film about it.

 
    The sound you hear when you crack your knuckles is actually the sound of nitrogen gas bubbles bursting.


    The only part of the body that has no blood supply is the cornea in the eye. It takes in oxygen directly from the air.
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #651 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 20:26:20 »

พี่เจี๊ยบ,
อ่านแล้วหลายข้อ pupilดวงตาขยายกว้าง!
พร้อมอุทาน"อุ๊ย,จริงเหรอ??"


-เดี๋ยวจะไปดูกระดุมเชิร์ตหน่อย left or right
-เคี้ยวหมากฝรั่งตอนหั่นหอมใหญ่ ลองแน่คะลองแน่
-คนตายแล้ว เค้ายังได้ยินเหรอพี่?กี่นาทีหลังหมดลมคะ?
-สุนัข Schäferhundเป็นพันธุ์ดุ ดูแลฝูงแกะ สู้กะสุนัขจิ้งจอก
 ปกป้องแกะจากสัตว์ร้าย..ไปนำมาเลี้ยงให้เชื่อง สัณชาตญาณยังอยู่คะ
 (พี่คนไทยที่เลี้ยงamerican akitaเล่าให้ฟังคะ
 เพราะเธอต้องนำไปเข้ารร.สุนัขอีกประเภทนึง ที่สอนแต่
 พันธุ์ดุคะ เธอว่ามี Schäferhundนี่ล่ะส่วนใหญ่)
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #652 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2554, 03:12:47 »


จ้า หนุงหนิง ... หลายข้อนะ ที่อ่านแล้ว " ฮ้า !  จาจริงรื้อ ? "

แต่เรื่อง ' กระจกตา ' ในข้อสุดท้ายนี่ " เออ ! จริงแฮะ เราก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เป็นความรู้ใหม่  เจ๋ง ! "  น่าเป็นห่วงคนที่ใส่คอนแทคเลนส์นะ  ใส่นานหลายชั่วโมงเกิน ก็ขาดออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา ระคายเคืองจนแสบตา ตาแดง  ไหนจะเสี่ยงกับโรคติดเชื้อเริมที่ตาอีก  โดยเฉพาะวัยรุ่นสาวๆ ที่ฮิตติดกระแส-ใส่คอนแทคเลนส์ตาโต ' ( นึกว่า ) สวย แต่เสี่ยง ' ... เลิกเถอะ ลูก !


นกปลอม ก้าวใหม่แห่งวิศวกรรมการบิน‏

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Fg_JcKSHUtQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Fg_JcKSHUtQ</a>


http://www.ted.com Plenty of robots can fly -- but none can fly like a real bird. That is, until Markus Fischer and his team at Festo built Smart Bird, a large, lightweight robot, modeled on a seagull,…
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #653 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2554, 03:55:27 »


Human Planet‏

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=2HiUMlOz4UQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=2HiUMlOz4UQ</a>


production สวยมาก  เป็นมุมกล้องที่หาดูได้ยาก  ดูแล้วตื่นตาตื่นใจ  คนถ่ายเก่ง

เร้าได้หลากหลายอารมณ์ ... เฮ้อ !  นี่แหละคือ สัจจะของชีวิตบนโลกใบนี้ !
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #654 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554, 12:09:51 »


Artificial Organ Regrowth - NOVA science NOW

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07... ส่งมา

A clip from NOVA scienceNOW season 5, episode 2: " Can we live forever ? "

Fascinating look at advances in artificial organ growth - from building a human ear inside a mouse, to fully working heart and lungs grown in jars.


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=lAI5rLnnCBE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=lAI5rLnnCBE</a>


Amazing where science is taking us.

Watch the full episode here: http://www.pbs.org/wgbh/nova/body/can-we-live-forever.html
 
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #655 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2554, 11:56:08 »


Flightaware

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

เคยมั้ยครับ ?  ตอนที่เราโทร. ถามเวลา landing ของเที่ยวบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ มักจะผิดหวัง  เพราะโทร. ติดยากมาก  โทร.ติดแล้วคนตอบก็ตอบไม่ค่อยจะรู้เรื่อง  ให้ข้อมูลมา ก็แค่ตามตารางบิน แล้วมักจะตอบว่า " อีก 1 ช.ม. ก่อนเครื่องถึง ให้โทร. มาใหม่ "  ที่ห่วยที่สุดที่เคยเจอมาคือ เราโทร. ไปตามที่เขาบอก  ก็ได้ข้อมูลมาว่าเครื่องจะลงตามกำหนดคือ อีก 1 ช.ม. ข้างหน้า  แต่จริงๆ ปรากฏว่าตอนที่เขาพูดนั้น เครื่องลงจอดเรียบร้อยแล้ว

 

ผมจึงคิดว่ามันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้  เลยพยายามค้นหา ก็มาเจอ website ที่ชื่อ flightaware.com
 
น่าทึ่งมากครับ  web นี้ให้ข้อมูลของทุก flight ที่มีบินอยู่ระหว่างสนามบินต่างๆ ทั่วโลก  และเขาทำเป็น real time flight tracker  เราสามารถดูได้เลยว่า flight ที่เรากำลังหาข้อมูลอยู่นั้น  ขณะนี้บินถึงไหนแล้ว และสามารถให้เวลาลงจอดที่แม่นยำมาก
 
ลองทดสอบดูครับ เช่น flight นี้ เป็น flight TG466 จาก Melbourne

http://flightaware.com/live/flight/THA466
 

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #656 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 21:43:50 »


Air Swimmers

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

Awesome RC Flying Shark and Clownfish!

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vIJINiK9azc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=vIJINiK9azc</a>


Just when you thought it was safe to get out of the water ...
Incredible remote controlled flying fish emerge from the world of awesome !
Click http://AirSwimmers.com to see more ! Age 8 and up.

      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #657 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 22:13:39 »

ขอบคุณ มาก น้องเจี๊ยบ ติดตาม อยู่ ชอบ และ สนใจ สำหรับ พี่ปิ๊ด
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #658 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 23:03:31 »


ดีใจจังเลย ที่พี่ปิ๊ดชอบ และสนใจ ... พี่ปิดคลิกตรงนี้สิคะ  ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ... Oh !  Amazing !  จะริง  จะริง

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1435.150.html
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #659 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2554, 22:31:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 17 สิงหาคม 2554, 03:12:47

นกปลอม ก้าวใหม่แห่งวิศวกรรมการบิน‏

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Fg_JcKSHUtQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Fg_JcKSHUtQ</a>


http://www.ted.com Plenty of robots can fly -- but none can fly like a real bird. That is, until Markus Fischer and his team at Festo built Smart Bird, a large, lightweight robot, modeled on a seagull,…

พี่เจี๊ยบ,
สำเนียงเค้าในการพูด
เหมือนคนเยอรมันพูดภาษาอังกฤษคะ!
ตกลงว่่าseagullนี้ใช้เพื่อประโยชน์หรือ
เพื่อการบิน คล้ายๆเครื่องร่อน/เครื่องบินเล็กบังคับคะ?
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #660 เมื่อ: 09 กันยายน 2554, 20:29:49 »


NN ... ศาสตราจารย์ Dr. Markus Fischer สอน และวิจัยอยู่ที่สถาบันพฤษศาสตร์  มหาวิทยาลัยเบิร์น สวิสเซอร์แลนด์ค่ะ  หนิงฟังสำเนียงปุ๊บ รู้ปั๊บด้วยความคุ้นเคยเลยนะ


 
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

http://www.botany.unibe.ch/planteco/index.php

และที่นี่จ้า ...

http://www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=markus+fischer&aq=0L&aqi=g-L10&aql=&oq=Markus+Fischer


ที่หนิงถามว่า " ตกลงว่่า seagull นี้ใช้เพื่อประโยชน์ หรือเพื่อการบิน คล้ายๆ เครื่องร่อน / เครื่องบินเล็กบังคับคะ ? "  พี่เจี๊ยบว่า นักชีววิทยากลุ่มนี้เค้าคงต้องการเลียนแบบกลไกการบินของนก ... เดี๋ยวนี้เค้ามีศาสตร์สาขาใหม่ที่ใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรม มาศึกษากลไกทางชีวภาพ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และสาธารณสุข  เรียกว่า สาขาวิศวกรรมชีวภาพ ( Biological Engineering ) ... คลิกที่นี่ค่ะ

http://www.bioeng.kmutt.ac.th/about/article.php

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #661 เมื่อ: 09 กันยายน 2554, 20:59:02 »


ยกมือซ้ายขึ้นมา ดูที่นิ้วก้อยคุณของคุณซิ ! ... แม่นนะ ขอบอก

เสษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #662 เมื่อ: 09 กันยายน 2554, 23:26:02 »

ขอบคุณ น่าสนใจ ครับ น้องเจี๊ยบ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #663 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 21:00:20 »

งานมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์

ผมขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่งทุกท่าน ร่วมงานแสดงมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์

เนื่องในวันเกิด ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี ในวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม เวลา ๑๘:๐๐ น.

ณ ภัตตาคารกุหลาบ  ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน  

โดยมีพวกเราชาวซีมะโด่งร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

ผมไม่ได้เจาะจงใครทั้งสิ้น เรียนเชิญทุกท่านครับ

 
 
                            ทางอาจารย์เผ่า   สุวรรณศักดิ์ศรี  ได้กรุณาโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพี่ทองอู่  จักรสิงห์  ว่าน้องๆ ชาวซีมะโด่งอยากจัดงานสังสรรค์เนื่องในวันเกิดครบ ๗ รอบ ให้พี่ทองอู่  ด้วยความเคารพ และคิดถึงยิ่ง  พี่ทองอู่  จึงยอม ครับ  ต้องจอจอบพระคุณทางอาจารย์เผ่า เป็นอย่างยิ่งครับ

                        ผมได้มอบหมายให้คุณทรงเกียรติ  หลิ่มศิริ  เป็นผู้ดำเนินการขอร้องพี่กาญจนา   ว่องชวณิชย์  ช่วยจองห้อง และอาหารที่ร้านสวนกุหลาบ ให้ด้วย ต้องขอขอบพระคุณทั้งพี่กาญจนา และคุณทรงเกียรติ

                        และผมได้เรียนให้คุณวัฒนา  ประธานชมรมฯ รับทราบในรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และได้ขอร้องคุณนันทิกา  ช่วยลงในเวบ ให้อีกแรงหนึ่ง แต่เนื่องจากต้องเตรียมการเรื่องอาหาร จึงอยากทราบจำนวนบุคคลที่จะไปด้วยครับ และทางคุณวัฒนา  จะจัดของที่ระลึกมอบให้กับพี่ทองอู่  ด้วยครับ  ผมต้องขอขอบคุณทั้งสองท่านด้วยครับ

                        อย่าลืมชักชวนกันไปให้กำลังใจพี่ทองอู่  จักรสิงห์  พี่อาวุโสที่แสนดีของพวดเราชาวซีมะโด่ง  ด้วยครับ

                        สงวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #664 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 10:17:02 »

          
          เจี๊ยบเปิดกระทู้ใหม่เพื่อให้พี่ๆ น้องๆ ชาวหอ ร่วมอวยพรวันเกิด และลงชื่อมาร่วมงานแสดงมุทิตาจิตแด่พี่ทองอู่ อยู่ในห้อง ' ซีมะโด่งสัมพันธ์ ' ให้พี่สิงห์แล้วนะคะ  โปรดคลิกที่นี่



      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #665 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 20:40:49 »

พี่เจี๊ยบคะ,
ก่อนอื่น ขอชื่นชมยินดี
และขอบคุณพี่ที่เป็นแม่งาน
ประชาสัมพันธ์งานคืนสู่เหย้าชาวหอ
ให้ชาวหอแดนไกลได้ติดตามข่าว....
รุ่นพี่เก่งนะคะ หนิงภูมิใจแทนพี่จัง.

จบการแจกของหวาน!
ขอทำงานก่อน..

วันก่อนอ่านมาจากกระทู้นี้
พี่เคยนำเรื่องว่าที่เจ้าสาว
แห่งมกุฏราชกุมารแห่งภูฏาน
มาลงพร้อมประวัติและรูป
วันนี้หนิงเปิด msnเจอะclip
พิธีอภิเษกสมรสของเค้าทั้งคู่
รูป พี่คงหาเองได้
แต่หนังหนิงจะลองแปะคะ


<a href="http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://msnbc.vo.llnwd.net/e1/video/flash/tdy_will_wedding_111013.flv" target="_blank">http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://msnbc.vo.llnwd.net/e1/video/flash/tdy_will_wedding_111013.flv</a>
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #666 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 20:48:13 »

Queenใหม่จะได้รับชื่อใหม่หรือไม่
และชื่ออะไร,
ขนาดมกุฏราชกุมารเอง..หนิงยังจะ
คลับคล้ายคลับคราว่า"จิ๊กมี่"
พี่เจี๊ยบยิ่งยุ่งๆ..หนิงยังจะให้พี่ค้นต่ออี๊กกก
ช่วยกันทำมาหากิน...ก็เงี๊ยะ!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #667 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 23:37:54 »

รูปสวยๆงานอภิเษก...Prince Charming
lot นี้มาจาก เมล์ของพี่คนไทยที่โน่นคะพี่เจี๊ยบ
ว่าbefore & after ของ Queenภูฏานองค์ใหม่








      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #668 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 23:40:31 »

lot นี้ภาพจากสำนักข่าวในเยอรมัน









http://www.tagessschau.de/multimedia/bilder/bhutan172.html
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #669 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2554, 02:59:31 »


ขอบคุณจ้า NN ที่มาช่วยกันทำมาหากินกันตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน้อต ... ประเทศภูฏาน เป็นประเทศที่มีอะไรๆ น่าสนใจหลายอย่างหลายประการนะคะ  อย่ากระนั้นเลย  เรามาเจาะลึกรายละเอียดกันด้วยคลิปสารคดี และรายการ TV ช่องต่างๆ ทั้งที่เล่าโดยคุณดำรง พุฒตาล และคุณกาละแมร์-พัชรศรีที่ไปทำข่าวพระราชพิธีอภิเษกสมรส ถึงที่นั่น ... เจ้าของกระทู้ตั้งใจคัดจาก YouTube มาฝากพี่น้องทุกท่านจ้า ...

รู้จักประเทศภูฏาน

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=qkgBChH4F2o" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=qkgBChH4F2o</a>


ภูฏาน-ราชอาณาจักรแห่งความสุข

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=YCpFExf8Svg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=YCpFExf8Svg</a>


Thrungkar-A Bhutanese Birthday Song
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=QORGxMm8aiE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=QORGxMm8aiE</a>


Precious Prince of Heart

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=shb-jVbZdGc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=shb-jVbZdGc</a>


คุณดำรงเล่าเรื่องกษัตริย์จิกมี่

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=cXP21ipoCuA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=cXP21ipoCuA</a>


กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=kiTSLyAwqnI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=kiTSLyAwqnI</a>


อภิเษกสมรส กษัตรย์จิกมี่ Bhutan's Royal Wedding Jigme

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=hyipXAFo6VE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=hyipXAFo6VE</a>


Ratri Samosorn 1-4 อภิเษกสมรสกษัตริย์จิกมี่ 26 Oct 11
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vzSa8LMKCl4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=vzSa8LMKCl4</a>


Ratri Samosorn 2-4 อภิเษกสมรสกษัตริย์จิกมี่ 26 Oct 11

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=6GmC9bnSOHU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=6GmC9bnSOHU</a>


Ratri Samosorn 3-4 อภิเษกสมรสกษัตริย์จิกมี่ 26 Oct 11

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=zjlFPJYOzvg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=zjlFPJYOzvg</a>


Ratri Samosorn 4-4 อภิเษกสมรสกษัตริย์จิกมี่ 26 Oct 11

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=E8TihMvUzJU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=E8TihMvUzJU</a>


และ clip อีกมากมายหลายตอน ที่เกี่ยวกับประเทศที่สวยงามในเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้  โปรดคลิกชมเพิ่มเติมตามอัธยาศัยนะคะ ...




      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #670 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2554, 14:19:13 »


Borelo! Again, in Copenhagen‏

มนูญ-วิศวะ 16 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=mrEk06XXaAw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=mrEk06XXaAw</a>
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #671 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2554, 19:32:56 »

พี่เจี๊ยบขา
น่าตื่นตาจริงๆคะ
นัดกันทางFacebookรึปล่าวไม่ทราบนะคะ
ถึงรวมนักดนตรีทั้งออเคสตร้าได้โดยไม่ได้นัดหมาย.
แต่นักดนตรีที่หอบเครื่องดนตรีสัญจรไปไหนๆ
จากไหนไปไหน มีทั่วไปคะ.
หนิงเพิ่งซื้อกีต้าร์ให้โรบินเมื่ออังคาร
เมื่อวานแกนั่งเทียบเสียงอยู่..
ในอนาคตแกอาจหิ้วกีต้าร์เดินอยู่ตามBahnhof!
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #672 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 01:33:02 »


จ้า หนิง  อาจจะมี ' นักดนตรีตัวยง ' อยู่ในบ้านนี้ก็ได้ ใครจะรู้

คลิปข้างบนนี้ พี่เจี๊ยบว่าเป็น ' การแสดง ' ที่นักดนตรีวงเดียวกัน เค้าเตี๊ยมกันมาก่อน , sure , แต่ต้องทำเนียนๆ ไม่ให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมารู้ว่าเตี๊ยม  น่าประทับใจจริงๆ ที่วง orchestra ชื่อดังระดับโลกตั้งใจมาเล่นดนตรีให้คนฟัง ฟรี ในที่สาธารณะ  โดยที่คนดูก็ไม่ได้คาดหมายว่าจะได้ดูได้ฟัง นะคะ  ดนตรี คือเสียงสวรรค์ ที่เป็นสากล จริงๆ

การแสดงแบบนี้  กำลังฮิตติด chart ไปทั่วโลก  มาดูที่ MN , USA กันมั่ง  chorus อวยพรเทศกาล Christmas ค่ะ ...


Carlson School of Management Flash Mob, Deck the Halls

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=uH8FvERQHtM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=uH8FvERQHtM</a>


ที่เมืองไทยก็ไม่น้อยหน้านะ  มี chorus บนรถไฟฟ้า BTS โดยกลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ...


[Flash Mob] Live on BTS by ม็อบสร้างสุข

สาวปองขวัญ - ม.ธ.ปี่ 4 ... ส่งมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=SKc437cezTY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=SKc437cezTY</a>

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #673 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 01:52:17 »


A STORE FRONT IN BERLIN

ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ส่งมา

การแสดงแสงเสียง สุดยอดเทคโนโลยี ที่กรุง Berlin , Germany ... หนิง ขับรถไปมีกี่ร้อยกิโลจากบ้านหนิงนะ  ไม่ไปดูด้วยตา ไม่ได้แล้ว !


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XVTga6GmbGw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XVTga6GmbGw</a>


อย่าลืมคลิกขยายจอให้เป็นแบบจอใหญ่ จะได้ดูแบบเต็มๆ ตา นะคะ

จุ๊  จุ๊  จุ๊  ร้ายกาจ จริงๆ ... Wow !
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #674 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2554, 11:13:12 »

 รักนะMerry Christmas and may God's grace be with you and your family.
Make merry not just on this wonderful holiday but all through the year
....

      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #675 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2554, 12:24:49 »


" สุขสันต์วันคริสต์มาส ครับ.. พี่เจี๊ยบ และพี่น้องทุกท่าน "


      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #676 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2554, 13:33:22 »

.....Merry Christmas ครับ พี่เจี๊ยบ.....

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=nYZRxq3jCJo" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=nYZRxq3jCJo</a>
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #677 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2554, 00:04:43 »


Merry Christmas & Happy New Year 2012 จ้า สาวป้อม น้องแหลม น้องตี๋ และพี่น้องซีมะโด่งทุกท่าน


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=O2IuhE4LTbI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=O2IuhE4LTbI</a>


Oh !  พี่เจี๊ยบได้รับพรปีใหม่จากน้องแจง 24 อีกคนนึงด้วยนี่นา ...

      สืบเนื่องจากอิฉันช่วยเพื่อน ( รุจิตร-ครุ 16 ) กระจายข่าวเพื่อเสาะแสวงหา สาวใหญ่วัย 50 up ที่เป็นโรคกระดูกพรุน มาเข้ารับการรักษา ฟรี ... น้องแจงได้รับเมลแล้ว ตอบกลับมา แถมอวยพรปีใหม่มาด้วย ...

From: r_nantika@hotmail.com
Subject: FW: รับสมัคร osteoporosis
Date: Tue, 27 Dec 2011 19:40:32 +0000

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน
 
      รุจิตร - MD ของ Sisley - ครุ 2516 ( ในรูปที่แนบมา )  
ฝากให้ช่วยประชาสัมพันธ์ หาสาววัย 50 up ที่มีผลการตรวจมวลกระดูกแล้วว่ากระดูกพรุน มาเข้าร่วมโครงการรักษา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
 
เจี๊ยบ

--------------------------------------------------------------------------------
Subject: Re: รับสมัคร osteoporosis
From: rujitr@sisley.co.th
Date: Fri, 23 Dec 2011 17:42:37 +0700
To: Atthawon@bumrungrad.com; r_nantika@hotmail.com

เจี๊ยบ ...

      ช่วยเผยแพร่ให้เพื่อนๆ จุฬาฯ 16 และผู้สนใจทราบด้วย  อาจมีเพื่อนที่มีประวัติกระดูกพรุน  ผู้ที่เข้าร่วมใน project นี้ จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ  เพื่อประโยชน์ของคนที่ตั้งใจรับการรักษา  และเพื่อให้รวดเร็วขึ้น ขอให้นําผลการตรวจมวลกระดูกว่าเป็นโรคกระดูกพรุนมาแสดงด้วย  ถ้าเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลบํารุงราษฏร์อยู่แล้ว ก็จะยิ่งสะดวก  โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณนุก ตามรายละเอียดใน mail ข้่างล่างนี้

      โครงการนี้อยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์  ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการตรวจสุขภาพเต็มรูปแบบ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย  การรักษาโรคกระดูกพรุนก็ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ  บริษัท Merck จะรับผิดชอบค่ายา และค่่าเดินทางให้ผู้ร่วมโครงการ

      รุไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับโครงการนี้ทั้งสิ้น  เพียงแต่อยากแนะนําเพื่อนๆ 2516 ที่คิดว่าบางคนอาจจะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้

Cc Khun Nuk dua naka

Merry Christmas and Happy New Year ka เพื่อนๆ 2516

รุ-ครุ

Rujitr Suthanaseriporn

Sent from iPad

On Dec 23, 2554 BE, at 5:00 PM, Atthawon Chotisean <Atthawon@bumrungrad.com> wrote:


เรียน พี่ รุ

       ตามที่คุยกับพี่ไว้ว่า ทางศูนย์วิจัยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ต้องการอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการกระดูกพรุน  เพื่อที่จะศึกษาผลการรักษาด้วยยา Fosamax Plus 70/5600 ( เป็นของบริษัท Merck ที่มีขายตามท้องตลาดแล้ว ) รับประทานอาทิตย์ละครั้งเป็นเวลา 6 เดือน  เพื่อวัดระดับของวิตามินดีในผู้ป่วยคนไทยที่มีภาวะกระดูกพรุน  นอกจากนี้จะทดสอบความปลอดภัย และความทนต่อยาในผู้ป่วยคนไทยด้วยค่ะ

       ปัจจุบันนี้ยา Fosamax Plus 70/5600 ได้รับการรับรองเพื่อใช้รักษาภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยหญิงในวัยหมดประจำเดือนในประเทศสหรัฐอเมริกา ไทย และอีกหลายประเทศแล้ว  แต่ของไทยต้องแสดงผลของยาต่อระดับของวิตามินดีด้วย  ดังนั้นทางศูนย์วิจัยฯ ร่วมกับ นพ.พันธ์ศักดิ์  ศุกระฤกษ์ และทีมแพทย์ท่านอื่นๆ อีก  จะช่วยกันหาอาสาสมัครที่เป็นโรคกระดูกพรุนแล้ว ( โดยดูจากผล DEXA Scan ค่ะ ) ให้ได้ 50 ท่าน  ณ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณเกือบ 40 ท่าน  ขอผลตรวจ Bone density ที่มีค่า > -2.5 นะคะ  ถ้าทางพี่พอมีผู้สนใจ ช่วยส่งรายชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ให้ทางนุก ( พยาบาลวิจัย )โทร.คุยรายละเอียดก่อนก็ได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

นุก ( จันทร์ - ศุกร์  โทร.  02-667-2523 )

เจี๊ยบขอนำรายละเอียดของโครงการ ( ข้างต้น ) มาลงที่กระทู้นี้ด้วย เพื่อช่วยเผยแพร่ให้กว้างขึ้น  เผื่อสมาชิกชาวซีมะโด่งที่มาอ่านเจอ จะได้ช่วยไปบอกต่อคนรู้จักที่เป็นโรคกระดูกพรุน ให้มาเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยนะคะ

From: cnjang77@loxinfo.co.th
Subject: Re: รับสมัคร osteoporosis
Date: Thu, 29 Dec 2011 08:42:26 +0700
To: r_nantika@hotmail.com

เรียน พี่เจี๊ยบ

ขอบพระคุณสำหรับข่าวสารค่ะ พี่เจี๊ยบ  พี่เจี๊ยบสบายดีนะคะ

ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้พี่เจี๊ยบที่น่ารักของน้องๆ มีความสุข สุขภาพแข็งแรง สดชื่น สมปรารถนา ปลอดจากภยันตรายทั้งปวง และขอให้ปีใหม่ ๒๕๕๕ นี้ เป็นปีที่ดีมากๆ สำหรับพี่เจี๊ยบนะคะ

Happy New Year ค่ะ

รักและเคารพ

แจงค่ะ

ปล. รูปพี่รุสวยจังค่ะ ... พี่หอรุ่น 16 สวยๆ ทั้งรุ่นเลยนะคะ  น้องๆ ไม่ติดฝุ่นกันเลยซักคน

จ้า น้องแจง  ขอบคุณมากๆ สำหรับพรปีใหม่  ' พรใดประเสริฐ ขอจงเกิดกับผู้ที่อวยพรเป็นทวีคูณด้วยนะคะ ' ... ป.ล. พี่รุ เป็นเพื่อนครุ 16 แต่ไม่ได้เป็นชาวหอฯ ค่ะ ... ที่แจงบอกว่า " ... น้องๆ ไม่ติดฝุ่นกันเลยซักคน "  พี่เจี๊ยบขอคัดค้านจ้า  พี่เจี๊ยบกลับเห็นว่า น้องพี่ซีมะโด่งแต่ละคน คือ เพชรเม็ดงาม ที่มีสีสันแตกต่างหลากหลาย ตะหาก !


ไหนๆ พูดถึงคุณรุ ( รุจิตร ) แล้ว  ก็ขอแถมเรื่อง ' น่าเป็นปลื้ม ' อีกเรื่องนึงค่ะ ... น้องดา-จินดารัตน์ ถาปัด RCU 17 บังเอิญได้รู้จัก ' พี่รุ ' ที่ตึก Time Square แบบใน ' หนังไทย ' ยังไงยังงั้น ...

Date: Thu, 29 Dec 2011 08:04:51 +0700
From: scda@truemail.co.th
To: r_nantika@hotmail.com
Subject: Re: FW: รับสมัคร osteoporosis

พี่เจี๊ยบคะ
สนใจรูปคุณรุ ออฟฟิสเขาอยู่ที่ ตึกไทม์ อโศกหรือเปล่าคะ  สมัยก่อนออฟฟิสเขาอยู่ติดกับออฟฟิสของดา ( Thermaflex Insulation Asia )  
ดา ถาปัด 17 ค่ะ
 
น้องดา ... ใช่แล้วค่ะ  โลกกลมดีนะ  ปัจจุบัน office พี่รุก็ยังอยู่ที่ชั้น 15 ตึกนั้นแหละค่ะ

Date: Thu, 29 Dec 2011 08:57:02 +0700
From: scda@truemail.co.th
To: r_nantika@hotmail.com
Subject: RE: รับสมัคร osteoporosis

ตอนนั้นเข้าใจว่าพี่เขาอยู่อักษร  ประทับใจพี่รุมาก เพราะดูเหมือนว่าดาจะเดินๆ อยู่แล้วเข้าห้องน้ำ แล้วเกิดหน้ามืดหรือเจ็บอะไรสักอย่าง พี่เขาเห็นแล้วเข้ามาถามไถ่  เวลาเจ็บป่วย  ถ้ามีใครสนใจก็จะรู้สึกประทับใจ  จำได้ค่ะ  ยังจำได้อีกว่าตอนคุยกัน เลยรู้ว่าเป็นจุฬาฯ เหมือนกัน ... ที่สำคัญ ดูพี่เขาผิวสวยมั่ก

จ้า ดา  เพื่อนพี่เจี๊ยบคนนี้ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งดี เป็นที่รักใคร่ของผู้คนในแวดวงสังคมไฮโซ และกลุ่มเพื่อนๆ ... น่าจะเห็นรูปของรุลงในสื่อต่างๆ บ่อยๆ นะคะ ( พี่เจี๊ยบยัง copy เก็บรูปรุไว้ดูเองเลย  เอามาแบ่งกันดูหน่อยซิ ! ... รูปไหนที่ไม่ค่อยคมชัด ก็มาจากกล้องจำเป็นของอิฉันเองนี่ล่ะ )







 



 
 
 

 

 


      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #678 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2554, 19:20:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 20 ธันวาคม 2554, 01:52:17

A STORE FRONT IN BERLIN

ฤทธิ์ณรงค์ - วิทยา 16 ส่งมา

การแสดงแสงเสียง สุดยอดเทคโนโลยี ที่กรุง Berlin , Germany ... หนิง ขับรถไปมีกี่ร้อยกิโลจากบ้านหนิงนะ  ไม่ไปดูด้วยตา ไม่ได้แล้ว !


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XVTga6GmbGw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XVTga6GmbGw</a>


อย่าลืมคลิกขยายจอให้เป็นแบบจอใหญ่ จะได้ดูแบบเต็มๆ ตา นะคะ

จุ๊  จุ๊  จุ๊  ร้ายกาจ จริงๆ ... Wow !

พี่เจี๊ยบคะ
600กว่ากม.คะ ไกลแบบนี้นั่งICEดีกว่าคะ
เพียงแต่อาจไม่ได้ชมทิวทัศน์เพราะเร็วเกิน

งานนี้หนิงค้นต่อแล้วคะ Kulturbrauerei Berlin
IFA 2010 Die Internationale Funk Ausstellung เมื่อ Sept. 2010   
3D Facade Show von LG Electronics
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #679 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 01:06:30 »

พี่เจี๊ยบ,
เจอะ top 5 Flashmops 2011 in Germany
นำมาฝากพี่คะ




<a href="http://www.youtube.com/v/MxktFJ-CNEQ?version=3&amp;amp;hl=en_GB" target="_blank">http://www.youtube.com/v/MxktFJ-CNEQ?version=3&amp;amp;hl=en_GB</a>

http://youtu.be/MxktFJ-CNEQ
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #680 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 12:52:05 »


ขอบคุณจ้า NN ... อันดับ 1 นี่ คงเป็นค่ำคืน count down เข้าสู่วันใหม่ ของปีใหม่แน่เลย  NN อธิบายทีละอันดับซิคะ

ป.ล. สำเนียงภาษาเยอรมัน นุ่มนวลกว่าภาษาอังกฤษนะ ว่ามั้ย ?
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #681 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 19:30:06 »

จัดห้ายค่าพี่


อันดับ 5
ที่ Hamburg วัยรุ่นกว่า 500 เฮกันมามืดฟ้าเพื่อมา...
ซื้อHamburger!เป้าหมาย?ซื้อHamburgerให้เกลี้ยงร้าน
ภายในบ่ายนั้นยอดขายHamburger 1,600ชิ้นภายในไม่กี่ชม.
สำหรับพนักงานขาย...ทอดกันระวิงด้วยspeed...records!


อันดับ 4
ดื่มทิ้งทวนรับกฏห้ามดื่มในรถไฟS-Bahn ที่Munich
ตั้งแต่ธันวานี้เป็นต้นไปวัยรุ่นกว่า 2,000เลยนัดกันไปดื่ม
ขนกันไปก๊ง flashmopsที่ทำความเสียหายแก่ทรัพย์สิน
สาธารณะมูลค่ากว่า 230,000 €

อันดับ3 สวยกว่า
เล่นหมอนขนเป็ดในวันแดดจ้าที่ Brandenburgertor-Berlin
เมื่อมีนามี่ผ่านมา เป็นflashmopsสำหรับคนอารมณ์ดี...

อันดับ 2
เริ่มจากoperaแนวสนุกที่Berlinมีผู้เริ่มเต้น/ดิ้น เพียง 2 คน
ที่กลายเป็นflashmops ...ผู้ชม...ทึ่งจัด!

อันดับ 1
New York flashmopsสำหรับ profi!3,500 คนที่ขนมาด้วยในเป้/กระเป๋า
วัตถุที่ให้แสง ให้สี มีไฟ flashmopsที่แท้ในวันปลายฤดูร้อนที่ผ่านมา.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #682 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 20:59:28 »


อ้าว !  พี่เดาผิด ชวดเลขท้ายรางวัลที่ 1 เลย ...  ha   ha   ha ! ...  รู้ภาษาเยอรมัน ก็ดียังงี้เองนะ หนิง นะ

ขอบคุณที่แปลให้จนครบ 5 อันดับเลยค่ะ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #683 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 22:41:35 »


พี่เจี๊ยบ,
หนิง และครอบครัวขอส่งคำอำนวยพร
ส่งท้ายปีเก่า 2554 ต้อนรับปีใหม่ 2555
มายังพี่ ที่ขยั๊นขยันช่วยงาน เป็นแม่แรง
ให้กับงานหอพักฯ นับไม่ถ้วน ขอให้ปี 2555 นี้
เป็นปีที่พี่จะได้อุ้มชูสนับสนุนกิจการงานใดๆ
ทั้งส่วนตัวพี่ก็ดี ส่วนรวมในสังคมใดๆ ก็ดี
ไม่เหน็ดไม่เหนื่อยแข็งขันนะคะ.

ชาวหอเก่า ที่อยู่หน้าจอแห่งนี้รับรู้ความเสียสละ
ความตั้งใจดีของพี่โดยไม่ต้องพูด.

ขอบคุณพี่คะ.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #684 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2554, 23:46:07 »





ขอบคุณหนุงหนิงมากสำหรับคำอวยพรปีใหม่  ขอพรนั้นคืนสนองน้องเป็นสองเท่า

ส่วนคำชมเชย พี่เจี๊ยบไม่กล้ารับไว้คนเดียว แน่นอนค่ะ

ขณะนี้ เวลาในประเทศไทย 11.47 pm ... ปีใหม่ปีนี้มีพิธี ' สวดมนต์ข้ามปี ' ทั่วประเทศ

รวมถึงทุกวัดไทยในต่างประเทศกว่า 300 แห่ง ด้วยนะคะ



      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #685 เมื่อ: 02 มกราคม 2555, 11:20:32 »


สวัสดีปีใหม่ครับ... พี่เจี้ยบ

ปรารถนาให้พี่และครอบครัว ... ประสบแต่ความสุข,สมหวัง ตลอดไปครับ.



      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #686 เมื่อ: 04 มกราคม 2555, 18:52:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 31 ธันวาคม 2554, 23:46:07




ขอบคุณหนุงหนิงมากสำหรับคำอวยพรปีใหม่  ขอพรนั้นคืนสนองน้องเป็นสองเท่า

ส่วนคำชมเชย พี่เจี๊ยบไม่กล้ารับไว้คนเดียว แน่นอนค่ะ

ขณะนี้ เวลาในประเทศไทย 11.47 pm ... ปีใหม่ปีนี้มีพิธี ' สวดมนต์ข้ามปี ' ทั่วประเทศ

รวมถึงทุกวัดไทยในต่างประเทศกว่า 300 แห่ง ด้วยนะคะ




สวดบทอะไรคะพี่ข้ามปี?
แบบเดียวกะที่หนิงอ่านมาจากห้อง32
ที่น้องเค้าจะไปนุ่งขาวห่มขาวรึปล่าว?
ยินว่าถือศีลห้าศีลแปดคะ.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #687 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2555, 03:29:58 »

10 เมืองติดอันดับค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 2012:

1. Zürich- Switzerland ปีนี้..ใครจะอยู่อาศัยที่นั่น...แพง!



2.เมืองแห่งธนาคารของสวิสชิงอันดับค่าครองชีพสูง
ไปจากมหานคร Tokio- Japanที่เลื่อนลงมาอันดับ2ปีนี้

<a href="http://www.4shared.com/embed/398110773/e4f3e274" target="_blank">http://www.4shared.com/embed/398110773/e4f3e274</a>


3. Genf (Geneva)แห่ง Switzerlandตาม Zürich, Tokio
มาเป็นอันดับ 3




4. Osaka- Japan ขับเคี่ยวไล่สามอันดับมาติดๆด้วยการชิง
ความมีค่าครองชีพสูงสุดๆในโลกนี้




5. Oslo-Norwey มีค่าครองชีพ 56%แพงกว่ามหานครNew York!



6. Paris-France เลื่อนลำดับจาก 4 ลงมาอันดับ 6



7. Sydney-Australien ค่าครองชีพสูงขึ้นติดอันดับเช่นเดียว
กะ Zürich(ที่เลื่อนขึ้นมาโค่นTokioลง)




8. Melbourne- Australien สามารถรักษาตำแหน่งค่าครองชีพสูง
ไว้ได้ ไชโย




9. Singapur เลื่อนลงจากอันดับ 6 ลงอันดับ 9



10. Frankfurt am Main- Deutschland..ค่าครองชีพสูงเป็น
อันดับ10ของโลก แต่..อันดับ1 ของเยอรมัน!



ทราบแล้ว..เปลี่ยน!

Quelle: http://www.tagesschau.de/multimedia/bilder/staedte100_mtb-1_pos-10.html#colsStructure
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #688 เมื่อ: 01 เมษายน 2555, 19:42:18 »

หนังสือForbesจัดอันดับเมืองที่สวยที่สุด
25 แห่ง...ต่างๆกัน
เข้าไปชมครบแล้ว,ยังตระหงิดๆคะว่า
แต่ละที่ต้องบากบั่น ดั้นด้นเข้าไปให้ถึง
ไม่ใช่จะไปกันง่ายๆ...ปลอดจากทัวรีสต์แน่ๆ!
เม้าธ์เอเวอเรสงี้ เปรูงี้ นอรเวย์งี้ ฟิจิงี้..

อ้อ,Tuscany-Italy...เคยไปแล้วคะ!

http://www.forbes.com/pictures/egim45ehim/the-lau-archipelago-fiji/#gallerycontent
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #689 เมื่อ: 01 เมษายน 2555, 20:16:05 »

25รูปก็จริง..
แต่ที่ละ 2 รูปคะ
งั้น 12 ประเทศ/ที่

Forbes- The World's Prettiest Places‏
      บันทึกการเข้า


ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #690 เมื่อ: 01 เมษายน 2555, 20:27:17 »

เปิดมาเจอ ซูริก อันดับ 1  ปารีส ก็ติดโผ ...

ขอบคุณครับ พี่หนิง ทริปวันที่ 6-17 เม.ย. นี้ มีทั้ง ปารีส และซูริก  จะได้เตรียม มาม่า ไปให้พอดีๆ  ^_^




อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2555, 03:29:58
10 เมืองติดอันดับค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 2012:

1. Zürich- Switzerland ปีนี้..ใครจะอยู่อาศัยที่นั่น...แพง!



2.เมืองแห่งธนาคารของสวิสชิงอันดับค่าครองชีพสูง
ไปจากมหานคร Tokio- Japanที่เลื่อนลงมาอันดับ2ปีนี้

<a href="http://www.4shared.com/embed/398110773/e4f3e274" target="_blank">http://www.4shared.com/embed/398110773/e4f3e274</a>


3. Genf (Geneva)แห่ง Switzerlandตาม Zürich, Tokio
มาเป็นอันดับ 3




4. Osaka- Japan ขับเคี่ยวไล่สามอันดับมาติดๆด้วยการชิง
ความมีค่าครองชีพสูงสุดๆในโลกนี้




5. Oslo-Norwey มีค่าครองชีพ 56%แพงกว่ามหานครNew York!



6. Paris-France เลื่อนลำดับจาก 4 ลงมาอันดับ 6



7. Sydney-Australien ค่าครองชีพสูงขึ้นติดอันดับเช่นเดียว
กะ Zürich(ที่เลื่อนขึ้นมาโค่นTokioลง)




8. Melbourne- Australien สามารถรักษาตำแหน่งค่าครองชีพสูง
ไว้ได้ ไชโย




9. Singapur เลื่อนลงจากอันดับ 6 ลงอันดับ 9



10. Frankfurt am Main- Deutschland..ค่าครองชีพสูงเป็น
อันดับ10ของโลก แต่..อันดับ1 ของเยอรมัน!



ทราบแล้ว..เปลี่ยน!

Quelle: http://www.tagesschau.de/multimedia/bilder/staedte100_mtb-1_pos-10.html#colsStructure

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #691 เมื่อ: 01 เมษายน 2555, 21:25:46 »

ถ่ายรูป Zürich+ Paris
แบบระนาบแนวพื้นมาฝากด้วยนะคะ!
คนคงจมหู...ช่วงนี้หยุดอิสเตอร์ค่ะ.
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #692 เมื่อ: 26 เมษายน 2555, 00:20:06 »


หลักสูตรการระบายสีน้ำ ขั้นพื้นฐาน



น้องพี่ซีมะโด่งท่านใด สนใจจะเรียนวาดรูปด้วยสีน้ำ เชิญทางนี้ ... สอนโดย อาจารย์นพดล เนตรดี ( อ.เต๋า ) เรียนวันอาทิตย์ช่วงเช้า 9.00-12.00 น. ที่โรงเรียนเพาะช่าง ( ติดกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ) มีค่าเรียน 2,000 บาท เรียน 10 ครั้ง หากไม่ว่างวันอาทิตย์ใด ก็นัดมาเรียนทดแทนได้ภายหลัง จนครบ 10 ครั้ง

สำหรับอุปกรณ์การเรียน อาจารย์มีเตรียมให้ เช่น พู่กัน สี จานสี stand กระดาน กระดาษวาดรูป กระเป๋าใส่อุปกรณ์ ฯลฯ ถ้าซื้อครบจะเป็นเงิน 2,000 กว่าบาท ถ้ามีอุปกรณ์เดิมอยู่บ้างแล้ว ก็ซื้อเพิ่มเท่าที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ

ที่จริงเปิดคอร์สไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา แต่มีผู้เรียนหลายคนติดธุระ  จึงมาเริ่มเรียนพร้อมพวกเราได้ในวันอาทิตย์ที่ 29 เม.ย. นี้ ขณะนี้มีผู้เรียน 9 คน รับเพิ่มได้อีก 6 คน ... ท่านใดสนใจจะไปเรียน บอกด้วย เจี๊ยบจะส่งรายละเอียด-เนื้อหาที่จะเรียนให้ทาง e-mail จ้า





      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #693 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 23:53:35 »


อิชั้นมาช่วยพี่จิ๋ม-ครุ 15 และพี่แดง ( ทั้งคู่เป็นศิษย์เก่า ตอ. 33 ) หานักเรียนเพิ่มเติมให้เต็ม class

จนถึงขณะนี้  เราได้ผู้ที่ตอบกลับมาว่าขอสมัครเรียนวาดรูปสีน้ำด้วย จำนวน 7 คนแล้ว  มีใครมั่ง ? ...

1. คุณจามรี จาก EGAT

2. คุณชุมสาย-เศรษฐศาสตร์ 16

3. รุ่นพี่บัญชีของคุณชุมสาย

4. คุณศิริวรรณ-นิเทศ16 ( ภริยาพี่สันติ-อดีตประธานสภาอุตสาหกรรม-พี่ชายพี่อ๋า 14 )

5. ท.พ.ไพศาล RCU16 จาก จ.ชลบุรี

6. คุณสมพิศ-นิเทศ 16

7. น้องใบบุญ

รวมกับนักเรียน ( อาวุโส ) ที่เรียนครั้งแรกไปแล้ว 9 คน รวมเป็น 16 คน  ได้จำนวนนักเรียนทะลุเป้าหมาย  ปิดรับสมัครแล้วจ้า ...

      บันทึกการเข้า
sukanyaka
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #694 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2555, 18:26:09 »

สนใจเรียนวาดสีน้ำกับอาจารย์นพดล เนตรดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #695 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2555, 15:50:16 »

พี่เจี๊ยบคะ,
ชัด คุณภาพดีคะ
แปะชมด้วยกันค่ะ

โรงเรียนดนตรีคงอยู่ข้างหลังคะ
ไม่สิ,flashmob เค้านัดกันมาต่างหาก!!
นำเครื่องดนตรีไปแอบไว้..
เพราะเล่นไม่มีโน๊ตแบบนี้ต้องฝึกจนคล่องนะคะเนี่ย


<a href="http://www.youtube.com/v/GBaHPND2QJg?" target="_blank">http://www.youtube.com/v/GBaHPND2QJg?</a>
http://youtu.be/GBaHPND2QJg
      บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #696 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2555, 01:05:58 »


ดีจ้า NN แบ่งปันกันดูทั่วๆ ขอบคุณหลายๆ

วันนี้มีการฝึกอบรมเรื่อง " การปลูกผักกินเอง " มาฝากเพิ่มเติมอีกเรื่องนึงนะ ...

พี่จิ๋ม -ดวงใจ มีกังวาล ครุ 15 ( ต.อ.33 ) ฝากให้เจี๊ยบช่วยชักชวนน้องพี่ซีมะโด่ง ทุกคน-ที่สนใจ ให้มาเป็น ' เกษตรกรฝึกหัด ' ด้วยกัน ( ตามอัธยาศัย ) จ้า

" ฝ่ายกิจกรรมชมรมเพื่อน ต.อ.33 จะจัดกิจกรรมบรรยายและสาธิต "การปลูกผักกินเอง" โดย คุณศิริกุล ซื่อต่อชาติ และทีมงาน "เมื่อคนเมืองอยากปลูกผัก" ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา ถนนอังรีดูนังต์

วันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค.2555 ตั้งแต่เวลา 10.00 ถึง 16.00 น.  ( โปรดสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน-ของว่าง คนละ 200 บาท )

สำรองที่นั่งได้ที่ พี่จิ๋ม โทร. 086-562-2497 หรือ duangchai@jfbkk.or.th  รับได้ถึง 50 คน หรือมากกว่าก็ได้นะคะ



กำหนดการกิจกรรม " ปลูกผักกินเอง "

10.00-11.00 น.   บรรยาย ทำไมต้องปลูกผักไว้กินเองเบื้องต้น ผักที่จะปลูก

11.00-12.00 น.   การเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์  วิธีการเตรียมวัสดุ เพาะต้นกล้า ( เพาะเมล็ด-แยก
                         กล้า-ย้ายกล้า ) การปรุงดิน  อธิบายการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์

12.00-13.30 น.  พักเที่ยง ( Slide Show ประกอบเพลงที่ผู้จัดการเพิ่งแต่งเสร็จใหม่สดซิงๆ )

13.30-15.30 น.   สาธิตการเพาะงอก ถั่วงอก ทานตะวันงอก ถั่วลันเตางอก ( โต้วเหมี่ยว )
                         ปฏิบัติ กลุ่มย่อยสลับฐานต่างๆ เช่น การเตรียมหัวเชื้อจุลินทรีย์ราสีขาว 
                         การทำน้ำหมักชีวภาพ, การทำและใช้สารป้องกันแมลงศัตรูพืช, การใช้
                         วัสดุต่างๆใกล้ตัวล้างผัก-ผลไม้ เพื่อลดสารตกค้าง เป็นต้น

สิ่งที่ผู้เข้าอบรมควรเตรียมมา  ถ้าภาคปฏิบัติอยู่กลางแจ้ง : ถุงมือชนิดใดก็ได้, หมวกกันแดด

สมัครได้ที่ ดวงใจ มีกังวาล 086-562-2497 หรือ duangchai@jfbkk.or.th  หรือฝากชื่อไว้ที่กระทู้นี้ เดี๋ยวจะบริการนำส่งให้ผู้จัดก็ได้ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #697 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2555, 13:49:38 »


Going Green Market @K Village  ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ 26-27-28 ต.ค. นี้ ที่ท้ายซอยสุขุมวิท 26 ( หลัง Big C พระราม 4 )

        สืบเนื่องจากกิจกรรมปลูกผักกินเอง ที่ สนตอ. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสนุกสนานมาก-มีผู้สนใจกันจนล้นห้องประชุม กลุ่มวิทยากรที่น่ารัก ฝากให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ( ผ่านทางพี่จิ๋ม-ดวงใจ ) ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมงาน Going Green Market @K Village ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ ( 26-27-28 ต.ค. ) ที่ท้ายซอยสุขุมวิท 26 หลัง Big C พระราม 4 ... ขาย และสาธิตเมล็ดพันธ์ุผัก-อุปกรณ์ปลูกผัก-กิจกรรม Green ๆ เพียบ ...

Demon in the Yard

        สนุกสนาน และร่วมกิจกรรมทำมือที่มีให้เลือกฝึกฝนหลากหลาย ทั้งสำหรับแม่บ้าน และสมาชิกตัวใหญ่น้อย หัดทำตุ๊กตาสัตว์เล็กๆ ทำหุ่นนิ้วน่ารักน่าเล่น แล้วไปจัดสวนถาด สวนกระบองเพชร ปรุงดิน ปลูกผักในตระกร้า และภาชนะใช้แล้ว ทำสบู่ใช้กันเอง และทำแชมพูปลอดภัยสำหรับทุกคน ทำรองเท้าใส่ในบ้านด้วยมือเรา อาหารสาธิตจากวิทยากรคนเก่ง ทุกร้านจะบอกวิธีทำง่ายๆ ให้กลับไปทำเองได้ แล้วแวะไปแกะสลักฟักทองต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนด้วยกัน

เรารวบรวมกิจกรรมทำมือ ทั้งสาธิต และฝึกหัดให้ตลอด 2 วันสุดสัปดาห์ ที่ลานกิจกรรมในตลาดนัดของเรา

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #698 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2555, 04:24:53 »



พี่เจี๊ยบ,

หนิงมีอะไรมาแบ่งกันอ่านแน่ะคะ
พี่รัฐศาสตร์ที่ชิคาโกส่งไปให้อ่าน
พอดีต้องการเรียนรู้คะว่าจะแปะPPSที่เวบเราได้มั้ย

clickในภาพคะจากอักษร "ก" ถึง "ฮ"



<a href="http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/do_and_dont.swf" target="_blank">http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/do_and_dont.swf</a>

nn.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #699 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2555, 23:57:59 »




พี่เจี๊ยบ,

สุขสันต์วันปีใหม่ 2013คะ


      บันทึกการเข้า


pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #700 เมื่อ: 01 มกราคม 2556, 09:02:15 »

สวัสดีปีใหม่ค่ะเจี๊ยบ happy happy นะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #701 เมื่อ: 02 มกราคม 2556, 13:56:58 »




      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #702 เมื่อ: 09 มีนาคม 2556, 11:34:15 »


สวัสดีปีใหม่ 2556 ค่ะหนุงหนิง ป้อม น้องแหลม และน้องพี่ซีมะโด่งทุกท่าน ...

2 เดือนครึ่งผ่านไป เจี๊ยบมีความรู้เพื่อสุขภาพดี มาฝาก  ท่านใดสนใจ ก็ติดต่อได้เลยนะคะ  เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์แล้ว ... เจอกันค่ะ


สมุนไพรไทยที่ใช้เป็นยา

พี่จิ๋ม-ดวงใจ 15 ... ส่งมา




คุณดวงใจ มีกังวาล ตอ.33  ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม " สมุนไพรไทยที่ใช้เป็นยา "

ณ อาคารอเนกประสงค์ สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาฯ ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556

ตั้งแต่ เวลา 10.00 น.-12.00 น. ค่าใช้จ่ายท่านละ 200 บาท เชิญรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

และรับแจกสมุนไพรตามบัญชียาหลักแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
 
สนใจเข้าฟัง ติดต่อดวงใจ มีกังวาลที่ aprompong@jfbkk.or.th หรือโทร.มือถือ 086-562-2497
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #703 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 21:01:42 »

คุณเจี๊ยบ

พี่ปิ้ง จะจัดมอบทุนให้นักเรียนและโรงเรียน โดย "มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร"
โดยปีนี้จะมอบทุนรวม 50,000 บาท
ให้โรงเรียน บ้านหนองกุงน้อย ตั้งอยูู่หมู่บ้านหนองกุงน้อย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น..
อยู่ห่างตัวเมือง ประมาณ  40 กิโลเมตร กำหนดจะมอบให้ในช่วงวันที่ 15-16 เมษายน 2556 ที่จะถึงนี้
ทุนส่วนหนึ่ง จัดหาด้วยการขายหนังสือ ซึ่งพี่ปิ้ง ได้เขียน "ประมวลลำนำกลอน ของดวงจำปา" เอาไว้
หนังสือเล่มละ 300 บาท รวม 100 เล่ม รวมเป็นเงิน 30,000 บาท
ขอเชิญชาวซีมะโด่ง ร่วมบุญด้วยกัน
เงินเข้าบัญชี มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร
                   ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ถนนพัฒนาการ
                   ออมทรัพย์เลขที่  123- 2315- 942
หนังสือจะจัดส่งให้ตามที่อยู่ที่แจ้ง สั่งจองและแจ้งที่อยู่ พร้อมแจ้งการโอนเงินได้ที่
 "ห้องคุยกับเหยง 16 -พิเชษฐ์ เชื่อมฯ......."

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,5699.msg628781/boardseen.html#new

รายละเอียดปรากฎอยู่ข้างล่างนี้แล้วครับ............

                           

                           

อ้างถึง
ข้อความของ Keartipong07 เมื่อ 24 มีนาคม 2556, 16:54:43
  หึหึ ปิ๊งๆ gekสวัสดีครับ น้องเหยง๑๖

       - พี่ปิ้ง ขอรบกวนมาใช้บริการในห้องนี้ สักครั้งนะครับ

           เพื่อให้น้องเหยง ช่วยแจ้งข่าวไปยัง เพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ซีมะโด่ง ทั้งหลาย ให้ทราบทั่วกัน

            เพราะพี่ปิ้ง ติดสอน นศ.ป.โท ป.เอก ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ จ.ขอนแก่น ด้วย

        - พี่ปิ้ง  ขอใช้ บริการของน้องเหยง ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ไปยังน้องๆ รุ่นดังๆ ทั้งหลาย

             เช่นรุ่นมหาอำนาจ ๑๔      รุ่นกำลังดัง  รุ่น๑๖      รุ่นขยัน รุ่น๑๗  รุ่นน่ารัก รุ่น๒๐ 
 
              และรุ่นสดใส รุ่น๒๒ เป็นต้น


            และรุ่นอื่นๆ  ดังนี้ คือ....


             - พี่ปิ้ง มีโครงการไปมอบทุนการศึกษา ให้แก่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ในถิ่นทุรกันดาร ที่ขาดแคลนไปทุกอย่าง

                 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประจำทุกปี ..โดย มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร ซึ่งพี่ปิ้งเป็นประธาน


                    กรรมการฯ   ...อย่างน้อยปีละหนึ่งโรงเรียน...ปีนี้ ได้คัดเลือก แล้ว ๑ โรงเรียน ชื่อ...


                       โรงเรียน บ้านหนองกุงน้อย ตั้งอยูู่หมู่บ้านหนองกุงน้อย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น..

                           ห่างตัวเมือง ประมาณ  ๔๐ กิโลเมตร


                        เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก  มีนักเรียนทั้งหมด ๒๔ คน เป็นหญิง ๑๔ คน เป็นชาย ๑๐ คน

                          ทำการเรียนการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ๑ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖..มี ผอ.โรงเรียน ( ครูใหญ่)

                         ชื่อ นายอนันค์พร  บุญพงษ์.. ทางโรงเรียนต้องการ เครื่องคอมพิวเตอร์ ..อุปกรณ์กีฬา จำพวก


                          ลูกวอลเลย์บอล ลูกตะกร้อ และลูกเปตอง เพื่อให้เด็กได้เล่นออกกำลังกาย... พี่ปิ้งได้ออกไปเก็บ

                        ข้อมูลด้วยตนเอง..โดยให้ลูกศิษย์ที่เรียน ปริญญาเอกทางการศึกษา..พาไป...บริเวณโรงเรียน

                       อาคารเรียนมีหลังเเีดียว..มีสนามตะกร้อ ที่ทาง อบต.ให้งบมาสร้างให้ เมื่อเร็วๆนี้ เป็นสนามปูนต์

                         ( ตามภาพ )...

              - พี่ปิ้ง ตั้งงบประมาณรายรับ ไว้ ๕๐,๐๐๐ บาท  จำแนกได้กังนี้ จาก

                   ๑. งบประมาณของมูลนิธิฯ          ๒๐,๐๐๐  บาท

                     ๒.. งบประมาณรายรับ จากการจำหน่ายหนังสือ " ลำนำกลอน ของ ดวงจำปา " ๒๘๓ หน้า

                      เล่มละ ๓๐๐ บาท

                           ๑๐๐  เล่ม  รวม                 ๓๐,๐๐๐   บาท

                                  รวมงบประมาณรายรับ   ๕๐,๐๐๐  บาท

                     - ภาพ หน้าปกหนังสือ ( เสร็จแล้ว สามารถส่งได้เลย ) ตาม ภาพที่แนบ

                      ให้ โอนเงิน เข้าบัญชี มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร..ดังนี้

                          ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ถนนพัฒนาการ

                           ออมทรัพย์เลขที่  123- 2315- 942

              - รบกวน น้องเหยง๑๖ ช่วยประชาสัมพันธ์ ให้พี่ปิ้ง๐๗ ให้ด้วย นะครับ

                   และ ขออนุโมทนาบุญ มายัง พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ซีมะโ่ด่ง ทุกคน ที่ให้การสนับสนุน

                     ให้ทุกคนได้รับ บุญกุศล ในกิจกรรม ครั้งนี้อย่างทั่วถึง ทุกคน..ประสบแต่ความโชคดี


                        มีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ดี่เยี่ยม

                            หนุ่มสาว ขึ้นทุกๆคน...ไม่เจ็บ ไม่ป่วย..และไม่จน ..รวยๆทุกคน นะครับ


                                      ด้วยความระลึกถึงและขอบคุณ น้องเหยง๑๖ มากๆ

                                            คงจะได้ไปร่วมทริปซีมะโด่งสัญจร อีกนะครับ


                                                       พี่ปิ้ง๐๗


                       

                         
                       


                         

                                    - บริเวณ หน้าโรงเรียนบ้านหนองกุงน้อย จ้า

                             

                                   บริเวณทางเข้า ไปใน ต้วโรงเรียน จ้า

                             
                               

                                       ถ่าย เป็นที่ระลึก กับครูส่วนใหญ่ของโรงเรียน คือมี ครูทั้งหมด ๓ คน

                                       ครูอัตราจ้างชั่วคราว ๑ คน นักการภารโรง อัตราจ้าง ๑ คน รวมทั้งหมด ๕ คน จ้า


                                 

                                           พี่ปิ้ง ถ่ายกับครู สอนอนุบาล ที่หน้าห้องเรียน มีนักเรียนอนุบาลทั้งโรงเรียน เจ็ดคน จ้า

                               
                               -

                               

                                          ห้องเรียน ประถม อยู่ชั้นสองของโรงเรียน เอาไม้อัดไปกั้นเป็นห้องเรียน ประดับด้วยกระดาษโปสเตอร์

                                 
                                       

                                             ภาพนี้ ถ่ายจากในห้องเรียออกไปข้างนอก เห็นทิวทัศน์ข้างนอก..เป็นไร่อ้อย

                                               ..อาชีพของชาวบ้านที่นี่ จ้า...


                             

                               
                               

                                    - เป็นสนามกีฬาของโรงเรียน ที อบต.ให้งบ มาสร้าง เป็นสนามปูนต์ ..จึงร้องขอลูกตะกร้อ

                                          ลูกวอลเลย์ และลูกเปตอง จ้า


                               

                               

                                      พี่ปิ้ง๐๗ ถ่ายร่วมกับครู ก่อนที่จำอำลาจากไป...ลาก่อน แล้วจะกลับมาพร้อมสิ่งที่ต้องการจ้า..



                                                       - ขอขอบคุณน้องเหยง๑๖ อีกครั้งนะครับ

                                                           ยังไง ช่วยแจ้งข่าว ความคืบหน้าให้พี่ปิ้ง ทราบด้วยนะครับ

                                                       ( ตามโครงการ จะนำไปมอบ ระหว่าง ๑๕-๑๖  เมษายน  ๒๕๕๖ )

                                          - พี่ปิ้ง แนบไฟล์ โครงการ ไม่ได้ มันเออเร่อร์ จ้า...


                                                          จาก พี่ปิ้ง๐๗  จ้า

             ป.ล. ในหนังสือประมวลลำนำกลอน พี่ปิ้งได้รวบรวมมา ตั้งปี พ.ศ.๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ บางส่วน

                        พร้อม รูปภาพประกอบ ..มีพวกเรา ปรากฏ อยู่หลายๆ คนมากเลย   จ้า...
                         

         
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #704 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2556, 18:02:53 »

เจ้าของห้องหายไปจากหน้าเว็ปนานถึงเกือบ 7 เดือน (นับจาก 9 มีนาคม) เลย
สนุกกับ FB ไปซะแล้ว ??
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 2 3 ... 29 [ทั้งหมด]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><