ข้อคิด คำคม ปรุงผสมเป็น " ยาใจ "

<< < (26/38) > >>

Kittiwit Pk:
Ummh Good topic and I want to stay young.

Jiab16:
True Friends Are Hard to Come by .....‏

พี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมา

After losing his parents, this 3 year old orangutan was so depressed he wouldn't eat and didn't respond to any medical treatments. The veteranarians thought he would surely die from sadness. The zoo keepers found an old sick dog on the grounds in the park at the zoo where the orangutan lived and took the dog to the animal treatment center. The dog arrived at the same time the orangutan was there being treated. The 2 lost souls met and have been inseparable ever since.

 

The orangutang found a new reason to live and each always tries his best to be a good companion to his new found friend. They are together 24 hours a day in all their activities.

 

They live in Northern California where swimming is their favorite past time, although Roscoe ( the orangutan ) is a little afraid of the water and needs his friend's help to swim.

 

Together they have discovered the joy and laughter in life and the value of friendship.


 
They have found more than a friendly shoulder to lean on.



Long Live Friendship ! ! ! ! ! ! !  

Jiab16:
คนขายสุนัข และลูกสุนัข 7 ตัว

สุภัทรา - เภสัช 16 ... ส่งมา

ร้านค้าแห่งหนึ่งติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว  เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น  มาชมลูกสุนัขทุกวัน  แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ  เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี  มีราคาค่อนข้างแพง



วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน  เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งก็มากระตุกชายเสื้อเขา  เขาก้มลงมอง  และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่

" เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย  ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว  พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว  ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ ? " เด็กบอกอย่างสุภาพ

" อ๋อ  ได้สิหนู  พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ " เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี  แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา

เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งต้วมเตี้ยมออกมาทีละตัว  เขานับ ... แต่ก็มีแค่ 6 ตัวเท่านั้น
" ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ ? " เด็กชายถาม  เจ้าของร้านตอบว่า
" อ๋อ เปล่าหรอกหนู  ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว  เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี  มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้ "

สิ้นคำเจ้าของร้าน  ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา  ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว  มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน  ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ  เห็นได้ชัดว่ามันพยายามคลานมาหาเขา  หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา  มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย  ท่าทางจะชอบเขามาก  เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา  ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า

" หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ ? "

" ปกติ  อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ " เจ้าของร้านตอบ  เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ  เขามีเงินอยู่เพียง 450 บาทเท่านั้น

" ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ " เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ  เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า
 " โอ๊ะ ! หนู  ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ  ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก  อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย " เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป  ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า

" ทำไมครับ  ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้ ? "

" ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ  ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน  และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว  เพราะมันพิการ  วิ่งก็ไม่ได้  กระโดดก็ไม่ได้  ความจริงอาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ  ลองดูตัวอื่นดีไหม ? " เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า

" คุณอาดูอะไรนี่สิครับ " ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น  เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่าขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ  เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข  แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้  ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้

" คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน  ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ  วิ่งก็ไม่ได้  กระโดดก็ไม่ได้  อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ ? " เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป  ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา  เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า
 
" ผมจะซื้อหมาตัวนี้ในราคา 2,000 บาท  เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ  แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ  ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอาขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้  เดือนละ 100 บาท ทุกเดือน จนครบ 2,000 บาท  คุณอาจะว่าอย่างไรครับ ? "

เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน  ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชาย และกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ  พลางกล่าวขอโทษขอโพย  ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป  เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง  ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้  และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย  พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก

.....................
      
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา  

Jiab16:
ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง

จาก คุณบุญพา JobBkk

คุณบอกกับตัวเองว่า เมื่อได้แต่งงาน และมีลูก ชีวิตของคุณก็จะดีขึ้น
แต่เมื่อมีลูก และลูกของคุณยังเล็กอยู่  คุณก็เกิดความรู้สึกว่า  เมื่อเขาโตขึ้นเราคงมีความสุข และสบายขึ้น

แต่เมื่อลูกโตมากขึ้น  จนย่างเข้าสู่วัยรุ่น  คุณกลับรู้สึกไม่ได้ดั่งใจอีกครั้ง
และเมื่อลูกๆ ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นไปได้  คุณคิดว่า คุณจะมีความสุขมากขึ้น
แต่คุณกลับบอกกับตัวเองอีกว่า  จะรอให้ลูกๆ จัดการกับตัวของเค้าเองให้เรียบร้อยดีเสียก่อน

บางครั้งคุณคิดว่า ถ้าคุณมีบ้าน มีรถ  มีวันหยุดพักร้อนนานๆ
และเมื่อถึงวันเกษียณอายุการทำงาน  ชีวิตของคุณจะมีความสุขมากที่สุด
แต่เมื่อเกษียนแล้วก็จริง  แต่ทำไมถึงยังไม่มีความสุขสักที

ความสุขของชีวิตอยู่ที่ไหนกัน ?
แท้จริงแล้ว ความสุขของชีวิต อยู่ ณ ช่วงเวลาขณะนี้ ช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ต้องรอให้ความสุขมาหาเราในอนาคต
เราควรมีความสุข และพึงพอใจกับความสุขอยู่ในปัจจุบัน

ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ต้องมีสิ่งท้าทายเข้ามาอยู่ตลอดเวลา  ทั้งอุปสรรคต่างๆ หรือบททดสอบชีวิตอันยากเข็ญ
แต่ในที่สุดเราก็จะต้องก้าวผ่านไป  อุปสรรคกับชีวิตเป็นของคู่กัน
ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องความสุข และความพึงพอใจจากการเดินทางบนถนนแห่งชีวิตนี้
ซึ่งจะทำให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าที่จะรอให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อน  แล้วถึงจะมีความสุขได้

เริ่มหยุดพูดกับตัวเองเสียทีว่า
ถ้าฉันลดน้ำหนักได้สัก 5 กิโล  ฉันถึงจะมีความสุข
ถ้าฉันได้แต่งงาน  ฉันถึงจะมีความสุข
ถ้าผมได้ซื้อบ้าน  ผมถึงจะมีความสุข
ถ้าผมได้เกิดเป็นลูกคนรวย  ผมถึงจะมีความสุข
ถ้าคุณหยุดพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้  ชีวิตของคุณก็จะมีความสุข และคุณจะรู้สึกพึงพอใจกับชีวิต

ตอบคำถาม ต่อไปนี้
1. บอกชื่อคน 3 คน ที่รวยที่สุดในโลก
2. บอกชื่อนางงามจักรวาล 3 คนล่าสุด
3. บอกชื่อ ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 3 คนล่าสุด
4. บอกชื่อนักแสดงนำชาย 3 คนล่าสุด ที่ได้รับรางวัลออสการ์

นึกไม่ออกใช่ไหม ? ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่มีใครหรอกที่จะจดจำคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
คนที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ  ก็ล้วนล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา
รางวัลต่างๆ  เมื่อวางไว้นาน  ก็จะถูกฝุ่นจับ  แม้แต่ผู้ชนะก็จะถูกลืมในไม่ช้า

ตอบคำถาม ต่อไปนี้
1. บอกชื่ออาจารย์ 3 ท่าน ที่เคยช่วยเหลือคุณในเรื่องการเรียน
2. บอกชื่อเพื่อน 3 คน ที่ช่วยเหลือคุณในยามที่คุณต้องการ
3. นึกถึงคน 3 คน ที่ทำให้คุณรู้สึกว่า คุณได้เป็นคนพิเศษ
4. บอกชื่อคน 3 คน ที่คุณอยากใช้เวลาด้วย

นึกออกง่ายกว่าใช่ไหม ? นั่นเป็นเพราะว่า
คนที่มีความหมายต่อชีวิตคุณ  ไม่ได้เป็นคนที่ต้องเป็นที่สุด ไม่ได้มีเงินมากที่สุด ไม่ต้องได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะยังมีคนใกล้ตัวคุณอีกหลายคนที่ห่วงใยคุณ  คอยให้การดูแลคุณ
และเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น  ก็จะคอยอยู่เคียงข้างคุณ

... ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะมีความสุข มากกว่าช่วงเวลา ณ ปัจจุบันนี้  ..ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบัน

************************



ปรัชญาแง่คิดดีๆ อีกแล้ว  ความสุขนั้นเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของเส้นทางของแห่งชีวิต  คนส่วนมากจะตั้งเป้าเมื่อแก่แล้ว  หรือเป้าหมายใดๆ เป้าหมายหนึ่ง  ซึ่งจะต้องรอคอย และใช้เวลา  ที่จริงแล้วความสุข อยู่กับปัจจุบัน  ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  ความสุขที่ต้องการนั้นสอดแทรกอยู่ในปัจจุบันที่มีเสมอ  ทุกข์-สุขอยู่ที่ใจ  สุขได้ถ้าใจไม่ยึด

Jiab16:
บอยเจ้าพ่อเพลงรัก ... ในวันที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรค " เส้นเลือดในสมองตีบ "

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

ผมได้อ่านนิตยสาร Secret เล่มล่าสุด เมื่อวานนี้  เหตุผลที่ซื้อก็เพราะหน้าปกเป็นรูปคุณบอย โกสิยพงษ์  นักร้องนักแต่งเพลงที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ

มีเพลงรัก และเพลงชีวิต หลาย ๆ เพลง ที่เขาแต่งได้โดนใจมาก ๆ เช่น เพลง Seasons Change ฤดูที่แตกต่าง , แพ้บ้างก็ได้ , รักผมแค่นี้เองเหรอ , ฟังลูกเดียว , RSVP และเพลงที่ได้ยินเมื่อไหร่ ก็ได้กำลังใจ ให้สู้ชีวิตต่อไปทุกที อย่าง " Live & Learn "

ผมชอบเนื้อหาของเพลง Live & Learn มาก ๆ  ทุกคนคงพอจะจำเพลงนี้ได้นะครับ  บทเพลงนี้บอกเราเตือนสติเราว่า ... คนเราต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่มีอยู่  กับความเป็นจริง  ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน  และจงทำวันนั้น วันที่มีอยู่ ... ให้ดีที่สุด



เมื่อวานนี้  ตอนที่เห็นข้อความบนหน้าปกนิตยสาร พิมพ์ว่า " โลกที่หมุนด้วยความรัก ของ บอย โกสิยพงษ์ " ก็นึกว่าคงเป็นบทสัมภาษณ์ที่พูดถึงเรื่องราวชีวิตแบบสบาย ๆ สไตล์บอย โกสิยพงษ์

แต่พอเปิดเข้าไปอ่านด้านใน  ผิดคลาดเลย  ผมก็เพิ่งรู้จากนิตยสารเล่มนี้แหละครับว่า  บอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลง นักร้อง ที่เคยทำงานหนักมาตลอด  ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนแปลงชีวิต  ลดเวลาการทำงานลงเหลือเพียง 3 วันต่อสัปดาห์  ทำงานเฉพาะวันจันทร์ พุธ และพฤหัสฯ เท่านั้น

เขา ให้สัมภาษณ์ไว้ ตอนหนึ่งว่า ...

“ ... เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี่เอง  ผมพบว่าตัวเองเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ  เวลาพูดจะติด ๆ ขัด ๆ ตลอดเวลา  รู้สึกว่าโลกโคลงเคลงไปหมด  ไม่รู้เราเป็นอะไร  ผมเลยไปหาหมอ  หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองตีบ  แต่ว่าเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น

... นี่แสดงว่าพระเจ้าเตือนแล้วว่า  ให้เราใช้ชีวิตที่เหลือนี้ให้ดี  จากที่สมัยก่อนเราไม่ค่อยสนใจออกกำลังกาย  สนุกแต่การทำงาน  ตอนนี้เริ่มมองว่ามีเวลาเหลืออยู่อีกนิดเดียวเอง  ผมอายุ 42 ปีแล้ว ...

ดังนั้นช่วงเวลานี้เรายังตั้งเป้าหมายใหม่ทันนะ  หลังจากนั้นผมก็คิดได้ว่า  ยิ่งมีชื่อเสียง หรือความสำเร็จ  ยิ่งมีสาระสำหรับชีวิตน้อยลงเรื่อย ๆ  เลยหันมาให้เวลากับครอบครัว  รวมทั้งศึกษาพระคัมภีร์มากขึ้น ...  “

เมื่อถูกถามว่าลูก และภรรยาของคุณบอยรู้สึกอย่างไร  ที่เขาตัดสินใจลดเวลาการทำงานลง ...

“ เขาดีใจกันมาก ( ที่ผมจะหยุดทำงานหนัก )  ตอนแรกที่รู้ว่าผมเป็นโรคนี้ ... ผมเห็นลูกร้องไห้ ... เมียร้องไห้ ... เลยรู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว  เราต้องดูแลตัวเองดี ๆ “

ทุกวันนี้เขาเปลี่ยนตารางชีวิตใหม่  ทุกวันอังคาร กับวันศุกร์  เขาไม่ทำงานแล้ว  ทำแค่วันจันทร์ พุธ พฤหัสฯ

วันอังคารหยุดไปเที่ยวพักผ่อนกับภรรยา  และวันศุกร์ก็อยู่กับลูก ไปเที่ยวกับลูก ...

เขาพูดถึงการทำงานสมัยก่อน ( ก่อนที่จะเป็นโรคนี้ ) ของตัวเองว่า ...

“ ... คือสมัยก่อน  ผมเป็นคนมีไอเดีย  อยากทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา  แล้วผมก็มักมีโอกาส  มีประตูเปิดให้ทำหลาย ๆ อย่าง  ได้มาตลอด  แต่ตอนนี้เห็นประตูก็เมินแล้ว  ให้คนอื่นทำแล้ว  ไม่อยากทำแล้ว ”

อ่านแล้วก็ได้ข้อคิดเตือนใจ  เตือนตัวเอง และหลาย ๆ คน  เรื่องการดำเนินชีวิต  การทำงาน  ในที่สุดแล้วคนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร  ทุกคนอยากมีความสุข  แล้วความสุขอยู่ที่ไหนล่ะ ! !

เรื่องราวชีวิตช่วงนี้กับบอย โกสิยพงษ์ คงบอกอะไรบางอย่างกับพวกเรา  ... ตัวเขาเองก็กำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในวัย 42 ปี อย่างมีความสุข  สุขกับสิ่งที่มี..ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน..และเขากำลังทำวันนั้นที่มีอยู่ให้ดีที่สุด.. ผมว่านี่แหละ.. Live & Learn ของจริง !!!

บทสัมภาษณ์จริง ๆ มีเนื้อหาสาระมากกว่านี้  มีคำพูด  มีเรื่องราวที่ได้เรียนรู้มากมายจากชีวิตของบอย โกสิยพงษ์  ท่านใดที่สนใจ ก็ไปหานิตยสารซีเคร็ตฉบับนี้มาอ่านต่อกันเองนะครับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว