18 เมษายน 2567, 14:23:35
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ยุคเทพ : ฝ่ายเหนือ VS ฝ่ายใต้  (อ่าน 11049 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2555, 01:36:49 »

ย้อนหลังไปราวๆ 2,700 ปี นับจากปีปัจจุบัน ยุคนั้นเป็นยุคเทพ เป็นยุคที่ไม่มีศาสนา ไม่มีการจัดระบบเทพ ไม่มีแบ่งสวรรค์เป็นชั้นๆ แบบคอนโดมีเนียม แบ่งเป็น 2 ฝ่าย มี ฝ่ายเหนือ และ ฝ่ายใต้

ฝ่ายใต้ใช้ อาถรรพ์ หรือ พิธีกรรม ซึ่งการประกอบพิธีกรรมนั้นจะมี บทสวด หรือ คาถา และ เครื่องประกอบพิธีกรรม (อย่างเช่น บายศรี พาน ดอกไม้ ธูป เทียน กำยาน ฯลฯ ในปัจจุบัน) ในการฝึกจิตตนเอง ในการสื่อสารกับเทพ

ส่วนฝ่ายเหนือนั้นใช้ ปราณ ในการฝึกจิต เปิดจักร หรือ ศูนย์รวมพลังงานในร่างกาย ไม่มีเครื่องประกอบ ไม่มีบทสวด

พิธีกรรมของฝ่ายใต้นั้น เป็นที่นิยมกันอย่างมาก เนื่องจากเป็นปกติของมนุษย์โดยทั่วไปที่ชอบของที่จับต้องได้ และอีกประการหนึ่ง พิธีกรรมนั้นสามารถกระทำเป็นหมู่คณะได้ ทำให้สามารถจัดระบบระเบียบระหว่างคนหมู่มาก (ตัวอย่างในปัจจุบันเห็นได้ชัดมากในละแวกกรุงเทพฯและปริมณฑลนี่เอง)

หลังจากเกิดศาสนาพุทธในฝ่ายใต้ ซึ่งศาสนาพุทธ จัดเป็นเทวนิยมที่สมบูรณ์แบบ มีการแบ่งสวรรค์ออกเป็นชั้นๆ ฯลฯ ดังที่ทุกท่านก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ในปัจจุบันที่เราพบเห็นกันทั่วไปนั้น พิธีกรรมต่างๆ จะประกอบไปด้วย สื่อ คือ ผู้ที่มีพลังจิต ได้แก่พระ พราหมณ์ และที่ชาวบ้านเรียกอาจารย์อันได้แก่ผู้ที่เคยบวชเรียนมาแล้ว ฯลฯ บทสวด และ เครื่องประกอบพิธีฯ อย่างเช่น บายศรี พาน ดอกไม้ ธูป เทียน กำยาน ฯลฯ

ฝ่ายเหนือก็เสื่อมความนิยมไป

แต่ทุกสิ่งก็ต้องสลับสับเปลี่ยนกันไป

ในยุคของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษย์ก็หันไปคว้นคว้าด้านพลังจิตกันมากขึ้น

ในอนาคต ฝ่ายเหนือ ก็จะกลับมาเป็นที่นิยมใหม่อีกครั้ง!



 บ่ฮู้บ่หัน
 

 
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #1 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2555, 05:38:11 »

 gek gek งง งง งง งง.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2555, 18:45:28 »

สวัสดีครับ คุณก้าน ๒๔

                             ผมขอค้านครับ ศาสนาพุทธขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ "เทวนิยม" ครับ  ที่มีสวรรค์ชั้นต่างๆ นั้น พระองค์ยกขึ้นมาเพื่อให้คนกระทำแต่กรรมดีเท่านั้น ไม่ให้หลงระเริงในอกุศลกรรม เพราะจะมีแต่ความเดือดร้อนไปทั่ว  สังคมจะอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อตายจะไปอยู่นรก ทำให้คนกลัว  ส่วนคนที่อยู่ในกุศลกรรม ตายไปจะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ เป็นการส่งเสริมให้คนทำดี  แต่ไม่ได้บูชา พรหม เทวดา หรืออ้อนวอนให้ช่วยทั้งสิ้น ครับ

                            ถ้าเป็นเทวะนิยมต้องศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู ที่สวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ คุ้มครอง

                            ศาสนาพุทธ สอนให้พึ่งตัวเองด้วยความวิริยะ และปัญญา  ไม่เบียดเบียนสัตว์  ระวังกาย วาจา ใจ ตนเองให้เป็นปกติ อยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่ในศีล อย่างน้อยศิล ๕ และปฏิบัติตาม มรรค ๘ ในการดำรงชีวิต  ไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ไม่ยึดมั่นถือมั่น

                           ให้เห็นความจริงในอิริยะสัจจ์ ๔ ให้รู้จักทุกข์ ว่าทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร(เกิด แก่ เจ็บ ตาย ปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่พอใจ และพลัดพรากจากสิ่งที่รัก) ให้รู้เท่าทัน  ให้รู้สาเหตุแห่งทุกข์นั้น คือสมุทัย ได้แก่ตัณหา ความอยาก หรือความยึดมั่นถือมั่น(สันดาน) ให้รู้จักนิโรธ คือวิธีแก้ทุกข์ คือแก้ที่สาเหตุแห่งทุกข์ และวิธีปฏิบัติอันเป็นทางพ้นทุกข์ที่ถาวร คือ มรรค ๘

                            ต้องเข้าใจว่าศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า  ต่างจากศาสนาพุทธของประเทศไทย ที่คุณเห็น เข้าใจ ที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมทั้งสิ้น มีแต่แข่งทางด้านวัตถุ คือสร้างวัด โบสถ์ ศาลา  ไม่ได้เน้นที่จิตใจแท้จริง และเป็นพุทธพาณิชย์ ทำให้ประชาชนหลงไปในทางที่ผิด ที่ตรงกันข้ามเลยกับที่พระพุทะองค์ทรงสอน

                            ตอนที่พระธรรมทูต  ได้เชิญผู้ใหญ่ทางรัฐบาลอินเดียมาร่วมงาน ในการที่ทางประเทศไทย จะนำพุทธศาสนากลับไปสู่ดินแดนมาตุภูมินั้น  ผู้แทนทางอินเดีย กล่าวตอบว่า "การที่ท่านจะนำพุทธศาสนา กลับมาอินเดียนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่จงนำพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อย่านำพุทธศาสนาแบบไทยเข้ามาเลย"  นี่คือคำตอบ ตามที่คุณเข้าใจ

                            ศาสนาพุทธแท้ นั้น มีแต่สิ่งที่เป็นธรรมชาติ  เป็นจริง ที่มนุษย์ต้องประสบ ไม่ละเว้น เพียงแต่เพราะอวิชชาจึงมองไม่ออก และหลงติดอยู่ในความคิด จึงไม่เห็นความจริงของชีวิต พระองค์จะเกิดหรือไม่ มันก็มีขอมันเองแล้ว พระองค์เมื่อรู้แล้ว จึงมาบอก ชี้แจง ให้เข้าใจ ในสิ่งที่มีอยู่แล้วนั่นเอง

                             ขอทราบที่อยู่ จะส่งหนังสือ "กาลานุกรม" ของพระพรหมคุณาภรณ์ ไปให้ จะได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของโลก ก่อนพุทธกาล - สมัยพทธกาล และหลังพุทธกาล   ได้ถุกต้อง

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #3 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2555, 01:12:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 กรกฎาคม 2555, 18:45:28
สวัสดีครับ คุณก้าน ๒๔

                             ผมขอค้านครับ ศาสนาพุทธขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ "เทวนิยม" ครับ  ที่มีสวรรค์ชั้นต่างๆ นั้น พระองค์ยกขึ้นมาเพื่อให้คนกระทำแต่กรรมดีเท่านั้น ไม่ให้หลงระเริงในอกุศลกรรม เพราะจะมีแต่ความเดือดร้อนไปทั่ว  สังคมจะอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อตายจะไปอยู่นรก ทำให้คนกลัว  ส่วนคนที่อยู่ในกุศลกรรม ตายไปจะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ เป็นการส่งเสริมให้คนทำดี  แต่ไม่ได้บูชา พรหม เทวดา หรืออ้อนวอนให้ช่วยทั้งสิ้น ครับ

                            ถ้าเป็นเทวะนิยมต้องศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู ที่สวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ คุ้มครอง

                            ศาสนาพุทธ สอนให้พึ่งตัวเองด้วยความวิริยะ และปัญญา  ไม่เบียดเบียนสัตว์  ระวังกาย วาจา ใจ ตนเองให้เป็นปกติ อยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่ในศีล อย่างน้อยศิล ๕ และปฏิบัติตาม มรรค ๘ ในการดำรงชีวิต  ไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ไม่ยึดมั่นถือมั่น

                           ให้เห็นความจริงในอิริยะสัจจ์ ๔ ให้รู้จักทุกข์ ว่าทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร(เกิด แก่ เจ็บ ตาย ปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่พอใจ และพลัดพรากจากสิ่งที่รัก) ให้รู้เท่าทัน  ให้รู้สาเหตุแห่งทุกข์นั้น คือสมุทัย ได้แก่ตัณหา ความอยาก หรือความยึดมั่นถือมั่น(สันดาน) ให้รู้จักนิโรธ คือวิธีแก้ทุกข์ คือแก้ที่สาเหตุแห่งทุกข์ และวิธีปฏิบัติอันเป็นทางพ้นทุกข์ที่ถาวร คือ มรรค ๘

                            ต้องเข้าใจว่าศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า  ต่างจากศาสนาพุทธของประเทศไทย ที่คุณเห็น เข้าใจ ที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมทั้งสิ้น มีแต่แข่งทางด้านวัตถุ คือสร้างวัด โบสถ์ ศาลา  ไม่ได้เน้นที่จิตใจแท้จริง และเป็นพุทธพาณิชย์ ทำให้ประชาชนหลงไปในทางที่ผิด ที่ตรงกันข้ามเลยกับที่พระพุทะองค์ทรงสอน

                            ตอนที่พระธรรมทูต  ได้เชิญผู้ใหญ่ทางรัฐบาลอินเดียมาร่วมงาน ในการที่ทางประเทศไทย จะนำพุทธศาสนากลับไปสู่ดินแดนมาตุภูมินั้น  ผู้แทนทางอินเดีย กล่าวตอบว่า "การที่ท่านจะนำพุทธศาสนา กลับมาอินเดียนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่จงนำพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อย่านำพุทธศาสนาแบบไทยเข้ามาเลย"  นี่คือคำตอบ ตามที่คุณเข้าใจ

                            ศาสนาพุทธแท้ นั้น มีแต่สิ่งที่เป็นธรรมชาติ  เป็นจริง ที่มนุษย์ต้องประสบ ไม่ละเว้น เพียงแต่เพราะอวิชชาจึงมองไม่ออก และหลงติดอยู่ในความคิด จึงไม่เห็นความจริงของชีวิต พระองค์จะเกิดหรือไม่ มันก็มีขอมันเองแล้ว พระองค์เมื่อรู้แล้ว จึงมาบอก ชี้แจง ให้เข้าใจ ในสิ่งที่มีอยู่แล้วนั่นเอง

                             ขอทราบที่อยู่ จะส่งหนังสือ "กาลานุกรม" ของพระพรหมคุณาภรณ์ ไปให้ จะได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของโลก ก่อนพุทธกาล - สมัยพทธกาล และหลังพุทธกาล   ได้ถุกต้อง

                            สวัสดี


สวัสดีครับ พี่

ก่อนอื่นต้องขอบคุณครับสำหรับความเอื้อเฟื้อ แต่ไม่เป็นไรครับ

เรื่องที่ว่า ศาสนาพุทธเป็นเทวนิยมที่สมบูรณ์ อันนี้ผมไม่ได้ว่าเอาเองครับ นำที่คนอื่นพูดมาว่าต่ออีกที แต่ก็เห็นด้วยกับพี่ครับที่ว่า ในประเทศไทยนี่มันเพี้ยนไปจากเดิมเยอะ

[๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุ
ทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบ
ประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน?  ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มี
ประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.
             พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก
ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น
ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้
นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก.
[๑๗๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า นี้ทุกข์ ...
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็น
พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์
ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.


สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ก็เพราะว่าท่านเห็นว่าไม่มีประโยชน์ คือไม่ทำให้หลุดพ้น แต่ท่านไม่ได้บอกว่ามันไม่จริง แต่กลายเป็นยึดมั่นถือมั่นกันว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเท่านั้นที่เป็นความจริง

ผมมีประสบการณ์ทั้งในศาสนาพุทธและไม่ใช่ศาสนา ประสบการณ์บอกให้ผมรู้ว่า ถ้ามีใครสักคนปลูกฝังอะไรลงในความคิดของเรา เมื่อเราเชื่อด้วยความศัทธา เราจะเกิดประสบการณ์แบบเดียวกันกับที่ผู้ปลูกฯได้บอกเรา เฉกเช่น ผู้ปลูกฯปลูกกระเทียม ก็จะได้กระเทียม ปลูกกระหล่ำปลีก็จะได้กระหล่ำปี

เมื่อผมปฏิบัติอย่างหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครบอกผม ผมทำของผมเอง หลังจากที่จักรของผมเปิด ก็เปิดด้วยตัวเองอีกนะแหล่ะ ผมก็เกิดประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป จากตำแหน่งที่รู้สึกถึงอาการพองยุบ พองยุบ ตามที่ได้รับการบอกจากการที่ไปเข้าคอร์สวิปัสนากรรมฐาน อาการที่เกิดขึ้นมันต่างไปอย่างสิ้นเชิง แล้วก็มีคนมาบอกผมว่า " เมื่อพี่นั่งสมาธิ ถึงจุดหนึ่ง พี่จะรู้สึกเหมือนกับว่า พี่ไม่หายใจ..." ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน กับที่ชาวพุทธบอกผมทุกประการ รวมถึงตอนที่ไปเข้าคอร์สวิปัสนาฯด้วย

เรื่องจิตนั้น มันก็มีความจริงเกี่ยวกับจิต วิธีการอาจแตกต่างกัน ในเบื้องต้น อาการที่เกิด ที่รับรู้นั้นแตกต่างกัน แต่ผลในที่สุด ก็เป็นความจริงเพียงสิ่งเดียว

นับถือครับพี่




 
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2555, 07:56:40 »

สวัสดีครับ คุณก้าน ๒๔

                           อะไรที่เราได้ยินได้ฟังมานั้น เราต้องพิจารณาด้วยหลัก "กาลามสูตร" อย่านำสิ่งที่ผิดๆ มาเผยแพร่ต่อ มันจะทำให้คนสับสน เกิดความเข้าใจผิดได้ (คนที่เขารู้  จะดูถูกเราได้  ว่าเรารู้ไม่จริง) ต้องเคารพในความเป็นจริง  เคารพในคำสอนของพระพุทธองค์

                           พระพุทธองค์ทรงบอกว่า สิ่งที่จะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมก็คือ การตู่คำสอนของพระพุทธองค์ โดยเฉพาะผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่มีคนนับถือ  ยกย่องนี่ละ(ได้แก่ ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก อุบาสิกา) ผึงระวังจงหนัก เพราะมีผู้ศรัทธามาก

                           เราควรปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ นำมรรค ๘ มาปฏิบัติในการดำรงค์ชีวิต มีจิตตั้งมั่นในกุศลกรรม ก็เพียงพอแล้ว  เห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องก็อย่านำไปขยายผล และให้เขาแก้ไขให้ถูกต้องเสีย นี่เป็นหน้าที่ ที่เราจะปกป้องพุทธศาสนา ที่แท้จริงของพระพุทะองค์ได้

                           ปัจจุบัน มีผู้ที่ทำให้พุทธศาสนาผิดเพี้ยนไปมาก โดยเฉพาะพระภิกษุ(บางรูป ที่ต้องการหาแก่นไม้  แต่กลับไปได้เปลือกไม้ ใบไม้แทน คือติดอยู่กับลาภ  สักการะ  เกียรติ ชื่อเสียงที่มีคนนับถือ น่าเสียดาย) เราต้องชี้แจงให้ทุกคนทราบในสิ่งที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง

                            ความรู้จากการอ่าน การฟัง มานั้น มันไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราไม่นำไปปฏิบัติให้เห็นจริงด้วยตัวของเราเอง

                           สวัสดี




      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #5 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2555, 01:00:05 »

สวัสดีครับพี่

แต่ผมว่า เขาก็ไม่ผิดนะครับ ที่ผมเคยอ่านมา เขาอ้างว่ามีเขียนไว้ในพระไตรปีฎก สวรรค์มีกี่ชั้นฟ้า กี่ชั้นพรหม แต่ละชั้นมีขนาดกว้างยาวกี่โยชน์ ชั้นที่อยู่สูงขึ้นไป สูงจากชั้นล่างเ่ท่าไหร่ ต้องทำยังไงถึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นนั้น คนที่พูดว่า ศาสนาพุทธเป็นเทวนิยมที่สมบูรณ์แบบที่สุด ก็น่าจะจับประเด็นมาจากตรงนี้ ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับสวรรค์ของพระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ และเทพในศาสนาฮินดูก็ยังไม่ชัดเจนเท่าศาสนาพุทธเลย เพราะไม่ได้แบ่งชั้นวรรณชัดเจนขนาดนี้ ขนาดประเทศอินเดียที่มีการแบ่งวรรณะแท้ๆ ศาสนาหลักของเขาก็ยังไม่แบ่งชัดเจนเท่าศาสนาพุทธเลย

มันก็แปลกดีนะครับ ศาสนาที่เป็นเทวนิยม กลับไม่แบ่งสวรรค์เป็นระบบระเบียบชัดเจน เท่ากับศาสนาที่ไม่ได้เป็นเทวนิยม

แล้วจะไม่ให้เขาว่า ก็ต้องไม่มีจารึกในพระไตรปีฎกกันละครับ

นับถือ


 
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #6 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2555, 09:26:54 »

สำหรับผู้สนใจสามารถ ดาวน์โหลดพระไตรปิฎก: ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

ได้ที่นี่ครับ >>  http://www.fungdham.com/tripitaka01.html


ปล.

ผมก็ไม่เคยอ่านเหมือนกัน เยอะมาก อ่านไม่ไหว  เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #7 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2555, 15:20:09 »

ขออนุญาต พี่ก้าน ในฐานะเจ้าของกระทู้ ...พี่สิงห์... และพี่น้องทุกท่าน นำมาแปะ นะครับ เห็นว่าเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของ การสนทนา   เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจบ้าง ขอบคุณครับ


----------------------------------------------------------------------------------

ความเป็นมาของพระไตรปิฏก ... ครับ


ตอนที่ 1

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=L6aefrVreLE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=L6aefrVreLE</a>


ตอนที่ 2

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=1YauD3P9cbI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=1YauD3P9cbI</a>


      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #8 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2555, 15:25:41 »

กาลามสูตร ครับ

ตอนที่ 1

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=By42iVGrgFg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=By42iVGrgFg</a>

ตอนที่ 2

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=X9WYBzehAxA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=X9WYBzehAxA</a>


      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #9 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2555, 02:04:44 »

ถ้าเราอยู่แต่ในบ้าน เราอาจจะเห็นบ้านหลังอื่นๆได้บางหลังจากหน้าต่างบ้านของเรา
แต่ที่เห็นก็เป็นเพียงด้านนอกบางด้าน ไม่ใช่รอบด้าน
และเราอาจจะเห็นภายในบ้านหลังอื่นได้เมื่อมองทะลุหน้าต่างบ้านหลังนั้นเข้าไป
แต่ก็เห็นได้เพียงผิวเผินน้อยนิด
ที่สำคัญเราจะมองไม่เห็นเลยว่าด้านนอกบ้านของเรานั้นเป็นอย่างไร
จนกว่าเราจะก้าวออกไปนอกบ้าน แล้วเดินดูรอบๆ

บ้านนั้นเรียกกันว่า "ศาสนา"



 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #10 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2555, 17:36:32 »

กับการที่จะให้คนออกจากบ้านที่เรียกว่าศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ

ประการแรก ถ้าชีวิตราบรื่น หรือมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็เติบโตก้าวหน้า ก็คงไม่มีใครคิดจะออกจากบ้าน และถึงแม้ว่าจะลำบากแสนสาหัส ก็ไม่ค่อยจะมีคนคิดออกจากบ้าน ทั้งนี้เนื่องด้วย

ประการที่ 2 บรรดาคนเหล่านั้นอาจเกิดมาภายใต้ร่มเงาของศาสนามาแล้วหลายภพชาติ อย่างพุทธศาสนาที่ผ่านมาแล้ว 2,600 ปีนั้นถ้าเกิดทุก 500 ปี ก็เท่ากับเกิดมาแล้ว 5 ชาติภพ  ถ้าเกิดทุก 250 ปี ก็ปาเข้าไป 10 ชาติภพแล้ว

ผมเองมีชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน ก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องออกจากพุทธศาสนา หากแต่มีเหตุดังที่เคยเล่าไปในเว็บบอร์ดนี้ร่วม 2 ปีมาแล้ว

ครั้งหนึ่งประมาณ 10 ปีก่อน ผมเคยคุยกับลูกศิษย์ท่านหลวงตามหาบัวฯ ช่วงหนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาในทำนองว่า "ผมไม่เคยอยู่ภายใต้ร่มเงาของศาสนาพุทธ..." (ขอโทษที่จำคำพูดไม่ได้ทุกคำ) และหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยพูดเรื่องทางศาสนากับผมอีกเลย

สมัยเด็ก แม่เคยพูดบ่นว่า "ทำไมมึงไม่เห็นเหมือนเด็กคนอื่น เวลาไปวัดก็ไม่ไหว้พระ ต้องบอกทุกครั้งถึงจะทำ..." ก็จริงนะ ผมไม่เคยอยากไปวัด แม่ต้องปลุก ให้ไปก็อิดเอื้อน ทำเองนะไม่เคย ทำแต่ตามที่แม่บอกให้ทำ

อีกเรื่องผมจะเกลียดพิธีกรรมเอามากๆ ทางเหนือก็จะมีพิธีสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา เลี้ยงผีปู่ย่า เวลาต้องทำนี่ผมจะหงุดหงิดทุกที เพราะขัดแม่ไม่ได้

สมัยเด็กก็กลัวผี ก็หาพระมาแขวน ทั้งตะกรุดด้วย แต่ก็แขวนได้ไม่นานต้องเอาออก เพราะมันคันตรงหว่างกลางอก แม่ก็บ่นอีกเหมือนกัน

ตอนนี้ผมเลยได้ข้อสรุปว่าผมอาจเป็น "ฝ่ายเหนือ" ที่มาเกิดใหม่



 บ่ฮู้บ่หัน

      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #11 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2557, 04:57:24 »

bmw 777 เป็นผีไม่มีศาล .........ท่านใดเอาออกได้ ช่วยขุดออกให้ที ครับ รู้สึกว่า มาอยู่ผิดที่ นานแล้ว ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><