01 พฤศจิกายน 2567, 06:35:45
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 64   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่อง ซิกเซ้นต์ และผีๆ  (อ่าน 449427 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1350 เมื่อ: 24 เมษายน 2554, 22:45:21 »


สวัสดียามดึกครับ........พี่ตู่..พี่ป้อม..พี่อ้อย..ท่านจุ๊ง..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน

พี่ป้อมดูคลิปผีที่โพสท์ไว้หมดหรือยังครับ? จะได้โพสท์ของใหม่ต่อ.....
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1351 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 12:07:12 »

จบหมดแล้วค่ะ ขอบคุณมาก
ช่างสรรหามาโพสท์จริงๆ
ดูไปกลัวไป แต่ก็อยากดูค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1352 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 13:16:50 »

   วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7452 ข่าวสดรายวัน


ทางสามแพร่ง

ขนหัวลุก
ใบหนาด


"ป๊อก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นผีกินเครื่องเซ่น

สมัยเด็กผมอยู่ในซอยตรงข้ามกรมสามิต ราชวัตร กทม.นี่เองครับ เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เล่าว่าเคยเป็นทุ่งนาเวิ้งว้างมาก่อน แต่เมื่อความเจริญมาถึง เจ้าของที่ก็แบ่งขายเป็นแปลงเล็กแปลงน้อย หรือแปลงใหญ่เกือบสองไร่ก็มีครับ

บ้านผมอยู่เกือบสุดซอยที่เป็นสามแยก หรือนิยมเรียกกันว่า "ทางสามแพร่ง" โบราณบอกเป็นทำเลที่ไม่เหมาะกับการสร้างที่อยู่อาศัย เพราะมีแต่สิ่งร้ายๆ หลั่งไหลมากระจุกกันอยู่ที่นั่น

แหม! คนกรุงเทพฯ ถ้าไม่ร่ำรวยจริงๆ ใครจะเลือกบ้านช่องที่ตัวเองพอใจไปหมดได้ล่ะครับ? บ้านผมก็อยู่ใกล้ๆ กับทางสามแพร่งพอดี

ลือกันว่าก่อนนั้นมีบึงใหญ่อยู่กลางทุ่งนา ต่อมาตื้นเขินด้วยขยะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ บางคนยืนยันว่าเคยพบกระดูกและหัวกะโหลกมนุษย์มาแล้ว แต่ในที่สุดก็ถูกปรับถมที่เพื่อปลูกบ้านน้อยใหญ่ เรียงรายกันไปจนแทบไม่มีที่ว่างเลย ยกเว้นแต่ริมกองขยะที่มีรั้วกั้นเท่านั้น

มีเสียงร่ำลือกันว่าผีดุมากด้วยครับ!

สาเหตุจากฆ่ากันตายบ้าง คนร้ายโดนตำรวจวิสามัญฯ ใกล้ๆ กับรั้วข้างกองขยะ คนผูกคอตายที่กิ่งมะม่วงหน้าบ้านก็มี วันดีคืนดีคนแก่ก็มาเป็นลมตายกลางซอย เกือบจะถึงทางสามแพร่งอีกสองคน

เคยมีเสียงร้องกรี๊ดๆ ตอนเลยค่ำไปไม่นานนัก ปรากฏว่าป้าฉวีโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้า โดยมีคนเดินสวนทางมา ตัวแข็งทื่อ หน้าดำปี๋ สองเท้าเรี่ยๆ พื้น กลิ่นเหม็นสาบสางคลุ้งไปหมดจนแทบหายใจไม่ออก...แล้วจู่ๆ ก็เลี้ยวทะลุรั้วที่มีคนผูกคอตายไปดื้อๆ

บางคนก็เจอหญิงชราเดินโซซัดโซเซคล้าย คนเมา คอพับคออ่อนมองไม่เห็นหน้า กำลังจะสวนทางกันอยู่แล้วแกก็ล้มแผละลงนอนตะแคง... เห็นหน้าชัดเจนว่าเป็นยายสอาดที่เป็นลมตายคาซอยนั่นเอง!

แต่สิ่งที่น่ากลัวสุดๆ โดยเฉพาะตอนเย็นกับค่ำคืนก็คือตรงสุดทางสามแพร่ง ที่มีทั้งเสาไฟและตู้ไฟฟ้าติดกำแพงรั้ว ล้วนแต่เปรอะไปด้วยรอยขีดเขียนกับการพ่นสีสเปรย์ของคนมือบอน...

นั่นคือกระทงเซ่นผีครับ!!

จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้เห็นว่าเป็นของใคร เพราะตอนเช้าก็เห็นกระทงใบตองใส่ข้าวและกับง่ายๆ อย่างไข่เจียวหรือหมูทอดชิ้นเล็กๆ มีขนมอีกอย่าง รวมเป็นสามกระทงที่วางอยู่ข้างเสาไฟฟ้า...เชื่อกันว่าคงจะมีญาติมิตรของผู้ตายนำมาวางไว้ทุกวัน

ที่ว่าน่ากลัวก็เพราะหมาจรจัดแถวนั้นไม่เคยมาข้องแวะกับของเซ่นผีพวกนี้เลย

ตอนกลางคืนใครผ่านไปมาก็จะเห็นแต่กระทงเปล่าๆ พอรุ่งเช้าก็มีกระทงชุดใหม่มาวางแทนที่...เด็กๆ อย่างพวกผมก็สงสัยกันว่าจะมีผีมากินเครื่องเซ่นจริงๆ ละหรือ?

จนกระทั่งคืนหนึ่งพวกเราก็ได้ประสบกับเหตุการณ์ขนหัวลุกด้วยตัวเอง!

คืนนั้น ผมกับเพื่อนอีกสองคนไปดูหนังกันที่ศรีย่าน หลังจากโรงหนังดุสิตเลิกกิจการไปแล้ว...ขากลับราวสามทุ่มเศษเรานั่งรถเมล์จากต้นทางมาลงใกล้ๆ ซอยเข้าบ้าน...หน้าหนาวมืดเร็ว อากาศเย็นยะเยือก ผู้คนที่ถนนใหญ่บางตา คนที่เดินเข้าซอยก็มีแต่เราสามคน

เลี้ยวขวานิดหน่อยก่อนจะเลี้ยวซ้ายเป็นทางตรงไปบ้านใกล้ๆ กับทางสามแพร่งเกือบ 300 เมตร แต่เราเดินจนชินแล้วจึงไม่ได้หวาดกลัวอะไร นอกจากจะรีบเดินเร็วๆ ให้หายหนาวเท่านั้น

เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆ ฟังแล้วรู้สึกว่าโหยหวนเยือกเย็นจับกระดูกยังไงพิกล แต่พวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก...ผ่านร้านเสริมสวยกับร้านชำไปจนถึงร้านขายเหล้าที่อยู่ติดกับทางแยกแคบๆ ร้านพวกนั้นปิดกันหมดแล้ว มองไปข้างหน้าก็เห็นหลังคาบ้านใกล้เข้ามา

"เฮ้ย! นั่นอะไรวะ?" เจ้าฉิ่งถามขึ้นเบาๆ เจ้าน้อยกับผมก็เหลียวซ้ายแลขวา จนกระทั่งมองเห็นภาพนั้นตรงสุดทางสามแพร่งเข้าพอดี!

ใต้แสงไฟเหลืองรัว สรรพสิ่งเงียบเชียบเหมือนตกอยู่ในโลกร้าง...เรามองเห็นร่างผอมเกร็งผิวดำของเด็กชายอายุราว 6-7 ขวบ กำลังนั่งยองๆ เปิบข้าวจากกระทงใส่ปากอย่างรวดเร็ว เคี้ยวกลืนๆ ด้วยท่าทางมูมมามเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหนนมนานเต็มที

พวกเราชะงักกึก ผมอ้าปากค้าง ขนลุกซ่าไปทั้งตัว เย็นวาบตั้งแต่ต้นคอไปถึงก้นกบ...เกือบพร้อมๆ กับ ใบหน้าผอมดำคล้ายหนังหุ้มกระดูกหันขวับมา นัยน์ตาลุกโพลงแดงจ้าสบตาเราก่อนจะพุ่งพรวดไปทางกองขยะลับหายในบัดดล

พวกเราแตกกระเจิงกลับบ้านใครบ้านมัน...หายสงสัยแล้วว่าของเซ่นผีหายไปไหน? บรื๋อออ...

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1353 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 16:42:59 »


สวัสดียามเย็นครับ........พี่ป้อม..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน

เด็กผี.... ไม่มีมารยาท

ทานอาหารไม่ใช้ช้อน..... ...5...5...5
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1354 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 16:47:51 »



อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 25 เมษายน 2554, 12:07:12
จบหมดแล้วค่ะ ขอบคุณมาก
ช่างสรรหามาโพสท์จริงๆ
ดูไปกลัวไป แต่ก็อยากดูค่ะ


ดึกๆแวะเข้ามาดูใหม่นะครับ... พี่ป้อม

ถ้าไม่ติดขัดอะไร จะโพสท์ให้ชมครับ.....
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1355 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 22:16:53 »

มาตามนัดครับ...

...ฆาตกรรม...

<a href="http://www.youtube.com/v/dD6wjpVDUU0" target="_blank">http://www.youtube.com/v/dD6wjpVDUU0</a>


<a href="http://www.youtube.com/v/zMhaYyHvHtg" target="_blank">http://www.youtube.com/v/zMhaYyHvHtg</a>
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1356 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 22:17:13 »



<a href="http://www.youtube.com/v/B4qIo2l6v-Q" target="_blank">http://www.youtube.com/v/B4qIo2l6v-Q</a>


<a href="http://www.youtube.com/v/H5sUZTntD_A" target="_blank">http://www.youtube.com/v/H5sUZTntD_A</a>


<a href="http://www.youtube.com/v/FdGDuXBHCCM" target="_blank">http://www.youtube.com/v/FdGDuXBHCCM</a>
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1357 เมื่อ: 26 เมษายน 2554, 21:38:14 »

มาติดดามดู ตามนัดค่า
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1358 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 00:20:37 »

   วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7454 ข่าวสดรายวัน


ไปงมกุ้ง

คอลัมน์ ขนหัวลุก
ใบหนาด


"เด็กดอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปากคลองสาทร

สมัยนั้นผมเป็นเด็กบางรัก เพื่อนฝูงเยอะแยะ มีรุ่นพี่ที่รุ่นน้องชื่นชมมากคือพี่เทพ ลูกชายครูทิพย์นั่นเอง

พี่เทพดังตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนถึงเบญจเพส หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งแต่ล่ำสันสมชาย นิสัยนักสู้ตัวจริง หัวใจเกินร้อย สาวๆ ห้อมล้อมเกรียวกราวน่าอิจฉา สมัยนี้บอกว่ากรี๊ด...สลบ!

นักเลงสมัยก่อนคุ้มครองถิ่นตนได้ นอกจากจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้ทางบ้าน ไม่รังแกรุ่นน้อง แล้วยังช่วยปกป้องอีกต่างหาก

ปากคลองสาทรคือสวนสนุกของพวกเราครับ ใกล้ๆ กันมีศาลเจ้ากับโรงข้าวชื่อดัง แพซุงก็เพียบ พวกเราไปกระโดดน้ำเล่นตูมๆ ตามอย่างรุ่นพี่เขา ว่ายไปเกาะเรือโยงทวนน้ำเป็นโขยง ขากลับก็ลอยคอตามน้ำมาสบายๆ ไม่เหนื่อยแรง

ที่แพซุงเคยมีคนพลั้งพลาดหล่นผลุบลงไป...กลายเป็นศพน่าอนาถที่สุด!

สาเหตุเพราะแกโผล่ขึ้นมาตามช่องว่าง ระหว่างท่อนซุงขนาดสองคนโอบ ถ้ารีบสูดอากาศเข้าปอดแล้วดำน้ำหาทางออกอาจจะรอดตาย แต่คลื่นกระแทกจนโดนซุงสองท่อนบี้กะโหลกแตก...นึกถึงภาพทุบมะพร้าวดังโพละแล้วขนหัวลุกครับ

ศพที่ลอยขึ้นวันต่อมาคือหลักฐานที่บอกให้รู้ ว่าคนชะตาขาดประสบกับมรณะน่าสยดสยองปานใด...ใครรักสนุกอยากกระโดดน้ำให้มันส์ๆ ก็ต้องเสี่ยง ระวังตัวเอาเอง

ในคลองสาทรก็เป็นแหล่งสำราญของพวกเรา มีเรือข้าวเข้ามาเขาก็ปิดประตูระบายน้ำออก พวกเราก็โดดน้ำงมกุ้งกันเพลิดเพลิน มีเสาตอม่อที่กุ้งนางกับกุ้งก้ามกรามเกาะกันเต็ม ลูบปราดเข้าไปเป็นได้กุ้งตัวโตๆ ติดมือขึ้นมาแน่นอน

ที่ชุกชุมเหลือเชื่อคือหอยขมครับ แต่สมัยนั้นชาวบ้านยังไม่นิยมกินกัน ไหนจะปลาสังกะวาด (เราเรียกปลาแขยง) ก็ชุมน่าดู ใครโดนมันยักถึงกับร้องจ้า วิ่งขึ้นมาหากะลาทุบแผล เหมือนคนโดนหมากัดใช้รองเท้าตบรอยเขี้ยวน่ะแหละ เชื่อว่าช่วยบรรเทาพิษปวดชะงัดนัก

พวกผู้ใหญ่เขาก็ออกเรือตกกุ้งบ้าง ทอดแหบ้าง ตกปลากระทิงบ้าง...ตอนเด็กๆ เห็นหนังลายน่าเกลียดจนไม่อยากกิน ที่ไหนได้ล่ะ พอลิ้มรสเข้าไปหน่อยก็ติดอกติดใจในเนื้อเหนียวหนับเข้าจนได้

แม่น้ำเจ้าพระยายุคนั้นไม่ถึงกับใสแจ๋ว แต่ก็ยังไม่ขุ่นคลั่กอย่างทุกวันนี้ดอกครับ

เวลาดำน้ำงมกุ้งน่าสนุกที่สุด เพราะได้ทั้งเล่นกับได้กุ้งเนื้อหวานๆ มากินด้วย...ยิ่งดำบ่อยๆ เข้าก็ยิ่งชำนาญ ช่ำชองกับโลกใต้น้ำเงียบเชียบ มองดูกุ้ง หอย ปู ปลาเพลิดเพลิน...วิเวกวังเวงดีจัง

พี่เทพ-วีรบุรุษประจำใจของผมน่ะซีครับ กลายเป็นสาเหตุพวกเราหมดกะจิตกะใจเล่นน้ำ-ดำน้ำงมกุ้งไปหลายวัน!

หน้าหนาวปีนั้น พี่เทพกับเพื่อนๆ แข่งกันว่ายข้ามแม่น้ำ พวกรุ่นน้องก็ตั้งกองเชียร์อยู่บนแพซุง พวกตกกุ้งตกปลารุ่นน้ารุ่นลุงก็พลอยชะเง้อคอมองแบบช่วยลุ้นด้วยเช่นกัน

เสียงเฮๆ กับเสียงเรือหางยาว เสียงคลื่นกระทบแพซุง ผสมผสานกันแทบไม่ขาดระยะ จนพวกแข่งว่ายน้ำกำลังจ้ำพรวดๆ กลับมาค่อนทาง...แต่พี่เทพหายไปซะแล้ว

จมน้ำตายครับ!!

สาเหตุเพราะโดนตะคริวกิน มารู้ทีหลังว่าแกเคยเป็นตะคริวมาก่อน แต่อยู่ใกล้ฝั่งกับมีคนเห็นเลยรอดตายหวุดหวิด เขาว่าคนที่เคยเป็นตะคริวแล้วมักจะเป็นบ่อยๆ พี่เทพจะลืมตัวไปหรือเพราะใจเกินร้อยก็ไม่ทราบ แต่ทำให้เอาชีวิตในวัยหนุ่มแน่นไปสังเวยแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างน่าสลดใจ

กาลเวลาช่วยรักษาบาดแผลทุกอย่างได้ดีที่สุด ไม่ช้าพวกเราก็ลงเล่นน้ำกันอีก...ทั้งโดดแพซุงด้วยท่าพิสดาร ทั้งว่ายน้ำเกาะเรือโยง ทั้งดำน้ำงมกุ้งไปให้แม่ทำกับข้าวบ้าง ทำกับแกล้มให้พ่อบ้าง...พล่ากุ้งอร่อยแค่ไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ

เย็นวันเกิดเหตุ! ผมดำน้ำลงไป 2-3 ครั้งแต่ไม่เจอกุ้งเลย ทั้งๆ ที่หน้าหนาวกุ้งชุมชะมัด พวกเพื่อนๆ ที่โผล่ขึ้นมาก็ส่ายหน้ากันทุกคน...น้ำเย็นเฉียบจนขนลุก ผมกลั้นใจดำวูบลงไปอีกครั้ง... ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นในม่านตา และยัง ชัดเจนตราตรึงมาถึงทุกวันนี้

พี่เทพรูปหล่อหน้าขาวซีด ผมยาวสยายอยู่ในน้ำคล้ายสาหร่าย นัยน์ตาดำโตฉายแววเศร้าจ้องมอง ปากอ้าเผยอ โบกมือช้าๆ เหมือนจะกล่าวคำอำลา

ผมทะลึ่งพรวดขึ้นมาได้ กระเส่าอากาศเข้าปอด ตะลีตะลานขึ้นฝั่งแทบไม่ทัน ซบหน้ากับฝ่ามือน้ำตาไหลพราก...ไม่รู้ว่าโศกเศร้าถึงพี่เทพ หรือหวาดกลัวแทบจะขาดใจตายกันแน่ครับ?!

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1359 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 05:31:14 »

   วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7453 ข่าวสดรายวัน


ซอยสยองขวัญ

ขนหัวลุก
ใบหนาด


"ผ่องพรรณ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยผีสิง

ดิฉันเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเขตดินแดง กทม. นี่เองค่ะ อยู่บ้านกับพ่อแม่ในซอยใกล้ๆ โรงเรียน...ปัญหาสำคัญก็คือมีเสียงร่ำลือหนาหูว่าผีดุที่สุด

สาเหตุคือมีคนฆ่ากันตาย วัยรุ่นไล่แทงไล่ฟันกันเลือดสาด มอเตอร์ไซค์ปะทะกับสองแถวบ้าง รถกระบะบ้าง บางทีก็หลบคนไปเสยกับเสาไฟจนกลายเป็นซากเละๆ น่าสยองมาก

นั่นคือมีคนพบเห็นสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่เห็นเดินสวนทางมาจู่ๆ ก็หายวูบเข้าไปในเสาไฟ บางทีเห็นใครนั่งกอดเข่าฟุบหน้าอยู่ที่โคนต้นไม้ริมทาง นึกว่าเป็นคนเมานั่งหลับ แต่พอเดิน เข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าไม่ใช่ฟุบหน้า...แต่เป็นผีหัวขาดค่ะ!

ป้าเกศ-แม่ค้าผลไม้ที่ตลาดเจอภาพสยองขวัญหนักกว่าเพื่อน

วันนั้นแกออกไปซื้อกับข้าวแต่เช้ามืด มีคนเดินในซอยห่างๆ ราว 3-4 คน ไฟแสงจันทร์เยือกเย็น พอดีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาข้างหลังก็หันไปมอง คิดว่าถ้ารู้จักกันจะได้อาศัยซ้อนท้ายไปด้วยคน

อ้อ! ไม่รู้จัก...ป้าเกศหันกลับตามเดิม ก่อนจะชะงักกึก ยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ ขนหัวลุกตั้งทันใด...แล้วหัน ขวับไปมองอีกครั้งให้แน่ใจว่าเมื่อตะกี้ตาฝาดไปเองหรือเปล่า?

ไม่ได้ตาฝาดค่ะ รถอุบาทว์คันนั้นแล่นมาเกือบถึงตัวแล้ว...แต่ไม่มีคนขับ!!

เสียงป้าเกศร้องลั่นๆ "ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย..." ดังเป็นชุดๆ จนผู้คนแทบจะตกใจตื่นกันทั้งซอย ลุกออกมาดูก็เห็นแกวิ่งผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเป็นลมเป็นแล้งไปแถวๆ หน้าบ้านดิฉันเอง

ยอมรับว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...จนกระทั่งได้เจอเข้ากับตัวเองชนิดจังๆ

เมื่อตอนต้นปีดิฉันไปงานแต่งงานเพื่อนที่โรงแรมย่านประตูน้ำ...ปกติดิฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์นะคะ แต่มีเพื่อนๆ อยู่ย่านเดียวกันอีกสองคนคะยั้นคะยอให้ดื่มเบียร์และอาสาจะไปส่งให้ ไม่ต้องห่วงตอนขากลับเลยดื่มไป 2-3 แก้ว...ขากลับก็นั่งรถเพื่อนชื่อนุชกับขวัญ แถวมักกะสันกับสามแยกราชปรารภเลี้ยวขวาไปดินแดงรถติดมากค่ะ

ในที่สุดก็เลี้ยวเข้าถนนประชาสงเคราะห์ ถึงปากซอยบ้านดิฉันก่อน ส่วนนุชกับขวัญอยู่เลยไปทางที่จะทะลุออกรัชดาภิเษก 3 ดิฉันเกรงใจเพื่อนเลยบอกว่าไม่ต้องเข้าซอยไปหาที่กลับรถหรอก ส่งแค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว

เดินๆ ไปรู้สึกเยือกเย็นวังเวงใจพิกล แม้ว่าแสงจันทร์จะส่องสว่าง ต้นไม้ใหญ่น้อยยืนทะมึน ...พอดีมีเสียงฝีเท้าถี่ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ฤทธิ์เบียร์หายไปเกือบหมด

ตัดสินใจหันไปดูก็เห็นผู้หญิงนุ่งยีนส์สวมเสื้อยืดขาว วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา

"รอด้วยค่ะพี่..." เธอร้องเบาๆ ดิฉันชะลอฝีเท้าจนสาวสวยตามทัน แล้วหันมายิ้มหวาน "พี่อยู่ในซอยนี้ใช่ไหมคะ หนูเคยเห็นบ่อยๆ"

ดิฉันตอบรับ เราเดินกันไปเงียบๆ เสียงฝีเท้าสะท้อนตามหลังดังเป็นระยะ...อากาศหนาวน่าดู ในซอยเปลี่ยวยามดึกมีเราเดินกันอยู่สองคนเท่านั้น ใครๆ เขาคงเข้านอนกันหมดแล้ว ประตูรั้วทุกบ้านปิดเงียบเชียบ

จู่ๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ครางกระหึ่มมาจากก้นซอย!

คงพวกนักเที่ยวหรือวัยรุ่น ขณะที่แสงไฟพวยพุ่งเข้ามาหารวดเร็ว...ดีนะที่มีเพื่อนร่วมทางด้วย ไม่งั้นคงใจหายใจคว่ำแน่ๆ และถ้าเป็นคนร้ายเราจะไปสู้รบปรบมือได้ยังไง?

รถชะลอความเร็วลง ดิฉันยกมือขึ้นป้องหน้าจ้องมอง อาจจะเป็นคนรู้จักกันก็ได้เห็นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์มีคนซ้อนท้าย ผู้ชายทั้งคู่...ก่อนจะแล่นมาหาเราช้าๆ เหมือน ภาพสโลว์โมชั่น แต่น่าสยองขวัญเสียจนแข็งทื่อไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากจนร้องไม่ออกแม้คำเดียว!

ร่างทั้งสองบนรถอุบาทว์คันนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ส่งกลิ่นคาวคลุ้ง...ค่อยๆ แล่นผ่านเราไป โดยที่ร่างน่าสยองและใบหน้าแหลกยับทั้งคู่ไม่ได้หันมามองเราเลย

"ว้าย! ผีหลอก...ช่วยด้วย...!"

สาวสวยแผดร้องแสบแก้วหูแล้วออกวิ่งไม่คิดชีวิต ดิฉันเองก็เผ่นตามเช่นกัน...เสียงรองเท้ายิ่งดังก้อง เคล้ากับเสียงหัวเราะกระหน่ำเต็มสองหูอื้ออึง ม่านตาพร่าพรายราวกับมีดาวนับร้อยๆ ดวงกำลังแตกกระจายเต็มหน้า

กระทั่งไปหยุดหอบฮั่กๆ อยู่หน้าประตูบ้าน ควานหากุญแจรั้วมือไม้สั่น รองเท้ากระเด็นไปตอนไหนก็ไม่รู้... แต่แล้วก็เอะใจขึ้นมา

คุณพระช่วย! สาวสวยที่ดิฉันวิ่งตามเธอมาติดๆ หายไปแล้วค่ะ มองเห็นแต่บาทวิถีเปล่าเปลี่ยวเยือกเย็น แถวนั้นก็มีแต่รั้วบ้านติดๆ กัน ไม่มีซอกซอยให้หลบรอดสายตาไปได้เลย...ผลักประตูพรวดเข้าไปได้ก็วิ่งเข้าบ้าน ตกใจกลัวสุดขีดจนร้องไห้โฮไม่รู้ตัว

เดี๋ยวนี้ดิฉันเชื่อสนิทว่าผีมีจริง ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้วค่ะ!

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1360 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 08:49:42 »

พี่ยังสงสัยอยู่ แต่ไม่อยากเจอ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #1361 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 12:29:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 27 เมษายน 2554, 08:49:42
พี่ยังสงสัยอยู่ แต่ไม่อยากเจอ

   พี่ป้อมนี่แหละ...แฟนพันธุ์แท้เรื่องผีๆเลย...
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1362 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 15:47:10 »


สวัสดียามบ่ายครับ..... พี่ป้อม..พี่อ้อย..น้องป๋าทู และพี่น้องทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1363 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 15:49:10 »



อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 27 เมษายน 2554, 12:29:28
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 27 เมษายน 2554, 08:49:42
พี่ยังสงสัยอยู่ แต่ไม่อยากเจอ

   พี่ป้อมนี่แหละ...แฟนพันธุ์แท้เรื่องผีๆเลย...

เชื่อครับ.....เชื่อ 100% เลย.
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1364 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 15:55:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 27 เมษายน 2554, 08:49:42
พี่ยังสงสัยอยู่ แต่ไม่อยากเจอ

จะให้หายสงสัย..... ต้องลองเจอสักครั้งครับ พี่ป้อม
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1365 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 22:32:09 »


เรื่องที่จะนำมาโพสท์ต่อไปนี้....... ไม่ใช่เรื่องผีที่มาหลอกคน
แต่อ่านแล้ว....... เสียวสันหลังได้ไม่แพ้กัน

พี่น้องครับ......พี่น้องจะมีความรู้สึกอย่างไร?
...หากจะต้องนอนมองร่างที่ไร้วิญญาณ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เป็นเวลาถึง 3 วัน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1366 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 22:34:22 »


ยายวัย 68 ตายอืด3วัน...พี่สาวป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนเฝ้าศพ


สลด!ยายวัย 68 เสียชีวิตมานานกว่า 3 วันขึ้นอืดคาบ้านพัก ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชย เพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจ งัดประตูเข้าไปน่าเศร้า พี่สาวคุณยายป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนข้างศพอดข้าวอดน้ำ เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลนำส่งโรงพยาบาล คาดป่วยกะทันหันไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้ทัน

พ.ต.ท.ปฏิคม เกิดสุข พนักสอบสวน(สบ3) สน.บางมด ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย ภายในบ้านซอยพุทธบูชาซอย 4 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม.จึงรายงานงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิธิ ชาญประสิทธิ์ผล สวป.สน.บางมด เจ้าหน้าที่กู้ชีพรพ.บางปะกอก 1 แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา เจ้าหน้าที่พบว่ากุญแจถูกล็อคจากด้านในบ้านจึงตัดแม่กุญแจเข้าไปตรวจสอบด้านใน เมื่อเข้าไปถึงที่ชั้นล่างของบ้านพบ น.ส.ฮุ่ยน้อย แซ่ปึง อายุ 71 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนอยู่บนเตียง สภาพอิดโรย ไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาหลายวัน เจ้าหน้าที่กู้ชีพรพ.บางปะกอก 1 จึงรีบปฐมพยาบาลและนำตัวส่งรพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นการเร่งด่วน นอกจากนี้บนเก้าอี้พลาสติกใกล้กันพบศพน.ส.ธีรมล สำราญมั่งคง อายุ 68 ปี สภาพศพขึ้นอืดนั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน

จากการสอบถามน.ส.สุกัญญา เจริญพรทวีกุล อายุ 37 ปี ให้การว่า มีอาชีพทำเบาะอยู่ใกล้กับบ้านของผู้ตาย โดยผู้ตายเป็นน้องสาวของน.ส.ฮุ่ยน้อย ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และมาคอยดูแลที่บ้านดังกล่าวนานหลายปีแล้วและไม่ได้ทำงานอะไร ปกติผู้ตายจะไม่คอยสุงสิงกับใคร แต่จะชอบเดินออกมาโทรศัพท์หาญาติๆที่ร้านขายของชำใกล้ๆ และเดินไปซื้อของที่ตลาด นอกนั้นตนก็จะเห็นยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน ไม่เคยเดินทางไปไหนไกลเพราะต้องดูแลพี่สาว ส่วนญาติและหลานคนอื่นๆนานๆจะเดินทางมาเยี่ยม

น.ส.สุกัญญา กล่าวว่า ปกติผู้ตายเป็นคนแข็งแรง ไม่ได้ป่วยอะไร แต่ระยะหลังเคยบ่นกับแม่ค้าขายของชำว่ารู้สึกเหนื่อยและหายใจไม่ออก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เจอผู้ตายก็คือวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นอีก เมื่อสองวันก่อนตนได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาแต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งวันนี้กลิ่นเหม็นแรงมากตนจึงชวนแม่ค้าที่ร้านด้านข้างเดินไปดู เนื่องจากบานพับประตูเปิดแง้มเอาไว้ เมื่อมองเข้าไปก็แทบช็อค เพราะพบว่าผู้ตายนอนขึ้นอืดเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะมีอาการป่วย และไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ เนื่องจากพี่สาวก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ หลังจากนี้จะมอบศพให้มูลนิธิส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งประสานญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป











ขอบคุณที่มา : เนชั่นทันข่าว 23 เมษายน 2554
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1367 เมื่อ: 27 เมษายน 2554, 23:09:09 »

น่าสงสารนะ  คนปวยเป็นอัมพฤกษ์ส่งเสียงขอความช่วยเหลือไม่ได้เลยหรือ
ไม่ได้ถามนะคะ แค่พิมพ์ตามที่คิดเท่านั้นเอง
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1368 เมื่อ: 28 เมษายน 2554, 17:01:16 »


เลยไม่กล้าตอบพี่ป้อม เกรงจะเป็นการเสียมารยาท...........

....HA....HA
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1369 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2554, 19:02:52 »


ขุดขึ้นมาจากหลุมครับ.....

ถูกฝังไว้เป็นเดือนแล้ว.....
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1370 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2554, 00:38:56 »


เลยเที่ยงคืนแล้ว........

ปล่อยผีหน่อยดีกว่า.......
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1371 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2554, 00:49:07 »


   วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7488 ข่าวสดรายวัน


ผีตาฮก

ขนหัวลุก-ใบหนาด


"อร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือผีสิงสมัยเด็กดิฉันอยู่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีแม่น้ำตาปีเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพวกเรา เหมือนกับแม่น้ำสำคัญสายต่างๆ ทั่วประเทศนั่นแหละค่ะ

นอกจากนั้น ยังมีคลองเล็กคลองน้อยต่างๆ เป็นที่ตั้งบ้านเรือนของผู้คนอีกหลายแห่ง บ้านดิฉันอยู่ริมคลองนายบาง ชาวบ้านมีทั้งทำไร่ทำสวนและหากุ้งหาปลา พวกเราอยู่กันได้สบายๆ เพราะผู้คนยังไม่มากมายเหมือนทุกวันนี้

พวกผู้ใหญ่เล่ากันว่าในคลองลึกๆ ผีดุนักหนา มีคนเคยโดนหลอกมาสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะพวกหากุ้งหาปลา แต่ไม่ว่าจะกลัวผีมากน้อยแค่ไหน ถึงเวลาก็ต้องออกไปทำมาหากินเป็นนิจศีล

นอกจากผีดุแล้วยังมีจระเข้ชุกชุมด้วยค่ะ!

ตอนแรกๆ ดิฉันก็คิดว่าผู้ใหญ่เล่าเรื่องนี้เพื่อให้เด็กกลัว จะได้ไม่ไปเล่นน้ำกันบ่อยๆ แต่แล้วก็เกิดเรื่องสยองขวัญเหลือเชื่อขึ้นมา จนทำให้พวกเรายอมรับว่าจระเข้ที่ว่าดุนั้น มันดุร้ายขนาดไหน นึกถึงแล้วยังขนลุกอยู่ไม่หาย

"ตาฮก" คนในหมู่บ้านมีอาชีพหาปลาด้วยวิธีทอดแห แกมักออกเรือไปกับลูกชายวัยรุ่นชื่อพี่นุ้ย ไม่ถึงกับออกแม่น้ำหรอกค่ะ เฉพาะในคลองนายบางก็มีกุ้งปลาชุกชุมอยู่แล้ว

วันนั้น ตาฮกกับลูกชายก็ออกเรือไปหาปลาตามเคย

ดูเหมือนว่าจะโชคดีที่เหวี่ยงแหลงไปเป็นได้ปลามาครั้งละไม่น้อย จนกระทั่งถึงครั้งสุดท้าย ตาฮกบอกลูกว่าอีกโครมเดียวก็กลับบ้านได้เลย

ว่าแล้วก็ยืนขึ้นหว่านแหลงน้ำ...แหของตาฮกไม่ใช่แบบแหงมนะคะ เขาเรียกว่าแหลาก เสร็จสรรพก็ค่อยๆ ลากแหขึ้นมาช้าๆ มองเห็นปลาหลายตัวดิ้นกระแด่วๆ จนเกือบจะพ้นจากน้ำอยู่แล้ว เหตุการณ์สยดสยองก็อุบัติขึ้นมาทันใด!

นั่นคือ จระเข้ขนาดมหึมาตัวหนึ่งโผล่พรวดขึ้นจากน้ำเหมือนภาพในคืนฝันร้าย พี่นุ้ยผงะหน้า ร้องเสียงลั่น เมื่อเห็นจระเข้ตัวใหญ่ยาวเป็นวา พุ่งลิ่วขึ้นมาอ้าปากงับพ่อขาดกลางลำตัวพอดี ก่อนจะหล่นลงน้ำเสียงโครมสนั่น

ร่างที่เหลือแต่ท่อนล่างของตาฮกยังดิ้นรน ท่าม กลางเลือดสาดกระจายเต็มเรืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป!

พี่นุ้ยพายเรือกลับบ้านพร้อมด้วยศพครึ่งท่อนของพ่อได้ยังไง ตัวเองก็บอกว่ายังงงๆ อยู่เหมือนกัน...แต่เสร็จจากงานศพพ่อก็ประกาศว่าสาปส่งการหากุ้งหาปลา ไม่ว่าคลองนี้หรือคลองไหนไปชั่วชีวิต ก่อนจะเก็บข้าวของไปอยู่กับญาติในจังหวัด ไม่มีใครได้ทราบข่าวคราวจากแกอีกเลยจนถึงทุกวันนี้

แล้วผีตาฮกล่ะคะ จะดุร้ายหรือสาบสูญไปเหมือนกับลูกชายของแก?

ตรงกันข้ามค่ะ ผีตาฮกที่ประสบกับชะตากรรมน่าสยดสยองพองขน กลับเฮี้ยนสุดขีดจนเป็นที่เล่าลือกันมานับสิบปี!

พวกหากุ้งหาปลาต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลัง ไหนจะกลัวทั้งจระเข้ ไหนจะกลัวผีตาฮก บางคนอ่อนอกอ่อนใจถึงกับหยุดออกเรือไปหลายวันก็มีค่ะ

ตอนแรกๆ พวกพ่อแม่ที่มีลูกซุกซน ก็มีทั้งห่วงใยลูกเต้า กับโล่งอกโล่งใจที่พวกเด็กๆ ไม่กล้าลงไปเล่นน้ำกันอยู่หลายวัน จะอาบน้ำก็ต้องลงกันเป็นโขยง รีบอาบรีบขึ้นเพราะกลัวไอ้เข้กับกลัวผียิ่งกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำไป

หลังจากเผาศพไปได้ราว 6-7 วัน วิญญาณตาฮกก็เริ่มแผลงฤทธิ์ขึ้นมา!

นั่นคือ เรือหาปลาที่ลูกชายทิ้งไว้ให้ญาติๆ ก็จอดอยู่เฉยๆ เพราะยังไม่มีใครใจถึง กล้านั่งกล้าพายไปไหน ตอนกลางวันก็ดูสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่พอตกกลางคืนได้ไม่นานก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุก

บ้านดิฉันอยู่ใกล้ๆ บ้านตาฮกพอดี...

จู่ๆ เสียงคล้ายกระดานลั่นเกรียวกราวก็ดังแว่วมาจากริมน้ำ ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดแรงอะไรเลย พวกเราได้ยินกันหลายบ้าน รุ่งขึ้นต่างก็ถามไถ่กันว่าเสียงอะไร ก็ไม่มีใครตอบได้เลย...จนกระทั่งคืนต่อมา

เสียงกระดานลั่นดังขึ้นในความเงียบเชียบของราตรีอีกแล้ว!

พ่อแม่ดิฉันเงี่ยหูฟังอยู่พักหนึ่ง เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไป...พ่อบอกว่านั่นคือเสียงกระดานเรือที่มีคนลงไปเหยียบย่ำ เล่นเอาดิฉันต้องกอดแม่แน่น ส่วนแม่ก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ครางเบาๆ ว่า...ผีตาฮก...

ชาวบ้านร้านช่องที่ได้ยินเสียงสยองทุกคืน แทบจะนอนไม่หลับไปตามๆ กัน

คิดดูซีคะว่าเรือที่กลายเป็นเรือนตายอย่างน่าสยอง จะเกิดเสียงโครมครามได้ยังไง...นอกจากวิญญาณตาฮกจะเฮี้ยนจัดอยู่หลายคืน จนต้องเอาไปถวายวัดเลยค่ะ!

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1372 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2554, 00:52:00 »


ขอสามเรื่องเลยได้ป่ะ.....น้องป๋าทู
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1373 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2554, 01:08:42 »

วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7489 ข่าวสดรายวัน


เป็นผีดีกว่า


คอลัมน์ นิทานปรัชญาเต๋า
เสฐียรพงษ์ วรรณปก


จวงจื๊อเดินทางไปรัฐชี้ ระหว่างทางพบโครงกระดูกกองอยู่ จึงเอาไม้เคาะกะโหลกศีรษะ พูดว่า

"เจ้าผีเอ๋ย เมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าทำผิดกฎหมายบ้านเมืองจนถูกเขาประหารชีวิต หรือว่าเจ้าอดอยากหิวโหยจนตาย"

คืนนั้น จวงจื๊อต้องพักแรมกลางป่า เพราะยังไกลจากนครชี้มาก ตกดึก เขาเกิดนิมิตฝันเห็นเจ้าของโครงกระดูกมาหาและกล่าวกับเขาว่า

"เมื่อพลบค่ำ ท่านถามเราว่า สมัยเรายังมีชีวิตอยู่เราเป็นอะไรตาย เราจะไม่ขอตอบเรื่องก่อนตาย แต่จะเล่าเรื่องหลังตายให้ฟัง จะฟังไหม"

จวงจื๊อตอบว่า "เรายินดีจะฟัง"

ผีกล่าวว่า

"ในโลกแห่งความตายนั้น ไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีผู้ถูกปกครอง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีความสุขนิรันดร"

จวงจื๊อไม่เชื่อ กล่าวว่า

"ถ้าเราสามารถให้พญายมคืนชีวิตรูปร่างหน้าตาให้แก่เจ้า ให้บิดา มารดา บุตร ภริยาคืนมาแก่เจ้า เหมือนสมัยยังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะเอาไหม"

ผีหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบว่า

"เรื่องอะไรเราจะสละสิ่งที่นิรันดร ไปรับเอาสิ่งที่ผันผวนไม่แน่นอนในโลกมนุษย์เล่า"

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1374 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2554, 01:09:56 »

   วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7489 ข่าวสดรายวัน


ฝันมาหลอน

คอลัมน์ ขนหัวลุก-ใบหนาด


"เต้ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบกันในฝันสยอง

ผมเพิ่งพบกับเรื่องสยองขวัญหยกๆ นี่เองครับ อดรนทนไม่ไหวเลยต้องเขียนมาเล่าสู่กันฟัง...รู้กันด้วย ช่วยกันหลอนสุดๆ ไปเลย!

คืนวันพฤหัสบดี ผมกับเพื่อนๆ ชาวหอย่านรังสิตไปปักหลักซดเบียร์ เชียร์เทนนิสรายการใหญ่อันดับสองประจำปี คือเฟรนช์โอเพ่น ในกรุงปารีส ฝรั่งเศสโน่น...แทบจะแน่นห้องเจ้าบอมบ์ที่อยู่ติดกัน แฟนกีฬาตัวจริงเสียงจริง รวมแล้วอยู่กันราว 5-6 คน

หนึ่งในนั้นคือเจ้ากฤษฎา หรือ "ไอ้ด่าง" ของเพื่อนๆ ผู้อยู่ห้องเดียวกับผมมาตั้งแต่ปีกลาย หมอนี่เรียนเก่ง รูปร่างหน้าตาก็งั้นๆ แต่ทำไมสาวๆ กรี๊ดนักก็ไม่รู้ คงจะเป็นเพราะมันช่างพูดช่างเจรจา ไม่รู้ว่าเสกสรรเรื่องอะไรนักหนามาคุยจ๋อยๆ ได้ไม่ขาดปาก มุขตรึมอีกต่างหากครับ ขนาดมีสาวมาเยี่ยมเยือนถึงในห้อง 2-3 คนก็แล้วกัน

เข้าตำราที่เขาว่า "คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง" นั่นละคุณ!

ตอนสามทุ่มกว่าก็ถึงคู่เอก คือราฟาเอล นาดาล มือหนึ่งของโลก ประกบคู่กับมือโนเนมชาวสเปน-ชาติเดียวกัน แต่นาดาลผู้เป็นขวัญใจของแฟนเทนนิสแทบทั้งโลกถึงกับหืดจับ กว่าจะเอาชนะไปได้สามเซ็ตรวด

เบ็ดเสร็จต้องใช้เวลาไปเกือบสามชั่วโมงครึ่ง ถือว่านาดาลเจอะเจอของแข็งติดๆ กันในแกรนด์สแลมใหญ่คราวนี้ เพราะนัดที่แล้วก็เจอกับอีสเนอร์-ชาวมะกันร่างยักษ์ นาดาลแพ้ไทเบรกไปถึงสองเซ็ต กว่าจะเอาชนะได้ก็ต้องหวดกันเหงื่อหยดถึงสี่ชั่วโมงกว่าๆ ถ้าไม่ฟิตเปรี๊ยะมาจริงๆ มีหวังเดินลากขาในรอบต่อไปแน่ๆ

อ้อ! นักพากย์รอบนี้ก็สุดเจ๋งอย่าบอกใคร คุณ...แกพากย์จ๋อยๆ ไม่หยุดปาก ติดอกติดใจคำว่า "ถือว่า" กับ "เรียกว่า" ทุกประโยคก็ว่าได้ครับ

"การตีแบบมีสปรินต์มากๆ อย่างนาดาล คู่ต่อสู้ต้องถือว่า..."

"ถ้าใครไม่ฟิตจริงๆ โดนหลอกหน้าไม้กะทันหัน ต้องเรียกว่า...."

"การเล่นที่ต้องเอาชนะสามในห้าเซ็ตต้องใช้แรงมาก คือถือว่า...เรียกว่า..."

จนกระทั่งจบคู่นี้ คุณจ้อก็สรุปชนิดมีอารมณ์ขันล้นเหลือเฟือฟายจริงๆ เอ้า!

"คนดูทั้งสนามต่างปรบมือให้ เรียกว่า...นักกีฬา ทั้งคู่!!"

ราวสองยามก็เป็นคู่ระหว่างนักเทนนิสฝรั่งเศสด้วยกัน นอกจากไม่น่าสนใจแล้ว ผมยังรู้สึกง่วงเลยขอตัวกลับห้องก่อน บอกไอ้ด่างให้ดูเผื่อด้วย แล้วซดเบียร์อึกสุดท้ายก่อนกลับ

เพียงแต่ผลักประตูเข้าไปเท่านั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพ์ แสงไฟจากห้องน้ำส่องให้เห็นใบหน้าด้านข้าง แวบเดียวก็จำได้ทันทีว่าคือแฟนสาวคนหนึ่งของเจ้าด่าง ชื่อลินดา...เธอมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แฮะ?

คิดอีกทีก็ไม่น่าสงสัยอะไร เพราะเราไม่ได้ล็อกประตูอยู่แล้ว แม้ว่าจะค่อนข้างดึก...น่าแปลกอย่างที่เธอไม่ได้โทร.หาเจ้าด่างก่อน หรืออย่างน้อยเข้าห้องที่ไม่ได้ล็อกประตูก็น่าจะรู้ว่าฝ่ายชายไม่ได้ไปไหนไกลแน่ๆ โทรศัพท์กริ๊กเดียวมันจะไปยากเย็นอะไรกัน?

"ดาล่ะ เต้ย?" เธอหันมาถามยิ้มๆ ผมก็บอกไปตามตรงว่าอยู่ห้องติดๆ กันนี่เอง กำลังซดเบียเชียร์เทนนิสเพลิน เดี๋ยวก็คงจะกลับแล้วเพราะรุ่งขึ้นมีเรียน เธอก็พยักหน้ารับรู้ก้มหน้าก้มตาสนใจคอมพ์ต่อไป

"จะไปตามให้นะ..." ผมบอก แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ เลยหมุนตัวกลับไปห้องเจ้าบอมบ์เพื่อบอกข่าวเพื่อน "เฮ้ย! ยายดามาหาแน่ะ กำลังเล่นคอมพ์อยู่ในห้อง"

เจ้าด่างละสายตาจากจอทีวีมาเลิกคิ้วมองผมยิ้มๆ ขบขัน

"มุขบ้าอะไรวะ? ดาน่ะไปเยี่ยมบ้านที่พะเยาตั้งแต่เมื่อวานแล้วโว้ย!"

ผมอ้าปากค้าง ขนลุกซ่า ปราดเข้าไปฉุดแขนเพื่อนออกจากวงที่ไม่มีใครสนใจมากกว่าภาพในทีวี...ตอนนั้นราวๆ สองยามครึ่งเห็นจะได้ จนกระทั่งผลักประตูเข้าไป ผมเองกลับเป็นฝ่ายตะลึงจังงังเหมือนถูกสาป...

ไม่มีลินดา หรือผู้หญิงคนไหนอยู่ในห้องนั้นเลยแม้แต่คนเดียว!

เจ้าด่างด่าพึม ผมต้องลงทุนสบถสาบานจนมันยอมเชื่อ เปิดไฟสว่างจ้าทั้งห้องตั้งแต่แรกแล้ว หน้าตาผมคงจะซีดเซียวเต็มทีจนเจ้าด่างเอะใจ...หยิบมือถือมากดเบอร์ที่ผมเดาได้ว่าต้องเป็นของลินดาแน่ๆ แต่มันเนิ่นนานจนผมแทบกลั้นหายใจจนท้องแขม่ว...

"ขอโทษที ไม่รู้ว่าดาหลับ คิดถึงจนทนไม่ไหวน่ะ...อ้าว?" เสียงเจ้าด่างเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่มันหันมามองผมอย่างงุนงง ก่อนจะกลืนน้ำลายเอื๊อก "เหรอ... แปลกนะ ทีแรกนึกว่าไอ้เต้ยมันอำเล่นซะอีก! หลับต่อเถอะดา ฝันดีนะที่รัก"

มันวางหูก่อนจะหันมาบอกเสียงขรึมๆ ว่า...ลินดากำลังหลับพอดี เล่าว่าฝันเห็นตัวเองกำลังนั่งเล่นคอมพ์ข้าอยู่ในห้องนี้ว่ะ...แล้วเอ็งก็โผล่เข้ามาทักพอดี!

หน้า 30
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
  หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 64   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><