23 พฤษภาคม 2567, 09:40:15
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 722219 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1850 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 22:16:27 »

น้อง เต้ คะ

ขอบคูณที่เวบ เปิดใช้ได้แล้ว

ไม่มีเวบหอ ให้ทะเลาะกัน (คุยกัน) พี่แอ๊ะเลยเหงาค่ะ

พอมีเวบหอ เลยได้เข้ามา แต่ยังอารมณ์ค้างกะพวกอันธพาลอยู่ค่ะ

เห็นอยู่ชัดๆว่า มันทำอันธพาลจริงๆ

บางคน ยังไปเข้าข้างอีก

เสื้อแดงหลายคนเป็นเพื่อนพี่แอ๊ะ เป็นคนที่พี่แอ๊ะรู้จัก สนิทด้วย

แต่พี่แอ๊ะไม่ชอบที เขา ไปสนับสนุนการกระทำของอันธพาลค่ะ

วันนี้สส.เพื่อไทยเพื่อนพี่แอ๊ะคนหนึ่งเขาบอกว่า

ประชาชนที่เขาพาไป อ่อนล้าเต็มทีและอยากกลับบ้านแล้ว

เคยบอกว่าอ่อนล้าเมื่อเดือนก่อนโน้นอยากกลับอิสานเต็มที



พอดีเงินคงอัดมาอีก และนายหญิงสั่งสส. โดยตรง
ให้รีบเอามวลชนไปเสริม
เลยฟื้นมาอีก


และเกิดเหตุทุเรศๆๆ
อย่างที่เห็น นั้นแหละ


พี่แอ๊ะไม่ได้เป็นเหลือง แต่พี่แอ๊ะเป็นกลาง

และไม่ชอบอันธพาลครองเมือง  ต้องการให้บ้านเมืองมีขื่อมีแป

และพอใจที่เห็นรัฐบาลยอมถอยลงมา

ถือว่า ยอมแพ้เป็น ไม่ดึงดันให้เสียเลือดเนื้อกันอีก

งานนี้ถือว่ารัฐบาลแพ้นะคะ ยอมประกาศยุบสภา เลือกตั้งใหม่

ทั้งๆที่รู้ว่าโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีกยากกกกกกกก มาก

แต่คงไม่อยากให้ประเทศพังทลาย

ไม่เหมือนหลายคน ที่จะต้องทำให้ประเทศตายยยยยยยย ไป

และมีความสุข กับการกระทำของพวกอันธพาล


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1851 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 22:23:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 21:07:08
หวัดดีครับพี่แอ๊ะ  พักนี้บ้านนี้ร้อนไปหน่อย
ผมชอบเย็น ๆ เลยไม่ค่อยได้แวะมาเยี่ยม
แค่เรื่องของคนอื่นก็แย่แล้ว


น้องปลาทูแมนคะ

ตอนนี้บ้านเราเริ่มเย็นแล้วค่ะ

แต่พี่แอ๊ะอารมณื ค้างอยู่ค่ะ

อาจจะเย็นชาไปด้วยยยยยยยยยยยยยยย


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #1852 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 22:35:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 01 พฤษภาคม 2553, 08:57:29
ประชัน กะใครดีค่ะ น้องya

ประชันกะน้อง ดร.มนตรี หรือดร.กฤษณา คะ555555

เอารูป นี้ดีก่า สวยสู้ ดร.มนตรีได้สบายยยยยยยย




อ้างถึง
ข้อความของ YA เมื่อ 01 พฤษภาคม 2553, 07:59:08
สวัสดีครับพี่แอ๊ะ...

รูปนี้..พอจะประชันได้ไหมครับ...






ราศี คุณหญิง ... ครับ พี่แอ๊ะ ...


ปล.


ตอนนี้กำลังสบายใจมากมาย สถานการณ์ บ้านเราเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ^_^
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #1853 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 22:38:02 »

ด้วยพระบารมี ... ทรงพระเจริญ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1854 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:02:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ เต้ ณ บ้านครู เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 21:41:40
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 20:40:20
เวบใช้ได้เเล้ว ดีใจจัง

ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น hello test test อยู่ตั้งนาน

เวบมาพร้อมกับการที่กลุ่มอันธพาล สลายตัวเองเลยเนาะ

สวัสดีครับพี่แอ๊ะ

เว็บมีปัญหาเทคนิคนิดหน่อยครับ น้องสนจัดการจนใช้ได้เรียบร้อย ณ เวลานี้แล้วครับผม



ไม่เข้าใจท่านนายกฯ ทำไมต้องปรองดองกับผู้ก่อการร้าย คิดร้ายต่อประเทศด้วยยย

แม้นว่าจะไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ แต่ก็ทำให้คนไม่ดียังลอยนวลอยู่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนผิดจะต้องถูกลงโทษ จริงๆ

ท. ทหาร ไม่ยอมเดินครับ...จบ
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1855 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:16:48 »

ดูเรื่องเบาๆดีกว่านะ

พี่แอ๊ะ เตรียมตัว ออกหน่วยแพทย์  พอสว. เมื่อวันก่อนค่ะ



      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1856 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:20:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 22:38:02
ด้วยพระบารมี ... ทรงพระเจริญ


ขอบคุณค่ะ น้องดร. มนตรี ยอดรัก
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1857 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:24:56 »

 นั่งกับนายแพทย์สสจ.ยโสธรค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1858 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:26:46 »

กับท่านผู้ว่า คุณนาย  และนายอำเภอคำเขื่อนแก้วค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1859 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:28:48 »

มอบพันธุ์ปลา ให้ผู้ใหญ่บ้านค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1860 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:36:48 »

ขอมาอวดรูปตัวเองในบ้านพี่แอ๊ะบ้างได้ไหมคะ ?? .. อิอิอิ .. ต้องขออนุญาตเจ้าของห้องก่อน     เขินน๊า!!
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1861 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:39:10 »

ได้เลยค่ะน้องหะยี

พี่แอ๊ะ อยากให้ห้องนี้เย็น ขึ้นค่ะ


แต่ไม่ใช่ห้องเย็น นะ ฮ้า  55555555555555
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1862 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:43:21 »

ช่วงนี้พี่แอ๊ะ  ชวนกลุ่มสตรี (แก่ๆ) ยโสธรซ้อมรำวงมาตรฐาน

เตรียมโชว์ให้อาคันตุกะ จากญี่ปุ่น ขจาก สปปลาว จากเวียตนามและ จากทั่วประเทศดู

ในงานบุญบั้งไฟ วันเสาร์นี้ค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1863 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:47:36 »

เชิ้บ ๆ ๆ ๆ      หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1864 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:48:04 »

งามเเสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้ามาอยู่วงรำ เราเล่นกันเพื่อสนุก

เปลื้องทุกข์ ไม่วายระกำ ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอยยยยยย

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1865 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:56:21 »




ขอโทษค่ะ เพลงเมือ่กี้

"ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที

การที่เราได้ร่วมสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้ เพราะชาติเรามีเสรี มีเอกราชสมบูรณ์.......
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1866 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2553, 23:58:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 23:48:04
งามเเสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้ามาอยู่วงรำ เราเล่นกันเพื่อสนุก

เปลื้องทุกข์ ไม่วายระกำ ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอยยยยยย



ท่านี้ " ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่" ค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1867 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 00:00:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 04 พฤษภาคม 2553, 23:56:21



ขอโทษค่ะ เพลงเมือ่กี้

"ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที

การที่เราได้ร่วมสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้ เพราะชาติเรามีเสรี มีเอกราชสมบูรณ์.......

ท่านี้

รำมาซิมา รำ มาเล่นระบำ กันให้สนุก
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1868 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 00:01:21 »

ไปไงคะ
ห้องนี้เย็น ขึ้นบ้างแล้วหรือยังงงงงงงงงง

ดร.ป๋อง ช่วยตอบที
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1869 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 00:08:44 »

ผู้ใช้งานขณะนี้: prapasri AH



ตายแย้วววววววววว ผู้ใช้งานในขณะนี้ มี prapasri AH อยู่ตนเดียว

เผ่นดีก่า เด่ว ผีหลอก

กู้ดไนท์จ้า
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1870 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 00:15:20 »

ฮ่า ฮ่า .. กลับมา goodnight พี่แอ๊ะไม่ทัน .. ขออนุญาต Good morning ดักไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ    หึหึ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
weerapong_rx
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1871 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 03:57:52 »

ติดตามอ่านอยู่นะครับ มาคอยดูซ้อมรำวงเพื่อเตรียมโชว์แขกบ้านแขกเมืองในงานบุญบั้งไฟเมืองยศ  หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1872 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 07:33:30 »

Good morning ค่ะพี่แอ๊ะ...ตามอ่าน ตามชมค่ะพี่แอ๊ะ...ชอบพี่แอ๊ะใส่ชุดพอสว.จังค่ะ
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1873 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 08:30:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ weerapong_rx เมื่อ 05 พฤษภาคม 2553, 03:57:52
ติดตามอ่านอยู่นะครับ มาคอยดูซ้อมรำวงเพื่อเตรียมโชว์แขกบ้านแขกเมืองในงานบุญบั้งไฟเมืองยศ  หลั่นล้า

น้องพงศ์กลับมาคราวนี้ มาพักที่บ้านรับรอง ของพี่แอ๊ะได้แล้ว
ไม่ต้องนอนบน เรือน สปา เหมือนคราวที่เเล้ว

พี่แอ๊ะทำบ้านรับรองไว้ ร้องรำทำเพลง 5555555
ชาวไทยเจ้าเอ๋ยยยยย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่......


น้องยศวินทร์ (แดง อ่อนๆ 55555)  ก้ได้มาใช้บ้านรับรองนี้แล้วค่ะ

ประชุม งานขาย สนุกกันไปเลย
กำลังจะส่งเรื่องราว เมือ่แดงกับเหลือง หอจุฬา จับมือกัน ทำมาหากิน โดยสุจริตค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1874 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:05:46 »

นำบทความในวันที่ 3 ที่น่าจะเป็นประโยชน์มาลงย้อยหลังครับ


อนุมัติทุบแดง! อุบเงียบมติครม.ใช้กำลังทหาร/ผวาป่วน'ฉัตรมงคล'
•   ข่าวหน้า 1                                                                          3 พฤษภาคม 2553 - 00:00
 ถกลับ  ครม.เห็นชอบแผนทหารทุบแดง  มอบอำนาจ  "บิ๊กป้อม"  จัดทัพเสริมกำลังเตรียมพร้อมสลาย  ถกเครียดหลายเสียงให้เด็ดขาด  มาตรการแรกส่งเอสเอ็มเอสเตือนออกนอกพื้นที่   ผวาเพื่อไทย-นปช.ใช้วันสำคัญ  5  พ.ค.  53  เติมคนป่วนเมือง  สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศสกัด  เงื่อนไขใหม่  "มาร์ค"  เสนอแผนโรดแม็พปฏิรูปประเทศไทย  ยุบสภาเร็วขึ้น  4-6  เดือน  หมอ-พยาบาลจุฬาฯ   ฮึดสู้สถุลแดง  ยันต้องถอยร่นถึงแยกสารสิน
     การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์   ซึ่งกินพื้นที่มาจนถึงหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นเวลาหลายสัปดาห์  ล่าสุดได้มีการเปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้มีการสัญจรตามปกติแล้ว  โดยเป็นการยอมของแกนนำเสื้อแดงหลังจากยกพวกนับร้อยคนบุกเข้าค้นโรงพยาบาลจุฬาฯ  เมื่อวันที่  29  เมษายน  2553  จนถูกประชาชนทั้งประเทศรุมประณามยับเยิน  อย่างไรก็ตาม  กลุ่มแพทย์จุฬาฯ  ยังต้องการให้มีการเปิดพื้นที่จนถึงแยกสารสิน  ซึ่งฝ่ายเสื้อแดงยังไม่ยินยอม
     แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อวันอาทิตย์ที่   2  พ.ค.  2553  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  ได้เรียกประชุม  ครม.นัดพิเศษในวันหยุดราชการ  ที่กรมทหารราบที่  11  ท่ามกลางความสนใจของประชาชนว่ารัฐบาลอาจจะหารือถึงการแก้ปัญหาคนเสื้อแดงที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์มานานหลายสัปดาห์
     ท่ามกลางกระแสข่าวว่าการประชุมนัดพิเศษครั้งนี้   ที่ประชุมได้หารือกันเรื่องหลักๆ  คือ  1.อนุมัติงบประมาณสำหรับเจ้าหน้าที่ในการดูแลการชุมนุมคนเสื้อแดง   2.การขอมติที่ประชุมขอพื้นที่คืนบริเวณแยกราชประสงค์  จึงเป็นสาเหตุให้มีรัฐมนตรีหลายคนไม่เข้าร่วมการประชุม  เนื่องจากเกรงว่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการขอคืนพื้นที่จากคนเสื้อแดงหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
     สำหรับการประชุม  ครม.นัดดังกล่าว  นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม  หลังจากได้มีการอนุมัติงบประมาณให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ดีเอสไอ  และการเตรียมการจัดงานวันที่  5  พ.ค.เสร็จสิ้นลง
     โดยในที่ประชุมจะมีแค่รัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายการเมือง   ฝ่ายความมั่นคง  ร่วมประชุมเพื่อหารือการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การชุมนุมเสื้อแดง  ทั้งนี้  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พูดถึงการแก้ไขปัญหา  3  แนวทาง  แนวทางแรกคือ  การแก้ไขปัญหาโดยใช้การเมือง  ซึ่งก็คือการเตรียมแถลงแผนโรดแม็พในเรื่องการปฏิรูปประเทศไทย   ตามแนวทางที่หลายฝ่ายเสนอ  ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการตามแผนประมาณ   120  วัน  หรือช้าสุดไม่เกิน  6  เดือน  ซึ่งต้องดูว่าเสื้อแดงจะยอมรับหรือไม่   แนวทางที่  2  คือการดำเนินคดีต่างๆ  ของดีเอสไอกับเครือข่ายเสื้อแดง   คือคดีก่อการร้ายและคดีความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูง  แนวทางที่  3 คือการใช้กำลังทหาร  ซึ่งเป็นอำนาจตามกฎหมายกระทรวงกลาโหม
     รายงานข่าวระบุว่า  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  ได้เล่าสถานการณ์การชุมนุมและมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลให้ที่ประชุมได้รับฟัง   โดยระบุว่า  ที่ผ่านมารัฐบาลเลือกใช้มาตรการการบังคับใช้กฎหมายเป็นลำดับแรกก่อน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความอดทน อดกลั้น   ในการปฏิบัติภารกิจเป็นอย่างมาก  โดยสถิติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์คงที่  และในบางวันลดน้อยลง     
     "แต่ที่เป็นห่วงคือ   ในช่วงวันที่  5  พ.ค.ที่รัฐบาลจะจัดงานใหญ่  ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีกลุ่มข้าราชการ  พ่อค้า  ประชาชน  จากจังหวัดต่างๆ  เดินทางเข้ามาในกรุงเทพมหานครจำนวนมาก   จึงอยากให้กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด  ตรวจสอบจำนวนของบุคคลที่แสดงความประสงค์จะเข้ามาร่วมงานในกรุงเทพมหานครอย่างเข้มงวด  เพราะจากการข่าวพบว่า   ส.ส.จากพรรคการเมืองบางพรรค  มีความพยายามเติมคนเข้าที่แยกราชประสงค์ให้มาก  โดยอาศัยช่วงจังหวะที่ประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงานแฝงตัวเข้ามา  ผมอยากให้ไปย้ำกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า  ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล  แต่เป็นเรื่องภัยความมั่นคงของชาติ  ต้องไปบอกทั้งปลัดกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดว่า  ถึงเวลาที่ทุกคนต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์หากจะเกิดอะไรขึ้น"  แหล่งข่าวอ้างคำพูดของนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ
     แหล่งข่าวยังระบุว่า  สำหรับมาตรการขอคืนพื้นที่ราชประสงค์  รัฐบาลจะยังคงดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน   โดยเริ่มต้นจากการส่งเอสเอ็มเอสเพื่อให้ผู้ชุมนุมได้รับทราบว่าเป็นการกระทำให้ผิดกฎหมาย  และขอให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว  ถ้าเขาไม่ออกหรือไม่ยอมรับข้อความที่ส่งไป  ก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นผู้ก่อการร้าย  โดยรัฐจะให้เวลาหลังจากส่งเอสเอ็มเอสไป  1-2   วัน   ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามที่ทางการร้องขอหรือไม่  คงยังไม่มีการสลายการชุมนุมในวันนี้หรือพรุ่งนี้
     "ในที่ประชุมหลังนายสุเทพสรุปสถานการณ์และมาตรการต่างๆ  ให้ที่ประชุมฟัง  ทำให้มีรัฐมนตรีหลายคนเสนอให้มีการสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด  เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้รัฐบาลจะหมดความน่าเชื่อถือ   แต่นายสุเทพก็พยายามบอกว่าต้องใช้ตามลำดับขั้นตอนก่อนเพื่อเปิดโอกาสให้มีการออกมาจากพื้นที่  เพราะหากจะให้ทหารยิง  โดยไม่สนใจว่าจะมีคนสูญเสียชีวิตเท่าไหร่ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้   ถึงตอนนี้รัฐมนตรีหลายคนเงียบกันหมด  นอกจากนี้มีการรายงานตัวเลขคนเสื้อแดงว่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่  5-6  พันคนในเวลากลางวัน  แต่ช่วงเย็นถึงค่ำก็ประมาณ  1  หมื่นคน  แต่ที่ต้องระวังคือการรวบรวมคนเสื้อแดงเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ  พบว่าจะสามารถระดมคนออกมาได้รวดเร็วผ่านเครือข่ายจัดตั้งต่างๆ   ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง  อีกทั้งมีข้อมูลจากฝ่ายการข่าวพบว่า  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  สั่งให้  ส.ส.เพื่อไทยผลัดเปลี่ยนกันระดมคนในพื้นที่เข้ามาเติมตลอด"  รายงานข่าวจากที่ประชุม  ครม.ระบุ 
     แหล่งข่าวระบุว่า  หลังจากนั้นที่ประชุมได้เห็นชอบการใช้กำลังทหารเพื่อการปราบจลาจลตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการใช้กำลังทหาร  การเคลื่อนย้ายทหาร  การเตรียมพร้อม   อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา  35  พระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมที่การใช้กำลังทหารดังกล่าวต้องเป็นความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  ทั้งนี้  ในกฎหมายดังกล่าวระบุว่า  ในกรณีนี้ที่  ครม.มีมติให้ใช้กำลังทหารในการปฏิบัติการ  ให้  รมว.กลาโหม  โดยความเห็นชอบของสภากลาโหม  มีอำนาจกำหนดหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม  แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ททหาร  รวมทั้งกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติตามมติ  ครม.  ซึ่งกฎหมายดังกล่าวระบุว่า  ให้มีคณะผู้ดูแลสถานการณ์ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ  เสนาธิการทหาร  โดยมาตรการดังกล่าวจะเป็นไปตาม  พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน  ม.7  วรรค  3  ระบุว่า  การใช้กำลังทหารให้เป็นไปตามข้อบังคับและระเบียบของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการใช้กำลังทหารเพื่อการรบ  เพื่อการสงคราม  เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์  เพื่อปราบปรามกบฏ  การจลาจล  เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ  ทั้งนี้  ในข้อบังคับได้ระบุถึงนิยามเรื่องจลาจลและการก่อความไม่สงบไว้เป็นข้อๆ   พร้อมทั้งการสั่งการทางทหารในระดับต่างๆ  ด้วย
     ขณะเดียวกัน   มีกระแสข่าวอีกด้านหนึ่งอ้างว่าวงประชุมดังกล่าวได้หารือกันว่าหากจะมีการขอพื้นที่คืนจากคนเสื้อแดง  โดยทหารจำเป็นต้องออกไปปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัย  ต้องให้ทหารมีอาวุธจริงในการคุ้มกันความปลอดภัยของตัวเอง   จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดเหมือนเช่นวันที่  10  เมษายน  2553  ที่ผ่านมา  ซึ่งทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ซื้อใจตำรวจอนุมัติงบ  249 ล้าน
     นายปณิธาน  วัฒนายากร  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงผลการประชุมว่า  ครม.ได้ประชุมพิจารณา  4  เรื่อง  โดย  3  เรื่องเกี่ยวข้องกับการขอรับงบประมาณสนับสนุนรายจ่ายประจำปี  ซึ่งเป็นงบกลางจากกรณีเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น  ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับกำลังพล  29,700  นาย  เป็นจำนวนเงิน  249,480,000  บาท  ซึ่งเป็นงบใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมดูแลเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่  17  มี.ค.-6 เม.ย. 2553  พร้อมทั้งได้อนุมัติให้งบกลางให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ)  ในรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  28  ล้านบาท  นอกจากนี้   ได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกับหัวหน้าส่วนราชการ  ปลัดกระทรวง  ในการจัดงานบรมราชาภิเษก   60  ปี  ตั้งแต่วันที่  5-9  พ.ค. เรื่องการดูแลงาน  การจัดกิจกรรมต่างๆ  และดูแลที่จะเข้ามาชุมนุมในงาน
     นายปณิธานกล่าวด้วยว่า  นายสุเทพได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าเร็วๆ  นี้จะได้เสนอแผนในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระบบ   เช่น  ปัญหาความยากจน  ระบบการเลือกตั้งทางการเมือง  เมื่อพร้อมแล้วจะให้กระทรวงต่างๆ  ดำเนินการแก้ไขทางการเมืองตามที่นายกฯ  จะได้นำเสนอในโอกาสต่อไป  แต่ให้ปลัดกระทรวงต่างๆ  เตรียมความพร้อมเพื่อใช้กลไกต่างๆ  ของรัฐในการดูแลแก้ไขปัญหา  ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้รวบรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ   องค์กรภาคประชาชน  ข้อเสนอแนะของหลายฝ่ายๆ  เมื่อเวลามาถึงเมื่อมีความพร้อมจะได้มีการประกาศ  เมื่อประกาศแล้วจะได้มีการดำเนินการตามกลไกต่างๆ  ต่อไป  เรื่องสุดท้ายมีการซักซ้อมแนวปฏิบัติในการดูแลพื้นที่ดูแลความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาในพื้นที่การชุมนุม   โดยจะมีการจัดระบบการสื่อสารเพื่อให้เข้าถึงผู้ชุมนุมมากขึ้นด้วย  การส่งข้อความสั้นให้กับคนที่อยู่บริเวณแยกราชประสงค์  เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่อย่างไร  และจะมีการจัดระบบรองรับคนที่อาจจะเปลี่ยนใจไม่เดินทางเข้าไปในพื้นที่  โดยได้มีการประสานกับบริษัทมือถือต่างๆ  ไว้แล้ว  จะเริ่มตั้งแต่วันที่  3  พ.ค.ได้ในบางส่วนด้วยการส่งข้อความสั้นเข้าโทรศัพท์มือถือของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น   ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่าทำได้  จะส่งข้อความให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
     เมื่อถามว่า   ที่นายกฯ  จะประกาศหมายถึงกลไกที่นำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่  นายปณิธานกล่าวว่า   ยังไม่มีการพูดในรายละเอียด   แต่หลักคือการแก้ปัญหาที่ควบคู่ไป   3  ด้าน  คือทางด้านเมือง  การดำเนินคดีโดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและคดีอาญาที่ต้องเดินหน้าต่อ  ไม่ว่าข้อเสนอทางการเมืองจะเป็นอย่างไร  และการใช้เจ้าหน้าที่ไปดูแลในพื้นที่   นายกฯ  ยังไม่ได้ให้รายละเอียด  แต่ได้เล่าให้สื่อต่างๆ   ไปบ้าง  ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ  อภิสิทธิ์  ที่ระบุว่า  เมื่อพร้อมนายกฯ  จะได้เสนอเรื่องนี้ควบคู่กันไป
     ส่วนบรรยากาศการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ของคนเสื้อแดง  ตลอดทั้งคืนวันที่  1  พ.ค.จนถึงเช้าวันที่   2   พ.ค.  กลับสู่สภาวะตึงเครียดอีกครั้ง  หลังมีข่าวว่ามีการเรียกประชุม  ครม.นัดพิเศษที่ราบ   11  ในวันเดียวกันนี้ทั้งที่เป็นวันหยุดราชการ  ทำให้แกนนำหลายคนวิเคราะห์กันว่าต้องมีเรื่องด่วนพิเศษเกี่ยวกับคนเสื้อแดงแน่นอน
     ทำให้แกนนำ   นปช.  อาทิ  นายจตุพร  พรหมพันธุ์,  นายพายัพ  ปั้นเกตุ  และนายสุภรณ์  อัตถาวงศ์  ต่างปราศรัยปลุกเร้าผู้ชุมนุมให้เตรียมความพร้อมรับการสลายชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  ซึ่งแกนนำปราศรัยไปในทิศทางเดียวกันว่า  รัฐบาลจะประกาศใช้กฎอัยการศึกในวันที่   2  พ.ค.นี้  อย่างไรก็ตาม  เป็นที่น่าสังเกตว่าแกนนำส่วนใหญ่ต่างจับกลุ่มหารือกันอย่างเคร่งเครียด   โดยเฉพาะการหารือระหว่างนายวีระ  มุสิกพงศ์,  นายจตุพร  พรหมพันธุ์  พร้อมทั้งให้ศูนย์วิทยุของหน่วยรักษาความปลอดภัย  นปช. สั่งการให้การ์ด  นปช.แต่ละจุดเพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังเหตุมากขึ้น
     ต่อมาในช่วงเช้า  นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ  แกนนำ  นปช.  ได้เรียกประชุมแกนนำ  นปช.   อาทิ  นพ.เหวง  โตจิราการ,  นายอารี  ไกรนรา  หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย,  พ.ต.ท.ไวพจน์   อาภรณ์รัตน์,  นายขวัญชัย   ไพรพนา  เพื่อหารือถึงแนวทางการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาขอคืนพื้นที่ถนนราชดำริ   ตามคำสั่ง  ศอฉ.  ก่อนที่จะมีมติให้นายอารีเป็นตัวแทน   นปช.ไปเจรจากับ  พล.ต.ท.สัณฐาน  ชยนนท์  ผบช.น. และ  พล.ต.ต.วิชัย  สังข์ประไพ  ผบก.น.
แดงถอยร่นคืนพื้นที่ให้จุฬาฯ
     จากนั้นฝ่ายตำรวจนำโดย  พล.ต.ท.สัณฐาน  ชยานนท์  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  (ผบช.น.)  และ  พล.ต.ต.วิชัย  สังข์ประไพ  ได้เริ่มเจรจา  พ.ต.ท.ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์เพื่อขอคืนพื้นที่ฝั่งถนนราชดำริ  หน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ให้กับ  รพ.  ทั้งนี้ผลการเจรจาช่วงแรกกลุ่มคนเสื้อแดงยอมรื้อลวดหนามตรงกำแพงหน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ  ทำให้รถพยาบาลวิ่งเข้าไปที่ตึกฉุกเฉินได้  แต่ไม่สามารถวิ่งตามถนนออกปกติได้  จึงต้องวิ่งย้อนศร  แต่ตำรวจต้องการให้กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดทางทาง  2  ฝั่งของถนนราชดำริ  เพื่อให้รถพยาบาลเข้า-ออกได้อย่างสะดวกและเป็นปกติ
     เมื่อการเจรจายังไม่เป็นที่ยุติ  ทำให้  พล.ต.ท.สัญฐาน  และ  พล.ต.ต.วิชัย  ได้เข้าเจรจากับนายณัฐวุฒิอีกรอบเพื่อให้รื้อบังเกอร์เกาะกลางถนน   ให้รถสามารถวิ่งเข้า-ออกจาก  รพ.จุฬาฯ  โดยไม่ต้องย้อนศร  สร้างความไม่พอใจให้กับการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดงและผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ  เพราะเห็นว่ายอมเปิดถนนให้ด้านหนึ่งแล้ว  มีการโห่ร้องแสดงความไม่พอใจเป็นระยะๆ  ขณะที่บางส่วนได้จุดประทัดเพื่อยั่วยุตลอดเวลาทำให้สถานการณ์ช่วงนี้ตึงเครียดไม่น้อย
     แต่ท้ายที่สุดผลการเจรจรรอบ   2   ระหว่าง  พล.ต.ท.สัญฐานกับนายณัฐวุฒิก็บรรลุผล   โดยกลุ่มคนเสื้อแดงยอมเปิดถนนราชดำริ   หน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ   ทั้งฝั่งโรงพยาบาลจุฬาฯ   และฝั่งสวนลุมพินี  ให้รถวิ่งกลับไป-มาได้ตามปกติโดยไม่ต้องวิ่งสวนเลน  โดยผู้ชุมนุมยอมขยับบังเกอร์และรั้วลวดหนามเพื่อเปิดการจราจรตามที่ตกลงกันไว้แล้ว
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังจากนายณัฐวุฒิเจรจาเสร็จได้เดินทางออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วย  แม้ผู้ชุมนุมจะยอมแต่ก็ยังแสดงความไม่พอใจที่นายณัฐวุฒิไปยอมฝ่ายตำรวจ  เพราะกลัวจะเป็นช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าสลายการชุมนุมได้ง่าย  เรื่องนี้นายณัฐวุฒิกล่าวกับคนเสื้อแดงที่หน้า  รพ.จุฬาฯ  ว่า  ผลการเจรจาได้ข้อยุติว่าทางกลุ่มเสื้อแดงจะขอเปิดเส้นทางถนนราชดำริขาออก  ให้กลับรถหน้าตึก  สก  ให้รถวิ่งออกมุ่งหน้าศาลาแดงบางส่วนเท่านั้น  ซึ่งการดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ต้องไปพุดคุยกับพี่น้องที่มาชุมนุมอีกครั้ง  ซึ่งเบื้องต้นจะให้มีการ์ดของ  นปช.ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ในการตั้งด่านตรวจค้นอาวุธเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม  ซึ่งการ์ด  นปช.จะเฝ้าระวังการทำงานของตำรวจอีกชั้นหนึ่ง  ส่วนแนวลวดหนามที่วางอยู่เกาะกลางถนนจะยกขึ้นไปวางไว้บนฟุตบาทริมสวนลุมพินี  และขอใช้พื้นที่สวนลุมฯ  รวมถึงพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่  6  ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่หาสังกะสีมากั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
     "เราจะไม่สู้กับ   รพ.จุฬาฯ  ผู้ชุมนุมเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีบุกรุก  รพ.จุฬาฯ  ถือว่าเป็นมรสุมอย่างหนึ่ง  ผู้ชุมนุมน้อมรับคำว่ากล่าวจากองค์กรต่างๆ  ต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ผมอยากให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เหมือนกับที่ผู้ชุมนุมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  รพ.จุฬาฯ  ในส่วนของเสธ.แดง  ที่ตั้งแนวบังเกอร์  อาจเป็นความรู้ด้านทหารเพราะถนนราชดำริเป็นจุดยุทธศาสตร์  ผมก็ไม่กล่าวโทษอะไรเสธ.แดง"  นายณัฐวุฒิกล่าว
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ระหว่างที่แกนนำเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในตึก  สก ในการคืนพื้นที่บางส่วนนั้นได้ควันไฟเกิดขึ้นที่เครื่องปั่นไฟ  ทำให้ผู้ชุมนุมแตกตื่น  บรรดาการ์ดวิ่งกรูเข้าไปโอบล้อมแกนนำทันทีเพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ขว้างแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม  สร้างความวุ่นวายไปชั่วระยะหนึ่ง  แต่ที่สุดไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง  และภายหลังการคืนพื้นที่ดังกล่าว  กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้ขับขี่รถ  จยย.ตระเวนรอบพื้นที่ราชประสงค์  เพื่อตรวจดูพื้นที่โดยรอบ  ป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ออกจากพื้นที่กันการเข้ามาสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่
     ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน  พล.ต.อ.ปทีป  ตันประเสริฐ  รักษาการ  ผบ.ตร.เดินทางมาที่  ตึก  สก  รพ.จุฬาฯ  เพื่อประชุมร่วมกับ  พล.ต.ท.สัณฐาน  พร้อมทั้งตรวจความเรียบร้อยบริเวณหน้าตึก  สก ไปจนถึงแยกศาลาแดง
หมอจุฬาฯ ฮึดชนแดง
     และหลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดพื้นที่การปิดถนนให้เฉพาะบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล    แต่ไม่ถึงบริเวณแยกสารสินตามที่  รพ.จุฬาลงกรณ์ต้องการ
     ทำให้นายแพทย์อดิศร   ภัทราดูลย์  ผู้อำนวยการ  รพ.จุฬาฯ  ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่   4  ใจความระบุว่า  ตามที่ได้มีการชุมนุมของกลุ่ม  นปช.  บริเวณถนนราชดำริ  ทำให้เกิดผลกระทบกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  และในขณะนี้ได้มีการพยายามดึงเอาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง  จึงขอชี้แจงว่าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สังกัดสภากาชาดไทย  มีความเป็นกลางทางการเมือง  ปฏิบัติงานเพื่อรักษาผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน  ไม่ว่าในภาวะปกติ  หรือในภาวะสงคราม  การย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ในวันศุกร์ที่  30  เมษายน  2553  เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย  ทั้งนี้  เนื่องจากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  ทางโรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางด้านถนนราชดำริมาอย่างต่อเนื่อง  ทั้งเรื่องมลภาวะทางเสียงที่รบกวนผู้ป่วยที่รักษาตัวในตึกที่อยู่ติดถนนราชดำริ  การเข้ามาใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลทางด้านหน้าตึก  ภปร  ในยามค่ำคืนของผู้ชุมนุม  และผู้ชุมนุมบางคนที่เข้ามาเดินในโรงพยาบาลในยามวิกาล  เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพื้นที่เปิดให้บริการตลอด  24  ชั่วโมงไม่มีการปิด  นอกจากนี้  ได้เคยมีการขอมาตรวจค้นตึกของโรงพยาบาลและมีข่าวเรื่องพบระเบิดหน้าห้องฉุกเฉิน  ข่าวการวางแผนเพื่อวางเพลิงบริเวณแยกศาลาแดงและมีการจุดประทัดที่มีเสียงคล้ายปืนในบางวัน  เหตุการณ์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องเหล่านี้  ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่มารับบริการมีความหวาดกลัวและมีความไม่สะดวกในการเดินทางมาใช้บริการที่โรงพยาบาล  เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่มารับบริการทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในตลอดจนเจ้าหน้าที่       
     "หากเปิดเส้นทางให้ได้แค่นี้ถือว่ายังไม่ปลอดภัย  หากเกิดเหตุฉุกเฉินจนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากก็จะลำบาก  และเกิดความวุ่นวายในการเข้า-ออก  ทั้งนี้คณะแพทย์มีมติยืนยันจะให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นไปถึงแยกสารสิน  เพื่อความปลอดภัยของทุกคน  และความสบายใจของแพทย์  ทั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ป่วยนอกที่เข้ามารับการรักษาเท่านั้น  ยังมีผู้ที่ต้องนอนรักษาตัว  การชุมนุมจะส่งเสียงดังรบกวนผู้ป่วย  จึงอยากให้ถอยออกไป"
     ผอ.รพ.จุฬาฯ  ย้ำว่าทาง  รพ.ปิดให้บริการนานมากไม่ได้  คงจะต้องมีการตั้งศูนย์ย่อยของ  รพ.จุฬาฯ  ตามที่ต่างๆ  เช่น  รพ.ยาสูบ  ตึกจามจุรี  9  ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และตึกในสภากาชาดไทย  หากมีเหตุฉุกเฉินจะได้ให้การรักษาได้  แต่เครื่องมือคงไม่พร้อมเพรียงมากนัก  หลังจากย้ายคนไข้ไปแล้วทางแพทย์และพยาบาลยังต้องเดินทางออกไปเยี่ยมไข้อยู่ตลอดทุกวันเพื่อติดตามอาการและตรวจเยี่ยมคนไข้  ทั้งนี้ทางแกนนำจะเปิดเส้นทางให้หมดหรือไม่นั้นจะไม่เจรจา  เพราะไม่ใช่หน้าที่  เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน  อย่างไรก็ตามคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ  ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเคยประสานเข้ามาว่าจะให้กำลังทหารเข้ามาอยู่ภายในโรงพยาบาล  โดยมาในฐานะที่มาดูแลความปลอดภัยให้กับคนไข้และแพทย์  แต่ทาง  รพ.ประชุมกันแล้วเห็นว่าไม่สมควร  จึงปฏิเสธไป
     มีรายงานด้วยว่าในวันจันทร์ที่   3   พ.ค.นี้  เวลา  07.30  น.  แพทย์  พยาบาล   และเจ้าหน้าที่ของ  รพ.จุฬาฯ  ทั้งหมดจะรวมตัวกันที่หน้าเสาธงตึกอำนวยการและร้องเพลงชาติเวลา  8  โมงเช้า  พร้อมออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในการทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ  และร้องเพลงมาร์ชโรงพยาบาลจุฬาฯ  และเพลงมาร์ชพยาบาล
     สำหรับบรรยากาศการดูแลความปลอดภัยบน  ถ.สีลม  ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ประจำจุดบริเวณซอยย่อยต่างๆ  และมีรถตู้สีขาวของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งจอดอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส  สถานีศาลาแดง  ซึ่งคนเสื้อแดงยังนำรั้วลวดหนามมากั้นไว้เป็นระยะรวมถึงบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส  สถานีศาลาแดง  มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยอีกจำนวนหนึ่งด้วย  ขณะเดียวกันยังไม่พบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ  บช.น.เดินทางมาบริเวณแยกศาลาแดงแต่อย่างใด
     นพ.เหวง  โตจิราการ  เปิดเผยว่า  ในวันที่  3  พ.ค.  จะเชิญญาติของผู้เสียชีวิตมาฟ้องร้องต่อศาลอาชญากรสงครามระหว่างประเทศ  โดยจะฟ้องนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  และนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา     ด้านท่าทีฝ่ายรัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  ได้จัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ  อภิสิทธิ์  ซึ่งเป็นการจัดรายการสดภายในกรมทหารราบที่  11  รักษาพระองค์  รายการดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ได้เล่าความเป็นไปเป็นมาของเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดในท่วงทำนองเดิมๆ  หาความชัดเจนอะไรไม่ค่อยได้  เช่น    การบอกว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ให้ประสบความสำเร็จให้ได้แต่จะไม่ให้เกิดความลุกลาม   โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบสุข  ปกติสุขให้สู่สังคมต้องมีความยั่งยืน
     "เราพยายามเอาพื้นที่ราชประสงค์คืนมาให้ประชาชน  ฝ่ายปกครอง  ตำรวจ  ทหารร่วมกันทำงาน  และจังหวัดไหนที่ไม่ทำงานก็มีการดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ  ซึ่งจะมีการสังเกตได้ว่ามีการโยกย้าย  สลับสับเปลี่ยนบุคลากรในกรณีที่ปัญหาแก้ไขไม่ได้  รัฐบาลดำเนินการไปแล้ว  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อนุสรณ์สถานฯ  ที่บริเวณดอนเมืองทุกคนก็เสียใจ  แต่ก็ต้องยืนยันว่าแนวทางของการสกัดกั้นเช่นนี้  รัฐบาล  และ  ศอฉ.จำเป็นต้องทำและจะทำในทุกกรณี"
     นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงเหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกค้น  รพ.จุฬาลงกรณ์ด้วยว่า  เป็นเหตุที่สะเทือนใจมากที่สุดในรอบสัปดาห์  ที่เกิดเพราะเรากระชับกำลังเข้าไปในบริเวณรอบๆ  พื้นที่ราชประสงค์  ทำให้ผู้ชุมนุมนั้นมีความวิตกกังวลต่อการถูกสลายการชุมนุม  หลายคนตำหนิรัฐบาลว่าเหตุใดไม่มีตำรวจ  ไม่มีทหารเข้าคอยคุ้มกันโรงพยาบาล  เรื่องนี้ในช่วงที่มีปัญหามีการประสานอยู่กับผู้บริหารของโรงพยาบาล   แต่ว่าผู้บริหารของโรงพยาบาลต้องยึดตามหลักสากล  คือ   ไม่ต้องการที่จะให้มีกำลังของใครก็ตามเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล  เพราะว่าจะสูญเสียความเป็นกลาง
     "รัฐบาลกำลังจะดำเนินการต่อไปย่อมมีความเสี่ยงต่อการปะทะหรือการสูญเสีย  ซึ่งก็ย่อมมีผลกระทบกระเทือนจิตใจของผู้คน  แต่รัฐบาลรู้หน้าที่ว่าสิ่งใดที่จำเป็นจะต้องทำก็ต้องทำ  เมื่อบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ  เรื่องคำตอบทางกติกาทางการเมือง  การยุบสภา  คิดว่าเร็วๆ  นี้จะสามารถประกาศได้ว่าเจตนารมณ์ของรัฐบาลเป็นเช่นไร  รวมไปถึงการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ  เพื่อให้การแก้ไขปัญหารัฐบาลทั้งด้านความมั่นคงและการเมืองเป็นที่เข้าใจ  ยอมรับต่อประชาคมโลก  เพราะหากประชาคมโลกไม่เข้าใจจะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมา"  นายกรัฐมนตรีกล่าว
     ในตอนท้ายเขาย้ำว่า  ประชาชนจำนวนมากสอบถามว่าพื้นที่ราชประสงค์จัดการอย่างไร  เมื่อไหร่จะตัดสินใจ  ขอย้ำว่ารัฐบาลมีแนวทางชัดเจน  การจัดการตัดสินใจมีแล้วอยู่ในขั้นตอนปฏิบัติทำแล้ว  ต้องสามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเบ็ดเสร็จอย่างแท้จริง  ต้องเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด  คือการลิดรอนให้เข้าปฏิบัติการต่างๆ  มีประสิทธิภาพและสำเร็จมากที่สุด
     "ปฏิบัติการทั้งหลาย  บังคับใช้กฎหมาย  คดีความทางอาญาจะยังคงดำรงอยู่  ดำเนินการต่อไปแม้เหตุการณ์จะคลี่คลายไปแล้ว    กฎอัยการศึกเป็นอำนาจของกองทัพที่จะเป็นผู้ประกาศ   ได้หารือกันก็ไม่เห็นว่าเครื่องตัวนี้จะมีความจำเป็นต่อการแก้ไขสถานการณ์  สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือไม่จำนนต่อข้อเรียกร้องข่มขู่คุกคามต่อการก่อการร้าย  ยึดหลักนิติรัฐ  ทราบดีว่าขีดความอดทนของเราไม่เท่ากัน  หลายคนบอกว่าไม่สามารถอดทนได้แล้ว  การตัดสินใจตัดสินใจแล้ว  เป็นเรื่องของแนวทางดำเนินการให้ปฏิบัติได้ตามเป้าหมายอย่างดีที่สุด"  นายกรัฐมนตรีกล่าว

http://www.thaipost.net/news/030510/21658

รัฐบาล(ไม่)ทำอะไร?!?
•   บทบรรณาธิการ                                                                   3 พฤษภาคม 2553 - 00:00
   ยิ่งเนิ่นนาน  สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  หรือ  นปช.  ยิ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง  ไม่เพียงสร้างปัญหาสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในบริเวณพื้นที่ย่านราชประสงค์  มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม  ทำลายภาพลักษณ์กระบวนการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ  บั่นทอนความเชื่อมั่นต่ออำนาจรัฐเท่านั้น  แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาวะทางด้านจิตใจของคนไทยทั้งชาติ  ด้วยทุกคนต่างใคร่รู้ใคร่สนใจว่า  เมื่อไหร่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  จะนำความสงบคืนสู่สังคมไทย
     ภาพและข่าวที่เกิดในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  นับเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่หมดความอดทน  หลังจากที่รอคอยกระบวนการแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์  ด้วยความหวังและปรารถนาดีอยากให้กำลังใจมาเป็นเวลามากกว่า  1  เดือน  ฉะนั้น  จึงอาจจะเป็นไปได้อย่างสูงว่าท่ามกลางความเบื่อหน่ายต่อการไม่มีอะไรแสดงออกถึงความคืบหน้าในการบริหารจัดการภายใต้ความรับผิดชอบของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน  (ศอฉ.)  นอกจากซื้อเวลาให้  นปช.กระทำการผิดพลาดด้วยตนเอง  หรือไม่ก็ปล่อยให้พลังประชาชนจัดการแก้ไขปัญหากันเอาเองผ่านการแสดงออกของกลุ่มเสื้อหลากสีนั้น  จะมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
     ถ้อยแถลงของ  ศอฉ.  ตลอดจนคำสัมภาษณ์รายวันของนายกฯ  อภิสิทธิ์  ดูเหมือนไม่แตกต่างจากข้ออ้างหรือคำแก้ตัว  กำลังจะกลายเป็นหอกพุ่งเข้ามาทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะอำนาจรัฐในมือของรัฐบาลและกรอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศเป็นพันธกิจสำคัญที่ตอกย้ำว่า  การนิ่งเฉย  เรียกร้องให้ประชาชนอดทนต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งระรานชาวบ้าน  ทำลายกฎ  กติกา  มารยาทสังคมนั้น  คนไทยไม่จำเป็นเลยที่ต้องเสียเงินภาษีจ้างรัฐบาลห่วยๆ  มาบริหารบ้านเมือง  หากชาวบ้านต้องพึ่งพาเอาตัวรอดจากวิกฤติการเมืองด้วยตนเองอย่างนี้
     ข้อเสนอแนะของฝ่ายต่างๆ  ต่อ  ศอฉ.  หรือเพื่อให้รัฐบาลลงมือจัดการจะมีประโยชน์อะไร  หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ  มิได้สำเหนียกสำนึกสนใจว่า  ประเทศไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง  บ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัยพ้นวิกฤติได้  ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่และให้มีประสิทธิภาพ   เพราะภาพที่มีรัฐมนตรีแค่  4-5  คน
 นั่งแก้ปัญหาม็อบเสื้อแดง   ในขณะที่รัฐบาลทั้งชุดมีกว่า  30  คน  ต่างเอาหูไปนา  เอาตาไปไร่  ปฏิเสธการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษเพื่อระดมสมองในการแก้ปัญหา  ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน
     ดังนั้น  วันนี้แทนที่จะโทษม็อบเสื้อแดงสร้างปัญหาให้กับประเทศไทย  โยนความผิดทั้งหลายให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายเมื่อเกิดความรุนแรง  จนเป็นเหตุให้ประชาชนคนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต  ใช้ประเด็น  "ขบวนการล้มเจ้า"  เป็นข้ออ้างเรียกร้องขอความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของรัฐบาล  ทำไม?!?  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  และคณะรัฐมนตรีทุกคน  ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับทุกข์สุขของประชาชน  ไม่ลองช่วยทบทวนอย่างตรงไปตรงมาว่า  นอกจากมองปัญหาจากมุมที่ตนเองถูกกระทำเย้ยหยามแล้ว  ฯพณฯ  และผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย  ได้ทำอะไรมากกว่าขอให้ประชาชนเข้าใจและอดทนกับความไม่ถูกต้องบ้าง.

http://www.thaipost.net/news/030510/21653

บทบรรณาธิการ

สันติวิธีใช้ไม่ได้กับพวกกุ๊ยก่อการร้าย (บทบรรณาธิการ)

 

เหล่าองค์กรอิสระและนักวิชการบางกลุ่มยังคงหลับหูหลับตาแบบคาบคัมภียร์เรียกร้องให้มีการใช้แนวทางสันติวิธีกับขบวนการคนเสื้อแดง ทั้งๆที่พฤติกรรมความเคลื่อนไหวของแกนนำขบวนการกลุ่มนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ต่างอะไรจากกุ๊ยอันธพาลและเข้าข่ายเป็นกบฏก่อการร้าย และ ที่สำคัญก็คือมีพฤติกรรมจาบจ้วงและเป็นภัยคุกคามต่อสถาบันเบื้องสูง

 การยึดย่านราชประสงค์อันเป็นศูนย์ธุรกิจการค้าสำคัญกลางเมืองหลวงเป็นเวทีปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ และการลอบก่อการร้ายด้วยการก่อวินาศกรรมราว 70 ครั้ง ตลอดช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่การเริ่มมีการชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงได้บ่อนทำลายสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างยับเยินโดยเฉพาะผลกระทบด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งยังสร้างความเดือดร้อนและทุกข์แก่ประชาชนอย่างแสนสาหัส

 ภาพเหตุการณ์กองกำลังกุ๊ยเสื้อแดงพร้อมอวุธปฏิบัติการเถื่อนยกพวกบุกจู่โจมเข้าไปภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสภากาชาดไทยในพระบรมราชินูปภัมภ์ จนสร้างความตื่นตระหนกต่อแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วย และต้องมีการย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลนับเป็นภาพที่สะเทือนใจแก่คนไทยทั้งประเทศ หรือแม้แต่องค์การกาชาดสากและองค์กรสิทธิมนุษยชนโลบต่างก็ประณามพฤติกรรมเลวทรามดังกล่าว

 การบุกจู่โจมโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ของกุ๊ยคนเสื้อแดงยังทำให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯต้องเสด็จไปให้กำลังใจเหล่าแพทย์ พยาบาลตลอดจนรับสั่งให้ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย และที่สำคัญรับสั่งให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชซึ่งรักษาอาการพระประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปประทับรักษาพระองค์ยังโรงพยาบาลศิริราชแทน

 นอกจากนี้พฤติกรรมอันชั่วร้ายของขบวนการกุ๊ยเสื้อแดงที่คนไทยทั้งประเทศคาดไม่ถึงอีกอย่างหนึ่งก็คือคำสารภาพของผู้ต้องหาขบวนการเสื้อแดงที่ยิงกระสุนระเบิดอาร์พีจีใกล้กระทรวงกลาโหมก่อนหน้านี้โดยระบุว่ามีเป้าหมายที่แท้จริงคือยิงใส่วัดพระศรีรัตนศาสนารามหรือวัดพระแก้วอันเป็นวัดคู่เมืองของชาติเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลาย

 จากพฤติกรรมดุจกุ๊ยและเข้าข่ายเป็นกบฏก่อการ้ายดังกล่าวถึงเป็นความผิดร้ายแรงซึ่งหากเป็นนานาอารยประเทศ อย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือสหรัฐอเมริกาจะไม่มีทางยอมเจรจา กับขบวนการนอกกฏหมายอย่งเด็ดขาด ตรงกันข้ามก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนกลุ่มนี้

 นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตยอธิบายความหมายของคำว่า"สันติวิธี"ไว้ว่า แม้สันติวิธีจะเป็นแนวหนึ่งที่ดีในการยุติข้อพิพาท แต่อย่าใช้สันติวิธีไปทำลายความถูกต้อง และต้องตระหนักว่าสันติวิธีไม่ใช่การยกเว้นการกระทำความผิด แต่หมายถึงการทำให้ข้อขัดแย้งจบลงด้วยวิธีที่ไม่รุนแรง อีกทั้งสันติวิธีไม่ใช่การทำสิ่งที่ผิดให้ไม่ผิดหรือลดโทษให้คนผิดแล้วเรื่องจบ อย่าให้มองได้ว่าสันติวิธีคือการให้อภัยคนทำผิด แต่อาจจะต้องยอมสูญเสียบางอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง

 เพราะฉะนั้นสันติวิธีจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จในทุกกรณีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าแกนนำกุ๊ยเสื้อแดง แต่สันติวิธีต้องใช้อย่างชอบธรรมถูกต้องเหมาะกับกาลเทศะ กับบุคคลและกับสถานการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงเพื่อรักษาหลักความเป็นนิติรัฐและความสงบสุขของสังคมส่วนรวมไม่ให้ถูกบ่อนทำลายโดยขบวนการกุ๊ยนอกกฏหมายเพียงหยิบมือเดียว

วันที่ 3/5/2010

http://www.naewna.com/news.asp?ID=209585

ก็ถึงวันที่"ประเทศไทย"แสงทองใหม่ทาบ
•   เปลว สีเงิน
3 พฤษภาคม 2553 - 00:00
  อย่าท้อแท้  อย่าหดหู่  อย่าหมดหวัง  และอย่าโทษใคร  สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองไทยเรา  ณ  เวลานี้  ขอให้เราเข้าใจว่า....นี่คือ  "ชีวิตชาติร่วมกัน"  สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราชฯ  ประมุขแห่งสงฆ์  ต้องจากตำหนักวัดบวรฯ  เสด็จประทับรักษา  ณ  รพ.ศิริราช  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  องค์พระประมุขสูงสุดของชาติ  ก็ทรงจากพระราชวังเสด็จฯ  มาประทับรักษาอยู่  ณ  โรงพยาบาลศิริราช  นายกรัฐมนตรี  "นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ"  ผู้นำประเทศฝ่ายบริหาร  ก็ต้องทิ้ง  "ทำเนียบรัฐบาล"  อาศัยราบ  ๑๑  รอ.แทน  ทั้งบ้าน-ทั้งทำเนียบฯ  กระทั่ง  "พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา"  ผบ.ทบ.  ยังต้องไปซุกค่ายทหารทำงานแทน  "กองบัญชาการกองทัพบกไทย" !?
     แล้ว  "เหล่ากบฏ"  อันประกอบด้วย  ตำรวจ-ทหาร-อดีตนายกฯ-ส.ส.-ข้าราชการ-แพทย์-นักวิชาการ-ประชาชน  "ผู้หลงผิดส่วนหนึ่ง"  รวมเป็นกองโจรติดอาวุธเข้ายึดครองใจกลางเมือง  เมื่อกรุงรัตนโกสินทร์จำเริญ  ณ  จำเนียรกาลครบ  ๒๒๘  ปี!?
     เพราะมีสิ่งนี้  จึงเกิดสิ่งนี้  และนี่ก็ถึงกาลที่  "ชีวิตสุดท้าย"  ของคนคิดร้ายต่อชาติ  เดินเข้าสู่วังวนที่ตนกระทำแล้ว!!!!
     นับจากวันนี้-จันทร์ที่  ๓  พฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๕๓  ตรงกับแรม  ๕  ค่ำ  เดือน  ๖  เมื่อดาวคุณธรรมยิ่งใหญ่เคลื่อนย้ายสู่เรือนแห่งตนอีกครั้งหนึ่งเช่นนี้แล้ว  สูรย์ย่อมคืนแสง  เดชานุภาพแผ่พลังแรงทรงกลด  ฟ้าสดเพราะเมฆสลาย  พสกชื่นคืนกาย  สติได้คิด-คืนธรรม
     ต่อจากนี้ไปอีก  ๒  วัน  ก็ถึงวันฉัตรมงคล  คือวันที่  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ"   เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นรัชกาลที่  ๙  เมื่อ  ๙  มิถุนายน  ๒๔๘๙  แต่ขณะนั้นยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ   และเสด็จฯ   ไปศึกษาต่อ  ณ  สวิตเซอร์แลนด์  จนเมื่อ  ๕  พฤษภาคม  ๒๔๙๓  จึ่งได้เสด็จนิวัตประเทศไทย
     รัฐบาลไทยขณะนั้น  ได้จัดพระราชพิธี  "บรมราชาภิเษก"  ถวายในวันนี้  จึงถือเอาวันที่  ๕  พฤษภาคม  ของทุกปี  เป็น  "วันฉัตรมงคล"  ฉัตรที่ปกป้องคุ้มชาติ  ฉัตรที่คุ้มครองพระศาสนา  และฉัตรที่คุ้มเกล้ามหาประชาชาวไทยด้วย  "น้ำพระทัยเมตตา"  ดุจดั่งมหานทีมิเคยเหือด
     ประเทศชาติบ้านเมืองเปรียบก็เหมือนคนคนหนึ่ง  มีขึ้น-มีลง,  มีสุข-มีทุกข์,  มีรุ่ง-มีโรย,  สับเปลี่ยน  เวียนหมุนกันไปตามหลัก  "โลกธรรม  ๘  ประการ"  ถ้ารู้ทัน  เข้าถึง  ยามขึ้น   ยามสุข  ยามรุ่ง  เราก็ไม่หลงระเริงด้วยมัวเมา  และยามลง  ยามทุกข์  ยามโรย  เราก็ไม่ตีโพยตีพาย  ไม่ท้อแท้  ไม่โทษใคร  และไม่สิ้นหวัง
     เพราะนั่นเปรียบดังพระอาทิตย์สาดแสงอุ่นเอื้อตอนเช้า  แล้วอ่อนแรง-โรยรา  และลับจากตอนเย็น  ในยามฟ้ามืด-แผ่นดินมัวแห่งสันตติกาล  เราจงมองทุกสิ่งที่เป็นไปรอบตัวด้วย  "ใจที่เข้าใจ"  เถิด  และอีก  ๑๒  ชั่วโมงต่อมา......
     อรุณก็รุ่งอีกแล้ว!
     นี่...คือเส้นทางของสัตว์ผู้มีกรรมเป็นเชื้อเกิดยังไงล่ะท่านเอ๋ย   ใจเรายังไม่เคยเที่ยง  แล้วเราจะไปทึกทักเอาอะไรให้มันคงที่ได้ล่ะ  สรุปแล้ว  "ทั้งสุข-ทั้งทุกข์"  คือไฟเหมือนกัน  ไฟร้อน-คือทุกข์ก็เผาเรา,  ไฟเย็น-คือสุขก็เผาเรา  ด้วยเหตุนี้  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  พระผู้ถึงแล้วซึ่งวิชชาและจรณะ  ๑๕  จึงทรงชี้ทางเดินชีวิตให้เหล่าพสกนิกรผู้ดังบุตรในอุทรของพระองค์ไว้ว่า
     ให้ทุกคนไม่ต้องเอามาก  ให้รู้จัก  "พอเพียง"  ก็จะมีความสุข  คือทำให้  "เป็นกลาง"  นั่นเอง!
     ครับ...ยามนี้ทุกคนว้าวุ่น..สับสน..ผมเข้าใจ  เข้าใจทั้งนายกฯ  อภิสิทธิ์  เข้าใจทั้งพลเอกอนุพงษ์  เข้าใจทั้งเหล่ากบฏ  และเข้าใจทั้งพวกเรา  "ผองไทยร่วมชาติ"  โดยเฉพาะเหตุทรามที่เหล่ากบฏสร้าง  ณ  โรงพยาบาลจุฬาฯ  ผมได้รับข้อความเดียวกันจากหลายที่-หลายทาง  โดยเฉพาะจากชนชาว  FB  จึงขอนำ  "ความในใจจากหมอจุฬาฯ  คนหนึ่ง"  มาแผ่ให้ทราบกัน  ดังนี้

     เรียนทุกท่าน
     เหตุการณ์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และที่โรงพยาบาลจุฬาฯ  เป็นเรื่องที่ยาวมากๆๆๆๆๆ  ที่กระทบที่ผ่านมาเป็นเรื่องผลต่อบุคลากรและนิสิตของมหาวิทยาลัยที่ต้องยกเลิกการเรียนการ
สอน  การประชุม  การสอบ  มาตลอด  ที่  รพ.จุฬาฯ  มีผลต่อการเดินทางเข้าออกฝั่งถนนราชดำริ  รวมทั้งทางเข้าออกห้องฉุกเฉิน  และความปลอดภัยของบุคลากร  คนไข้  และญาติ  มาตลอดเช่นกัน  ผู้ป่วยและญาติที่อยู่หอผู้ป่วยบริเวณถนนราชดำริต้องได้รับการรบกวนเสียงตลอดทั้งคืน   ทาง  รพ.จุฬาฯ  ได้ขอร้องให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดทางเข้าห้องฉุกเฉิน  หัวมุมถนนราชดำริ  หรือถอยห่างไปเล็กน้อย  แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่เคยสนใจ  คิดแต่ประโยชน์ของเขาเอง  ทั้งที่ผู้ชุมนุมก็มิได้เต็มถนนราชดำริเลย  ถ้าถอยไปถึงหัวมุมสามแยกถนนสารสินก็ได้  พวกมันเข้าออก  รพ.จุฬาฯ  อย่างสะดวก  ใช้ห้องน้ำ  และบริเวณเป็นที่พักผ่อน  เวลาไม่สบายก็เข้ามารับการรักษาโดยเราไม่รังเกียจ  เดินเข้าออกอย่างสบาย  สวนลุมฯ  ก็เข้าไม่ได้  แถมบุคลากรยังโดนบังคับขอเงิน  หรือข่มขู่
     รพ.ต้องหยุดคลินิกพิเศษนอกเวลาทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยที่นัดผ่าตัดนอกเวลา   ตั้งแต่วันที่  ๒๗  เมษายน  หลังเกิดเหตุการณ์ยิงกันวันที่  ๒๒  เมษายน  เพราะความไม่ปลอดภัยในการเดินทางของผู้ป่วยและญาติในเวลาค่ำ  ที่สำคัญบุคลากรต้องกลับบ้านหลังสองหรือสามทุ่ม  ผู้ป่วยที่นัดและที่เตรียมผ่าตัดที่เป็นมะเร็งต้องมารับยาเคมีบำบัด  ต้องเลื่อนไปทั้งหมด
     คืนวันที่  ๒๖  ก็บุกเข้าตึก  สก  เพื่อจะจับอาจารย์ตุลย์  โดยไม่เกรงกลัวใคร  คืนวันที่  ๒๗  ก็สงสัยว่ามีตำรวจ  เลยบุกเข้าที่ห้องฉุกเฉิน  น่ากลัวมากๆ  (ก็ดูหน้าตาแต่ละคนที่มาก็แล้วกัน)  รพ.ต้องสั่งหยุดบริการผู้ป่วยนอกและการผ่าตัดทั้งหมด  คราวนี้กระทบคนทั้งหมด  และ  รพ.เท่ากับหยุดการทำงานทั้งหมด  สุดท้ายต้องย้ายผู้ป่วยจากตึก  ภปร  ตึก  สก  และตึกวชิรญาน  (ที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฯ)  เพื่อหลีกหนีเสียงรบกวน  โดยย้ายไปที่ตึกด้านถนนอังรีดูนังต์  เมื่อวันพุธที่  ๒๘  เมษายน
     ลองนึกภาพดูว่า  ผู้ป่วยที่ใส่ท่อหายใจ  อยู่ไอซียู  ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัด  ทารกที่หายใจหอบ
เหนื่อยและอีกมากมาย  ต้องทุลักทุเลย้าย  (ก็ไม่ใช่ญาติของพวกมัน)  แต่พวกมันคิดและระแวง
 (ก็ทำผิดกฎหมายและเกินสิทธิ์  รบกวนสิทธิ์ผู้อื่น)  ว่าทาง  รพ.จุฬาฯ  จะสนับสนุนให้ตำรวจและทหารสลายการชุมนุม
     เมื่อคืนวันที่  ๒๙  เมษายน  พายัพ  ปั้นเกตุ  (ต้องติดป้ายชื่อนามสกุลไว้หน้าโรงพยาบาล)  พาคนพร้อมผู้สื่อข่าวมาเพื่อขอตรวจค้น  โดยไม่มีอำนาจที่จะบุกรุกยามวิกาล  ผมไม่ได้อยู่
ในเหตุการณ์  แต่รับรู้ว่าพวกมันบังคับให้ผู้บริหารยอมให้ตรวจค้น  พวกมันแสดงกิริยาดุดัน  กราดเกรี้ยวแบบไม่เกรงใจใคร  และสัญญาว่าจะเข้าตรวจค้นไม่กี่คน  แต่บุกเข้าเป็นร้อย  สัญญาว่าจะตรวจแค่ตึก  สก  และตึก  ภปร  (ตึกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของเรา)  แต่ก็เข้าตรวจทั่ว  รพ.จุฬาฯ  เพราะตรวจสองตึกแล้วไม่พบ  ทหาร  ตำรวจ  สุดท้ายยังข่มขู่ว่าจะเข้ามาอีก
     วันนี้  รพ.จุฬาฯ  เป็นห่วงถึงความปลอดภัยต่อผู้ป่วย  ญาติ  นิสิตแพทย์  พยาบาล  แพทย์  และบุคลากร  ผู้บริหารต้องสั่งปิด  รพ.จุฬาฯ  และย้ายผู้ป่วย  (ที่เพิ่งย้ายมาจากตึกด้านหน้าเมื่อสองวันก่อน)  โดยสั่งให้กลับบ้านสำหรับผู้ป่วยที่พอกลับได้  ส่วนที่ต้องอยู่  รพ.ต่อ  ก็ติดต่อและดำเนินการย้ายไปที่  รพ.ศิริราช  รพ.ราชวิถี  และที่อื่นๆ  ที่รับได้  ยกเว้นที่ต้องอยู่ไอซียู  และย้ายไม่ได้ก็ยังให้อยู่เท่านั้น  เท่ากับสั่งปิด  รพ.จุฬาฯ  ไปเลย
     โดยสามัญสำนึก  แม้แต่ตอนสงคราม  พวกนักรบที่จะเข่นฆ่ากันให้ได้  ก็ยังยกเว้นส่วนการพยาบาลไว้  แต่นี่เป็นอะไร  ไม่ฟัง  ไม่สน  บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร
                                   ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง รพ.จุฬาฯ ด้วยเถิด
                                             รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์
                                                   แพทย์ประจำ รพ.จุฬาฯ

     แต่ยังมีอีก  ณ  มุมหนึ่งที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ  จากเหตุ  "วิบากกรรมประเทศไทย"  ผู้ใช้นามว่า  "พี่แดง"  ท่านไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บมา  และเขียนเล่าว่า
     น้องๆ  ที่รัก
     พี่พึ่งไปเยี่ยมทหารที่  รพ.พระมงกุฎฯ  มา  มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้งเบาและหนัก  อยากบอกว่าสงสารทหารมาก  เขาเล่าให้ฟังว่า  ที่เราเห็นเหมือนขวดน้ำเปล่าที่เสื้อแดงปาใส่ทหาร  จริงๆ  แล้วเป็นน้ำส้มสายชูผสมพริกไทยบ้าง  พริกบ้าง  ทำให้เขาทั้งแสบทั้งคัน  เขาบอกว่าถ้าผมอยู่ชายแดนผมก็ยังรู้ว่าฝั่งตรงข้ามคือศัตรูทั้งการแต่งตัวและอาวุธ  แต่นี่ทุกคนแต่งตัวธรรมดาเหมือนพวกพี่ที่มาเยี่ยมผมอยู่รอบตัวผมไปหมด
     คนพวกนั้นบอกว่า  "ผมไม่ใช่เสื้อแดง  ผมมาดูเฉยๆ"  พอผมหันหลังเขาซัดผมเลย  เอาไม้ตีขาผมหักสองท่อน  ต้องผ่าตัดและหมอบอกว่าต้องกายภาพบำบัดอีก  เขาเล่าอีกว่า  ผมมีปืนและลูกปืนยาง  แต่สั่งห้ามยิงโดยเด็ดขาด  ตกเย็นต้องนำมาคืนให้ครบจำนวน  ถ้าหายไปแม้เพียงลูกเดียวจะถูกสอบสวนทันที  และอาจโดนจำคุกทหาร  และหักบำเหน็จบำนาญ  ข้อหาละเมิดคำสั่งที่ไม่ให้ยิง  ฟังแล้วเห็นใจทหารมากๆ  หลายคนต้องรับการรักษาแบบบำบัดจิต  เพราะขวัญเสีย  และโดนแรงกดดัน  คือมีคนเข้ามารุมทำร้ายเขา  แต่ด้วยคำสั่งทหาร  "ห้ามทำร้ายประชาชน"  เขาจึงไม่อาจตอบโต้ได้  จึงได้แต่ป้องกันตัวเท่านั้น  หลายคนจึงเห็นภาพที่ตัวเองโดนทำร้ายไม่เลิก  นอนผวาบ้าง  ละเมอบ้าง  นี่คือทหารที่ปฏิบัติการที่สี่แยกคอกวัว
     อีกส่วนนึงที่พี่ไปเยี่ยมเป็นอีกตึก  คือทหารสามจังหวัดภาคใต้  น่าส่งสารหนักเข้าไปอีก  คือไม่มีใครไปเยี่ยมเขาเลย  คงเป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่เพราะไม่ได้ประชาสัมพันธ์
เลยไปเยี่ยมพวกที่ปฏิบัติการที่คอกวัวเท่านั้น  ทหารหลายคนเป็นทหารเกณฑ์ยังเด็กอยู่มาก  มีคนหนึ่งร่างกายครบแต่หัวยุบไปซีกหนึ่งเลย  บางคนขาด้วนเพราะโดนระเบิด  เพิ่งเข้าประจำการได้ห้าเดือนเอง  มีอีกคนหายไปเลยครึ่งตัวยังเด็กอยู่มากๆ  นอน  รพ.มาปีกว่าแล้วเพราะต้องผ่าตัดเป็นระยะๆ  พี่ข้ามไปอีกตึก  เป็นตึกเกี่ยวกับระบบเส้นประสาท  พวกนี้อาการหนักมาก  คือขยับไม่ได้เลยจากคอลงไป  เขาหายใจทีหนึ่งยังลำบากเลย  เป็นอัมพาตกันส่วนใหญ่และไม่มีคนมาเยี่ยม
     พี่คิดว่าทหารเขาเสียสละมากจริงๆ  เราอยู่สบายได้ก็เพราะเขาลำบากเพื่อเรา  พิการแล้วก็ต้องเป็นภาระครอบครัวเขาอีก  อยากให้พวกเราแสดงความขอบคุณโดยไปเยี่ยมเขา  แค่ไปบอกเขาว่าเราขอบคุณ  พี่ได้มีโอกาสพูดกับเขา  ขอบคุณในความเสียสละ  ขอบคุณที่ช่วยรักษาชาติบ้านเมืองและปกป้อง  "ในหลวง"  พวกเราคนไทยระลึกในความดีของพวกเขา  และเห็นว่าเขาเป็นวีรบุรุษของชาติ  รู้ไหมว่าพี่เห็นน้ำตาเขาคลอเลยทีเดียว  เขาตอบกลับว่า
     "ครับ..ขอบคุณ  ก็จะปกป้องไปจนตายครับ  ออกจาก  รพ.แล้วก็จะกลับไปประจำการ
ไปลาดตระเวนอีกครับ  เพื่อในหลวง"
     ที่เล่ามายืดยาวก็เพื่อจะขอว่า  ถ้าใครว่างก็สละเวลาไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจเขา  อยากเอาขนมไปเลี้ยงเขาหรือเอาเงินให้เขาก็ได้  บางคนก็เอาดอกไม้ไปให้  แต่ถ้าไปเยี่ยมเฉยๆ  พวกเขาก็  Happy  แล้วว่าเราไม่ลืมเขา  ที่เฮติเรายังร่วมกันส่งเงินไปช่วยเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์  แต่นี่คนไทยด้วยกันเป็นทหารที่เสียสละเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ  เราจึงมีแผ่นดินไทยให้อาศัยอยู่  ช่วยๆ  กันนะจ๊ะ  คนไทยเราไม่แล้งน้ำใจอยู่แล้ว  พี่ตั้งใจจะไปเยี่ยมเขาอีกแน่ๆ  วันอาทิตย์  ถ้าไปอาจได้เจอกันนะ  รักชาติ  รักในหลวง  ก็ไปให้กำลังใจทหารกันเยอะๆ  นะจ๊ะ
                                                           (พี่แดงจ้า)
                                               Benjarat Phattanawiroj
     ครับ...ต่อไปนี้  เราต้องให้เกียรติและเชิดชู  "ทหารเกณฑ์"  ให้มากเข้าไว้  อย่าไปดูหมิ่น-ดูแคลนอย่างแต่ก่อน  "ทหารเกณฑ์คือชายเต็มร้อย"  และวันนี้  เขาทำหน้าที่  "ได้ใจ"
พวกเรา  เพราะพวกเขาคือ  "ทหารเกณฑ์-ไอ้เณรกู้ชาติ"  แท้จริง! ่
 
http://www.thaipost.net/news/030510/21652

สีทนได้!!!
•   ท่านขุนน้อย                                                                     3 พฤษภาคม 2553 - 00:00
 เริ่มต้นสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นที่จะต้องว่ากันถึงเรื่องม็อบเสื้อแดงต่อไปเรื่อยๆ  แม้นจะเต็มไปด้วยความรู้สึกผะอืดผะอม  คลื่นเหียน  วิงเวียน  ท้องเฟ้อ  เรอเปรี้ยว  กันซักขนาดไหนก็ตาม  ทำไงได้...ภายใต้บรรยากาศในยุค  อันธพาลครองเมือง  เช่นนี้  จะมัวแต่เอามือซุกหีบ   ตัดช่องน้อยทะลุออกไปนอกโลก   นอกจักรวาล  โดยไม่คิดจะวกกลับมาพูดถึงเรื่องบ้าน  เรื่องเมือง  เอาเลยนั้น...มันก็ออกจะดูอุเบกขาจนเกินไป...
            ---------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...เท่าที่ได้รับฟังคำพูด  คำจา  ของท่านนายกรัฐมนตรี  อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ในรายการ  นายกฯ  พบประชาชน  เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  ก็ถือว่า...ยังพอใช้การได้!!!ไม่ว่าโดยบุคลิก  ลีลา  คำพูด  คำชี้แจง  ในแต่ละวรรค  แต่ละประโยค  ยังพอสะท้อนให้เห็นถึงความมีสติ  ความมีเหตุมีผล  และความมุ่งมั่นตั้งใจ  ที่จะแก้ปัญหา  ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ได้  แก้แล้วถูกใจ  หรือไม่ถูกใจ  ใครต่อใครบ้างนั้น  ก็คงเป็นอีกเรื่อง  อีกกรณีที่จะต้องรอคอยติดตามกันต่อไป    หลังจากที่รอ...แล้ว...รอ...แล้ว...รอ...ไม่สิ้น   มาประมาณ  2  เดือนกว่าๆ  เข้าไปแล้ว...
            ---------------------------------------------
     อย่างว่า...ปัญหาเท่าที่มันกำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้  คงต้องยอมรับว่า  มันคงไม่ถึงกับแก้กันได้ง่ายๆ  ซักเท่าไหร่  ยิ่งถ้าหากต้องการจะให้มุมจบของปัญหา  มันออกมาในลักษณะแบบสารคดีชีวิตจริง  ไม่ใช่จบกันแบบหนังผี  หนังสยองขวัญ  หรือหนังซาดิสต์  ชนิดเลือดกระฉูดออกมาท่วมจอเป็นลิ่มๆ   ส่วนประเภทที่อยากจะให้จบกันแบบหนังรัก   หนังโรแมนติก  กึ่งเพ้อฝัน  กึ่งแฟนตาซี  กึ่งดราม่า  อะไรประมาณนั้น  มาถึงขั้นนี้  คงต้องบอกว่า...น่าจะเลิกคิดๆ  กันไปได้แล้ว  โดยเฉพาะสำหรับท่านที่เป็นนักสันติวิธี  นักเจรจา  นักผูกริบบิ้นขาว  ฯลฯ  ทั้งหลาย...
           -----------------------------------------------
     เนื่องจากถ้าดูถึงแนวโน้มของปัญหา  หรือแนวโน้มของผู้ซึ่งกำลังสร้างปัญหาอยู่ในขณะนี้...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า  นับวันความพยายามที่จะหันไปเอาชนะกันในด้านกองกำลัง  หรือหันไปเอาชนะทางการทหาร  มันชักจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  จะด้วยเหตุที่การเอาชนะทางการเมืองของคนเหล่านี้  มักจะประสพความล้มเหลว  เละเทะ  เลอะเทอะ  มาโดยตลอด  วันๆ  มีแต่วนไป  วนมา  อยู่กับมุขเก่าๆ  เดิมๆ  ประเภทแป๊กแล้ว  แป๊กอีก  นั่งกรอกหูมวลชนด้วยคำพูด(วาทกรรม)  ซ้ำๆ  ซากๆ  ไม่ว่าจะเป็นคำว่า  อำมาตย์  ชนชั้น  สองมาตรฐาน  ฯลฯ  ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้อเรียกร้องในเรื่องการยุบสภาฯ  เอาเลยแม้แต่น้อย  ความพ่ายแพ้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า  จึงกลายเป็นตัวเปิดช่อง  เปิดบทบาท  ให้กับบรรดากองกำลังไม่ทราบฝ่าย  และทราบฝ่ายทั้งหลาย  อันได้แก่  พวกฮาร์ดคอร์  ที่ทั้งถ่อย  ทั้งหยาบ  ทั้งดิบ  ทั้งเถื่อน  เข้ามาเป็นตัว  กำหนดเกม  มากขึ้นเรื่อยๆ...
         --------------------------------------------------
     ปฏิบัติการเข็มขัดสั้น  หรือปฏิบัติการในแบบ  คาดไม่ถึง  มันจึงปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นๆ  ชนิดไม่ว่านายกรัฐมนตรี  รองนายกรัฐมนตรี  ตลอดไปจนถึงผู้บัญชาการทหารบก  ต่างต้องออกมาขยับเข็มขัด  หรือต่างก็ต้องออกมายอมรับว่า  คาดไม่ถึง  แบบซ้ำแล้ว  ซ้ำเล่า  ไม่ว่าจะเป็นกรณีการฆ่าทหารกันสดๆ  คาสี่แยกคอกวัว  ลอบยิงวัดพระแก้ว  ระเบิดคลังน้ำมัน  บุกเข้ายึดโรงพยาบาล  ฯลฯ  พูดง่ายๆ  ว่า...ถ้าหากไม่ถ่อย  ไม่หยาบ  ไม่ดิบ  ไม่เถื่อน  หรือไม่เหี้ยมถึงขีดสุดแล้ว  มันไม่น่าที่จะทำอะไรโง่ๆ  ไปได้ถึงปานนั้น  เพราะแม้ว่าการกระทำเหล่านี้อาจถือเป็นชัยชนะทางการทหารได้อย่างสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ  แต่สุดท้าย...มันย่อมนำไปสู่การพ่ายแพ้ทางการเมืองไปด้วยกันทั้งสิ้น...
      --------------------------------------------------------
     แต่ในเมื่อบรรดาคนเหล่านี้  มันดัน  จับชาวบ้านเอาไว้เป็นตัวประกัน  นับเป็นพันๆ  หมื่นๆ  และไม่ได้กักตัวเอาไว้แต่เฉพาะใจกลางถนนราชประสงค์เท่านั้น  ในจังหวัดแต่ละจังหวัด...บรรดาไอ้เหี้ยม  หรืออีเหี้ยม  ทั้งหลาย  ยังพลิกบทบาทกลายมาเป็นฝ่ายนำ  พร้อมที่จะบุกเผาบ้าน  เผาเมือง  ให้ฉิบหายวายวอดได้ทุกเมื่อ  และพร้อมที่จะเล่นงานตำรวจ  ทหาร  หรือแม้แต่ชาวบ้านตาดำๆ  ให้ต้องทุกข์ระทม  ตกระกำลำบาก  ตามแนวทางยุทธศาสตร์ที่ไอ้เหี้ยมตัวพ่อเคยป่าวประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า...ถ้าหากผมยังอยู่ไม่เป็นสุข...ก็อย่าได้คิดว่าประเทศไทยจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ง่ายๆ  การป้องกัน  ควบคุม  หรือการรับมือกับกลุ่มคนเหล่านี้...มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ...
      ---------------------------------------------------------
     แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดก็ตามที  ความพยายามคลี่คลายปัญหาโดย  ศูนย์ปฏิบัติการอยู่เฉยๆ  เท่าที่ผ่านมาประมาณ  2  เดือนกว่าๆ  คงปฏิเสธไม่ได้ว่า....มันออกจะเป็นอะไรที่ดูหน่อมแน้มเกินไปหน่อย  และใช้เวลายาวนานเกินไปกว่าที่จะมานั่งปลอบประโลมให้ผู้คนอดทน  รอคอย  มากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว  การนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาสู่บ้านเมืองอย่างยั่งยืน  ถาวร  ตลอดไปจนการฟื้นฟูการบังคับใช้กฎหมาย  มันคงไม่อาจสำเร็จได้ด้วยเพียงแค่คำพูด  แต่ต้องอาศัยการกระทำ  การเคลื่อนไหวปฏิบัติการ  ที่นอกจากจะแสดงออกถึงความประณีต  ละเอียดอ่อนแล้ว  ยังต้องแสดงออกถึงความเข้มแข็ง  และความมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วย...
      ---------------------------------------------------------
     ไม่เช่นนั้น...ความพ่ายแพ้ทางการทหาร  มันอาจกลายเป็นตัวฉุดรั้งให้ต้องพ่ายแพ้ทางการเมืองตามไปด้วย  หรือทำให้ทั้งรัฐบาลและผู้ต่อต้านรัฐบาล  ต่างก็พ่ายแพ้ไปด้วยกันทั้งคู่  พร้อมๆ  กับประชาชน  และประเทศทั้งประเทศ  ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตามๆ  กันไป  ด้วยเหตุที่ท่ามกลางความพังพินาศฉิบหายของระบบ  ระบอบ  ของโครงสร้างสังคมทั้งโครงสร้าง  ย่อมไม่มีใครที่จะมีโอกาสเป็นฝ่ายชนะเอาเลยแม้แต่น้อย  มีแต่จะแพ้มาก  แพ้น้อย  ฉิบหายมาก  ฉิบหายน้อย  แต่เพียงเท่านั้น...
        -----------------------------------------------------
     ก็เอาเถอะ...ท่ามกลางการยืนยันด้วยคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี    ว่าการปฏิบัติใดๆ  ก็ตาม  จะปรากฏให้เห็นในอีกคัมมิ่ง  ซูน  หรือในอีกไม่นานนับจากนี้  เราทั้งหลายก็คงต้องอดทน   รอคอย  กันไปอีกจั๊กกู้  ไหนๆ  ก็รอมาตั้ง  2  เดือนกว่า  จนชักจะเริ่มชินๆ  กันแล้ว  ถ้าหากพิจารณาจากความมีสติ  ความมีเหตุมีผล  และความมุ่งมั่นตั้งใจของคนหนุ่มผู้มีชื่อว่า  อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ในฐานะที่  ท่านขุนน้อย  ก็ดันประพฤติตนเป็น  พ่อยก  มานานเป็นปีๆ  จู่ๆ  จะไปตัดรอนน้ำใจกันดื้อๆ  มันออกจะดูโหดร้ายจนเกินไป...เอาเป็นว่า  ถ้าหากไม่ยืดเยื้อ  คาราคาซัง  จนหมดเดือนพฤษภาไปอีกเดือนเต็มๆ...ระดับนี้...สี...ทนได้!!!
           -----------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก  พิชัยสงครามซุนหวู่...ไม่เคยมีการรบยืดเยื้อครั้งใด...ที่
ประเทศจะได้รับประโยชน์จากช่วงเวลาที่ทอดยาวออกไป...

http://www.thaipost.net/news/030510/21650

คิดถึง"ศาลาริมสวน"
•   ถูกทุกข้อ                                                                           3 พฤษภาคม 2553 - 00:00
 เรียน คุณสามวา สองศอก ที่นับถือ
     เมื่อพูดถึงรายการโทรทัศน์  "ศาลาริมสวน"  ที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับคุณธรรมสู่ประชาชน  ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง  11  กรมประชาสัมพันธ์
     แม้รายการนี้จะถูกเพิกเฉยโดยผู้รับผิดชอบไปแล้ว  จนกระทั่งทำให้ระงับไปเองอย่างเป็น
ธรรมชาติ  ทั้งนี้ถ้ามองอีกด้านหนึ่งย่อมรู้ว่า  "เพราะตัวฉันเองมีความรู้สึกที่ไม่ชอบไปขอร้องอะไรจากใคร  เพราะมันทำให้ตัวเองจำต้องสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์"  ซึ่งฉันรักษามันไว้อย่างสุดชีวิต
     จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความสับสน  จนกระทั่งไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุมันคืออะไรและอยู่ที่ไหน  รายการนี้จึงได้ระงับไปโดยไม่มีใครสนใจรับผิดชอบนับเป็นเวลาแรมปีมาแล้ว  แต่ประชาชนคนชมรายการนี้ต่างก็เรียกร้องมาที่ฉัน  ซึ่งตัวเองก็ได้ตอบไปว่ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน  แต่เป็นเรื่องของสถานีโทรทัศน์  ซึ่งประชาชนทุกคนควรเรียกร้องไปที่นั่นมากกว่า 
     แทบทุกครั้งที่ฉันเดินทางไปไหนๆ  เมื่อพบคนที่เป็นเพื่อนของฉันส่วนใหญ่  มักถามหารายการนี้เสมอมา
     อนึ่ง  เมื่อฉันกล่าวถึงคำว่า  "เพื่อนของฉัน"  โปรดอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวที่มีพรรคพวกโดยเฉพาะ  "ตัวกูของกู"  มาใช้กับฉัน  ทั้งนี้ทุกครั้งที่ฉันพูดถึงคำว่า  "เพื่อนของฉัน"  ฉันหมายถึง  "เพื่อนมนุษย์ทุกคนภายในโลกใบนี้"  เพราะตัวเองปลอดแล้วจากการยึดติดในระดับหนึ่ง  จากเงื่อนไขที่นำเอาสิ่งอื่นใดมากำหนดกรอบภายในรากฐานจิตใจตัวเอง
     ความจริงแล้ว  ถ้าเป็นคนฉลาดอีกทั้งรู้สึกเฉลียวใจสักหน่อย  ผู้บริหารงานในยุคนี้ก็ควรจะเกิดจิตใต้สำนึก  ซึ่งคนผู้ให้กำเนิดควรถามตัวเองว่า  "มันเกิดอะไรขึ้น"  ไม่เพียงเท่านั้น  การที่หลายคนเห็นว่า  "รายการนี้คือรายการกล้วยไม้"  ถ้าใครสงสัยและสะดุดคิดสักนิด  ก็น่าจะเกิดคำถามหวนกลับมาถามตัวเองว่า  "ทีคนอื่นพูดถึงเรื่องกล้วยไม้  เหตุไฉนจึงไม่มีคนสนใจติดตามถามหาอย่างกว้างขวางเช่นรายการนี้"
     นอกจากนั้น  หลังจากมีคนพูดว่า  "ฉันเป็นอาจารย์กล้วยไม้  เหตุใดฉันจึงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง  โดยที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้นำปฏิบัติ  โดยเน้นความสำคัญเรื่องกล้วยไม้"  แต่คนทั่วไปเหตุใดสิ่งที่มันฝังอยู่ในรากฐานอันเป็นส่วนลึกภายในจิตใจของฉัน  จนกระทั่งทำให้ตัวเองต้องหันมาสนใจจับงานเกี่ยวกับการจัดการศึกษาทางเลือกโดยตรง
     อยู่มาวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้  ระหว่างที่ฉันไปเดินหาซื้อต้นไม้มาปลูก  ในบริเวณสถาบันอาศรมศิลป์  ซึ่งเป็นสถาบันที่นำปฏิบัติบนพื้นฐาน  "การจัดการศึกษาทางเลือก"
     ในวันนั้น  หลังจากฉันก้าวเข้าไปเดินอยู่ในตลาดต้นไม้ที่สวนจตุจักร  หลายคนได้เข้ามารุมล้อมพูดคุยกับฉันด้วยความเคารพรัก  จนกระทั่งทำให้ตัวเองต้องยืนตากแดดท่ามกลางความร้อนอยู่ตรงนั้น  จะขยับเขยื้อนไปไหนก็รู้สึกเห็นใจพวกเขา  จึงสู้ทนยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แสดงอาการเดือดร้อน
     ทั้งนี้เพราะตัวฉันเองมีธรรมชาติที่ไม่ต้องการขัดใจผู้อื่น  อยู่ที่นั้นต่อมาอีกนานพอสมควร  แต่การสู้ทนตากแดดไม่ว่ามันจะร้อนแค่ไหน  ฉันก็ไม่ต้องสู้ทนกับความรักที่มีผู้อื่นนำมามอบให้  หากมีความสุขจึงสามารถอดทนอยู่ได้
     ส่วนคนที่เดินผ่านไปมา  ต่างก็ทยอยกันมายกมือไหว้อย่างนอบน้อม  บางคนก็หยุดยืนคุยอยู่กับฉันคนแล้วคนเล่า  จนกระทั่งตัวฉันเองไม่อาจก้าวเดินต่อไปไหนได้
     แต่อีกด้านหนึ่งก็นับว่ามีโชคดีอย่างคาดไม่ถึง  "เพราะหากไม่มีตรงนั้น  ก็ย่อมไม่ได้ตรงนี้"  ซึ่งเป็นหลักธรรมจากการปฏิบัติ  "ประเดี๋ยวก็จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นั่น?" 
     เพราะหากฉันขืนฝืนเดินต่อไปโดยไม่รู้สึกเกรงใจคนอื่น  ตนก็ย่อมพลาดโอกาสที่จะพบกับคนที่รู้ความจริง  บังเอิญมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมาตรงนั้นพอดี  จึงแวะเข้ามาคุยกับฉัน  ชายผู้นี้เขาเอ่ยปากกล่าวถึงรายการศาลาริมสวน  โดยพูดว่า  "ผมดูรายการศาลาริมสวนของท่านอาจารย์แล้ว  รู้สึกมีความสุข"
     หลังจากนั้นเขาจึงพูดต่อมาว่า  "เพราะรายการนี้ท่านอาจารย์ได้สอนธรรมะให้แก่ผู้ชมอย่างเห็นได้ชัด"  ฉันนึกชมอยู่ในใจว่าชายผู้นี้  เขามีทั้งความฉลาดและความเฉลียว  "เพราะรู้สึกเฉลียวใจนี่แหละถึงได้มองเห็นธรรมะ  ซึ่งมันแฝงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจฉัน"  นอกจากนั้นน่าจะสรุปออกมาเป็นคำสอนได้อย่างถึงแก่นว่า  "มนุษย์ทุกรูปลักษณะ  ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาก็ตาม  หากมีธรรมะอยู่ในรากฐานจิตใจ  ก็ย่อมช่วยให้ผู้ฟังมีความสุขได้ทุกเรื่อง"
     สิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด  ทำให้ฉันนึกถึงช่วงหนึ่งภายในกระแสการจัดการศึกษา  ก่อนหน้านี้การจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัยเคยอยู่ภายใต้อำนาจของทบวงมหาวิทยาลัย
     ในช่วงนั้นฉันไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น  หรืออาจเป็นเพราะโทรทัศน์รายการนี้ได้ส่งผลกระทบทำให้คนที่เรียกตัวเองว่า  "นักการศึกษา"  ครั้นเกิดความรู้สึกแล้วก็คงสั่งการ  โดยมีประกาศให้  "มหาวิทยาลัยทุกแห่ง  บรรดาอาจารย์ผู้สอนทุกวิชาไม่ว่าจะสอนวิชาใดก็ตาม  ก็ขอให้แทรกการสอนธรรมะเข้าไปไว้ในนั้นด้วย"
     หลังจากนั้นจึงพบว่ามีอาจารย์บางคนบ่นว่า  "จะสอนวิชาในหลักสูตรก็ยังไม่มีเวลาที่จะสอนอยู่แล้ว  จะให้มาสอนธรรมะได้ยังไงกัน"  จากคำบ่นดังกล่าวได้สะท้อนให้ฉันรู้ว่า  คนที่เป็นครูอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ยังขาดธรรมะภายในจิตใจ  จึงคิดแบบแยกส่วน  ไม่เช่นนั้นแล้วสอนอะไรก็สามารถสอนธรรมะ  โดยใช้เหตุกับผลภายในวิชาความรู้ที่ตนสอนได้ทุกเรื่อง  แทนที่จะแยกธรรมะกับวิชาที่ตนสอนออกจากกันเป็นคนละเรื่อง
     ฉันนึกถึงช่วงหนึ่งก่อนการเดินทางไปร่วมงานพืชสวนนานาชาติที่เกาะรียูเนี่ยน  ไอส์แลนด์
ในมหาสมุทรอินเดีย  ช่วงนั้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกเงื่อนไขการออกโทรทัศน์  โดยผู้ดำเนินรายการไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมจาก  "กบว."
     ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวได้ครอบคลุมถึงตัวฉันด้วย   ในครั้งนั้นทางโทรทัศน์ได้ส่งเด็กคนหนึ่ง  ซึ่งฉันถือว่ายังเป็นเด็กเพราะมีอายุน้อยกว่าฉันมาก   เข้ามาหาเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้เปิดรายการ  ซึ่งฉันทำมาแล้วในอดีตแทนฉัน
     บุคคลผู้นั้นได้เข้ามาขอค้นเอกสารเท่าที่ตัวฉันเองได้ทำมาแล้วในอดีตว่า  "ทำเรื่องกล้วยไม้หรือเปล่า"
     เรื่องนี้ฉันถึงกับน้ำตาร่วง  หลังจากนั้นจึงเขียนจดหมายถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เพื่อขอาออก  หลังจากนั้นจึงเดินทางไปร่วมกิจกรรมนานาชาติดังได้กล่าวมาแล้ว
     เหตุใดฉันจึงขอลาออก  ก็เพราะว่าแม้แต่คนในกรมประชาสัมพันธ์  ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบก็ยังไม่สามารถที่จะหยั่งรู้ความจริงว่า  "ฉันไม่ได้ทำเรื่องกล้วยไม้  หากทำเรื่องการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมแก่ สังคมไทย"  เท่านั้นมันก็ควรจะจบไปได้แล้ว  จากความรู้สึกที่เป็นประสบการณ์ชีวิต  ช่วยให้เรียนรู้ถึงคนในสังคมอย่างถึงรากฐาน
     ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน  ถ้าผู้บริหารไม่ใช่เป็นคนลืมง่าย  ก็ควรจะรู้ว่าในอดีตเมื่อปี  พ.ศ.2498  ซึ่งเป็นปีที่ประเทศสยามเกิดรายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรก  สถานีโทรทัศน์ช่อง  4  ซึ่งเปิดรายการโทรทัศน์ขึ้นภายในบริเวณวังบางขุนพรหม  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน
     ปกติเพราะฉันมีคุณธรรมและจริยธรรมอยู่ในจิตวิญญาณตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติมาตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก  จึงมีนิสัยรักการเขียนเผยแพร่แง่คิดเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ  แทรกไว้ในที่ต่างๆ  ไม่ว่าตนจะทำงานเรื่องอะไรอยู่ที่ไหน
     โดยหลักธรรมแล้ว  "เพราะมีจึงต้องการระบายออก"  บังเอิญมีกระดาษชิ้นหนึ่งตกไปอยู่ในมือพลเอกสุรจิต   จารุเศรณี  อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์  ท่านอธิบดีเห็นเข้าจึงรู้สึกประทับใจ  หลังจากนั้นจึงให้คนมาเชิญฉันไปพบ  เพื่อชวนให้มาออกรายการโทรทัศน์  ซึ่งขณะนั้นมีคุณประสงค์  หงส์สนันธ์  รองอธิบดีนั่งอยู่ด้วย
     นับได้ว่าฉันเป็นครูอาจารย์คนแรกของเมืองไทย  ที่จุดประกายความสนใจในการออกโทรทัศน์ให้แก่บรรดาครูอาจารย์คนอื่นๆ
     ฉันขอสรุปว่า  กรมประชาสัมพันธ์มาเชิญให้ฉันไปออกรายการเอง  ตั้งแต่  กบว.ยังไม่ได้เกิดขึ้น  หลังจากนั้นก็มาตัดฉันออกด้วยตัวเองโดยอ้างอำนาจ  กบว.ซึ่งกระทำไปเพราะขาดความรับผิดชอบ  จึงมีนิสัยลืมง่าย  "เมื่อลืมง่ายก็ย่อมขาดการละเว้นตามกรณี"  ที่ชอบด้วยเหตุและผล
     จึงสรุปได้ว่ากรมประชาสัมพันธ์ตบหน้าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด  การตบหน้าตัวเองก็เท่ากับ การดูถูกตัวเองนั่นแหละ
     จึงสรุปได้ว่ากรมฯ  นี้ในอดีต  ไม่ได้ทำงานโดยเห็นแก่ประโยชน์สุขของราษฎรตาดำๆ  ซึ่งผลสรุปดังกล่าวฉันไม่ได้โทษใคร  แต่โทษการจัดการศึกษาของไทยในอดีตที่ไม่ละเว้น  ยิ่งขึ้นไปทำงานอยู่ด้านบนด้วยแล้วลงข้างล่างไม่ได้  นี่แหละที่มันลงรากฝังลึกมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน  จึงทำให้สังคมไทยจำต้องเดือดร้อนหนัก  เพราะคนไทยยกพวกฆ่ากันเองอย่างน่าเศร้าใจที่สุด
     สภาพที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด  ที่สะท้อนให้เห็นว่าภายในจิตใต้สำนึกของคนไทยส่วนใหญ่
"ขาดรากฐานจิตใจที่มีธรรมะ"  เมื่อไม่มีธรรมะไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม  ย่อมขาดการเห็นแก่ส่วนรวมภายในจิตใต้สำนึกจนกระทั่งเป็นธรรมชาติ
      นี่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองมาแต่อดีต  แม้เป็นส่วนเดียวอีกทั้งยัง
เป็นส่วนเล็กๆ  แต่ฉันก็ได้นำมาพิจารณาเขียนฝากไว้ให้กับสังคมแล้วว่า  "เรื่องเล็กคือเรื่องใหญ่" 
     เช่นเดียวกันกับข้อความบทความหนึ่งในนิทานอีสป  ที่เขียนฝากไว้ให้เด็กไทยได้นำไปคิดว่า  "แม้น้ำผึ้งหยดเดียว"  อันหมายถึง  "อย่าดูถูกน้ำผึ้งว่าเพียงหยดเดียวเท่านั้น  เพราะน้ำผึ้งหยดเดียวนี่แหละที่มันทำให้เกิดสงครามกลางเมือง" 
     แม้แต่ปัญหาที่มันเกิดขึ้นแก่สังคมไทยในยุคนี้  มันก็เกิดเพราะ  "การที่คนในอดีตตกอยู่ในความประมาททำให้ขาดสติ  อีกทั้งคิดดูถูกของเล็กน้อยว่าไม่สำคัญ  จึงปล่อยปละละเลยสิ่งซึ่งในอดีตเคยเป็นปัญหาเล็กน้อย  คงปล่อยให้มันบานปลายออกมาจนกระทั่งกลายเป็นเรื่องใหญ่  ทำให้บ้านเมืองเกิดความระส่ำระสายถึงขนาดคนไทยยกพวกฆ่ากันเอง  ถึงกระนั้นจะสำนึกได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้"
     อย่างไรก็ตาม  แม้รายการศาลาริมสวนจะระงับไปแล้ว  แต่วิญญาณ  "สื่อ"  ที่เจริญงอกงามขึ้นมาภายในจิตใจฉันตั้งแต่เล็กแต่น้อย  มันก็คงยังลงรากฝังลึกอยู่ในจิตใจต่อไป  โดยไม่มีมนุษย์คนไหนจะมาถอนออกไปได้
     "อนิจจารายการศาลาริมสวนที่รักของทุกคน"
                                                           ระพี สาคริก
ตอบ อาจารย์ระพี
     ผมคงต้องถามคุณสาทิตย์  วงศ์หนองเตย  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่กำกับดูแลสถานีโทรทัศน์ช่อง  11  กรมประชาสัมพันธ์  ว่าเอารายการศาลาริมสวนไปทิ้งไว้ที่ไหน  รีบเอากลับมาให้ชาวบ้านได้ดูอีก  เพราะศาลาริมสวนไม่ได้มีเฉพาะกล้วยไม้  เหมือนที่หลายๆ  คนคิด
                                                         สามวา สองศอก
                 
http://www.thaipost.net/news/030510/21642

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ปฏิเสธ ศ.ดร.อิงอร ญาณารณพ ไม่เคยเป็นและไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ตามที่เป็นข่าว

ตามที่มีข่าวอ้างถึงบุคคลชื่อ “ศ.ดร.อิงอร ญาณารณพ” ว่าเป็น นักเคมีประจำสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์  จากหัวข้อข่าว “จับ สาวก "ไพร่แดง" ซิ่งจยย.พกปืนติดเลเซอร์-ไอ้โม่ง ขัดขืนสู้ทหาร” โดย ทีมข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ online ในเว็บไซต์ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000060653 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 เวลา 02:09 น. ตามภาพ นั้น
ขอประกาศชี้แจงว่า  “ศ.ดร. อิงอร ญาณารณพ” ไม่ใช่และไม่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ดังที่อ้างในข่าวแต่อย่างใด   
จึงขอประกาศชี้แจงมา ณ ที่นี้ 
ประกาศ ณ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2553 เวลา 10.30 น.
http://www.cri.or.th/en/20100503.php


ความเห็นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่อง ตาย/ไม่ตาย ??

ความคิดเห็นที่ 46
มันเองนั่นแหล่ะ ที่ปล่อยข่าวว่ามันตายแล้ว
มันเองนั่นแหล่ะ ที่วางแผนส่งรูปตัดต่อมาให้คนหลงกล โดยคิดว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่ารูปตัดต่อ แปลว่า มันตายแล้ว
มัน
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><