04 ธันวาคม 2567, 03:34:47
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29 ... 31  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีต้อนรับพี่ๆ รุ่น 2510 ครับ  (อ่าน 313459 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #650 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 11:51:09 »

เผากรุงเทพฯ สะใจไอ้แม้วและสมุนชั่ว ที่พวกมันจะต้องรับผิดชอบ ทุกประการ ความเสียหาย 2.3 แสนล้านบาท



























ขโมยอย่างง่ายมาจาก: http://forum.serithai.org/index.php?topic=2588.0
      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #651 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 12:01:11 »
























ขอขอบคุณ แหล่งที่มา:   http://www.fwdder.com/topic/245396
และ  http://forum.serithai.org/index.php?topic=2588.0
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #652 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 09:07:44 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน เตือนให้ระวัง สภาโจร

"การทหาร-ทหารเมือง" ต้องนำบ้านเมืองอีกครั้ง?
เปลว สีเงิน 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      อืมมมม...หยุดไปนอน "กระชับพื้นที่" เมื่อวันเสาร์มา ๑ วัน ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม เคอร์ฟิวยังมีต่อนะครับ เมื่อคืนและคืนนี้ (๒๔ พ.ค.๕๓) แต่เป็นมินิ-เคอร์ฟิว คือร่นเวลาออกไปเป็นตั้งแต่ ๕ ทุ่ม ถึงตี ๔ ต่อจากนี้ คงไม่ต้องนอนผวากันมากนัก เพราะ ศอฉ.จัดกำลังตั้งด่านตรวจตามจุดใหญ่ๆ พร้อมทั้งส่ง "สารวัตรทหาร" ตระเวนเป็น "นายตรวจพระนคร" ทั้งชั้นใน และปริมณฑล ส่วนเคอร์ฟิวจะต่อหรือจบกันแค่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์เป็นวันๆ ไป!
      อีกเรื่องที่ควรทราบ ศอฉ.จะย้ายกองบัญชาการใหญ่ จากราบ ๑๑ รอ.บางเขน มาอยู่ที่ "กองบัญชาการกองทัพบก" ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่วันจันทร์นี้แล้ว และใครที่เป็นแฟน "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" ไม่ต้องกลัวว่า "ผู้ก่อการรัก" ท่านนี้จะหายหน้าไปกระชับพื้นที่ที่อื่น ยังคงอยู่ให้ท่านตามกระชับสายตา สลับกับ "โฆษกหน้าตาย" ดร.ปณิธาน วัฒนายากรทางหน้าจอ "รวมการเฉพาะกิจ" เหมือนเดิม
      ชมรมจิตอาสา ชาว FB นี่นอกจากน่ารักแล้ว ยังทำหน้าที่ "แกนสังคมคนรุ่นใหม่" ได้อย่างมีความหมายมาก เมื่อวันอาทิตย์ ทาง กทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ท่านจัด บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ ขึ้น คือระดมเจ้าหน้าที่ กทม.มาล้างคราบเสนียดเมือง กับซากบัดซบที่ "กบฏทักษิณ" มนุษย์ทรามทิ้งไว้ให้ ลำพัง กทม.ทำได้ แต่คงต้องใช้เวลานานหลายวัน แต่ปรากฏว่า ในความสูญเสียร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศนี้ มีพี่น้องร่วมชาติพกความเจ็บปวดที่ต้อง "เอาชนะร่วมกัน" รวมทั้งชมรมจิตอาสา และหนุ่ม-สาวชาว FB ได้นัดแนะรวมใจกันออกมาเป็น "มหาประชาสังคม"
      "เช็ดคราบน้ำตา" ให้เมืองกรุง!
      ชาติบ้านเมืองเราคือ "มรดกบรรพบุรุษ" ที่พินัยกรรมระบุไว้ คนไทยทุกคนคือผู้ได้รับผลประโยชน์ เมื่อเห็นหนุ่ม-สาว "คนรุ่นใหม่" ยามมีภัยมา กลับรวมตัว รวมใจสามัคคีทำหน้าที่ ทั้งต่อต้าน ยอมสละทั้งสุข และทั้งชีวิตตัวเองด้วยความหมาย "ถึงตัวไม่อยู่-ชาติต้องอยู่" เช่นนี้ เห็นที "เฒ่าสยาม" ทั้งหลาย คงตายตาหลับ!
      หนุ่มสาว-เฒ่าแก่ทั้งหลายเอ๋ย...จงมองข้างหน้า อย่าอาลัยหลังจนเกินเหตุ จงใช้สิ่งที่เสียเป็นพลังกระตุ้นจิตรัก จิตอภัยให้กัน สร้าง "สังคมใหม่" ด้วยบทเรียนอภัยจากใจนั้น ผมสังเกตว่า พวกเราทั้งหลายขณะนี้ พกความคับแค้น ขึ้งเครียด เอาไว้มาก ซึ่งผมเข้าใจ และผมก็ไม่ต่างไปจากท่าน แต่ผมอยากให้ความคิดไว้อย่างหนึ่งว่า สำหรับสิ่งที่ "ตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด" ยังไงๆ ก็ต้องอยู่ "ร่วมชาติ-ร่วมแผ่นดิน" เราก็ต้อง "ตัดแค้น-ตัดอาฆาต" พลิกจากศัตรูให้มาอยู่ฉันมิตร-ฉันญาติ เหมือนกติกาในวงนักเลง คนไหนที่ฆ่าไม่ได้ ก็ต้องผูกใจไว้เป็นพวก!
      กับงาน "สร้างสังคมใหม่" ซึ่งเป็นงานใหญ่ ใครฝ่ายเดียว จะกองทัพ หรือรัฐบาลโดยลำพังก็สร้างไม่ได้ จะต้อง "มหาประชาสังคม" เท่านั้น และมหาประชาสังคมวันนี้ พวกท่าน...หนุ่ม-สาว ในความหมาย "คนรุ่นใหม่" เท่านั้น จะให้ไฟ ให้พลัง ให้ความหวังกับประเทศชาติผ่าน "สังคมใหม่" ได้สำเร็จ และเคล็ดลับสู่ความสำเร็จคือ "งานใหญ่-อย่าหยุมหยิมกับเรื่องย่อย"!  ไม่เช่นนั้น ความหยุมหยิมกับเรื่องย่อยจะทำให้เหมือนมดติดก้อนน้ำตาล เดินไม่ผ่านทะลุไปถึงแหล่งผลิต!!!
      กะแค่ตำรวจเอาตัวหัวโจกขบวนการก่อการร้าย "กบฏทักษิณ" ไปควบคุม โดยปล่อยงับโอโซนชายทะเลอยู่ในบ้านพักค่ายนเรศวร แค่ท้วงติงว่า "ประชาชนจับตาท่านตลอดเวลานะ...คุณตำรวจ" แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องจิกกัดต่อเนื่องยาวนาน หันไปเพ่งเล็งงานใหญ่ดีกว่าว่า เมื่อ ๑...ผ่านไป อภิสิทธิ์-กองทัพ จะผ่าน ๒-๓-๔-๕ ไปจนถึงจุดศานติสุขแห่งชาติ คือ ๑๐ ด้วยรูปแบบไหน วิธีการไหน ในเมื่อ "ปัญหาสังคมชาติ" อันเป็นโจทย์วันนี้ มันเป็นปัญหาใหม่-โจทย์ใหม่ ที่จะใช้เครื่องมือ และกลไกกฎหมาย-การบริหารแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา อันเป็น "ภาวะปกติ" ไม่ได้แล้ว! ตำรวจนั้น ถึงแม้มหาประชาสังคมวันนี้จะบอกว่า "ขอได้รับความเกลียดชังจากประชาชนด้วยจริงใจ" เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า ที่ผ่านมา ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด นอกจากเป็นที่พึ่ง และทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ชาวบ้านไม่ได้ยามมีภัย ตรงกันข้าม ตำรวจบางส่วนนั่นแหละ  ทำหน้าที่ เป็นทั้งสาย-ทั้งเป็นใจ ให้โจร "ปล้นบ้าน-เผาเมือง"!?
      แต่ก็เห็นใจเขาเถอะ เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นโดยสันดาน และไม่มีเจตนาถึงขั้น "เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน" เพียงแต่ สิ่งที่เขาเคยได้กิน-ได้อยู่ และได้เอาอำนาจไปฉีกเนื้อกิน ในสมัยทักษิณ "โกงแผ่นดิน" แล้วเจียดเป็นงบฯ มาแจกจ่ายจากเงินหวยบนดิน ๒ ตัว ๓ ตัวให้นั้น เมื่อสิ้นทักษิณ ไม่มีเงินบาปจากการปล้นคน-ปล้นแผ่นดินมาแจกจ่าย ตำรวจระดับล่างๆ ซึ่งใช้ตำแหน่งหากินได้ไม่มากเท่าระดับใหญ่ๆ รวมถึงครอบครัว จึงเกิดปฏิกิริยาเหมือนคนทั่วไป อะไรที่เคยได้ เมื่อไม่ได้ มันก็ต้องเล่นบท "ตะกายฝา" โหยหาแต่...ทักษิณ...ทักษิณ ...คนโกงแผ่นดิน แล้วเอาส่วนขี้มายีหัวบางตำรวจให้หลง!
      ตำรวจนั้น เราตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด ฉะนั้น ต้องมองเขาด้วยความเข้าใจ เหมือนพี่น้องปลายรากบางส่วน คาถาแก้การโกรธเป็นนิสัย คือการให้เมตตา คาถาแก้คนหลงผิด คือการให้อภัย....นี่คือ "กฎใจ-คุณธรรม" แต่ถ้าอภัยแล้วยังดีไม่ได้ และไม่สำนึก ถึงขั้นตาย......"ตาย...ก็ต้องให้ตาย"!
      จะไปปรองดองกับโจรก่อการร้าย ร้ายถึงขั้น "เผาบ้าน-ปล้นเมือง, ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ" ไม่ได้ "การุณยฆาต" สถานเดียวที่ "เนื้อร้ายสังคม" ประเภทนี้ต้องได้รับ นีคือกฎหมาย-กฎเมือง!
      ผมขอย้ำว่า ปลายมิถุนา-กรกฎา-สิงหา นี้ ปัญหาโจรก่อการร้าย "กบฏทักษิณ" จะเวียนกลับมาก่อภัยให้แผ่นดินอีก และนี่คือสิ่งที่ผมจะบอกว่า นับจาก ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่เกิดเหตุการณ์ "ขวาพิฆาตซ้าย" ฝากไว้เป็นรอยในประวัติศาสตร์ ๓๔ ปีผ่านมาแล้ว ณ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ครบรอบตามวัฏฏะดาวเสาร์ ครั้งนี้ไม่ใช่ "ขวาพิฆาตซ้าย" หากแต่เป็น "ซ้ายพิฆาตขวา" คือพวกกบฏแดงเป็นฝ่ายฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน และเมื่อดาวเสาร์-ดาวพฤหัสบดี และดาวมฤตยู อันเป็นคู่ดาวแห่ง "การเปลี่ยนแปลงใหญ่" ชนิดฉับพลันเหนือคาดหมายเล็งกันเช่นนี้ จะพูดให้เห็นภาพ ยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ ถึงยุค ๖ ตุลา ๑๙ เรื่อยมาถึงยุคพลเอกเกรียงศักดิ์ และพลเอกเปรม นั่นเป็นยุคภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์แทรกซึมชาติ ทหารจึงเป็นส่วนผสมการเมืองในการบริหารราชการแผ่นดิน
      จนกระทั่งยุคพลเอกชาติชาย ภัยลัทธิหมดไป นโยบาย "แปลงสนามรบเป็นสนามการค้า" จึงถูกนำมาใช้แทนเรื่อยมา จาก ๒๕๓๐ จนถึง ๒๕๔๔ ที่แต่ละรัฐบาลใช้นโยบาย "การเมืองนำการทหาร" แต่นับจากปี พ.ศ.๒๕๔๔ ที่ทักษิณครอบงำอำนาจบริหารประเทศในฐานะนายกฯ "ภัยลัทธิ" รูปแบบใหม่ จากการผสมพันธุ์ระหว่าง "ซ้ายละเมอ" กับขวาเหิมเกริม "คิดใหม่-ทำใหม่" ค่อยๆ ฟักตัวเติบใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ บนเป้าหมาย "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบบ" อำนาจรวมศูนย์ทักษิณ!
      กลยุทธ์-กลวิธีเดินไปสู่เป้าหมาย หลักใหญ่ที่เห็นไม่มีอะไรมาก ยึดกรรมาชน ชาวไร่-ชาวนา คนยากคนจน ตั้งเป็นฐาน เหมือนเมื่อครั้งลัทธคอมมิวนิสต์เข้ามาไทยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ ไม่ผิดเพี้ยน แต่แดงสยามครั้งนั้น "ยึดราก" ได้ช้า เพราะใช้อุดมการณ์ลัทธิเป็นตัวนำในการยึดราก ผิดกับระบบทักษิณใช้ "อุดมกู" กับ "เงิน" ยึดราก!
      ซึ่งได้ผลเร็วมาก ทั้งข้าราชการ-ตุลาการ-นักการเมือง-ทหาร-ตำรวจ-ครู-อาจารย์-นักวิชาการ-พระ-สื่อมวลชน และประชาชน เรียกว่า "ทั้งโจรทั้งบัณฑิต" ในทุกสถาบัน กลายเป็นนกติดตัง ในระบบ "ทุนวัตถุ" จนเกิดค่านิยมว่า "โกงแล้วเอามาแบ่ง...ยอมรับได้" ในขณะที่คนในแผ่นดินเมา "ทุนวัตถุ" ตัวทักษิณกับคณะพรรค ก็ก้าวขยับไปสู่เป้าหมายเรื่อยๆ จากขั้นก่อการ "กัดกร่อนสถาบัน" ให้ฐานเซ เพียง ๕-๖ ปี ก็เติบกล้าถึงขั้นลงมือปฏิบัติการ "แดงทั้งแผ่นดิน" ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบประเทศ โดยแบ่งงานฝ่ายการเมืองอันเป็น "ฝ่ายบุ๋น" ให้พรรคเพื่อโจร กับฝ่ายชุมนุมสันติ-อหิงสา เดินเกม
      ส่วนฝ่ายยุทธการอันเป็น "ฝ่ายบู๊" พวกเสนาธิการ "ทุนเหิมเกริม" กับ "ซ้ายละเมอ" วางแผนอยู่ในรังลับเรื่อยมาตั้งแต่ ๑๙ กันยา ๔๙ จัดตั้งกองกำลังผสมไม่ทราบฝ่าย อันมาจากทหาร-ตำรวจ-เสือพราน ทั้งในและนอกราชการ ผสมด้วยอันธพาล มาเฟียท้องถิ่น นักค้ายาและสิ่งผิดกฎหมายในเครือข่ายทุนใต้ฐานทักษิณ
      เป้าหมายหลักมีอย่างเดียว.....ยึดประเทศ-ล้มสถาบัน สถาปนา "อำนาจระบอบทักษิณ" ขึ้นครองแผ่นดิน ตามจินตนาการแอบจิต "คิดใหม่-ทำใหม่" ในแนว "ปฏิวัติฝรั่งเศส"! เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์มาร้อยต่อเข้าด้วยกันก็จะเห็นว่า "เงื่อนไขสังคมเดิม" คือเรื่องลัทธิยึดครองชาติ ๓๐ กว่าปีผ่านไป "เชื้อเก่า-ผสมใหม่" ก็ปะทุเชื้อร้ายอีกรูปแบบหนึ่งภายใต้โครงสร้าง "ทุนวัตถุ" ขึ้นมาอีกแล้วในวันนี้
      ชัดแล้วว่าสังคมที่ใช้ "ทุนวัตถุ" เป็นตัวนำ สุดท้ายจะมีบทสรุปให้เห็นดัง ๑๙ พฤษภา ๕๓ ฉะนั้น การปฏิวัติสังคมชาติใหม่ จะต้องนำ "ทุนธรรม" นำทุนวัตถุให้ได้ สังคมพอเพียง "จนพอเพียง-รวยพอเพียง-เจริญพอเพียง" นั่นคือฐานทุนธรรม อันมีแนวปฏิบัติผ่านสหกรณ์ และร่วมเป็น "สังคมใหม่" สังคมประชาธิปไตย-รัฐสภาประชาธิปไตยที่ "คนไทยทั้งประเทศ" ออกแบบกันเอง และใช้กันเอง
      และแบบที่ออกนั้น "ทหาร-การเมือง" ต้องอยู่ด้วยกัน-ไปด้วยกัน

      ไม่อย่างนั้น...เสร็จสภาโจร!?.
[/size]
http://www.thaipost.net/news/240510/22444
      บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #653 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 09:18:27 »

 emo25:(((โอ้ว่า...ดวงเมือง  ถูกทุรชนคนพาลย่ำยีได้เพียงนี้....บอกตรงๆว่า ยังทำใจไม่ได้กับการที่ศาลากลางขอนแก่นถูกเผา  ยังไม่กล้าผ่านไปจนบัดนี้  ทำใจยากจริงๆ  ว่าไง หือ....คุณคนดี  คุณและครอบครัว  และญาติกา  พร้อมที่จะรับผิดชอบหรือยัง  หรือยังไม่พอ ขึ้นเลย




      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #654 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 16:18:48 »


The Most Wanted, Dead or Alive
จับเป็น หรือ จับตาย
แจ้ง ศอฉ. 02-551-1515
DSI 02-831-9888

 











      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #655 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 19:58:58 »

ต้องอ่านเอาเองครับ ระหว่าง "ใจล์ อึ้งภากรณ์" กับ "ฟิลิป คันนิ่งแฮม" กรณีการชุมนุมของเสื้อแดงและการสลายการชุมนุม

วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 18:26:06 น.  มติชนออนไลน์
วิวาทะ "ไจล์ อึ้งภากรณ์" กับ "คันนิ่งแฮม" เสื้อแดงต่อสู้เพื่อรากหญ้าหรือทักษิณ กันแน่?

ประเทศไทยก็ถูกจับตามองจากนานาชาติว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเหมือนหรือต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ตอนที่มีการปฏิบัติการกับนักศึกษาที่ออกมาประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลจีนหรือไม่ ?


     เมื่อไม่นานมานี้ รายการทีวี   Democracy Now  ได้เชิญ คนไทย และฝรั่ง ที่ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดมาพูดคุยในรายการ  ในหัวข้อ “การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเรื่องความยากแค้นของคนรากหญ้าอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงฉากหน้าสำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลที่โดนขับไล่


    ผู้ร่วมรายการคนแรกคือ   "ไจล์   อึ้งภากรณ์ "    ซึ่งขณะนี้อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ เขาเคยเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ  ก่อนที่จะหลบหนีหลังจากเขียนหนังสือวิพากษ์วิจารณ์การทำรัฐประหารโดยทหารในปี 2006 เขาเป็นผู้ที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง


   อีกคนคือ "ฟิลิป คันนิ่งแฮม" นักเขียนอิสระ ที่มีงานเขียนครอบคลุมพื้นที่เอเชียมากว่า 20 ปี เขาสอนที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัย Doshisha ในประเทศไทย งานเขียนของเขาปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post 


   โดยมี  เอมี่ กู๊ดแมน เป็นผู้ดำเนินรายการ
 
  นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  สิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการคือ ประชาธิปไตย เพราะว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาผ่านทางทหาร และที่จริงรัฐบาลนี้เป็นผลพวงมาจากการเกิดรัฐประหารในปี 2006 และคดีที่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร ดังนั้นคนเสื้อแดงจึงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้ามาอยู่ที่ใจกลางของกรุงเทพมหานครถึง 2 เดือนแล้ว แต่พื้นที่ส่วนนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าและโรงแรมหรูหรา แม้กระนั้นรัฐบาลก็ยังเคลื่อนกำลังพลแม่นปืนและหน่วยพิฆาตเข้ามา ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมารัฐบาลฆ่าคนไปแล้ว 67 คน และมีคนเจ็บนับพัน อันที่จริงตอนนี้มันถึงเวลาที่รัฐบาลต้องสั่งให้หยุดยิงทันที และเข้ามาเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง
 

เอมี่ กู๊ดแมน : ไจล์  ก่อนหน้านี้ คนเสื้อแดงเสนอการเจรจาแล้วรัฐบาลปฏิเสธ
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :   พวกกลุ่มคนเสื้อแดงเสนอที่จะเจรจากับรัฐบาลอีกครั้ง ฝ่ายรัฐบาลต้องการจะเอาชนะและรักษาอำนาจโดยการใช้กำลัง   คุณต้องตระหนักว่ารัฐบาลชุดนี้สั่งให้มีการเซ็นเซอร์ทีแย่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทย มีการเซ็นเซอร์ทางอินเตอร์เน็ต สื่อต่างๆในทุกรูปแบบ รัฐบาลแทรกแซงแม้แต่ทางเฟซบุ๊ค และทางด้านอื่นๆอีก  คุณจะเห็นว่าสิ่งที่ทำให้รัฐบาลยังคงมีอำนาจอยู่ก็มี 2 อย่าง คือการสั่งเซ็นเซอร์และกองกำลังที่โหดเหี้ยม พวกเขาไม่พร้อมที่จะให้โอกาสประชาชนตัดสินใจว่าต้องการจะให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ โดยวิธีการอย่างไร
 

เอมี่ กู๊ดแมน :  ฟิลิป คันนิ่งแฮม คุณเคยอยู่ในญี่ปุ่น ตอนนี้อยู่ที่ เมืองอิตาคา นิวยอร์ก  จากที่คุณเฝ้าดูสถานการณ์ คุณคิดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศไทย
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน :   ผมขออ้างบทกวีที่มีชื่อเสียงของ Gil Scott-Heron ที่ว่า “หากมีการปฏิวัติก็จะไม่มีการออกอากาศทางโทรทัศน์”  นี่มีการออกโทรทัศน์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่การปฏิวัติ สิ่งที่ทุกคนเห็นเกิดขึ้นที่เมืองไทยเป็นการปฏิวัติปลอมๆ ที่ถูกกวนให้คุกรุ่นขึ้นมาโดยมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่ร่ำรวยและมากอิทธิพลที่ต้องระเห็ดออกไปนอกประเทศที่คุณกำลังพูดถึง มันมีความคับข้องใจอยู่จริง มีคนยากจนอยู่จริงๆ มีข้อผิดพลาด และความอ่อนไหวแฝงอยู่ที่ง่ายมากที่จะยั่วยุ มันคงจะเหมือนกับมหาเศรษฐีในตระกูลร๊อกกี้เฟลเลอร์เข้าไปสนับสนุนทางการเงินให้เกิดความวุ่นวายในสลัม หากพวกเขาถูกจับและถูกเนรเทศ หรืออะไรทำนองนี้แหละครับ ผมหมายความว่า มันเป็นสถานการณ์ที่แปลกมาก และเป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้ามากๆก็ตาม ผู้คนกำลังจะตาย พวกเขาตายเพื่อมหาเศรษฐีที่เปี่ยมอิทธิพล ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย


ถ้าหากว่าประเทศไทยต้องการประชาธิปไตยหรือระบอบสังคมนิยม ซึ่งคุณไจล์ ต่อสู้มาเป็นเวลานาน ผมก็พอจะรับได้ว่ามันมีเหตุผลพอ แต่นั่นต้องเป็นการต่อสู้แบบสันติ แต่นี่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่กลุ่มคนที่สันติ
 

เอมี่ กู๊ดแมน :  เชิญคุณไจล์ค่ะ
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  มันเหลวไหลที่พูดว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่เป็นคนที่รักสันติ อันที่จริงพวกเขาเป็นคนที่มีวินัยมากๆ และพยายามที่จะรักษาให้เป็นการชุมนุมประท้วงที่สันติ ต่อหน้าของรัฐบาล และรัฐบาลต่างหากที่นำทหารติดอาวุธและรถถังออกมาบนถนน รัฐบาลไหนๆก็ตามที่พยายามที่จะสลายการชุมนุมที่สันตินี้โดยการใช้อาวุธ รถถังและปืน แล้วก็ฆ่าคนไป 65 คน นี่ต้องประณามว่ามันผิด
 

ผมคิดว่าฟิลิปได้รับข้อมูลที่ผิดๆเกี่ยวกับคนเสื้อแดง ผมหมายความว่า .. คุณทักษิณ ชินวัตร คนที่ผมไม่ได้สนับสนุนและไม่เคยลงคะแนนให้ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่าเขาละเมิดสิทธิมนุษยชน … คุณทักษิณมาจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้หรอกครับ กลุ่มคนเสื้อแดงจัดตั้งโดยอดีตพรรคการเมือง คือพรรคไทยรักไทย จนวิวัฒนาการมาเป็นกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรากหญ้า พวกเขาเก็บเงินกันเอง พวกเขาจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชน พวกเขาประกอบด้วยหลายๆกลุ่มจากที่ต่างๆ หากคุณไปในบริเวณการชุมนุมของคนเสื้อแดง คุณจะเห็นป้ายของกลุ่มต่างๆชูอยู่สลอนเต็มไปหมด คุณจะได้ยินการขอเรี่ยไรเงินบนเวทีชุมนุมตามกำลังศรัทธา พวกเขาไม่ได้มาตายเพื่อคุณทักษิณ ชินวัตร พวกเขาไม่ชาวไร่ชาวนาที่โง่เง่า ไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ความจริงพวกเขาเป็นชาวไร่ชาวนาและคนงานจากชานเมืองที่มีข้อมูลพร้อม พวกเขาโกรธที่สิทธิของเขาตามระบอบประชาธิปไตยถูกปล้น และนั่นมันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในกระจายความมั่งคั่งในประเทศไทย
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : ผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไม๊ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณไจล์กับผมเห็นพ้องต้องกันก็คือ มันไม่ถูกต้องที่จะใช้กองทหารมาหยุดยั้งประชาชน มันไม่เข้าท่าที่จะใช้กองทหารเป็นเครื่องมือ มันบ้า มันรุนแรงและไม่ถูกต้อง ผมเห็นด้วยกับคุณไจล์ว่าทหารไม่ควรที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
 

ผมกับคุณไจล์เคยอาศัยอยู่บนถนนเดียวกันในกรุงเทพ เราสอนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เรามีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องของคนเสื้อแดง ผมเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นประกอบด้วยคนหัวรุนแรง ผมเชื่อว่าความยากจนนั้นมีอยู่จริง ความต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงในหลายระบบในเมืองไทยนั้นมีอยู่ สามารถสัมผัสได้ในอณูของบรรยากาศรอบๆตัว แต่มันไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง


   .. ผมนั่งฟังพวกเขาทุกวัน ดูการออกอากาศทางโทรทัศน์ของพวกเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผมศึกษาเรื่องนี้ พวกเขาดูถูกคนต่างชาติ เขาดูถูกเกย์ พวกเขาเกี่ยวข้องกับการโฆษณาที่น่าขัน เช่น hominem attack    เขาเล่นกับฝูงชน มันเหมือนกับประสานกับคุณทักษิณ เหมือนๆกับมุสโสลินีหรืออะไรทำนองนั้น บางคนเปรียบเทียบคุณทักษิณกับ Berloscerni แต่ผมว่าเหมือนมุสโสลินีมากกว่า พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญคุณทักษิณ มันเหมือนระบอบฟาสซิสต์ที่น่าละอาย   เพราะคนเหล่านี้ไฮแจ๊ค เหล่าคนยากคนจนให้มาร่วมสังฆกรรม ไฮแจ๊คความคับข้องใจของคนจนมารับใช้มหาเศรษฐีพลัดถิ่น เพียงเพื่อเศรษฐีคนนั้นจะได้กลับมาประเทศไทย และรับเงินของเขาคืน
 

เอมี่ กู๊ดแมน :  เชิญคุณไจล์ ค่ะ
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  ผมคิดว่า คุณฟิลิป คันนิ่งแฮมไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ระบอบฟาสซิสต์ดีพอ มันง่ายมากที่จะเฉไฉออกนอกทาง ฟาสซิสต์ไม่เรียกร้องประชาธิปไตย และไม่มีความเห็นที่แตกต่าง อาจจะใช่ที่คนเสื้อแดงบางคนอาจจะหยาบกระด้างอยู่บ้างขวางโลก บางคนอาจจะต่อต้านเกย์ และหลายคนอาจจะพูดในทำนองต่อต้านคนต่างชาติ แต่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ทำอย่างนั้น คนเสื้อแดงส่วนใหญ่พยายามที่จะให้ความเห็นที่แตกต่าง พวกเขาไม่ใช่กลุ่มที่ติดอาวุธ พวกฟาสซิสเป็นพวกชนชั้นกลางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลืองต่างหาก ที่ไม่ต้องการให้เกิดสิทธิของคนยากจนตามวิถีทางของประชาธิปไตย และอื่นๆ ผมคิดว่านี่มันเป็นการให้ร้ายสำหรับคนเสื้อแดงที่เกินเลยไปแล้ว
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : ไจล์ ทำไมคุณจึงซื่ออย่างนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
 

เอมี่ กู๊ดแมน :  ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นคะ
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : ผมคิดว่าคุณไจล์รู้ดีอยู่แล้ว หากคุณไจล์ฟังคำปราศรัยอย่างที่ผมฟัง มันไร้สาระจริงๆ ผมรู้ว่ามีคนเสื้อแดงที่พูดโน้มน้าวจิตใจคนได้เก่งๆ มีคนที่จัดฉากเก่ง แต่มันมีเงินจากสถานีโทรทัศน์จากคนของทักษิณ พวกเขาจัดฉาก พวกเขาจัดให้มีเหตุการณ์ประท้วงปลอมๆ การปฏิวัติปลอม มันไม่ใช่ของจริง .. ผมอยู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 ผมรู้ว่าของจริงน่ะมันเป็นยังไง ผมรู้ว่าการลุกขึ้นต่อสู้จริงๆมันมีลักษณะอย่างไร แต่นี่มันไม่ใช่


สิ่งที่เกิดขึ้น .. และผมยอมรับว่ามันใช่ -- ผมรู้ว่ามันเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ให้รู้ว่ามีการลุกฮือขึ้นต่อสู้แล้ว และประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง สถานการณ์มันอ่อนไหว มันเหมือนทุกอย่างจะล่มสลาย อะไรก็เกิดขึ้นได้ และนี่อันตรายมาก ผมไม่อยากจะเห็นว่าประเทศไทยล่มลายกลายเป็นแบบฟาสซิสต์ …
 

มีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มที่ติดอาวุธ พวกเขายิงเข้าใส่ทหารด้วยอาวุธต่างๆ ตั้งแต่หนังสติ๊กกับลูกแก้ว ระเบิดขวด ระเบิดเพลิง คนเสื้อแดงมีปืน ปืนสั้น นี่มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวอย่างสันติอหิงสา เด็กนักศึกษาที่จตุรัสเทียนอันเหมินไม่เคยทำเช่นนั้น มันไม่มีความรุนแรง มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย .. การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงได้รับการหนุนหลังจากมหาเศรษฐีที่มีอิทธิพล ผมยอมรับไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไจล์จึงสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  คุณไม่เข้าใจ ผมรู้ เพราะว่าคุณไม่ได้เตรียมตัวที่จะมายอมรับในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คุณเพียงแต่ติดตามข่าวจากอินเตอร์เน็ตและดูทีวีอยู่ที่นั่น ผมอยู่ร่วมในการเคลื่อนไหวประท้วงที่กรุงเทพ ผมมีเพื่อนๆที่ร่วมเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง และจากการวิเคราะห์ของคุณคันนิ่งแฮมที่ว่าคนยากจนถูกไฮแจ๊คมาเพื่อคุณทักษิณนั้น มันเป็นการดูถูกคนเสื้อแดงแท้ๆนับล้านๆคน นี่มันเป็นเรื่องเก่าๆแบบเดียวกับที่พวกนักวิชาการเชื่อว่าคนไทยธรรมดาๆคิดด้วยตัวเองไม่เป็น จัดตั้งสิ่งต่างๆด้วยตัวเองไม่เป็น …
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน :  ไจล์   ผมรับไม่ได้นะ มันเป็นการหลอกลวงที่ไม่ยุติธรรมเลย
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  มันใช่ ..
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : หากใครบางคนไม่เห็นด้วยกับคุณ มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น .
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  ให้ผมพูดให้จบก่อนได้ไม๊ ฟิลิป? ให้ผมพูดให้จบก่อนได้ไม๊?
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : เชิญ
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  นี่มันเป็นแนวความคิดเดียวกับคนชั้นกลางในเมืองไทยที่มีต่อคนเสื้อแดง และด้วยการแก้ตัวแบบนี้ทำให้พวกเขาไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตย และเป็นเหตุผลที่เขาสนับสนุนเรื่องการรัฐประหาร เพราะเขาพูดว่าคนเสื้อแดงทุกคนถูกคุณทักษิณซื้อ และถูกปั่นหัวโดยทักษิณให้ลงคะแนนให้ ..
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : คุณจะยอมรับไม๊ล่ะว่า คนเสื้อแดงบางคนถูกซื้อ และบางคนไม่ แต่ยอมรับไม๊ว่าบางคนถูกซื้อจริงๆ


นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  ให้ผมพูดให้จบก่อนได้ไม๊ ฟิลิป   ให้ผมพูดให้จบก่อนได้ไม๊ 


เอมี่ กู๊ดแมน :  ไจล์ คำถามนั้น มีบางคนถูกซื้อหรือไม่
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  คนเสื้อแดงไม่ได้ถูกซื้อแน่นอน คุณทักษิณไม่ต้องซื้อใคร เพราะแม้ว่ารัฐบาลของคุณทักษิณได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่ากลัว แต่คุณทักษิณก็เป็นคนที่นำระบบสุขภาพถ้วนหน้ามาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่ดีกว่าที่อมริกาเสียอีก ในแง่ของการดูแลสุขภาพและการรักษาที่คนยากจนได้รับ รัฐบาลคุณทักษิณสร้างงานให้คนยากคนจน โดยไม่จำเป็นที่จะต้องหยิบยื่นเงินทองมาให้ หากสิ่งที่รัฐบาลสัญญาแล้วสามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ ผู้คนลงคะแนนให้กับสิ่งที่เขาต้องการ และมันเป็นการดูถูกอย่างยิ่งที่คนไทยถูกตราหน้าว่าได้รับการพิสูจน์ว่าถูกตบตาและซื้อโดยคุณทักษิณ
ประเด็นก็คือ ทำไมมหาเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลอย่างคุณทักษิณจึงชนะใจของคนยากจนอย่างท่วมท้น คำตอบอยู่ที่สุญญากาศของการไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในประเทศไทย คุณรู้ไม๊นับตั้งแต่พรรคคอมมูนิสต์พังทลาย และคุณทักษิณสามารถที่จะ
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : ไจล์ นี่เป็นจุดอ่อนของการวิเคราะห์ของคุณ ผมรู้ว่าคุณเอียงซ้ายมานาน เราเคยไปที่ …
 

นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  เสียใจ หากคุณไม่สามารถให้ผมพูดให้จบเสียก่อน
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : คุณรู้ไม๊ อนุสาวรีย์ของคนเดือนตุลา …
 

เอมี่ กู๊ดแมน :  ขอให้คุณ ฟิลิป คันนิ่งแฮม พูดให้จบก่อนค่ะ เชิญค่ะ คุณ ฟิลิป คันนิ่งแฮม

 
ฟิลิป คันนิ่งแฮน : คุณรู้มี ไอเดียที่ว่า .. ผมรู้สึกว่าคุณกระเหี้ยนกระหือรือที่จะให้พวกเอียงซ้ายทำอะไรบางอย่างที่คุณมองว่าเป็นเป็นการเริ่มต้นที่ผิด .. และคุณผิดพลาดที่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง นี่เป็นการเริ่มต้นที่ผิด มันไม่ใช่ของจริง


นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  ขอโทษ คุณไม่ได้ฟัง คุณพูดแซงขึ้นมาและไม่ได้ฟังผมพูด คุณมีภาพฝันในหัวของคุณว่าผมเชื่อในเรื่องอะไรบางอย่าง และคุณก็เริ่มต้นที่จะเถียงกับคนไร้ค่า ผมพูดว่าคุณทักษิณสามารถแบ่งแยกสังคมไทย ระหว่างคนรวยกับคนจน เพราะว่าไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมหาเศรษฐีที่ทรง
อิทธิพลอย่างคุณทักษิณสามารถกุมหัวใจของคนยากคนจนได้
 

ฟิลิป คันนิ่งแฮน : นั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ใช่ไม๊?

 
   ในที่สุดทั้ง 2 คนสรุปว่า
นายไจล์ อึ้งภากรณ์ :  ผมคิดว่าวิธีที่จะหยุดวิกฤติการณ์ก็คือ รัฐบาลควรจะสั่งให้หยุดยิงทันที และจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมตามวิถีทางของประชาธิปไตย


ฟิลิป คันนิ่งแฮน : ผมคิดว่าทหารควรจะถอนตัวออกไป ผมคิดว่ามันน่ากลัวมากในสิ่งที่ทหารกำลังทำอยู่ ผมต่อต้านสิ่งนี้เต็มที่ แต่ผมไม่สามารถจะบอกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นประชาธิปไตยหรือพวกหัวเอียงขวา    พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเช่นกัน และผมคิดว่าเป็นเรื่องของตำรวจที่จะต้องจับกุมและดำเนินการ

 

(ต้นฉบับภาษาอังกฤษ)


 Debating the crisis in Thailand on Democracy now:Is Red Shirt Movement a Genuine Grassroots Struggle, or Front for Ousted Ex-PM, Billionaire Tycoon?
Guests;


Giles Ji Ungpakorn, Thai dissident living in exile in Britain. He was a university lecturer in Thailand before having to flee after writing a book criticizing the 2006 military coup. He is a Red Shirt supporter.
 

Philip Cunningham, freelance journalist who has covered Asia for over twenty years. He has taught at Chulalongkorn University and Doshisha University in Thailand. His writings frequently appear in the Bangkok Post.
 

GILES JI UNGPAKORN: what the Red Shirts want is democracy, because the present government was installed by the military, and it’s actually the fruit of a military coup in 2006 and various judicial coups. So, demanding fresh elections, demanding proper democratic elections is perfectly legitimate. And even though they have been occupying the center of Bangkok for two months, it’s only a shopping center and a site for luxury hotels, yet the government has deployed snipers and assassination squads. And since the beginning of April, they’ve actually been responsible for sixty-seven deaths and thousands of injuries. And really, the time has come for the government to order an immediate ceasefire and for them to enter into genuine talks with the Red Shirts.
 

AMY GOODMAN: And what about the latest developments, Ji, the offer of the Red Shirts to participate and the government saying no?
 

GILES JI UNGPAKORN: Well, the Red Shirts have made repeated offers to negotiate with the government, and the government really wants to shoot its way to a victory and to stay in power through the use of force.


You also have to realize that this government has brought about the worst censorship ever in Thailand. It censors all the internet, the media, in all shape and form. They even attack Facebook and everything else.


So the two things that they’re using to stay in power are censorship and brutal force. And they’re not prepared to actually offer the chance of the people to actually make a decision about who should run the country and in what way.


AMY GOODMAN: Philip Cunningham, I had said you’re in Japan; you’re now in Ithaca, New York. But can you give your observations on what’s happening in Thailand right now?
 

PHILIP CUNNINGHAM: Yes. You know, as a poet Gil Scott-Heron said, he famously said that "the revolution will not be televised." And it’s being televised, but it’s not a revolution. What we see in Thailand, I think, is a sham revolution, and I think it’s something stirred up primarily by the billionaire tycoon in exile, who you mentioned. There are real grievances. There are real poor people. There are fault lines, and in sensitive areas in Thailand, which are very easy to provoke. It would sort of be like Rockefeller funding riots in the ghettos, if he had somehow been arrested and sent into exile or something like that. I mean, it’s a really strange situation. It’s a hugely tragic situation. The people are dying. They’re dying for a billionaire tycoon in exile. It doesn’t make sense.

Does Thailand need democracy, the kind of socialism that Ji has been working for? Yes, I think that would be fine. But it has to be peaceful, and the Red Shirts are not peaceful.
 

GILES JI UNGPAKORN: Well, it’s nonsense to say that the Red Shirts aren’t peaceful. They’ve actually been very, very disciplined and try to maintain a peaceful demonstration in the face of the government, which actually brings armed soldiers and tanks onto the streets. Any government that tries to disperse a peaceful demonstration using armed tanks, guns, and so on, and kills sixty-five people, I think needs to be condemned.

But I’m afraid Philip is misinformed about the Red Shirts. I mean, Thaksin Shinawatra—and I’m no supporter of him; I never voted for him and have always criticized his abuse of human rights—Thaksin Shinawatra was incapable of organizing the Red Shirts. The Red Shirts were organized by former leaders of Thai Rak Thai, and they developed into a grassroots movement. They collect money in their own communities. They run community radio stations. They have different groups. If you go to any Red Shirt protest, you can see the signs up of the different groups, and you can hear people making donations on the stage and so on. And they’re not dying for Thaksin Shinawatra. They’re not stupid peasants, ignorant peasants who don’t know what they’re doing. They’re actually very well-informed small farmers and urban workers who are incensed by the fact that their democratic rights have been robbed and that this is part of the system that allows such inequality of wealth in Thailand.
 

PHILIP CUNNINGHAM: I think one thing Ji and I absolutely agree on is that it’s never right to use an army to suppress the people. I think it’s an extremely blunt instrument. It’s crazy. It’s bloody. It’s violent. And that’s wrong. And I completely agree with Ji that the army should not be involved in this.
 

However, Ji and I used to live on the same street in Bangkok. We taught at the same university. But we really disagree on our analysis of the Red Shirts. I believe the Red Shirts are a fascist movement. I believe the poverty is real. The need, the hunger, for a systemic change, a kind of change in Thailand, is there. It’s in the air. But there is nothing about the Red Shirts—I listen to them every day. I monitor their broadcasts. I’m doing a media study of that. And they insult foreigners. They insult gays. They engage in ridiculous ad hominem attacks. They are playing to the crowd. It’s kind of like a cross between—with Thaksin. And they sing songs in dedication to Thaksin. I mean, it’s sort of like, you know, Mussolini or something like that. Some people compare Thaksin to Berlusconi. I think it’s a little more like Mussolini. They sing for Thaksin. It is fascism, and it is a shame, because these people are hijacking the poor people, hijacking the genuine grievances of the poor, to serve a billionaire in exile so he can get back to Thailand and get his money back.
 

GILES JI UNGPAKORN: Well, I don’t think that Philip Cunningham really understands the definition of "fascism." It’s easy to bandy it about. Fascists don’t demand democracy. Fascists don’t have differences of opinion. Yes, there are elements of the Red Shirts who are rough and ready, and some of them are anti-gay, and some of them talk in terms of being anti-foreign, but the majority don’t do that. The majority actually try to give differences of opinion. And this is not an armed group. The fascists are the middle-class peoples who aren’t for democracy, the Yellow Shirts. They are the people who want an end to democratic rights for the poor and so on. And I think that’s just a really outrageous slander on the Red Shirts.
 

PHILIP CUNNINGHAM: Well, Ji, you’re so naive. I just can’t believe it.

 
AMY GOODMAN: Why are you saying that?


PHILIP CUNNINGHAM: Well, I think Ji knows very well that the—you know, if he listens to the speeches—I mean, Ji could listen to the speeches as well as I do. It’s nonsense. There is good rhetoric. There’s good drama. This is money from a TV station from Thaksin’s media people. They’ve put together a media show. They’ve put together a sham

demonstration, a sham revolution. It’s not the real thing. I was in a Tiananmen in ′89. I know what these things look like. I know what a spontaneous uprising looks like. This is not a spontaneous uprising.
 

What has happened—and I will acknowledge this—is that you′ve kind of had a chain reaction. You have some real spontaneous uprising now. Thailand is in a very brittle state. It’s very delicate. It’s at the kind of end of an era. And anything could happen, and this could be extremely dangerous. I just don’t want to see Thailand go down a fascist road.

And the Red Shirts have proven to be armed. They’re shooting at soldiers with slingshots, Molotov cocktails. There are people with guns, pistols. It is not a peaceful movement. The students in Tiananmen Square never did that. There was no violence. There’s no comparison to this. This is a bankrupt tycoon-backed Red Shirt movement. I just can’t accept—I just can’t understand why Ji supports it.
 

GILES JI UNGPAKORN: Well, you can’t understand, I know, because you’re not prepared to accept what’s going on. I follow the reports on the internet. I’m watching the TV there. I’ve been on Red Shirt demonstrations in Bangkok. I have friends who are in the Red Shirt movement. And the fact is that Philip’s analysis, you know, that it’s all being run by Thaksin and the movement is being hijacked, is an insult to the millions of Thais who are genuine Red Shirts. It’s the same old story from the academics, who believe that ordinary Thai people can’t think for themselves, can’t organize themselves—

PHILIP CUNNINGHAM: Ji, that’s just—that’s—I cannot accept that. That is a very unfair sleight.
 

GILES JI UNGPAKORN: It’s just that—
 

PHILIP CUNNINGHAM: Just because someone disagrees with you doesn’t mean they don’t understand [inaudible]—


GILES JI UNGPAKORN: How about letting me finish, Philip? How about letting me finish?
 

PHILIP CUNNINGHAM: Go ahead.
 

GILES JI UNGPAKORN: It’s the same kind of attitude that the middle class in Thailand have towards the Red Shirts, and it’s their justification for why they don’t believe in democracy and why they supported a coup d’?tat, because they said, you know, the Red Shirts have all been bought by Thaksin and they’re being manipulated by him into voting for him—
 

PHILIP CUNNINGHAM: Would you acknowledge that some of them have been bought, and a lot of them are not, but would you acknowledge that some of them have been bought?
 

GILES JI UNGPAKORN: How about letting me finish, Philip? How about letting me finish?


AMY GOODMAN: That question, Ji—that question, Ji, of whether some of them have been bought, bought off?
 

GILES JI UNGPAKORN: No, they haven’t, actually. You don’t need to buy people off, because the government, Thaksin’s government, horrendous though it was in terms of human rights abuses, actually brought in a universal healthcare system. It’s actually better than the healthcare system in the United States, in terms of what the poor get. They had pro-poor policies to create jobs. They don’t need to hand people money if the government actually offers and then delivers on that. People actually vote for what they want. And it’s actually very, very insulting to the Thai population to claim that they’ve been hoodwinked and bought by Thaksin.

Now, the issue is, really, is how come a tycoon like Thaksin can win the hearts and minds of the poor? And the answer is that this shows that there was a vacuum on the left in Thailand, you know, ever since the Communist Party collapsed, and Thaksin was able to work—
 

PHILIP CUNNINGHAM: Ji, this is the weakness of your analysis. I know you’ve been on the left for a long time. We went to the—
 

GILES JI UNGPAKORN: Sorry, if you could just let me finish—
 

PHILIP CUNNINGHAM: —you know, the stonecutter that was making the monument for October—
 

AMY GOODMAN: Let Philip Cunningham make a statement. Go ahead, Philip Cunningham.


PHILIP CUNNINGHAM: And, you know, this idea that—I just feel like you’re so hungry for the left to do something that you’re seeing a false dawn, and you’re mistaking it for the real thing. This is a false dawn; this is not the real thing.
 

GILES JI UNGPAKORN: Sorry, but you’re not listening. You’re speaking over me. You’re not listening to what I say. You’ve got some dream in your head about what I believe in, and you’re starting to argue with a straw man. I’m saying that Thaksin can—was able to exploit the divisions within Thai society between the rich and the poor because the left didn’t exist. And that’s how come a tycoon like Thaksin can win the hearts and minds of the poor. 


PHILIP CUNNINGHAM: That’s a sad statement, isn’t it?

 

Both end up with:
GILES JI UNGPAKORN: Well, I think the way to end the present crisis is that the government should order an immediate ceasefire and that there should be proper, genuine democratic elections.


PHILIP CUNNINGHAM: OK, I think the army should leave also. I think it’s absolutely horrendous what the army is doing. I’m totally against that. But I cannot say that the Red Shirts are democratic or in the right. They are also a problem. And I think it’s a police problem. They have to be arrested and taken care of.

 


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274700394&grpid=01&catid=00
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #656 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 23:21:18 »

ไม่น่าเชื่อว่า เงิน 28000 ล้าน

จะทำให้บ้านเมืองวอดวายขนาดนี้
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #657 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 00:26:11 »

ต่อจากเพื่อนเหยง

วิวาทะ ระหว่าง ไจรัญ อึ้งภากรณ์ กับ ฟิลลิป คันนิ่งแฮม


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=a-PPpGScujQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=a-PPpGScujQ</a>

      บันทึกการเข้า

prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #658 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 09:15:06 »

พี่แก้วขา
เรามาช่วยคิดกันว่าจะให้ประเทสเดินหน้าไปได้อย่างไร
เเอ๊ะเครียดกับภาพร้ายต่างๆมากแล้ว

มาช่วยกันแก้สังคมการเมืองไทยดีกว่านะ ว่าควรจะเสนอเเนวทางไหนให้รัฐบาล

เราอาจจะตั้งเป้นนคลังสมองซีมะโด่ง ก็ไม่เลว นะคะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #659 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 14:05:10 »

ท่านผู้ว่าฯ ชวน เป็นสิงห์ดำและชาวหอ 2514

"ครม."เด้ง 4 ผวจ.เข้ากรุเซ่นเผาศาลากลาง
25 พค. 2553 13:18 น.


กระทรวงมหาดไทย โดยนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงได้เสนอวาระเพื่อทราบต่อครม.โดยมีการโยกย้ายผู้ว่า 4 จังหวัดช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทยได้แก่

1.นายปราโมช สัจจรัตน์ ผู้ว่าขอนแก่น โดยมีนายพยัพ ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯขอนแก่นรักษาราชการแทน
2.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่ามุกดาหาร โดยให้นายชาญวิทย์ วสยางกูร ที่ปรึกษา 10 ด้านการบริหาร รักษาการผู้ว่ามุกดาหาร

3.นายชวน ศิรินันทร ผู้ว่าอุบล โดยให้นายวิชิต ชาตไพสิฐ ที่ปรึกษา 10 ด้านความมั่นคง รักษาการผู้ว่าอุบล
4.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าอุดรธานี โดยให้นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ รองผู้ว่าอุดรรักษาราชการแทน

ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2553

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=449850
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #660 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 14:28:19 »

ศาลอาญาอนุมัติหมายจับฐานเป็น"ผู้ก่อการร้าย" กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว นับเป็นเกียรติประวัติกับครอบครัวนี้ตลอดไป

ศาลอนุมัติหมายจับ “ทักษิณ” เป็นผู้ก่อการร้ายเต็มตัว!
25 พฤษภาคม 2553 13:53 น.

 
       ศาลอนุมัติหมายจับ “ทักษิณ” เป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว โดยต่อไปเป็นหน้าที่ของอัยการที่จะประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตามล่าตัว “แม้ว” เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในไทยต่อไปให้ได้
      
       วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขออนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2 และ 135/3 โดยเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำพยานเข้าไต่สวนรวม 3 ปาก ประกอบด้วย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นการไต่สวนลับ ไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องร่วมฟังการพิจารณา และศาลนัดฟังคำสั่งในวันนี้ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังเช่นเดิม
      
       ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางมารับฟังคำสั่ง และเปิดเผยภายหลังการรับฟังคำสั่ง ว่า ศาลได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานตามสมควร ให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาก่อการร้ายได้ โดยขั้นตอนต่อไปนี้ จะต้องไปดำเนินการตาม ป.วิอาญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการ ที่จะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000072010
 
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #661 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 14:31:49 »




ศาลอนุมัติหมายจับ"ทักษิณ" ข้อหา"ก่อการร้าย"


25 พค. 2553 14:04 น.


ศาลอาญารัชาดาภิเษก อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้าย ยุยง ปลุกปั่น ให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย หรือ นปช. ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ตามพยานหลักฐาน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร้องขอ โดยมีพยานหลักฐานเป็นคลิป การวีดีโอลิงค์ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เพียงพอ หลังจากนี้ทาง ดีเอสไอ เตรียมติดตามตัว หากพบว่า อดีตนายกฯทักษิณ" พำนักอยู่ในประเทศใด จะใช้กฎหมายระหว่างประเทศขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=449859





ถ้ารัฐบาลตั้งรางวัลสินบนนำจับ สัก 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เชื่อว่า คงจะมีตำรวจต่างประเทศ อาสาจับให้แน่นอน

      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #662 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 19:11:43 »

ดูหน้าชัดๆ คนเขียงใหม่ดึง"ธงในหลวง"โยนทิ้งน้ำ.......


ชมคลิป แดงเชียงใหม่ห้าว! แค้นสลายชุมนุม พาลถอน “ธงในหลวง” โยนทิ้งน้ำ
25 พฤษภาคม 2553 15:02 น.

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=tyV2ZT0hxTY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=tyV2ZT0hxTY</a>

       ASTVผู้จัดการ – แดงเชียงใหม่แค้นแกนนำประกาศสลายการชุมนุม 19 พ.ค.ก่อจลาจลหน้าจวนผู้ว่าฯ พาลโยนธงสีเหลืองอักษรพระปรมาภิไธย ภปร ที่ปักเคียงกับธงชาติไทยบนสะพานนวรัฐ ทิ้งแม่น้ำปิงเกลี้ยง
      
    
     
      
       จากกรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดงประกาศสลายการชุมนุม ณ แยกราชประสงค์ หลังเจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้ากดดัน จนก่อให้เกิดการวินาศกรรม และจลาจลขึ้นทั่วกรุงเทพฯ และลุกลามไปทั่วประเทศ ล่าสุด วานนี้ (24 พ.ค.) ได้มีประชาชนโพสต์คลิปวิดีโอลงในเว็บไซต์ยูทูป เป็นภาพการก่อการจลาจลที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 พ.ค.
      
       เหตุการณ์การจลาจลที่จังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชิงสะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ โดย นปช.จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนประมาณ 50 คน ได้นำยางรถยนต์มากองที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ ก่อนราดน้ำมันจุดไฟเผา จนเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก นอกจากนี้ กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวยังขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของเข้าไปในจวนผู้ว่าฯ ใช้หนังสติ๊กยิงประทัดยักษ์เข้าไปในจวนผู้ว่าฯ เป็นระยะ จนเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบริเวณสะพานนวรัฐข้ามแม่น้ำปิงเป็นการชั่วคราว
      
       สำหรับภาพคลิปวิดีโอดังกล่าว ตอนหนึ่งปรากฏภาพชายสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว ได้เดินไปตามทางเท้าบนสะพานนวรัฐ และได้พยายามถอนธงสีเหลืองอักษรพระปรมาภิไธย ภปร ซึ่งปักอยู่เคียงกับธงชาติไทยบนสะพาน โยงทิ้งลงสู่แม่น้ำปิง ด้วยท่าทางโกรธแค้น ก่อนที่ นปช.อีกคนหนึ่งที่ใส่เสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาวสีเขียวขี้ม้าจะกระทำถอนธงสีเหลือง ตามชายคนดังกล่าวบ้าง จากนั้นคนกลุ่มดังกล่าวจึงเดินไปรวมตัวกัน
      
       พฤติกรรมการจาบจ้วง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และบ่อนทำลายสถาบันหลักของประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเช่น กรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2551 หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ เพียงวันเดียว กลุ่มคนรักเชียงใหม่ ได้เปิดเวทีปราศรัยสนับสนุนรัฐบาลต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจัดบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส โดยวันดังกล่าวแกนนำผู้ปราศรัยแสดงอาการโกรธแค้นต่อเหตุการณ์พิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างชัดเจน โดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ปราศรัยถึงการเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่สนามหลวง และมีตอนหนึ่งที่กระทบกระเทียบกับสถาบันสูงสุดอย่างหมิ่นเหม่ โดยได้พูดว่า คนเชียงใหม่นับถือแค่กษัตริย์ 3 องค์เท่านั้น ก็คือ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางหลังเก่า (พญาเม็งราย พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง) ไปกรุงเทพฯ ก็ไปสักการะเฉพาะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเท่านั้น (อ่านข่าว : นปก.เชียงใหม่เหิม บอกคนเชียงใหม่นับถือแค่อนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ (16 ต.ค. 51))
      

 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000072066
 
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #663 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2553, 22:33:45 »

หวัดดีพี่แก้ว ขอไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ไปรับเสด็จ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์

ปีนี้ มีคนเเย่งกันเข้าเฝ้า ถวายเงินเข้ามูลนิธิ พอ.สว เกือบ200 คน เเน่ะ

เเละเจ้าอาวาสวัดหนึ่งก็ถวายเงิน ล้านกว่าบาท สมทบมูลนิธิ

แสดงว่า คนอิสาน ยังรักเทิดทูนสถาบันอยู่ไม่น้อย ปีนี้แย่งกันเข้าเฝ้าเลยค่ะ

เงินที่ถวายท่าน ท่านพระราชทานกลับมาให้มูลนิธิ พอ.สว.ของทุกจังหวัดนะคะ

เราจะเห็นว่า เวลา ประชาชน ถวายเงิน แท้จริงแล้ว ท่านรับไว้ แล้วประทานกลับมา
ทุกงานและทุกพระองค์ค่ะ


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #664 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 07:59:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 พฤษภาคม 2553, 14:05:10
ท่านผู้ว่าฯ ชวน เป็นสิงห์ดำและชาวหอ 2514

"ครม."เด้ง 4 ผวจ.เข้ากรุเซ่นเผาศาลากลาง
25 พค. 2553 13:18 น.

[
กระทรวงมหาดไทย โดยนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงได้เสนอวาระเพื่อทราบต่อครม.โดยมีการโยกย้ายผู้ว่า 4 จังหวัดช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทยได้แก่

1.นายปราโมช สัจจรัตน์ ผู้ว่าขอนแก่น โดยมีนายพยัพ ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯขอนแก่นรักษาราชการแทน
2.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่ามุกดาหาร โดยให้นายชาญวิทย์ วสยางกูร ที่ปรึกษา 10 ด้านการบริหาร รักษาการผู้ว่ามุกดาหาร

3.นายชวน ศิรินันทร ผู้ว่าอุบล โดยให้นายวิชิต ชาตไพสิฐ ที่ปรึกษา 10 ด้านความมั่นคง รักษาการผู้ว่าอุบล
4.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าอุดรธานี โดยให้นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ รองผู้ว่าอุดรรักษาราชการแทน

ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2553

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=449850

emo43อิ   อิ  ชาวหอท้างน้าน  คุณชวนกลับเข้ากระทรวง  พี่กบ (ชาญวิทย์) รักษาการผู้ว่ามุกดาหาร  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #665 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 08:58:32 »

 คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน ซึ่งเป็นที่ชื่อชมของชาวไทยในขณะนี้ ฟังข้อเสนอการย้ายเมืองหลวงครับ

"สู่ศตวรรษใหม่" เราจะไปทางไหนกันดี?
เปลว สีเงิน 26 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     วานซืน ผมตั้งหัวข้อ "หยั่งกระแส" ใน FB ว่า "เราย้ายเมืองหลวงไปสร้างกรุงเทพฯ แห่งที่  ๒ หรือ นิวบางกอกกันดีไหม? โดยเอาทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และกระทรวง ย้ายไปอยู่ที่นิว บางกอกทั้งหมด ปล่อยให้ "กรุงเทพมหานคร" หรือโอลด์บางกอกนี้ ได้เป็น "เมืองฟ้าอมร" ตัดขาดความขัดแย้งเรื่องลัทธิ-ศาสนา-การเมือง และอำนาจเสียที ให้กรุงเทพฯ เป็น "สวรรค์บนดิน" ที่ทั้งชาวไทยและชาวโลกขอเป็น "ครั้งหนึ่งในชีวิต" ที่ได้มายลบางกอกอันนิรันดร์ด้วยสัญลักษณ์ศูนย์กลางแห่งศิลปะ-วัฒนธรรม และการศึกษา ศูนย์กลางแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ศูนย์กลางแห่งสถาบันพระพุทธศาสนา ศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวพักผ่อน มาช็อปปิ้ง มาประชุม มาตกลงธุรกิจการค้า และมาตื่นตา-ตื่นใจกับเทศกาล งานพระราชพิธีต่างๆ อันมี ณ ที่แห่งเดียวในโลกคือที่...กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร!

     ครับ...ปรากฏว่าได้รับความสนใจพอควร ยังไม่ถึงขนาดเว็บระเบิดหรอก เสียงส่วนใหญ่ก็ "เห็นด้วย" และผมอยากจะบอกว่า "ปัญหาคือปัญญา" จริงๆ เพียงแค่หยั่งท่าทีถามว่า "ควรสร้างกรุงเทพฯ แห่งใหม่ดีมั้ย" คำตอบที่น่าจะออกมาแค่ ดี หรือ ไม่ดี เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย แต่ปรากฏว่า จากคำถาม จุดประเด็นความคิดชาว FB ให้แตกตัว เพราะนอกจากตอบเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยแล้ว แต่ละท่านยังแตกแขนงทางปัญญาแบบ "ผู้มีวิสัยทัศน์" มองยาว-มองไกลไปข้างหน้า  ไม่ใช่มีปัญญาแค่ "ถามคำ-ตอบคำ" หลายท่านตั้งคำถามไปข้างหน้าด้วยการย้อนถามถึง "ประเด็นใหญ่" กลับมาคือ "แล้วเราจะย้ายไปตั้งอยู่ที่ไหนดี?"

     ไม่เพียงเท่านั้น ยังอีกมากมายหลายความคิดเห็นที่เป็นการ "คิดสรรค์สร้าง" ทางใหม่-เมืองใหม่  มองไกลขนาดว่า ปฏิรูปคือพัฒนาเมืองไทยให้มี "กรุงเทพฯ" ทั้ง ๔ ภาคเลยดีไหม แทนที่จะให้ประเทศไทย "ทั้งประเทศ" กระจุกตัว-ผูกติดไว้กับความเป็น "กรุงเทพฯ" วันนี้ แห่งเดียว! เห็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเป็น "บ้านเมืองของเรา" จากหนุ่ม-สาวคนรุ่นใหม่ผ่าน FB แล้ว ผมก็แอบดีใจ อย่างนี้บ้านเมืองเราไปรอด และไปรุ่งแน่นอน เอาเป็นว่า ในขั้นตอนแรกนี้ เราหยั่งเสียงในหัวข้อใหญ่อย่างเดียวก่อนว่า "สร้างกรุงเทพฯ แห่งใหม่" พูดง่ายๆ คือ "ย้ายเมืองหลวง" ไปสร้างในที่แห่งใหม่ดีมั้ย? เท่านี้ก่อน

     ส่วนย้ายไปสร้างที่ไหน สร้างแล้วมันจะกินกันบรรลัย และควรเอาอะไร-ต่ออะไรไปไว้ที่เมืองใหม่นี้บ้าง นั่นเป็นรายละเอียดอีกยาวไกลครับ ต้องไปถึงจุดนั้นแน่ แต่ยังไม่ใช่ในขั้นตอนนี้ เฉพาะตอนนี้เอาแค่มติแรกก่อนว่า...ควรย้ายไปสร้างเมืองใหม่ หรือไม่ควร? หลายท่านเดาเจตนาผมว่า คงต้องการ "ย้ายเมืองหนีปัญหา" ม็อบการเมือง ความจริงไม่ใช่หรอกครับ ถ้าท่านพลิกๆ อ่านที่ผมเขียน-คุยมาตลอดจะพบว่า ผมเสนอ "สร้างเมืองใหม่" มาหลายครั้งแล้ว เจตนาก็คือ "ครอบครัวประเทศไทย" เติบโตด้วยสมาชิกกว่า ๖๐ ล้านคน และจะถึง ๑๐๐ ล้านคนในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ยังไม่รวมพลเมืองแฝงจากชาติต่างๆ อีกหลายสิบล้านคน นั่นคือ.....กรุงเทพฯ เล็ก คับแคบ และแก่ชรากว่า ๒๒๘ ปีแล้ว ไม่สามารถให้คนทั้ง ๖๐ กว่าล้านคนนั้น เข้ามาอยู่ เข้ามาทำงาน เข้ามาเรียน เข้ามาตั้งถิ่นฐาน เข้ามาตั้งโรงงาน เข้ามาประกอบธุรกิจการค้า เข้ามาแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าของชีวิตในรูปแบบต่างๆ ได้อีกแล้ว
     เหมือนคอนโดฯ ๓๐ ตารางเมตร เคยอยู่กัน ๒ คนผัว-เมียก็สบายดี มีลูก ๑ คนก็ยังพอไหว แต่มีลูก ๕ คน แถมลูกแต่งงาน และมีหลานออกมาอีกเป็นสิบๆ ๓๐ ตารางเมตร ไม่ใช่ "บ้านคือวิมานของเรา" อีกต่อไปแล้วครับ มันกลายเป็น "นรกลอยฟ้า" ดีๆ นี่เอง!

     การแยกศูนย์กลางบริหาร ศูนย์กลางราชการไปไว้ที่หนึ่ง และแยกศูนย์การค้า ธุรกิจ-ติดต่อ-ท่องเที่ยวไปไว้ที่หนึ่ง และศูนย์ธุรกิจอุตสาหกรรมอีกที่หนึ่ง ผมก็ว่าเมืองไทยเรา "โตแบบไม่มีพิมพ์เขียว" มานาน มันถึงเวลาที่ต้อง "จัดระเบียบ" ด้วยการขอคืนพื้นที่บ้าง กระชับพื้นที่บ้าง เปิดพื้นที่ใหม่บ้างโดยใช้ปัญหา-อุปสรรคจาก "โตไร้แบบแผน" นั้นเป็นตัวอย่างเพื่อการวางผัง-วางแบบเป็นพิมพ์เขียว "สร้างเมืองใหม่" โดยคำนึงถึงระบบโลจิสติกส์ และระบบคมนาคมเชื่อมต่อเมืองระหว่างเมืองถึงกัน ดีกว่าเห็นรถติดตรงไหนก็ "ขุดทำรถไฟใต้ดิน" วนอยู่แต่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จนแผ่นดินใต้กรุงเทพฯ พรุนไปหมดแล้ว!

     พูดกันถึงอนาคต ต่อไปนี้ ใครจะพูดแต่เฉพาะประเทศตัวเองประเทศเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมองในความเป็นหนึ่งบนความคล้ายคลึงกันเพื่ออยู่ร่วมแบบ "แบ่งกันอยู่-ร่วมกันรวย" อย่างไทยเรา จะโด่เด่แค่ไทยไปไม่รอด จะมองรวมกลุ่มอาเซียนเป็นหนึ่ง นั่นก็ยาก เพราะในความเป็นอาเซียน ยังมีความแตกต่างทางลัทธิ-ศาสนา-ขนบธรรมเนียม-ประเพณี ที่ยากจะรวมกันได้จริงๆ

     แต่ถ้ามองดูใน "กลุ่มอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง" ๖ ประเทศ อันประกอบด้วย ไทย-ลาว-เขมร-ญวน-พม่า และจีนตอนใต้ คือแถวๆ ๑๒ ปันนา คุณหมิงนั่นแหละ เราจะเห็นชัดเลยว่า ทั้งการสืบสาย และทั้งศิลปะ-วัฒนธรรม-ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา กระทั่งภาษา และการกิน การอยู่ รวมถึงทัศนคติเหมือนกันหมด! ตรงนี้แหละคือจุด "ปฏิวัติประเทศไทย" สู่สังคมศตวรรษใหม่แท้จริง ๖ ประเทศจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งในด้านเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว-การขนส่ง เพราะ ๖ ประเทศคุมประตูเชื่อมโลกอันเป็นยุทธศาสตร์ทางทะเลทั้งหมด ไม่ว่าอ่าวไทย อ่าวอันดามัน เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกเข้ากับมหาสมุทรอินเดีย!!! ๖ ประเทศนี่แหละจะเป็น "จ้าวแห่งบูรพา" ตัวจริง เพราะนอกจากคุมยุทธศาสตร์ทางทะเลแล้ว  ภูมิศาสตร์พื้นที่แต่ละประเทศ ธรรมชาติยังกำหนดให้เป็น "พื้นที่อาหารแห่งโลก" และน่าอยู่อาศัย ด้วยร้อนพอดี-เย็นพอดี-น้ำพอดี-แสงอาทิตย์-แร่ธาตุ-พลังงานเหลือเฟือ ซึ่งทั้งหมดผสมลงตัวเป็น " ความสมดุล" อันหาที่ไหนในโลกไม่มีอีกแล้ว นอกจากที่นี่...ที่ ๖ ประเทศกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขงนี้เท่านั้น!

     เราลองหลับตานึกดูซิ ซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือรถไฟจากที่ไหนก็ได้ใน ๖ ประเทศ สามารถหิ้วกระเป๋าไปถึงกันได้หมดเหมือนจากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่ง แล้วกลุ่ม ๖ ประเทศนี้จะร่ำรวย สุข-สนุกสนาน  และคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลกขนาดไหน!?
 ใครจะเป็นผู้นำที่เรียกว่า "ปฏิวัติสู่สังคมใหม่" ต้องไปถึงจุดนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นยังไม่เรียกว่า "ผู้นำ" สู้ทักษิณไม่ได้ ตอนนี้ความระยำนำตัวเองไปถึงระดับ "ผู้ก่อการร้าย" ระดับโลกไปแล้ว!

     เมื่อวาน (๒๕ พ.ค.๕๓) ผมฟังข่าวแว่วๆ วุฒิสมาชิกสหรัฐลงมติเป็นเอกฉันท์ สนับสนุนแผนปรองดองของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ พูดชัดๆ ก็คือ สหรัฐแสดงท่าทีสนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ต่อไป พร้อมประณามการก่อการร้ายของพวกเสื้อแดง ผมยกมาพูดเพราะสะดุดใน "แผนปรองดอง" ที่สหรัฐสนับสนุนนั่นแหละ เจตนานายกฯ อภิสิทธิ์นั้นดีแน่ แต่ ๑ ในแผนปรองดองที่จะใช้นโยบาย "รัฐสวัสดิการ" นั้น ผมอยากให้ใคร่ครวญให้รอบคอบ การให้เด็กเรียนฟรีไม่เป็นปัญหา แต่ที่รัฐจะจ่ายเงินเลี้ยงดูคนแก่นั้น...มีปัญหาแน่

     ก่อนจะเกิดคำว่า "รัฐสวัสดิการ" ควรต้องดูระบบและฐาน "การจัดเก็บ-การเสียภาษี" ให้ดีก่อน อย่าไปคิดแค่ว่า...นี่คือการพลิกแพลงจาก "เงินแจก" สมัยทักษิณไปเป็นการแจกในรูป "สวัสดิการ" สมัยอภิสิทธิ์ และประเด็นใหญ่ที่มองข้าม ผมอยากถามว่า "ดูสำมะโนประชากรศาสตร์" แล้วหรือยัง ถ้าดู...จะเห็นชัดเจนว่า ถ้าไม่แก้ไข ประเทศไทยเราต้องถูก "แรงงานต่างชาติ" ยึดประเทศแน่นอน! เพราะอะไรน่ะหรือ....ก็เพราะอัตราส่วนระหว่าง คนเกิดอันเป็นวัยเด็ก กับคนเติบโตอันเป็นวัยทำงาน กับคนเกษียณจากการทำงานสู่วัยคนแก่ มันเกิดช่องว่างด้วยอัตราส่วนที่ห่างกันจนน่าใจหาย ทุกวันนี้เราเพาะทรัพยากรบุคคลให้เกิดน้อยมาก ที่ยังเก็บภาษีได้อยู่ เพราะวัยทำงานมีตัวเลขสูง

      แต่ในขณะที่วัยเด็กมีจำนวนน้อย ไปโตอยู่ในวัยทำงานมาก เมื่อเหลียวดูคนในวัยชรา เห็นแล้วน่าตกใจ คนวัยทำงานไหลไปเพิ่มอยู่ในจำนวน "คนวัยชรา" ชนิดโป่งพองทุกปี และอนาคต ๑๐-๒๐-๓๐ ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นประเทศ "หัวโต" แต่แขนขา และลำตัวลีบ! วันทำงานแทบไม่มี เกิดน้อยแล้ว ที่เกิดก็ขาดช่วง และโตไม่ทันรุ่นต่อรุ่น แถมส่วนใหญ่จะโตแบบ "ขาดคุณภาพ" มีภูมิภาคเดียวในโลกที่ "สมดุล" ระหว่างคน ๓ รุ่น คือ รุ่นเด็ก-รุ่นทำงาน-รุ่นชรา คือที่แอฟริกาใต้ อนาคตเขาจะแข็งแกร่งมาก

     คุณอภิสิทธิ์จะปรองดองก็ปรองดองไป แต่ในความเห็นผม "จุดแข็ง-จุดโต" ของประเทศไทยอยู่ที่ "เกษตร" และ "อุตสาหกรรมเกษตรสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูป และการนำประเทศไปให้ถึงระบบเกษตร ต้องยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือที่รู้จัก "ด้วยเข้าใจ" กันไปแล้วทั่วโลกในคำว่า Sufficiency Economy ของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เป็นกุญแจไข ไม่ใช่เพราะเป็นปรัชญาของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จึงดี จึงยกย่องกัน หากแต่นำไปใช้แล้ว ทดลองแล้ว ปฏิบัติตามแล้ว ปรากฏว่า "ได้ผล" พลิกจากอดอยาก มาเป็นมีกิน, พลิกจากมีกิน มาเป็นมีขาย-มีเก็บ, พลิกจากมีขาย-มีเก็บ มาเป็นมีร่ำ-มีรวย และมีแจกเพื่อนบ้าน เพราะจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ทั่วโลกจึงยอมรับ ไม่ใช่ยอมรับเพราะเห็นเป็นของ "ในหลวง"!

     ดูหนังในจอโทรทัศน์เห็นแล้วใช่มั้ย คุณลุง มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ปลูกเอง ทำเอง กินเอง  เป็นนายกฯ เองนั่นปะไร เพราะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ ท่านจึงกลายเป็น "นายกฯ ตั้งเอง" ที่ยิ่งใหญ่ โดยที่ไม่มีใครไม่ซูฮก-ยกนิ้วให้ เอาละ...วันนี้ไม่จบหรอก แต่อยากจะบอกส่งท้าย ผมก็นิยมแดง แต่ไม่ใช่ "แดงเผาบ้าน-เผาเมือง" แนวทางคอมมิวนิสต์นั้น หลายอย่างดี-ควรนำมาปรับใช้ในการ "แก้ปัญหาความยากจน" อันมาจากฐานะ-โอกาสที่ไม่ทัดเทียมกันในสังคมเกษตร ทั่วโลกพิสูจน์แล้ว ความยากจนในสังคมเกษตร ใช้ระบบ "ทุนนิยม" แก้ไม่สำเร็จ ต้องใช้ระบบ "สังคมนิยม" สามัคคี-มีแบ่งปัน เท่านั้นจึงแก้ได้ ฉะนั้น ในเมื่อประเทศไทยเป็น "สังคมเกษตร"
     เราต้องออกแแบบ "สังคมธิปไตย" ใช้แทน ซึ่งพิสูจน์แล้ว ๗๘ ปี ไทยจมปลักอยู่แต่ใน "แอ่งตีน" ประชาธิปไตยฝรั่ง...ไปไม่ถึงฝั่งซักที!

http://www.thaipost.net/news/260510/22537
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #666 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 14:06:00 »

ชมคลิป ฝรั่งล้อ CNN รับไม่ได้รายงานข่าวไทยบิดเบือน-ขาดความเป็นมืออาชีพ

ต้องการร้องเรียนไปยัง CNN:
http://www.petitiononline.com/dansarah/




<a href="http://www.youtube.com/watch?v=38quBV7EKdY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=38quBV7EKdY</a>
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072544
      บันทึกการเข้า

Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #667 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 15:04:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 25 พฤษภาคม 2553, 09:15:06
พี่แก้วขา
เรามาช่วยคิดกันว่าจะให้ประเทสเดินหน้าไปได้อย่างไร
เเอ๊ะเครียดกับภาพร้ายต่างๆมากแล้ว

มาช่วยกันแก้สังคมการเมืองไทยดีกว่านะ ว่าควรจะเสนอเเนวทางไหนให้รัฐบาล

เราอาจจะตั้งเป้นนคลังสมองซีมะโด่ง ก็ไม่เลว นะคะ

     สวัสดีครับแอ๊ะ  

           ในความเห็นของผมการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในประเทศไทยของเรา(ที่มีคนส่วนใหญ่เป็นระดับรากหญ้าในชนบท)

     ควรจะต้องแก้ไขเรื่องคุณภาพของคนให้มีคุณภาพและมาตราฐานสูงขึ้น  ทั้งทางด้านการศึกษา,ระเบียบวินัย,ค่านิยม

      ทางสังคม ฯลฯ (ซึ่งต้องใช้เวลา)

                ที่สำคัญที่สุดคือด้านการศึกษาของประชาชนในชาติ  ถ้าได้รับขยายการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงทำให้

     ประชาชนมีความรู้ฉลาดมากขึ้น(เป็นประชาชนที่มีคุณภาพ) ปัญหาทุกอย่างทั้งทางด้านเศรษฐกิจ,สังคมและการเมือง

     เช่น ความเบาปัญญา,ความยากจน,ความด้อยโอกาส,สภาพการเมืองนํ้าเน่า ฯลฯของคนในชาติก็จะปรับเองตัวลดเหลือ

     น้อยลง ตอนนี้การแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สุดคือต้องรีบสังคายนาคุณภาพและการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการก่อน

     โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารงานกระทรวงฯนี้  ควรจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถจริงๆมีวิสัยทัศน์

     มิใช่สักแต่ว่าเป็นใครก็ได้เข้ามาเพื่อกอบโกยและคอรับชั่นงบประมาณ

     ผมอยากจะให้แอ๊ะสมัครเลือกตั้ง สส. หรือ สว.งวดหน้านี้นะครับ เพราะคิดว่าแอ๊ะมี connection ในสังคมกว้างขวาง

     และมีฐานเสียงในพื้นที่ดีพอสมควร  เพื่อที่จะได้มีนํ้าดีเข้าสภาฯไปไล่นํ้าเสียออกเสียบ้าง ทำให้การเมืองของประเทศเรา

     ได้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง

    

    

    
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #668 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 22:24:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 พฤษภาคม 2553, 19:11:43
ดูหน้าชัดๆ คนเขียงใหม่ดึง"ธงในหลวง"โยนทิ้งน้ำ.......


ชมคลิป แดงเชียงใหม่ห้าว! แค้นสลายชุมนุม พาลถอน “ธงในหลวง” โยนทิ้งน้ำ
25 พฤษภาคม 2553 15:02 น.

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=tyV2ZT0hxTY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=tyV2ZT0hxTY</a>

       ASTVผู้จัดการ – แดงเชียงใหม่แค้นแกนนำประกาศสลายการชุมนุม 19 พ.ค.ก่อจลาจลหน้าจวนผู้ว่าฯ พาลโยนธงสีเหลืองอักษรพระปรมาภิไธย ภปร ที่ปักเคียงกับธงชาติไทยบนสะพานนวรัฐ ทิ้งแม่น้ำปิงเกลี้ยง
      
    
     
      
       จากกรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดงประกาศสลายการชุมนุม ณ แยกราชประสงค์ หลังเจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้ากดดัน จนก่อให้เกิดการวินาศกรรม และจลาจลขึ้นทั่วกรุงเทพฯ และลุกลามไปทั่วประเทศ ล่าสุด วานนี้ (24 พ.ค.) ได้มีประชาชนโพสต์คลิปวิดีโอลงในเว็บไซต์ยูทูป เป็นภาพการก่อการจลาจลที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 พ.ค.
      
       เหตุการณ์การจลาจลที่จังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชิงสะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ โดย นปช.จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนประมาณ 50 คน ได้นำยางรถยนต์มากองที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ ก่อนราดน้ำมันจุดไฟเผา จนเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก นอกจากนี้ กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวยังขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของเข้าไปในจวนผู้ว่าฯ ใช้หนังสติ๊กยิงประทัดยักษ์เข้าไปในจวนผู้ว่าฯ เป็นระยะ จนเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบริเวณสะพานนวรัฐข้ามแม่น้ำปิงเป็นการชั่วคราว
      
       สำหรับภาพคลิปวิดีโอดังกล่าว ตอนหนึ่งปรากฏภาพชายสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว ได้เดินไปตามทางเท้าบนสะพานนวรัฐ และได้พยายามถอนธงสีเหลืองอักษรพระปรมาภิไธย ภปร ซึ่งปักอยู่เคียงกับธงชาติไทยบนสะพาน โยงทิ้งลงสู่แม่น้ำปิง ด้วยท่าทางโกรธแค้น ก่อนที่ นปช.อีกคนหนึ่งที่ใส่เสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาวสีเขียวขี้ม้าจะกระทำถอนธงสีเหลือง ตามชายคนดังกล่าวบ้าง จากนั้นคนกลุ่มดังกล่าวจึงเดินไปรวมตัวกัน
      
       พฤติกรรมการจาบจ้วง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และบ่อนทำลายสถาบันหลักของประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเช่น กรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2551 หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ เพียงวันเดียว กลุ่มคนรักเชียงใหม่ ได้เปิดเวทีปราศรัยสนับสนุนรัฐบาลต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจัดบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส โดยวันดังกล่าวแกนนำผู้ปราศรัยแสดงอาการโกรธแค้นต่อเหตุการณ์พิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างชัดเจน โดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ปราศรัยถึงการเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่สนามหลวง และมีตอนหนึ่งที่กระทบกระเทียบกับสถาบันสูงสุดอย่างหมิ่นเหม่ โดยได้พูดว่า คนเชียงใหม่นับถือแค่กษัตริย์ 3 องค์เท่านั้น ก็คือ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางหลังเก่า (พญาเม็งราย พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง) ไปกรุงเทพฯ ก็ไปสักการะเฉพาะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเท่านั้น (อ่านข่าว : นปก.เชียงใหม่เหิม บอกคนเชียงใหม่นับถือแค่อนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ (16 ต.ค. 51))
      

 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000072066
 


ตามเจอแล้วครับ คนโยน"ธงในหลวง"ทิ้งแม่น้ำปิง ที่เชียงใหม่

พบแล้ว! มือปลดธง “ภปร” ทิ้งน้ำปิง-เป็นพ่อค้าขายกับข้าวในตลาดรวมโชค ชม.
26 พฤษภาคม 2553 16:37 น.

        

 
       ASTVผู้จัดการ – พบแล้วมือขว้าง “ธงในหลวง” ลงน้ำปิง เผยเป็นพ่อค้าขายกับข้าวในตลาดรวมโชค ล่าสุด หลังปรากฏภาพบนยูทูป กลับหายหน้าไปจากแผง 3 วันติด ปล่อยเมีย-ลูกน้องขายแทน
      
       รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากปรากฏภาพชายสวมเสื้อขาว ปลดธงตราสัญลักษณ์ “ภปร” ที่ติดไว้คู่กับธงชาติไทย บริเวณสะพานนวรัฐ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ติดกับจวนผู้ว่าฯ แล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำปิง ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมประท้วง และก่อเหตุเผายางรถยนต์ ขว้างระเบิดเพลิงใส่บ้านพักปลัดจังหวัดฯ และเผารถดับเพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ 2 คัน (ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ขับมาเพียงคันละ 1 คน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำรถแม้แต่คนเดียว) เมื่อ 19 พ.ค.53 นั้น
      
       ปรากฏว่า ชายคนดังกล่าวมีใบหน้าคล้ายกับ นายกฤษฎา (ไม่ทราบนามสกุล) พ่อค้าขายกับข้าวในตลาดรวมโชค ติดกับถนนวงแหวนรอบกลาง อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เปิดแผงขายอาหารใกล้กับร้านลาบเมืองแพร่-ร้านขายอาหารปักษ์ใต้มานาน และเป็นเครือข่ายของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มักไปร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่แทบทุกครั้ง
      
       แต่ในระยะ 3 วันที่ผ่านมา นายกฤษฎา ได้หายหน้าไปจากแผงขายกับข้าวในตลาดดังกล่าว ปล่อยให้ลูกน้อง-ภรรยา มาขายแทนเท่านั้น
      
       ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กองกำลังจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำสั่งให้ติดตามหาตัวผู้ที่ปลดธงตราสัญลักษณ์ “ภปร” ทิ้งแม่น้ำปิงแล้ว ซึ่งล่าสุดเริ่มมีชาวบ้านแจ้งยืนยันถึงตัวตนนายกฤษฎา ว่า ตรงกับบุคคลที่ปรากฏในภาพแล้วหลายราย
      
 
 
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000072698
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #669 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 09:40:08 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของ คุณเปลว สีเงิน

"รุ่นสู่รุ่น" บนเส้นทางสู่สังคมใหม่
เปลว สีเงิน 27 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     อาการ "ตกใจ-ไฟดับ" จนไทยโพสต์พิมพ์ไม่ได้ เมื่อ ๑๙ พฤษภา ค่อยผ่อนคลายลงหน่อยเมื่อทีมมวลชนสัมพันธ์ของท่านผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ "สุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์" นำโกโก้-โอวัลตินมาช่วยละลายอาการ ซึ่งก็ต้องขอบคุณทั้งที่ กฟผ.เองตัวเป็นเกลียว หัวเป็นนอตกับการติดตั้ง-ตรวจบำรุง "เสาไฟฟ้าแรงสูง" ที่มีคนทดสอบความแข็งแรงด้วยระเบิดไปหลายต่อหลายจุด นี่ถ้าคุณภาพทีมไม่เจ๋งจริง มืดมิดทั้งเมืองไปนานแล้ว!
     คุยเรื่องเครียดต่อเนื่องกันมาหลายวัน ศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภานี้ก็ถึงวัน "วิสาขบูชา" อีกแล้ว คงไม่ต้องขยายความกันรายปีแล้วกระมังว่า อะไรคือวิสาขบูชา และวิสาขบูชาคืออะไร เก็บเสน่ห์ตรงนี้เอาไว้ให้ท่านที่ยังไม่รู้-ไม่เข้าใจได้ค้นหาเอาเองบ้างดีกว่า จะได้อรรถรส และซึ้งคุณค่ากว่าที่ผมจะบอก (รายปี) แต่เท่าที่ผมจับเส้นทางเดินสังคม ชัดเจนว่าคนยุคนี้-สมัยนี้ที่เรียกว่า "หนุ่ม-สาวยุคใหม่" ไม่ได้เป็น-ไม่ได้เหลวไหล อย่างที่ผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านบ่นกันว่า "กายห่างวัด-ใจห่างธรรม" จะนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตใหม่ในเส้นทาง "สังคมทาสวัตถุ" ตรงกันข้าม หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ เขาโต ด้วยเรียนรู้ มีโลกทัศน์บนวิสัยทัศน์ มีแก่น-มีแกนวิเคราะห์สู่ฐานเชื่อ ถึงตอน กิน-เล่น-เที่ยว เขาก็สุดสวิงริงโก้ของเขาไป แต่ถึงคราวเป็นเรื่อง-เป็นราว พวกเขาเป็นหนุ่ม-สาวมีสาระ ไม่ยอมเชื่อตามๆ กันไปโดยไม่รู้จักค้นหา และไม่คั้นสาระจากความเป็นตัวของตัวเอง เพราะเท่าที่ผมลงไปสัมผัส "โลกในความคิด" ของหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ เขาจะถาม จะซักไซ้ เต็มไปด้วย what why when where และ who โดยมีสถาบันชาติ พระศาสนา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นหลักยึดในการคิด-ในการเชื่อ ถ้าไม่มีเหตุผลเป็นคำอธิบายที่เข้าใจได้ บางคนฟังแล้วเมิน บางคนไม่เมินแต่ซักต่อ ซักแล้วก็ใช่จะเชื่อ หลายคนมีความเห็นและเหตุผลโต้แย้ง
     จนสุดท้าย ที่บอก "ขอบคุณ" เพราะเข้าใจก็มี ที่เฉยเพราะเขายังต้องไปคิดวิเคราะห์ต่อก็มี นี่คือคุณสมบัติปัจจุบันของ "คนรุ่นใหม่" ในกลุ่มนิยมแสวงหาสาระจากโลกและชีวิตรอบตัว

     ที่น่ายินดีคือ คนกลุ่มนี้นอกจากไม่ตกเป็นทาสไอทีแล้ว กลับใช้ไอทีเป็นทาสในการค้นหาสาระสู่โลกใหม่! ผมจะบอกอะไรให้อย่าง จากการสังเกตของผมเองจนเป็น "สถิติ" ชี้ทิศทางสังคมชาติได้ค่อนข้างแม่นยำ ทุกครั้งของการเปลี่ยนแปลงสังคม "เยาวชน-คนรุ่นใหม่" คือเข็มทิศ-ชี้ทาง! หมายความว่าเหตุการณ์ใด ถ้า "เยาวชน-คนรุ่นใหม่" ไม่เข้าไปเป็นส่วนร่วมด้วยแล้วละก็ ถึงเกิดเหตุ เหตุนั้นก็จะยังไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ถ้าเหตุนั้น มีเยาวชน-คนรุ่นใหม่ เข้าไปร่วมในฐานะแกนนำ หรือในฐานะมวลชนร่วม กระทั่งในฐานะมีปฏิกิริยาร่วมตอบสนอง เหตุการณ์นั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม "สู่อนาคตใหม่" ค่อนข้างมาก
     สมัย ๑๔ ตุลา และ ๖ ตุลา หนุ่ม-สาวในภาพของนิสิต-นักศึกษา ปรากฏชัดเจนในความเป็นแกน "เปลี่ยนและนำสังคม" สมัยพฤษภาทมิฬ ส่วนหนึ่งนอกจากนิสิต-นักศึกษาเป็นตัวร่วมแล้ว ยังเขยิบขึ้นไปสู่หนุ่ม-สาวอันเป็นชนชั้นกลาง จนเรียกว่า "ม็อบมือถือ" เพราะตกเย็น หลังเลิกงาน "คนรุ่นใหม่" อันเป็นวัยทำงาน เขาจะโทร.มือถือนัดหมายกันมาชุมนุมที่ราชดำเนิน-ที่สนามหลวงเอง ต่างคน ต่างพวก ต่างกลุ่ม ไม่มีใครรู้จักใคร แต่มารู้จัก "ด้วยเข้าใจ" บนเป้าหมายเดียวกัน นอนบนพื้นถนนราชดำเนินนับดาวด้วยกัน แล้วใครก็ไม่รู้ เอาน้ำบ้าง เอาโน่น เอานี่บ้างมาแจกกันไป ตกดึกแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อไปทำงานตอนเช้า ฉะนั้น ถนนราชดำเนินจะปิดการจราจรไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะคนนั่ง-นอนเต็มพรึ่ด แต่ตอนเช้ายันบ่ายแก่ๆ ถนนก็โล่ง ไม่มีคน การจราจรจะเปิดได้เองโดยอัตโนมัติเช่นกัน จนกระทั่งเย็นย่ำค่ำมืด การจราจรก็ปิดเองโดยอัตโนมัติอีก อย่างนี้เป็นเดือน เป็นอารยะชุมนุมที่น่าพิสมัย ไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน ต่างคน-ต่างมีความรับผิดชอบ และถนอมรักษาบ้านเมือง!

     มาดูเหตุการณ์นับจาก ๑๙ กันยา ๔๙ จนมาถึง ๑๙ พฤษภา ๕๓ บ้าง ท่านจะเห็นทันที กี่ครั้ง-กี่คราวที่คนเสื้อเหลือง-เสื้อแดงเวียนชุมนุม เกิดเหตุครั้งแล้ว-ครั้งเล่า แต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนสังคมไปจากที่เดิมได้ จนกระทั่งคนในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะจากคนในกลุ่ม "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่" ผสานด้วยคนวัยทำงาน "ทนไม่ไหว" กับการชุมนุมไร้อารยะของพวกเสื้อแดง เขาส่งข้อความนัดแนะกันออกมาร่วมชุมนุมต้านเป็นคนหลากสี เด่นชัดคือหนุ่ม-สาวคนรุ่นใหม่ "รักในหลวง" พวกเขาทนเห็นพวกนี้ย่ำยีสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ไม่ไหว ว่างงานตอนไหนก็นัดกันมารวมตัวแสดงอารยะสัญญาประชาสังคม! นี่คือสิ่งยืนยันในคำที่ผมบอกว่า "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่" ไม่เหลวไหล กายไม่ห่างวัด-ใจไม่ห่างธรรม  อย่างที่ใครๆ เข้าใจและชอบปรักปรำ เพราะจะเห็นว่า มีพิธีกรรมทางพุทธศาสนาและสถาบันกษัตริย์ที่ไหน เขาก็ไปกันเต็ม หรือถ้าใครไปวัดที่สอนการปฏิบัติธรรม ไม่ต้องมาก วันอาทิตย์ไปที่วัดชลประทาน ฯก็จะเห็น หนุ่ม-สาว อันเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าวัดด้วยใจหาธรรมกันมากมายผิดกว่าแต่ก่อน!
     ความจริงเรื่องเข้าวัดไม่จำเป็นนักหรอก ขอให้เอาใจมาเข้าธรรม-เอาธรรมมาเข้าไว้ในใจ อย่างนี้ดีกว่าร้อยเท่า-พันเท่า เพราะไปวัดเดี๋ยวนี้ ลำบากที่ต้องคัดกรองหนัก กราบไปก็นึกไป...พระเสื้อแดงแก๊งตีนตบที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ถือป้าย "เอาพ่อทักษิณกูคืนมา" หรือเปล่าวุ้ย!? และอย่าง บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ ของคุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เห็นมั้ย ทั้งเด็ก ทั้งหนุ่ม-สาว ทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นกลางเก่า-กลางใหม่ ไปจับไม้กวาด-แปรง ออกแรงขัดถู ทำความสะอาดบ้านเมืองของเรากัน "ด้วยใจ" ทั้งที่ตอนอยู่กะบ้าน พ่อก็กระแอม แม่ก็กระไอ แต่ลูกเฉไฉ ไม่เคยเฉียดใกล้ไม้กวาด

     แล้วใครรู้มั้ย...ที่เป็นนายตรวจประเทศไทยตอนนี้?
     ประชาสังคม "คนรุ่นใหม่" ในโลกไซเบอร์นั่นไง รัฐบาลทำอะไร ทหาร-ตำรวจทำอะไร "นายตรวจประเทศ" สอดส่อง-ติดตามยิบ ตำรวจถูกเหยียบเละเป็นขี้หมา เพราะคุมตัว "หัวโจกกบฏ" ไปบิ๊กฮอลิเดย์ในค่ายนเรศวร จนรัฐบาล-ศอฉ.และตำรวจ เหมือนตูดตำเตาอั้งโล่ นั่งไม่ติด ต้องส่งพี่นวยนิ่มออกมาแก้ทั้งตัว แก้ทั้งผ้า แต่ก็ยังเอาหน้าไม่รอดอยู่ดี
 นั่นไม่เพราะ "นายตรวจประเทศ" คอยจับตาดอกหรือ? ฉะนั้น เมื่อเยาวชน "คนรุ่นใหม่" ลุกขึ้นมารวมตัวเอาธุระกับปัญหาบ้านเมืองแล้วละก็ "สังคมเปลี่ยนแน่" และถ้าคนมีอำนาจ-หน้าที่เปลี่ยน...ไม่เปลี่ยน ระวัง...เยาวชน "คนรุ่นใหม่" เขาจะรวมใจมาเปลี่ยน!?

     เอาละ..ไหนๆ หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ใช้ "ความรักในหลวง" ออกมารวมตัวกันเป็นปฏิกิริยากดดัน "กบฏแดง" จนมีผลสรุปดังที่เห็นขณะนี้ และในเมื่อเป็นรุ่นใหม่ "ใกล้วัด-ใกล้ธรรม" ผมก็มีของดีมาฝาก คือ การ "ไหว้ ๕ ครั้ง" ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส
     สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นี้ ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯ หรือ "พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต" และท่านก็ "ไหว้ ๕ ครั้ง" ตามพระอุปัชฌาย์มาตลอดจนกระทั่งมรณภาพ ปกติเราจะรู้จักการไหว้พระ ๓ ครั้ง คือ ไหว้พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ แต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านให้ไหว้พระ ๕ ครั้ง ดังนี้ เมื่อตั้งนะโม...ครบ ๓ หนแล้วก็เริ่ม
     ครั้งที่ ๑ สวดอิติปิโส ภควา...ไปจนจบบทพระพุทธคุณที่...พุทโธ ภควาติฯ ก็หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณของพระพุทธเจ้า กราบหนที่ ๑
     ครั้งที่ ๒ สวดสวากขาโต...ไปจนจบบทพระธรรมคุณที่...เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ ก็หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้ว กราบหนที่ ๒
     ครั้งที่ ๓ สวดสุปะฏิปันโน...ไปจนจบบทพระสังฆคุณที่...ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ ก็หยุดระลึกถึงคุณ คือความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ แล้วกราบหนที่ ๓
 จากนั้นตั้งใจระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐตลอดไป และกล่าวคำปฏิญาณ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และทุติยัมปิ พุทธัง-ธัมมัง-สังฆัง ตะติยัมปิ  พุทธัง-ธัมมัง-สังฆัง เหมือนกันดังข้างต้นจนครบ ก็เริ่มไหว้ครั้งต่อไป
     ครั้งที่ ๔ ระลึกถึงคุณมารดา-บิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบหนที่ ๔
     ครั้งที่ ๕ ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ความรัก ให้ความเมตตา-ปรารถนาดี ให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์-ค้ำจุน แล้วกราบหนที่ ๕
     ผลที่จะได้รับจากการไหว้ ๕ ครั้ง ท่านบอกไว้ดังนี้ :-
     การไหว้ ๕ ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ ๕ ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ จะเป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายให้ปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลก และทางคดีธรรม เต็มภูมิ เต็มชั้น ของตนทุกประการ.
     เอ้า...คนรุ่นใหม่ต้อง "ไหว้ ๕ ครั้ง" อย่าลืมเน้อ.

http://www.thaipost.net/news/270510/22630
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #670 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 11:56:14 »

พี่แก้วขา

ขอบคุณมากที่อยากให้แอ๊ะลง สส. สว.

คราวที่เเล้วถ้าลง partylist ตามคำเชิญของ1--2-3 พรรค ก็ได้เป็นสส. ไปเเร้ววววววววววววว

หรืออาจะได้เป็นรมต.รมช. อิๆๆๆๆๆ


แต่แอ๊ะไม่ชอบเป็นค่ะ  แอ๊ะ คิดว่าอยู่แบบนี้ดีกว่าเราสนิท กับทุกพรรค และไม่มีศัตรู

(มีศัตรู ทางความคิด ในเวบหอ..ก็พอ สมควร เลี้ยววววววว555555)

และเเอ๊ะทนเข้าไปสู่กระบวนการซื้อเสียง ซื้อตำแหน่งไม่ได้ค่ะ

ถึงเขาเชิญมา เราก็ต้อง ไปสมทบ ทุน อยู่ดี เราไปเข้ากระบวนการของเขาแล้ว


จะไปนั่งเฉยๆ ไม่ควักกระเป๋ามั่งมัน ก็ขาดบารมี

 ยิ่งแอ๊ะใจถึงอยู่แล้ว รับรองได้เป็นเจ้าแม่..วังอิสาน หรือ เจ้าแม่แม่น้ำชี  หรือเจ้าแม่น้ำโขงงงงงงง555555


อ. แจ่มใส ว่า จริงมะคะ

แต่บางทีเห็นเขาจัดตำแหน่ง ผู้ว่า ผู้การ อธิบดี ปลัดกระทรวง ก็ชักอยาก ไปนั่งจัดกะเขาเหมียนกัน

ใครๆ ก็ต้อง กราบ ไหว้

ได้เเต่บอกตัวเองว่า อย่า มีกิเลส เลยเร ของนอกกาย หาความสุขใส่ตัวดีกว่า
ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องวิ่งไปงานหาเสียง ไม่ต้องวิ่งไปแข่งกะใคร สบายใจดีออกค่ะ

อ้างถึง
ข้อความของ Preecha2510 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2553, 15:04:29
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 25 พฤษภาคม 2553, 09:15:06
พี่แก้วขา
เรามาช่วยคิดกันว่าจะให้ประเทสเดินหน้าไปได้อย่างไร
เเอ๊ะเครียดกับภาพร้ายต่างๆมากแล้ว

มาช่วยกันแก้สังคมการเมืองไทยดีกว่านะ ว่าควรจะเสนอเเนวทางไหนให้รัฐบาล

เราอาจจะตั้งเป้นนคลังสมองซีมะโด่ง ก็ไม่เลว นะคะ

     สวัสดีครับแอ๊ะ  

           ในความเห็นของผมการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในประเทศไทยของเรา(ที่มีคนส่วนใหญ่เป็นระดับรากหญ้าในชนบท)

     ควรจะต้องแก้ไขเรื่องคุณภาพของคนให้มีคุณภาพและมาตราฐานสูงขึ้น  ทั้งทางด้านการศึกษา,ระเบียบวินัย,ค่านิยม

      ทางสังคม ฯลฯ (ซึ่งต้องใช้เวลา)

                ที่สำคัญที่สุดคือด้านการศึกษาของประชาชนในชาติ  ถ้าได้รับขยายการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงทำให้

     ประชาชนมีความรู้ฉลาดมากขึ้น(เป็นประชาชนที่มีคุณภาพ) ปัญหาทุกอย่างทั้งทางด้านเศรษฐกิจ,สังคมและการเมือง

     เช่น ความเบาปัญญา,ความยากจน,ความด้อยโอกาส,สภาพการเมืองนํ้าเน่า ฯลฯของคนในชาติก็จะปรับเองตัวลดเหลือ

     น้อยลง ตอนนี้การแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สุดคือต้องรีบสังคายนาคุณภาพและการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการก่อน

     โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารงานกระทรวงฯนี้  ควรจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถจริงๆมีวิสัยทัศน์

     มิใช่สักแต่ว่าเป็นใครก็ได้เข้ามาเพื่อกอบโกยและคอรับชั่นงบประมาณ

     ผมอยากจะให้แอ๊ะสมัครเลือกตั้ง สส. หรือ สว.งวดหน้านี้นะครับ เพราะคิดว่าแอ๊ะมี connection ในสังคมกว้างขวาง

     และมีฐานเสียงในพื้นที่ดีพอสมควร  เพื่อที่จะได้มีนํ้าดีเข้าสภาฯไปไล่นํ้าเสียออกเสียบ้าง ทำให้การเมืองของประเทศเรา

     ได้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง

    

    

    
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #671 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 12:00:02 »

ฟังนักวิชาการชาวอเมริกันบอกให้คนไทยช่วยกันแก้ไขปัญหาอื่น ดีกว่าหมกมุ่นกับ "ปีศาจทักษิณ"

วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:46:00 น.  มติชนออนไลน์
นักวิชาการอเมริกันเสนอไทยหยุดหมกมุ่นแค่ "ปีศาจทักษิณ" แนะควรแก้ปัญหาอื่นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งด้วย

นักมานุษยวิทยาอเมริกันแนะไทย อย่าหมกมุ่นกับ "ปีศาจทักษิณ" จนไม่ยอมแก้ปัญหาอื่น ชี้กองกำลังเสื้อแดงเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัญหา "ชนชั้น" และ "ชาติพันธุ์-ภูมิภาค" ก็ฝังรากลึก

"ชาร์ลส์ คายส์" ศาสตราจารย์เกียรติคุณทางด้านมานุษยวิทยาและนานาชาติศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการศึกษาเรื่องเมืองไทย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาอย่างยาวนาน ได้เขียนบทความชื่อ "ดีลลิ่ง วิธ ′เดอะ เดวิล′, เดอะ เร้ดส์ แอนด์ ลุคกิ้ง วิธอิน" (ความสัมพันธ์กับ "ปีศาจ", คนเสื้อแดง และการมองย้อนกลับเข้ามาภายใน) ลงในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 26 พฤษภาคม มติชนออนไลน์ เห็นว่าบทความดังกล่าวมีเนื้อหาน่าสนใจเป็นอย่างมาก จึงขออนุญาตสรุปความและนำมาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

การก่อร่างสร้างปีศาจ

เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพมหานคร จนนำมาสู่การเผาอาคารทางธุรกิจที่มีความสำคัญหลายแห่งโดยผู้ชุมนุม ส่งผลให้ชาวกทม.จำนวนมาก และผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั่วประเทศ ต่างชี้นิ้วว่าตัวการที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็คือ คนเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนามว่า ทักษิณ ชินวัตร

ในสายตาคนเหล่านั้น ทักษิณกลายเป็นปีศาจที่มีตัวตน ผู้ก่อให้เกิดความโชคร้ายและปัญหาสังคมต่าง ๆ นานา พวกเขาเชื่อว่าหากอดีตผู้นำประเทศรายนี้ถูกเขี่ยพ้นออกไปจากการเมืองไทย สังคมไทยก็จะกลับคืนสู่ความสงบและความสามัคคี


แน่นอนว่าทักษิณได้ใช้ความร่ำรวยและอิทธิพลของตนเองในการสนับสนุนการชุมนุมทั้งที่สันติและรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่หากรัฐบาลอภิสิทธิ์และคนอื่น ๆ ที่จะมีส่วนร่วมในนโยบายปรองดองแห่งชาติ ยังคงเห็นว่าทักษิณเป็นเพียงตัวการเดียวของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็จะประสบกับความผิดพลาดในเชิงยุทธวิธี และหนทางสู่ความปรองดองก็จะประสบกับทางตัน ขณะที่ความขัดแย้งในสังคมก็จะยังดำเนินต่อไป

สาเหตุอื่น ๆ ของความขัดแย้งในสังคมไทย

วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลเสียอย่างหนักต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ของไทย เพราะในปัจจุบัน ครัวเรือนของชาวอีสานต้องพึ่งพิงรายได้ที่ส่งมาจากสมาชิกของครอบครัวซึ่งประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ มีแรงงานชายจากภาคอีสานนับแสนคนออกไปรับจ้างทำงานในต่างประเทศ

วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 จึงส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อครอบครัวของชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบัน สมาชิกจำนวนมากของครอบครัวเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กหนุ่ม ได้กลายเป็นประชากรที่ตกงาน เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้นี่เอง ที่เป็นทรัพยากรสำคัญของกลุ่มกองกำลังคนเสื้อแดง ซึ่งมีส่วนจุดไฟเผาอาคารสำคัญในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งยังกล้าเผชิญหน้ากับกองกำลังของรัฐบาล

ดูเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ได้ตระหนักถึงกลุ่มเด็กหนุ่มเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาคือกลุ่มคนว่างงานในภาคส่วนเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้น พวกเขาจึงไร้ตัวตนจากการเก็บสถิติของรัฐ แต่หากรัฐบาลไทยไม่แก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจให้แก่คนกลุ่มนี้ ความเกลียดชังและความไม่พอใจของพวกเขาก็จะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทักษิณหรือไม่ก็ตาม

สาเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทยประการต่อก็คือ ความแตกแยกอย่างลึกซึ้งในสังคม อันเกิดจากเส้นแบ่งในเรื่องชนชั้นและชาติพันธุ์-ภูมิภาค กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่อย่างหนาแน่นในภาคอีสานและภาคเหนือ เพราะคนเหล่านี้ตระหนักว่าตนเองถูกใส่ร้ายป้ายสีตลอดมาจากเหล่าคนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ

การใส่ร้ายป้ายสีดังกล่าวมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนในภาคอีสานและเหนือมักถูกมองจากคนไทยในส่วนกลางว่าเป็น "ลาว" เมื่อครั้งที่พวกเขาเพิ่งถูกควบรวมเข้ามาใน "รัฐ-ชาติ"  ไทย แม้ว่าต่อมานโยบายการศึกษาและสื่อสารมวลชนที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ จะบ่งชี้ว่าคนจากภูมิภาคเหล่านี้เป็น "ไทย" ทว่าภาพลักษณ์ด้านลบอันเก่าแก่ที่เห็นว่าคนเหนือและอีสานมี "ความเป็นไทย" น้อยกว่าคนกรุงเทพฯ ก็ยังคงดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

ภาพลักษณ์ด้านลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพด้านลบของคนอีสาน ปรากฏอยู่อย่างสม่ำเสมอในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ไทย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนอีสานถูกใส่ร้ายป้ายสีครั้งแล้วครั้งเล่าโดยสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมซึ่งฝักใฝ่การเมืองสีหนึ่ง, หนังสือพิมพ์ในกทม. และเว็บล็อกตลอดจนเฟซบุ๊กจำนวนมาก ว่าพวกเขาโง่เหมือน "ควาย" เป็นต้น  ความคิดจำนวนมากที่ถูกนำเสนอในสื่อยังเชื่อว่าชาวบ้านเหล่านี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร และไม่ตระหนักว่าตนเองกำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม

แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ชาวบ้านเหล่านี้ตระหนักว่าตนเองกำลังถูกใส่ร้ายป้ายสี และภาวะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยหลักสำคัญประการหนึ่งของความขัดแย้งในสังคมไทย

ขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์พยายามไล่ปิดสถานีวิทยุชุมชนและเว็บไซต์ที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง โดยให้เหตุผลว่าสื่อเหล่านั้นยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและความเกลียดชัง แต่รัฐบาลกลับไม่เข้าไปควบคุมสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบางช่อง และสื่ออื่น ๆ ที่เร่ขายความเกลียดชังต่อคนบางกลุ่ม ตั้งแต่ คนเสื้อแดง คนมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งคนเขมรในภาคอีสานและประเทศกัมพูชา

แม้รัฐบาลจะไม่สามารถและไม่ควรจะพยายามเข้าไปควบคุมเนื้อหาของสื่อ แต่รัฐบาลสามารถดำเนินคดีกับสื่อทั้งสองฝ่ายที่ยั่วยุให้ผู้คนเกลียดชังกันได้ นอกจากนี้รัฐบาลยังสามารถสร้างนโยบายการลงโทษทางสังคมผ่านการส่งเสริมสนับสนุนสื่อคุณภาพที่มีความเป็นอิสระ และคว่ำบาตรสื่อของกลุ่มการเมืองใดก็ตามที่ยังคงมีส่วนทำให้ความแตกแยกระหว่างคนไทยแพร่กระจายออกไปมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงที่จะใช้ถ้อยคำซึ่งมีส่วนในการยั่วยุอารมณ์เสียเอง เช่น คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" เป็นต้น

"หมดเวลา"

คนในภาครัฐบาลและส่วนอื่น ๆ ที่จะมีเข้ามาเกี่ยวข้องกับนโยบายปรองดองแห่งชาติต้องการรับความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย เท่าที่พวกเขาจะสามารถรับได้ เพราะเมื่อกระสุนปืนถูกยิงออกไป ประเทศไทยก็ย่อมตกอยู่ในภาวะระอุคุกรุ่นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ชาวกรุงเทพฯจำนวนมากรู้สึกโกรธแค้นเดือดดาลกับบาดแผลที่เกิดขึ้นกับนครหลวงของพวกตนในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา พวกเขาเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้มีส่วนร่วมสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ขณะเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงก็มีความโกรธเคืองที่ถูกเก็บงำไว้อย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับความตายและการได้รับบาดเจ็บของเพื่อนตลอดจนญาติพี่น้องของพวกเขา จนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการแก้แค้น

ในสภาวะเช่นนี้ หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้คนรู้จักระงับความโกรธได้สูญหายไปจากสังคมไทย  และจะยิ่งอันตรายมากขึ้น ถ้าคนไทยบางส่วนเลือกเดินไปบนเส้นทางเดียวกับกลุ่ม "เขมรแดง" ซึ่งบิดเบือนอุดมคติทางพุทธศาสนาเรื่องการตัดทอนกิเลสตัณหา ให้กลายเป็นการขาดแคลนอารมณ์ความรู้สึกอันน่าหวาดกลัว เมื่ออุดมคติดังกล่าวถูกนำไปพัวพันกับปฏิบัติการแห่งความรุนแรง

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องกลับไปรื้อฟื้นหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้เรารู้จักข่มระงับกิเลสตัณหาอันเร่าร้อนของตนเอง

จึง "หมดเวลา" ที่คนไทยจะยังคงแตกแยกกัน กระทั่งเกิดแผลกลัดหนองอยู่ภายในตัวตน

แม้ผู้นำของกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้งในประเทศไทย ซึ่งแสวงหาแต่บทลงโทษและการแก้แค้น อาจจะเห็นต่างกับข้อเสนอนี้ แต่เราสามารถคาดหวังได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะให้ความสนใจต่อเสียงร่ำไห้ที่ดังออกมาจากหัวใจของผู้คน แล้วหันเหตนเองไปสู้การทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเต็มไปด้วยความอดทน เพื่อจะแก้ไขสาเหตุต่าง ๆ แห่งความขัดแย้งของประเทศ ซึ่งถูกนำไปใช้หาประโยชน์ใส่ตัวโดยเหล่าผู้นำที่ประพฤติตนผิดศีลธรรมหรือไร้ศีลธรรม

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274880904&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #672 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 15:38:06 »

ว้าวววววว!!!! 'ทักษิณ' ดังใหญ่ ได้รับเกียรติจากสื่อ ''Terror Wire'' ตีข่าวศาลออกหมายจับผู้ก่อการร้ายในหมวด ''Terrorism World'' ไปทั่วโลก
http://www.oknation.net/blog/prompzy/2010/05/26/entry-2
Posted by chronomist



จากสำนักข่าว ''Terror Wire''  http://terrorwire.com
ที่เสนอข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมือง การทหาร
การก่อการร้ายทั่วทุกภูมิภาคไม่ว่าจะเกิดขึ้นในส่วนไหนของโลก
โดยแบ่งหมวดหมู่ของข่าวให้เข้าไปดูอย่างชัดเจน
เพียงคลิ๊กใน WN RELATED ด้านซ้ายมือ จะพบหมวดข่าวต่างๆ  ดังนี้

Al Qaeda Today
All Human Rights
Deepcut Enquiry
DemocracyGlobe
Europe Defences
Global Military
Guantanamo Abuse
HumanRights Forum
Kidnap News
Mideast Democracy
Military Abuse
Pentagon News
Political Summit
Sabotage News
States of War
Terrorism
War Claims
Exploitation
World Refugee





โดยข่าวการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาผู้ก่อการร้ายนั้น
ได้ปรากฏเป็นข่าวเด่นหน้าแรก และยังมีไปปรากฏอยู่ในหมวดข่าวอีกหลายหมวด
และที่ไม่พลาดคือ ข่าวนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดการก่อการร้าย (Terrorism) ด้วย







ขอขอบคุณภาพข่าวจาก terror wire
      บันทึกการเข้า

swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #673 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 10:42:29 »

หึหึ

.. Bangkok Restoration : Together We Can ..

How could you stop loving Thai people
I'm so proud to be born a Thai.


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=DrzJ7apcGso" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=DrzJ7apcGso</a>
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #674 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 18:28:15 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน วันวิสาขบูชา ศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2553 ครับ

วิสาขบูชา "วันใจใส" ไทยสู่สังคมใหม่
เปลว สีเงิน 28 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     วันนี้-วันวิสาขบูชา ศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗  ปีขาล "จันทร์เพ็ญปุรณมี" และที่ต้องขอบอกเป็นพิเศษ "ดาวอังคาร" ท.ทหารอดทน ที่หลับใหล ไม่เอางานเอาการ "สิ้นสภาพ" หยุดนิ่งอยู่ที่ราศีกรกฎมาเป็นเวลาร่วมปี บัดนี้พลิกฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ  รู้ชั่ว-รู้ดี, รู้ผิด-รู้ถูก ที่สำคัญ "รู้หน้าที่" แห่งตนพึงกระทำต่อสถาบันบ้านเมืองเต็มพิกัดตั้งแต่เย็นวันพุธที่ ๒๖ พ.ค.เรื่อยมาแล้ว!
     ฉะนั้น พวกเรา-เหล่าราษฎรเต็มขั้น "สบายใจ" ได้ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องกบฏทักษิณจะก่อการใต้ดิน-บนดิน ต่อให้ขึ้นไปซ่องสุมอยู่เหนือหล้า-สุดบาดาล ก็ไม่ต้องไปกลัว เพราะต่อจากนี้......"ทหารเอามึงแน่"
     เคอร์ฟิวกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดในเหนือ-อีสานมาร่วมครึ่งเดือนแล้ว ในความเห็นผม "เลิกเคอร์ฟิว" ดูการเคลื่อนไหว "ในภาวะปกติ" ซักระยะก่อนดีกว่า จะได้หาค่าสมการทั้ง ๒ ด้านได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
     "คืนพื้นที่" ๒๔ ชั่วโมง ให้ชาวบ้านเขาเถอะ!
     และรัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญระหว่างการพูดรายวัน กับการทำสู่แผนปรองดองให้ชัดเจน เรื่องที่ควรทำให้สังคมลืม เพื่อคลายโกรธ คลายพยาบาท และละลายความเจ็บปวดในใจ รัฐบาลก็ควรทำด้วยการพยายามไม่ยกเรื่องนั้นๆ มาย้ำแผลแตก เช่น เรื่องทักษิณ เรื่องนำภาพบัดซบใน ๑๙ พฤษภา มาตอกย้ำ ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า
     ยกเรื่องสร้างสรรค์ดีงาม ยกเรื่องอนาคตสดใสที่พวกเรา-คนไทยทุกคนจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันมาเป็น "ความหวังใหม่" ดีกว่า ว่าแต่ว่ารัฐบาลมี "พิมพ์เขียวอนาคต" เป็นเป้าหมาย-นโยบายอะไร นอกจาก "เก็บซากทุกข์" มาขายในตลาดการเมืองรายวันมั้ยล่ะ?
     สิ่งสูญเสียแต่หนหลังนั้น ผมว่า "ระดับผู้นำรัฐ" เพียงมอบนโยบาย และควบคุม-ดูแลให้ผู้มีหน้าที่จัดการ ให้เขาจัดการให้เป็นไปตามกระบวนการของมัน อะไรที่ต้องพูด ต้องอธิบาย ก็ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระบวนการนั้นๆ เขาพูดกันเอง ไม่ต้องถึงกระบี่มือหนึ่งไปทุกเรื่องหรอก
     เอาละ...วันนี้ "วันวิสาขะ" คุณลูก-คุณหลานทั้งหลาย กราบคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คูณย่า คุณตา คุณยาย สุดแต่ว่าใครจะมีอยู่ในบ้าน แล้วชวนกันไปเวียนเทียนบูชาพระสยัมภู-สุปฏิปันโนตามวัดที่สะดวกเถิดครับ ไม่รู้จะไปไหน ก็ไปที่วัดพระแก้ว หรือที่พุทธมณฑลก็ได้ แต่อย่าลืมเผื่อจิตคิดเป็นบุญฝากผมด้วยละกัน  เพราะผมคงตกคลั่กอยู่ "แดนคนบาป" นี่แหละ
     ก็...ห้องแถวโย้เย้ยั่วไฟ ที่ใครๆ เขาเรียกว่า "โรงพิมพ์ไทยโพสต์" นั่นไง!?
     เมื่อวาน ความเป็นมงคลบังเกิดแก่ผม ราชบัณฑิตท่านหนึ่ง "รศ.ดร.สมศีล ฌานวังศะ" ผู้เป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ปัจจุบันท่านเป็นอาจารย์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย ท่านกรุณามาเยี่ยม พร้อมทั้งมอบหนังสือให้ ๑ เล่ม
     หน้าปกเขียนว่า "ธรรมะทวิพากย์" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ดร.สมศีล ฌานวังศะ และมีภาษาอังกฤษว่า Dhamma Bilingualized  Bikkhu P.A.Payutto Translated by Dr.Somseen Chanawangsa
     ครับ..บอกตรงๆ ว่าเมื่อรับหนังสือมาดู แปลกปนทึ่ง เพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นพระเดชพระคุณท่านอนุญาตให้ผู้ใดนำงานธรรมของท่านไปพิมพ์ โดยใช้ชื่อผู้อื่นผสมเข้าไปในงานของท่านด้วย จนเมื่อพลิกดูข้างใน ก็พบคำอนุโมทนาของ "พระพรหมคุณาภรณ์" ซึ่งพระเดชพระคุณท่านเขียนละเอียดจนอดที่จะปลาบปลื้มแทนผู้ได้รับเสียมิได้ นั่นจึงค่อยเข้าใจอะไรมากขึ้น
     "งานของ ดร.สมศีลมิใช่เป็นแค่งานแปลภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นงานของนักภาษาศาสตร์ ดังที่ไม่เพียงทำคำแปล แถมยังได้ทำคำชี้แจงอธิบายให้ความรู้เชิงภาษาศาสตร์คู่เคียงไปกับการแปลด้วย แต่มองอีกแง่หนึ่ง ก็กลายเป็นเหตุให้ ดร.สมศีลต้องทำงานหนักซ้อนขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
     แม้หากมองเพียงเฉพาะในแง่ของการแปลภาษา ก็เห็นได้ว่า ผู้แปลท่านนี้ทำงานที่ทำได้ยาก นอกจากภาษาเกี่ยวกับพระธรรมวินัยจะเป็นที่รู้กันหรือถือกันว่ายาก แปลให้ตรงให้ชัดได้ลำบากแล้ว โดยคุณสมบัติของผู้แปลเองต้องพูดว่า ดร.สมศีล ฌานวังศะ เป็นบุคคลที่เคร่งครัดในหลักและความถูกต้อง มีความละเอียดลออและจริงจังในการทวนถาม สืบค้น ตรวจสอบหลักฐาน และเข้าถึงแหล่งความรู้ โดยย้อนไปถึงต้นทางของเจ้าของภาษา โยงมาจนถึงความสำเร็จแห่งผลเบื้องปลาย คือความเข้าใจถูกต้องชัดเจนของผู้อ่านผู้ฟัง จึงเป็นการทำงานที่ยากและหนักซ้อนเป็นสองชั้น แต่อันนี้แหละคือ วิถีทางแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ............."
     ครับ..ผมอ่านคำอนุโมทนาของพระพรหมคุณาภรณ์แล้วจึงเห็นภาพในความเป็น ดร.สมศีลต่อเนื่องด้วยความเข้าใจชัดยิ่งขึ้น จากการสนทนาทำให้ทราบว่า ท่านคือผู้มีส่วนสำคัญในการนำงานนิพนธ์ธรรมของพระเดชพระคุณท่านหลายเล่มแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษสู่ชาวโลก
     และ "ธรรมะทวิพากย์" นี้ ดร.สมศีลได้รับเมตตาอนุญาตให้นำ "พระไตรปิฎก : สิ่งที่ชาวพุทธต้องรู้" กับ "วินัยชาวพุทธ" แปลเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งจัดทำเป็น "ฉบับ ๒ ภาษา" ในหนังสือสือนี้มีทั้งหมด ๔ ภาค  เป็น ๒ ภาษาทั้งสิ้น
     ที่น่ายินดีคือ ท่านแปลประกบชนิด "หน้าต่อหน้า" ซึ่งการแปลเช่นนี้ ลำพังแค่ใครรู้จักเอาคำไทยเทียบเป็นอังกฤษ เอาคำอังกฤษเทียบเป็นไทย ถึงทำได้ แต่ผิดเพี้ยนสูงมาก ต้องรู้-ด้วยปฏิบัติจน "เข้าถึง" ในข้อธรรมนั้น จึงจะสามารถถ่ายทอด "เนื้อธรรม" ได้ตรงตามศัพท์ธรรม
     ความมหัศจรรย์ในธรรมศรัทธาแห่งท่าน อยู่ตรงนี้!!
     ความสูงส่งทั้งด้านอักษรศาสตร์ และด้านจิตเข้าถึงตรงนี้แหละ จึงได้รับความเมตตาจากพระพรหมคุณาภรณ์ด้วย "ไว้วางใจ" ใน ดร.สมศีลนำนิพนธ์ธรรมของท่านมาแปลเป็น ๒ ภาษา และพิมพ์เป็นรูปเล่มด้วยกระดาษถนอมสายตา เย็บกี่อย่างดีไม่มีหลุด-ไม่มีลุ่ย ผม-ในฐานะคนอยู่กับหนังสือเห็นแล้วบอกได้ว่า ราคาตกอยู่ระหว่าง ๓๐๐-๕๐๐ บาท
     แต่ ดร.สมศีลท่านพิมพ์โดยไม่ประสงค์จำหน่ายครับ ต้องการเผยแผ่ธรรมเป็นวิทยาทานมากกว่า แต่ถ้า "พิมพ์แจก" คนจะมองข้ามคุณค่า บางคนเห็นเป็นของแจกก็รับไป แต่รับไปในลักษณะ "สุนัขกับปลากระป๋อง" ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าพิมพ์ขาย ก็ต้องราคาสูง คนก็จะเข้าถึงน้อย
     ดังนั้น ท่านเลยตกลงใจสร้างคุณค่าด้วย "ราคา ๑๐๐ บาท"!?
     สำหรับกลุ่มคน "บัวเบิกรับอรุณ" หนังสือ Dhamma Bilingualized นิพนธ์ธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์ ในราคา ๑๐๐ บาท ถือเป็นคารวะบูชาในธรรม และในเกียรติแห่งวิชาการท่าน ดร.สมศีล ฉะนั้น ถ้าท่านสนใจ หาซื้อได้ที่ "ศูนย์หนังสือจุฬาฯ" และราชบัณฑิตยสถาน หรือถ้าต้องการเพื่อการศึกษาทั้งธรรม  ทั้งภาษา และทั้งรูปแบบวิชาการแปลอันมีระเบียบแบบแผนมาตรฐาน ตลอดถึงเพื่อนำไปแจกจ่ายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โทร.คุยกับ ดร.สมศีลได้โดยตรงที่เบอร์ ๐-๒๕๐๓-๐๗๐๒ หรือ ๐-๒๕๐๓-๑๒๑๗ หรือ  ๐๘-๑๓๔๕-๐๖๑๖ ทุกวัน-ทุกเวลาครับ
     มาดูความคืบหน้าในกิจบ้าน-งานเมืองกันบ้าง นี่...ก็ ๓ ทุ่มวันพฤหัสฯ ปกติผมชอบดูถ่ายทอดสดการประชุมสภา แต่ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง ถึง ๑๑ ต้องรีบกดรีโมตหนีไปช่องอื่น เหม็นหืน "สถาบันสร้างสรรค์โจร" น่ะ!
     นี่ก็...พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๔ ด้วยยอด ๒,๐๗๐,๐๐๐ ล้านบาท ผ่านสภา "วาระแรก" ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไปว่ากันต่อในขั้นกรรมาธิการสู่วาระ ๒ และ ๓ เพื่อจะได้เสร็จทันใช้กันตั้งแต่ ๑ ตุลา ตรงตาม "ปีงบประมาณ" ไปเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างจะราบเรียบสู่จุดหมายสำเร็จหรือไม่
     วิบากใหญ่ "เรียงเป็นขั้นบันได" ให้รัฐบาลต้องไต่ข้ามอีกร่วม ๕ เดือน!
     ใน ๕ เดือนนี้ ยังมีเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย นายทหาร นายตำรวจ และข้าราชการ "ประจำปี" รวมอยู่ด้วย ที่เขม็งเล็งตากันก็ที่ "กองทัพบก" เพราะ ผบ.ทบ." พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่านเกษียณ
     หัวขยับคนเดียว ก็ต้องขยับเขยื้อนเลื่อนกันหมดทั้งกองทัพ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ขึ้นแทนที่ได้หรือไม่ เจ้าของยุทธการ "กระชับพื้นที่" พลโทดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ" รองเสธ.แม่ทัพภาค ๑ "พลโทคณิต สาพิทักษ์" พยัคฆ์บูรพาเหล่านี้จะขึ้นเรียงแถว ๕ เสือ ทบ.สำเร็จหรือไม่?
     ๑ ตุลา ๕๓ คือคำตอบ "อนาคตบ้านเมือง" ผ่านโฉมหน้า "การทหาร" ที่จะต้องมาผสมผสานเป็นสูตร "การทหาร+การเมือง" สู่การปฏิวัติโครงสร้างสังคมชาติอันพิสูจน์แล้ว ประชาธิปไตยที่ลอกฝรั่งมาใช้ นำสังคมไทยไปไม่ถึงฝั่ง
     ถึงเวลาที่ต้องปรับผัง-วางโครงสร้างใหม่เป็น "ประชาสังคมธิปไตย" ในความหมาย "พอเพียง-สามัคคี-มีแบ่งปัน" หลักนี้เท่านั้นจึงจะสามารถ "ปรับสมดุล" ความเหลื่อมล้ำในสังคมเกษตรอันมีคนยาก-คนจนเป็นเปอร์เซ็นต์สูงได้ลงตัว
!
     และการสมานฉันท์หรือปรองดองนั้น การจะไปให้ถึงจุดนั้นได้ จะต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ตาม "สังคหวัตถุ ๔" คือธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวใจคน และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคีด้วยหลักการสงเคราะห์
     โดยเฉพาะในหัวข้อ "สมานัตตตา"!
     สมานัตตตา ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ของพระพรหมคุณาภรณ์ ให้ความหมายไว้ว่า ความมีตนเสมอ คือ ทำตนเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแต่ละกรณี
     อันคำว่า มัชฌิมปฏิปทา ที่เราเรียกกันว่า ทางสายกลางก็ดี คำว่า โภชเนมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหารก็ดี กระทั่งคำว่า ทาน คือการให้ การแบ่งปันก็ดี นั่นล้วนแต่สะท้อนถึง "รากเหง้าไทย" ไม่โลภ พอเพียง เสมอภาค พอประมาณ และเจือจานน้ำใจต่อกัน
     ประชาสังคมธิปไตย โดยนัยนี้เท่านั้นจะนำชาติไทย-คนไทยสู่ความศิวิไลซ์ที่ "คนทั้งโลก" อิจฉา และถวิลถึง!
    ขอให้วิสาขบูชาวันนี้ เป็นวันตั้งสติ "คิดดี-พูดดี-ทำดี" ไปสู่อนาคตสังคมใหม่ "ที่ดี" ร่วมกันทุกท่านเถิด.

http://www.thaipost.net/news/280510/22696
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29 ... 31  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><