26 เมษายน 2567, 20:18:17
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 [3] 4  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อแม่มือใหม่เลี้ยงลูกกันอย่างไรดี  (อ่าน 32723 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #50 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:08:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:05:27
มาดมดูมั๊ยละคับ ป้าหมี


พ่อคนไหนหรือ หล่อเชียว
      บันทึกการเข้า
จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #51 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:12:07 »

จะดูหน้าพ่อเขารึพี่หมี   ไม่ดีมั้ง
      บันทึกการเข้า
จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #52 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:16:19 »

พ่อไม่ว่างให้มาดูหน้าครับป้าหมี
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #53 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:19:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:12:07
จะดูหน้าพ่อเขารึพี่หมี   ไม่ดีมั้ง


กลัวจะ หลุดคำ สารภาพ หรือ 
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #54 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:20:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:16:19
พ่อไม่ว่างให้มาดูหน้าครับป้าหมี


เชื้อลูกครึ่งนี่นา หล่อซ๊าาาาา ตางี้เลย
      บันทึกการเข้า
จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:20:30 »

งง พี่  หมายความว่าไง งง งง
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #56 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:21:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:20:30
งง พี่  หมายความว่าไง งง งง

เปล่า  พ่อหล่อเหมือนลูกไง  หนูไปจีบเขา หรือเขามาจีบหนู


แต่น้องจุ๊บน่ะ  หน้าตาแบบนี้ สวย คม  ผมยาว  ใคร ๆ ก็ชอบ


      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #57 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:22:31 »

ส่วนพี่รึ  ถ้าไม่ยิ้ม ดูไม่ได้เลย  สะใจจัง สะใจจัง
      บันทึกการเข้า
จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:24:08 »

ถูกต้องที่สู๊ดๆๆๆ    รักนะ
อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:21:58
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:20:30
งง พี่  หมายความว่าไง งง งง

เปล่า  พ่อหล่อเหมือนลูกไง  หนูไปจีบเขา หรือเขามาจีบหนู


แต่น้องจุ๊บน่ะ  หน้าตาแบบนี้ สวย คม  ผมยาว  ใคร ๆ ก็ชอบ



      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #59 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:24:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:03:27

กรี๊ดดดด!!!!!! ตายแหล่ว
พี่ท่านมาเจอจนได้
เจอที่ผิด
อุตส่าห์  มั่นใจว่า ถูก ซะ ขนาดดดด
ผิดไม่ได้ค่ะ
พี่อุตส่าห์เอาไปเป็นป้ายทะเบียนรถ!!
เฮ้อ,กว่าจะหาเจอ...หืดขึ้นคอ!!
GFG III หน้า 42





      บันทึกการเข้า


BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #60 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:26:02 »

ไปรดน้ำต้นไม้ก่อน  วันนี้แม่บ้านกับพ่อบ้านไม่ได้มา ยังไม่ได้โทรไปถามเลย ว่าเพราะอิหยัง 
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #61 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:27:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:24:55
อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:03:27

กรี๊ดดดด!!!!!! ตายแหล่ว
พี่ท่านมาเจอจนได้
เจอที่ผิด
อุตส่าห์  มั่นใจว่า ถูก ซะ ขนาดดดด
ผิดไม่ได้ค่ะ
พี่อุตส่าห์เอาไปเป็นป้ายทะเบียนรถ!!
เฮ้อ,กว่าจะหาเจอ...หืดขึ้นคอ!!
GFG III หน้า 42







โหหหหหหหหหห  ไม่น่าพลาดดเลยงานนี้ 
ก็พี่หนุงหนิงเล่นเอาออกจากรูปอวตาร  หนูก็เลยต้องย้ำความทรงจำ จะได้จำขึ้นใจค่ะ พี่ NN705
      บันทึกการเข้า
จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 20:27:48 »

้จาพี่หมี แล้วค่อยคุยกัน วันต่อไป..จะเฉลยว่าหนูได้พ่อของลูกมาได้ยังไง  เอาเป็นฉากๆๆ เลยดีปะ
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #63 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 22:02:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:27:48
้จาพี่หมี แล้วค่อยคุยกัน วันต่อไป..จะเฉลยว่าหนูได้พ่อของลูกมาได้ยังไง  เอาเป็นฉากๆๆ เลยดีปะ


เอาเลยค่ะน้องจุ๊บ 


เอาแบบซ่อกแซ่ก เป็นฉาก ๆ นะ
      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2552, 22:23:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 09 ธันวาคม 2552, 21:01:59
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 09 ธันวาคม 2552, 19:16:43
พี่หมี ..มีลูกนะง่าย  หาสามีนี่แหละ ยากกกก พี่....กว่าจะได้ win
อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 09 ธันวาคม 2552, 16:43:34
ทำไม มีลูก ง่ายจัง  โอ๊ยยยย  อิจฉา อิจฉา    เหนื่อย เหนื่อย

น้องจุ๊บที่รัก....

การหาสามีหรือหาภริยา นั้นไม่ยากหรอก ถ้าคิดจะ...เอา.

แต่...ในแวดวงของพี่หมี   การมีลูกให้ได้สักคนยากส์ส์ส์...เหลือเกิน
หนูดูสิ  ใกล้ ๆ ตัวพี่หมี  ที่หนูรู้จัก ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง  สักกี่คนที่มีลูก

กลุ่มพี่ บางคนพึ่งพาระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ อันดับหนึ่งของเมืองไทย
หลายสิบรอบ  ก็ยังหามีไม่


แต่พวกเราก็คิดกันว่า....เดี๋ยวก็มา  แล้วก็ทำใจร่ม ๆ (เหมือนตอนหุ้นพี่ณัฐลง)
มันยากจริง ๆ นะหนู  so sad


 สะใจจัง สะใจจัง สะใจจัง


แต่พี่หมีอยากได้น้องเจแปน ท่าทางเอาเรื่องดี

พี่หมีคะ
น้องเพิ่งเจอรุ่นน้องอาเฮีย ซึงปีนี้พี่เขา 43 ปีแ้ล้ว กำลังจะคลอดปลายเดือนนี้ พี่บอกว่า ทั้งคนแรกกับที่สองนี่ต้องพึ่งหมอค่ะ ไม่ได้มีง่ายๆ จริงๆ (แอบดีใจที่พี่เขาอายุ 43 ยังมีลูกเลยค่ะ คนแรกพี่เขาตอนอายุ 37)
      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

จุ๊บจุ๊บ ณ ภูเก็ต
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712

เว็บไซต์
« ตอบ #65 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2552, 18:07:15 »

พี่หมี วันนี้พร้อมดวลในกะทู้นีกันรึยัง.....
ฉากที่ 1 จะเริ่มแล้วน่ะ ........
อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 22:02:02
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:27:48
้จาพี่หมี แล้วค่อยคุยกัน วันต่อไป..จะเฉลยว่าหนูได้พ่อของลูกมาได้ยังไง  เอาเป็นฉากๆๆ เลยดีปะ


เอาเลยค่ะน้องจุ๊บ 


เอาแบบซ่อกแซ่ก เป็นฉาก ๆ นะ
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #66 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2552, 18:30:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 12 ธันวาคม 2552, 18:07:15
พี่หมี วันนี้พร้อมดวลในกะทู้นีกันรึยัง.....
ฉากที่ 1 จะเริ่มแล้วน่ะ ........
อ้างถึง
ข้อความของ BU_MEE เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 22:02:02
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊บ ครุฯ 33 เมื่อ 11 ธันวาคม 2552, 20:27:48
้จาพี่หมี แล้วค่อยคุยกัน วันต่อไป..จะเฉลยว่าหนูได้พ่อของลูกมาได้ยังไง  เอาเป็นฉากๆๆ เลยดีปะ


เอาเลยค่ะน้องจุ๊บ 


เอาแบบซ่อกแซ่ก เป็นฉาก ๆ นะ

ไปโลดดดดด.......................


เดี๋ยวว่างมา  วันนี้ งานเข้า่ค่ะ งานเข้า
ต้องรีบทำ จะเอาไปกรุงเทพ
      บันทึกการเข้า
jirawutjan
มือใหม่หัดเมาท์
*


ชะตาเกิดต้องดี บารมีต้องถึง รู้ซึ้งอุตสาหะ
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2534
คณะ: สัตวแพทยศาสตร์
กระทู้: 94

« ตอบ #67 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2552, 01:09:07 »

กระทู้นี้น่าติดตามมาก มาก ว่างๆจะแวะมาแบ่งปันประสบการณ์ ตอนนี้ขอยืนยันประสบการณ์ก่อนซัก 3 คน

      บันทึกการเข้า

i ink m.com
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #68 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2552, 22:57:32 »

Sticker เด็กดี .. ดาบสองคม   


คนที่มีลูกอายุระหว่าง 3-8 ขวบ 
คงรู้จักการเสริมแรงทางบวกด้วยการใช้  “Sticker เด็กดี”   นะคะ


“Sticker เด็กดี” 
คือการมอบสติ๊กเกอร์ หรือภาพวาด หรือสัญลักษณ์บางอย่างให้
เมื่อเด็กทำความดี ทำงานตามหน้าที่ หรือมีวินัยกับตนเอง

เช่น เขียนหนังสือเป็นระเบียบ  ทำการบ้านเสร็จในเวลา
ทานข้าวไม่หก  เก็บจานชามด้วยตนเอง

เรามักจะให้สติ๊กเกอร์รูปดาวบ้าง รูปนางฟ้า รูปหัวใจ ..
เพื่อเป็นการชมเชยว่า
สิ่งที่เขาทำนั้น  เป็นการกระทำที่ดี


ถือเป็นการเสริมแรงจูงใจทางบวกค่ะ


เท่าที่เห็น วิธีการนี้นิยมใช้กันมากในอเมริกา อังกฤษ
ส่วนในประเทศอื่นไม่ทราบนะคะ  เพราะไม่มีประสบการณ์
ในเมืองไทยก็นำมาใช้แล้ว  หลายปี 
สังเกตได้จากสมุดจดการบ้านหรือสมุดงานของเด็กนักเรียนระดับอนุบาลหรือประถมต้น
จะมีสติ๊กเกอร์จากคุณครูติดอยู่เสมอ


Intro มาซะยาว .. อยากให้นึกภาพออกค่ะ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #69 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2552, 22:59:36 »

ประสบการณ์ของครอบครัวพี่ ..
พี่ใช้วิธีการนี้ในขณะที่อยู่อเมริกา  ได้ผลมากค่ะ
เพราะทุกครั้งที่เขาทำตัวน่ารัก หรือทำตามกติกาที่เราตั้งไว้
เราก็ให้สติ๊กเกอร์เขา  เขาจะดีใจมาก  และชื่นชมกับสิ่งที่เขาได้รับ
ยิ่งได้สติ๊กเกอร์มากเท่าไร  ก็ยิ่งแสดงว่าเขาเป็นเด็กดี .. มากเท่านั้น


นั่นคือ  คมมีดที่ดีของวิธีการนี้     
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #70 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2552, 23:00:35 »

ส่วนคมที่สอง .. ที่บาดตัวเองก็คือ   


เมื่อเราใช้วิธีการนี้มาก ๆ เข้า .. เด็กจะทำดีเพื่อหวังสติ๊กเกอร์ที่ว่านั่นล่ะค่ะ
และมีการต่อรองตามมา
อาทิ .. หากหนูช่วยแม่พับผ้า  หนูจะได้สติ๊กเกอร์กี่ดวง ??
หรือ หากผมทานข้าวหมดจาน  ผมจะได้สติ๊กเกอร์เพิ่มไหม ??


พี่ก็เอะใจ ..
การที่เราสอนให้เขามีวินัย  มีน้ำใจ  หรือรู้จักการกระทำดี
เขาก็ควรจะชื่นชม (appreciate) กับผลของการทำความดีนั้น

เช่น
ช่วยแม่พับผ้า .. เขาต้องชื่นใจที่แบ่งเบางานแม่ได้
ทานข้าวหมดจาน .. ก็ต้องชื่นใจกับการต่อสู้กับความไม่หิว หรือเอาชนะอาหารที่ตัวเองไม่ชอบได้


มันไม่น่าจะใช่ .. ทำเพื่อสติ๊กเกอร์นี่หว่า ?? ..


พี่จึงลองจับสังเกตอย่างเอาจริงเอาจัง ..
พบว่า  เป็นเช่นนั้นทุกครั้งเลยค่ะ


จึงปรึกษาหมอท่านหนึ่ง  ซึ่งบังเอิญพบกันในงานเลี้ยง
หมอท่านนั้นแนะนำว่า .. หากเป็นแบบนี้ อันตรายแล้ว
ให้รีบเปลี่ยนวิธีซะ
ไม่งั้นเด็กจะติดกับวิธีการ “ให้สินบน” ..

แหะ .. เรียกเป็นภาษาบ้านเราแบบนั้นค่ะ   

      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #71 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2552, 23:01:34 »

พี่จึงค่อย ๆ เลิกใช้วิธีการนี้อย่างแนบเนียน
ด้วยการบอกลูกว่า ..

'ลูกได้สติ๊กเกอร์เด็กดีไปจากแม่และพ่อหมดแล้ว
ลูกเป็นเด็กดีที่สุดของพ่อและแม่  ที่เราภูมิใจมากที่สุด'


และเมื่อเขาทำตามกติกา 
ก็จะเปลี่ยนเป็นการชมเชยและการกอด .. แทนการให้สติ๊กเกอร์
เพราะหลักการเดิมยังคงอยู่  นั่นคือ “การเสริมแรงจูงใจทางบวก”
หากเขาทำดี ก็ควรได้รับการยกย่อง ชมเชย
ด้วยวิธีการใด วิธีการหนึ่ง
ซึ่งพี่ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้


เมื่อลูกทำตัวน่ารัก .. พี่จะกอด  หอมแก้ม
หรือบางทีก็ลูบหัว ลูบหลัง
หลายครั้งที่การชื่นชมนี้  ไม่มีคำพูดใด ๆ กล่าวออกมาเลย
เป็นการสัมผัสที่ซึ่งเขาก็รู้ว่า ..
เราชื่นใจกับการกระทำดีของเขาจริง ๆ     



   ลองนำไปใช้ดูนะคะ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #72 เมื่อ: 25 มกราคม 2553, 08:34:44 »

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000007933
      บันทึกการเข้า
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #73 เมื่อ: 28 มกราคม 2553, 08:14:37 »

ไขปัญหา "ลูกขี้สงสัย" รับมืออย่างไรไม่ทำร้ายเด็ก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    27 มกราคม 2553 07:56 น.
   

       เชื่อว่าพ่อแม่ ส่วนใหญ่ คงเคยผ่านช่วงเวลาที่ลูกช่างซัก ช่างถาม ขี้สงสัย หรือชอบทำไมกันมาบ้างแล้ว ในขณะที่บางครอบครัว กำลังเผชิญกับความขี้สงสัย หรือชอบทำไม? อยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ เพื่อไขวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม อันจะเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของลูก
       
       วันนี้ทีมงาน Life and Family มีตัวช่วยจากคุณหมอใจดี "พญ.ปริชวัน จันทร์ศิริ" จิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาฝากไว้เป็นแนวทางให้กับทุกบ้านที่มีลูกขี้สงสัยกันครับ
       
       หากพูดถึงประเด็นเรื่องเด็กขี้สงสัย จิตแพทย์เด็ก อธิบายว่า ส่วนใหญ่จะเกิดกับเด็กวัยอนุบาล เนื่องจากเด็กวัยนี้ เป็นวัยกำลังเรียน และช่างพูดเจรจา เรียกได้ว่า พ่อแม่ต้องเตรียมหูไว้เลย เพราะบางครั้ง เมื่อเด็กได้เข้าสังคม เรียนหนังสือ และต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากบ้าน ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน อาจเป็นตัวตั้งคำถามให้ลูกได้ไม่น้อย เช่น ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า แม่มีน้องได้อย่างไรค่ะ ซึ่งแต่ละคำถามของเด็ก เป็นคำถามที่พ่อแม่อธิบายยาก ทำให้บางครั้งไม่รู้จะตอบลูกอย่างไร เพราะตอบไป ลูกก็ไม่เข้าใจ
       
       "เด็ก ขี้สงสัย จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนละส่วนของโลก และอยากรู้ว่าโลกภายนอกคืออะไร แต่การอยากรู้ของเด็ก ไม่ต้องการที่จะรู้อย่างลึกซึ้ง ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ซึ่งพ่อแม่ควรตอบเล่นๆ ตามวัยของเด็กก็พอ เช่น ลูกถามว่า แม่มีน้องได้ยังไง แม่ก็อธิบายง่ายๆ ให้ฟังว่า มีน้องก็เหมือนกับแม่มีหนูไง และหนูจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย ไม่ใช่ไม่ตอบลูกเลย เพราะจะทำให้เด็กกลายเป็นคนไม่กล้าที่จะถาม และรู้สึกผิด" จิตแพทย์เด็กกล่าว
       
       นอก จากนี้ จิตแพทย์เด็กบอกต่อว่า เด็กที่ขี้สงสัย ไม่ใช่พฤติกรรมที่ผิดปกติแต่อย่างใด พ่อแม่ไม่ควรกังวล เพราะเด็กทุกคน มีความสนใจใคร่รู้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่จะถามมากน้อย หรือยินดีที่จะเป็นผู้นำ ผู้ตามขึ้นอยู่กับตัวเด็กเอง ซึ่งคุณหมอใช้คำว่า เนื้อของเด็กไม่เหมือนกัน
       
       ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งเด็กบางคนถูกเลี้ยงให้เก็บรายละเอียดมาดี พ่อแม่ตั้งคำถามให้ลูกช่างสังเกตอยู่เสมอ เด็กก็จะช่างถามมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าเด็กบ้านไหน ไม่ชอบถาม ใช่ว่าเด็กจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเสมอไป เพียงแต่ไม่มั่นใจที่จะเป็นผู้เริ่มเท่านั้น ทางที่ดีพ่อแม่ต้องช่วยเด็กตั้งคำถาม เพื่อให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต ถ้าลูกไม่ถาม ไม่ควรเร้งเร้า เพราะจะทำให้เด็กกังวล แต่อาจจะใช้กิจกรรมเช่น หนังสือ สื่อต่างๆ เป็นตัวตั้งคำถามก็ได้

พญ.ปริชวัน จันทร์ศิริ
   
       อย่างไรก็ดี การที่ลูกขี้สงสัย ส่วนหนึ่งมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้วย กับเรื่องนี้ จิตแพทย์เด็กแนะว่า วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าลูกสนใจสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน ขอให้สังเกตว่า ลูกโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร เช่น เห็นลูกสุนัขแล้ว บางคนอยากเข้าไปจับด้วยความเอ็นดู ซึ่งนับว่าใช้ได้
       
       แต่ถ้าเด็กบางคนตอบสนองไม่เหมาะสม อาทิ ดึงหาง เขวี้ยงของใส่ โดยที่ไม่กลัวเกรง พฤติกรรมในส่วนนี้ ต้องให้ปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อตรวจดูสาเหตุอีกที เพราะเด็กอาจให้การสนองตอบต่อสิ่งแวดล้อมผิดไป ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมแง่ลบในตอนโตได้
       
       ไขเทคนิครับมือลูกชอบ 'ทำไม?'
       
       เพื่อรับมือกับลูกขี้สงสัยได้อย่าเหมาะสม โดยไม่ทำร้ายจิตใจ หรือกระทบต่อพัฒนาการของลูก จิตแพทย์เด็กให้แนวทางว่า ถ้าลูกเกิดขี้สงสัย และถามอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่ควรตอบคำถามลูก แต่การตอบ พ่อแม่ควรอธิบายให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของเด็กด้วย ไม่ควรอธิบายโดยใช้หลักวิชาการมากเกินไป แต่ควรใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องลึกซึ้งมากนัก เพราะสิ่งที่เด็กถามบางครั้ง เพียงแค่อยากชวนคุย หรืออยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง แต่ถึงกระนั้นคำตอบของพ่อแม่ต้องมีเหตุผลเพียงพอ ไม่ใช่ตอบสุ่มสี่สุ่มห้า หรือตอบเพื่อให้จบๆ ไป นั่นจะเป็นการทำร้ายลูกในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว
       
       ดัง นั้น ข้อควรระวังในการรับมือกับลูกขี้สงสัย พ่อแม่ไม่ควรใส่อารมณ์ ตำหนิ หรือทำสีหน้ารำคาญใส่ลูก เมื่อลูกขี้สงสัย หรือถามอยู่ตลอดเวลา นั่นจะทำให้เด็กรู้สึกผิดในสิ่งที่เขาถาม ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการการเรียนรู้ และจิตใจ ทำให้กลายเป็นเด็กไม่มั่นใจ และไม่กล้าจะเป็นผู้เริ่ม
       
       ทั้งนี้ เมื่อสงสัยในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่ถ้าลูกถามซ้ำผิดปกติ หรือถามคำถามเดิมบ่อยเกินไป ซึ่งพ่อแม่ตอบให้ลูกฟังไปแล้ว แต่ก็ยังถามอีก วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือ ให้พ่อแม่ทำเป็นนิ่ง พร้อมกับทำสีหน้ายิ้มๆ เหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วสังเกตลูกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเด็กจะรู้ได้เองว่า เขาไม่ควรถามซ้ำอีก
       
       "ลูก ขี้สงสัย เป็นสิ่งที่ดี บางครั้งพ่อแม่อาจจะเป็นฝ่ายรุกด้วยก็ได้ เช่น ตั้งคำถามต่อจากสิ่งที่ลูกถาม นั่นจะทำให้เด็กได้คิดต่อมากขึ้น และฝึกให้ลูกคิดเป็นด้วย แถมลดการถามในเรื่องที่ไม่จำเป็นได้มาก แต่ถ้าพ่อแม่คนไหน มีลูกไม่กล้าถาม และอยากให้ลูกกล้าคิดกล้าถาม และช่างสังเกต ตัวช่วยหนึ่งก็คือ "หนังสือ" ซึ่งพ่อแม่สามารถตั้งคำถามให้ลูกจากเรื่องราวที่อยู่ในหนังสือได้" จิตแพทย์เด็กฝากทิ้งท้าย

      บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 864

เว็บไซต์
« ตอบ #74 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2553, 23:22:24 »

ผมนี่แหละ มือใหม่ของจริง  เหอๆๆ win
      บันทึกการเข้า

+ ยุ่งจริง +
  หน้า: 1 2 [3] 4  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><