28 มีนาคม 2567, 16:14:11
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "ลดการใช้พื้นที่ป่า ด้วยนาขั้นบันได"รักษาปัญหา โลกร้อน  (อ่าน 3680 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 18:31:10 »


                                

         นาแบบขั้นบันได คือการสกัด ไหล่เขาให้เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันได เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อที่ในการเพาะปลูก เป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างไป อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำทั้งในแง่การชลประทานโดยการเก็บกักน้ำฝน นาขั้นบันไดเป็นตัวอย่างหนึ่งของภูมิปัญญาแบบท้องถิ่น ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของโลกและมวลมนุษยชาติ ในปัจจุบันนี้ ยังผลให้การบุกรุกเพื่อแผ้วถางป่าเพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกที่จะต้องขยายออกไปในทุกปีนั้นยุติลงโดยสิ้นเชิง
    
        ในหลายประเทศแถบเอเชีย นับตั้งแต่อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และแม้กระทั่งประเทศสาธารณรัฐประชาชน จีนก็มีการใช้พื้นที่ไหล่เขาทำเป็นนาขั้นบันไดเพื่อการปลูกข้าว ทำให้การบุกรุกถางป่าเพื่อใช้เป็นที่ปลูกพืชลดน้อยลง

                   

         ส่วนประเทศไทยในวันนี้ก็มีเกิดขึ้นแล้วจากการเปิดเผยของ นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ว่านายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และนายสหัส บุญญาวิวัฒน์ ที่ปรึกษาสำนักพระราชวังได้เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าในโครงการพัฒนาเกษตรที่สูงบ้าน กอก-จูน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยมีนายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผู้ว่าราชการ จังหวัดน่าน พลตรีชีวัน โลหะบุตร ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกน่าน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่โครงการให้การต้อนรับ ซึ่งในโครงการนี้มีส่วนเสริมและสนับสนุนให้ราษฎรในพื้นที่ปลูกข้าวด้วยระบบนาขั้นบันได
    
         ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2543 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านจูนใต้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านบริวารของบ้านกอก หมู่ที่ 11 ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ทรงทอดพระเนตรสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรที่มีความด้อยโอกาสทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม จึงได้พระราชทาน พระราชดำริแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาส่งเสริมราษฎรทำการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น การทำนาแบบขั้นบันไดเพื่อเป็นการลดการใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรให้น้อยลง โดยศูนย์วิจัยข้าวแพร่ ซึ่งรับผิดชอบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้พัฒนาระบบการปลูกข้าวแบบเดิม คือ ข้าวไร่ ซึ่งจะต้องแผ้วถางป่าทุกปี มาเป็นแบบนาขั้นบันได ไม่ต้องขยายพื้นที่ เพื่อเพาะปลูกใหม่ในทุกปี โดยปลูกข้าวประเภทข้าวไร่ 500 ไร่ และ ระบบนาดำในนาขั้นบันได 92 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 62 ราย ได้ผลผลิตข้าวประมาณ 300 กิโลกรัมต่อไร่ในการปลูกแบบข้าวไร่ และ 430-699 กิโลกรัมต่อไร่ ใน สภาพการปลูกแบบนาดำ ซึ่งนับว่าประสบ ความสำเร็จ ที่สามารถขยายผลสู่การ  ทำนาขั้นบันไดในพื้นที่อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
    
         และล่าสุดด้วยความห่วงใยในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้มีพระราชดำริให้นายพลากร สุวรรณรัฐ และคณะเดินทางไปติดตามพร้อมทั้งให้ข้อแนะนำและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกส่วน ตลอดรวมถึงราษฎร ในโครงการทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนเป็นประการสำคัญ.

         น.ส.พ.เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 5:00 น  

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=582&contentID=49428

         win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><