29 มีนาคม 2567, 06:50:42
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 527 528 [529] 530 531 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3207601 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13200 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2557, 21:06:41 »

เกิดอะไรกับถังบรรจุปูนซีเมนต์ ถึงได้ระเบิด จนฝาหลุดไปถูกคนงานตาย ??

ระทึก! ไซโลผสมปูนโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าคอนกรีต กฟภ.นครศรีฯ ระเบิดฝาหล่นทับหัวคนงานดับสยอง
24 ตุลาคม 2557 17:30 น.



 

       นครศรีธรรมราช - เกิดอุบัตเหตุถังไซโลผสมปูน โรงงานผลิตเสาไฟฟ้าคอนกรีต กฟภ.นครศรีธรรมราช ระเบิดฝาเหล็กปลิวไกลร่วม 100 เมตร ตกใส่ศีรษะคนงานเสียชีวิตคาที่ คาดสาเหตุเกิดจากปฏิกิริยาการผสมปูน และสารสารเคมีในถังเกิดแรงดันจนระเบิด
       
       วันนี้ (24 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.ธรรมรัตน์ หนูกลิ่น พนักงานสอบสวน สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุถังไซโลผสมปูนระเบิดทำให้ฝากถังกระเด็นใส่คนงานเสียชีวิต ภายในโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าคอนกรีต สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขตนครศรีธรรมราช ศูนย์ราชการนาสาร ม.3 ต.นาสาร อ.พระพรหม รับแจ้งแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สวป.นำกำลังตำรวจชุดสอบสวน แพทย์ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต๊กตึ้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

       
       ที่เกิดเหตุพบถังไซโลผสมปูนขนาดใหญ่ 2 ถัง สูงประมาณ 30 เมตร มีร่องรอยการระเบิดจนฝาปิดกระเด็นออกจากตัวถัง และห่างจากถังไซโลประมาณ 80-100 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายวรพงษ์ หอมพัก อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/324 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพกะโหลกศีรษะเปิดเป็นแผลฉกรรจ์ ฟุบคว่ำหน้าอยู่บนกองเหล็กเส้น อยู่ในชุดสวมเสื้อยืดแขนยาวสีบานเย็น นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ใกล้ศพมีแผ่นเหล็กฝาถังไซโลเปื้อนเลือดตกอยู่ ซึ่งแผ่นเหล็กฝาถังไซโลหนัก 45 กิโลกรัม เส้นรอบวงกว้าง 83 ซม. ตกอยู่
 
       
       เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่า นายวรพงษ์ ผู้ตายเป็นคนงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขตนครศรีธรรมราช ก่อนเกิดเหตุขณะที่ นายวรพงษ์ และเพื่อนคนงานแยกย้ายกันทำงานตามจุดต่างๆ ภายในบริเวณโรงงานดังกล่าว ปรากฏว่า ถังไซโลผสมปูนขนาดใหญ่เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นเหล็กฝาถังขาดกระเด็นหลุดจากถังไซโลพุ่งขึ้นไปบนอากาศก่อน ร่อนลงมาโดนศีรษะ นายวรพงษ์ อย่างจังเสียชีวิตทันที ส่วนคนงานคนอื่นต่างวิ่งหนีหลบไปคนละทาง
 
       
       ส่วนสาเหตุที่ทำให้ถังไซโลระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า เกิดน่าจะเกิดจากปฏิกิริยาจากการผสมปูน และสารเคมีในถังโซโลยักษ์ ทำให้เกิดแรงดันอย่างมหาศาลจนระเบิด แรงอัดแผ่นเหล็กฝาถังไซโลซึ่งมีนอต และสลักเหล็กขนาดใหญ่ยึดไว้กับปากถังขาดสะบั้นฝากระเด็นแล้วร่อนตกลงมาใส่ศีรษะ นายวรพงษ์ เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อรวบรวมหลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง

อีกหนึ่งภาพที่.....
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9570000122600
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13201 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 06:16:23 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

คุณจำรัสได้รายงานให้ทราบแล้ว เหตุเกิดที่โรงงานผลิตเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นครศรรีธรรมราช

เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย เพราะความประมาทไม่ดูแลเอาใจใส่ เพียงแต่คราวนี้มันรุนแรงเพราะมีคนตาย ฝาถังเหล็กไซโลปูนมันระเบิดเพราะแรงดันลมมันหมุนแบบจานบินร่อนมาตัดคอคนงานขาด ตาเหลือกตาย

สาเหตุเพราะถังไซโลปูนซีเมนต์ปกติจะมีท่อหายใจระบายลม และท่อนี้จะมาผ่านถังกรองฝุ่นเพื่อไม่ให้ฝุ่นผงปูนกระจายไปในอากาศสร้างมลพิษและเป็นโรคปอดได้

พี่สิงห์  ไม่ได้อ่านข่าว และไปดูที่เกิดเหตุ

เพราะท่อระบายอากาศมันตัน  คงมีสาเหตุปูนซีเมนต์โดนน้ำจึงเกิดการแข็งตัว  หรือใส่กรองฝุ่นอุดตัน มันคงสะสมมานาน แต่เพราะไม่ได้ใส่ใจไปดู อยู่ ๆ มันจะอุดตันทันทีไม่ได้ต้องใช้เวลามาก เมื่ออุดตันอากาศคือเวลาเขาเป่าปูนใส่ถังไซโล ต้องใช้ลมที่เกิดจากปั้มลมอัดปูนจากถังบรรจุรถเป่าใส่ถังใช้แรงดันมหาศาล เพราะปูนหนักกว่าน้ำ 3.15 เท่า และถังปูนสูงมากกว่าสิบเมตร

เมื่อถังระบายอากาศอุดตัน มันไม่มีที่ระบาย คนรถที่เป่าปูนก็ไม่รู้ เป่าอยู่นั่น อัดลมมาก ๆ เข้าแรงดันมหาศาล มันก็ต้องไปหาจุดอ่อนที่จะระบายลมได้  ก็คือฝาถังด้านบนที่มีน๊อตขันอยู่ บังเอิญน๊อตยึดมันอาจจะคลาย หรือผุ ผลคือแรงลมทำให้ฝาถังระเบิดหลุดบินลงมาหมุนตัดคอคนงาน เพราะความเร็วหนีไม่ทัน

อย่าลืมเรือดำน้ำเวลาเขายิงตอปิโดใช้ลมอัด เรือจมเวลากู้ก็ใช้ลมอัด แก๊สเขาก็ใช้ลมอัด  ดังนั้นลมจึงมีพลังมาก

เพราะความประมาท ไม่ตรวจสอบท่อระบายอากาศ  คนรถเป่าปูนเผลอ ไม่สนใจอาการก่อนระเบิด หรือไปทำเรื่องอื่นอยู่ไม่ใส่ใจขณะเป่าปูน ผลมันจึงเกิด

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว เช่นรถเป่าปูนมีลมค้างเวลาเปิดฝาถังรีบไปหน่อยผลคือแรงดันลม ทำให้ฝาระเบิด หรือคนเปิดกระเด็นตกรถ มีให้เห็นอยู่แล้ว

เพราะความประมาท  เพราะความไม่รู้วิธีการขั้นตอนการเป่าปูน  เพราะความไม่สนใจที่จะสังเกตุ เพราะความขาดสติ นั่นเอง  จึงทำให้เหตุการณ์น่าสลดเกิดขึ้น นั่นเอง

ส่วนที่ตำรวจวินิจฉัยนั้น  มาทีหลัง ไม่รู้เรื่อง คนรู้เรื่องปิดบังความจริง หวยจึงออกไปที่ ปฏิกิริยาทางเคมี (เพราะคิดว่าคนทั่วไปโง่  แต่ตำรวจนั้นโง่จริง)

เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น  ไม่ให้พนักงานผิด หรือคนรถเป่าปูนผิด หวยจึงไปออกแบบนั้น  อย่าลืม ถ้าปูนซีเมนต์มันทำปฏิกิริยาได้มีแก๊สแบบนั้น มันคงอันตรายเกิดอุบัติเหตุมากกว่านี้ มันไม่ใช่  แต่ปิดบังความจริง เพื่อไม่ให้ใครผิด เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ  แต่จริง ๆ มันมีเหตุ ท่อมันอุดตัน คนเป่าปูนใส่ถังเลินเล่อ หรือไม่ใส่ใจ  ผู้จัดการโรงงานก็ไม่เคยดูแล เพราะอาจจะไม่มีความรู้ เพราะอวิชชา

ทุกครั้งที่เป่าปูนใส่ถังไซโล  คนขับรถ  พนักงานแพล้น  จะต้องดูว่าท่อระบายอากาศตันหรือไม่ทดสอบได้โดยเอามือไปปิดปลายท่อระบายอากาศว่ามีลมออกไหม ?  ถ้าไม่มีลมออกหรือฝุ่นฟุ้งแสดงว่าท่อตัน  ก็ต้องหยุดไปแก้ปัญหาท่ออุดตันก่อนค่อยเป่าปูน  มันแค่นี้

ปฏิกิริยาทางเคมี  มีอย่างเดียวคือ น้ำ ละอองไอน้ำเข้าไปถูกปูนซิเมนต์ มันจะจับตัวแข็งเป็นก้อน มีความร้อนเกิดขึ้น  แต่ปกติ น้ำ  ไอน้ำเข้าไม่ได้อยู่แล้ว และความร้อนไม่มากพอที่จะทำลายฝาถังปูนได้  

เป็นเพราะลมจากเครื่องคอมเพลสเซอร์อัดลมนั่นเอง  ตำรวจ  ผู้จัดการโรงงานเบี่ยงเบนประเด็น  ไม่บอกความจริง เพรากลัวความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา ประมาทเลินเล่อ ในการทำงานจนทำให้คนตาย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #13202 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 07:23:58 »


สวัสดีครับ พี่สิงห์

ขอบคุณครับ ที่ช่วยอธิบาย การเกิด การดับ ตามวงจรของ ปฏิจสมุทบาท อย่างละเอียด

พร้อมหลักปฏิบัติ ในการตัดวงจร ไม่ให้เกิด ภพ ชาติ

  รวมถึงการฝึกให้มีสติตลอดเวลา  จึงจะเกิด ให้สักแต่รู้ ผัสสะที่เกิด แล้วไม่นำไปปรุงแต่งต่อ  สักแต่รู้แล้ววางเฉย

จึงจะไม่เกิดกิเลส ไม่เกิดสุข ไม่เกิดทุกข์.

  ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่. แต่การปฏิบัติยากมากครับ. ถึงจะมีความเพียรพยายามก็ไม่แน่ใจว่าจะมีความก้าวหน้าหรือไม่

แต่ได้อ่านก็เป็นประโยชน์มากแล้วครับ ช่วยกระตุกให้พิจารณาตัวเองจากความลุ่มหลงต่างๆได้

ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13203 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 10:31:35 »



อาหารเช้า วันนี้

สวัสดีครับ คุณสมชาย

ขอบคุณมาก

เข้าใจถูกต้องแล้วครับ

ถ้ามันง่าย  พระท่านก็สำเร็จกันหมดแล้ว  มันอยากมาก ๆ แต่ต้องใช้ความเพียรข้ามเส้นให้ได้  พระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ท่านข้ามไม่ได้  จึงไปติดลาภสักการะกันหมด เพราะความมีชื่อเสียง มีคนกราบไหว้  ทำบุญได้เงินมาก  จึงติดเพียงแค่นั้น  แต่ลูกศิษย์ตัวดี ยกยอปอปั้น  แต่คนที่รู้จริง เขารู้ว่าไม่มีอะไร ติดเพียงกิ่งไม้ใบไม้เท่านั้น  ยังไม่ถึงเปลือก กระพี้ แก่นไม้เลย  มีให้เห็นทั่วไป เพราะมันยาก มาก ๆ ครับ
เอาเพียงแค่แต่ละครั้ง ละนิวรณ์ ๕ ให้ได้ไปก่อน มันไม่มีอะไร รู้ซื่อ ๆ รู้ตรง ๆ รู้กลาง ๆ ตัวชี้วัดคือ ไม่คิด มีแต่รู้สึกตัวเท่านั้นเอง

เพราะมันยาก พระท่านเลย บรรดาเกจิอาจารย์จึงเบี่ยงเบน หยุดปฏิบัติ  สู้หาความมีชื่อเสียง หาเงินไปสร้างวัด บริจาคสร้างโรงพยาบาล อื่น ๆ ดีกว่าเสียเวลาปฏิบัติธรรมต่อ ที่ไม่แน่ใจว่าจะไปได้เพราะวิจิกิจฉามันมาบดบังผ่านไม่ได้  ขอเอาชื่อ สร้างกุศลไปก่อนในชาตินี้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13204 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:11:04 »



ข่าวด่วน
ดร.สุริยา  ปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดจากับใคร เพราะคิดว่าทำแบบนี้จะพ้นทุกข์ได้ !


ทำแบบเดียวกับคุณไพฑูรย์ (ซีมะโด่ง14)  เพื่อนคุณอิทธิศักดิ์
ที่ไม่พูดกับใครเลย จนตัวเองตายจากไปเพราะคิดว่าทำแบบนี้มันจะพ้นทุกข์ได้


แต่ความจริง ยิ่งทุกข์หนักเพราะไม่เข้าใจในธรรมของพระพุทธองค์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13205 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:16:28 »

พี่สิงห์

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้
ปกติ ลมก็มีแรงดันมหาศาลอยู่แล้วครับ
แต่หากปัดไปเป็นอุบัติเหตุ หากมีการคุ้มครอง ก็จะได้รับประโยชน์
คนทำผิดหรือประมาท ก็ต้องช่วยค่าตอบแทนมากขึ้น จึงจะสมเหตุ-สมผล
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13206 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:17:38 »

พี่สิงห์ จะนอนค้างที่หอ วันงานหรือ ??

หากยังไม่ได้จัดให้น้องเข้าอยู่ ก็คงดี
เพราะต่อไปจะไปพักแบบนี้ ไมได้อีกแล้ว ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13207 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:29:33 »



นิทานเรื่อง คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก

ณ.ที่ชนบทแห่งหนึ่ง ตา กับหลานชาย ต้องเดินทางไปทำธุระที่อยู่ต่างเมือง โดยมีลาเป็นพาหนะสำหรับเดินทาง ทั้งหมดจะต้องผ่านเมืองต่างๆ แต่ระหว่างทาง ด้วยความกตัญญูของหลานชาย เห็นตาแก่แล้ว จึงขอให้ตา นั่งบนหลังลา และตัวเองเดินจูงลา แต่เมื่อเข้ามาในเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่าง ซุบซิบนินทาว่า “ต๊าย ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะปล่าว เอาเปรียบเด็ก ตัวเองสบายเลยนะ”

เมื่อ ตา ได้ยินเช่นนั้น จึงไม่อยากให้เป็นที่นินทาของใคร จึงบอกให้หลานชาย ขึ้นมาขี่ลาแทน จนมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ชาวบ้านเมืองนี้ก็ นินทาตำหนิ หลานชายว่า “ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ ทำไม ถึงไม่สงสารคนแก่ๆบ้างตัวเองสบายเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนแก่” เมื่อหลานได้ยินเช่นนั้น จึงให้ตาขึ้นมาขี่ลาด้วยอีกคน พร้อมพูดว่า “ดูซิ ว่าจะมีใครนินทาพวกเราอีกไหม”

ต่อมา เมื่อมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ก็ไม่พ้นการโดนนินทาของชาวบ้าน “โถ่ ๆ ๆ เจ้าลาช่างน่าสงสารจริง ทำไมเจ้านายของแกถึงใจร้าย ใจดำ ใช้งานหนักเกินไปจริงๆ” ทั้งคู่ จึงตัดปัญหา ลงจากหลังลา และย่างเท้าเดินไปแทน แต่แล้ว ก็ต้องมาผ่านเมือง อีกเมืองหนึ่ง คราวนี้ ชาวบ้านไม่ได้นินทาอย่างเดียว กลับหัวเราะเยาะใส่ด้วย “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดู ตา กับ หลาน คู่นั้นสิ โง่จริงๆ มีลาแต่ไม่ขี่ เดินจูงอยู่นั่นแหละ”

กลอนจากสุนทรภู่

“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินหรือจะสิ้นคนนินทา”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูกนินทา เพราะต่อให้เราทำสิ่งที่ดีแค่ไหน คนที่ไม่ชอบเรา เค้าก็จะนินทาเราอยู่ดี ดังนั้น เมื่อเราได้กระทำความดีแล้ว จงตั้งใจทำต่อไป อย่านำคำนินทามาทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13208 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:34:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 12:17:38
พี่สิงห์ จะนอนค้างที่หอ วันงานหรือ ??

หากยังไม่ได้จัดให้น้องเข้าอยู่ ก็คงดี
เพราะต่อไปจะไปพักแบบนี้ ไมได้อีกแล้ว ??


สวัสดีครับ คุณเหยง

จะไปค้างคืนวันจัดงานคืนสู่เหย้า จะได้ไม่ต้องกลับบ้านแต่หัวค่ำ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13209 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 12:51:08 »

วัดคณิกาผล





วัดคณิกาผล เป็นวัดไทยในพุทธศาสนามหานิกาย ประเภทวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ที่ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ตรงกันข้ามกับโรงพักพลับพลาไชย

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หญิงนางหนึ่งชื่อ แฟง มักเรียกกันว่า ยายแฟง เป็นเจ้าสำนักโสเภณีชื่อ "โรงยายแฟง" อยู่ที่ตรอกเต๊า ถนนเยาวราช มีศรัทธาในพุทธศาสนา จึงชวนหญิงโสเภณีในสำนักของนางเอารายได้จากการค้าประเวณีมาลงขันกันสร้างวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2376

ในงานสมโภชวัด ยายแฟงนิมนต์ขรัวโต ซึ่งต่อมาได้สมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) มาเทศน์ฉลอง หวังจะให้เทศน์สรรเสริญคุณงามความดีของนางในครั้งนี้ต่อที่ชุมชน แต่ขรัวโตเทศน์สั่งสอนว่า ทำบุญเอาหน้า แม้จะเป็นบุญใหญ่ ก็ได้บุญน้อย นอกจากนี้ ขรัวโตยังว่า เงินของยายแฟงได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ ยายแฟงจึงได้บุญไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเปรียบเปรยว่า "ในการที่เจ้าภาพได้จัดการทำบุญเช่นนี้นั้น เป็นการทำบุญที่มีเบื้องหลังอยู่หลายประการ เป็นเหตุให้เหมือนกับว่า ในเงินทำบุญหนึ่งบาทนั้น ยายแฟงจะได้อานิสงส์เพียงแค่สลึงเฟื้องเท่านั้น"

วัดนี้ เดิมไม่ได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "วัดใหม่ยายแฟง" และนับตั้งแต่สร้าง ก็ได้เปิดทำสังฆกรรมต่อมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่ราชสมบัติแล้ว ลูกหลานของยายแฟงจึงบูรณะ และขอพระราชทานนามวัดจากพระมหากษัตริย์ ก็โปรดให้ว่า "วัดคณิกาผล" แปลว่า วัดที่สร้างขึ้นจากผลประโยชน์ของนางคณิกา คือ นางโสเภณี

ปัจจุบัน วัดนี้ยังมีของหลายสิ่งตั้งแต่แรกสร้างวัด เช่น พระประธาน, พระอุโบสถ, พระวิหาร, พระปรางค์เล็กหนึ่งองค์, ระเบียง, หอระฆังก่ออิฐถือปูนแบบเก่า หลังคาประดับลายปูนปั้นเขียนสี ตั้งอยู่หลังพระอุโบสถ, และตู้ลายรดน้ำของเก่าหลายใบ ซึ่งมีพื้นลายกนกเปลว เขียนเรื่องรามเกียรติ์ แต่ส่วนใหญ่นอกจากนี้เป็นล้วนของใหม่ อนึ่ง ในวัดยังมีรูปปั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ประดิษฐานไว้หน้าวัด และรูปปั้นยายแฟงครึ่งตัว ปิดทอง ตั้งไว้ในซุ้มบริเวณกำแพงหลังพระอุโบสถ ที่ฐานรูปมีจารึกว่า "วัดคณิกาผลนี้สร้างเมื่อพุทธศักราช 2376 โดยคุณยายแฟง บรรพบุรุษของตระกูลเปาโรหิตย์"


สรุป  ทรัพย์ที่ทำบุญนั้น ต้องหามาด้วยความบริสุทธิ์ การทำบุญจึงจะมีอานิสสงมาก  ถ้าเป็นทรัพย์ที่ไปโกงเขามา ไปเบียดเบียนเขามา คอรัพชั่นมา เอาไปทำบุญก็ได้บุญนิดเดียว  ดังคำสอนของพระคุณท่าน ขรัวโต
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13210 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 13:16:08 »

ทำบุญ 1 บาท (100 ส.ต.) ได้บุญเพียงสลึงเฟื้อง (37.50 ส.ต.) หรือร้อยละ 37.50
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13211 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 13:19:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 12:34:08
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 12:17:38
พี่สิงห์ จะนอนค้างที่หอ วันงานหรือ ??

หากยังไม่ได้จัดให้น้องเข้าอยู่ ก็คงดี
เพราะต่อไปจะไปพักแบบนี้ ไมได้อีกแล้ว ??


สวัสดีครับ คุณเหยง

จะไปค้างคืนวันจัดงานคืนสู่เหย้า จะได้ไม่ต้องกลับบ้านแต่หัวค่ำ

สวัสดี

น่าสนใจครับ เดี๋ยวต้องขอข้อมูลจากพี่ป๋อง-สุริยา

จากปี 2516 มาจนถึง 2520 จนเรียนจบ
ปีนี้ 2557 ก็ห่างกันถึง  37 ปี
กลับไปนอนค้างที่หอสักคืนก็ดีครับ แบบเปิดห้องคุยกัน
ว่าแต่สาธารณูปโภคทั้งหลายเสร็จเรียนร้อยแล้วหรือครับ
ใช้ห้องน้ำรวมแบบชาวหออีกครั้งก็จะดี
จะได้เตรียมเสื้อผ้า ไปเตรียมค้างคืนครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13212 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 13:47:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 12:11:04


ข่าวด่วน
ดร.สุริยา  ปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดจากับใคร เพราะคิดว่าทำแบบนี้จะพ้นทุกข์ได้ !


ทำแบบเดียวกับคุณไพฑูรย์ (ซีมะโด่ง14)  เพื่อนคุณอิทธิศักดิ์
ที่ไม่พูดกับใครเลย จนตัวเองตายจากไปเพราะคิดว่าทำแบบนี้มันจะพ้นทุกข์ได้


แต่ความจริง ยิ่งทุกข์หนักเพราะไม่เข้าใจในธรรมของพระพุทธองค์

เรื่องมีอยู่ว่า
คุณไพฑูรย์  ชาวซีมะโด่ง ๑๔ เคยไปเตรียมค่ายที่โรงเรียนบ้านหนองหว้า เป็นคนแข็งแรง เป็นนักรักบี้ ขนาดรถจี๊ปที่พาไปเตรียมค่าย คว้ำสามตลบ คุณไพฑูรย์ มือยังถือประตูหลังแน่นไม่ยอมให้ประตูเปิดออกไปเลย เพราะถ้าประตูรถเปิด พวกเราที่ไปเตรียมค่ายคงเสียชีวิตเพราะกระเด็นออกนอกรถ

เมื่อเรียนจบ คุณไพฑูรย์  กลับไปชลบุรี ไม่ทราบว่าไปทำงานอะไร และเข้าใจว่าไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อปราโมทย์  และปิดปากตัวเองเงียบด้วยการไม่พูดจากับใครเลย  มีความเพียรมากเพื่อที่จะตัดช่องทางรับรู้ให้น้อยลง เพื่อจะได้พ้นทุกข์ถาวร  ตามที่ตัวเองคิด และก็ทำได้ด้วยหลายปีทีเดียว

แต่มาทราบภายหลังว่าคุณไพฑูรย์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว เข้าใจว่าฆ่าตัวตาย

คุณไพฑูรย์  ฆ่าตัวตายเพราะหลงอยู่ในความคิด  การปิดกั้นตนเอง  ไม่พูดกับใครเลย  ทำให้ยิ่งทุกข์หนัก เพราะจิตมันไม่มีที่ระบาย มันเลยคิด ๆๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายคือฆ่าตัวตาย



กรณีของ ดร.สุริยา  ก็เหมือนกัน

ตัวเองกำลังทุกข์หนัก  จึงพยายามหาวิธีการให้พ้นทุกข์  จึงคิดว่า ถ้าเราไม่พูดเสียอย่าง  ความทุกข์มันคงจะน้อยลง เพราะเราไม่ได้พูดกับใคร  ไม่ได้พูดกับตนเอง  มันจะทุกข์ได้อย่างไร ?

ดร.สุริยา  ลืมไปว่า ประตูแห่งกับรับรู้มีตั้ง ๖ บาน คือ ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  โดยเฉพาะ ประตูใจ นั้น ยิ่งเราไปปิดกั้นมัน  มันยิ่งได้ใจสั่งให้คิด "เออนี่เราก็ปิดปากมานานแล้ว  ความทุกข์น้อยลงแล้ว  เราบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว  กิจที่จะต้องทำไม่มีแล้ว  สู้ฆ่าตัวตายดีกว่า  จะได้ไม่ต้องไปเกิดอีกเพราะเราเป็นพระอรหันต์ ไม่เกิดอีกแล้ว" สุดท้าย ดร.สุริยา  หลงไปกับความคิด ไหลไปกับความคิด จึงฆ่าตัวตาย !

ดร.สุริยา   คิดผิดกลับทุกข์หนักเข้าไปอีก  ตามที่ได้บรรยายมาในตอนที่ผ่านมาที่ ดร.สุริยา  คิดฆ่าตัวตาย

อย่าลืมมีครั้งหนึ่ง ศิษย์ของพาราสิยะพราหมณ์มาเฝ้าพระพุทธองค์  พระพุทธจึงถามว่า "ปกติอาจารย์ของท่านสอนอย่างไร ?" ศิษย์นั้นก็ตอบว่า "ปกติ อาจารย์ของเราสอนให้ปิดตา ปิดหู ไม่ให้รับรู้เรื่องภายนอก"  พระพุทธองค์ก็ย้อนถามว่า "ถ้าเช่นนั้น คนหูหนวก ตาบอด ก็บรรลุธรรมหมดแล้วซิ" ศิษย์ของพราหมณ์ ก็นั่งเขิน นิ่ง เพราะคนหูหนวก  ตาบอด  ก็ไม่ได้บรรลุธรรมแต่ประการใด!

ดังนั้น  การที่ ดร.สุริยา จะปิดปากเงียบแบบคุณไพฑูรย์  นั้นก็ไม่สามารถจะหนีทุกข์ไปได้ดอก  ดร.สุริยา  เอ๋ย อย่าไปคิดทำเลย

อยู่ทางสายกลาง คือ กุศลบท ๑๐ คือ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔  มโนกรรม ๓ เป็นดีที่สุด  จงจำเอาไว้เพื่อนเอ๋ย  อย่าปิดปากเงียบเลย เดี๋ยวจะคิดฆ่าตัวตายแบบคุณไพฑูรย์  เพื่อนรักไปอีกคนหนึ่ง

พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนว่า

ทุกข์ นั้นท่านให้ รู้

สมุทัย เหตุแห่งการเกิดทุกข์ คือตัณหา ท่าให้ ละ

นิโรธ การดับทุกข์ ท่านให้ดับที่อุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกู ของกู) เพราะมันเป็นปัจจัยการเกิดของตัณหา นั้น ท่านให้ทำให้ แจ้ง

มรรคมีองค์ ๘ วิธีปฏิบัติให้พ้นทุกข์ได้จริงนั้น ท่านให้ เจริญ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13213 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 14:55:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 13:16:08
ทำบุญ 1 บาท (100 ส.ต.) ได้บุญเพียงสลึงเฟื้อง (37.50 ส.ต.) หรือร้อยละ 37.50

ได้บุญเพียงสลึงเฟื้อง คือ สลึงเฟื้อง เป็นค่าตัวของโสเพณี สมัยนั้น

พี่สิงห์  อยู่สนามบินนครศรีธรรมราช  รอขึ้นเครื่อง Nok Air Boarding 15:45 น. กลับบ้าน

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม  ไปทอดกฐินสามัคคีที่วัดปากแรด ตำบลทับยา   อำเภออินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13214 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 17:56:41 »

พรุ่งนี้ ผมมีงานกฐิน ที่วัดบ้านมะเกลือ ตำบลบ้านมะเกลือ (บ้านที่อยู่ครับ)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13215 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 18:34:58 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

ดีแล้วครับ ชุมชน วัด ใกล้บ้าน มีความสำคัญ จะได้มีกัลยาณมิตร

ขออนุโมทนา บุญที่เกิดจากการทอดกฐินของคุณเหยง  ด้วยครับ

พี่สิงห์  ไปร่วมกับเขาเท่านั้น

พี่สิงห์  อยู่บ้านแล้ว เดินทางปลอดภัย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13216 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 20:06:24 »

วัดปากแรด ก็คือวัดที่พี่และครอบครัวนำทอดกฐินในปีที่แล้ว?
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13217 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 20:27:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2557, 20:06:24
วัดปากแรด ก็คือวัดที่พี่และครอบครัวนำทอดกฐินในปีที่แล้ว?

สวัสดีครับ คุณเหยง

ใช่แล้วครับ คือวัดที่พี่สิงห์  พี่-น้อง-ญาติๆ และพวกเราชาวซีมะโด่ง ไปทอดกฐินกันเมื่อปีที่แล้ว

ปีนี้ไม่มีใครจองกฐิน  ชาวบ้านเลยรวบรวมทำเป็นกฐินสามัคคีกันเอง  พี่สิงห์  ก็ไปร่วมด้วยช่วยกัน เท่านั้นเอง

พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนพระนางสุมนาราชเทวีว่า บุคคลสองคนหนึ่งทำบุญให้ทาน อีกคนกนึ่งไม่ทำบุญให้ทาน แต่เป็นคนดีทั้งคู่ ภพหน้าถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ หรือเทวดา  ผู้ที่ทำบุญให้ทาน จะมีฉวีวรรณ มีทรัพย์ มีบริวาร มีอัฒยาศัย ดีกว่าผู้ที่ไม่ทำบุญ  แม้แต่เป็นภิกษุ ก็จะได้ลาภ ได้บริขารมากกว่าภิกษุที่ไม่เคยทำบุญให้ทาน

ดังนั้น การทำบุญให้ทานนั้นมีอานิสสง และยังทำลายความตระหนี่-ริษยา ในตัวเราลงได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #13218 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2557, 23:21:23 »

น้องๆ มาอ่านตกใจกันใหญ่ ว่าพี่ป๋องเป็นอะไรไป
ยกตัวอย่างเปลี่ยนเป็น ดร.กุศล ไม่ดีกว่ารึ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13219 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 14:48:35 »



แห่กฐินรอบโบสถ์ วัดปากแรด เมื่อเช้าวันนี้

ถ้าเป็น ดร.กุศล  เดี๋ยวโดนด่า

ถ้าใช้ ดร.สุริยา  ไม่โดนด่า และทำให้คนสามารถติดตาม และจำได้ในธรรม เพราะชื่อ ดร.สุริยา  ติดตลาด ในแง่ของการตลาด  ถ้าสอนธรรมแบบดั้งเดิม คนเขาไม่อ่าน  มันหลับไม่รู้เรื่อง  ต้องหาแนวทางใหม่ ๆ และแทรกธรรมใส่เข้าไปให้พิจารณากัน จึงจะก่อประโยชน์

และ ชีวิต ดร.สุริยา  ก็ใกล้เคียงด้วย

ท่าน ว. วชิระเมธี  ท่านก็มีเอกลักษณ์

พระพยอม  ท่านก็สอนแบบนั้นคนจำได้

พระไพศาล  วิสาโล  ก็อีกแบบหนึ่ง

พี่สิงห์  มือใหม่ยังหาแนวทางไม่ได้  ก็ต้องอาศัยตัวละคร ที่เขาไม่ด่ากลับ  ในการสือการบรรยายธรรม เพราะใน www.cmadong.com ชื่อ ดร.สุริยา  ขายกินได้ เดี๋ยวมันจะเหงา  จนไม่รู้จะเขียนอะไร  นี่ก็กำลังพิจารณาตนเองอยู่ หลวงพ่อสุรศักดิ์  ท่านไม่ให้โอ้อวด  แต่มันอยากบอก  ถ้ารู้แล้วไม่บอก พุทธศาสนาจริง ๆ มันก็หายไปในความเป็นจริง มีแต่ของไม่จริง  เพราะที่ผ่านมาหลายครั้ง พอพิจารณาคำว่าห้ามโอ้อวด  ก็วางอุเบกขามามากแล้ว แต่คนเขาก็ไม่รู้ ยิ่งไปกันใหญ่เลย คือหมดศรัทธาในพุทธศาสนา มีแต่ทำบุญ - พุทธพาณิชย์(สร้างพระหาเงิน) พุทธศาสนามันก็ไร้ค่า

- ห้ามโอ้อวด เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของผู้ปฏิบัติธรรม  แต่พี่สิงห์  บอกความจริงเท่านั้น  ไม่ได้ยกตนว่าสำเร็จใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งทางตรงและอ้อม และยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ในพระไตรปิฎกเป็นหลัก กับผลของการปฏิบัติธรรมเจริญสติ

ถ้าไม่เขียนธรรม  กระทู้หน้านี้ก็ต้องปิดตัวลง เพราะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากมายนัก ชิวิตที่เหลือนี้ ไม่ดูทีวีมากนัก ไม่ฟังเพลง ไม่เที่ยว มันก็ไม่มีอะไรจะเขียน เขียนเรื่องงาน มันก็ไม่มีคนอ่าน  บางวันไม่เขียนธรรม มันก็ไม่มีอะไรเขียน

ดร.สุริยา  ลองรวบรวมธรรม ทำหนังสือ  รับรองได้เล่มหนาแล้ว และมีบุคคลภายนอกติดตามอ่านพอสมควร  เขาเคยมาทักด้วยซ้ำ อยากรู้จัก

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13220 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 15:24:48 »

กฐินวัดปากแรด ปีนี้





วันนี้ หลังจากเดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน เสร็จ ก็ขับรถไปสิงห์บุรี ไปทอดกฐินวัดปากแรด และซื้อลูกเสาวรสไปสี่ถุง ไปฝากพี่ฉวี  ที่ป่วยเป็นเบาหวาน มะเร็งเต้านม ความดัน หัวใจ  ที่พี่ฉวี  บอกว่ากินเสาวรสแล้ว มันดีขึ้น  สิงห์บุรีไม่มี ดังนั้นเป็นหน้าที่ของพี่สิงห์  เวลาไปบ้านต้องซื้อไปฝาก(พี่ฉวี เป็นลูกสาวของอาปรอง  น้องสาวคนเล็กของพ่อ  อยู่คนเดียว สามีตาย  ไม่มีลูก  แพ้ใจตนเองในเรื่องการกิน  พี่สิงห์  พยายามสอนธรรม  สอนการออกกำลังกาย และอยู่อย่างปล่อยวางให้มาก)

ไปถึงวัดปากแรด ได้ซื้อข้าวเม่า ขนมเป๊ยะ อร่อยไปทำบุญและฝากญาติๆที่ดอนแฝก-ลำแม่ลา

ปรากฎว่าญาติ รู้ว่าพี่สิงห์  จะไปทอดกฐินที่วัดปากแรด ได้เตรียมทำขนมกง และอาหารมาให้ด้วยทำแบบโบราณ เช่าปลาเห็ด  นับว่าเป็นบุญของพี่สิงห์  ที่มีญาติ คอยดูแล เป็นห่วง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13221 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 16:14:50 »



ปลาเห็ด  แต่ที่ญาติทำมาให้นั้น เป็นแบบโบราณ ทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อยสับละเอียด ใส่ใบมะกรูดมันจะหอมเวลาทอด



ปั้นข้าวเม่า



ข้าวเม่าทอด



ขนมครก
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13222 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 19:07:31 »







ทอดกฐินวัดปากแรด ปีนี้ คนน้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะข้าวราคาไม่ดี และมีน้ำไม่พอทำนาปี  นาปรังไม่ต้องพูดถึงปีนี้ เพราะไม่มีน้ำ  น้ำอุปโภค บริโภค  ยังต้องระวังเลย ปีหน้าถ้าเป็นสมัยโบราณ ขโมย-โจร ชุกชุมแน่นอน เพราะประชาชนไม่มีรายได้

พรุ่งนี้  พี่สิงห์  ต้องพา Enric จาก Prensoland เสปญ ไปขายเครื่อง Hollow Core Slab ที่กาฬสินธุ์  โดยลงเครื่องบินที่ ขอนแก่น Boarding 06:40 น. บ่าย ๆ เดินทางไปอุดรธานีต่อ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13223 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 20:06:02 »

พี่สิงห์

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
วันนี้ผมไปที่วัดบ้านมะเกลือ
ผู้คนลดลง ขนาดมีโรงงานน้ำตาลบ้านแก่งในเครือ่เกษตรไทย เป็นเจ้าภาพ
ได้ปัจจัยรวม 651,242 บาท ลดลงร้อยละ 50 จากปีที่แล้ว ซึ่งโรงงานผลิตหม้อแปลงไปทอดครับ




      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13224 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2557, 20:30:07 »

เงินกฐินปีที่แล้ว ยังสร้างไม่เสร็จ  ผู้รับเหมารับเงินไปแล้ว หนีงาน มัคคนายก-พระ ท่าน กลัวพี่สิงห์  ต่อว่า ได้บอกไปว่า ผมลืมไปหมดแล้วตั้งแต่ทอดกฐิน มันเป็นเรื่องของวัดปากแรด ที่จะเอาเงินไปทำอะไรต่อ นั้น ผมไม่รู้ไม่เห็นแล้ว หมดภาระกิจแล้ว ท่านดำเนินการกันเอาเองเถิด



สวัสดัครับ คุณเหยง

ขออนุโมทนาบุญ ครับ

วัดปากแรด ยอดเงินลดลงจากปีที่แล้วเหลือเพียง 30 % คือได้แสนกว่าบาทเท่านั้นเอง

เช่นเดียวกับวัดพระนอน ได้เพียงสองแสนบาท

พี่สิงห์  ได้บอกมัคคนายก และพระไปแล้วว่า เศรษฐกิจ  มันไม่ดี ได้แค่นี้ ก็ดีแล้ว ชาวบ้านอยู่ได้ วัดอยู่ได้ ก็พอ  อย่าไปหาเงินให้มากเลย ทุกคนลำบากทั้งนั้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 527 528 [529] 530 531 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><