17 เมษายน 2567, 03:27:46
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 607 608 [609] 610 611 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3229231 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15200 เมื่อ: 04 กันยายน 2558, 10:13:43 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

เช้านี้ ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ก่อนออกเดินทางไปโรงงานมหาชัย ไปประชุม morning talks กับคนงานประจำเดือน

และกลับมาบ้านเพื่อพักผ่อน มีหลายสิ่งต้องกระทำ

บ่ายสองโมงครึ่ง มีไปทำฟันที่โรงพยาบาลเวชธานี  คงต้องซ่อมใหญ่

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15201 เมื่อ: 04 กันยายน 2558, 10:21:51 »



เรามีความตายเป็นธรรมดา หนีความตายไปไม่ได้

เมื่อตายลงเอาอะไรไปไม่ได้เลย  แต่คนก็หาสิ่งบำเรอ ไม่รู้จักพอมีมากยิ่งต้องการมากขึ้นอีก

เมื่อตายลงเอาอะไรไปได้สักอย่าง เอาไปได้แต่กุศลกรรม และอกุศลกรรม ที่เคยทำไว้เท่านั้น

ทำไมเราไม่อยู่อย่างพอเพียงในปัจจีย ๔ ตามอัตภาพ และมีสติให้มาก

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15202 เมื่อ: 04 กันยายน 2558, 10:25:34 »



สมนุปัสสนาสูตร

อวิชชาทำให้เห็นขันธ์ ๕ เป็นอัตตา

สาวัตถี

พระพุทธองค์ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า พวกสมณะหรือพราหมณ์เมื่อพิจารณาเรื่องตน  ก็มีวิธีพิจารณาหลายอย่าง  แต่ก็ล้วนพิจารณาเห็นอุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ หรือขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง  

ส่วนพวกที่เป็นปุถุชน  ซึ่งมิได้เรียนรู้ในธรรมของพระอริยเจ้า  ก็จะพิจารณาเห็นขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตน  ว่าเป็นของของตน  การพิจารณาเห็นเช่นนี้  เป็นการยึดมั่นถือมั่นว่ามีเราเป็น  เมื่อเขายึดมั่นถือมั่นเช่นนั้น  อินทรีย์ทั้ง ๕ คือ จักขุนทรีย์  โสตินทรีย์  ฆานินทรีย์  ชิวหินทรีย์  กายินทรีย์ก็หยั่งลง (ทำหน้าที่ของตัวเอง)

ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย! สิ่งที่มีอยู่คือ ใจ(มนะ), ธรรมทั้งหลาย(อารมภ์, สิ่งที่ใจนึกคิดที่เรียกว่า ธัมมารมภ์) และอวิชชาธาตุ เมื่อปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ถูกเวทนาซึ่งเกิดจากอวิชชาสัมผัสถูกต้องเข้า  ย่อมจะมีความยึดมั่นว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  เราจักเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  จักเป็นรูปอย่างนี้  จักเป็นอรูปอย่างนี่  จักเป็นสัตว์มีสัญญา(จิตใจ)อย่างนี้  จักเป็นสัตว์ไม่มีสัญญาอย่างนี้ หรือจักเป็นสัตว์มีสัญญาก็ไม่ใช่  ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่อย่างนี้

"ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อปุถุชนพิจารณาเห็นเช่นนั้น อินทรีย์ ๕  (มีจักขุนทรีย์เป็นต้น)  ก็ยังคงอยู่  ส่วนอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ย่อมละอวิชชาเสียได้  วิชชาเกิดขึ้นเพราะอวิชชาจางหายไป  อริยสาวกนั้นย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่นในอินทรีย์เหล่านั้นว่าเราเป็นอย่างนี้ เราจักเป็นอย่างนี้ เราจักไม่เป็นอย่างนี้..."

สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15203 เมื่อ: 04 กันยายน 2558, 11:18:48 »



ปัญจขันธสูตร

ความแตกต่างระหว่างขันธ์ กับ อุปาทานขันธ์

สาวัตถี

พระพุทธองค์ทรงอธิบายเรื่องขันธ์ ๕ และอุปาทาขันธ์ ๕ แก่ภิกษุทั้งหลายดังนี้

รูป เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ไม่ว่าจะเป็นอดีต อนาคต  หรือปัจจุบัน  ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก  ไม่ว่าหยาบหรือละเอียด  เลวหรือปราณีต  อยู่ไกลหรือใกล้  จัดว่าเป็นรูปขันธ์  เวทนาขันธ์  สัญญาขันธ์  สังขารขันธ์  วิญญาณขันธ์  ซึ่งได้แก่ขันธ์ ๕

"ภิกษุทั้งหลาย! อุปาทานขันธ์ ๕ คืออะไร?  
ภิกษุทั้งหลาย! รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นอดีต  อนาคต  หรือปัจจุบัน  เป็นภายในหรือภายนอก  หยาบหรือละเอียด  เลวหรือปราณีต  อยู่ไกลหรือใกล้  ที่มีิอาสวะ(สาสวํ) ที่บุคคลยึดมั่นถือมั่น(อุปาทานิยํ)  นี้จัดว่าเป็นอุปาทานขันธ์คือรูป..."

(เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ก็เช่นกัน  เฉพาะที่มีอาสวะและที่บุคคลยึดมั่นถือมั่นคืออุปาทานขันธ์  
คำว่า "มีอาสวะ" หมายถึงเป็นปัจจัยแก่กิเลส  เป็นอารมณ์ให้เกิดกิเลส  
คำว่า "ที่บุคคลยึดมั่นถือมั่น"  หมายถึงปัจจัยให้เกิดการยึดมั่นถือมั่นขันธ์ ๕  ที่ยังเกิดอยู่ในภูมิ ๓ (กามภูมิ  รูปภูมิ  อรูปภูมิ) ล้วนเป็นอุปาทานขันธ์   เพราะยังมีอาสวะและเป็นปัจจัยให้เกิดอาสวะ  
ส่วนขันธ์ ๕  ของพระอรหันต์  อยู่ในโลกุตรภูมิ  ไม่เป็นอุปาทานขันธ์)

สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15204 เมื่อ: 04 กันยายน 2558, 19:42:53 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

อายุมากขึ้น  อย่าลืมดูแลสุขภาพฟัน กันบ้างนะครับ

วันนี้ ไปโรงพยาบาลเวชธานี ไปตรวจฟัน ผลคือ ฟันแตกอย่างน้อยสองซี่ ต้องทำการรักษารากฟัน และทำครอบฟัน  ต้องอุดคอฟันเพราะมันสึกหลายซี่  ต้องอุดฟันใหม่เพราะวัสดุที่เคยอุดมันหลุด และมันผุเพิ่ม

สรุป ต้องเข้าไปให้หมอฟันทำการรักษาต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ แน่นอน คราวนี้ ตั้งงบประมาณเอาไว้ได้เลย หนึ่งแสนบาท

รูป-นาม มันไม่เที่ยง อย่างนี้ละ มันต้องเสื่อมลงเป็นธรรมดา

ดังนั้น ทุกท่านต้องไปพบหมอฟันทุกหกเดือน จะได้ไม่เป็นแบบพี่สิงห์

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15205 เมื่อ: 05 กันยายน 2558, 11:43:07 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้วันเสาร์เป็นวันโกน

พี่สิงห์  พักผ่อนด้วยการไปตีกอล์ฟออกกำลังกายที่สนามกอล์ฟ President Country Club

และพักผ่อนอยู่บ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15206 เมื่อ: 05 กันยายน 2558, 13:22:14 »



โสณสูตร

เห็นขันธ์ ๕ เป็นตัวตนจึงถือตน

เวฬุวัน

ใน ๒ พระสูตร คือ ปฐมโสณสูตร และ ทุติยสูโสณตร  กล่าวถึง คฤหบดีคนหนึ่งนามว่า โสณะ เข้าเฝ้า ณ ที่ประทับ  พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า  สมณะหรือพราหมณ์ที่ถือตน  ว่าดีกว่าเขา  ว่าเสมอเขา  หรือว่าเลวกว่าเขา  ก็เพราะไม่พิจารณาเห็นรูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ตามความเป็นจริง  ถ้าพิจารณาเห็นตามความเป็นจริง  ก็จะไม่เป็นอย่างนั้น

ทรงตั้งคำถามให้ โสณะ ตอบได้เองว่า  รูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ล้วนไม่เที่ยง  เมื่อไม่เที่ยงก็เป็นทุกข์  มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา  จึงไม่ควรเห็นว่านั่นของเรา  เราเป็นนั่น  นั่นตัวตนของเรา  อริยสาวกเห็นอย่างนี้  จึงไม่ติดในขันธ์ ๕ ...

ตรัสอีก(ในทุติยโสณสูตร)ว่า  สมณะ หรือพราหมณ์ ที่ไม่ทราบชัดในขันธ์ ๕ ตามแนวอริยสัจ  ทรงไม่ยกย่องว่าเป็นสมณะ หรือพราหมณ์ที่แท้จริง

สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15207 เมื่อ: 05 กันยายน 2558, 13:42:47 »



นันทิขยสูตร

ระหว่าง นันทิ(ความเพลิดเพลิน) กับ ราคะ(ความใคร่)

สาวัตถี

ใน ๒ พระสูตร คือ ปฐมนันทิขยสูตร และ ทุติยนันทิขยสูตร  
พระพุทธองค์ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า  การที่ภิกษุเห็นรูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ว่าไม่เที่ยง เป็นสัมมาทิฐิ  เมื่อเกิดสัมมาทิฐิ  ย่อมหายติด(นิพฺพิทา)  เมื่อไม่มีความเพลิดเพลิน(นนฺทิ)  ก็สิ้นความใคร่(ราคะ)  เพราะสิ้นความใคร่  จึงไม่มีความเพลิดเพลิน  เมื่อไม่ีทั้งความเพลิดเพลินและความใคร่  จิตก็หลุดพ้น  เป็นความหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง

ตรัสอีก(ในทุติยนันทิขยสูตร)ว่า ให้มีโยนิโสมนสิการในรูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  และพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงตามความเป็นจริง  เมื่อทำได้อย่างนั้น  ก็จะหายติดในขันธ์ ๕  ความใคร่ก็จะสิ้นไปเพราะไม่มีความเพลิดเพลิน  เพราะไม่มีความใคร่ก็ไม่มีความเพลิดเพลิน  เมื่อไม่มีทั้งความเพลิดเพลินและความใคร่  จิตก็หลุดพ้น  เป็นความหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง

สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15208 เมื่อ: 05 กันยายน 2558, 13:49:18 »



ขอทุกท่านจงพิจารณาให้เห็นรูป-นาม ที่ท่านหลงว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นของเรา ว่ามันเป็นเพียงรูป-นาม ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้เลย

มันก็เป็นจริงของมันอย่างนั้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15209 เมื่อ: 06 กันยายน 2558, 13:04:40 »



วันนี้ เป็นวันพระ

พี่สิงห์  ไปทำบุญ-รักษาอุโบสถย์ศีล และปฏิบัติธรรม อยู่วัดพระนอน สิงห์บุรี บ้านเกิดครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15210 เมื่อ: 06 กันยายน 2558, 13:10:23 »



วันนี้หลานสาวลูกพี่-ลูกน้อง คุณอุ๋ย  มาทำบุญครบรอบวันเกิด ที่วัดพระนอน  นิมนต์พระสวด ๙ รูป พี่สิงห์  เลยให้นิมนต์สามเณรทั้งวัด สามสิบกว่ารูป มาร่วมด้วย สามเณรจะได้มีปัจจัยเรัยนหนังสือ โดย พี่สิงห์  ขอรับเป็นเจ้าภาพปัจจะยถวายเณรทั้งหมด

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15211 เมื่อ: 06 กันยายน 2558, 13:40:04 »



อุปายสูตร

อะไรทำให้วิญญาณถือปฏิสนธิ

เชตวัน

ครั้งหนึ่ง  พระพุทธองค์ตรัสสอนภิกษุทั้งหลาย
"ภิกษุทั้งหลาย! ความเข้าถึง(อุปาโย-เข้าถึงด้วยตัณหา  มานะ  ทิฐิ)  เป็นความไม่หลุดพ้น  ความไม่เข้าถึง (อนุปาโย) เป็นความหลุดพ้น

"ภิกษุทั้งหลาย! วิญญาณที่เข้าถึงรูป (ด้วยตัญหา  มานะ  ทิฐิ) เมื่อดำรงอยู่ก็เป็นอันดำรงอยู่  วิญญาณที่มีรูปเป็นอารมณ์  มีรูปเป็นที่ดำรงอยู่  มีความเพลิดเพลิน(นนฺทิ)เป็นที่เข้าไปส้องเสพ  ก็จะต้องเจริญงอกงามไพบูลย์(วิญญาณที่เข้าถึงเวทนา  สัญญา  สังขาร  อย่างนั้นก็เหมือนกัน  จะต้องเจริญงอกงามไพบูลย์)

"ภิกษุทั้งหลาย! เป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่า  โดยไม่มีรูป  เวทนา  สัญญา  สังขารเลย  การมา  การไป  การจุติ  การอุบัติ  หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์ของวิญญาณ  เรียกว่ายังเกิดขึ้นได้

"ภิกษุทั้งหลาย! ถ้าราคะในรูปธาตุ  ในเวทนาธาตุ  ในสัญญาธาตุ  ในสังขารธาตุ  ในวิญญาธาตุ  เป็นอันภิกษุละได้แล้ว  อารมณ์(คือรูปธาตุ เป็นต้นนั้น) ย่อมขาดสูญเพราะละราคะได้  ความดำรงอยู่แห่งวิญญาณย่อมไม่มี  วิญญาณอันไม่มีที่ดำรงอยู่ก็ไม่งอกงาม  ไม่มีการปรุงแต่ง(อนภิสงฺขํ-ไม่แต่งปฏิสนธิ) เป็นอันหลุดพ้น  เพราะวิญญาณหลุดพ้น  จึงดำรงมั่น  เมื่อดำรงมั่นก็มีความยินดีพร้อม  เพราะยินดีพร้อมจึงไม่มีความหวาดหวั่นใจ  เมื่อไม่มีความหวาดหวั่นใจ  ย่อมดับสนิทประจักษ์แก่ตนเอง(ปจฺจตฺตญฺเญว  ปรินิพฺพายติ-เป็นพระอรหันต์)  ภิกษุย่อมทราบชัดว่า  ชาติสิ้นแล้ว  พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว  กิจที่ต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว  กิจอื่นเพื่อเป็นอย่างนี้อีกไม่มี"

(อรรถกถากล่าวว่า  วิญญาณในพระดำรัสนี้หมายถึง กัมมวิญญาณ  เป็นวิญญาณที่เกิดจากกรรม  วิญญาณประเภทนี้แหละถือปฏิสนธิ  เป็นวิญญาณในขันธ์ ๕ นั่นเอง)

สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15212 เมื่อ: 07 กันยายน 2558, 15:03:46 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้เช้า  ไปเดินออกกำลังกายตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ President  Country Club ตอนนี้สามารถเดินได้ครบ ๑๘ หลุม แต่ก็ลำบากน่าดูเหมือนกัน ก็ได้แต่พยายามเดินให้มาก ๆ เข้าไว้ เพราะครบหกเดือนแล้ว

และตอน 11:00 น. ได้ไปทำฟันที่โรงพยาบาลเวชธานี  คงต้องพบหมอฟันทุกอาทิตย์  มีฟันที่ต้องการดูแลจากคุณหมอ หลายซี่ด้วยกัน

และวันนี้ 16:00 น. เดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15213 เมื่อ: 07 กันยายน 2558, 18:38:29 »



พี่สิงห์  อยู่นครศรีธรรมราช

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15214 เมื่อ: 08 กันยายน 2558, 14:30:05 »

สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์  อยู่สนามบินนครศรีธรรมราช  รอขึ้นนกแอร์กลับบ้าน กทม.

นครศรีธรรมราช  พอตกบ่าย ๆ ฝนตกเกือบทุกวัน หนักบ้าง เบาบ้าง เป็นฝนมาจากฝั่งอันดามัน ไม่ใช่อ่าวไทย

ปีนี้ นครศรีธรรมราชผลไม้ราคาดี และออกมามากโดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ปลูกกันมาก  มีวางขายเกลื่อน แต่ไม่ได้ซื้อกินเลย เพราะมันอ่วน น้ำหนักขึ้น

ช่วงนี้ได้แต่กินเงาะ ให้ลูกน้องไปสอยมาจากต้นสด ๆ กินเลย กรอบ ร่อน ไม่หวาน แต่มีมดแถม

สงัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15215 เมื่อ: 10 กันยายน 2558, 19:45:31 »



สวัสดี ยามค่ำทุกท่านครับ

วันนี้ พักผ่อนอยู่บ้าน ภายหลังจากเมื่อเช้าไปเดินออกกำลังกายตีกอล์ฟ มาครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15216 เมื่อ: 11 กันยายน 2558, 18:57:41 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

เช้าวันนี้ ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน และเปลี่ยนดอกไม้ให้พ่อ-แม่

วันนี้ มาทำงานที่โรงงานสระบุรี และมานอนค้างคืนที่สิงห์บุรี

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15217 เมื่อ: 11 กันยายน 2558, 19:00:36 »



อาหารเช้าวันนี้ เป็นถั่วฝักยาวผัดไข่(เหลือมาจากเมื่อวาน)
กินกับน้ำพริกเผา และผักสด  ตามด้วยถั่วลิสงต้ม และกล้วยหักมุกปิ้ง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15218 เมื่อ: 11 กันยายน 2558, 19:25:50 »



คู่ทุกข์  คู่ยาก

เพราะมีความเกิด
จึงมีความแก่ เจ็บ ตาย
ไม่สบายกาย  ไม่สบายใจ  คับแค้นใจ 
มีความโศก ร่ำไรรำพัน  วิตกกังวล ทุกข์ใจ
ประสพแต่สิ่งที่ไม่รักไม่ชอบก็เป็นทุกข์
ปราถนาสิ่งใดก็ไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์
และพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่ชอบ ก็เป็นทุกข์

สรุป ความเกิด เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15219 เมื่อ: 12 กันยายน 2558, 05:08:20 »



อรุณสวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้เป็นวันพระ

ทำบุญ-อยู่วัด รักษาอุโบสถย์ศีล  ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม อยู่ที่วัดพระนอน  ตำบลทับยา  อำเภออินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15220 เมื่อ: 13 กันยายน 2558, 18:48:34 »



วัดพระนอน
มีพระ ๕ รูป  มีสามเณร สามสิบกว่ารูป มาเรียนหนังสือ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15221 เมื่อ: 13 กันยายน 2558, 18:53:39 »



ทุกวันพระ จะมีเทศน์ ๓ กัณฑ์
ช่วงบ่ายจะเทศน์โดยสามเณร ในเรื่องการสร้างบารมี ๑๐ ชาติ ของพระโพธิสัตย์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15222 เมื่อ: 13 กันยายน 2558, 18:58:56 »



อุบาสก-อุบาสิกา ที่อยู่วัดรักษาอุโบสถย์ศีล มีประมาณสามสิบกว่าท่าน
พี่สิงห์ อายุน้อยสุด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15223 เมื่อ: 13 กันยายน 2558, 19:02:48 »



ทุกวันพระาหารบริบูรณ์ แต่ไม่มีผักสด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15224 เมื่อ: 13 กันยายน 2558, 19:06:34 »



ขนม เกินครึ่งซื้อจากร้านค้า
แต่ถ้าเพลิดเพลินกับรสชาด จะเป็นโรคเรื้อรัง เอาได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 607 608 [609] 610 611 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><