26 เมษายน 2567, 16:42:27
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 631 632 [633] 634 635 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3238458 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15800 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2559, 04:59:53 »



อุเบกขาสัมมาทิฐิ

อุเบกขา คือการปล่อยวาง
แต่การปล่อยวางนั้นต้องเป็นไปในทาง มรรคมีองค์ ๘
ต้องประกอบไปด้วยประโยชน์ เป็นกุศล(จิต) ถูกต้องในศีล ถูกต้องในธรรม ถูกต้องในจริยธรรม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รวมถึงตนเองด้วย

อุเบกขาสัมมาทิฐิ คือการวางเฉย ไม่ชอบ ไม่ชัง ทางกามคุณในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์

อุเบกขาทิฐิ มีนัยยะตรงกันข้ามกับอุเบกขาสัมมาทิฐิ

อุเบกขาควาย คือการวางเฉยในสิ่งที่ไม่ควรวางเฉยที่บุคคลทั่วไปพึงมีปัญญาได้ เช่น เห็นคนตกน้ำก็ไม่ช่วยเพราะกลัวผิดศีล หรือการไม่ดูแลที่พักอาศัย ปล่อยปละละเลยเป็นต้น

การดำรงค์ชีวิตไปตามกิริยา หมายความถึงการอยู่อย่างธรรมชาติ ไม่ประกอบด้วยความอยาก วางใจเป็นปกติ พอเพียงในปัจจัย ๔ กระทำการงานไปตามเหตุ-ปัจจัย ที่มีหน้าที่ สงเคราะห์คนและวัตว์ไปตามกาล

เราปุถุชนม์คนธรรมดานั้น ยังต้องทำมาหากิน รับผิดชอบในครอบครัว  สังคม ประเทศชาติ ขอเพียงมีสติให้มาก ๆ รักษาศีล ๕ ศีล ๘ มีศรัทธาในพุทธศาสนา มีวิริยะ ในการทำกุศล มีวิริยะ ในการละอกุศล เพียงแค่นี้ก็สามารถพบพระนิพพานได้ ในชาตินี้เช่นกันได้

อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

วันนี้วันพระ ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15801 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2559, 19:34:16 »


ย่ารอด

ย่ารอดเป็นญาติข้างพ่อ  ท่านตาบอดเพราะโรคฝีดาษ ตั้งแต่เด็ก จึงตาบอดทั้งสองข้าง ไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นโสด เพราะตาบอด ประกอบกับเป็นคนมีบุญ จึงได้ขุนนาง เป็นเจ้าคุณ ได้สอนวิชานวดแผนไทย และวิชาหมอตำแย ให้เอาไว้ประกอบอาชีพ

ย่ารอดประสาทมือดีมาก ๆ ตลอดชีวิตท่าน ท่านจากไปอายุเก้าสิบกว่า ๆ ท่านไม่เคยทำคลอดแล้วเด็กต้องเสียชีวิตเลย  สมัยนั้นโรงพยาบาลยังไม่มี  และต่อมามีโรงพยาบาล พี่สิงห์ก็ไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล  บ่ารอดเป็นคนทำคลอด  น้องสาวย่ารอดก็เป็นคนทำคลอด  ทั้งตำบลย่ารอดเป็นคนทำคลอดหมด

บ้านใดจะคลอดลูก ย่ารอดจะไปอยู่ด่อนสามวัน ไปเตรียมการ เตรียมพร้ม อุกปรณ์เลี้ยงลูก คือกระด้งแขวนเป็นเปล มีผ้าคลุมให้มืดและกันยุง ผ้าอ้อม เบาะสำหรับเด็ดอ่อน ส่วนแม่นั้น ต่องนอนิยู่ไฟเป็นเดือนให้มดลูกแห้ง ต้องมีเตียงอยู่ไฟเป็นไม้กระดานแผ่นเดียว ซึ่งทุกบ้านจะมีเอาไว้ เตาไฟ อาหารแห้งเช่นปลาช้อนตากแดด เพราะช่วงอยู่ไฟต้องกินข้าวต้มกับปลาเกบือตากแห้ง จนกว่าจะออกจากไฟ เมื่อมดลูกแห้ง  ย่านอดจะอยู่เกือบเดือน และปกติ จะมียายพิม(น้องสาวคนเล็กของพ่อ) ยายน้อม ตามไปเป็นผู้ช่วย และเรียนวิชาหมอตำแย ไปด้วย

ส่วนที่ย่ารอดเก่งมากคือการนวด  มีคนไข้จากต่างจังหวัด กรุงเทพฯ มาให้ท่านนวดประจำ และอยู่บ้านท่านตลอดเวลา จนกว่าจะหาย และวิชานวดนี้ ย่ารอดใช้หากิน จนสามารถเลี้ยงดูหลาน -เหลน ได้หลายคน จนเติบใหญ่มีครอบครัว ย่ารอดก็แต่งให้

ตอนพี่สิงห์  จะบวชก่อนโกนผม พ่อได้สั่งให้ไปกราบท่าน บอกท่านว่าจะบวช และเอากับข้าว-ข้าวไปให้ท่าน ตอนเพล และท่านก็ไปร่วมบวชหลานชาย ท่านจับผ้าไตรเวียนรอบโบสถ์ครบสามรอบ ทั้ง ๆ ที่ท่านตาบอด เพื่ออานิสสงเกาะชายผ้าเกลืองหลานชาย ในการบวชครั้งนี้ เพราะท่านไม่มีครอบครัว

ทุกวันพระย่ารอดจะ รักษาศีล ๘ และนอนวัด และยังใส่บาตรพระทุกวัน โดยพระ-เณร จะไปบิณฑบาตรที่หน้าบ้านท่าน

ชีวิตคนในยุคนั้น อยู่แบบพอเพียง มีรายได้น้อย แต่ก็ไม่ใช้เงินเลย จึงมีเงินเหลือให้ลูกหลานได้

ย่ารอดได้รับการเคารพนับถือของคนในตำบล เพราะทุกบ้าน ย่ารอดเป็นคนทำคลอดหมด ในสมัยนั้น

ย่ารอดจึงเป็นตัวอย่างที่ดีของพุทธศาสนิกชน ยิ่งท่านไม่ผิดศีล ๕ เลย เพราะท่านเชื่อว่า ศีล ๕ ทำให้ท่านสามารถมีอาชีพที่สุจริต หากินเลี้ยงตนเองและหลาน แหลนได้ ไม่ต้องพึ่งใครเลย กลับตรงกันข้ามกับคนตาดี ที่ต้องพึ่งท่าน

คิดถึงย่ารอด ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15802 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2559, 08:50:13 »



การได้บวชในพระพุทธศาสนา เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี นั้นเป็นที่ปราถนาของบิดา-มารดา และญาติมิตร

ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่รู้จักรการภาวนา แต่ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโมลี  ท่านก็สอนธรรมให้ทุกวันภายหลังทำวัตรเช้า

และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับทางวัดคือลงมือสร้างศาลา และกวาดรอบโบสถ์ทุกวัน และที่ไม่ขาดเลยคือ การบิณฑบาตร เพราะพ่อจะเดินมาจากวัดพระนอน มาใส่บาตรทุกวันเช่นกัน

บ้านพี่สิงห์  อยู่วัดพระนอน (มหานิกาย) แต่พ่อ-แม่ให้มาบวชวัดโบสถ์(ธรรมยุตนิกาย) เพราะคุณยายเตี้ยม  สั่งเอาไว้ก่อนตายเพราะท่านไม่มีลูกชาย  จึงอยากให้หลานมาบวชที่วัดโบสถ์ เพราะร่างของท่านเผาที่นี่

ประกอบกับท่านเจ้าคุณ  กับพ่อ-แม่  สนิทสนมกัน ท่านเจ้าคุณเอาข้าวมาสีทุกเดือน และพ่อก็เป็นช่างให้ท่านเจ้าคุณในการก่อสร้างโรงเรียน และโรงพยาบาล อินทร์บุรี

และพี่สิงห์  ก็รู้จักท่านดี เช่นกัน ท่านเจ้าคุณเป็นพระนักพัฒนา  ไม่มีการทำพระ และไม่มีการละเล่นในงานที่วัดโบสถ์ ใด ๆ  จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15803 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2559, 18:06:15 »


แม่อิน   วิเลปะนะ

แม่อินเป็นดองกับพ่อ-แม่  คือพี่สาวคนโต  ไปแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของท่าน

แม่อินเป็นภรรยาของพ่อขวัญ   วิเลปะนะ

บ้านของพ่อขวัญ-แม่อิน  อยู่บ้างหางบางใกล้กับลำแม่ลา  กลาง  ถิ่นปลาช้อน อร่อยของ สิงห์บุรี บ้านท่านต่อออกไปเรื่อย ๆ ทุกมุนเมื่อลูก ๆ ท่านแต่งงาน ดังนั้น บ้านจะต่อถึงกันหมดเท่าที่เห็น ๔ ครอบครัว จึงเป็นบ้านใหญ่ มาก ใต้ถุนโล่ง ให้ควายอาศัยอยู่ เพราะมีอาชีพทำนา

บ้านหางบางนั้น มีหลายครอบครัวอาศัยอยู่ เป็นญาติกันหมด อยู่กลางทุ่ง

แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป กับความเจริญที่มีถนนเข้าไปผลคือ หมู่บ้านที่เคยอบอุ่น ต้องแตกกระจาย ความแห้งแล้ง น้ำไม่ท้วม พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา  ในนามีข้าวมันหมดไป  ต่างคนต่างก็ต้องย้ายออกไปหากินที่อื่น  ไม่มีหมู่บ้านแบบเดิมเหลืออยู่เลยในปัจจุบัน  

ทุกสิ่งมันไม่เที่ยง  ยุคใคร ยุคมัน  มันเป็นจริงเสมอ เมื่อคนยุคท่านตายหมด หมู่บ้านก็แตกกระจายหมด เช่นกัน

ความเจริญมา  ความอบอุ่นในครอบครัว ก็หมดไปเช่นกัน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15804 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2559, 12:39:51 »



ความคิด นั้น เป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา

ตวามคิดเป็นเรื่องการปรุงแต่งจิตที่ มีอุปาทาน เป็นที่ตั้ง โดยหลงว่าเป็น ตัวตนของเรา เป็นเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวเรา เสมอ ดังนั้นความคิดจึงไม่ใช่ธรรม ความคิดจึงเป็นสัตว์  บุคคล ตัวตน เราเขา

ความฝันก็เช่นเดียวกับความคิด แต่เป็นช่วงที่เราหลับ หลับแบบลืมกาย คือหลับแบบไม่มีสติ จิตมันก็ล่องลอย เกิดความคิดจากสัญญาในอดีต เป็นต้น

เพราะฉนั้น เราปุถุชนม์คนธรรมดา เมื่อรู้ความจริงนี้แล้ว จงคิดในทางธรรม มีสติรู้สึกตัวในเมื่อต้องคิด เห็นความคิด และคิดในทางที่ประกอบไปด้วยกุศล เป็นประโยชน์  ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  เราก็จะอยู่อย่างธรรมดาไปตามกาลได้เพราะเราห้ามไม่ให้มันคิด นั้นทำไม่ได้ คนมันต้งคิด แต่ต้งคิดที่ประกอบไปด้วยไม่มีความอยาก และกิเลส

พี่สิงห์  อยู่สนามบินดอนเมือง กำลังจะเดินทางไปนครศรีธรรมราช ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15805 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2559, 06:41:57 »



อาหารเช้าต้องกินอย่างราชา

อาหารเช้ามีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่เราจะต้องดูแลมัน คือรูป เพราะรูปนี้ มันคู่กับจิต จิตอาศัยรูป และรูปก็อาศัยจิต เช่นกัน

เรานอนมาทั้งคืน รูป-จิตได้พัก(ถ้าหลับอย่างมีสติจะดีมากเพราะหลับแบบไม่คิด) เมื่อตื่นเช้าร่างกายต้องการสารอาหารอย่างยิ่ง และมีเวลาย่อยอาหาร เอาอาหารไปใช้งานไม่เหลือค้างใด ๆ

ดังนั้นอาหารเช้าจึงจำเป็นต่อร่างกาย เราต้องกินแบบมีสติ รู้ตัวในการเคี้ยวอาหาร ไม่ยินดีเพลิดเพลิน หรือชัง ในรสของอาหารที่กิน  กินแบบไม่มีความทยานอยาก กินเพื่ออยู่ กินอย่างผู้รู้ คือให้เป็นประโยชน์ต่อรูปเท่านั้น กินอาหารให้เป็นยา คือกินเท่าที่จำเป็นต่อรูป ไม่มาก ไม่น้อย เป็นประโยชน์ ครบทั้ง ๕ หมู่อาหาร และสองมื้อ

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15806 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2559, 08:59:50 »



การภาวนานั้น เราอย่าไปหวังต้องถึงขั้นนั้น ขั้นนี้ เอาเพียงเราภาวนาแล้ว สุขใจ  ใจสงบ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มันก็ไม่มีทุกข์แล้ว เพราะมันจะไม่เป็นอะไร กับอะไร มีแต่สติล้วน ๆ ถึงจะคิด กผ้คิดไปตามกิริยา ที่ไม่มีตัญหา เจือปน

ความสุขที่แท้จริง คือการภาวนาให้รู้ความจริงในรูป-นาม ให้เห็นธรรม สภาวธรรม ที่เกิดกับจิต เมื่อรู้แล้ว ก็ไม่หลงไปกับมัน เป็นเพียงผู้ดู เราก็ยังดำวงชีวิตในสังคมได้ มีกิจใดที่ต้องทำก็กระทำ โดยมีจิตที่เป็นกุศล ประกอบไปด้วยประโยชน์ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็พอแล้วครับ

ทุกสิ่งมันเป็นความจริง เกิดขึ้นจริง เมื่อรู้ก็เอามาปฏิบัติ
ธรรมนั้นพระพุทธองค์ท่านให้นำมาปฏิบัติ ในการดำรงชีวิตของเรา

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15807 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2559, 10:40:46 »



เราเกิดมา เพื่อใช้กรรมเก่า
เราเกิดมา เพื่อกระทำแต่กรรมดี เป็นกุศล ก่อประโยชน์
เราเกิดมา เพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้เกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องเกิดอีก

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15808 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2559, 19:23:51 »



พี่สิงห์คะ กลับมาอ่านช่วงบ่ายๆ วันนี้ แล้ว จิ๋วรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะที่ได้เป็นคนสัมภาษณ์และถ่ายทอดเรื่องเล่าของพี่สิงห์และชาวหอเรา อ่านท่อนที่พี่ตอบเรื่องราวของพี่ราเมศร์ตอนโน้น แล้วสะเทือนใจและประทับใจมาก  พี่สิงห์เล่าเรื่องได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ  และยังพิมพ์เก่งมาก
ซึ่งช่วยจิ๋วไปมากเลย  ขอบพระคุณค่ะ

จิ๋วยังคงมีบุญอยู่บ้าง ชอบฟังผู้ใหญ่คุย และชอบเรื่องเก่าๆ  ตอนเรียนเคยจับฉลากได้ไปสัมภาษณ์ อ เกษม สุวรรณกุล อธิการตอนปี 4 (2524) ด้วย
พอทำงานเป็นนักวิจัย (เรียนสังคมวิทยา รัฐศาสตร์) งานก้ต้องคุยกะคนหลายๆระดับ เก็บข้อมูล เขียนรายงาน สะท้อนมุมมองและวิเคราะห์
(ทำงานที่สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ )
จิ๋วจะพยายามทำงานชิ้นนี้ของพี่ให้ดีที่สุด มันน่าจะมีความหมายกะคนหลายคน
เนื้อหาทั้งหมด แม้อาจถูกทีมบรรณาธิการตัดทอน เพราะข้อจำกัดเรื่องหน้าและภาพรวมของหนังสือ
แต่ตัวเนื้อหานี้จะนำมาใช้ในรูปเล่มอื่นได้อีกแน่นอน
จิ๋วจะพยายามเก็บเนื้อหาที่พี่เล่าให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ค่ะ


พี่สิงห์
ได้มีโอกาสเขียนเรื่องราวตั้งแต่ตอนมาขออยู่หอพักกับท่านอาจารย์ประยูร   ร่มโพธิ์  เป็นหัวหอชาย การทำกิจกรรม และการมารับเป็นประธานชมรมนิสิตเก่าหอพัก จุฬาฯ และต่าง ๆ อีกมาก คอยติดตามอ่านกันได้  จากการเรียบเรียงของคุณน้องจิ๋ว  ได้ครับ ในหนังสือ 100 ปี หอจุฬาฯ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15809 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 05:42:30 »



อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

เมื่อวานมีคนถามว่า เราไม่สามารถจะบังคับจิตตนเอง ในการภาวนาได้  และเวลานอนมันก็ชอบฝัน!

มันก็ถูกต้องครับ สำหรับปุถุชนม์ คนธรรมดา ที่ยังไม่รู้ความจริงในรูป-นาม ยังหลงอยู่ในความคิด เป็นทาสของความคิด

จิตมนุษย์นั้น เวลากลางวันชอบคิด วิตกกังวลไปในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง คิดร่องลอยสร้างวิมาน วาดฝันในสิ่งที่ตนปราถนา เพราะสุขใจที่ได้คิด และ
ในเวลากลางคืน ก็ชอบฝัน(คิด)จากสัญญาที่เคยประสพ หรือสร้างวิมานไปเรื่อย ๆ มันก็เป็นจริง เพราะเราบังคับติตตนเองไม่ให้คิด ไม่ให้ฝันไม่ได้

แต่เราสร้างเหตุให้เกิดขึ้นได้ เพื่อให้คิดน้อยลง ฝันน้อยลงได้  ด้วยการภาวนา จนสามารถแยกรูป แยกนามได้ ทำให้รู้จัก -เห็นรูป และรู้นาม เป็นอิสสระแก่กัน เป็นผู้ดูด้วยสติ ได้

ดังนั้น เราปุถุชนม์คนธรรมดา จงทำเหตุให้เกิดด้วยการภาวนาให้มาก มันจะคิดน้อยลง และเมื่อคิด ก็รู้ตัวว่าคิด มันจะคิดก็คิดในธรรม ก่อประโยชน์ เป็นกุศล เทอญ  แต่ทางที่ดีให้รู้สึกตัวในฐานกายเข้าไว้ จะคิดน้อยลง

ทำนองเดียวกัน เราปุถุชนม์คนธรรมดา เวลานอน อย่าไปฝันเลย มันจะเคยตัว จิตมันชอบ จงมีสติที่ฐานกายให้หลับไปด้วยสติ  ตื่นขึ้นมาก็ให้รู้สึกตัว ที่ฐานกายทันทีฝห้มันหลับไปด้วยสติอีกครั้ง แบบนี้ อย่าไปหลงฝันมีแต่ทุกข์ หลับไม่สนิท

สรุป ถึงแม้เราจะบังคับจิตไม่ให้คิด ไม่ให้ฝัน ไม่ได้ เพราะมันเป็นอนัตตา  แต่เราสามารถทำเหตุให้เกิดได้ที่ไม่ต้องคิด ต้องฝัน คือการภาวนา มันจะคิด จะฝันในระยะแรก ก็ปล่อยมัน ขอให้รู้สึกตัว ยื้กับ นด้วยเวลา  สุดท้ายท่านก็จะเอาชนะจิตท่านได้ เมื่อจิตมีสมาธิสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15810 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 17:04:49 »



วันนี้ ซีมะโด่ง 2513
มีนัดสังสันต์  ร้องเพลง คาราโอเกะ ที่สำนักงานสมาคมฯ ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15811 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 17:06:19 »



หอชาย 2513 มาเท่านี้เอง
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15812 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 17:15:22 »



พี่สิงห์ที่เคารพ
หนิงเข้ามารายงานความคืบหน้าคะ!
ไก่ฟ้าจบการศึกษา รับผลสอบ
รับผลAbiturเรียบร้อยเมื่อวานคะ
รอผลการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
แกกำลังทำใบขับขี่ค่ะที่จะสอบข้อเขียน 22 กค.
หลังจากนั้นจึงจะสอบขับ สิงหา,แกจะท่องโลก
3เดือน มาเมืองไทยและเวียตนาม จนถึงพฤจิกา
พรุ่งนี้,แกจะไปทำงาน jobเด็กนักเรียนเป็นเวลา 7weeks
หาสตังส์เที่ยวเมืองอาเซียน...ปลายปีจึงจะทราบแน่ๆ
แกจะเรียนที่ไหนคะ.

จะเข้ามารายงานเป็นระยะๆนะคะ.



      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15813 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 17:24:06 »

ผลสอบอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้คะ
เกริ่นๆจาเรียนเทวะวิทยา!!
วิชาศาสนา???หนิงตาเหลือกอยู่นี่
แต่หากแกชอบทางนี้(sehr gutวิชาศาสนาค่ะ!!)
ก็ไม่ว่ากันคะ พ่อลุ้นให้เรียนทางด้านfoodค่ะ
ตะล่อมอีกนิดมีเวลาอีกหลายเดือนพี่.

ไก่โต้ง,วิศวกรรมศาสตร์
ทางด้านอากาศยานเทคนิค
(Luft-und Raumfahrttechnik)
เทอมที่ 4 ลั่ลล๊าคะตามแบบฉบับ..
สายเลือดจุฬาฯ!!





      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15814 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 17:30:56 »

ชีวิตพวกเค้า..
สายเลือดใหม่ชาวหอ..
กำลังไปทีละขั้นคะ
ช้าๆ...ทว่ามั่นคง.






nn.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15815 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 18:13:04 »

สวัสดี ค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

ขอบคุณมากค่ะ ที่รายงานให้ทราบ
วิชาเทวฯ มันเป็นเรื่องความเชื่อทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ใช่พุทธศาสนาเลย ไม่ถูกต้อง ไม่น่าเรียน น่าจะเรียนทางด้าน food ถูกต้องแล้ว

มาเมืองไทยเมื่อไร บอกด้วย ค่ะ

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15816 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 18:16:25 »



ไก่ฟ้า  สูงกว่าแม่แล้ว และสวยด้วย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15817 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 18:20:26 »



ไก่ฟ้า  พูดภาษาไทย ได้ไหม?
พูดภาษาอังกฤษ ได้ไหม?
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15818 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 18:44:43 »

พี่สิงห์ที่เคารพ
เทววิทยาต้องเรียนศาสนาเปรียบเทียบ
ทุกศาสนาใหญ่ ต้องเรียนละติน เรียนเฮเบรช(ภาษายิว??)
แกบอกหากผสมผสานกะวิชาทางด้านEducation การศึกษา
หรือครุฯบ้านเรา แกจะมีโอกาสหางานทางด้านหน่วยงานของ
รัฐทางด้านสังคมหรืองานสอน/เป็นครูได้ง่ายกว่าคะ.
จริงๆแล้วแกต้องการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยTübingen
แต่หากเปลี่ยนใจ,ยังมีทางด้านfood techฯที่แฟนหนิงแนะนำได้

แกอยากท่องเที่ยวก่อน
นี่ไปใต้ หนิงตะล่อมให้จองโรงแรมพี่ต้อยคะ
จะได้จับตาได้ไม่ห่วงมาก..ตั๋วเครื่องบินตปท.
จองเรียบร้อย สายการบินภายใน ไปใต้ไปเหนือ
ไปเวียตนามจองเรียบร้อย ขาดแต่พวกที่พัก
แกจะมาแบบbackpack touristค่ะ

พรุ่งนี้เริ่มงานjobก่อน
เรื่องใบขับขี่ต้องเสร็จก่อน
ทีละเรื่องคะ

ภาษาอาจต้องผสมผสานคะ
ไทย-อังกฤษ ผจญภัยดีค่ะ
เชื้อพ่อเชื้อแม่ก็ช่างผจญภัย-ไม่กลัว



ส้นสูงพี่!
ส้นสูง.

      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15819 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 19:12:44 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

ตอนนี้เธออยู่เมืองไทย หรือเยอรมัน

Back pack ต้องมีเพื่อนเดินทาง สอง-สี่คน จะได้สบายใจ

ถ้าเรียนทางพุทธ  อยากให้ลองไปอยู่วัดป่าสุคะโต สักหนึ่งอาทิตย์ ไปภาวนาดู  ลุงสิงห์  จะพาไป แต่ต้องรักษาศีล ๘ ค่ะ จะได้รู้จักพุทธศาสนาจริง ๆ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15820 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 19:37:30 »


พี่สิงห์ที่เคารพ
หนิงอยู่เยอรมันนีลั่ลล๊าทุกวันมิเปลี่ยนแปลงคะ
ลูกจะมากันแบบนักท่องเที่ยวจริงๆคะ..ที่พักถูกๆ
ขอให้สะอาดสอ้าน นอกนั้นแกจะเดินทางสำรวจเอง
เด็กเยอรมันลูกเพื่อนมหาลัยแฟนหนิงก็ทำแบบเดียวกันคะ
คือAbiturเสร็จแบกเป้มาเมืองไทยกันสองสาว..กล้าจริงๆ!
เด็กพวกนี้จะกลับไปอย่างผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบต่อตัวเอง
ลูกหนิงมากะเพื่อนเด็กสาวที่อยู่แถวบ้านนี้แหละคะ..
หลายคนจะขาดความคล่องตัวคะหนิงว่า...2คนนี่,
หนิงโทรมาเมืองไทย organizeญาติพี่่น้อง มือที่มองไม่เห็น
ให้กำกับดูแลอีกทีคะ ทั้งที่กรุงเทพ-สงขลา-หากไปกระบี่
ให้แกจองโรงแรมพี่ต้อยดีกว่าคะหนิงจะได้ตามข่าวได้
แกจะอยู่ให้ทันงานลอยกระทงเชียงใหม่ อาจให้พี่สาวบินไปด้วย
น้องสาวหนิงอยู่เชียงใหม่คะฝากๆดูกันได้
แกอยากทำอะไรเองคะ...จุ๊ๆต้องแอบๆorganizeเบื้องหลัง!
แต่มาเมืองไทยยังดีกว่าแกจะไปbackpackกะเพื่อนที่ตุรกี!!
นั่นเข้ารกเข้าพงเลยล่ะพี่ ไม่ค่อยปลอดภัยเมื่อเทียบกะเมืองไทย.

เรื่องเข้าไปชมวัด แกคิดแผนวัดต่างๆในกรุงเทพไว้แล้วคะ
วัดที่เชียงใหม่ สงขลา กระบี่..อีก เผลอๆไม่ได้ชมวัด
ญาติมารับไปกินตลอดไม่ได้เที่ยว!!
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15821 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 20:15:25 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

มาเมื่อไร? บอกพี่สิงห์  จะพาไปนครศรีธรรมราช
ค่ะ ถ้าอยากไป และสมุย หรือจะเลี้ยงข้าวค่ะ

มีเพื่อน สองคน ดีแล้ว ช่วงนี้ให้หัดพูดไทย ให้มาก ๆ จะได้มีตัวช่วยในการเดินทาง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15822 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 20:17:48 »

มากรุงเทพฯ ให้ไปนอนที่หอจุฬาฯ สะดวกทุกประการ มีข้าว ห้องพักสะอาด สยามสะแควร์ ปลอดภัย และรถไฟฟ้า

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15823 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2559, 20:20:15 »

ถูกสตางค์  ไม่ต้องเสีย พี่สิงห์  จองให้เอง ห้องติดแอร์  สองเตียง มีตู้เย็น ทีวี แต่ต้องจองล่วงหน้า

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15824 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2559, 05:28:19 »



Everry things possible.



โปร.ธงชัย  ใจดี
ได้ไปแข่ง โอลิมปิค ที่บราซิลแน่นอนแล้ว เพราะแช้มป์นี้
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 631 632 [633] 634 635 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><