26 เมษายน 2567, 09:19:50
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "๑๙ คมความคิดเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพื่อขยับชีวิตดีๆ รับพลังปีเสือ ๕๓"  (อ่าน 48209 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 17:12:11 »


                                

                        ๑๙ ข้อคิดพินิจธรรม   เพื่อขยับชีวิตดีๆ  รับพลังปีเสือ ๕๓

๑.  หากเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีวันมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง

๒.  ความพยายามครั้งที่ ๑๐๐ ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทํา

๓.  การศึกษาคือความรู้ที่ได้มาไม่ใช่สถาบัน

๔.   อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่ายึดติดถือติด

๕.   อ่อนโยน  แต่อย่าอ่อนแอ

๖.   ถ้าคนเราไม่ปล่อยวางอดีต ก็ไม่รู้จักอนาคต

๗.   มนุษย์แท้จริงแล้วไม่ได้โตด้วยอาหาร แต่โตด้วยความลําบาก

๘.   ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร  แต่ตัดใจต้องใช้เวลา

๙.   ทําแล้วเสียใจ  ยังดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทํา

๑๐.   จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทําตัว  จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทํา

๑๑.   ความจริงของคนๆ หนึ่ง ไม่ใช่ความจริงของคนทั้งหมด

๑๒.   อย่าเก็บอดีตมาทําร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรืยนรู้จากมัน

๑๓.    อย่ารอคอยในสี่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ากลัวในสี่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลื่ยนแปลงมันได้

๑๔.   กําลังใจเป้นสี่งสําคัญ  หัดเติมให้คนอื่น  แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

๑๕.   ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเรี่มใหม่หรือกดโหลดได้

๑๖.   เราซื้อนาฬิกาได้แต่เราไม่สามารถซื้อเวลาได้

๑๗.   การแต่งงานเป็นเรื่องง่าย แต่การครองเรือนมันเป็นเรื่องยาก

๑๘.  มีเพียงคนอ่อนแอเท่านั้นที่รักตัวเอง  ผู้เข้มแข็งเปิดหัวใจให้คนทั้งโลก

๑๙.   คนทําดีไม่จําเป็นต้องให้ใครเห็น แต่มันอยู่ที่ใจเราต่างหากที่เห็นมัน

   ขอขอบคุณLEOzenith Webmaster วัดสะแก ที่เอื้อเฟื้อบทธรรมะ

       http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=391.0

                              
      
หลักข้อคิดดี ๆ นำมาให้พวกเราใช้ ทำใจในเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันให้มีสุข

                            รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 22:39:02 »


 ๑๙ คมความคิดเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพื่อขยับชีวิตดีๆ รับพลังปีเสือ ๕๓ มาใช้ ทำใจ

         โดยข้อยกคำเทศนา ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี

วันอาทิตย์ ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

         มีคติธรรมที่สำคัญ ใน  เรื่อง

                                 "การทำใจ"

                        

              พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค ๒

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

....................................................................

ขอความสุขสวัสดี ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

การทำใจ ในทางพุทธศาสนา เป็นหลักคิด ทำให้พ้นทุกข์

หลักคิดนี้ นำมาจากความจริงขั้นปรมัตถ ไม่ใช่ สมมติ ว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ โลกธรรม ๘ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ

เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ และ นินทา

ทุกโลกธรรม ที่เกิดขึ้นนั้น เราบังคับให้เกิดตามใจไม่ได้

แต่เราสามารถเปลี่ยนวิธีคิด หรือ ทำใจ ให้ถูก ไม่ทำใจผิด ได้

ตัวอย่าง

ตัวอย่างที่ ๑ ถูก ด่า

ทำใจผิด โกรธ จะหาทางแก้แค้น จะหาทางเอาชนะ คนด่า

ให้ได้ ทำให้ใจได้รับความทุกข์

ทำใจถูก วางเฉย เห็นเป็นธรรมดาของโลก แล้ว

ใช้สติ ปัญญา พิจารณา ว่า เพราะ อะไร แล้วแสดงออก

ให้ถูกต้อง เช่น ถ้าผิดขอโทษ ถ้าไม่ผิด ชี้แจง ให้ทราบ

ตัวอย่างที่ ๒ ถูก กิเลส โลภ โกรธ หลง ครอบงำ

ทำใจ ผิด เห็นว่า ตายแล้วสูญ ไม่ต้องรับกรรมชั่ว ถ้าไม่มี

คนเห็น ทำตามกิเลส ได้ ชาติหน้าไม่มีตายแล้วจบกัน

แต่ความลับไม่มีในโลก สักวันหนึ่งความชั่ว ที่ทำย่อม

ปรากฏ ต้องรับผลกรรมในที่สุด ในชาตินี้

ทำใจ ถูก เห็นว่า มีชาตินี้ ชาติหน้า มี บาป บุญ นรก สวรรค์

ต้องรับผลกรรมที่ทำ จึงทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่ว

ผลจากการทำ ดังกล่าว จิตใจ จะแจ่มใส

ทำความดี ชาตินี้ ก็จะได้รับผลกรรมดี ที่ได้สร้างไว้

ถ้า มีชาติหน้าจริง ก็จะได้รับผลกรรมดี เป็นของแถม

เป็นต้น

ธรรมะ เหมือน เลนส์แว่นตา เอาไว้มองโลกให้ถูกต้อง

เพื่อทำใจได้ถูกตามที่เห็น มีธรรมะที่ ให้ไว้มากมาย

เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ได้

จึงขอให้ ทุกท่าน จงทำใจให้ถูกต้อง ด้วยหลักธรรม

เพื่อพ้นทุกข์ได้โดยทั่วหน้ากัน

ขอความสุขสวัสดี จงมีต่อสาธุชนทั้งหลาย

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

๑๐๐ ข้อคิดพินิจธรรม นำมาใช้ทำใจได้ เมื่อประสบกับ โลกธรรม ๘

เพื่อให้ใจมีความสุุขเพื่อขยับชีวิต ที่ดีรับปีเสือ ๕๓

ขอยกตัวอย่าง เมื่อตัดสินใจ แล้วพบว่า ผลที่ได้ไม่ดีดังที่ต้องการ  

ทำใจผิด คิดเสียใจไม่น่าตัดสินใจ อย่างนี้เลย โทษคนอื่น โทษตนเอง ผลที่ได้ ชีวิตแย่ลง

มาทำใจถูก ใช้ข้อ ที่

๙๙. ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ควรยึดถือมั่น

๑๐๐. มันเป็นเช่นนั้นเอง

         เห็นตามข้อธรรม ๙๙ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ควรยึดถือมั่น ๑๐๐ มันเป็นเช่นนั้นเอง ทำใจตาม

ได้ จะมีความสุขกับการตัดสินใจนั้น แล้วหาทางเดินหน้าต่อไปในเส้นทางที่เลือกให้ดีที่สุดได้

         จึงอยากให้พวกเรา นำธรรมะ ดี ๆ มีมากมาย ที่่เหมาะกับสถานการณ์มาคิดตามแล้วจะมี

ความสุขได้ถึงแม้ประสบ ด้านร้ายของโลกธรรมก็ตาม


http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham&month=21-03-2010&group=14&gblog=43

         gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 07 มีนาคม 2553, 13:53:35 »


                     
          การอยู่นิ่งเฉยบางครั้งจึงยากกว่าการไม่ยอมอยู่นิ่ง ยิ่งในยามที่ต้องเผชิญเหตุร้าย การอยู่นิ่งเฉยอาจทำให้พ้นอันตรายได้ การรู้ว่าเมื่อไรควรอยู่นิ่งเฉยจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของชีวิต ในหนังสือเรื่องชวนม่วนชื่น พระอาจารย์พรหมเล่าถึงนายทหารชาวอังกฤษผู้หนึ่งซึ่งนำกองร้อยออกลาดตระเวนในป่าพม่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่กำลังหยุดพัก มีทหารมารายงานว่าพบกองทหารญี่ปุ่นหลายกองร้อยอยู่ในบริเวณนั้นและกำลังโอบล้อมอยู่ หลายคนคาดว่านายทหารผู้นั้นจะต้องออกคำสั่งให้ต่อสู้เพื่อตีฝ่าวงล้อมออกไป อย่างน้อยก็คงมีใครบางคนรอดตาย หรือถึงตายกันหมด ก็ยังได้ปลิดชีวิตข้าศึกให้ตายตามกันไปด้วย

          ตรงกันข้าม นายทหารกลับสั่งให้ลูกน้องอยู่เฉย ๆ นั่งลง แล้วชงชาดื่ม ทหารเกือบทั้งหมดประหลาดใจในคำสั่ง แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หลายคนดื่มไปกระสับกระส่ายไป แต่ก่อนที่จะดื่มชาเสร็จ หน่วยลาดตระเวนก็มารายงานว่าข้าศึกได้เดินผ่านไปแล้ว ได้ฟังเช่นนั้นนายทหารก็สั่งให้ทุกคนรีบเก็บสัมภาระอย่างเงียบ ๆ แล้วเคลื่อนย้ายโดยเร็ว

         นายทหารรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีอะไรดีกว่าการอยู่นิ่งและพร้อมรับมือกับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ในระหว่างที่รออีกฝ่ายเข้ามาปะทะ ไม่มีอะไรดีกว่าการดื่มชาให้สบายอารมณ์ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการจมอยู่ในความตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว

         ความพากเพียรไม่ยอมวางมือแม้ประสบความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า กับการอยู่นิ่งเฉย แม้มีอันตรายมาประชิดตัว หาใช่ขั้วตรงข้ามกันไม่ หากเป็นสิ่งที่หนุนเสริมกัน และต่างต้องอาศัยสติและปัญญาเป็นพื้นฐาน พากเพียรแต่ขาดปัญญาย่อมทำให้หลงทางและห่างไกลจากเป้าหมายที่ต้องการ การมีสติทำให้ไม่พะวงกับเป้าหมาย สามารถทุ่มเทจิตใจให้กับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่ ในทำนองเดียวกัน ปัญญาก็ทำให้รู้ว่าเมื่อไรจึงควรนิ่งเฉย ส่วนสติก็ทำให้ใจสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่ออันตรายที่ใกล้เข้ามา ชีวิตไม่อาจเจริญงอกงามได้หากขาดอันใดอันหนึ่ง จะว่าไปแล้วหากทำเต็มที่ พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ขณะที่รอผลปรากฏออกมา ไม่มีอะไรดีกว่าการสงบนิ่ง เพราะใจที่ปลอดโปร่ง ไร้กังวล ย่อมดีกว่าใจที่กระสับกระส่าย ในเมื่อวิตกกังวลไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่ทุกข์เปล่า ๆ แล้วจะกังวลไปทำไม

         ใช่หรือไม่ว่า“ถ้าปัญหาแก้ได้ จะวิตกกังวลไปทำไม” ในยามนั้นสิ่งที่ควรทำคือลงมือแก้ไขอย่างเต็มที่ พากเพียรไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะแก้ได้ในที่สุด

         “ แต่ถ้าปัญหานั้นแก้ไม่ได้ มีประโยชน์อะไรที่จะวิตกกังวล” ไม่ดีกว่าหรือหากจะทำใจสงบนิ่งและยอมรับความจริง เคล็ดลับแห่งการสร้างดุลยภาพระหว่างความเพียรกับการอยู่นิ่งมีอยู่แล้วในภาษิตธิเบตดังกล่าว

อ่านบทความทั้งหมดได้ที่

http://www.visalo.org/article/sarakadee255301.htm

         รักนะ รักนะ รักนะ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 07 มีนาคม 2553, 15:23:42 »


                            

                              ยมพบาล

นิตยสารสารคดี : ฉบับที่ 291 :: พฤษภาคม ๕๒ ปีที่ ๒๕

คอลัมน์ริมธาร :  นรก มิใช่ใครอื่น

                              รินใจ

         คำตอบของท่านก็คือ “คุณรู้ไหม ความสงบที่คุณแสวงหา หากหาไม่ได้ที่กรุงเทพ ฯ ก็หาไม่ได้หรอกที่วัดของอาตมา”

         คำตอบของ พระธิเบต รูปนี้  ทำให้นักศึกษาหนุ่มได้คิด และเปลี่ยนใจ เขากลับเมืองไทยเมื่อสำเร็จการศึกษา แม้เวลาจะผ่านไปกว่า ๓๐ ปีแล้ว ถ้อยคำดังกล่าวก็ยังประทับแน่นในใจของเขา

         ความสงบที่แท้จริงนั้น หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากใจของเราเอง

         ที่อื่น ๆ นั้นให้ได้แค่ความสงบชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าใจไม่สงบเสียแล้ว ไม่นานก็ต้องมีเรื่องหงุดหงิดรำคาญใจ ถ้าไม่ใช่กับผู้คนแวดล้อม ก็ดินฟ้าอากาศ ครั้นอยู่คนเดียว ก็ยิ่งกระสับกระส่าย กลัวนี่ระแวงนั่น โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดนั้นเกิดจากการปรุงแต่งของใจที่ไม่อยู่สุข

          รักนะ รักนะ รักนะ

         นำตัวอย่าง ข้างต้น มายืนยันว่า การหาความสุขภายนอก สู้ การหาความสุขภายใน หรือ  

         การทำใจ โยนิโสมนสิการ ไม่ได้ นั่นเอง

        นำมาจาก

         http://www.visalo.org/article/sarakadee255205.htm

                   รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #4 เมื่อ: 07 มีนาคม 2553, 16:38:42 »


โยนิโสมนสิการ กับการเมืองในยุค ขยะข้อมูล ปฏิกูลข่าวสาร ...


การเมืองเป็นเรื่องต้องคิด ...


คิดถูกวิธี (อุปายมนสิการ) รู้จักคิดอย่างไม่หลงทิศผิดทางทั้งปริยัติการและปฏิบัติการ


คิดมีระเบียบ (ปถมนสิการ)
รู้จักคิดอย่างเป็นขั้นตอน ไม่ด่วนสรุปตามเหตุการณ์ข่าวที่เป็นแต่ค่อยๆ เรียบเรียงระดมสติอย่างมีขั้นตอน


คิดมีเหตุผล (การณมนสิการ) รู้จักคิดโยงจากเหตุไปหาผลเกื้อกูลสัมพันธ์กันอย่างรู้เท่าทัน รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ ถึงคราวแย่ก็ไม่จมหัวปักหัวปำ


คิดเป็นกุศล (อุปปาทกมนสิการ) รู้จักคิดสร้างสรรค์ คือรู้จักคิดในเชิงบวก คิดหาสาระจากสิ่งที่ไร้สาระ คิดให้เป็นสุขในภาวะที่เป็นทุกข์ได้ ดังวาทะกรรมของขงจื้อว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนสองคนเดินสวนทางมา คนหนึ่งเป็นคนดี อีกคนหนึ่งเป็นคนเลว คนทั้งสองเป็นครูของข้าพเจ้าได้เท่ากัน เมื่อเห็นคนดี ข้าพเจ้าพยายามเอาอย่างเขา เมื่อเห็นคนเลว ข้าพเจ้าพยายามไม่เอาอย่างเขา”
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 19 เมษายน 2553, 08:12:56 »


                    

         ใจ ของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า
เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น
สถานภาพของห้องก็จะเปลี่ยนไปทันที เป็นต้นว่า
เรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง เมื่อ - -


เราใส่น้ำเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องน้ำ

เราใส่พระพุทธรูปเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องพระ

เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องครัว

เราใส่เครื่องนอนเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องนอน

เราใส่ชุดรับแขกเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องรับแขก

เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องวีไอพี

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         ห้องแห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย
ทุกครั้งที่เราบรรจุอะไรเข้าไปในใจ ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน


เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี

เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ

เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน

เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม

เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ

เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้

เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย

         gek gek gek

         เห็นด้วยหรือไม่ว่า ใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย
เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้


         พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า

ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ ใจเป็นผู้สร้างสรรค์ ... หรือบางทีก็ตรัสว่า

จิตฺเตน นียติ โลโก แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ

โลกในที่นี้ หมายถึง ชีวิตของเรานั่นเอง โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา

หมุนตรงหรือหมุนเอียง หมุนไปข้างหน้า หรือว่าหมุนไปข้างหลัง

ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมขอ! งใจทั้งห มดทั้งสิ้น

         ใจของเราไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เราบรรจุอะไรลงไป ชีวิตของเราก็เป็นไปตามสิ่งที่บรรจุนั้น ทุกวันนี้ เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราบรรจุอะไร ลงไปในห้องแห่งหัวใจของเราบ้าง ความรู้ ความงมงาย ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความดี ความชั่ว ความริษยา ความหน้าด้าน ความสะอาด สว่าง สงบ หรือความตื่นรู้ ชีวิตจะเป็นอย่างไร รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง ...

                 ว.วชิรเมธี

          sleep sleep sleep

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #6 เมื่อ: 19 เมษายน 2553, 09:27:36 »

เมื่อคืนดูรายการ ช่อง 5 ... ตลาดสดสนามเป้า

เจอวลีเด็ด เอามาฝากครับ ...

"กูว่าแล้ว ในโลกนี้ มีปัญหา
เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยเฉย
ของ 3 สิ่งนี้มีนานแล้วไม่เปลี่ยนเลย
พี่น้องเอ๋ย ใครถือสา ก็บ้าตาย"


ปล.

ประมาณนี้นะครับ จำมา ไม่ได้จด เลยอาจผิดบ้างแต่ก็เนื้อหาแนวๆ นี้ เอามาฝากกัน  ปิ๊งๆ

      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #7 เมื่อ: 19 เมษายน 2553, 10:04:50 »

 


กลอนในรูปนี้ ...

ชอบมากครับ สมัยเรียนม.ปลาย เจอจากบัณฑิตแนะแนว  เต็มๆ ประมาณว่า

"ทางข้างหน้า รางเลือน เหมือนว่างเปล่า
แดดจะเผา ผิวผ่อง เธอหมองไหม้
ที่ตรงโน้น มีหุบเหว มีเปลวไฟ
ถ้าอ่อนแอ จะก้าวไป อย่างไรกัน"

      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 18:49:47 »





                                                          สติ เป็นทางสายเอกสู่ความสุข

                                                 

                                            พระไพศาล วิสาโล


                                                             
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553, 07:02:48 »


ได้ข้อความดี ๆ นี้มาจากอีเมลล์ มานำเสนอ อีกแล้วครับท่าน  ปิ๊งๆ.

















 รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2553, 14:14:16 »


ความสุขซ่อนไว้ที่ไหนดี....

มีมารน้อย 3 ตน แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์
เอาไปแล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี


ตนแรกก็ว่า ควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก

แต่มารน้อยตนที่2ว่า เพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้น ไม่กลัวความสูง แต่กลัวหายใจไม่ออก
เพราะสังเกตได้ว่า ดำน้ำได้นิดเดียวก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว เพราะกลัวหายใจไม่ออก
แต่บนภูเขาอากาศดี มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า

มารน้อยตนที่3 แย้งว่า อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่ง
สร้างเครื่องมือหาของในทะเล ในอากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ

แต่สังเกตได้ว่า นัยน์ตามนุษย์มองไปข้างนอก หูก็ชอบฟังเสียงข้างนอก
ชอบไปเที่ยวข้างนอก เราควรแอบเอาไปซ่อนไว้ในใจมันดีกว่า มนุษย์หาไม่เจอแน่ ๆ
เพราะว่ามนุษย์ชอบหาความผิดของคนอื่น ไม่ชอบขัดใจตัวเอง
ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง


มารน้อยทั้ง 3 ตน ก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน

ตั้งแต่นั้นมา มารน้อยก็เอาความสุขของมนุษย์มาซ่อนไว้ที่ใจ
มนุษย์ผู้โง่เขลาจึงออกไปหาความสุขที่อื่น ที่ภูเขา ที่ชายทะเล ที่คลับ ที่ร้องเพลง
จึงหาความสุขไม่พบ ต้องออกไปข้างนอกหาความสุขในที่ผิด ๆ ตลอดมา


อนึ่งคนที่ไปเที่ยวเธคเที่ยวคลับกินเหล้า เพราะว่าเขามีทุกข์
จึงต้องออกไปหาความสุขมากลบเกลื่อน มาเฉลี่ยเพื่อให้ทุกข์นั้นน้อยลง
แต่พอเมาแล้วกลับบ้าน หายเมาตื่นเช้ามา ทุกข์นั้นก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
โดยหารู้ไม่ว่าความสุขที่เฝ้าติดตามเฝ้าหา อยู่ที่ใจตัวเองนั่นเอง

ใยต้องออกไปหาความสุขที่อื่น .............ต่อให้หาเท่าไหร่
แต่ใจยังร้อนรุ่ม ไม่สงบ ก็หาสุขนั้นไม่พบหรอก.........


 gek gek gek

ได้มาจากอีเมลล์ พวกเราตามหาความสุขกันไม่เจอ เพราะ
ความสุข ถูกซ่อนอยู่ที่ใจเราเอง ต้อง ตามหา ที่ ใจ

ทุกข์ มีไว้ให้เห็น แต่ไม่ได้มีไว้ให้เป็น ถ้าเห็นได้อย่างนี้ ก็จะพบว่าความสุขอยู่ที่ใจนี่เอง

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2553, 06:48:52 »




นำสิ่งดีๆ มาฝาก...หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี” เป็นการทำใจให้ถูกเมื่อมีปัญหา 20 ข้อ ที่น่าสนใจมาก
 
http://www.vimuttayalaya.net/vAbout.aspx

๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
  
๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
  
๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข
  
๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน
  
๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
  
๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา
  
๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
  
๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ
  
๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา
  
๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
  
๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
  
๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า
  
๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
  
๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
  
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง
  
๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
  
๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
  
๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
  
๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

 win win win


 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #12 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2553, 14:18:11 »


Fw: "คนเลี้ยงไก่"...คติธรรมดี ดี โดย หลวงพ่อชา
From:    Charoenchai Taitilanunt (charoenchai.t@thaiairways.com)
Sent:   Wednesday, June 16, 2010 1:48:17 PM
To:   Cmadong Member and Co.




  
หลวงพ่อชา ... " คนเลี้ยงไก่ "
Enjoy your life Everyday


หลวงพ่อชา - “ คนเลี้ยงไก่ ”

มีคนเลี้ยงไก่  2 คน

คนที่  1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ แล้วก็เก็บ



" ขี้ไก่ "  ใส่ตะกร้ากลับบ้าน!!

แล้วทิ้งไข่ไก่ให้เน่าไว้ในโรงเรือน เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน  
ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่ง ไปด้วยกลิ่นขึ้ไก่ !!! คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็น!!!

คนเลี้ยงไก่คนที่  2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ เก็บ



" ไข่ไก่ " ใส่ตะกร้าเอากลับบ้าน

เขาเอาไข่ไก่ลงเจียว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย
ไข่ไก่ที่เหลือเขาก็ เอาไปขาย แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก.....

ในชีวิตของเรา   พวกเรา เป็นคนเก็บ

" ไข่ไก่ " หรือ เก็บ " ขี้ไก่ "

เราเป็นคนเก็บ " ขี้ไก่ " โดยเฝ้าแต่เก็บเรื่องร้ายๆ แย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไว้ในหัวของเรา และ
มีความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน!!!

หรือเราเป็นคนที่เก็บ " ไข่ไก่ " เราจดจำสิ่งที่ดีๆที่เกิดในชีวิตของเรา และ
มีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมัน!!

คนเราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ " ขี้ไก่ "
เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจ ฯลฯ มักจะติดอยู่ในใจ
ของเรานานเท่านาน

ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ " ไข่ไก่ " กับชีวิต
ทิ้ง " ขี้ไก่ " ไปเถอะ ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที ...


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

จงยังประโยชน์ ณ.ปัจจุบัน ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด

 sleep sleep sleep
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #13 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2553, 10:10:35 »


[narongsak.com] อีกมุมมองของชีวิตคน‏
From:    narongsak@yahoogroups.com on behalf of Chawannut Lerdchalunthorn (chawannutsu@gmail.com)
Sent:   Friday, July 09, 2010 10:37:15 PM
To: Cmadong member and You

--------------------------------------------------------------------------------



มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถเมล์ที่กำลังตรงไปในเมืองในหุบเขา   มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ลงกลางทาง   
หลังจากที่พวกเขาได้ลงแล้ว   รถเมล์ก็วิ่งต่อไป   แต่เพียงไม่นานก็มีหินก่อนขนาดมหึมาได้ตกลงมา
จากที่สูงมาก   และทับรถเมล์คันนั้นพังยับเยิน   ทุกคนที่อยู่ในรถในเวลานั้นเสียชีวิตทั้งหมด   
คู่รักคู่นั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ก็พูดขึ้นว่า

'ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ!'   

คนส่วนใหญ่น่าจะคิดว่า  ' ยังดีนะที่เราลงจากรถก่อน! '   
แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดสิ่งที่ต่างจากคนส่วนใหญ่   คุณคิดว่าเพราะอะไร Huh?   

--------------------------------------------------------------------------------

ตอบมาก่อนนะว่าคิดว่าไง   เดี๋ยวจะเฉลยทีหลัง 





























ขอเฉลยนะครับ



ถ้าพวกเขายังคงอยู่และไม่ได้ลงจากรถ   รถเมล์คันดังกล่าวก็จะไม่ต้องหยุดรถเพื่อพวกเขา   
และจะขับเลยตำแหน่งที่หินถล่มลงมา!!   

 gek gek gek

ในชีวิตของพวกเรานั้น   ให้ลองมองด้วยมุมมองที่ต่างจากของตัวเองและพยายามเข้าใจและ
ช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น   อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างขาดสติและเฉยเมย   ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปเลย
   

คุณตอบปริศนาข้างบนถูกมั้ยครับ ?
ถ้าคุณตอบเหมือนคู่รักคู่นี้ แปลว่าผมตาถึงมากที่ได้คุณมาเป็นเพื่อน
แต่ถ้าคุณตอบผิด   ก็ยินดีกับคุณด้วยที่เป็นเหมือนผม   และ ขอให้ช่วยส่งข้อความนี้   
ต่อไปให้กับเพื่อนที่ คุณรักด้วย

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #14 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2553, 17:31:42 »


Fw: Good thoughts : คิดเหมือนมด‏
From:    Charoenchai Taitilanunt (charoenchai.t@thaiairways.com)
Sent:   Thursday, July 29, 2010 2:56:55 PM
To:Cmadong member and You


       
ปรัชญาที่ 1 มดไม่เคยละความพยายาม
หากมันมุ่งหน้าไปทางทิศใด แล้วเกิดอุปสรรค = ถูกปิดกั้นหนทาง
มันจะพยายามหาทางเดินทางอื่น มันจะได้ขึ้นไต่ลงไต่ไปรอบๆมันจะมองหาหนทางอื่นเสมอ

ข้อคิด

จงอย่าละความพยายามในการหาหนทางไปสู่สิ่งที่หมายมาด
    
             
    
ปรัชญาที่ 2  มดคิดถึงฤดูหนาวตลอดฤดูร้อน
มันไม่เคยรักสบายจนคิดเพียงว่าคิมหันต์ฤดู จะคงอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น มันจึงพยายามเก็บสะสมเสบียงไว้สำหรับเหมันต์ ตลอดฤดูคิมหันต์หรรษา

ข้อคิด

จงตระหนักถึงความเป็นจริง และเตรียมรับกับเหตุการณ์ในอนาคต       
    
      
               
                               
   
ปรัชญาที่ 3  มดคิดถึงฤดูร้อนตลอดฤดูหนาว
ท่ามกลางความหนาวเหน็บแห่งเหมันห์ มันจะเตือนตัวเองว่า "ความลำบากจะอยู่เพียงไม่นาน แล้วเราก็จะพ้นจากสภาวะเช่นนี้" เมื่อวันที่แสงแห่งความอบอุ่นแรกสาดส่อง มันจะออกมาเริงร่า หากอากาศกลับกลายเป็นหนาวอีกครั้ง มันจะเข้าไปในโพรงอีกครั้ง และออกมารับความอบอุ่นในวันอากาศดีโดยทันใด


   
ข้อคิด

จงมองทุกสิ่งในเชิงบวกตลอดเวลา

ปรัชญาที่ 4  ทุ่มเททุกสิ่งเท่าที่สามารถ
มดสามารถเกบเกี่ยวเสบียงตลอดฤดูร้อนเพื่อเตรียมพร้อมฤดูหนาวให้มากเท่าที่มัจะทำได้

ข้อคิด

จงพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเต็มกำลัง

สรุป

1) อย่ายอมแพ้

2) มองไปข้างหน้า

3) มองโลกในแง่ดี

4) ทำเต็มความสามารถ

รักนะ รักนะ รักนะ       
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #15 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2553, 18:17:51 »


FW: ลิงกับลา + อ่านไม่ถึง 3 นาที แง่คิดดีมากมาย‏
From: naori naeda (thir_1323en@hotmail.com)
Sent:Thursday, July 29, 2010 1:50:28 PM
To:Cmadong member and You


 
หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว คือ

ลิงและลา

วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง
เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย

ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อย ๆ  คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย

หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น  ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ

สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด

เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง
 
ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที หันมองลิงและลา
เพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ

ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง   ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย



เธอทั้งหลาย... เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษจนตาย   
ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำของหญิงชาวบ้าน ที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้  เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว  เธอมองเห็นข้าวของเสียหาย
และมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ  แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย
เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือลิง  ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน 
   
เหตุที่องค์กรต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์"

ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจาตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม

ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง

นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้ ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริง เพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย

win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #16 เมื่อ: 12 กันยายน 2553, 13:52:16 »


                         กระดุมเม็ดแรก

                      

         เคยไหมที่คุณตื่นนอนยามเช้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น สวมเสื้อราวกับคนไร้วิญญาณ เมื่อกลัดกระดุมเสร็จแล้วก็พบว่าชายเสื้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คุณกลัดกระดุมผิดทั้งแถว!

         มันเริ่มจากการที่คุณไม่รู้ว่าคุณกลัดเม็ดแรกผิด แล้วกลัดต่อไปทีละเม็ดอย่างถูกต้อง เมื่อกลัดกระดุมเสร็จสิ้น ก็ผิดทั้งหมด

                 ในตัวอย่างนี้ ความไม่รู้ทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ผิดทั้งแถว!

         เคยไหมที่คุณเก็บเนื้อในตู้เย็นนานข้ามปีจนเนื้อหมดอายุ แต่ไม่ยอมทิ้ง เพราะเป็นเนื้อจากต่างประเทศ ราคาแพง คุณปรุงอาหารจนเสร็จ เมื่อกินแล้วไม่อร่อยหรืออาหารเป็นพิษ

         ในตัวอย่างนี้ ความเสียดายทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ต่อไป ทั้งที่รู้ว่าเม็ดแรกผิดรู!

        กระดุมเม็ดแรกสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นรากฐานของกระดุมเม็ดที่สอง สาม สี่... กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดหมดทั้งแถว ผิดทั้งยวง และอาจจะผิดทั้งชีวิต!

         เด็กไม่ว่าฉลาดเพียงไร หากเอาแต่เล่นเกม ดูแต่หนังรุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง โตขึ้นก็อาจเป็นปัญหาภาระที่สังคมต้องแบกรับ

                  การแก้ปัญหาของการ 'กลัดกระดุมผิดเม็ด' นี้มีทางเดียวคือ

         ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่ หลายคนทำงานตามคำสั่งทั้งที่รู้ว่า 'กระดุมเม็ดแรก' ไม่ตรงรูกระดุมของมัน กว่าจะรู้ตัว ก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่

         หลายๆ ระบบในสังคมเช่น ระบบการเมือง การศึกษา ฯลฯ ดำเนินมานานปีทั้งที่เรามองเห็นปัญหา แต่ก็ดำเนินต่อไปทั้งด้วยความไม่รู้ ความเขลา ความปล่อยปละละเลย ด้วยความเชื่อว่าอย่างนกกระจอกเทศว่า มุดหัวลงดินสักพัก เดี๋ยวปัญหาก็หายไป แต่ปัญหาไม่เคยหายไป มีแต่สะสมด้วยดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งแก้ไขช้า ราคาแก้ไขยิ่งแพง บางครั้งการตัดใจเข้าห้องผ่าตัดปฏิรูปตัวเองก็เป็นทางแก้ที่ถูกต้อง

         ยอมตัดใจตัดวงจรเดิมนั้นทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่ เพราะความเสียหายในระยะยาวน้อยกว่า ประหยัดเวลาโดยรวมมากกว่า ทุกๆ หลายก้าวที่เดินหน้า เราควรหยุดและทบทวนดู 'กระดุม' ของเราหรือของสังคมว่ากลัดถูกรูไหม ถ้าไม่ก็อย่ารอช้า ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่
 
                                                                                             วินทร์ เลียววาริณ
                                                                                           22 พฤษภาคม 2533


                                                      คมคำคนคม

                                    ผู้ทำผิดแล้วไม่แก้ไข กำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่ง

                                                          ขงจื๊อ

                                                  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #17 เมื่อ: 25 กันยายน 2553, 10:17:15 »


                     

                                    เสียเพื่อได้ ดีกว่าได้แล้วเสีย
                               ขอขอบคุณคุณสิทธิ์ ที่มาของบทความ
                            http://luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41264&topic_id=72678
 
§       เคยเห็นไหม คนมีฐานะบางคนติดนิสัยชอบต่อรองราคาในเวลาซื้อของ ไม่เว้นแม้กระทั่งกับชาวไร่ชาวสวนหรือพ่อค้าแม่ขายต่างจังหวัดที่นำพืชผักผลไม้มาขาย  ทั้งที่ราคาก็ไม่กี่สิบบาท แต่เวลาเข้าห้าง สินค้าราคาเป็นหมื่นเป็นแสนเขากลับจ่ายสบาย ๆ ในขณะที่บางคน กลับแถมให้เพราะกลัวจะไม่เหลือกำไร

§       เคยเห็นไหม บางคนพอใจยินดีกับการได้มาโดยไม่ได้นึกถึงความชอบธรรม อาศัยเหตุที่คนอื่นไม่รู้หรือรู้ไม่ทัน ในขณะที่บางคนทำไม่ได้ เพราะแม้ไม่มีคนอื่นรู้เห็น แต่เขาก็ไม่อาจมองข้ามความเป็น “คน” ของตัวเขาเองได้

§       เคยเห็นไหม ลูก ๆ เลือกตักอาหารชิ้นที่ดีที่สุด น่ารับประทานที่สุด โดยลืมนึกถึงว่าอาหารที่เหลือ ใครเอาไปรับประทาน ...คุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง

§       เคยเห็นไหม คนที่เถียงพ่อแม่คอเป็นเอ็น เพียงเพื่อจะบอกว่าเขาไม่ผิด ๆ ๆ ในขณะที่บางคนยอมวางเรื่องเหตุเรื่องผลไว้ก่อน เพราะตระหนักในความปรารถนาดีต่อกันมากกว่า

§       เคยเห็นไหม คนที่ชอบเอาเปรียบใคร ๆ ในทุกเรื่อง เพราะยกเอาเรื่อง “การได้เปรียบ” เป็นคุณค่าชีวิตของเขา บางทีถึงขนาดว่าถังขยะของตน ก็ยังเอาไปวางไว้หน้าบ้านคนอื่นเลย

§       เคยเห็นไหม เด็ก ๆ บางคนเห็นหมาแมวเป็นต้องเอาก้อนหินขว้างใส่หรือไล่เตะ ในขณะที่เด็กบางคนเห็นมดลอยน้ำอยู่ ก็พยายามเอาใบไม้ไปเขี่ยให้มันพ้นจากการจมน้ำ

§       บางคนเลือกที่จะใส่ร้ายคนอื่น (เอาดีใส่ตน เอาชั่วใส่ผู้อื่น)  ในขณะที่บางคนเลือกที่จะอดทนข่มใจตนเอง ยอมสงบอยู่ได้แม้ผู้อื่นเข้าใจผิด

§       บางคนเลือกที่จะ “ได้” ในทางโลก ๆ โดยไม่รู้ว่า “เสีย” ความเป็นคน แต่ลูกพระพุทธเจ้าเลือกที่จะ “เสีย” ในทางโลก ๆ เพื่อที่จะ “ได้” การฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์

         มีใครเห็นตัวอย่างอื่น ๆ ของการได้แล้วเสีย และการเสียเพื่อได้อีกไหมครับ

 SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS

                           ได้ แต่ เสีย กับ เสีย แต่ได้
                       อย่างไหนน่าปฏิบัติกว่ากันพวกเรา
 
                                gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #18 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 08:31:01 »


                [narongsak.com] FW: คำคมโดยท่าน ว.วชิรเมธี‏
        9/28/2010  ▼ P A K P A O .To Cmadong member and Co.

         

         

         

         

         

         

         

         

         การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้  

1. อย่าเป็นนักจับผิด  

         คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก '   คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ' จิตประภัสสร ' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา  

         ' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน   ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน '

คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร '  
ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน  ความริษยาออกจากใจเรา เพราะ
ไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ
ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราร ิษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง  

        90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น '
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ขึ้นไปด้วย

         ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน '
' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น '   ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ 

         ' ตัณหา ' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ
ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ   ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '  

         ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม  เช่น

คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู

คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ
ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์  

         เราต้องถามตัวเองว่า 'เกิดมาทำไม ' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย ์อยู่ตรงไหน
ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ

         คำว่า ' พอดี'   คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ' ดี '     รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข '


                 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         คาถาของคนทำงาน(อย่างเราๆ)

1. คาถาคนทำงาน

ขั้นแรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถา

อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน
อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน
พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์

2. คาถาปล่อยวาง

กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา… ...เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือ เฉยๆ
สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย… ...จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

3. คำสอนของพระพุทธเจ้า

อย่าไปนึกว่า ' คนอื่น '   เหนือ  กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
อย่าไปนึกว่า  ' คนอื่น '   ต่ำ    กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
อย่าไปนึกว่า ' คนอื่น '   เสมอ    เท่าเรา  เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
จงนึกเสมอว่า ' คนอื่นทุกคน ' เป็นเพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด    

             รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #19 เมื่อ: 30 กันยายน 2553, 08:33:02 »


                             [narongsak.com] ข้อคิดสอนใจจากเรื่องคนตัดไม้‏
                                  Reply  ▼  Chawannut Lerdchalun​thorn
 
                                   นิทานคนตัดไม้ ให้ข้อคิดอะไร

                     

         นานมาแล้วยังมีคนตัดไม้คนหนึ่ง เป็นคนที่ขยันขันแข็ง ใช้ขวานสับต้นไม้เพื่อให้โค่นลงมา เขาขยันมาก วันแรกเขาตัดได้ถึง ๒๐ ต้นต่อวัน แต่ยิ่งตัด นานวันเข้าจำนวนซุงที่เขาตัดได้กลับลงลดเรื่อยๆ จนเหลือ ๑๐ ต้นต่อวัน ทั้งๆที่เขาไม่ได้อู้เลย

         วันหนึ่งมีคนเดินผ่านมาเห็นชายตัดไม้กำลังใช้ขวานสับต้นไม้อยู่อย่างแข็งขัน จากการสังเกตอยู่ราวชั่วโมงหนึ่ง ชายคนที่เดินผ่านมาจึงเอ่ยปากกับชายตัดไม้ว่า

         "ทำไมท่านไม่หยุดพักก่อนและลับคมขวานเสียให้คมกริบ จะได้ตัดไม้ได้เร็วขึ้น"

         คนตัดไม้บอกว่า " ไม่ได้หรอก ถ้าเราหยุด ก็จะทำให้ตัดไม้ได้น้อยลงสิ"

         ชายคนที่เดินผ่านมาพูดว่า "ลองหยุดพักสักนิด และมองหาข้อผิดพลาดจากการทำงาน เพื่อที่จะได้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น"

         นิทานเรื่องนี้สอนอะไรเรา

๑. การทำงานนอกจากจะต้องมีใจรักงาน หรือ มีฉันทะ ,มีความเพียร(วิริยะ) ความตั้งใจเอาใจจดจ่ออยู่กับงาน(จิตตะ) ยังไม่พอ ต้องใช้สติปัญญาทบทวน ใคร่ครวญหาสาเหตุข้อบกพร่องของงานเพื่อทำให้ดียิ่งขึ้น

๒. การทำงานโดยไม่หยุดพัก ทำให้เราพลาดโอกาสในการมองเห็นความสุขของเนื้องาน การมุ่งแต่เป้าหมายไม่สนใจระหว่างทาง ก็ทำให้เราไม่ซาบซึ้งกับความสุขที่ได้ ทำงาน ต้องใช้วิธีของ เณรน้อยเจ้าปัญญา อิกคิวซัง บอกตนเองว่า

         "จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน...พักเดี๋ยวหนึ่งสิครับ" รับรองได้เห็นอะไรดีๆอีกมากครับ

๓. การเสียเวลาลับคมขวานก็เหมือนกับการศึกษาหาความรู้ โดยเข้าห้องรับการฝึกอบรม จริงอยู่ว่ามันเสียเวลา แต่สิ่งที่ได้จากการศึกษาอบรมอาจจะช่วยทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น

จากนิทานเรื่องนี้ ถ้าชายตัดไม้หยุดและลับคมขวาน เขาก็จะตัดไม้ได้เร็วเท่าเดิม เขาก็มีงานทำ ไม่ต้องโดนไล่ออกจากงาน ความขยันอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไร

            รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #20 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2553, 17:41:49 »



ขอขอบคุณเวบ http://image.ohozaa.com/show.php?id=286c65d2e692fb7b638df8d04c00b5c8 ที่เือื้อเฟื้อข่าว

                 รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><