26 เมษายน 2567, 06:04:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ไอซีที พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้วยการเชื่อมโยงคนไว้ด้วยโปรแกรมคอมพ์ต่าง ๆ  (อ่าน 4372 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 21 ธันวาคม 2553, 11:30:51 »


                       โดยอีไทยแลนด์ดอทคอม วันเสาร์ 4 ธ.ค.2553
                    http://www.ethailand.com/th/news/-34645.html
                      
                        

                            ไอซีที จัดถวายสัตย์ปฏิญาณข้าราชการ

         กระทรวงไอซีที จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน...
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เป็นประธานนำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที และหน่วยงานในสังกัด เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี...

                                         win win win

กระทู้จัดตั้ง ศูนย์ไอซีที่ชุมชน ที่ http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6768.0.html

                                         หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2553, 07:31:52 »


     กสอ.เสริมแกร่ง SMEs ไทย ใช้พลัง Social Network ลดต้นทุน
             โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   24 ธันวาคม 2553
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9530000180806

                   

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม

       กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม หวังกระตุ้นเอสเอ็มอีไทย นำไอทีมาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้ง ใช้เป็นช่องทางการตลาดผ่านร้านค้าออนไลน์ (e-Marketplace) และการติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจผ่านระบบ Social Network
      
       นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้ระบบการค้าของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป เพราะโลกเริ่มเชื่อมต่อกันเป็นสากลผ่านระบบออนไลน์ ทั่วทุกมุมโลกสามารถติดต่อถึงกันได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว โดยในส่วนของเอสเอ็มอีไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เนื่องจากมีผู้บริหารยุคใหม่และเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งเติบโตมากับโลกไอที ในปัจจุบันซอฟแวร์มีความสำคัญมากในด้านการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลต้นทุน การติดต่อซื้อขาย
      
       ทั้งนี้โครงการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Enchncing SMEs Compeytitiveness Through IT : ECIT) หรือ อีซี่ไอที ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะช่วยเสริมแกร่งให้เอสเอ็มอีไทย มีการส่งเสริมให้มีร้านค้าออนไลน์ใน e-Marketplace (ระบบร้านค้าออนไลน์) ให้ผู้ประกอบการมีเครื่องมือในด้านการบริหารและด้านการตลาดอย่างทันสมัย ในการขายสินค้าแบบ B2B (Business to Business) ซึ่งเป็นการค้าแบบค้าส่ง และยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับ SMEs ไทยได้มากขึ้นอีกด้วย
      
       “สังคมออนไลน์ถือเป็นการสร้างตลาดแนวใหม่ การค้าขายในโลกออนไลน์ทำให้เป็นเหมือนการรวมศูนย์ หรือที่เรียกว่า Social Network ซึ่งเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจ ที่สามารถรองรับคนได้ทั่วโลก ทำให้การค้าของผู้ประกอบการไทยมีความก้าวหน้าและมีเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกออนไลน์ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก” นายสุทธิพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

                            ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

            

                              นวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งทศวรรษ
                    โดยเวบ คมชัดลึก : วันอาทิตย์ 26 ธันวาคม 2553
http://www.komchadluek.net/detail/20101226/83973/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9.html

         ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้การติดต่อสื่อสาร เชื่อมโยงระหว่างคนทั่วโลก เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และสะดวกมากขึ้นอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2533-2543 นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีที่ทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนในลักษณะของการเป็นปัจเจกมากขึ้นในทุกวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ตระกูลไอ

        ของบริษัท แอปเปิล อิงค์ ทั้ง ไอโฟน และไอแพด (ที่มีหลายคนเรียกว่ากระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์) ที่สามารถเติมเต็มความต้องการสื่อบันเทิงของผู้ใช้แต่ละราย ทั้งยังไม่ทำให้ผู้ใช้ขาดการติดต่อกับโลกภายนอกผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือ "ไวไฟ" ซึ่งก็มีการพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ด้วยเช่นกัน

        เรียกได้ว่าทศวรรษ 2543-2553 เป็นช่วงเวลาแห่งเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์เพื่อการติดต่อสื่อสารอย่างแท้จริง และ 10 นวัตกรรมต่อไปนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเป็นตัวแทนแห่งทศวรรษที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารอย่างแท้จริง

 1.ตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำให้อำนาจการตัดสินใจส่วนหนึ่งในการใช้บริการโดยสารเครื่องบินมาอยู่ในมือของผู้โดยสาร เช่น การเลือกเที่ยวบินที่ต้องการ การสั่งเมนูอาหาร หรือการเลือกที่นั่ง สามารถทำได้ง่ายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ แถมยังไม่ต้องเข้าแถวรอเพื่อเช็กอินขึ้นเครื่องบินอีกด้วย

        สมาคมขนส่งสินค้าทางอากาศ (ไออาต้า) ที่รับผิดชอบการบริหารอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศในภาพรวม วางแผนการใช้ตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ปี 2547 กำหนดให้ปี 2550 เป็นปีสุดท้ายที่มีการใช้ตั๋วเครื่องบินโดยสารแบบกระดาษ

        แต่กำหนดดังกล่าวต้องเลื่อนออกมาจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2551 เพื่อให้สายการบินทั่วโลกมีความพร้อมในการออกตั๋วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

 2.ไอแพด แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่มีแต่หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ทำให้ผู้ใช้สั่งการผ่านหน้าจอด้วยการ “สัมผัส” สัญลักษณ์ของโปรแกรมต่างๆ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตผ่านระบบไวไฟ และสัญญาณโทรศัพท์มือถือแบบ 3 จี ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร

       รวมทั้งการดาวน์โหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (อีบุ๊ก) และชมเว็บไซต์ต่างๆ ผ่านทางกระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ขนาด 9 นิ้วน้ำหนักประมาณ 680 กรัมได้อย่างสะดวก

       ประชาชนทั่วโลกตั้งตาคอยการเปิดตัวไอแพด สังเกตได้จากยอดขายกว่า 3 ล้านเครื่องในช่วง 80 แรกหลังจากการเปิดตัวออกสู่ตลาดในเดือนเมษายน 2553 ทำให้มีการพูดกันว่าไอแพดถือเป็นการปฏิวัติการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอาจจะทำให้แท็บเล็ตพีซี ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดไปก่อนหน้าและใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์สของบริษัทไมโครซอฟท์กลายเป็นไดโนเสาร์ที่ต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกกันเลยทีเดียว

3.สมาร์ทโฟน นวัตกรรมใหม่ที่เปิดตัวในช่วงต้นทศวรรษนี้ ที่เพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร การทำงานเอกสาร การท่องเว็บไซต์ และคุณสมบัติส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้าไว้ในโทรศัพท์ฉลาดๆ เครื่องหนึ่งที่สามารถนำติดตัวไปได้ทุกที่

       นิยามของคำว่าสมาร์ทโฟนคือ อุปกรณ์สื่อสารที่มีระบบปฏิบัติการของตนเอง ปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการหลักๆ ของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนด้วยกัน 6 ชนิด ตั้งแต่ ซิมเบี้ยน (ที่มีอายุในตลาดมากที่สุดตั้งแต่ปี 2543 ) วินโดว์ส โมบายล์ (ที่พัฒนาต่อมาจากวินโดว์ส ซีอี) แอนดรอยด์ (ระบบปฏิบัติการน้องใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากค่ายกูเกิล) แอปเปิล ลีนุกซ์ และริม สำหรับโทรศัพท์ตระกูลแบล็กเบอร์รีโดยเฉพาะ

       สมาร์ทโฟนกลายเป็นสิ่งสำคัญของประชาชนยุคเจเนอเรชั่น “วาย” ที่เติบโตในยุคที่เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเบ่งบานอย่างเต็มที่ มีการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืน

4.บริการออนไลน์ แบงกิ้ง บริการธนาคารบนอินเทอร์เน็ต ที่ให้บริการธุรกรรมการเงินด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ต้องให้ลูกค้าเปลืองเวลาเดินทางฝ่าการจราจรที่หนาแน่นไปยังธนาคารอีกต่อไป นับเป็นบริการที่เพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตในยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระบาดไปทั่วโลก

       อันที่จริงแล้วระบบธนาคารบนอินเทอร์เน็ตเริ่มต้นตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่กลับเบ่งบานในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจากความสะดวกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

5.โทรทัศน์ความคมชัดสูง (เอชดีทีวี) พัฒนาการล่าสุดของความคมชัดของโทรทัศน์ที่มีความละเอียดของหน้าจอสูงกว่า 2 ล้านพิกเซล หรือ “จุด” ในการแสดงผลบนหน้าจอโทรทัศน์ การมีจุดแสดงผลเพิ่มขึ้นหมายถึงการที่มีส่วนแสดงผลมากขึ้นช่วยให้ภาพรวมแล้วโทรทัศน์จะมีความคมของภาพมากขึ้น

        นอกจากการพัฒนาโทรทัศน์ความคมชัดสูง สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษบางแห่ง ยังได้เปลี่ยนแปลงระบบการออกอากาศไปสู่ระบบดิจิทัลความคมชัดสูงที่แม้จะต้องลงทุนมหาศาลในการเปลี่ยนระบบการเข้ารหัสเพื่อบีบอัดสัญญาณจำนวนมากได้ดีขึ้น และมีเพียงโทรทัศน์ที่ใช้เทคโนโลยี แอลซีดี พลาสม่า หรือ แอลอีดี รุ่นใหม่ๆ เท่านั้นที่ได้รับการพัฒนาให้มีความคมชัดสูง

6. สตรีมมิ่งวิดีโอ เว็บไซต์ยูทูบ เป็นตัวอย่างที่ดีของนวัตกรรมประเภทนี้ที่เกิดขึ้นในทศวรรษ รวมทั้งเว็บไซต์เน็ตฟลิกซ์ หรือ แอปเปิล ทีวี ที่ให้บริการวิดีโอออนดีมานด์ ส่งไฟล์วิดีโอภาพยนตร์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้าที่ต้องการได้ทุกเวลา

7.อุปกรณ์บอกตำแหน่งบนพื้นโลก (จีพีเอส) ลืมคำว่าหลงทางไปเลยหากคุณมีอุปกรณ์จีพีเอส พร้อมกับแผนที่ ยกเว้นแต่คุณจะอ่านแผนที่ไม่ออกเท่านั้น จีพีเอสเป็นอุปกรณ์ที่อาศัยการคำนวณองศาสัญญาณของอุปกรณ์กับตำแหน่งของดาวเทียมกำหนดพิกัดอย่างน้อย 3 ดวงที่โคจรอยู่รอบโลก

         ในยุคแรกๆ จีพีเอสเป็นเครื่องบอกพิกัดองศา และลิปดา เป็นตัวเลขเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปทุกวินาทีจึงมีการพัฒนาอุปกรณ์จีพีเอสผนวกเข้ากับแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ทำให้เกิดแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถบอกพิกัดของคุณได้ตลอดเวลาแม้มีการเคลื่อนที่
ด้วยเทคโนโลยีชิพอิเล็กทรอนิกส์ที่ก้าวหน้ายังทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้ปรากฏอยู่ในโทรศัพท์มือถือทั่วไปรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตในช่วงทศวรรษ 2543-2553 อีกด้วย

8.จอโทรทัศน์พลาสม่า ยุคเริ่มต้นของโทรทัศน์จอแบนที่เข้ามาแทนที่โทรทัศน์แบบซีอาร์ที เป็นโทรทัศน์ที่อาศัยหลอดภาพขนาดจิ๋วแบบ “พลาสม่า” ที่ใช้กระแสไฟฟ้าควบคุมการเปล่งแสงของก๊าซเฉื่อยในหลอดภาพพลาสม่า ก่อนที่จะมีการพัฒนาเป็นโทรทัศน์จอแบนที่ใช้เทคโนโลยีแอลซีดี ซึ่งประหยัดไฟกว่าในเวลาต่อมา ขณะที่จอแอลอีดีเป็นอนาคตที่เพิ่งเดินทางมาถึงปัจจุบัน

9.ไวไฟ อุปกรณ์เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายทุกชนิดในยุคทศวรรษนี้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เรียกว่า “ไวไฟ” หรือ wireless fidelity (wi-fi) ในการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตโดยอาศัยคลื่นความถี่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์ส่งผ่านและรับข้อมูล

        ด้วยความนิยมอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เช่นโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ทำให้ธุรกิจบริการหลายแห่งต้องให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ จนกลายเป็นแฟชั่นไปแล้วว่าหากร้านกาแฟร้านใหนไม่มีอินเทอร์เน็ตไวไฟ ร้านนั้นอาจต้องเตรียมปิดกิจการไปได้เลยทีเดียว
ไวไฟ เป็นจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตไร้สายเฉพาะจุด แต่ไวแม็กซ์ ที่มีประสิทธิภาพในการกระจายและรับสัญญาณไร้สายได้ในวงกว้าง ตามทฤษฎีแล้วว่ากันว่าจะให้บริการได้ในระยะทางถึง 10 กิโลเมตรจากเสาสัญญาณ กำลังเป็นอนาคตที่นักพัฒนากำลังเร่งให้มาถึงปัจจุบันให้เร็วที่สุด

10.อีบุ๊ก หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (อีบุ๊ก) ที่มีการคิดค้นขึ้นมาเพื่อทดแทนหนังสือกระดาษที่จับต้องได้ อีบุ๊ก จะใช้เพียงไฟล์ดิจิทัลที่บรรจุตัวอักษรหลายล้านตัวเท่าๆ กับหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่งมาแสดงในอุปกรณ์เฉพาะ เช่น คินเดิล ของเว็บไซต์อะเมซอนดอทคอม หรือไอแพด เป็นต้น

        ว่ากันว่าอีบุ๊ก จะเข้ามาแทนที่หนังสือกระดาษ แต่ยังมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยเพราะกระดาษให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการถือกระดานอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีชีวิตชีวา นั่นขึ้นอยู่กับว่าใครจะเห็นว่าสิ่งใดเหมาะสมกับตนเองมากกว่า เช่นเดียวกับการเลือกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตขึ้นในช่วงทศวรรษแห่งการสื่อสาร ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั่นเอง

                           win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

              

                                     สูงวัยใครว่าไม่ติดเน็ต
                       โดย คมชัดลึก วันอาทิตย์ 26 ธันวาคม 2553

http://www.komchadluek.net/detail/20101226/83949/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95.html

         นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการไอทีเมืองไทย ทันทีที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ออกมาประกาศผลการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในปี 2553 และพบตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยสูงถึง 21 ล้านคน

         ส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ขณะที่การเชื่อมต่อแบบผ่านโมเด็ม หรือไดอัล-อัพ ค่อยๆ ลดจำนวนลง สวนทางกับการเติบโตของอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์อย่างชัดเจน

                       เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

       สังคมออนไลน์ : Social Network ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และ ยังช่วยพัฒนาสังคม สามารถเชื่อมคนในสังคมให้ติดต่อถึงกันได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกตัวแทนไปใช้สิทธิทางการเมืองแทน ที่เมื่อได้สิทธิไปจากประชาชนไปแล้ว

                                  สามารถทำ

                  ธุรกิจการเมือง

      เพื่อตัวเอง หรือ เพื่อพรรค แทนที่ จะทำเพื่อประชาชน


                          

        แก้ รัฐธรรมนูญ เอาสิทธิของประชาชน มาใช้เองทางไอซีที ที่ไอซีทีชุมชน

          http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6768.0.html

                               เป็นไปตามอุดมการณ์ประชาธิปไตย

            เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน

                                    win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><