28 มีนาคม 2567, 16:13:23
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อมูลที่ไม่อคติ ซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสยี่ห้อไหนดี? หรือจะใช้ฟรีแวร์?  (อ่าน 10564 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:13:03 »

นิตยสารคุ้มครองผู้บริโภค คอมซูมเม่อร์ รีพอร์ท ของสหรัฐฯ กับรายงานที่ไม่อคติ เพราะไม่รับโฆษณา จากบริษัทใดๆ และก็ไม่ให้ บริษัทใดๆ นำผลการทดสอบ และตีพิมพ์ ไปอ้างอิงโฆษณา เพื่อขายสินค้าตนเอง นิตยสารฉบับนี้ มีสมาชิกบอกรับร่วม 4 ล้านคน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 1936 รวมอายุได้ 74 ปี

ชาวซีมะโด่ง ที่ต้องการจะซื้อทีวีจอแบนตัวใหม่ ไม่ทราบจะซื้อ LCD หรือ Plasma หรือจะรุ่นไหนดี ราคาเท่าไหร่ เพื่อเปรียบเทียบกับสินค้าในประเทศไทย ลองอ่าน ภาพที่สแกนมาจากนิตยสาร ฉบับเดือนมีนาคม 2010 คงจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น ช่วยในการพิจารณา


      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #1 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:15:34 »


      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #2 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:25:08 »


      บันทึกการเข้า

Kittiwit Pk
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281

« ตอบ #3 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:27:21 »

ที่บ้านใช้ Acer 18 นิ้ว จอแบน

แต่สาวจอแบน ยังไม่เคยเจอ
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #4 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:41:40 »

น้องกิตติวิทย์ บ๋ายดีนา? 18นิ้ว Acer น่าจะเป็น LCD Monitor  ตอนนี้ จอคอมพ์ใหม่ๆ เป็น LED กันแล้ว พวก Laptop หลายยี่ห้อ หรือ MacBook ก็ใช้จอ LED ความคมชัดสูงกว่า ทีวี LED มีแต่เกาหลี ยี่ห้อ Samsung และ LG ที่ผลิตออกมา ญีปุ่น ยังไม่มีบริษัทไหนผลิต


      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #5 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:54:59 »



ผลจากการให้คะแนน ทำให้ทราบ่ว่า อิเลคโทรนิคส์ ของบริษัท Samsung ตอนนี้ไปไกลกว่าญี่ปุ่นแล้ว ไม่ว่าโทรศัพท์มือถือ เครืองใช่ไฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์  ฯลฯ

Samsung และ LG มาแรงมาก จน Sony, Matsushita, Sharp, Pioneer. JVC, Sanyo, Mitsubishi  ตามไม่ทัน  ผู้ผลิตโทรทัศน์เคยมีชื่อของเมกา เช่น RCA, Westinghouse, Magnavox, Sylvania หรือของเนเทอร์แลนด์ Phillips ก็ตามหลังแบบมองไม่เห็นฝุ่น

เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่สร้างเรือสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน 60% ของโลก มากกว่าทุกประเทศในโลกรวมกัน

ฤา ประเทศไทย จะผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์เกษตรไปขายในตลาดโลก เพียงอย้่างเดียว เราแทบจะไม่มีสินค้าภาคอิเลคโทรนิคส์ ออกไปเลย อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตในประเทศไทย ล้วนแต่เป็นของฝรั่งและต่างชาติ ที่มาตั้งฐานการผลิต เพื่อการส่งออก

เรามีนักเรียนไทย นักศึกษาไทย ออกไปสอบชิงแชมป์ในต่างประเทศ ได้ เคมีเหรียญทอง ฟิสิคส์เหรียญทอง คณิตศาสตร์เหรียญทอง คอมพิวเตอร์เหรียญทอง กลับมา แต่.... ประเทศไทย ผลิตได้แค่ ตัวถังรถตุ๊กๆ (เครื่องยนต์ยังผลิตไม่ได้ ใช้ของไดฮัทสุ)  จริงมั้ย พี่ปรีชา พี่แอีะ พี่ป๋อง พี่ตะวัน .... จริงมั้ย พี่น้องชาวซีมะโด่ง.......  เฮ้ออฯฯฯฯ
      บันทึกการเข้า

Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #6 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 18:18:41 »

เรามีนโยบายขายแรงงานราคาถูกมาหลายปี
จนไม่ได้มองถึงการพัฒนาศักยภาพ ที่จะไปแข่งขันในโลกอนาคต อันใกล้นี้ครับ
      บันทึกการเข้า
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 19:26:19 »

 
อ้างถึง   
ฤา ประเทศไทย จะผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์เกษตรไปขายในตลาดโลก เพียงอย้่างเดียว เราแทบจะไม่มีสินค้าภาคอิเลคโทรนิคส์ ออกไปเลย อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตในประเทศไทย ล้วนแต่เป็นของฝรั่งและต่างชาติ ที่มาตั้งฐานการผลิต เพื่อการส่งออก

เรามีนักเรียนไทย นักศึกษาไทย ออกไปสอบชิงแชมป์ในต่างประเทศ ได้ เคมีเหรียญทอง ฟิสิคส์เหรียญทอง คณิตศาสตร์เหรียญทอง คอมพิวเตอร์เหรียญทอง กลับมา แต่.... ประเทศไทย ผลิตได้แค่ ตัวถังรถตุ๊กๆ (เครื่องยนต์ยังผลิตไม่ได้ ใช้ของไดฮัทสุ)  จริงมั้ยพี่ป๋อง.... จริงมั้ย พี่น้องชาาวซีมะโด่ง.......  เฮ้ออฯฯฯฯ

สวัสดีครับพี่วณิชย์

ไม่ขัดแย้งกับพี่นะครับ ในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี่
และคนไทยเราก็มีศักยภาพทำได้ครับ
และประเทศอื่นๆ ที่กล้าทุ่มเทไปทางด้านเทคโนโลยี ก็สามารถแข่งขันได้เช่นกัน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ทุกประเทศในโลก จะแข่งขันกับประเทศไทยได้
ก็คือ อาหารและผลิตผลทางการเกษตร
สิ้่งนี้ เรามีต้นทุนราคาถูกที่ธรรมชาติให้เราอย่างเหลือเฟือ

แต่ปัญหา ก็ คือ เราไม่เคยคิดกับสิ่งนี้อย่างจริงจัง
คนมีอำนาจไร้สามารถที่จะจัดการสิ่งนี้อย่างเป็นระบบ
และปัญหา อีกประการก็คือ กลไกการเงิน ทั้งของโลก และของประเทศไทยเรา
ไม่ได้วางพื้นฐานไว้บนการสนับสนุนการเกษตร
(ข้อเรื่องการเงินนี้ ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆว่า ธุรกิจใด ที่ผลผลิตของธุรกิจนั้นสามารถโยนภาระไปใ้ห้
สถาบันการเงิน ธุรกิจนั้นมักจะไม่เจ๋ง ยกเว้นเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเท่านั้น...สร้างบ้านสร้า่งคอนโดเสร็จ ขายออกได้เงิน
จากสถาบันการเงิน แล้วภาระไปตกแก่สถาบันการเงินกับผู้ซื้อ,รถยนต์ก็เช่นกัน...)

สรุปคือ ผมเห็นว่า ประเทศเรา ต้องให้ความสำคัญกับการเกษตร เป็นอันดับ1
(หมายรวมถึงการเก็บถนอม การแปรรูป การจัดการด้านการขายการตลาดฯลฯ  ไม่ใช่แค่การผลิตเท่านั้น)
เมื่อจัดการเกษตรดีได้ ด้านเทคโนโลยี่ต่างๆ ก็จะสามารถเติบโตอย่างมั่นคงก้าวหน้าไปตามกลไกครับ


      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #8 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2553, 11:41:15 »

ขอบคุณครับ น้องเป้ น้องยังชิน สำหรับความคิดเห็น

ฟังประสบการณ์เกาหลี สร้างชาติด้วยนักวิทยาศาสตร์-วิศวกร 20 คน


Dr.Young-Ok Ahn

นักวิจัยเกาหลี ผู้ร่วมบุกเบิกพัฒนาเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วง 40 ปีก่อน เผยแดนกิมจิก้าวหน้าได้ด้วยกลุ่มวิศวกร 20 คน ชี้กระบวนการพัฒนาไม่ได้ใช้คนนับพัน แต่ใช้แค่ไม่กี่คนที่มีความมุ่งมั่น และผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องมีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ทำงานอย่างตั้งใจ
       
       ดร.ยง-อ๊ก อัน (Dr.Young-Ok Ahn) ที่ปรึกษาและนักวิจัยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนาโน (Institute of Nano Science and Technology) มหาวิทยาลัยฮันยาง (Hanyang University) กรุงโซล เกาหลีใต้ หนึ่งใน 20 วิศวกรเกาหลีที่ร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเกาหลี ได้เดินทางมาปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สร้างประเทศเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม" ภายในการประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.52 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
       
       นักวิจัยอาวุโสจากเกาหลีกล่าวปาฐกถา ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าฟังด้วยว่า เกาหลีมีแผนพัฒนาประเทศเป็นแผน 5 ปี ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2505 ด้วยความพยายามอย่างยิ่งในการริเริ่มของ ปาร์ก ชุงฮี (Park Chunghee) อดีตประธานาธิบดีเกาหลี ซึ่งแผนพัฒนาฯ หลายฉบับร่างขึ้นโดย มร.โอ วอนชุล (O Wonchul) ผู้ช่วยพิเศษของประธานาธิบดี และมี มร.คิม กวางโม (Kim Kwangmo) ซึ่งเป็นวิศวกรเคมีและเพื่อนร่วมชั้นกับ ดร.อันด้วยนั้น เป็นทีมงานสำคัญของอดีตประธานาธิบดี
       
       ในช่วงของแผนพัฒนาฉบับที่ 1 นั้น ขนาดเศรษฐกิจของเกาหลียังไม่สำคัญระดับโลก และการวางแผนเน้นไปที่การทดแทนนำเข้า และส่งเสริมการส่งออกโดยอาศัยนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล ช่วงนั้นเกาหลีเริ่มผลิตยางยนต์และส่งออกไม้อัด พร้อมตั้งโรงงานปุ๋ยยูเรีย โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานซีเมนส์และโรงงานแก้ว มาถึงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 2 ระหว่างปี 2510-2514 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการก่อตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลี (Korea Institute of Science and Technology: KIST) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเกาหลี
       
       การก่อตั้งสถาบัน KIST นี้ได้ ดร.ชอย ฮยุนซุป (Dr.Choi Hyunsup) มารับตำแหน่งประธานคนแรก ซึ่ง ดร.ฮยุนซุปได้เชิญผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีที่จบการศึกษาสูงและมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี อยู่ต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิศวกรและนักเคมีประยุกต์ ให้กลับไปทำงานที่เกาหลี โดยหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจำนวนนั้นมี ดร.ชุง วอน (Dr.Chung Won) ที่จบปริญญาเอกทางด้านฟิสิกส์ ได้กลับไปบุกเบิกการสร้างผลึกซิลิกอนเดี่ยวในเกาหลี ส่วน ดร.ฮยุนซุปต่อมาได้กลายเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเกาหลีคนที่ 2 อีกทั้งยังเคยมาช่วยปฏิบัติงานที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย เป็นเวลา 6 เดือนด้วย
       
       ทั้งนี้ บุคคลและวิศวกรของสถาบัน KIST ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ในเกาหลี อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการต่อเรือ การพัฒนาโลหะพิเศษ การผลิตรถยนต์และโรงงานผลิตไฟฟ้า อีกทั้งวิศวกรเคมีของสถาบันยังมีส่วนในการวางแผนสร้างศูนย์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการจัดตั้งเมืองวิทยาศาสตร์แดดุค (Daeduk) รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการสังเคระาห์เส้นใยเพื่อผลิตเส้นผมเทียมสำหรับส่งออก และโรงงานผลิตสารเคมีสำหรับการเกษตรและอุตสาหกรรมยา
       
       นอกจากนี้ บริษัท ฮันเด มอเตอร์ หรือที่คนไทยรู้จักว่า "ฮุนได" ได้ถูกจัดตั้งขึ้นแผนพัฒนาฉบับที่ 3 ระหว่างปี 2515-2519 ขณะเดียวกันโรงงานเหล็กที่ก่อตั้งในแผนพัฒนาก่อนหน้านั้นสามารถทำการผลิตได้ถึงปีละ 10.3 ล้านตัน และฮุนได พร้อมด้วย แดวูและซัมซุง ได้เริ่มอุตสาหกรรมต่อเรือในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 4 ระหว่างปี 2525-2529 เป็นผลให้เกิดการสนับสนุนให้เกิดบริษัทด้านวิศวกรรม และบริษัทเอกชนเริ่มเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเริ่มจัดตั้งหน่วยงานวิจัยและพัฒนาขึ้นภายในหน่วยงาน ขณะเดียวกันเริ่มมีการผลิตคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอและเซมิคอนดัคเตอร์ในช่วงเวลาดังกล่าว
       
       ตลอด 40 ปีของการพัฒนาเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนัวตกรรมนั้น เงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของเกาหบีได้เพิ่มขึ้นจาก 0.2% ของจีดีพีในปี 2507 มาเป็น 2.99% ของจีดีพีในปี 2548 โดยสัดส่วนการลงทุนระหว่างภาครัฐต่อภาคเอกชนได้เปลี่ยนแปลงช่วง 97:3 มาเป็น 24:76 ในปัจจุบัน ซึ่ง ดร.อัน ได้ย้ำว่ากระบวนการพัฒนาของเกาหลีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากกลุ่มคนนับพัน หากแต่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนเพียง 20-30 คนในภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้นำประเทศจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ พร้อมด้วยทีมงานอุทิศตัวที่คิดนอกกรอบและเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
       
       ทั้งนี้ บางคนยกความสำเร็จให้กับคณะผู้วางแผนภาครัฐซึ่งรวมถึงบุคคลในคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่บางคนอาจจะยกความสำเร็จของเกาหลีให้แก่กลุ่มแชร์โบล์ (Chaebol) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ได้แก่ แอลจี ซังซุงและฮุนได และผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้ แต่สำหรับ ดร.อันแล้ว ควรยกความสำเร็จให้กับบุคคลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างถูกที่ถูกเวลาด้วย แต่องค์ประกอบทั้งสามต้องมาพบกันในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องและถูกช่วงเวลา
       
       "ความสำเร็จในวันนี้จะไม่มีเลย หากไม่มีกลุ่มวิศวกรที่ทำงานด้วยความทุ่มเทอย่างหนัก ซึ่งผมกล่าวเช่นนี้เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากมาจากวิศวกรในหลายๆ สาขา ทั้งกลุ่มวิศวกรผู้ดูแลโรงงาน กลุ่มวิศวกรผู้ผู้ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนา ซึ่งควรได้รับการยกย่องที่พวกเขาได้ทำหน้าที่ในการแยกรายละเอียดของเทคโนโลยีนำเข้าจากประเทศ" ดร.อันกล่าว และบอกว่าการลอกเลียนเทคโนโลยีในช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการส่งออกของเกาหลี
       
       "เมื่อหันกลับไปมองสิ่งที่ผมได้เน้นย้ำ โปรดระลึกว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องประกอบด้วยหลายๆ ปัจจัย อย่างหนึ่งคือความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาล ซึ่งผมของแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีของท่านทั้งหลายได้ให้สัญญาว่าจะพยายามผลักดันงบประมาณได้วิทยาศาสตร์ให้ได้ 1% ของจีดีพี อีกปัจจัยคือความทุ่มเทของบุคลากรในภาคธุรกิจซึ่งมีความมุ่งมั่นภายใต้คำว่า "ทำได้" รวมทั้งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่" ดร.อันกล่าวในช่วงท้ายของการปาฐกถา.

ที่มา: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084060

ถ้า รมต. กระทรวงสำคัญ ของรัฐบาลไทย  จบมากจากโรงเรียนช่างกล และวิทยาลัยครูบ้านนอก วิสัยทัศน์แค่ Yes, No, OK, CocaCola ละก้อคงจะผลิตได้แค่......  เพื่อการส่งออก

      บันทึกการเข้า

สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #9 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2553, 19:48:12 »

 
อ้างถึง   
ถ้า รมต. กระทรวงสำคัญ ของรัฐบาลไทย  จบมากจากโรงเรียนช่างกล และวิทยาลัยครูบ้านนอก วิสัยทัศน์แค่ Yes, No, OK, CocaCola ละก้อคงจะผลิตได้แค่......  เพื่อการส่งออก


พี่วณิชย์ เปลี่ยนเรื่องจาก LCD หรือ Plasma อะไรดีกว่ากัน
มากลายเป็นห่วง ประเทศตัวเองไปซะแล้ว จ๊าากกก

(ผม ไม่อยากให้ดู รมต ว่าพื้นฐานการศึกษาจบจากที่ไหน แล้วว่าเขาไม่มีความสามารถ ไม่มีวิสัยทัศน์
นักธุรกิจ จบ ประถม 4  แต่เก่งและ วิสัยทัศน์ดี มีมากหลาย   ปิ๊งๆ
 เรียนสูง สถาบันดี ไม่สามารถรับประกันคุณภาพได้ เค้าไม่ยอม
รมต ให้ดูที่จริยธรรม และวิสัยทัศน์ ดีกว่า จบอะไร ไม่สำคัญ) เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #10 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 12:27:08 »

โทรทัศน์ แบบใหม่ ที่ออกมาตีตลาดในเมกา คือ LED TV ทีผลิตออกมาขาย มีเพียง 2 ยี่ห้อคือ Samsung และ LG  มีความบางเฉียบเพียง 1.2 นิ้ว มีความคมชัดสูง Dynamic contrast ratio บางรุ่นถึง 7 ล้าน : 1 

ส่วนโทรทัศน์ Plasma มีความคมชัด Dynamic contrast ratio ได้ถึง 2 ล้าน : 1  ขณะที่ LCD มีความคมชัด Dynamic contrast ratio 1แสน 5 หมื่น : 1



      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #11 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 15:46:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ yc เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2553, 19:26:19
 
อ้างถึง   
ฤา ประเทศไทย จะผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์เกษตรไปขายในตลาดโลก เพียงอย้่างเดียว เราแทบจะไม่มีสินค้าภาคอิเลคโทรนิคส์ ออกไปเลย อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตในประเทศไทย ล้วนแต่เป็นของฝรั่งและต่างชาติ ที่มาตั้งฐานการผลิต เพื่อการส่งออก

เรามีนักเรียนไทย นักศึกษาไทย ออกไปสอบชิงแชมป์ในต่างประเทศ ได้ เคมีเหรียญทอง ฟิสิคส์เหรียญทอง คณิตศาสตร์เหรียญทอง คอมพิวเตอร์เหรียญทอง กลับมา แต่.... ประเทศไทย ผลิตได้แค่ ตัวถังรถตุ๊กๆ (เครื่องยนต์ยังผลิตไม่ได้ ใช้ของไดฮัทสุ)  จริงมั้ยพี่ป๋อง.... จริงมั้ย พี่น้องชาาวซีมะโด่ง.......  เฮ้ออฯฯฯฯ

สวัสดีครับพี่วณิชย์

ไม่ขัดแย้งกับพี่นะครับ ในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี่
และคนไทยเราก็มีศักยภาพทำได้ครับ
และประเทศอื่นๆ ที่กล้าทุ่มเทไปทางด้านเทคโนโลยี ก็สามารถแข่งขันได้เช่นกัน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ทุกประเทศในโลก จะแข่งขันกับประเทศไทยได้
ก็คือ อาหารและผลิตผลทางการเกษตร
สิ้่งนี้ เรามีต้นทุนราคาถูกที่ธรรมชาติให้เราอย่างเหลือเฟือ

แต่ปัญหา ก็ คือ เราไม่เคยคิดกับสิ่งนี้อย่างจริงจัง
คนมีอำนาจไร้สามารถที่จะจัดการสิ่งนี้อย่างเป็นระบบ
และปัญหา อีกประการก็คือ กลไกการเงิน ทั้งของโลก และของประเทศไทยเรา
ไม่ได้วางพื้นฐานไว้บนการสนับสนุนการเกษตร
(ข้อเรื่องการเงินนี้ ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆว่า ธุรกิจใด ที่ผลผลิตของธุรกิจนั้นสามารถโยนภาระไปใ้ห้
สถาบันการเงิน ธุรกิจนั้นมักจะไม่เจ๋ง ยกเว้นเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเท่านั้น...สร้างบ้านสร้า่งคอนโดเสร็จ ขายออกได้เงิน
จากสถาบันการเงิน แล้วภาระไปตกแก่สถาบันการเงินกับผู้ซื้อ,รถยนต์ก็เช่นกัน...)

สรุปคือ ผมเห็นว่า ประเทศเรา ต้องให้ความสำคัญกับการเกษตร เป็นอันดับ1
(หมายรวมถึงการเก็บถนอม การแปรรูป การจัดการด้านการขายการตลาดฯลฯ  ไม่ใช่แค่การผลิตเท่านั้น)
เมื่อจัดการเกษตรดีได้ ด้านเทคโนโลยี่ต่างๆ ก็จะสามารถเติบโตอย่างมั่นคงก้าวหน้าไปตามกลไกครับ


ขุดพบเรือโบราณ คอหวยลุย กราบไหว้ขอเลขเด็ด



 หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ยิ่งมีชาวบ้านจากพื้นที่ต่างๆ พากันซื้อดอกไม้ธูปเทียน และหาซื้อเครื่องเซ่นไหว้ตามความเชื่อแบบชาวเหนือมากราบไหว้ขอโชคขอลาภ พร้อมทั้งขอเลขเด็ดจำนวนมาก
ที่มา:  http://www.thairath.co.th/content/region/83139    

แค่ นสพ. ฉบับนี้ เอามาทำข่าว ก็พอจะรู้ทิศทางการศึกษาของประเทศไทยของเราแล้ว

น้องยังชิน น้องสมชาย อ่านข่าวนี้รึยัง ถ้าเป็นฝรั่ง เค๊าจะเอาศึกษา เอาไปเข้าพิพิธภัณฑ์ สู้เมืองไทยเราไม่ได้ กลับซื้อดอกไม้ธูปเทียน เครื่องเซ่นไหว้ พร้อมขอโชคลาภ และเลขเด็ด

ถ้าเกาหลีใต้ ใต้หวัน สิงคโปร์ อ่านเจอ คงจะหัวเราะท้องแข็ง ตกเกาอี้อย่างแน่นอน
      บันทึกการเข้า

phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 15:53:41 »

เลขเด็ดตลอดครับประเทศไทย
เห้อ
      บันทึกการเข้า
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #13 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 16:03:07 »

กทม ติดไวรัสครับ ขณะนี้
      บันทึกการเข้า
rung88
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 318

« ตอบ #14 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2553, 01:08:28 »

ซื้อทีีวีให้ดูที่static contrastครับ เพราะเป็นค่ามาตรฐาน(สูงสุดอยู่ที่1000:1) แต่ที่เห็นเป็นล้านนั่นเป็นdynamic contrast เป็นค่าที่ผ่านการเร่งโดยโปรแกรมแต่ละแบรนด์วัดไม่เหมือนกััน การเลือกให้ดูด้วยตาตัวเองดีที่สุดครับ


ส่วนเรื่องเศรษฐกิจนี้ผมมองว่าเกษตรและอุสาหกรรมต้องควบคู่กันไป มูลค่าการส่งออกอันดับหนึ่งของไทยตอนนี้ไม่ใช่สินค้าเกษตร แต่เป็นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค ซึ่งเรารับจ้างผลิต กำไรน้อยครับ ในอนาคต การส่งออกชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคจะลดลงเพราะค่าแรงคนไทยจะแพงขึ้น มีการประท้วงหยุดงานขอขึ้นค่าแรง ไม่มีเสถียรภาพด้านการเมือง/นโยบาย(ใครขึ้นก็เปลี่ยนเอาหน้า ขาดความต่อเนื่อง)  ต่างชาติจะย้ายฐานไปสู่ประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า เราควรเปลี่ยนจาการรับจ้างผลิตมาเป็นการสร้างแบรนด์ได้แล้ว(จริงๆผมมองว่า เราื่มองว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ควรเริ่มตั้งแต่เมื่อ10ปีที่แล้ว เพราะแรงงานที่จบใหม่เป็นระดับป.ตรีซะส่วนมาก ขณะที่ตลาดแรงงานต้องการปวส.ซึ่งค่าแรงถูก งงว่าทำไมถึงกดดันให้เด็กเรียนปวส.เพื่อมีงานทำรับค่าแรงถูกๆ สุดท้ายเงินเดือนไม่พอใช้ต้องขอพ่อแม่กิน แทนที่จะพัฒนาตลาดแรงงานให้ต้องการคนมีความรู้ รับเงินเดือนมากขึ้นอยู่ได้ เพื่อให้คนเหล่านี้พัฒนาชาติต่อไป ) ภาคเกษตรก็ต้องสอนเกษตรกรให้รู้จักคิด รู้จักวางแผน ใช้หลักเศรษฐศาสตร์มาช่วย ไม่ใช่ว่าทำนาแล้วขาดทุนเป็นหนี้ รู้ทั้งรู้ก็ทำมันอยู่นั่นแหละ ไม่ลองเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นดูบ้าง เผื่อมันจะดีขึ้น รู้ว่าผลผลิตออกมาเยอะราคาตกแน่ ก็ไม่รู้จักพัฒนาวิธีบังคับให้ผลผลิตออกนอกฤดู/ออกเร็ว/ออกช้า/รวมกลุ่มส่งออกนอก
นักการเมืองบ้านเราเป็นนักการเมืองจริงๆครับไม่ใช่นักบริหาร ข้อมูลมีอยู่ในมือเพียบแต่ไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่รู้จักคิดเผื่ออนาคตประเทศข้างหน้า คิดแต่จะทำอย่างไรสมัยหน้าจะได้เข้ามานั่งอีก ทำอย่างไรจะโกงได้คนไม่รู้ ปีหนึ่งเข้าสภาครบทุกครั้งรึเปล่า มัวแต่โดดร่ม นอนกกเมียน้อย เข้าสภาแล้วนั่งหลับ รับเงินเดือนละแสนไม่รวมเบี้ยเลี้ยง

ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ น่าเศร้า
      บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><