03 มิถุนายน 2567, 13:12:21
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 39 40 [41] 42 43 ... 64   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่อง ซิกเซ้นต์ และผีๆ  (อ่าน 421582 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1000 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 19:17:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 24 ตุลาคม 2552, 19:45:10
แล้วพี่ตุ๋ยหล่ะเอแาไปไว้ซะที่ไหนเหอๆๆๆๆๆๆ

ก็กลัวรูปพี่ง่ะ...
แขวนพระอยู่เนี่ย
      บันทึกการเข้า


เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #1001 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 19:57:20 »

      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #1002 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 19:58:33 »

      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #1003 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 20:00:52 »

      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1004 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2552, 20:43:21 »

หวัดดีน้องเจตน์  ไม่เจอกันหลายวันเป็นไงบ้าง  อาการตาร้อนหายหรือยัง  คิดจะลงมากทม.บ้างไหม  พี่ลงไปแล้วนะ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1005 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 12:10:04 »

เรื่องเล่าชาวเก็บศพ เรื่อง ไปรับศพที่นิติเวช

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนที่ผมกำลังจะอาบน้ำออกไปข้างนอกพอดี จ่าอ๊อดโทรมาเร่งผมอีกแล้ว  ครั้งก่อนผมขอติดตามไปด้วย และตั้งแต่นั้นมาผมกับพี่อ๊อดและเพื่อนอีกหลายคนก็ได้ไปร่วมใจกันทำประโยชน์ให้สังคม โดยไม่หวังอะไรตอบแทน เราเต็มใจช่วยอย่างจริงใจทุกคน เพราะในแต่ละคืนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะมาก มีทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ หรือแม้แต่ไปรับศพที่นิติเวช รวมถึงไปส่งที่วัด และในครั้งนี้...
...ที่เกิดเหตุคือโรงงานตุ๊กตาที่พุทธมณฑลสายสี่ ผมก็ไปยังที่เกิดเหตุด้วย แต่ผมไปถึงขณะที่เพลิงสงบแล้ว แต่ด้านในยังร้อนระอุไปหมด พวกเราจึงทำอะไรกันไม่ได้มาก
...ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องจักรช่วยในการค้นหาซากศพ ผู้เสียชีวิต ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ซากศพเป็นจำนวนมากนั้น...ต้องนำส่งนิติเวชเพื่อชันสูตร ก่อนจะนำไปทำพิธีทางศาสนา และในวันรุ่งขึ้น ตอนประมาณเที่ยงๆ พี่อ๊อดก็โทรตามผมอีกรอบ บอกให้ออกมาหาพี่เค้าที่บ้าน และก็ไม่พูดอะไร พูดจบก็วางโทรศัพท์ไป...
...แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ผมเลยรีบออกไปหาพี่อ๊อดทันที
...บ้านพี่อ๊อดอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก เดินไปไม่ไกลก็ถึง...
"เออ...เมื่อตะกี้นี้พี่รุ่งเขาโทรมาบอกจะมารับ" พี่อ๊อดว่า
"ไปไหนหรอพี่"
"ยังไม่รู้เลย เค้าบอกให้แต่งตัวรอไว้...เออ...เอ็งอย่าลืมเอาชุดมูลนิธิไปด้วยล่ะ"
"แล้วนี่...เราจะไปไหนกันพี่รุ่ง" ผมหันไปถาม
"อ๋อ...พอดีเมื่อวานพี่เอาศพไปส่งที่นิติเวช ญาติเค้าก็เลยให้พี่มารับศพไปส่งที่วัดให้หน่อย ก็เลยช่วยๆเค้านะ"
เราใช้เวลาเดินทางไม่นาน...
...แล้ว พวกเราก็มาถึงนิติเวช ซึ่งมีญาติของผู้เสียชีวิตมารอ อยู่ก่อนแล้ว พี่รุ่งจึงให้ญาติผู้เสียชีวิตไปติดต่อ เพื่อรับศพ สักพักพี่รุ่งเรียกผม กับพี่อ๊อดเดินตามเข้าไปรับศพ
...ผมเข้าไปเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตกใจมาก
...ศพคนตายมากมายเหลือเกิน มีทั้งที่อยู่ในลิ้นชัก และในเปลนอกลิ้นชัก วางเรียงรายเต็มไปหมด ญาติผู้ตายชี้บอก แล้วพวกผมก็ยอกออกมาทั้งเปล
ใส่ลงโลงที่ญาติเตรียมมา ...ก่อนที่จะยกใส่โลงนั้น...เราต้องสอดด้วยผ้าพลาสติกเสียก่อน เพราะศพนั้นเริ่มมีน้ำเหลืองออกมาแล้ว พอ ถ่ายใส่โลงเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยปิดฝาโลง ขณะตอกตะปูนั้นผมเห็นที่ปากเขาท่องคาถาอะไรสักอย่าง หลังจากนั้นก็นำโลงขึ้นรถ และมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดสุพรรณบุรี มีรถหลายคันมารับศพกันเป็นแถว และก่อนจะขับรถออกไปนั้น รถทุกคันต้องบีบแตรเสียงลั่นสามครั้ง ผมไม่ทราบว่าบีบทำไม จึงตัดสินใจถามพี่รุ่งซะเลย "พี่รุ่งครับ...ทำไมต้องบีบแตรด้วยล่ะ"
"เค้าว่ากันว่า บีบแตรเพื่อเรียกวิญญาณผู้ตายให้ตามร่างไปไงล่ะ" คำตอบของพี่รุ่งทำให้ผมหายสงสัย และนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่ออีก
...หลังจากนั้นไม่นานเราก็มาถึงวัด พวกเราและญาติๆ ต่างก้ช่วยกันยกโลงลงจากรถไปไว้ในศาลา สัปเหร่อจัดแจงงัดโลง เปิดฝาโลงออกเพื่อจะนำร่างออกมาทำพิธีอาบน้ำศพ พวกผมและญาติผู้เสียชีวิตก็ช่วยกันยกผ้าพลาสติกที่รองศพผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ร่างกายนั้นส่งกลิ่นโชยขึ้นทันที รวมทั้งมีน้ำเหลือง ไหลนองเต็มผ้าพลาสติกเต็มไปหมด จากนั้นเหล่าญาติพี่น้องก็ช่วยกันอาบน้ำแต่งตัวให้กับศพ ลุงแก่ๆ คนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาที่พวกผม และขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่เลยทีเดียว และ เย็นนั้นพวกเราก็กลับมาที่ศูนย์บางบัวทองเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อ ในค่ำนั้นทุกคนในจุดทยอยกันมาเรื่อยๆ ส่วนพี่อ๊อดนั่งฟัง ว. อย่างตั้งใจ พวกผมที่ทยอยมา กันจนครบนั้นก็นั่งคุยเฮฮากันไปตามเรื่องตามราว เวลาผ่าน ไปจนเที่ยงคืน ทุกคนที่อยู่ในศูนย์นั้น เริ่มผ่อนเปลือกตาลงทีละคน คืนนั้นเหตุการณ์สงบเงียบมาก รวมถึงในศูนย์ด้วย จนกระทั่งเหลือผมกับพี่อ๊อดสองคนที่ยังคงนั่งฟังวิทยุอยู่ด้วยกัน
"เฮ้ย...เอ็งฟังวิทยุแทนสักเดี๋ยว ข้าปวดท้องจะไปเข้าห้องน้ำ"
"ตามสะดวกเลยพี่อ๊อด" พี่อ๊อดพูดจบ ก็คว้าบุหรี่ไฟแช็คไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนั้นก็จะเป็นที่เก็บโลง และผ้าดิบ ถุงมือและอะไรต่างๆ ที่คนบริจาคไว้ ผม นั่งไปเรื่อยๆ ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับมีคนมองผมอยู่อะไรทำนองนั้น พอผมเหลือบตาไปมอง ก็เหมือนกับมีเงาอะไรดำๆ วึ้บ...ไป...ผมหันกลับมาที่หน้าวิทยุ ทำเป็นไม่สนใจ คงคิดไปเองละมั้ง...แต่จู่ๆ ก็มีเสียง "ตึ้ง...ง...ง"
ดังมาจากทางห้องน้ำ ผมเห็นพี่อ๊อดรีบเดินหน้าเซ็งออกมา ผมถามพี่อ๊อดทันทีว่ามีอะไร"อ้าว...ก็เอ็งหรือใครล่ะที่ไปเคาะประตู...เร่งข้าอยู่ได้"
พี่อ๊อดพูดแบบหงุดหงิดๆนิดหน่อย "หา...พี่อ๊อด ผมยังไม่เห็นมีใครเดินเข้าไปด้านหลังเลย"
ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่พี่อ๊อดก็ไม่เชื่อ "นี่ไอ้ปู...*********ไม่ต้องมาล้อเล่นอะไรกับกูแบบนี้เลยนะ"
พี่อ๊อดทำท่าส่ายหัวไม่เชื่อเด็ดขาด...ผมเลยบอกไปอีกครั้ง
"พี่อ๊อด...ฟังผมนะ ผมยังไม่ได้ลุกจากเก้าอี้ตัวนี้เลยด้วยซ้ำ" ถึงตรงนี้ ผมไม่ได้ตลกด้วยแล้ว ท่าทางผมคงซีเรียสจริงจังพี่อ๊อดเลยอ่อนเสียงลงบ้าง
"อ้าว...แล้วเอ็งได้ยินเสียงเคาะไหม?"
ผมบอกว่า "ก็ได้ยินแต่ตอนพี่อ๊อดเปิดประตูกระแทกๆ แล้วก็เดินหงุดหงิดออกมาเท่านั้นแหละ"
คิ้ว ของผมและพี่อ๊อดขมวดย่นด้วยกันทั้งคู่เลย เราเริ่มจะใจไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราสองคนแล้ว จู่ๆ ผมก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทั้งตัวเลยทีเดียว พอดีพี่รุ่งที่ตื่นขึ้นมาพอดี "เฮ้ย...เอ็งสองคนเปลี่ยนกันไปนอนบ้างก็ได้ เดี๋ยวพี่ฟังวิทยุเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกพี่รุ่ง...ปูกับพี่อ๊อดตอนนี้นอนไม่หลับหรอกครับ..." ซึ่งจะว่าไป มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
"นอนไม่หลับ งั้นก็ออกไปหาอะไรกินกันไหม?" ผมและพี่อ๊อดตอบตกลงทันที พร้อมกับลุกขึ้น เดินตามพี่รุ่งเปิดประตูเดินออกไปที่รถเพื่อออกไปหาอะไรกินกันตามที่พี่รุ่งชวน พวกเราขับตระเวนกันไปพักหนึ่งก็เจอร้านบะหมี่เกี๊ยว...เราสามคนตกลงเห็นดีด้วย กับการสั่งบะหมี่ พอสั่งเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินมานั่งที่โต๊ะ สักครู่คนขายจึงเดินเอาบะหมี่มาให้ แล้วถามเปรยๆว่า... "อ้าว...พี่ ผู้หญิงในรถไม่ลงมาทานด้วยรึคะ?"
พวก เราสามคนมองหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจ ส่วนผมนั้นเย็นวูบวาบไปทั้งตัว เรารีบมองไปที่รถก็ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน แต่เราทุกคนยังคงทำท่าเฉยๆ ไว้ ระหว่างที่กำลังกินบะหมี่อยู่นั้นในหัวผมนั้นคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องที่คนขาย บะหมี่บอกให้ชวน ผู้หญิง ที่นั่งในรถลงมากินด้วย
แต่ผมเริ่มเสียวมากขึ้น เมื่อผมกินบะหมี่หมดชาม พี่รุ่งจ่ายเงินเสร็จ เดินนำหน้าไปที่รถ ผมและพี่อ๊อดเดินตามหลังพี่รุ่งมาติดๆ พี่รุ่งขับรถกลับมาเรื่อยๆ ในระหว่างทางนั้นเงียบมาก ไม่มีใครยอมพูดกันสักคนมีแต่เสียง ว. เท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในรถเป็นระยะ ๆ ความเงียบทำให้ความโล่งอกโล่งใจ ของผมหายไปทีละนิดเมื่อผมคิดขึ้นไปเองว่า ถ้าเกิดมีใครมาเคาะกระจกหลัง แล้วผมหันไปเจอในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์จะเจอนั้น ผมจะทำอย่างไรดี แล้วอยู่ๆ ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อพี่รุ่งตะโกนขึ้นมาว่า"เฮ้ย...ใครมีบุหรี่มั่งวะ" เสียงนี้ทำให้ผมและจ่าอ๊อดที่นั่งเงียบอยุ่นาน เอะอะขึ้นมาบ้าง
"โธ่...พี่รุ่ง ตกใจหมด พูดเบาๆ ก็ได้" จ่าอ๊อดถอนหายใจดังฟู่ พี่รุ่งหัวเราะ ก่อนจะบอกว่า
"แหม... แหม.... ขวัญอ่อนเหลือเกินนะ ไอ้ปู ไอ้อ๊อด" "ก็ผมคิดเรื่องสยองๆอยู่ นี่พี่"
"เรื่องอะไรของเอ็งวะที่ว่าสยองน่ะ" พี่ รุ่งถามถึงความคิดของผม แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไร ได้แต่บอกว่าเปล่า... ทั้งๆที่ในใจนั้นอยากจะถามถึงเรื่องผู้หญิงคนที่แม่ค้าบะหมี่ถามว่า ทำไมไม่ลงมากินด้วยกัน แต่น่าแปลกที่พวกเรามองไม่เห็นใครเลยสักคน แล้วอยู่ๆ พี่รุ่งก็มีอาการแปลกๆ เมื่อพี่รุ่งเอามือข้างซ้ายมาเขย่าหัวเขาของจ่าอ๊อดอย่างแรง แต่สายตาของพี่รุ่งนั้นไม่หันไปดูจ่าอ๊อดเลย กลับตาค้างจ้องมองไปที่กระจกมองหลัง
"เฮ้ย...เฮ้ย...ไอ้อ๊อด" เสียงพี่รุ่งสั่นมาก
"อะไรพี่"พี่ รุ่งไม่ยอมพูดอะไรต่อ นอกจากทำท่าชี้ไปที่กระจกมองหลัง จ่าอ๊อดขมวดคิ้วมองหน้าพี่รุ่งอย่าง งงๆ ต่อด้วยการหันไปมองที่กระจก แล้วก็ตาค้าง อ้าปากค้างไปอีกคน ผมเริ่มตกใจแล้ว แต่พอหันไปมองที่หลังรถก็ไม่พบอะไรจึงโถมตัวไปหาพี่ทั้งสอง และมองไปที่กระจกมองหลังบ้าง แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของผมเย็นวาบขึ้นมาทั้งตัวโดยอัตโนมัติ มือเท้าของผมนั้นมีเหงื่อชื้นเต็มไปหมด เมื่อพี่รุ่งถามผมด้วยคำพูดช้าๆ เนิบๆ ว่า "พวก...เอ็ง...เห็น...อย่าง...ที่...ข้า...เห็น...รึ...เปล่า...วะ...?"
จ่า อ๊อดและผมพยักหน้าพร้อมกันทันทีหลังจากที่เราได้เห็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ไป รับมาจากนิติเวชเมื่อกลางวันนั่งอยู่หลังรถ ผมพูดกับจ่าอ๊อดด้วยเสียงสั่นๆว่า "จ่า นั่งด้วยนะ..." จ่าอ๊อดยังไม่ทันตอบอะไร ผมก็ไปนั่งเบียดด้วยทันทีแล้วก็ถามขึ้นมาเบาๆว่า
"ละ...แล้ว เราจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?" "จะทำไงได้ล่ะวะ ก็บอกให้พี่รุ่งแกขับเร็วขึ้นอีกน่ะซิ"
ยัง ไม่ทันที่จะบอกอะไรเลย พี่รุ่งแกก็เหยียบคันเร่งเร็วขึ้น เราหันไปมองผู้หญิงที่หลังรถ พอไม่เห็นก็โล่งใจ แต่ทุกคนนั่งเงียบ ใจจดใจจ่อว่าจะทำยังไงกันดี ในใจนั้นผมอยากให้พี่รุ่งขับรถให้ถึงจุดศูนย์ให้เร็วกว่านี้ ผมรู้สึกว่า ขากลับมันไกลกว่าขาไปมากเหลือเกิน พอไปถึงหน้าศูนย์ พี่รุ่งกับจ่าอ๊อดก็รีบเปิดประตูรถแล้วพากันโกยอ้าวเข้าไปในศูนย์โดยไม่สนใจ ผมเลยสักนิด ผมรู้สึกเสียวๆ ยังไงไม่รู้เมื่อตอนคลำหาที่เลื่อนเบาะไม่เจอ เพราะมือไม้สั่นไปหมดแล้ว พอลงมาได้ ผมรีบวิ่งตามไป โดยลืมปิดประตูรถ พอวิ่งมาถึงที่ศูนย์ ผมก็ต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นทุกคนยืนและหันไปมองที่รถ ผมจึงหันไปดูบ้าง แล้วผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นยังนั่งอยู่และโบกมือมาทางพวกเราด้วย เท่านั้นแหละครับ พวกเราทุกคนถึงกับต้องนัดกันใส่บาตรในตอนเช้า และกลับไปนอนไม่สบายไข้ขึ้นอยู่อีกหลายวันเลยทีเดียว...


ที่มา: หนังสือ มูลนิธิเรื่องเล่าชาวเก็บศพ โดย วศิน ทองธารี
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1006 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 14:45:47 »

สวยมั้ยไม่รู้.
มาแบบเป็น รึมาแบบสภาพสุดท้าย
พี่ทูง่ะะะะะะ
กลัวผี
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1007 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 21:00:16 »

ไม่กลัว  นั่งอยู่บ้านเนตโรงเรียนยังใช้ไม่ได้
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1008 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2552, 15:52:49 »

วันนี้สุดสัปดาห์
บ้านรึโรงเรียนพี่?
ตาหายรึยังคะ?


แดงๆกลํ่าๆก็กันผีได้นะพี่!!
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1009 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2552, 20:25:23 »

สงสัยผีจะกลัวผม  เพราะผมเป้นตาแดง
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1010 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 19:53:55 »

หายรึยังพี่?
ใส่แว่นดำไปโรงเรียนดิพี่
มาเฟียมาเอง....เก๋
      บันทึกการเข้า


พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1011 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 17:54:23 »



"ผีช่องแอร์"

เรื่องมันเริ่มต้น เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่


โรงแรม นี้จะมีสถานบันเทิงอยู่ข้างล่าง แล้วกลุ่มวัยรุ่น 6 คนที่พบเจอเหตุการณ์นี้ก็เป็นนักดนตรีหนึ่งในวงดนตรีที่แวะเวียนมาแสดงที่ โรงแรมแห่งนี้


ในแต่ละคืน คิวของโรงแรมนั้นเป็นแห่งสุดท้ายสำหรับการเล่นดนตรีปกติเมื่อแสดงดนตรีเสร็จ ทางโรงแรมก็จะจัดห้องให้ทั้ง 6 คนนี้ได้พักผ่อนเหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างปกติไม่มีอะไร.......จนกระทั่งมา ถึงคืนหนึ่ง


เมื่อวงดนตรีกลุ่มนี้เล่นเสร็จแล้วทางโรงแรมได้มาแจ้งกับพวกเขาว่าห้องพักเต็ม...แต่พอคุยกันไปมา....ทางโรงแรมเห็นว่าไม่น่า มีอะไรและเด็กเหล่านี้ก็เหมือนคุ้นเคยขาประจำเลยบอกมาว่ามีห้องหนึ่งว่าง.....ว่าแล้วก็ให้พนักงานนำทางไปพร้อมกุญแจห้องไขสู่ประตูห้องที่มีหมายเลขห้อง 409

เมื่อ ทั้ง 6 คนได้เข้ามาแล้วก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มานั่งล้อมวงเล่นไพ่กันเล่นไปซักพัก 1 ใน 6 คนนั้นก็มองอะไรไปเรื่อยจนไปสะดุดเข้ากับผ้าริ้วขาวพลิ้วสะบัดไปมาตามแรงลม ของช่องแอร์ที่กำลังเป่านั้นด้วยความรำคาญหรืออะไรมิทราบได้เจ้าคนนั้นจึง ลุกออกมาแล้วลากเก้าอี้เพื่อที่จะได้ยื่นมือไปดึงเอาผ้าริ้วสีขาวนั้นออกใน ขณะที่เขาต้องดึงตะแกรงที่ปิดช่องแอร์ออกก่อนซึ่งในตอนนั้นสายตาของเขาก็ยัง มองมายังกลุ่มเพื่อนที่นั่งเล่นไพ่อยู่

พอเขาวางตะแกรงลงและกำลังจะ เงยหน้าไปหยิบผ้าริ้วสีขาวผืนนั้นออกสายตาของเขาก็ไปเจอเข้ากับอะไรอย่าง หนึ่ง เขานิ่งไปชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ค่อยๆลงมาจากเก้าอี้ที่เขายืนอยู่ ในลักษณะถอยหลังค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกไปแล้วก็ค่อยหันหลังเดินออกจากห้องไป

เพื่อนๆ ในกลุ่มที่เล่นไพ่กันอยู่ก็งง บางคนในนั้นก็ตะโกน "เฮ้ยยยยย!!!!!"แต่เพื่อนๆ ก็นั่งเล่นไพ่กันต่อ เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นและก็ขี้เกียจเดา แต่ด้วยอะไรไม่ทราบได้ คนที่เหลือในกลุ่มคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า

"เออ เดี๋ยวกุลุกไปปิดตะแกรงให้" แล้วก็บ่นว่าเจ้าเพื่อนคนที่ออกไปคนแรกทำไมไม่ปิดน่ะ

เมื่อเขาลุกออกไปก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ที่ยังตั้งอยู่ตรงนั้นและ ค่อยเงยหน้าขึ้นดูเพื่อให้รู้ว่าร่องที่จะวางตะแกรงนี่ต้องวางมุมไหนยังไงใน ขณะที่เขาค่อยๆ เงยหน้าและยืดตัวขึ้นไปดูนั้นดวงตาเขาก็ไปเจอกับอะไรบางอย่างซึ่งทำให้เขา นิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักนึงแล้วจึงลงมาจากเก้าอี้และค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง

เพื่อนๆ ที่เหลือก็งงกันอีก ว่าเออเขาเป็นอะไรของเขาน่ะทีนี้ในกลุ่มก็เหลือ 4 คน นั่งเล่นไพ่กันต่อไป พอหมดเกมส์นึง คนที่ 3 ก็ลุกออกไปจะไปปิดตะแกรงแอร์ให้เรียบร้อยจะได้มาเล่นต่ออย่างสบายใจแต่แล้ว เขาก็กลับมีปฏิกิริยาเหมือน2 คนแรก คนที่ 3 และคนที่ 4 ก็เป็นเหมือนกันและ ค่อยๆ เดินออกจากห้องไปทีนี้ก็เหลือในห้อง แค่ 2 คน ก็เล่นไม่สนุกแล้ว (และ 1 ใน 2 คนนั้นคือคนที่รอดชีวิตมาเล่าเรื่องราวให้พวกเราได้ฟังกัน)


ทั้ง 2 คนก็เลยชวนกันออกไปล๊อบบี้โรงแรม ดีกว่า เผื่อเจอเพื่อน ๆที่ลงไปก่อนหน้านี้แล้ว...แต่ก่อนออกไป ทั้ง 2 ต้องการปิดตะแกรงของช่องแอร์ให้เรียบร้อยก่อนแล้วก็ให้คนนึงจับเก้าอี้ และคนที่รอดชีวิตมาเล่าเป็นคนขึ้นไปบนเก้าอี้  พอกำลังจะเอาตะแกรงเข้าไป ปิดช่องแอร์เท่านั้น....ทั้งสองก็เห็นภาพเหมือนกัน คือ ศรีษะของผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกหน้าลงมาจากช่องแอร์ และมองมาด้วยสายตาที่เคียดแค้น จ้องมองมาที่ทั้ง 2 คนนั้น... เขายังพอมองเห็นว่า เส้นผมยาวๆของผู้หญิงคนนั้นถูกผูกติดไว้กับเหล็กที่อยู่ข้างในช่องแอร์นั้น

เมื่อเห็นภาพนั้น ทั้ง 2 คนจึงค่อยเดินถอยหลังออกไป  1 ใน 2 คนนั้นก็พยายามจับแขนอีกคนหนึ่งไว้แล้วบอกว่า "อย่าวิ่ง!!!!"เพราะถ้าวิ่งนี่เตลิดแน่นอน เพราะตอนนั้นจิตกระเจิงไปหมดแล้ว

ทั้ง สองจึงค่อยๆ เดินลงมาจนมาสมทบกับกลุ่มเพื่อนข้างล่างพอเจอกัน ต่างมองหน้ากันและ 1 ในนั้นก็ถาม "พวกมรึงทำไมไม่บอกพวกกูว่าเจออะไร"แต่ไม่มีเสียงตอบจากใครคนใดในกลุ่มนั้น

ทั้ง หมดจึงไปถามหาจากคนของโรงแรมว่าที่ห้อง 409 นั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ทำไมพวกเขาเจอเหตุการณ์อย่างที่เล่ามานี้เหมือนกันหมดทุกคนสุดท้ายจึงมี พนักงานคนหนึ่งในโรงแรมนั้นเล่าให้ฟังว่า


"เมื่อหลายปีก่อนมี ผู้หญิงคนหนึ่งทำงานขายบริการถูกพาไปห้องโดยแขกเหมือนจะเป็นชาวมาเลย์และ ด้วยมีเรื่องอะไรกันไม่ทราบได้ ในตอนเช้าพบเธอเป็นศพสภาพหัวถูกตัดหายไป โดยที่ตัวถูกหมกไว้ใต้เตียงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหาส่วนหัวอยู่นานก็ ไม่เจอก็เลยเลิกหาแล้วก็กลับ ไปจนหลายวันต่อมาแอร์ห้องนั้นเริ่มมีกลิ่น เพราะแขกที่มาพักห้องข้างๆ ได้กลิ่นจึงแจ้งพนักงานโรงแรมแล้วก็หาจนได้ที่มาของกลิ่น นั่นก็คือศรีษะของผู้หญิงคนนั้นถูกตัดออกมา แล้วก็นำชุดขาวที่เธอใส่มาห่อพันส่วนที่เป็นคอที่ถูกตัดไว้ แล้วใช้เส้นผมของเธอเองผูกไว้กับแกนเหล็กข้างในช่องแอร์อีกทีหลังจาก เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้น ห้องนั้นก็ถูกทางโรงแรมปิดตายไป!"

ดังนั้น สิ่งที่ทั้ง 6 คนได้พบเจออาจเรียกได้ว่าเป็น ภาพ หรือ ภาพหลอนหรือผีหลอกนั่นเอง

หลัง จากนั้นทั้ง 6 คนก็ไม่ได้คิดอะไรมากและก็ดำเนินชีวิตปกติแต่ 3 วันถัดจากที่พวกเขาเจอเหตุการณ์ เพื่อนของเขา คือ คนแรกที่เป็นคนต้นคิดไปเปิดตะแกรงเพื่อเอาผ้าริ้วสีขาวๆ ออกก็ได้เสียชีวิตลง โดยเหตุการณ์คือ เหมือนคุยกับแฟนตกลงอะไรกันอยู่ ส่วนเพื่อนก็นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่ซักพักเพื่อนคนนั้นก็ยิงหัวตัวเองตายต่อหน้าต่อตาเพื่อนและแฟน โดยที่เพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนไม่มีปัญหาอะไรเลย และเป็นคนสนุกสนานร่าเริง

หลังจากนั้นในวันถัดมาเพื่อนอีกคน คือคนที่ 2 ที่จะลุกไปปิดตะแกรงก็ตายด้วยอุบัติเหตุสยองจากการขับรถเพิ่มขึ้นอีกคนและใน ขณะที่กำลังจัดงานศพเพื่อนๆ อยู่นั้น ปรากฏว่ามีอีกคนนึงหายไป คนที่รอดชีวิตมาเล่า ได้ไปตามหาถึงที่ห้องปรากฏว่าเขาผูกคอตายอยู่กับหน้าต่างโดยที่ตัวเขาก็ถึง พื้น หน้ามือก็ถึงพื้น แต่สภาพใบหน้าคือดวงตาเบิกโพลง เหมือนตกใจกลัวอะไรสุดขีด

คล้อยหลังอีกไม่นาน เพื่อนคนต่อมาก็เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทางรถยนตร์อีกเช่นเดียวกัน

เนื่องจากภายในเวลาไม่ถึง 7 วัน เพื่อน ๆ ในกลุ่มเขาตายอย่างกระทันหันถึง4 คนทำให้ 1 ใน 2 คนที่เหลือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอที่ โรงแรมนั้นหรือไม่

ทั้ง 2 คนที่เหลือเลยไปหาพระที่วัด ซึ่งพระก็ทักว่า พวกเค้าเพิ่งเสียของรักหรือคนที่เรารักไปหลายคนใช่ไหมแล้วพระท่านก็พูดขึ้น มาลอยๆอีกว่า "เป็นผู้หญิง"ทั้ง 2 คนก็งง แต่พระท่านก็บอกว่า"หมายถึง ผู้หญิงน่ะ เค้ามากับโยมด้วย ตอนนี้ก็มา เค้านั่งอยู่ข้างหลัง"

ทั้ง 2 หันไปแต่ก็ไม่เจอใคร พระท่านก็บอกว่า "เธออาฆาต"
จากนั้นทางครอบครัวของทั้ง2 คนเลยขอให้พระท่านจัดทำพิธิบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายให้แก่ทั้งคู่โดยหวังว่า จะได้รอดพ้นหรือผ่อนหนักเป็นเบา

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็มานั่งคุยกันเล่น ๆ ว่าใครจะไปก่อนน่ะ  อีกคนเลยบอกว่าจะไปต่างประเทศ อยากไปไกล ๆ ให้พ้นๆเรื่องสยองนี้
หลังจากวันนั้นทั้งคู่ก็แยกกันไป จนคนที่รอดชีวิตมาเล่าเรื่องนี้ อยู่ ๆ ก็โดนใครที่ไหนไม่รู้วิ่งเอามีดมาแทง ๆ ๆ ๆ โดยที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลยจนต้องเข้าโรงพยาบาล(พอมาถึงช่วงนี้...เขา ก็เปิดให้ดูรอยแผลเป็นจากการโดนแทง)

เขาระบุวันเวลาอย่างแม่นยำ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานว่าเขาโดนแทงวันไหนเวลาอะไร เพราะอีกวันถัดมาเขาให้เพื่อนโทรทางไกลไปหาเพื่อนคนที่อยู่เมืองนอก เพื่อนคนนั้นก็บอกว่าเกิดเรื่องกับเค้าขึ้นเหมือนกัน นี่เค้าก็กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะรถไปพลิกคว่ำลงข้างทาง โดยเพื่อนเขาเล่าว่า มีผู้หญิงผมยาว ๆ วิ่งมาตัดหน้าเขาจึงต้องหักหลบ


หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ผ่านไป ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยดีมาจนถึงทุกวันนี้ และ 1 ใน 2 คนนั้นก็ได้มีโอกาสมาเล่าประสบการณ์สยองขวัญผ่านทางรายการวิทยุ รายการ Shockfm รายการตีสิบ แล้วเรื่องนี้ก็เป็นที่ฮือฮากันมากและถูกโหวตให้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ในรอบหลายๆ ปี ค่ะ

 

ข้อมูลจาก board.narak.com
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1012 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 18:43:22 »

ผีชอบไปอยู่ในที่อับชื้น  คับแคบอย่างนั้นหรอ  ผีสมัยไม่ไร้ที่อยู่
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1013 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 15:11:50 »


ป๋าทูมีเรื่องผีช่องแอร์.........

ผมมีภาพ......  ผีตู้เย็น....ครับ



      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1014 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 15:23:51 »


"...ต่างมิติ..."


      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #1015 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 15:24:44 »

แว๊ก...ดีนะที่คลิ๊กครั้งแรกกระทู้นี้ แต่คลิ๊กกลางวัน ไม่งั้นหลอนก่อนนอนแน่ๆ บรื๋อๆๆ
      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1016 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 15:35:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ iamfrommoon เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2552, 15:24:44
แว๊ก...ดีนะที่คลิ๊กครั้งแรกกระทู้นี้ แต่คลิ๊กกลางวัน ไม่งั้นหลอนก่อนนอนแน่ๆ บรื๋อๆๆ

น้องปุ๊กกี้........ที่เห็น แค่จิ๊บๆเอง
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1017 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 20:03:01 »

แหะ   จิ๊บๆ  เนี่นเล่นเอาขนลุกนะแหลม
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1018 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 20:58:12 »

ขนที่ไหนลุกคะ?
ขนรักแร้ป่ะ?
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1019 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2552, 21:33:20 »

ขนจักแร้พี่ไม่ลุกแน่นอน  เพราะมันย้าวยาว
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1020 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2552, 23:23:05 »

วันนี้จะมาเล่าประสบการณืที่คนในครอบครัวแล้วก็ตัวเองเจอมากับบ้านหลังที่จะเล่านี้นะคะ

เรื่อง มีอยูว่าเรากับแฟนได้เช่าบ้านหลังหนึ่งอยู่แถวย่านอนุเสาวรีย์ เราเช่าอยู่ในราคา 20000 บาท บ้านหลังนี้มีรูปแบบบ้านที่แปลกไม่เหมือนที่อื่นคือ

ถ้าตรงกลาง บ้านโล่งขึ้นไปถึงหลังคา บ้านหลัง นี้มี4ชั้นรวมชั้นดาดฟ้า บนดาดฟ้านี้มีศาลอยู่ด้วยค่ะ เราพอทราบมาว่าก่อนหน้าที่เราจะมาเช่า บ้านหลังนี้ว่างอยู่เกือบ2ปี หลังจากที่เราทั้งครอบครัวย้ายเข้ามานั้นเป็นช่วงที่ตรงกับฟุตบอลโลกพอดี คืนที่2หลังจากย้ายเข้าบ้านทุกคนหลับหมดแล้วเหลือแต่น้องชายนั่งดูบอลอยู่จน กระทั่งบอลจบ

ช่วงเวลาประมาณ ตี2ครึ่ง น้องก็ได้เดินจากชั้น2ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นกลับเข้ามานอนที่ห้องของตัวเอง

ระหว่าง ทางที่เดินผ่านที่พักบันไดน้องชายไม่ได้เปิดไฟทางเดิน แต่มีไฟสลัวตรงหน้าต่าง น้องชายได้ยินเสียงผู้หญิง2คนคุยกันอยู่ตรงหัวบันได ประมาณว่า"ผู้ชายคนนี้เป็นใครเนี่ยเข้ามาในบ้านเราได้ยังไง" แต่น้องเราก็คิดว่ามันหูฝาด เพราะน้องไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ก็เข้านอนตามปรกติจนหลับไปได้สักพัก น้องชายเรารู้สึกมีคนมาดึงขาลากลงมาจากที่นอน น้องเรากลัวมากรีบมาเคาะห้องขอนอนกับแม่หลังจากคืนนั้นน้องเรามันย้ายกลับไป อยู่บ้านเดิมไม่มานอนที่นี่อีกเลย

มาพูดถึงห้องนอนเราบ้างนะ

พื่อ นๆลองนึกภาพห้องน้ำที่มีชักโครกที่เวลาเงยหน้าขึ้นไปจะมีหน้าต่างกระจก สามารถมองขึ้นไปแล้วเจอกับศาลตรงชั้นดาดฟ้าพอดี คิดเอาเถอะค่ะ เราไม่กล้าทำทุกข์หนักตอนกลางคืนกันเลยทีเดียว บอกได้ว่าน่ากลัว เราไม่สามารถข่มตาหลับในห้องนอนเวลาเรานอนคนเดียวได้แม้แต่ครั้งเดียว

มี ความรู้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลาเพื่อนที่มานอนที่บ้านเหมือนกันโดนผีอำทุก ราย ไม่เว้นแม้แต่ตัวเราโดนทุกวัน จนเราชินมาก แต่บางครั้งก้อยังกลัวนะ ตลอดเวลาเกือบสองปีเจอแบบนี้ตลอดเหมือนมีคนอยู่ด้วยทั้งๆๆที่เราอยู่คนเดียว

หมาเราชอบเห่ามุมของห้องนอน (มุมนั้นมุมเดียวจริงๆๆห้องนั้นห้องเดียวด้วยตลอดระยะเวลาเกือบ2ปีมันเห่า ทุกวันและต้องเป็นเฉพาะตอนเราอยู่คนเดียว)จนก่อนที่เราจะย้ายออก เรายืนล้างจานอยู่ในครัวซึ่งน่ากลัวมากด้านหลังติดกับห้องครัวเป็นห้องเก็บ ของที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปคนเดียวนอกจากแฟนเรา

ขณะที่เรายืนล้าง จานอยู่เราได้ยินเสียงมีใครเรียกชื่อเราอยู่ตรงข้างหู เราตกใจมากสะดุ้งสุดๆเพราะมะนอยู่ข้างหูเราเองสามารถรู้สึกได้แต่เราไม่ได้ ขานรับนะจากนั้นมาเราก้อย้ายออก จากนั้นพอเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่เรีบยร้อยแฟนเราก็เล่าให้เราฟังว่า

เค้าเป็นคนไม่เคยเชื่อเรื่องผีเพราะ เค้าเป็นต่างชาติแต่เค้ากลับบอกเราว่าตลอดเวลาที่เค้าอยู่บ้านหลังนั้นเค้า รู้สึกเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วยนอกเหนือจากเราเวลาที่เค้าอยู่ในบ้านรู้สึกถึง สายตาจ้องมองตลอด เค้าบอกว่าไม่อยากเล่าให้เรากลัวหรือไม่สบายใจขอยืนยันว่านี่เป็นเรื่องจริง จากที่เจอหลอนนิดๆๆกันบ้างไหมคะ


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1021 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2552, 19:23:35 »

ตัวใหญ่อ่านชัดเจนดีมากน้องทูแต่ไม่อ่านหรอก  เหอๆๆๆๆๆๆๆ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1022 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2552, 20:15:07 »

เดี๋ยวคืนนี้........จะปลุกผี
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1023 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2552, 20:28:16 »

Warm up ด้วยรูปก่อน......


      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1024 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2552, 20:36:05 »

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 39 40 [41] 42 43 ... 64   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><