16 พฤษภาคม 2567, 02:26:47
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 [3] 4  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: พระอาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช  (อ่าน 73193 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ongry
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #50 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2553, 19:54:09 »

สวัสดีค่ะ ชื่อ อ๋องนะคะเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่วันนี้ เนื่องมาจาก กำลังพูดถึงพระอาจารย์ปราโมชย์ เพื่อนเลยบอกว่าไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเรื่องราวของท่าน บังเอิญมาจากเวปนี้พอดี แล้วได้อ่านลิ้งค์ทั้งสองจากคุณเจษฐา เรียบร้อยแล้วค่ะ

บ้านอารีย์ หรือ สวนสันติธรรม ต่างก็เผยแพร่พุทธศาสนา และก็เพียงแค่รูปแบบการสอนของพระอาจารย์ปราโมชย์ หรือ พระอาจารย์แต่ละท่าน มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไปมากกว่า ส่วนเนื่อหาจะจริงหรอไม่นั้น อ๋องขอไม่มีความเห็นค่ะ แต่มีสิ่งนึงที่ทำให้สะดุด และบอกตามตรงเลยว่าไม่พอใจกับบ้านอารีย์๋ ก็คือ ประโยคนี้ึค่ะ

บ้านอารีย์ขอยืนยันด้วยความสุจริตใจว่า การกระทำใดๆ ตลอดจนข้อเท็จจริง และเหตุผลที่บ้านอารีย์ได้นำมาเปิดเผยในประกาศฉบับนี้ เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาก้าวล่วง ไปตำหนิหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว  

แต่เท่าที่เห็นทั้งหมด มันคือการตำหนิในบางส่วน นั่นก็เรียกว่าตำหนิแล้วใช่รึเปล่าคะ อ๋องแค่สงสัย และ หงุดหงิดประโยคนี้ รวมไปถึง ประโยคสุดท้าย

ทั้งนี้ บ้านอารีย์ยังใคร่เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่มีความสนใจ หรือสงสัยในความถูกต้องของข้อความข้างต้น ได้ทำใจเป็นกลาง และใช้โยนิโสมนสิการ เฝ้าตามสังเกตข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ด้วยตัวท่านเอง  

อ๋องเป็นกลางอ่านของทั้งสองทีี่ ไม่เข้าใจ จริงๆ ว่าแต่ทำไมต้องเชิญชวน หรือ เรียกให้เราใช้สติสมองสำเหนียกสังเกตข้อเท็จจริง อะไรอีกคะ

ถ้าอ๋องทำให้พี่ๆ ที่รักบ้านอารีย์ ไม่พอใจอ๋องต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ  sorry
      บันทึกการเข้า
lee_me
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #51 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 11:38:22 »

 เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
lee_me
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 13:14:08 »

ดิฉันเองได้ติดตามค้นหาตั้งแต่ท่านพระอาจาย์ยังไม่ได้บวช ตอนที่ยังใช้ชื่ออุบาสกนิรนาม เขียนบทความเพราะอ่านแล้วไช่เลย ตรงกับสิ่งที่เราค้นหามานานมาก ส่วนตัวดิฉันเริ่มนั่งกัมฐานตั้งแต่เรียนชั้น ป.3  จนถึงก่อนที่จะรู้จักงานเขียนของอุบาสกนิรนามเกือบ 30 ปี เป็นแนวสมถกรรมล้วนๆ เพราะยกจิตขึ้นสู้วิปัสสนาไม่เป็น ได้แต่นั่งสมาธิไปเที่ยวดูนรกดูสวรรค์ ดูป่าหิมพานณ์ตามเรื่องตามราว และไม่ทราบว่าอุบาสกนิรนามคือใคร มีอยู่ช่วงหนึ่งหายไปนามมากเป็นปี ไม่มีตอบกระทู้ใน Internet วันหนึ่งดิฉันได้เปิดฟังสถานนีวิทยุสังฆทานธรรมของหลวงพ่อสนอง ได้ฟังเสียงพระเทศน์องค์หนึ่ง ฟังแล้วสดุงใจมาก ลักษณะที่ท่านออกอากาศนั้นเหมือนกับบทความของอุบาสกนิรนามที่ดิฉันกำลังค้นหาอยู่ขณะนั้นมาก... ก็เลยโทรไปที่สถานนีสังฆทานธรรม ถามเขาว่าที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้เป็นเสียงของพระอาจารย์องค์ไหน เขาก็บอกว่าเป็นเสียงเทศน์ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ดิฉันก็พึงรู้ว่าพระอาจารย์ปราโมทย์กับอุบาสกนิรนามก็คือเป็นคนๆ เดียวกัน ตอนนั้นดิฉันดีใจมาก ในที่สุดก็ได้เจอของจริงเสียที่ (ไม่ใช่เจอตัวตนเป็นๆน่ะ หมายถึงเจอข้อธรรมที่เราสนใจและค้นหา)   ตอนนั้นท่านอยู่ที่จ. กาญจนบุรี ยังไม่ได้สร้างสวนสันติธรรม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดิฉันก็ปฏิบัติตามแนวของพระอาจารย์ปราโมทย์มาตลอด CD ที่มีใน Internet ดิฉัน download มาฟั่งทุกอันดูจิตตามแนวของท่าน...จากที่ไปเที่ยวดูนรกดูสวรรค์ ตอนนี้ก็มาดูจิตตัวเองแทน ดิฉันปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ดูการเกิดและการดับของจิตที่ละขณะ.ที่ละดวง จิตที่สว่าง จิตที่ประภัสสร จิตที่เบิกบาน มีความสูขยิ่งกว่าไปนั่งฟังพวกเทวดาเล่นพิณกันเสียอีก สุขใดเล่าจะสุขเท่ากับที่ได้เข้าถึงธรรม ขนาดเราเป็นลูกศินย์ท่าน เรายังสามารถทำได้ขนาดนี้ แล้วท่านเป็นอาจารย์ที่ชี้ช่องทางให้เราเดินในทางที่ถูกที่ควร ท่านจะขนาดไหนดิฉันหลงทางมา 30 ปี ได้ฟังธรรมของท่านสามารถทำให้ดิฉันได้รู้จักความสุขที่แท้จริง ความสุขสงบที่เกิดจากภายในจิตของตน เห็นว่าโลกนี้ไม่เที่ยง ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ชั่วคราว ดิฉันดูจิตตัวเองเห็นตัวโกรธเป็นก้อนๆ ตามดูตามรู้ สุดท้ายตัวโกรธนั้นก็ดับไปต่อหน้าต่อต่า สลายหายไปเหมือนควันไฟ สิ่งที่เข้ามาแทนทีคือ ความสุข  จิตที่เบิกบาก จิตที่สว่าง จิตที่ปล่อยว่าง จิตที่ละได้ นี่คือสิ่งที่ดิฉันได้จากการทำตามคำสอนของท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ (ทาง CD) ดิฉันได้ค้นหาและติดตามตั้งแต่ก่อนท่านบวชและหลังบวช กว่าจะเจอบุคคลประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และหากันง่ายๆ..คนที่ยังไม่เคยฟังธรรมของท่าน ไม่เคยปฏิบัติตามแนวของท่าน อย่าพึ่งวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร จะเป็นกรรมกับตัวเองเปล่าๆ
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #53 เมื่อ: 23 กันยายน 2553, 09:53:31 »

สวัสดีครับ......พี่-น้อง ทุกท่าน ขอบคุณ ป้าแจ่ม ที่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมา การสนทนาธรรม เป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ดีครับ
                    ที่มีช่องทางหลากหลายที่จะได้แลกเปลี่ยน ข้อมูลความคิดเห็น ประสบการณ์ ซึ้งกันและกัน พอดี
                    ป้าแ่จ่มขึ้นกระทู้ ท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ ซึ่งเป็น HOT HiT ตอนนี้ แล้วต่อไปละ กลัวกระทู้นี้จะ
                    เงียบหายไป ความจริงกลุ่มบุคคลที่เอ่ยถึงพระอาจารย์ปราโมทย์ได้ต้องมี(ความเข้าใจในธรรมพอควร)
                    วิถีแห่งความคิด แบบไม่ธรรมดา น่าจะได้มีโอกาสพบปะกันต่อ พยายามอย่าทิ้งหายกันไปนะ อย่า
                    สมถะอย่างเดียว (อย่านิ่ง) ออกมาคุยกัน ขอโทษครับ ข้อถามนิด คุณ lee-me นะใคร? อยากรู้จัก
                    ผมมือใหม่ใน web ยังรู้จัก ผู้คนไม่มาก เผื่อได้มีโอกาส สนทนา (ธรรม) กันบ้าง     xปิ๊ด15x

  
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #54 เมื่อ: 23 กันยายน 2553, 21:02:19 »

อุบาสกปีเตอร์นี่มือใหม่จริงๆเลย
คุณอ๋ิอง และคุณ Lee_me ไม่ใช่ชาวหอหรอกครับ
เธอใช้ google search คำว่า พระปราโมทย์ เข้ามาพบกระทู้นี้โดยบังเอิญ
ก็เลยเมนท์ซะหน่อย เธอไม่กลับมาอีกหรอก อย่าไปรอเก้อเลย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #55 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 08:51:37 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กันยายน 2553, 21:02:19
อุบาสกปีเตอร์นี่มือใหม่จริงๆเลย
คุณอ๋ิอง และคุณ Lee_me ไม่ใช่ชาวหอหรอกครับ
เธอใช้ google search คำว่า พระปราโมทย์ เข้ามาพบกระทู้นี้โดยบังเอิญ
ก็เลยเมนท์ซะหน่อย เธอไม่กลับมาอีกหรอก อย่าไปรอเก้อเลย



อ่านตรงนี้ ก็ขอชมว่าท่านพี่ป๋อง ท่านเหนือกว่า วม.(เว็บ มาสเตอร์) หลายขุมจริงๆ

เป็นข่าวอีกแล้ว โลกเรานี้ช่างวุ่นวายหนอ เหนื่อย

เรื่องพระอาจารย์ ผมว่า อ่านบทความหน้า2 ของน้องjimsy และของป้าแจ่ม ก็จะได้ความชัดเจน ปิ๊งๆ
และข้อคิดที่ดี

ส่วนผมเอง คงต้องใช้คำว่า  มารไม่มีบารมีไม่เกิด  และถ้าเรามาดู โลกธรรม8 ให้ลึกๆ เรื่องที่เกิด
ก็เป็นเรื่อง โลกธรรมนั่นเอง  ธรรมชาติของมนุษย์เป็นเช่นนี้แล

(ทวนคำที่เป็นสัจจธรรมของ พี่ป๋อง อีกที  ทำดีจะได้ดีหรือไม่ได้ดี ยังไม่รู้ แต่ถ้าทำชั่วไม่มีทางได้ดีแน่ๆ) win

สวัสดีครับ
bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 16:55:30 »

สวัสดีค่ะ

แล้วก็มีข่าวใหญ่โตออกมา อีกครั้ง ทางสื่อทุกชนิด ตอนที่กล่าวหาดูน่าเชื่อพิธีกรข่าว ทั้งทีวี วิทยุ เอามาละเลง  เพื่อทำมาหากินอย่างเมามัน แต่พอผลการสอบเบื้องต้นออกมาแล้วข่าวก็เล็กๆ บางแห่งไม่พูดถึงด้วยซ้ำ
สัตว์โลกหนอ...

ป้าตามไปอ่านในพันทิป ก็รู้สึกชื่นชมลูกศิษย์พระอาจารย์ที่ตั้งสติรับมือและแสดงออกได้ดี สมกับเป็นผู้ที่ฝึกมีธรรมะดีแล้ว  เลยไม่มีใครดาลเดือดมากมาย แต่ป้าเองยังยังไม่ถึงธรรมอย่างเขา จะเรียกตัวเองเป็นศิษย์ก็ยังไม่คู่ควร  ใจเลยยังแว๊ดๆๆๆ อยู่

อึ้งกับ ดร.เทิดศักดิ์  คณะ ถาปัด จุฬาฯ ...ที่กำลังดัง
คงจะอิจฉาแกกระมัง เพราะแก(ถูก) แต่งตั้งเป็นตัวแทนชาวพุทธ ไปร้องเรียน
กล่าวหาพระอาจารย์ปราโมทย์  เพื่อจะพิทักษ์พระศาสนา ...อภิโธ่..เอ๋ย
โธ่ ...ที่จริงก็จะช่วยได้มากเลย ถ้าจะร้องเรียนสำนักใหญ่มหึมา ที่ขายบุญขายสวรรค์ โน่นอีกสักแห่ง
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเขา ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนค่ะ.. มีชาวหอพวกเรารู้จักบ้างใหมคะ

ถาม อ.เผ่า แกก็บอกว่าอยู่คณะ แต่ไม่รู้จักเรื่องราวของท่าน...

 เหนื่อย เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:24:53 »

ที่ชื่นชมลูกศิษย์พระอาจารย์ปราโมทย์ เพราะมีการชวนกันมาเล่าว่าตัวเองได้รับสิ่งดีอะไรในการปฏิบัติตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านคำอธิบายและการสอนของพระอาจารย์ ปราโมทย์ เขาเรียกกันว่า
โครงการหัวใจบริสุทธ์ ....ขณะนี้มีคนเสนอตัวเป็นพยานผลของคำสอนมากกว่า 300 คนแล้ว
 ลองอ่านนะคะ

ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มกล่าวอ้างว่า ธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ ทำให้ผู้ศึกษาธรรมกับท่านอ่อนแอ
ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ต้องเข้าหาหลวงพ่อโดยตลอด ทางทีมงานเวปธรรมดา จึงขอนำเสียงจาก
หัวใจบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งที่มีถิ่นฐานอยู่ต่างประเทศและไม่สามารถมาเรียนกับหลวงพ่อได้โดยตรงบางส่วน
มาให้ทุกท่านได้พิจารณาดู ซึ่งท่านเหล่านี้ต้องอาศัยเพียง CD ธรรมะและหนังสือเพื่อประกอบการภาวนา
ของตนเองเท่านั้น

...........................
- หลวงพ่อที่ได้ชี้แนะพวกเราทั้งหลายให้เข้าใจถึงแก่นของศาสนาพุทธ เข้าใจถึงคำสอนของ
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อได้ชี้แนวทางให้ได้เรียนรู้และเข้าใจแล้วว่าหน้าที่ของ
มนุษย์คืออะไร มนุษย์เกิดมาเพื่อทำอะไร ลูกขอเป็นต้นไม้อีกหนึ่งต้นของหลวงพ่อ
และขอเดินตามเส้นทางไปจนพบจุดหมายปลายทาง ขอเป็นไม้ท่อนที่ไม่ควรไปติดอยู่กับ
อะไรระหว่างทางด้วยคนหนึ่งเจ้าค่ะ : หัวใจบริสุทธิ์จากเวียงจันทร์
.
- จากที่เคยดิ้นรนแสวงหาสุข และหนีทุกข์อย่างเท่าที่จะทำได้กลายเป็นเข้าใจว่าทั้งความสุข
ความทุกข์ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเช่นเดียวกันกับที่ผ่านมา หากไม่มีหลวงพ่อปราโมทย์ที่ได้เมตตาสอนให้
หัดรู้สึกตัวเป็นด้วยการดูกายดูใจ ดิฉันก็ยังคงต้องจมปลักอยู่ในความทุกข์ และดิ้นรนอย่าง
ไร้จุดหมายต่อไปอีกนานหนักหนา ท่านจึงเป็นผู้ที่มีพระคุณอย่างใหญ่หลวงทีเดียว : หัวใจบริสุทธิ์จากญี่ปุ่น
.
- ดิฉันยังไม่เคยได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ฯแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยได้ไป
ฟังธรรมของท่านหรือพบเจอตัวจริงของท่านที่ไหน หากแต่มีเพียงซีดีเสียง และคลิป
เทศนาของท่านที่ดิฉันดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้นที่เป็นครู เป็นเสมือนคู่มือชีวิต
ภาคปฏิบัติที่แท้จริงยังต่างแดน ที่ได้ผลสัมฤทธิ์ดียิ่ง เรียกได้ว่า ปวารณาตัวเป็นศิษย์
โดยที่ยังไม่เคยได้พบตัวจริงของอาจารย์เลย : หัวใจบริสุทธิ์จากออสเตรเลีย
.
- กระผมเคยมีโอกาสได้เห็นสภาวะของขันธ์ที่ว่านี้ก็ตอนที่มีทุกข์เวทนาทางร่างกายถ้า
เป็นสมัยก่อนเวลามีทุกข์เวทนาทางกาย ก็จะมีอาการทุรุนทุราย พยายามหาทางทำให้
ทุกข์เวทนาดังกล่าวหายไป แต่เมื่อกระผมได้ยินคำสอนของหลวงพ่อฯเรื่องการแยก
ธาตุแยกขันธ์แล้ว และได้นำมาลองกับตัวกระผมเอง ปรากฏผลว่าทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นนั้น
มันไม่ได้หนักหนาเหมือนสมัยก่อน มีความรู้สึกว่าทุกข์เวทนานี้ทนอยู่ได้ไม่นาน
ถ้าสังเกตไปซักพักก็จะรู้สึกว่าระดับของทุกข์เวทนานี้ลดลงได้เอง ซึ่งแน่นอนว่าการจะ
แยกขันธ์ออกไปเป็นส่วนๆนั้น จำเป็นต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐานอยู่ด้วย : หัวใจบริสุทธิ์จากลอนดอน
.
- The whole last year 2009 ,it was the worst year in my life that I have
ever faced.I am 38th years old woman who is living aboard alone.
Without L’Por Pramot’s Guide of Life , I would not be as I am on these
days again. : หัวใจบริสุทธิ์จากแดนไกล
.
- ขอยกท่านเป็น”พ่อ” ทางธรรม  เพราะคำสอนและวิธีการที่ท่านที่นำเอาธรรมะของ
พระพุทธเจ้ามาสอนตามสไตล์ และประสบการณ์ภาวนาของท่านเอง เปลี่ยนเรา
ทำให้เราเห็นทางที่จะปฎิบัติ มั่นใจว่าเราเองคนอย่างหนา เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา
ก็มีสิทธิ์ที่จะพ้นบ่วงมารได้  เมื่อลองปฏิบัติก็ได้ผลจริง ก็ทุกข์น้อยลง สั้นลง ยึดติด
ผูกมัดอะไรก็จางคลายลง มันรู้จริงๆ มันทุกข์น้อยลงจริงๆ ตรงนี้มันรู้ได้ตัวเอง
เมื่อมีความสุขมากขึ้นก็อยากให้คนอื่นมีโอกาสเหมือนเรา : หัวใจบริสุทธิ์จากขั้วโลกใต้
.
- ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อองค์ไหนไม่ดี ดีหมดแหละ แต่หลวงพ่อปราโมทย์นี่นะฟังครั้งแรกครั้งเดียวนี่
รู้เลยนะว่าศาสนาพุทธคืออะไร สอนอะไร ให้ปฎิบัติยังไงถึงรู้รู้รู้ได้ เป็นนักเรียนโรงเรียนทั้งคริสต์
ทั้งพุทธนะ เรียนจนหัวนี่ก็หงอกนะ แค่ให้เราเข้าใจว่าทำไมเรานับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธช่วย
ในการดำเนินชีวิตของเราอย่างไร จะช่วยชาวโลกได้จริง ก็ต้องเริ่มที่ผู้เผยแพร่ ผู้สามารถถ่ายทอด
ให้ผู้ฟังศรัทธาและเข้าถึง จึงจะไปถึงการปฎิบัติได้  เรากราบไห้วพระพุทธรูปมาก็มากพระภิกษุสงฆ์มา
ก็มากนะ ไม่เคยได้ยินพระองค์ใดพูดให้ได้รู้สึกตัวเท่าหลวงพ่อปราโมทย์เลย การกราบไหว้
บูชาพระพุทธองค์ พระพุทธรูปนมัสสิการพระคุณเจ้าทั้งหลายมีความรู้สึกจริงใจ จริงจังจากใจ
ก็เพราะเราได้ค้นพบว่าพระพุทธองค์สอนอะไร จากหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช นี่เอง :
หัวใจบริสุทธิ์ผู้อยู่เมืองนอกมาแล้ว 20 ปีจนปัจจุบัน
 รักนะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:30:42 »

ความคิดเห็นจากพระรูปหนึ่งกรณีข่าวสวนสันติธรรม

หลายวันมานี้ เราคงจะเห็นข่าวพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ลงหนังสือพิมพ์
 และเป็นข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์หลายช่อง มีการโหมข่าว ชงเรื่อง วิพากษ์วิจารณ์ ใส่สีกันอย่างเต็มที่
จากทั้งทางผู้ร้องเรียน และจากทางสำนักข่าวต่างๆ ( นั่นเป็นสิ่งที่นักข่าวที่มุ่งแต่จะขายข่าวมักจะทำเป็น
ประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับพระ และอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาข่าวเกี่ยวกับพระในด้านลบมักเป็นเรื่องจริงโดยส่วนใหญ่ และสั่นคลอนศรัทธาไปมากแล้ว ) ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักท่าน หรือรู้จักแค่เพียงผิวเผิน
เมื่อได้ฟังหรือดูข่าวนี้ ก็คงร่วมพิพากษากันตามเนื้อข่าวที่ได้รับฟัง หรือได้อ่านจากสื่อที่นักข่าว
และผู้ร้องเรียนเหล่านั้นนำเสนอ ส่วนใหญ่แล้วนักข่าว และผู้เสพข่าวเหล่านั้นล้วนมีชุดคำตอบภายในใจ
อยู่แล้ว เมื่อเป็นข่าวที่เขียนถึงพระสงฆ์ในแง่ลบ โดยยังไม่ทันรู้ถึงเรื่องราวข้อเท็จจริงของอีกด้านหนึ่ง
 ( และนั่นก็เป็นธรรมดาในสังคมโลก )


แต่เหตุการณ์นี้จะเป็นกรณีที่ทุกคนควรศึกษา เพราะทางด้านพระอาจารย์ปราโมทย์ และกลุ่มลูกศิษย์ลูกหา
ต่างดำเนินชีวิตกันอย่างสงบ ทำกิจวัตรตามปกติ ไม่ออกมาเต้นผางๆ เพื่อตอบโต้ แก้ข่าวอย่างเผ็ดร้อน
เดือดพล่านแบบกรณีข่าวอื่นๆ ที่เราเคยเห็น การออกมาชี้แจงโต้ข่าวกันกลับไปกลับมา โดยเฉพาะในวงการเมือง
และวงการดารา ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าทางผู้นำเสนอข่าว เพราะมันขายได้ และคนส่วนใหญ่มักชอบติดตาม
แต่ในกรณีนี้จะมีก็แต่คำชี้แจงต่อสื่อมวลชนอย่างสุภาพเพียงสองสามหน้ากระดาษ เท่านั้น แต่ด้วยคำชี้แจ
งแบบไม่โจมตีใครเช่นนี้ ผู้ที่เคยศึกษางานของท่าน และต้องการทราบข้อมูล หรือรอฟังอยู่ ส่วนใหญ่ก็เกิด
ความสบายใจขึ้นทันทีว่า “ไม่มีอะไร” แต่นักข่าว และผู้คนบางกลุ่มอาจจะไม่พอใจในถ้อยแถลง ที่ไม่มีการ
ตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน ตามความคุ้นเคยจากการอ่านข่าวเรื่องอื่นๆ มา แหละนี่คือสันติวิธีในการแก้ปัญหา
ที่คนในสังคมไม่ค่อยรู้จัก ไม่คุ้นเคย และไม่ค่อยได้เห็น แต่กรณีเช่นนี้จะเกิดให้เห็นก็เฉพาะกลุ่มผู้ศึกษาธรรม
และกลุ่มนักภาวนาที่แท้จริงเท่านั้น เพราะ จิตใจของเขาจะไม่ขวนขวายที่จะเบียดเบียนใคร
เพราะมีศีลคอยปกป้องการกระทำทางกาย และวาจาอยู่ จะกล่าวไปใยกับการยื่นฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ทรงธรรม
ในร่มกาสาวพัสตร์นี้ แม้คดีความในเรื่องนี้ยังไม่ได้จบลง แต่เชื่อเหลือเกินว่า ในสภาวะจิตใจของลูกศิษย์ลูกหา
ของท่าน “เรื่องนี้จบลงแล้ว” ( จบลงในทุกขณะที่คิดถึงมัน )

เหตุผลหนึ่งที่กระแสข่าวนี้อ่อนแรงไปอย่างรวดเร็วสำหรับในกลุ่มลูกศิษย์ ลูกหาที่เรียนธรรมะ และตั้งใจภาวนา
ตามแนวทางที่ท่านสอน เพราะนี่มิใช่ครั้งแรกที่ท่านอาจารย์ปราโมทย์ถูกโจมตี เพียงแต่กลุ่มผู้โจมตีได้เปลี่ยน
ช่องทาง หรือเปลี่ยนแผนในการโจมตีให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น และก็ถือว่าทำได้สำเร็จในวงกว้าง
(และก็ย่อมได้สร้างกรรมเป็นวงกว้างอีกด้วย ) ข้อมูลต่างๆ ส่วนหนึ่งเคยลงโจมตีไว้ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว
แต่กลับเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟาง ไม่ให้ผลเด่นชัด และเป็นวงกว้าง เหตุหนึ่งคงมาจากผู้รับสื่อส่วนใหญ่
ได้รับข้อมูลทั้งสองด้าน รวมถึงข้อมูลการโจมตีไม่มีน้ำหนัก และเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้มีผู้คนส่วนใหญ่เทใจ
เชื่อถือได้อีกทั้งลูกศิษย์ ของท่านอาจารย์ปราโมทย์จำนวนมากก็ใช้การสื่อสารอินเทอร์เน็ต


ยังมีต่อ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #59 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:33:49 »

............................
แม้ในช่วงต้นของการโจมตีอาจดูดีได้ผล และมีผู้คนหวั่นไหวเป็นอันมาก แต่เมื่อมีผู้รู้หลายท่าน
ได้ออกมาเขียนบทความแสดงความเห็นอย่างเป็นเหตุเป็น ผล และเป็นเหตุเร้ากุศล เช่น
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล คุณดังตฤณ และท่านอื่นๆ เหตุการณ์นี้ก็สงบไปจากจิตใจของผู้ที่
ยังลังเลสงสัยอยู่ในที่สุด และครั้งนั้นทางด้านลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็ใช้การแก้ไขปัญหา
อย่างสันติวิธี เช่นกัน ในช่วงนั้นตัวของท่านอาจารย์ปราโมทย์เองก็ยกเลิกกิจนิมนต์ภายนอกทั้งหมด
 เพื่อลดกระแสการเผชิญหน้า และการมุ่งร้ายของอีกฝ่าย เว็บไซต์วิมุตติซึ่งเป็นช่องทางหนึ่ง
ในการเผยแผ่ธรรม ที่เป็นผลงานของพระอาจารย์ปราโมทย์ ก็ปิดเงียบ เพื่อสร้างกระแสความสงบ
ถึงแม้จะมีการเปิดเว็บไซต์บางแห่งเพื่อโจมตีท่านโดยตรงอีกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำให้
เกิดผลในวงกว้างได้

แต่ในกรณีการโจมตีระลอกใหม่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนกลุ่มคนดังกล่าวจะมีการเตรียมการ
และหาข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการโจมตีครั้งนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งประเด็น
ไปทางเรื่องเงินๆ ทองๆ จำนวนมหาศาลที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ และตีข้างกระทบใน ในเรื่องของแม่ชี
อดีตภรรยาทางโลกผู้มีปฏิปทาในทางธรรมที่ดี โดยไม่อธิบายรายละเอียดที่ชัดเจนในวิถีการเป็นอยู่
ในสวนสันติธรรม และไม่ได้กล่าวถึงการมีคณะสงฆ์ที่มีความตั้งใจในการภาวนาที่ดีอยู่ที่นั่น ซึ่งแสดงถึง
สถานปฏิบัติธรรมที่มิใช่มีเพียงท่านอยู่ตามลำพังกับแม่ชี ซึ่งข้อมูลแบบครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ เป็นความต้องการ
ที่จะสื่อถึงอาบัติหนักของพระภิกษุ และสิ่งที่ชาวบ้านติเตียน เพื่อให้เกิดแรงโน้มเอียงอย่างรวดเร็ว
 ที่จะเกิดความเชื่อถือในข้อมูลที่ผู้โจมตีนำเสนอออกมา ทั้งประเด็นหลัก ประเด็นย่อย อีกทั้งยังห้อยท้าย
ด้วยความน่าเห็นใจจากการถูกทำร้ายจิตใจก่อนจนทนไม่ไหว และเมื่อผู้นำการโจมตีเป็นผู้หญิงและคณะบุคคล
ผู้มีชื่อเสียง จึงสามารถเพิ่มกระแสความน่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อเหลือเกินว่ากลุ่มผู้โจมตีก็ย่อมมั่นใจ
ในความถูกต้องของตัวเอง และเชื่อว่าตนมีดี แหละงานนี้น่าจะสำเร็จผลตามที่ต้องการ
[/color]
.................................
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:40:16 »

.................................
ผู้เขียนเชื่อว่าการเปลี่ยนช่องทางการใช้สื่อใหม่นั้นต้องมีการวางแผนกัน เป็นอย่างดี และรู้ถึง
แนวโน้มอันเป็นผลที่จะได้รับ เพราะถ้าช่องทางในอินเทอร์เน็ตได้ผลไม่เข้าเป้าแล้ว นี่จะเป็น
ช่องทางที่จะสั่นสะเทือนได้แรงกว่า เหตุผลง่ายๆ ก็คือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และทีวี คนไทยเข้าถึง
ได้กันได้แถบทุกหย่อมหญ้า เพราะในสื่อช่องทางนี้ผู้คนย่อมไม่รู้จักท่านมากกว่าที่จะรู้จักท่าน
มาก่อน และระดับการรับสื่อของกลุ่มคนมีหลากหลาย และส่วนใหญ่คือ “คนนอกวงการ”
( ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ และเจริญภาวนา ) ดังนั้นมันจึงได้ผลเป็นวงกว้างกว่า อีกทั้ง
เมื่อใดที่ข่าวพระภิกษุถูกเลือกลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ นั่นหมายความว่า เป็นที่สนใจจากทุกฝ่าย
แน่นอน เพราะนั่นล้วนเป็นข่าวด้านลบทั้งสิ้น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันขายได้ และเชื่อเถอะว่าไม่ว่า
ความจริงจะ เป็นเช่นใด ทัศนะคติของนักข่าว และคนส่วนใหญ่มักฟันธง ปลงใจไปแล้วว่า “นี่คือเรื่องจริง”
( อย่างที่บอก เหตุหนึ่งก็มาจากข่าวลบที่เป็นจริงของพระนอกธรรมวินัยที่มีโอกาสขึ้นหน้า หนึ่งทั้งหลาย
ที่ถอนศรัทธาผู้คนไปมากแล้ว ดังนั้นคงโทษใครไม่ได้ นอกจากจะช่วยกันดูแล ปกป้องรักษาอย่างเข้าใจ )
ผู้คนเหล่านั้นย่อมพิพากษากันตามใจชอบ โดยไม่แม้กระทั่งจะฟังข่าวอีกด้านก่อน และไม่มีการค้นหา
ข้อมูลว่า พระรูปนั้นเป็นใคร มีประวัติความเป็นมาเช่นไร ปฏิปทาท่านเป็นอย่างไร ในส่วนนี้ต้องขวนขวาย
เอาเอง เพราะนักข่าวย่อมไม่นำมาเสนอเป็นแน่ ( เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จักท่าน และไม่ใช่คนเข้าวัด
หรือเป็นนักภาวนากันสักเท่าไร )

สุดท้ายแม้ผลออกมาจะไม่ได้ตรงตามที่นักข่าวฟันธงเชื่อไว้ ก็เป็นไปได้ยากที่สื่อเหล่านั้นจะตามแก้ข่าว
ให้อย่างเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับยามที่ตีข่าวให้ดังจะว่าไปแล้วการโจมตีจนเป็นข่าวดังคราวนี้
ย่อมเกิดผลกระทบในวงกว้าง และแรงเสื่อมศรัทธานั้นย่อมมีอย่างมากมายแน่ ทั้งจากกลุ่มผู้ศรัทธาทั่วไป
ในพระพุทธศาสนา กลุ่มผู้ประกอบบุญ กลุ่มที่เริ่มภาวนา และยังลังเลสงสัยอยู่ ตลอดจนถึงผู้ที่กำลัง
จะได้ศึกษางานของท่าน หรือพึ่งได้ศึกษา เพราะเกรงตนจะเดินผิดทาง หรือเป็นเป้าในการถูกตำหนิ
จากบุคคลรอบข้างที่ปลงใจเชื่อข่าวนี้ไปแล้ว จึงจำเป็นต้องสงวนท่าทีไว้ แหละนี่ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับเขา
เหล่านั้น เพราะถ้าเราตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเขา เราก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างจากเขาเมื่อได้รับข่าวนี้
แต่สำหรับในวงการนักภาวนาลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ที่ภาวนาพอเห็นดอกเห็นผลบ้างแล้ว ก็คงไม่ต้อง
กล่าวถึงว่า จะลังเลสงสัยหรือไม่ บางทีอาจตั้งใจภาวนากันมากขึ้นอีกด้วย


เพราะเล็งเห็นถึงความเหนื่อยยากของครูบาอาจารย์ ที่เมตตาสั่งสอนด้วยใจจริง และเห็นโทษภัยของ
กระแสโลก ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้จะส่งกระแสใดๆ ออกมา ก็คงเพียงเพื่อ ให้เกิดการรวมใจกันเป็นกำลังใจ
แด่ครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพศรัทธาเท่านั้น แต่สำหรับครูบาอาจารย์ท่านนี้ การปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า
 คือ กำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดว่าผู้เขียนเชียร์พระอาจารย์ปราโมทย์ ผู้เขียนก็จะยิ้มให้อย่างเข้าใจ แต่ถ้าใครคิดว่า
ผู้เขียนกำลังนำเสนอกรณีตัวอย่างแห่งสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ผู้เขียนก็ต้องขออนุโมทนาสาธุด้วย
แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่เพียงมุมมอง และการวิเคราะห์เป็นการส่วนตัว อาจมีข้อผิดพลาดตามภูมิปัญญาอัน
จำกัด อย่างไรก็ดี ถ้าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างกระแสแห่งกุศลจิตของผู้ใดแล้ว ก็ถือว่า
บทความนี้ยังพอมีประโยชน์บ้าง แต่ถ้าผู้อ่านท่านใดเกิดความขุ่นข้องหมองใจ และไม่มีความเห็นร่วมกับ
ความเห็นนี้ ผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


“ศีลที่ดีป้องกันไม่ให้เราไปเบียดเบียนผู้อื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาเบียดเบียนเราได้เสมอไป”

พระผู้ศึกษาปฏิบัติธรรมรูปหนึ่ง
๑๙ ก.ย. ๕๓
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:45:37 »

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=18365
ทนายความและลูกศิษย์เตรียมเปิดสวนสันติธรรมตรวจสอบกุฎิเสาร์นี้ -สำนักพุทธชี้ตั้งเป็นสาขาวัดบูรพารามถูกต้อง

22 ก.ย. 53 : นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า
จากการร้องเรียนให้ตรวจสอบพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่ามีการ
ก่อตั้งโดยให้สวนสันติธรรมเป็นสาขาวัดบูรพาราม พระอารามหลวง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่พระปราโมทย์
อุปสมบทไม่ถูกต้องนั้น สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบไปยังวัดต้นสังกัด ได้ รับแจ้งว่า
ทางวัดบูรพารามให้ความยินยอมที่จะให้พระปราโมทย์เปิดสวนสันติธรรม เป็นสาขา ในฐานะที่เป็นอาจารย์
และลูกศิษย์ที่หลวงปู่ดูลย์เคยเป็นเจ้าอาวาส


ซึ่งไม่ถือว่าก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นการยกย่องอาจารย์ ส่วนการบริหารจัดการภายในสวนสันติธรรมนั้น
ทางวัดบูรพารามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังขอเวลาในการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์
ความสัมพันธ์กับแม่ชีอรนุช สันตยากร รวมทั้งที่ดิน และบัญชีบริจาค อย่างละเอียด โดยในวันเสาร์นี้ลูกศิษย์
และทนายความพระปราโมทย์จะเปิดกุฏิให้สื่อมวลชนเข้า ตรวจสอบนั้น ตัวแทนจากสำนักพระพุทธศาสนา
จะร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และหากมีการร้องเรียน
กลับจากฝ่ายพระปราโมทย์ให้ตรวจสอบผู้ร้อง ก็คงต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้มีรายงานว่าในกลุ่มของผู้ร้องเรียนพระปราโมทย์ พร้อมที่จะให้ตรวจสอบกลับเช่นกัน โดยยืนยันว่ามีหลักฐาน
ชัดเจนในการตรวจสอบพระปราโมทย์ ทั้งเรื่องการอวดอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ รวมทั้งความสัมพันธ์ของพระปราโมทย์
และแม่ชีอรนุชที่มีกุฎิอยู่ในโซนพิเศษ


ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ซึ่งตรวจสอบพระปราโมทย์ตามคำร้องของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง
และกลุ่มลูกศิษย์บางคนนั้น แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพระปราโมทย์ แต่ก็ ยังไม่มีการตั้งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ
เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ
 บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:51:53 »

นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เพื่อนร่วมรุ่นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่นที่ 24 เข้าศึกษาในปี 2514
รุ่นเดียวกับพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เล่าถึงพระปราโมทย์
ในสมัยที่เป็นนิสิต ว่า......
....... เป็น คนที่น่ารัก สะอาด สะอ้าน แต่งตัวเรียบร้อย กางเกงสีกรมท่า ร้องเท้าหนัง
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผูกเน็คไท ตั้งแต่ปี 1-4 เห็นหนึ่งใน 10 คนจาก 100 คนที่แต่งตัวดีเรียบร้อย
ป็นคนสุภาพเรียบร้อย จิตใจดี ร่าเริงแจ่มใส และประหยัด มีรุ่นน้องที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยและ
ยังแต่งตัวเหมือนกันอีกคือ อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นนิสิตรุ่นที่ 25
“ทั้งพระปราโมทย์กับอาจารย์ บวรศักดิ์ เคยทำงานในชมรมวรรณศิลป์ จุฬาฯ ด้วยกัน เจ้าบทเจ้ากลอนทั้งคู่
พูดเก่ง เป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ความประพฤติดีอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี ผมเชื่อว่าเพื่อนฝูงทุกคน
จะรู้สึกเหมือนผม พระปราโมทย์เป็นคนสดชื่น สนุกสนาน คุยเก่งแต่ไม่หยาบคาย”


เมื่อถามถึงการร่วมกิจกรรมทางการเมือง ......
นายเกรียงกมล กล่าวว่า สมัยนั้นมีบ้างแต่ไม่มาก เป็นเรื่องธรรมดาที่นิสิตออกมาคัดค้านการรัฐประหาร
ในสมัยนั้นเข้าร่วมแต่ไม่ ได้มาทำกิจกรรม ซึ่งในปี 2517 อาจารย์บวรศักดิ์ ได้เป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ
ด้วย หลังจากเรียนจบพระปราโมทย์ไปทำงานที่สภาความมั่นคงแห่งชาติกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่
องค์การโทรศัพท์

เมื่อถามว่าได้ติดต่อกันหรือไม่
“นานๆจะเจอกันสักที บังเอิญว่าบ้านอยู่ใกล้กันผมอยู่กลางซอย พระปราโมทย์อยู่ท้ายซอย ในหมู่บ้าน
ไพฑูรย์นิเวศน์ เขตจตุจักร ชอบพอกันดี เรามีความนิยมในความสะอาดสะอ้าน ยืนยันพระปราโมทย์
เป็นคนดี ก่อนที่พระปราโมทย์จะออกบวชเห็นเดินออกจากท้ายซอยมากับภรรยาสองคนแต่งตัว ธรรมดา
ร้องเท้าแตะเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายเชื่อว่าเป็นเสื้อผ้าราคาถูก คิดว่าช่วงนั้นคงกำลังศึกษาธรรมะกัน
ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน คิดว่าพอถึงจุดหนึ่งคงอยากมีความสุขทางธรรมจึงชวนกันไปบวชไปตั้งสำนัก ปฏิบัติธรรม”
นายเกรียงกมล ย้ำอีกครั้งว่า พระปราโมทย์เป็นคนดีมาก เชื่อว่าท่านสะอาดเป็นคนไม่ล่อกแล่ก
จริงๆ พูดน้อยนิ่งๆแต่จิตใจแข็งแรงมีความเชื่อมั่น


เมื่อถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นในสวนสันติธรรม
นายเกรียงกมล ได้แสดงมุมมองความเห็นเกี่ยวกับกรณีการโอนที่ดินให้ภรรยาว่า ไม่ได้รู้สึกคล้อยตาม
ไปกับข่าวที่เกิดขึ้นต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมเชื่อว่าคนที่ผมรู้จักมานานคงไม่เสียเวลากับเงิน
10-30 ล้าน ผมให้ค่ามากกว่าเงิน เรื่องเงินเรื่องผู้หญิงไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง แต่คนที่เรารู้จักเขามาก่อน
ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ภรรยาไม่แต่งตัวแต่งหน้าเจอแบบนี้ตั้งแต่ก่อนบวชคนนี้น่าจะเป็นรุ่นน้องคณะ
รัฐ ศาสตร์หลายปี
“คนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแล้ว ชวนกันไป หาทางธรรมเพราะคนคนนี้ไม่อยากมีอยากได้อะไรมาตั้งแต่
อายุ 18 ปีแล้วที่ได้เห็ สมัยที่ทำงานสภาความมั่นคงก็ไม่เห็นจะมีวีแววว่าอยากจะรวย การตั้งสำนักสงฆ์
ขึ้นมาอุทิศตนสามีบวชพระ ภรรยาบวชชี และอยู่กินกันมากับภรรยาก็คงไม่รู้จะใส่ชื่อใครเพราะ
เป็นพระจะถือครองที่ดิน ไม่ได้ จะไปใส่ชื่อคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะนำไปขายเมื่อไหร่ แล้วคนอีกเป็นร้อย
เป็นพันที่ต้องอาศัยที่ตรงนั้นจะทำอย่างไรแล้วเงินที่ บริจาคมาจะไว้ใจใครได้นอกจากคนที่เชื่อถือกัน
มากที่สุด เพราะไม่ใช่ลักษณะนิติบุคคล  คนที่อยู่ในสังคมสกปรกมากเราจึงคิดกันว่าไม่มีใครสะอาดจริง “

 หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:56:25 »


DSI เผยผลสอบเจ้าสำนักสวนสันติธรรม ไม่พบกระทำความผิด เรื่องเงินบริจาค ที่ดิน และพระธรรมวินัย
TNN News : อธิบดี DSI แจ้ง หลวงพ่อปราโมทย์ไม่มีความผิด

23 ก.ย. 53 : นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า
จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีต
ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สิน
ให้เป็นชื่อของแม่ชีอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำ
ความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องของ
เงินบริจาคที่มีคณะกรรมการดำเนินการร่วม กรณีที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด ตรวจสอบเรื่องความ
ใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช ที่ถูกร้องเรียนว่า กุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริ
มนุษธรรม ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใดๆที่ผิดต่อพระธรรมวินัย


ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ไม่พบความผิดปกติตามที่ร้องเรียนก็ไม่จำเป็น
ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ยังคงต้องดูข้อมูล ข้อเท็จจริงต่อไปอีกระยะหนึ่ง และเรื่อง
ดังกล่าวขึ้นอยู่กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาต่อไป

ขณะที่นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสวนสันติธรรม เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 ก.ย.นี้
พระปราโมทย์ จะเปิดสวนสันติธรรม เพื่อให้สื่อมวลชน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ในทุกกรณีโดยเฉพาะเรื่องของการสอน และกุฏิของพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุช เพื่อพิสูจน์
ความจริงว่าไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา นอกจากนี้ในส่วนของลูกศิษย์พระปราโมทย์ยังได้หารือ
ที่จะดำเนินการฟ้องกลับ ผู้ร้องที่ทำให้สวนสันติธรรมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง
 แต่พระปราโมทย์ยังคงห้ามปรามไว้ เพราะไม่ต้องการสร้างกรรมต่อกัน


สะใจจัง สะใจจัง
ไปแระ.... ยืมสำนวนน้องหนิง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 18:08:11 »

มาอีกแระ.....
เอามาจากพันทิป.. เผื่อใครรู้จัก และเราก็ไม่อาจรู้ได้ ว่าท่านเหล่านี้ถูกแอบอ้างชื่อหรือไม่...
ถ้าใครรู้จักจะได้ช่วยกันบอกเจ้าตัว.......
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   สำหรับรายชื่อของกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา ที่ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบ
พระปราโมทย์ นอกจากดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ผู้ประสานงานแล้วยังมีบุคคลอื่นอีก 21 คน ได้แก่
อาร์ม นาครทรรพ ผู้ประสานงาน  , สมยศ อนันต์นาคินทร์ ,สมภพ ไกรกาบแก้ว  ,กฤตกร ไกรกาบแก้ว
  ,อภิชาติ ศิริรัตนพิทยากุล  ,วิมล ลิ้มวิลัได้ย,วงศ์ดุษฎี รัศมินทราทิพย์  ,วรพร ลิ้มพรภักดี  ,
เสาวลักษณ์ สุขเจริญโชค , โกศล โสฬสรุ่งเรือง  , วราภรณ์ กาญจนวนิชกุล  ,ภพกฤต ธีระกฤตานนท์ ,
 ผณินทร อินยาสม  ,ฉัตรดนัย อำภา , สมยศ ศิริล้น  , พุทธชาติ ศิริล้น ,มะลิ ศิริล้น ,
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิลุบล เปสี ,อ้อยพร จึงวิวัฒนาภรณ์,  สุดารัตน์ อินยาสม  และ ไตรเทพ เลิศวิริยะวิทย์
.........................................
งง งง งง งง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #65 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 18:46:22 »

สวัสดีครับ ป้าแจ่ม ลุงป๋อง น้องสมชาย น้องจิ๋ม...พี่-น้อง......แหมมม..ขอบคุณครับลุงป๋องที่แจ้งให้ทราบ  ไม่งั้นต้อง
                                  ร้องเพลงรอ (ไม่ทราบว่าแขกของเราจะเข้ามาเยี่ยมเยียนอีกเมื่อไร?) รอจนกว่าจะพบกันใหม่.......
                                   เวลาป้าแจ่มมีอารมณ์   ป้าแจ่มก็บอกกับตัวเองว่า มีอารมณ์แล้วนะ
                                  ก็แล้วกัน  ผู้ที่หน้าสงสารก็(ไอ้) พวกที่ออกมาเย้วววๆๆ....นั้นแหละ 1. หลง....คิดว่าตัวเอง
                                  เป็นผู้ รู้และเข้าใจในศาสนาดี พอที่จะเป็นตำรวจได้...ตรวจและคิดว่า อะไรถูก-ผิด โดยใช้
                                  สมองน้อยๆของตัวเองมา ฟันธง น่าสงสาร.ฮิฮิ.........2. มีความ... อยาก.....อยากแสดงความ
                                  สามารถว่าข้ารู้ ว่าอะไรใช่-ไม่ใช่ ......อยาก.. เอาชนะเพราะเหตุที่เกิดในอดีต....อยาก...ล้าง
                                  แค้น(เอาคืน-ขอคืน) จากอดีตชาติ หรือ ปัจจุบันชาติ (ที่สร้่างกรรมขึ้นมาใหม่) และกับพระ
                                  ซะด้วย โอ้ GOD !!!.กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ก็แสนยากอยู่แล้ว.....  เป็น  ความโมหะและโทสะ
                                  เต็มๆ จะไปว่าเขาว่ามี โลภะ ด้วยก็ไม่ได้ เพราะเขาว่า เขาอยู่ในกลุ่มศาสนา (ใจบุญ) แต่แค่ 2
                                  ประการนี้ ถ้าติดไปถึงวันตาย ก็ไม่ได้เกิดเป็นคนแล้วละ  เวลาป้าแจ่มจะ(ด่า)ว่า ล่อให้เต็มที่เลย
                                  ไม่ต้องเกรงพวกพักตร์มาร แต่ต้องไม่ประกอบด้วยอารมณ์ ปล่อยวาง เหลือแค่  เหตุและผล
                                  เท่านั้นก็พอ เป็นการ ภาวนาไปในตัว อย่าให้จิตเราไปติด +หรือ -
                                  ขอโทษด้วยนะครับป้าแจ่ม กลอนพาไป เป็นแค่ความเห็น บ่นๆสู่กันฟัง                Xปิ๊ด15X  
                      
      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #66 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 21:21:16 »

น้องป้อม เป็นพี่สาวคุณตุลย์(ดังตฤณ) ส่งเมลล์มาให้เลย นำมาให้พี่ ๆ น้องได้อ่านกันค่ะ ส่งมาก่อนที่ จะมีข่าว DSI



      รวบรวมหลากหลายความคิดเห็น และข้อมูล เกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช นะคะ
ขอให้ทุกท่านเจริญในศีล เจริญในธรรม  มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริงในปัจจุบัน  ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางค่ะ

ป้อม
*****************************************************************
รวบรวม RT Dungtrin _/\_ _/\_ _/\_  โดยคุณเต้ย (ผู้รวบรวม)
http://twitter.com/dungtrin

- ท่านได้รับกำลังใจจากคนที่ส่งกำลังใจไปให้ ในรูปของความสว่างมวลรวมแน่ๆครับ
- ถึงเวลานี้มีอยู่แค่สองผลลัพธ์ เขาดับท่านสำเร็จ หรือไม่ก็ดันท่านให้ดังระเบิด ความเพียรของมนุษย์เป็นไปเพื่ออะไรก็ดูเอาเถิด
- นักข่าวแผลงฤทธิ์ได้ที่สุดตอนยังไม่รู้อะไรเลยกับตอนที่เรื่องถูกขุดคุ้ยหมดเปลือกแล้ว และอาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้
- เมื่อใจงาม คุณจะรู้สึกถึงความงามแม้ในสิ่งเลวร้าย แต่หากใจร้าย คุณจะเห็นแค่แง่ร้ายแม้ในสิ่งดีงาม
- เรื่องข้างนอก ก่อนเราเกิดก็วุ่น จนเราตายก็วุ่น เรื่องข้างใน ก่อนเราเกิดต้องวุ่นเหมือนกัน แต่ก่อนตายมีสิทธิ์ทำให้ว่างถึงที่สุด
- พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนไว้ครับ ต่อให้ใครด่าว่าท่าน ก็ให้ดูดีๆว่าเขาพูดผิดหรือพูดถูก ถ้าผิดจะได้แก้ให้ถูกด้วยความใจเย็นได้
- พระสารีบุตรก็เคยพูดครับว่าอายุและทรัพย์สิน ท่านประกันให้ได้ว่าไม่เสียไปในเวลาเท่าไหร่ แต่ศรัทธานี่ประกันกันไม่ได้แม้แต่วันเดียว
- นักข่าวก็เริ่มเข้าใจเรื่องนี้ครับ ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ ประเด็นการขุดคุ้ยจะย้อนมาหาตัวเขาเองนะ เราตามดูข้อเท็จจริงแล้วกัน
- ต้องเห็นใจคนที่รับข่าวร้ายเกี่ยวกับพระมาเยอะ อย่างไรฟังแล้วก็ต้องเชื่อว่าจริงไว้ก่อน คงต้องรอให้ศาลตัดสินจะได้รู้
- ทุกคนพยายามเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี ที่สุดแล้วก็หวังแต่ว่าครั้งนี้ศาสนาจะได้ดี ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งได้ดีตามลำพังครับ
- เรื่องนี้น่าจะทำให้ทุกคนเป็นสุขต่างหากครับ เพราะเมื่อเรื่องขึ้นศาลก็จะระวังในการพูดและยกหลักฐานเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
- ขอให้มองว่าเรื่องขึ้นศาลถือว่าดีครับ ถ้าตัดสินกันที่ศาลจะได้มีคนกลาง มีการพิสูจน์หลักฐาน ไม่ต้องพูดปาวๆกันแบบเลื่อนลอยนะ
- ต้องคิดว่าถึงจุดที่ดีที่สุดแล้ว เพราะมีการเปิดเผยตัวออกหน้าออกตา และมีข้อหาชัดเจน จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร
- ทุกคนพยายามเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี ที่สุดแล้วก็หวังแต่ว่าครั้งนี้ศาสนาจะได้ดี ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งได้ดีตามลำพังครับ
- เรื่องดีจริงก็ดีอยู่เสมอ เรื่องร้ายปลอมจะร้ายได้เดี๋ยวเดียวครับ






*********************************************************************************************************
รวบรวมจากโครงการของ dhammada.net  ค่ะ

http://issuu.com/dhammada_net/docs/our_heart

http://issuu.com/dhammada_net/docs/our_heart2


*********************************************************************************************************

ส่วนลิงก์นี้  เพื่อนส่งมาให้ค่ะ  

    จากกระทู้ที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนจำนวนมากที่ยังสงสัยน่ะครับ
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9697952/Y9697952.html



*************************************************************************************************************
ข้อเท็จจริงกรณีของหลวงพ่อปราโมทย์  และสวนสันติธรรม

การแถลงข่าวในครั้งนี้กระทำโดยตัวแทนของผู้มาปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรม มิใช่เกิดจากเจตนารมย์โดยตรงของหลวงพ่อปราโมทย์  ด้วยเหตุว่าปัจจุบันมีกลุ่มของผู้ไม่หวังดีที่ได้กระทำการโดยมีเจตนาจะทำลายชื่อเสียงอันดีงามของหลวงพ่อปราโมทย์ และของสวนสันติธรรม  ทางสวนสันติธรรมจึงได้มอบ หมายให้ตัวแทนดำเนินการจัดให้มีการแถลงข้อเท็จจริงในวันนี้ให้กับสวนสันติ
  
ธรรมวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรม นั้น ได้จัดตั้งขึ้นมาตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมของผู้ที่มีจิตศรัทธา และความประสงค์จะเข้ามาศึกษาธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยในช่วงแรกได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ศึกษาปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ใช่นิติบุคคล ในการดำเนินการจัดสร้างนั้นเริ่มต้นด้วยการจัดซื้อที่ดิน ในช่วงของการซื้อที่ดินคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินบางส่วน ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางหลวงพ่อขอให้ใช้ชื่อของแม่ชีอรนุชเนื่องจากว่าไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของแม่ชีอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 มิใช่การโอนถ่ายให้แก่แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด
  
  
ในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตลอดจนการดำเนินงานของสวนสันติธรรมได้กระทำอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนสันติธรรมก็ไม่เคยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เคยมีเรื่องการยักย้ายทรัพย์สินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
  
และในการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม ท่านแม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นในช่วงแรกที่คุณฐิตินาถวางมือก่อนสร้างสวนสันติธรรมเสร็จ โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ
  
1. ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของท่านแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของท่านแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
2. ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว ท่านแม่ชีอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพัง ในช่วงธันวาคม 2549เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของท่านแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของท่านแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน ท่านแม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด
  
1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้ท่านแม่ชีอรนุชทำหน้าที่เพียงการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสดย่อย และสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้คุณสุรพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย
  
  
เงินบริจาคของสวนสันติธรรมจะมาจาก 2 ทาง คือ ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีโดยตรง และจากญาติโยมที่เข้ามาฟังธรรมและได้บริจาคแด่สงฆ์ที่อยู่ในสวนสันติธรรมเพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ซึ่งเงินในส่วนที่สองนี้จะมีอาสาสมัครคอยดูแล และตรวจนับ มีการลงรายการรับไว้ครบถ้วน  และทางสวนสันติธรรมจะมีการใช้เงินอย่างมีระบบเอกสารการเบิกจ่ายครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น  

อนึ่งการที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้มอบหมายให้ท่านแม่ชี อรนุช รับมอบอำนาจดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินของสวนสันติธรรมแทนหลวงพ่อปราโมทย์ และดูแลบัญชีเป็นบางคราว นั้น เนื่องจากท่านหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเป็นพระในสายของธรรมยุตินิกาย ซึ่งจะไม่มีสามารถจับต้องหรือเก็บเงินทอง หรือซื้อทรัพย์สินใดๆ เองได้ ทั้งสิ้น และในสวนสันติธรรมไม่มีอุบาสกอยู่ประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ท่านแม่ชี อรนุชดูแลแทน และที่ผ่านมาท่านแม่ชีก็ได้ร้องขอต่อหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยครั้ง ที่จะให้หาคนมาทำงานแทน เพื่อท่านแม่ชีจะได้บำเพ็ญภาวนาได้เต็มที่ต่อไป

และนอกจากนี้เกี่ยวกับที่ดินของสวนสันติธรรมตามที่เป็นข่าว ภายหลังจากที่จัดสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ ในช่วงแรกมีผู้เห็นว่าการตั้งเป็นวัดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก  และในตอนนั้นยังไม่เหมาะสมจึงยังไม่ดำเนินการ และต่อมาในเดือนมกราคม 2553 เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวและพร้อมแล้ว  หลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ให้ท่านแม่ชีอรนุช  ยื่นเรื่องขอยกที่ดินแปลงที่เป็นที่ตั้งของสวนสันติธรรมให้มีการจัดตั้งเป็นวัดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 โดยทำสัญญากับท่านนายอำเภอศรีราชา และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องให้สวนสันติธรรมมีฐานะเป็นวัดต่อไป
  
......
  
ประเด็นข้อร้องเรียนของนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
  
ข้อร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สวนสันติธรรม เพราะพบว่า
  
1.พระปราโมทย์มอบอำนาจให้แม่ชีอรนุชเป็นผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแล
2.ที่ดินเปลี่ยนชื่อเป็นของแม่ชีอรนุช

ข้อเท็จจริง
1. ระบบการเงินและบัญชีของสวนสันติธรรม

1.1 บัญชีสวนสันติธรรม แม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ
  
1.1.1 ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุลเป็นผู้ถือถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
1.1.2 ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว แม่ชีอรนุชจึงรับภาระดูแลบัญชีตามลำพังในช่วงธันวาคม 2549เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของแม่ชีอรนุชตามลำพังเนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย
และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด
  
1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้แม่ชีอรนุชไม่ได้ดูแลเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมอีกต่อไป

1.2 ระบบการเงินของสวนสันติธรรม ที่มาของรายได้ของสวนสันติธรรมมี 2 ส่วนคือ (1) ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีของสวนสันติธรรม และ (2) ส่วนที่ญาติโยมที่มาฟังธรรมถวายปัจจัยแด่สงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
  
เงินส่วนแรกคนในสวนสันติธรรมไม่ได้แตะต้อง แต่เงินบริจาคใส่ตู้ถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรมนั้น จะมีขั้นตอนการทำงานดังนี้คือ
(1) มีการตรวจนับหน้าตู้ทุกวันที่เปิดสวนสันติธรรม โดยทีมงานอาสาสมัครซึ่งก็คือผู้ที่มาฟังธรรมนั่นเอง เมื่อตรวจนับแล้วจะลงยอดรายรับในแต่ละวันแล้วส่งยอดพร้อมตัวเงินให้แม่ชีอรนุช (2) แม่ชีอรนุชจะรวมยอดรายรับแต่ละวันไว้ (3) เมื่อมีผู้เบิกค่าใช้จ่ายภายในสวนสันติธรรม จะต้องนำหลักฐานการเบิกจ่ายไปแสดงต่อแม่ชีอรนุชเพื่อขอรับเงิน (4) เมื่อมีเงินสดคงเหลือจำนวนหนึ่ง แม่ชีอรนุชจะนำเข้าฝากในบัญชีของสวนสันติธรรมเป็นระยะๆ (เงินในบัญชีแทบไม่เคยเบิกจ่ายเลย) (5) เมื่อถึงสิ้นเดือนแม่ชีอรนุชจะต้องส่งรายการรายรับรายจ่ายทั้งเดือนให้คุณสุรพล สายพานิช เพื่อลงบัญชี
และมีผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นระบบ

สำหรับเหตุผลที่ต้องให้ฆราวาสดูแลการเบิกจ่ายเงินนั้น ก็เนื่องจากสวนสันติธรรมเป็นที่พักสงฆ์ของพระธรรมยุติ ซึ่งพระจะดูแลเงินเองไม่ได้เพราะผิดพระวินัย และในสวนสันติธรรมมีผู้ที่ไม่ใช่พระซึ่งอยู่ประจำเพียง 2 คน คือแม่ชีอรนุชกับคุณชยาทร เตชะไพบูลย์เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำ อย่างไรก็ตามเมื่อสวนสันติธรรมได้ขอตั้งเป็นวัดแล้ว จะต้องหาไวยาวัจกรใหม่ซึ่งจะเป็นผู้ชาย ขณะนี้ได้ทาบทามผู้ที่สงฆ์ไว้วางใจได้ไว้แล้ว
  
  
2.การซื้อที่ดินของสวนสันติธรรม
  
2.1 เดิมหลวงพ่อปราโมทย์จำพรรษาอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ต่อมาในปี 2548 คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้พยายามขอสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ถวาย โดยตกลงกันว่าคุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับภาระค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ชอบการเรี่ยไร

2.2 ต่อมาคุณฐิตินาถได้แจ้งให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่า จำเป็นต้องขอเรี่ยไรเงินค่าซื้อที่ดินประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับผิดชอบเอง หลวงพ่อปราโมทย์จึงยินยอม (แต่ต่อมาก็มีการเรี่ยไรค่าก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง) และในขั้นตอนการซื้อที่ดินนั้น เกิดปัญหาว่าจะใช้ชื่อผู้ใดเป็นผู้ซื้อที่ดิน เพราะหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระ จะไปซื้อที่ดินด้วยตนเองไม่ได้ ชั้นแรกคุณฐิตินาถขอให้ใช้ชื่อตนเอง แต่หลวงพ่อปราโมทย์ขอให้ใช้ชื่อแม่ชีอรนุชแทนเพราะไว้วางใจมากกว่า ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมจึงเป็นชื่อของแม่ชีอรนุชมาตั้งแต่ต้นคือเมื่อ 18 ตุลาคม 2548 ไม่ใช่การโอนให้แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด

2.3 นับตั้งแต่กรรมการสวนสันติธรรมส่วนหนึ่งลาออกเมื่อกลางเดือนมกราคม 2553 หลวงพ่อปราโมทย์พร้อมด้วยสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรม เห็นพร้อมกันว่าน่าจะขอตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด เพื่อให้มีสถานะที่ชัดเจนในทางกฏหมาย (ที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำจากหลายท่านว่า การตั้งเป็นวัดอาจทำให้ขาดความคล่องตัวในการทำงานเผยแผ่พระศาสนา) จึงดำเนินเรื่องขอตั้งวัดมาตามลำดับ โดยแม่ชีอรนุชได้ลงนามในสัญญากับนายอำเภอศรีราชาเมื่อ 23 มีนาคม 2553 ยกที่ดินให้สร้างวัด ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมในขณะนี้ จึงเป็นที่ดินที่ติดสัญญา และจัดว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์  ม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้อีกแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284607309&grpid=00&catid=
  





มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
      บันทึกการเข้า
Begita
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2542
กระทู้: 32

« ตอบ #67 เมื่อ: 25 กันยายน 2553, 00:48:45 »

ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานแล้วเหมือนกัน

ไม่ยักรู้ว่าเรื่องของหลวงพ่อเป็นประเด็นที่นี่ด้วย  

เห็นว่ามีอาจารย์คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วมด้วย ผมลองดูรายชื่่อจากด้านบนแล้วก็ตกใจนิดนึง

"ภพกฤต ธีระกฤตานนท์ " นี่เพื่อนร่วมรุ่นผมเลย  แถมยังเป็น side mate ตอนอยู่หอพักชายด้วย  

คุยกันครั้งสุดท้ายซักครึ่งปีก่อน เห็นเค้าก็ออกหาหนทางสู่มรรคผล มาหลายปี

ท่านอื่นๆ ก็เหมือนจะคุ้นชื่่อ ว่าเป็นผู้มีหนทางแห่งธรรม อยู่ในจิตในใจกันพอสมควร  

ส่วนผมมองเห็นเหตุการณ์เหล่านี้บ้าง อ่านข่าวสารบ้าง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร กับเรื่องเหล่านี้

กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์โลก ผลของกรรมย่อมทำงานอย่างยุติธรรม

ธรรมที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติดีแล้ว ย่อมส่งผลให้ท่านอยู่อย่างร่มเย็น

ขอให้พี่ๆ ทุกๆ ท่านเจริญในธรรมครับ
      บันทึกการเข้า

เมื่อแยกจิตและกายออกจากกัน จะเห็นว่าเราไม่มี และ ไม่มีเรา
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #68 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 15:47:48 »

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน

ท่านพี่ป๋อง คุณปึ๊ด และน้องๆ 

เพิ่งได้ดูรายการ เจาะใจ แและเห็นตัวเป็นๆ ของ อ.เทิดศักดิ์ นับว่าจุฬาจริงๆแล้วก็เป็นที่ซ่อนเสือแดนมังกรก็ว่าได้  เพราะเป็นที่ที่ มีตัวบักเอ้ก ของผู้ใฝ่ธรรมหลากหลายสำนัก มารวมกันอยู่แบบซุ่มเงียบ ตามคณะใหญ่ๆ ไม่ว่าแพทย์หรือวิศวะ หรือ ถาปัด อย่างถาปัดเท่าท่ี่ีรู้ ก็ อ.ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ  อาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ผู้เชียวชาญ แตกฉาน เรื่องพระอภิธรรมปิฎก อ.ชัยวัฒน์ นัยว่าลาออกจากถาปัดแล้วตอนนี้ปฏิบัติธรรมและสอนพระอภิธรรมเป็นวิทยาทานแก่สาธุชนเดือนละครั้ง  ป้าแจ่มก็ขออนุโมทนายิ่ง  ยังมีพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตติผโล พระผู้ปฏิบัติดีอีกท่าน ก็เดิมสอนถาปัด ขอลาบวชตามประเพณี 1 พรรษา ที่วัดหลวงปู่ชา แล้วปรากฏว่าไม่อยากสึก และขอลาออก ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง แถวๆใกล้รังสิต นี่เอง
ตอนนี้เพิ่งจะได้ยิน ว่ามี อ.เทิดศักดิ์อีกคน .ไม่ทราบสำนักของท่าน.ก็ไม่เคยเห็นท่านแสดงออกด้านศาสนามาก่อน กิจกรรมธรรมสถานก็ไม่เคยเห็นท่านมาข้องแวะ  ได้ยินอีกทีก็ดังเปรี้ยงปร้างไปเลย  ..ที่ซ่อนเสือแดนมังกร..จริงๆ

(ต่อไปเป็นภาคนินทาสามี ).....เรื่องพวกนี้ ไม่ได้รู้จาก อ.เผ่า นะคะ แถมหลังๆ แกยังต่อต้านนิดๆอีก ..ไล่ป้าเข้าวัดก็ออกบ่อย..อย่าอึงไป.
ดีใจที่ทราบว่าคุณปึ้ดก็สนใจธรรมะ รู้แต่ว่า ดร.แอ สนใจและปฏิบัติธรรมอยู่  ป้าแจ่มได้แต่นึกเสียดายที่ อ.เผ่าแกไม่ยินดีตามกับเรื่องนี้นัก ขนาดลูกเอ๋ยกับเพื่อนๆ(กลุ่มหมอศิริราช) ไปสวนสันติธรรม ไปทำบุญ ฟังธรรมและส่งการบ้าน และยังไปปฏิบัติธรรมกับแม่ชีที่วัดป่าละอู ท่านเผ่ายังทำลมบ่จอย นิดๆแน่ะ.

งานนี้เหมือนฆราวาสจะแบกเอาหลวงพ่อที่ดีๆ มาชนกันให้แหลกลานไปทั้งพุทธบริษัทแน่ะ
ทำเพื่ออะไรกันหนอ ทำแล้วใครได้ใครเสีย.....ช่างไม่นึกถึงเวรกรรมกันเลย

ป้าเองก็เถอะ มารับอารมณ์กับเขาไปด้วย ถ้าคุณแม่ชีลูกสาว รู้เข้า เธอคงว่า
..คุณแม่เผลอไปร่วมอนุโมทนาบาปกับเขาแล้ว รู้สึกใหม....รู้ตัวใหม
 อายจัง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 16:57:08 »


โอ๊ะ พลาด..ถนัด
ไม่ใช่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ค่ะ ที่เป็นอาจารย์ถาปัดแล้วบวช
เป็นอีกชื่อหนึ่ง ค่ะแต่ตอนนี้ ป้าแจ่มคิดไม่ออก
ขอแก้ไข
ขอแก้ข่าว นะคะ
ขออภัย นะคะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #70 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 20:08:09 »

อาจารย์แจ่มใส หงุดหงิดไปกับสถานการณ์ได้ใจจริงๆครับ
เรื่องนี้ถ้าไปถามอุบาสิกาฐิตินารถ ท่านก็คงตอบว่า
"ที่ทำไปทั้งหมดเพื่อ ชี้นำความถูกต้อง
ในอันที่จะสืบอายุบวรพระพุทธศาสนา
ให้ยืนยาวต่อไปยังลูกหลาน"
ก็ท่านเชื่อของท่านอย่างนั้นจริงๆ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #71 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 14:50:41 »


               ของจริง กับ ของปลอม ดูไม่ยาก เรื่องของพระปราโมทย์ กับ ฐิตินาถ ณ พัทลุง  
                                     โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2553
    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000136614

                       
    
       กรณีพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม

                       

       ถูกนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิตเล่ม 1 และ เล่ม 2 อันโด่งดัง และคณะที่มีนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวีรณัฐ โรจนประภา เจ้าของนิตยสารบางกอก และประธานมูลนิธิ บ้านอารีย์ กล่าวหาว่า มีพฤติกรรมยักยอกเงินบริจาค และที่ดิน อวดอุตริมนุสธรรม และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช อดีตภรรยา เป็นข่าวต่อเนื่องมานานสามสัปดาห์แล้ว
      
       ฝ่ายผู้กล่าวหา คงจะชำนาญเรื่องการประชาสัมพันธ์สร้างข่าวไม่น้อย จึงเลือกใช้วิธี อ่อยเหยื่อ ค่อยๆ เปิดประเด็นข้อกล่าวหาทีละประเด็น เพื่อหลอกล่อให้ติดตาม โดยมีเครื่องเคียงเรียกร้องความสนใจประเภท "ทีเด็ด" เทปลับ "คลิบเสียง" และ จดหมายน้อยถึงลูกรัก 2 ฉบับ
      
       ดูๆไปก็คล้ายกับวิธีการของแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่ชอบใช้วิธีตีปี๊บ สร้างกระแส ด้วยการอ้างเทปลับ คลิบวิดิโอ ที่เหมือนกันอย่างกับแกะก็คือ เมื่อเปิดหลักฐานที่อ้างว่าเป็นข้อมูลเด็ดเหล่านี้แล้ว กลับปรากฏว่า ไม่ได้มีสาระ หรือนัยสำคัญที่จะสร้างน้ำหนักให้ข้อกล่าวหาเหล่านั้นได้
      
       ตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ที่ฝ่ายนางสาวฐิตินาถ กับพวก เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกอยู่ข้างเดียว โดยพระปราโมทย์ ถือคติ "พระไม่ตีกับโยม" ไม่ตอบโต้ แต่ชี้แจงเท่าที่จำเป็น ปรากฏว่า ฝ่ายพระปราโมทย์ ชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินบริจาค ที่ทำไมต้องโอนให้นางอรนุช อดีตภรรยา ซึ่งมาบวชชีอยู่ในสำนักสวนสันติธรรม เป็นผู้ดูแล ทำไมต้องโอนที่ดินให้ภรรยา รายละเอียดเกี่ยวกับ บัญชีรายรับรายจ่าย สถานะของสวนสันติธรรม ฯลฯ
      
       รวมทั้ง ความสัมพันธ์กับอดีตภรรยา ที่ฝ่ายที่กล่าวหาให้ข้อมูลว่า มีกุฎิอยู่ใกล้กัน หน้าต่างตรงกัน มองเห็นกันได้โดยไม่มีสิ่งใดๆขวางกั้น ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ชี้ชัดว่าข้อกล่าวหาเรื่องนี้เป็นเท็จ เพราะกุฎิของพระปราโมทย์กับอุบาสิกาอรนุช อยู่ห่างกันประมาณ 120 เมตร มีถนนคอนกรีต มีต้นไม้กั้น ไม่สามารถมองเห็นกันได้ ทั้งยังมีกุฎิของพระอุปัฏฐาก อยู่ใกล้กุฎิพระปราโมทย์ เพื่อคอยดูแล ซึ่งการวางผังที่ตั้งกุฏินี้ น.ส.ฐิตินาถ เป็นผู้กำหนดแบบไว้ตั้งแต่ก่อสร้าง และยังขอให้มีการสลับกุฏิกับพระอุปัฏฐาก เพื่อความปลอดภัยของพระปราโมทย์ นอกจากนี้กุฏิของพระปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช ยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากบ้าน อนาลโย ของ น.ส.ฐิตินาถ ก่อนที่จะมีการสร้างรั้วคอนกรีตกั้นในภายหลัง
      
       ไม่เพียงแต่คำชี้แจงของลูกศิษย์พระปราโมทย์เท่านั้น แต่บรรดาข้อกล่าวหาต่างๆของ น.ส. ฐิตินาถ และนายวีรณัฐ ที่ยื่นเป็นหนังสือให้ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวน นั้น ล้วนได้รับการรับรองยืนยันจากสองหน่วยงานว่า ไม่พบความผิดปกติ โดยนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ชลบุรีว่าผลการตรวจสอบเรื่องของที่ดิน และเงินของสำนักสวนสันติธรรมไม่มีปัญหา เนื่องจากทางสำนักสวนสันติธรรม ได้มีการชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำเงินไปทำอะไรบ้าง ส่วนเรื่องของที่ดินที่ขอตั้งวัดก็ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง
      
       สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่บอกว่า การตรวจสอบข้อร้องเรียนทั้งกรณีเรื่องเงินบริจาคและที่ดิน ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช อดีตภรรยา นั้น ยังไม่พบว่าพระปราโมทย์กระทำความผิดจริง โดยพระปราโมทย์ดำเนินการอย่างถูกต้องทั้งเรื่องของเงินบริจาค เรื่องที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด เรื่องความใกล้ชิดกับอุบาสิกาอรนุชที่ถูกร้องเรียนว่ากุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริมนุษธรรม ก็ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใด ๆ ที่ผิดต่อพระธรรมวินัย และระหว่างการให้สัมภาษณ์ยังมีการเปิดเผยบัญชีเงินฝากของทางสวนสันติธรรม ทั้งหมด 7 บัญชี ให้ผู้สื่อข่าวดู
      
       ส่วนข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมนั้น หลักฐานที่ น.ส. ฐิตินาถ อ้าง มีเพียงคลิปเสียงพระปราโมทย์ ข้อความว่า
      
       ".....โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คอยบอก โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ต้องสังเกต อย่าเชื่อง่าย เราจะรู้ว่าไม่ใช่ จิตไม่ได้ค้นคว้าของมันอยู่ พูดอีกก็หลุดอีก พอหลายๆทีเข้า ก็โอ้ชาตินี้ทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะไปทางไหน มันจบมุมเหมือนหลังชนกำแพง ถ้ารู้ที่วิเศษเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เลย บางคนเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา เห็นแล้วมันวาง
      
       แต่ว่าต้องมีโยนิโสมนสิกากำกับการดูนะ ถ้าดูไปเฉยๆ บางทีใจไปค้างไว้ข้างใน หลวงพ่อเคยเจอ ตอนนั้นผ่านชั้นที่ 2 แล้ว เข้าไปดูอย่างโสรัจ พอดีไปเจอ ... เจอหน้าแล้วท่านยิ้มหวานเลย ผู้รู้ๆ ออกมาอยู่นอกๆ นี้ ตอนนั้นงงเลย ทำไมต้องมาอยู่ข้างนอก ท่านก็ให้บอกต่อ กิเลสอยู่ข้างนอกเนี่ย ตอนที่บรรลุลงไปข้างในก็เผลอไปหมดแล้ว มีภายในมีภายนอก...."
      
       เอาความรู้ในเรื่องธรรมะชั้นไหนไปสรุปว่า คำพูดทำนองนี้คือ การอวดอุตริมนุสธรรม
      
       ทั้ง น.ส. ฐิตินาถ นายวีรณัฐ เคยเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดพระปราโมทย์ มานานเกือบสิบปี เหตุใดจึงไม่สามารถหาหลักฐานที่หนาแน่นกว่านี้ มาพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่มีต่อพระปราโมทย์ ในทุกๆเรื่องได้
      
       เมื่อฝ่ายที่ถูกกล่าวหา สามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ทุกเรื่อง ก็แสดงว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ เป็นเรื่องเท็จ ที่ถูกกุขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายพระปราโมทย์ ถึงเวลาที่ น.ส. ฐิตินาถกับพวก จะต้องตอบคำถามแล้วว่า เหตุใดจึงกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา
      
       พระที่ได้ชื่อว่า เป็นพระดี มีลูกศิษย์ ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสมากมาย หากจะต้องมีเรื่องมัวหมอง ก็หนีไม่พ้นสองเรื่องคือ สีกา กับเงินๆทองๆ
      
       เช่นเดียว กัน บรรดาอุบาสิกา แม่ยกทางธรรมก็มีจุดตายอยู่สองเรื่องคือ เรื่องเงินๆทองๆ กับ อยากเป็นเจ้าของพระ
      
       ในอดีต พระรูปงาม ห้อมล้อมด้วยสีกามากหน้า เกิดความหึงหวง ชิงพระหักสวาท จนนำไปสู่การเปิดโปงพฤติกรรมของพระ จนต้องสึกก็มีมาแล้ว
      
       สำหรับสีกาฐิตินาถ เรื่องเงินๆทองๆ นั้น เธอแสดงความต้องการชัดเจนอยู่แล้วว่า ขอทวงเงิน 4 ล้าน 3 แสนบาท ที่เคยบริจาคให้พระปราโมทย์คืน เพราะพระปราโมทย์ โอน เงิน ที่ดินที่ซื้อมาด้วยเงินบริจาคไปให้อดีตภรรยาดูแล ซึ่งเธอเห็นว่า เป็นการยักยกอกเงินที่มีผู้บริจาค ไปเป็นสมบัติส่วนตัว
      
       เหตุที่สีกาเกิดเสียดายเงิน ออกปากทวงทั้งที่บริจาคไปแล้ว พระอนุโมทนา ให้พร รับบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลกันไปแล้ว ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ให้ข่าวผ่านทนายความมาว่า เพราะเธอผิดหวัง ที่อุตส่าห์ลงทุนไปมากแล้ว แต่กลับไม่ได้เป็น somebody ในสำนักสวนสันติธรรม เพราะพระปราโมทย์ไม่ไว้ใจในพฤติกรรมบางอย่าง
      
       เป็นอาจารย์ ลูกศิษย์กันมาสิบปี ศิษย์ยังเห็นความไม่ดีของอาจารย์ ในหลายเรื่อง ทำไมอาจารย์จะไม่ล่วงรู้เลยหรือว่าศิษย์คิดอะไรอยู่
      
       เรื่องนี้ เป็นอุทธาหรณ์ว่า เข็มทิศ ช่วยได้แค่ชี้ทาง แต่จะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ใจเป็นเครื่องกำหนด


             win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #72 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2553, 22:37:00 »

สวัสดีครับป้าแจ่ม....+พี่ๆ น้องๆทุกท่าน    ความจริงเหตุที่เกิดขึ้น เป็นบุญของพวกเราน๊ะ ที่ได้มาเห็น ที่ได้มารับรู้
                             เหตุที่เกิด   สมัยพุทธกาล พระอริยสงฆ์หรือ พระสงฆ์น้อย - ใหญ่ที่ต้องฟันฝ่า อุปสรรค มารต่างๆ
                             นาๆประการ แต่ต้องทำหน้าที เผยแพร่ศาสนา จะต้องอดทน ต่อสู่ เผชิญหน้ากับ ผู้นับถือ
                             และเชื่อลัทธิอื่นๆ บ้างอาจถูกทำลายถึงชีวิตก็มี  แต่ก็สืบทอดกันมาได้ถึง 2500 กว่าปี
                             การเดินทางจากอินเดียสู่ สุวรรณภูมิก็ไม่ใช่ใกล้ อุปสรรคมากมายเราไม่มีโอกาสได้สัมผัส
                            ยุกต์ปัจจุบัน มีพระสงฆ์ที่เรากล่าวขานกันว่าท่านเป็น อริยสงฆ์อยู่หลายองค์/ ซึ่งส่วนใหญ่เรา
                            ก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวหรือได้สัมผัส กับ ท่านจริงๆ เป็นเพียง เล่าสืบทอดกันมา พระสงฆ์
                            ที่ได้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง  ก็มักจะเก็บตัวเงียบ  พวกเราๆก็สัมผัสยาก ท่านพูดน้อยมุ่งแต่ ภาวนา
                            พวกเราก็ได้แต่ฟังประวัติของพระพุทธเจ้าไป/ รู้ว่าใส่บาตรได้บุญ จบ/ นับว่าท่านพระอาจารย์
                            ปราโมทย์เป็นองค์เดียว ที่ใช้ วิธีสอน  แบบดูสภาวะและสอนแบบเทย่า้ม   ให้พวกเราได้เรียนรู้
                            เหตุที่เกิดกับท่านก็เป็นวิบากของท่าน  ที่ท่านจะต้องผ่านให้ได้ ในชาตินี้ ไม่หลงทาง  ฯลฯ
                            ถ้าท่านมีเมตตาไม่ปลีกวิเวก  หายไปจาก สาธารณะชน หรือเก็บตัวเงียบ ท่านก็จะเป็นครู-อาจารย์  
                            ที่ให้โอกาสเราได้เรียนรู้จากท่าน อีกมากมาย  (คำว่า อริยสงฆ์ เราพูดจากความรู้สึก ของเราๆ
                            ท่า่นๆคนธรรมดา ที่มีจิตสัทธาในพระสงฆ์องค์นั้นๆ/ พระพุทธองค์เท่านั้น ที่สามารถฟันธง
                            ได้ว่า ใครอยู่ระดับไหน?) ยุกต์นี้มีสำนักปฏิบัติธรรมมากมาย ซึ่งอย่างที่ผม
                            กล่าวไว้ตอนต้นเป็น โอกาสดีที่เรา พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาส Shopping ธรรมะกันได้หลาย
                            รูปแบบ ตามความถนัดและความเข้าใจ แต่ไม่จำเป็นที่ต้องยึดมั้นถือมั้นในตัวบุคคล เพราะเรามีตำรา
                            อยู่เล่มเดียว และเจ้าของตำราก็มีพระองค์เดียว ในที่สุดก็ต้องเหมือนกัน ในช่วงสุดท้าย และ จบ
                            เหมือนกัน พระสงฆ์ องค์เจ้า ท่า่นมีเมตตาที่ช่วยชี้ทางเดินให้เรา ในขณะที่ท่านเองก็กำลัง
                            บำเพ็ญเพียรไปในทิศทางเดียวกับเราเช่นกัน             Xปิ๊ด15X
                            
      บันทึกการเข้า
โจโฉ คร้าบบบ
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24

เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 17:41:53 »

สวัสดีครับ  พอดีแวะผ่านมาเจอโดยบังเอิญ
เลยขอสมัครสมาชิกไว้เผื่อแจ้งข่าวงานบุญอะไรบ้างนะครับ

แวะมาเก็บข้อมูล และขออนุญาตนำไปแปะในเวบบอร์ดของผมนะครับ
แล้วก็ขอบพระคุณสำหรับคำชม

กระทู้นี้ได้ข้อมุลอะไรเด็ดๆ เยอะครับ
จริงๆ ผมมีข้อมูลส่วนตัวแบบ วงใน อีกเยอะ ที่ไม่อยากเปิดเผยครับ
แต่ก็ทำให้เข้าใจอะไรดี และคิดว่าถึงไม่เปิดเผย
สังคมก็คงเข้าใจดีแล้วว่าใครเป็นอะไรยังไง

ผมรู้แต่ว่า ผมศึกษา ปฏิบัติมาเยอะมาก ตั้งแต่ยังเป็นคริสต์จนมาเข้าพุทธ
แล้วทุกวันนี้มีความสุขและเห็นแนวทางปฏิบัติ
และเห็นจิตเป็นอนัตตาได้จริงๆ ว่ามันไม่ใช่เรา บังคับไม่ได้จริงๆ
ก็เพราะคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ครับ  

ขนาดอ่านมาเยอะ ฟังมาเยอะ ทำมาเยอะ ก็ยังไม่เคยเข้าใจได้ขนาดนี้

แวะมาทักทายเท่านี้ก่อนนะครับ

ผมเอาไปโพสต์ในเวบผม ต้องขออภัยที่เรียกตามคนอื่นว่าคุณป้าแจ่มใส
คงไม่ว่ากันนะครับ


แถมท้ายนิดนึงอะคับ
เมื่อสองปีก่อน เคยไปบรรยายที่ คณะรัฐศาสตร์ ตอนนั้นยังสรุปการบรรยายไม่ค่อยเวริ์ค
แต่ตอนนี้ทำเป็นจริงจังแล้ว   หากสนใจจะให้ไปช่วยสร้างสรรสังคม กับน้องๆ นักศึกษา
เพื่อจะได้เข้าใจศาสนาในรูปแบบวิทยาศาสตร์ และได้ฝึกการทำสมาธิแบบง่าย
กับการรู้จักใช้พลังกุศลจิตเพื่อแผ่เมตตาอย่างแท้จริง ก็เรียกใช้ได้นะครับ

ดูรูปได้ที่กระทู้นี้อะคับ
http://www.jozho.net/index.php?mo=5&qid=564591

คืออาจดูไม่งาม เหมือนกลองดังเอง  
แต่เนื่องจากว่า ผมไปบรรยาย แล้วได้ผลเกินคาดกว่าที่คิด
ก็เลยอยากจะใช้ความรู้ที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์สูงสุดอะคับ

อนุโมทนาและกราบสวัสดีทุกๆ ท่าน ครับผม

โจโฉ คร้าบบบ







เอาสองรูปมาเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นว่า ภายนอกมันคือเปลือก
หากว่ามองไปข้างใน เราจะเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่
แล้วผมก็อยากเห็นเยาวชนไทย ทันโลก ทันสมัย ควบคู่เติบโตไปพร้อมกับคุณธรรมในใจ
ซึ่งปัจจุบัน ตัวอย่างสองขั้วในร่างเดียวแบบนี้ คงหาได้ไม่ง่ายนักอะคับ

ไม่กลัวที่ใครจะคิดว่าผมชอบโปรโมทตัวเอง
แต่สิ่งที่ผมทำทุกอย่าง ผมเจตนาเพื่อประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ

เจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
แล้วจะแวะมาเก็บข้อมูลเรื่อยๆ ครับ

   จุ๊บ ๆ


ปล. วันก่อนไปบรรยายธรรมะที่วัดแห่งหนึ่งอะคับ  พอเขาเห็นหน้าผมอะ เขากลับบ้านกันเกือบหมดเลย  555
เหลืออยู่ไม่ถึง 6 คน  แต่พอบรรยายเสร็จ ก็รู้สึกเป็นสุข เพราะผู้ฟังปลื้มปีติ ได้ประโยชน์ และผลเป็นดั่งที่ตั้งใจ
คนเรานี่ก็มองกันแต่ภายนอกจริงๆอะนะครับ..  
      บันทึกการเข้า

www.jozho.net
แจก CD ธรรมะฟรี ดาวน์โหลดธรรมะฟรีมากมาย
เสียงเทศนาหลากหลายครูบาอาจารย์
เสียงอ่านหนังสือธรรมะสำหรับคนรุ่นใหม่ ฟังสบาย เข้าใจง่าย
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #74 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 20:02:33 »

สวัสดีครับ ป้าแจ่ม เพื่อน พี่ น้อง และ แขกผู้มาเยือน น้องโจโฉ  ดีนะ น้องโจโฉเป็นแขกที่ยอดเยี่ยมใช้ได้
                           ที่แสดงตน ดีครับที่สนใจธรรมะ และได้ใช้ชีวิตอยู่ในสายธรรม ผมเป็นคนหนึ่งละที่ ถ้ามี
                           โอกาสฟัง คำบรรยายของท่านก็จะไม่รอช้า แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไร?โอกาสนั้นจึงจะมา ขอ
                           อนุโมทนา ด้วย    Xปิ๊ด15X  
                                                                              bye bye    
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 2 [3] 4  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><