15 พฤษภาคม 2567, 00:53:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ดูละครเรื่อง 7 ประจัญบาน ... แล้วคิดถึงเสรีไทย สายนิสิตจุฬาลงกรณ์  (อ่าน 6407 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:37:22 »

ไปหอสมุดกลาง จุฬาฯ หลายๆครั้ง อดที่จะสะดุดตาไม่ได้ กับ แท่งหิน บนลาน บริเวณหน้าหอสมุดกลาง จนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

"อนุสรณ์สถาน นร.สห. 2488"

อือม แล้วอย่างไร?  ... ก็เฉยๆ

แต่อยู่มาวันหนึ่ง แท่งหิน แท่งเดียวกันนั่นเอง ที่ทำให้เราถึงกับขนลุกซู่... และมีความภาคภูมิใจ ใน รุ่นพี่ กลุ่มหนึ่ง แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อเราได้มีโอกาส อ่านหนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ เสรีไทย ท่านหนึ่ง

....

หนังสือ ประมวล "ประวัติ ความเป็นมาและการสร้างอนุสรณ์สถาน นร.สห. 2488" นี้ได้จัดทำเพื่อมอบให้เป็นที่ระลึก แก่ท่านผู้มีเกียรติที่มาในงานเปิด อนุสรณ์สถาน นร.สห. 2488 ตลอดจนท่านผู้สนใจ ให้ได้ทราบถึงกิจกรรมของบรรดานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 298 นายที่ศึกษาอยู่ในปี 2488 ผู้มีส่วนร่วมปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติ เมื่อครั้งสงครามมหาเอเซียบูรพาที่แผ่ขยายมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ควรแก่การศึกษา นับถึงปัจจุบันนี้ ปี พ.ศ. 2538 เป็นเวลาล่วงเลยมาได้ 50 ปีแล้ว และเพื่อให้ทราบวัตถุประสงค์ เหตุผล และความเป็นมาในการสร้าง"อนุสรณ์สถาน นร.สห. 2488" ขึ้นใน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"ชมรมนักเรียนนายทหารสารวัตร 2488" ซึ่งทุกคนเป็นอดีตนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบพระคุณท่านอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา และคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทุกท่านซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าในการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยในสมัยนั้นที่ให้โอกาสนิสิตจำนวนหนึ่งได้แสดงความเสียสละ อุทิศแรงกายแรงใจเพื่อประเทศชาติ อันควรแก่การจารึกไว้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสืบไป จึงได้ยินดีอนุเคราะห์ให้ใช้ที่ดินส่วนหนึ่ง ภายในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก่อสร้าง "อนุสรณ์สถาน นร.สห. 2488" จนบรรลุผลสำเร็จตามเจตจำนงและปณิธานที่ตั้งไว้

ชมรมนักเรียนนายทหารสารวัติ 2488
18 ธันวาคม 2538
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #1 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:37:48 »

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลารุ่งอรุณกองทัพบกและกองทัพเรือญี่ปุ่น ได้เปิดฉากสงครามเรียกว่า สงครามมหาเอเซียบูรพา โดยส่งเครื่องบินเข้าทิ้งระเบิดทำลายอ่าวเพิร์ลของสหรัฐอเมริกา และส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าบุกประเทศไทย เพื่อยึดครองและใช้เป็นฐานส่งกำลังผ่านไปยัง พม่า อินเดีย และลงใต้ไปยังมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่นครศรีธรรมราช สงขลา บางปู และจังหวัดในภาคใต้อีกหลายจังหวัด ในชั้นแรก กองทัพไทย ทหาร ตำรวจ ยุวชนทหาร และประชาชน ได้รวมกำลังเข้าต่อสู้อย่างองอาจกล้าหาญ จนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ทำความเสียหายให้แก่ญี่ปุ่นมากเช่นเดียวกัน ในที่สุดผู้นำไทยในขณะนั้นพิจารณาเห็นว่าศักยภาพทางทหารของไทยด้อยกว่า ญี่ปุ่น สมควรยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ สงวนกำลังไว้กู้สถานการณ์ภายหน้า จึงยินยอมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น รักษาสถานภาพความเป็นเอกราชไว้ แต่ในที่สุดก็ต้องจำใจประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร อังกฤษและอเมริกาด้วยการบีบบังคับจาก ญี่ปุ่น

สถานภาพของไทยในขณะ นั้นถึงจะชื่อว่ายังมีเอกราช แต่ตามความเป็นจริงก็ถูกยึดครองโดยญี่ปุ่น เป็นฐานส่งกำลังให้กองทัพญี่ปุ่น ที่มุ่งเดินทัพไปยังที่หมายต่างๆ สถานที่ราชการต่างๆ มีทหารญี่ปุ่นเข้ายึดครองอยู่ทั่วไป แม้แต่อาคารต่างๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีทหารญี่ปุ่นเข้ามาใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่ทั่วไป ภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภค บริโภคและสิ่งจำเป็นในการครองชีพต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากการที่กองทัพญี่ปุ่น ขูดรีดบังคับเอาจากรัฐบาลไทย เสียงจากรองเท้าญี่ปุ่นที่กระจัดกระจายอยู่แทบทั่วประเทศไทย ยังความปวดร้าวจิตใจต่อคนไทยผู้รักชาติเป็นยิ่งนัก

ด้วยความมี จิตสำนึกในความเป็นไท ของคนไทยนับตั้งแต่กองทัพญี่ปุ่นได้กรีฑาทัพเข้าประเทศไทย คนไทยในอเมริกาและอังกฤษต่างก็รวมตัวประกาศความเป็นอิสระ รวมทั้งคนไทยกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยก็ได้รวมตัวกันจัดกลุ่มเพื่อต่อต้าน ญี่ปุ่นด้วย

ในชั้นต้นแต่ละกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นยังปฏิบัติงานแยกกัน เพราะงานที่ทำจะต้องดำเนินการเป็นความลับสุดยอด ถ้าหากแพร่งพรายออกไปก็อาจมีอันตรายถึงชีวิตและเกิดความล้มเหลวในการปฏิบัติ งานได้ อย่างไรก็ดีทุกกลุ่มมีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อกอบกู้เอกราชของชาติ จึงได้พยายามติดต่อประสานงานซึ่งกันและกัน และประสานกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อมิให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในฐานะผู้แพ้สงคราม และให้มีเอกราชอันสมบูรณ์ ซึ่งในที่สุดเราก็สามารถติดต่อประสานงานกันได้และร่วมทำงานด้วยกันภายใต้ ชื่อว่า ขบวนการเสรีไทย
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:38:16 »

กลุ่ม นร.สห. 2488 เป็นกลุ่มเสรีไทยกลุ่มหนึ่ง ของเสรีไทยภายในประเทศ ในการนี้ พล.ร.ต. สังวร สุวรรณชีพ ร.น. ได้รับการชักชวนจากนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ให้เข้าร่วมขบวนการและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสารวัตรใหญ่ทหาร เพื่องานเสรีไทยโดยเฉพาะ (เพราะตำแหน่งสารวัตรใหญ่ทหารเป็นตำแหน่งที่สามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศไม่เป็นที่สงสัยแก่ญี่ปุ่น)

ในการพิจารณาเพื่อใช้กำลังเข้าต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น พล.ร.ต. สังวรณ์ ได้พิจารณาเห็นว่า พลพรรคเสรีไทยจำ เป็นต้องจัดกำลังในรูปกองทหาร มีผู้บังคับบัญชาที่มีความสามารถมีปฏิภาณไหวพริบ แต่สถานการณ์ในขณะนั้น ไม่อาจจะใช้นายทหารหลักของกองทัพได้ เพราะต่างก็มีภารกิจหลักอยู่อย่างเต็มมือแล้ว ซึ่งหากผลิตขึ้นมาใหม่ก็จะไม่ทันการ เมื่อ พล.ร.ต. สังวรณ์ ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงเกิดความคิดที่จะรับสมัครบรรดานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเข้าทำหน้าที่ดังกล่าว เพราะขณะนั้นกำลังว่างจากการเรียนด้วยมหาวิทยาลัยปิดทำการสอน และบุคลากรกลุ่มนี้เป็นบุคคลระดับมันสมองของประเทศ มีความรู้พื้นฐานทางวิชาทหารเบื้องต้น จากการเป็น ยุวชนนายทหาร มีความเหมาะสมกับภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้ เมื่อนำเอาบุคคลเหล่านี้มารับการฝึกฝนในยุทธวิธีเฉพาะคือ การรบแบบกองโจร การรบในป่า การรบในเมือง การใช้อาวุธสมัยใหม่ และการทำลายล้างด้วยดินระเบิด ฯลฯ ก็จะเรียนรู้ได้เร็ว พล.ร.ต. สังวรณ์ ได้นำความคิดเข้าปรึกษากับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายปรีดี พนมยงค์ ก็ได้รับในหลักการให้ดำเนินการทันที

พล.ร.ต.สังวรณ์ และนายทวี (รมว.กระทรวงศึกษาฯ) ได้เข้าพบ มจ. รัชฏาภิเศก โสณกุล อธิการบดีในขณะนั้น ชี้แจงแนวคิดและทูลขอนิสิตไปช่วยราชการบ้านเมืองในยามคับขัน ท่านอธิการฯ ก็ได้ทรงอนุญาตและต่อมายังได้ทรงกรุณาอนุมัติเงินรายได้ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมทบจ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยงแก่บรรดานิสิตผู้ที่เข้าร่วมขบวนการฯ

อย่างไรก็ดี เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการเสรีไทย เป็นการเสียสละเสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้ท่านอธิการฯจะให้การสนับสนุน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนิสิตด้วย

จึงได้ทำหนังสือเวียนเรียกตัวนิสิตมาประชุมฟังคำชี้แจง ของพล.ร.ต. สังวรณ์ เมื่อ 15 มี.ค. 2488

".... หลวงสังวรณ์ฯ ได้พูดกับพวกเราอย่างชายชาติทหาร ขอให้พวกเราไปช่วยราชการของชาติในระหว่างที่มหาวิทยาลัยต้องปิดการศึกษาลง เพราะความจำเป็น ท่านพูดกับเราน้อยคำมาก แต่ได้ความชัดเจน ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีคำพูดหว่านล้อมเอาสิ่งใดเป็นเครื่องล่อใจ แต่พูดอย่างลูกผู้ชายกับลูกผู้ชาย พูดอย่างทหารกับทหาร พวกเราจึงตัดสินใจร่วมกับท่านทันที หลังจากใช้เวลาเพียงเล็กน้อยพบกันเพียงครั้งแรกเท่านั้น เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่กระผมขอยืนยันแทนพวกเราทุกคนได้ว่า ในขณะที่ตัดสินใจสมัครเข้าโรงเรียนนายทหารสารวัตรในขณะนั้น พวกเรามิได้คิดหวังที่จะได้ผลตอบแทนจากทางราชการแต่ประการใดเลย เราสมัครไปรับใช้ชาติในยามที่ชาติต้องการจริงๆ พวกเรา 200 กว่าคนตัดสินใจด้วยตัวของตัวเอง มิได้มีการชักชวนหรือใช้อิทธิพลใดๆ มาบีบบังคับแม้แต่น้อย อันเป็นสิ่งที่พวกเรายังภาคภูมิใจอยู่จนทุกวันนี้ เป็นการตัดสินใจของคนหนุ่มที่มีจิตใจเสียสละเพื่อประเทศชาติด้วยความ บริสุทธิ์ใจจริงๆ อันจะหาได้ยากจากประวัติศาสตร์ ..."
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #3 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:38:50 »

ออกสนาม

หลังจากที่ได้เตรียมตัวอย่างพรักพร้อมในการออกสนามเป็นเวลาหลายวันแล้ว วันนั้นก็มาถึง ...

จันทร์ 6 สิงหาคม 2488 เป็นวันเดินทางของพวกเรา คือนักเรียนนายทหารสารวัตรหมวดปืนกลหนัก ตอนเช้าพวกเราได้ถูกปล่อยออกไปเที่ยวซื้อสิ่งของและลาญาติตั้งแต่เช้า จนถึง 10.00 น.

10.00 น. กลับมาโรงเรียน

11.00 น. เราแบ่งออกเป็น 2 พวก พวกหนึ่งออกเดินทางก่อน 27 คน อีกพวกหนึ่งตามมาทีหลัง

12.00 น. เตรียมตัวพร้อมเดินทาง

13.00 น. แถวมาขึ้นรถ ในความควบคุมของ ร.ท. เลื่อน ทวีโภค เราอัดกันอยู่ในรถราวกับข้าวสารในกระสอบ อึดอัดเป็นที่สุด ร้อนก็ร้อน

13.23 น. รถเริ่มเคลื่อนที่ออกแล่นทักษิณาวัตร 1 รอบ ทับเอารถจักรยาน 2 ล้อชำรุดไป 1 คัน ออกมานอกประตูเครื่องดับ ใจหายคิดว่าซ้อมใหญ่เสียแล้ว เครืองติด แล่นต่อไป ไปสูบยางที่นางเลิ้ง แล่นต่อไป เลี้ยวซ้ายมุ่งไปกษัตริย์ศึก ออกไปนอกเมือง .... มุ่งไปข้างหน้า

14.00 น. ออกนอกเขตเทศบาลนครกรุงเทพ เลยพระโขนงไปถนนเริ่มขรุขระ สวนกับรถของกรมสารวัตรที่กลับมา ตอนนี้เป็นเขตของทหารญี่ปุ่น มีค่ายพักทหาร น้ำมันเก็บมากมาย เครื่องยนต์ครางกระหึ่ม

14.35 น. รถแยกจากสมุทรปราการไปบางปู ของตกต้องลงเก็บและหยุดพักมองเห็นขุนเขาอยู่ซ้ายมือ

14.55 น. ผ่านบางปู ถนนเริ่มขรุขระอีก อากาศชักหนาวเย็นเนื่องจากเราตากลมมานาน ของตกอีก เมื่อ 15.20 น. ออกเดินทางต่อไป

.....
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #4 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:40:03 »

หลังจากที่นั่งขดมา 2 ชม. เต็มๆ ก็ถึงคลองด่าน ข้ามคลองนี้ไป มุ่งไป ...

15.45 น. ออกจากเขตจังหวัดพระนคร เข้าเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา

16.00 น. ถึงคลองผีขุด รถแล่นเร็วขึ้น ทางด้านขวาเป็นป่าจาก ทางด้านซ้ายเป็นทุ่งนา และลำคลองขนานไปกับถนน

16.05 น. รถเลี้ยวขวาไปทางชลบุรี หอมกลิ่นปลาเค็มโชยมาแตะจมูกทำให้หิวข้าว

เลี้ยว ซ้ายรถแล่นมาพักหนึ่ง ถึงท่าที่จะข้ามแพขนานยนต์ เมื่อ 16.10 น. ช่วยกันเข็นรถลงเรือ บางคนขึ้นนั่งบนรถ บางคนยืนที่หัวเรือ โดยมากยืนข้างนอกเพราะแปลกต่อสถานที่ แม่น้ำกว้างกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำนี้คือ "แม่น้ำบางปะกง" กว้างประมาณ 300-400 เมตร กินเวลาข้ามประมาณ 10 นาที

16.35 น. รถเริ่มออกเดินทางต่อไปอีก ขุนเขากลับมาปรากฏตรงหน้าและด้านซ้ายเปลี่ยนจากสีครามมาเป็นสีเขียวขจี ข้างทางเป็นป่าสะแก มีบ้านคนอยู่เป็นบางตอน ใกล้เข้าไป ... รถแล่นอย่างเร็วขึ้นบนเขา มองไปทางด้านขวามือเห็นทะเลไกลลิบๆ น้ำจดขอบฟ้าสีคราม เกาะที่เห็นข้างหน้าคือเกาะสีชัง และอ่าวไทย

รถลง จากเขาเข้าเขตเมืองชลบุรี ถึงทางเข้ากองเรือ ร.ร. เมื่อ 16.53 น. ผบ.กอง ร.ร. ออกไปรับ นำรถแล่นเข้ามา แปลกใจ แกมตื่นเต้น ดีใจ ที่เห็นพวกเราเป็นยามรักษาการเอง ดังคำที่ท่านผู้กอง ร.ร. เคยพูดไว้ครั้งหนึ่งในที่ประชุม

รถแล่นมาจอดที่กองรักษาการณ์เมื่อ 17.00 น. พวกเราลงจากรถ นำของลงมากองไว้ เสียงเพื่อนๆมาต้อนรับและทักทายกันวุ่น ใครมา ใครยังไม่มา มาเมื่อไหร่ และอื่นๆอีกมากมาย
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:40:29 »

ผู้กอง ร.ร. ประชุมตักเตือนพวกเราพอจำได้บ้างดังนี้ ...

สถานที่นี้ เป็นสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย มาที่นี่วินัยต้องเคร่งครัดที่สุด เอาจริง ใช้อำนาจเต็มที่ในการบังคับบัญชา ไม่ให้ถาม รู้เอง มีหน้าที่ทำตามคำสั่งอย่างเดียว ห้ามพูด

ฉันได้รับรองกับท่านสารวัตร ใหญ่แล้วว่า ทุกคนที่เข้ามาในที่นี้ไว้ใจได้ทุกคน ผู้ที่เที่ยวถามโน่นถามนี่จะถือเป็นแนวที่ 5 เราควรภูมิใจว่าเราเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสเข้ามายังสถานที่นี้ แม้แต่นายทหารบางคนที่เป็นใหญ่ๆโตๆ ก็เข้ามาไม่ได้

กิจการต่างๆ ทุกคนต้องรักษาเป็นความลับ ใครพูดคนเดียวอาจทำให้พวกเราตายหมด ถ้าทำความผิดจะถูกยิงเป้าโดยพวกเราเองด้วย

การกินอาหาร การจัดการต่างๆ พวกเราทำกันเอง

การเกเร การหนี ต้องเลิกเด็ดขาด ผู้เข้าและออกได้ต้องมีบัตรอนุญาต เมื่อจบการประชุมตั้งให้ กำจัด สิงหเสนี เป็นผู้ช่วยบังคับบัญชาแทนไปก่อน

แจกจานกินอาหาร นำของสัมภาระมายังโรงของเรา หาที่นอน

โรง ของเราเป็นโรงมุงจากยกพื้นเป็นไม้กระดาน พวกเราเอาสื่อวางและของห้อยกันพะรุงพะรัง จัดเวรนำอาหารและกับมา เวรโรงวันนี้ใครอยู่บ้าง ฉันอยู่เวรตั้งแต่ 04.00-.5.30

ด้านหน้าโรงเป็นเขา ด้านหลังเป็นป่ามองไปเห็นทะเล ดรุณ ได้มาช่วยแนะนำบางสิ่งบางอย่างให้ โรงของเราอยู่ใกล้เรือนพักของผู้กอง ร.ร. และผู้หมวด

พวกเราเดินแถวไปอาบน้ำที่วัดบางทราย น้ำที่อาบใสราวน้ำประปาที่กรุงเทพฯเราต้องเอาถังตักขึ้นมาอาบ เพื่อมิให้น้ำสกปรก เพราะหาน้ำยาก

เรากินอาหารก่อนจึงมาอาบน้ำ อาหารมื้อนี้มี แกงกาหรี่เนื้อกับผัดฟักทอง ดูมันช่างอร่อย ทั้งนี้คงเนื่องจากความหิวนั่นเอง

หลังจากอาบน้ำแล้ว เดินแถวกลับมาโรง ไฟฟ้าที่บนบ้านมีใช้ มุกดา ได้มาหาเพราะมาอยู่กองรักษาการณ์ยุงชุมมาก ท่านสารวัตรใหญ่เอื้อเฟื้อแจกกาแฟร้อนๆกินอย่างอร่อยดีกว่ากาแฟตามร้านเสีย อีก สุนัขที่หอนเสียงเย็นแปลกกว่าสุนัขในกรุงเทพฯมาก

21.30 น. พวกเรารุ่นหลังมาถึง พวกเรารุ่นแรกไปช่วยขนปืนกลหนักและเครื่องมืออาหลั่ยต่างๆ มากมาย Sten และ Bregmann เก่าสำหรับสถานที่นี้

22.00 น. เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มเป็นเครื่องทำไฟฟ้า เพราะไฟฟ้าในเมืองหมด

23.00 น. เข้านอนพักผ่อน เนื่องจากเดินทางมาเพลียเลยหลับไป ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #6 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:41:08 »

อังคาร 7 สิงหาคม 2488

4.00 น. ลุกขึ้นอยู่เวรกับ อาทิจย์ มูลมาศ ที่นอนค่อนข้างคับแคบ ต้องนอน 2 คนกับ เจริญ ดิษยบุตร ฝนลงเม็ดปรอยๆ เงียบสงัดสุนัขหอนมาแต่ไกล ไก่ขันเสียงจักกระจั่นเรไรร้องระงม ลมทะเลพัดอู้ๆ เป็นระยะๆ

5.30 น. ฝนหายแล้ว ท้องฟ้าโปร่งอากาศดี สดชื่น ฉันสูดอากาศเข้าเต็มปอดฉันยังรักษาหน้าที่ของฉันอยู่ รู้สึกภูมิใจในเกียรติยศของลูกผู้ชายที่มีโอกาสเช่นนี้ เสียงลมและคลื่นในท้องทะเลคงดังมาไม่ขาดสาย ชักจะง่วงแต่หน้าที่ของลูกผู้ชายเพื่อชาติไทยทำให้ความง่วงหายไปได้ หมู่นกต่างบินออกไปหาอาหาร เสียงร้องมาแต่ไกลๆ

5.40 น. เป่าแตรปลุก พวกเราลุกขึ้นทุกคน แต่งตัวชุดกีฬา แต่ไม่สวมเสื้อเพื่อไปทำงาน ฉันคงเป็นเวรโรงเพาะเป็นเวรสุดท้าย ผู้ที่ตื่นแล้วทำงัวเงียตามนิสัยเดิมยังคงมีตามเคย พวกเราแบ่งออก 3 พวก

อากาศ ตอนเช้าปลอดโปร่งดี ฝนหายตกแล้ว ลมพัดมาอ่อนๆ พอสบายพวกที่ 1 และ 2 ขนไม้ที่หน้าโรงไปหลังกองร้อย 2 หมวด 2 พวกที่ 3 ปรับที่ถากถางบริเวณข้างหน้าโรงให้เรียบร้อย และทางหลังโรงด้วย ค่อยหายรกตาไปหน่อย แต่ยังไม่เรียบดีนัก

8.00 น. พักผ่อนกินอาหารเช้า ข้าวต้มกับกุ้งเค็ม

8.30 น. ลงมือทำงานต่อไป ฉันออกจากเวรไปช่วย เจริญ สร้างห้องอาวุธกับเพื่อนๆ ทั้งหมด 5 คน เจริญ ประสงค์ จรินทร์ สงัด และ ฉัน

12.00 น. กินอาหารกลางวัน กับข้าวมีหอยลาย ผัดฟัก พอกินได้

13.00 น. ลงมือทำงานต่อไป สำหรับ 5 คน นอกนั้นไปเรียนอาวุธปืน U.S Carbine Cal 30 M1 สอนโดย ร.อ. กิตติ เสียงยิงปืนแว่วมาแต่ไกล

17.30 น. กินอาหารเย็น แกงหมูเทโพ ผัดบวบ ฉันมีหน้าที่เป็นเวรเลี้ยงในจำนวน 6 คน นอกนั้นเตรียมตัวไปอยู่กองรักษาการณ์ ห้องอาวุธเสร็จพอใช้การได้

18.00 น. นำเอาชามจานไปล้างและอาบน้ำ

ตอนค่ำกาแฟคงมีตามเคย วันนี้ต้องอยู่เวร 22 - 24 น. กับ จรินทร์ นอนเอาแรงแต่หัวค่ำ

21.00 น. สวดมนต์

21.30 น. แตรนอน นอนได้ไม่ทันหลับ ต้องตื่นมาอยู่เวร

22.00 น. ฉันเป็นยามโรงอีกพร้อมด้วย จรินทร์ เพื่อนของฉัน ฉันอยู่ข้างหน้าโรงใน ชั่วโมงแรก พร้อมด้วย Sten และกระสุน 15 นัด วันนี้พวกเรานอนโรงเพียง 11 คน ท่ามกลางแสงตะเกียงน้ำมันมะพร้าวเพียงดวงเดียว แต่ฉันมั่นใจในเจ้า Sten ที่เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันกำมันแน่น พร้อมเสมอ ภูมิใจที่เป็นทหารโดยแท้ เพราะมีอาวุธพร้อมอยู่ในมือ เจ้ากาแฟทำให้ฉันตาแข็งไม่ง่วง อ้อ! ลืมไปว่าวันนี้ ตอนบ่ายมีเครื่องบิน B24 ผ่านมาหนึ่งลำ ทิ้งใบปลิว เมืองชลมีสัญญาณภัยอยู่ 45 นาที

อากาศภายนอกครึ้ม ไม่ปลอดโปร่งนัก ท้องฟ้าไม่มีดาว ได้ความรู้ใหม่ถึงหน้าที่ของกองรักษาการณ์ ดังนี้

ผู้ ที่ผ่านเข้าออกได้โดยไม่ต้องมีบัตร 3 คน คือ 1. ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ 2. พล.ร.ต. ทหาร ขำหิรัญ ร.น. 3. ทวี บุญยเกตุ นอกจากนี้ต้องมีบัตร

พ.ต.อาวุธ ห้ามเข้าเด็ดขาด มีความผิดฐานทำงานเกินหน้าที่

กอง รักษาการณ์มี ผบ.กองรักษาการณ์ ผู้ช่วย ผบ. กองรักษาการณ์ นายยามและต้องมียามประจำช่องทางเข้าที่ 1 (ยามหน้า) ยามประจำปืน (ยามใน) ยามประจำช่องทางเข้าที่ 2 และยามหลัง เวรตรวจ 4 คน รวมผลัดละ 8 รู้เพียงเท่านี้คิดว่ายังน้อยต้องพยายามหาความรู้ต่อไป

เนื่องจากการทำงานของฉัน ทำให้ ผบ.หมวดรู้จักฉันดีขึ้นหน่อย ซึ่งตามปกติมักไม่ค่อยได้วิสาสะกันเลย

23.00 น. ชั่วโมงหลังฉันไปอยู่ยามหลังโรง เปลี่ยนกับจรินทร์ รู้สึกว่าด้านหลังเป็นด้านที่สำคัญที่สุด เพราะอยู่ติดกับถนนมีทางขึ้นมาได้ ตอนแรกมืดตื้อมองไม่เห็น คลำๆ ไป เมื่อตาชินเราก็พอมองเห็นได้ แต่คงมืดดังเดิมเพราะพุ่มไม้มากมาย

เสียงก๊อกแก๊ก สุนัขหอน ลมพัดซู่ซ่า เหล่านี้ทำให้เพิ่มความวังเวงยิ่งขึ้นแต่เจ้า Sten พร้อมกระสุน ทำให้ความกลัวหายไปสิ้น ฉันยกมันขึ้นหลายครั้ง เตรียมยิงด้วยความหวาดของฉันเมื่อมีเสียงสวบสาบ แต่เมื่อข่มใจได้เอามันลงเสียที

เวลาผ่านไปตามลำดับ ... ฉันทำงานเสร็จแล้วอย่างสมบูรณ์ตลอดเวลาของฉันไม่มีเหตุการณ์อะไร เรียบร้อยทุกอย่าง

เสียงเครื่องไฟฟ้าที่ทำงานคือ "การส่งวิทยุไปยังฐานทัพด้านปาซิฟิค เพื่อรายงานผลการเรียนของพวกเรา" เพื่อนของฉันคนหนึ่งบอก

เมื่อ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้วรู้สึกง่วง น้ำในกระติก 2-3 อึก ช่วยบรรเทาความหิวได้ ชุ่มคอ เข้ามุ้ง ล้มตัวลงนอน คิดถึงบ้านนิดหน่อย หลับไป ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #7 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:42:07 »

พุธ 8 สิงหาคม 2488

ตื่นเมื่อแตรปลุก พวกเรายังคงรักษาการอยู่อย่างเข้มแข็ง เราได้ดูพวกกองร้อย 2 หมวด 1 ฝึกพลศึกษา โดย อเมริกัน และท่าใช้มีดพก
เวรเลี้ยงไปเอาอาหารเช้า 8.00 น. อาหารเช้าวันนี้ ข้าวต้ม ปลาฝอยทอด

9.00 น. ทำงานต่อไป ขุดดิน ถางพง จนเมื่อยแขน

12.00 น. อาหารกลางวันมื้อนี้มี ต้มหนังหมู ถั่วฝักยาวผัดขิง

13.00 น. ทำงานต่อไป พวกกองรักษาการณ์ถูกทำโทษให้อยู่ต่ออีก 1 วัน ฐานปล่อยคนเข้ามาไม่ตรวจบัตร เสียงพวกเราซ้อมยิงปืนกลมาแต่ไกล

17.30 น. อาหารเย็น มื้อนี้มี ผัดผักบุ้ง แกงเป็ด
สารวัตรใหญ่มา พวกฉลอง ที่ตกค้างอยู่มาด้วย วันนี้ต้องอยู่เวร 20-22 น. ไปล้างชาม อาบน้ำ และเที่ยวตลาดเล็กกับ สงัด กลับมาเกือบ 20.00 น. (ตลาดเล็ก = ตลาดที่วัดเขาบางทราย)

กาแฟคงมีตามเคย

20.00 น. อยู่เวรกับ สมทรง กาญจนหุต ไม่มีเหตุการณ์อะไร

22.00 น. ออกเวร นอนยังไม่หลับจึงบันทึกต่อไป
น้ำไม่มีเลยไม่ได้แปรงฟัน เข้านอนเมื่อเกือบ 23.00 น. เพราะง่วง หลับไป ....

พฤหัส 9 สิงหาคม 2488

รู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อฝนตก เอากระป๋องไปรองน้ำ ล้างหน้า พอดีแตรปลุก ฝนไม่หาย เลยไม่มีการฝึกในตอนเช้า

8.00 น. อาหารเช้า ข้าวต้มกับไข่เค็ม หัวผักกาดเค็ม

9.00 น. นำชามไปล้าง อาบน้ำและกินขนม

10.00 น. กลับมาโรง ช่วย ภักดี ทำที่ตากชาม นอนพัก ภักดี ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเวรเลี้ยง ช่วย สงัด ทำห้อง ผบ.หมวด ทำราวตากผ้าในโรง

12.00 น. อาหารกลางวัน ไข่พะโล้ ต้มเส้นหมี่เต้าหู้กุ้ง มองออกไปยังทะเลเห็นน้ำจดฟ้า เวิ้งว้างทำให้ชักคิดถึงบ้าน พุ่มไม้เขียวขจีที่เห็นทางซ้ายมือคือ อ่างหิน ตอนบ่ายนอนพัก ฝีที่ก้นชักอักเสบ เริ่มทำพิษ

พวกกองร้อย 1 มาเปลี่ยนเวรรักษาการณ์ พวกเรา ป.ก.น. ใจมาเป็นกองที่จะได้เปลี่ยนเวร ผู้กอง ร.ร. เรียก ผบ. กองรักษาการณ์ไปเทศนาฐานปล่อยแขกตัดหญ้าเข้ามา แต่เห็นใจที่อยู่ 84 ชม.แล้ว จึงให้พักผ่อนได้ พวกเรายิ้มไปตามๆกัน ที่พ้นเวรกรรมเสียที

18.00 น. อาหารเย็นนี้ ไข่ดาว เขียวหวานเนื้อ กินอิ่มแล้วไปอาบน้ำ กาแฟ วันนี้คงมีตามเคย แต่ได้กินน้อยลง เนื่องจากคนมาก พวกเรารื่นเริงกัน เสียงกีต้า สแปนิช พริ้วไปตามสายลม เสียงเพลงไทยบ้าง ฝรั่งบ้างสลับกันไป ยังความครึกครื้นให้แก่พวกเราชาว ก.ป.น. มาก บางคนก็นอน บางคนก็นั่ง บ้างก็ร้องคลอ ดีดมือ เขย่ากระป๋องไปตามทำนองเพลง บ้างก็คุยโขมงถึงความยิ่งใหญ่ของตัว เป็นการยวนโทสะผู้อื่นเล่น บางคนก็นอนอ่านหนังสือตามอารมณ์ วันนี้ฉันต้องเป็นเวร 04.00 - 06.00 น. ของวันใหม่ การบรรเลงได้สุดสิ้นลงเมื่อ 21.00 น. แตรสวดมนต์ดังแหวกอากาศมา เมื่อสวดมนต์แล้ว ผบ.หมวดได้ประชุมชี้แจง การรักษาการณ์ การด่ากระทบกระเทียบกันทำนองยวนโทสะเป็นการแสดงให้รู้ถึงจุดอ่อนของอีกคน หนึ่ง ให้นำไปแก้ไข และการงานพรุ่งนี้

21.30 น. เข้านอนด้วยความเพลีย ไม่ทันคิดอะไร หลับไป ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #8 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:42:44 »

ศุกร์ 10 สิงหาคม 2488

04.00 น. ลุกขึ้นมาอยู่เวรกับ บุญสืบ ฝนตกเบาๆ เพิ่มความหนาวเย็นแก่พวกเราอีกมาก พวกเรานอนกันเต็มโรง เสียงระฆังวัดแว่วมาแต่ไกล ยืนคนเดียวสมองคิดอะไรต่างๆ จิตใจล่องลอยไปตามสมอง กรุงเทพฯ บ้านฉันป่านนี้ พ่อ แม่ น้องของฉันคงนอนกันอย่างสบาย ฉันลูกของท่านมาทำงานให้แก่ชาติ นึกขอบคุณท่านที่ช่วยอุ้มชู มิฉะนั้นคงไม่ได้มีเกียรติอันสูงมายืนอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อนชายและหญิงจะรู้บ้างไหมว่า ฉันมาทำงานเพื่อชาติไทยที่รักของเราทุกคน มหาวิทยาลัยสถานที่ศึกษาของฉัน ฉันอยากกลับไปเรียนอีก ยังอยากที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่นั่นอีก เพื่อนหญิงคนหนึ่งของฉันจะคิดถึงฉันไหมหนอ? เมื่อฉันกำลังคิดถึงเขาอยู่ อยากไปเที่ยวตลาดเมืองชลดูว่ามีอะไรบ้าง เพราะไม่เคยมาเห็นภูเขา ทำให้คิดถึงจังหวัดอุทัย น้องๆของฉันที่นั่น คงจะไม่รู้ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ และทำงานให้ชาติ เพื่อช่วยเหลือน้องๆ ของฉันให้สบายในอนาคตอันใกล้นี้

สะดุ้ง ตื่นจากภวังค์เนื่องจากถูกเข็มแหลมเล็กของปากเจ้าเครื่องบินเจาะเข้าที่ ท้ายทอย อูย!! ถึงตัวมันเล็กมันก็ไม่กลัวใคร ยอมตาย ฉันจะเอาตัวอย่างส่วนที่ดีของมัน

เสียงเพื่อนกรนอย่างสนิทหู เข้าคงหลับสบาย ฉันพอใจ เขาทำงานให้ชาติเหมือนกัน อยากให้เขาสบายมากๆ จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ ชักง่วงน้ำในกระติก 2-3 อึก แก้ง่วงไปได้เหมือนกัน เจ้า Sten ดึงไหล่ของฉันให้ต่ำลงทุกที คล้ายจะลองดูความอดทนของฉันว่าทนได้ไหม? ฉันดึงมันขึ้นมาบนไหล่อีก ทนต่อไป...

05.00 น. ฉันไปอยู่เวรหลัง ไม่มีเหตุการณ์ใด

06.00 น. แตรปลุก พวกเราลุกขึ้นมาทำงาน ฉันเป็นเวรโรงตามเคย

08.30 น. อาหารเช้า ข้าวต้มไข่เค็มคนละซีก หัวผักกาดดอง

09.00 น. ทำงานขุดถาง ทำที่ให้เรียบร้อย ขุดหลุม

12.00 น. อาหารกลางวัน แกงส้มผักกระเฉด ผัดถั่วงอก

13.00 น. ทำงานต่อไปสร้างโต๊ะกินอาหาร บางพวกถางบริเวณให้โล่งเตียน

15.00 น. รีบไปอาบน้ำ ฝนตกหนัก เพราะต้องไปอยู่ยามรักษาการณ์หมดทุกคน

16.00 น. พวกเราแต่งตัวกันเพื่อไปรักษาการณ์ อาหารเย็นวันนี้ เปรี้ยวหวานเนื้อ แกงฟัก

ตำบลที่เราอยู่นี้เรียกว่า " สวนลดาพันธุ์"

18.00 น. เดินแถวไปรับยามรักษาการณ์จากหมวด 2 กองร้อย 1

20.00 น. เข้าเวรรักษาการณ์เป็น ยามประจำปืน แทน ปรีดา ถึง 22.00 น. เหตุการณ์ปกติ ยามอาวุธเป็นยามที่มีหน้าที่รับผิดชอบน้อยกว่าทุกๆคน

22.30 น. เข้านอนที่โรงรักษาการณ์กับ จรินทร์ นึกอะไรเพลินๆ แล้ว ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #9 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:43:07 »

เสาร์ 11 สิงหาคม 2488

04.00 น. ลุกขึ้นมาเป็น ยามช่องทาง ของกองรักษาการณ์ร่วมกับ อู่ ธนะภูมิ ตอนแรกเดินดุ่มๆไป รู้สึกว่าทางลำบากมากและมืด แต่เมื่อเดินได้ 2-3 เที่ยว ก็พอชินกับสถานที่ ออกเวรเมื่อ 06.00 น. เหตุการณ์ปกติ ได้เดินออกไปถึงถนน และสำรวจช่องทางต่างๆเพื่อประดับความรู้

08.00 น. อาหารเช้าวันนี้ข้าวต้มถั่วหวาน หอยหวาน กินอาหารแล้วพักผ่อน

10.00 น. ไปอยู่ยามรักษาการณ์ช่องทาง ดังเดิม 2 คน กับ ล้ำบุญ สว่าง บอกว่าให้เตรียมพร้อมเกิดการปะทะกับพันธมิตร (ญี่ปุ่น) ระวังกันอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น เห็นทหารพรรคนาวิกโยธินแบก ป. 20 และลำเลียงกำลังไปยังแนวและทางสารวัตรส่งกำลังทหารไปประจำแนวชายป่าอย่าง พร้อมเพรียง
12.00 น. อาหารกลางวัน ผัดผักกาดเขียว ต้มหน่อไม้ กินอาหารแล้วพักผ่อน ช่วยอู่ ทำแผนที่ หมวดจัดพวกเราไปอยู่หมวดอื่นเหลือ 28 คน ไป 10 คน ปืนกลหนัก 2 กระบอก

16.00 น. ไปรักษาการณ์ด้านเดิมกับ อู่ ธนะภูมิ ถึง 18.00 น. ไม่มีเหตุการณ์

18.00 น. อาหารเย็นวันนี้ ผัดมันแกวกับต้มผักกาดดอง

19.30 น. แจกของ ฉันได้ 1 มีดพก 2. กะติกน้ำกระป๋อง 3. เข็มขัด 4. สายสะพาย มีหน้าที่เป็นแมวมอง ของหมู่ที่ 2 เฉลิม เป็นหัวหน้าหมู่ของฉัน

20.30 น. ไปอาบน้ำ กลับมาราวๆ 21.00 น. กว่าๆ ค่อยสบายหน่อย พวกที่ได้ของและอาวุธต่างจัดการทำความสะอาด ถอด เก็บอย่างตื่นเต้นในของใหม่

22.00 น. เข้านอน รู้สาเหตุที่ต้องเตรียมพร้อม เพราะเนื่องจากรัสเซีย ประกาศสงครามกับ ญี่ปุ่น เมื่อ 23.00 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 88 และรัฐบาลญี่ปุ่นของสงบศึกและยอมตกลง แต่ไทยไม่ไว้ใจจึงเตรียมพร้อมไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ตอนดึกสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว และคิดว่าเวลานี้เป็นพวก U.S. ดังนั้นคงเป็นพวกชนะสงครามด้วยหรือ?
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #10 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2553, 19:43:56 »

อาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2488

06.00 น. ตื่นตามแตรปลุก แต่งตัวเพื่อเข้าหมวดหมู่และจัดกำลัง

07.30 น. พร้อมกันที่หน้าหมวดเพื่อรอการตรวจเครื่องแต่งกาย

08.00 น. กินอาหารเช้า วันนี้ ข้าวต้มกับขิงดองเครื่องเค็ม ไข่เค็มคนละซีก

09.00 น. เข้าแถวพร้อม จัดกำลังเป็นหมวดหมู่ เมื่อจัดเสร็จมีอาวุธใหม่ๆ ดังนี้

1. Carbine 2. Bazooga 3. Thompson Submachine gun 4. Light Machine gun 5. Morta 6.Pistol

10.00 น. เริ่มเคลื่อนขบวนออกไปฝึกในภูมิประเทศจริงๆ บนภูเขาน้อย ฉันในหน้าที่แมวมองต้องออกไปสำรวจในทางข้าง บุกป่าไป เมื่อถึงตีนเขาจัดการวางตัวฉันเป็น หมู่ 2 ทำการฝึกรุกไปข้างหน้าก่อนโดยยกขึ้นทางด้านซ้าย ห่างจากส่วนใหญ่ หมู่ 1 ประมาณ 50 หลา ถอยกลับมารวมแล้วขึ้นไปทางด้านอื่นอีก คือด้านขวาของภูเขาไปต่างหากเพื่อโจมตีข้าศึกสมมุติว่าอยู่บนเขาน้อย

ขั้น ตอนต่อมาเป็นหมู่เคลื่อนที่ไปหาข้าศึก (สมมติหมู่ 1) โดยแมวมองไปหาข่าวก่อนแล้วมารายงาน แมวมองต้องละเอียดรอบคอบที่สุด ตาไว ซุ่มซ่อนตัว อาศัยภูมิประเทศดี รู้จักพรางเป็นอย่างดี เมื่อค้นได้แล้วมารายงาน หมวด 2 ของฉันจึงรุกไปโดยไม่ให้ข้าศึกรู้ตัวและทำการยิงข้าศึก

ต่อมาเป็นผู้ ไปซุ่มซ่อนให้หมู่ 3 ไปหา เมื่อจบแล้วกลับมารวมกันและกลับค่ายพัก เมื่อมาถึงเลิกและพักผ่อนได้ ได้แผล 2 แผล เป็นการผจญภัยที่สนุกที่สุด

12.30 น. อาหารมื้อนี้มีผักคะน้าเนื้อ และแกงส้มถั่วฝักยาวกับกุ้งเค็ม

13.00 น. ไปอาบน้ำ 15.30 น. ไปเข้าห้องเรียน เรียนการจัดกำลังของหมวด รู้สึกว่าเป็นการลำบากใจที่ฟังภาษาอังกฤษโดยชาวอเมริกันพูด ฉันไม่เคยเรียนกับครูฝรั่งมาเลยในชีวิต วันนี้เป็นวันแรกและเป็นครั้งแรกที่ฟังการสอนเป็นภาษาอังกฤษแท้ๆ แต่ก็พอรู้เรื่อง ไปได้โดยการพยายามฟัง

17.00 น. อาหารเย็น แกงกาหรี่เนื้อ กับหอยผัด กินอาหารแล้วได้นำปืนไปทำความสะอาด อ้อ! วันนี้ได้ Cabine และกระสุน 3 ตับ 55 นัด รู้ข่าวว่าญี่ปุ่นยอมตกลงตามสัญญาแต่ยังไม่แน่นัก ตอนค่ำกาแฟคงมีตามเคย

20.00 น. ไปอาบน้ำมาแล้ว ที่หมวดเรามีดนตรีวงย่อยอีกเพิ่มความครึกครื้นขึ้น

21.00 น. สวดมนต์ ผบ. กอง ร.ร. ประชุมบอกว่า พรุ่งนี้ให้แต่งตัวพร้อมแต่ 6.30 น. เพราะท่านสารวัตรใหญ่จะดูการแต่งกายของพวกเรา และชี้แจงสถานการณ์ให้ฟังพร้อมด้วยพวกกองร้อย 1

พวกเรากลับมาแต่งตัวกันใหญ่ เพื่อเตรียมตัวไว้วันพรุ่งนี้

23.00 น. เข้านอน ไม่ทันคิดอะไร หลับไป ...
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #11 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553, 13:04:32 »

ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย

1 วัดแถวบ้านเมื่อหลายปีก่อน มีเสรีไทย 1 ท่านมาบวช ต่อมาท่านมรณภาพ มีเสรีไทยที่พวกเรารู้จักดี คือ ศ.คุณหญิง จินตนา ยศสุนทร ได้ไปร่วมในพิธีศพ ด้วย

2. เดือนมกราคมจะไปเที่ยวไทรโยค จะพาลูกชายไปดูสพานแม่น้ำแควและ เส้นทางรถไฟที่ช่องเขาขาด  ที่กาญจนบุรี ซึ่งญีปุ่นได้ให้ทหารเชลยสร้างไว้  http://www.holidaythai.com/9kimjor/blogs-370.htm

หมายเหตุ 7 ประจัญบานน่าจะจบวันนี้
      บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><