14 พฤษภาคม 2567, 13:12:33
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1] 2 3 4  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ  (อ่าน 45464 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2553, 22:50:26 »

สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะเปิดประเด็นการแชร์ความรู้กันครับ
ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวหอทุกคนต่างก็อ่านหนังสือกันเป็นประจำ อาจจะเป็นหนังสือ
วิชาการ หนังสือธรรมะ หนังสือก๊อดซิบ จิปาถะ และเชื่อว่า ในหนังสือที่
เราๆ่อ่านกัน ต้องมีสักเรื่องที่เราชอบ ใช่ไหมคับ

อีกประการหนึ่งก็คือ เว็บของเราเป็นที่รวมตัวกันของ บุคลากร ที่สำคัญๆเลยครับ
มีหลากหลายอาชีพ จึงเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องเราจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์
การทำงานคับ

วันนี้เลยอยากจะเชิญชวนทุกท่านมาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆที่ได้รับจากการอ่านหนังสือกัน
และการทำงานกันนะครับ
เผื่อว่า จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนครับผม


 sorry sorry
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553, 19:22:05 »


         ผมเป็นประธานชมรมจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม คิดทำกิจกรรมต่อเนื่องอย่างหนึ่ง คือ

ฟังธรรมะวันอาทิตย์ ช่อง 7 สี ทุกเช้าวันอาทิตย์ แล้วจดเนื้อหามาโพสต์ที่บล็อกชมรมฯ

         วันอาทิตย์นี้ มีเรื่อง การทำใจ ผมฟังแล้ว ใช่เลย พระพุทธองค์ สอนให้เราทำใจให้ถูก

แล้วจะพ้นทุกข์ ได้
จึงนำเรื่อง นี้ มาโพสต์บอกพวกเรา

         "การทำใจให้ถูกต้อง หรือ โยนิโสมนสิการ"

ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี

วันอาทิตย์ ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

                          

                 พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

         เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค 2

         อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

         ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

         คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

         ..........................................................................

         ขอความสุขสวัสดี ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

         การทำใจ ในทางพุทธศาสนา เป็นหลักคิด ทำให้พ้นทุกข์

         หลักคิดนี้ นำมาจากความจริงขั้น ปรมัตถ ไม่ใช่ สมมติ ว่า

         ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ โลกธรรม ๘ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ

เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ และ นินทา

         ทุกโลกธรรม ที่เกิดขึ้นนั้น เราบังคับให้เกิดตามใจไม่ได้

แต่เราสามารถเปลี่ยนวิธีคิด หรือ ทำใจ ให้ถูก ไม่ทำใจผิด ได้

ตัวอย่างที่ ๑ ถูก ด่า

         ทำใจผิด โกรธ จะหาทางแก้แค้น จะหาทางเอาชนะ คนด่า

ให้ได้ ทำให้ใจได้รับความทุกข์

         ทำใจถูก วางเฉย เห็นเป็นธรรมดาของโลก แล้ว

ใช้สติ ปัญญา พิจารณา ว่า เพราะ อะไร แล้วแสดงออก

ให้ถูกต้อง เช่น ถ้าผิดขอโทษ ถ้าไม่ผิด ชี้แจง ให้ทราบ

ตัวอย่างที่ ๒ ถูก กิเลส โลภ โกรธ หลง ครอบงำ

         ทำใจ ผิด เห็นว่า ตายแล้วสูญ ไม่ต้องรับกรรมชั่ว ถ้าไม่มี

คนเห็น ทำตามกิเลส ได้ ชาติหน้าไม่มีตายแล้วจบกัน

แต่ความลับไม่มีในโลก สักวันหนึ่งความชั่ว ที่ทำย่อม

ปรากฏ ต้องรับผลกรรมในที่สุด ในชาตินี้

         ทำใจ ถูก เห็นว่า มีชาตินี้ ชาติหน้า มี บาป บุญ นรก สวรรค์

ต้องรับผลกรรมที่ทำ จึงทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่ว

         ผลจากการทำ ดังกล่าว จิตใจ จะแจ่มใส

ทำความดี ชาตินี้ ก็จะได้รับผลกรรมดี ที่ได้สร้างไว้

         ถ้า มีชาติหน้าจริง ก็จะได้รับผลกรรมดี เป็นของแถม

เป็นต้น

         ธรรมะ เหมือน เลนส์แว่นตา เอาไว้มองโลกให้ถูกต้อง

เพื่อทำใจได้ถูกตามที่เห็น มีธรรมะที่ ให้ไว้มากมาย

เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ได้

         จึงขอให้ ทุกท่าน จงทำใจให้ถูกต้อง หรือ เรียกว่า ทำโยนิโสมนสิการ

ด้วยหลักธรรม เพื่อพ้นทุกข์ได้โดยทั่วหน้ากัน

ขอความสุขสวัสดี จงมีต่อสาธุชนทั้งหลาย


          หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

นำมาจากบล็อก จริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม ผมโพสต์ไว้ทุกสัปดาห์

ทางด้านซ้ายมือคลิกเลือกได้่ เลยครับ เป็นเหมือน อาหารใจ

ถ้าใจเราได้อาหารใจ ที่ดี ใจก็จะดี ทำให้ กายแสดงออก เป็นคนดี

ถ้าตรงกันข้าม ได้อาหารใจที่ไม่ดี ใจก็จะไม่ดี กายแสดงออกเป็นคนไม่ดีได้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham

         gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 07:15:01 »

http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00ok8-6f773e.jpg[/img]]

                   ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 07:54:44 »

ยังจำคนที่วาดภาพ 3D ได้มัย นี่คือผลงานล่าสุดของเขา

            

            
 
            

            

            

             ได้รับมาจาก อีเมลล์ส่งมา ครับผม


                      gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 18:12:18 »


                                    

                ....เอามาฝาก พ่อสอนการเมืองลูก ... โดนใจจริงๆ.....

        เป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งในครอบครัวมีด้วยกัน ทั้งหมด 5 คน

        วันนึงขณะที่เด็กน้อยนั่งกินข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะอาหาร เด็กน้อยมองเห็นคุณพ่อดูข่าว TV เกี่ยวกับการ เมือง '

        พ่อ...การเมืองคืออะไรอ่ะ ' เด็กน้อยถามพ่อด้วยความสงสัย

        พ่อทำท่าทางคิดหนักก่อนจะตอบกลับไปว่า

' อืม...มันก็ไม่ยากหรอกลูกเปรียบเทียบง่ายๆนะลูก '

- เปรียบ พ่อเป็น พ่อค้านายทุน ก้อคอยหาเงินไง

- เปรียบ แม่เป็น รัฐบาล ก็คอยเอาเงินจากพ่อมาบริหารไง !

- เปรียบ ตัวลูกเองเป็น ประชาชน ที่ต้องมีรัฐบาลคอยดูแล

- เปรียบ น้องชายของลูกเป็น อนาคตของชาติ

- เปรียบ พี่แจ๋ว (พี่เลี้ยงของเด็กในบ้าน) เป็นชนชั้นแรงงาน


         เด็กน้อยทำหน้า งง ก่อนจะปล่อยให้ ความสงสัยนั้นอยู่ในหัวตลอดทั้ง-วันจนเมื่อถึงเวลาตกดึกของวันนั้น

         ขณะเด็กน้อยกำลังหลับ ' แงๆๆๆๆๆ ' เสียงน้องชายตัวน้อยของเค้าร้องดังขึ้น เด็กน้อยเดินไปดูที่เปลจึงได้รู้ว่าน้อยชายของเค้า ขี้แตก

         เด็กน้อยรู้ทันทีว่าต้องไปตามแม่มาดูน้อง ขณะเดินไปตามแม่เด็กน้อยได้ยินเสียงออกมาจากห้องของ พี่แจ๋วพี่เลี้ยงคนสวย ด้วยความสงสัยจึงแง้ม ประตูดูพบว่า พ่อเค้ากำลังอยู่บนตัวของพี่แจ๋ว  

         เด็กน้อยจึงเดินไปที่ห้องของแม่พบว่าแม่ของเค้ากำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ เด็กน้อยพยายามปลุกแต่ก็ ไม่ยอมตื่น   เด็กน้อยท้อใจเดินกลับห้องนอนและหลับไปหลังจากคิดอะไรได้มากมาย

         ตื่นตอนเช้าขณะลงมาจากห้องเพื่อกินข้าวเช้า เด็กน้อยเห็นพ่อของเค้า

         ' พ่อๆ ผม รู้แล้วละว่าการเมืองเป็นยังไง '

         เด็กน้อยยิ้มที่ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าใจ

         ' แล้วมันเป็นยังไงละไหนบอกพ่อสิลูก ' พ่อถามด้วยความอยากรู้ '

         การเมืองก็ คือ

.... การที่พ่อค้าหรือนายทุนกดขี่ชนชั้นแรงงาน!!

ในขณะที่รัฐบาลก็หลับหูหลับตาไม่สนใจประชาชน

แม้ว่าประชาชนจะเรียกร้องยังไงก็ตาม!!

.....โดยทิ้งอนาคตของชาติให้จมบนกองขี้!!


           gek gek gek

         ได้มาจากฟอเวอร์ดเมลล์ เห็นว่า พ่อ เข้าใจเปรียบเทียบการเมืองให้

ลูก เข้าใจง่าย ๆ ขำดี จึงนำมาให้พวกเราอ่านว่า

          การเมืองเป็นอย่างเด็กเข้าใจหรือเปล่า

         เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 02 เมษายน 2553, 12:51:36 »


                 ร.11 นักบัญชีสาวบอกรักทหารหนุ่ม
ขอขอบคุณ สนุกดอทคอม วันศุกร์ ที่ 2 เม.ย. 53 และ สนับสนุนเนื้อหา
         http://news.sanook.com/%E0%B8%A3.11%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A11-918039.html

                  

         ราบ 11 ชื่นมื่น ทีมงาน รายการศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ นำ นักบัญชีสาวสระบุรี บอกรักทหารหนุ่มเพชรบูรณ์ หลังปฏิบัติหน้าที่ จนไม่สามารถกลับไปถ่ายรูปแต่งงานได้

        ความเคลื่อนไหวที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รายการ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ เข้ามาถ่ายทำรายงาน ในช่วง Will you marry me โดยพา น.ส.กาญจนา ศรีสวยสกุล พนักงานสำนักงานบัญชี จ.สระบุรี มาเพื่อพบบอกรัก สิบเอกณัฐพงศ์ชุมวงศ์ กองพลทหารม้าที่ 1 จ.เพชรบูรณ์ แฟนหนุ่มที่มาปฏิบัติหน้าที่ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงทำให้ สิบเอกณัฐพงศ์ ไม่สามารถเดินทางกลับไปถ่ายรูป ในวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่จะใช้ในงานแต่งงาน วันที่ 16 เม.ย.ที่จะถึงนี้ได้ ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น เพื่อนทหารที่มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างพากันปรมมือ แสดงความดีใจให้กับบุคคล ทั้ง 2 โดยรายการดังกล่าว จะออกอากาศ ในวันที่ 6 เม.ย.ทาง สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เวลา 23.00 น.

                  

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 04 เมษายน 2553, 08:40:06 »


                                ความจริงที่ไม่ปฎิเสธ

ได้รับส่งต่อมาจากอีเมลล์ นำมาให้พวกเราได้ระลึกถึงพระคุณของพระอรหันต์ในบ้าน



























                  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 04 เมษายน 2553, 13:56:53 »


         ฟังธรรมะวันอาทิตย์ ช่อง 7 สี ทุกเช้า   ปิ๊งๆ   วันอาทิตย์ นี้ เป็น เรื่อง

                   "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์"
จะพาชาติรอดจากภัยได้

จึงนำเรื่อง นี้ มาโพสต์บอกพวกเรา

         "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์"

ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี วันอาทิตย์ ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

                          

                 พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค 2

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

 ..........................................................................

         ขอความสุขสวัสดี ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

         "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์" นี้เป็นคำถามที่ดีมาก

จะแสดงให้เห็นประโยชน์ของความสามัคคี เรื่องเป็นดังนี้

         วัสสการพราหมณ์เป็นปุโรหิตพระเจ้าอชาตศัตรูเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ

ในเวลานั้นมีแคว้นที่ยิ่งใหญ่อยู่แคว้นหนึ่ง มีระบอบการปกครองแบบ

                  "สามัคคีธรรม"

         คือ ปกครองเป็นหมู่คณะ เรียกว่า เหล่ากษัตริย์ "ลิจฉวี" โดย

มีการประชุมเพื่อเลือกกษัตริย์ ขึ้นมาบริหารประเทศ ผ่าน รัฐสภา

คณะผู้บริหารอยู่เป็นวาระ ครบวาระแล้วก็เลือกตั้งกันใหม่ ชื่อ แคว้นวัชชี มีเมืองหลวง ชื่อ ไพศาลี

มีความยิ่งใหญ่มั่งคั่งมากมาย พระเจ้าอชาตศัตรู ประสงค์จะครอบครองเมืองไพศาลี ยกทัพเข้าตี

หลายครั้งไม่สำเร็จสักที จึงรับสั่งให้.......

         วัสสการพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ให้ไปเล่าถึงความแข็งแกร่งของแคว้นวัชชีของ

กษัตริย์ลิจฉวี ให้พระพุทธองค์ทรงทราบ แล้วคอยกำหนดจดจำว่าพระพุทธองค์จะรับสั่งอย่างไร

พูดง่าย ๆ อยากไปขอคำปรึกษา โดย ไม่บอกวัตถุประสงค์

         วัสสการพราหมณ์ได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า พระเจ้าอชาตศัตรูโจมตีแคว้นวัชชีอย่างไร

ก็ไม่สามารถจะตีแตกได้ เข้มแข็งเหลือเกิน

         พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสตอบ แต่ทรงหันไปตรัสกับ พระอานนท์ ว่า เคยรู้จัก

                  เรื่อง กษัตริย์ ลิจฉวี หรือไม่

         พระอานนท์กราบทูลว่าเคยได้ยินว่ากษัตริย์ลิจฉวีนั้นมี

                 อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ที่ประพฤติอยู่เป็นประจำ ทำให้มีความสามัคคีกัน

จึงเข้มแข็งสร้างบ้านแปลงเมืองได้ยิ่งใหญ่

         วัสสการพราหมณ์เป็นคนฉลาด พอได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ได้คิดว่า ที่พวกกษัตริย์ลิจฉวีเข้มแข็ง

ข้าศึกศัตรูไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะ

         มีความสมัครสมานสามัคคีกัน ทางเดียวที่จะตีแตกได้ต้องหาทางทำลาย

ความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี
รีบขอกลับทันที

         หลังจากวัสสการพราหมณ์จากไปแล้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง

         อปริหานิยธรรม - หลักแห่งความไม่เสื่อม

๑) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์

๒) พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม

พร้อมเพรียงกันทำกิจที่จะต้องทำ

๓) ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

๔) ให้เคารพอาวุโสทั้ง วัยวุฒิ และ คุณวุฒิ เชื่อฟังคำตักเตือน

๕) ไม่ลุอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้น ไม่ตกอยู่ในอำนาจความทะยานอยาก

เพราะ จะชักจูงให้ออกนอกทำนองคลองธรรมได้

๖) ยินดีในความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ควรมีควรได้ แต่ไม่เกียจคร้าน

๗) ตั้งสติระลึกเสมอว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนร่วมโลกทุกคน

         เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู้ ทราบจากวัสสการพราหมณ์ แล้ว จึงวางแผน แกล้งลงโทษ

วัสสการพราหมณ์ เฆี่ยนตี และ ขับไล่ออกจากเมือง วัสสการพราหมณ์ จึงสามารถเข้าไปอยู่

ยังกรุงไพศาลี ได้ เมื่อเข้า ไปอยู่ ก็ยุแหย่ ใ้ห้กษัตริย์ลิจฉวี ระแวงกัน จนเลิกการปฏิบัติตาม

อปริหารธรรม  เมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาโจมตี กษัตริย์ลิจฉวี ก็ไม่ร่วมประชุมกัน

แตกแยกกัน ไม่ร่วมคิด ต่อสู้ศัตรูเหมือนเก่า กรุงไพศาลี จึงแตก เสียเมืองไพศาลีไป ในที่สุด

          ขอเจริญพร

                   หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

         ธรรมะเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสามัคคี คือ พลัง ร่วมสร้างชาติได้

ถ้าแตกความสามัคคี เมื่อใด จะเป็นภัยร้ายต่อชาติ ได้ทันที


                   win win win

         นำมาจากบล็อก จริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม ผมโพสต์ไว้ทุกสัปดาห์

ทางด้านซ้ายมือคลิกเลือกได้่ เลยครับ เป็นเหมือน อาหารใจ

         ถ้าใจเราได้อาหารใจ ที่ดี ใจก็จะดี ทำให้ กายแสดงออก เป็นคนดี

ถ้าตรงกันข้าม ได้อาหารใจที่ไม่ดี ใจก็จะไม่ดี กายแสดงออกเป็นคนไม่ดีได้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham

         gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 04 เมษายน 2553, 15:10:58 »













         ได้รับมาจากอีเมลล์ สนใจสอบถามตามเบอร์ ที่แจ้งมาในภาพ ครับผม

                             gek gek gek



      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 04 เมษายน 2553, 17:05:36 »


                  แนวคิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป

From:    narongsak@yahoogroups.com on behalf of .....
Sent:   Thursday, April 01, 2010 11:16:19 PM
To:   narongsak@yahoogroups.com

                              

                             พิษณุ นิลกลัด
    
          สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548 ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย  81 ปีที่ผมรู้จักเขามา

ยาวนาน   30   ปี ไม่ใช่ญาติ แต่สนิทนักรักใคร่เสมือนญาติ

          ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่าสวด3วันเผา

ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้


         ทุกคนต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อนแล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง 3 วันเผา

งานสวด 3 คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ14คน คือ เมีย ลูก หลาน  เขย สะใภ้ และ ผมซึ่งเป็นคนนอก

                      
    
         เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด  วันเผามีเพิ่มเป็น   17   คน

สามคนที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้ว

ไม่มีสตังค์จ่ายเลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้าย

เป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผาเคราะห์ดีที่แวะไป

เยี่ยมที่โรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

         หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรม

แล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก
  
         จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่

ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธา  อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์


อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติ จึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน - แม้กระทั่งวันตาย
  
         ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่

เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้

         พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา  การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับ

เขาตามวาระโอกาสตลอด   30 ปีทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต

         วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา4แสนกว่าบาทเขาปลอบใจผมว่า   '

ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา  แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา

คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์ '

         เขามีวิธีคิด' เท่ๆ ' แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า

                        

         สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา  อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร

คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข

         ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และ ไต

ทำงานเพียง  5 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่น แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวใน

วันหยุดสุดสัปดาห์โดยที่ตัวเองต้องหิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลาเนื่องจากไตไม่ทำงาน

ปัสสาวะเองไม่ได้

       6 เดือนสุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไป

เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล

        เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที แต่ 10 นาทีที่พูดมีแต่เรื่องสนุกสนานเรียก

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้ ทุกคนพูดตรงกันว่า

        ' คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม '
      
        พอแขกกลับ ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า  

        ' ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก '
  
        เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่บ่อยครั้งที่

นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงิน

ตามมิเตอร์ !
  
         4 เดือนสุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์นจนกระทั่ง

เป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อยกลับบ้าน แต่อยู่ได้4วัน

เขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน  หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม

         เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า ' ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง

คุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร  เพราะ พอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน '

      
         หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้านแต่กำชับให้มาตรวจตรง

ตามเวลานัดทุกครั้ง

         1 เดือนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด

เคลื่อนไหวได้อย่างเดียว คือ กะพริบตา  แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก  เวลาลูก เมีย

พูดคุยด้วยต้องบอกว่า 'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที'  เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง

         เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย  เขายังรับรู้ แต่พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่า

                            

                       ถูกขังในร่างของตนเอง
  
         สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า   ' พ่อสู้นะ '
  
เขาไม่กะพริบตาซะแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า   ' สู้ '
 
         เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค สู้ชนิดที่หมอออกปากว่า

                    ' คุณลุงแกสู้จริงๆ '
  
         ตอนที่วางดอกไม้จันทน์  ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อ สี่เดือนก่อนว่า
 
         ' โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว   อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย '
  
' แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป '  สอนให้เรารู้ว่า...

         เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะ

เรื่องดีๆและสิ่งร้ายๆในชีวิต

                    

         จงใช้โอกาสดีๆที่ร่างกายและจิตใจของเรา ยังทำอะไรๆได้อย่างที่สมองสั่งจงเรียนรู้ และ

สร้างประโยชน์สุข ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ

หากทุกๆครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด.อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางทีแม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที

แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป  ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป

เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม ใช้ชีวิตทุกๆวันให้มีความสุขนะ  สุขต้องมาจากภายในจิตใจจริงๆ


          หัดที่จะเป็นผู้ให้บ้างอย่าเป็นแต่ผู้รับอย่างเดียว

                sorry sorry sorry


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 05 เมษายน 2553, 08:23:56 »


                                                   เรื่องเล่าดีดี...

                            
  
         มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้

เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น ที่เข้าได้


         โดยส่วนตัวของเขาเอง ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลก ควบคู่ไปกับ

การสอนทฤษฏีในโรงเรียน

         ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ แล้ววันหนึ่ง

เขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง

                  ”ความยากจน”

        เพราะเขามีความเชื่อว่า ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยม

ครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน

         เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า ลูกชายได้อะไรบ้าง

จากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน

         ลูกชายตอบคำถามบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนา

และพักแรมที่นั่น ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า....

         ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง

แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา

รอบๆบริเวณบ้านโดย ไม่ต้องซื้อหา เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อน คุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

พ่อแม่ลูก


         ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร กับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร และ มีเก้าอี้

ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

         ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา ต้องกอดเอวพ่อให้แน่น เพื่อจะได้ไม่ตก

จากจักรยาน

         แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต อยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

         ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดย

ไม่ขาดแคลน

         แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน .........

         ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพง

บล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่

         ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็น จิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน

         แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า.....

                 จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

         ปล.อ่านแล้วรู้สึกดีส่งต่อนะ ได้มาจากอีเมลล์

                     gek gek gek


 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 05 เมษายน 2553, 13:46:51 »


                                

          คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง หนึ่งในวิธียอดนิยมคือการกระโดดให้รถไฟทับตาย

          แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่งเพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟและต้องสูญเสียรายได้ ( จะตายทั้งที ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า)

             นำมาจากอีเมลล์ ที่ส่งต่อมาให้  

          เป็นตัวอย่างในการใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เพื่อป้องกันไม่ให้โดดให้รถไฟทับเพื่อฆ่าตัวตาย

                เค้าไม่ยอม เค้าไม่ยอม เค้าไม่ยอม
 
 
  

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #12 เมื่อ: 05 เมษายน 2553, 14:25:14 »


                  วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้

                        

         ในวันนี้ ฉันจะเป็นมิตรกับทุกคนที่ทำงานด้วยให้มากที่สุด

จะปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าคนเหล่านั้นมีส่วนให้ฉันได้ทำงานที่นี่ต่อไป

และขอขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน

         ในวันนี้ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นคนช่างตำหนิติเตียน

จะพยายามมองเห็นข้อดีในทุกสถานการณ์ และ หาข้อดีมาชมเชยทุกคนในที่ทำงานด้วย

         ในวันนี้ ฉันจะไม่ยืนกรานว่าทุกสิ่งฉันทำ จะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม

จะไม่พยายามทำลายสถิติความเร็วใดๆ จะทำงานทุกอย่างตรงหน้าเต็มกำลังความสามารถ

แต่ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนทุกข์ทรมาน

         ในวันนี้ ฉันคิดว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะทำงานในความรับผิดชอบ

จะไม่มัวมาตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่า มีตำแหน่งที่เหมาะสม และได้รับคุ้มค่าเหนื่อยแล้วหรือ

         ในวันนี้ ฉันจะรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้อยู่ในสังคมและยุคสมัย

ที่ไม่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ในสภาพอันโหดร้ายทารุณ

และขอบคุณที่ได้อยู่ในประเทศเสรี ที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์ใช้งานได้

         ในวันนี้ ฉันจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงาน และ สุขกายสบายใจที่ไม่ต้องออกไปต่อสู้

ในสนามรบ หรือเจ็บป่วยจนต้องรอเข้าห้องผ่าตัด

                  วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้

         ในวันนี้ ฉันจะไม่คาดหวังให้ใครมาทำดีกับฉัน จะไม่เปรียบเทียบรายได้หรือสถานภาพ

ของตนเองกับผู้อื่น จะพอใจอย่างที่ฉันเป็นอยู่

         ในวันนี้ ฉันจะไม่คอยเป็นห่วงว่า “แล้วฉันจะได้อะไรจากงานนี้” จะคิดเพียงว่า วันนี้ฉัน

จะเข้าไปมีส่วนช่วยในเรื่องต่างๆได้อย่างไรบ้าง

         ในวันนี้ เมื่อฉันออกจากที่ทำงานฉันจะไม่มัวครุ่นคิดว่าได้ทำงานไปมากแค่ไหนหรือยัง

ทำอะไรไม่เสร็จ แต่จะนึกถึงเวลาค่ำที่รออยู่ และรู้สึกขอบคุณสำหรับงานที่ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

หมายเหตุ : เป็นบทแปลและเรียบเรียงจากข้อเขียนของ นอร์แมน วินเซนต์ พีล

             จากหนังสือเรื่อง “ความคิดเชิงบวก”
     

                      gek gek gek      
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #13 เมื่อ: 05 เมษายน 2553, 21:37:32 »


                    

         หลวงปู่ท่านมิได้ให้วัดผลการปฏิบัติที่ว่า ใครจดจำธรรมะได้มากกว่ากัน หรือ ใครรู้เห็น

ภายในได้พิสดารกว่ากัน


         ท่านพูดซ้ำ ๆ แต่ว่า "โลภ โกรธ หลง ลดลงไหม หากลดลงจึงจะใช้ได้"

เพราะแม้มีความรู้มากมาย และ พิสดารล้ำลึกเพียงใด แต่กิเลสในใจ...

                  ไม่กระเทือนเลย ก็ยังใช้ไม่ได้

จึงว่าฟังธรรม ศึกษาธรรม ต้องมุ่งให้มัน

                   "ถึงใจ" มิใช่แค่ความ "เข้าใจ"

         http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,452.0.html

                   gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #14 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 08:40:00 »


                                          

                  น้ำชากลายเป็นเครื่องดื่มมิตรของสตรี ป้องกันมะเร็งรังไข่

         สตรีควรจะดื่มชาไม่ว่าชาเขียวหรือชาดำเอาไว้ประจำ วันละ 1–2 ถ้วย จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งของรังไข่ลงได้ ตั้งครึ่งหรือมากกว่านั้น

         นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งวอชิงตัน ของสหรัฐฯ สังเกตพบจากการศึกษากับผู้หญิง 2,000 คน ว่า สามารถหนีห่างโรคมะเร็งรังไข่ได้ตั้งร้อยละ 54 ชั่วการดื่มชาเขียวประจำวันละ 1-2 ถ้วย

         ขณะที่สถาบันการแพทย์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ก็ศึกษาพบว่า สตรีที่ดื่มชาดำวันละอย่างต่ำ 2 ถ้วย จะลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่ ลงได้เกือบร้อยละ 50

         การศึกษาทั้งสองแห่ง ได้ ยืนยันสรรพคุณของชาดำและชา เขียวในการป้องกันมะเร็ง นอกจากที่เคยสังเกตพบว่า ช่วยบำรุงหัวใจ สมองและลดปริมาณไขมันเลวในเลือดลงได้.

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 31 มีนาคม 2553

         http://www.thairath.co.th/content/life/73844

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         คนจีน และ ญี่ปุ่น มีอายุยืน นักวิจัย วิจัยหาสาเหตุ พบว่า เนื่องจากการดื่มชา แทนน้ำ ทำให้ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะ พบว่าในน้ำชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้เซลล์ต่างๆ เสียหาย เป็นสาเหตุ ของโรคต่าง ๆ

         ผม ดื่มชาซองยี่ฮ้อหนึ่ง นำมาใส่น้ำดื่มธรรมดา คนอื่นๆ ใช้น้ำร้อน แต่ผมว่า การใช้น้ำร้อนจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในช่องปาก และ หลอดอาหาร เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่พบว่า คนจีน และ ญี่ปุ่น เป็นเนื้องอกร้ายแรงทางเดินอาหารกันมากกว่าชาติอื่นจากดื่มชาร้อน ๆ
 
          รักนะ รักนะ รักนะ

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ขอนแนะนำ ชาซอง มีคุณภาพ และ ไม่แพง ผมใช้อยู่ 100 ซอง 165 บาท ซองละไม่ถึง 2 บาท

                    ลิปตันผู้นำเครื่องดื่มประเภทชาระดับโลก

          เมื่อพูดถึงชาคุณภาพชั้นดีที่ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า คุณจะนึกถึงชาลิปตัน

                            
          
         ลิปตันถือเป็นตราสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ยี่ห้อหนึ่งในโลก ทั้งนี้เนื่องมาจาก ภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญเครื่องดื่มที่ผลิตจากชาคุณภาพชั้นดี อันได้แก่ ชาประเภทชาใบ ชาฝรั่งประเภทถุง ชาพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค

                   หัวใจของตราสินค้าลิปตัน

         คือ พลังธรรมชาติแห่งชีวิตที่มอบให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจาก 3 องค์ประกอบหลัก

1.ผลิตภัณฑ์ชาลิปตัน ซึ่งเป็นชาธรรมชาติแท้ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากแหล่งต้นกำเนิดชา เพื่อประสบการณ์การดื่มอันสมบูรณ์แบบของผู้บริโภค

2.คุณประโยชน์ของชาลิปตันคุณภาพที่ให้ความสดชื่น และ

3.ส่งเสริมสุขภาพอันดี

         กล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรเทียบได้กับชาสักถ้วยที่ให้ทั้งรสชาติกลมกล่อม กำลังดี และคุณสมบัติสารต่อต้านอนุมูลอิสระของชาที่ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ และชลอความแก่

         ทัศนคติในแง่บวกที่ลิปตันต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภคมองโลกในแง่ดีผ่านการดื่มด่ำชาลิปตัน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุข            
                  
                   จุดเด่นลิปตัน

         ชาลิปตันเป็นชาที่เป็นที่นิยมสูงสุดยี่ห้อหนึ่งของโลก ลิปตันเป็นผู้นำทางการตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทชา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ถึง 3 เท่า มีจำหน่ายในกว่า 110 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นตราสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างมากในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชีย รวมถึง ประเทศไทย
            
                   เครื่องดื่มที่ให้มากกว่าความสดชื่น

         ลิปตันเป็นตราสินค้าตัวแทนของผลิตภัณฑ์ชาคุณภาพ โดยคุณสมบัติของชาลิปตัน นอกจากจะทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย อาทิเช่น

         โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและความเครียดต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความสมดุลย์ของส่วนประกอบต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสารทีนีน คาเฟอีน และ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ชาลิปตันแตกต่างจากเครื่องดื่มอื่นๆ ในตลาด เช่น กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือแม้กระทั่งน้ำเปล่า

         โดยผลิตภัณฑ์หลักที่เราทำการตลาดและจัดจำหน่าย คือ ชาลิปตันฉลากเหลือง ซึ่งเป็นชาคุณภาพมาตรฐานที่คัดสรรมาอย่างดี ทำจากใบชาแท้จากธรรมชาติ 100% ทั้งนี้การออกแบบถุงชาเป็นรูปแบบเฉพาะพิเศษ ที่ทำให้น้ำร้อนผ่านสู่ใบชาได้สะดวกเต็มที่ จึงให้กลิ่นหอมกรุ่นจากใบชาแท้ และรสชาติที่เข้มข้น รับรองมาตรฐานโดยสูตรอินเตอร์แนลชั่นนัล เบลน ที่ให้รสชาติที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

         สินค้าในกลุ่ม
 
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 100 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 50 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 25 ซอง  

         นำมาจาก

         http://www.unilever.co.th/brands/foodbrands/lipton.aspx

         นำมาโพสต์ จากประสบการณ์ ที่ใช้ดื่มมานานกว่า 1 ปี แล้ว ได้ผลจริง ทำงานได้ไม่ง่วง สะดวกเวลาใช้ ไม่ต้องแติมน้ำตาล คอฟฟี่เมต เพียงใช้น้ำเปล่า 1 แก้ว จะร้อน หรือ น้ำดื่มธรรมดา ชาก็ละลายออกได้ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อ ชา หรือ กาแฟ ราคาแพง มาดื่ม ดื่มชาซอง นี้แทน ดื่มแล้วสดชื่น ไม่มีแคลอรี่ ไม่อ้วน ต้านมะเร็ง รังไข่ ในสุภาพสตรีได้ด้วยจากงานวิจัย

         นำมาจาก กระทู้สุขภาพและความงาม

         http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1882.msg373000.html#msg373000

                    gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #15 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 11:31:32 »


                  ร่วมส่งเสียงสมานฉันท์คิดต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง
                   น.ส.พ.โพสต์ทูเดย์ วัน อังคาร ที่ 23 มีนาคม 2553

        
http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/18280/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87
 
         ขอเชิญชวนผู้อ่านเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ดอทคอม ร่วมส่งเสียงแห่งความสมานฉันท์ เพื่อรณรงค์ให้

                    "คนไทยรักกัน คิดต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง"

                              

               นี่คือโลโก้ welovethai คนออกแบบคือ horseman

         เขานิยามตัวเองว่า เป็นคนตัวเล็กๆ ในสังคม cyber ผู้นั่งหลังจอ อยากทำอะไรบ้างเพื่อประเทศของเรา

         “แต่คนตัวเล็กๆ ทำอะไรได้ กลัวก็ใช่ ขี้อายก็ใช่ ออกไปสู้กับใครก็ไม่เป็น รู้จักใครใหญ่โตก็ไม่รู้จัก ทำอะไรใหญ่โตก็ไม่มีปัญญา”

         เขาเลยทำ logo นี้ขึ้น เขาว่า ใครที่คิดเห็นเหมือนกัน จะสีไหน หรือไม่มีสี ให้มาช่วยกันส่งเสียงเล็กๆ นี้ไปทุกที่ จะ copy ส่งกันในออนไลน์ จะเอาไปทำเข็มกลัด ทำเสื้อยืด ทำสติกเกอร์ติดรถ ทำอะไรก็ได้

         “ให้เสียงเล็กๆ ของเราแต่ละคนดังขึ้น ดังขึ้น จนกึกก้องกลบทุกเสียงที่เรียกร้องความรุนแรง ตะโกนบอกเขาว่าเราคนไทย ไม่ใช้ความรุนแรง”

         คนทำเพื่อบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องรู้จักใครใหญ่โต โพสต์ทูเดย์จะเป็นหนึ่งแรงที่จะช่วยเปล่งเสียงนี้ออกไป

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO        

                               นำมาให้พวกเราได้ ร่วมรู้ ร่วมเข้าใจ และ ร่วมพัฒนา

                                             gek gek gek

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #16 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 13:49:30 »


                            "หนี้รัก"



ประสิทธิ์ พยอมยงค์ เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจและระบบเลือดล้มเหลว
  ขอขอบคุณสนุกดอทคอม จันทร์ที่ 5 เม.ย. 53 และ
   

http://news.sanook.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-919048.html

         นางวรวรรณี ริ้วบำรุง บุตรสาวของ นายประสิทธิ์ พยอมยงค์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - เรียบเรียง) ปี 2532 เปิดเผยว่า

         นายประสิทธิ์ ได้เสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจและระบบเลือดล้มเหลว เมื่อวันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 18.00 น. ที่สถานพยาบาลศุขเวช เนอร์สซิ่งโฮม รวมอายุ 84 ปี โดยจัดพิธีตามศาสนาคริสต์

         กำหนดสวดอธิษฐาน 3 วัน ระหว่างวันที่ 5-7 เมษายน เวลา 19.00 น. ณ วัดแม่พระลูกประคำ เขตสัมพันธ์วงศ์ และ

         จัดพิธีฝังส่งวิญญาณ ในวันที่ 8 เมษายน เวลา 11.00 น. ณ สุสานศานติคาม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม สำหรับ

         นายประสิทธิ์ ถือเป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นทางด้านศิลปะดนตรีไทยสากล เป็นนักดนตรี นักแยก และเรียบเรียงเสียงประสาน เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ร่วมแต่งเพลง

         "ภูมิแผ่นดิน" "นวมินทร์มหาราชา" "เพลงฆ่าฉันให้ตายดีกว่า " "คนเดียวในดวงใจ "

         "หนี้รัก" "ข้าวนอกนา "


         ได้รับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำด้านแยกและเรียบเรียงเสียงประสานยอดเยี่ยม รางวัลการประพันธ์เพลงไทยสากล พร้อมทั้งได้รับพระราชทานโล่เกียรติยศในฐานะนักดนตรีตัวอย่าง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางดนตรี และเป็นกรรมการตัดสินเพลงให้สมาคมดนตรีและสถาบันต่างๆ

         ลิงค์ฟังเพลงหนี้รัก ได้ที่

http://daraoke.gmember.com/idxplaymv.do?mv_id=0400673801

                     sorry sorry sorry

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #17 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 14:33:45 »


                        ผิดคำสาบานถึงกาลวิบัติ
คอลัมภ์   กวนใจให้สะอาด ตาโป๋เป่าปี่ น.ส.พ.แนวหน้า วันที่ 6/4/2010


                             

         " ข้าพระพุทธเจ้า (ออกชื่อผู้ถวายสัตย์สาบาน) ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณสาบานตัวต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทย เฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสยามเทวาธิราช เทพยดาผู้รักษาราชอาณาจักรไทยมาตลอด ณ ท่ามกลางมหาสันนิบาตนี้ว่า

          ข้าพระพุทธเจ้าจะมั่นอยู่ในความกตัญญูกตเวทีต่อผืนแผ่นดินไทยเหนือสิ่งอื่นใด จะมุ่งถือความสงบสุขสวัสดีของผองไทยเป็นหลัก เหนือประโยชน์ส่วนบุคคลหรือหมู่คณะใดๆ จะปฏิบัติหน้าที่ทุกประการด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่งเพื่อความมั่นคงเจริญไพบูลย์ของผืนแผ่นดินไทย และความปลอดภัยของปวงประชาส่วนใหญ่เป็นสำคัญ

          ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษาคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ด้วยเกียรติศักดิ์ศรีของสมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ตราบเท่าที่ชีวิตร่างกายจะหาไม่

          หากเมื่อใดข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้ว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ ฝ่าฝืนคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ขอความวิบัติจงเกิดแก่ข้าพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น โดยฉับพลันทันทีอย่าให้มีความสุขสวัสดีด้วยประการใดๆ

          หากข้าพระพุทธเจ้าดำรงมั่นในสัตย์ปฏิญาณนี้ยั่งยืนไป ขออานุภาพพระรัตนตรัยและเทพยดาอารักษ์ มีพระสยามเทวาธิราช เป็นต้น จงบันดาลความสุขสวัสดีแก่ข้าพระพุทธเจ้าทุกเมื่อ ให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความเจริญในหน้าที่ราชการ เป็นกำลังทะนุบำรุงประเทศชาติสืบไปได้สมตามปณิธานปรารถนาจงทุกประการ "


                      ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

          คำถวายสัตย์ปฏิญาณสาบานตนในพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี กระทำในพระอุโบสถวัดพระแก้ว โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานในคำถวายสัตย์ปฏิญาณถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

                     

          น้ำพิพัฒน์สัตยามีหอกดาบจำนวนมากแช่อยู่ในภาชนะใบใหญ่ มีพราหมณ์เป็นผู้ประกาศโองการแช่งน้ำ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสาบานนั้น

ขอขอบคุณ น.ส.พ.แนวหน้า วันจักรี อังคาร ที่ 6 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

          http://www.naewna.com/news.asp?ID=206231

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

         นำมาโพสต์เืพื่อให้พวกเราได้รู้ว่า ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์  จะต้องทำตาม

       คำสาบาน นี้ เพื่อประโยชน์สุขของชาติไทย ถ้าไม่ทำตามจะเป็นไปตามคำถือน้ำพิพัฒน์สัตยานี้


                                     win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #18 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 15:27:08 »


                         วางระเบิดริมรั้วจุฬาฯสร้างสถานการณ์โชคดีกู้ทัน
                ขอขอบคุณสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม วันอังคาร ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

                          http://www.suthichaiyoon.com/detail/1553
                      

         ในวันนี้ (6 เม.ย.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.มีคำสั่งด่วนแจ้งทางวิทยุสื่อสารถึง ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยในสังกัด ให้ทุก สน.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลพื้นที่ที่มีจุดเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีความเห็นขัดแย้ง

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจสน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด บริเวณทางใกล้ทางเข้าประตูใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม.

         เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ที่เกิดเหตุบริเวณฟุตปาทเจ้าหน้าที่เก็บขยะของกทม. เป็นผู้แจ้งว่า พบวัตถุดังกล่าวอยู่ในถุงพลาสติกวางอยู่ใกล้เก้าอี้เหล็กสาธารณะของกทม. ห่างจากประตูจุฬาฯ ประมาณ 10 เมตร

         จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้ขวดอลูมิเนียมขนาดประมาณ 5 ลิตร ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย ไฟแช็คแก๊ส 5 อัน น้ำมันโซล่า นอกจากนี้ยังมีเชือประทุไฟฟ้า สายไฟจำนวน 1 ชุด และดินระเบิด หรือฝักแคระเบิด ลักษณะระเบิดมีการจุดชนวนมีรอยไหม้ แต่ยังไม่ระเบิดเนื่องจากอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ นำส่งพฐ.ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง

         เบื้องต้นตำรวจคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หลังจากมีการชุมนุมกลุ่มเสื้อสีชมพูที่บริเวณลุมพินีเมื่อวันก่อน

         OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
         ดู ดู่ พวกก่อการร้าย  gek แม้แต่ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ก็ไม่เกรงกลัว มาวางระเบิดได้ ไม่เว้น นิสิต นักศึกษา หรือ คณาจารย์ ที่เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติ อาจโชคร้ายได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือ พิการได้

                           บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #19 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 15:55:45 »


                          
          ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
          ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่น  ปิ๊งๆ คอลัมภ์ Quote of the day วันอังคารที่ 6 เมษายน 2553

          http://www.suthichaiyoon.com/quotes

              

         คนเดินขบวนเขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจมันจะเจ๊ง แต่นั่นเป็นเจตนาของเขาที่ต้องการให้เจ๊ง เพื่อบีบรัฐบาลให้ยอม หากรัฐบาลจะแก้ไข ก็ต้องใช้กำลัง แต่คนอีกส่วนหนึ่งเขาก็ไม่เห็นด้วย บอกว่าคนไทยด้วยกัน อย่าใช้ความรุนแรง รัฐบาลเหมือนอยู่ระหว่างเขาควาย มีคนจำนวนหนึ่งที่ใจร้อนต้องการให้รัฐบาลใช้อำนาจจัดการกับผู้ชุมนุม แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ได้ รัฐบาลต้องไม่ใช้ความรุนแรง ขณะนี้ถือว่ารัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

                                                                            ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
                                                                     รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
         พวกเรา ปิ๊งๆ ต้องร่วมหาทางส่งกำลังใจให้รัฐบาลสามารถ อดทน อดกลั้น ตัดสินใจ ให้ผ่านวิกฤต ร้ายแรงนี้ ไปให้ได้

             gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #20 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 17:01:33 »


                                                   

                          โอบาม่าใช้ปากกา 22 ด้าม ลงนามในร่างกฏหมาย Health care
                        ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม ที่เอื้อเฟื้อข่าว  รายงานพิเศษ
                                            วันพุธ ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

                                 http://www.suthichaiyoon.com/detail/1215

                        

          หลังจากใช้เวลาในการต่อสู้มากกว่า 1 ปี ในที่สุด ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ก็ได้นั่งที่โต๊ะทำงานในห้องตะวันออก ของทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพื่อลงนามในร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ที่มีชื่อแล้วว่า

                              " 2010 Patient Protection and Affordable Care "หรือ
          กฎหมายปี 2010 ว่าด้วยการคุ้มครองและการดูแลผู้ป่วยเท่าที่พวกเขาจะมีปัญญาจ่าย ค่าเบี้ยประกัน


          แต่ไม่น่าเชื่อว่า อุตส่าห์ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้ ท่านประธานาธิบดีดันมาตกม้าตาย ก็อีตอนจรดปากกาเซ็นชื่อนี่เอง เพราะดันเขียนไม่ออกเอาดื้อ ๆ พอเปลี่ยนด้ามใหม่ก็เขียนไม่ออกอีก และด้ามที่ 3 ก็ไม่ออกอีก เชื่อหรือไม่ว่า การลงนามในร่างกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์นี้

          โอบาม่า ใช้ปากกาถึง 22 เพื่อร่างกฎหมายมูลค่า 938,000 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 32 ล้านล้านบาท ไม่รู้ว่าประธานาธิบดีไม่ได้ลองปากกาก่อน หรือถึงเวลาที่ทางทำเนียบขาวต้องยกเครื่อง...เครื่องใช้สำนักงานใหม่เสียแล้วกระมัง แม้ภายหลังจะออกมาแก้เกี้ยวว่า

         ที่ใช้ปากกาหลายด้าม ก็เพราะจะแจกให้บรรดารัฐมนตรีแต่โอบาม่าไม่ใช่คนแรกที่ใช้ปากกาหลายด้ามลงนามในร่างกฎหมายสำคัญ เพราะ

         ในยุคของอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน รูสเวลต์ เขาก็ใช้ปากกาหลายด้ามเหมือนกัน มันเป็นตำนานไปแล้ว ที่ปากกาที่ประธานาธิบดีใช้ลงนามในร่างกฎหมายสำคัญ จะกลายเป็นของสำคัญทางประวัติศาสตร์ไปด้วย ยิ่งใช้มากก็ยิ่งทำให้ประธานาธิบดีมีของขวัญไปแจกจ่ายให้คนที่ช่วยสร้างผลงานในประวัติศาสตร์ได้ด้วยกันกัน ทำเนียบขาวมักจะสลักปากกา เพื่อทำเป็จของสะสมให้ทั้งผู้ต่อต้านและผู้สนับสนุนคนสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนั้น ๆ

          win win win

         นำข่าวมาเสนอพวกเรา ว่า การใช้ระบบประกัน เพื่อเหมาจ่ายเบี้ยประกันให้ดูแลสุขภาพ ไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาอีก รัฐบาลไทย ตามรัฐธรรมนูญ ต้องดูแลขั้นพื้นฐานฟรี ได้ผ่าน  พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ไปแล้ว
         http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2545

         กระทรวงสาธารณสุข สามารถเลือกสถานพยาบาล ที่ให้ข้อเสนอที่ยุติธรรม เป็น ร.พ.ที่รับการพัฒนาและรับรองเป็น ร.พ.คุณภาพ แล้ว มารับประกัน เพื่อให้ประชาชนได้มีสถานพยาบาลคุณภาพดูแล และ ยังสามารถส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดีด้วย สุขบัญญัติ 10 ประการของกรมอนามัย

                    http://www.thaigoodview.com/node/1946

         ถ้าประชาชนไม่ดูแลสุขภาพ ตามสุขบัญญัติ 10 ประการข้างต้น จะป่วยบ่อย ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 20 % ทุกปี เป็นปัญหาให้ กระทรวงการคลัง ต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย ไม่ให้เบิกค่ารักษาบางอย่าง ที่ควรเบิกได้แต่ต้องจ่ายเพื่อมาชดเชยค่ารักษาที่เพิ่มขึ้นนี้ ซึ่งไม่ควรมาใช้วิธีนี้

         ควรเรียก เก็บ 20 % ของค่ารักษาจากผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานจ่ายแทน โดยใช้รอบเอว เป็นเกณฑ์ โดยให้แพทย์พิจารณาเซ็นต์ฟรีได้ เพื่อให้ประชาชนอ้วน ได้ตะหนักในการดูแลสุขภาพ ด้วย

         ถ้าไม่อยากร่วมจ่ายต้องร่วมมือลดความอ้วน ตามที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพ ตำบล และ อำเภอ จะต้องจัดให้มีขึ้นสำหรับคนมีปัญหาเรื่อง อ้วน ฟรี

         ประเทศอเมริกา ให้ผู้ที่ไม่ดูแลสุขภาพ ต้องเสียค่าเบี้ยประกันสุขภาพ แพงขึ้น ทำแล้ว ตามที่ นายกแพทยสภา ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ไปดูงานมา ตามเวบ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=06-2007&date=24&group=1&gblog=11

          สามารถใช้ตัวชี้วัดความอ้วนได้ง่ายๆ ให้ประชาชนตรวจเองได้ ด้วยการวัดรอบเอว ระดับสะดือ ปล่อยเอวตามสบาย

ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 ซม. ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 ซม.

          ผลจากการออกกฏกระทรวงสาธารณสุข นี้ จะทำให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพ ตามสุขบัญญัติ 10 ประการของกรมอนามัย เมื่อสุขภาพแข็งแรง จะไม่ป่วยง่าย ไม่ป่วยบ่อย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ในราคาถูก ค่าใช้จ่ายแทนที่จะเพิ่มขึ้น 20 % อาจกลายเป็นลดลงได้

                         win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #21 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 18:01:11 »


                    “ผาสุก”ผ่าม็อบแดงแฝงสงครามชนชั้น
                          วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553
ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม http://www.suthichaiyoon.com/detail/1151

         คนชนบท "จับใจ" นโยบายประชานิยมในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งตระหนักในแนวทาง รัฐสภาประชาธิปไตย ว่ามีความหมายกับตัวเอง

                  

         ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยวันนี้ จะเรียกว่า

                                            "สงครามชนชั้น"

         มีทั้งใช่และไม่ใช่ เนื่องจากมีหลายเงื่อนไข หลากปัจจัยที่ทับซ้อนกันอยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะหากตกผนึกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ มาจากปัญหาทางชนชั้นด้วย

         ย่อเป็นโจทย์ใหญ่ให้ "รัฐไทย" ต้องคิดหาทางออกให้มากกว่าข้อสรุปว่าเป็น "ม็อบเติมเงิน"

                                         gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #22 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 20:17:47 »


                            ข้าวโพดต้มสุกกับ มะเร็ง

                                 

        กินข้าวโพดต้มสุกให้เยอะๆๆๆ เลย ตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้จะหาย
เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวันไปเหมาจาก Supermarket ทุกweek
แล้วเค้าก็ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลงทานได้แต่ผักกะผลไม้
และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน


        การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้ นักวิจัยของ
มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า

         ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด
เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อนว่า

         ผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไปสู้กินดิบๆ ไม่ได้
แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป

         เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง115 องศาเซลเซียส ในเวลานาน
ต่างกัน 10,25 และ 50 นาที

         พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น22,44และ53 เปอร์เซ็นต์
ตามลำดับ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ
ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ

         ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่น ต้อกระจก และ
โรคสมองเสื่อมอีกด้วย

         คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้ม หรือ ปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก
อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวก
พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเป
รวมอยู่กับอย่างอื่น

         การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

หากท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาส่งต่อให้กับคนที่ท่านรักต่อไป...

                                       ได้มาจากอีเมลล์  

           ค้นหาเพิ่มเติมพบเวบสภากาชาดไทย เรื่อง ข้าวโพดต้มกับมะเร็ง

         http://www.redcross.or.th/pr/pr_news.php?db=3&naid=490

                                    win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #23 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 22:25:36 »




         โรงพยาบาลพนมสารคาม เข้ารับประทานประกาศนียบัตร ผ่านการรับรองกระบวนการคุณภาพ และการสร้างเสริมสุขภาพ จาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันอังคารที่ 9 มีนาคม 2553 (Hospital Reaccreditaton)  

         ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและทีมงานทุกคน ที่ช่วยกันพัฒนาคุณภาพจนประสบความสำเร็จ

         ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการ นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์(เคนเหลา) ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุน และให้กำลังใจเสมอมาในทุกๆเรื่อง และใหโอกาสเป็นตัวแทนเข้ารับประทานประกาศนียบัตรในครั้งนี้

         ท้ายนี้ ขอให้พวกเรา(เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล) ทุกคน จงช่วยกันทำงานต่อไป เพื่อพัฒนาตัวเราเอง พัฒนาหน่วยงาน ให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วย ต่อหน่วยงาน และต่อตัวเราเองต่อไป

                                                                             พี่อ๋อย
                                                                ประธานระบบคุณภาพ HA.

                                                                  win win win

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

                  

                  

                  

                  

                  

                  

                  

         นำภาพมาจาก กิจกรรม พัฒนาองค์กร ที่ อ.หัวหิน จาก เวบบอร์ด ร.พ.พนมสารคาม สื่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ ที่่

http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=thecrow&id=1824

         เข้าชม กิจกรรม ร.พ. ได้ทาง เวบบอร์ด ร.พ.พนมสารคาม ที่

http://www.cco.moph.go.th/p/page/page1.htm

         ขอร่วมภูมิใจ กับ น.พ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผอก.ร.พ.พนมสารคาม ซีมะโด่ง รหัส เข้าปี 27 รุ่น 67 ในรูปแรก ยืน ที่ฟันฝ่าอุปสรรคจนได้ป้าย ร.พ.คุณภาพ จาก สรพ.มาประกาศ และ มีประโยชน์อย่างไร ต่อระบบสาธารณสุข ของประเทศ ดังต่อไปนี้...

         ได้พบกระทู้  "ทางดีไม่มีคนเดิน" ในเวบ  

http://www.budpage.com/forum/index.php

                    มีเนื้อหาว่า "ทางดี" หรือ คำสอนที่มุ่งให้

         "เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวม

        เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนกัน"


         มีในทุกศาสนา แต่ยังไม่สามารถทำให้เกิดเป็นจริงได้ ยังมีการเบียดเบียนเอาเปรียบกัน
ดังคำที่ว่า

          

                        "ปลาใหญ่ กิน ปลาเล็ก"

         จึงมีผู้คิด แนวทางเพื่อทำให้คนต้องปฏิบัติตามแนวทาง

                        "ทางดีที่ไม่มีคนเดิน"

         ให้เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้จริง โดย มี 2 แนวคิด คือ

แนวคิดที่ 1 เรื่อง "วงจรคุณภาพของเดมมิงส์" และ

แนวคิดที่ 2 เรื่อง ”การมีป้ายรับรองคุณภาพ”

                        งง งง งง งง งง งง

แนวคิดที่ 1 วงจรคุณภาพของเดมมิงส์ นำเสนอโดย

                            

William Edwards Deming  October 14, 1900–December 20, 1993
                was an American statistician, college professor  

         ดูประวัติของท่านได้ที่

http://en.wikipedia.org/wiki/W._Edwards_Deming

         ดู เรื่องวงจรคุณภาพที่ เวบ Balanced Scorecard Institute ที่

http://www.balancedscorecard.org/bkgd/pdca.html

        เป็นกุศโลบายที่จะทำให้การดำเนินการมีคุณภาพ โดย มี

         ขบวนการ ดำเนินตามวงจรคุณภาพ ดังนี้

                        

1. การวางแผน PLAN ต้องหา...ข้อมูล บุคคล ความรุ้ และ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำมาร่วมวางแผน

2. การดำเนินการตามแผน DO

3. การประเมินผลระหว่างดำเนินงาน CHECK และ  

4. การแก้ไข ACT เมื่อไม่เข้าเป้าหมายของแผน เช่น มีอุปสรรค มีความรู้ใหม่ มีความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการ ฯลฯ เพื่อแก้ไขแผน เพื่อให้เข้าสู่เป้าหมายคุณภาพ  

         วงจรคุณภาพนี้ เปรียบ เป็น

ทางดี ที่ไม่มีคนเดิน จะทำให้มีีคนเดินได้ด้วย.....  

แนวคิดที่ 2 เรื่อง ”การมีป้ายรับรองคุณภาพ”

โดย มีองค์กรอิสระภายนอก มาพัฒนา และ ให้ป้ายรับรอง เป็น ร.พ.คุณภาพ องค์กรนั้น คือ  

         สถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ.หรือ สรพ.  

สามารถเข้าเวบสถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ. หรือ สรพ. ได้ที่

http://www.ha.or.th/

    

         ทำไม ร.พ.ต้องมีป้ายรับรองคุณภาพ

1.เพื่อให้ได้รับเงินงบประมาณ จาก สำนักงานประกันสุขภาพ แห่งชาติ : สปสช.ได้ เพราะ  
สปสช.จะให้ประชาชนมาใช้บริการ ฟรีได้ ใน ร.พ.ที่ได้ป้ายประกาศการเป็น ร.พ.คุณภาพเท่านั้น  

2.เพื่อให้มาตรฐาน ร.พ.คงที่แน่นอน เพราะ มีแนวทางดำเนินการ ตามเอกสารอ้างอิงคุณภาพ แม้บุคลากร ที่ทำงานไม่อยู่ การทำงาน ของ ร.พ.ก็จะยังคงคุณภาพ เหมือนเดิม ตามเอกสารอ้างอิงคุณภาพ จาก สรพ.ตลอดไปที่มีป้ายรับรองประกาศอยู่

3. เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความพึงพอใจในบริการ โดยเขียนแสดงคุวามคิดเห็น ลงตู้แสดงความคิดเห็นซึงความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่ ร.พ.ที่ได้ป้ายรับรองจะต้องมีเพื่อนำข้อคิดเห็นที่ดี นำมาพิจารณา ร่วมกับ สรพ.เพื่อแก้ไขเอกสารอ้างอิงคุณภาพ ให้ประชาชนพึงพอใจมากขึ้นได้

                    

4.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ร.พ.มีแนวทางที่แน่นอนในการทำงานโดยมีเอกสารคุณภาพ เป็นเส้นทางให้เดิน  

5. เมื่อมีการฟ้องร้อง ผู้ตัดสินการฟ้องร้อง จะได้ใช้เอกสารคุณภาพ ของ ร.พ.คุณภาพ มาใช้ตรวจสอบ ว่าทำตามแนวทางหรือไม่ เพื่อให้คำตัดสิน

         แนวทางการรักษาคุณภาพนี้ จึง เปรียบเป็น เสื้อเกราะปัองกันผู้ปฏิบัติงาน ที่ยึดมั่นแนวทางคุณภาพ

                            ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

สรุป : ทางดีที่ไม่มีคนเดิน สามารถทำให้คนเดินได้ โดย ระบบคุณภาพ มีองค์กรภายนอก สรพ.มาพัฒนา และ รับรองคุณภาพองค์กรให้ ทำให้ทุกคนต้องเดินตามทางดี ที่เขียนเป็นเอกสารอ้างอิงอย่างเคร่งครัด  
        
ระบบคุณภาพ และ การได้ ใบประกาศรับรองคุณภาพ มาแสดง จะทำให้ทางดีที่ไม่มีคนเดิน เป็นทางที่จำเป็นจะต้องเดินเพื่อให้คงได้รับป้ายรับรองคุณภาพ ไว้ไม่ถูกยึดคืนนั่นเอง

                                         win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #24 เมื่อ: 07 เมษายน 2553, 18:53:53 »


                                

                  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

         เมื่อเวลา 18.05 น.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลและผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
       .
        นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นมารัฐบาลพยายามใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการดูแลการชุมนุม แต่ยังไม่สามารถระงับยั้บยั้งการชุมนุมได้ จนพัฒนาเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาประชาคมโลก แม้รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างถึงที่สุดแต่ยังมีการขัดขืน และเคลื่อนไหวผิดกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมา และวันนี้ยังได้บุกรุกสถานที่สำคัญคือรัฐสภา

         จึงได้เชิญ ครม.มาประชุมกรณีพิเศษวันนี้ และมีมติให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงขึ้น

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.ผู้จัดการ วันพุธ ที่ 7 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048547

                  gek gek gek

         รอดูการตัดสินใจของรัฐบาล จะทำอย่างไร ให้ไม่เกิดนองเลือด การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นี้
         ขอปรบมือให้ ว่าจะหยุดยั้งความรุนแรงได้ ให้หันมาใช้สันติวิธี ด้วยการเจรจากัน ทั้งใน และ นอกสภา เพื่อให้ได้ข้อยุติ ชนะ-ชนะ กันในทุกฝ่าย


                      win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1] 2 3 4  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><