26 เมษายน 2567, 13:19:14
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เอกชน สามารถของบวิจัยหมื่นล้านจากงบวิจัยของประเทศได้เพื่อต่อยอดธุรกิจ  (อ่าน 4210 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554, 15:45:33 »


เอกชนมีลุ้นเอี่ยวงบวิจัยหมื่นล้าน  
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ    
วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:04 น.  
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=56704:2011-02-21-03-06-01&catid=87:2009-02-08-11-23-26&Itemid=423



ศ.น.พ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพเอกชนเตรียมเฮ รัฐจ่อเปิดทางขอทุนสนับสนุนวิจัยได้
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติผนึก 5 องค์กร ยกร่างกฎหมายอิงประเทศมหาอำนาจ
สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ให้เอกชนขอทุนไปวิจัยต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้ 10,000 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันประเทศไทยใช้งบสำหรับงานวิจัยประมาณ 18,000 ล้านบาทต่อปี 0.2-0.25% ของจีดีพี
โดยเป็นงบวิจัยหน่วยงานของรัฐราว 10,000 ล้านบาท งบวิจัยภาคเอกชน 8,000 ล้านบาท

ปัญหางานวิจัยของภาครัฐส่วนใหญ่วิจัยแล้วไม่ได้นำไปต่อยอด สูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ

ขณะที่ภาคเอกชนนั้นจะไม่ค่อยลงทุนงานวิจัยเพราะต้องใช้เงินลงทุนวิจัยสูงเป็นต้นทุนธุรกิจ
ดังนั้นเวลานี้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จึงได้ร่วมกับ 5 องค์กรวิจัยได้แก่

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.)สมาคมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (สวทน.)
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์กรมหาชน)(สวก.)และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
ยกร่างกฎหมายให้เอกชนสามารถขอทุนสนับสนุนงานวิจัยจากงบของรัฐบาลได้

นอกเหนือจากร่วมกันยกร่างกฎหมายให้เอกชนขอทุนสนับสนุนงานวิจัยได้แล้ว ยังได้ร่วมกัน

         โฟกัสงานวิจัยไปยังเรื่องสำคัญ 3 เรื่องคือ

1.ผลผลิตสินค้าเกษตร 3 ชนิดได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา

2.โลจิสติกส์

3.การท่องเที่ยว


         ซึ่งหลังจากให้ทุนวิจัยไปแล้วจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เช่นลงทุนในข้าวเท่าไร
ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่าไร การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าไร สร้างรายได้ให้กับ
ประเทศยั่งยืนหรือไม่ ทำอย่างไรให้เกิดการกระจายรายได้อย่างสมดุล เป็นต้น เพราะ
ที่ผ่านมาการให้ทุนวิจัยกระจายวงกว้างเกินไป ทำให้ไม่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจได้

         จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,611  20 - 23  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

                       win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 07:51:43 »

ในห้วงเวลาขณะนี้
ผมว่าส่วนใหญ่ของประเทศ คิดไปข้่างหน้าได้ไกลและทันโลก
เหลือแต่ ภาคนักการเมืองเท่านั้นที่ย่ำแย่ล้าหลัง

เมื่่อนักการเมืองล้าหลัง
ให้ส่วนอื่นขยับดีเพียงใด
ประเทศไทยก็ไม่ไปไหนอยู่ดี...

.................................


ขอบคุณสำหรับข่าวดีๆเช่นนี้ครับพี่หมอสำเริง
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2554, 16:12:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ yc เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2554, 07:51:43
ในห้วงเวลาขณะนี้
ผมว่าส่วนใหญ่ของประเทศ คิดไปข้่างหน้าได้ไกลและทันโลก
เหลือแต่ ภาคนักการเมืองเท่านั้นที่ย่ำแย่ล้าหลัง

เมื่่อนักการเมืองล้าหลัง
ให้ส่วนอื่นขยับดีเพียงใด
ประเทศไทยก็ไม่ไปไหนอยู่ดี...

.................................


ขอบคุณสำหรับข่าวดีๆเช่นนี้ครับพี่หมอสำเริง



จริงอย่างน้องยังชินว่า นักการเมืองล้าหลัง และ ผมเสนอว่า ยังทำ ธนกิจการเมือง ตามรูปด้วย

ประเทศไม่เจริญโทษคนในชาติเท่านั้นไม่ได้-ต้องโทษ-การเมือง-ที่มีนักธุรกิจกินเมืองด้วย

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,10956.0.html

  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><