28 เมษายน 2567, 07:12:55
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 110 111 [112] 113 114 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 868053 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2775 เมื่อ: 30 มีนาคม 2557, 14:41:09 »

ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18



ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18 ขณะที่ลุงสุดโมโหที่ปั๊มไม่ขายเบียร์ให้ ประกาศแบน จะไม่มาใช้บริการอีก

          วันที่ 26 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า คุณลุงรายหนึ่งจากแรดสตอก โซเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ถึงกับหัวเสียสุด ๆ เมื่อเขาที่หวังจะหาซื้อเบียร์มาดื่มให้ชื่นใจหลังเลิกงาน กลับถูกพนักงานร้านสะดวกซื้อในปั๊มเอซโซ่ปฏิเสธไม่ยอมขายเบียร์ให้ เพียงเพราะคุณลุงรายนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอายุอยู่ในเกณฑ์ที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แม้ว่าเขาเองก็มีสภาพร่างกายที่ดูยังไง๊ ยังไงก็เกิน 50 ปีแล้วก็ตาม

          โดยคุณลุง พรินเตอร์ ฟิลิป ลูอิส วัย 58 ปี ที่มีทั้งหนวดเคราและผมสีดอกเลา เผยว่า ผมก็คงจะเข้าใจได้หากว่าผมมีอายุใกล้ ๆ 25 ปีหรือหน้าเด็กประมาณนั้น แต่ผมจะ 59 ในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว และผมก็ไม่ได้พกใบขับขี่มา ผมมาใช้บริการปั๊มน้ำมันแห่งนี้บ่อยมาก แต่จากนี้ผมจะไม่มาใช้บริการปั๊มนี้่แล้ว

          ขณะที่ผู้จัดการปั๊มได้ออกมาขออภัยนายลูอิสต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าพนักงานประจำร้านนั้นมีความเคร่งครัดมากเกินไป ในการนำนโยบายการขายแอลกอฮอล์มาใช้ พร้อมกับที่โฆษกของปั๊มออกมาเผยว่า เราต้องขออภัยต่อคุณลูอิส สำหรับความผิดพลาดหรือความไม่สะดวกใด ๆ อันเกิดขึ้นระหว่างที่แวะเข้ามาใช้บริการในปั๊ม ทางเรามีความเข้มงวดในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นที่ชัดเจนว่าพนักงานได้นำนโยบายไปใช้อย่างมากเกินไปในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี เราได้อบรมพนักงานแล้ว และจะติดต่อไปยังคุณลูอิสเพื่อมอบของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนความปารถนาดีจากเราต่อไป
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #2776 เมื่อ: 31 มีนาคม 2557, 21:20:11 »


น้องเริง
มีคนข้างๆพี่นี่เขาเคยภูมิใจมาแล้วว่าโดนขอดูบัตรดูวันเกิด เขานึกว่าเพราะหน้าเด็ก คนขายเลยต้องดูให้แน่ใจ ถ้าเอารูปลุงนี่ให้เขาดู เขาคงหมดใจไปเยอะ


อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 30 มีนาคม 2557, 14:41:09
ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18



ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18 ขณะที่ลุงสุดโมโหที่ปั๊มไม่ขายเบียร์ให้ ประกาศแบน จะไม่มาใช้บริการอีก

          วันที่ 26 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า คุณลุงรายหนึ่งจากแรดสตอก โซเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ถึงกับหัวเสียสุด ๆ เมื่อเขาที่หวังจะหาซื้อเบียร์มาดื่มให้ชื่นใจหลังเลิกงาน กลับถูกพนักงานร้านสะดวกซื้อในปั๊มเอซโซ่ปฏิเสธไม่ยอมขายเบียร์ให้ เพียงเพราะคุณลุงรายนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอายุอยู่ในเกณฑ์ที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แม้ว่าเขาเองก็มีสภาพร่างกายที่ดูยังไง๊ ยังไงก็เกิน 50 ปีแล้วก็ตาม

          โดยคุณลุง พรินเตอร์ ฟิลิป ลูอิส วัย 58 ปี ที่มีทั้งหนวดเคราและผมสีดอกลา เผยว่า ผมก็คงจะเข้าใจได้หากว่าผมมีอายุใกล้ ๆ 25 ปีหรือหน้าเด็กประมาณนั้น แต่ผมจะ 59 ในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว และผมก็ไม่ได้พกใบขับขี่มา ผมมาใช้บริการปั๊มน้ำมันแห่งนี้บ่อยมาก แต่จากนี้ผมจะไม่มาใช้บริการปั๊มนี้่แล้ว

          ขณะที่ผู้จัดการปั๊มได้ออกมาขออภัยนายลูอิสต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าพนักงานประจำร้านนั้นมีความเคร่งครัดมากเกินไป ในการนำนโยบายการขายแอลกอฮอล์มาใช้ พร้อมกับที่โฆษกของปั๊มออกมาเผยว่า เราต้องขออภัยต่อคุณลูอิส สำหรับความผิดพลาดหรือความไม่สะดวกใด ๆ อันเกิดขึ้นระหว่างที่แวะเข้ามาใช้บริการในปั๊ม ทางเรามีความเข้มงวดในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นที่ชัดเจนว่าพนักงานได้นำนโยบายไปใช้อย่างมากเกินไปในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี เราได้อบรมพนักงานแล้ว และจะติดต่อไปยังคุณลูอิสเพื่อมอบของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนความปารถนาดีจากเราต่อไป

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #2777 เมื่อ: 01 เมษายน 2557, 12:50:12 »


ตามอ่านครับพี่เริง
ยังคงเข้มข้น ทั้งรูปและเนื้อหาสาระ
ขอบคุณครับ


 รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2778 เมื่อ: 01 เมษายน 2557, 21:48:27 »

ครับผม.... ทั้งพี่ติ๋มและหนุน ๒๑
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2779 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 19:34:51 »



เมื่อวันที่2 เม.ย. พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ลาดปลาเค้าว่าคาดว่าเป็นระเบิดที่หลงเหลือจากสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อปี 2487 ซึ่งพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในพื้นที่กทม. และฝั่งธนบุรีจำนวนมาก

ทำให้ดับ 7 ศพ คาโกดังของเก่าย่านลาดปลาเค้า ชี้เก็บระเบิดได้ แต่คิดว่าเป็นเศษเหล็ก พอส่งขายตัดแยกเลยตูมระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  

ก่อนหน้านี้ได้พบระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ บริเวณชุมทางรถไฟบางซื่อสายสีแดงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดกองทัพอากาศหรืออีโอดี เข้าพิสูจน์ทราบ และได้นำไปทำลายที่กองบิน 2 ลพบุรีแล้วอย่างไรก็ตามอยากเตือนประชาชนหากพบระเบิดหรือวัตถุคล้ายระเบิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าสัมผัสหรือแตะต้อง และให้ถอยห่างวัตถุดังกล่าวรวมถึงรีบแจ้งอีโอดีให้ทำการเก็บกู้โดยเร็วที่สุดทั้งนี้แม้ระเบิดจะเสื่อมสภาพแต่วงจรภายในระเบิดยังมีความสมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ. จากข่าวเดลินิวส์


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2780 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 21:14:16 »

น้องเริง


ยังติดตามห้องนี้อยู่ แต่ช่วงนี้พี่ขอพักสายตาจากอาการหวัดสักพักนึ่งก่อน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2781 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 21:40:03 »

ขอให้หายไข้โดยเร็วครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2782 เมื่อ: 04 เมษายน 2557, 15:14:08 »

4 ย่านประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ มีโอกาสพบ‘ระเบิด’ได้อีก เตือนขุดเจาะพรุนทั้งกรุงเทพฯต้องระมัดระวัง

นายเกรียงพล พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จุดที่มีโอกาสขุดพบลูกระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯคงต้องมองจากประวัติศาสตร์ ซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภูมิภาคนี้ที่มีประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามมหาเอเชียบูรพานั้นในช่วงราว พ.ศ. 2480 ซึ่งพื้นที่ที่เป็นฐานที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่นในประเทศ ไทยจะเป็นจุดเป้าหมายในการทิ้งระเบิดโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร โดยจุดหลักที่ปรากฏตามประวัติ ศาสตร์ฝั่งพระนครคือ 1. บริเวณวัดเลียบ เชิงสะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นสถานีผลิตไฟฟ้าที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีและ 2. ย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่เป็นจุดสร้างหลุมหลบภัยในช่วงสงคราม ย่านที่ 3. คือในด้านฝั่งธนบุรี ที่บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราช ที่กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญในการขนยุทธปัจจัยไปจังหวัดกาญจนบุรีและเป็นแหล่งบัญชาการสงครามในภูมิภาคนี้ เพื่อโจมตีพม่า มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ถูกโจมตีอย่างหนัก และ ย่านที่ 4. คือบริเวณใกล้เคียงสะพานพระราม 6 ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการขุดพบวัตถุระเบิดที่สถานีรถไฟบางซื่อ ซึ่งคาดว่าจะเป็นระเบิดที่ถูกโจมตีในช่วงสงครามโลกเช่นกัน เนื่องจากสะพานพระราม 6 ซึ่งเป็นสะพานรถไฟในส่วนของทางรถไฟสายเก่าเช่นกัน ทั้งนี้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้นก่อนสมัยสงครามโลก จะมีสะพานพุทธฯ และสะพานพระราม 6 ที่เป็นเป้าหมายสำคัญ

นายเกรียงพล กล่าวต่อว่า อาวุธระเบิดที่ค้นพบจะเป็นลูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบินรบ ซึ่งพื้นดินของกรุงเทพฯ ในยุคสมัยนั้นส่วนใหญ่คือสภาพของเรือกสวนไร่นา และเป็นดินอ่อน ซึ่งระเบิดแต่ละลูกมีน้ำหนักมากถึงกว่า 200 กิโลกรัม ประกอบกับความแรงที่ทิ้งลงมาจากอากาศในระดับที่สูงมากหากลูกระเบิดที่ตกถึงพื้นที่แต่ไม่ระเบิดจมลงไปในพื้นดิน ซึ่งระเบิดนั้นแม้จะจมอยู่นานก็ยังมีโอกาสเกิดระเบิดได้ แม้จะเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งแม้แต่ในประเทศยุโรปอย่างที่เบอร์ลินเยอรมัน ก็ยังมีการค้นพบระเบิดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในบ้านเมืองที่เคยเกิดสงครามนั้นก็มีโอกาสที่จะพบลูกระเบิดที่หลงเหลืออยู่ได้  ข่าวจากเดลินิวส์
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2783 เมื่อ: 05 เมษายน 2557, 12:36:42 »

หญิงจีนใส่ชุดแต่งงานทุกวัน ตลอด 10 ปี หลังพบรักแท้



หญิงจีนใส่ชุดแต่งงานทุกวันตลอด 10 ปี หลังพบรักแท้และความสุขที่แท้จริง แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญชะตากรรมสุดเศร้าถูกบังคับแต่งงานและถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส

           เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า เซียงจวินเฟิง หญิงวัย 47 ปีจากมณฑลซานตงของจีน ใส่ชุดแต่งงานทุกวันตลอด 10 ปีหลังจากผ่านเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ในชีวิตจนได้พบรักแท้ในที่สุด

           รายงานระบุว่า เซียงจวินเฟิงถูกลักพาตัวจากบ้านเกิดขณะที่เธออายุเพียง 18 ปี และถูกขายให้กับผู้ชายรายหนึ่งในเมืองหลินอี้ มณฑลซานตง ซึ่งที่นั่นเธอถูกบังคับให้เธอแต่งงานกับชายแก่คราวพ่อและถูกกักขังให้ทำงานเยี่ยมทาสนานถึง 15 ปี แต่ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าหลบหนีออกมาได้สำเร็จ

           จากนั้นเธอได้ไปอยู่ที่หมู่บ้านหลิวเจียจวงในเมืองจี้โม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหญิงท้องถิ่น ซึ่งต่อมาเซียงจวินเฟิงก็ได้พบรักกับน้องชายของหญิงที่่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ และแต่งงานกันในปี 2004 โดยเธอได้ซื้อชุดแต่งงาน 1 ชุดและตัดเองอีก 3 ชุดสำหรับใส่ทุก ๆ วันใน 4 ฤดู

           ทั้งนี้ เซียงจวินเฟิง เผยว่า ชีวิตของเธอก่อนหน้านี้รู้จักแต่ความรุนแรงและการถูกทารุณกรรม เธอจึงได้หลีกหนีจากผู้ชายทั้งหมด จนได้มาพบกับสามี ชายซึ่งดูแลและปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นในงานแต่งงานเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตและไม่อยากให้มันจบลง เธอจึงตัดสินใจสวมชุดแต่งงานทุกวันซึ่งมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอไปแล้ว และเธอก็ไม่แคร์ด้วยว่าผู้คนจะมองเธออย่างไร เพราะเธอมีสามีที่เข้าใจและรักเธอ จากข่าวกระปุก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2784 เมื่อ: 05 เมษายน 2557, 15:54:46 »

อากาศร้อนเช่นนี้ เฟื่องฟ้าที่บ้านให้ดอกสวยดีนัก



มะม่วงที่ใกล้จะสุกแล้ว



รวมทั้งใบแต้ว(ติ้ว)  สมุนไพรใช้ทานสด

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2785 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 06:41:26 »

ในงานวิจัยของนิสิตโครงการปริญญาเอก กาญจนาภิเษก (คปก.) คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า สารสกัดจาก “ผักติ้ว” สามารถนำไปใช้ในการยับยั้งกลิ่นหืนในอาหารได้ โดยเอายอดอ่อนของ “ผักติ้ว” ที่คนอีสานนิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับลาบ ก้อย และแหนมเนืองเวียดนาม ไปเข้ากระบวนการสกัดผสมกับ “เอทานอล” และขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนจะได้สารจาก “ผักติ้ว” ชื่อ “คอลโรจินิกแอซิก” นำไปใช้เป็นสารสกัดธรรมชาติป้องกันกลิ่นหืนของอาหารดีมาก

นอกจากนั้น การทดลองสารที่พบจาก “ผักติ้ว” ยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งตับได้ และ ไม่ทำลายเซลล์ปกติด้วย แต่งานวิจัยยังไม่เสร็จสิ้นพอที่จะนำเอาไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ จึงสรุปเพียงว่า “ผักติ้ว” เมื่อรับประทานแล้วจะมีสารในการยับยั้ง “เซลล์มะเร็งตับ” ได้ ซึ่งในการทดลองยังได้นำเอาใบของ “ผักติ้ว” ไปเลี้ยงกับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือด เซลล์ไต และ เซลล์มะเร็งเต้านม เชื่อว่าอนาคตอันใกล้ ถ้าผลการทดลองออกมาสามารถใช้รักษาโรคที่ทดลองได้ จะเป็นผลดีกับผู้ป่วยอย่างมหาศาล

ผักติ้ว หรือ ติ้ว CRATOXYLUM FORMOSUM-PRUNIFLORUM อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-15 เมตร ลำต้นมียางสีเหลือง ใบออกตรงกันข้าม รูปรีแกมรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนเกือบมน รสฝาดปนเปรี้ยว เมื่อใบแก่เป็นสีเขียวสด

มีสรรพคุณเฉพาะทางสมุนไพร ยอดอ่อน (มีขายตามแผงจำหน่ายพืชผักพื้นบ้านทั่วไป) นิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับ ลาบ ก้อย น้ำตก แหนมเนืองเวียดนาม ตามที่กล่าว ข้างต้น ส่วนภาคใต้รับประทานกับขนมจีนใต้รสชาติ อร่อยมาก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2786 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 17:56:35 »

อร่อยเลย หนุ่มอินเดียชอบกินดิน กรวด อิฐ เผยขาดไม่ได้



สำหรับคนปกติแค่เคี้ยวอาหารไปเจอกรวดเล็ก ๆ สักก้อนก็ฟันแทบสึกแล้ว แต่สำหรับนายภาคีรัปปา หุณะกันตี หนุ่มอินเดียวัย 30 ปี จากรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ของประเทศ แต่กรวดก้อนเดียวน่ะเรื่องจิ๊บ ๆ เพราะเขาน่ะกินทั้งกรวด ทั้งดิน ทั้งก้อนอิฐ และไม่ใช่กินน้อย ๆ ด้วยนะ วันหนึ่งกินตั้ง 3 กิโลกรัมเลยเชียวล่ะ !

          วันที่ 2 เมษายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เผยพฤติกรรมการกินอาหารอันพิลึกพิลั่นของนายภาคีรัปปา ที่เริ่มกินกรวด กินดิน และก้อนอิฐ มาตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ และยังคงกินมาจนถึงทุกวันนี้ โดยแต่ละวันเขาแทะอิฐอย่างน้อยหนึ่งก้อน รวมกับกินดินกินกรวดแกล้มด้วยก็ตกราววันละ 3 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่น่าแปลกใจที่ฟันของหนุ่มรายนี้ยังแข็งแรงอยู่ดีครบทุกซี่

          ทั้งมารดาและเพื่อนของภาคีรัปปา เคยทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนเขาให้เลิก หรือลดพฤติกรรมกินกรวดกินดินลงบ้าง แต่ภาคีรัปปาก็ไม่เคยทำได้ เขาบอกว่าในวันหนึ่งเขาขาดข้าวได้ แต่ขาดกรวดขาดดินไม่ได้เลย ต่อให้เอาไก่ทอดมาแลกก็ไม่ยอม และการกินกรวดดินแบบนี้มาตลอด 20 ปี ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสุขภาพของเขาเลย แถมภาคีรัปปายังแอบเผยเคล็ดลับการกินกรวด ดิน หรือก้อนอิฐให้อร่อย ต้องมีน้ำเปล่าด้วยสักแก้วจะได้ไม่ฝืดคอ หยึย.. ใครจะไปทำตามเนี่ย  จากข่าวกระปุก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2787 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 16:35:04 »

รองผู้ว่าฯ สตูล นำคณะร่วมพิธีเปิดงานสงกรานต์ รดน้ำขอพรผู้สูงอายุเชื้อสายไทยในประเทศมาเลเซีย

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล  
  วันที่ข่าว : 5 เมษายน 2557

วันนี้ (5 เม.ย. 57) นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นำคณะหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสตูล ร่วมพิธีงานสงกรานต์รดน้ำขอพรผู้สูงอายุในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 ของคนไทย ในรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมปุตตราปรัสมานา เมืองกัวลาเปอร์ลิส รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย มีผู้ร่วมงานประมาณ 800 คน

ดาโต๊ะชิว ชุน ประธานบริหารคณะกรรมการพัฒนาและรักษาความสงบเรียบร้อยหมู่บ้าน ปาดังเปตานี รัฐเปอร์ลิส อดีตสมาชิกวุฒิสภาของมาเลเซีย ประธานจัดงาน ซึ่งมีเชื้อสายไทย กล่าวว่า มีคนเชื้อสายไทยตกค้างอยู่ในรัฐเปอร์ลิส ถือสัญชาติมาเลเซียประมาณ 60,000 คน ในเทศกาลสำคัญ เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ หรืออื่นๆ จะมีพิธีจัดงานตามเทศกาลทุกปี เพื่อสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีถือปฏิบัติของบรรพบุรุษ คนกลุ่มนี้จะใช้ภาษาไทยภาคใต้ ในชีวิตประจำวัน และสอนบุตรหลานให้อ่าน เขียนภาษาไทย และวัฒนธรรมอื่นๆ โดยการจัดกิจกรรมวันนี้มีการเล่นน้ำสงกรานต์ การรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ และอื่นๆ ซึ่งในกิจกรรมดังกล่าวได้เชิญส่วนราชการจากประเทศไทย คือ จังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลาร่วมกิจกรรมสืบต่อเนื่องกันมา

ด้าน นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า การร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ของชาวไทยตกค้างในรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์เมืองชายแดนและถือปฏิบัติต่อเนื่องมายาวนาน

ภาพของปีที่แล้ว

          

          
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2788 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 18:04:08 »

บางส่วนของการให้ความสำคัญของวันสงกรานต์ของรัฐนี้

สมาคมสยามเกดะห์-ปะลิสที่พยายามต่อสู้เพื่อคงไว้ซึ่งภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในมาเลเซีย มีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาไทยและมีการสอนให้รักชาติไทย รักศาสนาพุทธเทิดทูลพระมหากษัตริย์ไทยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีการยกธงชาติไทยควบคู่กับธงชาติมาเลเซีย แต่จะไม่มีขบวนการที่เคลื่อนไหวนอกระบบหรือวิธีการที่รุนแรง

การดำเนินกิจกรรมของสมาคมชาวพุทธเชื้อสายไทยในตอนเหนือประเทศมาเลเซียนั้นไม่เพียงดำเนินการทางด้านวัฒนธรรมอย่างเดียวแต่พยายามรวมกลุ่มเพื่อมีอำนาจางการเมืองด้วยเช่นกัน เช่นข้อเรียกร้องที่เป็นประเด็นสำคัญๆ และนำเสนอผ่านสมาคมไทยกลันตัน และสมาคมสยามมาเลเซียมายังรัฐบาลก็คือ การขอมีสิทธิเป็นบุมีปุตรา การขอมีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด (การขอมีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดให้เป็นที่สักการะของชาวพุทธจากทั่วโลก ก็ถือเป็นประเด็นสำคัญ ปัจจุบันนี้ ประเทศมามาเลเซียมีพระพุทธรูปทรงนั่งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากพระพุทธรูปทรงนั่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพระพุทธรูปทรงนั่งในประเทศมาเลเซียจะประดิษฐานอยู่ที่วัดมัชฌิมาราม หมู่บ้านตือรือโบะ (Tereboh) อำเภอตุมปัต (Tumpat) รัฐกลันตัน (Kelantan) ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซียจากฝั่งอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ก็จะพบเห็น พระพุทธรูปดังกล่าวทางด้านซ้ายมือห่างจากเปิงกาลันกุโบร์ (Pengkalan Kubor) ริมฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามอำเภอตากใบประมาณ 5 - 8 กิโลเมตร) ให้เป็นที่สักการบูชาของชาวพุทธจากทั่วโลก การขอแก้ไขให้มีการระบุชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทยในแบบฟอร์มการขอเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐ การขอประกาศวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชาติ การขอประกาศวันสงกรานต์เป็นวันหยุดราชการ การขอมีสิทธิในกองทุนช่วยเหลือด้านการศึกษาและด้านการประกอบทางธุรกิจ ตลอดจนการขอมีสิทธิเป็นสมาชิกของพรรคอัมโน (UMNO)

การขอประกาศวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชาติ และการขอประกาศวันสงกรานต์เป็นวันหยุดราชการ ทั้งสองประเด็นดังกล่าวถือว่าสำคัญ เพราะการที่ไม่ได้แสดงออกซึ่งวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในชาตินั้น ส่อให้เห็นว่า วัฒนธรรมของชาวพุทธเชื้อสายไทยกำลังถูกกลืนจากกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ --รัฐบาลมาเลเซียจึงประกาศให้วัฒนธรรมการละเล่นกลองยาว การฟ้อนรำไทย และประเพณีวันสงกรานต์เป็นวัฒนธรรมแห่งชาติ--
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2789 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 17:37:41 »

มาจันทบุรี  ทำบุญวันสงกรานต์







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2790 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 17:45:03 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2791 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 17:51:55 »







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2792 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 18:09:02 »

ศาลาทำบุญหลังเดิม







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2793 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 18:21:34 »

ก่อนกลับ..เดินชมสถานที่




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2794 เมื่อ: 15 เมษายน 2557, 16:31:03 »

วันรุ่งขึ้นไปไหว้เจ้า






มีข้อคิดน่าทำ

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2795 เมื่อ: 15 เมษายน 2557, 16:49:30 »

ผ่านเส้นทางเดิมที่เคยผ่านเมื่อครั้งก่อนที่มีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

ครั้งก่อน



ครั้งนี้



ครั้งก่อน



ครั้งนี้



ครั้งก่อน



ครั้งนี้
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2796 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 07:37:18 »

ก่อนกลับรังสิต ได้ไปวัดนี้ที่แม่และยายอยู่ที่นี่






ประวัติย่อ วัดทรายงาม
 วัดทรายงามตั้งอยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๗ กิโลเมตรไปทางทิศตะวันออก ที่ตั้งวัดเป็นป่าช้าเก่า อยู่ห่างจากทะเลประมาณ ๗ กิโลเมตร มีทรายขาว อากาศดี มีเนื้อที่ตามโฉนดที่ดิน ๒๒ ไร่เศษ เริ่มก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๙ โดยมีท่านพ่อพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ พร้อมด้วยท่านพ่อพรอาจารย์ลี ธัมมธโร และสามเณรวิริยัง สิรินธโร ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวง ปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้ก่อสร้าง
 เดิมทีท่านพ่อพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ พร้อมด้วยท่านพ่อพระอาจารย์ลี ธมฺมธโร และสามเณรวิริยัง สิรินฺธโร พักอยู่ที่วัดป่าคลองกุ้ง ต่อมานายอำเภอท่าใหม่คือ หลวงภูมิ ได้กราบนิมนต์ไปอบรมสั่งสอนญาติโยมทางท่าใหม่ การไปในครั้งนั้นมีท่านพ่อกงมา ท่านพ่อลี พระปาน และสามเณรวิริยัง ร่วมเดินทางไปด้วย อยู่ได้สักระยะหนึ่งท่านพ่อลีได้ขอกลับก่อน คงเหลือพระเณรเพียง ๓ รูป
 พักสั่งสอนญาติโยมอยู่ประมาณ ๓ เดือน ก็มีโยมจากจันทบุรีได้เดินทางไปกับท่านพ่อลีที่จะไปเขาวงศ์ มีคุณนายหงส์ ภรรยานายอำเภอเมือง ( หลวงอุทัย ทาดา )เป็นหัวหน้าคณะไปกราบนิมนต์ท่านพ่อกงมา เพื่อให้ไปอยู่บ้านหนองบัว เพราะรู้สึกว่าชาวบ้านหนองบัวในสมัยนั้นยังมัวเมาในอบายมุขกันมาก กอปรกับมีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการศึกษาทางด้านปริยัติธรรม รู้จักข้อปฏิบัติอยู่บ้าง ได้มองหาพระภิกษุสามเณรรูปใดที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักธรรมพระวินัย เพื่อจะได้กราบนิมนต์ไปอบรมสั่งสอนญาติโยมในหมู่บ้านของตนเอง
 โดยในขณะนั้นมีข่าวว่าที่วัดป่าคลองกุ้งมีพระที่ปฏิบัติชอบ จึงมีกลุ่มโยม ได้แก่ นายเสี่ยน นายหลน ผู้ใหญ่ก้อก นายจิ้ด นายซี่ และนายแดง รวม ๖ คน ได้ชวนกันไปกราบนิมนต์ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้พบท่านพ่อกงมาและเข้าไปกราบนิมนต์ ท่านจึงพูดว่า “ ให้กลับไปอธิษฐานจิตดูก่อน ” ถ้าดีก็มารับ ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องมา นายหลวนจึงพูดขึ้นว่า “ กระผมฝันมาก่อนแล้ว คือ ฝันเป็นช้าง ๒ เชือกแม่ลูก ” เมื่อท่านพ่อได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ก็กำหนดวันให้ไปรับ คือ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙
 เมื่อถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๙ ชาวบ้านหนองบัว ซึ่งมีนายสิงห์ นายซี่ และนายเสี่ยน รวม ๔ คน ก็ได้เดินทางไปรับท่านพ่อกงมา และสามเณรวิริยัง ซึ่งเป็นอาจารย์กับศิษย์ไปที่บ้านหนองบัว โดยเดินทางถึงบ้านหนองบัวเวลาบ่ายสี่โมงตรง มีชาวบ้านญาติโยมออกมาต้อนรับและจัดที่พักให้ ตกตอนเย็นก็มีญาติโยมออกมาทำวัตรสวดมนต์เป็นจำนวนมาก ท่านพ่อก็เทศน์ให้ฟัง หลังจากชาวบ้านได้ฟังธรรมะก็เกิดเลื่อมใสศรัทธา จึงได้ออกมาทุกวันและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
 อยู่มาพอสมควรท่านพ่อก็ให้ประชุมพระสงฆ์และชาวบ้านถึงการสร้างวัดเพื่อให้เกิดความสามัคคีในชุมชนและยังได้นิมนต์พระในเขตใกล้เคียง เชิญเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองเพื่อบอกถึงการสร้างวัด ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นดีด้วย ไม่มีใครขัดข้อง
 อยู่ต่อมาเมื่อมีญาติโยมเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มมากขึ้น ได้มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่หวังดีต่อวัด กล่าวให้ร้ายเพื่อให้เกิดการแตกแยก เพราะไม่เคยเป็นพระเณรที่ปฏิบัติแบบนี้คือ “ ฉันมื้อเดียว และยังฉันในบาตร ไม่เชื่อว่าจะทำได้ มาหลอกลวงประชาชนหรือเปล่า ขนาดฉัน ๒ มื้อ ยังอยู่กันไม่ค่อยได้ ฉันมื้อเดียวจะอยู่ได้อย่างไร” จนถึงกับส่งคนมาคอยจับผิดว่าจะทำได้จริงไหม บอกว่าฉันมื้อเดียว ตอนเย็นแอบไปฉันอะไรอีกหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีคนชอบก็มีคนชัง
 แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่แค่ท้องถิ่น มีคนนำเรื่องไปกราบเรียนถึงพระสังฆราช ( สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงค์ ) แต่ท่านไม่เชื่อตาที่มีคนกล่าวให้ร้าย จึงได้เสด็จมาพิสูจน์ด้วยพระองค์เอง เมื่อได้มาพูดคุยสนทนาธรรมแล้ว เห็นข้อปฏิบัติที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อการหลอกลวงอะไร แต่กลับเป็นการดีที่ท่านได้ทำให้ชาวบ้านในถิ่นนั้นได้รู้จักหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำพาประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งสอนที่หาผู้ปฏิบัติได้ยากแล้ว โดยพระองค์ได้เสด็จครั้งแรกเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๑ เสด็จครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ซึ่งครั้งที่ ๒ ได้เสด็จภาวนาอยู่นานถึง ๒๘ วัน จึงได้เสด็จกลับ และยังได้ทรงนำวัดขึ้นทะเบียนเป็นวัดที่ถูกต้องด้วยพระองค์เอง
 วัดทรายงามได้รับการพัฒนาเรื่อยมา โดยมีผู้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายทั้งส่วนที่เป็นเนินเขาและป่าธรรมชาติ เพื่อขยายบริเวณวัดให้กว้างมากขึ้นและเป็นการอนุรักษ์ป่าธรรมชาติ เนื่องจากชาวบ้านเริ่มตักหน้าดินขายและตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ พระครูญาณวิโรจน์ ( ปทุม ธนปาโล ) เป็นเจ้าอาวาสได้สร้างเจดีย์ไว้บนยอดเขาเพื่อบรรจุพระธราตุของครูบาอาจารย์ และเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ในส่วนที่เป็นพื้นที่ราบบางส่วนได้ให้ทางราชการขุดสระน้ำเพื่อให้ประชาชนได้ใช้รดน้ำต้นไม้ในฤดูแล้ง และเป็นสถานที่สงบร่มรื่น เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติศีลธรรมอีกด้วย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2797 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 07:44:06 »

บริเวณวัด










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2798 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 15:54:43 »

สงกรานต์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 สงกรานต์ (อังกฤษ: Water Festival ถอดเป็นอักษรละติน: Songkran; เขมร: សង្រ្កាន្ត; ลาว: ສົງການ; จีน: 泼水节)

 สงกรานต์ตามคตินิยมโบราณ นิยมสรงน้ำพระและผู้อาวุโสอันเป็นการแสดงความเคารพและความกตัญญู เพื่อความเป็นสิริมงคล

 สงกรานต์เป็นประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย เป็นความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


                                

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2799 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 18:49:43 »

สงกรานต์ที่ลาว




ทางการลาวได้ออกข้อกำหนดการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างเข้มงวด โดยมีทั้งการห้ามหลีกเลี่ยงการใช้น้ำสกปรก ห้ามสาดน้ำใส่คนบนรถ หรือ คนขับมอเตอร์ไซค์ บนท้องถนน ห้ามกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อผู้หญิง วัยรุ่นหนุ่มสาวต้องแต่งกายเรียบร้อยในการสรงน้ำพระ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 110 111 [112] 113 114 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><